คูม อื ครูรายวิชาเพ่มิ เตมิ คณติ ศาสตร ช้ันมัธยมศกึ ษาปที่ 5 เลม 2 341 น่นั คอื n(E3 ) = 8 จะได P ( E=3 ) nn((ES3=)) 8= 2 20 5 ดงั น้นั ความนาจะเปนที่นกั กีฬาคนนีจ้ ะสวมเส้ือสีฟา เทา กับ 2 5 13. ให S1 แทนปรภิ ูมิตวั อยางของการหยิบลกู บอลครั้งละ 1 ลูก 2 ครั้ง จากกลองใบหนงึ่ ซ่งึ มี ลูกบอล 30 ลูก โดยหยิบลกู บอลลูกแรกแลวไมใ สคืนกอนจะหยบิ ลูกบอลลูกท่สี อง จะได n( S1 ) = C30,1 × C29,1 = 30 × 29 = 870 และให S2 แทนปรภิ ูมติ วั อยางของการหยบิ ลูกบอลคร้ังละ 1 ลูก 2 ครั้ง จากกลองใบหนึ่ง ซ่งึ มลี กู บอล 30 ลูก โดยหยิบลกู บอลลกู แรกแลวใสค ืนกอนจะหยิบลกู บอลลูกทส่ี อง จะได n( S2 ) = C30,1 × C30,1 = 30 × 30 = 900 1) ให E1 แทนเหตุการณที่หยบิ ไดล ูกบอลลูกแรกเปน สีแดงและลูกบอลลูกที่สองเปน สเี หลือง เมื่อกําหนดใหหยิบลกู บอลลกู แรกแลวไมใสคนื กอนจะหยิบลกู บอลลกู ท่สี อง ขนั้ ตอนท่ี 1 หยิบครั้งท่ี 1 ไดลกู บอลสแี ดง 1 ลกู จากลูกบอลสแี ดง 10 ลูก ทาํ ได 10 วิธี ข้นั ตอนท่ี 2 หยบิ ครั้งท่ี 2 ไดล กู บอลสเี หลือง 1 ลกู จากลูกบอลสเี หลือง 10 ลูก ทําได 10 วิธี ดังน้นั จะมวี ิธีหยบิ ไดลูกบอลสแี ดง 1 ลกู และสีเหลือง 1 ลกู ตามลําดับ 10×10 =100 วิธี นั่นคอื n(E1 ) =100 จะได P ( E=1 ) n( ES=11 )) 1=00 10 n( 870 87 ดงั น้นั ความนาจะเปนทห่ี ยิบไดล กู บอลลูกแรกเปนสีแดงและลูกบอลลูกท่ีสองเปน สีเหลือง เมอ่ื กําหนดใหห ยบิ ลูกบอลลกู แรกแลวไมใสคนื กอนจะหยิบลูกบอลลกู ท่สี อง เทา กบั 10 87 2) ให E2 แทนเหตุการณท ่ีหยิบไดลูกบอลลูกแรกเปนสแี ดงและลูกบอลลูกทสี่ องเปนสี เหลอื ง เม่อื กําหนดใหห ยบิ ลูกบอลลูกแรกแลวใสคนื กอนจะหยิบลกู บอลลกู ที่สอง ขั้นตอนที่ 1 หยบิ ครง้ั ท่ี 1 ไดล กู บอลสีแดง 1 ลูก จากลูกบอลสีแดง 10 ลูก ทําได 10 วิธี ขั้นตอนท่ี 2 หยบิ ครัง้ ท่ี 2 ไดล ูกบอลสเี หลอื ง 1 ลกู จากลกู บอลสเี หลือง 10 ลูก ทาํ ได 10 วธิ ี ดงั นั้น จะมีวิธหี ยิบไดล ูกบอลสีแดง 1 ลูก และสเี หลอื ง 1 ลกู ตามลําดบั 10×10 =100 วิธี นั่นคอื n(E2 ) =100 สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
342 คมู ือครรู ายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 เลม 2 จะได P ( E=2 ) n( ES=22 )) 1=00 1 n( 900 9 ดงั นั้น ความนาจะเปนทหี่ ยิบไดลูกบอลลูกแรกเปนสีแดงและลกู บอลลูกทีส่ องเปนสีเหลือง เม่ือกําหนดใหหยบิ ลูกบอลลกู แรกแลวใสค นื กอนจะหยบิ ลกู บอลลกู ทส่ี อง เทา กบั 1 9 3) ให E3 แทนเหตุการณท ่หี ยบิ ไดลูกบอลสเี ขยี วทั้งสองคร้ัง เมอื่ กําหนดใหหยิบลูกบอล ลกู แรกแลว ใสคืนกอ นจะหยิบลกู บอลลูกทสี่ อง ขั้นตอนที่ 1 หยิบครงั้ ที่ 1 ไดลกู บอลสีเขยี ว 1 ลูก จากลูกบอลสเี ขียว 10 ลูก ทาํ ได 10 วิธี ขั้นตอนที่ 2 หยิบครง้ั ที่ 2 ไดล กู บอลสเี ขียว 1 ลูก จากลกู บอลสเี ขยี ว 10 ลูก ทาํ ได 10 วธิ ี ดังนัน้ จะมวี ธิ ีหยบิ ไดล ูกบอลสีเขยี ว 2 ลูก 10×10 =100 วธิ ี นัน่ คอื n(E3 ) =100 จะได P ( E=3 ) n ( ES=23 )) 1=00 1 n ( 900 9 ดังนัน้ ความนา จะเปนทห่ี ยิบไดล ูกบอลสเี ขียวทัง้ สองครั้ง เมื่อกาํ หนดใหห ยิบลูกบอล ลูกแรกแลวใสค นื กอ นจะหยิบลกู บอลลกู ที่สองเทากับ 1 9 4) ให E4 แทนเหตกุ ารณท่ีหยบิ ไดล ูกบอลสเี ขียวทั้งสองครั้ง เมอื่ กําหนดใหหยิบลูกบอล ลูกแรกแลวไมใ สค นื กอนจะหยบิ ลูกบอลลูกท่สี อง ข้นั ตอนท่ี 1 หยบิ ครง้ั ท่ี 1 ไดลูกบอลสเี ขยี ว 1 ลกู จากลกู บอลสีเขียว 10 ลูก ทําได 10 วิธี ขน้ั ตอนท่ี 2 หยิบครั้งที่ 2 ไดลูกบอลสีเขยี ว 1 ลกู จากลกู บอลสีเขียวท่เี หลือ 9 ลูก ทาํ ได 9 วิธี ดงั นัน้ จะมีวิธีหยบิ ไดลกู บอลสเี ขียว 2 ลูก 10×9 =90 วธิ ี นัน่ คือ n(E4 ) = 90 จะได P ( E=4 ) nn((ES=14)) 9=0 3 870 29 ดงั นน้ั ความนา จะเปน ที่หยิบไดลูกบอลสีเขียวทงั้ สองครั้ง เมื่อกาํ หนดใหหยบิ ลูกบอล ลกู แรกแลวไมใ สค นื กอ นจะหยบิ ลูกบอลลูกที่สอง เทากบั 3 29 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวิชาเพิม่ เติมคณติ ศาสตร ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 2 343 5) ให E5 แทนเหตกุ ารณท ห่ี ยบิ ไดล ูกบอลสีแดงอยางนอย 1 ลกู เม่อื กําหนดใหห ยบิ ลูกบอลลกู แรกแลวไมใสค นื กอนจะหยบิ ลูกบอลลกู ท่ีสอง วิธที ่ี 1 หยิบไดล กู บอลสแี ดงอยางนอย 1 ลูก แบงเปนกรณีดังนี้ กรณีท่ี 1 หยบิ ไดล ูกบอลสแี ดง 1 ลกู ในคร้งั ท่ี 1 ขน้ั ตอนท่ี 1 หยบิ ครง้ั ที่ 1 ไดล กู บอลสแี ดง 1 ลูก จากลูกบอล สแี ดง 10 ลกู ทําได 10 วธิ ี ข้นั ตอนท่ี 2 หยิบครัง้ ท่ี 2 ไดลูกบอลสอี ื่นท่ีไมใ ชส แี ดง 1 ลูก จากลูกบอลสีอ่นื ท่ีไมใ ชสแี ดง 20 ลกู ทําได 20 วิธี ดงั นนั้ จะมวี ธิ หี ยบิ ไดลกู บอลสแี ดง 1 ลูก 10× 20 =200 วิธี กรณที ่ี 2 หยิบไดล ูกบอลสแี ดง 1 ลกู ในครั้งที่ 2 ขั้นตอนที่ 1 หยิบคร้ังท่ี 1 ไดลกู บอลอ่ืนที่ไมใชสแี ดง 1 ลกู จากลูกบอลสีอื่นทไ่ี มใ ชสีแดง 20 ลกู ทําได 20 วธิ ี ขั้นตอนที่ 2 หยิบครั้งที่ 2 ไดล ูกบอลสแี ดง 1 ลกู จากลกู บอลสีแดง 10 ลกู ทําได 10 วิธี ดังนัน้ จะมวี ธิ ีหยบิ ไดลูกบอลสแี ดง 1 ลูก 20×10 =200 วิธี กรณีท่ี 3 หยิบไดล ูกบอลสีแดง 2 ลกู ขน้ั ตอนที่ 1 หยบิ คร้ังท่ี 1 ไดล กู บอลสีแดง 1 ลกู จากลูกบอลสีแดง 10 ลูก ทาํ ได 10 วธิ ี ข้นั ตอนที่ 2 หยิบคร้งั ท่ี 2 ไดล ูกบอลสีแดง 1 ลกู จากลกู บอลสแี ดง ที่เหลือ 9 ลูก ทาํ ได 9 วธิ ี ดังนั้น จะมวี ิธหี ยิบไดลูกบอลสแี ดง 2 ลูก 10×9 =90 วิธี จะไดวา มวี ิธหี ยิบไดลูกบอลสีแดงอยา งนอ ย 1 ลูก 200 + 200 + 90 =490 วิธี นนั่ คอื n(E5 ) = 490 จะได P ( E=5 ) nn((ES=15)) 4=90 49 870 87 ดังนนั้ ความนาจะเปนทีไ่ ดลูกบอลสแี ดงอยางนอ ย 1 ลกู เมอื่ กาํ หนดใหห ยบิ ลูกบอลลกู แรกแลว ไมใสค นื กอนจะหยิบลกู บอลลกู ที่สอง เทากบั 49 87 สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
344 คูม อื ครูรายวิชาเพิม่ เตมิ คณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 2 วธิ ที ี่ 2 หยิบไมไ ดล กู บอลสีแดง ขนั้ ตอนท่ี 1 หยิบครั้งที่ 1 ไดลกู บอลสีอืน่ ท่ีไมใ ชสีแดง 1 ลูก จากลกู บอลสีอน่ื ที่ไมใ ชสแี ดง 20 ลกู ได 20 วิธี ขั้นตอนท่ี 2 หยิบคร้งั ท่ี 2 ไดลูกบอลสอี ่ืนท่ีไมใชสีแดง 1 ลกู จากลูกบอลสีอน่ื ท่ีไมใชสแี ดงทเี่ หลือ 19 ลกู ได 19 วิธี โดยหลักการคณู จะมีวิธีหยบิ ไดล ูกบอลสอี ืน่ ท่ีไมใชส แี ดง 2 ลกู เทา กับ 20 ×19 =380 วธิ ี จะไดวา จะมวี ธิ ีหยบิ ไดล ูกบอลสแี ดงอยางนอย 1 ลูก 870 − 380 =490 วธิ ี นั่นคือ n(E5 ) = 490 จะได P ( E=5 ) nn((ES=15)) 4=90 49 870 87 ดังนั้น ความนา จะเปน ทไ่ี ดล กู บอลสีแดงอยางนอ ย 1 ลกู เมื่อกําหนดใหห ยิบ ลูกบอลลกู แรกแลว ไมใสคนื กอนจะหยิบลูกบอลลกู ท่สี อง เทากบั 49 87 6) ให E6 แทนเหตุการณทห่ี ยิบไมไดลกู บอลสีแดง เมือ่ กาํ หนดใหหยิบลูกบอลลกู แรกแลว ใสคืนกอนจะหยิบลูกบอลลูกท่ีสอง ขั้นตอนท่ี 1 หยิบครั้งท่ี 1 ไดล ูกบอลสอี นื่ ที่ไมใชส แี ดง 1 ลูก จากลกู บอลสอี ่ืนที่ไมใช สแี ดง 20 ลกู ได 20 วธิ ี ข้นั ตอนท่ี 2 หยิบครั้งที่ 2 ไดลกู บอลสอี นื่ ท่ีไมใ ชส แี ดง 1 ลูก จากลูกบอลสีอนื่ ทไ่ี มใช สีแดง 20 ลูก ได 20 วธิ ี ดังน้นั มีวธิ ีหยบิ ไมไ ดล ูกบอลสีแดง 20× 20 =400 วธิ ี นัน่ คอื n(E6 ) = 400 จะได P ( E=6 ) n ( ES=26 )) 4=00 4 n ( 900 9 ดังนน้ั ความนาจะเปนท่ีไมไดล ูกบอลสีแดง เม่ือกําหนดใหห ยิบลูกบอลลูกแรกแลวใสค ืน กอ นจะหยิบลูกบอลลูกทีส่ อง เทากับ 4 9 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวชิ าเพม่ิ เติมคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 2 345 14. ให S เปนปรภิ ูมติ วั อยางของการทดลองสุม นี้ จะได n=(S ) C=52,3 22,100 1) ให E1 แทนเหตกุ ารณท่ีไดไพ J, Q, K อยา งละใบ ขน้ั ตอนท่ี 1 หยิบไดไพ J 1 ใบ จากไพ J 4 ใบ ได 4 วธิ ี ขั้นตอนที่ 2 หยบิ ไดไพ Q 1 ใบ จากไพ Q 4 ใบ ได 4 วธิ ี ข้นั ตอนที่ 3 หยิบไดไ พ K 1 ใบ จากไพ K 4 ใบ ได 4 วธิ ี จะไดวา จํานวนวธิ ีท่ไี ดไ พ J, Q, K อยางละใบ ได 4× 4× 4 =64 วิธี น่นั คอื n(E1) = 64 จะได P=( E1 ) nn=((ES1)) =64 16 22,100 5, 525 ดังนั้น ความนา จะเปน ท่ไี ดไ พ J, Q และ K อยางละใบ เทา กับ 16 5, 525 2) ให E2 เปน เหตุการณท่ีไดไพท่มี ีหนา สีแดง 2 ใบ เนอื่ งจากมีไพห นาสีแดง และไพหนาสดี าํ อยางละ 26 ใบ ข้ันตอนท่ี 1 หยบิ ไดไพห นา สแี ดง 2 ใบ จากไพหนาสแี ดง 26 ใบ ได C26,2 วิธี ข้ันตอนที่ 2 หยบิ ไดไพห นาสีดํา 1 ใบ จากไพห นา สีดาํ 26 ใบ ได C26,1 วธิ ี จะไดวา จาํ นวนวธิ หี ยบิ ไพท่ีมีหนาสีแดง 2 ใบ ได C26,2 ×C26,1 =8,450 นน่ั คอื n(E2 ) = 8,450 จะได P=(E2 ) nn=((ES2)) 8=, 450 13 22,100 34 ดังน้นั ความนาจะเปนที่ไดไพทีม่ หี นา สแี ดง 2 ใบ เทากับ 13 34 3) ให E3 แทนเหตกุ ารณท ่ไี ดไ พทม่ี ีหมายเลขเดียวกันหรือตัวอกั ษรเดียวกันทั้งสามใบ ขนั้ ตอนที่ 1 เลือกหมายเลขหรือตวั อกั ษร 1 ตวั จาก 13 ตวั ได 13 วิธี ข้นั ตอนที่ 2 เลือกไพ 3 ใบ จากไพท่ีมหี มายเลขหรอื ตัวอักษรเดียวกนั ซึ่งมี 4 ใบ ได C4,3 = 4 วธิ ี ดังน้นั จาํ นวนวิธที ีไ่ ดไพหมายเลขเดียวกันหรือตัวอักษรเดยี วกนั ทั้งสามใบ 13× 4 =52 วธิ ี น่ันคือ n(E3 ) = 52 สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
