7) หลีกเลี่ยงการทำให้เกิดฝุ่นฟุ้งกระจาย ไม่สะบัดผ้าที่ใช้แล้ว ทำความสะอาดพื้นด้วย ผา้ หมาด ๆ (ณฐั สุรางค์ บุญจนั ทร์ และ อรุณรัตน์ เทพนา, 2559) 8) ควรดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลให้สะอาด เช่น กรณีพยาบาลผมยาวควรรวบเก็บให้ เรยี บร้อย ตัดเลบ็ ให้สน้ั และหลกี เลย่ี งการใสแ่ หวนซึ่งเป็นแหลง่ สะสมของเช้อื โรค 9) ทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมให้สะอาดโดยเฉพาะบริเวณพื้น อ่างล้างมือ ห้องสุขา (ณัฐสุรางค์ บญุ จนั ทร์ และ อรุณรัตน์ เทพนา, 2559) 10) มูลฝอยทส่ี มั ผสั กับเลอื ด สารคัดหลัง่ หรือสงสยั วา่ มกี ารตดิ เชื้อให้ทงิ้ ลงถงั ขยะติดเชื้อ เพื่อการกำจดั ขยะอยา่ งถูกต้อง (ณฐั สุรางค์ บญุ จันทร์ และ อรุณรัตน์ เทพนา, 2559) 11) ปฏิบัติตามมาตรฐานการควบคุมการติดเชื้อและป้องกันการแพร่กระจายเชื้ออย่าง เครง่ ครัด (ณัฐสรุ างค์ บญุ จันทร์ และ อรุณรัตน์ เทพนา, 2559) 2.4.2 หลกั สำคญั ในการคงสภาวะปลอดเชือ้ (surgical asepsis) 1) ดูแลเครื่องมือเครื่องใช้ สิ่งของปลอดเชื้อนั้นให้คงความปลอดเชื้อ (sterile) ตลอดเวลา ดงั นี้ (1) สง่ิ ของปลอดเช้ือตอ้ งหยบิ จับด้วยปากคีบปลอดเชื้อ (transfer forceps) หรือ ถุงมือปลอดเชอื้ (sterile gloves) เทา่ น้ัน (2) การเปดิ ผ้าหอ่ ส่งิ ของปลอดเช้ือให้เรม่ิ จากการเปดิ มมุ บนสุดของผ้าไปด้านตรง ข้ามกับผู้เปิด มุมผ้าด้านในสุดของห่อผ้าเปิดเข้าหาตัวผู้เปิด ไม่ข้ามของปลอดเชื้อ หากเป็นห่อ สำเรจ็ รูปใช้มือท้ังสองข้างฉกี หอ่ สำเร็จรปู ออกจากกันโดยไมส่ ัมผสั ดา้ นในของห่อปลอดเช้ือ (3) หลีกเล่ียงการทำน้ำยาหกเปื้อนผ้าห่อของปลอดเชื้อ ความชื้นจะเป็นตัวพา เชื้อโรคทำให้เครื่องมือที่อยู่ในห่อผ้าเกิดการปนเปื้อน (ณัฐสุรางค์ บุญจันทร์ และ อรุณรัตน์ เทพนา, 2559) (4) หลกี เลยี่ งการพูดคุย ไอ จามขา้ มของปลอดเช้ือ (5) เครื่องมือเครื่องใช้ทางการแพทย์ทุกชนิดที่จะสอดใส่ผ่านผิวหนังเข้าไปใน รา่ งกายผ้ปู ่วยจะต้องปลอดเชือ้ (6) การเติมของปลอดเชื้อลงในภาชนะหรือผ้าห่อปลอดเชื้อห้ามวางชิดขอบนอก โดยใหว้ างหา่ งจากขอบนอกประมาณ 2 ตารางนว้ิ เน่อื งจากบริเวณนัน้ มคี วามเส่ยี งต่อการตดิ เช้อื ได้ 50
2) เครอ่ื งมือ เครอ่ื งใช้ สง่ิ ของปลอดเชื้อต้องอยูส่ งู กวา่ ระดบั เอวและอยู่ในสายตา (1) การถือสิ่งของปลอดเชื้อหรือบริเวณที่วางสิ่งของปลอดเชื้อต้องอยู่สูงกว่า ระดับเอวเพื่อให้ของปลอดเชื้ออยู่ในระดับสายตา (ณัฐสุรางค์ บุญจันทร์ และ อรุณรัตน์ เทพนา, 2559) (2) เมอ่ื เปดิ ส่ิงของปลอดเช้ือแลว้ ไม่ละทิง้ หรือหันหลงั ให้ของปลอดเช้อื (3) เมื่อสงสัยหรือไม่มั่นใจเกี่ยวกับความปลอดเชื้อของสิ่งของต้องเปลี่ยนสิ่งของ ใหมท่ นั ที 3) เครื่องมือ เครื่องใช้ สิ่งของปลอดเชื้อสัมผัสกับสิ่งไม่ปลอดเชื้อให้ถือว่าสิ่งของนั้น ปนเป้อื น (contaminated) ต้องเปลยี่ นใหม่ (1) ใช้ปากคีบปลอดเชื้อ (transfer forceps) แบบแห้งหยิบจับของปลอดเช้ือ เท่าท่จี ำเปน็ โดยไมค่ วรใชป้ ากคีบทแี่ ชน่ ้ำยาฆา่ เชอ้ื ซึ่งถอื ว่าไมป่ ลอดภัย (2) หา้ มหยิบจับสิง่ ของปลอดเชื้อด้วยเครือ่ งมอื ทไี่ ม่ปลอดเชื้อ (3) ไม่ควรใช้ปากคีบหยิบขอบของภาชนะหรือใช้ปากคีบเปิดห่อผ้าปลอดเชอ้ื (4) ของปลอดเชื้อที่มีรอยฉกี ขาด มีโอกาศเกิดการสัมผัสอากาศให้ถือว่าไม่ปลอด เช้ือแล้ว (4) ดแู ลให้ของปลอดเชอื้ สัมผัสกับอากาศน้อยทสี่ ุด หากเปดิ ใชต้ ้องรีบปิดทันที (5) ห่อของปลอดเชื้อที่เปิดใช้แล้วแสดงว่าเกิดการปนเปื้อน (contamination) ห้ามนำไปรวมกบั ของปลอดเชื้อ 2.4.3 การพยาบาลตามมาตรฐานในการควบคุมการติดเชื้อและการป้องกันการ แพรก่ ระจายเช้ือ การกำหนดมาตรฐานในการควบคุมการติดเชื้อและการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อตาม แนวปฏิบัติของคณะกรรมการด้านการควบคุมการติดเชื้อในโรงพยาบาล (hospital infection control practices advisory committee: HICPAC) รวมถึงศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติ ของอเมริกา (center for disease control and prevention : CDC) ได้กำหนดมาตรฐานการ ควบคมุ การตดิ เช้ือและการปอ้ งกันการแพร่กระจายเช้อื ดงั นี้ 1) Standard precaution หมายถึง มาตรฐานการป้องกันการติดเช้ือและการ ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อตามมาตรการพื้นฐานในผู้ป่วยทุกราย (standard precaution) คือ มาตรการที่บุคลากรทางการแพทย์ทุกคนต้องปฏิบัติในการดูแลผู้ป่วยทุกราย โดยถือว่าผู้ป่วยทุกราย เป็นพาหะของโรค มาตรการนี้ใช้เมื่อบุคคลากรสัมผัสกับเลือด สิ่งคัดหลั่งทุกชนิดที่ออกจากร่างกาย ยกเว้นเหงอ่ื การสัมผสั ผิวหนังท่เี ป็นแผล เยอื่ บุผวิ ต่าง มีแนวปฏบิ ัตดิ ังนี้ 51
(1) ปฏบิ ตั ติ ามเทคนคิ การลา้ งมอื อยา่ งเคร่งครัด (2) ใส่ถุงมือสะอาดเมื่อมีโอกาสสัมผัสเลือด สารคัดหลั่งจากร่างกายผู้ป่วย เครื่องมือที่มีโอกาสสัมผัสเยื่อบุต่าง ๆ ผิวหนังที่มีบาดแผล เมื่อปฏิบัติกิจกรรมการพยาบาลเสร็จสิ้น แลว้ ต้องถอดถงุ มอื ทนั ที (3) ใส่เครื่องป้องกันร่างกาย เช่น ผ้าปิดปาก ปิดจมูก แว่นป้องกันตา ชุดกระ บังหน้า เมื่อปฏิบัติกิจกรรมการพยาบาลที่มีโอกาสเกิดการกระเด็นของเลือดสารคัดหลั่ง และใส่เสื้อ คลมุ เพือ่ ปอ้ งกันการกระเดน็ ถูกผิวหนังหรอื เสอื้ ผา้ ท่ีสวมใส่ (4) ปฏิบัติตามหลักสุขอนามัยทางเดินหายใจและมารยาทการไอ (Respiratory hygiene and cough etiquette) หมายถึง การให้คำแนะนำผู้ป่วย ญาติที่มาเยี่ยมใช้ กระดาษทิชชูปิดปากปิดจมูกเมื่อมีการไอ การจาม มีน้ำมูก หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ผู้ที่มีอาการติดเช้ือ ทางเดินหายใจหรือแยกผู้ป่วยที่มีอาการติดเชื้อทางเดินหายใจที่รุนแรงให้ห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 3 ฟตุ (5) การป้องกันการถูกเข็มหรือของมีคมทิ่มตำ (prevention of needle stick and injuries from other sharp instruments) โดยหลกี เล่ียงการสวมปลอกเข็มที่ผ่านการใช้ งานกับผู้ป่วยมาแล้ว ให้ปลดเข็มลงในภาชนะทิ้งเข็มทันที ห้ามสวมปลอกเข้มด้วยมือทั้งสองข้าง หาก จำเป็นต้องสวมปลอกเข็มต้องใช้มือเดียว (one handed scoop technique) เพ่อื นำไปท้ิงในภาชนะ ทิ้งเข็มต่อไป หากได้รับอุบัติเหตุถูกเข็มหรือของมีคมทิ่มตำต้องรีบล้างบาดแผลด้วยน้ำและสบู่ ไม่บีบ เค้นแผลแล้วเช็ดตามด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น 70% alcohol, betadine, 5% chlorhexidine gluconate และรายงานทีมพยาบาลเพือ่ ปฏบิ ตั ิตามแนวปฏิบตั ิของแต่ละโรงพยาบาลต่อไป รูปภาพท่ี 2-2 แสดงการท้งิ เข็มในภาชนะท้ิงเข็ม ท่มี า: https://www.youtube.com/watch?v=5A0oGAizWQI 52
ก ข คง รปู ภาพที่ 2-3 แสดงการสวมปลอกเข็มด้วยเทคนิคมือเดียว ก. นำปลายสวมเขา้ กบั ปลอดเข็มในแนวราบ ข. สวมเขม็ เขา้ ไปในปลอกชา้ ๆ จนสุด ค. ตั้งกระบอกฉีดยาข้นึ ง. ใช้น้ิวหวั แมม่ ือกบั นิ้วช้ดี ึงปลอดเข็มมาสวมใหส้ นิท ทม่ี า: https://www.vumc.org/safety/bio/using-sharps-in-lab (6) การฉีดยาอย่างปลอดภัย อุปกรณ์ที่ใช้ในการฉีดยาควรเป็นชนิดใช้คร้ัง เดียว (7) การป้องกันการติดเชื้อจากการเจาะไขสันหลัง การใส่สายสวนทางหลอด เลอื ดดำและการเจาะไขสันหลังต้องสวมผา้ ปดิ ปากและจมูก (8) อุปกรณ์เครื่องใช้ทางการแพทย์ที่ต้องนำมาใช้ใหม่ต้องทำความสะอาด อย่างถกู ต้องตามหลกั การกอ่ นนำไปใชก้ ับผ้ปู ่วยรายอนื่ (9) ทำความสะอาดส่งิ แวดล้อมข้างเตยี งผูป้ ่วยให้สะอาดอยูเ่ สมอ 2) Transmission- based precaution Transmission- based precaution หมายถึงการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ ในผูป้ ว่ ยทีส่ งสยั หรอื ทราบว่าเป็นโรคตดิ เชอื้ ดว้ ยการแยกผปู้ ว่ ย (isolation) เพื่อจำกัดขอบเขตของเช้ือ ให้อยเู่ ฉพาะทแ่ี ละใชเ้ คร่ืองปอ้ งกันร่างกายตามลักษณะการแพร่กระจายเชื้อ การแยกผู้ป่วยให้ทำทันที ทที่ ราบวา่ ผู้ป่วยมโี อกาสแพร่กระจายเชอื้ ไปยังผู้อื่น โดยการแยกใหอ้ ย่ใู นห้องท่มี ีแรงดันลบ (negative pressure room) ตามมาตรฐานสากล หากไม่มีห้องแรงดันลบอาจแยกให้อยู่ในห้องที่ไม่มีผู้ป่วยอื่น หรือให้ห่างจากผู้ป่วยอื่นมากกว่า 3 ฟุต และมีการถ่ายเทอากาศที่สะดวก การแยกผู้ป่วยอาจจำแนก 53
ออกเป็น 7 แบบ คือ การแยกผู้ป่วยในรายที่เป็นโรคติดต่อทางระบบทางเดินหายใจ (respiratory isolation) โรคติดต่อทางระบบทางเดินอาหาร (enteric precaution) โรคติดต่อทางบาดแผลและ ผิวหนัง (drainage/secretion precaution) โรคติดต่อร้ายแรงและติดต่อง่าย (strict isolation) โรคตดิ ตอ่ ทางเลือดและนำ้ เหลือง (blood/body fluid precaution) การแยกผู้ปว่ ยในรายท่ีสงสัยว่า จะเป็นโรคติดต่อ (contact isolation) เสี่ยงต่อการติดเชื้อสูงหรือการแยกผู้ป่วยที่มีภูมิต้านทานต่ำ (protective or reverse isolation) การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อตามวิธีการแพร่กระจายเชื้อ มี ดังน้ี (1) Contact precaution (CP) เป็นการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อที่เกิด จากการสัมผัสโดยตรง (direct contact) และการสัมผัสโดยอ้อม (indirect contact) เช่น ผู้ป่วยติด เชื้อระบบทางเดินอาหาร ผิวหนัง ผู้ป่วยมาบาดแผล ผู้ป่วยติดเชื้อดื้อยาหลายกลุ่ม เช่น MRSA, VRE อุปกรณ์ป้องกันรา่ งกายทต่ี อ้ งใช้ได้แก่ ถุงมอื เสือ้ คลุม (2) Droplet precaution (DP) เป็นการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อที่เกิด จากการติดเชื้อที่สามารถแพร่กระจายได้ทางละอองเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย เช่น ผู้ป่วยที่มีการติดเชื้ อ ระบบทางเดินหายใจ เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ โรคปอดบวม โรคโควิด-19 ควรอยู่ห่างจากผู้ป่วยมากกวา่ 3 ฟุตหรือ 1 เมตร ใช้ผ้าปิดปากและจมูกที่ได้มาตรฐาน หรือใส่ชุดป้องกันร่างกายแบบมาตรฐาน (standard personal protective equipment) ซึ่งประกอบด้วย หมวกคลุมผม (hair net) แว่นตา (goggle) หน้ากากอนามัย (surgical mask) เสื้อคลุม (isolation gown) ถุงมือสะอาด (disposable gloves) รองเทา้ คลุมขา (shoes cover) 54
รปู ภาพที่ 2-4 แสดงการสวมชุดปอ้ งกันร่างกายแบบมาตรฐาน (standard personal protective equipment) ที่มา: https://stock.adobe.com (3) Airborne precaution (AP) เป็นการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อที่มี ขนาดเล็กมากกว่า 5 ไมครอนและล่องลอยอยู่ในอากาศได้นานพอสมควร เช่น ผู้ป่วยวัณโรคระยะ แพร่กระจาย โรคไข้หวัดนก SARS, COVID-19 ที่มีการทำให้เกิดละอองฝอย เช่น ใส่ท่อช่วยหายใจ พ่นยา หรือตารวจคัดกรองหาเชื้อด้วยวิธี Nasal swab กรณีการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อแบบน้ี ผู้ป่วยควรอยู่ในห้องแยก ใส่ผ้าปิดปากและจมูก บุคลากรต้องใส่หน้ากากปิดจมูกที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น Mask N95 ซึ่งสามารถกรองเชื้อโรคได้ 95 % ใส่ชุดป้องกันร่างกายเต็มรูปแบบ (full personal protective equipment) ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับชุดป้องกันร่างกายแบบมาตรฐาน อุปกรณ์ เพิ่มเติมคือ กระจังป้องกันใบหน้า (face shield) และเปลี่ยนหน้ากากอนามัยเป็น หน้ากากอนามัย ชนิด N-95 (N-95 mask) 55
