คูมอื ครรู ายวชิ าเพ่มิ เติมคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 2 191    11) จาก               x4 −16 = 0      จะได             (x2 − 4)(x2 + 4) = 0               (x − 2)(x + 2)(x2 + 4) = 0    นนั่ คือ x = 2 หรอื x = −2 หรอื x2 + 4 =0  จาก x2 + 4 =0 จะได x = ±2i  ดังนนั้ เซตคาํ ตอบของสมการนี้ คือ {2, − 2, 2i, − 2i}  12) จาก             x4 + 2x2 − 24 = 0    จะได ( x2 + 6)( x2 − 4) = 0               (x2 + 6)(x − 2)(x + 2) = 0    นน่ั คือ x = 2 หรือ x = −2 หรอื x2 + 6 =0  จาก x2 + 6 =0 จะได x = ± 6i    ดงั นนั้ เซตคาํ ตอบของสมการน้ี คือ {2, − 2, 6i, − 6i}    13) จาก        x6 + 7x3 − 8 = 0      จะได             ( x3 −1)( x3 + 8) = 0    ( ) ( )( x −1) x2 + x +1 ( x + 2) x2 − 2x + 4 = 0    นัน่ คอื x =1 หรอื x = −2 หรอื x2 + x +1 =0 หรือ x2 − 2x + 4 =0    จาก x2 + x +1 =0 จะได x = −1± 1− 4(1)(1) = −1± 3i                                                     22    จาก x2 − 2x + 4 =0 จะได x =          −2 ±   4 − 4(1)(4)       2±     12i = 1±         3i                                                                =                                                       22    ดังนั้น    เซตคําตอบของสมการนี้  คือ  1,  −2,  −  1  +  3 i,− 1 −  3 i,1 +  3i,1 −  3i                                                       2     22         2                                                                                                                     14) จาก     x5 + 2x4 − 8x2 −16x              =0     จะได                                     =0             ( )x x4 + 2x3 − 8x −16               ( )x x3 ( x + 2) − 8( x + 2) = 0               ( )x( x + 2) x3 − 8 = 0               ( )x( x + 2)( x − 2) x2 + 2x + 4 = 0    นน่ั คอื x = 0 หรือ x = 2 หรอื x = −2 หรอื x2 + 2x + 4 =0                                                               สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
192 คูม ือครูรายวิชาเพิม่ เติมคณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท่ี 5 เลม 2                  จาก x2 + 2x + 4 =0 จะได x = −2 ± 4 −16 = −2 ± 12i = −1± 3i                                                                          22               ดงั น้นั เซตคําตอบของสมการน้ี คือ {0, 2, − 2, −1+ 3i, −1− 3i}            แบบฝก หัด 1.4              1. 1)                                              หรอื             สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวิชาเพมิ่ เตมิ คณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปท่ี 5 เลม 2 193       2)                                       หรอื    2. จํานวนเชิงซอ นทีแ่ สดงดวยจดุ A คอื (3, 1)      จาํ นวนเชิงซอนทแ่ี สดงดวยจดุ B คือ (0, 2)      จํานวนเชงิ ซอ นทแี่ สดงดว ยจุด C คือ (−3,− 4)      จาํ นวนเชิงซอนที่แสดงดว ยจดุ D คือ (2,− 2)      จํานวนเชิงซอนที่แสดงดว ยจุด E คือ (−3, 0)      จาํ นวนเชงิ ซอ นที่แสดงดวยจดุ F คอื (−1,−1)                                                                         สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
194 คมู อื ครูรายวชิ าเพ่มิ เติมคณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 2           3. 1) z1 + z2 = (6 − 5i) + (−3 + 4i) = 3 − i                   เขียนกราฟแสดงไดด ังรูป                2) z1 − z2 = (6 − 5i) − (−3 + 4i) = 9 − 9i                   เขียนกราฟแสดงไดด งั รปู             สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครูรายวชิ าเพิม่ เติมคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 2 195    4. 1) z = 1+ 3i            เขยี นกราฟแสดงไดดังรูป                                        Y                                     4                                              z                                     2    −2 O                                                     X                                                   2    2) z = 1− 3i                     −2                                        Y      เขียนกราฟแสดงไดดงั รูป                                     2    −2 O                                                     X                                                   2                                     −2                                                  z                                   −4                                                     สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
196 คูม อื ครรู ายวชิ าเพ่มิ เตมิ คณติ ศาสตร ช้ันมธั ยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 2    Y                                                                                 4              3) z2 = (1+ 3i)2 =−8 + 6i                   เขยี นกราฟแสดงไดด ังรปู                                      z2                    −8                              −4                             OX                                                       Y  4) −z = −1− 3i        เขยี นกราฟแสดงไดด งั รูป                                                    2                       O                                                                  X  −2                                                                             2                −2       −z                −4    สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมอื ครูรายวชิ าเพม่ิ เติมคณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปท่ี 5 เลม 2 197    5) 1 = 1 = 1 − 3 i        z 1+ 3i 10 10        เขียนกราฟแสดงไดด ังรปู                                    Y                                 1                          −1 O                                       X                                                    1  1                                                    z                                             −1    6) z z = (1+ 3i)(1− 3i) = 10        เขยี นกราฟแสดงไดดังรปู                                                         สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
198 คมู ือครรู ายวชิ าเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท ี่ 5 เลม 2   zi                                                                                  X            5. 1) z = 2 − 5i                                                                             5              2) zi = (2 − 5i)i = 5 + 2i              3) zi2 = (2 − 5i)(−1) = −2 + 5i              4) zi3 = (2 − 5i)(−i) = −5 − 2i                   5) zi4 = 2 − 5i                  เขียนกราฟแสดงจาํ นวนเชงิ ซอนไดดังน้ี                                                                     Y                                                       zi 2                                                                5                                        −5 O                                       zi3                                                    −5 z, zi4    6. 1) คาสัมบรู ณของ 4i คอื 4i = 02 + 42 = 4       2) คาสัมบรู ณข อง 2 − 3i คอื ( )2 − 3i = 2 2 + (−3)2 = 11    3) คาสมั บูรณข อง − 3 − i คอื − 3 − i = ( )− 3 2 + (−1)2 = 2    4) คา สมั บูรณข อง  5 + 2 3i คือ                                             22                                                                               5 +23 =                                                  ( ) ( )5 + 2 3i =                   17    5) คาสมั บูรณของ −3 − 4i คือ − 3 − 4i = (−3)2 + (−4)2 = 5  6) คา สัมบูรณข อง −5 +12i คือ − 5 +12i = (−5)2 +122 = 13    สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูม ือครรู ายวิชาเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 2 199    7. ให z1 และ z2 เปน จาํ นวนเชงิ ซอน จากทฤษฎีบท 4 จะได        z1 − z2 2 + z1 + z2 2 = ( z1 − z2 )( z1 − z2 ) + ( z1 + z2 )( z1 + z2 )                    ( ) ( )= ( z1 − z2 ) z1 − z2 + ( z1 + z2 ) z1 + z2                                 = z1 z1 − z1 z2 − z2 z1 + z2 z2 + z1 z1 + z1 z2 + z2 z1 + z2 z2                               = 2z1 z1 + 2z2 z2                               = 2 z1 2 + 2 z2 2    8. 1) Re( z) < 2            เขียนกราฟของจุดทั้งหมดซึ่งสอดคลองกับ Re(z) < 2 แสดงเปนสวนแรเงาไดดงั น้ี                                                          Y                                                     5    −5  O2  5  X        −5            สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
200 คมู ือครรู ายวชิ าเพิ่มเตมิ คณติ ศาสตร ชัน้ มธั ยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 2                2) Im( z) > 3                   เขียนกราฟของจดุ ท้ังหมดซง่ึ สอดคลองกับ Im(z) > 3 แสดงเปน สว นแรเงาไดด งั นี้                                                                    Y                            5                       5X                      3    −5 O    สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูม ือครรู ายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปที่ 5 เลม 2 201    3) เนือ่ งจาก z − 2 คอื ระยะทางระหวางจดุ (2, 0) และจดุ z ใด ๆ      ดังนน้ั เซตของจดุ ทง้ั หมดในระนาบเชงิ ซอนซ่งึ สอดคลอ งกับอสมการ z − 2 ≤1      คือ เซตของจดุ ท่ีอยูบนเสน รอบวงและอยภู ายในวงกลมที่มีจดุ ศนู ยกลางอยทู จ่ี ดุ      (2, 0) และมีรัศมยี าว 1 หนวย      จะได กราฟของจุดทง้ั หมดซึ่งสอดคลองกับอสมการ z − 2 ≤1 แสดงเปนสวนแรเงา      ไดดงั นี้                                  Y                               2    O                             X      24    −2        สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
202 คมู อื ครรู ายวิชาเพม่ิ เติมคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศึกษาปที่ 5 เลม 2               4) เน่ืองจาก z + i = z − (−i) คือ ระยะทางระหวางจดุ (0, −1) และจดุ z ใด ๆ                 ดังนน้ั เซตของจดุ ทัง้ หมดในระนาบเชงิ ซอนซ่ึงสอดคลอ งกับอสมการ z + i ≥1                 คอื เซตของจุดท่อี ยูบนเสน รอบวงและอยูภายนอกวงกลมท่ีมจี ดุ ศูนยก ลางอยทู จี่ ุด                 (0, −1) และรัศมียาว 1 หนว ย                 จะได กราฟของจุดทงั้ หมดซง่ึ สอดคลอ งกับอสมการ z + i ≥1 แสดงเปนสวนแรเงา                 ไดด ังนี้                                                                   Y    −2 O                                                     X                  −2                             2    สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูม ือครรู ายวชิ าเพ่มิ เตมิ คณิตศาสตร ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที่ 5 เลม 2 203    5) เนือ่ งจาก z − 2 + 3i = z − (2 − 3i) คือระยะทางระหวา งจดุ (2, − 3) และจุด z ใด ๆ      ดงั นนั้ เซตของจดุ ท้ังหมดในระนาบเชงิ ซอนซ่งึ สอดคลอ งกับอสมการ z − 2 + 3i < 3 คือ      เซตของจุดที่อยูภายในวงกลม (ไมรวมจดุ บนเสนรอบวง) ท่มี ีจดุ ศูนยก ลางอยูท จ่ี ุด (2, − 3)      และรัศมยี าว 3 หนว ย      จะได กราฟของจุดทง้ั หมดซ่ึงสอดคลองกับอสมการ z − 2 + 3i < 3 แสดงเปนสวนแรเงา      ไดด งั นี้                                       Y    O               X      5    −5        สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