346 คมู ือครรู ายวชิ าเพม่ิ เตมิ คณิตศาสตร ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 2 จะได P=( E3 ) nn=((ES3)) =52 1 22,100 425 ดังนน้ั ความนาจะเปน ท่ไี ดไพทมี่ หี มายเลขหรือตัวอักษรเดียวกนั ทง้ั สามใบ เทากับ 1 425 4) ให E4 แทนเหตกุ ารณทไ่ี ดไ พที่มีหมายเลขหรือตัวอักษรตางกันทง้ั สามใบ ขน้ั ตอนท่ี 1 เลือกหมายเลขหรือตัวอกั ษร 3 ตวั จาก 13 ตัว ได C13,3 วิธี ข้นั ตอนที่ 2 เลอื กไพ 1 ใบ จากหมายเลขหรือตัวอักษรตวั ที่ 1 จากหมายเลขหรือ ตัวอกั ษรที่เลือกในข้ันท่ี 1 ซ่ึงมี 4 ใบ ได 4 วธิ ี ขัน้ ตอนที่ 3 เลือกไพ 1 ใบ จากหมายเลขหรือตัวอักษรตวั ที่ 2 จากหมายเลขหรือ ตัวอกั ษรที่เลอื กในขัน้ ที่ 1 ซ่งึ มี 4 ใบ ได 4 วิธี ข้นั ตอนที่ 4 เลอื กไพ 1 ใบ จากหมายเลขหรอื ตวั อักษรตวั ท่ี 3 จากหมายเลขหรอื ตัวอกั ษรท่ีเลอื กในข้ันท่ี 1 ซง่ึ มี 4 ใบ ได 4 วิธี จะไดวา จํานวนวิธีท่ไี ดไพหมายเลขหรือตัวอักษรตางกันทงั้ สามใบ C13,3 × 4× 4× 4 =18,304 วิธี น่นั คือ n(E4 ) =18,304 จะได P=( E4 ) nn=((ES4)) 18=, 304 352 22,100 425 ดังนั้น ความนา จะเปนทไ่ี ดไพทีม่ ีหมายเลขหรือตัวอักษรตา งกันทัง้ สามใบ เทากบั 352 425 15. ให S แทนปริภูมติ วั อยา งของการทดลองสมุ น้ี จะได n(S ) = 5× 5× 5 = 125 ให E แทนเหตุการณทผี่ ูเขาแขง ขนั 2 คน สมุ ไดหัวขอเดียวกนั และอีกคนไดหัวขออน่ื ขนั้ ตอนท่ี 1 เลอื กผูเ ขา แขงขนั ท่ีแตงกลอนหวั ขอเดียวกัน 2 คน จาก 3 คน ได C3, 2 = 3 วิธี ขน้ั ตอนท่ี 2 เลือกหวั ขอ 1 หัวขอ จากหัวขอบังคบั 5 หวั ขอ ได 5 วิธี ขน้ั ตอนที่ 3 เลือกหวั ขอ 1 หัวขอ จากหวั ขอบังคบั ทีเ่ หลือ 4 หัวขอ ได 4 วธิ ี จะไดว า มจี ํานวนวธิ ที ผี่ ูเขาแขงขัน 2 คน สมุ ไดห วั ขอเดยี วกัน และอีกคนไดหวั ขอ อืน่ 3× 5× 4 =60 วธิ ี นัน่ คอื n(E) = 60 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวชิ าเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 2 347 จะได P (=E ) nn((=ES )) 6=0 12 125 25 ดังน้นั ความนาจะเปนท่ีจะมีผูเขา แขง ขัน 2 คน สมุ ไดหวั ขอเดยี วกัน และอีกคนไดหัวขออ่ืน เทา กับ 12 25 16. ให S แทนปริภูมิตวั อยางของการทดลองสุม น้ี จะได n(S ) = P6,3 × P5,2 = 2, 400 1) ให E1 แทนเหตกุ ารณท่ีศวิ ัชจะไดเ ขา ทํางาน ขั้นตอนท่ี 1 เลอื กตําแหนงท่วี า งสาํ หรบั ผูช าย ใหศ วิ ัช ได 3 วิธี ขน้ั ตอนที่ 2 จดั ผชู ายทเ่ี หลือ 5 คน เขาทํางานในตําแหนงทีว่ าง 2 ตาํ แหนง ได P5,2 = 20 วิธี ขนั้ ตอนที่ 3 จัดผหู ญงิ 5 คน เขาทาํ งานในตําแหนง ทีว่ า ง 2 ตาํ แหนง ได P5,2 = 20 วธิ ี จะไดว า จํานวนวธิ ีในการจัดผูเขา สมคั รเขาทาํ งาน โดยท่ีศวิ ชั ไดเขาทาํ งาน เปน 3× 20 × 20 =1, 200 วธิ ี นั่นคอื n(E1 ) =1200 จะได P=(E1) nn=((ES1)) 1=, 200 1 2, 400 2 ดังน้ัน ความนา จะเปน ที่ศิวชั จะไดเ ขา ทาํ งานที่บริษัทนี้ เทา กับ 1 2 2) ให E2 แทนเหตุการณที่สรอยไดเขาทํางานแตป ลายฟาไมไดเ ขาทํางาน ขั้นตอนที่ 1 เลือกตาํ แหนงท่ีวางสาํ หรับผหู ญงิ ใหส รอย ได 2 วิธี ขั้นตอนท่ี 2 จัดผหู ญงิ 3 คนทเี่ หลอื ท่ีไมใชปลายฟา เขา ทํางานในตําแหนง ท่วี า ง 1 ตาํ แหนง ได 3 วธิ ี ขั้นตอนท่ี 3 จัดผูชาย 6 คน เขาทํางานในตําแหนง ทวี่ าง 3 ตําแหนง ได P6,3 =120 วธิ ี จะไดว า จํานวนวิธใี นการจัดผูเขาสมัครเขาทํางาน โดยทสี่ รอยไดเ ขา ทํางาน แตปลายฟา ไมไดเขาทํางาน เปน 2×3×120 =720 วิธี นน่ั คอื n(E2 ) = 720 สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
348 คูมอื ครรู ายวิชาเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 5 เลม 2 จะได P=( E2 ) nn=((ES2)) =720 3 2, 400 10 ดงั นั้น ความนา จะเปนที่สรอยไดเขาทํางาน แตปลายฟา ไมไดเขา ทาํ งาน เทา กบั 3 10 17. ให S แทนปริภูมิตวั อยา งของการทดลองสุมน้ี จะได n(S=) 8=! 40,320 ให E แทนเหตกุ ารณทน่ี กั เรียนชายและนักเรียนหญงิ ยนื สลับกนั กรณีท่ี 1 นักเรยี นชายยนื หวั แถว จัดนกั เรียนชายยืนกอนได 4! วธิ ี จดั นกั เรียนหญิงยืนแทรกนกั เรยี นชายซงึ่ มี 4 ตาํ แหนง ได 4! วธิ ี ดงั นน้ั จะมีวิธจี ัดนักเรียนชายและนักเรียนหญิงยนื สลบั กนั โดยนกั เรยี นชาย ยนื หวั แถว 4!4!= 576 วธิ ี กรณที ่ี 2 นกั เรยี นหญงิ ยนื หวั แถว จัดนักเรียนหญงิ ยนื กอนได 4! วธิ ี จัดนักเรยี นชายยืนแทรกนักเรียนหญงิ ซึ่งมี 4 ตําแหนง ได 4! วธิ ี ดงั นนั้ จะมีวิธีจดั นักเรียนชายและนกั เรียนหญิงยนื สลบั กนั โดยนักเรยี นหญงิ ยนื หวั แถว 4!4!= 576 วิธี โดยหลักการบวก จะมีวิธีจดั ใหนักเรยี นชายและนักเรียนหญงิ ยืนสลับกนั ได 576 + 576 =1,152 วิธี นั่นคอื n(E) =1,152 จะได P=( E ) nn=((ES )) 1,1=52 1 40, 320 35 ดังนัน้ ความนาจะเปน ที่นกั เรียนชายและนักเรียนหญิงยืนสลบั กัน เทา กับ 1 35 18. ให S แทนปรภิ มู ิตวั อยา งของการทดลองสมุ น้ี จะได n(S=) 5=! 120 ให E แทนเหตุการณที่ไอศกรมี ลูกบนสดุ เปน รสวานลิ าและไอศกรีมลูกกลางเปน รสชาเขียว เนอ่ื งจากตองการใหไอศกรีมลูกบนสดุ เปน รสวานิลาและไอศกรีมลูกกลางเปนรสชาเขยี ว แสดงวา เหลือตกั ไอศกรีมใสโ คนครั้งที่ 1, 2 และ 4 เปนอีกสามรสท่เี หลอื ซ่ึงทําได 3!= 6 วิธี น่นั คือ n(E) = 6 จะได P(=E ) nn((=ES )) =6 1 120 20 สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวชิ าเพม่ิ เตมิ คณิตศาสตร ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 2 349 ดังน้ัน ความนา จะเปน ท่ไี อศกรีมลกู บนสดุ เปนรสวานลิ าและไอศกรีมลูกกลางเปนรสชาเขียว เทากบั 1 20 19. ให S แทนปริภมู ติ ัวอยา งของการทดลองสุมน้ี จะได n(S ) = 10! 6!3!1! ให E แทนเหตกุ ารณทรี่ หัสของผูทีไ่ ดร ับรางวลั ใหญข ้ึนตน ดว ย 1 และลงทายดว ย 2 เน่ืองจากตอ งการใหร หสั ข้ึนตนดวย 1 และลงทายดว ย 2 จะมตี ัวเลขทเ่ี หลือในการเรยี ง 8 ตวั คอื ตวั เลข 1 จาํ นวน 5 ตัว และตัวเลข 0 จํานวน 3 ตัว ซง่ึ จดั เรียงได 8! วิธี 5!3! นนั่ คอื n(E) = 8! 5!3! จะได P ( E ) =nn((ES ) =8! × 6!3!1! =1 ) 5!3! 10! 15 ดงั นัน้ ความนาจะเปน ทีร่ หัสของผทู ไี่ ดรับรางวัลใหญขน้ึ ตน ดว ย 1 และลงทายดวย 2 เทา กบั 1 15 20. ให S แทนปริภูมิตวั อยางของการทดลองสุมนี้ จะได n(S ) = 9! 1) ให E1 แทนเหตกุ ารณทห่ี นงั สือคณติ ศาสตรว างในตําแหนงหวั แถวและทา ยแถว ขน้ั ตอนท่ี 1 เลือกหนงั สอื คณติ ศาสตร 2 เลม จากหนังสือคณิตศาสตร 2 เลม มาวางในตาํ แหนงหวั แถวและทา ยแถว ได 2! วธิ ี ขน้ั ตอนท่ี 2 จัดหนงั สอื 7 เลม ทเ่ี หลือแทรกระหวา งหนังสอื คณติ ศาสตรได 7! วิธี ดงั นั้น มีวธิ ีในการจดั หนงั สือคณิตศาสตรวางในตําแหนง หัวแถวและทายแถวได 2!7! วธิ ี นน่ั คอื n(E1 ) = 2!7! จะได P (=E1 ) nn((=ES1)) 2=!7! 1 9! 36 ดังนั้น ความนา จะเปนท่หี นังสือคณิตศาสตรวางในตําแหนง หัวแถวและทายแถว เทา กบั 1 36 สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
350 คูมอื ครูรายวิชาเพม่ิ เตมิ คณติ ศาสตร ชัน้ มธั ยมศึกษาปท ี่ 5 เลม 2 2) ให E2 แทนเหตกุ ารณทห่ี นงั สือวชิ าเดียวกันอยตู ิดกนั ข้นั ตอนที่ 1 มัดหนงั สือวิชาเดียวกันเปน 3 มดั ซึง่ จดั เรียงได 3! วธิ ี ข้นั ตอนท่ี 2 มัดทเ่ี ปน หนังสือเคมีทต่ี า งกัน 3 เลม จดั เรียงได 3! วิธี ข้นั ตอนท่ี 3 มัดทเ่ี ปนหนงั สือคณติ ศาสตรทต่ี างกัน 2 เลม จดั เรียงได 2! วธิ ี ขน้ั ตอนที่ 4 มัดทเี่ ปนหนังสือภาษาอังกฤษที่ตา งกนั 4 เลม จดั เรยี งได 4! วธิ ี จะไดวา จาํ นวนวธิ ีจัดเรยี งใหหนังสือวิชาเดยี วกันอยูติดกนั ได 3!3!2!4! วิธี นนั่ คือ n(E2 ) = 3!3!2!4! จะได P=( E2 ) nn=((ES2)) 3!3=!2!4! 1 9! 210 ดังนน้ั ความนา จะเปนทห่ี นังสือวชิ าเดียวกันอยูตดิ กนั เทา กับ 1 210 21. ให S แทนปริภมู ติ วั อยา งของการทดลองสมุ น้ี เนอ่ื งจากตอ งการจํานวนคท่ี ี่มีสามหลักที่เลขโดดในแตล ะหลกั ไมซาํ้ กนั จะไดวา ขนั้ ตอนที่ 1 เลอื กเลขโดด 1 ตัว จากเลขโดด 1, 3, 5, 7 หรอื 9 เปนหลักหนวย ได 5 วธิ ี ขั้นตอนที่ 2 เลือกเลขโดด 1 ตวั จากเลขโดดทไี่ มใช 0 และไมซ้ํากบั หลักหนวย เปนหลักรอย ได 8 วธิ ี ขั้นตอนท่ี 3 เลอื กเลขโดด 1 ตวั จากเลขโดดทีเ่ หลือเปนหลักสิบ ได 8 วิธี ดังนัน้ จะมีจํานวนค่ีที่มสี ามหลกั ท่เี ลขโดดในแตล ะหลักไมซ้ํากัน 5×8×8 =320 จํานวน จะได n(S ) = 320 ให E แทนเหตกุ ารณทส่ี มุ ไดจํานวนคที่ ม่ี ีสามหลกั ท่เี ลขโดดในแตละหลักไมซํา้ กัน และ มากกวา 300 แตนอ ยกวา 900 กรณีท่ี 1 หลกั หนว ยเปน เลขโดด 1 หรอื 9 ขัน้ ตอนที่ 1 เลอื กเลขโดด 1 ตัว จากเลขโดด 1 หรอื 9 เปนหลกั หนว ย ได 2 วิธี ขนั้ ตอนท่ี 2 เลือกเลขโดด 1 ตวั จากเลขโดด 3, 4, 5, …, 8 เปนหลกั รอย ได 6 วธิ ี ขนั้ ตอนที่ 3 เลือกเลขโดด 1 ตวั จากเลขโดดท่เี หลือเปนหลักสิบได 8 วธิ ี ดงั นนั้ จะมจี าํ นวนค่ีท่ตี องการในกรณนี ้ที ั้งหมด 2× 6×8 =96 จํานวน สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูม ือครรู ายวิชาเพ่มิ เตมิ คณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท่ี 5 เลม 2 351 กรณที ี่ 2 หลักหนว ยเปน เลขโดด 3, 5 หรอื 7 ขน้ั ตอนที่ 1 เลือกเลขโดด 1 ตวั จากเลขโดด 3, 5 หรอื 7 เปนหลกั หนวย ได 3 วธิ ี ขน้ั ตอนท่ี 2 เลอื กเลขโดด 1 ตวั จากเลขโดด 3, 4, 5, …, 8 และไมซ ํา้ กับหลักหนว ย เปน หลกั รอ ย ได 5 วิธี ขนั้ ตอนที่ 3 เลือกเลขโดด 1 ตวั จากเลขโดดทเี่ หลือเปนหลกั สิบได 8 วธิ ี ดงั น้นั จะมจี ํานวนคี่ท่ีตอ งการในกรณีนท้ี ้ังหมด 3×5×8 =120 จาํ นวน โดยหลกั การบวก จะมีจาํ นวนคี่สามหลักท่ีเลขโดดในแตล ะหลักไมซ าํ้ กันและมคี า มากกวา 300 แตน อยกวา 900 ท้ังหมด 96 +120 =216 จาํ นวน นนั่ คอื n(E) = 216 จะได P (=E ) nn((=ES )) 2=16 27 320 40 ดงั นน้ั ความนา จะเปน ท่จี าํ นวนคี่นม้ี ากกวา 300 แตน อยกวา 900 เทากบั 27 40 22. ให S แทนปรภิ มู ิตวั อยางของการทดลองสุมน้ี จะได =n(S ) =15! 630,630 4!5!6! 1) ให E1 แทนเหตุการณท่ีหลอดไฟสเี ดียวกันอยูต ิดกันท้งั หมด จะพิจารณาวาหลอดไฟสีเดียวกนั มัดติดกนั เปน สง่ิ ของ 1 ช้นิ ดังนั้น จะมีหลอดไฟอยู 3 มัด จดั เรียงได 3! วธิ ี เนอ่ื งจากหลอดไฟสีเดยี วกันไมต างกนั จะไดในแตล ะมดั จัดเรยี งได 1 วิธี ดงั น้นั จาํ นวนวธิ ีจัดเรียงใหหลอดไฟสเี ดยี วกันอยูติดกันท้งั หมด ได 3!= 6 วิธี น่นั คือ n(E1) = 6 จะได P=( E1 ) nn=((ES1)) =6 1 630, 630 105,105 ดงั น้ัน ความนาจะเปนท่ีหลอดไฟสเี ดียวกนั อยูตดิ กันทง้ั หมด เทากับ 1 105,105 2) ให E2 แทนเหตกุ ารณทีห่ ลอดไฟสีขาวอยูทางซายสุด และหลอดไฟสนี ้าํ เงินอยูทางขวาสดุ เนือ่ งจากตองการใหห ลอดไฟสีขาวอยูทางซายสดุ และหลอดไฟสีนํ้าเงนิ อยูท างขวาสุด จะเหลอื หลอดไฟทต่ี องจัดเรียง ไดแก หลอดไฟสีขาว 3 หลอด สแี ดง 5 หลอด และสีน้ําเงิน 5 หลอด ซึ่งจัดเรียงได 13! = 72,072 วธิ ี 3!5!5! สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