รปู ภาพที่ 2-5 แสดงการสวมชดุ ปอ้ งกันร่างกายเต็มรปู แบบ (full personal protective equipment) ทม่ี า: https://stock.adobe.com 2.4.4 วธิ ีปฏบิ ตั ใิ นการป้องกันการตดิ เชื้อและการแพร่กระจายเชอ้ื 1) การลา้ งมือ การลา้ งมือเปน็ มาตรการทส่ี ำคัญในการป้องกนั การติดเชื้อและแพร่กระจายเชื้อ โดย การล้างมือมี 4 ประเภท ดังนี้ (1) การล้างมือทั่วไป (normal hand washing) เป็นการล้างมือเผื่อกำจัดส่ิง สกปรก ลดจำนวนเชือ้ โรคท่ีอาศัยอยู่บนมือ โดยต้องล้างมือด้วยน้ำและสบู่ ถูไปมาทั้งหมด 7 ขั้นตอน ตั้งแต่ ฝ่ามือ หลังมือ ซอกนิ้วมือ ปลายนิ้วมือ นิ้วหัวแม่มือ นิ้วมือทั้ง 4 และข้อมือ ใช้เวลาในการ ฟอกนานอย่างน้อย 15 วินาที ล้างให้สะอาดด้วยน้ำที่ไหลผ่านตลอดและเช็ดมือให้แห้ง โดยต้องล้าง มือใน 5 โอกาส (5 moment) คือ ก่อนสัมผัสผู้ป่วย ก่อนทำหัตถการ หลังสัมผัสสารคัดหลั่ง เลือด หรอื สิง่ ทสี่ งสัยวา่ ปนเปือ้ นเช้ือโรค หลังสมั ผสั ผปู้ ่วยและหลงั สมั ผสั สง่ิ แวดลอ้ มรอบเตียงผปู้ ่วย วิธีการลา้ งมอื (Hand washing) ปฎิบตั ิดังนี้ - เปิดนำ้ ราดมือทัง้ สองขา้ งถึงข้อมือด้วยความแรงพอประมาณ - ฟอกสบทู่ ีฝ่ า่ มือทั้ง 2 ข้าง 56
- ฟอกขัดถูกมือให้ทั่วทุกด้านของมือทั้ง 2 ข้าง และฟอกขัดถู 7 ขั้นตอน นานอยา่ งนอ้ ย 15 วินาที ขน้ั ตอนท่ี 1. ใชฝ้ า่ มือถกู นั ขน้ั ตอนท่ี 2. ฝ่ามอื ถหู ลงั มือและกางนว้ิ เพ่อื ถงู ่ามนิว้ มือ ขั้นตอนที่ 3. ฝ่ามือถูฝ่ามอื และกางนวิ้ เพ่ือถงู ่ามน้ิวมือ ขน้ั ตอนท่ี 4. กำมือและใช้ฝ่ามืออีกข้างถหู ลังนิ้วมือ ขั้นตอนที่ 5. ถหู วั แมม่ ือโดยรอบด้วยฝ่ามือ ขนั้ ตอนท่ี 6. ปลายนวิ้ มือถูขวางฝา่ มอื ขน้ั ตอนที่ 7. ถูรอบข้อมือ - ล้างมอื และขอ้ มอื โดยให้น้ำผ่านตลอดทงั้ มอื พรอ้ มขัดถูมือให้ท่ัวทุกดา้ น -ปดิ นำ้ โดยใชข้ อ้ ศอก หรือล้างบรเิ วณก๊อกน้ำก่อนใช้มือปิด - เช็ดมือและข้อมือให้แห้งด้วยผา้ หรอื กระดาษท่ีแห้งสะอาดจากปลายน้วิ ถึงข้อมือ รูปภาพที่ 2-6 แสดงการลา้ งมือ 7 ขน้ั ตอน ท่มี า: Manila water foundation 57
(2) การล้างมือด้วยแอลกอฮอล์เจล (alcohol gel or alcohol based hand rub) เปน็ นำ้ ยาท่ใี ชส้ ำหรบั ทำความสะอาดมือ สามารถกำจดั เชอื้ แบคทเี รียแกรมบวก แกรมลบ เชอ้ื รา เชื้อดื้อยา เชื้อไวรัส ใช้ในกรณีรีบด่วนไม่สะดวกในการล้างมือด้วยน้ำและมือไม่ปนเปื้อนสิ่งสกปรก อย่างชัดเจน โดยใช้แอลกอฮอล์เจลประมาณ 3 มลิ ลลิ ิตร แลว้ ล้างมอื 7 ข้นั ตอนเช่นเดียวกันกับทั่วไป แล้วรอจนแอลกอฮอล์เจลแหง้ จึงจะมปี ระสิทธภิ าพในการกำจดั เช้ือโรค (3) การล้างมือด้วยน้ำยาฆา่ เชื้อ (hygienic hand washing) เป็นการล้างมือก่อน ทำกิจกรรมการพยาบาลที่ใชเ้ ทคนิคปลอดเช้ือและภายหลังสมั ผัสผู้ป่วยหรอื สิ่งที่ปนเปื้อนเช้ือโรคด้วย สบ่เู หลวท่ีมสี ว่ นผสมของน้ำยาฆ่าเชื้อ เชน่ hibiscrub โดยล้างมือ 7 ขัน้ ตอนเชน่ เดยี วกันกับท่ัวไป แต่ ใชเ้ วลาในการล้างมอื นานประมาณ 20 -30 วินาที (4) การล้างมือก่อนทำผ่าตัดหรือก่อนทำหัตถการ (surgical hand washing) เป็นการลา้ งมือก่อนทำหัตถการในห้องผ่าตัด หอ้ งคลอด โดยการฟอกมือดว้ ยสบผู่ สมน้ำยาฆ่าเชื้อ เช่น 4 % Chlorhexidine ขั้นตอนการล้างมือ 7 ขั้นตอนเช่นเดียวกันกับการล้างมือทั่วไป เพิ่มเติมการใช้ แปรงขัดซอกเล็บ ล้างมือตั้งแต่มือ แขนถึงข้อศอกให้ทั่วถึงเป็นเวลา 2- 5 นาที แล้วล้างน้ำให้สะอาด และเชด็ ด้วยผ้าแหง้ ปราศจากเชือ้ การลา้ งมือต้องปฏิบตั ิอย่างเคร่งครัดใน 5 โอกาสของการลา้ งมือ (5 moment of hand washing) ดังน้ี กอ่ นสัมผสั ผู้ป่วย (before touching patient) กอ่ นทำหัตถการ (before clean or aseptic procure) หลงั สมั ผสั ผู้ปว่ ย (after touching patient) หลังสัมผสั สารคดั หลง่ั (after body fluid exposure risk) หลงั สมั ผัสสงิ่ แวดล้อมรอบตวั ผปู้ ่วย (after touching patient surroundings) รูปภาพท่ี 2-7 แสดงการล้างมือใน 5 โอกาส (5 moment) ท่มี า: http://www.who.int 58
2) การใชถ้ งุ มอื (gloves) การใชถ้ ุงมือควรเลือกใช้ถุงมือใหเ้ หมาะสมกับการใช้งาน โดยพึงระลึกเสมอว่าการใส่ ถุงมือไม่สามารถป้องกันของมีคมได้และประสิทธิภาพของถุงมือจะลดลงหากใช้นานเกิน 30 นาที ถุง มอื มีท้ังหมด 2 ประเภท คือ - ถุงมือสะอาด (clean or disposable gloves) เป็นชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้ง ใช้ใน กรณีปอ้ งกันสง่ิ สกปรกสัมผสั มอื หรือกรณีดแู ลผู้ปว่ ยท่มี ีความต้านทานต่ำ - ถุงมือปลอดเชื้อ (sterile gloves) ใช้ในกรณีต้องการความปลอดเชื้อ เช่น การ ทำหตั ถการตา่ ง ๆ ในหอ้ งผ่าตดั การใส่สายสวนปัสสาวะ การดูดเสมหะ การใสส่ ายสวนหลอดเลือดดำ ส่วนกลาง การเลอื กใช้ถุงมอื ปฏบิ ัตติ ามหลกั การดงั นี้ (1) หลักการใช้ถงุ มอื ปลอดเช้อื (sterile gloves) ดงั นี้ - เลือกขนาดถุงมือให้พอเหมาะกับมือ ใส่ถุงมือเมื่อปฏิบัติกิจกรรม ไม่ควรใส่ ไวล้ ว่ งหน้า - ล้างมอื ให้สะอาดกอ่ นใส่ถุงมือ - เปลี่ยนถุงมือทุกครั้งเมื่อจะปฏิบัติกิจกรรมการพยาบาลผู้ป่วยรายใหม่หรือ ภายหลังสัมผสั ส่งิ ปนเปอ้ื น เปลย่ี นถุงมอื ทุกคร้งั ทพี่ บวา่ ถงุ มอื รว่ั - ขณะใส่ถุงมือปฏิบัติกิจกรรมการพยาบาล ห้ามทำกิจกรรมที่มีโอกาส แพรก่ ระจายเชื้อ เชน่ จบั ม่าน ออกไปนอกเตยี งผู้ปว่ ย จับแฟ้มประวัติผู้ปว่ ย รับโทรศัพท์ - ถอดถงุ มือทนั ทภี ายหลังเสร็จส้ินกิจกรรมการพยาบาล - ลา้ งมอื ทนั ทภี ายหลังถอดถุงมอื - ไม่ล้างถงุ มอื เพอื่ นำกลับมาใช้ใหม่ - ถงุ มือใช้กบั ผู้ป่วยเฉพาะราย หา้ มใสถ่ ุงมือดูแลผปู้ ว่ ยหลายคนตอ่ เนื่อง - ไม่จำเป็นต้องใส่ถุงมือในกิจกรรมการพยาบาลที่ไม่ได้สัมผัสสิ่งสกปรกหรือ สารคดั หลง่ั (2) วิธีการใส่ถงุ มอื ปลอดเชือ้ (Sterile Gloves) มขี น้ั ตอนการปฏบิ ตั ิ ดังน้ี - ลา้ งมอื ให้สะอาดและเช็ดใหแ้ ห้ง - วางซองถงุ มอื บรเิ วณทแ่ี ห้ง สะอาด อยู่สงู กว่าระดับเอว - คลซ่ี องถงุ มืออกอย่างระมัดระวังไม่ใหถ้ งุ มือสมั ผัสภายนอก 59
- เผยอดา้ นนอกของซองถุงมือ ตรวจสอบรอยพบั ของถุงมือให้อยดู่ ้านผู้สวมใส่ ให้ถุงมือวางในตำแหน่งซ้าย-ขวาในท่าหงายมือตามลักษณะทางกายวิภาคศาสตร์ (anatomy position) - เรม่ิ ใสถ่ งุ มอื ข้างทถี่ นัดกอ่ น โดยใช้มือขา้ งทีถ่ นดั เผยอด้านนอกของซองถุงมือ ออก - ใช้น้ิวหวั แม่มือ นว้ิ ชแี้ ละน้วิ กลางของข้างที่ไม่ถนัด หยิบถุงมือข้างที่ถนัดตรง รอยพบั ด้านในของถงุ มือ (รอยพบั น้ีจะอยตู่ ิดกบั ผิวหนงั จึงสามารถหยิบได้) - ยกถงุ มืออกจากซอง โดยดา้ นนอกของถุงมือตอ้ งไมส่ มั ผัสสง่ิ ใด - ใส่ถุงมือข้างที่ถนัดในลักษณะหงายมือ ให้ปลายนิ้วห้อยลง นิ้วหัวแม่มืออยู่ ด้านหน้าของฝา่ มือ - ใช้มือข้างที่ไม่ได้ใส่ถุงมือเผยอด้านนอกของซองถุงมืออกให้กว้าง จนเห็น รอยพับของถุงมือทอ่ี ยูใ่ นซอง - หยิบถุงมืออกจากซองโดยใช้ปลายนิ้วมือ 4 นิ้ว (นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง นว้ิ ก้อย) ของมอื ข้างทสี่ วมถงุ มือแล้ว สอดเข้าไปในรอยพบั ของถงุ มือ - ยกถุงมอื อกจากซองโดยไมใ่ หส้ ัมผสั สิ่งใด - ใชม้ ือขา้ งทย่ี งั ไม่ไดใ้ สถ่ ุงมือเกบ็ ซองถุงมือใหเ้ รียบร้อย - สวมถุงมือในลักษณะหงายมือ ให้ปลายนิ้วห้อยลง นิ้วหัวแม่มือกางออก ระวังอย่าให้มือสัมผสั ด้านนอกของถงุ มือ - จัดถงุ มือใหเ้ รยี บร้อย ตลบขอบถุงมือลง ระวังอยา่ สมั ผัสโดนข้อมอื - หากมกี ารปนเปื้อน (contamination) ไมว่ า่ ขนั้ ตอนใด ๆ กต็ ามต้องถอดถุง มอื ออกแลว้ ใสถ่ ุงมอื คใู่ หม่ (3) การถอดถงุ มือทใี่ ช้แล้ว ภายหลังการใช้ถุงมือเสร็จด้านนอกของถุงมือถือว่าเป็นส่วนที่สกปรกปนเปื้อน ห้ามใหม้ อื สัมผัสด้านนอกของถุงมือโดยปฏบิ ัตดิ ังนี้ - ใช้มือข้างทีถ่ นัดจับขอบด้านนอกของถุงมือ ค่อย ๆ ดึงถุงมือออก ให้ด้านใน ของถงุ มอื ตลบออกมาอยู่ดา้ นนอก - ใชม้ อื ขา้ งทยี่ งั สวมถงุ มอื กำถงุ มอื ท่ีถอดออกแลว้ ไว้ในองุ้ มือ 60
- ใช้มือข้างที่ถอดถุงมือแล้ว สอดเข้าไปด้านในของขอบถุงมือแล้วค่อย ๆ ดึง ถุงมือออก ให้ดา้ นในของถุงมือตลบออกมาอยดู่ า้ นนอก คลุมถุงมือที่อยูใ่ นอ้งุ มือดว้ ย - ท้ิงถงุ มือลงในถังขยะติดเชือ้ - ลา้ งมอื ให้สะอาดและเช็ดให้แหง้ 3) การเปดิ หอ่ ของปลอดเช้อื และการหยิบจับของปลอดเชื้อ (1) การเปิดห่อของปลอดเชื้อ (sterile equipment) วิธีการเปิดห่อของปลอด เชอื้ ปฏบิ ัติตามข้นั ตอน ดงั น้ี - ตรวจสอบสภาพห่อของปลอดเชื้อ ต้องไม่มีการเปียกชื้อ ฉีกขาด ดู วัน หมดอายทุ อ่ี ยูบ่ นชุดปลอดเช้ือและดูแถบปลอดเชื้อ - วางชดุ ปลอดเช้อื ลงบนก่งึ กลางพน้ื ท่ีท่ีต้องการเปิดห่อของปลอดเชอื้ ใหด้ า้ น บนสุดของผ้าห่อชุดปลอดเชือ้ เปิดออกจากตวั ผู้เปิด - ใช้นิว้ หวั แม่มือและนิ้วช้ีจบั มุมบนสุดของผา้ แล้วเปดิ ไปด้านตรงข้าม โดยไม่ ข้ามของปลอดเชอื้ - เปดิ มมุ ผา้ ด้านซา้ ยและขวาออก โดยใชม้ อื ซ้ายเปิดดา้ นซ้าย มือขวาเปิด ดา้ นขวา ปอ้ งกนั การข้ามของปลอดเช้ือ - เปดิ ผ้ามมุ ดา้ นในสุด เข้าหาตวั ผู้เปิด (2) การหยิบจับของปลอดเชื้อ ของที่ปลอดเชื้อจะอยู่ในภาชนะที่มีฝาปิดหรือใน ห่อ เช่น หม้อนึ่งลำสี ก๊อส หรือถาดเครื่องมือเครื่องมือที่มีฝาปิด เมื่อจะหยิบจับของเหล่านี้ไปใช้ จะตอ้ งรักษาของที่หยบิ และของทเ่ี หลือใหป้ ราศจากเช้ือโดยใช้ปากคีบส่งต่อซ่ึงปลอดเชื้อ หรือเรียกว่า “Transfer forceps” วิธกี ารหยิบจับของปลอดเช้อื มีดงั นี้ - หยิบปากคีบส่งต่อ (Transfer forceps) ขึ้นจากกระปุกให้บีบปลาย Transfer forceps เข้าหากัน ไมใ่ ห้ปลาย Transfer forceps สัมผัสกับปากกระปุก - การหยิบปากคีบส่งต่อ (Transfer forceps) ให้ปลายคว่ำลง และอยู่สูงกว่า ระดับเอว ไม่ให้ปลายของหยิบปากคีบส่งต่อ (Transfer forceps) สัมผัสกับสิ่งที่ไม่ปลอดเชื้อ เช่น ขอบนอกของหม้อน่งึ - หยิบของปลอดเชื้อโดยถือสิ่งของปลอดเชื้อให้สูงกว่าบริเวณที่ต้องการวาง ของปลอดเชอื้ 4-6 นิว้ ไมใ่ ห้ปลายของปากคบี ส่งต่อ (Transfer forceps) สัมผัสกบั บริเวณที่วางน้นั 61
- ก่อนเก็บ Transfer forcepsให้บีบปลายทั้งสองข้างเข้าด้วยกันเพื่อป้องกัน ปลายหยบิ ปากคบี สง่ ต่อ (Transfer forceps) สัมผสั ปากกระปกุ 4) การสวมและถอดเส้ือกาวน์ปลอดเชอ้ื (sterile gown) (1) การใส่เสื้อคลุมจะช่วยป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรค เสื้อควรจะใหญ่ และยาวเล็กน้อยเพียงพอทจ่ี ะคลมุ ชดุ เครื่องแบบได้มิดชดิ แขนยาว ขัน้ ตอนการใส่เส้ือคลมุ ดงั นี้ - ล้างมือ 7 ข้นั ตอนและเชด็ ให้แหง้ - หยบิ เส้ือคลุม โดยจับเฉพาะส่วนท่ีอยู่ด้านใน ยกเส้ือคลุมข้ึน ไม่ให้สัมผัส สิ่งใด - สอดแขนทั้งสองข้างเข้าไปพร้อม ๆ กัน ยกแขนขน้ึ เหนอื ศีรษะ - ดงึ คอเสอื้ ขน้ึ มาชดิ คอ ผกู เชือกเป็นเง่อื นกระตกุ ทีค่ อเสอื้ - ผู้ช่วยจับเชือกทีเ่ ส้ือคลุมบริเวณเอวแลว้ ซ้อนทับกัน ผูกเป็นเงื่อนกระตุก ท่ีเอว (2) วิธีการถอดเส้อื คลมุ มีขน้ั ตอนการปฏิบัติ ดังนี้ - กระตกุ เชอื กทีเ่ อวออก หลกี เล่ียงการสัมผัสดา้ นนอกของเสอ้ื - กระตุกเชือกทคี่ อ - ถอดเสื้อคลุมออก ตลบตัวเส้ือท่ีสัมผสั ส่งิ ปนเป้อื นไวด้ ้านใน - ทง้ิ ลงตะกร้าหรือถงั ผ้าติดเชื้อ - ลา้ งมือ 7 ขั้นตอนและเชด็ ใหแ้ ห้ง 5) การสวมอุปกรณ์ป้องกันร่างกายส่วนบุคคล ( personal protective equipment: PPE) การสวมอุปกรณ์ป้องกันร่างกายส่วนบุคคลตามมาตรฐาน ประกอบดว้ ย หนา้ กาก อนามัย เสื้อกาวน์ และถุงมือ โดยลำดับการใส่เคร่อื งปอ้ งกันรา่ งกาย มดี ังน้ี ลา้ งมือ ใส่หน้ากากอนามัย ใส่เสือ้ คลมุ ใสถ่ ุงมอื สำหรับลำดบั การถอดเคร่ืองป้องกันรา่ งกาย คอื ถอดถงุ มือ ถอดเสื้อคลุม ล้างมือ ถอดหนา้ กากอนามยั และล้างมือ 62