204 คูม ือครูรายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 2               6) ให z = a + bi จะได z= a − bi                 น่นั คือ i + z =i + (a − bi) =a + (1− b)i                 จาก Im(i + z ) =4 จะได 1− b =4                 น่ันคอื b = −3                 จะได Im( z) = −3                 จะได กราฟของจดุ ท้ังหมดซึง่ สอดคลอ งกับสมการ Im(i + z ) =4 แสดงไดด ังน้ี                                                                     Y                                                               2    −2 O                                                           X                                                  2              −2              −3              −4    สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวิชาเพิม่ เตมิ คณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ี่ 5 เลม 2 205    7) กราฟของจดุ ท้งั หมดในระนาบเชงิ ซอ นซ่งึ สอดคลองกบั สมการ z + 2 = z − 2 คือ      กราฟของจดุ ท้ังหมดในระนาบเชิงซอ นท่มี ีระยะหา งจากจุด (−2,0) เทา กับระยะหา ง      จากจดุ (2, 0) น่นั คอื แกนจนิ ตภาพ ดงั รปู                                                    Y                  2                 X                   2  −2 O              −2                     สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
206 คูมอื ครรู ายวิชาเพม่ิ เติมคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปที่ 5 เลม 2               8) กราฟของจดุ ทั้งหมดในระนาบเชิงซอ นซง่ึ สอดคลองกับสมการ z − 3i = z + i คือ                 กราฟของจุดทั้งหมดในระนาบเชงิ ซอนทีม่ ีระยะหางจากจุด (0, 3) เทากับระยะหา ง                 จากจุด (0, −1) น่นั คอื เสนตรง y =1 (หรอื z = i ) ดังรปู                                                                     Y                  2                                              X                                                 2  −2 O              −2    สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมอื ครรู ายวชิ าเพิ่มเตมิ คณติ ศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 2 207    9) ใหจ ํานวนเชิงซอ น z= x + yi      จาก z + 2i =z − 3      นน่ั คอื ( x + yi) + 2i = ( x + yi) − 3                  x + ( y + 2)i = ( x − 3) + yi        จะได x2 + ( y + 2)2 = ( x − 3)2 + y2                 x2 + y2 + 4y + 4 = x2 − 6x + 9 + y2                     6x + 4y −5 = 0        ดงั นน้ั กราฟของจุดทง้ั หมดซึ่งสอดคลองกับ z + 2i =z − 3 คอื 6x + 4y − 5 =0      แสดงไดดงั รูป                                                    Y    2    −2 O                         X             −2  2                   สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
208 คูมอื ครรู ายวิชาเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 2               10) ใหจํานวนเชิงซอ น z= x + yi                 จาก z − (2 + i) = z + (2 + 3i)                 นัน่ คอื ( x + yi) − (2 + i) = ( x + yi) + (2 + 3i)                              ( x − 2) + ( y −1)i = ( x + 2) + ( y + 3)i                   จะได ( x − 2)2 + ( y −1)2 = ( x + 2)2 + ( y + 3)2                              x2 − 4x + 4 + y2 − 2y +1 = x2 + 4x + 4 + y2 + 6y + 9                                               x + y +1 = 0                   ดังน้นั กราฟของจุดท้ังหมดซ่ึงสอดคลอ งกับ z − (2 + i) = z + (2 + 3i) คอื                 x + y +1 =0 ดงั รูป                                                                      Y                  2                                              X  −2 O                                            2                −2    สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวิชาเพม่ิ เติมคณติ ศาสตร ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที่ 5 เลม 2 209        แบบฝก หัด 1.5    1.  1)  ให r (cosθ + isinθ ) เปนรูปเชิงข้วั ของ 1+                   3i จะได r =12 + (                            )2                                                                                                                        3 =2            เนอื่ งจาก tan=θ =3 3 และ (1, 3) เปน จดุ ในจตภุ าคที่ 1                                 1            จะไดวา θ คาหนง่ึ ทท่ี าํ ให tanθ = 3 คอื π                                                               3            ดงั น้ัน รูปเชงิ ขว้ั รูปหน่งึ ของ 1+   3i   คือ   2         cos     π  +  i  sin  π                                                                                  3             3                และรูปเชิงขว้ั ท่ัวไปของ 1+         3i  คือ       cos        π      +  2kπ      +  i  sin        π  +   2kπ                                                              2            3                                 3                                                                                                                                                                                                                  เม่อื k ∈        2) ให r (cosθ + isinθ ) เปนรูปเชงิ ข้ัวของ 1− i จะได =r 12 + (−1)2= 2            เนอื่ งจาก tanθ = (−1) = −1 และ (1, −1) เปนจุดในจตุภาคท่ี 4                                   1            จะไดว า θ คา หนึ่ง ทีท่ ําให tanθ = −1 คือ 7π                                                               4            ดังนั้น รปู เชิงขัว้ รูปหนง่ึ ของ 1− i คอื         2     cos     7π     +  i sin     7π                                                                                4                   4                 และรูปเชิงขัว้ ทัว่ ไปของ 1− i คือ          2    cos      7π      + 2kπ       +  i  sin        7π     + 2kπ                                                                            4                                  4                                                                                                                                                              เมอื่ k ∈        3) ให r (cosθ + isinθ ) เปนรูปเชิงข้วั ของ −2 3 + 2i จะได r = (−2 )3 2 + 22 =4            เนอ่ื งจาก tanθ = 2 = − 1 และ (−2 3, 2) เปนจดุ ในจตภุ าคที่ 2                                −2 3 3            จะไดวา θ คาหนงึ่ ท่ที าํ ให tanθ = − 1 คือ 5π                                                         36            ดังนัน้ รูปเชงิ ขัว้ รปู หนงึ่ ของ  −2  3 + 2i     คือ         4   cos  5π  +    i sin     5π                                                                                             6                  6                                                                                              สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
210 คูม ือครรู ายวิชาเพิ่มเตมิ คณติ ศาสตร ช้นั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 2        และรูปเชงิ ขว้ั ทว่ั ไปของ                  −2  3 + 2i    คอื                  4    cos     5π      +     2kπ         +   i  sin       5π         +  2kπ                                                                                                    6                                        6                                                                                                                                                                                                     เมอื่ k ∈    4) ให r (cosθ + isinθ ) เปนรูปเชิงขว้ั ของ −4 − 4i จะได r = (−4)2 + (−4)2 = 4 2        เนอ่ื งจาก  tan=θ  −=4                      1 และ (−4, − 4) เปน จดุ ในจตภุ าคท่ี 3                         −4        จะไดว า θ คาหนึง่ ทท่ี าํ ให tanθ =1 คือ 5π                                                         4        ดังนัน้ รปู เชิงข้วั รูปหน่ึงของ                −4 − 4i                   คอื  4      2     cos       5π    + i sin          5π                                                                                                                4                      4            และรปู เชงิ ขว้ั ทัว่ ไปของ                 −4 − 4i  คือ                  4    2     cos     5π      + 2kπ             +   i  sin       5π      + 2kπ                                                                                                        4                                        4                          เมอื่ k ∈    5)  ให r (cosθ + isinθ ) เปนรูปเชงิ ขว้ั ของ 12 −12 3i จะได= r                                                                    ( )122 + −12                     2       24                                                                                                                                                                      3=        เนือ่ งจาก tanθ = −12 3 = − 3 และ (12, −12 3) เปนจดุ ในจตุภาคท่ี 4                              12        จะไดวา θ คา หนง่ึ ทท่ี ําให tanθ = − 3 คอื 5π                                                              3        ดังนั้น รปู เชงิ ข้วั รปู หนง่ึ ของ 12 −12                                3i   คือ    24 cos           5π  + i sin            5π                                                                                                                      3                      3             และรูปเชิงขัว้ ทั่วไปของ 12 −12                      3i   คอื                        cos         5π     +   2kπ            +  i  sin        5π        +  2kπ                                                                                        24               3                                        3                          เมื่อ k ∈    6) ให r (cosθ + isinθ ) เปน รปู เชิงขวั้ ของ −i จะได =r 02 + (−1)=2 1        เน่ืองจาก −i เปน จดุ บนแกน Y ดา นลบ จะได θ = 3π                                                                  2        ดงั น้นั  รปู เชงิ ขั้วรูปหน่ึงของ              −i   คือ  1               cos  3π     + i sin 3π                                                                                                    2             2                    และรปู เชงิ ขั้วทวั่ ไปของ                  −i  คือ  1  cos              3π      + 2kπ           +  i  sin     3π      +     2kπ              เมอื่  k ∈                                                                                    2                                   2                                                                                                                                                                                        สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวิชาเพม่ิ เตมิ คณติ ศาสตร ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 2 211    2. 1) ให r (cosθ + isinθ ) เปนรูปเชิงขวั้ ของ 2 + 2i    จะได=r 2=,θ π                        4    ดังนน้ั รูปเชงิ ข้วั รูปหนงึ่ ของ      2+            2i   คอื         2      cos  π  +  i  sin  π                                                                                      4             4       จากทฤษฎบี ทของเดอมัวฟวร จะไดว า    ( )2 +     5  =  25        cos  5π    + i sin 5π                                                4            4                       2i                  =               2                    2                           25  −      2    + i  −        2                                 = −16 2 −16 2i    2) ให r (cosθ + isinθ ) เปนรปู เชิงขวั้ ของ 3 − i    จะได=r 2=,θ 11π                         6    ดังน้นั รปู เชิงขวั้ รปู หน่งึ ของ     3−i           คือ       2   cos     11π  + i sin 11π                                                                                        6            6            จากทฤษฎีบทของเดอมัวฟวร จะไดวา    ( )7             27        cos  77π      + i sin         77π              3−i =                        6                        6                            =  27        cos  5π    + i sin 5π                                                6            6                                 =  27        −  3    +  i     1                                   2            2                      = −64 3 + 64i    3) ให r (cosθ + isinθ ) เปนรูปเชงิ ขั้วของ 3 + i                                                         22    จะได =r 1,=θ π                        6    ดงั น้ัน รูปเชิงข้วั รปู หน่งึ ของ   3+i                  คอื       1  cos  π   +  i  sin  π                                         22                                        6              6      จากทฤษฎบี ทของเดอมัวฟวร จะไดว า                                                                                       สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