352 คมู ือครรู ายวิชาเพิม่ เติมคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 2 ดังนั้น จํานวนวธิ ีทีจ่ ัดหลอดไฟสีขาวอยูทางซา ยสุด และหลอดไฟสีนาํ้ เงนิ อยทู างขวาสดุ ได 72,072 วธิ ี นั่นคอื n(E2 ) = 72,072 จะได P=( E2 ) nn=((ES2)) 72=, 072 4 630, 630 35 ดงั น้นั ความนาจะเปนที่หลอดไฟสีขาวอยทู างซายสุด และหลอดไฟสนี าํ้ เงินอยูทางขวาสดุ เทา กับ 4 35 23. ให S แทนปริภมู ติ ัวอยางของการทดลองสมุ นี้ จะได n=(S ) C=11, 3 165 1) ให E1 แทนเหตุการณท่ีหยบิ ไดลูกบอลครบทุกสี ขั้นตอนที่ 1 หยบิ ลกู บอลสีแดง 1 ลูก จากลูกบอลสีแดง 5 ลูก ได 5 วิธี ขัน้ ตอนที่ 2 หยิบลูกบอลสขี าว 1 ลกู จากลกู บอลสีขาว 3 ลูก ได 3 วิธี ข้ันตอนท่ี 3 หยบิ ลกู บอลสนี ํ้าเงิน 1 ลูก จากลูกบอลสนี าํ้ เงนิ 3 ลกู ได 3 วธิ ี ดงั น้นั จาํ นวนวธิ หี ยิบไดล ูกบอลครบทุกสี มี 5×3×3 =45 วธิ ี นน่ั คอื n(E1) = 45 จะได P ( E=1 ) nn((ES=1)) 4=5 3 165 11 ดังนั้น ความนาจะเปน ท่หี ยบิ ไดล ูกบอลครบทุกสี เทากับ 3 11 2) ให E2 แทนเหตุการณทหี่ ยิบไดลกู บอลสีแดงอยา งนอย 1 ลกู วิธที ่ี 1 หยบิ ไดลกู บอลสแี ดงอยางนอ ย 1 ลกู แบง เปนกรณีดังนี้ กรณที ่ี 1 หยิบไดล ูกบอลสแี ดง 1 ลูก หยิบลูกบอลสีแดง 1 ลูก จากลูกบอลสแี ดง 5 ลกู ได 5 วธิ ี หยบิ ลกู บอลสีอืน่ อีก 2 ลูก จากลกู บอลสีอนื่ ที่ไมใ ชสแี ดง 6 ลูก ได C6, 2 =15 วธิ ี ดงั นั้น จาํ นวนวธิ หี ยิบลกู บอลสแี ดง 1 ลูก และสอี น่ื อกี 2 ลูก มี 5×15 =75 วิธี สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวิชาเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปท ี่ 5 เลม 2 353 กรณีท่ี 2 หยบิ ไดลกู บอลสีแดง 2 ลกู หยบิ ลกู บอลสแี ดง 2 ลูก จากลูกบอลสแี ดง 5 ลูก ได C5, 2 =10 วธิ ี หยิบลกู บอลสีอ่นื ทีไ่ มใชสีแดงอีก 1 ลูก จากลกู บอลสีอืน่ ท่ไี มใ ช สีแดง 6 ลกู ได 6 วธิ ี ดังนัน้ จํานวนวธิ หี ยบิ ลูกบอลสแี ดง 2 ลกู และสอี ื่นอกี 1 ลูก มี 10× 6 =60 วิธี กรณีที่ 3 หยบิ ไดล กู บอลสีแดง 3 ลกู หยิบลกู บอลสีแดง 3 ลกู จากลูกบอลสแี ดง 5 ลกู ได C5, 3 =10 วธิ ี ดังน้ัน จาํ นวนวิธีหยิบลกู บอลสีแดง 3 ลกู มี 10 วธิ ี โดยหลักการบวก จะไดวา จาํ นวนวิธีหยบิ ลูกบอลสีแดงอยา งนอย 1 ลูก มี 75 + 60 +10 =145 วิธี น่นั คือ n(E2 ) =145 จะได P ( E=2 ) nn((ES=2)) 1=45 29 165 33 ดังนนั้ ความนา จะเปนท่ีหยบิ ไดลูกบอลสแี ดงอยางนอย 1 ลกู เทา กบั 29 33 วธิ ที ี่ 2 หยิบไมไดลกู บอลสีแดง หยิบลูกบอลสีอ่ืนทไี่ มใชสีแดง 3 ลูก จากลกู บอลสีอน่ื 6 ลกู ได C6, 3 = 20 วธิ ี จะไดว า จํานวนวิธีหยบิ ลูกบอลสแี ดงอยางนอย 1 ลกู มี 165 − 20 =145 วธิ ี นั่นคือ n(E2 ) =145 จะได P ( E=2 ) nn((ES=2)) 1=45 29 165 33 ดงั นัน้ ความนา จะเปนที่หยิบไดลกู บอลสแี ดงอยา งนอย 1 ลูก เทากับ 29 33 3) ให E3 แทนเหตกุ ารณทีห่ ยิบไดลกู บอลสนี ํา้ เงนิ อยางนอย 1 ลกู และไมไ ดล ูกบอลสขี าว กรณีท่ี 1 หยบิ ไดลกู บอลสนี ํา้ เงิน 1 ลกู หยิบลกู บอลสนี ํ้าเงิน 1 ลูก จากลูกบอลสนี ํ้าเงนิ 3 ลูก ได 3 วิธี หยิบลูกบอลสแี ดง 2 ลกู จากลกู บอลสแี ดง 5 ลกู ได C5, 2 =10 วิธี ดังนั้น จาํ นวนวิธีหยิบลกู บอลสนี ้ําเงนิ 1 ลูก และสแี ดงอกี 2 ลกู มี 3×10 =30 วธิ ี สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
354 คูมือครรู ายวิชาเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ช้นั มัธยมศึกษาปที่ 5 เลม 2 กรณที ่ี 2 หยบิ ไดล กู บอลสนี ํา้ เงนิ 2 ลูก หยบิ ลูกบอลสีนํ้าเงนิ 2 ลกู จากลูกบอลสนี ้าํ เงิน 3 ลูก ได C3, 2 = 3 วธิ ี หยิบลูกบอลสีแดง 1 ลูก จากลกู บอลสีแดง 5 ลูก ได 5 วธิ ี ดังนัน้ จาํ นวนวธิ ีหยิบลกู บอลสนี ้ําเงนิ 2 ลูก และสแี ดง 1 ลกู มี 3×5 =15 วธิ ี กรณที ่ี 3 หยบิ ไดลกู บอลสีน้ําเงนิ 3 ลกู หยบิ ลกู บอลสีนาํ้ เงิน 3 ลูก จากลูกบอลสีนาํ้ เงนิ 3 ลกู ได C3, 3 =1 วิธี ดังน้นั จํานวนวิธหี ยบิ ลกู บอลสีนา้ํ เงนิ 3 ลูก มี 1 วิธี โดยหลกั การบวก จะได จาํ นวนวธิ ีหยบิ ลูกบอลสนี ้ําเงนิ อยา งนอ ย 1 ลกู และไมไดล กู บอล สขี าว มี 30 +15 +1 =46 วิธี น่นั คอื n(E3 ) = 46 จะได P=( E3 ) nn=((ES3)) 46 165 ดังน้นั ความนาจะเปนทีห่ ยิบไดล กู บอลสนี ้ําเงินอยา งนอย 1 ลูก และไมไดลูกบอลสีขาว เทา กบั 46 165 24. ให S แทนปริภมู ติ วั อยา งของการทดลองสมุ นี้ เนอื่ งจากตอ งการสรางเลขหกหลักจากเลขโดด 6 ตัว คอื 0, 4, 4, 5, 5, 5 จะไดวา เลขโดดในหลักแสนตองไมใ ชเลข 0 ซึง่ ทําได 2 กรณี ดงั นี้ กรณีท่ี 1 เลขโดดในหลกั แสนเปน เลข 4 จะจดั เรียงเลขโดด 5 ตวั ทีเ่ หลอื ได 5! = 20 วิธี 1!1!3! กรณีท่ี 2 เลขโดดในหลักแสนเปนเลข 5 จะจัดเรยี งเลขโดด 5 ตัว ทีเ่ หลือได 5! = 30 วิธี 1!2!2! โดยหลักการบวก จะสรางจํานวนหกหลัก จากเลขโดด 0, 4, 4, 5, 5, 5 ได 20 + 30 =50 จาํ นวน จะได n(S ) = 50 1) ให E1 แทนเหตกุ ารณท ี่จํานวนน้ีอยูร ะหวาง 400,000 ถงึ 500,000 เนอ่ื งจากจํานวนทอี่ ยรู ะหวาง 400,000 ถึง 500,000 จะมีเลขโดดในหลกั แสนเปน เลข 4 เทา นัน้ ซ่ึงจะจดั เรียงเลขโดด 5 ตวั ท่เี หลือได 5! = 20 วธิ ี 1!1!3! ดงั นัน้ มจี าํ นวนท่อี ยรู ะหวาง 400,000 ถงึ 500,000 อยู 20 จํานวน สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวชิ าเพ่มิ เติมคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 2 355 นัน่ คือ n(E1) = 20 จะได P ( E=1 ) nn((ES1=)) 2=0 2 50 5 ดังนนั้ ความนาจะเปนที่จํานวนนี้อยูระหวาง 400,000 ถงึ 500,000 เทากับ 2 5 2) ให E2 แทนเหตกุ ารณท่ีจํานวนน้ีมากกวา 500,000 เนอ่ื งจากจํานวนที่มากกวา 500,000 จะมเี ลขโดดในหลักแสนเปนเลข 5 เทานน้ั ซง่ึ จะจดั เรยี งเลขโดด 5 ตวั ที่เหลอื ได 5! = 30 วิธี 1!2!2! ดงั น้นั มจี าํ นวนท่ีมากกวา 500,000 อยู 30 จาํ นวน น่นั คือ n(E2 ) = 30 จะได P ( E2=) nn((ES2=)) 3=0 3 50 5 ดังน้ัน ความนา จะเปนที่จํานวนนี้มากกวา 500,000 เทากับ 3 5 3) ให E3 แทนเหตกุ ารณท ่จี ํานวนน้ีมากกวา 400,000 และเปนจาํ นวนคู เน่ืองจากจํานวนท่เี ปนจาํ นวนคู จะมเี ลขโดดในหลักหนวยเปน 0 หรอื 4 มี 2 กรณี ดงั นี้ กรณที ่ี 1 เลขโดดในหลักหนวยเปน เลข 0 จะจัดเรียงเลขโดด 5 ตัว ที่เหลือได 5! =10 วิธี 2!3! ดังนั้น จาํ นวนท่ีมากกวา 400,000 และมีเลขโดดในหลกั หนวยเปน เลข 0 มี 10 จํานวน กรณีท่ี 2 เลขโดดในหลักหนวยเปน 4 ซึ่งแบง เปนกรณียอ ย 2 กรณี ดังน้ี กรณี 2.1 เลขโดดในหลักแสนเปนเลข 4 จะจดั เรียงเลขโดด 4 ตวั ท่เี หลอื ได 4! = 4 วธิ ี 1!3! กรณี 2.2 เลขโดดในหลักแสนเปน เลข 5 จะจดั เรียงเลขโดด 4 ตัวท่ีเหลอื ได 4! =12 วธิ ี 1!1!2! ดังนน้ั จํานวนที่มากกวา 400,000 และมีเลขโดดในหลกั หนวยเปน เลข 4 มี 16 จํานวน โดยหลักการบวก จะมีจํานวนทม่ี ากกวา 400,000 และเปน จํานวนคู 10 +16 =26 จํานวน สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
356 คูมอื ครรู ายวชิ าเพ่มิ เติมคณติ ศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 2 นั่นคอื n(E3 ) = 26 จะได P ( E=3 ) nn((ES3=)) 2=6 13 50 25 ดังน้ัน ความนา จะเปน ทจ่ี ํานวนนี้มากกวา 400,000 และเปนจํานวนคู เทากบั 13 25 25. ให S แทนปรภิ ูมิตัวอยางของการทดลองสุมน้ี จะได n(S ) = (11−1)!= 10! ให E แทนเหตุการณท ไี่ มม ีลกู เสอื สองคนใดน่ังตดิ กัน จดั เนตรนารี 6 คน นง่ั กอ น ได (6 −1)!=5! วิธี ตอมาจดั ลูกเสือ 5 คน น่ังแทรกระหวางเนตรนารี ซ่งึ มีท่ีใหแทรก 6 ที่ จะจดั ได P6,5 = 6! วธิ ี ดงั นน้ั มวี ิธที ่ไี มมีลูกเสือสองคนใดน่ังติดกนั 5!6! วิธี นัน่ คือ n(E) = 5!6! จะได P(=E ) nn((=ES )) 5=!6! 1 10! 42 ดงั นั้น ความนาจะเปน ท่ไี มม ลี ูกเสอื สองคนใดน่ังติดกัน เทากบั 1 42 แบบฝก หดั 3.3 1. ให H แทนเหรียญข้ึนหัว และ T แทนเหรยี ญขึน้ กอย 1) ให S แทนปรภิ ูมิตวั อยา งของการทดลองสมุ น้ี จะได S = {HHH , HHT , HTH , HTT ,THH ,THT ,TTH ,TTT} 2) ให E1 แทนเหตกุ ารณท ่ีเหรียญท้ังสามเหรียญขน้ึ หนาเหมือนกัน จะได E1 = {HHH ,TTT} 3) ให E2 แทนเหตกุ ารณที่มีเหรยี ญขน้ึ หัวอยา งนอย 2 เหรยี ญ จะได E2 = {HHH , HHT , HTH ,THH} 4) ให E3 แทนเหตกุ ารณที่มเี หรยี ญข้นึ กอ ยมากกวาเหรียญขน้ึ หัว จะได E3 = {HTT ,THT ,TTH ,TTT} สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวชิ าเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 2 357 5) E1 ∪ E2 = {HHH , HHT , HTH ,THH ,TTT} 6) E2 ∪ E3 = {HHH , HHT , HTH , HTT ,THH ,THT ,TTH ,TTT} = S 7) E1 ∩ E2 = {HHH} 8) E1 ∩ E3 = {TTT} 9) E2′ = {HTT ,THT ,TTH ,TTT} 10) E3′ = {HHH , HHT , HTH ,THH} 2. ให A แทนเหตุการณที่พนิ ิจจะไดรบั ทุนไปเรียนตอทสี่ หรฐั อเมริกา และ B แทนเหตุการณท ี่พินจิ จะไดรบั ทนุ ไปเรยี นตอทปี่ ระเทศอังกฤษ จะได A∪ B แทนเหตุการณท ่ีพินิจไดร ับทนุ ไปเรยี นตอที่สหรฐั อเมรกิ าหรอื ประเทศองั กฤษ และ A∩ B แทนเหตุการณท ่ีพินจิ ไดรับทุนไปเรียนตอทีท่ ั้งสองประเทศ โจทยกําหนดให P( A) = 3 , P(B) = 7 และ P( A ∪ B) =9 4 10 10 จาก P( A ∪ B) = P( A) + P(B) − P( A ∩ B) จะได P( A ∩ B) =P( A) + P( B) − P( A ∪ B) =3 + 7 − 9 =11 4 10 10 20 ดงั นนั้ ความนาจะเปน ทีพ่ ินจิ จะไดรบั ทนุ ไปเรยี นตอที่ทงั้ สองประเทศ เทากบั 11 20 3. เนื่องจาก A และ B เปน เหตุการณทีไ่ มเ กิดรวมกัน นัน่ คือ A ∩ B = ∅ จะได P( A ∩ B) = 0 โจทยก ําหนดให P( A) = 0.4 และ P(B) = 0.5 1) จาก P( A∪ B) = P( A) + P(B) − P( A∩ B) จะได P ( A ∪ B) = 0.4 + 0.5 − 0 ดงั นั้น P ( A ∪ B) = 0.9 2) จาก จะได P( A′) = 1− P( A) ดงั นน้ั P ( A′) = 1− 0.4 P ( A′) = 0.6 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