2.4.5 หลักการเกบ็ รวบรวมมูลฝอยตดิ เช้อื ทเ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การรักษาพยาบาล 1) ตอ้ งแยกเก็บมูลฝอยตดิ เชอ้ื ห้ามปะปนกับมลู ฝอยอน่ื ๆ 2) ภาชนะท่ีบรรจุมลู ฝอยตดิ เช้ือ ตอ้ งมลี ักษณะเป็นถุงสีแดง ทบึ แสง ทำจากวัสดุที่มี ความเหนียว ทนทานต่อสารเคมี รับน้ำหนัก กันน้ำได้ ไม่รั่วซึม มีข้อความสีดำอ่านได้ชัดเจนว่า อยู่ ภายใตร้ ูปหวั กะโหลกไขวค้ ู่ และใหใ้ ส่ซ้อนถุง 2 ชัน้ ใสม่ ลู ฝอยติดเชือ้ ไมเ่ กิน สองในสามส่วนปิดฝา มูล ฝอยติดเช้อื หรือผูกปากถุงให้แน่นก่อนนำไปท้งิ 3) ภาชนะบรรจุมูลฝอยติดเชื้อประเภทวัสดุมีคม เช่น เข็ม มีด หลอดแก้ว ต้องมี ลกั ษณะเป็นกล่องหรือถัง ทำดว้ ยวสั ดุท่ีแข็งแรง ทนต่อการแทงทะลุและทนต่อสารเคมี มีฝาปิดมิดชิด มีของภาชนะต้องเด่นชัด โดยส่วนใหญ่ใช้สีแดง มีข้อความสีดำอ่านได้ชัดเจนว่า มูลฝอยติดเชื้อ หรือ ห้ามนำกลับมาใช้อีก หรือ ห้ามเปิด การบรรจุมูลฝอยติดเชื้อ ประเภทของมีคม ห้ามใส่เกินสามในส่ี สว่ นของกล่อง 4) ผ้าติดเชื้อ เช่น ผ้าเปื้อนเลือดหรือสารคัดหลั่งจากผู้ป่วยให้แยกใส่ถุงสำหรับมูล ฝอยติดเชอื้ 5) การเคลื่อนย้ายมูลฝอยติดเชื้อต้องใช้รถเข็นที่สามารถทำความสะอาดได้ง่าย มี ผนังปิดมิดชิด เป็นรถที่ใช้เฉพาะขนมูลฝอยติดเชื้อเท่านั้น พิมพ์ข้อความ “มูลฝอยติดเชื้อ ห้ามใช้ใน กจิ การอ่นื ” 6) ผู้ปฏิบัติงานเคลื่อนย้ายมูลฝอยต้องมีความรู้เกี่ยวกับมูลฝอยติดเชื้อ สวมเครื่อง ป้องกันร่างกายส่วนบุคคล ได้แก่ ถุงมือยางหนา ผ้ากันเปื้อน ผ้าปิดปาก ปิดจมูก และรองเท้ายางหุ้ม แขง้ 7) การกำจัดมูลฝอยติดเช้ือในปัจจบุ ันมีหลายวิธี ส่วนใหญ่ใชเ้ ปน็ การเผา ในห้องเผา ท่ใี ช้อุณหภูมิ 760 -1,000 องศาสเซลเซยี ส 2.5 บทสรปุ การปฏิบัติเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และควบคุมการแพร่กระจายเชื้อนั้นต้องพยาบาลจะต้อง ตระหนักและให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติเพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายเชื้อในขณะปฏิบัติ กจิ กรรมการพยาบาลอยเู่ สมอ เพือ่ ชว่ ยให้ผูป้ ่วยไดป้ ลอดภยั จากเชื้อโรคต่างๆ ทอ่ี าจเขา้ สรู่ า่ งกาย และ ช่วยลดปญั หาการตดิ เช้ือในโรงพยาบาลตามมาได้ 63
2.6 คำถามท้ายบท ขอ้ 1 การเว้นระยะหา่ งระหวา่ งบุคคล ระยะหา่ งทางสังคม 1-2 เมตร มวี ัตถุประสงค์เพอ่ื ป่องกัน การแพร่กระจายเชอื้ แบบใด 1. Droplet Precaution 2. Contact Precaution 3. Airborne Precaution 4. Secretion Precaution ข้อ 2 การพยาบาลผูป้ ่วยวัณโรคระยะแพรก่ ระจาย ต้องใสอ่ ปุ กรณ์ป้องกันรา่ งกายตามข้อใด 1. mask N-95, face shield, gown, sterile gloves 2. surgical mask, face shield, gown, sterile gloves 3. mask N-95, face shield, gown, disposable gloves 4. surgical mask, face shield, gown, disposable gloves ข้อ 3 ลำดับการถอด Personal Protective Equipment (PPE) ภายหลังออกห้องแยกผู้ป่วย โควดิ -19 ข้อใดถกู ต้อง 1. mask, gown, gloves 2. mask, gloves, gown 3. gloves, gown, mask 4. gown, gloves, mask ขอ้ 4 การล้างมือก่อนทำหตั ถการทางการพยาบาล ขอ้ ใดถูกต้อง 1. ลา้ งมอื ดว้ ยสบู่ 7 ขน้ั ตอนอย่างนอ้ ย 10 วนิ าที 2. ล้างมอื ด้วยสบู่ 7 ข้นั ตอนอย่างน้อย 15 วินาที 3. ล้างมอื ด้วย alcohol gel 7 ขน้ั ตอนอยา่ งนอ้ ย 15 วินาที 4. ลา้ งมือด้วยสบู่ 7 ขน้ั ตอน แล้วใช้ alcohol gel ลา้ งต่ออีก 10 นาที 64
ขอ้ 5 การใส่เลือกใส่ถุงมือขอ้ ใดถกู ตอ้ ง 1. ใส่ถงุ มอื ปลอดเชื้อเจาะเลอื ดผู้ป่วยเอดส์ 2. ใส่ถงุ มอื ปลอดเชื้อในการทำแผลในผูป้ ว่ ยทกุ ราย 3. ใส่ถงุ มอื สะอาดในการใสส่ ายสวนปัสสาวะผ้ปู ว่ ยเพศชาย 4. ใสถ่ งุ มือสะอาดในการใสส่ ายยางใหอ้ าหารในผปู้ ่วยทุกราย ข้อ 6 หลกั การดูหีบห่อปลอดเชื้อ ขอ้ ใดถูกตอ้ ง 1. วันผลติ 2. ความสะอาด 3. แถบปลอดเช้ือ 4. ความเรียบรอ้ ย ข้อ 7 ภาพการเปดิ หอ่ ของปลอดเชื้อ ข้อใดถูกต้อง 1. 2. 3. 4. 65
ขอ้ 8 ภาพการจับ transfer forceps ขอ้ ใดถูกต้อง 1. 2. 3. 4. ขอ้ 9 เมื่อเปิดชุดทำแผลปลอดเชื้อแล้วมีสำลี 1 ก้อน กระเด็นออกมาจากถาด ชิดกับขอบผ้า การปฏิบัติใดถกู ตอ้ ง 1. ใช้ transfer forceps หยบิ สำลกี ้อนน้ันมาใส่ในถาด 2. ใช้ forceps ในชดุ ทำแผลหยิบสำลกี อ้ นนั้นมาใสใ่ นถาด 3. ใช้ transfer forceps หยบิ สำลีกอ้ นใหมจ่ ากหม้อสำลีมาใส่ในถาด 4. ใช้ forceps ในชดุ ทำแผลหยบิ สำลกี อ้ นใหม่จากหมอ้ สำลีมาใส่ในถาด ขอ้ 10 ผา้ กอ๊ ซปิดแผลตอ้ งทงิ้ ในถงั ขยะสีใด 1. แดง 2. ขาว 3. เขยี ว 4. เหลือง 66
2.7 ใบงานกรณีศกึ ษา กรณีศึกษาที่ 1 ผู้ป่วยชายไทย ได้รับการวินิจฉัยเป็น Precaution (HIV) ผู้ป่วยมีอาการ อ่อนเพลียมาก หายใจเหนื่อย มีเสมหะ ผลการตรวจเสมหะพบเชื้อวัณโรคในระยะแพร่กระจาย จงตอบคำถามและวางแผนการพยาบาลเพ่ือปอ้ งกนั การติดเชือ้ ทำและป้องกันการแพร่กระจายเช้ือโรค 1. จงระบุ Mode of transmission ……………........………………………………………………………………………………………… 2. จงระบุ Transmission- based precaution ………………………………………………………………………………………… 3. จงวางแผนการพยาบาลโดยใช้ความรูท้ ีเ่ ก่ยี วข้องกับ Standard precaution และ Transmission- based precaution กรณีศึกษาที่ 2 ผู้ป่วยหญิงไทย มีประวัติเลี้ยงสัมผัสไก่ป่วยตาย ได้รับการวินิจฉัยเป็น ไข้หวัดนก ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลียมาก หายใจเหนื่อย จงตอบคำถามและวางแผนการพยาบาลเพ่ือ ป้องกนั การแพรก่ ระจายเช้ือโรค 1. จงบอกชนิดและช่ือของเชื้อไข้หวดั นก………………………………………………………………………… 2. จงระบุ Mode of transmission………………………………………………………………………………. 3. จงระบุ Transmission- based precaution……………………………………………………………… 4. จงวางแผนการพยาบาลโดยใช้ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับ Standard precaution และ Transmission- based precaution กรณีศึกษาที่ 3 ผู้ป่วยหญิงไทย ได้รับการวินิจฉัยเป็นโรคปอดบวม ผลเสมหะพบเชื้อ K. Pneumoniae ผู้ป่วยมีอาการไอมีเสมหะสีเขียวข้น จงตอบคำถามและวางแผนการพยาบาลเพื่อ ป้องกันการแพร่กระจายเชอ้ื โรค 1. จงระบุ Mode of transmission…………………………………………………………………………… 2. จงระบุ Transmission- based precaution…………………………………………………………. 3. จงวางแผนการพยาบาลโดยใชค้ วามรทู้ เ่ี กี่ยวข้องกบั Standard precaution และ Transmission- based precaution 67
2.8 แบบประเมนิ ทักษะปฏบิ ัตกิ ารป้องกันและควบคุมการแพรก่ ระจายเช้อื คณะพยาบาลศาสตรแ์ ละวิทยาการสขุ ภาพ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏเพชรบรุ ี วิชาการพยาบาลพื้นฐาน แบบประเมนิ ทักษะการล้างมือ (Hand washing) ชอ่ื ...............................................สกุล................................................รหสั นกั ศกึ ษา.............................. คำชแี้ จง โปรดทำเคร่อื งหมาย ลงท่ตี รงกบั ผลการปฏบิ ัติ ลำดบั รายการประเมนิ ผลการปฏบิ ตั ิ หมาย ปฏิบตั ิ ไมป่ ฏิบตั ิ เหตุ 1. ถอดนาฬกิ าและเครื่องประดบั ถา้ แขนเส้อื ยาวพับแขนเส้อื ขึ้น (1) (0) เหนือข้อศอก 2. ยืนในทา่ ทส่ี บายห่างจากอา่ งน้ำเลก็ นอ้ ยระวงั อยา่ ให้เสอื้ ผ้าสมั ผสั ถูกอา่ งนำ้ 3. เปิดใหน้ ้ำไหล ปรับการไหลให้พอดี 4. เปดิ น้ำราดมอื ทัง้ สองขา้ งถึงขอ้ มอื ความแรงพอประมาณ 5. ฟอกสบทู่ ฝ่ี า่ มอื ท้ัง 2 ข้าง 6. ฟอกขัดถูกมือใหท้ ั่วทกุ ด้านของมอื ทั้ง 2 ข้าง และฟอกขดั ถู 7 ขน้ั ตอน 1. ใช้ฝา่ มอื ถูกนั 2. ฝ่ามอื ถูหลงั มือและกางน้วิ เพอ่ื ถงู า่ มนิว้ มือ 3. ฝา่ มือถูฝ่ามือและกางนิ้วเพอื่ ถูงา่ มนวิ้ มอื 4. กำมือและใชฝ้ ่ามืออกี ข้างถหู ลังนว้ิ มือ 5. ถูหวั แม่มือโดยรอบดว้ ยฝา่ มอื 6. ปลายน้ิวมือถูขวางฝ่ามอื 7. ถรู อบขอ้ มอื 7. ล้างมอื และข้อมอื โดยใหน้ ำ้ ผ่านตลอดทัง้ มอื พร้อมขดั ถูมือใหท้ ว่ั ทกุ ด้าน 8. ปิดนำ้ โดยใช้ข้อศอก หรือล้างบริเวณกอ๊ กนำ้ ก่อนใช้มอื ปิด 68
ลำดับ รายการประเมิน ผลการปฏิบตั ิ หมาย ปฏบิ ตั ิ ไม่ปฏบิ ตั ิ เหตุ 9. เชด็ มอื และขอ้ มอื ใหแ้ ห้งดว้ ยผา้ หรอื กระดาษท่ีแหง้ สะอาดจาก (1) (0) ปลายนวิ้ ถึงขอ้ มือ รวมคะแนน (9 คะแนน) ข้อเสนอแนะ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………......................................................................................................................... ........................................................………………………………………………………………........................................................ ...............................................………………………………………………………………................................................................. .......................................................ผูป้ ระเมิน (.....................................................) วันที่...........เดอื น..........................พ.ศ............... 69
คณะพยาบาลศาสตรแ์ ละวิทยาการสุขภาพ มหาวทิ ยาลัยราชภฏั เพชรบรุ ี วิชาการพยาบาลพ้ืนฐาน แบบประเมนิ ทักษะการใส่และการถอดถงุ มือปลอดเช้อื (Sterile Gloves) ช่ือ..........................................สกุล......................................................รหสั นักศกึ ษา.............................. คำชีแ้ จง โปรดทำเครื่องหมาย ลงทต่ี รงกบั ผลการปฏบิ ัติ ลำดับ รายการประเมิน ผลการปฏิบตั ิ หมาย ปฏบิ ตั ิ ไมป่ ฏบิ ัติ เหตุ การใส่ถุงมอื (1) (0) ขนั้ เตรียม 1. เลือกขนาดถงุ มือทีเ่ หมาะสม ขั้นปฏบิ ตั ิ 2. ล้างมือ 7 ข้นั ตอนให้สะอาด 3. วางซองถงุ มือบรเิ วณทแ่ี หง้ สะอาด อยู่สงู กวา่ ระดับเอว 4. คลี่ซองถงุ มืออกอย่างระมดั ระวงั ไม่ให้ถงุ มือสมั ผสั ภายนอก 5. เผยอด้านนอกของซองถุงมือ ตรวจสอบรอยพับของถุงมือให้อยู่ ด้านผู้สวมใส่ ให้ถุงมือวางในตำแหน่งซ้าย-ขวาในท่าหงายมือ ตามลกั ษณะทางกายวภิ าคศาสตร์ 6. เริ่มใส่ถุงมือข้างที่ถนัดก่อน โดยใช้มือข้างที่ถนัดเผยอด้านนอก ของซองถุงมือออก 7. ใช้นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ และนิ้วกลางของข้างที่ไม่ถนัด หยิบถุงมือ ข้างท่ีถนัดตรงรอยพับดา้ นในของถุงมือ 8. ยกถุงมอื อกจากซอง โดยด้านนอกของถุงมอื ตอ้ งไมส่ มั ผสั สงิ่ ใด 9. ใส่ถุงมือข้างที่ถนัดในลักษณะหงายมือ ให้ปลายนิ้วห้อยลง น้ิวหัวแมม่ อื อย่ดู า้ นหนา้ ของฝา่ มือ 10. ใช้มอื ขา้ งท่ีไม่ได้ใส่ถงุ มือเผยอดา้ นนอกของซองถุงมืออกให้กว้าง จนเห็นรอยพบั ของถุงมอื 11. หยิบถุงมืออกจากซองโดยใช้ปลายนิ้วมือ 4 นิ้ว (นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง นิ้วก้อย) ของมือข้างที่สวมถุงมือแล้ว สอดเข้าไปในรอย พับของถุงมือ 12. ยกถุงมืออกจากซองโดยไม่ให้สมั ผสั สงิ่ ใด 13. ใช้มอื ขา้ งทยี่ งั ไม่ได้ใส่ถุงมอื เก็บซองถงุ มอื ใหเ้ รียบรอ้ ย 70