212 คมู อื ครูรายวิชาเพิม่ เติมคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที่ 5 เลม 2            3  +  i   100     =   1100      cos        100π  +   i sin 100π                         2     2                                   6              6                                                   = cos 2π + i sin 2π                                       33                                = −1+ 3i                                    22    4)  เนื่องจาก 1− i เขียนในรปู เชิงขัว้ ไดเปน                                     2      cos     7π  +  i sin  7π                                                                                                         4             4             และ −1− i เขยี นในรูปเชงิ ข้ัวไดเ ปน                                 2      cos     5π      + i sin   5π                                                                                                 4                 4             จากทฤษฎบี ทของเดอมัวฟวร และทฤษฎบี ท 5 จะไดวา                                (( ))=   2         6     cos  42π  + i sin 42π                                                                                4            4                                (1− i)6           (−1− i)4                    2         4     cos  20π  + i sin 20π                                                                                4            4                                                     =   2     cos        22π      + i sin         22π                                                        4                        4                                      =   2   cos        11π      + i sin 11π                                                                  2                2                                              = 2(0 + i(−1))                                = −2i    5)  เนอื่ งจาก     −       3+i  เขียนในรูปเชิงขว้ั ไดเ ปน                            2      cos  5π    +  i sin      5π                                                                                                       6                   6          และ  2     3 + 2i       เขยี นในรปู เชงิ ขวั้ ไดเ ปน                     4 cos        π   +  i sin  π                                                                                                   6             6          จากทฤษฎีบทของเดอมัวฟวร และทฤษฎีบท 5 จะไดวา        ( ) ( )3 5         − 3 + i 2 3 + 2i                       ( 4i )4                      23     cos  15π    + i sin 15π                      45     cos     5π      + i sin   5π                                 6              6                                  6                 6               =                                                              44             =     32   cos  20π      +     i sin      20π                                  6                         6        สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวิชาเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปที่ 5 เลม 2 213             =  32      cos   4π    + i sin             4π                                 3                         3                    =  32      −  1  +  i      −  3                                  2             2                      = −16 −16 3i    6)  เนื่องจาก 2 3 + 6i เขียนในรูปเชงิ ข้ัวไดเ ปน                                                      48         cos    π    +   i sin  π                                                                                                                                3               3             2 + 2i เขียนในรูปเชงิ ขวั้ ไดเปน                               8      cos    π       +   i sin       π                                                                                           4                       4               และ     3−i      เขยี นในรปู เชิงขั้วไดเปน                             2     cos            −   π          +   i  sin     −  π                                                                                                         6                          6                                                                                                                                                           จากทฤษฎบี ทของเดอมวั ฟวร และทฤษฎบี ท 5 จะไดว า             2 3 + 6i =              48         cos            −   π      +   i  sin        −   π                                                                         3                          3                 ( ) ( )80                         48         80     cos        −   80π           +   i   sin            −   80π                                                                            3                                      3             2 3 + 6i =                            =        4840           cos       4π    + i sin           4π                                                                   3                       3               ( )(2 + 2i)45 =                   8      45     cos        45π          + i sin 45π                                                                                 4                    4                                             =        267         2       cos        5π      + i sin        5π                                                                            4                      4                  ( )35               =     235       cos            −   35π            +  i  sin         −       35π                  3−i                                                 6                                      6                                                                                                                                                                 =        235        cos      π      +   i sin       π                                                        6                      6                                                                                                                      สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
214 คูม อื ครรู ายวชิ าเพมิ่ เตมิ คณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 2                                    80  ( ( ) )ดงั นัน้               2 3 + 6i            (2 + 2i)45                        35                                    3−i                                        4840                 cos         4π       + i sin         4π                                                                            3                        3              =                                5π                + i sin 5π                                           π   + i sin π                267  2    cos     4                        4                       235      cos     6          6              =   257 ⋅ 340       2     cos              −   π              +  i  sin        −      π                                                           12                                   12                                                                                                                     =   257 ⋅ 340       2     cos           11π            + i sin 11π                                                                 12                     12                        1) เน่อื งจาก 1− 3i =                                            2  ( )3.                                  12 +              −          3=                     1+ 3= 2    และ  1−      3i   =            1   −             3       i                             2   2                 2                                =      2     cos           5π      +      i sin       5π                                                        3                          3                               =      2   cos              5π         +    2kπ             +    i  sin     5π     +   2kπ          เมือ่ k ∈                                                   3                                             3                   ดงั น้นั =θ 5π + 2kπ เม่ือ k ∈                  3    เน่ืองจาก ตองการหา θ ที่ 2π ≤θ < 6π เทานน้ั  ดงั น้ัน คา k ทีเ่ ปนไปได คือ 1 และ 2  ซึง่ ทําใหไดวา r = 2 และ θ = 11π หรอื θ = 17π                                        33    2) เน่ืองจาก −1− i = (−1)2 + (−1)2 = 1+1= 2    และ     −1− i =             2      −             1−              1      i                                                    2               2                               =         2      cos           5π         + i sin            5π                                                         4                             4                            =         2      cos              5π          +   2kπ              +   i  sin        5π  +  2kπ           เมอื่  k ∈                                                      4                                                4                                                                                                                                            สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูม ือครรู ายวชิ าเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 2 215        ดังน้นั =θ 5π + 2kπ เม่ือ k ∈                       4        เน่ืองจาก ตองการหา θ ท่ี 5π ≤θ < 7π เทา นั้น      ดงั นน้ั คา k ทีเ่ ปนไปได คือ 2      ซึง่ ทําใหไดวา r = 2 และ θ = 21π                                                4    3) เนอื่ งจาก −1− i = (−1)2 + (−1)2 = 1+1= 2    และ             −1 − i =     2     −      1−     1  i                                             2      2                            =         2     cos    5π  + i sin      5π                                              4                4                         =         2     cos    5π  + 2kπ        +   i  sin       5π  + 2kπ       เมื่อ  k ∈                                               4                               4              ดังนั้น 2=θ 5π + 2kπ เมอื่ k ∈                    4    นัน่ คอื =θ 5π + kπ เมอ่ื k ∈                    8    เน่อื งจาก ตองการหา θ ท่ี 0 ≤θ < 2π เทานนั้  ดงั นน้ั คา k ท่เี ปนไปได คือ 0 และ 1  ซ่งึ ทาํ ใหไดวา r = 4 2 และ θ = 5π หรือ θ = 13π                                          88    แบบฝก หัด 1.6    1. 