358 คูมอื ครูรายวิชาเพม่ิ เตมิ คณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 2 3) เนอื่ งจาก A′ ∩ B = B ∩ A′ = B − A จะได P( A′ ∩ B)= P(B − A) จาก P(B − A) = P(B) − P(B ∩ A) จะได P(B − A) = 0.5 − 0 = 0.5 ดงั นน้ั P( A′ ∩ B) =0.5 4. ให S เปนปริภูมติ วั อยา งซงึ่ เปนเซตจาํ กัด และให A, B และ C เปน เหตุการณใ ด ๆ เนือ่ งจาก n( A ∪ B ∪ C ) = n( A) + n(B) + n(C ) − n( A ∩ B) − n( A ∩ C ) −n(B∩C)+ n(A∩ B∩C) จะไดว า n(A∪ B∪C) n( A) + n (B) + n(C ) − n (A∩ B) − n (A∩C ) n(S) = n( S) n (S) n(S ) n(S) n(S) − n(B ∩ C) + n(A∩ B∩C) n(S) n(S) ดังนั้น P( A ∪ B ∪ C ) = P( A) + P(B) + P(C ) − P( A ∩ B) − P( A ∩ C ) −P(B∩C)+ P(A∩B∩C) 5. ให A แทนเหตุการณที่กานตจะไดเ ขาทํางานทีบ่ ริษัทนี้ B แทนเหตุการณท ข่ี ิมจะไดเขาทํางานท่บี ริษัทนี้ และ C แทนเหตกุ ารณท ่คี ณนิ จะไดเ ขาทาํ งานท่ีบริษทั น้ี จะได P( A) = P(B) และ P(C) = 3P( A) เน่ืองจาก P( A) + P(B) + P(C) = 1 จะได P( A) + P( A) + 3P( A) = 1 5P( A) = 1 นั่นคอื P( A) = 1 5 จะได P(B) = 1 และ P(C) = 3 55 สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมอื ครรู ายวชิ าเพิม่ เตมิ คณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 2 359 1) ความนาจะเปนท่ีกานตจ ะไดเ ขา ทํางานท่ีบริษทั น้ี เทา กับ 1 5 2) เนื่องจาก C′ เปน เหตกุ ารณทีค่ ณินไมไดเ ขาทํางาน และจาก P(C′) = 1− P(C) จะได P(C′) = 1− 3 = 2 55 ดังน้นั ความนาจะเปนที่คณินไมไดเขา ทํางานที่บริษัทนี้ เทา กับ 2 5 6. จากโจทยกําหนดให P=( A) 0.6, P( A −=B) 0.2 และ P( A ∪ B) =0.8 จาก P( A ∩ B) = P( A) − P( A − B) จะได P( A ∩ B) = 0.6 − 0.2 = 0.4 จาก P( A ∪ B) = P( A) + P(B) − P( A ∩ B) จะได P( B) = P( A ∪ B) − P( A) + P( A ∩ B) = 0.8 − 0.6 + 0.4 = 0.6 ดังนัน้ P(B) = 0.6 7. ให A แทนเหตกุ ารณท ี่พนกั งานคนนี้เดนิ ทางดวยรถประจาํ ทาง และ B แทนเหตกุ ารณท ่ีพนักงานคนน้ีเดินทางดว ยรถไฟฟา จะได A∩ B แทนเหตกุ ารณท่ีพนักงานคนนเ้ี ดนิ ทางดวยรถประจําทางและรถไฟฟา และ A′ ∩ B′ แทนเหตกุ ารณท่ีพนกั งานคนนไ้ี มไดใ ชท ้ังสองวิธี โจทยกาํ หนดใ=ห P( A) 0=.5, P(B) 0.3 และ P( A ∩ B) =0.2 ตอ งการหา P( A′ ∩ B′) จาก P( A ∪ B) = P( A) + P(B) − P( A ∩ B) จะได P( A ∪ B) = 0.5 + 0.3 − 0.2 = 0.6 จากสมบตั ขิ องเซต ไดว า A′ ∩ B′ = ( A ∪ B)′ ( )จาก P ( A ∪ B)′ = 1− P( A ∪ B) ( )จะได P ( A ∪ B)′ = 1− 0.6 = 0.4 น่ันคือ P( A′ ∩ B′) = 0.4 ดงั นนั้ ความนา จะเปนที่พนักงานบริษัทไมไ ดใชท้ังสองวธิ ีในการเดนิ ทาง เทากับ 0.4 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
360 คูมือครรู ายวชิ าเพ่มิ เตมิ คณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 2 8. ให A แทนเหตุการณท ี่ผูปว ยคนน้ีเปนโรคเบาหวาน และ B แทนเหตุการณท ผ่ี ปู ว ยคนนี้เปนโรคหัวใจ จะได A ∪ B แทนเหตกุ ารณทผี่ ปู ว ยคนน้ีเปนโรคเบาหวานหรือโรคหวั ใจ และ A − B แทนเหตกุ ารณที่ผูป วยคนนีเ้ ปนโรคเบาหวานเพียงอยางเดียว โจทยก ําหนด=ให P( A) 0=.41, P(B) 0.28 และ P( A ∪ B) =0.6 ตองการหา P( A − B) จาก P( A ∪ B) = P( A) + P(B) − P( A ∩ B) จะได นั่นคือ P( A∩ B) = P( A) + P(B) − P( A∪ B) P ( A ∩ B) = 0.41+ 0.28 − 0.6 = 0.09 จาก P( A − B) = P( A) − P( A ∩ B) จะได P( A − B) = 0.41− 0.09 = 0.32 ดงั นนั้ ความนาจะเปนที่ผูปว ยคนน้เี ปน โรคเบาหวานเพยี งอยา งเดียว เทา กับ 0.32 9. ให S แทนปริภูมิตวั อยาง A แทนเหตุการณทล่ี กู เตา ท้ังสองลกู ข้ึนแตมเทา กนั B แทนเหตุการณท ่ผี ลบวกของแตม นอยกวา 8 C แทนเหตุการณทีผ่ ลบวกของแตม เทากับ 8 และ D แทนเหตุการณทผ่ี ลบวกของแตมมากกวา 6 จะไดวา S = {(1,1), (1, 2),, (1, 6), (2,1), (2, 2),, (2, 6), (6,1), (6, 2),, (6, 6)} A = {(1,1), (2, 2), (3, 3), (4, 4), (5, 5), (6, 6)} B = {(1,1), (1, 2),(1, 3),(1, 4),(1, 5), (1, 6), (2,1), (2, 2),(2, 3),(2, 4) ,(2, 5), (3,1), (3, 2),(3, 3),(3, 4) , (4,1), (4, 2),(4, 3), (5,1), (5, 2), (6,1)} สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครรู ายวชิ าเพม่ิ เตมิ คณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปที่ 5 เลม 2 361 C = {(2, 6), (3, 5), (4, 4), (5, 3), (6, 2)} และ D = {(1, 6), (2, 5), (2, 6), (3, 4), (3, 5),(3, 6), (4, 3), (4, 4),(4, 5),(4, 6) , (5, 2), (5, 3),(5, 4),(5, 5) ,(5, 6), (6,1), (6, 2),(6, 3),(6, 4),(6, 5), (6, 6)} ดงั นัน้ P( A=) 6= 1 , P(B=) 2=1 7 , P(C ) = 5 และ P(D=) 2=1 7 36 6 36 12 36 36 12 1) เหตุการณท ีล่ ูกเตาทั้งสองลกู ข้ึนแตม ไมเ ทา กนั หรือผลบวกของแตมเทา กับ 8 คือ A′ ∪ C จาก P( A′) = 1− P( A) จะได P ( A′) = 1− 1 = 5 และจาก 66 P( A′ ∪ C ) = P( A′) + P(C ) − P( A′ ∩ C ) เนอ่ื งจาก A′ ∩ C = {(2, 6), (3, 5), (5, 3), (6, 2)} จะไดว า P( A′ ∩ C) = 4 = 1 36 9 นน่ั คือ P( A′ ∪ C ) = 5 + 5 − 1 = 31 6 36 9 36 ดงั น้นั ความนาจะเปน ท่ลี กู เตาทั้งสองลูกจะข้ึนแตม ไมเทากันหรอื ผลบวกของแตม เทา กบั 8 คอื 31 36 2) เหตุการณท ีล่ ูกเตา ท้ังสองลูกข้ึนแตม เทากันหรอื ผลบวกของแตมนอยกวา 8 คือ A ∪ B จาก P( A ∪ B) = P( A) + P(B) − P( A ∩ B) เน่ืองจาก A ∩ B = {(1,1), (2, 2), (3, 3)} จะไดวา P( A ∩ B) = 3 = 1 36 12 นนั่ คอื P( A ∪ B) = 1 + 7 − 1 =2 6 12 12 3 ดังนนั้ ความนาจะเปน ทลี่ กู เตาท้ังสองลูกจะขึ้นแตมเทากนั หรือผลบวกของแตม นอยกวา 8 คือ 2 3 สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
362 คูมือครูรายวิชาเพมิ่ เตมิ คณติ ศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปที่ 5 เลม 2 3) เหตุการณทีล่ ูกเตาท้ังสองลูกจะขึน้ แตมเทา กันแตผลบวกของแตม ไมมากกวา 6 คอื A − D จาก P( A − D) = P( A) − P( A ∩ D) เนื่องจาก A ∩ D = {(4, 4), (5, 5), (6, 6)} จะไดวา P( A ∩ D) = 3 = 1 36 12 นั่นคือ P( A − D) =1 − 1 =1 6 12 12 ดงั นน้ั ความนาจะเปนท่ีลกู เตาทัง้ สองลูกจะข้ึนแตมเทากนั แตผ ลบวกไมมากกวา 6 คอื 1 12 10. ให S แทนปริภมู ติ ัวอยาง A แทนเหตกุ ารณท ่ีจาํ นวนนเ้ี ปน จาํ นวนคู B แทนเหตุการณท จ่ี ํานวนน้ลี งทายดวย 3 C แทนเหตุการณท่ีจํานวนนห้ี ารดวย 5 ลงตวั และ D แทนเหตุการณทจ่ี ํานวนนีห้ ารดวย 3 ลงตัว จะไดว า S = {1, 2, 3,,100} A = {2, 4, 6,,100} B = {3,13, 23,, 93} C = {5,10,15,,100} และ D = {3, 6, 9,, 99} ดงั นนั้ P(=A) 5=0 1 , P(=B) 1=0 1 , P(=C ) 2=0 1 และ P( D) = 33 100 2 100 10 100 5 100 1) เหตกุ ารณท จ่ี าํ นวนน้ีเปน จาํ นวนคหู รือลงทายดว ย 3 คือ A ∪ B เนือ่ งจาก A ∩ B = ∅ จะได P( A ∪ B) = P( A) + P(B) = 1 + 1 = 3 2 10 5 ดงั นน้ั ความนาจะเปนที่จํานวนนีเ้ ปนจํานวนคหู รือลงทายดวย 3 คอื 3 5 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวิชาเพิ่มเตมิ คณติ ศาสตร ช้นั มธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 2 363 2) เหตกุ ารณทีจ่ ํานวนนเ้ี ปน จาํ นวนค่หี รือหารดว ย 5 ลงตัว คือ A′ ∪ C จาก P( A′ ∪ C ) = P( A′) + P(C ) − P( A′ ∩ C ) และจาก P( A′) = 1− P( A) จะได P( A′) = 1− 1 = 1 22 เน่ืองจาก A′ ∩ C = {5,15, 25,, 95} จะไดวา P( A′ ∩ C ) = 10 = 1 100 10 นั่นคอื P( A′ ∪ C ) = 1 + 1 − 1 = 3 2 5 10 5 ดังนั้น ความนา จะเปน ท่จี าํ นวนนเ้ี ปน จํานวนคี่หรือหารดวย 5 ลงตวั เทากับ 3 5 3) เหตุการณท จี่ าํ นวนนเี้ ปนจาํ นวนคแู ละหารดว ย 3 ลงตวั คอื A∩ D เนอื่ งจาก A ∩ D = {6,12,18,, 96} จะไดวา P( A ∩ D) = 16 = 4 100 25 ดังนนั้ ความนาจะเปน ทจ่ี าํ นวนน้ีเปนจํานวนคแู ละหารดว ย 3 ลงตัว เทากบั 4 25 4) เหตกุ ารณทจี่ ํานวนน้เี ปน จํานวนคูหรอื หารดว ย 3 ลงตวั คือ A∪ D จาก P( A ∪ D) = P( A) + P(D) − P( A ∩ D) และจากขอ 3) จะไดว า P( A ∪ D) = 1 + 33 − 4 = 67 2 100 25 100 ดังนน้ั ความนา จะเปน ทีจ่ าํ นวนน้ีเปนจาํ นวนคหู รือหารดว ย 3 ลงตวั เทากบั 67 100 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
364 คมู อื ครรู ายวชิ าเพิม่ เติมคณติ ศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 2 แบบฝก หัดทา ยบท 1. ให B1, B2 แทนตวั ถังรถชนิดท่ี 1, 2 ตามลาํ ดบั M1,M2 แทนเคร่ืองยนตชนิดที่ 1, 2 ตามลาํ ดับ และ C1,C2,C3 แทนสีพนรถสีที่ 1, 2, 3 ตามลําดบั 1) สามารถเขยี นแผนภาพแสดงผลลัพธข องการผลิตรถยนตแ บบตา งๆ ไดดังนี้ ชนิดของตวั ถัง ชนิดของเครื่องยนต สีพนรถ C1 B1M1C1 B1M1C2 M1 C2 B1M1C3 B1M 2C1 B1 C3 B1M 2C2 C1 B1M 2C3 M 2 C2 C3 C1 B2 M 1C1 B2 M 1C2 M1 C2 B2 M 1C3 B2 C3 B2M 2C1 C1 B2M 2C2 B2M 2C3 M 2 C2 C3 2) ให S แทนปรภิ มู ิตัวอยา งของการทดลองสุมน้ี จากแผนภาพขอ 1) จะได {S = B1M1C1, B1M1C2 , B1M1C3, B1M 2C1, B1M 2C2 , B1M 2C3, }B2M1C1, B2M1C2 , B2M1C3 , B2M 2C1, B2M 2C2 , B2M 2C3 สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวิชาเพิม่ เตมิ คณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 2 365 2. ให H แทนเหรียญข้ึนหัว และ T แทนเหรยี ญขึน้ กอ ย 1) ให S แทนปรภิ มู ติ ัวอยา งของการทดลองสุม น้ี เนอื่ งจาก ผลลพั ธท เี่ ปนไปไดท้งั หมดจากการโยนเหรยี ญหนึ่งเหรียญสามคร้งั คือ HHH, HHT, HTH, HTT, THH, THT, TTH และ TTT ดงั น้ัน S = {HHH , HHT , HTH , HTT ,THH ,THT ,TTH ,TTT} 2) ให E1 แทนเหตุการณท เ่ี หรียญขึ้นหวั เพียงหนึง่ ครงั้ ดงั น้ัน E1 = {HTT ,THT ,TTH} 3) ให E2 แทนเหตกุ ารณทเี่ หรียญข้ึนหวั สามคร้งั ดงั นน้ั E2 = {HHH} 4) ให E3 แทนเหตกุ ารณทีเ่ หรียญขน้ึ หัวอยา งนอยหนง่ึ ครง้ั ดงั นัน้ E3 = {HHH , HHT , HTH , HTT ,THH ,THT ,TTH} 5) ให E4 แทนเหตกุ ารณทเี่ หรียญไมข ้นึ หวั เลย ดงั นั้น E4 = {TTT} 3. ให R แทนลูกบอลสีแดง W แทนลกู บอลสีขาว และ G แทนลูกบอลสีเขียว 1) ให S แทนปริภมู ิตัวอยางของการทดลองสมุ นี้ เนอื่ งจากผลลัพธท่ีเปนไปไดทั้งหมดจากการหยบิ ลูกบอลทลี ะลกู แลว ใสคืนกอนหยบิ ลกู บอลลกู ทีส่ อง จากกลอ งท่ีบรรจลุ ูกบอลสแี ดง 1 ลกู สีขาว 1 ลูก และสเี ขยี ว 1 ลูก คอื RR, RW, RG, WR, WW, WG, GR, GW และ GG ดังนน้ั S = {RR, RW , RG,WR,WW ,WG,GR,GW ,GG} 2) ให E แทนเหตุการณท ไี่ ดลกู บอลสขี าวและสีแดงอยางละ 1 ลูก ดงั นั้น E = {RW ,WR} 4. ให S แทนปรภิ มู ติ ัวอยางของการทดลองสมุ นี้ จากตารางมีใบสงั่ ซ้ือสนิ คา ท้ังหมด 212 + 389 +124 +105 +170 =1,000 ใบ จะได n(S ) =1,000 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