ลำดบั รายการประเมิน ผลการปฏบิ ตั ิ หมาย ปฏบิ ัติ ไม่ปฏบิ ัติ เหตุ 14. สวมถุงมือในลักษณะหงายมือ ให้ปลายนิ้วห้อยลง นิ้วหัวแม่มือ (1) (0) กางออก ระวังอย่าใหม้ อื สมั ผสั ด้านนอกของถงุ มือ 15. จัดถุงมือให้เรียบร้อย ตลบขอบถุงมือลง ระวังอย่าสัมผัสโดน ข้อมอื การถอดถงุ มือ 16. ใช้มอื ข้างทถี่ นัดจบั ขอบดา้ นนอกของถงุ มือ คอ่ ย ๆ ดึงถุงมือออก ใหด้ ้านในของถงุ มอื ตลบออกมาอยดู่ า้ นนอก 17. ใช้มือขา้ งที่ยังสวมถงุ มือ กำถงุ มือที่ถอดออกแล้วไว้ในอุ้งมือ 18. ใช้มือข้างที่ถอดถุงมือแล้ว สอดเข้าไปด้านในของขอบถุงมือแลว้ ค่อย ๆ ดึงถุงมือออก ให้ด้านในของถุงมือตลบออกมาอยู่ด้าน นอก คลมุ ถุงมอื ทอี่ ยูใ่ นองุ้ มอื ดว้ ย 19. ล้างมอื ให้สะอาดและเช็ดใหแ้ ห้ง 20. ทิง้ ถงุ มอื ลงในถังขยะตดิ เชือ้ รวมคะแนน (20) ข้อเสนอแนะ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………......................................................................................................................... ........................................................………………………………………………………………........................................................ ...............................................………………………………………………………………................................................................. .......................................................ผู้ประเมิน (.....................................................) วนั ท่ี...........เดือน..........................พ.ศ............... 71
คณะพยาบาลศาสตรแ์ ละวิทยาการสขุ ภาพ มหาวิทยาลยั ราชภฏั เพชรบุรี วชิ าการพยาบาลพนื้ ฐาน แบบประเมินทักษะเปดิ ห่อของปราศจากเช้อื และการหยิบจบั ของปราศจากเชื้อ ชื่อ.........................................สกลุ ................................................รหสั นกั ศึกษา........................... คำชี้แจง โปรดทำเคร่ืองหมาย ลงที่ตรงกับผลการปฏบิ ัติ ผลการปฏิบตั ิ ลำดบั รายการประเมนิ ปฏิบัติ ไมป่ ฏบิ ัติ หมายเหตุ (1) (0) 1 ขัน้ เตรียม เตรียมของใช้ - หอ่ ของปราศจากเชื้อ - กระปกุ ใสป่ ากคบี กลาง - ภาชนะบรรจุของปราศจากเชอ้ื เชน่ อบั สำลี หม้อนง่ึ 2 ขน้ั ปฏบิ ตั ิ ลา้ งมอื 7 ขนั้ ตอนให้สะอาด 3 วางห่อของปราศจากเชอ้ื บนโตะ๊ 4 ใช้มือข้างหนึ่งหอ่ ของโดยให้มุมแรกทีเ่ ปิดออกอยู่ด้านตรงข้าม กับท่ยี นื อยู่ 5 ใช้มอื อกี ขา้ งจบั มุมผา้ หอ่ ของ มือขวาจบั มุมห่อผ้าด้านขวา เปิด ออกด้านขวา มือซ้ายจับมุมหอ่ ผา้ ด้านซ้าย เปดิ ออกด้านซา้ ย 6 จับมุมผา้ มุมสุดทา้ ย เปดิ เข้าทางตวั พยาบาล 7 ใช้มือข้างที่ถนัดจับปากคีบตรงส่วนที่พ้นจากปากกระปุกให้ ปลายหนบี เขา้ หากัน 8 ยกปากคีบขึ้นตรงๆ โดยไม่สัมผัสกับปากกระปุก และถือปาก คบี ใหป้ ลายชล้ี งข้างลา่ งเสมอ 9 เปิดภาชนะบรรจุของปราศจากเชื้อโดยคว่ำฝาลง เมื่อถือไว้ใน มอื หรือหงายขนึ้ เมอื่ ต้องการวาง 10 ใช้ปากคีบหยิบของ เช่น สำลี หรือผ้าก๊อซออกจากภาชนะ บรรจไุ ปใส่ในห่อของทเี่ ปิดไว้ โดยไมป่ นเป้อื น 11 ปิดฝาภาชนะที่บรรจุของปราศจากเช้อื อยา่ งถกู ต้อง 12 เก็บปากคีบกลางโดยหนีบปลายเข้าหากันแล้วใส่ลงไปใน กระปุก 13 ปดิ หอ่ ของปราศจากเชอ้ื ตามขั้นตอน 72
ผลการปฏิบตั ิ ลำดบั รายการประเมนิ ปฏบิ ตั ิ ไมป่ ฏบิ ัติ หมายเหตุ (1) (0) รวมคะแนน (13 คะแนน) ข้อเสนอแนะ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………......................................................................................................................... ........................................................………………………………………………………………........................................................ ...............................................………………………………………………………………................................................................. .......................................................ผู้ประเมิน (.....................................................) วันท.่ี ..........เดือน..........................พ.ศ............... 73
คณะพยาบาลศาสตรแ์ ละวิทยาการสุขภาพ มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏเพชรบรุ ี วิชาการพยาบาลพืน้ ฐาน แบบประเมนิ ทักษะการสวมและถอดเสื้อกาวนป์ ลอดเชอ้ื (sterile gown) ช่ือ.....................................................สกุล.....................................รหสั นักศึกษา............................ คำชแ้ี จง โปรดทำเคร่ืองหมาย ลงทต่ี รงกบั ผลการปฏบิ ัติ ลำดบั รายการประเมนิ ผลการปฏบิ ตั ิ หมาย ปฏบิ ตั ิ ไมป่ ฏบิ ัติ เหตุ (1) (0) การใส่เสอื้ กาวน์ 1 ลา้ งมือ 7 ขน้ั ตอน ให้สะอาด 2 จับเสื้อยกออกจากที่วาง ทิ้งชายเสื้อลง ยกคอและแขนเสื้อให้ สูงขน้ึ 3 สอดมือทั้งสองข้างเข้าบริเวณคอเสื้อดา้ นใน ระวังไม่ให้มือทั้งสอง ขา้ งโผลอ่ อกมานอกแขนเสอ้ื 4 ให้ผู้ชว่ ยขยับเส้อื ให้เข้าท่แี ล้วผูกเชอื กทีค่ อด้านหลงั 5 จับชายเสื้อด้านขวาทับด้านซ้ายให้ปิดเสื้อผ้าผู้สวมใส่มิดชิด และ ผูกเชือกท่เี อวไวเ้ ปน็ เงือ่ นกระตุก การถอดเสื้อกาวน์ 6 ปลดเชือกทผ่ี ูกคอเส้อื เชอื กผกู เอวออก 7 เล่อื นแขนออกจากตัวเสอ้ื 8 ตลบด้านในของตัวเสื้อออกคลุมด้านนอก ม้วนแล้วนำไปใส่ถังผ้า เปื้อน 9 ลา้ งมอื ใหส้ ะอาดและเชด็ ใหแ้ หง้ รวมคะแนน (9 คะแนน) ข้อเสนอแนะ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………......................................................................................................................... .......................................................ผู้ประเมิน (.....................................................) วันท.่ี ..........เดอื น..........................พ.ศ............... 74
2.9 เอกสารอ้างอิง ณฐั สรุ างค์ บญุ จนั ทร์ และคณะ. (2559). ทกั ษะพน้ื ฐานทางการพยาบาล 1. กรุงเทพฯ: โครงการตำรา คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล. ยงค์ รงค์รุ่งเรือง และ จริยา แสงสัจจา. (2556). เกณฑ์การวินิจฉัยการติดเชื้อในโรงพยาบาล. สืบค้น จาก www.bamras.or.th นิตยา สมบัติแกว้ และ เดือนทพิ ย์ เขษมโอภาส. (2558). การพยาบาลพ้ืนฐาน : หลักการและแนวคิด. กรงุ เทพฯ: โรงพมิ พแ์ หง่ จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย สุปราณี เสนาดิสัย และวรรณภา ประไพพานิช. (2564). การพยาบาลพื้นฐาน ปรับปรุงครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ: บริษัทจุดทอง จำกดั . สุมาลี โพธิทอง, แน่งน้อย สมเจริญ และ อภิสรา จังพานิช. (2563). การพยาบาลพื้นฐานเล่ม 1. กรงุ เทพฯ: สำนักพมิ พ์ สภุ า จำกดั . สุภวรรณ วงศ์ธีรทรัพย์, สุมาลี โพธิ์ทอง และสัมพันธ์ สันทนาคณิต. (2558). ปฏิบัติการพยาบาล พื้นฐาน 1. กรงุ เทพฯ : บริษทั บพธิ การพมิ พ์ จำกัด. อภิญญา เพียรพิจารณ์ (2556). คู่มือปฏิบัติการพยาบาลเล่ม 1. ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: บริษัท ธนาเพรส จำกัด. อภิญญา เพียรพิจารณ์. (2558). คู่มือปฏิบัติการพยาบาลเล่ม 2. ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ: บริษัท จรลั สนิทวงศก์ ารพิมพ์ จำกัด. Anne GP. (2016). Nursing Interventions & Clinical Skills. St. Louis: Mosby Elsevier. Barbara KT. (2017). Fundamental Nursing Skills and Concepts. Philadelphia: Walters Kluwer. Patricia AP. (2017). Fundamentals of Nursing. St. Louis: Mosby Elsevier. Potter PA, Perry AG, Stockert PA and HALL AM. (2012). Nursing Interventions & Clinical skills. 5thed. St. Louis: Mosby Elsevier. Taylor ll. (2015). Fundamental of Nursing. 8th ed. Philadelphia: Walters Kluwer. 75
แผนบริหารการสอนประจำบทท่ี 3 หลักการพยาบาลพื้นฐานในการรับใหม่ การจำหน่ายและการส่งตอ่ ผปู้ ่วย หัวข้อเน้ือหาประจำบท 1. การพยาบาลเพอื่ การรบั ใหมใ่ นโรงพยาบาล 2. การพยาบาลเพอ่ื การจำหนา่ ยผปู้ ว่ ย 3. การพยาบาลเพ่อื การสง่ ต่อผปู้ ่วย จำนวนชัว่ โมงทสี่ อน: ภาคทฤษฎี 2 ชวั่ โมง ภาคทดลอง 2 ชว่ั โมง วตั ถุประสงคเ์ ชงิ พฤติกรรม 1. บอกถึงความสำคัญของการซักประวัติผู้ปว่ ยรบั ใหม่ท่ถี กู ตอ้ งและครอบคลุมได้ 2. บอกหลักการซักประวัติผู้ป่วยรับใหม่ การส่งต่อผู้ป่วยและการจำหน่ายออกจาก โรงพยาบาลไดถ้ ูกต้อง 3. สามารถซักประวัติผู้ป่วยมาตรฐานเสมือนจริง (standardize patient) และบันทึก ประวัติผู้ป่วยตวั อย่างลงในเอกสารทางการพยาบาลไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง 4. บันทึกการวางแผนจำหน่ายหรือส่งต่อผู้ป่วยที่เป็นกรณีศึกษาในในเอกสารทางการ พยาบาลได้อยา่ งถูกต้อง 5. มีส่วนร่วมในการดูแลความสะอาด ความเรียบร้อยของเอกสาร วัสดุ อุปกรณ์ใน หอ้ งปฏิบัตกิ ารและหอ้ งปฏบิ ตั ิการเสมือนจรงิ อยา่ งสมำ่ เสมอ วิธีสอนและกิจกรรมการเรยี นการสอน 1. วธิ สี อน 1.1 บรรยายแบบมีสว่ นร่วม 1.2 อภปิ รายกลุ่ม 1.3 มอบหมายงานกรณศี ึกษา 1.4 ฝึกปฏบิ ตั ใิ นสถานการณจ์ ำลองเสมือนจรงิ 76
2. กจิ กรรมการเรียนการสอน 2.1 ขั้นนำ ถามถึงผลกระทบของการซักประวัติผู้ป่วยรับใหม่ท่ีไม่ถูกต้องหรือไม่ครอบคลุม กระตุ้นให้ผู้เรียนร่วมแสดงความคิดเห็น ผู้สอนสะท้อนให้เห็นความสำคัญของการรวบรวมข้อมูลที่ ถกู ต้องและครอบคลุม 2.2 ขน้ั สอน 1) บรรยายเรื่อง การรับผู้ป่วยใหม่ การซักประวัติผู้ป่วย การรวบรวมข้อมูลผู้ป่วยด้วย แบบประเมินภาวะสุขภาพ 11 แบบแผนของกอร์ดอน ยกตัวอย่างการบันทึกในเอกสารการรับใหม่ ทางการพยาบาล (admission nurse note) 2) ฝึกปฏิบัติในสถานการณ์จำลองเสมือนจริง เรื่อง การซักประวัติผู้ป่วยโดยใช้ผู้ป่วย มาตรฐานเสมือนจริง (standardize patient) ที่ผา่ นการเตรยี มการตามกระบวนการของ simulation based learning และการบันทึกขอ้ มลู การรบั ใหม่ในเอกสารการรับใหม่ทางการพยาบาล (admission nurse note) 3) บรรยายเรื่อง การวางแผนจำหน่ายและกระบวนการการส่งต่อผู้ป่วยอย่างปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างการบันทึกผลการวางแผนจำหน่ายและการส่งต่อผู้ป่วยในเอกสาร สรปุ ผลการจำหนา่ ยทางการพยาบาล (discharge summary nurse note) 4) มอบหมายกรณศี ึกษาเพื่อฝึกปฏิบัติ การบนั ทึกการวางแผนจำหน่ายหรือส่งต่อผู้ป่วย ในเอกสารสรปุ ผลการจำหน่ายทางการพยาบาล (discharge summary nurse note) 2.3 ขั้นสรุป ผู้สอนสรุปหลักการสำคัญของการรับใหม่ การจำหน่ายหรือการส่งต่อ รวมทั้ง การบันทึกในเอกสารทางการพยาบาลอย่างถูกต้อง หลังจากนั้นให้ผู้เรียนเล่นเกมส์ด้วยโปรแกรม คอมพิวเตอร์เพือ่ ตอบคำถามทา้ ยบท สือ่ การเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอน 2. โปรแกรมสำเร็จรูป Power Point Presentation, Quizizz.com 3. ใบงานกรณศี กึ ษา 4. วัสดุ อุปกรณ์ หุ่น เอกสารทางการพยาบาลในห้องปฏบิ ัติการและห้องปฏิบตั ิการเสมือน จริง 6. ผปู้ ว่ ยมาตรฐานเสมือนจริง (standardize patient) 77
