คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 124 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ ภาพที 2.10 แสดงบรรยากาศของการเกบ็ ข้อมูลวจิ ัยในรูปแบบสัมภาษณ์พดู คยุ แบบเจาะลกึ กบั ผ้ใู ห้ข้อมูลทเี ป็ นผู้สูงอายุในต่างประเทศ
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 125 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ ภาพที 2.11 แสดงบรรยากาศของการเกบ็ ข้อมูลวจิ ัยกบั ผ้ทู รงคุณวฒุ ิในต่างประเทศ
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 126 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกบั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ ภาพที 2.12 แสดงบรรยากาศของการเกบ็ ข้อมูลวิจัยกบั กลุ่มผู้ทรงคณุ วฒุ ิและนักศึกษา ในต่างประเทศ
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 127 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ นอกจากนัน ยงั มีการศึกษาวิจัยเรืองการใช้สือใหม่ประเภทเฟซบุ๊กกับการสือสาร สุขภาพ โดย อิริยาพร อุดทา (2559) ไดท้ าํ การศึกษาเนือหารูปแบบการสือสารสุขภาพและศึกษา กลยทุ ธ์การสือสารสุขภาพออนไลนผ์ า่ นสือเฟซบุ๊กของโรงพยาบาลพญาไท ผลการวิจยั พบวา่ การ สือสารสุขภาพออนไลน์ผา่ นสือเฟซบกุ๊ มีเนือหาให้ความรู้ทางการแพทยแ์ ละมีรูปแบบการนาํ เสนอ ทีเป็ นบทความมากทีสุด สามารถเขา้ ถึงไดท้ ุกช่วงวยั ทงั ชายและหญิง โดยผ่านการนาํ เสนอเนือหา สุขภาพทีสามารถนาํ ไปประยุกตใ์ ช้ไดใ้ นชีวิตประจาํ วนั จนเกิดเป็นกลุ่มคนออนไลน์ทีคอยแบ่งปัน สาระความรู้ให้แก่กนั และกนั แลกเปลียนข่าวสารผา่ นสือสงั คมออนไลน์ไดจ้ ริงและสามารถนาํ ไปสู่ การพฒั นาระบบสุขภาพของสังคม ทาํ ให้รู้ถึงวิธีป้องกนั โรคและเรียนรู้ทีจะพึงพาตนเองและเป็ นที พึงให้กบั ผูอ้ ืนได้ สําหรับผลการศึกษาเกียวกบั การสือสารสุขภาพออนไลน์ผา่ นสือเฟซบุ๊กแบ่ง ประเดน็ ตามวตั ถุประสงค์ ไดด้ งั นี 1) ด้านเนือหาเกยี วกบั การสือสารสุขภาพออนไลน์ผ่านสือเฟซบุ๊ก พบขอ้ มูล คือ การนาํ เสนอเกียวกบั ประเด็นความรู้ (Knowledge) โดยเนือหาเกียวกบั การ สือสารสุขภาพออนไลน์ผา่ นสือเฟซบุก๊ นนั เนือหาสุขภาพจะช่วยทาํ ให้เกิดความรู้ ความเขา้ ใจใน การสร้างจิตสํานึกเพือการสร้างเสริม ปรับเปลียน ทีคงไวซ้ ึงพฤติกรรมสุขภาพทีถูกตอ้ งเหมาะสม เพือพฒั นาสุขภาพและคุณภาพชีวิต ซึงเนือหาทีเกียวกบั การสือสารสุขภาพนนั จะส่งผลต่อการ สือสารทีอาจเกิดขึนในรูปของการรับรู้ เกิดความสนใจ และตระหนกั ถึงสุขภาพของตนเองหรือผคู้ น รอบขา้ งหรือสมาชิกในครอบครัวดว้ ย เนือหาทีปรากฏเป็ นเนือหาสุขภาพเพือให้ความรู้ทางการ แพทยใ์ นเบืองตน้ พร้อมทงั วิธีการปฏิบตั ิตนในภาวะฉุกเฉิน เพือแก้ไขไดอ้ ย่างถูกต้อง เนือหา ความรู้เหล่านียงั สามารถช่วยลดความเสียงจากการใช้ยาและความเข้าใจผิดต่างๆ ช่วยให้ กลุ่มเป้าหมายพน้ จากการใชช้ ีวติ เสียงภยั และสามารถช่วยชีวติ ผอู้ ืนไดอ้ ยา่ งทนั ทว่ งที ประเด็นสร้างความสมั พนั ธ์ (Relationship) เนือหาทีปรากฏเป็ นเนือหาสุขภาพเพือสร้างความสัมพนั ธ์กบั กลุ่มเป้าหมายเรืองสุขภาพ ดงั นันการสร้างความสัมพนั ธ์ จึงเป็ นการสร้างความตระหนกั รู้ให้กบั กลุ่มเป้าหมาย ให้เห็นถึง ความสําคญั ของการมีสุขภาพดี เพือพฒั นาความสัมพนั ธ์ระหว่างผูส้ ่งสารกบั กลุ่มเป้าหมายให้ได้ ประโยชนท์ งั สองฝ่ าย ทาํ ใหก้ ลุม่ เป้าหมายเกิดความประทบั ใจเหมือนมีเพอื นทีไวใ้ จได้ สิงเหล่านียงั ส่งผลดีทาํ ให้เกิดการปรับเปลียนพฤติกรรมดา้ นสุขภาพไปสู่แนวทางทีถูกตอ้ ง
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 128 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกบั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ ประเด็นป้องกนั โรค (Prophylactic) เนือหาทีปรากฏเป็ นเนือหาสุขภาพ เพือให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความตระหนัก จดจาํ และ เรียนรู้วธิ ีการรับมือกบั โรคภยั ไขเ้ จบ็ ทีเกิดขึนโดยไม่รู้ตวั ยงิ ไปกวา่ นนั อาจช่วยในการป้องกนั ความ ตืนตระหนกทีอาจสร้างความเสียหายรุนแรงจากโรคระบาด เมือเรามี ความรู้ความเขา้ ใจในเรือง ของการป้องกนั ตนเอง จะช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุด เมือกลุ่มเป้าหมายมีความรู้ในการหลีกเลียง ป้องกนั มีการร่วมมือทีดี เป็ นผลใหก้ ารระบาดของโรคต่าง ๆ สินสุดลงไดอ้ ยา่ ง รวดเร็ว การสือสาร สุขภาพจึงมีความสําคญั ในยุคปัจจุบนั ในเรืองของการป้องกนั โรคหรือการช่วยเหลือ ชีวิตผูอ้ ืน ทาํ ใหก้ ลุ่มเป้าหมายมีสุขภาพทีแข็งแรงเมือดูแลสุขภาพของตนเองอยเู่ ป็ นประจาํ เมือความ ผิดปกติเกิด ขึนกบั ร่างกายหรือคนใกลช้ ิดก็จะทาํ ให้สามารถสังเกตุอาการในระยะเจ็บป่ วยเริมแรกเสีย แตเ่ นินๆ เพอื ให้ความรุนแรงของโรคลดนอ้ ยลงและป้องกนั ไมใ่ หล้ ุกลามไดใ้ นทนั ที ประเด็นพงึ พาตนเอง (Self-Reliance) เนือหาสุขภาพทีไดส้ ือสารกบั กลุ่มเป้าหมายนนั เกิดจากพฤติกรรมการดาํ เนินชีวิตทีมีความ เสียงมากขึนจากมลภาวะและอาการเจ็บป่ วย โดยอาการป่ วยส่วนมากเกิดจากการรับประทาน อาหาร ดงั นนั จึงมีการนาํ เสนอ ประเด็นสุขภาพการพึงพาตนเองดว้ ยการแนะนาํ การรับประทาน อาหารทีมีประโยชน์เป็ นส่วนใหญ่ โดยเนน้ ในการพึงพาตนเองหลีกเลียงอนั ตรายตา่ ง ๆ ทีส่งผลต่อ สุขภาพ เช่น การออกกาํ ลงั กายอยา่ งเหมาะสม การควบคุมอาหาร การไม่ดืมสุรา ไม่สูบบุหรี เป็ นตน้ เมือเรารู้วธิ ีการดูแลสุขภาพไดด้ ว้ ยตนเองแลว้ เราก็จะสามารถป้องกนั โรคต่าง ๆ เบืองตน้ ได้ 2) ด้านรูปแบบการสือสารเกียวกับสือสุขภาพออนไลน์ผ่านสือเฟซบุ๊ก พบข้อมูล คือ จะ นําเสนอด้วยรูปแบบต่างๆ ดงั นีคือ -รูปแบบบทความ (Article) โดยมีลกั ษณะเป็ นบทความการให้ขอ้ มูลแบบปัจเจกบุคคล เพือสือสารให้กลุ่มเป้าหมายเขา้ ใจและได้ความรู้เกียวกับสุขภาพของตนเองและผูอ้ ืน ประเด็น เนือหาสุขภาพส่วนใหญจ่ ะเป็นประเดน็ ทีไดร้ ับความสนใจในช่วงเวลาขณะนนั เพอื ให้สอดคลอ้ งกบั ความตอ้ งการของผรู้ ับสารในขณะนนั โดยตรง บทความทีนาํ เสนอผา่ นเฟซบุก๊ เป็ นเนือหา (Content) ทีจดั ทาํ ขึนเองโดยแพทยผ์ เู้ ชียวชาญ หากนาํ มาจากแหล่งอืนจะมีแหล่งอา้ งอิงทีชดั เจน จุดนีเองทาํ ให้ บทความออนไลน์มีลกั ษณะเนือหาทีแตกต่างจากบทความสุขภาพทวั ไป ทาํ ให้ผูร้ ับสารรู้สึกอยาก อ่านและเชือถือได้ มีการใชภ้ าษาในการเขียนทีอ่านเขา้ ใจได้ง่ายและนาํ ไปประยุกตใ์ ช้ไดจ้ ริงใน ชีวติ ประจาํ วนั
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 129 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกบั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ -รูปแบบถ่ายทอดสด (Live) เพอื ถ่ายทอดความรู้และตอบประเดน็ หวั ขอ้ สุขภาพทีผชู้ มอยากรู้ โดยการถ่ายทอดสดจะใช้ พธิ ีกรเพือเป็นตวั แทนถามคาํ ถามกบั แพทยเ์ ฉพาะทางของเรืองนนั มาตอบคาํ ถาม ผูช้ มสามารถพิมพ์ ขอ้ ความตอบโตไ้ ดท้ นั ที ซึงทาํ ใหก้ ารถ่ายทอดสดนนั สมจริงมากเหมือนเราไดน้ งั พูดคุยกบั แพทยต์ วั จริง จากการพิจารณารูปแบบการถ่ายทอดสด มีเนือหาประเด็นการสือสารทีครบทงั 5 ประเด็น ไดแ้ ก่ ไดค้ วามรู้ สร้างความสมั พนั ธ์ พฒั นาระบบสุขภาพของสงั คม ป้องกนั โรคและพึงพาตนเอง -รูปแบบสือประสม (Multimedia) เป็ นแบบผสมผสานระหวา่ งภาพและขอ้ ความหรือการใช้ภาพเคลือนไหวประเภทวีดิทศั น์ (Video) การสัมภาษณ์เกียวกบั สุขภาพของกลุ่มผูม้ ีปัญหาดา้ นสุขภาพ เพือแบ่งปันประสบการณ์กบั กลุ่มเป้าหมายทีมีความสนใจในเรืองเดียวกัน รูปแบบสือประสมนันมักเลือกประเด็นทีเป็ น ประโยชน์กบั กลุ่มเป้าหมาย เนือหาสุขภาพในรูปแบบนีจะมีลกั ษณะเป็นการแนะนาํ การดูแลสุขภาพ ของตนในชีวิตประจาํ วนั เช่น เรืองการรับประทาน การออกกาํ ลงั กาย หรือการสัมภาษณ์ผูป้ ่ วยจริง หลงั การผา่ ตดั ต่างๆ เป็ นตน้ สือประสมจึงเป็นรูปแบบหนึงทีใชเ้ พือสือสารเนือหาสุขภาพไดอ้ ยา่ งมี ประสิทธิภาพ -รูปแบบขา่ วสาร (News) ส่วนใหญ่จะเป็ นประเด็นในเรืองของการสร้างสัมพนั ธ์กบั กลุ่มเป้าหมาย เช่น การแจง้ ข่าว แพค็ เกจสุขภาพต่างๆ ใหก้ ลุ่มเป้าหมายทราบ โดยการโนม้ นา้ วดว้ ยบทความสุขภาพทีคาดวา่ จะเป็ น ประเด็นทีกลุ่มเป้าหมายสนใจอย่ใู นขณะนนั รูปแบบการสือสารประเภทข่าวสารมกั จะไดร้ ับการ ยอดกดไลค์ (Like) และเขา้ มาสอบถามราย ละเอียดเป็นจาํ นวนมาก รูปแบบของสารประเภทนีมี อิทธิพลกบั กลุ่มเป้าหมาย เนืองจากปัจจุบนั คนหันมาสนใจสุขภาพเป็ นจาํ นวนมาก การสือสาร สุขภาพรูปแบบข่าวสารจึงเป็ นเหมือนเครืองมือในการสร้างกระบวนการส่งเสริมสุขภาพไดอ้ ีกดว้ ย สาํ หรับผลการศึกษาดา้ นการใชก้ ลยุทธ์การสือสารสุขภาพผา่ นสือเฟซบุก๊ เพจ พบวา่ จะแบ่ง ออกเป็ น 2 กลยุทธ์ ได้แก่ 1) กลยุทธ์การสือสารเนือหา (Content) และ 2) กลยุทธ์รูปแบบการ สือสาร (Forms) ซึงทาํ ให้กลุ่มเป้าหมายเขา้ มามีปฏิสัมพนั ธ์เพิมขึน ดว้ ยการใชก้ ลยุทธ์รูปแบบการ นาํ เสนอดว้ ยการใชภ้ าษาทีสือสารไดอ้ ยา่ งชัดเจนตรงไปตรงมาและไม่ใชค้ าํ ยากให้กลุ่มเป้าหมาย ตีความผิดๆ ไม่ใช้ศพั ท์ทางการแพทยใ์ หส้ ับสน ผรู้ ับสารอ่านเขา้ ใจไดใ้ นทนั ที ดว้ ยการนาํ เนือหา สุขภาพ รูปภาพประกอบทีถูกลิขสิทธิมานาํ เสนอผา่ นสือเฟซบุก๊ สร้างความน่าเชือถือโดยมีแหล่ง อา้ งอิงทีถูกตอ้ งดว้ ยการซือลิขสิทธิอยา่ งถูกกฎหมายและมีประสิทธิภาพ เพือสร้างความเชือมนั ให้ เกิดกบั กลุ่ม เป้าหมาย ให้เกิดทศั นคติเชิงบวก จนนาํ ไปสู่การพฒั นาระบบ สุขภาพของสังคมและ การเปลียนแปลงพฤติกรรมในเรืองสุขภาพกบั กลุ่มเป้าหมายตอ่ ไปได้
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 130 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ งานวจิ ัยในประเทศไทยของณฐั นันท์ ศิริเจริญ (2560) ในประเดน็ เรือง “การใช้สือใหม่ผ่าน สมาร์ ทโฟนในการสื อสารสุ ขภาพโดยนักศึกษาระดับปริญญาตรีเพือความผาสุ กของผู้สู งอายุไทย: Health Communication to Promote the Well-Being for the Thai elderly with New Media via Smartphone by Undergraduate Students” จากการทบทวนวรรณกรรม พบวา่ ในดา้ นทศั นคติ การใชส้ ือใหมเ่ พือช่วยสือสารสาํ หรับการดูแลผสู้ ูงอายใุ นครอบครัวใหเ้ กิดความสุขกายสบายใจยงั มี จาํ นวนนอ้ ย อีกทงั วิธีการสือสารสุขภาพผ่านสมาร์ทโฟนเพือสร้างความผาสุกให้แก่ผูส้ ูงอายุใน ครอบครัวก็ยงั ไม่มีความชัดเจนในงานวิจยั ทีผา่ นมา นอกจากนนั ยงั มีปัจจยั ต่างๆ ทีเขา้ มามีส่วน เกียวขอ้ งอีกดว้ ย คือ ปัจจยั ดา้ นแนวคิดทฤษฎีทีมีความสมั พนั ธ์กนั ไดแ้ ก่ ทฤษฎดี ้านความแตกต่างระหว่างบุคคล (Individual Differences Theory) เพราะความ แตกต่างของแต่ละบุคคล อาทิ เพศ ภมู ิภาคทีอยอู่ าศยั การพกั อาศยั อยกู่ บั บุคคลต่างๆ ระยะเวลาทีใช้ สือใหม่ทีแตกต่างกนั ย่อมมีความสัมพนั ธ์กบั ทศั นคติและพฤติกรรมต่างๆ (DeFleur, M. L. & Ball- Rokeach, S., 1989) รวมไปถึงบริบททีเกียวขอ้ งกบั การสือสารสุขภาพระหวา่ งนกั ศึกษากบั ผูส้ ูงอายุ ในครอบครัวดว้ ย อีกทงั แนวคิดของทฤษฎีการใช้ประโยชน์และความพงึ พอใจต่อสือ (The Uses and Gratifications Theory) ทีมีความเชือมโยงกนั เพราะการทีผูส้ ูงอายุจะเปิ ดรับข้อมูลด้าน สุขภาพจากลูกหลานนนั ตอ้ งมีเหตุผลทีเกียวขอ้ งกบั การทีผูส้ ูงอายทุ ราบวา่ จะไดร้ ับประโยชน์จาก ข้อมูลด้านสุขภาพนันๆ ด้วย เพือตอบสนองความต้องการด้านจิตใจของตนเองและตอ้ งการรู้ สภาพแวดล้อมกฏเกณฑ์ต่างๆ ของสังคม รวมทงั การปรับตวั ให้เข้ากับสิงแวดล้อมรอบตัว (ศิริพร วีระโชติ 2552) และตอ้ งใช้แนวคิดทฤษฎีของกระบวนการ “KAP Theory” คือ การให้ ความรู้แก่ผสู้ ูงอายอุ นั จะสามารถนาํ ไปสู่การเปลียนแปลงทศั นคติตามทีลูกหลานตอ้ งการและส่งผล ไปยงั การเปลียนแปลงพฤติกรรมในทางสุขภาพกายและจติ ใจใหม้ ีความผาสุกในทีสุด จนกระทงั การใชแ้ นวคิดของทฤษฎีการจูงใจ (Theory of Persuasion) ทีแสดงให้เห็นถึง ความพยายามของลูกหลานทีเป็ นนักศึกษาสําหรับการใช้กระบวนการสือสารสุขภาพเพือให้ ผูส้ ูงอายุมีการเปลียนทศั นคติและพฤติกรรมไปในทิศทางทีไดก้ าํ หนดไว้ โดยต้องการชกั จูงใจ ผสู้ ูงอายใุ นครอบครัวใหย้ อมรับและเชือมนั ทางเลือกทีตนเองเสนอไปเพือใหเ้ กิดความผาสุกในการ ดาํ เนินชีวติ ประจาํ วนั ของผสู้ ูงอายุ
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 131 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ ผลการวจิ ยั พบว่า นกั ศึกษาส่วนใหญ่ตอ้ งการให้การสือสารสุขภาพผา่ น สมาร์ทโฟน ระหวา่ งตนเองกบั ผสู้ ูงอายใุ นครอบครัวทีสามารถเห็นหนา้ กนั ไดย้ นิ เสียงพูดคุยกนั ไดเ้ พือใหก้ ารส่ง ขอ้ มูลสุขภาพตา่ งๆ เขา้ ใจไดอ้ ยา่ งชดั เจน ดงั นนั Applications ตา่ งๆ ใน โซเชียลมีเดีย เช่น Video Calling Voice Messages Free Call ในไลน์ หรือ การสร้างกลุ่มเพือการสือสารสุขภาพของครอบครัวจากช่องทางการ สือสารต่างๆ จากสือใหม่ เฟซบุ๊ก ไลน์ การอดั Video ด้วยตัวเอง การถ่ายรูปต่างๆ จากกล้องในสมาร์ทโฟน การส่งสตกิ เกอร์ การพมิ พ์ข้อความ การส่ง link ยทู ูบ จึงเป็ นสิงทสี ําคัญทตี ้องเรียนรู้ให้เข้าใจถูกต้องตรงกนั ทงั สองฝ่ าย ข้อสรุปสําคญั จากผ้เู ชียวชาญ พบว่า 1) นักศึกษาจะทําทุกอย่ างได้ ดี ต้ องอาศัยการชีแนะของครูใน มหาวทิ ยาลัยด้วยอกี ทางหนึง ซึงครูตอ้ งมีทศั นคติทีถูกตอ้ งเหมาะสมดว้ ย และ ตอ้ งใส่ใจในการเป็นพีเลียงคอยบอกสอนให้นกั ศึกษาไดม้ ีแนวทางการปฏิบตั ิ ตวั ทีถูกตอ้ งทีจะสือสารสุขภาพกบั ผสู้ ูงอายใุ นครอบครัวตนเอง 2) การเลือกใช้สือใหม่ การใช้โซเชียลมีเดยี ผ่านสมาร์ทโฟนและวธิ ีการจูง ใจต้องมลี กั ษณะทีเข้ากบั ความต้องการและความพงึ พอใจของผ้สู ูงอายุให้ได้มาก ทีสุด เพือไมใ่ ห้เกิดปฏิกิริยาต่อตา้ นขอ้ มลู สุขภาพทีลูกหลานส่งมาให้ ดงั นนั การ เลือกสรรเนือหาสือและวิธีการส่งสารจึงตอ้ งพิจารณาให้สอดคลอ้ งกบั วิถีชีวิต และประโยชน์ทีผูส้ ูงอายุต้องการ เพือให้เกิดการปรับเปลียนทศั นคติและ พฤติกรรมการดูแลสุขภาพใหไ้ ดม้ ากทีสุด