366 คมู ือครูรายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 2 1) ให E1 แทนเหตุการณทใี่ บส่งั ซือ้ สินคาที่สุม มาเปนใบสงั่ ซ้ือสินคาจากภาคเหนือ จากตาราง มใี บสง่ั ซ้ือสินคา จากภาคเหนอื 212 ใบ นนั่ คือ n(E1) = 212 จะได P=( E1 ) nn=((ES1)) =212 53 1, 000 250 ดังนั้น ความนาจะเปน ทีใ่ บสงั่ ซือ้ สินคาที่สุมมาจะเปนใบสงั่ ซ้ือสินคา จากภาคเหนือ เทา กับ 53 250 2) ให E2 แทนเหตกุ ารณที่ใบสั่งซอ้ื สนิ คา ท่สี มุ มาเปน ใบสง่ั ซ้ือสินคาจากภาคกลาง จากตาราง มีใบส่ังซอื้ สนิ คาจากภาคกลาง 389 ใบ นั่นคอื n(E2 ) = 389 จะได P=( E2 ) nn=((ES2)) 389 1, 000 ดังนั้น ความนาจะเปนทีใ่ บสั่งซ้อื สินคา ทีส่ ุมมาจะเปน ใบสัง่ ซือ้ สนิ คาจากภาคกลาง เทากับ 389 1, 000 3) ให E3 แทนเหตุการณทีใ่ บสัง่ ซอื้ สนิ คาท่ีสมุ มาเปนใบสง่ั ซื้อสนิ คาจากภาคตะวนั ออก จากตาราง มีใบสง่ั ซอ้ื สนิ คา จากภาคตะวันออก 124 ใบ น่นั คือ n(E3 ) =124 จะได P=( E3 ) nn=((ES3)) =124 31 1, 000 250 ดงั นั้น ความนา จะเปนทใ่ี บสั่งซื้อสนิ คาทส่ี ุมมาจะเปน ใบส่ังซื้อสนิ คา จากภาคตะวนั ออก เทากบั 31 250 4) ให E4 แทนเหตุการณที่ใบสั่งซื้อสินคาท่ีสุมมาเปน ใบสั่งซื้อสินคาจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากตาราง มีใบส่งั ซ้อื สินคา จากภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ 105 ใบ นน่ั คือ n(E4 ) =105 จะได P=( E4 ) nn=((ES4)) =105 21 1, 000 200 ดังน้ัน ความนาจะเปนท่ีใบส่ังซ้ือสินคา ท่ีสมุ มาจะเปนใบสงั่ ซ้ือสนิ คา จากภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื เทา กับ 21 200 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวิชาเพ่มิ เติมคณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปที่ 5 เลม 2 367 5) ให E5 แทนเหตุการณทีใ่ บสั่งซอ้ื สินคา ทส่ี ุมมาเปนใบสัง่ ซื้อสนิ คาจากภาคใต จากตาราง มใี บสงั่ ซื้อสินคา จากภาคใต 170 ใบ น่ันคอื n(E5 ) =170 จะได P=( E5 ) nn=((ES5)) =170 17 1, 000 100 ดงั นนั้ ความนาจะเปนท่ใี บสั่งซอ้ื สินคา ท่ีสุมมาจะเปนใบสัง่ ซ้ือสินคา จากภาคใต เทา กับ 17 100 5. ให S เปน ปริภูมิตวั อยา งของการทดลองสมุ น้ี จะได n(S ) =100 1) ให E1 แทนเหตกุ ารณทนี่ ักเรยี นคนนจ้ี ะสวมรองเทา เบอร 7 จากตาราง มีนักเรียนทสี่ วมรองเทา เบอร 7 อยู 35 คน นน่ั คอื n(E1) = 35 จะได P ( E=1 ) nn((ES=1)) 3=5 7 100 20 ดงั นั้น ความนาจะเปน ท่ีนกั เรียนคนน้ีจะสวมรองเทาเบอร 7 เทา กับ 7 20 2) ให E2 แทนเหตุการณท น่ี กั เรียนคนน้จี ะสวมรองเทาเล็กกวา เบอร 8 จากตาราง มนี ักเรยี นทีส่ วมรองเทาเล็กกวา เบอร 8 อยู 3 +12 + 35 =50 คน นัน่ คือ n(E2 ) = 50 จะได P ( E=2 ) nn((ES=2)) 5=0 1 100 2 ดังนนั้ ความนา จะเปนทน่ี กั เรียนคนนี้จะสวมรองเทาเลก็ กวาเบอร 8 เทา กบั 1 2 3) ให E3 แทนเหตกุ ารณท ่ีนกั เรียนคนน้ีจะสวมรองเทาเบอร 8 หรอื 9 จากตาราง มนี ักเรยี นทส่ี วมรองเทาเบอร 8 หรอื 9 อยู 27 +16 =43 คน นนั่ คอื n(E3 ) = 43 จะได P=( E3 ) nn=((ES3)) 43 100 ดังน้ัน ความนาจะเปนที่นกั เรียนคนนี้จะสวมรองเทา เบอร 8 หรือ 9 เทากบั 43 100 4) ให E4 แทนเหตุการณทีน่ ักเรยี นคนนี้จะสวมรองเทา เบอร 5 หรอื 10 จากตาราง มนี ักเรียนท่ีสวมรองเทาเบอร 5 หรือ 10 อยู 3 + 7 =10 คน นัน่ คอื n(E4 ) =10 สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
368 คูม ือครูรายวชิ าเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 2 จะได P ( E=4 ) nn((ES=4)) 1=0 1 100 10 ดังนัน้ ความนาจะเปน ที่นกั เรียนคนนี้จะสวมรองเทาเบอร 5 หรือ 10 เทา กับ 1 10 5) ให E5 แทนเหตุการณทีน่ กั เรียนคนนจ้ี ะสวมรองเทาใหญกวา เบอร 10 จากตาราง ไมม ีนักเรยี นทีส่ วมรองเทา ใหญก วาเบอร 10 น่นั คอื n(E5 ) = 0 จะได P ( E=5 ) nn((ES=5)) =0 0 100 ดงั นน้ั ความนา จะเปน ท่ีนักเรียนคนน้ีจะสวมรองเทา ใหญกวาเบอร 10 เทา กับ 0 6. ให S แทนปรภิ ูมิตัวอยา งของการทดลองสุมน้ี จากตาราง มจี าํ นวนพนกั งานขายท้งั หมด 30 + 50 + 80 + 70 + 20 =250 คน จะได n(S ) = 250 1) ให E1 แทนเหตกุ ารณที่พนักงานขายคนนขี้ ายสนิ คาไดต้งั แต 10,000 ถงึ 19,999 บาท จากตาราง จํานวนพนักงานขายทขี่ ายสินคาไดต ั้งแต 10,000 ถึง 19,999 บาท เทากบั 50 คน นั่นคอื n(E1) = 50 จะได P (=E1 ) nn((E=S1)) 5=0 1 250 5 ดังนัน้ ความนาจะเปน ทีพ่ นักงานขายคนนจ้ี ะขายสนิ คาไดต ้ังแต 10,000 ถงึ 19,999 บาท เทา กับ 1 5 2) ให E2 แทนเหตกุ ารณท ่ีพนักงานขายคนนข้ี ายสินคาไดนอ ยกวา 20,000 บาท จากตาราง จํานวนพนักงานขายท่ีขายสินคา ไดน อยกวา 20,000 บาท เทา กบั 30 + 50 =80 คน นน่ั คือ n(E2 ) = 80 จะได P ( E=2 ) nn((E=S2)) 8=0 8 250 25 ดังนั้น ความนาจะเปนท่ีพนักงานขายคนนจี้ ะขายสินคาไดนอยกวา 20,000 บาท เทากับ 8 25 สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวชิ าเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 2 369 3) ให E3 แทนเหตุการณที่พนักงานขายคนนข้ี ายสินคา ไดน อ ยกวา 10,000 บาท หรือ อยา งนอย 40,000 บาท จากตาราง จาํ นวนพนักงานขายที่ขายสนิ คาไดนอยกวา 10,000 บาท เทากบั 30 คน และจํานวนพนักงานขายทข่ี ายสนิ คาไดอยางนอย 40,000 บาท เทา กับ 20 คน จะไดว า จาํ นวนพนักงานขายทข่ี ายสนิ คา ไดนอยกวา 10,000 บาท หรอื อยา งนอย 40,000 บาท เทากบั 30 + 20 =50 คน นน่ั คอื n(E3 ) = 50 จะได P ( E=3 ) nn((E=S3)) 5=0 1 250 5 ดังน้ัน ความนาจะเปนท่พี นักงานขายคนนจ้ี ะขายสนิ คาไดน อยกวา 10,000 บาท หรือ อยางนอย 40,000 บาท เทากับ 1 5 7. ให S แทนปรภิ ูมิตวั อยา งของการทดลองสมุ น้ี จะได n(S ) =10 1) ให E1 แทนเหตุการณท ี่ลกู ศรจะช้ีท่ชี อ งที่มหี มายเลข 1 กํากับไว จากรปู มชี อ งที่มีหมายเลข 1 กํากบั ไว อยู 1 ชอ ง นนั่ คือ n(E1) =1 จะได P=( E1 ) nn=((ES1)) 1 10 ดงั น้ัน ความนาจะเปนท่ลี กู ศรจะช้ีทีช่ อ งที่มีหมายเลข 1 กํากบั ไว เทา กบั 1 10 2) ให E2 แทนเหตุการณท่ีลูกศรจะชที้ ี่ชองท่มี หี มายเลข 6 กํากบั ไว จากรูป มีชองท่ีมหี มายเลข 6 กํากับไว อยู 2 ชอง นนั่ คือ n(E2 ) = 2 จะได P ( E2=) nn((ES2=)) 2= 1 10 5 ดังน้ัน ความนาจะเปน ที่ลูกศรจะชี้ท่ีชอ งที่มหี มายเลข 6 กาํ กับไว เทากบั 1 5 สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
370 คมู อื ครรู ายวชิ าเพิ่มเติมคณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปที่ 5 เลม 2 3) ให E3 แทนเหตุการณทลี่ กู ศรจะชี้ที่ชอ งทมี่ หี มายเลขที่กํากบั เปน จาํ นวนคู จากรูป มีชองที่มหี มายเลขท่ีกํากับเปน จาํ นวนคู คือ 2, 4 และ 6 อยู 6 ชอ ง น่นั คอื n(E3 ) = 6 จะได P ( E3=) nn((ES3=)) 6= 3 10 5 ดังน้นั ความนา จะเปน ทลี่ ูกศรจะช้ที ชี่ อ งท่ีมีหมายเลขทกี่ าํ กับเปน จํานวนคู เทากบั 3 5 4) ให E4 แทนเหตกุ ารณที่ลกู ศรจะชท้ี ชี่ อ งทีม่ หี มายเลขที่กาํ กับเปน จาํ นวนคี่ จากรูป มชี องท่ีมีหมายเลขท่กี ํากับเปนจาํ นวนคี่ คือ 1, 3, 5 และ 7 อยู 4 ชอ ง นัน่ คอื n(E4 ) = 4 จะได P ( E4=) nn((ES4=)) 4= 2 10 5 ดงั นนั้ ความนาจะเปน ที่ลกู ศรจะชี้ท่ชี องที่มหี มายเลขที่กาํ กับเปน จํานวนคี่ เทากับ 2 5 5) ให E5 แทนเหตุการณท ่ีลูกศรจะชท้ี ีช่ องที่มหี มายเลขท่ีกาํ กับเปนจาํ นวนเฉพาะ จากรปู มีชอ งท่ีมีหมายเลขทีก่ ํากบั เปนจาํ นวนเฉพาะ คือ 2, 3, 5 และ 7 อยู 5 ชอ ง น่นั คือ n(E5 ) = 5 จะได P ( E5=) nn((ES5=)) 5= 1 10 2 ดังนน้ั ความนาจะเปนที่ลูกศรจะชี้ทชี่ อ งท่ีมหี มายเลขท่ีกาํ กับเปนจํานวนเฉพาะ เทา กับ 1 2 6) ให E6 แทนเหตกุ ารณทล่ี กู ศรจะชี้ท่ชี อ งท่มี ีหมายเลขท่ีกาํ กบั เปน จาํ นวนทนี่ อ ยกวา 8 จากรูป มีชองท่ีมหี มายเลขกาํ กับเปน จาํ นวนทน่ี อ ยกวา 8 คือ 1, 2, 3, 4, 5, 6 และ 7 อยู 10 ชอง นนั่ คือ n(E6 ) =10 จะได P ( E6=) nn((ES6=)) 1=0 1 10 ดังนั้น ความนาจะเปน ทลี่ กู ศรจะชท้ี ีช่ อ งท่ีมหี มายเลขกํากับเปน จาํ นวนที่นอยกวา 8 เทา กบั 1 8. ให S แทนปรภิ ูมติ ัวอยางของการทดลองสุม นี้ จะได n(S=) 2=5 32 ให E แทนเหตกุ ารณที่เหรียญข้ึนหวั ในการโยนครัง้ แรก สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวชิ าเพิม่ เติมคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท่ี 5 เลม 2 371 เน่ืองจาก จาํ นวนวิธที ี่เหรียญข้ึนหวั ในการโยนครงั้ แรก จากการโยนเหรียญหาครั้ง มีได 1× 2 × 2 × 2 × 2 =16 วิธี นน่ั คือ n(E) =16 จะได P( E=) n(E) 1=6 1 n ( S=) 32 2 ดังน้นั ความนาจะเปนทเ่ี หรียญขนึ้ หวั ในการโยนครงั้ แรก เทากับ 1 2 9. ให S แทนปริภูมิตวั อยา งของการทดลองสุมน้ี เน่อื งจากลูกแตล ะคนเปนผชู ายหรอื ผูหญงิ จะได n(S ) = 2× 2× 2 = 8 1) ให E1 แทนเหตกุ ารณทล่ี กู ทั้งสามคนเปนผูหญงิ ขน้ั ตอนท่ี 1 เหตกุ ารณท ล่ี ูกคนที่ 1 เปน ผหู ญงิ มไี ด 1 วธิ ี ข้นั ตอนท่ี 2 เหตกุ ารณท ่ีลูกคนที่ 2 เปน ผูหญงิ มไี ด 1 วธิ ี ขั้นตอนที่ 3 เหตุการณท ล่ี ูกคนที่ 3 เปน ผูหญงิ มีได 1 วิธี โดยหลกั การคูณ เหตุการณที่ลูกทั้งสามคนเปนผูหญิง มไี ด 1×1×1=1 วธิ ี นัน่ คอื n(E1) =1 จะได P=( E1 ) nn=((ES1)) 1 8 ดังน้ัน ความนาจะเปนท่ลี กู ท้ังสามเปนผูหญิง เทากับ 1 8 2) ให E2 แทนเหตกุ ารณท มี่ ีลูกเปน ผูชายอยา งนอ ย 2 คน เนอื่ งจากครอบครวั นมี้ ลี ูก 3 คน จึงแบง เปน 2 กรณี ดังนี้ กรณที ี่ 1 ครอบครวั นีม้ ลี ูกเปนผชู าย 2 คน มีได 3 วิธี กรณีท่ี 2 ครอบครวั น้ีมลี ูกเปนผูชาย 3 คน มไี ด 1 วธิ ี ดงั นัน้ เหตุการณทมี่ ีลูกเปน ผูชายอยา งนอ ย 2 คน มีได 4 วธิ ี น่นั คอื n(E2 ) = 4 จะได P ( E2 =) nn((ES2))= 4= 1 8 2 ดังนนั้ ความนาจะเปนท่ีมลี กู ชายอยางนอย 2 คน เทา กับ 1 2 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