1) =ให z r (cosθ + isinθ ) เปนรากทส่ี ามของ −64  จะได z3 = −64  เน่อื งจาก=−64 64(cosπ + isinπ )  จากทฤษฎบี ทของเดอมวั ฟวร จะได r3 (cos3θ + isin 3θ ) = 64(cosπ + isinπ )  ดังนัน้ r3 = 64 และ 3θ − π = 2kπ                                                             เมอ่ื k ∈                                                           θ = π + 2kπ เม่ือ k ∈  จึงไดว า r = 4 และ                                                                       3    ดังนั้น         z  =      4    cos       π  + 2kπ     +  i   sin       π  + 2kπ        เม่ือ k ∈                                              3                           3                                                                                                                                                                                         สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
216 คมู อื ครูรายวชิ าเพม่ิ เติมคณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 2    เมอ่ื k = 0     จะได   z1 =                      4   cos  π                  +  i  sin  π         = 2 + 2 3i                                                                3                             3      เม่ือ k = 1 จะได z2 = 4(cosπ + isinπ ) = −4    เมือ่ k = 2     จะได   z3 =                      4     cos  5π                 + i sin    5π        =  2−2  3i                                                               3                             3         เวกเตอรท ่ีแสดงรากที่ 3 ของ −64 มีขนาด 4 หนวย และเวกเตอรแ ตล ะคทู ่ีอยใู น  ลําดบั ตดิ กนั ทาํ มมุ ขนาด 2π หรอื 120° เทากันทกุ คู ซงึ่ เขียนแสดงไดด งั นี้                                  3    2) =ให z r (cosθ + isinθ ) เปน รากทสี่ ามของ 27i  จะได z3 = 27i    เน่ืองจ=าก 27i  27     cos                    π  +  i sin  π                                                               2            2                    จากทฤษฎบี ทของเดอมัวฟวร จะได r3 (cos3θ + isin3θ )=                                                      27      cos  π  +  i sin  π                                                                                                                          2            2      ดังนน้ั      r3 = 27                           และ 3θ − π = 2kπ                                                เมือ่ k ∈  จงึ ไดว า  r =3                                                                                              เม่ือ k ∈                                                              2                                                   และ                                   π + 2kπ                                                                               θ= 2                                                                                                     3    สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูม อื ครรู ายวิชาเพิม่ เติมคณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 2 217    ดังนัน้      z  =  3 cos  π  +     2kπ     +  i sin     π   +   2kπ       เมือ่ k ∈                                  6         3                 6        3        เมอื่ k = 0     จะได      z1 =    3  cos  π   +  i sin  π          = 3 3 + 3i                                                6             6              22    เม่อื k = 1     จะได      z2 =    3 cos   5π     + i sin    5π     =    −3 3 + 3i                                                 6                 6             22    เม่อื k = 2     จะได      z3 =    3 cos   3π     +  i sin   3π     =    −3i                                                 2                 2      เวกเตอรที่แสดงรากที่ 3 ของ 27i มีขนาด 3 หนว ย และเวกเตอรแตล ะคูท่ีอยูในลําดับ  ตดิ กัน ทาํ มุมขนาด 2π หรอื 120° เทากันทุกคู ซง่ึ เขียนแสดงไดด ังนี้                            3    3) =ให z r (cosθ + isinθ ) เปนรากทส่ี ามของ 3 − i  จะได z=3 3 − i    เนอื่ งจาก=3 − i   2      cos  11π   +  i sin 11π                                       6             6            จากทฤษฎีบทของเดอมัวฟวร              จะได        r3 (cos3θ + i sin 3θ )=           2     cos 11π  +  i sin 11π                                                                                                   6           6        ดังนั้น r3 = 2 และ 3θ − 11π = 2kπ                                                          เมอ่ื k ∈                                                  6                                                                            สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
218 คูม ือครรู ายวิชาเพมิ่ เติมคณิตศาสตร ช้ันมธั ยมศึกษาปท่ี 5 เลม 2    จึงไดวา r = 3 2 และ                                                                     11π + 2kπ                      เมอื่ k ∈                                                                                    θ= 6                                                                                                    3    ดังนั้น      z      =  3  2     cos                11π       +  2kπ            +  i  sin      11π  +   2kπ         เมอ่ื k ∈                                                   18            3                          18        3          เมือ่ k = 0         จะได     z1 =                   3  2     cos        11π     + i sin 11π                                                                                18              18           เม่ือ k = 1         จะได     z2 =                   3  2     cos        23π     + i sin     23π                                                                                18                  18           เมื่อ k = 2         จะได     z3 =                   3  2     cos        35π     + i sin     35π                                                                                18                  18           เวกเตอรท ี่แสดงรากที่ 3 ของ 3 − i มขี นาด 3 2 หนว ย และเวกเตอรแตละคูท่อี ยูใน  ลาํ ดับติดกัน ทาํ มุมขนาด 2π หรอื 120° เทากนั ทกุ คู ซง่ึ เขยี นแสดงไดด งั น้ี                                  3    4) =ให z  r (cosθ  + i sinθ )                   เปน รากท่สี ามของ                     8  cos  π   + i sin π                                                                                                       3          3       จะไ=ด z3       8 cos   π  +                  i sin  π                               3                            3      จากทฤษฎีบทของเดอมวั ฟวร                                จะได             r3  ( cos 3θ        +   i sin 3θ  )  =  8 cos  π  +  i sin  π                                                                                                                                3            3      สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวชิ าเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศกึ ษาปที่ 5 เลม 2 219    ดังนั้น r3 = 8 และ 3θ − π = 2kπ                                                           เมอื่ k ∈                                              3    จงึ ไดวา r = 2 และ                                      π + 2kπ                         เมอ่ื k ∈                                                    θ= 3                                                                   3    ดงั นั้น     z  =     cos     π  +      2kπ     +  i sin     π   +  2kπ             เมอ่ื k ∈                     2         9          3                 9       3                                                                                                                        เม่ือ k = 0     จะได  z1 =        2     cos  π   +  i sin  π                                                  9             9       เมอ่ื k = 1     จะได  z2 =        2     cos  7π     +  i sin   7π                                                     9                 9         เม่ือ k = 2     จะได  z3 =        2     cos  13π    +  i sin 13π                                                          9              9                เวกเตอรที่แสดงรากที่  3  ของ      8   cos  π   + i sin π           มขี นาด        2  หนว ย  และเวกเตอร                                                 3          3             แตล ะคูทอี่ ยใู นลําดับติดกัน ทํามุมขนาด 2π หรือ 120° เทา กันทุกคู ซงึ่ เขยี นแสดง                                                   3    ไดด ังนี้                                                                            สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
220 คมู อื ครรู ายวิชาเพม่ิ เตมิ คณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 2    2. พิจารณา 1 = 1(cos0 + isin 0)    =ให z r (cosθ + isinθ ) เปน รากทสี่ องของ 1  จะได z2 =1  จากทฤษฎีบทของเดอมวั ฟวร จะได r2 (cos 2θ + isin 2θ ) =1(cos0 + isin 0)  ดงั นนั้ r2 = 1 และ 2θ − 0 = 2kπ เมอื่ k ∈  จงึ ไดว า r = 1 และ θ = kπ เมอื่ k ∈  ดังน้ัน z = 1(cos kπ + isin kπ )                                              เมือ่ k ∈    เมอ่ื k = 0 จะได z1 = cos0 + isin 0 = 1  เมือ่ k = 1 จะได z2 = cosπ + isinπ = −1  เวกเตอรท่ีแสดงรากท่ี 2 ของ 1 มีขนาด 1 หนว ย และเวกเตอรท ง้ั สองทํามุมขนาด π  หรือ 180° ซง่ึ เขียนแสดงไดด งั น้ี       =ให z r (cosθ + isinθ ) เปนรากท่ีส่ขี อง 1      จะได z4 =1      จากทฤษฎบี ทของเดอมวั ฟวร จะได r4 (cos 4θ + isin 4θ ) =1(cos0 + isin 0)      ดังนนั้ r4 = 1 และ 4θ − 0 = 2kπ เมอ่ื k ∈      จึงไดวา r = 1 และ θ = 2kπ เมื่อ k ∈                                                                4  สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวชิ าเพม่ิ เติมคณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปที่ 5 เลม 2 221    ดังนั้น      z  =  1  cos  kπ  + i sin kπ     เมอื่ k ∈                                 2          2       เมื่อ k = 0 จะได z1 = cos0 + isin 0 = 1    เมือ่ k = 1     จะได    z2 =         π  + i sin π   =i                                    cos                                    22    เม่ือ k = 2 จะได z3 = cosπ + isinπ = −1    เมื่อ k = 3     จะได    z4 =     cos 3π + i sin 3π  = −i                                         22    เวกเตอรท ่ีแสดงรากท่ี 4 ของ 1 มีขนาด 1 หนวย และเวกเตอรแตละคทู ่ีอยใู นลาํ ดับตดิ กัน  ทํามมุ ขนาด π หรอื 90° เทากันทุกคู ซึ่งเขยี นแสดงไดดังน้ี                   2    =ให z r (cosθ + isinθ ) เปนรากท่ีแปดของ 1  จะได z8 =1  จากทฤษฎีบทของเดอมัวฟวร จะได r8 (cos8θ + isin8θ ) =1(cos0 + isin 0)  ดงั นน้ั r8 = 1 และ 8θ − 0 = 2kπ เม่ือ k ∈                                           θ = 2kπ เม่ือ k ∈  จึงไดว า r = 1 และ                                                     8    ดงั นั้น     z  =  1  cos  kπ  + i sin kπ            เม่ือ k ∈                                 4          4                                                                     สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