การวัดผลและประเมนิ ผล 1. การสังเกตการมีส่วนร่วมในอภปิ รายและการตอบคำถามผา่ นแบบสังเกตพฤติกรรมการ เรยี น 2. ความถูกต้องของการบันทึกผลการการรับใหม่ในเอกสารการรับใหม่ทางการพยาบาล (admission nurse note) และความถูกต้องของการบันทึกผลการวางแผนจำหนา่ ยหรอื การส่งต่อใน เอกสารสรุปผลการจำหน่ายทางการพยาบาล (discharge summary nurse note) 3. การเล่นเกมส์ตอบคำถามท้ายบท ผลคะแนนการเล่นเกมส์ตอบคำถามท้ายบท ถูกต้อง ร้อยละ 80 ขนึ้ ไป 78
บทที่ 3 หลักการพยาบาลพื้นฐานในการรับใหม่ การจำหนา่ ยและการสง่ ตอ่ ผูป้ ่วย การรับใหม่ การจำหน่ายและการส่งต่อผู้ป่วยเป็นกระบวนการที่เริ่มต้นจากการรับใหม่ (admit) ซง่ึ การรับผูป้ ่วยเข้ารักษาในโรงพยาบาลใชใ้ นกรณีทผ่ี ้ปู ว่ ยมอี าการเจ็บป่วยทจ่ี ำเป็นต้องได้รับ การรักษาทางยาหรือการรักษาทางศัลยกรรม ในที่นี้ยังรวมถึงการคลอดด้วย การซักประวัติผู้ป่วยท่ี ครอบคลุมปัญหาทางสุขภาพจะช่วยให้การวางแผนการรักษาประสบความสำเร็จได้ เมื่ออาการ เจ็บป่วยทุเลาลงผู้ป่วยจะได้รับการจำหน่าย (discharge) ออกจากโรงพยาบาล หรือในกรณีที่ต้องส่ง ต่อ (refer) ไปรักษายังหน่วยงานอื่นที่มีความเชี่ยวชาญรวมทั้งการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลในชุมชน เพือ่ ให้การดูแลตอ่ เน่อื ง 3.1 การพยาบาลเพ่อื การรบั ใหมใ่ นโรงพยาบาล 3.1.1 ประเภทการรบั ใหม่ในโรงพยาบาล การรับใหม่ผู้ป่วยในโรงพยาบาลมีการรับใหม่ 2 ประเภท (ณัฐสุรางค์ บุญจันทร์ และ อรุณรัตน์ เทพนา, 2559) ดังนี้ 1) ไม่รุนแรง ในกรณีผู้ป่วยมาโรงพยาบาลตามปกติ ไม่มีอาการที่เป็นอันตรายรุนแรง ตวั อยา่ งของการรับใหมป่ ระเภทน้ี ไดแ้ ก่ (1) มีการวางแผนล่วงหนา้ เชน่ แพทย์นดั มาผา่ ตัดอวยั วะบางส่วนที่ไม่รนุ แรง (2) นดั มารบั ยาบำบัดทางการรักษา เช่น นัดมาให้ยาเคมีบำบดั (3) ขอมานอนเนื่องจากรู้สึกไม่สบายใจ เช่น มีภาวะเครียดจากการปรับตัวและ แพทยล์ งความเหน็ สมควรใหพ้ ักเพือ่ รับการดูแลอย่างใกลช้ ิด 2) รนุ แรงและเร่งด่วน ผ้ปู ่วยมกี ารบาดเจบ็ รุนแรง ตอ้ งได้รบั การดแู ลรกั ษาอย่างเร่งด่วน ตัวอย่างการรับใหมป่ ระเภทน้ี ไดแ้ ก่ (1) ผู้ปว่ ยท่ีได้รับอบุ ตั ิเหตุ หรือตอ้ งรับการเขา้ ผา่ ตัดทันที (2) ผู้ป่วยที่มีภาวะเจ็บป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาอย่างรวดเร็ว มิฉะนั้นอาจจะ อันตรายถงึ ข้นั เสยี ชวี ิตได้ 79
3.1.2 บทบาทของพยาบาลในการรบั ใหม่ผปู้ ่วย พยาบาลแผนกรับใหมผ่ ้ปู ว่ ยมีบทบาทในการรบั ผู้ปว่ ยใหม่ดังน้ี 1) สรา้ งสัมพันธภาพกับผปู้ ่วย ญาติและครอบครวั ของผปู้ ่วย 2) ซักประวัติเพอื่ รวบรวมข้อมลู ผปู้ ่วย 3) สง่ ตอ่ ขอ้ มลู สำคัญไปยงั หอผูป้ ่วยทร่ี ับผู้ปว่ ยไวใ้ นความดูแล 4) ใหข้ ้อมลู ที่ผู้ป่วยควรทราบเมือ่ ต้องเข้ารับการรกั ษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล พยาบาลประจำหอผปู้ ว่ ยทรี่ ับใหม่ 1) รับสง่ ตอ่ ขอ้ มลู ของผปู้ ่วย วางแผนกับทีมพยาบาลเพ่อื แยกประเภทผูป้ ว่ ย 2) บริหารจัดการในทีมพยาบาลเพ่ือเตรียมเตียงและเครื่องมือทจ่ี ำเป็นสำหรบั ผูป้ ว่ ย 3) ซกั ประวตั ิ ตรวจร่างกาย ตรงจสอบผลตรวจทางห้องปฏบิ ตั กิ ารต่าง ๆ 4) ใหค้ ำแนะนำขอ้ ปฏบิ ตั ติ า่ ง ๆ ทเ่ี กย่ี วกับหอผปู้ ว่ ย ขนั้ ตอนการรบั ใหมผ่ ู้ป่วย การรบั ใหม่ผู้ป่วยโดยใชก้ ระบวนการพยาบาล มีดังนี้ 1) การประเมินสภาพผู้ปว่ ยแรกรบั และการรวบรวมข้อมลู โดยคำนงึ ถึงการพยาบาลด้วย จิตใจเอื้ออาทรและจติ ใจความเป็นมนุษย์อย่างเป็นองค์รวม ครอบคลุมด้านรา่ งกาย จิตใจ สังคม และ จิตวิญญาณ 2) การวนิ ิจฉัยทางการพยาบาล ได้จากการรวบรวมข้อมลู ถึงสาเหตุท่ีเข้ามารบั การรักษา ในโรงพยาบาล เพื่อวางแผนการให้การพยาบาล เช่น ผู้ป่วยวิตกกังวลเกี่ยวกับการเข้ารับการรักษา ผู้ป่วยมีความเส่ียงในการเกดิ ภาวะตา่ ง ๆ ขณะรบั การรกั ษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 3) การวางแผนการพยาบาลตามข้อวนิ ิจฉัยทางการพยาบาล เลอื กกจิ กรรมการพยาบาล ที่เหมาะสมกับข้อวินิจฉัยทางการพยาบาลเพือ่ ให้การพยาบาลนัน้ เกิดผลลัพธ์ในการบรรเทาอาการไม่ สุขสบายของผ้ปู ่วย หลังจากนนั้ ประเมนิ ผลการพยาบาลต่อไป การปฏิบตั กิ ารพยาบาลในการรับใหม่ 1) ทักทายผู้ป่วยด้วยท่าทีที่เป็นมิตร สีหน้ายิ้มแย้มเพื่อสร้างความประทับใจและลด ความวติ กกงั วล 2) แนะนำตวั กับผู้ปว่ ยและญาติ 3) ตรวจสอบช่อื นามสกลุ กับบัตรประจำตัวประชาชน 4) ประเมนิ อาการและอาการแสดงของผปู้ ่วย และตรวจสอบแผนการรกั ษาของเเพทย์ 80
5) จัดส่งิ แวดลอ้ มให้กบั ผปู้ ่วยอย่างเปน็ สัดสว่ นและดูแลชว่ ยทำความสะอาดใหก้ ับผู้ป่วย 6) ซักประวตั ิเก่ียวกับการเจ็บปว่ ย ประเมนิ สัญญาณชีพ ตรวจร่างกาย และการรวบรวม ขอ้ มลู อ่นื ๆ 7) แนะนำขน้ั ตอนการปฏิบตั ติ นขณะเขา้ รับการรักษาในหอผปู้ ่วย แนะนำเจ้าหน้าท่ีและ บุคลากรทางสขุ ภาพในหอผูป้ ่วย 8) แนะนำการใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น การปรับระดับเตียง การใช้กริ่งหรือออดสัญญาณ เรยี กพยาบาล เปน็ ต้น 9) แนะนำกฎระเบียบที่จำเป็นสำหรับผู้ป่วย เช่น เวลาเเพทย์หรือพยาบาลตรวจเยี่ยม เวลาเยย่ี มของญาตแิ ละเหตผุ ลของการกำหนดเวลาต่าง ๆ 10) จัดอุปกรณใ์ หส้ ะดวกตอ่ การหยิบใชแ้ ละจัดให้ผปู้ ่วยอยูใ่ นทา่ สขุ สบาย 11) เปิดโอกาสใหผ้ ู้ป่วยและญาติซกั ถามข้อสงสัย 12) แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิการรักษาและเซ็นใบยินยอมการรักษา (Informed consent) 13) ดูแลเสื้อผ้าและสิ่งของมีค่าของผู้ป่วย กรณีผู้ป่วยจำเป็นต้องฝากสิ่งของมีค่าไว้กับ พยาบาลตอ้ งเซ็นรบั ไวเ้ ป็นหลักฐานอย่างชัดเจน 14) ลา้ งมือใหส้ ะอาดและเชด็ ใหแ้ หง้ 15) บันทึกทางการพยาบาล วางแผนให้การพยาบาลตั้งแต่รับใหม่จนถึงวางแผน จำหน่ายหรอื สง่ ตอ่ ผปู้ ่วย 16) การประเมินผลการพยาบาล ผู้ป่วยเข้าใจในวิธีการและขั้นตอน ขณะเข้ารับการ รักษาในโรงพยาบาลอย่างปลอดภัย คำศัพท์ ความหมาย Admit รับใหม่ Chief complain (CC) อาการสำคญั ที่ทำใหผ้ ู้ปว่ ยมาโรงพยาบาล Present illness (PI) ประวัติการเจ็บปว่ ยปจั จุบัน Past illness ประวัตกิ ารเจ็บป่วยในอดีต Family illness ประวตั ิการเจบ็ ป่วยในครอบครวั Allergy history ประวัติการแพย้ า อาหาร สารเคมตี ่าง ๆ 81
คำศพั ท์ ความหมาย Medication Reconciliation (MR) ใบบันทกึ ยาทผี่ ู้ปว่ ยใชเ้ ปน็ ประจำ Discharge จำหน่าย Discharge planning การวางแผนจำหน่าย Refer ส่งต่อ ตารางที่ 3-1 แสดงคำศัพท์ท่ีเก่ยี วขอ้ งกับการรบั ใหม่ผ้ปู ่วยในโรงพยาบาล 3.1.3 การซกั ประวัติผู้ป่วยรับใหม่ การซกั ประวัตผิ ู้ปว่ ยรับใหมม่ ขี อ้ มูลทเ่ี ก่ียวข้องในการซกั ประวัตดิ งั นี้ Chief complain (CC) คือ อาการสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยมาโรงพยาบาล / อาการนำส่ง “เปน็ ข้อความสำคัญ 1 – 3 อาการ + ระยะเวลา” ตวั อยา่ ง : ปัสสาวะเปน็ สีแดงเขม้ 3 ช่วั โมงกอ่ นมาโรงพยาบาล อาเจยี น ถ่ายเหลว 6 ชัว่ โมงก่อนมาโรงพยาบาล แผลทนี่ ิ้วหวั แมเ่ ทา้ ซา้ ยเปน็ สีคล้ำ มีหนองไหลมาก มีไข้ 6 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล Present illness (PI) คือ ประวัติการเจ็บป่วยปัจจุบัน ซักประวัติตั้งแต่เริ่มมีอาการ การแก้ไขปญั หาของผู้ปว่ ย จนกระท่งั ผ้ปู ่วยมาโรงพยาบาล เรียงตามลำดบั เวลา ตวั อย่าง - 1 สัปดาห์ก่อนมาโรงพยาบาล เดินเหยียบเศษไม้ นิ้วหัวแม่เท้าเป็นแผล ทำแผลเองที่ บ้าน - 3 วนั ก่อนมาโรงพยาบาล แผลท่นี วิ้ หวั แมเ่ ท้า บวม แดง มีหนองไหล ผปู้ ่วยทำแผลเอง และซ้ือยาแกอ้ ักเสบทร่ี า้ นขายยาใกล้บา้ นมารับประทาน - 6 ชั่วโมงก่อนมาโรงพยาบาล แผลที่นิ้วหัวแม่เท้าซ้ายเป็นสีคล้ำ มีหนองไหลมาก มีไข้ ญาติจึงนำสง่ โงพยาบาล *เทคนิค ซกั ประวัติปจั จุบนั แลว้ นำอาการสดุ ทา้ ยทผ่ี ู้ปว่ ยมาโรงพยาบาลไวเ้ ปน็ อาการสำคัญ นำสง่ * 82
Past illness คอื ประวัตโิ รคประจำตวั / การผ่าตัดท่ีเคยได้รับ ตัวอยา่ ง - เปน็ เบาหวานมา 10 ปี รักษาท่ีโรงพยาบาล……....รับประทานยาดังนี้ …………………….. การเขียนยาที่ผู้ป่วยใช้เป็นประจำต้องเขียนให้ถูกต้อง รวมทั้งตรวจสอบความถูกต้องของยาเดิมที่ ผปู้ ่วยรบั ประทานตามใบ Medication Reconciliation (MR) ตวั อยา่ งการเขียนรายการยาทผ่ี ู้ปว่ ยรบั ประทาน Metformin (500) sig 1 tab b.i.d pc. Family illness คือ ประวัติการเจ็บป่วยในครอบครัว โดยเฉพาะโรคถ่ายทอดทาง พันธุกรรม เช่น ทาลัสซีเมีย ฮีโมฟีเลีย หรือโรคที่มีความเกี่ยวเนื่องกับการเจ็บป่วยในครอบครัว เช่น เบาหวาน ความดนั โลหิตสงู โรคมะเร็ง Allergy history คือ การซักประวัติเกี่ยวกับการแพ้ยา อาหาร สารเคมีต่าง ๆ รวมทั้ง อาการที่เกดิ จากการแพ้ เช่น ผื่นคัน คล่นื ไส้ อาเจียน ชอ็ ก กรณีผปู้ ว่ ยแพย้ าให้สอบถามการลงประวัติ การแพ้ยาในข้อมูลของโรงพยาบาลและบตั รแพ้ยาดว้ ย การรวบรวมประวตั ผิ ปู้ ว่ ย การรวบรวมประวัติผู้ป่วยสามารถใช้แบบประเมินของทฤษฎีการพยาบาลต่าง ๆ ซึ่งใน การรวบรวมข้อมูลครั้งนี้ รวบรวมประวัติผู้ป่วยด้วยแบบประเมินแบบแผนสุขภาพของกอร์ดอน (11 pattern Gordon) ดงั นี้ การซกั ประวัติ การสังเกต/การตรวจร่างกาย 1. แบบแผนการรบั รู้และการดแู ลสขุ ภาพ 1. การรบั รูส้ ุขภาพและการดแู ลสุขภาพ 1.1 การรบั รสู้ ขุ ภาพโดยทัว่ ไปในปจั จุบนั 1.1 ลักษณะทัว่ ไปและความพิการ -ก่อนปว่ ย..................................................... ……………................................................................. -ขณะป่วย..................................................... .........……………………………………………………............ 1.2 ประวตั ิการตรวจรา่ งกาย 1.2 สภาพจิตใจโดยทวั่ ไป ........................................................................ ................................................................................ 1.3 การดแู ลความสะอาดของร่างกาย 1.3 ความสะอาดรา่ งกาย, เคร่ืองแตง่ กาย ตามปกติ อาบนำ้ วนั ละ ........... ครั้ง ................................................................................ แปรงฟันวันละ .......... ครัง้ ................................................................................ ขณะเจบ็ ปว่ ยอาบนำ้ วนั ละ .......... ครง้ั แปรงฟนั วันละ ........... ครั้ง 83