372 คมู ือครูรายวชิ าเพมิ่ เติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 2 3) ให E3 แทนเหตุการณทลี่ ูกคนแรกและคนสุดทา ยเปน ผชู าย ขั้นตอนที่ 1 เหตกุ ารณท ่ลี ูกคนแรกเปน ผชู าย มีได 1 วิธี ข้ันตอนที่ 2 เหตกุ ารณท ล่ี ูกคนสดุ ทายเปนผชู าย มีได 1 วธิ ี ข้นั ตอนท่ี 3 เหตุการณที่ลูกคนที่ 2 เปนผูชายหรอื ผูห ญิง มไี ด 2 วิธี โดยหลกั การคูณ เหตุการณที่ลูกคนแรกและคนสุดทา ยเปนผชู าย มไี ด 1×1× 2 =2 วธิ ี นนั่ คอื n(E3 ) = 2 จะได P ( E3 =) nn((ES3))= 2= 1 8 4 ดงั น้นั ความนา จะเปนทีล่ กู คนแรกและคนสุดทา ยเปนผูชาย เทา กบั 1 4 10. ให S แทนปริภมู ิตัวอยา งของการทดลองสุมนี้ จะได n(S ) = 6× 6 = 36 1) ให E1 แทนเหตุการณท ผ่ี ลบวกของแตมบนหนาลูกเตา ทง้ั สองมากกวา 3 เนือ่ งจากผลลพั ธท ่ีผลบวกของแตมบนหนาลูกเตา ทัง้ สองไมมากกวา 3 ไดแก (1,1), (1, 2) และ (2,1) น่ันคือ จาํ นวนวิธีทผี่ ลบวกของแตม บนหนา ลูกเตาทง้ั สองไมมากกวา 3 มี 3 วธิ ี จะได จาํ นวนวธิ ที ผี่ ลบวกของแตม บนหนาลูกเตามากกวา 3 มี 36 − 3 =33 วิธี นนั่ คือ n(E1) = 33 จะได P ( E=1 ) nn((ES1=)) 3=3 11 36 12 ดังน้ัน ความนาจะเปน ที่ผลบวกของแตมบนหนาลูกเตา ทงั้ สองมากกวา 3 เทากบั 11 12 2) ให E2 แทนเหตกุ ารณท ีแ่ ตมบนหนา ลูกเตาทัง้ สองไมเ ทา กนั เน่ืองจากผลลพั ธท่ีแตม บนหนาลูกเตา ทัง้ สองเทากัน ไดแก (1,1), (2, 2), (3, 3), (4, 4), (5, 5) และ (6, 6) นน่ั คอื จํานวนวิธีทแี่ ตมบนหนาลูกเตาทง้ั สองเทากัน มี 6 วธิ ี จะได จํานวนวธิ ที แ่ี ตมบนหนาลกู เตา ไมเ ทา กัน มี 36 − 6 =30 วิธี น่ันคือ n(E2 ) = 30 สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวชิ าเพ่มิ เตมิ คณติ ศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 2 373 จะได P ( E2=) nn((ES2=)) 3=0 5 36 6 ดังนั้น ความนาจะเปน ที่แตมบนหนาลูกเตาทง้ั สองไมเทา กัน เทากับ 5 6 11. ให S แทนปริภูมติ ัวอยางของการทดลองสุม น้ี จะได n(S ) = 6× 6 = 36 ให E แทนเหตกุ ารณท่ีผเู ขา รว มประชุมคนหนง่ึ เขา และออกโดยไมใ ชป ระตบู านเดมิ ขนั้ ตอนท่ี 1 เลอื กประตเู ขา ได 6 วธิ ี ขนั้ ตอนที่ 2 เลอื กประตูออกทีไ่ มซ ้าํ กับประตูเขา ได 5 วิธี โดยหลกั การคณู จํานวนวธิ ีที่ผูเ ขาประชมุ เขาและออกโดยไมใ ชประตูบานเดิม ได 6×5 =30 วธิ ี นน่ั คือ n(E) = 30 จะได P( E=) nn((ES=)) 3=0 5 36 6 ดังนนั้ ความนา จะเปนท่ผี ูเขา ประชุมคนหน่งึ จะเขา และออกโดยไมใ ชป ระตูบานเดิม เทากบั 5 6 12. ให S แทนปรภิ ูมิตัวอยา งของการทดลองสมุ นี้ จะได n(S ) = 5 ให E แทนเหตุการณทีน่ กั เรียนคนนี้จะตอบผิด เน่อื งจาก จาํ นวนวธิ ีท่นี กั เรยี นคนน้จี ะตอบถูก มไี ด 1 วธิ ี ดังนั้น จาํ นวนวธิ ที น่ี กั เรยี นคนนจี้ ะตอบผิด มีได 5 −1=4 วธิ ี นน่ั คือ n(E) = 4 จะได P=( E ) nn=((ES )) 4 5 ดังนน้ั ความนาจะเปน ทนี่ ักเรียนคนนีจ้ ะตอบผิด เทากับ 4 5 13. ให E1 แทนเหตกุ ารณท่นี ักเรียนจะซื้อนาํ้ สม ซง่ึ P(E1)= 1= 5 6 30 E2 แทนเหตุการณทน่ี ักเรียนจะซ้ือนา้ํ เกกฮวย ซ่งึ P(E2=) 3= 9 10 30 E3 แทนเหตุการณทีน่ ักเรยี นจะซื้อนม ซ่ึง P(E3 =) 2= 12 5 30 และ E4 แทนเหตุการณที่นักเรยี นจะซ้ือนาํ้ อัดลม ซึ่ง P(E4=) 2= 4 15 30 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
374 คูมอื ครรู ายวชิ าเพิม่ เติมคณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปท ี่ 5 เลม 2 จะได P(E3 ) > P( E2 ) > P( E1 ) > P( E4 ) ดังนั้น ถารา นคาตองการนําเครือ่ งด่มื มาขายเพยี ง 3 ชนิด รา นคา ควรนํานม นํ้าเกก ฮวย และ นํ้าสมมาขาย 14. ให S แทนปริภมู ิตัวอยางของการทดลองสุมนี้ จะได n(S=) 5=! 120 ให E แทนเหตกุ ารณทเี่ ตยวิ่งเขาเสน ชยั เปนอนั ดับท่ี 1 หรอื 2 เน่ืองจาก การเขา เสน ชัยของเตยมไี ด 2 วธิ ี และผูเขาแขงขันอีก 4 คนท่ีเหลอื เขา เสนชัยอนั ดับใดก็ได มีได 4! วธิ ี โดยหลักการคณู การเขาเสนชัยของผเู ขา แขงทง้ั หมด โดยที่เตยวิ่งเขาเสนชัยเปน อนั ดบั ท่ี 1 หรอื 2 เทา กับ 2× 4!=48 วธิ ี นนั่ คือ n(E) = 48 จะได P(=E ) nn((=ES )) 4=8 2 120 5 ดังนั้น ความนาจะเปนทีเ่ ตยจะวงิ่ เขา เสน ชัยเปนอันดบั 1 หรือ 2 เทากบั 2 5 15. ให S แทนปรภิ ูมติ วั อยางของการทดลองสมุ น้ี จะได n(S ) = C10,1 × C9,1 = 10 × 9 = 90 1) ให E1 แทนเหตุการณทหี่ ยิบไดล กู บอลสแี ดงทงั้ สองลูก ขน้ั ตอนที่ 1 มวี ธิ ที ี่จะหยบิ ลูกบอลลกู แรกไดล กู บอลสแี ดง 3 วธิ ี ขัน้ ตอนที่ 2 มวี ธิ ีที่จะหยิบลูกบอลลกู ทสี่ องไดล กู บอลสีแดง 2 วธิ ี โดยหลกั การคูณ มีวิธหี ยิบไดลกู บอลสแี ดงทั้งสองลูก 3× 2 =6 วธิ ี น่ันคอื n(E1) = 6 จะได P ( E=1 ) nn((ES1=)) 6= 1 90 15 ดงั นน้ั ความนาจะเปน ทีห่ ยบิ ไดลกู บอลสแี ดงทงั้ สองลูก เทากบั 1 15 สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวชิ าเพมิ่ เตมิ คณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 2 375 2) ให E2 แทนเหตกุ ารณท ห่ี ยบิ ไดลูกบอลสขี าวและสดี าํ กรณที ี่ 1 มีวธิ ีท่จี ะหยิบลกู บอลลูกแรกไดเ ปนสีขาว 2 วิธี มวี ิธที ่จี ะหยบิ ลูกบอลลกู ท่สี องไดเ ปน สดี าํ 5 วิธี โดยหลักการคณู มวี ธิ ที ่ีหยิบลูกบอลลูกแรกไดเ ปน สีขาว และหยบิ ลกู บอลลกู ที่ สองไดเปนสดี ํา 2×5 =10 วธิ ี กรณีท่ี 2 มวี ธิ ที จ่ี ะหยิบลูกบอลลูกแรกไดเปน สีดํา 5 วิธี มวี ธิ ีทีจ่ ะหยิบลกู บอลลกู ท่ีสองไดเปนสขี าว 2 วธิ ี โดยหลักการคณู มีวิธที ่ีหยิบลูกบอลลกู แรกไดเปนสีดาํ และหยิบลกู บอลลูกท่ี สองไดเปน สีขาว 5× 2 =10 วิธี โดยหลกั การบวก มีวธิ ที ห่ี ยบิ ไดล กู บอลสขี าวและสีดํา 10 +10 =20 วิธี นนั่ คอื n(E2 ) = 20 วธิ ี จะได P ( E=2 ) nn((ES2=)) 2=0 2 90 9 ดงั นัน้ ความนาจะเปนที่หยิบไดลกู บอลสขี าวและสีดํา เทากับ 2 9 16. ให S แทนปรภิ ูมิตัวอยางของการทดลองสมุ นี้ จะได n( S ) = C8,1 × C7,1 × C6,1 = 8× 7 × 6 = 336 ให E แทนเหตุการณที่คร้งั ที่ 1 หยบิ ไดลูกบอลสแี ดง และคร้ังท่ี 2 และ 3 หยบิ ไดลูกบอลสีเหลอื ง ขนั้ ตอนที่ 1 มีวิธที ่ีจะหยบิ ลูกบอลลกู แรกไดเปน สแี ดง 2 วธิ ี ขั้นตอนที่ 2 มีวธิ ีท่ีจะหยิบลูกบอลลกู ท่ีสองไดเ ปนสีเหลอื ง 3 วิธี ขั้นตอนท่ี 3 มวี ธิ ีท่จี ะหยบิ ลกู บอลลูกทีส่ ามไดเปน สีเหลือง 2 วธิ ี โดยหลักการคณู มีวิธที ี่จะหยิบไดลกู บอลสแี ดง 1 ลูก และสีเหลือง 2 ลูกตามลําดับ 2× 3× 2 =12 วธิ ี นนั่ คอื n(E) =12 จะได P(=E ) nn((=ES )) 1=2 1 336 28 ดงั น้นั ความนา จะเปนที่ครงั้ ที่ 1 หยบิ ไดลูกบอลสแี ดง และครง้ั ท่ี 2 และ 3 หยบิ ไดล กู บอล สเี หลือง เทา กบั 1 28 สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
376 คมู อื ครูรายวชิ าเพมิ่ เติมคณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปท ี่ 5 เลม 2 17. ให S แทนปรภิ มู ติ วั อยางของการทดลองสมุ นี้ จะได n=(S ) C=12,3 220 ให E แทนเหตกุ ารณทจ่ี ะไดลูกแกว ครบทุกสี นัน่ คือ ไดลูกแกว สีเขียว 1 ลกู สีชมพู 1 ลกู และสีฟา 1 ลกู ขน้ั ตอนท่ี 1 มวี ิธีทีจ่ ะหยบิ ลกู แกวไดเปนสีเขียว 4 วธิ ี ขนั้ ตอนท่ี 2 มวี ิธที ีจ่ ะหยิบลกู แกวไดเปนสีชมพู 3 วธิ ี ข้ันตอนที่ 3 มวี ิธที จ่ี ะหยิบลกู แกว ไดเ ปนสีฟา 5 วธิ ี โดยหลักการคณู จะมีวธิ ที ี่จะหยิบลกู แกว 3 ลกู พรอมกัน ไดล กู แกวครบทุกสี 4×3×5 วธิ ี นน่ั คอื n(E) = 4× 3× 5 จะได P=( E ) nn=((ES )) 4 ×=3× 5 3 220 11 ดังนั้น ความนา จะเปน ที่จะไดลกู แกวครบทุกสี เทากบั 3 11 18. ให S แทนปริภมู ติ วั อยา งของการทดลองสุมนี้ จะได n=(S ) C=30,2 435 ให E แทนเหตุการณท่นี ักเรียนท้ังสองเปน ผูชายทั้งคหู รือผูหญิงท้ังคู กรณที ี่ 1 มวี ธิ ีที่จะเลือกไดนักเรยี นท้ังสองคนเปน ผหู ญงิ C18,2 =153 วิธี กรณีท่ี 2 มีวิธีที่จะเลอื กไดนักเรยี นทัง้ สองคนเปนผูชาย C12,2 = 66 วธิ ี โดยหลักการบวก มวี ธิ ีท่จี ะเลือกนักเรียนเปนผูชายท้ังคูหรือผหู ญงิ ทงั้ คู 153 + 66 =219 วธิ ี นั่นคือ n(E) = 219 จะได P(=E) nn((=ES )) 2=19 73 435 145 ดงั นั้น ความนา จะเปนทีน่ กั เรียนท้งั สองเปนผชู ายทง้ั คูหรอื ผูหญิงท้งั คู เทา กับ 73 145 19. 1) ให S1 แทนปรภิ ูมติ วั อยา งของการทดลองสุม น้ี จะได n(=S1 ) C=40,1 40 ให E1 แทนเหตกุ ารณท ว่ี ชิระหยิบไดชอ็ กโกแลตท่ีหอดว ยกระดาษสแี ดง มวี ิธที ่จี ะหยิบชอ็ กโกแลตที่หอดวยกระดาษสีแดง 1 ช้นิ จากชอ็ กโกแลตที่หอดวย กระดาษหอสีแดง 30 ชิ้น ได 30 วิธี นนั่ คอื n(E1) = 30 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปท ี่ 5 เลม 2 377 จะได P ( E=1 ) n ( ES11=)) 3=0 3 n ( 40 4 ดงั น้นั ความนา จะเปน ท่วี ชริ ะหยิบไดช ็อกโกแลตที่หอดวยกระดาษสีแดง เทากับ 3 4 2) ให S2 แทนปริภูมติ วั อยา งของการทดลองสมุ นี้ จะได n(=S2 ) C=40,2 780 ให E2 แทนเหตุการณที่วชิระหยิบไดช ็อกโกแลตทห่ี อดว ยกระดาษสีเดยี วกัน กรณีที่ 1 ไดช ็อกโกแลตหอ ดว ยกระดาษสีแดงทัง้ สองช้นิ มีวิธีหยบิ ช็อกโกแลตที่หอดวยกระดาษสีแดง 2 ช้นิ จากช็อกโกแลตทหี่ อดว ย กระดาษสีแดง 30 ชิ้น ได C30,2 = 435 วธิ ี กรณที ่ี 2 ไดช็อกโกแลตทหี่ อดวยกระดาษสเี ขียวทง้ั สองชิน้ มีวิธหี ยิบช็อกโกแลตที่หอดวยกระดาษสเี ขียว 2 ชิน้ จากช็อกโกแลตท่ีหอดวย กระดาษสเี ขยี ว 10 ช้นิ ได C10,2 = 45 วธิ ี โดยหลักการบวก จะมวี ธิ ีหยิบไดชอ็ กโกแลตทหี่ อดว ยกระดาษสเี ดยี วกัน 435 + 45 =480 วธิ ี น่นั คือ n(E2 ) = 480 จะได P ( E=2 ) 4=80 8 780 13 ดงั น้ัน ความนาจะเปน ทวี่ ชิระหยิบไดช อ็ กโกแลตท่หี อดว ยกระดาษสีเดียวกนั เทากับ 8 13 3) ให S3 แทนปรภิ ูมิตวั อยา งของการทดลองสมุ น้ี จะได ( )n S3 = C40,10 ให E3 แทนเหตกุ ารณที่วชริ ะหยิบไดชอ็ กโกแลตทีห่ อดวยกระดาษสีแดงอยา งนอยหน่ึงชิน้ เนือ่ งจาก วธิ ที ่ีหยบิ ไมไ ดช็อกโกแลตท่ีหอดวยกระดาษสแี ดงเลย คอื วธิ ที ห่ี ยิบได ช็อกโกแลตที่หอดวยกระดาษสเี ขยี วทั้งหมด 10 ชน้ิ ซ่งึ ทําได C10,10 =1 วิธี ดังนั้น จะมวี ธิ ีหยิบไดช อ็ กโกแลตท่ีหอ ดว ยกระดาษสีแดงอยางนอ ยหนึง่ ช้นิ C40,10 −1 วิธี นนั่ คือ n(=E3 ) C40,10 −1 จะได P(E3 )= n( E3 ) = C40,10 −1 1− 1 n(S) = C40,10 C40,10 สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