222 คมู อื ครรู ายวชิ าเพมิ่ เติมคณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท่ี 5 เลม 2    เม่อื k = 0 จะได z1 = cos0 + isin 0                                          =1    เมือ่ k = 1        จะได         z2 =  cos π + i sin π                        = 2+ 2i                                             44                                     22    เมือ่ k = 2        จะได         z3 =  cos π + i sin π                        =i                                             22    เมอ่ื k = 3        จะได         z4 =  cos 3π + i sin 3π                      = − 2+ 2i  เมื่อ k = 4                                 44                                      22                       จะได z5 = cosπ + i sinπ                                   = −1    เมื่อ k = 5        จะได         z6 =  cos 5π + i sin 5π                      = − 2− 2i                                              44                                      22    เมอื่ k = 6        จะได         z7 =  cos 3π + i sin 3π                      = −i                                              22    เมอ่ื k = 7        จะได         z8 =  cos 7π + i sin 7π                      = 2− 2i                                              44                                    22    เวกเตอรท ่ีแสดงรากท่ี 8 ของ 1 มขี นาด 1 หนว ย และเวกเตอรแ ตล ะคทู ่ีอยใู นลําดบั ติดกนั  ทํามมุ ขนาด π หรือ 45° เทา กนั ทุกคู ซงึ่ เขยี นแสดงไดด ังนี้                   4    พิจารณา      i  =  1  cos  π  +  i  sin      π                                  2                 2      =ให z r (cosθ + isinθ ) เปน รากทสี่ องของ i    สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครูรายวิชาเพม่ิ เตมิ คณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที่ 5 เลม 2 223    จะได z2 = i    จากทฤษฎีบทของเดอมัวฟวร                จะได      r2  (cos 2θ       +  i sin   2θ  )  =  1  cos  π  +  i sin  π                                                                                                        2            2      ดงั นั้น r2 = 1              และ 2θ − π = 2kπ                                  เมื่อ k ∈  จึงไดว า r = 1                                            2                                 และ                  θ   =          π + 2kπ       เมือ่ k ∈                                                                   2                                                                        2    ดังนั้น      z  =  1  cos     π  +  kπ     +  i  sin     π  +  kπ       เม่อื k ∈                                4                        4                                                                                             เมอ่ื k = 0     จะได   z1 =        cos π + i sin π                 = 2+ 2i                                          44                               22    เมอ่ื k = 1     จะได   z2 =        cos 5π + i sin 5π               =   − 2− 2i                                           44                                22    เวกเตอรท ี่แสดงรากที่ 2 ของ i มขี นาด 1 หนวย และเวกเตอรท้งั สองทํามมุ ขนาด π หรือ  180° ซึง่ เขยี นแสดงไดดังน้ี    =ให z r (cosθ + isinθ ) เปน รากทส่ี ขี่ อง i  จะได z4 = i    จากทฤษฎีบทของเดอมัวฟวร                จะได      r4  (cos 4θ       +  i sin   4θ  )  =  1  cos  π  +  i sin  π                                                                                                        2            2                                                                                     สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
224 คมู ือครรู ายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ช้ันมัธยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 2    ดงั น้นั r4 = 1 และ 4θ − π = 2kπ                                                                เมอ่ื k ∈                                              2    จึงไดว า r = 1 และ                                    θ     =                π + 2kπ          เม่ือ k ∈                                                                                 2                                                                                         4    ดังน้ัน      z  =  1  cos     π  +           kπ     +  i  sin             π  +  kπ       เมื่อ k ∈                                8              2                          8     2                                                                                                        เมอ่ื k = 0     จะได   z1 =            π           +       π                                      cos                 i sin                                                  88    เมอ่ื k = 1     จะได   z2 =        cos 5π + i sin 5π                                           88    เมื่อ k = 2     จะได   z3 =        cos 9π + i sin 9π                                           88    เมื่อ k = 3     จะได   z4 =        cos13π + i sin 13π                                            88    เวกเตอรท ่ีแสดงรากที่ 4 ของ i มีขนาด 1 หนว ย และเวกเตอรแ ตละคทู ี่อยใู นลําดับติดกนั  ทาํ มมุ ขนาด π หรอื 90° เทากนั ทุกคู ซึง่ เขยี นแสดงไดด ังน้ี                   2    สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมอื ครูรายวชิ าเพ่มิ เติมคณติ ศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปท ี่ 5 เลม 2 225    =ให z r (cosθ + isinθ ) เปน รากท่แี ปดของ i  จะได z8 = i    จากทฤษฎบี ทของเดอมวั ฟวร            จะได      r8    ( cos 8θ     +  i sin   8θ  )  =  1  cos  π  +  i sin  π                                                                                                       2            2      ดงั น้นั r8 = 1              และ 8θ − π = 2kπ                                        เม่อื k ∈  จึงไดวา r = 1                                                                      เม่ือ k ∈                                             2                                 และ                        π + 2kπ                                                  θ= 2                                                                     8    ดงั น้ัน     z  =  1  cos     π   +  kπ     +  i  sin     π   +  kπ           เมอื่ k ∈                                16     4                  16     4                                                                                         เม่อื k = 0     จะได   z1 =         cos π + i sin π                                           16 16    เม่อื k = 1     จะได   z2 =         cos 5π + i sin 5π                                           16 16    เม่อื k = 2     จะได   z3 =         cos 9π + i sin 9π                                           16 16    เมือ่ k = 3     จะได   z4 =         cos13π + i sin 13π                                            16 16    เมือ่ k = 4     จะได   z5 =         cos17π + i sin 17π                                            16 16    เมื่อ k = 5     จะได   z6 =         cos 21π + i sin 21π                                            16 16    เมื่อ k = 6     จะได   z7 =         cos 25π + i sin 25π                                            16 16    เมื่อ k = 7     จะได   z8 =         cos 29π + i sin 29π                                            16 16    เวกเตอรท ่ีแสดงรากท่ี 8 ของ i มีขนาด 1 หนวย และเวกเตอรแ ตละคทู ี่อยใู นลาํ ดบั ตดิ กนั  ทํามุมขนาด π หรอื 45° เทากันทุกคู ซ่งึ เขียนแสดงไดดังนี้                   4                                                                                  สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
226 คมู ือครูรายวิชาเพม่ิ เตมิ คณิตศาสตร ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 2    3. =ให z r (cosθ + isinθ ) เปน รากทส่ี ข่ี อง 2 + 2 3i  จะได z4= 2 + 2 3i    เนื่องจาก    2+2  3i  =     4     cos        π  + i sin      π                                                3               3      จากทฤษฎบี ทของเดอมวั ฟวร                     จะได       r4  (cos 4θ                + i sin 4θ          )  =  4   cos  π  + i sin  π                                                                                                                               3           3      ดังน้นั r4 = 4                                และ 4θ − π = 2kπ                                                 เมือ่ k ∈                                                              3    จงึ ไดวา r = 4 4 = 2 และ                                                           π + 2kπ                   เมือ่ k ∈                                                                               θ= 3                                                                                                   4    ดังนั้น      z=       2    cos   π           +   kπ      +  i           sin  π     +   kπ              เมือ่ k ∈                                      12              2                           12      2                                                                                                                       เมือ่ k = 0  จะได z1 =                       2         π       +           i  sin  π                                                        cos                             12                                                               12    เมอื่ k = 1  จะได z2 =                       2     cos  7π     +           i  sin  7π                                                                12                         12          เมอ่ื k = 2  จะได z3 =                       2     cos 13π                 +  i sin 13π                                                                  12                          12             สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวชิ าเพม่ิ เตมิ คณิตศาสตร ช้ันมธั ยมศกึ ษาปที่ 5 เลม 2 227    เมือ่ k = 3     จะได z4 =              2     cos  19π       +   i sin 19π                                                         12                 12         4. =ให z r (cosθ + isinθ ) เปนรากท่หี า ของ 2 − 2 3i  จะได z5= 2 − 2 3i    เน่ืองจาก 2 − 