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 132 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ 2.6 งานวิจัยการสือสารสุขภาพประเด็นทเี กยี วข้อง กบั กระบวนการสือสาร ด้าน “เนือหาสาร” (Message) “ช่องทางการสือสาร” (Channel) และ “ผู้รับสาร” (Receiver) ณัฐนันท์ ศิริเจริญ (2560) ยงั ได้ทาํ การศึกษาวิจยั ในประเด็นความตอ้ งการของผูส้ ูงอายุ สําหรับการสือสารสุขภาพกบั สมาชิกในครอบครัวเพือช่วยให้เกิดความสุข โดยผลการวิเคราะห์ ขอ้ มูลด้านความตอ้ งการได้รับการสือสารสุขภาพจากลูกหลานหรือสมาชิกในครอบครัวของ ผสู้ ูงอายุ พบขอ้ มูลวา่ ผสู้ ูงอายตุ อ้ งการใหล้ ูกหลานพดู คุยกบั ตนเองในลกั ษณะต่างๆ ดงั นี 1) ตอ้ งการให้ลูกหลานติดต่อสือสารพุดคุยเรืองข่าวสารเกียวกบั โรคภยั ไขเ้ จ็บทีกาํ ลัง เกิดขึนในช่วงเวลานนั ๆ อยา่ งสมาํ เสมอ 2) ตอ้ งการใหล้ ูกหลานนาํ ขอ้ มูลเกียวกบั โรคตา่ งๆ ทีผสู้ ูงอายุมกั จะเป็ นกนั โดยส่วนใหญ่ มาบอกเล่าใหฟ้ ังเป็นความรู้ทวั ไป 3) ตอ้ งการให้ลูกหลานคน้ หาขอ้ มูลเกียวกบั วิธีการป้องกนั โรคต่างๆ ทีผสู้ ูงอายุมีความ เสียงวา่ จะเป็นมาใหไ้ ดร้ ับรู้เป็ นระยะๆ เช่น โรคหวั ใจ โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคความดนั โลหิต สูง โรควงิ เวยี นศรี ษะ เป็นตน้ เพือยาํ เตือนใจใหป้ ฏิบตั ิตวั ให้ถูกตอ้ งทงั การเลือกกินอาหาร การออก กาํ ลงั กาย การไปตรวจสุขภาพเป็ นประจาํ 4) ตอ้ งการใหล้ ูกหลานพดู คุยสอบถามถึงเรืองสุขภาพเป็นประจาํ ทงั ในตอนทีพบหนา้ กนั หรือพูดคุยกนั ทางโทรศพั ทก์ ็ได้ เพราะช่วยทาํ ให้รู้สึกไม่เหงา ไม่ไดอ้ ยูค่ นเดียวโดดเดียว รวมทงั เวลามีปัญหาเรืองสุขภาพความเจบ็ ป่ วยใดๆ จะไดส้ ามารถบอกใหล้ ูกหลานรับรู้ไดอ้ ยา่ งรวดเร็ว 5) ตอ้ งการให้ลูกหลานสือสารขอ้ มูลทีเกียวขอ้ งกบั การดูแลสุขภาพทีสําคญั ๆ สําหรับ ผสู้ ูงอายโุ ดยเฉพาะดว้ ย เพราะบางครังผสู้ ูงอายกุ ็ไม่ทราบวา่ ตอ้ งป้องกนั หรือบรรเทาอาการของโรค ทีกาํ ลงั เจบ็ ป่ วยอยา่ งไร แตเ่ ป็ นสิงทีลูกหลานไมค่ ่อยไดพ้ ูดคุยกบั ผสู้ ูงอายมุ ากนกั อาจจะเป็ นเพราะ ไมก่ ลา้ หรือไมส่ ะดวกใจ แตจ่ ริงๆ แลว้ ผูส้ ูงอายยุ นิ ดีทีจะรับฟังขอ้ มูลเพอื การดูแลสุขภาพดว้ ยวธิ ีการ ตา่ งๆ จากลูกหลานไดอ้ ยา่ งเต็มใจและมนั ใจ ไม่วา่ จะเป็ นคาํ แนะนาํ เกียวกบั การออกกาํ ลงั กาย การ เลือกรับประทานอาหารชนิดต่างๆ ทีมีประโยชน์ต่อสุขภาพ การนงั สมาธิ การทาํ จิตใจให้สงบ ขอ้ มูลสุขภาพเหล่านีผสู้ ูงอายบุ อกว่าพูดคุยกบั ลูกหลานไดต้ ลอดเวลา แต่ส่วนใหญ่ลูกหลานจะไม่ ค่อยกลา้ พูดตรงๆ แต่มกั จะใช้คาํ พูดแบบทกั ทายมากกวา่ เช่น ชอบถามวา่ “วนั นีสบายดีมยั ปวด หวั มยั ” “เมือคืนนอนหลบั ดีมยั ” “เยน็ นีอยากกินอะไร แต่อยา่ กินหวานมากนะ เดียวนาํ ตาลขึน” “วนั นีกินขา้ วหรือยงั ให้กินกบั ขา้ วเยอะๆ นะ กินขา้ วนอ้ ยๆ” “กินผกั เยอะๆ จะไดท้ อ้ งไม่ผกู นะ”
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 133 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกบั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ “ออกกาํ ลงั กายบา้ งนะ จะไดย้ ดื เสน้ ยดื สาย” เป็ นตน้ การสือสารในลกั ษณะนี ผสู้ ูงอายุก็รู้สึกไดถ้ ึง การพยายามส่งขอ้ มูลเรืองการดูแลสุขภาพกบั ตนเองดว้ ยความเป็นห่วงของลูกหลาน เพยี งแต่เวลา ในการพูดคุยกนั ไม่ค่อยมากนกั จึงมกั จะสือสารสุขภาพกนั ได้ในลกั ษณะทกั ทายหรือหยอกเยา้ กนั มากกวา่ แต่เดียวนีกย็ งั โชคดีทีลูกหลานมีโทรศพั ทม์ ือถือและซือมาให้และสอนใหใ้ ชเ้ อาไวโ้ ทรหา กนั ไดบ้ อ่ ยมากขึน จงึ สามารถตดิ ตอ่ สือสารกนั ไดเ้ กือบทุกวนั ทางโทรศพั ท์ ก็ทาํ ให้ผสู้ ูงอายุรู้สึกสด ชืนและสบายใจมากขึน เพราะบางคนก็ห่วงลูกหลานทีกลบั บา้ นดึกดืน เพราะตอ้ งไปทาํ งานนอก บา้ น หรือหลานๆ ทีอายุยงั เป็ นวยั รุ่นบางครังก็ตอ้ งไปทาํ กิจกรรมกบั โรงเรียนและคา้ งคืนหรือตอ้ ง กลบั บา้ นดึกมาก การใชโ้ ทรศพั ทส์ ่งขา่ วกนั จึงช่วยใหค้ ลายความกงั วลใจไปไดม้ าก 6) ตอ้ งการใหล้ ูกหลานสือสารเรืองสุขภาพดว้ ยนาํ เสียงและกิริยาท่าทางทีไดย้ ินไดฟ้ ัง แลว้ หรือไดเ้ ห็นแลว้ รู้สึกอบอุ่นใจว่าลูกหลานยงั คงรักและห่วงใยต่อผูส้ ูงอายุในบา้ นเสมอ เพราะ การแสดงออกซึงความกตญั ูรู้คุณเช่นนีถือเป็นการสร้างความสุขใหก้ บั ผสู้ ูงอายอุ ยา่ งมากทีสุด การศึกษาจากงานวิจยั ครังนี ผูเ้ ขียนได้ทบทวนวรรณกรรมทีเกียวขอ้ ง คือ แนวคิดทฤษฎี ลําดับขันความต้องการของมนุษย์ 5 ขัน หรือ Maslow's hierarchy of needs ทีนาํ เสนอโดย Abraham Maslow (1970) ซึงไดอ้ ธิบายถึงความตอ้ งการและความพึงพอใจของมนุษยแ์ ละความ ปรารถนาเหล่านีจะเรียงลาํ ดับขันตงั แต่ขันแรกไปสู่ความปรารถนาขันสูงขึนไป ซึงถือเป็ น คุณลกั ษณะของมนุษย์ ซึงเป็ นผูท้ ีมีความตอ้ งการจะไดร้ ับสิงต่างๆ อยู่เสมอ และเป็ นการยากที มนุษยจ์ ะไปถึงขนั ของความพงึ พอใจอยา่ งสมบูรณ์ โดยลาํ ดบั ขนั ความตอ้ งการของมนุษย์ (The Need –Hierarchy Conception of Human Motivation) จากขนั ตน้ ไปสู่ความตอ้ งการขนั ต่อไป เป็นลาํ ดบั ดงั นี 1) ความต้องการทางสรีรวทิ ยา (Physiological needs) เป็ นความตอ้ งการขนั พืนฐานทีมีอาํ นาจมากทีสุดและสังเกตเห็นไดช้ ดั ทีสุด จากความ ตอ้ งการทงั หมดเป็ นความตอ้ งการทีช่วยการดาํ รงชีวติ ไดแ้ ก่ ความตอ้ งการอาหาร นาํ ดืม ออกซิเจน การพกั ผอ่ นนอนหลบั ความตอ้ งการทางเพศ ความตอ้ งการความอบอุ่น ตลอดจนความตอ้ งการทีจะ ถูกกระตุน้ อวยั วะรับสมั ผสั เป็ นตน้ 2) ความต้องการความปลอดภัย (Safety needs) จะยงั มอี ิทธิพลตอ่ บุคคลแมว้ า่ จะผา่ นพน้ วยั เดก็ ไปแลว้ แมก้ ระทงั ผสู้ ูงอายุ ก็จะใฝ่หา ความปลอดภยั ใหก้ บั ตนเองดว้ ยกนั ทงั สิน
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 134 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกบั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ 3) ความต้องการเป็ นเจ้าของและความรัก (Belongingness and love needs) บุคคลตอ้ งการไดร้ ับความรักและความเป็นเจา้ ของโดยการสร้างความสมั พนั ธ์กบั ผอู้ ืน เช่น ความสัมพนั ธ์ภายในครอบครัวหรือกับผูอ้ ืน สมาชิกภายในกลุ่มจะเป็ นเป้าหมายสําคญั สําหรับ บุคคล 4) ความต้องการได้รับความนับถือยกย่อง (Esteem needs) แบง่ เป็ น 2 ลกั ษณะ คอื 4.1 ความตอ้ งการนบั ถือตนเอง (Self-respect) คือ ความตอ้ งการมีอาํ นาจ มีความเชือมนั ในตนเอง มีความแขง็ แรง มีความสามารถใน ตนเอง มีผลสัมฤทธิไมต่ อ้ งพงึ พาอาศยั ผอู้ ืน และมีความเป็ นอิสระ ทุกคนตอ้ งการที จะรู้สึกวา่ ตนเองมีคุณค่าและมีความสามารถทีจะประสบความสาํ เร็จในงานภารกิจ ต่างๆ 4.2 ความตอ้ งการไดร้ ับการยกยอ่ งนบั ถือจากผอู้ ืน (Esteem from others) คือ ความตอ้ งการมีเกียรติยศ การไดร้ ับยกยอ่ ง ไดร้ ับการยอมรับ ไดร้ ับความสนใจ ซึง ทาํ ให้รู้สึกวา่ ตนเองมีคุณค่าไดร้ ับการยอมรับจากผอู้ ืน 5) ความต้องการทจี ะเข้าใจตนเองอย่างแท้จริง (Self-actualization needs) เป็ นความตอ้ งการของบุคคลทีจะบรรลุถึงจุดสูงสุดของศกั ยภาพ กล่าวไดว้ า่ เป็นระดบั ความตอ้ งการทีแสดงความแตกต่างระหวา่ งบุคคลอยา่ งยงิ ใหญ่ทีสุด แต่มนุษยส์ ่วน ใหญ่ยงั คงไม่มนั ใจในตวั เองหรือในความสามารถของตนจึงทาํ ให้หมดโอกาสเขา้ ใจ ตนเองอยา่ งแทจ้ ริง Maslow สรุปไว้ว่า การไม่เข้าใจตนเองอย่างแท้จริงเกดิ จากความพยายามทไี ม่ถูกต้อง เช่น การทีบุคคลทําให้ผู้อืนเกิดความพึงพอใจตนโดยพยายามหลีกเลียงข้อผิดพลาดต่างๆ ของตน ซึง ลกั ษณะเช่นนีย่อมขดั ขวางวิถีทางทจี ะเข้าใจตนเองอย่างแท้จริง โดยลาํ ดบั ขนั ความตอ้ งการของมนุษย์ 5 ขนั เป็นไปตามภาพประกอบดา้ นล่าง
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 135 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ ับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ ความต้องการทจี ะเข้าใจตนเองอย่างแท้จริง (Self-actualization needs) การติดตามความสามารถภายใน , ความสามารถในการสรา้ งสรรค์ (Pursue Inner Talent, Creativity Fulfillment) ความต้องการได้รับความนับถือยกย่อง (Esteem needs) ความสาํ เร็จในการเรียนรู้ ความเคารพนบั ถือ (Mastery Achievement, Recognition Respect) ความต้องการเป็ นเจ้าของและความรัก (Belongingness and love needs) เพอื น ครอบครัว คู่รัก (Friends, Family, Spouse Lover) ความต้องการความปลอดภัย (Safety needs) ความมนั คงเสถียรภาพ เสรีภาพจากความกลวั (Security, Stability, Freedom from Fear) ความต้องการทางสรีรวทิ ยา (Physiological needs) อาหาร นาํ ทีพกั พงิ ความอบอุน่ (Food, Water, Shelter, Warmth) ภาพที 2.13 Maslow's hierarchy of human needs ประยกุ ตจ์ าก Maslow, A. (1970). Motivation and personality (2nd ed.). New York: Harper & Row; reprinted by permission of Harper Collins Publishers.
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 136 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ นอกจากนนั สุวชิ ถิระโคตร และ วรี พงษ์ พลนิกรกิจ (2560) ยงั ไดท้ าํ การศึกษาวิจยั ในดา้ น ผรู้ ับสาร คือ กลุม่ ผสู้ ูงอายกุ บั พฤติกรรมการใชแ้ ละการรู้เท่าทนั อินเทอร์เน็ตและทศั คติการใชเ้ นือหา ดา้ นสุขภาวะบนอินเทอร์เน็ตของผูส้ ูงอายุ โดยทบทวนวรรณกรรม พบว่า สถานการณ์การเป็ น สังคมผู้สูงอายุของประเทศไทยมีความจาํ เป็ นต้องพฒั นาคุณภาพชีวติ ของผู้สูงอายุให้มีความพร้อม ทังทางกาย ใจ สังคมและสติปัญญา เพือการพึงพาตนเองได้ อินเทอร์เน็ตเป็ นสือกลางหนึงทีถูก นํามาใช้อย่างกว้างขวาง เนืองจากความสามารถให้บริการทีหลากหลายรูปแบบและมีความรวดเร็ว จึงทาํ ให้ผู้สูงอายุใช้อนิ เทอร์เน็ตเพมิ ขึนอย่างมาก การวจิ ยั ครังนีสุ่มตวั อยา่ งอยา่ งง่าย จาํ นวน 410 คน จากประชาชนทีมีอายุตงั แต่ 50 ปี ขึนไปในชมรมผูส้ ูงอายจุ งั หวดั นครราชสีมา ผลการวจิ ยั พบว่า พฤติกรรมการใชอ้ ินเทอร์เน็ตของผสู้ ูงอายทุ ีตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ มีวตั ถุประสงคห์ ลกั ของ การใชเ้ พอื เป็นช่องทางการติดต่อสือสารกบั เพอื นและผูม้ ีความรู้ มีจาํ นวนมากทีสุด จาํ นวน 189 คน (ร้อยละ 46.1) รองลงมาคือ เพือเป็ นแหล่งแสวงหาความรู้ จาํ นวน 132 คน (ร้อยละ 32.2) โดย เวบ็ ไซต์ทีผูส้ ูงอายุส่วนใหญ่เขา้ ศึกษาเนือหาดา้ นสุขภาวะ คือ เวบ็ ไซต์ของบริษทั หรือองค์กร พาณิชย์ (dot COM) จาํ นวน 151 คน (ร้อยละ 36.8) รองลงมาคือ เวบ็ ไซต์ขององคก์ รภาครัฐและ สถาบนั การศึกษา (dot GO, AC) จาํ นวน 85 คน (ร้อยละ 20.7) นอกจากนีสือสังคมออนไลน์ที ผสู้ ูงอายุ จาํ นวนมากทีสุดใช้ คือ เฟซบุก๊ จาํ นวน 234 คน (ร้อยละ 57.1) รองลงมาคือ ไลน์ จาํ นวน 105 คน (ร้อยละ 26.6) การใช้งานโปรแกรมประยุกตแ์ ละกิจกรรมบนอินเทอร์เน็ตในชีวิตประจาํ วนั (Life style) ผูส้ ูงอายุ มีความสามารถในการใชโ้ ปรแกรมประยกุ ตแ์ ละทาํ กิจกรรมบนอินเทอร์เน็ตดา้ นการอ่าน และการสืบคน้ เนือหา ติดตามข่าวสารและการใชเ้ ครือข่ายสังคมออนไลน์ ไดเ้ ป็นจาํ นวนมากทีสุด รองลงมาคอื กิจกรรมดา้ นความบนั เทิง และการ สืบคน้ ขอ้ มูลใน WWW ในขณะทีกิจกรรมดา้ นการ ลงทุน และการใชจ้ า่ ยออนไลน์ มีจาํ นวนนอ้ ยทีสุด ผลการศึกษาจากแบบสํารวจทีใช้เก็บรวบรวมขอ้ มูล นับจาํ นวนและร้อยละ ตามระดับ ทกั ษะการรู้เทา่ เทา่ อินเทอร์เน็ตของผูส้ ูงอายุ พบวา่
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 137 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ 1) ทกั ษะการเข้าถึง (Access) เป็นความสามารถในการใชค้ อมพวิ เตอร์และสมาร์ทโฟน เพือ เขา้ ใช้ เวบ็ ไซตแ์ ละสังคมออนไลน์ ประเมินจากรายการคาํ ถาม ไดแ้ ก่ ความสามารถในการใชง้ าน ประสบการณ์การใช้ อินเทอร์เน็ต เวบ็ ไซตห์ ลกั ทีใชเ้ ขา้ ศึกษาเนือหา สือสังคมออนไลน์ทีผูส้ ูงอายุ ใช้ และการอา่ น ตดิ ตามข่าวสาร และตรวจสอบอีเมลผ่าน WWW พบวา่ ผูส้ ูงอายุมีทกั ษะนี จาํ นวน 148 คน คิดเป็ นร้อยละ 36.09 2) ทักษะการวิเคราะห์ (Analysis) เป็ นความสามารถทีผสู้ ูงอายทุ าํ ความเขา้ ใจเนือหาทีถูก เผยแพร่บนอินเทอร์เน็ต ประเมินจากรายการคาํ ถามเพิมจากทกั ษะการเขา้ ถึง คือ เพือเป็ นแหล่ง แสวงหาความรู้ดา้ นสุขภาวะและความสามารถในการคน้ หาขอ้ มูลตามความตอ้ งการดว้ ยโปรแกรม คน้ หา (Search engine) เช่น Google เป็นตน้ และพบวา่ ผสู้ ูงอายมุ ีทกั ษะนีจาํ นวนจ 132 คน คิดเป็ น ร้อยละ 32.20 3) ทักษะการประเมิน (Evaluation) เป็นความสามารถในการใหค้ ุณค่าหรือระบุประโยชน์ ทีไดร้ ับจาก อินเทอร์เน็ต ซึงส่งผลทาํ ให้ผสู้ ูงอายเุ กิดความเชือถือและปฏิบตั ิตามเนือหาสาระทีถูก เผยแพร่นนั ประเมินจากรายการคาํ ถามเพมิ เติมจากทกั ษะการวิเคราะห์ คือ ความสามารถ ในการทาํ กิจกรรมบนอินเทอร์เน็ตเกียวกบั หุน้ และการลงทุน การซือสินคา้ และบริการออนไลน์ และการทาํ ธุรกรรมออนไลน์และการใหค้ วามเชือถือ เวบ็ ไซต์ dot GO, AC พบ วา่ ผูส้ ูงอายมุ ีทกั ษะนีจาํ นวน 61 คน คิดเป็ นร้อยละ 14.88 4) ทกั ษะการสร้างสรรค์ (Create) เป็นความสามารถทีผสู้ ูงอายสุ ามารถนาํ ความรู้ทีไดร้ ับมา ประมวลให้ เกิดเป็ นความรู้ใหม่และสร้างเนือหาความรู้นนั ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ขอ้ ความ รูปภาพ คลิปวดี ิทศั น์ คลิปเสียง เป็ นตน้ รวมทงั มีความพร้อมเผยแพร่ไปยงั บุคคลอืน ๆ ได้ รายการคาํ ถามที ใชป้ ระเมินเพมิ เติมจากทกั ษะการประเมิน คือ วตั ถุประสงคห์ ลกั ของการใชง้ านอินเทอร์เน็ตเพือเป็ น แหล่งติดตามและเผยแพร่ข่าวสารความสามารถในการใช้งาน โปรแกรมคอมพิวเตอร์และ อินเทอร์เน็ตและระดบั การศึกษา พบวา่ ผูส้ ูงอายมุ ีทกั ษะนีจาํ นวน 28 คน คิดเป็นร้อยละ 6.83 5) ทกั ษะการสือสาร (Communication) เป็นความสามารถทีผสู้ ูงอายุสามรถใชช้ ่องทางตา่ ง ๆ บน อินเทอร์เน็ตในการนาํ เสนอหวั ขอ้ ความรู้และความคิดเห็นทีถูกสร้างสรรค์ขึนในรูปแบบ ต่างๆ ไปยงั บุคคลอืนๆ เพือการแลกเปลียนซึงกนั และกนั รายการคาํ ถามทีประเมินเพิมเติมจาก ทกั ษะการสร้างสรรค์ คือ มีการใชง้ านเพือเป็ นช่องทางติดต่อสือสารกบั เพือนและผูม้ ีความรู้ เป็ น แหล่งแลกเปลียนความรู้ความคิดเห็นดา้ นสุขภาวะ รวมทงั ความสามารถในการใช้เครือข่ายสงั คม ออนไลน์เพือการเขียนกระทูค้ าํ ถาม การตอบคาํ ถามหรือการสนทนา พบ ว่า ผสู้ ูงอายุมีทกั ษะนี จาํ นวน 41 คน คิดเป็ นร้อยละ 10.00