378 คมู ือครูรายวชิ าเพม่ิ เตมิ คณติ ศาสตร ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 2 ดงั น้ัน ความนาจะเปนทวี่ ชิระหยบิ ไดชอ็ กโกแลตท่ีหอดว ยกระดาษสแี ดงอยา งนอยหนึ่งชิ้น เทากบั 1− 1 C40,10 20. ให S แทนปรภิ ูมติ วั อยางของการทดลองสุมนี้ จะได n( S ) = C30,1 × C29,1 = 30 × 29 = 870 ให E แทนเหตุการณทีพ่ นักงานที่ไดรับรางวลั เปน ผูช ายท้งั คู ข้นั ตอนที่ 1 เลอื กผชู าย 1 คน จาก 10 คน ไดรบั รางวลั ได 10 วิธี ขัน้ ตอนที่ 2 เลอื กผูช าย 1 คน จากทเ่ี หลือ 9 คน ไดร ับรางวลั ได 9 วิธี โดยหลกั การคณู จะมวี ธิ ที ่พี นักงานที่ไดร บั รางวัลทง้ั สองคนเปนผชู ายท้งั คู 10×9 =90 วิธี นน่ั คือ n(E) = 90 จะได P(=E ) nn((=ES )) 9=0 3 870 29 ดงั นั้น ความนา จะเปนท่ีพนักงานทไี่ ดร บั รางวลั เปนผูชายทงั้ คู เทากับ 3 29 21. ให S แทนปรภิ มู ติ ัวอยางของการทดลองสมุ นี้ จะได n=(S ) C=10,2 45 1) ให E1 แทนเหตุการณที่พนักงานที่ไดรับเลือกเปนกรรมการเปนผูชายหนง่ึ คนและผูหญิงหนึ่งคน ข้ันตอนที่ 1 มีวธิ ที จ่ี ะเลือกพนักงานผชู ายเปน กรรมการ 1 คน ได 7 วธิ ี ขั้นตอนท่ี 2 มีวิธีที่จะเลือกพนักงานผูหญงิ เปน กรรมการ 1 คน ได 3 วธิ ี โดยหลกั การคณู มวี ธิ ีทจ่ี ะเลอื กกรรมการเปน ผูชายหนง่ึ คนและผหู ญิงหนึง่ คนได 7×3 =21 วิธี นนั่ คือ n(E1) = 21 จะได P ( E=1 ) nn((ES1=)) 2=1 7 45 15 ดังนั้น ความนา จะเปนท่ีพนักงานท่ีไดรบั เลือกเปนกรรมการเปนผชู ายหน่ึงคนผหู ญิงหนึ่งคน เทากับ 7 15 2) ให E2 แทนเหตุการณที่พนกั งานที่ไดรับเลือกเปนกรรมการเปนผูหญิงอยา งนอยหนึ่งคน กรณที ี่ 1 มีวธิ ที ่ีจะเลือกพนักงานผหู ญิง 1 คน และผูช าย 1 คน เปน กรรมการ ได 3× 7 =21 วิธี กรณที ี่ 2 มีวิธีทจี่ ะเลอื กพนักงานผูห ญงิ 2 คน เปนกรรมการ ได C3,2 = 3 วิธี โดยหลักการบวก มวี ิธเี ลอื กกรรมการเปน ผูหญงิ อยางนอยหนง่ึ คน ได 21+ 3 =24 วธิ ี สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวชิ าเพิม่ เตมิ คณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 2 379 นน่ั คอื n(E2 ) = 24 จะได P ( E=2 ) nn((ES2=)) 2=4 8 45 15 ดังน้ัน ความนาจะเปนที่พนักงานที่ไดรบั เลือกเปนกรรมการเปน ผหู ญงิ อยางนอยหน่งึ คน เทา กับ 8 15 3) ให E3 แทนเหตุการณที่พนักงานทไ่ี ดรับเลือกเปนกรรมการเปนผชู ายอยางนอยหน่ึงคน กรณที ี่ 1 มีวธิ ที ่ีจะเลอื กพนักงานผชู าย 1 คน และผูหญงิ 1 คน เปนกรรมการ ได 7 × 3 =21 วิธี กรณที ่ี 2 มวี ธิ ีทจ่ี ะเลือกพนักงานผชู าย 2 คน เปน กรรมการ ได C7,2 = 21 วิธี โดยหลักการบวก มวี ธิ เี ลอื กกรรมการเปน ผูชายอยา งนอยหนึ่งคน ได 21+ 21=42 วธิ ี นัน่ คอื n(E3 ) = 42 จะได P ( E=3 ) nn((ES3=)) 4=2 14 45 15 ดงั นน้ั ความนาจะเปนที่พนักงานที่ไดรับเลือกเปน กรรมการเปนผชู ายอยา งนอยหนึ่งคน เทา กบั 14 15 22. ให S แทนปรภิ ูมติ ัวอยา งของการทดลองสมุ น้ี จะได n(=S ) C=5,3 10 ให E แทนเหตุการณท่ีไดผลรวมของหมายเลขบนบัตรทั้งสามมากกวา 10 เนอ่ื งจากเหตกุ ารณท ่ผี ลรวมของหมายเลขบนบัตรเปน 11 มี 1 วธิ ี คือ หยิบไดบตั รซง่ึ มี หมายเลข 2, 4 และ 5 และเหตุการณที่ผลรวมของหมายเลขบนบัตรเปน 12 มี 1 วิธี คอื หยิบไดบ ัตรซึ่งมหี มายเลข 3, 4 และ 5 โดยหลักการบวก มีวิธหี ยิบไดบตั รไดผลรวมของหมายเลขบนบตั รทัง้ สามมากกวา 10 อยู 1+1 =2 วธิ ี นน่ั คือ n(E) = 2 จะได P( E=) nn((ES=)) 2= 1 10 5 ดงั น้ัน ความนาจะเปน ที่ผลรวมของหมายเลขบนบัตรทั้งสามมากกวา 10 เทา กบั 1 5 สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
380 คมู ือครรู ายวิชาเพิ่มเตมิ คณติ ศาสตร ชัน้ มธั ยมศึกษาปท่ี 5 เลม 2 23. ให S แทนปรภิ ูมติ วั อยางของการทดลองสุมน้ี จะได n=(S ) C=40,1 40 ให E แทนเหตุการณท่ีไดนักกรีฑาท่ีมีฝาแฝด เน่ืองจากมีฝาแฝด 3 คู ซึง่ หมายถงึ มนี ักกรีฑา 6 คน ที่มีฝาแฝด น่ันคือ n(E) = 6 จะได P( E=) nn((ES=)) 6= 3 40 20 ดังน้ัน ความนาจะเปนที่นักกรีฑาคนนจี้ ะมีฝาแฝด เทา กับ 3 20 24. ให S แทนปรภิ ูมติ วั อยา งของการทดลองสมุ นี้ จะได n=(S ) C=12,4 495 ให E แทนเหตกุ ารณท ่จี ะไดเงาะ 2 ผล และสม กบั ชมพูอยา งละ 1 ผล ข้ันตอนที่ 1 มวี ิธีทีจ่ ะหยบิ ไดเ งาะ 2 ผล จากเงาะ 4 ผล ได C4,2 = 6 วธิ ี ขน้ั ตอนที่ 2 มีวิธที ี่จะหยบิ ไดส ม 1 ผล จากสม 3 ผล ได 3 วิธี ขนั้ ตอนท่ี 3 มวี ิธที จ่ี ะหยิบไดช มพู 1 ผล จากชมพู 5 ผล ได 5 วิธี โดยหลักการคูณ มวี ิธหี ยบิ ผลไมจากตะกรา 4 ผล พรอ มกัน โดยไดเงาะ 2 ผล และสม กับชมพู อยางละ 1 ผล ได 6×3×5 =90 วิธี นน่ั คอื n(E) = 90 จะได P (=E ) nn((=ES )) 9=0 2 495 11 ดงั นนั้ ความนา จะเปน ท่ีไดเ งาะ 2 ผล และสม กบั ชมพูอยา งละ 1 ผล เทากับ 2 11 25. ให S แทนปรภิ มู ิตัวอยางของการทดลองสมุ นี้ จะได n(S ) = 5× 5× 5 = 125 ให E แทนเหตกุ ารณทนี่ กั เรียนคนนี้จะใสจ ดหมายในตูท่ีไมซ ํา้ กันเลย นนั่ คอื n(E) = 5× 4× 3 = 60 จะได P(=E ) nn((=ES )) 6=0 12 125 25 ดงั นน้ั ความนา จะเปน ท่นี กั เรียนคนนจี้ ะใสจ ดหมายในตทู ่ีไมซ้าํ กนั เลย เทากบั 12 25 สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพ่มิ เติมคณติ ศาสตร ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 2 381 26. ให S แทนปริภูมติ วั อยางของการทดลองสมุ นี้ จะได n(S ) = C5,1 × C5,1 = 5× 5 = 25 1) ให E1 แทนเหตกุ ารณที่บตั รทั้งสองใบมหี มายเลขเดยี วกนั ข้ันตอนที่ 1 มวี ธิ ีหยิบบตั ร 1 ใบ จากบตั ร 5 ใบ ได 5 วิธี ข้นั ตอนที่ 2 มวี ธิ หี ยบิ บตั ร 1 ใบ ใหม ีหมายเลขเดยี วกบั ใบแรก ได 1 วิธี โดยหลักการคูณ จะมวี ิธหี ยิบบตั รทั้งสองใบมีหมายเลขเดยี วกนั 5×1=5 วธิ ี นั่นคอื n(E1) = 5 จะได P ( E=1 ) nn((ES1=)) 5= 1 25 5 ดงั นั้น ความนา จะเปนทบี่ ตั รท้ังสองใบมีหมายเลขเดียวกัน เทา กับ 1 5 2) ให E2 แทนเหตุการณท่ีไดบ ตั รทั้งสองใบมหี มายเลขไมซ้าํ กนั ข้ันตอนท่ี 1 มีวธิ หี ยิบบัตร 1 ใบ จากบตั ร 5 ใบ ได 5 วธิ ี ขน้ั ตอนที่ 2 มีวธิ ีหยบิ บัตร 1 ใบ ใหมีหมายเลขไมซาํ้ กบั ใบแรก ได 4 วธิ ี โดยหลกั การคณู จะมีวิธหี ยิบบัตรทง้ั สองใบมีหมายเลขไมซ ้ํากัน 5× 4 =20 วธิ ี นนั่ คอื n(E2 ) = 20 จะได P ( E=2 ) nn((ES2=)) 2=0 4 25 5 ดงั นนั้ ความนา จะเปน ท่ีบตั รทง้ั สองใบมีหมายเลขไมซํ้ากนั เทา กับ 4 5 3) ให E3 แทนเหตกุ ารณท ่บี ัตรทั้งสองใบมหี มายเลขเปน จาํ นวนคู เนือ่ งจากบัตรทม่ี หี มายเลขเปนจาํ นวนคมู ี 3 ใบ คอื 2, 6 และ 8 ขัน้ ตอนที่ 1 มีวิธหี ยิบบตั รที่มีหมายเลขเปนจาํ นวนคู 1 ใบ จาก 3 ใบ ได 3 วธิ ี ขัน้ ตอนที่ 2 มีวธิ ีหยิบบตั รที่มีหมายเลขเปนจํานวนคู 1 ใบ จาก 3 ใบ ได 3 วธิ ี โดยหลักการคูณ จะมีวธิ หี ยิบบตั รท้ังสองใบมีหมายเลขเปนจาํ นวนคูได 3×3 =9 วิธี น่นั คอื n(E3 ) = 9 จะได P=( E3 ) nn=((ES3)) 9 25 ดงั นน้ั ความนา จะเปนที่บตั รทงั้ สองใบมีหมายเลขเปน จาํ นวนคู เทา กบั 9 25 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
382 คมู อื ครรู ายวิชาเพ่มิ เตมิ คณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 2 4) ให E4 แทนเหตกุ ารณทผ่ี ลบวกของหมายเลขบนบตั รทัง้ สองเปนจํานวนคู ในการหยบิ ใหไดบัตรที่มีผลบวกของหมายเลขบนหนาบตั รทงั้ สองเปน จํานวนคูเปน ได 2 กรณี กรณที ่ี 1 หมายเลขบนหนาบัตรทั้งสองเปน จํานวนคู ขนั้ ตอนที่ 1 มีวิธหี ยิบบตั รท่ีมีหมายเลขเปนจํานวนคู 1 ใบ จาก 3 ใบ ได 3 วธิ ี ขน้ั ตอนท่ี 2 มวี ิธหี ยิบบตั รทีม่ ีหมายเลขเปนจาํ นวนคู 1 ใบ จาก 3 ใบ ได 3 วธิ ี โดยหลกั การคูณ จะมีวธิ ีหยบิ บตั รทง้ั สองใบเปน จาํ นวนคู ได 3×3 =9 วิธี กรณีที่ 2 หมายเลขบนหนาบตั รท้ังสองเปน จํานวนคี่ ขนั้ ตอนท่ี 1 มีวธิ ีหยิบบตั รทม่ี หี มายเลขเปนจํานวนคี่ 1 ใบ จาก 2 ใบ ได 2 วิธี ขนั้ ตอนที่ 2 มีวธิ ีหยบิ บัตรทม่ี หี มายเลขเปนจาํ นวนคี่ 1 ใบ จาก 2 ใบ ได 2 วธิ ี โดยหลกั การคณู จะมวี ิธีหยิบบัตรท้ังสองใบเปน จํานวนคี่ ได 2× 2 =4 วิธี โดยหลักการบวก จะมวี ิธีหยิบบัตรทีม่ ีผลบวกของหมายเลขบนบตั รท้ังสองเปนจํานวนคู 9 + 4 =13 วธิ ี นน่ั คอื n(E4 ) =13 จะได P=( E4 ) nn=((ES4)) 13 25 ดังนั้น ความนาจะเปนทผ่ี ลบวกของหมายเลขบนหนา บัตรทัง้ สองเปน จาํ นวนคู เทากับ 13 25 27. ให S แทนปรภิ มู ิตวั อยางของการทดลองสุม น้ี จะได n(S ) = P20,4 = 20 ×19 ×18×17 ให E แทนเหตกุ ารณท่สี มศรีไดเปน นายกชมรมและสมปองไดเปนอปุ นายกชมรม ขน้ั ตอนท่ี 1 มีวธิ ีท่ีสมศรีไดเ ปน นายกชมรม 1 วธิ ี ขน้ั ตอนท่ี 2 มวี ธิ ีที่สมปองไดเ ปน อุปนายกชมรม 1 วิธี ขัน้ ตอนที่ 3 มีวิธเี ลอื กเลขานกุ ารจากสมาชิก 18 คนทเ่ี หลอื 18 วธิ ี ขน้ั ตอนที่ 4 มีวธิ ีเลือกเหรญั ญกิ จากสมาชิก 17 คนท่เี หลือ 17 วิธี สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูม ือครูรายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 2 383 โดยหลักการคณู มีวิธเี ลอื กคณะกรรมการที่สมศรีเปน นายกชมรมและสมปองเปนอุปนายก ชมรม 1×1×18×17 วธิ ี นั่นคือ n(E=) 18×17 จะได P=( E ) nn=((ES )) 18 ×17= 1 20 ×19 ×18 ×17 380 ดงั นน้ั ความนาจะเปน ที่สมศรีไดเปน นายกชมรมและสมปองไดเ ปนอุปนายกชมรม เทากับ 1 380 28. ให S แทนปรภิ มู ติ ัวอยา งของการทดลองสุมนี้ จะได n=(S ) C=52,2 1,326 1) ให E1 แทนเหตุการณทีห่ ยิบไดไ พท มี่ ีหนาสีแดงท้ังสองใบ นั่นคอื n(=E1 ) C=26,2 325 จะได P=( E1 ) nn=((ES1)) =325 25 1, 326 102 ดงั นัน้ ความนาจะเปน ท่ีหยิบไดไพท่ีมีหนา สีแดงทง้ั สองใบ เทา กบั 25 102 2) ให E2 แทนเหตกุ ารณท่ีหยิบไดไ พโพดําและโพแดง นนั่ คือ n( E2 ) = C13,1 × C13,1 =13×13 =169 จะได P=( E2 ) nn=((ES2)) =169 13 1, 326 102 ดังน้ัน ความนา จะเปน ทห่ี ยบิ ไดไพโ พดําและโพแดง เทากบั 13 102 3) ให E3 แทนเหตุการณท่หี ยบิ ไดไพ J ท้ังสองใบ นน่ั คือ n( E=3 ) C=4,2 6 จะได P=( E3 ) nn=((ES3)) =6 1 1, 326 221 ดังน้นั ความนา จะเปนท่หี ยบิ ไดไพ J ทง้ั สองใบ เทากับ 1 221 สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