2 =3i      4   cos  5π    + i sin 5π                                              3            3           จากทฤษฎบี ทของเดอมวั ฟวร               จะได       r5 (cos5θ + i sin 5θ )=               4   cos  5π   +    i sin  5π                                                                                                           3                3      ดังนน้ั r5 = 4 และ 5θ − 5π = 2kπ                                                          เมือ่ k ∈                                              3    จึงไดวา r = 5 4 และ                                       5π + 2kπ                      เมื่อ k ∈                                                      θ= 3                                                                     5    ดังนั้น      z  =  5  4    cos     π  +      2kπ     +  i  sin     π   +  2kπ       เมอ่ื k ∈                                    3          5                  3       5                                                                                                 เมอื่ k = 0     จะได    z1 =        5  4     cos  π   +  i sin   π                                                       3              3       เมอื่ k = 1     จะได    z2 =        5  4     cos  11π    + i sin 11π                                                             15             15              เมอ่ื k = 2     จะได    z3 =        5  4     cos  17π       + i sin 17π                                                           15               15           เมื่อ k = 3     จะได    z4 =        5  4     cos  23π       + i sin     23π                                                      15                    15       เมื่อ k = 4     จะได    z5 =        5  4     cos  29π       + i sin     29π                                                      15                    15       5. 1) จาก z4 = 1+ 3i  =ให z r (cosθ + isinθ ) สอดคลองกบั สมการขา งตน    เนื่องจาก 1+ =3i                2 cos  π    +  i sin  π                                                3              3        จากทฤษฎบี ทของเดอมัวฟวร                       จะได          r4 (cos 4θ       + i sin 4θ )      =  2   cos  π  + i sin π                                                                                                                     3         3        ดังนัน้ r4 = 2 และ 4θ − π = 2kπ                                                                     เม่ือ k ∈                                              3                                                                                       สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
228 คูม อื ครูรายวิชาเพิม่ เติมคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท ี่ 5 เลม 2    จงึ ไดวา r = 4 2 และ                                                             π + 2kπ                              เมื่อ k ∈                                                                             θ= 3                                                                                            4    ดงั นั้น     z     =        4  2     cos              π     +   kπ          +  i  sin     π   +   kπ              เมอื่ k ∈                                                      12        2                       12      2            เมื่อ k = 0        จะได          z1 =                  4  2     cos      π      +  i  sin   π                                                                              12                 12      เมอ่ื k = 1        จะได          z2 =                  4  2     cos      7π     + i sin     7π                                                                                 12                 12          เม่ือ k = 2        จะได          z3 =                  4  2     cos      13π       + i sin 13π                                                                                     12                12               เมอ่ื k = 3        จะได          z4 =                  4  2     cos      19π       + i sin 19π                                                                                      12               12               2) จาก z5 + i =0 จะได z5 = −i  =ให z r (cosθ + isinθ ) สอดคลอ งกบั สมการขางตน    เน่ืองจาก    −i    =  1  cos   3π                + i sin 3π                                          2                        2          จากทฤษฎบี ทของเดอมวั ฟวร                                  จะได           r5 (cos5θ + i sin 5θ ) =                     1  cos  3π  + i sin  3π                                                                                                                                        2            2      ดงั นน้ั r5 = 1 และ 5θ − 3π = 2kπ                                                                                       เมอื่ k ∈                                              2    จงึ ไดว า r = 1 และ                                                              3π + 2kπ                             เมือ่ k ∈                                                                             θ= 2                                                                                            5    ดังนั้น         z  =          cos                 3π     +  2kπ             +  i sin     3π   +   2kπ             เมอ่ื k ∈                        1                          10         5                         10        5                                                                                                                                                               เมื่อ k = 0        จะได          z1 =                  cos 3π + i sin 3π                                                              10 10    เมอ่ื k = 1        จะได          z2 =                  cos 7π + i sin 7π                                                              10 10    เมื่อ k = 2        จะได          z3 =                  cos11π + i sin 11π                                                               10 10    เมอ่ื k = 3        จะได          z4 =                  cos 3π + i sin 3π                     = −i                                                               22    เม่ือ k = 4        จะได          z5 =                  cos19π + i sin 19π                                                               10 10    สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูม ือครูรายวิชาเพิ่มเตมิ คณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 2 229    3) จาก z7 −1 =0 จะได z7 =1     =ให z r (cosθ + isinθ ) สอดคลองกับสมการขา งตน    เนื่องจาก 1 = 1(cos0 + isin 0)  จากทฤษฎบี ทของเดอมวั ฟวร จะได r7 (cos7θ + isin 7θ ) =1(cos0 + isin 0)  ดังน้ัน r7 = 1 และ 7θ − 0 = 2kπ เมือ่ k ∈                                                θ = 2kπ เมื่อ k ∈  จึงไดว า r = 1 และ                                                          7    ดังนั้น      z  =  1  cos  2kπ    + i sin 2kπ              เมอื่ k ∈                                 7              7       เมอ่ื k = 0 จะได z1 = cos0 + isin 0 = 1    เม่อื k = 1     จะได    z2 =    cos 2π + i sin 2π                                        77    เม่ือ k = 2     จะได    z3 =    cos 4π + i sin 4π                                        77    เม่อื k = 3     จะได    z4 =    cos 6π + i sin 6π                                        77    เมอ่ื k = 4     จะได    z5 =    cos 8π + i sin 8π                                        77    เม่ือ k = 5     จะได    z6 =    cos10π + i sin 10π                                         77    เมือ่ k = 6     จะได    z7 =    cos12π + i sin 12π                                         77    4) จาก z8 + 4 + 4i =0 จะได z8 =− 4 − 4i  =ให z r (cosθ + isinθ ) สอดคลองกับสมการ    เนือ่ งจาก   −4 − 4i =   4    2     cos  5π  + i sin  5π                                             4            4      จากทฤษฎบี ทของเดอมัวฟวร             จะได    r8 (cos8θ + i sin 8=θ )  4   2     cos  5π  + i sin  5π                                                                                          4            4      ดงั นน้ั r8 = 4 2 และ 8θ − 5π = 2kπ                                        เมือ่ k ∈                                              4    จงึ ไดว า  r = 16 32 และ                   5π + 2kπ                      เมอื่ k ∈                                       θ= 4                                                      8                                                                   สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
230 คูมือครรู ายวชิ าเพ่มิ เตมิ คณติ ศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปท่ี 5 เลม 2    ดงั นน้ั       z  =  16  32                 cos     5π  +   kπ                    +   i  sin      5π  +   kπ       เมอ่ื k ∈                                                     32      4                                   32      4                                                                                                                                เมอ่ื k = 0       จะได  z1 =                     16  32     cos                5π      +  i sin     5π                                                                                   32                   32      เมื่อ k = 1       จะได  z2 =                     16  32     cos                13π        +  i  sin  13π                                                                                      32                    32        เมื่อ k = 2       จะได  z3 =                     16  32     cos                21π        +  i  sin  21π                                                                                     32                    32         เมอื่ k = 3       จะได  z4 =                     16  32     cos                29π        +  i sin   29π                                                                                     32                    32         เมอ่ื k = 4       จะได  z5 =                     16  32     cos                37π        +  i sin   37π                                                                                      32                    32        เมื่อ k = 5       จะได  z6 =                     16  32     cos                45π        +  i  sin  45π                                                                                     32                    32         เมอ่ื k = 6       จะได  z7 =                     16  32     cos                53π        +  i sin   53π                                                                                     32                    32         เมื่อ k = 7       จะได  z8 =                     16  32     cos                61π        +  i  sin  61π                                                                                     32                    32         แบบฝกหัด 1.7    1. 1) ให p ( x)= 2x3 + 2x2 + x +1  เนอ่ื งจากจาํ นวนเต็มท่หี าร 1 ลงตัว คอื ±1  และจาํ นวนเตม็ ที่หาร 2 ลงตัว คือ ±1, ± 2    ดังนนั้ จาํ นวนตรรกยะ        k               ท่ีทาํ ให       p                 k      =  0     จะอยูในกลมุ ของจาํ นวนตอไปน้ี   ±1, ± 1                               m                                                 m                                                       2    พิจารณา p(−1) =2(−1)3 + 2(−1)2 + (−1) +1 =−2 + 2 −1+1 =0    แสดงวา x +1 เปน ตวั ประกอบของ p(x)  ดงั น้นั 2x3 + 2x2 + x +1 = ( x +1)(2x2 +1)    นัน่ คอื ( )( x +1) 2x2 +1 = 0    จะได x = −1 หรอื 2x2 +1 =0    สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวชิ าเพ่มิ เติมคณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 2 231    ถา 2x2 +1 =0 แลว x = ± 2 i                                     2    ดงั นั้น เซตคําตอบของสมการนี้ คอื       −1,    2 i, −       2     i                                                    2            2                                                                                      2) ให p( x)= 2x3 − x +1  เน่อื งจากจาํ นวนเต็มทีห่ าร 1 ลงตัว คือ ±1  และจํานวนเตม็ ท่หี าร 2 ลงตวั คอื ±1, ± 2    ดังนัน้ จํานวนตรรกยะ      k  ที่ทําให  p     k     =  0  จะอยูในกลุมของจาํ นวนตอไปนี้  ±1, ± 1                            m                  m                                                 2    พิจารณา p(−1) =2(−1)3 − (−1) +1 =−2 +1+1 =0    แสดงวา x +1 เปนตวั ประกอบของ p(x)  ดงั นนั้ 2x3 − x +1= ( )( x +1) 2x2 − 2x +1    นนั่ คอื ( )( x +1) 2x2 − 2x +1 = 0    จะได x = −1 หรอื 2x2 − 2x +1 =0    ถา 2x2 − 2x +1 =0 แลว x=       −(−2) ± 4 − 4(2)(1) i                            1 ± 1i                                           2(2) =                                   22    ดงั นน้ั  เซตคาํ ตอบของสมการน้ี  คอื    −1,     1   +  1 i,  1  −  1      i                                                     2      2     2     2                                                                                              3) จาก    x4 − 6x2 − 40 = 0    จะไดว า ( x2 + 4)( x2 −10) = 0    จะได x2 + 4 =0 หรอื x2 −10 =0  ถา x2 + 4 =0 แลว x = ±2i  ถา x2 −10 =0 แลว x = ± 10    ดังนน้ั เซตคําตอบของสมการนี้ คอื { 10, − }10, 2i, − 2i    4) ให p ( x) = x4 − x3 + 7x2 − 9x −18      เน่ืองจากจํานวนเต็มทีห่ าร −18 ลงตัว คอื ±1, ± 2, ± 3, ± 6, ± 9, ±18      พิจารณา p(−1) =(−1)4 − (−1)3 + 7(−1)2 − 9(−1) −18                             = 1+1+ 7 + 9 −18                             =0                                                                      สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
232 คูมอื ครรู ายวชิ าเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 2    และ p(2) = (2)4 − (2)3 + 7(2)2 − 9(2) −18                       = 16 − 8 + 28 −18 −18                       =0    แสดงวา x +1 และ x − 2 เปน ตัวประกอบของ p(x)    ( )ดังน้ัน x4 − x3 + 7x2 − 9x −18 = ( x +1)( x − 2) x2 + 9    น่ันคือ (( x +1)( x − 2) x2 + 9) = 0        จะได x = −1 หรือ x = 2 หรอื x2 + 9 =0      ถา x2 + 9 =0 แลว x = ±3i      ดังนน้ั เซตคาํ ตอบของสมการนี้ คือ {−1, 2, 3i, − 3i}  5) ให p ( x) =x4 − 6x3 +15x2 − 22x +12      เนื่องจากจํานวนเต็มทีห่ าร 12 ลงตัว คอื ±1, ± 2, ± 3, ± 4, ± 6, ±12      พิจารณา p(1) = (1)4 − 6(1)3 +15(1)2 − 22(1) +12                           = 1− 6 +15 − 22 +12                           =0    และ p(3) = (3)4 − 6(3)3 +15(3)2 − 22(3) +12                           = 81−162 +135 − 66 +12                           =0    แสดงวา x −1และ x − 3 เปน ตวั ประกอบของ p(x)    ( )ดงั นน้ั x4 − 6x3 +15x2 − 22x +12 = ( x −1)( x − 3) x2 − 2x + 4    นน่ั คือ ( )( x −1)( x − 3) x2 − 2x + 4 = 0    จะได x =1 หรอื x = 3 หรอื x2 − 2x + 4 =0    ถา  x2 − 2x + 4 =0 แลว                       x=  −(−2) ± 4 − 4(1)(4) i   1±  3i                                                             2(1) =    ดังนั้น เซตคาํ ตอบของสมการน้ี คอื {1, 3,1+ 3i,1− 3i}    6) ให p ( x) =x5 + 8x4 + 24x3 + 26x2 −17x − 42      เนือ่ งจากจํานวนเต็มทีห่ าร −42 ลงตัว คือ ±1, ± 2, ± 3, ± 6, ± 7, ±14, ± 21, ± 42      พจิ ารณา p(1) = (1)5 + 8(1)4 + 24(1)3 + 26(1)2 −17(1) − 42         = 1+ 8 + 24 + 26 −17 − 42       =0    สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครูรายวชิ าเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 2 233             p (−2) = (−2)5 + 8(−2)4 + 24(−2)3 + 26(−2)2 −17(−2) − 42                           = −32 +128 −192 +104 + 34 − 42                           =0    และ p(−3) = (−3)5 + 8(−3)4 + 24(−3)3 + 26(−3)2 −17(−3) − 42                           = −243 + 648 − 648 + 234 + 51− 42                           =0    แสดงวา x −1, x + 2 และ x + 3 เปน ตวั ประกอบของ p( x)    ( )ดังนัน้ x5 + 8x4 + 24x3 + 26x2 −17x − 42 = ( x −1)( x + 2)( x + 3) x2 + 4x + 7    นน่ั คือ ( )( x −1)( x + 2)( x + 3) x2 + 4x + 7 = 0    จะได x =1 หรอื x = −2 หรอื x = −3 หรอื x2 + 4x + 7 =0    ถา      x2 + 4x + 7 =0 แลว      −4±           16 − 4(1)(7) i  3i                                x=                 2(1) =−2 ±    ดังน้ัน เซตคําตอบของสมการน้ี คอื {1,−2, − 3, − 2 + 3i, − 2 − 3i}    2. ให p ( x) =x5 + 9x3 − 8x2 − 72                                                   532                                  −1+ 3i + 9 −1+ 3i − 8 −1+ 3i − 72  ( ) ( ) ( ) ( )พจิ ารณา p −1+ 3i=                                 = −16 −16 3i + 72 +16 +16 3i − 72                                 =0    ดังน้ัน −1+ 3i เปน คาํ ตอบของสมการ p(x) = 0  จากทฤษฎีบท 13 จะไดวา −1− 3i เปนคําตอบของสมการดวย    ( )( )เนอื่ งจาก (x − −1+ 3i) (x − −1− 3i) = x2 + 2x + 4    และเมื่อนํา x2 + 2x + 4 ไปหาร p( x) ไดผ ลหารเปน x3 − 2x2 + 9x −18    ดังนนั้  ( )( )x5 + 9x3 − 8x2 − 72 = x2 + 2x + 4 x3 − 2x2 + 9x −18                                        = (x2 + 2x + 4)(x2 (x − 2) + 9(x − 2))                                        = (x2 + 2x + 4)(x − 2)(x2 + 9)    น่นั คอื ( x2 ) (+ 2x + 4 ( x − 2) x2 + 9) = 0    จะได x = 2 หรือ x2 + 2x + 4 =0 หรอื x2 + 9 =0  ถา x2 + 9 =0 แลว x = ±3i    ดงั นัน้ เซตคําตอบของสมการนี้ คอื {2, −1+ 3i, −1− }3i, 3i, − 3i                                                         สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
234 คูมือครูรายวชิ าเพ่มิ เติมคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 2          3. เน่ืองจาก 2 − 2 3i และ −4i เปน คําตอบของสมการ และจากทฤษฎบี ท 13             จะไดว า 2 + 2 3i และ 4i เปนคาํ ตอบของสมการดว ย ตามลําดบั            ( )( )( ) ( )จะได x − 2 − 2 3i x − 2 + 2 3i ( x − 4i)( x + 4i) = 0                                    ( )( )x2 − 4x +16 x2 +16 = 0                                                    x4 − 4x3 + 32x2 − 64x + 256 = 0               ดังนัน้ x4 − 4x3 + 32x2 − 64x + 256 =0 เปน สมการพหนุ ามดีกรี 4 ทีม่ ีสมั ประสิทธเิ์ ปน             จํานวนเต็ม มี 2 − 2 3i และ −4i เปนคําตอบ และมี 1 เปน สัมประสทิ ธ์ินาํ        4. ให p( x) = x2 − x + (i +1)             จะได p(i) = (i)2 − i + (i +1)                                  = −1− i + (i +1)                                           =0               ดงั นั้น i เปน คําตอบของสมการ p(x) = 0             พิจารณา p(−i) = (−i)2 − (−i) + (i +1)                                  = −1+ i + (i +1)                                           = 2i               น่นั คอื −i ไมใชคาํ ตอบของสมการ p(x) = 0             ดงั นน้ั i เปน คําตอบ แต −i ไมใ ชค าํ ตอบ ผลที่ไดน้ี ไมขัดแยง กับทฤษฎบี ท 13 เน่อื งจาก             สมการพหนุ าม x2 − x + (i +1) =0 มสี มั ประสทิ ธ์บิ างจาํ นวนไมใ ชจาํ นวนจริง        5. 1) เนอื่ งจาก i เปนคําตอบของสมการ และจากทฤษฎบี ท 13 จะไดวา −i เปนคาํ ตอบ                   ของสมการดวย                 จะได ( x + 3)( x − 2)( x − i)( x + i) = 0                             ( x2 + x − 6)( x2 +1) = 0                                            x4 + x3 − 5x2 + x − 6 = 0                   ดงั นน้ั x4 + x3 − 5x2 + x − 6 =0 เปนสมการพหนุ ามดีกรีต่าํ สดุ ทม่ี ีสัมประสิทธ์ิเปน                 จํานวนเต็ม ซง่ึ มี −3, 2 และ i เปน คําตอบ และมี 1 เปน สมั ประสิทธ์นิ ํา             สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปท ี่ 5 เลม 2 235    2) เนอื่ งจาก 2i เปน คาํ ตอบของสมการ และจากทฤษฎบี ท 13 จะไดว า −2i เปนคาํ ตอบ      ของสมการดวย      จะได ( x − 2i)2 ( x + 2i)2 ( x − 5)3 = 0                        ( )( )x4 + 8x2 +16 x3 −15x2 + 75x −125 = 0                    x7 −15x6 + 83x5 − 245x4 + 616x3 −1240x2 + 1200x − 2000 = 0            ดังนัน้ x7 −15x6 + 83x5 − 245x4 + 616x3 −1240x2 +1200x − 2000 =0 เปนสมการ          พหนุ ามดีกรีต่ําสุดที่มสี ัมประสิทธเิ์ ปน จํานวนเต็ม มี 2i และ 5 เปนคาํ ตอบซ้ํา 2 คําตอบ          และ 3 คาํ ตอบ ตามลาํ ดับ และมี 1 เปน สัมประสิทธ์นิ าํ  6. ให p ( x) =x4 − 2x3 − 7x2 + 28x + 52      เนื่องจาก ( x + 2)2 = x2 + 4x + 4       ( )( )และ x4 − 2x3 − 7x2 + 28x + 52 = x2 + 4x + 4 x2 − 6x +13       ( )จะไดว า x4 − 2x3 − 7x2 + 28x + 52 = ( x + 2)2 x2 − 6x +13        นน่ั คอื −2 เปน คาํ ตอบซํ้า 2 คําตอบของสมการพหุนาม p(x) = 0       และจะได (( x + 2)2 x2 )− 6x +13 = 0        น่ันคอื x = −2 หรือ x2 − 6x +13 =0    ถา  x2 − 6x +13 =0 แลว x=  −(−6) ±  36 − 4(1)(13) i    3 ± 2i                                        2(1) =    ดงั นน้ั เซตคาํ ตอบของสมการน้ี คือ {−2, 3 + 2i, 3 − 2i}  7. เนื่องจาก 1+ i เปน คําตอบของสมการ และจากทฤษฎบี ท 13 จะไดวา 1− i เปนคําตอบ      ของสมการดว ย     เน่ืองจาก ( x − (1+ i))( x − (1− i)) = x2 − 2x + 2    และเมื่อนํา x2 − 2x + 2 ไปหาร x4 − 7x3 +18x2 − 22x +12 ไดผ ลหารเปน x2 − 5x + 6    ( )( )ดังน้นั x4 − 7x3 +18x2 − 22x +12 = x2 − 2x + 2 x2 − 5x + 6                               ( )= x2 − 2x + 2 ( x − 3)( x − 2)  น่ันคือ ( )x2 − 2x + 2 ( x − 3)( x − 2) = 0    จะได x = 3 หรอื x = 2  ดงั น้นั เซตคาํ ตอบท้งั หมดของสมการพหุนามนี้ คือ {2, 3,1+ i, 1− i}                                                             สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
236 คูม อื ครรู ายวชิ าเพิ่มเติมคณิตศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 2    แบบฝกหัดทา ยบท    1. 1)             2(1+ 5i) + 3(−3 − 2i) = 2 +10i − 9 − 6i                                                  = −7 + 4i    2) i (2 − 4i) + i2 (−3 + i) = (2i + 4) + (−1)(−3 + i)                                                  = 2i + 4 + 3 − i                                                = 7+i    3) 4(2 − 5i) − i (1− i) = 8 − 20i − i + i2                                                            = 8 − 20i − i −1                                                          = 7 − 21i    4) i (4 − 3i) − 3 (2 − i) = 2i + 3 − 3 + 3 i                    22                                                         22                                                            = −3+7i                                                                22    ( )( )5) 3 − 5i 3 + 5i (−1− i) = (3 + 5)(−1− i)                                                            = −8 − 8i    6)                                                5     =                     5  3 + 2i                                                   3 − 2i                        3 − 2i  3 + 2i                                                                5(3 + 2i)                                                            =                                                                  13                                                            = 15 + 10 i                                                              13 13    7)                                              4 − 3i  =                     4 − 3i  2 − 3i                                                   2 + 3i                        2 + 3i  2 − 3i                                                                (4 − 3i)(2 − 3i)                                                            =                                                                     13                                                            = 8 −12i − 6i − 9                                                                     13                                                            = − 1 − 18 i                                                                13 13    8)                (3 − 2i)(2i)                                               4 + 6i                                      =                    −2 + 3i                                                    −2 + 3i                                                            =                     4 + 6i  −2 − 3i                                                                                 −2 + 3i  −2 − 3i                                                             = (4 + 6i)(−2 − 3i)                                                                        13    สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวิชาเพิม่ เตมิ คณติ ศาสตร ช้นั มัธยมศึกษาปท ี่ 5 เลม 2 237                                              = −8 −12i −12i +18                                                         13                                              = 10 − 24 i                                                13 13    9)             −5i (2 − 3i) − 5i          =   −10i  −  15  −     4  5i          4  +  3i                                                                       − 3i      4  +  3i    10) เน่ืองจาก                  4 − 3i                                              = −10i −15 − 5i (4 + 3i)                                                                    25                                              = −10i −15 − 4 i + 3                                                              55                                              = − 72 − 54 i                                                   55                    1       =   1 1+i            =  1+ i                 1−i          1− i  1+ i       2                      1     =   1  1                               1− i  1− i                  (1− i)2                            =1                              −2i                            =   1  2i                               −2i  2i                             = 2i                               4                            =i                              2    และ               1     =     1        ⋅   1  i                                            1−                 (1− i)3     (1− i)2                            =  i 1+i                              2  2                             = −1+ i                                 4    ดงั นนั้        1 +5− 1 + 1                      = 1 + i + 5 − i + −1 + i                                                        2 24                 1− i (1− i)2 (1− i)3                                                     = 21 + 1 i                                                       44                                                                  สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
238 คมู ือครรู ายวิชาเพ่มิ เติมคณิตศาสตร ช้ันมธั ยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 2    2. วธิ ีท่ี 1 พิจารณา     ( x + yi)2 = x2 + 2xyi + y2i2            จะได                                       = x2 − y2 + 2xyi                              ( )( x + yi)4 = ( x + yi)2 2                                                              ( )= x2 − y2 + 2xyi 2                                                                                    2                                                                                     +2                                                            ( ) ( )=                            (2xyi) − 4x2 y2                                                                    x2 − y2            x2 − y2                            ( ) ( )= x2 − y2 2 − 4x2 y2 + 4xy x2 − y2 i           จาก ( x + yi)4 = a + bi           ( ) ( )จะได x2 − y2 2 − 4x2 y2 + 4xy x2 − y2 i = a + bi           ( )นั่นคือ a = x2 − y2 2 − 4x2 y2 = x4 − 6x2 y2 + y4         ( )และ b = 4xy x2 − y2           ดงั น้นั              ( ) ( ( ))a2 + b2 =                                     2                       2                                                                    x4 − 6x2 y2 + y4                  x2 − y2                                                                                        +      4xy                                                              ( )= x8 + 36x4 y4 + y8 −12x6 y2 −12x2 y6 + 2x4 y4                                                                ( )+ 16x6 y2 − 32x4 y4 + 16x2 y6                                                              = x8 + 4x6 y2 + 6x4 y4 + 4x2 y6 + y8                                                                               4    x2 3 y2 + 6   x2 2  y2 2 + 4x2      3   y2 4                                                                                +4                                       +                                                            ( ) ( ) ( ) ( ) ( ) ( )=x2                            y2    วิธีท่ี 2 จาก                     ( )= x2 + y2 4        จะไดวา                               a + bi = ( x + yi)4                               a + bi = ( x + yi)4 = x + yi 4                                                                                      4                                                                      x2 + y2         น่ันคอื            ( )a2 + b2 =                              ( )a2 + b2 = x2 + y2 4    3. 1)  i7 + 2i2        = i4 + 2            i3                     i                           =  1  +                2        −i                                                 i      −i                             = 1 − 2i    สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูม อื ครูรายวชิ าเพมิ่ เติมคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 2 239    2)  พิจารณา  i −1  =   1=     1        −i        =  −i                         i     i      −i                      i −2   =  1   =    1             =      −1                         i2                                 ( −1)                 i −3  =1      =   1       1          =(−1)(−i) =i                       i3           i2       i                  i −4=     1=      1=         1                         i4      1        สังเกตวา i=−1 i−=5 i−=9 i−13 , i−=2 i−=6 i−=10 i−14 , i=−3 i−=7 i−=11 i−15      และ i−=4 i−=8 i−1=2 i−16      และ i−1 + i−2 + i−3 + i−4 =(−i) + (−1) + i +1 = 0      นั่นคอื i−1 + i−2 + + i−16 =0      ดังนน้ั 1+ i−1 + i−2 + + i−16 =1+ 0 =1  3) (2 + i)(3 + 2i) = 4 + 7i                   1+i 1+i                                   =           4 + 7i  1− i                                              1+ i  1− i                                    = 11 + 3 i                                     22    4) (2 + i)2 + (2 − i)2 = (3 + 4i) + (3 − 4i)                                   =6    5)  3 + 4i − 3 − 4i            =             3  +   4i        3  +  4i     −     3  −  4i        3  −  4i        3 − 4i 3 + 4i                           3  −   4i      3  +  4i         3  +  4i      3  −  4i                                        (−7 + 24i) − (−7 − 24i)                                   =                                                  25                                   = 48 i                                     25                                                                                                สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
240 คูมอื ครูรายวิชาเพม่ิ เติมคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศึกษาปท ี่ 5 เลม 2       ( ) ( )−1                                       i + (3 − 2i)                                                     3+i  6) i 3 + i + 3 + 2i =                     =                                    i                 3  −       i      +  (  3  −  2i  )                                                      3 + i           3  −       i                       = 1 + 3i + 3 − 2i                           4                     =                             13     +       3−          8                                                   4             4              i    4. 1)  z2z2 = (3 − 2i)(3 + 2i)                     = 13    2) z2 + z1 = z2 + z1                     = 3 + 2i + 1                                2−i                     =                             3   +  2i  +        1      i        2  +    i                                                                     2−             2  +    i                       = 3 + 2i + 2 + i                                  5                     = 17 + 11i                       55    3)       z1    =                             z1           z2                                  z2                                                                      1                     = 2−i                       3 + 2i                     =                                    1                                                   (2 − i)(3 + 2i)                     =1                      8+i                     =                              1 8−i                                                   8 + i  8 − i                      = 8 −1i                       65 65    สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
                                
                                
                                Search
                            
                            Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
 
                    