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 138 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ ับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ ในด้านทศั นคติเกียวกบั เหตุผลของการใช้งานอินเทอร์เน็ตของผูส้ ูงอายุ ประกอบด้วย ความเห็นเกียวกบั เนือหาสาระทีมีความทนั สมยั และทนั ต่อเหตุการณ์ คน้ พบ เนือหาไดส้ ะดวกและ รวดเร็วเขา้ ถึงไดอ้ ย่างง่ายและมีหลากหลายช่องทางใชไ้ ดท้ ุกทีทีเวลา ประกอบกบั แรงจูงใจด้าน ความประหยดั ค่าใช้ จ่ายในการติดต่อสือสาร และประเด็นสําคญั อีกประการคือ ตอบสนองความ เพลิดเพลินในการใชง้ านจนทาํ ใหเ้ กิดความรู้สึกชอบ สนุกสนาน รวมถึง เป็ นการกระทาํ ตามกระแส นิยม ขอ้ เสนอแนะจากผลการวิจัย คือ ผู้ให้บริการด้านสุขภาพสามารถสือสารเนือหาสาระ เกียวกบั สุขภาวะกับผู้สูงอายุผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ได้ แต่ต้องตระหนักถึงความไม่เท่าเทียม กนั ของระดับการรู้เท่าทันอินเทอร์เน็ตของผู้สูงอายุด้วย นอกจากนัน ชลธิชา ดินขุนทด และ สมาน ลอยฟ้า (2559) ยงั ได้ทาํ การศึกษาวิจัยเรือง พฤติกรรมสารสนเทศสุขภาพของผสู้ ูงอายุ จงั หวดั นครราชสีมา โดยพบวา่ 1) พฤติกรรมสารสนเทศเพือการดูแลสุขภาพในดา้ นความตอ้ งการสารสนเทศสุขภาพ พบ ขอ้ มูล คือ เมืออยู่ในสภาพทีร่างกายเป็ นปกติ ผู้สูงอายุต้องการสารสนเทศด้านการรักษาพยาบาล และด้านการป้องกนั โรค ในกรณที เี จ็บป่ วย ผู้สูงอายตุ ้องการสารสนเทศด้านการส่งเสริมสุขภาพและ ด้านการรักษาพยาบาล 2) การแสวงหาสารสนเทศสุขภาพ พบว่า แหล่งสารสนเทศบคุ คลทผี ู้สูงอายุใช้มากได้แก่ คนในครอบครัว (3.99) และญาติ / เพือนบ้าน (3.88) แหล่งสารสนเทศสือมวลชนทีผสู้ ูงอายใุ ชม้ าก ได้แก่ โทรทศั น์ (4.19) ส่วนแหล่งสารสนเทศสถาบนั เช่น ห้องสมุดและแหล่งสารสนเทศ อินเทอร์เน็ต ผูส้ ูงอายุใชน้ อ้ ย โดยผสู้ ูงอายุส่วนใหญ่ดาํ เนินการแสวงหาสารสนเทศดว้ ยตนเองและ ให้ผูอ้ ืนช่วย (ร้อยละ 3.4) รูปแบบสารสนเทศทีแสวงหา พบวา่ ส่วนใหญ่แสวงหาหนงั สือในระดบั มาก (3.69) การใชส้ ารสนเทศ พบวา่ ผสู้ ูงอายุส่วนใหญ่เป็นผใู้ ชส้ ารสนเทศทีแสวงหาเอง โดยเป็ น การใชส้ ารสนเทศเพือการรักษาพยาบาลและเพือดูแลส่งเสริมสุขภาพ ซึงประเภทของสารสนเทศที ผูส้ ูงอายุใชส้ ่วนใหญ่ใชใ้ นระดบั มาก เป็ นคาํ พูดหรือคาํ บอกเล่า (3.91) ปัญหาและอุปสรรคในการ แสวงหาและใชส้ ารสนเทศ พบว่า ปัญหาทีอยู่ในระดบั มาก ได้แก่ ไม่รู้แหล่งทีจะคน้ หาขอ้ มูลที ตอ้ งการ (3.64) แหล่งสารสนเทศทีตอ้ งการอยู่ไกล (3.53) และไม่รู้วิธีการใช้อินเทอร์เน็ต (3.70) เมือมีปัญหาสุขภาพหรือเจ็บป่ วย ผูส้ ูงอายุส่วนใหญ่ไปโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาํ บลประจาํ อาํ เภอ/จงั หวดั (ร้อยละ 42.60) รองลงมา คือ ไปโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตาํ บล (ร้อยละ 29.60) ไปหาหมอพนื บา้ น หรือหมอแผนโบราณ เป็นจาํ นวนนอ้ ยทีสุด คือ ร้อยละ 8.00
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 139 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ สิทธิชัย คูเจริญสิน (2559) ไดท้ าํ การศึกษาพฤติกรรมการใช้สือสังคมของผูส้ ูงอายุทีพกั อาศยั ในเขตอาํ เภอเมือง จงั หวดั ชลบุรี โดยทบทวนวรรณกรรมแลว้ พบวา่ พฤติกรรมการแสวงหา สารสนเทศมีความสัมพนั ธ์กบั ความตอ้ งการของบุคคลในดา้ นต่างๆ ไดแ้ ก่ 1) สถานการณ์ทีตนเอง เป็ นอยู่ เช่น สุขภาพ ฐานะทางเศรษฐกิจ การศึกษา ความนิยม ดา้ นนนั ทนาการ 2) วตั ถุประสงค์ เฉพาะ เช่น ตอบขอ้ สงสัยเพือการปฏิบตั ิงานเพือประกอบการเรียน 3) แหล่งสารสนเทศทีใช้ โดยเฉพาะสือสังคมเป็ นสือทีอาศยั การเชือมโยงผา่ นเครือข่ายออนไลน์ พฤติกรรมการใชจ้ ึงแตกต่าง จากสือประเภทอืนๆ และกาํ ลงั เป็นสือทีไดร้ ับความนิยมยา่ งแพร่หลาย โดยพฤติกรรมการการใช้สือสังคมไดแ้ พร่หลายไปยงั ทุกเพศทุกวยั ส่งผลทาํ ใหเ้ กิดค่านิยม จากการใช้สือสังคมหรือทีเรียกว่า “ค่านิยมดิจิทัล” ข้อมูลจากงานวิจัยของ Don Tapscott (Tapscott, D., 1997) พบว่า ค่านิยมสําคญั ของการใช้สือสังคมในประเด็นต่าง ๆ มีดงั นีคือ 1) เสรีภาพ (Freedom) การใช้สือสังคมมีเสรีภาพในการเขา้ ถึงไมจ่ าํ กดั เวลาและสถานทีในการใช้ งาน 2) การปรบั เปลียนใหเ้ ป็ นเฉพาะตวั (Customization) คอื การเลือกรับหรือเขา้ ถึงเฉพาะขอ้ มูลซึง เป็ นทีตอ้ งการของตนเองไดโ้ ดยสะดวก จึงเกิดค่านิยมยอมรับสือสังคมและเกิดพฤติกรรมการใช้ ต่อเนือง 3) การสังเกตทุกสิงอย่างถีถว้ น (Scrutiny) การใช้สือสังคมทาํ ให้ผูใ้ ช้เกิดพฤติกรรมช่าง สังเกตและเปรียบเทียบขอ้ มูลต่างๆ ทีได้รับมากขึน เพราะสามารถกระทาํ ไดโ้ ดยง่ายผา่ นสือสังคม 4) ความซือสตั ยโ์ ปร่งใส (Integrity) จากการสาํ รวจผใู้ ชส้ ือสังคมจากประเทศทวั โลก พบวา่ มีความ ซือสัตย์โปร่งใสในการใช้งานสือสังคมและมีการแลกเปลียนขอ้ มูลทีเป็ นประโยชน์ระหว่างกลุ่ม ผูใ้ ช้ 5) การประสานความร่วมมือ (Collaboration) ผใู้ ช้งานสือสังคมเกิดความร่วมมือในวงกวา้ ง 6) ความบนั เทิง (Entertainment) การใชส้ ือสังคมก่อใหเ้ กิดความบนั เทิงดา้ นต่างๆ และ สามารถ เขา้ ถึงความบนั เทิงประเภทตา่ งๆ ไดต้ ามความพึงพอใจของตนเอง รวมถึงการพกั จากงานระยะสันๆ และ เขา้ ถึงความบนั เทิงจากสือสังคม 7) ความเร็ว (Speed) การทีสือสังคมเป็ นสือทีติดต่อผา่ น เครือข่ายออนไลน์จึงทาํ ให้สามารถส่งขอ้ มูลหรือสือสารไดอ้ ยา่ งรวดเร็วกวา่ สืออืนๆ 8) นวตั กรรม (Innovation) สือสังคมเป็ นสือทีมีการเปลียนแปลงและพฒั นาอยา่ งรวดเร็ว จึงเป็ นเหตุผลทีไดร้ ับ ความนิยมสูง ในด้านผลการวจิ ัย พบว่า พฤติกรรมการใช้สือสังคมในภาพรวมอยู่ในระดบั ปานกลาง เมือ พจิ ารณารายด้าน ตามลาํ ดับค่าเฉลยี จากมากไปหาน้อย ได้แก่ ด้านประโยชน์ อยู่ในระดบั มาก ด้านอปุ กรณ์ ด้านวตั ถุประสงค์ อยู่ในระดบั ปานกลาง ด้านโปรแกรม และด้านอปุ สรรคในการใช้สือสังคมออนไลน์อยู่ในระดับน้อย
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 140 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกบั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ ผลกระทบจากการใช้สือสังคม ด้านเศรษฐกิจ ได้แก่ ใช้เงินเป็ นค่าบริการโทรศพั ท์/ อินเทอร์เน็ตจาํ นวนมาก ด้านสังคม ได้แก่ มีการติดต่อสือสารกับคนในครอบครัวเพิมมากขึน ดา้ นอารมณ์และจิตใจ ไดแ้ ก่ คลายความเครียดจากกิจกรรมอืนและดา้ นสุขภาพ ไดแ้ ก่ ไดข้ อ้ มูลที เป็นประโยชนด์ า้ นการดูแลสุขภาพทวั ไป ศิริพงศ์ พฤทธิพนั ธ์ุ และคณะ (2553 ) ศึกษาเปรียบเทียบพฤติกรรมและความพึงพอใจใน การเลือกใช้สือสังคมออนไลน์ระหว่างไฮไฟวแ์ ละเฟซบุ๊ก โดยศึกษาผูใ้ ช้บริการในประเทศไทย จาํ นวน 400 คน แบง่ เป็ น ผใู้ ชบ้ ริการไฮไฟว์ จาํ นวน 200 คน และผใู้ ชบ้ ริการเฟซบุ๊กจาํ นวน 200 คน ผลการวิจยั พบว่า วตั ถุประสงค์ในการใชค้ ือ ส่งขอ้ ความถึงเพือน เล่นเกมและอพั โหลดรูปภาพ วดี ิโอ ผใู้ ชส้ ่วนใหญ่ เห็นวา่ ปัจจยั ดา้ นแรงจูงใจในดา้ นแอปพลิเคชนั (Application) มีความทนั สมยั สนุกสนาน ด้านบริการของเว็บไซด์ มีการกาํ หนดสิทธิความเป็ นส่วนตวั แก่ผูใ้ ช้บริการ ด้าน ผใู้ ช้บริการสามารถแสดงความคิดเห็นในหวั ขอ้ ทีตอ้ งการไดแ้ ละปัจจยั ดา้ นสังคม เพือนมีอิทธิพล ต่อพฤติกรรมการเขา้ ใชส้ ือออนไลน์มากทีสุด กฤษณาพร ทิพย์กาญจนเรขา (2560) ทาํ การวิจยั ประเด็นพฤติกรรมการแสวงหาขอ้ มูล สุขภาพจากสือออนไลน์และสือสังคมของผูส้ ูงอายุ โดยนาํ เสนอแนวคิดไวว้ ่า สือออนไลน์ใน ปัจจุบนั เป็นช่องทางสําคญั ทีใชใ้ นการส่งผา่ นขอ้ มูลในหลายดา้ นโดยเฉพาะความรู้ทางดา้ นสุขภาพ เพือเป็ นการให้ความรู้ ความเขา้ ใจทีถูกตอ้ ง จากหน่วยงานทีเชือถือไดถ้ ึงประชาชนโดยตรง ถา้ ผสู้ ูงอายมุ ีความรู้และทกั ษะในการใชส้ ือออนไลน์จะเป็นการลดช่องวา่ งในการสือสารขอ้ มูลของคน ในยุคปัจจุบนั และสามารถเลือกรับขอ้ มูลทีเป็ นประโยชน์ในการดูแลสุขภาพและเป็ นช่องทางที บุคลากรทางการแพทย์ สามารถติดต่อสือสารให้คาํ ปรึกษาในการดูแลสุขภาพได้ สะดวก รวดเร็ว และพบวา่ ภ า พ ร ว ม ใ นป ร ะ เ ท ศ ไ ท ยยั ง ข า ด การบูรณาการและการจดั การทีเหมาะสมกบั ผูส้ ูงอายุด้านความสามารถทีจะเขา้ ถึงสือต่างๆ ได้ โดยเฉพาะทีเกียวขอ้ งกบั สุขภาพ ไม่สามารถ สือสารถึงผูส้ ูงอายุและนาํ ไปใช้ไดอ้ ยา่ งเต็มประสิ ทธิภาพ โดยศูนย์สํารวจความคิดเห็นนิด้าโพล ร่วมกับศูนย์วจิ ัยสังคมสูงอายุ (Center for Aging Society Research: CASR) สถาบันบัณฑิต พฒั นบริหารศาสตร์ (2560) ไดเ้ ปิ ดเผยผลสํารวจความคิดเห็นของประชาชน เรือง “คุณภาพชีวิต: สิงแวดลอ้ มทีเป็ นมิตรกบั ผสู้ ูงอายไุ ทย ปี 2560” จากผูส้ ูงอายทุ ีมีอายุ ตงั แต่ 60 ปี ขึนไปทีอาศยอั ยู่ ในเขตเทศบาลเมืองในทุกภูมิภาคและทุกระดบั การศึกษาทวั ประเทศ รวมทงั้ สิน จาํ นวน 1,500 คน โดยขอ้ มูลดา้ นความสามารถในการใชอ้ ินเทอร์เน็ตทีบา้ นในการติดต่อกบั ลูกหลาน ญาติ หรือเพือน เช่น การใช้ Line, Facebook และ Email พบวา่ ร้อยละ 55.93 ระบุว่าไม่สามารถใชอ้ ินเทอร์เน็ตได้ ขณะทีร้อยละ 43.93 ระบุว่า สามารถใชไ้ ด้ และร้อยละ 0.13 ไม่แน่ใจ อยา่ งไรก็ดีไม่พบองคค์ วามรู้
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 141 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกบั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ เกียวกบั การเข้าถึงขอ้ มูลสุขภาพผ่านสือออนไลน์ของผูส้ ูงอายุ จึงเกิดช่องว่างของความรู้ด้าน พฤติกรรมการสืบคน้ ขอ้ มูลสุขภาพจากสือออนไลน์และสือสังคม และด้านระดับการรับรู้ภาวะ สุขภาพตนเองของผสู้ ูงอายุ เพอื ใชส้ ่งเสริมการพงึ ตนเอง ดา้ นสุขภาพและคุณภาพชีวติ ผสู้ ู งอายุ ดา้ นผลการศึกษาครังนี พบวา่ ผสู้ ูงอายโุ ดยรวมรับรู้ภาวะสุขภาพตนเองวา่ อยใู่ นระดบั ดี มี การแสวงหาขอ้ มูลสุขภาพผา่ นสือออนไลน์/สือสังคมอยูใ่ นระดบั ตาํ ประเด็นขอ้ มูลสุขภาพทีทาํ การ สืบคน้ บ่อยใน 3 ลาํ ดบั แรก ไดแ้ ก่ แบบแผนการใชช้ ีวิตเพือการมีสุขภาพดี ร้อยละ 6.40 การรักษา โรค ร้อยละ 6.30 และขอ้ มูลการใชย้ า ร้อยละ 6.20 การเปรียบเทียบการแสวงหาขอ้ มูลสุขภาพจาก สือออนไลน์/ สือสังคม จาํ แนกตามระดบั การรับรู้ภาวะสุขภาพ พบความแตกต่างอยา่ งมีนยั สําคญั ทางสถิติและพบว่า ขนาดอิทธิพลของการรับรู้ภาวะสุขภาพต่อการแสวงหาข้อมูลสุขภาพจาก สือออนไลน์/ สื อสังคมของผูส้ ูงอายุจดั อยใู่ นระดบั น้อย หน่วยงานทีมีหน้าทีเกียวขอ้ งกบั ผูส้ ูงอายุ ควรส่งเสริมความสามารถเขา้ ถึงขอ้ มูลความรู้สุขภาพผา่ นสือออนไลน์/ สือสังคมและการนาํ ขอ้ มูล ไปใชไ้ ดอ้ ยา่ งเต็มประสิทธิภาพ จากข้อมูลและผลลพั ธ์จากงานวจิ ยั ในประเดน็ ทเี กยี วข้องกบั บทบาทด้านผู้ส่งสาร เนือหาสาร ช่องทางการสือสารและผู้รับสาร ดงั ทนี ําเสนอมาข้างต้นทงั หมด ผู้เขียนจึงสามารถนาํ มาวิเคราะห์และสรุปไดถ้ ึงความสําคญั ของงานศึกษาวิจยั การสํารวจ ขอ้ มูลต่างๆ ทีเป็ นองค์ประกอบของกระบวนการสือสารสุขภาพในทุกดา้ นนนั ลว้ นเป็ นปัจจยั แวดลอ้ มสําคญั ทีจะทาํ ใหก้ ารสือสารสุขภาพกบั ผูส้ ูงอายุเกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลไดเ้ ป็ น อย่างดี หากสมาชิกในครอบครัวได้มองเห็นถึงแนวคิดหลกั การและวิธีการบริหารจัดการทุก องค์ประกอบให้มีความลงตวั เหมาะสมกบั บริบททีแตกต่างกนั ไปในแต่ละครอบครัว ผลลพั ธ์ สุดท้ายทีคาดหวงั ได้ คือ ความผาสุกและคุณภาพชีวิตทีดีและมีความสุขมากขึนในการใช้ ชีวติ ประจาํ วนั ระหวา่ งผสู้ ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว โดยองค์ประกอบต่างๆ ของกระบวนการสือสารสุขภาพนนั สามารถฝึ กฝนวธิ ีการสือสาร สุขภาพไปยงั ผูส้ ูงอายุให้ถูกตอ้ งเหมาะสมไดต้ ลอดเวลา โดยสมาชิกในครอบครัวทีเป็ นลูกหลาน ศึกษาหาความรู้และฝึ กฝนทกั ษะการใชเ้ ทคนิคต่างๆ ให้เกิดความชาํ นาญ มีการบูรณาการทงั ศาสตร์ และศิลป์ เขา้ ดว้ ยกนั อย่างเหมาะสมในทุกสถานการณ์ รวมทงั ฝึ กฝนการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ และการสือสาร ซึงเป็ นนวตั กรรมการสือสารทีเกียวขอ้ งกบั การใชส้ ือใหม่ต่างๆ เพือเขา้ มาช่วยให้ เกิดผลลพั ธ์ทีเป็ นไปตามความมุ่งหมายทีตงั ใจไว้ ทงั นีผูส้ ่งสารและผูร้ ับสารตอ้ งมีความเขา้ ใจที ถูกตอ้ งตรงกนั โดยเนน้ ประเด็นสําคญั คือ การพฒั นาคุณภาพชีวิตของผสู้ ูงอายุให้อยู่ดีมีสุขหรือมี
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 142 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกบั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ ความผาสุกทงั สภาพร่างกายและสภาพจิตใจ สามารถใชช้ ีวติ ประจาํ วนั อย่กู บั สมาชิกในครอบครัว ไดอ้ ยา่ งรู้ใจกนั สามารถสือสารเรืองสุขภาพถึงกนั ไดส้ มาํ เสมอและตลอดเวลา ซึงจะส่งผลต่อเนือง ไปในทางทีดีต่อชุมชน สังคมและประเทศชาติในทีสุด จากขอ้ มูลทงั หมดทีนาํ เสนอมา ทาํ ใหผ้ เู้ ขียนตระหนกั ถึงความสาํ คญั ของการศึกษาวิจยั และ นาํ องค์ความรู้ใหม่ทีเท่าทนั ต่อสถานการณ์ด้านการสือสารสุขภาพดว้ ยสือใหม่มาเผยแพร่เป็ น แนวทางใหส้ ามารถนาํ ไปประยกุ ตใ์ ชป้ ระโยชน์ไดใ้ นทุกครอบครัวอยา่ งไม่ยงุ่ ยาก สะดวก รวดเร็ว ประหยดั ค่าใช้จ่าย รวมทงั การเผยแพร่ความรู้เหล่านีเพือให้องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน พิจารณา นําไปใช้เป็ นแนวทางรณรงค์ให้ความรู้บอกสอนชีแนะให้ทงั พ่อแม่ลูกหลานและผูส้ ูงอายุทุก ครอบครัว เกิดความตระหนกั และเขา้ ใจในการปรับเปลียนทศั นคติ พฤติกรรมหรือเพิมเติมกิจวตั ร ประจาํ วนั ภายในครอบครัวของตนเองให้สอดรับกบั พฤติกรรมการสือสารดว้ ยสือใหม่อยา่ งถูกตอ้ ง เหมาะสมมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพราะครอบครัวหรือบ้านเป็ นสถาบันพืนฐานทีเป็ นหลกั สําคญั ทสี ุดของสังคม เพราะใช้เป็ นสถานทหี ล่อหลอมและขดั เกลาความเป็ นมนุษย์ให้แก่สมาชิกของ ครอบครัว ด้วยการอบรมเลียงดูปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรมค่านิยมและถ่ายทอดวัฒนธรรมของ สังคมให้แก่สมาชิกในครอบครัว พร้อมทังการให้ความรัก ให้ความเอืออาทร ให้ความช่วยเหลือ เกือกูลซึงกันและกัน เพือเป็ นการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความผาสุกให้กับทุกคนในครอบครัว ดงั นันครอบครัวจึงมคี วามสําคัญต่อความสุขในการใช้ชีวติ ประจําวนั ของทุกคน เพือการแลกเปลียนเรียนรู้ร่วมกนั ในการสร้างความเข้าใจ จดจาํ ได้และสามารถนําไป ประยุกตใ์ ชไ้ ดอ้ ย่างเป็ นรูปธรรม ก่อเกิดประโยชน์อยา่ งแทจ้ ริงในบทนีเกียวกบั งานศึกษาวจิ ยั และ สาํ รวจขอ้ มูลเกียวกบั การสือสารสุขภาพ 1) ผอู้ ่านคิดวา่ ปัจจยั แวดลอ้ มทีเกียวขอ้ งกบั การศึกษาวจิ ยั ดา้ นการสือสารสุขภาพในประเทศ ไทยเป็ นเช่นไร ถูกตอ้ งเหมาะสมหรือไม่ หรือควรจะตอ้ งปรับปรุงเปลียนแปลงอยา่ งไร 2) ผอู้ ่านคดิ วา่ การสือสุขภาพเชิงสาํ รวจในประเทศไทยควรดาํ เนินการเช่นไร 3) ผอู้ ่านคิดวา่ หลกั สูตรตน้ แบบการพฒั นานกั สือสารสุขภาพในประเทศไทยควรเป็นเช่นไร 4) ผูอ้ ่านคิดว่าข้อมูลผลการวิจยั การสือสุขภาพเชิงสํารวจในต่างประเทศสามารถนํามาใช้ ประโยชนก์ บั สงั คมไทย วฒั นธรรมไทยไดห้ รือไม่ มากนอ้ ยเพียงใด 5) ผอู้ ่านมีความคิดเห็นเช่นไรกบั เนือหาทีนาํ เสนอในบทนีวา่ “สังคมไทยเป็ นสงั คมทีเชือผูม้ ี ความรู้และวาทกรรมหนึงทีถูกสร้างขึนมาคือ เชือคุณหมอดีทีสุด” 6) ผอู้ า่ นมีความคิดเห็นเช่นไรกบั การสาํ รวจขอ้ มูลสิงทีนกั ศึกษาพยาบาลเครียดและวิตกกงั วล ถา้ ตอ้ งออกไปปฏิบตั ิหนา้ ทีในการดูแลผูป้ ่ วย คือ ไม่มนั ใจ (55.75%) ไมช่ าํ นาญ (52.30%)