การซักประวัติ การสังเกต/การตรวจร่างกาย 1.4 พฤติกรรมเส่ยี ง 1.4 ความร่วมมอื ในการรักษาพยาบาล สบู บุรี่............(ปริมาณ/วนั )ระยะเวลา ................................................................................ ดืม่ เหล้า...........(ปรมิ าณ/วนั )ระยะเวลา ................................................................................ สิ่งเสพติดอนื่ ๆ(ระบุ) ........................................................................ ยาที่รับประทานเปน็ ประจำ ........................................................................ ........................................................................ 1.5 การแพ้สารต่างๆ (อาหาร, ยา, สารเคมีฯ) ………………………………….........................……… อาการและการแกไ้ ข …………………........…………………………………… 1.6 การดูแลสุขภาพตนเอง -กอ่ นป่วย ........................................................................ - ขณะป่วย ........................................................................ 1.7 ความรู้เกี่ยวกบั โรคและการรักษา ........................................................................ สรปุ ผลการประเมนิ พฤตกิ รรมการดูแลสุขภาพท้ังในภาวะปกติและการแก้ปัญหาการเจ็บปว่ ยภายใต้สภาพชีวิต ความเป็นอยู่ ข้อจำกัด เงื่อนไขและปัจจยั ท่ีมผี ลต่อการรับรูแ้ ละการดูแลสุขภาพ เช่น ข้อจำกัดทาง กาย ฐานะความเปน็ อยู่ ชอ่ งทางและความสามารถในการเรยี นรู้ หรอื ปรบั ตวั เพอื่ หาวธิ ีการแก้ปญั หา การปรับตวั เหมาะสมหรอื ไม่ 2. อาหารและการเผาผลาญสารอาหาร ประเมนิ การทำหนา้ ทีข่ องระบบย่อยอาหาร 2.1 พฤติกรรมการรบั ประทานอาหารทีส่ ังเกตได้ 2.1 ชนดิ และปรมิ าณอาหารทรี่ ับประทาน ................................................................................ ……………………………………………………………… ………………………………………………………………. 84
การซักประวัติ การสังเกต/การตรวจรา่ งกาย 2.2 ชนิดและปริมาณนำ้ ทไ่ี ด้รบั ปรมิ าณน้ำที่ไดร้ บั ต่อวัน ……………………………………………………………… .................................................………………………… ………………………………………………………………. ………………......................…………….. 2.3 อาหารทีไ่ มร่ ับประทาน และเหตผุ ล 2.2 อาหารเฉพาะโรค ........................................................................ ................................................................................ ........................................................................ ................................................................................ 2.4 อาการผิดปกติ เช่น ท้องอืดเฟ้อ เบ่ือ 2.3 การตรวจร่างกาย (นำข้อมูลจากการตรวจ อาหาร คลื่นไส้อาเจียน ปัญหาเกี่ยวกับการ ร่างกายตามระบบ) เค้ียว กลืน และการแกไ้ ข 1) นำ้ หนัก........... ส่วนสงู ...............BMI .......... ........................................................................ index (ค่าปกติผู้หญิง 18 – 24 kg/m2, ผู้ชาย 20 ........................................................................ – 27 kg/m2) 2.5 การเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัวในระยะ 2) ผวิ หนงั ความยดื หยนุ่ ความชืน้ บวม 1 ปี ................................................................................ ........................................................................ ................................................................................ ........................................................................ - ผม................................................................... - เล็บ ................................................................ 3) ตา................................................................... 4) ชอ่ งปาก คอ ฟนั ................................................................................ 5) ท้อง ลกั ษณะท้อง................................................... Bowel sound …………………………………….. ก้อนในท้อง..................................................... 6) ต่อมน้ำเหลือง................................................. ................................................................................ 7) ต่อมธยั รอยด.์ .................................................. ................................................................................ 2.4 ผลการตรวจทางหอ้ งปฏิบัตกิ ารท่ีเกย่ี วขอ้ ง ( เชน่ CBC, Electrolytes ,BS, LFT, lipid profile และอืน่ ๆ) 85
การซักประวัติ การสังเกต/การตรวจรา่ งกาย สรุปผลการประเมนิ ............................................................................... ผลการตรวจที่เกี่ยวข้องกบั ภาวะโภชนาการ การตรวจพเิ ศษท่เี กย่ี วขอ้ งอื่นๆ (เชน่ Ultrasound, gastroscope และอื่นๆ ) ตรวจระบบทางเดิน อาหาร ............................................................................. Body mass index เหมาะสมหรือไม่ ปริมาณพลังงานที่ควรได้รับในแต่ละวันเพียงพอกับ ความตอ้ งการของร่างกายหรอื ไม่ มีสาเหตอุ ะไรบา้ งทีท่ ำใหไ้ ด้รบั อาหารไมเ่ พียงพอ *สตู ร BMR สำหรับผชู้ าย = 66 + (13.8 x นำ้ หนกั (กโิ ลกรัม) + (5 x ส่วนสูง(เซนตเิ มตร)) - (6.8 x อายุ(ป)ี หน่วยเปน็ กโิ ลแคลอรีต่อวนั * BMR = 655 + (9.6 x น้ำหนัก (กิโลกรัม)) + (1.8 x ส่วนสูง (เซนติเมตร)) - (4.7 x อายุ (ป)ี ) 3. การขบั ถา่ ย ประเมินการทำหน้าที่ของระบบทางเดิน 3.1 การตรวจลักษณะท้อง ปสั สาวะและการขบั ถ่ายอุจาระ ................................................................................ 3.1 ปสั สาวะ ................................................................................ ……………………………………………………….......... 3.2 การใชส้ ายสวนปสั สาวะ(ระบ)ุ ……………………………………………………………… ................................................................................ 3.2 อจุ จาระ 3.3 Colostomy, Ileostomy, Jejunostomy ……………………………………………………….……… ………………………………………………………. ……………………..……………………………………… 3.4 การขบั ถ่ายปสั สาวะ/อุจจาระขณะปว่ ย ................................................................................ จำนวนของเหลวทอ่ี อกจากร่างกาย (ปสั สาวะ, ทอ่ ระบายและอ่นื ๆ)…………………….............……………. ปัญหาการขับถ่ายปัสสาวะ/อุจจาระ ................................................................................ 3.5 ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการและการตรวจ พิเศษ 86
การซกั ประวัติ การสงั เกต/การตรวจรา่ งกาย (เชน่ U/A, U/C, Stool exam และอนื่ ๆ) ……………………………………………......................…….. สรุปผลการประเมิน การขับถ่ายปสั สาวะ ลักษณะ สี จำนวนครัง้ ปริมาณ มากหรือน้อยเกินไปหรือไม่ (0.5-1 มิลลิตร/ กิโลกรัม/ชั่วโมง) ผลการตรวจ U/A ผดิ ปกตหิ รอื ไม่ มปี ัญหาท้องผกู หรือไม่ ปจั จัยใดบา้ งท่ีทำให้เกดิ ปัญหาความผดิ ปกตขิ องการขับถ่ายอุจจาระ / ปัสสาวะ 4. กิจกรรมและการออกกำลังกาย - ระบบทางเดนิ หายใจ - ระบบหวั ใจและการไหลเวียนเลือด - ระบบกระดูกและกล้ามเน้อื 4.1 การช่วยเหลือตนเองในก่อนป่วย/ ขณะ 4.1 การช่วยเหลอื ตนเอง ปว่ ย (ADL)...................................................................... - อาบนำ้ 4.2 ระบบกลา้ มเน้ือและกระดกู ก่อนป่วย……….........……………….. - ความแข็งแรงของกล้ามเนอื้ (Muscle power) ขณะปว่ ย...................................... ............................................................................... - แตง่ ตวั - การเคลื่อนไหวของข้อ/อาการบวม (Range of ก่อนปว่ ย...................................... motion/ edema) ขณะปว่ ย....................................... ………………………………………………........................... - รับประทานอาหาร ................................................................................ ก่อนป่วย...................................... 4.3 ระบบหายใจ ขณะป่วย........................................ - อตั ราการหายใจ.............ครงั้ /นาที - ขบั ถ่าย - จังหวะ……………………………………….... ก่อนปว่ ย....................................... - ลักษณะ (เช่น tachypnea, bradypnea การ ขณะปว่ ย ....................................... เคลือ่ นไหวของทรวงอก) 4.2 การดูแลท่ีพักอาศัย ................................................................................ ……………………………………………………………… ................................................................................ 4.3 กิจกรรมในงานอาชีพ/ ลักษณะงานที่ทำ - การตรวจร่างกายทางเดนิ หายใจ อยู่ในปัจจบุ ัน ................................................................................ ….............................................................. 87
การซักประวัติ การสังเกต/การตรวจร่างกาย 4.4 การออกกำลงั กาย กีฬา งานอดิเรกใน - เสยี งปอด ภาวะปกต/ิ ขณะเจ็บป่วย ............................................................................. ........................................................................ - หตั ถการท่ีเกย่ี วข้อง ( เชน่ ICD) 4.5 ประวัติการเป็นลม หายใจขดั เจบ็ หน้าอก ................................................................................ หอบเหนอื่ ย ความดนั โลหิตสูง - ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้อง (เช่น ........................................................................ blood gas, sputum AFB) ........................................................................ ................................................................................ ............................................................................... - ชนดิ /ประเภทของการไดร้ บั ออกซิเจน ....................……………………………………………… 4.4 ระบบหัวใจและหลอดเลอื ด - ชพี จร อัตรา .........คร้งั ต่อนาที / จงั หวะการเตน้ (regular, irregular)………………. / ความแรงของ ชพี จร...................................................................... - หัวใจ อัตราการเตน้ ของหัวใจ .........คร้ังตอ่ นาที เสียงหัวใจ............................................................... - ความดันโลหิต ...................................................... - ผ ล ก า ร ต ร ว จ พ ิ เ ศ ษ อ ื ่ น ๆ เ ช ่ น EKG, Echocardiogram.................................................. สรุปผลการประเมิน -ระบบหายใจ (อัตราการหายใจ จังหวะ เสยี งปอด) ผดิ ปกตหิ รอื ไม่ การซักประวตั สิ าเหตุใดบ้างที่ทำ ใหเ้ กิดความผิดปกติ เช่น stridor at…… -ระบบหัวใจและหลอดเลือด (ชีพจรกี่คร้ัง/นาที จังหวะ เสียงหัวใจ ความดันโลหิตเท่าไหร่ สีผิวและ ปลายมือปลายเท้ามีภาวะซีด/เขียวหรือไม่) การซักประวัติสาเหตุใดบ้างที่ทำให้เกิดความผิดปกติ การตรวจทางหอ้ งปฏบิ ัตกิ าร เชน่ Hb -ระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ เช่น ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ การเคลื่อนไหวการทรงตัว การซัก ประวตั สิ าเหตใุ ดบ้างท่ที ำใหเ้ กดิ ความผิดปกติ -ความสามารถในการทำกจิ กรรม เช่น ADL ก่ีคะแนน การทำกิจกรรมใดท่ีไม่สามารถทำไดบ้ ้าง 88