384 คูมือครูรายวชิ าเพมิ่ เติมคณติ ศาสตร ช้ันมธั ยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 2 29. ให S1 แทนปรภิ มู ติ วั อยางของการทดลองสุมหยิบสลาก 2 ใบ โดยใสสลากคนื กอนจะ หยบิ สลากใบทสี่ อง จะได n( S1 ) = C10,1 × C10,1 =10 ×10 =100 ให E1 แทนเหตกุ ารณที่ผลบวกของหมายเลขบนสลากทง้ั สองใบเทา กับ 10 เม่อื ใส สลากคนื กอนหยบิ สลากใบทส่ี อง จะได E1 = {(1, 9), (2, 8), (3, 7), (4, 6), (5, 5), (6, 4), (7, 3), (8, 2), (9,1)} จะได n(E1 ) = 9 นน่ั คอื P ( E=1 ) n( ES=11 )) =9 0.09 n( 100 ให S2 แทนปรภิ ูมติ ัวอยางของการทดลองสมุ หยิบสลาก 2 ใบ โดยไมใ สส ลากคืนกอ นจะ หยบิ สลากใบท่ีสอง จะได n( S2 ) = C10,1 × C9,1 = 10 × 9 = 90 ให E2 แทนเหตกุ ารณท่ีผลบวกของหมายเลขบนสลากทง้ั สองใบเทากบั 10 เมอ่ื ไมใส สลากคนื กอนหยบิ สลากใบทส่ี อง จะได E2 = {(1, 9), (2, 8), (3, 7), (4, 6), (6, 4), (7, 3), (8, 2), (9,1)} จะได n(E2 ) = 8 น่ันคือ P ( E2=) n( ES22=)) 8 ≈ 0.089 n( 90 เนื่องจาก P(E1) > P(E2 ) น่ันคือ ความนา จะเปน ทผี่ ลบวกของหมายเลขบนสลากท้ังสองเทากับ 10 เม่ือหยบิ สลาก แบบใสคืน มากกวา ความนาจะเปน ทีผ่ ลบวกของหมายเลขบนสลากทง้ั สองเทา กับ 10 เมื่อหยิบสลากแบบไมใสคนื ดงั นัน้ แหวนควรจะใสส ลากคืนกอนจะหยบิ สลากใบทส่ี อง 30. ให S แทนปรภิ ูมติ วั อยางของการทดลองสุมน้ี จะได n(S ) = C5,1 × C4,1 = 5× 4 = 20 ให E แทนเหตกุ ารณที่ครคู นนจ้ี ะสวมเสือ้ และกางเกงสตี า งกัน เนอ่ื งจาก มีวิธแี ตงตวั โดยสวมเสื้อและกางเกงสเี ดยี วกนั (เสอื้ สีดําและกางเกงสีดาํ ) 1× 2 =2 วธิ ี ดังนั้น มวี ิธีสวมเสอ้ื และกางเกงสตี างกนั 20 − 2 =18 วธิ ี นัน่ คอื n(E) =18 สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวิชาเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ชั้นมัธยมศกึ ษาปที่ 5 เลม 2 385 จะได P( E=) n( ES=)) 1=8 9 n( 20 10 ดังนั้น ความนา จะเปน ที่ครูคนนจ้ี ะสวมเส้อื และกางเกงสีตางกัน เทา กบั 9 10 31. ให S แทนปริภมู ิตัวอยา งของการทดลองสมุ น้ี จะได n=(S ) C=20,3 1,140 1) ให E1 แทนเหตกุ ารณทีจ่ ะไดพัดลมทมี่ ีคุณภาพดีมากทั้งสามเครอ่ื ง น่นั คอื n( E=1 ) C=8,3 56 จะได P=( E1 ) nn=((ES1)) =56 14 1,140 285 ดงั นน้ั ความนา จะเปนที่จะไดพดั ลมท่ีมคี ณุ ภาพดมี ากท้ังสามเครอ่ื ง เทากับ 14 285 2) ให E2 แทนเหตกุ ารณที่จะไดพัดลมท่มี คี ุณภาพปานกลางท้ังสามเคร่อื ง นัน่ คอื n( E=2 ) C=3,3 1 จะได P=( E2 ) nn=((ES2)) 1 1,140 ดังนนั้ ความนา จะเปน ทจ่ี ะไดพดั ลมท่ีมีคุณภาพปานกลางท้ังสามเครอื่ ง เทากับ 1 1,140 3) ให E3 แทนเหตกุ ารณท่ีจะไดพัดลมทีม่ ีคุณภาพปานกลางอยางนอ ยหนงึ่ เครอ่ื ง วิธที ่ี 1 ในการซ้ือพดั ลม 3 เครอ่ื ง จะไดพ ดั ลมที่มคี ุณภาพปานกลางอยางนอยหนงึ่ เคร่ือง แบงเปน 3 กรณี ดังนี้ กรณีที่ 1 มีวธิ ีท่จี ะไดพัดลมที่มคี ุณภาพปานกลางเพียงเคร่ืองเดยี ว 3× C17,2 =408 วธิ ี กรณีที่ 2 มีวิธีทจ่ี ะไดพดั ลมท่ีมคี ุณภาพปานกลางสองเครื่อง C3,2 ×17 =51 วิธี กรณีท่ี 3 มีวิธที ่จี ะไดพดั ลมท่ีมีคุณภาพปานกลางสามเครื่อง C3,3 =1 วธิ ี โดยหลกั การบวก มีวธิ ีที่จะไดพดั ลมที่มีคณุ ภาพปานกลางอยา งนอ ยหนง่ึ เครือ่ ง 408 + 51+1 =460 วิธี น่นั คอื n(E3 ) = 460 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
386 คูม อื ครรู ายวชิ าเพิ่มเติมคณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 2 จะได P=( E3 ) nn(=(ES3)) =460 23 1,140 57 ดังนั้น ความนา จะเปนที่จะไดพัดลมที่มีคณุ ภาพปานกลางอยา งนอ ยหน่ึงเครื่อง เทา กับ 23 57 วิธที ่ี 2 ในการซื้อพัดลม 3 เครือ่ ง จะไมไ ดพดั ลมท่ีมีคุณภาพปานกลางเลย ทาํ ได C17,3 = 680 วธิ ี จะไดว า มีวธิ ที ีจ่ ะไดพดั ลมท่ีมีคณุ ภาพปานกลางอยางนอยหนึ่งเครือ่ ง 1,140 − 680 =460 วิธี นั่นคอื n(E3 ) = 460 จะได P=( E3 ) nn(=(ES3)) =460 23 1,140 57 ดงั น้ัน ความนาจะเปนทจี่ ะไดพัดลมที่มคี ุณภาพปานกลางอยางนอยหนึง่ เคร่อื ง เทากับ 23 57 4) ให E4 แทนเหตกุ ารณท ีจ่ ะไดพัดลมท่มี คี ุณภาพดีมากสองเครื่องและปานกลางหน่งึ เคร่ือง นั่นคือ n( E4 ) = C8, 2 × C3,1 = 28× 3 = 84 จะได P=( E4 ) nn(=(ES4)) =84 7 1,140 95 ดังน้ัน ความนาจะเปนที่จะไดพัดลมที่มีคุณภาพดีมากสองเคร่อื งและปานกลางหนึง่ เครื่อง เทากบั 7 95 5) ให E5 แทนเหตุการณทีจ่ ะไดพัดลมท่ีมีคุณภาพดีมาก ดี และปานกลางอยางละเครอื่ ง นั่นคอื n( E5 ) = C8,1 × C9,1 × C3,1 = 8× 9 × 3 = 216 จะได P=( E5 ) nn(=(ES5)) =216 18 1,140 95 ดงั น้ัน ความนา จะเปนท่ีจะไดพัดลมท่ีมคี ุณภาพดีมาก ดี และปานกลางอยางละเคร่ือง เทากับ 18 95 สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวชิ าเพม่ิ เติมคณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 2 387 32. ให S แทนปรภิ มู ติ วั อยา งของการทดลองสุมน้ี จะได n( S ) = C10, 1 × C9, 1 = 10 × 9 = 90 ให E แทนเหตกุ ารณทีค่ ณุ อาเดารหัสบัตรเอทเี อ็มของทอรุง ถูกในการกดรหัสคร้ังแรก เนอ่ื งจาก รหสั บัตรเอทเี อม็ ที่ถกู ตองมีเพียง 1 รหสั จะได n(E) =1 นั่นคอื P=( E ) nn=((ES )) 1 90 ดังน้ัน ความนาจะเปนทค่ี ุณอาจะเดารหัสบตั รเอทีเอม็ ของทอรุงในการกดรหัสคร้ังแรก เทา กบั 1 90 33. ให S แทนปรภิ ูมิตวั อยา งของการทดลองสมุ นี้ เนอ่ื งจาก มบี ตั รเงนิ สดทงั้ หมด 50 +100 + 350 =500 ใบ จะได n(S ) = C500,2 ให E แทนเหตุการณที่บตั รเงินสดสองใบท่ีลูกคา สุมหยบิ ไดมมี ูลคานอยกวา 100 บาท น่นั คือ หยบิ ไมไดบ ัตรเงินสดมูลคา 100 บาทเลย ซึง่ ทาํ ได C450,2 วธิ ี นน่ั คอื n( E ) = C450,2 จะได P=( E ) nn=((ES )) C=450,2 4, 041 C500,2 4, 990 ดงั น้นั ความนา จะเปน ท่ีบตั รเงินสดสองใบแรกท่ลี กู คาสมุ หยบิ ไดมมี ลู คานอยกวา 100 บาท เทากบั 4,041 4, 990 34. ให S แทนปรภิ ูมติ ัวอยา งของการทดลองสุมนี้ จะได n( S ) = C6,2 × C4,2 × C2,2 = 90 ให E แทนเหตุการณทฝ่ี าแฝดอยกู ลุมเดียวกนั เน่อื งจากตอ งการใหฝ าแฝดอยกู ลุมเดยี วกนั นน่ั คือ จะเหลือจดั นกั เรยี น 4 คน เปน 2 กลุม ซง่ึ ทาํ ได 3× C4,2 × C2,2 =18 วธิ ี นัน่ คอื n(E) =18 สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
388 คมู ือครูรายวิชาเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปท ี่ 5 เลม 2 จะได P( E=) nn((ES=)) 1=8 1 90 5 ดงั นน้ั ความนาจะเปนท่ีฝาแฝดอยูกลมุ เดียวกัน เทา กบั 1 5 35. ให S แทนปริภมู ติ วั อยางของการทดลองสุมนี้ จะได n(S ) = 8×8 = 64 1) ให E1 แทนเหตกุ ารณท ี่ลกู เตาทั้งสองลูกขนึ้ แตม เทา กัน เน่ืองจาก E1 = {(1,1), (2, 2), (3, 3), (4, 4), (5, 5), (6, 6), (7, 7), (8, 8)} นน่ั คือ n(E1) = 8 จะได P ( E=1 ) nn((ES1=)) 8= 1 64 8 ดังนัน้ ความนา จะเปนทลี่ กู เตาทัง้ สองลูกข้นึ แตมเทากัน เทากบั 1 8 2) ให E2 แทนเหตุการณทผี่ ลรวมของแตมบนหนาลูกเตาทั้งสองหารดวย 5 ลงตวั เนอ่ื งจาก E2 = {(1, 4), (2, 3), (2, 8), (3, 2), (3, 7), (4,1), (4, 6),(5, 5), (6, 4), (7, 3), (7, 8), (8, 2), (8, 7)} นั่นคือ n(E2 ) =13 จะได P=( E2 ) nn=((ES2)) 13 64 ดงั น้ัน ความนา จะเปน ทีผ่ ลรวมของแตม บนหนา ลูกเตาทั้งสองหารดวย 5 ลงตวั เทา กับ 13 64 3) ให E3 แทนเหตกุ ารณท ี่ผลตางของแตมบนหนาลกู เตา ทงั้ สองเปน 2 เนื่องจาก E3 = {(1, 3), (2, 4), (3,1), (3, 5), (4, 2), (4, 6), (5, 3),(5, 7), (6, 4), (6, 8), (7, 5), (8, 6)} นนั่ คอื n(E3 ) =12 จะได P ( E=3 ) nn((ES3=)) 1=2 3 64 16 ดงั น้ัน ความนาจะเปนทผ่ี ลตางของแตมบนหนา ลูกเตาทง้ั สองเปน 2 เทา กับ 3 16 สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวชิ าเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 2 389 4) ให E4 แทนเหตกุ ารณทีผ่ ลรวมของแตม บนหนาลูกเตา ทง้ั สองเปน จาํ นวนคู แตผ ลตา ง ของแตมบนหนาลกู เตาท้ังสองเปน 4 เนื่องจาก E4 = {(1, 5), (2, 6), (3, 7), (4, 8), (5,1), (6, 2), (7, 3), (8, 4)} น่ันคอื n(E4 ) = 8 จะได P ( E4=) nn((ES4=)) 8= 1 64 8 ดงั น้นั ความนา จะเปน ทผ่ี ลรวมของแตมบนหนา ลูกเตาท้ังสองเปนจํานวนคู แตผ ลตา ง ของแตมบนหนา ลกู เตาทงั้ สองเปน 4 เทากับ 1 8 36. ให S แทนปริภูมิตวั อยา งของการทดลองสุม น้ี จะได n(S ) = 10! 4!4!2! ให E แทนเหตกุ ารณทเ่ี พื่อนสนิททั้งสองคนนี้จะไดนง่ั รถมาคันท่สี าม เนอื่ งจากใหเ พื่อนสนทิ ทั้งสองคนน่งั รถมา คนั ที่ 3 จะมีวิธีจดั นักทองเทยี่ วทเี่ หลือ 8 คน น่งั รถมา คนั ที่ 1 และ 2 ได 8! วิธี 4!4! น่นั คอื n(E) = 8! 4!4! จะได P ( E ) = n(E) = 8! × 4!4!2! =1 n(S) 4!4! 10! 45 ดังน้ัน ความนา จะเปนทีเ่ พ่อื นสนทิ ทงั้ สองคนนี้จะไดนั่งรถมาคันทส่ี าม เทา กบั 1 45 37. ให S แทนปริภมู ิตวั อยางของการทดลองสุม นี้ จะได n(S ) = 10! 3!2!4!1! 1) ให E1 แทนเหตกุ ารณท ่หี ลอดไฟสีเดยี วกนั อยตู ิดกัน พจิ ารณาหลอดไฟสีเดียวกันมัดติดกันเปนสิ่งของ 1 สงิ่ ดงั นนั้ จะมหี ลอดไฟอยู 4 หลอด จัดเรยี งได 4!= 24 วิธี เนื่องจากหลอดไฟแตล ะหลอดเหมือนกัน ในแตละมัดจึงจดั เรียงได 1 วธิ ี จะไดว า มีวิธจี ัดเรยี งหลอดไฟสเี ดียวกนั อยตู ิดกนั 24 วธิ ี นน่ั คือ n(E1) = 4! สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
390 คมู ือครรู ายวิชาเพ่มิ เติมคณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศึกษาปที่ 5 เลม 2 จะได P ( E1 ) =nn((ES1)) =4!× 3!2!4!1! =1 10! 525 ดงั นั้น ความนาจะเปน ทหี่ ลอดไฟสีเดยี วกนั อยตู ิดกนั เทากับ 1 525 2) ให E2 แทนเหตุการณท ี่หลอดไฟสีมวงไมอยูติดกัน เนื่องจากตอ งการใหหลอดไฟสีมว งไมอยูตดิ กนั จะแบง เปน 2 ข้นั ตอน ขั้นตอนที่ 1 จดั เรยี งหลอดไฟสีอ่ืน ๆ ที่ไมใชส มี วง ได 7! วธิ ี 2!4!1! ขน้ั ตอนท่ี 2 นําหลอดไฟสีมวงมาแทรกระหวางหลอดไฟสีอน่ื ๆ ได 8 ตําแหนง นั่นคอื มวี ิธีนาํ หลอดไฟสีมว งไปแทรกได C8,3 = 8! วิธี 5!3! ดังนัน้ จะมีวธิ ีจัดหลอดไฟสมี วงไมอ ยตู ิดกนั ได 7! × 8! วิธี 2!4!1! 5!3! น่ันคอื n=( E2 ) 7! × 8! 2!4!1! 5!3! จะได P ( E2 )= nn((ES2))= 7! × 8! × 3!2!4!1!= 7 2!4!1! 3!5! 10! 15 ดังนั้น ความนาจะเปนท่ีหลอดไฟสีมว งไมอยูติดกนั เทากบั 7 15 สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414