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 143 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 144 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ จุดมุ่งหมายของเนือหาสาระในบทนี เมือไดอ้ ่านหนงั สือในบทนีแลว้ จะทาํ ใหผ้ อู้ า่ นไดร้ ับรู้ถึงขอ้ มูลตา่ งๆ ดงั นีคือ 3.1 ความรู้พนื ฐานเกียวกบั ผสู้ ูงอายเุ พอื ใชศ้ ิลปะการสือสารสุขภาพในการดูแล สุขภาพกายและสุขภาพจิตชีวติ ในชีวติ ประจาํ วนั อยา่ งมีประสิทธิภาพ 3.2 การใชศ้ ิลปะการสือสารเขา้ มาช่วยในการสือสารสุขภาพระหวา่ งผสู้ ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว 3.3 การใชศ้ ิลปะการสือสารสุขภาพตามแนวคิดทฤษฎีการดูแลของ จนี วตั สัน (Jean Watson’s Caring Theory) 3.4 การใชศ้ ิลปะการสือสารสุขภาพ “สุนทรียสนทนา” (Dialogue) ตามแนวทางของเดวิด โบม (David Bohm) จาก Bohm Dialogue or Bohmian Dialogue or Dialogue in the Spirit of David Bohm (Bohm, D. 1997) 3.5 การเปลียนแปลงดา้ นสุขภาพกายของผสู้ ูงอายุ 3.6 การเปลียนแปลงดา้ นสุขภาพจิตของผสู้ ูงอายุ 3.7 ประโยชน์ของการทาํ ความเขา้ ใจกบั สุขภาพกายและสุขภาพจิต 3.8 ขอ้ เสนอแนวคิดและวธิ ีการใชศ้ ิลปะการสือสารสุขภาพโดยผเู้ ขียน
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 145 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ ในหวั ขอ้ นีผู้เขียนตอ้ งการแสดงถึงขอ้ มูลทีสามารถนาํ ไปใชเ้ ป็ นฐานคิดของการใชศ้ ิลปะ การสือสารสุขภาพเพอื ดูแลผสู้ ูงอายโุ ดยสมาชิกทกุ คนในครอบครัวตอ้ งช่วยกนั ซึงเป็นขอ้ มูลความรู้ พืนฐานทีนักวิชาการทางด้านสาธารณสุขค้นคว้าวิจัยนํามารวบรวมไว้ และสามารถนําไป ประยุกตใ์ ชป้ ระโยชน์สําหรับการดูแลผูส้ ูงอายโุ ดยเฉพาะดา้ นร่างกายและจิตใจ รวมทงั การดาํ เนิน ชีวิตในสังคม เพราะผูส้ ู งอายุถูกลดบทบาทความสําคัญลง จึงทําให้ถอยตัวออกจากสังคม ถูกมองข้ามความสําคญั เพราะขาดการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ในสังคมอย่างทีเคยปฏิบตั ิมา ผสู้ ูงอายมุ คี วามรู้สึกไม่มนั คงเพราะตามไมท่ นั เทคโนโลยแี ละสิงแวดลอ้ มทีเปลียนแปลงไป แต่ “ผู้สูงอายุ” ยงั คงเป็ นมนุษย์ทมี ีความต้องการภายในตามลาํ ดับ ไดแ้ ก่ 1) ความต้องการทางสรีรวทิ ยา (Physiological needs) 2) ความต้องการความปลอดภยั (Safety needs) 3) ความต้องการเป็ นเจ้าของและความรัก (Belongingness and love needs) 4) ความต้องการได้รับความนับถือยกย่อง (Esteem needs) 5) ความต้องการทจี ะเข้าใจตนเองอย่างแท้จริง (Self-actualization needs) โดยธรรมชาติทวั ไปเมือบุคคลอายุเพิมมากขึนจะเกิดการเปลียนแปลงจากการมอง ภายนอกเป็ นการมองเขา้ มาภายในตนเอง หาคาํ ตอบโดยการมองภายในตนเองมากขึนและยอมรับ ไดท้ งั ความสาํ เร็จรวมทงั ขอ้ จาํ กดั ทีเกิดขึน ขอ้ มูลจากโครงการการดูแลสุขภาพผูส้ ูงอายุแบบองคร์ วมของสาขาวิชาพยาบาลศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั สุโขทยั ธรรมาธิราช ทีไดด้ าํ เนินการโดย รองศาสตราจารย์ ดร.ศรีนวล สถิตวทิ ยานนั ท์ ปี พ.ศ. 2552 ถือได้ว่าเป็ นประโยชน์ในการนาํ มาใช้เป็ นแนวทางในการดูแลสุขภาพกายและ สุขภาพจติ ใหก้ บั ผสู้ ูงอายุ มีรายละเอยี ด ดงั นีคือ 1) ปัญหาจากการเปลยี นแปลงบริบทแวดล้อมของผ้สู ูงอายุ การเปลียนแปลงของร่างกายและจิตใจของผู้สูงอายุ รวมทังการเปลียนแปลงของ สิงแวดลอ้ มในสังคมจะส่งผลกระทบต่อผูส้ ูงอายุทุกคน ถา้ ผูส้ ูงอายไุ ม่สามารถปรับตวั ได้จะเกิด ปัญหาต่างๆ ตามมา ไดแ้ ก่
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 146 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ ับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ 1.1 ปัญหาด้านความเจ็บป่ วย ผูส้ ูงอายุเพศหญิงมีปัญหาเกียวกับสุขภาพกาย มากกวา่ เพศชาย การเจบ็ ป่ วยมกั เกิดจากการปฏิบตั ิตนไม่ถูกสุขลกั ษณะ ขาดการดูแลสุขภาพตนเอง เช่น อดนอนเป็ นประจาํ ดืมอลั กอฮอล์ สูบบุหรีออกไปเทียวเตร่กบั กลุ่มเพือนๆ บ่อยๆ เป็นตน้ ส่วน ปัญหาสุขภาพจิตผูส้ ูงอายุเพศหญิงมีปัญหามากกวา่ เพศชายเช่นกนั เพราะส่วนใหญ่ผูส้ ูงอายุหญิง เป็ นมา่ ยเพราะฝ่ ายชายเสียชีวติ ไปก่อนจากการไม่ค่อยไดด้ ูแลสุขภาพตนเองมาตงั แต่หนุ่มๆ จึงส่งผล ใหเ้ พศหญิงขาดคู่ปรึกษา ประกอบกบั การเปลียนแปลงทางร่างกาย เปลียนแปลงบทบาททางสังคม และบทบาทของตนเอง จงึ รู้สึกวา่ ตนเองไร้คา่ เกิดเป็นโรคซึมเศร้า 1.2 ปัญหาด้านระดับการศึกษา ผสู้ ูงอายไุ ทยทีมีการศึกษานอ้ ยมกั จะขาดความรู้ พนื ฐานในการพฒั นาความรู้ดา้ นการป้องกนั โรคและรักษาสุขภาพอนามยั ของตนเองตงั แตว่ ยั เด็กจน สูงอายุ 1.3 ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ผสู้ ูงอายจุ ะมปี ัญหาทาดา้ นเศรษฐกิจเนืองจากมีรายได้ ไม่แน่นอน สุขภาพทรุดโทรม ขาดเพอื น ไมร่ ู้วา่ จะมีชีวิตอยเู่ พอื อะไร 1.4 ปัญหาด้านสังคมและวฒั นธรรม ปัจจุบนั มีการใชเ้ ทคโนโลยีในการผลิตสูง ทาํ ให้มองค่าผสู้ ูงอายตุ าํ ไมต่ อ้ งพึงพาการถ่ายทอดความรู้ ผสู้ ูงอายไุ มไ่ ดร้ ับการยกยอ่ ง ทาํ ให้เกิดการ แยกตวั เอง ไม่สนใจการมีส่วนร่วมการพฒั นาสงั คม เกิดความเครียด เบือหน่ายชีวิตหรือขดั แยง้ กบั ลูกหลาน 2) ปัญหาการเปลยี นแปลงสุขภาพกายของผู้สูงอายุ เมือเขา้ สู่วยั สูงอายุ ร่างกายจะมีการเปลียนแปลงทีเป็นไปในแนวทางเดียวกนั ดงั นี 2.1 ร่างกายมีการเปลยี นแปลงอย่างต่อเนืองและเกดิ การเสือมถอย อวยั วะทาํ งาน ลดลงและลม้ เหลวในทีสุด 2.2 ความผดิ ปกตขิ องเซลล์ เมือบุคคลมีอายมุ ากขึนจะมีเซลลผ์ ดิ ปกติ เสือมและ ตายไปหรือเซลลท์ ีเกิดขึนจะแตกต่างจากเซลลเ์ ดิม 2.3 สารอนุมูลอสิ ระ สารทีเกิดจากกระบวนการเผาผลาญของร่างกาย จะเพิมมาก ขึนเนืองจากมลภาวะของสิงแวดลอ้ ม เช่น สารอนุมูลอิสระ ทาํ ใหม้ ี ages pigment สะสมในเนือเยอื จะขดั ขวางการรับออกซิเจนและสารอาหารของเซลล์ วิตามินซี อีและซีลีเนียม เป็ นสารสําคญั ที ยบั ยงั การเกิดอนุมูลอสิ ระ หรือเรียกวา่ สารตา้ นอนุมูลอสิ ระ ซึงจะยดื เวลาของการเกิดโรคหวั ใจและ มะเร็ง 2.4 ความเสือมและสึกหรอ ถา้ มีการใชง้ านมากยิงทาํ ให้แก่เร็วขึน หรือเมือเซลล์ ทาํ งานไปเป็ นเวลานานย่อมเกิดการสึกหรอ กระบวนการเหล่านีจะมีการเสือมและถดถอยสูงตาํ แตกต่างกนั ขึนอยกู่ บั แตล่ ะปัจจยั
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 147 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกบั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ 2.5 การเชือมไขว้ของคอลลาเจน ทาํ ให้เซลล์เกาะยึดกนั แน่น ขาดความยืดหยุ่น ของกล้ามเนือ ขอ้ ติดแข็ง ฟันหัก กล้ามเนือหัวใจและหลอดเลือดมีแคลเซียมมาเกาะจบั ตวั แน่น ผวิ หนงั ของผสู้ ูงอายจุ ะขาดความยดื หยนุ่ การเชือมไขวจ้ ะเกิดขึนไดเ้ ร็วขึนถา้ มีระดบั นาํ ตาลในเลือด สูงขึน และมีการเกิดตอ้ กระจก เนือเยือของไต และหลอดเลือด การเชือมไขวเ้ ป็ นสาเหตุเบืองตน้ ของโรคหลอดเลือดแขง็ ตวั ไตวายเรือรังและระบบภูมิคุม้ กนั ทาํ งานลดลง 2.6 ระบบต่อมไร้ท่อ การทาํ งานของต่อมไทรอยด์ พาราไทรอยดจ์ ะลดลง ตบั อ่อน จะสร้างอินซูลินลดลง ทาํ ให้เป็ นเบาหวาน ฮอร์โมนเพศหญิงหรือฮอร์โมนเพศชายจะลดลง ทาํ ให้ เกิดอาการหงุดหงิด ตกใจง่ายในเพศหญิง 2.7 ระบบผวิ หนัง ผวิ หนงั จะบางลง ทาํ ให้ผวิ หนงั แตกง่าย แห้ง ไขมนั ใตผ้ วิ หนงั น้อยลง ผิวหนงั ขาดนาํ ขาดความยืดหยุ่นเกิดแผลกดทบั ไดง้ ่าย ต่อมเหงือทาํ งานลดลง การระบาย ร้อนโดยวธิ ีระเหยไม่ดี ทาํ ให้เป็ นลมแดดไดง้ ่าย ตอ้ งใส่เสือผา้ ทีระบายอากาศไดด้ ี ผวิ หนงั คนั ง่าย ผมร่วง การไหลเวียนเลือดสู่ศีรษะนอ้ ยลง ผิวตกกระ เล็บหนา ผิวหนงั รับความรู้สึกต่ออุณหภูมิและ การสนั สะเทือนลดลง 2.8 ระบบหวั ใจและหลอดเลือด หลอดเลือดแดงใหญ่ จะมคี วามยดื หยนุ่ ลดลง มี ผลให้ความดนั ซีสโตลิกสูง ในขณะทีการเปลียนแปลงความดนั ไดแอสโตลิกเปลียนแปลงเล็กนอ้ ย ลินหวั ใจมีไขมนั และแคลเซียมมาจบั ทาํ ให้ลินหวั ใจปิ ดเปิ ดไดไ้ ม่ดี กาํ ลงั การหดตวั ลดลง อตั ราการ เตน้ ของหวั ใจลดลง กลา้ มเนือหวั ใจมีความไวต่อสิงเร้าลดลง คนสูงอายุหวั ใจวายไดง้ ่าย เกิดการอุด ตนั ของหลอดเลือดไดง้ ่าย 2.9 ระบบประสาท เซลลส์ มองและประสาทจะลดลงเรือยๆ ตงั แตอ่ ายุ 25 ปี ขนาด ของสมองลดลง ความเร็วในการส่งสญั ญาณประสาทลดลง ความจาํ เสือมจาํ อดีตไดแ้ ม่นยาํ แต่จาํ สิง ทีรับรู้ในปัจจุบนั ไดน้ ้อยความสัมพนั ธ์ทางความคิดกบั ร่างกายไม่สัมพนั ธ์กนั เวลานอนน้อย ตืน บ่อย นอนไมห่ ลบั ซึงเป็ นเพราะขาดการออกกาํ ลงั กาย การคิดวกวน และเครียด 2.10 ระบบประสาทสัมผสั ไดแ้ ก่ - ตาจะลึก เพราะไขมนั ใตต้ าจะลดลง หนงั ตายอ้ ย รูมา่ นตาเล็ก อาจมาจากมา่ นตา ฝ่ อลีบลง มกั พบตาตอ้ กระจกในผสู้ ูงอายุ การมองมุมกวา้ งไดล้ ดลง การรบั รู้ความรู้สึกต่างๆ เริมแยก ได้ชา้ ลง สายตายาว มองเห็นในเวลากลางคืนไม่ดี ความสามารถในการปรับการมองเห็นจากทีมืด ไปทีสวา่ งชา้ ลง - หูจะตึง มคี วามยากลาํ บากในการเขา้ ใจคาํ พดู หากมีเสียงรบกวนหรือพูดเร็ว - ต่อมนาํ ลาย จะทาํ งานลดลง นาํ ลายนอ้ ย รับรู้รสหวานลดลง จึงมกั รบั ประทาน อาหารรสจดั มากขึนโดยไมร่ ู้ตวั
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 148 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ - การรบั กลินจากจมูกลดลง เพราะเยอื โพรงจมูกเกิดการเสือม 2.11 ระบบกล้ามเนือและกระดูก กลา้ มเนือลีบเล็กลงและลดความแข็งแรง กาํ ลงั การหดรัดตวั ลดลง แคลเซียมออกจากกระดูกมากไปเกาะบริเวณกระดูกอ่อน ทาํ ให้ทรวงอกขยาย นอ้ ยลง หายใจลาํ บาก อาศยั กระบงั ลม การควบคุมกลา้ มเนือหูรูดลดลง กระดูกสันหลงั โก่ง ความสูง ลดลง นาํ ไขขอ้ ลดลง การเคลือนไหวการเดินจะสันขณะทีพกั กล้ามเนือจะเป็ นตะคริว เจ็บปวด ควบคุมไมไ่ ดก้ ระดูกเปราะ 2.12 ระบบทางเดินหายใจ ปอดมีขนาดใหญ่ขึน ปอดยืดขยายหดตวั ได้น้อย ปริมาตรการคา้ งของอากาศในปอดมีมาก ถุงลมจาํ นวนลดลง ถุงลมทีเหลือจะมีขนาดใหญ่ขึนและ แตกง่าย ประสิทธิภาพในการไอลดลงเนืองจากการแข็งตวั ของผนงั ทรวงอก และการทาํ งานของ กลา้ มเนือในการหายใจไม่ดี จะทาํ ให้เกิดอาการปอดบวมไดง้ ่าย 2.13 ระบบทางเดินอาหาร การขบเคียวจะลาํ บากเพราะฟันลดลง เหงือกร่น ต่อม นาํ ลายเสือม นาํ ย่อยลดลง 1 ใน 3 อาหารเคลือนลงสู่กระเพาะอาหารชา้ ลง และยอ้ นกลบั ขึนมาใน หลอดอาหารไดง้ ่าย ทาํ ใหแ้ สบยอดอก อาหารอยูใ่ นกระเพาะอาหารนานทาํ ใหไ้ ม่หิว ดงั นนั การให้ อาหารจึงควรให้น้อยแต่บ่อย และเป็ นอาหารอ่อนยอ่ ยง่าย แต่มีกากเพือช่วยในการขบั ถ่าย เพราะ ลาํ ไสใ้ หญ่และลาํ ไส้เล็กหดรัดตวั ชา้ กลา้ มเนือมีแรงเบ่งนอ้ ย 2.14 ระบบทางเดินปัสสาวะและระบบสืบพันธ์ุ ขนาดของไตเล็กลง อตั ราการ กรองของเสียของไตลดลง ขนาดกระเพาะปัสสาวะเล็กลง ถ่ายปัสสาวะบ่อยเนืองจากกล้ามเนือ กระเพาะปัสสาวะอ่อนกาํ ลงั ลง กลา้ มเนืออุง้ เชิงกรานหย่อนตวั ทาํ ให้ภาวะกระบงั ลมหย่อนและ กลนั ปัสสาวะไมไ่ ด้ เพศชายต่อมลูกหมากจะโต ทาํ ใหป้ ัสสาวะลาํ บาก ในเพศหญิงมดลูก ปี กมดลูก รังไขจ่ ะฝ่ อ เนือเยอื บริเวณช่องอวยั วะสืบพนั ธุ์จะหนา แห้ง มีความยดื หยนุ่ นอ้ ยลง
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 149 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกบั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ ศิลปะการสือสาร เป็ นวิธีการสือสารเพือสร้างความไวเ้ นือเชือใจและกระชบั ความสัมพนั ธ์ อยา่ งเหมาะสมครบถว้ นรอบดา้ น จึงตอ้ งเขา้ ใจบทบาทของตนเอง ตอ้ งศึกษาเทคนิคและจิตวิทยาใน การสือสารระหวา่ งกนั ตอ้ งเรียนรู้วิธีการพูด วธิ ีการฟัง เทคนิคการโนม้ นา้ ว สิงสําคัญ คือ วิธีการ สือสารทตี ้องใช้ “ศิลปะการสือสาร” เพือเข้ามาช่วยให้การสือสารมีความสนุกสนานเพลดิ เพลินและ เป็ นไปตามทที ุกฝ่ ายมีความพงึ พอใจ โดยสามารถสรุปเนือหาสาระสําคญั ของคาํ ว่า “ศิลปะ” หรือ Art ซึงมีทีมาจากภาษา ละติน แปลว่า ความชาํ นาญหรือทกั ษะ ศิลปะเป็ นคาํ ทีมีความหมายกวา้ งและครอบคลุมพฤติกรรม การแสดงออก รวมทังการสร้างสรรค์ทุกๆ ด้านของมนุษย์ อาทิ ศิลปะเป็ นผลจากความคิด สร้างสรรค์ของมนุษยท์ ีแสดงออกมาในลกั ษณะต่างๆ ใหป้ รากฏเป็นสุนทรียภาพ ความประทบั ใจ หรือความสะเทอื นอารมณ์ตามประสบการณ์ รสนิยมและทกั ษะของบุคคลแต่ละคน รวมทงั เป็นการ แสดงออกของบุคลิกภาพทางอารมณ์ของมนุษย์ เป็นการสือสารอยา่ งหนึงระหวา่ งมนุษย์ เป็ นการ ระบายความปรารถนาในใจออกมา เป็นการแสดงออกของผลงานดา้ นต่างๆ ทีสร้างสรรค์ (ปนดั ดา เนืองนิตย์ 2546, ธีรพล พรหมพิทกั ษ์ 2550, ภทั ราวดี ศรีบุญช่วย 2556) ศิลปะจึงเป็นสิงทีกลนั กรอง มาจากอารมณ์และความรู้สึกในจิตใจของมนุษย์ เป็ นผลสืบเนืองมาจากความปรารถนาเพือทีจะ ปรับปรุงชีวติ และสิงแวดลอ้ มใหม้ คี วามสวยงาม ดังนันผลงานทีมนุษย์สร้างสรรค์ขึน จึงกลายเป็ นมรดกตกทอดทางวฒั นธรรม (Cultural Heritage) ทีลําค่าของมนุษย์สืบต่อกันมาตามความต้องการอย่างเหมาะสมของสังคม (Social needs) ของแต่ละยคุ แต่ละสมัย นอกจากนนั นกั การศึกษายงั ไดก้ าํ หนดนิยามความหมายของศิลปะ ไวอ้ ย่างหลากหลายครอบคลุมสาระสําคญั เช่น ศิลปะเป็ นภาษาชนิดหนึงทีสามารถถ่ายทอดให้ ความรู้สึกไดอ้ ย่างซาบซึง ศิลปะ คือ การเลียนแบบธรรมชาติ ศิลปะคือการแสดงออกทาง บุคลิกภาพเด่นๆ ทีเป็ นเอกลกั ษณ์ของแต่ละบุคคล ศิลปะคือการถ่ายทอดความรู้สึกหรือการแสดง ความรู้สึก ศลิ ปะ คือ การแสดงออกทางความงาม ศิลปะ คือ การแสดงออกทางความเชือ ศิลปะ คือ ความชาํ นาญในการถ่ายทอดประสบการณ์และจินตนาการ ศิลปะ คือ การรับรู้ทางการเห็นดว้ ยตา สัมผสั ดว้ ยใจ ศิลปะเป็ นผลงานการสร้างสรรคเ์ ป็นกระบวนการใหม่ๆ ทีสร้างขึนมาเพือกระทาํ การ บางสิงบางอย่างให้ประสบผลสําเร็จ หรือเป็ นการสร้างแนวคิดใหม่ทีจะนาํ ไปสู่วิธีการใหม่ๆ