การซกั ประวัติ การสังเกต/การตรวจร่างกาย 5. การพักผอ่ น นอนหลบั 5.1 กอ่ นป่วย 5.1 พฤติกรรมก่อนการนอน (เช่น อ่านหนงั สอื , - นอนกลางวัน วันละ....................ชัว่ โมง สวดมนต์ ดูทวี ี) - นอนกลางคืน คนื ละ ...................ช่ัวโมง ……………………………………………………………………. ปัญหาเกีย่ วกับการนอน สาเหตุ และการแก้ไข 5.2 พฤติกรรมการนอน ........................................................................ ……………………………………………………………………… ........................................................................ ……..……………………………………………………………… 5.2 ขณะป่วย 5.3 พฤติกรรมการผ่อนคลาย - นอนกลางวัน วนั ละ......................ช่ัวโมง ................................................................................ - นอนกลางคนื คืนละ....................ช่วั โมง 5.4 การตรวจทางหอ้ งปฏิบัติการและการตรวจ ปญั หาเกี่ยวกับการนอน สาเหตุ และการแก้ไข พิเศษ (เช่น sleep apnea) ........................................................................ ................................................................................ ........................................................................ ................................................................................ 5.3 การผอ่ นคลาย/การปฏิบัตติ นใหร้ ู้สกึ ผ่อน 5.5 อาการทีแ่ สดงถึงการพกั ผ่อนไม่เพยี งพอ คลาย ................................................................................ ……………………………………………………………… ………….…………………………………………………. 5.4 การพักผ่อนในปัจจุบันรู้สึกว่าเพียงพอ หรือไม่ ........................................................................ ....................................................................... 5.5 การผ่อนคลาย/การปฏบิ ัตติ นใหร้ ้สู กึ ผ่อน คลาย ........................................................................ ........................................................................ สรุปผลการประเมนิ นอนได้กี่ชั่วโมงต่อคืน เพียงพอหรือไม่ ( 6-8 ชั่วโมง ) มีอาการแสดงของอาการง่วง สาเหตุของการ พกั ผอ่ นไมเ่ พยี งพอมอี ะไรบ้าง 89
การซกั ประวัติ การสังเกต/การตรวจร่างกาย 6. สตปิ ญั ญาและการรบั รู้ - ระบบประสาทสว่ นกลาง การรับรคู้ วามปวด 6.1 Neurological signs - ระบบประสามสัมผสั - ระดับความ 6.1 ความผดิ ปกติของสายตา/ การแก้ไข รูส้ กึ ตัว…………………………………………………… ………………………………………………………………. - Glasgow coma score : 6.2 ความผิดปกติของการได้ยิน/ การแก้ไข Eye opening …..Verbal………..Motor ………………………………………………................... response………… ........................................................................ การรบั รู้บคุ คล เวลา สถานท่ี 6.3 ความผิดปกติของการได้กล่นิ /การแก้ไข ……………………………………………………………………... ........................................................................ Reflex……………………………………………………………. 6.4 ความผดิ ปกตใิ นการรับรส/ การแก้ไข - Signs of Meningeal Irritation ………………………………………………................... …………………………………………………………………… 6.5 ความผดิ ปกติในการสมั ผัส/ การแก้ไข 6.2 ตรวจการมองเหน็ (V/A) ………………………………………………................... …………………………………………………........................ ........................................................................ 6.3 ตรวจการไดย้ ิน 6.6 มีอาการปวดที่/ การแก้ไข ………....................................................................... ………………………………………………................... 6.4 ตรวจการรบั รส ........................................................................ ……………….............................................................. 6.7 มอี าการเหนบ็ ชาที่/การแกไ้ ข 6.5 ตรวจการสมั ผสั การตรวจผวิ หนัง บาดแผล ………………………………………………................... ................……………………………………………………… ........................................................................ 6.6 ตรวจอาการเจ็บปวด, ชา ................................................................................ Pain score ……………………………………………………………………. 6.7 การประเมนิ ความจำ …………………………………………………………………… 6.8 ลกั ษณะการโตต้ อบ/การใช้ภาษา ……………………………………………………………………… …………………………………………………………………….. 90
การซกั ประวัติ การสงั เกต/การตรวจร่างกาย 6.9 การตรวจพิเศษอ่นื ๆ เช่น CSF, IICP ……………………………………………………………............ สรุปผลการประเมนิ - ความผิดปกติของการได้ยิน การมองเห็น การได้กลิ่น การรับรส และการสัมผัส อาการเหน็บชา เจ็บปวด pain score - ความสามารถในการจำ การแก้ปัญหา ตลอดจนการตัดสินใจเมื่อต้องเผชิญกับปัญหาทั้งในยาม ปกติและยามเจ็บป่วย ทั้งนี้เพอื่ ประเมนิ ศักยภาพในการดูแลตนเองและการแกป้ ัญหาดา้ นสุขภาพ - ความผิดปกตขิ องการรับรู้ต่อบคุ คล สถานท่ี และเวลา/ลกั ษณะการตอบโต้/กระดับความรู้สกึ ตัว/ - Neurological signs ไดก้ ่คี ะแนน ปกติหรอื ไม่ /Reflex ผดิ ปกตหิ รอื ไม่ 7. การรบั ร้ตู นเองและอตั มโนทัศน์ 7.1 ความรสู้ ึกตอ่ รปู รา่ งหนา้ ตาตนเองอยา่ งไร 7.1 พฤติกรรมที่แสดงถึงความสนใจในรูปร่าง - ก่อนป่วย หนา้ ตาของตนเอง .…………………………….............……….…………… ………………………………………...........………….………… - ขณะปว่ ย ……………………………………..............…………………… ........................................................................ 7.2 การปดิ บังอวยั วะบางสว่ น 7.2 ความรู้สกึ ต่อความสามารถตนเอง …………..…………………………………………............…… - กอ่ นปว่ ย.......………………..........………………. ……………………………………………………………………… - ขณะป่วย…………………………..............……….. 7.3 การเปรียบเทียบตนเองก่อนและหลังเจ็บป่วย 7.3 ความรู้สึกผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับความ หรือกับผู้อนื่ เจ็บปว่ ย ……………………………...........……………………………… ………………………………….....................………… ……………………………............…………………………….. ……….……………………………….....................…… 7.4 การยอมรบั ความเจ็บปว่ ยของตนเอง 7.4 ความรู้สึกว่าตนเองมีความหมายและ ……………………………...........………………………..…… ความสำคญั ตอ่ ผอู้ ่ืน ……………………...........……………………………............. - กอ่ นป่วย ........................................................................ - ขณะป่วย ........................................................................ 91
การซกั ประวัติ การสังเกต/การตรวจร่างกาย 7.5 ค ิ ด ว ่ า ต น เ อ ง ม ี อ ุ ป น ิ ส ั ย อ ย ่ า ง ไ ร ........................................................................ ........................................................................ สรปุ ผลการประเมิน การรับคณุ ค่า ความภาคภมู ิใจ ความม่ันใจในตนเอง ภาพลกั ษณ์ ส่งผลต่อการเจบ็ ปว่ ย ส่งผลต่อการ ดูแลสุขภาพและการรับรู้ความเจ็บป่วยของตนเอง ความสนใจในรูปร่างหน้าตาตนเอง การปิดบัง อวยั วะบางส่วน การเปรยี บเทียบตนเองกบั ผู้อื่น สหี น้าท่าทางทแ่ี สดงความภาคภูมิใจ/การท้อแท้สิ้น หวัง 8. บทบาทและสัมพนั ธภาพ 8.1 จำนวนสมาชิกในครอบครัว 8.1 การมาเยยี่ มของบคุ คลในครอบครวั / บคุ คลอ่นื ....................................................................... ……………………………………………………..……………… 8.2 บทบาทและสัมพันธภาพกับสมาชิกใน ……………………………………………………………………… ครอบครัว 8.2 ปฏสิ ัมพันธ์กับผ้มู าเย่ียม ……………………………………………………………… …………………………………………………….……………… 8.3 บทบาทและสมั พนั ธภาพในสังคม ……………………………………………………………………… ...................……………………………………………… 8.3 อุปสรรคของการสื่อสาร เช่น การใส่ท่อช่วย 8.4 การเปลี่ยนแปลงของบทบาทหน้าที่ หายใจ การผ่าตัดกล่องเสยี ง สัมพันธภาพกับคนในครอบครัวขณะป่วย ………………………………….………………………………… …………………….………………………………………… …………………….………………………………….…………… ……………………………………………………………… 8.4 สมั พันธภาพของผูป้ ่วยและบุคลากรในทีม 8.5 การเปลย่ี นแปลงของบทบาท หนา้ ที่ สขุ ภาพ สัมพันธภาพในอาชพี ขณะป่วย ................................................................................ ........................................................................ ................................................................................ ........................................................................ 8.6 มใี ครมาเย่ยี มบา้ ง ........................................................................ 92
การซกั ประวัติ การสังเกต/การตรวจร่างกาย สรปุ ผลการประเมิน การเจ็บป่วยส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงบทบาทหน้าที่ สัมพันธภาพกับคนในครอบครัวขณะป่วย ขณะป่วยนีก้ ระทบตอ่ อาชพี การงานหรือไม่ อย่างไร 9. เพศและการสืบพันธุ์ 9.1 การพัฒนาการตามเพศและการเจริญ 9.1 พฤตกิ รรมตามเพศชาย/ หญิง พันธ์ุ (เฉพาะรายท่มี ขี อ้ บง่ ชวี้ า่ อาจผดิ ปกติ) การแต่งกาย เพศหญงิ ………………………………………..…………………………… - มีประจำเดอื นครง้ั แรกอายุ…………. ปี การแสดงออกทางสีหนา้ ท่าทางคำพดู -จำนวนวนั ที่มีประจำเดอื น …………….วนั …………………………………………………………. - อาการผิดปกติ …………………………………. ปฏสิ ัมพนั ธก์ ับบุคคลเพศเดยี วกนั และต่างเพศ - ประจำเดอื นครั้งสุดทา้ ย (LMP/ ……………………………………………………….…………… Menopause) ………………………………………… ……………………………………………………………………… 9.2 การรบั รใู้ นบทบาททางเพศ 9.2 การตรวจร่างกาย (เฉพาะรายที่มีข้อบ่งชี้ว่า ........................................................................ อาจมคี วามผดิ ปกติ) ........................................................................ - เต้านม (เฉพาะเพศหญิง) 9.3 เพศสมั พนั ธ์ ………………………….………………………………………… - จำนวนบตุ ร …………………คน ……….............………………………………………………….. - วิธีการคุมกำเนดิ .............………………........... -อวยั วะเพศ (ทัง้ เพศหญงิ และเพศชาย) ลักษณะ สี - อาการขา้ งเคยี ง……………………………………... กลน่ิ จำนวนของ สิ่งคัดหลงั่ ทอ่ี อกมา (Discharge) - ความถีข่ องการมีเพศสัมพันธ์.....……………… ………….………………………………………………………… - ปญั หาเรอื่ งเพศสัมพนั ธข์ ณะป่วย ……………………………………………….…………………… ........................................................................ 9.3 การตรวจทางห้องปฏิบัติการและการตรวจ - การปอ้ งกนั โรคทางเพศสัมพันธ์ พ ิ เ ศ ษ (เ ช ่ น Mammogram, Tumor marker) …………............………………………………………… ………………….………………………………………………… สรปุ ผลการประเมิน - การมีเพศสมั พันธ์มปี ัญหาหรือไม่ การคมุ กำเนดิ อยา่ งไร การปอ้ งกนั โรคทางเพศสัมพันธ์ุเหมาะสม หรือไม่ - เพศหญงิ ความผดิ ปกติขณะมปี ระจำเดือน ตกขาว ตกเลือด เป็นหนอง คัน มกี ้อน ตุ่มหรือไม่ - เพศชาย ปัญหาเกีย่ วกบั อวัยวะสบื พนั ธ์ หนอง คัน ตอ่ มลกู หมากโต ไส้เล่ือน มีกอ้ น/ตุม่ หรอื ไม่ - พฤติกรรมทแ่ี สดงออกเหมาะสมกับเพศหรือไม่ 93