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 150 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ แนวคิดใหม่ๆ เป็ นจุดเริมตน้ ของการสร้างสรรค์ทีจะนาํ ไปสู่การพฒั นากระบวนการ ใหม่ๆ และ นาํ ไปสู่ผลผลิตหรือประดิษฐ์กรรมใหม่ๆ ให้เกิดขึนมาบนโลกเพือตอบสนองความตอ้ งการในดา้ น ต่างๆ ของมนุษยท์ ีเปลียนแปลงไปตามยคุ สมยั เป็นการทาํ ให้ดีขึนกว่าเดิม ซึงมีหลากหลายวธิ ี เช่น อาจเป็ นการปรับปรุงกระบวนการใหม่ ให้ไดผ้ ลลัพธ์ทีดีมากขึนกว่าเดิมหรือเป็ นการปรับปรุง รูปแบบวิธีการสือสารใหม่และไดผ้ ลตอบสนองทีมีประสิทธิภาพมากขึน แต่ไม่วา่ จะเป็ นรูปแบบ ใดๆ ก็ตาม จะตอ้ งเป็ นการกระทาํ ให้เกิดขึนจากการใชแ้ นวคิดแบบใหม่ๆ ทงั สิน และเป็ นผลของ วธิ ีการคิดทีเรียกวา่ \"ความคิดสร้างสรรค\"์ หรือ เป็น “ศิลปะ” นนั เอง สําหรับ “การสือสาร” (Communication) นันถือเป็นศิลปะอีกประเภทหนึงทีสาํ คญั มากใน ทุกยคุ ทุกสมยั เพราะเป็ นเครืองมือทีจะทาํ ให้คนตงั แต่ 2 คนขึนไปหรือสมาชิกในครอบครัวหรือ เป็ นกลุ่มหรือภายในชุมชน มีความเขา้ ใจถูกตอ้ งตรงกนั ตามจุดประสงคท์ ีตอ้ งการจะสือถึงกนั แต่ถา้ การสือสารมีความบกพร่องผิดพียนไม่ว่าจะดว้ ยสาเหตุหรือปัจจยั ใดก็ตาม ย่อมส่งผลทาํ ให้เกิด ปัญหาตามมามากมาย เช่น เกิดความขดั แยง้ ระหวา่ งบุคคล เกิดความไม่เขา้ ใจกนั ในครอบครัว เกิด ความไม่สุขสงบภายในกลุ่ม เกิดความแตกแยกขึนในชุมชนหรือลุกลามเกิดความวุ่นวายขึนใน สังคมนนั ๆ ความเสียหายทีเกิดขึนมีทงั ทีเป็ นรูปธรรม คือ คิดคาํ นวณออกมาเป็นตวั เลขของความ สูญเสียไดอ้ ยา่ งชดั เจน และความเสียหายทีเป็นนามธรรมซึงไม่สามารถจะแจงนบั ออกมาเป็นตวั เลข ได้ เช่น ความเสียหายดา้ นความรู้สึกทางใจของบุคคลทีทาํ การติดต่อสือสารระหวา่ งกนั หรือสือสาร กนั ระหวา่ งสมาชิกในครอบครัวหรือภายในกลุม่ หรืออาจเกิดความลม้ เหลวของภารกิจการงานหรือ กิจกรรมทีมุง่ จะดาํ เนินการร่วมกนั ดงั นนั การทีบุคคลจะทาํ การสือสารใดๆ ก็ตาม จึงควรมีความรู้ ความเขา้ ใจและทกั ษะทีจะ ใช้ “ศิลปะการสือสาร” มาพิจารณาประกอบกระบวนการสือสารนนั ๆ เพือทาํ ให้ผลลพั ธ์แห่งการ ติดตอ่ สือสารในรูปแบบต่างๆ ประสพผลสาํ เร็จตามทีไดต้ งั เป้าหมายไว้ เพราะศิลปะการสือสารนนั มีใหเ้ ลือกใชใ้ นหลากหลายรูปแบบ หลากหลายเทคนิควธิ ีการ อนั จะทาํ ให้กระบวนการส่งรหสั สาร ของผสู้ ่งสารและกระบวนการถอดรหัสสารของผรู้ ับสารมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลตามทีได้ ตงั เป้าหมายไวเ้ ป็ นการสมประโยชน์ดว้ ยกนั ทงั สองฝ่ ายมากทีสุด สําหรับการใช้วิธีการหรื อศิลปะการสือสารสุขภาพระหว่างผู้สูงอายุกับสมาชิกใน ครอบครวั ในศตวรรษที 21 นนั จะมีสาระทีเป็นประเดน็ สาํ คญั ของคาํ วา่ “ทกั ษะแห่งศตวรรษที 21” หรือ “21st Century Skills” ซึงเป็ นสิงทีสมาชิกของทุกครอบครัวควรแลกเปลียนเรียนรู้ซึงกนั และกนั พร้อมทงั ฝึ กฝนทกั ษะเหล่านีทงั สองฝ่ าย เพือช่วยให้ศิลปะการสือสารสุขภาพระหวา่ งผูส้ ูงอายุกบั สมาชิกในครอบครัวประสบความสาํ เร็จ โดยมีทกั ษะทีเกียวขอ้ ง ดงั นีคือ
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 151 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกบั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ 1) การคิดแบบมีวิจารณญาณ (Critical Thinking) โดยทงั ผสู้ ่งสาร คือ สมาชิกใน ครอบครัว และผูร้ ับสาร คือ ผูส้ ูงอายุ ตอ้ งสามารถใช้เหตุผลในการทาํ ความเขา้ ใจเรืองราวสาระ ต่างๆ เกียวกบั การดูแลป้องกนั สร้างเสริมสุขภาพไดอ้ ย่างเหมาะสมตามสมควร ตอ้ งสามารถทาํ การ วิเคราะห์ สังเคราะห์ขอ้ มูลก่อนตดั สินใจเพือใชท้ างเลือกในการดูแลสุขภาพทีเหมาะสมกบั ตนเอง และสมาชิกในครอบครัวได้ โดยสามารถพิจารณามองเห็นความเชือมโยงของวิธีการต่างๆ ทีจะ นาํ มาปฏิบตั ิกบั ตนเองไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง ทงั นียงั ตอ้ งมีทกั ษะในการใชเ้ ครืองมือเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสือสารหรือ ไอซีที (ICT: Information and Communications Technology) คือ ลูกหลาน และผสู้ ูงอายมุ ีความรู้และสามารถใชเ้ ครืองมือทีเป็นนวตั กรรมการสือสารสุขภาพในรูปแบบต่างๆ อนั ถือเป็ นทกั ษะจาํ เป็ นอยา่ งยิงในโลกยุคศตวรรษที 21 เพือทาํ การสือสารแสดงความคิดเห็นได้ ตามความเหมาะสมหรือตามความพึงพอใจเพือให้บรรลุตามเป้าหมายทีตงั ใจไว้ ตอ้ งมีความคิด สร้างสรรค์ (Creativity) ในการสือสารสุขภาพระหว่างกนั ลูกหลานตอ้ งพฒั นาแนวคิดและวิธีการ สือสารแบบใหม่อยูเ่ สมอๆ เพอื มิใหผ้ สู้ ูงอายเุ กิดความเบือหน่ายหรือรู้สึกจาํ เจ 2) การรู้เท่าทันข้อมูลข่าวสาร (Information Literacy) เช่น สามารถแสวงหาและเขา้ ถึง ขอ้ มูลสารสนเทศดา้ นสุขภาพไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม และสามารถประเมินสารสนเทศนนั ๆ ก่อน นาํ ไปใชป้ ระโยชน์ดา้ นการดูแลสุขภาพไดอ้ ยา่ งสร้างสรรค์ ตามค่านิยมและความเชือของผูส้ ูงอายุ และสมาชิกในครอบครัวแต่ละคน โดยเลือกใช้สือได้อย่างสอดคล้องกับวตั ถุประสงค์และ เป้าหมายทีตงั ใจไว้ 3) ความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัว (Flexibility and Adaptability) ใหเ้ ท่า ทนั ต่อสถานการณ์และความรับผิดชอบได้ ภายใตค้ วามเร่งด่วนหรือสิงทีไม่สามารถคาดเดาได้ ล่วงหน้า สามารถทาํ การวางแผนงานการสือสารสุขภาพระหว่างตนเองกบั ผูส้ ูงอายุได้อย่างมี คุณภาพภายในเวลาทีเหมาะสม มีภาวะผูน้ าํ และมีมนุษยสัมพนั ธ์ สามารถโน้มนา้ วและชีนาํ ใหก้ าร สือสารสุขภาพบรรลุเป้าหมายได้ 4) มีความรู้เท่าทนั สุขภาพ (Health Literacy) หมายถึง ผสู้ ูงอายมุ คี วามเขา้ ใจสามารถการ ดาํ รงตนให้เป็ นผมู้ ีสุขภาพทีดีไดด้ ว้ ยตนเอง เช่น การรู้จกั เลือกรับประทานอาหารทีมีประโยชน์ต่อ สุขภาพตนเอง รู้จกั พจิ ารณาวิธีการออกกาํ ลงั กายทีเหมาะสม รู้จกั ป้องกนั ตนเองใหป้ ลอดภยั จาก โรคภยั และอุบตั ิเหตุต่างๆ ภายในบา้ นและนอกบา้ นไดด้ ว้ ยตนเอง จากขอ้ มูลดงั กล่าว สามารถนาํ ไปประยุกต์ใชไ้ ดท้ ุกครอบครัว เพือให้การสือสารสุขภาพ ระหว่างผูส้ ูงอายุกบั สมาชิกในครอบครัวในยุคปัจจุบนั ประสบความสําเร็จไดด้ ีมากยิงขึน โดย จะต้องเป็ นกระบวนการสือสารสุขภาพทีเหมาะสมตามบริบทของแต่ละครอบครัว เพือทาํ ให้ สามารถส่งเนือหาสาระด้านสุขภาพไปถึงซึงกนั และกนั ได้อย่างเฉพาะเจาะจง อนั จะนาํ ไปสู่การ
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 152 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกบั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ ปรับเปลียนทศั นคติและพฤติกรรมสุขภาพไดอ้ ยา่ งเป็นรูปธรรม เพราะการสือสารสุขภาพ คือ การ สือสารเพือใหข้ อ้ มูลประกอบการตดั สินใจ อีกทงั ยงั เป็นการสือสารเพือโนม้ น้าวและกระตุน้ เตือน ใหเ้ กิดการเปลียนแปลงไปสู่พฤติกรรมสุขภาพดีทีพงึ ประสงค์ (อิมจิต เลิศพงษส์ มบตั ิ, นุวรรณ ทบั เทียง และอรุณีวรรณ บวั เนียว 2551) ดงั นนั การสือสารสุขภาพระหวา่ งผูส้ ูงอายุกบั สมาชิกในครอบครัว จะตอ้ งเริมตน้ ดว้ ยการ กระตุน้ ให้ทุกคนเห็นความสําคญั และเล็งเห็นโอกาสของการสือสารนีในการสร้างความเขา้ ใจและ สือสารเกียวกบั ปัญหาดา้ นสุขภาพต่างๆ ของสมาชิกแต่ละคนทงั วยั รุ่น วยั ผูใ้ หญ่ วยั ผูส้ ูงอายุทีพกั อาศยั อยใู่ นบา้ นเดียวกนั หรืออยูก่ นั คนละบา้ นแต่นบั เชือสายความสัมพนั ธ์เป็นสมาชิกในครอบครัว เดียวกนั ได้ รวมทงั มีการฝึ กสอน มีการช่วยชีแนะเทคนิควธิ ีการสือสาร การใช้สือทีเป็ นช่องทาง ในการสือสารระหว่างกันเพือให้ความรู้และเสริมสร้างความเข้าใจเกียวกบั กระบวนการสือสาร สุขภาพของสมาชิกในครอบครัวทีจะเขา้ ใจกนั ไดเ้ หมือนๆ กนั โดยตอ้ งเลือกใชว้ ธิ ีการให้สอดรับ กบั เทคโนโลยีทีเจริญก้าวหน้าไปอย่างมากในปัจจุบนั นี เพือใช้เป็ นเครืองมือช่วยให้สมาชิกใน ครอบครัวทีตอ้ งสือสารกบั ผูส้ ูงอายุ มีหลกั การและแนวทางทีจะดาํ เนินการสือสารสุขภาพระหวา่ ง กนั อยา่ งเหมาะสมและสอดคลอ้ งกบั วถิ ีชีวติ ทีเป็นอยอู่ ยา่ งสะดวก รวดเร็ว ไม่ฝื นความรู้สึกหรือตอ้ ง อาศยั การฝึ กฝนอย่างหนกั หรือตอ้ งใชค้ วามพยายามเรียนรู้อย่างยากเยน็ แสนเข็ญอนั จะทาํ ให้เกิด ความไม่สะดวกสบายและยุง่ ยากจนเกินไป เพือทาํ ให้เกิดการเปลียนแปลงทศั นคติและความตงั ใจ เปลียนแปลงพฤติกรรมของผูส้ ูงอายุตามแนวคิดขนั ตอนการเปลียนแปลงพฤติกรรม (Stage of Change: SOC) ทีแบ่งเป็ น 5 ขนั ตอน (อญั ชลี ชูติธร 2556) ไดแ้ ก่ 1) ขันก่อนมีความมุ่งหมาย จะมีการใคร่ครวญไตร่ตรอง มีความตังใจทจี ะเปลยี นแปลง พฤตกิ รรม (Pre-contemplation) เป็นขนั ทีผสู้ ูงอายยุ งั ไม่ปฏิบตั ิพฤติกรรมและไม่ตงั ใจทีจะปฏิบตั ิ ภายใน 6 เดือนขา้ งหนา้ 2) ขันมีความมุ่งหมายและมีความตังใจทจี ะเปลยี นแปลงพฤตกิ รรม (Contemplation) เป็ น ขนั ทีผสู้ ูงอายมุ ีเจตนามีความตงั ใจวา่ อาจจะทาํ แต่ยงั ไมล่ งมือกระทาํ มกั วางแผนภายใน 1 เดือน ขา้ งหนา้ จะเริมเปลียนพฤติกรรม 3) ขันเตรียมการ (Preparation) เป็นขนั ของพฤตกิ รรมทีกระทาํ บา้ ง ไมก่ ระทาํ บา้ งและ ผสู้ ูงอายตุ งั ใจจะกระทาํ ทนั ที ภายในไมเ่ กิน 1 สัปดาห์ขา้ งหนา้ หรือเคยลองกระทาํ แลว้ แตล่ ม้ เหลว ไม่สามารถกระทาํ ตอ่ เนือง 4) ขันปฏบิ ัติการ (Action) เป็ นพฤติกรรมทีผสู้ ูงอายปุ ฏิบตั ิเป็นประจาํ หรือเป็ นบางครัง ตงั แต่ 1 วนั แตไ่ ม่เกิน 6 เดือน
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 153 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ 5) ระดับพฤติกรรมคงที (Maintenance) เป็นพฤติกรรมทีผสู้ ูงอายปุ ฏิบตั ิเป็นประจาํ นาน แลว้ มากกวา่ 6 เดือนขึนไป นอกจากนียงั มีการใชก้ ระบวนการกลุ่มสร้างแรงสนบั สนุนเพอื ให้เกิดการเปลียนแปลง ทศั นคติและพฤตกิ รรมสุขภาพใหด้ ีขึน โดยจะตอ้ งมุ่งเนน้ ในการสือสารถึงกนั ดว้ ยหลกั การพืนฐาน เบืองตน้ คือ “KAP” หมายถึง -การให้ความรู้ หรือ K=knowledge -การสร้างทัศนคติ หรือ A=Attitude เป็ นส่วนสําคญั ทจี ะทาํ ให้เกดิ ผลตามมาคือ -การปฏบิ ตั ิ หรือ P=Practice ดงั นนั การใหค้ วามรู้ ความเขา้ ใจและมีแนวทางในการฝึ กฝนทกั ษะในเรืองนีให้กบั ผูส้ ูงอายุ เพือใชส้ ือสารกบั สมาชิกในครอบครัว จึงเป็นเรืองทีควรตอ้ งดาํ เนินการอยา่ งเร่งด่วนทุกครอบครัว เป็ นการสร้างองค์ความรู้ด้านนีขึนมาเพือผูส้ ูงอายุโดยตรง เพือให้เท่าทนั ต่อสถานการณ์ เพราะ เทคโนโลยีทีเป็ นนวตั กรรมการสือสารสุขภาพไดพ้ ฒั นาและเปลียนแปลงไปมาก การทีบุคคลจะ มาถึงจุดตกผลึกของการบูรณาการศาสตร์ ด้านศิ ลปะของการสื อส ารกับศาสตร์ ด้านสุ ขภาพนัน จาํ เป็ นตอ้ งอาศยั การเรียนรู้อย่างต่อเนืองตลอดชีวิต ถือเป็ นความเร่งด่วนทีทาํ ให้เกิดการสือสาร สุขภาพทีมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเท่าทนั ต่อสถานการณ์ทีเปลียนแปลงไปอยา่ งเหมาะสม ทีสุด ตามทีทราบกันดีอยู่แล้วว่า “การสือสาร” เป็ นกระบวนการทีต้องเกิดขึนในชีวิตประจําวัน ของมนุษย์ตลอดเวลา เริมตน้ จากมีผูส้ ่งสารหรือผูเ้ ขา้ รหัส (Sender/Encoder) ได้ทาํ การส่งขอ้ มูล ข่าวสารต่างๆ หรือเนือหาสาร (Message) ออกไปทงั ทีตงั ใจหรือไม่ตงั ใจ ทงั ทีรู้ตวั หรือไม่รู้ตวั ก็ เป็ นไปได้ เช่น ส่งสารออกไปเป็ นภาษาพูด ภาษาเขียน รหสั สัญลกั ษณ์ รวมทงั กิริยาท่าทางต่างๆ ผา่ นช่องทางการสือสาร (Channel) ทีมีหลากหลายมาก อาทิ การพูดกนั แบบเห็นหนา้ ซึงกนั และกนั (Face to Face) การสนทนาผ่านโทรศพั ทม์ ือถือทีปัจจุบนั นนั ผูค้ นนิยมใช้โทรศพั ท์มือถือทีเป็ น สมาร์ทโฟน (Smartphone) เกือบหมดแลว้ เพราะมีระบบทีสามารถตอบสนองความตอ้ งการของผู้ ใชไ้ ดท้ ุกประการในโลกของการสือสารดว้ ยระบบดิจทิ ลั สร้างความสะดวกสบายให้กบั ทงั ผสู้ ่งสาร และผรู้ ับสารเป็ นอยา่ งดี การใชช้ ่องทางโซเชียลมีเดียดว้ ยการส่งขอ้ ความ รูปภาพ คลิปวีดิโอ เป็ นตน้ ไปยงั ผรู้ ับสารหรือผูเ้ ขา้ รหสั (Receiver/Decoder) เพือใหเ้ กิดผลลพั ธ์อยา่ งใดอย่างหนึงเพราะมนุษย์ ตอ้ งอยู่ร่วมกนั ในสังคม (กิตติพงษ์ พรมพลเมือง 2555) ดังนนั การสือสารจึงเปรียบเสมือน เครืองมือทีทาํ หนา้ ทีในการถ่ายทอดความรู้ ความคิด อารมณ์และความรู้สึกของคนจากคนหนึงไป ยงั อีกคนหนึงเพือให้เกิดความเข้าใจร่วมกัน ใน “การสือสารสุขภาพ” ก็ใช้กระบวนการนี เช่นเดียวกนั
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 154 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ ับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ เมือผนวกเขา้ กนั กบั เรืองราวของสุขภาพซึงเป็ นศิลปะการสือสารสุขภาพ (The Art of Health Communication) ทีมุ่งเน้นไปยงั ประเด็นเรืองของสุขภาพโดยตรงนัน ผู้เขียนมีความ คิดเห็นวา่ จาํ เป็ นอยา่ งยิงทีตอ้ งมีวธิ ีการสือสารทีเฉพาะเจาะจงในแต่ละเรืองแต่ละสถานการณ์หรือ แต่ละบุคคลซึงมีความตอ้ งการไดร้ ับขอ้ มูลทีแตกต่างกนั ไป เพราะเรืองสุขภาพนนั เป็ นเรืองเฉพาะ ปัจเจกบุคคลทีตอ้ งคิดสรรหาวิธีการสือสารอยา่ งมีศิลปะเพือใหเ้ กิดความสําเร็จตามเป้าประสงคไ์ ด้ อย่างถูกตอ้ งเหมาะสม โดยเฉพาะกลุ่มผูส้ ูงอายุซึงมีความละเอียดอ่อนทางดา้ นอารมณ์ความรู้สึก ตา่ งๆ เขา้ มาเกียวขอ้ งคอ่ นขา้ งมาก รวมทงั ปัจจยั เกียวขอ้ งกบั วฒั นธรรมไทยทีมีวิถีชีวติ ความเป็ นอยู่ แบบไทยๆ คือ มีความเชือ ความศรัทธา ขนบธรรมเนียมประเพณีทีสืบทอดกนั มายาวนานในเรือง การดูแลรักษาสุขภาพกบั โรคภยั ไขเ้ จบ็ ต่างๆ หรือจะเรียกวา่ เป็นการแพทยพ์ ืนบา้ นของไทยซึงเป็ น อีกภูมิปัญญาหนึงทีสืบทอดกนั เรือยมาก็ได้ ในอดีตจนถึงปัจจุบนั บางพืนทีในประเทศไทย ยงั คงมี ความเชือทางไสยศาสตร์และโหราศาสตร์เพือให้สอดคลอ้ งกบั สภาพของชุมชน จึงตอ้ งใชค้ วาม ระมดั ระวงั ในการสือสารสุขภาพให้เหมาะสมกบั แต่ละบริบทแวดล้อมดว้ ย นอกจากนันการที ประชาชนมีความรู้ความเขา้ ใจในการสือสารสุขภาพทีแตกต่างกนั ก็เป็ นปัญหาสําคญั ส่วนหนึงที จะตอ้ งระมดั ระวงั โดยตอ้ งใชศ้ ิลปะการสือสารสุขภาพเขา้ ไปช่วยบริหารจดั การ ดงั นนั ผทู้ ีจะสือสาร ในเรืองสุขภาพนี จึงตอ้ งใชศ้ ิลปะการสือสารทุกรูปแบบอยา่ งแยบยลนุ่มนวลเพือใหเ้ กิดความสบาย ใจดว้ ยกนั ทุกฝ่ าย ศิลปะการสือสารสุขภาพนันมีหลากหลายมิติทงั ในระดบั ระหวา่ งบุคคล ระดบั ครอบครัว ระดบั กลุ่มเล็ก กลุ่มใหญ่และระดบั มวลชน โดยสามารถใช้ประกอบกันหลากหลาย ช่องทางเพือนาํ ไปสู่ความสําเร็จในระดับปัจเจกบุคคลทีตงั ใจไวไ้ ด้ กรณีศึกษาตัวอย่าง เช่น เมือครังทีผู้เขียนได้รับเชิญให้ทําหน้าทีเป็ นวิทยากรเข้าร่วมประชุมและบรรยายในหัวข้อ “กลยุทธ์ การดาํ เนินงานสือสารมวลชน เพือสนับสนุนงานด้านสาธารณสุข” โดยกลุ่มสือสารความเสียงและ พฒั นาพฤติกรรมสุขภาพ สาํ นักงานป้องกนั ควบคุมโรคที 3 ชลบุรี กรมควบคุมโรค กระทรวง สาธารณสุข มีเขตพืนทีรับผิดชอบรวม 8 จงั หวดั ไดแ้ ก่ ชลบุรี ระยอง จนั ทบุรี ตราด ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้วและสมุทรปราการ ได้จัดให้มีกิจกรรมการประชุมแลกเปลียนเรียนรู้ กลุ่มเป้าหมายเป็ นผรู้ ับผดิ ชอบงานดา้ นสือสารความเสียงและพฒั นาพฤติกรรมสุขภาพ ในโครงการ สร้างเสริมปฏิสมั พนั ธ์เครือขา่ ยสือมวลชนฯ ประจาํ ปี 2558 ระหวา่ งวนั ที 25 - 26 พฤศจิกายน 2557 ณ โรงแรมสตาร์ระยอง จงั หวดั ระยอง มีผเู้ ขา้ ร่วมประชุมระดมความคิดเห็นแลกเปลียนเรียนรู้ประสบการณ์ซึงกนั และกนั จาํ นวน 40 คน เช่น 1) นางสุภาพร พุทธรัตน์ รองฯ ผอ. สคร.3 จ.ชลบุรี 2) นางสมพร มโน รัตน์ ประชาสมั พนั ธ์จงั หวดั สระแกว้ 3) นายมาโนช โอสถเจริญ ประชาสมั พนั ธ์จงั หวดั ระยอง
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 155 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกบั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ 4) นางอุไรวรรณ นอ้ ยคาํ ยาง ผอ.สวท.ชลบุรี และ 5) นายสมชาย ขุนสกล นกั จดั รายการวทิ ยุ ฯลฯ โดยมีการแบ่งกลุ่มออกเป็ น 4 กลุ่ม เพือระดมความคิดเห็นแนวทางการดาํ เนินงานด้าน พฒั นาการสือสารความเสียงโรคและภยั สุขภาพ รวมทงั มุมมองในอนาคต สําหรับพืนทีเครือข่าย บริการที 6 ซึงในทศั นะของผู้เขียนถือไดว้ า่ เป็ นภาระงานทีตอ้ งใชศ้ ิลปะการสือสารสุขภาพเขา้ มาเป็ น ปัจจยั สาํ คญั ประกอบดว้ ย เพราะในแต่ละจงั หวดั ทีบุคลากรทางดา้ นสาธารณสุขรวมทงั สือมวลชน ทงั หลายจะตอ้ งดาํ เนินงานสือสารสุขภาพนนั ไม่สามารถใชว้ ธิ ีการสือสารเดียวกนั ทีเหทือนๆ กนั ได้ ทุกพืนที เพราะมีอุบตั ิการณ์ของโรคทีเกิดขึนแตกต่างกนั มีวฒั นธรรมชุมชนทีแตกต่างกนั และถา้ มองลงลึกในรายละเอยี ดกจ็ ะยงิ พบวา่ ในแต่ละครอบครัวยิงมีความแตกตา่ งกนั มากขึนไปอีก เพราะ แตล่ ะบา้ นจะมีสมาชิกของครอบครัวทงั เด็ก เยาวชน วยั รุ่น ผใู้ หญ่ ผูส้ ูงอายุทีมีพืนฐานความรู้ความ เขา้ ใจ ประสบการณ์ด้านสุขภาพทีไม่เหมือนกนั ดงั นนั วิธีการส่งเนือหาสาระของข้อมูลจึงตอ้ ง จดั สรรใหม้ ีความเหมาะสมกบั วฒั นธรรมความเชือความรู้ความเขา้ ใจเฉพาะตนทีแตกต่างกนั จึงจะ ทาํ ให้เกิดผลลพั ธ์ทีมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลตามทีตงั เป้าหมายไว้ “สรุปองค์ความรู้” ทไี ด้รับจากการแลกเปลยี นเรียนรู้ร่วมกนั จากกจิ กรรมครังนี คือ การทํางานด้านสือสารสุขภาพต้องใช้ปัจจัยหลายประการเข้ามาช่วยสนับสนุนซึงกนั และ กัน เพราะการรับรู้ข้อมูลด้านสุขภาพกายและสุขภาพจิตนัน สมาชิกในครอบครัวโดยเฉพาะรุ่น ลูกหลานสามารถเข้าถึงข้อมูลได้สะดวกและรวดเร็ว เช่น 1) จากแหล่งสารสนเทศผา่ นสือใหม่ต่างๆ ไดแ้ ก่ เวบ็ ไซต์ เฟซบุก๊ ไลน์ ยทู ูบ เป็นตน้ 2) จากสือสารมวลชนและสือมวลชนทงั ออฟไลน์และออนไลน์ 3) จากสถาบนั การศกึ ษาของตนเองและเพอื นๆ ทีเรียนตา่ งสถาบนั เป็นตน้ ซึงขอ้ มูลข่าวสารเฉพาะดา้ นเหล่านีสามารถนาํ มาแบง่ ปันส่งต่อให้กบั ผูส้ ูงอายุและสมาชิก ในครอบครวั ของตนเองไดท้ ุกวนั ในส่วนของสือมวลชนและบุคลากรทางด้านสาธารณสุขเองนนั ก็ ประสานงานกนั โดยตลอด เพือให้การแพร่กระจายขอ้ มูลไปยงั ประชาชนทุกครัวเรือนเป็ นไปอย่าง ถูกตอ้ งเหมาะสมทนั ต่อสถานการณ์ ส่วนของผู้รับสารทีเป็ นสมาชิกในแต่ละครอบครัวนนั ก็ตอ้ ง ให้ความใส่ใจเพราะนบั เป็ นสิงทีทุกครอบครัวควรให้ความสําคญั และนาํ ขอ้ มูลไปประยกุ ต์ใช้ใน ส่วนทีตรงกบั วถิ ีชีวิตของครอบครัวตนเอง โดยใชแ้ นวทางของ “แนวคดิ ทฤษฎกี ารใช้ประโยชน์และ ความพึงพอใจ” (Uses and Gratifications Theory: UGT) เป็ นสําคัญ เป็นแนวคิดทีเชือวา่ ผูร้ ับสาร เป็ นผูก้ าํ หนดว่า ตนตอ้ งการขอ้ มูลอะไร สืออะไรและสาระอะไรจึงจะสนองความพึงพอใจของ ตนเองได้ เป็ นการเน้นความสําคญั ของผูร้ ับสาร ในฐานะเป็ นผูก้ ระทาํ การสือสาร ผูร้ ับสารจะ เลือกใชส้ ือและรับขอ้ มูลทีสามารถสนองความตอ้ งการและความพงึ พอใจของตนเองเท่านนั
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 156 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกบั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ ภาพที 3.1 ผู้เขียนกาํ ลงั บรรยายข้อมูลเกยี วกบั การใช้ศิลปะการสือสารสุขภาพ เพือการสือสารความเสียงและภยั สุขภาพ
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 157 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ ภาพที 3.2 ผู้เขยี นกาํ ลงั รวบรวมข้อมลู จากแต่ละจังหวัดว่ามภี ัยจากโรคอะไรเกดิ ขนึ ในพืนที มากทสี ุดเพอื นําไปสู่การใช้ศิลปะการสือสารสุขภาพเข้าไปช่วยแก้ไข
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 158 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ ภาพที 3.3 ผู้เขียนกาํ หนดโจทย์ให้ผู้เข้าร่วมประชุมแบ่งกลุ่มเพือแลกเปลยี นความรู้ และประสบการณ์ของกนั และกนั เพือนําไปสู่การใช้ศิลปะการสือสารสุขภาพ เข้าไปช่วยแก้ไข
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 159 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ ับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ ภาพที 3.4 ผู้เข้าร่วมประชุมแต่ละกลุ่มได้ทาํ การแลกเปลยี นความรู้และประสบการณ์ ของกนั และกนั เพือนําไปสู่การใช้ศิลปะการสือสารสุขภาพเข้าไปช่วยแก้ไข
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 160 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ ภาพที 3.5 ผู้เข้าร่วมประชุมเป็ นผู้ทมี ีความรู้และประสบการณ์ด้านการใช้ศิลปะการ สือสารสุขภาพเข้าไปช่วยแก้ไขให้ประชาชนมานานหลายปี จึงมีมุมมอง ในการแก้ไขปัญหาทหี ลากหลาย
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 161 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ ภาพที 3.6 ผู้เขยี นรับมอบของทรี ะลกึ จากคณุ สุภาพร พุทธรัตน์ รองผู้อาํ นวยการ สคร.3 ชลบุรี ภาพที 3.7 ผู้เขยี นกบั ผ้เู ข้าร่วมประชุมเพือแลกเปลยี นความรู้และประสบการณ์ของกนั และกัน เพือนําไปสู่การใช้ศิลปะการสือสารสุขภาพเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาทเี กดิ ขนึ ในแต่ละ จังหวดั
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 162 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ การสือสารสุขภาพทีจะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากทีสุดนัน จาํ เป็นตอ้ งมี การประยกุ ตใ์ ชห้ รือมีการบูรณาการศาสตร์ทางดา้ นนิเทศศาสตร์หรือทีผเู้ ขียน ขอเรียกวา่ เป็นศาสตร์ แห่ง “ศิลปะการสือสาร” ซึงแปลความมาจากรากศพั ท์ภาษาองั กฤษ คือ Communication Arts กบั ศาสตร์อืนๆ ทีเกียวขอ้ งสัมพนั ธ์กนั โดยผเู้ ขียนไดส้ ืบคน้ และพิจารณาการบูรณาการกนั ของการ สือสารสุขภาพในจุดสาํ คญั ทีมีความสัมพนั ธ์-สอดคลอ้ ง-เชือมโยงสนบั สนุนซึงกนั และกนั ผเู้ ขียน จึงมุ่งเน้นไปที “ศาสตร์ดา้ นการสือสาร” และ “ศาสตร์ด้านสาธารณสุข” ทีเกียวข้องกบั การดูแล ป้องกนั รวมทงั การรักษาพยาบาล เพราะการสือสารสุขภาพนนั มีความจาํ เป็ นทีตอ้ งใชท้ งั การให้ ขอ้ มูลขา่ สารดา้ นสุขภาพสุขภาวะและตอ้ งมีการดูแลเอาใจใส่ตอ่ ผรู้ ับสารหรือจะเรียกว่าเป็นการให้ ขอ้ มูลทางสุขศึกษาและสาธารณสุข พร้อมๆ ไปกบั การดูแลหรือการพยาบาลทงั ทางร่างกายและ จิตใจกบั กลุ่มผรู้ ับสารเฉพาะเจาะจง ในทีนีคือ ผสู้ ูงอายแุ ละสมาชิกในครอบครัว ดงั นนั การใชศ้ ิลปะ การสือสารกบั การดูแลจงึ ตอ้ งดาํ เนินการควบคู่กนั ไป ผูเ้ ขียนขอนาํ เสนอการใชศ้ ิลปะการสือสารสุขภาพตามแนวคิดทฤษฎีการดูแลของ ดร.จีน วตั สัน (Jean Watson’s Caring Theory) มาใชค้ วบคู่ไปกบั ศิลปะการสือสารไดอ้ ยา่ งเหมาะสม โดยทฤษฎีนีมีแนวคิดเพอื การดูแล ซึงพฒั นามาตงั แต่ปี ค.ศ. 1979 ปัจจุบนั ทฤษฎีนีไดร้ ับการพฒั นา จนมีความสมบูรณ์แบบ โดยมีการนาํ ไปใช้ในการพยาบาลทีเน้นรูปแบบการใช้ศิลปะการสือสารสุขภาพเพือการ ดูแลทีเขา้ ถึงจิตใจซึงกนั และกนั ระหวา่ งคนสองคน เพอื ให้อาการเจบ็ ป่ วยกลบั คืนสู่สภาวะปกติ เนืองดว้ ยวตั สัน(Watson, J. 2011) มีแนวคิดหลกั ในเรืองนี (Core Concepts of Jean Watson’s Theory of Human Caring/Caring Science) ทีเชือว่าองคค์ วามรู้ทางการพยาบาลตอ้ ง พฒั นาจากศิลปศาสตร์ (Art) บนพืนฐานความเชือมนุษยนิยม (Humanism) มากกวา่ การพฒั นามา จากความรู้ทางดา้ นวทิ ยศาสตร์ (Science) และความรู้ทางการแพทย์ (Medical) เพยี งอยา่ งเดียว
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 163 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ ับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ วตั สนั ไดส้ ะทอ้ นถึงรากฐานของทฤษฎีการดูแลวา่ เป็ นการปฏบิ ัติด้วยความรักเพราะเชือว่า การดูแลเป็ นพืนฐานของความเป็ นมนุษย์และเป้าหมายของการดูแล คือ การช่วยเหลือบุคคลให้ ค้นพบภาวะดุลยภาพ (Harmony) ของร่างกาย จิตใจและจิตวญิ ญาณ โดยให้ความสําคัญกบั ความ เป็ นมนุษย์ในแง่ของการเคารพในศักดิศรีของทุกคน ให้ความสําคัญกับประสบการณ์ของบุคคลและ เชือว่าการพยาบาล คือ ศิลปะและสุนทรียศาสตร์ จากประเด็นแนวคิดทฤษฎีทีวตั สันนาํ เสนอออกมานัน ผู้เขียนมีความเห็นไปในแนวทาง เดียวกนั เพราะไดร้ ําเรียนมาทางดา้ นศิลปะ ซึงมีความเกียวขอ้ งกบั สุนทรียศาสตร์โดยตรง ตงั แต่ สมยั เรียนทีวทิ ยาลยั ช่างศิลป เมือครังยงั สังกดั กรมศิลปากร และคณะจิตรกรรม ประติมากรรมและ ภาพพิมพ์ มหาวิทยาลยั ศิลปากร อีกทงั เมือมาทาํ งานเป็ นอาจารยป์ ระจาํ ในคณะนิเทศศาสตร์ ได้ สอนวชิ าสุนทรียศาสตร์เพอื นิเทศศาสตร์ จึงทาํ ใหย้ งิ เกิดความเขา้ ใจอยา่ งลึกซึงในแนวคิดของวตั สัน ได้ดี เพราะการดูแลสุขภาพหรือการสือสารสุขภาพนนั ตอ้ งมีและมีความจาํ เป็ นตอ้ งใช้ “ศิลปะใน การสือสาร” ทีละอียดอ่อนและต้องระมดั ระวงั เป็ นอย่างมากเพือให้ผูร้ ับสาร อาทิ ผูส้ ูงอายุหรือ สมาชิกแต่ละคนในครอบครัว ไม่เกิดความวิตกกงั วล ตืนตระหนกแต่ตอ้ งใชศ้ ิลปะการสือสารให้ เกิดความสบายใจในขอ้ เท็จจริงเกียวกบั สุขภาพทีเกิดขึนในดา้ นต่างๆ ของบุคคลเหล่านัน เช่น ผสู้ ูงอายใุ นบา้ นจะตอ้ งมีการปรับเปลียนพฤติกรรมการใชช้ ีวติ ในเรืองของชนิดและประเภทอาหาร ทงั ของคาวของหวานทีจะรับประทานในแต่ละวนั เพือป้องกนั โรคภยั ต่างๆ ไดแ้ ก่ เบาหวาน ภูมิแพ้ ไขมนั อุดตนั ในเส้นเลือด โรคไต ความดนั โลหิตสูง เป็นตน้ หรือผูป้ ่ วยตอ้ งทาํ กายภาพบาํ บดั เช่น การเดินยาํ อยู่กบั ที การขีจกั รยานอยู่กบั ที การว่ายนาํ เพือการรักษาและการฟื นฟูสภาพร่างกายให้ กลบั มาอยู่ในภาวะปกติมากทีสุดเท่าทีจะทาํ ได้ ดงั นนั ศาสตร์ทางด้านการพยาบาล การดูแล จึงมี ความเกียวขอ้ งกบั ศาสตร์ทางด้านการสือสาร การใช้ศิลปะและการใชส้ ุนทรียศาสตร์ประกอบกนั หลากหลายมิติ โดยตอ้ งให้ความสําคญั กบั ความรู้สึกของอีกฝ่ าย มีการสร้างสร้างสัมพนั ธภาพ เพอื ใหเ้ กิดการเชือมโยงของประสบการณ์ชีวิตของทงั สองฝ่ ายจนหลอมรวมกนั เป็นหนึงเดียว รวมทังใช้การพยาบาล ศิลปะ สุนทรียศาสตร์ไปจนถึงความเมตตาเพือนําไปสู่ความสมดุล เป็ นอันหนึงอันเดียวกันของร่างกาย จิตใจและจิตวญิ ญาณ (Claire Chambers and Elaine Ryder, 2009) เป็ นการส่งเสริมให้ผูส้ ูงอายุมีพลงั ในการคงไวซ้ ึงภาวะสุขภาพ คือ ภาวะทีบุคคลมีความ กลมกลืนของร่างกาย จิตใจและจิตวิญญาณ การสือสารสุขภาพระหว่างผูส้ ูงอายุกับสมาชิกใน ครอบครัวกต็ อ้ งอาศยั การดูแลเอาใจใส่ถามไถ่สารทกุ ข์สุกดิบซึงมีรูปแบบคลา้ ยกบั การพยาบาลของ ลูกหลานทีมีต่อผสู้ ูงอายใุ นบา้ น แต่ตอ้ งทาํ ดว้ ยความรักอนั ยิงใหญ่ (Cosmic love) เพราะความรักคือ พลงั ทีผลกั ดนั ให้เกิดการดูแลสุขภาพผูส้ ูงอายุอย่างเป็ นองค์รวม ซึงอาศยั ปัจจยั การดูแลหรือการ สือสารทีตอ้ งสร้างขึนมาจากความเป็นมนุษย์ เพราะเป็นสิงทีปฏิบตั ิและสมั ผสั ได้
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 164 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ วตั สันไดน้ าํ เสนอ “ปัจจัยการดูแล 10 ประการ” (Ten carative factors) เพราะเชือวา่ การ เขา้ ถึงจิตใจกนั ระหว่างคนสองคน ต้องขจดั เส้นแบ่งของคนสองคนและลดความคิดแต่เรืองของ ตนเองออกไปให้มากทีสุด สามารถสรุปสาระไดด้ งั นี ปัจจยั ที 1 การสร้างระบบค่านิยม ดว้ ยการเห็นแก่ประโยชน์ของผูอ้ ืนและมีเมตตา ต่อเพอื นมนุษย์ ศิลปะการสือสารสุขภาพในขอ้ นี คือ การปลูกฝังการปฏิบตั ิดว้ ยรักและความเมตตา ใหเ้ สมือนเป็ นพนื ฐานของความรักทีมีสติ ตอ้ งหมนั สาํ รวจความคิด ความเชือของตนเอง เพือใหเ้ กิด ความเขา้ ใจ ความพงึ พอใจในการเป็นผใู้ ห้ ตอ้ งตระหนกั วา่ ผสู้ ูงอายแุ ต่ละคนต่างก็มีมุมมองของชีวิต ทีแตกต่างกนั มีปฏิกิริยาตอบสนองตอ่ ชีวติ และความเจบ็ ป่ วยทีแตกตา่ งกนั อนั เกิดจากค่านิยม ความ เชือ วฒั นธรรมและปรัชญาชีวติ ทีแตกต่างกนั ทาํ ให้บางรายสามารถยอมรับความจริงได้ แต่บางราย ไม่อาจยอมรับได้ ผูใ้ ห้การดูแลหรือติดต่อสือสารดว้ ยจึงตอ้ งยึดมนั ในค่านิยมทีเห็นแก่ประโยชน์ ของผูอ้ ืนและมีความเมตตาต่อเพือนมนุษย์ มีความอดทนและเพียรรอคอยเวลา เพือใหผ้ ูส้ ูงอายุได้ คน้ พบตนเองและยอมรับต่อสภาพของตนตามทีเป็นจริง ไม่ทอดทิงแต่ตอ้ งคอยช่วยให้ผสู้ ูงอายรุ ู้สึก วา่ มีใครสกั คนอยกู่ บั ตนเองเสมอ ดูแลเอาใจใส่อยา่ งจริงใจ เสียสละโดยไม่หวงั ผลตอบแทน ปฏิบตั ิ สิงทีดีทีสุดใหก้ บั ผสู้ ูงอายแุ ละตอบสนองความตอ้ งการทนั ที โดยคาํ นึงอยเู่ สมอวา่ ผสู้ ูงอายุ คือ เพือน มนุษยค์ นหนึงทีตอ้ งการความช่วยเหลือและความรัก ปัจจัยที 2 การสร้างความศรัทธาและความหวังทีเป็ นไปได้ ให้มีชีวิตอย่กู บั ความจริง ศิลปะการสือสารสุขภาพในขอ้ นี คือ ตอ้ งเป็ นผูท้ ีเขา้ ใจธรรมชาติของชีวิต ทีตอ้ งมีทงั ความสุขและความทุกข์ ชีวติ อยไู่ ดด้ ว้ ยพลงั ของศรัทธาและความหวงั เปรียบเสมือนอาํ นาจทีช่วยให้ ผูส้ ูงอายุมีกาํ ลงั ใจและมีความเขม้ แข็งพอทีจะเผชิญกบั ความเป็ นจริงต่างๆ ทงั ความเจ็บป่ วย ความ ซึมเศร้า ความรู้สึกเหงา โดดเดียว เป็นตน้ กระบวนการของศิลปะการสือสารสุขภาพจึงตอ้ งปลูกฝัง ความหวงั ให้กบั ผูส้ ูงอายอุ ยู่เสมอและควรเป็ นความหวงั ทีเห็นเป็ นรูปธรรมและมีความเป็ นไปได้ ควรประเมนิ ดูวา่ ผสู้ ูงอายมุ ีความเชือเกียวกบั ความการมีชีวติ อยา่ งไร สัมพนั ธ์กบั ความศรัทธาทีมีตอ่ ศาสนาหรือไม่ ควรใหผ้ ูส้ ูงอายุมีสิทธิเลือกวิธีการสร้างศรัทธาและความหวงั ความเชือตามความพึง พอใจของผสู้ ูงอายเุ องดว้ ย
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 165 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกบั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ ปัจจยั ที 3 ปลูกฝังความไวต่อความรู้สึกของตนเองและผ้อู ืน ตอ้ งปลูกฝังการ ปฏิบตั ิทางจิตวิญญาณและการหลอมรวมตนเองให้ก้าวพน้ ความถือตวั ถือตน ศิลปะการสือสาร สุขภาพในขอ้ นี คือ ตอ้ งเป็ นผูท้ ีรู้จกั ความรู้สึกของตนเองและไวต่อความรู้สึกของผูอ้ ืน วตั สัน ส่งเสริมให้มีการระบายความรู้สึกออกมาอยา่ งทีเปิ ดเผยอนั เป็นพฤติกรรมทีสําคญั เพือกา้ วพน้ ความ ถือตวั ถือตน และช่วยให้การดูแลประสบความสาํ เร็จ หนทางทีจะพฒั นาใหต้ นเองมีพฤติกรรมทีไว ต่อความรู้สึกของตนเองและผอู้ ืนคือ การรู้ตวั อยูเ่ สมอถึงความรู้สึกทีเกิดขึนกบั ตนในขณะนนั ซึงมี จุดเริมตน้ ทีการมองเขา้ ไปในตนเองและรับรู้ตนเองตามสภาพทีเป็นจริง การพฒั นาตนเองให้ไวต่อ การรับรู้ตนเอง ก็จะสามารถรับรู้ความรู้สึกของผูอ้ ืนได้เป็ นอยา่ งดีและเขา้ ใจการมองโลก เขา้ ใจ วฒั นธรรม ความเชือ และคา่ นิยมของผูส้ ูงอายทุ ีอาจแตกต่างกบั ตนเอง ปัจจั ยที 4 สร้างสัมพนั ธภาพการช่วยเหลืออย่างไว้วางใจ สร้างสัมพนั ธภาพ เพอื การดูแล ศิลปะการสือสารสุขภาพในขอ้ นี คือ ตอ้ งสร้างใหเ้ กิดความไวว้ างใจระหว่างสมาชิกใน ครอบครัวหรือผทู้ ีจะตอ้ งสือสารกบั ผูส้ ูงอายุ โดยการให้การเกือหนุนดูแล เอาใจเขามาใส่ใจเรา ให้ ความรู้สึกอบอุ่น โดยอาศยั การสือสารทีมีประสิทธิภาพ ความเขา้ กนั ได้ ความเห็นอกเห็นใจและ ความอบอุ่นใจ เป็ นองคป์ ระกอบพืนฐานทีสําคญั ของการสร้างสัมพนั ธภาพในการช่วยเหลือและ ไวว้ างใจซึงกนั และกนั มรี ายละเอยี ดดงั นี 4.1 การสือสารอยา่ งมีคุณภาพเป็ นเครืองมือบาํ บดั เยียวยาทีสําคญั เพราะ สภาพจิตใจของผสู้ ูงอายุ มกั แฝงไวด้ ว้ ยความวา้ วนุ่ ใจ วติ กกงั วลลึกๆ ทีแอบซ่อนไวภ้ ายใน การบอก กล่าวทีมากหรือนอ้ ยเกินไปจะทาํ ให้กระทบกระเทอื นจิตใจของผูส้ ูงอายไุ ดง้ ่าย ในบางครังผสู้ ูงอายุ อาจพบกับความขดั แยง้ ระหว่างความตอ้ งการกาํ ลงั ใจจากการสนทนาและความต้องการทีจะได้ รับทราบขอ้ เทจ็ จริงเกียวกบั เรืองสุขภาพของตนเอง การบอกความจริงเร็วเกินไป อาจทาํ ให้ผูส้ ูงอายุ เกิดความไม่มนั คงทางจิตใจแต่ถ้าช้าเกินไป ผูส้ ูงอายุอาจจะสงสัยหรือทาํ ให้ผูป้ ่ วยไม่ไวว้ างใจ สมาชิกในครอบครัวหรือผูท้ ีจะตอ้ งสือสารดว้ ย จึงควรให้ขอ้ มูลทีเป็ นจริงกบั ผูส้ ูงอายุเป็ นระยะๆ อยา่ งเหมาะสม การไดร้ ับขอ้ มูลทีเพียงพอจะทาํ ให้ผูส้ ูงอายุเกิดการตอบสนองทีเหมาะสมมีความ ไวว้ างใจและมีสมั พนั ธภาพทีดีกบั สมาชิกในครอบครัว 4.2 ความเขา้ กนั ไดก้ บั ผูส้ ูงอายุ การทีจะสามารถเขา้ กบั ผูส้ ูงอายุไดย้ อ่ ม ขึนกบั ลกั ษณะของผูท้ ีจะสือสารทีเป็นอยใู่ นขณะนนั ถา้ ยงิ กระชบั สัมพนั ธภาพระหว่างผูส้ ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัวไดด้ ี จะยิงทาํ ให้เกิดการปรับตวั ให้เขา้ กนั ไดม้ ากยิงขึน แต่ถา้ แอบซ่อนหรือ อาํ พรางความรู้สึกไวภ้ ายใน โดยเฉพาะความรู้สึกกลวั เบือหน่าย หรือความรู้สึกทางดา้ นลบอืนๆ จะกลบั ยิงเป็ นอุปสรรคต่อสัมพนั ธภาพมากขึน ซึงมีผลกระทบด้านลบต่อคุณภาพในการดูแล ผสู้ ูงอายุ
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 166 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกบั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ 4.3 ความเห็นอกเห็นใจ เป็ นการรับสัมผสั กบั โลกภายในของผูส้ ูงอายุ เสมือนหนึงวา่ เป็ นโลกภายในของตน กล่าวง่ายๆ คือ “การรู้จกั เอาใจผสู้ ูงอายุมาใส่ในใจตน” เพือ จะรับรู้วา่ ผสู้ ูงอายุมีความรู้สึกอยา่ งไรเมือตอ้ งประสบกบั สถานการณ์ตา่ งๆ ทงั ความเจบ็ ป่ วย ความ ทุกข์ ความสุข จะไดเ้ ขา้ ใจและตอบสนองต่อความรู้สึกของผูส้ ูงอายุอยา่ งถูกตอ้ งเหมาะสม ทงั ดว้ ย คาํ พูด กิริยาท่าทางและการแสดงออกทางพฤติกรรม 4.4 ความรู้สึกอบอุ่นใจ การมีปฏิสัมพนั ธ์อย่างอบอุ่นจะช่วยส่งเสริม สัมพนั ธภาพและพฒั นาการเจริญเติบโตทางอารมณ์ของผูส้ ูงอายุอีกด้วย ซึงผูส้ ่งสารสามารถ ถ่ายทอดความรู้สึกอบอุ่น โดยแสดงออกทางวาจาและกิริยาท่าทาง เช่น การสนทนา การพูดใน ระดบั เสียงเหมาะสม ยมิ แยม้ มีท่าทีเป็นมิตร เปิ ดเผย ผอ่ นคลาย เป็นตน้ ปัจจัยที 5 ส่งเสริมและยอมรับความรู้สึกทางบวกและทางลบ เตรียมตวั เอง เพอื รับความรู้สึกทงั ในทางบวกและลบ ศิลปะการสือสารสุขภาพในขอ้ นี คือ การเขา้ ใจอารมณ์หรือ ความรู้สึกทีเป็ นศูนยก์ ลางของบทบาทในการแสดงพฤติกรรมของมนุษย์ ซึงมีอิทธิพลต่อความคิด การตดั สินใจและพฤติกรรม จึงจาํ เป็ นอยา่ งยิงทีผสู้ ่งสารควรไดม้ ีโอกาสแสดงออกถึงความรู้สึกทงั ทางบวกและทางลบ สําหรับปัจจยั การดูแลประการนีจึงมุ่งไปทีความรู้สึกของผูส้ ่งสาร เพราะใน สถานการณ์ปัจจุบนั ผสู้ ่งสารมกั มีพฤติกรรมปกป้องความรู้สึกของตนโดยเฉพาะความรู้สึกทางดา้ น ลบ ซึงมกั จะอาํ พรางไวเ้ พือก่อให้เกิดภาพพจน์ทีดีกบั ตนเอง แต่พฤติกรรมดงั กล่าวนอกจากจะไม่ ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผูส้ ูงอายุแล้วยงั ก่อให้เกิดความขดั แยง้ ของสัมพนั ธภาพอีกด้วย เพราะ พฤติกรรมทีแสดงออกไม่ใช่ความจริง ขาดความจริงใจ แต่ถา้ สามารถแสดงออกถึงความรู้สึกของ ตนเองตามทีเป็ นจริง ไม่ว่าจะเป็ นดา้ นบวกหรือลบ ผสู้ ่งสารจะตอ้ งค่อยๆ พฒั นาในการรู้จกั ตนเอง และยอมรับตนเองตามทีเป็ นจริงไดเ้ ช่นกนั ผสู้ ูงอายมุ กั จะรู้สึกวา่ สุขภาพของตนถูกคุกคามและจะมี ปฏิกิริยาตอบสองตอ่ ความเจบ็ ป่ วยทีต่างๆ กนั บางคนแสดงอารมณ์โกรธ ฉุนเฉียว ปฏิเสธ ไม่ให้ ความร่วมมือในการดูแลรักษา และตาํ หนิติเตียนบ่นว่า ในขณะทีบางรายยอมรับวา่ ความเจ็บป่ วย เกิดขึน ผปู้ ่ วยจึงมีสิทธิและมีความตอ้ งการทีจะระบายความรู้สึกเหล่านนั ออกมาดว้ ย ผูส้ ่งสารทีไว ตอ่ ความรู้สึกของตนจะไวตอ่ ความรู้สึกของผสู้ ูงอายุ และยอมรับการแสดงออกของผูส้ ูงอายุไดอ้ ยา่ ง จริงใจ จะมีพฤติกรรมแสดงออก ไดแ้ ก่ ยอมรับการระบายความรู้สึกของผสู้ ูงอายุ ไม่ตาํ หนิติเตียน หรือตดั สิน ให้เวลาและโอกาสกบั ผูส้ ูงอายุ อยูเ่ ป็นเพือน ไม่ทอดทิงขณะทีผูส้ ูงอายแุ สดงอารมณ์ หรือพฤติกรรมทีกา้ วร้าว
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 167 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ ับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ ปัจจัยที 6 ใช้วธิ ีการแก้ปัญหาและตัดสินใจอย่างเป็ นระบบ เพือการตดั สินใจ ใช้ตนเองและทุกวิถีแห่งความรู้ ให้เป็ นเสมือนส่วนหนึงของกระบวนการดูแล เชือมต่อกับ ความสามารถทางศิลปะแห่งการพยาบาลดว้ ยความรัก ดงั นนั ศิลปะการสือสารสุขภาพในขอ้ นี คือ การนําวิธีการทางวิทยาศาสตร์มาใช้ในการแก้ปัญหาเป็ นเรืองสําคญั เพราะการดูแลผูส้ ูงอายุ มี จุดมุ่งหมายเพือช่วยเหลือผูส้ ูงอายุอย่างมีประสิทธิภาพจึงจาํ เป็ นตอ้ งอาศยั วิธีการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific problem solving) มาช่วยในการตดั สินใจ โดยเริมจากการประเมินปัญหาทงั ทางดา้ น ร่างกาย จิตสังคมและจิตวิญญาณ ตอ้ งรู้จกั ประเมินโดยการถาม พูดคุยและสังเกตจากตวั ผูส้ ูงอายุ เพือให้ไดข้ อ้ มูลครอบคลุมทงั องคร์ วมของผูส้ ูงอายุ และนาํ มาวางแผนการดูแล โดยนาํ ขอ้ มูลและ ปรากฏการณ์ตา่ งๆ มาใชใ้ นการวางแผนใหม้ ากทีสุด โดยเฉพาะขอ้ มูลดา้ นจิตสงั คม ความเชือ และ ความผูกผนั ทางใจของผูส้ ูงอายุ ซึงเป็นแหล่งของความหวงั และกาํ ลงั ใจสําหรับผสู้ ูงอายุ เพราะการ ใช้ขอ้ มูลด้านร่างกายอย่างเดียวไม่เพียงพอสําหรับผสู้ ูงอายุ หลงั จากนันจึงนาํ แผนทีได้วางไวม้ า ปฏิบัติและประเมินผลตามจุดมุ่งหมายทีกําหนดไว้ นอกจากนียงั ต้องทําการศึกษาเกียวกับ ประสบการณ์และสถานการณ์การดูแลพยาบาลต่างๆ ทีเกียวขอ้ งโดยใช้การวิจยั เชิงคุณภาพแนว ปรากฏการณ์วทิ ยา (Phenomenology) คือการทาํ ความเขา้ ใจ การรับรู้สถานการณ์ การกระทาํ และ จดุ มุง่ หมายของการกระทาํ ของบุคคลอยา่ งรอบดา้ น เพอื ใหเ้ ขา้ ใจประสบการณ์ของบุคคลในทุกมิติ ปัจจยั ที 7 ส่งเสริมการเรียนการสอนทีเข้าถงึ จิตใจผ้อู ืน ส่งเสริมการสอนการ เรียนรู้ประสบการณ์ระหว่างกนั ให้ความสนใจกบั ความเป็ นหนึงเดียวของชีวิตและให้ความใส่ใจ และอยกู่ บั กรอบอา้ งอิงของผอู้ ืน ดงั นนั ศิลปะการสือสารสุขภาพในขอ้ นี คือ การให้ขอ้ มูลข่าวสาร เป็ นจุดเริมตน้ สาํ หรับการกระตุน้ ให้ผูส้ ูงอายเุ กิดการเรียนรู้ แต่การเรียนรู้ยงั มีอะไรทีมากไปกว่านนั ประสบการณ์ของผสู้ ูงอายคุ ือสิงสาํ คญั ทีตอ้ งเรียนรู้และทาํ ความเขา้ ใจ ทงั โดยการสังเกตและเรียนรู้ จากผูส้ ูงอายุ โดยเฉพาะการสร้างความรู้สึกร่วมในสถานการณ์ของผูส้ ูงอายุ การมีส่วนรับรู้ใน ความรู้สึกของผูส้ ูงอายุจะทราบวา่ ควรแนะนาํ และบอกผสู้ ูงอายุอย่างไรและเวลาใดทีจะเหมาะสม เพือลดความวิตกกงั วล และเป็ นการช่วยให้ผูส้ ูงอายุสามารถประคบั ประคองสถานการณ์ และมี กลไกในการเผชิญกบั ปัญหา ซึงเป็ นกุญแจสําคญั ในการช่วยเหลือผูส้ ูงอายุให้สามารถเผชิญกับ ความเครียด อนั เนืองมาจากความเจ็บป่ วยได้ ตอ้ งไม่ปิ ดบงั ความจริงต่อกนั ซึงจะทาํ ให้ผูส้ ูงอายุมี โอกาสดาํ รงชีวิตตามแบบแผนทีตอ้ งการได้ สิงทีสมาชิกในครอบครัวควรปฏิบตั ิ ไดแ้ ก่ อธิบาย ความเป็ นไปของโรคภยั ไขเ้ จบ็ ต่างๆอยา่ งสมาํ เสมอ จะช่วยให้ผูส้ ูงอายกุ าํ หนดเป้าหมายชีวติ ตาม สภาพทีเป็ นจริง ตอบคาํ ถามของผูส้ ูงอายใุ ห้ชดั เจนไม่คลุมเครือในระดบั ทีผูส้ ูงอายสุ ามารถยอมรับ ได้ ติดตอ่ สือสารและมีปฏิสัมพนั ธ์กบั ผสู้ ูงอายเุ ป็นประจาํ สมาํ เสมอ
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 168 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ ปัจจัยที 8 สนับสนุนแก้ไขสิงแวดล้อมด้านกายภาพ จิตสังคมและจิต วญิ ญาณ โดยการสร้างสรรคส์ ภาพแวดลอ้ มแห่งการบาํ บดั ดงั นนั ศิลปะการสือสารสุขภาพในขอ้ นี คือ สิงแวดลอ้ มจะเป็ นสิงทีช่วยป้องกนั ประคบั ประคองแกไ้ ขปัญหาดา้ นกายภาพ จิตใจ สังคม วฒั นธรรมและวิญญาณ จึงตอ้ งประเมินและเอืออาํ นวยความสามารถปรับตวั ของผูส้ ูงอายุเพือให้ ประคบั ประคองความสมดุลของสุขภาพ ภายใตส้ ิงแวดลอ้ มทางกายภาพและสังคม เป็ นปัจจยั ทีทาํ หน้าทีในส่วนภายนอกของบุคคลส่วนจิตใจและจิตวิญญาณเป็ นปัจจยั ทีทาํ หน้าทีภายในบุคคล สิงแวดลอ้ มสาํ หรับผสู้ ูงอายทุ งั ภายในและภายนอก มีความสาํ คญั อยา่ งยงิ ต่อกระบวนการดาํ รงชีวติ การพฒั นาคุณภาพชีวติ หรือการฟื นหายของผูส้ ูงอายุ เช่น ประสบการณ์เกียวกบั การเจบ็ ป่ วย ระบบ สังคม ขนบธรรมเนียมและวฒั นธรรม การสนับสนุนของผู้ดูแล ครอบครัว ญาติมิตร รวมทงั บุคลากรในทีมสุขภาพ เป็ นตน้ การจดั สิงแวดลอ้ มใหผ้ ูส้ ูงอายุรู้สึกสุขสบาย สะอาด ปลอดภยั และ เป็ นส่วนตวั มีอิทธิพลต่อความผาสุกของผสู้ ูงอายุ ช่วยบรรเทาความเจบ็ ปวด ความทุกข์ทรมาน ช่วย ให้รู้สึกว่าตนเองยงั มีคุณค่า อนั เนืองมาจากการเอาใจใส่ประคบั ประคองดูแลของสมาชิกใน ครอบครวั ควรจดั สิงแวดลอ้ มโดยเฉพาะภายในบา้ นและบริเวณรอบๆ บา้ น ให้สะอาดและสวยงาม อยเู่ สมอ เพราะจะช่วยทาํ ใหผ้ สู้ ูงอายรุ ู้สึกผอ่ นคลาย ปัจจยั ที 9 พงึ พอใจทีจะช่วยเหลือเพือตอบสนองความต้องการของบุคคล อืน ช่วยเหลือโดยมุ่งตอบสนองความตอ้ งการของบุคคล ดงั นนั ศิลปะการสือสารสุขภาพในขอ้ นี คือ สมาชิกในครอบครัว ตอ้ งตอบสนองความตอ้ งการทุกด้าน โดยเริมจากความตอ้ งการรดบั พืนฐานก่อน และค่อยๆเพิมความตอ้ งการทีสูงขึน จากความตอ้ งการทางชีวภาพ ทางกาย-จิต ทาง จิต-สังคม และทางดา้ นสมั พนั ธภาพภายในระหว่างบุคคล ไปจนถึงความตอ้ งการดา้ นการยอมรับ วตั สันอธิบายวา่ ความตอ้ งการเป็ นสิงทีคู่กบั มนุษยเ์ สมอมาไมม่ ีทีสินสุดตงั แต่เกิดจนกระทงั ตาย เป็ น แรงผลกั ดนั ทีก่อให้เกิดพฤติกรรมต่างๆ ทีพยายามให้บรรลุถึงความตอ้ งการนนั ความตอ้ งการของ ผสู้ ูงอายกุ ็เช่นเดียวกบั บุคคลทวั ไป จะแตกต่างกนั บา้ งก็ตรงทีวา่ ผสู้ ูงอายุตอ้ งการการดูแลดา้ นจิตใจ อย่างมาก และมีความต้องการด้านจิตวิญญาณสูง การให้ผู้สูงอายุได้สมหวังในชีวิตโดยการ ตอบสนองความต้องการอย่างดีทีสุดในสิงทีเป็ นไปได้ จะทาํ ให้ผูส้ ูงอายุเกิดความผาสุกและ พฒั นาการเจริญเติบโตภายในให้มีความกลมกลืนกบั ผูอ้ ืน สิงแวดลอ้ ม สิงทีสมาชิกในครอบครัว ควรปฏิบตั ิ ไดแ้ ก่ ตอบสนองความตอ้ งการทางด้านร่างกาย เพือใหผ้ ูส้ ูงอายุสามารถดาํ รงชีพอยูไ่ ด้ ตอบสนองความตอ้ งการทางด้านจิตใจ เพือให้ผูส้ ูงอายุรู้สึกว่าตนเองมีคุณค่า ตอบสนองความ ตอ้ งการภายในบุคคล เป็ นการช่วยให้ผูป้ ่ วยมีพลงั ภายในตน โดยการตอบสนองความตอ้ งการดา้ น จิตวญิ ญาณ การผูกพนั ทางใจกบั ผอู้ ืนและกบั สิงศกั ดิสิทธิทีตนนบั ถือ
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 169 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกับสมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ ปัจจัยที 10 ยอมรับสิงทีเกิดขึน พลังทีมีอยู่และเปิ ดรับพลังทางจิต วญิ ญาณ ดงั นนั ศิลปะการสือสารสุขภาพในขอ้ นี คือ ปัจจยั การดูแลขอ้ นีถือวา่ เป็นสิงสําคญั และ เขา้ ใจยากทีสุด ทงั นีเพราะผูส้ ูงอายุมกั จะมีความสับสน วา้ วุ่น วิตกกงั วลต่อสภาพทีตอ้ งมีชีวิตอยู่ ระหวา่ งความเป็ นกบั ความตาย ความเจ็บป่ วยทีประสบกบั ความเจ็บปวดและความทุกขท์ รมาน ทาํ ให้ผูส้ ูงอายุไขว่ควา้ ทีจะคน้ หาความหมายของชีวิต ถา้ หากไม่ไดร้ ับการดูแลประคบั ประคองทีดี ผูส้ ูงอายุมกั จะปฏิเสธความเจ็บป่ วย ส่วนพลงั ทางจิตวิญญาณนนั ถือเป็ นปัจจยั สําคญั ทีจะช่วยให้ ผูส้ ูงอายสุ ามารถเขา้ ใจความหมายของชีวิตตามสถานภาพของการเป็ นมนุษยท์ ีตอ้ งมีเงือนไขและ ขอ้ จาํ กดั บางประการ โดยเฉพาะขอ้ จาํ กดั ทีวา่ มนุษยท์ ุกคนตอ้ งประสบกบั ความตาย ดงั นนั สมาชิก ในครอบครัวจึงเป็ นแหล่งทีมีคุณภาพและเป็ นความแข็งแกร่งสําหรับผูส้ ูงอายุ เพราะเป็ นผูท้ ีอยู่ ใกล้ชิดและให้การดูแลช่วยเหลือผูส้ ูงอายุอยู่ตลอดเวลา จึงต้องคน้ หาความหมายของชีวิตจาก ประสบการณ์ของตนในแต่ละวนั มีความเขา้ ใจในชีวติ และความเป็ นไปของโลก มีพลงั สติปัญญา พลงั จิตและพลงั กายทีไดจ้ ากปรัชญา ความเชือ วฒั นธรรม การศึกษา และประสบการณ์ชีวิตของ สมาชิกในครอบครัว เพือส่งผ่านพลงั นีให้กบั ผูส้ ูงอายุและสนบั สนุนช่วยเหลือผูส้ ูงอายุในการเสริมสร้างพลงั ใหแ้ ก่ตนเอง เพอื บาํ บดั เยียวยาตนเอง สําหรับเผชิญกบั ภาวะของโรคภยั ไขเ้ จ็บต่างๆ หรือความทุกข์ ทางใจ ดงั นนั สิงทีสมาชิกในครอบครัวควรปฏิบตั ิ ไดแ้ ก่ ช่วยผูส้ ูงอายุให้คน้ พบคุณค่าของประสบการณ์ในอดีตทีเคยทาํ ผ่านมาและน่า ประทบั ใจ ช่วยขดุ คน้ ความศรัทธาในปรัชญาและสิงทีดีงามในชีวติ ทีน่าพึงพอใจ ช่วยโนม้ นาํ ให้ผสู้ ูงอายคุ น้ หาแก่นแทข้ องชีวติ เขา้ ใจชีวติ อยา่ งลึกซึงและสบายใจ ช่วยให้มีการกาํ หนดเป้าหมายชีวติ ในระยะเวลาทีมีอยจู่ าํ กดั ช่วยใหโ้ อกาสผสู้ ูงอายแุ สดงออกซึงความเชือทางศาสนา ช่วยกระตุน้ ใหผ้ สู้ ูงอายแุ สดงความรักและมีสัมพนั ธภาพกบั สมาชิกในครอบครัว หรือผทู้ ีเป็นแหล่งของความหวงั และกาํ ลงั ใจ ช่วยนาํ ผูส้ ูงอายุใหค้ น้ พบแหล่งพลงั จิตวิญญาณของตน คน้ พบสัจธรรมของชีวิต และนาํ เขา้ สู่การใชร้ ะยะเวลาในช่วงสุดทา้ ยของชีวติ อยา่ งมีคุณคา่
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 170 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ การใชศ้ ิลปะการสือสารสุขภาพโดยใชแ้ นวทางในรูปแบบ “สุนทรียสนทนา” (Dialogue) นนั ความหมายตามรากศพั ท์ดงั เดิมของคาํ วา่ dialogue คือ dia= through หมายถึง ทะลุทะลวง logo = meaning of the word คือ ความหมายของคาํ ทีพดู ออกไป แต่โบม (Bohm) ยนื ยนั วา่ ความหมาย ใหม่ของคาํ วา่ dialogue มิใช่เพียงแค่การเขา้ ใจความหมายของคาํ ทีพูดออกมาแบบทะลุทะลวงแต่ เป็ น stream of meaning หรือ “กระแสธารของความหมาย” ทีไหลเลือนเคลือนที ถ่ายเทไปหากนั ได้ โดยปราศจากการปิ ดกนั ของสิงสมมติใดๆ ทีมนุษยส์ ร้างขึน ไม่วา่ จะเป็ นฐานคติเดิมทีฝังอยใู่ นหวั วธิ ีการกาํ หนดใจเพือรับรู้โลกภายนอก รวมทงั วยั วุฒิ คุณวฒุ ิ อาํ นาจ ยศถาบรรดาศกั ดิหรือตาํ แหน่ง หนา้ ทีใดๆ ทีบุคคลไดม้ าจากการเป็นสมาชิกของสงั คมใดสังคมหนึง ซึงการใชก้ ระบวนการแบบ สุนทรียสนทนา จะเป็ นการสร้างพนื ทีใหม่ทีเอือต่อการคิดร่วมกนั อยา่ งเสมอภาค เป็นการสนทนาที นาํ ไปสู่การคิดร่วมกนั เป็ นการสนทนาเพือจะฟังซึงกนั และกนั ของสมาชิกในครอบครัวเดียวกนั โดยไมม่ ีการตดั สินดว้ ยขอ้ สรุปใดๆ เพราะสุนทรียสนทนามีความเชือวา่ ความคิดทีดีเกิดจากการฟัง ทีมีคุณภาพ การตงั ใจฟังกนั คือ การเทใจมารวมกนั มีสมาธิอยกู่ บั ตวั เองและสิงทีไดย้ ิน โดยยงั คงให้ ความสนใจกบั เสียงของคนอืน แมก้ ระทงั เสียงของความเงียบจะตอ้ งกาํ หนดใจรับรู้ความเงียบดว้ ย ความรู้สึกในเชิงบวก เห็นความเงียบเป็ นสิงเดียวกับตนเองและในความเงียบนนั ผูส้ ูงอายุหรือ สมาชิกคนใดคนหนึงในครอบครัวทีอยใู่ นวงสนทนาต่างก็กาํ ลงั ลาํ ดบั ความคิดของตนเองอยู่ ยงั ไม่ พร้อมทีจะพดู ออกไปเช่นเดียวกบั ตวั เราทีกาํ ลงั รับฟังอยู่ เราสามารถรอไดค้ อยไดเ้ สมอ กระบวนการสุนทรียสนทนาจะเนน้ การฟังอยา่ งลึกซึง ไม่ด่วนสรุป จึงจะสามารถทาํ ให้เกิด การคิดร่วมกนั ไดอ้ ย่างมีพลงั โดยทงั ผูส้ ่งสารและผูร้ ับสารทีเขา้ ร่วมวงสุนทรียสนทนาจะตอ้ งลด วาระเป้าหมายส่วนตัว รวมทังอาภรณ์เชิงสัญญลักษณ์ทีใช้ห่อหุ้มตนเองอยู่ในรูปของ ยศถาบรรดาศกั ดิและอาํ นาจทงั ปวงออกจากตวั เอง เพือให้สามารถเขา้ ใจสรรพสิงได้ตามสภาพที เป็ นจริง โดยปราศจากอทิ ธิพลการปรุงแตง่ ของสิงสมมติทีมนุษยส์ ร้างขึน ดงั นนั การเขา้ มาอยใู่ นวง สุนทรียสนทนา จงึ เป็ นการแสวงหาคลืนพลงั งานความรู้และความคิดร่วมกนั เมือใครคนหนึงรับได้ ก็จะเกิดการถ่ายทอดโยงใยไปยงั คนอืนๆ ทีอยใู่ นวงสุนทรียสนทนาให้รับรู้ดว้ ยกนั เช่น จากพ่อไป ยงั แม่ จากแม่ไปยงั ลูกๆ หรือผูส้ ูงอายุในบา้ น เพราะผูท้ ีสามารถเขา้ ถึงคลืนพลงั งานความรู้และ
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 171 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายุกบั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ ความคิดเหล่านีได้ จะเกิดความรู้สึกว่า เสียงของคนอืนก็เหมือนกบั เสียงของตนเอง สิงทีตนเอง อยากจะพดู ก็มีคนอืนพูดแทนให้ และเมือคนอืนพูดออกมา บางครังเราจึงรู้สึกวา่ คาํ พูดแบบนีแหละ คือสิงทีตนเองอยากจะพูด ดังนันหลักการสุนทรียสนทนาทีผู้เข้าร่วมในวงสนทนาควรต้อง รับทราบและเขา้ ใจคือ -ยอมรับซึงกนั และกนั อย่างเท่าเทยี ม -พยายามทจี ะดาํ รงความอยากรู้อยากเหน็ ในกันละกนั -ตระหนักว่ามนุษย์เราต้องการความช่วยเหลอื จากกนั และกนั จะช่วยให้เป็ นผู้รับฟังทดี ีขึน -ดาํ เนินการสนทนาอย่างไม่เร่งรีบ จะได้มเี วลาคดิ และไตร่ตรองมากขึน -ระลกึ ไว้เสมอว่าการสนทนาเป็ นวถิ ีทางอนั เป็ นธรรมชาติทมี นุษย์จะใช้ในการคิดร่วมกนั -สามารถคาดเดาได้ว่ามันอาจจะยุ่งเหยงิ ในบางครังบางประเด็น หลักการของ “สุนทรียสนทนา” (Dialogue) โดยภาพรวม คือ เป็ นการพูดคุยสนทนากนั โดยไม่มีหวั ขอ้ เรืองหรือวาระทีระบุอย่างชดั เจนไวก้ ่อน ไม่มีหวั หน้าหรือประธานในการสนทนา สมาชิกในวงพดู คุยสนทนาสามารถพูดแสดงความคิดเห็นอะไรกไ็ ด้ ถามอะไรก็ได้ ส่วนคนอืนๆ จะ ตอบหรือไม่ตอบกไ็ ดห้ ากไม่พึงประสงคจ์ ะตอบคาํ ถามนนั ๆ หลกั ปฏิบตั ิของ “สุนทรียสนทนา” (Dialogue) ประกอบดว้ ย 1) ฟังอยา่ งลึกซึง ฟังใหไ้ ด้ ยนิ 2) มีความเป็ นอิสระและผ่อนคลาย 3) ทุกคนเท่าเทียมกนั ไม่มีผูน้ าํ และไม่มีผูต้ าม (โสฬส ศิริ ไสย์ 2548) นอกจากนียงั มีการขอ้ สงั เกตวา่ วิธีการแบบสุนทรียสนทนา เป็นวิถีปฏิบตั ิของคนสมยั โบราณทีอยรู่ วมกนั เป็ นกลุม่ เลก็ ๆ มีปฏิสมั พนั ธ์แบบใกลช้ ิด เห็นหนา้ ค่าตากนั อยทู่ ุกวนั วถิ ีดงั กล่าว ยนื ยนั ไดอ้ ยา่ งชดั เจนว่า มนุษยร์ ู้จกั การทาํ สุนทรียสนทนามาเป็ นเวลานานแลว้ แต่เมือโลกเปลียน ผคู้ นทงั โลกถูกเชือมโยงเขา้ หากนั ดว้ ยเทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือสารทีมีประสิทธิภาพ ทาํ ใหค้ วามเจริญเหล่านีแยกคนแยกโลกออกจากกนั เป็ นส่วนๆ ทาํ ให้ผคู้ นในยุคนีเกิดความรู้สึกโดด เดียว วา้ เหว่ ขาดความอบอุ่น ไม่รู้วา่ ตนเองเป็นใคร และจะเขา้ ไปมีสัมพนั ธภาพกบั คนอืนๆในโลก นีได้อยา่ งไร ดงั นันการคิดร่วมกนั ด้วยกระบวนการสุนทรียสนทนาน่าจะเป็ นทางออกของการ แกไ้ ขปัญหาอนั สลบั ซบั ซอ้ นของโลกยคุ ใหม่ เพราะการคิดร่วมกนั การรับฟังซึงกนั และกนั โดยไม่ มีการถือเขาถือเรา เป็ นวิธีการจดั การความแตกต่างหลากหลาย โดยทาํ ให้ทุกฝ่ ายต่างเป็ นผูช้ นะ ร่วมกนั (win-win) ในการสือสารสุขภาพระหวา่ งผสู้ ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัวก็เช่นเดียวกนั ที ตอ้ งใชท้ งั ศาสตร์และศิลป์ ในการสือสารและการดูแลไปพร้อมๆ กนั จะละเลยศาสตร์ทางดา้ นใด ด้านหนึงไปเสียมิได้ เพราะจะทาํ ให้ผลลพั ธ์ออกมาไม่สมบูรณ์หรือไม่ดีอย่างทีควรเป็ น และ เป้าประสงค์สําคญั ทีตอ้ งการได้ คือ ความสุขความพึงพอใจทงั สองฝ่ ายจากการพูดคุยกนั ระหวา่ ง ผสู้ ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว โดยหลกั การสาํ คญั ของสุนทรียสนทนาอีกประการหนึงคอื
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 172 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ “การฟังให้ได้ยนิ ” (Deep Listening) นนั เป็นสิงทีตอ้ งการเนน้ ยาํ ลงไปว่าอยา่ รับ ฟังแบบฟังผ่านๆ ไปไม่ไดใ้ ส่ใจอย่างจริงจงั เพราะมีสิงทีคิดวา่ จะดาํ เนินการให้อยู่แลว้ ความเป็ น จริงนันตอ้ งพยายามกาํ หนดใจให้รู้ได้วา่ เสียงทีไดย้ ินคือเสียงของกลั ยาณมิตรของเราคนหนึงที ปรารถนาจะให้เราได้ยินได้ฟังแต่สิงดีๆ เท่านัน นอกจากนีจะตอ้ งมีการเฝ้าสังเกตอารมณ์และ ความรู้สึกของตนเองในขณะทีไดย้ ินเสียงต่างๆ ทีผา่ นเขา้ มากระทบ เสียงเหล่านนั อาจจะเป็ นเสียง ของตนเองทีพดู คุยกบั ตนเอง เสียงของคนในวงสนทนา เป็นตน้ ถา้ หากฟังอยา่ งตงั ใจและฟังเพือให้ ไดย้ ิน อาจจะมีความคิดบางอยา่ งวาบขึนมาในใจ ซึงความคิดนนั อาจจะถูกนาํ ไปใช้ในการเริมตน้ ของการทาํ อะไรบางอยา่ งทีมีคุณค่าต่อตนเอง สมาชิกในครอบครัวและสังคมได้ ดงั นนั การเขา้ มา อยู่ในวงสุนทรียสนทนา จึงเป็ นการแสวงหาความรู้เป็ นความรู้ทีเรียกว่า “ความรู้ฝังลึก” (Tacit Knowledge) ซึงเป็ นความรู้ทีสามารถนาํ ไปปฏิบตั ิไดจ้ ริง แต่อธิบายออกมาเป็นคาํ พูดใหใ้ คร ฟังไม่ไดเ้ ช่นเดียวกบั คนทีมีความสามารถในการขีจกั รยาน แต่ไม่สามารถอธิบายวิธีการทาํ ให้ จกั รยานทรงตวั ได้ นอกจากทาํ ให้ดูแลว้ นาํ ไปฝึ กฝนดว้ ยตนเองจนเกิดความชาํ นาญ รวมทงั เป็นการ แสวงหาความคิดร่วมกนั เมือใครคนหนึงรับได้ กจ็ ะเกิดการถา่ ยทอดโยงใยไปยงั คนอืนๆ ทีอยใู่ นวง สุนทรียสนทนาใหร้ ับรู้ดว้ ยกนั ผทู้ ีสามารถเขา้ ถึงคลืนพลงั งานความรู้และความคิดเหล่านีได้ จะเกิด ความรู้สึกวา่ เสียงของคนอืนก็เหมือนกบั เสียงของตนเอง สิงทีตนเองอยากจะพูดก็มีคนอืนพูดแทน ให้ และเมือคนอืนพูดออกมา บางครังเราจึงรู้สึกวา่ คาํ พูดแบบนีแหละคือสิงทีตนเองอยากจะพูด ในทางปฏิบตั ิเมือเขา้ ไปอยใู่ นวงสุนทรียสนทนาของสมาชิกในครอบครัวแลว้ จะตอ้ งไม่ให้ ความสนใจเฉพาะสิงทีได้ยินไดฟ้ ังเพียงอยา่ งเดียวเท่านนั แต่จะตอ้ งทาํ หน้าทีเป็นผูส้ ังเกตอารมณ์ ความรู้สึกของตนเองในขณะทีไดย้ ินไดฟ้ ังสิงเหล่านนั ด้วย เพราะโดยทวั ไปขณะทีฟังนนั คนเรา มกั จะนึกคิดสร้างความรู้สึกบางอย่างตามไปด้วย เช่น รู้สึกรําคาญ หมนั ไส้ เคลิบเคลิม ชืนชม เป็ นตน้ ความรู้สึกเหล่านีคือทมี าของอคติ (Bias) ดงั นนั จึงตอ้ งรู้เท่าทนั อารมณ์ความรู้สึกนี ดว้ ย การฟังใหไ้ ดย้ นิ เพอื ใหเ้ กิดความสงบการตามความรู้สึกใหเ้ ทา่ ทนั จึงเป็นการป้องกนั อคติต่างๆ และ การสงบระงบั คือการสร้างปัญญาทีเกิดจากการฟัง เมือคิดวา่ สามารถจดั การกบั ความรู้สึกตวั เองได้ แลว้ ก็สามารถเริมตน้ ตงั วงคุยเพือคิดหาทางออกทีดีร่วมกนั ไดเ้ ลย โดยการนาํ ศิลปะการสือสารใน รูปแบบนีมาใช้กบั การสือสารสุขภาพระหว่างผูส้ ูงอายุกับสมาชิกในครอบครัว ก็ตอ้ งฝึ กฝนอยู่ สมาํ เสมอ เพราะอาจตอ้ งใช้เวลาในการทาํ ความเขา้ ใจวิธีการอย่างถ่องแทเ้ พือให้เกิดประโยชน์ สูงสุดในการนาํ ไปใช้เป็ นดูแลรักษาสุขภาพกายและสุขภาพใจของทุกคนในครอบครัวให้เกิดการ พฒั นาคุณภาพชีวติ และความผาสุกในทกุ ๆ วนั
คณะนิเทศศาสตร์ มฉก. 173 การสือสารสุขภาพเพือดูแลสุขภาพกายและสุขภาพจติ ระหว่างผ้สู ูงอายกุ บั สมาชิกในครอบครัว ด้วยสือใหม่ การเปลียนแปลงนี ก่อให้เกิดปัญหาทีพบบ่อยในผสู้ ูงอายแุ ละสมาชิกในครอบครัวตอ้ งให้ ความใส่ใจเพอื การสือสารสุขภาพทีตรงประเด็น ดงั นี 1) ความบกพร่องในการติดต่อสือสาร เนืองจากหูตึง พูดไมช่ ดั และความจาํ เสือม 2) ความจาํ กดั ในการทาํ กิจกรรม เนืองจากการหดรัดตวั และการประสานงานของ กลา้ มเนือในการควบคุม การเคลือนไหวลดลง ขอ้ เสือม ประสิทธิภาพการทาํ งานของหวั ใจและ ระบายอากาศลดลง ทาํ ใหเ้ หนือยงา่ ย 3) ความสามารถในการปรับตวั ตอ่ ภาวะเครียดลดลง 4) ความสามารถในการเรียนรู้สิงใหมๆ่ ชา้ ใชเ้ วลานานมากขึน 5) การพกั ผอ่ นไม่เพยี งพอ เนืองจากแบบแผนการนอนหลบั เปลียนแปลงไป 6) เกิดภาวะทุพโภชนการ เนืองจากการรบั รสและการดมกลินลดลง ทาํ ใหเ้ บือ อาหาร เคียวอาหารลาํ บาก การยอ่ ยและดูดซึมลดลง กระหายนาํ ลดลง เมตาบอลิซึมของร่างกาย ลดลง การสังเคราะห์โปรตีน เอน็ ไซม์ และการสะสมไกลโคเจนลดลง 7) เกิดภาวะเสียสมดุลเกลือแร่ไดง้ ่าย 8) ความผดิ ปกติในการขบั ถ่ายอุจจาระ ไดแ้ ก่ - กลนั อุจจาระไดไ้ มด่ ีเพราะกลา้ มเนือหูรูดทวารหนกั ไม่แขง็ แรง - ทอ้ งผกู เนืองจากการเคลือนไหวของลาํ ไส้ลดลง 9) เกิดแผลไดง้ ่ายและหายชา้ เนืองจากหลอดเลือดเปราะและแตกงา่ ย 10) กระดูกหกั ง่ายและหายชา้ เนืองจากแคลเซียมทีสะสมในกระดูกมนี อ้ ย 11) เกิดการติดเชือไดง้ า่ ยเพราะระบบภูมคิ ุม้ กนั ของร่างกายทาํ งานนอ้ ยลง 12) มีภาวะเสียงตอ่ การเกิดโรคตา่ งๆ เช่น - มะเร็งและเนืองอกเพราะการทาํ งานของระบบภูมิคุม้ กนั เปลียนแปลงไป - ความดนั โลหิตสูงเพราะหลอดเลือดแขง็ ความตา้ นทานภายในหลอด เลือดส่วนปลายสูงขึน - ตอ้ กระจก เนืองจากการเสือมสภาพของแกว้ ตา - เบาหวาน เนืองจากการทาํ งานของตบั อ่อนลดลง - ถุงลงโป่ งพอง เนืองจากความยดื หยนุ่ และจาํ นวนถุงลมปอดลดลง - ปอดบวม เนืองจากการทาํ งานของระบบภูมิคุม้ กนั ลดลง - ขอ้ อกั เสบ เนืองจากขอ้ เสือม นาํ ไขขอ้ ลดลง
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436