การซกั ประวัติ การสังเกต/การตรวจรา่ งกาย 10. การปรับตัวและความทนทานกับ ความเครยี ด 10.1 ลักษณะทว่ั ไป/สหี น้าทา่ ทาง 10.1 ลกั ษณะพ้นื ฐานของอารมณ์ ................................................................................ ……………………………………………………………… ................................................................................ ……………………………………………………………… 10.2 ปฏกิ ริ ยิ าของรา่ งกายเมอ่ื เกดิ ความเครียด 10.2 สิ่งที่ทำให้ไม่สบายใจ กังวล กลัวใน ................................................................................ ปัจจบุ ัน ................................................................................ ……………………………………………………………… 1 0 . 3 ก า ร ต ร ว จ พ ิ เ ศ ษ / ก า ร ต ร ว จ ท า ง 10. 3 ผู้ให้คำปรึกษา ช ่ว ยเหลือ ให้ หอ้ งปฏบิ ตั ิการ กำลังใจ…………………………………………………… ................................................................................ ……………………………………………………………… ................................................................................ 10.4 ผลกระทบของการเจ็บป่วยในปัจจุบัน ต่อตนเอง ครอบครัว และ สังคม (งาน เพื่อน รว่ มงาน) ……………………………………………………………… ………………………………………………………………. 10.5 วิธีการระบายความเครียด ……………………………………………………………… ………………………………………………………………. สรปุ ผลการประเมิน มีความเครียด วติ กกงั วลหรอื ไม่ มสี าเหตมุ าจากอะไร 94
การซกั ประวัติ การสงั เกต/การตรวจรา่ งกาย 11. คณุ คา่ และความเชอื่ 11.1 ความต้องการปฏิบัติกิจกรรมทาง 11.1 สงิ่ ทน่ี บั ถือบูชา/ ส่งิ ทยี่ ดึ เหนีย่ ว ศาสนา/ความเชือ่ ขณะอยู่ในโรงพยาบาล ................................................................................ ……………………………………………………………… ................................................................................ …………………………………………………………… ................................................................................ 11.2 สง่ิ ยดึ เหนีย่ วขณะป่วย 11.2 การปฏบิ ัติกจิ กรรมทางศาสนาหรือพฤติกรรม ……………………………………………………………… ทป่ี ฏบิ ตั ติ ามความเชอื่ 11.3 ความเชื่อเกี่ยวกับสุขภาพและการ ................................................................................ เจ็บป่วย ................................................................................ ……………………………………………………………… ……………………………………………………………… 11.4 ความขัดแย้งระหว่างความเชื่อเกี่ยวกับ การเจ็บป่วยและการรกั ษาพยาบาล ……………………………………………………………… ……………………………………………………………… สรปุ ผลการประเมิน มีความม่ันคงเขม้ แขง็ ทางจติ ใจหรือไม่ ความเชื่อท่ีขัดกับการดูแลสุขภาพหรอื ไม่ ตารางท่ี 3-2 แสดงแบบประเมนิ แบบแผนสุขภาพของกอร์ดอน (11 pattern Gordon) 3.2 การพยาบาลเพือ่ การจำหน่ายผูป้ ่วย การจำหน่ายผู้ป่วย หมายถึง การให้ผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลเมื่อแพทย์เห็นว่าผู้ป่วยหาย หรือมีอาการดีขึ้น โดยใช้กระบวนการติดต่อประสานงานกับสหสาขาวิชาชีพ เพื่อการดูแลอย่าง ต่อเนอ่ื งภายหลังออกจากโรงพยาบาล (ณฐั สุรางค์ บุญจันทร์ และ อรุณรัตน์ เทพนา, 2559) 3.2.1 ประเภทการจำหน่ายผูป้ ่วย ประเภทการจำหน่ายผู้ปว่ ย ดังน้ี 1) ผปู้ ่วยทุเลา โดยแพทย์อนุญาตเปน็ ลายลกั ษณ์อักษร 2) ผู้ป่วยไมส่ มัครใจรักษาต่อในโรงพยาบาล ทั้งนี้ทีมพยาบาลต้องอธบิ ายให้ผู้ป่วยทราบ เบอ้ื งต้นเกีย่ วกับความไม่ปลอดภัยทอ่ี าจจะเกดิ ข้ึน โดยทมี แพทย์และโรงพยาบาลจะไมร่ ับผดิ ชอบใด ๆ ท้งั สิ้นและผปู้ ว่ ยจะตอ้ งเซน็ ชอ่ื ในใบไมส่ มัครใจรบั การรักษาดว้ ย 95
3) ผู้ป่วยหนีกลับ พยาบาลจะต้องลงบันทึกหลักฐาน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไว้ในบันทึก ทางการพยาบาลและแบบฟอร์มของโรงพยาบาล เพอ่ื ปอ้ งกนั ความผดิ พลาดหรือการฟ้องร้องที่อาจจะ เกดิ ขึ้น 4) ผ้ปู ว่ ยถึงแกก่ รรม พยาบาลจะตอ้ งบันทึกทางการพยาบาลตัง้ แต่แรกรับจนถึงอาการที่ รุนแรง การช่วยเหลือของแพทย์และการให้การพยาบาล และผ่านการลงความเห็นของแพทย์ ผู้รับผดิ ชอบวา่ ไมม่ ีสัญญาณชีพ (vital signs) ที่แสดงถงึ การมชี วี ติ อยู่ของผู้ปว่ ย 3.2.2 ขนั้ ตอนการจำหน่ายผูป้ ว่ ย การจำหนา่ ยผปู้ ่วยโดยใช้กระบวนการพยาบาล โดย ณฐั สรุ างค์ บญุ จันทร์ และอรณุ รัตน์ เท พนา, (2559) อธบิ ายไว้ดังนี้ 1) การประเมินผู้ป่วยและการรวบรวมข้อมูลด้านสภาพร่างกาย จิตใจ สังคม และจิต วิญญาณ รวมถึงแหล่งประโยชน์ภายหลงั การจำหน่าย เริ่มวางแผนตั้งแต่แรกรับ เพื่อติดตามประเมิน อยา่ งตอ่ เนื่องโดยทำไปควบคู่กบั การให้การพยาบาล 2) การวินจิ ฉยั ทางการพยาบาล 3) การวางแผนการพยาบาล เพื่อกำหนดเป้าหมายระยะสั้น ระยะยาวและวิธีการ ประเมินผล รวมทั้งเนื้อหาในการวางแผนจำหน่ายที่สื่อความหมายในทางปฏิบัติตามเฉพาะผู้ป่วยแต่ ละราย ซึ่งปรับเปลี่ยนได้ตลอดตามความเหมาะสม โดยใช้รูปแบบการจำหน่ายตามหลัก METHOD เป็นแนวทางปฏบิ ัติในการให้คำแนะนำกับผปู้ ว่ ยและสรปุ ผลการจำหนา่ ยทางการพยาบาล (discharge summary nurse note) ตามเอกสาร รายละเอียดดังนี้ M = Medication ผู้ป่วยมคี วามร้เู กย่ี วกบั ยาท่ีรบั ประทาน การสังเกตอาการผิดปกตริ ะหว่าง รบั ประทานยา ตัวอย่าง รับประทานยา ASA gr.1 sig 1 tab O.D. pc. สังเกตภาวะ เลอื ดออดง่าย หยดุ ยาก E = Environment ผู้ป่วยมีความรู้เกี่ยวกับการจัดการสิ่งแวดล้อม การแนะนำแหล่ง and Economic ประโยชน์ในชมุ ชน รวมทง้ั ขอ้ มลู เกี่ยวกับการจัดการปัญหาดา้ นเศรษฐกิจ และสงั คม T = Treatment ผู้ป่วยมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับทักษะที่จำเป็นในการปฏิบัติตามการ รักษาของแพทย์ การเฝ้าสังเกตอาการตนเอง และความสามารถในการ จดั การกับภาวะฉุกเฉนิ ของตนเองได้ ตัวอยา่ ง หากมอี าการเหนื่อย นอนราบไม่ได้ รีบพบแพทย์ 96
H = Health ผู้ป่วยมีความรู้เกี่ยวกับข้อจำกัดทางด้านร่างกายที่ส่งผลกระทบต่อการ ดำเนินชีวิตประจำวัน ให้สามารถปรับวิถีการดำเนินชีวิตให้เหมาะสมกับ ข้อจำกัดด้านสุขภาพ และสามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ได้ ตัวอย่าง ออกกำลังกายกล้ามเนอื้ แขนขา ขอ้ ต่อ ปอ้ งกนั ขอ้ ตดิ แขง็ O = Outpatient ผปู้ ่วยเหน็ ความสำคัญของการมาตรวจตามนดั และช่องทางการขอความ referral ช่วยเหลอื กรณีเกิดภาวะฉกุ เฉนิ D = Diet ผู้ป่วยเข้าใจและสามารถเลือกรับประทานอาหารได้เหมาะสมกับโรค หลกี เล่ยี งหรืองดอาหารที่เปน็ อนั ตรายต่อสุขภาพได้ ตารางที่ 3-3 แสดงรปู แบบการจำหนา่ ยตามหลัก METHOD 3.2.3 การปฏิบัตกิ ารพยาบาลในการจำหนา่ ย เมอ่ื มกี ารจำหนา่ ยผู้ปว่ ยออกจากโรงพยาบาล ข้นั ตอนการปฏบิ ัตกิ ารพยาบาล ดังน้ี 1) ตรวจสอบคำสงั่ การรักษาของเเพทย์ 2) ทบทวนแผนการจำหนา่ ยตามหลัก METHOD 3) อธิบายผู้ปว่ ยและญาตเิ กีย่ วกบั ขั้นตอนการจำหนา่ ย 4) คนื สิ่งของมคี ่า โดยตรวจสอบและเซ็นรับเพือ่ ป้องกันการผิดพลาด 5) อธบิ ายแผนการจำหนา่ ยกับผู้ปว่ ย 6) ประเมินความรู้ความเข้าใจและเปิดโอกาสให้ซักถามข้อสงสัยเกี่ยวกับการปฏิบัติตน เมอ่ื จำหน่ายออกจากโรงพยาบาล 7) ช่วยเหลือผู้ป่วยให้พร้อมที่จะกลับบ้าน เช่น เปลี่ยนเสื้อผ้า ทำแผล เก็บรวบรวม ส่งิ ของ เป็นต้น 8) ดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารการจำหน่ายตามนโยบายของโรงพยาบาล และติดต่อกับ แผนกการเงินเก่ียวกบั คา่ ใช้จา่ ย 9) ตรวจสอบสญั ญาณชพี สงั เกตและประเมินความรสู้ กึ ของผู้ป่วย 10) เคล่อื นย้ายผู้ป่วยพรอ้ มส่ิงของ โดยมีพยาบาลติดตามไปสง่ ด้วย 11) นำรถเขน็ ไปทำความสะอาดเพอื่ ลดจำนวนเช้อื จลุ นิ ทรยี แ์ ละเก็บเข้าที่ 12) ทำความสะอาดเตียงและส่งิ เเวดลอ้ ม ลา้ งมอื ใหส้ ะอาดและเช็ดให้แห้ง 97
13) บันทึกทางการพยาบาลเกี่ยวกับอาการผู้ป่วยก่อนจำหน่าย สัญญาณชีพ วิธีการ เคลื่อนย้าย คำแนะนำที่ให้กับผู้ป่วย และเวลาที่จำหน่ายออกจากหอผู้ป่วยให้สมบูรณ์เพื่อเก็บเป็น หลักฐานตามกฎหมาย 3.3 การพยาบาลเพอื่ การส่งต่อผู้ปว่ ย การส่งต่อผูป้ ่วย หมายถึง การย้ายผู้ปว่ ยระหวา่ งหอผู้ป่วยในโรงพยาบาลเดียวกันหรือการสง่ ต่อผู้ป่วยจากโรงพยาบาลหนึ่งไปยังอีกโรงพยาบาลหนึ่ง เพื่อเข้ารับการรักษาที่เหมาะสม (สุปาณี เสนาดิสยั และ วรรณภา ประไพพานิช, 2564) 3.3.1 ขน้ั ตอนการส่งตอ่ ผู้ปว่ ย 1) การประเมินผู้ป่วยและการรวบรวมข้อมูล ด้านสภาพร่างกาย จิตใจ สังคม และจิต วิญญาณให้ครอบคลุมก่อนการส่งต่อผู้ป่วย รวมทั้งประสานงานกับหอผู้ป่วยหรือโรงพยาบาลที่รับ ผู้ป่วยต่อเกี่ยวกับ เหตุผลวัตถุประสงค์ในการส่งต่อ การประเมินวิธีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยให้มีความ เหมาะสมและปลอดภยั 2) การวนิ ิจฉยั ทางการพยาบาล โดยคำนงึ ถึงความวิตกกงั วลของผู้ป่วยในการปรับตัวกับหอ ผ้ปู ่วยหรือโรงพยาบาลใหม่ และความเสี่ยงระหวา่ งการสง่ ต่อผูป้ ่วย 3) การวางแผนการพยาบาลเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดปกติในระหว่างการเคลื่อนย้าย ผู้ป่วยสุขสบาย ไม่มีความวิตกกังวลหรือมีความวิตกกังวลลดลงเกี่ยวกับการย้ายหอผู้ป่วยหรือ โรงพยาบาลและไม่เกดิ อบุ ตั ิเหตุใด ๆ ระหวา่ งการเคล่อื นยา้ ย 3.3.2 การปฏบิ ตั ิการพยาบาลในการสง่ ต่อ 1) ตรวจสอบความสมบูรณข์ องเอกสารการย้าย (Transfer form) 2) ดูแลเสื้อผ้าที่สวมใส่เพื่อป้องกันการเปิดเผยระหว่างการส่งต่อ รวมทั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ท่ตี ิดอยกู่ ับผูป้ ่วยและตรวจสอบสง่ิ ของทม่ี คี า่ 3) ให้การพยาบาลที่จำเป็นก่อนการเคลื่อนย้าย เช่น การวัดสัญญาณชีพ การดูดเสมหะ เป็นต้น 4) ทำการเคล่อื นยา้ ยดว้ ยพาหนะท่ีเหมาะสมสำหรบั ผู้ป่วย 5) ประเมินสภาพผู้ปว่ ยอีกครัง้ ก่อนส่งต่อผปู้ ่วย 6) ประสานงานกับหอผู้ป่วยหรือโรงพยาบาลที่ทำการส่งต่อ เพื่อเตรียมความพร้อมใน การรบั ผปู้ ว่ ย 7) ส่งมอบบันทึกทางการพยาบาลและเอกสารสำคัญที่จำเป็นสำหรับผู้ป่วย เพื่อความ ต่อเนือ่ งในการรกั ษา 98
8) การประเมินผลการพยาบาล ผู้ป่วยและครอบครัวเข้าใจในเหตผุ ลของการส่งต่อหรือ การยา้ ยผปู้ ว่ ยไปรับการรักษาในหอผ้ปู ่วยหรือโรงพยาบาลอน่ื และผู้ปว่ ยปลอดภัยจากการส่งตอ่ 3.4 บทสรุป การรับใหม่ การจำหน่าย การส่งต่อผู้ป่วยเป็นกระบวนการทำงานที่ต่อเน่ืองของพยาบาลท่ี เริ่มต้นจากการรับผู้ป่วยไว้ในโรงพยาบาล มีการวางแผนการจำหน่ายผู้ป่วยเพื่อให้สามารถจำหน่าย ผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ป่วยมีความพร้อมในการดูแลตนเองอย่างต่อเนื่องที่บ้าน สามาร ถ จำหนา่ ยได้ตามแผน กระบวนการทำงานทกุ ขั้นตอนมีความสำคัญ มีเปา้ หมายเพอื่ ใหผ้ ู้ป่วยปลอดภยั 3.5 คำถามทา้ ยบท 1 ประวัติการเจบ็ ป่วยปัจจบุ นั คือ ขอ้ ใด 1. Past illness 2. Family illness 3. Present illness 4. Chief complains 2 “อาเจียน ถา่ ยเหลว 6 ชว่ั โมงกอ่ นมาโรงพยาบาล” ประโยคน้หี มายถงึ ขอ้ ใด 1. Past illness 2. Family illness 3. Present illness 4. Chief complains 3 “เคยผ่าตดั ไส้ต่ิง เมอื่ 1 ปกี อ่ น” ประโยคน้ีหมายถึงขอ้ ใด 1. Past illness 2. Family illness 3. Present illness 4. Chief complains 99
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 527
Pages: