คมู ือครูรายวชิ าเพิม่ เตมิ คณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 2 291 3) เทียนหอม และ องิ ฟา เขาเสน ชยั 50 อนั ดับแรก มไี ด P50,2 รูปแบบ มะตมู และ ปนจนั่ เขา เสน ชัยในอันดับที่มากกวาอนั ดับท่ี 50 มไี ด P50,2 รูปแบบ และเหลือผูเขา แขงขันอีก 96 คน ซ่ึงจะเขาเสนชัยเปน อันดับใดก็ได ใน 96 อนั ดับท่เี หลือ มีได 96! รูปแบบ ดังน้ัน จํานวนรูปแบบการเขาเสน ชัยของผเู ขา แขงขนั ท้ังหมด โดยเทยี นหอมและองิ ฟา เขา เสน ชัย 50 อนั ดับแรก มะตมู และ ปน จ่นั เขาเสน ชยั ในอันดบั ที่มากกวา อันดบั ท่ี 50 คือ P50,2 × P50,2 × 96! = 492 × 502 × 96! รปู แบบ 4) เนื่องจากการแขง ขันนี้ใหร างวัลผูเขาเสนชยั สามอันดับแรก และ เทยี นหอมไดร างวลั แตอ ิงฟาไมไ ดรางวลั จะไดว า รูปแบบการเขาเสน ชยั ของ เทียนหอม มไี ด 3 รปู แบบ รูปแบบการเขาเสน ชัยของ องิ ฟา มีได 97 รูปแบบ และเหลือผเู ขา แขงขันอกี 98 คน ซ่งึ จะเขาเสนชยั เปน อนั ดับใดกไ็ ดใน 98 อนั ดบั ทเี่ หลอื มีได 98! รปู แบบ ดังนนั้ จํานวนรูปแบบการเขา เสนชยั ของผูเ ขาแขง ขนั ทั้งหมด โดยท่ี เทยี นหอมไดรางวัล แตอิงฟา ไมไดรางวัล คอื 3×97 ×98!= 291×98! รปู แบบ แบบฝกหดั 2.3 1. มกี ระถางตน ไมทั้งหมด 9 กระถาง เปน กระถางตนมะลิ 3 กระถาง เปน กระถางตน กหุ ลาบ 2 กระถาง และเปนกระถางตนดาวเรือง 4 กระถาง ดงั นน้ั จะจัดวางกระถางใหเ กิดรูปแบบท่ีแตกตา งกนั ได 9! =1,260 แบบ 3!2!4! 2. มีเลขโดดท้ังหมด 7 ตวั มเี ลขโดด 0 อยู 1 ตวั มเี ลขโดด 2 อยู 2 ตัว มเี ลขโดด 3 อยู 3 ตัว และมีเลขโดด 4 อยู 1 ตวั สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
292 คูมอื ครรู ายวชิ าเพิม่ เติมคณติ ศาสตร ช้นั มธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 2 วิธที ี่ 1 มีเลขโดดทไี่ มรวมศูนยทั้งหมด 6 ตัว คอื 2, 2, 3, 3, 3 และ 4 จะสามารถจัดเรียงเลขโดดเหลา นไี้ ด 6! = 60 วธิ ี 2!3!1! และนาํ เลขโดด 0 มาแทรกระหวางเลขโดดทจี่ ัดเรียงแลว โดยไมอ ยูตําแหนงแรกสดุ ได 6 ตําแหนง ดงั น้ัน จะสรางจํานวนท่ีมากกวาหนึง่ ลา นไดท ง้ั หมด 60× 6 =360 จาํ นวน วธิ ีท่ี 2 สามารถจดั เรยี งเลขโดดทั้ง 7 ตัวน้ี ได 7! = 420 จํานวน 1!2!3!1! ในจาํ นวนน้ี จะมีจาํ นวนท่นี อ ยกวา 1 ลา น นั่นคือ จํานวนที่มเี ลขโดด 0 อยใู น ตําแหนง แรก อยู 6! = 60 จาํ นวน 2!3!1! ดังนน้ั จะสรา งจาํ นวนท่มี ากกวาหนง่ึ ลา นไดท ั้งหมด 420 − 60 =360 จํานวน วิธีที่ 3 สรา งจาํ นวนทีม่ ากกวา หนึ่งลา นได 3 กรณี ดงั น้ี กรณที ี่ 1 เลขโดด 2 อยูในหลักลา น จดั เลขโดดทเี่ หลือในหลักอ่นื ๆ ได 6! =120 วิธี 1!1!3!1! กรณีที่ 2 เลขโดด 3 อยูในหลักลาน จดั เลขโดดทเี่ หลือในหลักอน่ื ๆ ได 6! =180 วธิ ี 1!2!2!1! กรณีท่ี 3 เลขโดด 4 อยูในหลักลาน จดั เลขโดดท่ีเหลอื ในหลักอ่ืนๆ ได 6! = 60 วธิ ี 1!2!3! ดงั นัน้ จะสรางจาํ นวนทม่ี ากกวาหน่ึงลานได 120 +180 + 60 =360 จํานวน 3. 1) เน่อื งจากมหี ลอดไฟทั้งหมด 15 หลอด เปนหลอดไฟสีขาว 4 หลอด หลอดไฟสีแดง 5 หลอด และหลอดไฟสีน้ําเงิน 6 หลอด ดงั นั้น จะมีวธิ ีประดับหลอดไฟไดแตกตา งกนั ท้ังหมด 15! = 630,630 วิธี 4!5!6! 2) เนื่องจากตอ งการใหหลอดไฟสีเดยี วกันอยตู ิดกนั จะพจิ ารณาวา หลอดไฟสเี ดียวกนั มดั ติดกนั โดยคดิ เปนส่ิงของ 1 ชน้ิ ดงั นั้น จะมหี ลอดไฟอยู 3 มดั จัดเรยี งได 3! วธิ ี เน่ืองจากในแตละมัดหลอดไฟสีเดยี วกนั ไมตางกัน จงึ ถือวาจัดเรยี งได 1 วิธี จะไดวา จะมวี ิธีประดับหลอดไฟ โดยใหห ลอดไฟสเี ดียวกนั อยูติดกนั ได 6 วิธี สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวิชาเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชั้นมัธยมศกึ ษาปที่ 5 เลม 2 293 3) เน่ืองจากตองการใหหลอดไฟสีขาวอยทู างซายสุด และหลอดไฟสีนาํ้ เงินอยทู างขวาสดุ ดังน้นั จะเหลอื หลอดไฟสขี าวและสีน้าํ เงินใหประดบั 3 และ 5 หลอด ตามลําดับ นน่ั คอื เหลือหลอดไฟท้ังหมด 13 หลอด เปน หลอดไฟสีขาว 3 หลอด หลอดไฟสแี ดง 5 หลอด และหลอดไฟสีนํา้ เงิน 5 หลอด ดงั นน้ั มวี ิธีประดับหลอดไฟ โดยใหหลอดไฟสขี าวอยูท างซายสุด และหลอดไฟสีน้าํ เงนิ อยูท างขวาสดุ ได 13! = 72,072 วธิ ี 3!5!5! 4. วิธีท่ี 1 มตี วั อักษรไมรวมตวั O ท้ังหมด 7 ตวั มีตัวอกั ษร C อยู 2 ตัว มตี ัวอักษร H, L, A, T และ E อยางละ 1 ตัว จะไดวา มวี ิธจี ดั เรียงตัวอักษรเหลา น้ไี ด 7! = 7! วธิ ี 2!1!1!1!1!1! 2! และนําตวั อักษร O มาแทรกระหวางตัวอกั ษรทจี่ ดั เรียงได 8 ตาํ แหนง ได P8,2 วิธี แตเ นอ่ื งจากตวั อักษร O อยู 2 ตวั เหมอื นกัน จะจัดเรยี งได P8,2 = 28 วิธี 2 ดังนนั้ จาํ นวนวิธีจดั เรยี งตวั อักษรดังกลา ว โดยตัวอกั ษร O ไมอยูติดกนั มี วธิ ีที่ 2 7!× 28 =70,560 วิธี 2! ในคําวา CHOCOLATE มีตัวอักษรทั้งหมด 9 ตัว มีตวั อักษร C อยู 2 ตวั มตี วั อักษร O อยู 2 ตวั และมีตัวอักษร H, L, A, T และ E อยา งละ 1 ตัว สามารถจดั เรียงตวั อักษรดังกลาวได 9! = 9! วธิ ี 2!2!1!1!1!1!1! 2!2! ในจาํ นวนนมี้ ีวธิ จี ดั เรยี งตวั อกั ษรโดยทอี่ ักษร O ทงั้ สองอยูตดิ กันได 8! = 8! วิธี 2!1!1!1!1!1! 2! ดังนัน้ จํานวนวิธีจดั เรยี งตัวอกั ษรดงั กลาว โดยตวั อกั ษร O ไมอ ยูตดิ กนั มี 9! −=8! 90,720 − 20,1=60 70,560 วิธี 2!2! 2! สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
294 คมู ือครูรายวิชาเพิ่มเตมิ คณติ ศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 2 5. ใหก ารเดนิ ทางไปทางทิศเหนือ 1 ชอ ง แทนดวยตวั อักษร N และการเดินทางไปทางทศิ ตะวนั ออก 1 ชอ ง แทนดว ยตัวอักษร E 1) การเดินทางจากจุด O ไปยงั จุด P จะพิจารณาเชนเดยี วกับการจดั เรียงตวั อักษร N จาํ นวน 8 ตัว และตัวอกั ษร E จํานวน 7 ตัว ซงึ่ จดั ได 15! วธิ ี 8!7! ดงั นั้น จาํ นวนเสนทางท้งั หมดจากจุด O ไปยังจดุ P มี 15! = 6,435 เสน ทาง 8!7! 2) เนอ่ื งจากตองการผา นจดุ A จะแบงออกเปน 2 ขั้นตอน ขัน้ ตอนท่ี 1 การเดินทางจากจดุ O ไปยงั จุด A จะพิจารณาเชนเดียวกับการจดั เรยี ง ตัวอักษร N จาํ นวน 4 ตวั และตัวอักษร E จาํ นวน 4 ตัว ซ่ึงจัดได 8! วธิ ี 4!4! ดงั น้นั จาํ นวนเสนทางจากจุด O ไปยงั จดุ A มี 8! เสน ทาง 4!4! ข้ันตอนที่ 2 การเดินทางจากจุด A ไปยังจดุ P จะพจิ ารณาเชนเดยี วกับการจัดเรยี ง ตัวอักษร N จาํ นวน 4 ตวั และตวั อักษร E จาํ นวน 3 ตัว ซ่ึงจัดได 7! วธิ ี 4!3! ดังน้นั จาํ นวนเสนทางจากจดุ A ไปยังจุด P มี 7! เสนทาง 4!3! จะไดวา จาํ นวนเสนทางทั้งหมดจากจดุ O ไปยงั จดุ P โดยผา นจุด A มี 8! × 7! =2,450 เสน ทาง 4!4! 4!3! แบบฝก หดั 2.4 1. การจดั นกั เรยี นทําการแสดง โดยท่ีนกั เรยี นหญิงหนงึ่ คนอยูตรงกลาง ทาํ ได 4 วิธี และจะเหลือนกั เรยี นอีก 6 คน ซึง่ สามารถเขาแถวเปน วงกลมได (6 −1)!=5! วธิ ี ดังนนั้ จะจัดนักเรียนเพื่อทําการแสดงใหเกิดรูปแบบทแ่ี ตกตา งกันทัง้ หมด ได 4×5!=480 วิธี 2. เน่อื งจากตองการใหนักเรยี นชายนงั่ ตดิ กนั และนกั เรยี นหญิงนัง่ ติดกัน จะพจิ ารณามดั คนนงั่ ตดิ กนั เปนของ 1 มัด ดังนัน้ จะมขี องอยู 2 มดั จัดเรียงเปนวงกลมได (2 −1)! วธิ ี ในแตละวธิ ีนี้ มดั ทเ่ี ปนนักเรยี นชาย 3 คนน้นั จัดเรยี งได 3! วิธี และมัดที่เปนนักเรยี นหญิง จัดเรยี งได 3! วธิ ี ดังนน้ั จะจัดนกั เรียนนัง่ รอบโตะ กลม โดยทนี่ ักเรยี นชายนัง่ ตดิ กนั และนักเรยี นหญงิ นั่งตดิ กัน ได (2 −1)!× 3!× 3!=36 แบบ สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวิชาเพ่มิ เตมิ คณติ ศาสตร ช้ันมัธยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 2 295 3. 1) จัดสมาชกิ ครอบครวั น้ีซง่ึ มี 6 คน นั่งรอบโตะกลม ไดทั้งหมด (6 −1)!=5!=120 แบบ 2) เนอ่ื งจากตองการใหพอ และแมนง่ั ติดกัน จะพจิ ารณามัดพอ แมเ ปนของ 1 มดั ดังน้นั จะมคี นทัง้ หมด 5 คน นั่งโตะเปน วงกลมได (5 −1)! แบบ ในแตละวิธีน้ี พอและแมส ามารถนั่งสลับได 2 แบบ ดังนัน้ จะจัดสมาชิกครอบครัวน้นี ง่ั โตะกลม โดยท่ีพอ และแมนงั่ ตดิ กัน ได (5 −1)!× 2 =48 แบบ 3) วธิ ีที่ 1 เนือ่ งจากตอ งการใหพอและแมไ มน่งั ตดิ กัน จะสามารถทําได 2 ขัน้ ตอน ดังนี้ ขั้นตอนท่ี 1 จัดลกู 4 คน นั่งรอบโตะกลม ได (4 −1)! วิธี ข้นั ตอนท่ี 2 จัดพอและแมน ่งั แทรกลูกทั้ง 4 คน ซึง่ มี 4 ตําแหนง ได P4,2 วิธี ดงั นัน้ จะจัดสมาชิกครอบครัวน้นี ั่งโตะ กลม โดยท่ีพอและแมไมน่ังตดิ กนั ได (4 −1)!× P4,2 =72 วธิ ี วธิ ีท่ี 2 เนือ่ งจากมวี ธิ จี ดั สมาชิกครอบครัวนี้ นง่ั รอบโตะกลมได 120 วธิ ี และจากขอ 2) จะมวี ธิ ีจัดสมาชิกครอบครัวน้ี น่ังรอบโตะกลม โดยใหพอ และแมน ่ัง ติดกนั ได 48 วิธี ดังนัน้ จะจัดสมาชกิ ครอบครัวนีน้ งั่ โตะ กลม โดยท่ีพอและแมไมน ง่ั ตดิ กัน ได 120 − 48 =72 วธิ ี 4. จดั ใหน กั เรียนชาย 4 คน น่งั เปน วงกลมกอน ได (4 −1)! วธิ ี ตอมาจดั นักเรยี นหญงิ 3 คน นง่ั แทรกระหวางนักเรียนชายซ่ึงมีท่วี าง 4 ตาํ แหนง ได P4,3 วิธี ดงั นั้น จะจัดนักเรยี นชายและนักเรยี นหญิงนั่งเปน วงกลม โดยไมใ หนักเรียนหญิงสองคนใด น่งั ตดิ กนั ได (4 −1)!× P4,3 =144 วธิ ี แบบฝก หัด 2.5 1. ตอ งการเลือกตัวแทนนักเรียน 5 คน จากนักเรียนกลุมหนึ่งซ่ึงมี 8 คน ทําได C=8,5 =8! 56 วิธี 3!5! 2. ตองการเลอื กทาํ ขอสอบ 4 ขอ จากขอสอบ 6 ขอ ทําได C=6,4 =6! 15 วิธี 2!4! สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
296 คูมอื ครูรายวิชาเพม่ิ เติมคณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 2 3. 1) เนือ่ งจากมีผลไมในตะกรา ทัง้ หมด 14 ผล ดังนัน้ จาํ นวนวิธีในการเลือกหยิบผลไม 4 ผล จากผลไม 14 ผล ในตะกรา เปน 14 = 1, 001 วิธี 4 2) เน่อื งจากตอ งการหยบิ ไดเงาะท้งั ส่ผี ล จะได หยบิ เงาะ 4 ผล จากเงาะ 8 ผล ทําได 8 = 70 วิธี 4 ดงั น้ัน จํานวนวธิ ใี นการเลอื กหยิบผลไม 4 ผล จากตะกรา โดยที่หยิบไดเ งาะทง้ั สผ่ี ล เปน 70 วิธี 3) เนอ่ื งจากตอ งการใหห ยบิ ไมไดสม เลย นน่ั คือ หยิบผลไม 4 ผล จากผลไม 10 ผลที่ไมใ ชส ม ในตะกรา ทาํ ได 10 = 210 วิธี 4 ดงั นนั้ จํานวนวธิ ีในการเลือกหยบิ ผลไม 4 ผล จากตะกรา โดยท่หี ยบิ ไมไดสมเลย เปน 210 วิธี 4. เนอ่ื งจากตองการหยบิ ลกู บอล 3 ลกู โดยทไ่ี ดลูกบอลทุกสี น่ันคือ หยิบไดสลี ะลูก หยบิ ลกู บอลสีแดง 1 ลกู จากลูกบอลสแี ดง 5 ลูก ได 5 วิธี 1 หยิบลูกบอลสีขาว 1 ลกู จากลกู บอลสีขาว 3 ลกู ได 3 วิธี 1 และหยิบลกู บอลสีนํา้ เงิน 1 ลูก จากลูกบอลสีนํ้าเงนิ 3 ลูก ได 3 วธิ ี 1 ดงั น้นั จาํ นวนวิธีการหยบิ ลูกบอล โดยท่ีไดล ูกบอลครบทุกสี เทา กบั 533 = 45 วธิ ี 1 1 1 5. 1) เนือ่ งจากมไี พส แี ดงและไพส ดี ําอยางละ 26 ใบ การหยบิ ไพใ บแรกไดไพสแี ดงและใบทสี่ องไดไ พสดี ํา สามารถทําไดดังนี้ ขน้ั ตอนที่ 1 เลือกไพสีแดง 1 ใบ จากไพส ีแดง 26 ใบ ทําได 26 วธิ ี 1 ขน้ั ตอนที่ 2 เลือกไพส ีดาํ 1 ใบ จากไพสีดํา 26 ใบ ทําได 26 วธิ ี 1 ดงั น้ัน จาํ นวนวธิ ที ีห่ ยิบไพใ บแรกไดไพสแี ดงและใบท่สี องไดไพส ดี าํ เทากับ 26 26 = 676 วธิ ี 1 1 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวชิ าเพ่มิ เตมิ คณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 2 297 2) เนื่องจากมไี พ K ทง้ั หมด 4 ใบ การหยบิ ไพไ ดไพ K ทง้ั สองใบ สามารถทาํ ไดดังน้ี ขน้ั ตอนท่ี 1 เลือกไพ K 1 ใบ จากไพ K ทั้งหมด 4 ใบ ทําได 4 = 4 วธิ ี 1 ข้ันตอนที่ 2 เลอื กไพ K 1 ใบ จากไพ K ทเ่ี หลือ 3 ใบ ทําได 3 = 3 วิธี 1 ดังนน้ั จาํ นวนวิธีท่หี ยิบไพ K ทง้ั สองใบ ทําได 4×3 =12 วิธี 6. 1) เนือ่ งจากปกรณต องไดร บั เลอื กใหเ ปน กรรมการ นนั่ คือจะสามารถเลือกกรรมการไดอีก 2 คน จากสมาชกิ 19 คน ซ่ึงทําได 19 = 171 วิธี 2 ดังนัน้ จํานวนวธิ ีในการเลอื กกรรมการ โดยทีป่ กรณต องไดรับเลือกใหเ ปนกรรมการ เทากบั 171 วธิ ี 2) เลอื กสามี หรอื ภรรยามาเปนกรรมการได 2 วธิ ี แลวจะสามารถเลือกกรรมการไดอีก 2 คน จากสมาชิก 18 คน ซึง่ ทําได 18 วิธี 2 ดังน้นั จํานวนวิธใี นการเลือกกรรมการ โดยท่สี ามภี รรยาคูหน่ึง ไดร ับเลือกเปนกรรมการ เพียงหน่ึงคน เทากับ 2 × 18 =306 วิธี 2 7. วธิ ที ่ี 1 การเลอื กผูแทน 3 คน จากคน 9 คน โดยตองมผี ูชายอยางนอย 1 คน แบงเปน 3 กรณี ดงั นี้ กรณที ่ี 1 มีผูชาย 1 คน เลือกผชู าย 1 คน จากผชู าย 4 คน ได 4 วิธี 1 เลือกผูหญิง 2 คน จากผหู ญงิ 5 คน ได 5 วิธี 2 ดงั นั้น จาํ นวนวิธเี ลือกไดผ ชู าย 1 คน เทากบั 45 = 40 วิธี 1 2 สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
298 คมู ือครูรายวิชาเพ่มิ เตมิ คณิตศาสตร ช้ันมธั ยมศึกษาปท ี่ 5 เลม 2 กรณที ี่ 2 มีผชู าย 2 คน เลอื กผูช าย 2 คน จากผูชาย 4 คน ได 4 วธิ ี 2 เลอื กผหู ญิง 1 คน จากผหู ญิง 5 คน ได 5 วธิ ี 1 ดังนั้น จาํ นวนวิธเี ลอื กไดผชู าย 2 คน เทา กับ 4 5 = 30 วธิ ี 2 1 กรณที ี่ 3 มีผชู าย 3 คน เลือกผูชาย 3 คน จากผูชาย 4 คน ได 4 วธิ ี 3 ดงั น้นั จํานวนวธิ ีเลอื กไดผ ูชาย 3 คน เทากับ 4 = 4 วธิ ี 3 จะได จํานวนวิธเี ลอื กผูแ ทน 3 คน โดยตอ งมผี ูชายอยางนอ ย 1 คน เทากบั 40 + 30 + 4 =74 วธิ ี วธิ ที ี่ 2 วธิ เี ลือกผแู ทน 3 คน จากคน 9 คน ทําได 9 = 84 3 มีวิธกี ารเลือกผแู ทน 3 คน โดยเปนผูหญงิ ทั้งสามคน ได 5 = 10 วิธี 3 ดงั นนั้ จาํ นวนวธิ เี ลอื กผแู ทน 3 คน โดยตองมผี ูชายอยางนอย 1 คน เทากับ 84 −10 =74 วธิ ี 8. เนอ่ื งจากตอ งการใหมีมะละกอและละมุดรวมอยูด วย จงึ จะพจิ ารณาวาเลือกผลไม 2 ชนดิ จาก 4 ชนิดท่ีเหลือ คือ แกวมังกร ชมพู ฝร่ัง และนอยหนา ซ่ึงทาํ ได 4 = 6 วิธี 2 ดงั นนั้ จาํ นวนวธิ ีเลือกผลไม 4 ชนิด ที่มีมะละกอและละมุดรวมอยดู วย เทา กับ 6 วธิ ี สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวชิ าเพมิ่ เตมิ คณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 2 299 9. การสรา งรูปหลายเหลีย่ มจากจุดบนวงกลม 6 จุด ทาํ ได 4 กรณี ดงั นี้ กรณที ่ี 1 สรา งรปู สามเหลี่ยม เลอื กจุด 3 จดุ จากจดุ 6 จุด ได 6 = 20 วธิ ี 3 กรณที ่ี 2 สรางรปู สี่เหลี่ยม เลอื กจดุ 4 จดุ จากจุด 6 จดุ ได 6 = 15 วิธี 4 กรณที ่ี 3 สรา งรูปหาเหลีย่ ม เลือกจุด 5 จดุ จากจดุ 6 จุด ได 6 = 6 วิธี 5 กรณีที่ 4 สรางรปู หกเหลยี่ ม เลือกจดุ 6 จุด จากจดุ 6 จุด ได 6 =1 วิธี 6 ดงั นัน้ จํานวนวธิ ีสรางรูปหลายเหลย่ี มแนบในวงกลมโดยใชจดุ เหลานี้เปน จดุ ยอด เทา กบั 20 +15 + 6 +1 =42 วธิ ี 10. จากโจทย จะไดว ามสี ม 6 ผล มงั คดุ 3 ผล และมะมวง 1 ผล การหยิบไดผลไมช นิดละ 1 ผล ทาํ ไดโดย หยบิ สม 1 ผล จากสม 6 ผล ได 6 วิธี 1 หยิบมงั คดุ 1 ผล จากมังคดุ 3 ผล ได 3 วิธี 1 หยบิ มะมวง 1 ผล จากมะมวง 1 ผล ได 1 วธิ ี 1 ดังนน้ั จํานวนวิธหี ยิบผลไมจ ากตะกรา ใบนีจ้ ํานวน 3 ผล โดยหยบิ ผลไมไดช นดิ ละ 1 ผล เทากับ 631 = 18 วธิ ี 1 1 1 สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
300 คูมือครูรายวิชาเพม่ิ เตมิ คณติ ศาสตร ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 2 แบบฝกหัด 2.6 1. 1) (2x + 3y)5 = 5 ( 2 x )5 + 5 ( 2 x )4 (3y) + 5 ( 2 x )3 (3y)2 + 5 ( 2 x )2 ( 3 y )3 2) 0 1 2 3 3) ( )2x2 − y 5 + 5 ( 2 x ) (3 y )4 + 5 ( 3 y )5 4 5 = (2x)5 + 5(2x)4 (3y) +10(2x)3 (3y)2 +10(2x)2 (3y)3 +5(2x)(3y)4 + (3y)5 = 32x5 + 240x4 y + 720x3 y2 + 1080x2 y3 + 810xy4 + 243y5 ( )= 2x2 + (− y) 5 5 5 5 4 5 3 5 2 (− y)3 ( ) ( ) ( ) ( )= 2x2 + 1 2x2 ( − y ) + 2 2x2 ( − y )2 + 3 2x2 0 ( )+ 5 2x2 (− y )4 + 5 ( − y )5 4 5 5 4 3 y2 −10 2 y3 + 5 −5 y +10 ( ) ( ) ( ) ( ) ( )=2x2 2x2 2x2 2x2 2x2 y4 − y5 = 32x10 − 80x8 y + 80x6 y2 − 40x4 y3 + 10x2 y4 − y5 3x − 2 7 = 3x + − 2 7 y y = 7 (3x)7 + 7 ( 3x )6 − 2 + 7 (3x )5 − 2 2 + 7 (3x)4 − 2 3 0 1 y 2 y 3 y + 7 (3x )3 − 2 4 + 7 (3x)2 − 2 5 + 7 (3x ) − 2 6 + 7 − 2 7 4 y 5 y 6 y 7 y = (3x)7 − 7 (3x )6 2 + 21( 3x )5 2 2 − 35 ( 3x )4 2 3 + 35 ( 3x )3 2 4 y y y y −21(3x )2 2 5 + 7 (3x ) 2 6 − 2 7 y y y = 2187x7 − 10206x6 + 20412x5 − 22680x4 + 15120x3 − 6048x2 y y2 y3 y4 y5 + 1344x − 128 y6 y7 สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูม อื ครรู ายวิชาเพม่ิ เติมคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 2 301 4) x + 3 4 = 4 x 4 + 4 x 3 3 + 4 x 2 3 2 + 4 x 3 3 + 4 3 4 2 y 2 2 y 2 y 2 y y 0 1 2 3 4 = x 4 + 4 x 3 3 + 6 x 2 3 2 + 4 x 3 3 + 3 4 2 2 y 2 y 2 y y = x4 + 3x3 + 27x2 + 54x + 81 16 2 y 2 y2 y3 y4 2. จากทฤษฎีบททวินาม พจนท ่ีมี x6 y4 คือ 10 ( 2 x )6 ( 3 y )4 = 210(2x)6 (3y)4 4 = (210) 2634 x6 y4 ดงั นัน้ สัมประสทิ ธิ์ของ x6 y4 คอื (210)2634 3. จากทฤษฎีบททวนิ าม พจนท่ีมี x5 y16 คอื ( ) ( )13 8 ( x )5 2y2 = 1287( x)5 2 y2 8 8 = (1287) 28 x5 y16 ดงั นั้น สมั ประสิทธขิ์ อง x5 y16 คอื (1287)28 4. จากทฤษฎีบททวินาม พจนท ่ีมี x9 y14 คือ ( ) ( )10 3 7 ( ) ( )= −120 x3 3 3y2 7 x3 −3 y 2 7 = −(120)37 x9 y14 ดงั นน้ั สมั ประสทิ ธิ์ของ x9 y14 คือ −(120)37 5. จากทฤษฎบี ททวนิ าม พจนที่มี x7 คือ 10 ( 2 x )7 ( −3)3 = −120(2x)7 (3)3 3 = −(120) 2733 x7 ดังนั้น สมั ประสิทธ์ขิ อง x7 คือ −(120)2733 สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
302 คมู อื ครูรายวชิ าเพิ่มเตมิ คณติ ศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 5 เลม 2 6. จากทฤษฎบี ททวนิ าม พจนที่ k +1 คือ 6−k 6 x2 − 3 k = 6 ⋅ x12−2k ( −3)k k 4 x k 46−k ⋅ xk = 6 ⋅ ( −3)k ⋅ x12−2k −k k 46−k = 6 ⋅ ( −3)k ⋅ x12−3k k 46−k ให 12 − 3k = 0 จะได k = 4 ดังนน้ั พจนท่ีไมม ี x คือ พจนที่ 5 น่ันคอื 6 x2 2 − 3 4 = x2 2 3 4 4 4 x 15 4 x ( )= 15 1 34 16 ดังนัน้ พจนท่ีไมมี x คือ 1215 16 แบบฝกหัดทายบท 1. รปู สี่เหล่ียมผนื ผาท่ีเกดิ จากการเรียงกระเบื้องขางตน มี 6 ขนาด ไดแ ก ขนาดท่ี 1 รปู สีเ่ หลี่ยมผืนผา มีทง้ั หมด 6 รูป ขนาดที่ 2 รปู สี่เหลย่ี มผืนผา มที ง้ั หมด 3 รูป ขนาดท่ี 3 รูปส่ีเหลยี่ มผืนผา มีทั้งหมด 6 รปู ขนาดที่ 4 รูปสี่เหลย่ี มผืนผา มที ้ังหมด 3 รูป ขนาดที่ 5 รูปส่เี หลีย่ มผืนผา มที ั้งหมด 2 รปู ขนาดที่ 6 รปู สี่เหลี่ยมผืนผา มีท้ังหมด 2 รูป ดงั นน้ั การจัดเรียงกระเบื้องขางตน มีรูปสเ่ี หล่ียมผนื ผาทัง้ หมด 6 + 3 + 6 + 3 + 2 + 2 =22 รปู สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวิชาเพมิ่ เติมคณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที่ 5 เลม 2 303 2. ผูโดยสารจะลงเรือขามฟากเท่ียวไปและเทีย่ วกลับ มี 2 ขั้นตอน คือ ขน้ั ตอนท่ี 1 ผูโดยสารลงเรือขา มฟากเทยี่ วไป ได 3 วิธี ขั้นตอนที่ 2 ผูโ ดยสารลงเรือขามฟากเท่ียวกลบั โดยไมซาํ้ กับเที่ยวไป ได 2 วิธี ดงั นั้น จํานวนวธิ ีท่ีผโู ดยสารจะขา มฟากโดยท่เี ท่ียวไปและเท่ยี วกลับลงเรอื ไมซ ้ําลํากนั เทา กบั 3× 2 =6 วิธี 3. หมายเลขที่นง่ั ในสนามกีฬาแหง นี้ มีองคประกอบ 3 สว น สวนท่ี 1 ระบโุ ซนที่นัง่ มี 20 โซน สว นที่ 2 ระบุแถวในโซน มี 26 แถว สว นที่ 3 ระบตุ ําแหนงทนี่ ่งั ในแถว มี 30 ทีน่ ัง่ ดงั นน้ั จาํ นวนท่นี ั่งทั้งหมดในสนามกีฬาแหงน้ี เทากับ 20× 26×30 =15,600 ทีน่ ั่ง 4. 1) การทักทายระหวางผูแทนไทยและเจา ภาพจนี เกดิ ขึ้นท้งั หมด 25×15 =375 คร้ัง 2) การทกั ทายระหวางผแู ทนไทยและเจาภาพญ่ปี ุนเกิดข้นึ ทง้ั หมด 24×10 =240 ครง้ั 3) การทักทายตลอดการเดินทางเกิดข้ึนทั้งหมด 375 + 240 =615 ครง้ั 5. 1) รหัสประจําตัวพนกั งาน มีองคประกอบ 2 สวน ดังนี้ สว นท่ี 1 ตัวอักษรภาษาองั กฤษ 1 ตวั มไี ด 26 ตวั สวนที่ 2 เลขโดด 3 ตวั ทไี่ มเปน ศูนยทั้งหมด โดยเลขโดดซ้าํ กนั ได มี 999 จํานวน ดงั นน้ั รหัสประจําตัวของพนักงานบริษัทแหง นม้ี ีไดท ั้งหมด 26×999 =25,974 รหัส 2) รหัสประจาํ ตวั พนักงาน มอี งคประกอบ 2 สว น ดังนี้ สว นท่ี 1 ตัวอกั ษรภาษาองั กฤษ 1 ตวั มไี ด 26 ตัว สวนท่ี 2 เลขโดด 3 ตวั ที่ไมเปน ศูนยท ั้งหมด โดยไมมเี ลขโดดทีซ่ า้ํ กัน มไี ด 10× 9×8 =720 จํานวน ดงั นัน้ รหสั ประจําตวั ของพนักงานบรษิ ัทแหงนม้ี ีไดท ั้งหมด 26× 720 =18,720 รหสั 6. หมายเลขทะเบียนรถยนตน ่ังสวนบคุ คลในกรุงเทพมหานคร ประกอบดวย 3 สวน ดงั นี้ สวนท่ี 1 เลขโดดที่ไมใช 0 มีได 9 ตัว สวนที่ 2 พยัญชนะไทย 2 ตวั ทไ่ี มใช งง จน ศพ ตด มไี ด (35×35) − 4 แบบ สวนที่ 3 จํานวนเต็มบวกทไี่ มเกิน 4 หลัก มไี ด 9,999 จํานวน ดังน้ัน หมายเลขทะเบยี นรถยนตน ง่ั สวนบคุ คลในกรุงเทพมหานคร มีไดส งู สุด 9 × ((35× 35) − 4) × 9,999 =109,879,011 หมายเลข 7. เนื่องจากขอสอบแตละขอ นักเรยี นสามารถตอบได 2 วิธี ดังน้ัน จํานวนวิธีทน่ี ักเรียนคนน้ีทําขอ สอบชุดนี้ โดยตอบคาํ ถามครบทกุ ขอ เทา กบั 210 =1,024 วธิ ี สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
304 คูม อื ครูรายวิชาเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ช้ันมธั ยมศึกษาปที่ 5 เลม 2 8. เน่ืองจากจุด 1 จดุ สามารถแทนการปรากฏของจดุ นูนและแทนการไมป รากฏของจดุ นูน น่ันคอื จดุ 1 จุด มลี ักษณะทเี่ ปนไปได 2 รูปแบบ จะไดวา ลกั ษณะของเซลลท ี่เปนไปไดมีทงั้ หมด 26 รูปแบบ แตอกั ษรเบรลลแ ตล ะเซลลต อ งมจี ุดนูนอยางนอย 1 ตาํ แหนง ซึ่งรูปแบบท่ีทั้ง 6 จุด ไมม ีจุดนนู มี 1 รปู แบบ ดังนนั้ รปู แบบที่เปนไปไดส าํ หรบั แตล ะเซลล เทากบั 26 −1=63 รปู แบบ 9. เขียนตารางแสดงแตม ทไ่ี ดจากการทอดลูกเตาหนง่ึ ลกู สองคร้ัง ไดด ังน้ี ครั้งที่ 1 1 2 3 4 5 6 ครัง้ ท่ี 2 (1, 1) (1, 2) (1, 3) (1, 4) (1, 5) (1, 6) 1 (2, 1) (2, 2) (2, 3) (2, 4) (2, 5) (2, 6) 2 (3, 1) (3, 2) (3, 3) (3, 4) (3, 5) (3, 6) 3 (4, 1) (4, 2) (4, 3) (4, 4) (4, 5) (4, 6) 4 (5, 1) (5, 2) (5, 3) (5, 4) (5, 5) (5, 6) 5 (6, 1) (6, 2) (6, 3) (6, 4) (6, 5) (6, 6) 6 1) จากตาราง จํานวนวธิ ีท่ีผลรวมของแตม เทา กับเจ็ด เปน 6 วิธี 2) วิธที ่ี 1 จากตาราง จาํ นวนวธิ ีทผี่ ลรวมของแตม ไมเทากบั เจด็ เปน 30 วธิ ี วธิ ีท่ี 2 เนอื่ งจาก จาํ นวนวิธีท่ไี ดแตมจากการทอดลกู เตาสองครง้ั เปน 36 วธิ ี และจาํ นวนวธิ ีที่ผลรวมของแตม เทากับเจด็ เปน 6 วิธี ดงั นั้น จาํ นวนวิธีทผ่ี ลรวมของแตมไมเทา กบั เจ็ด เปน 36 − 6 =30 วิธี 10. จาํ นวนวธิ ใี นการเรยี งหนงั สอื 4 เลม จาก 6 เลม เปนแถวบนชัน้ วางหนังสือช้นั หนง่ึ เป=น P6,4 (=6 −6!4)! 360 วธิ ี 11. จํานวนวิธีในการเลือกกรรมการชดุ น้ี 4 คน เพ่อื ทําหนา ท่ีตา งกนั จากผเู ขา สมคั ร 50 คน เป=น P50,4 (=505−0!4)! 5,527,200 วิธี 12. มีตวั อกั ษรท้งั หมด 11 ตัว มีตัวอักษร M, A และ T อยางละ 2 ตวั และมตี วั อักษร H, E, I, C และ S อยา งละ 1 ตวั สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวชิ าเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 2 305 1) เน่ืองจากตอ งการใหต วั อกั ษรตวั แรกและตวั สดุ ทา ยเปน สระเดยี วกนั และเนื่องจากสระที่มี 2 ตัว คอื ตัวอกั ษร A จะจดั A ใหอ ยูในตาํ แหนง แรกและตาํ แหนง สุดทายได 1 วิธี จะไดว า เหลอื ตัวอกั ษรทีน่ าํ มาเรียงระหวาง A ท้งั สองตวั 9 ตวั ดงั นน้ั จํานวนวธิ ีการเรียงตวั อักษร โดยทอี่ ักษรตวั แรกและอักษรตัวสุดทา ยเปนสระ เดียวกนั เทากบั 9! = 90,720 วิธี 2!2!1!1!1!1!1! 2) เนอื่ งจากตองการใหพยัญชนะเดยี วกันอยตู ิดกนั จงึ พจิ ารณาวา พยัญชนะเดียวกนั เปน ตวั อกั ษร 1 ตวั ดงั นน้ั จะมตี ัวอักษรอยู 9 ตวั โดยมเี พยี งตัวอักษร A ที่มี 2 ตัว ดงั นน้ั จาํ นวนวิธีการจดั เรียงตัวอกั ษร โดยที่พยัญชนะเหมือนกันอยตู ิดกัน เทา กบั 9! = 181,440 วธิ ี 2!1!1!1!1!1!1!1! 3) เนือ่ งจากตัวอกั ษรตัวแรกเปน สระ จะมี 3 กรณี คอื กรณที ี่ 1 ตวั อักษรตัวแรกเปน A จะไดว า มวี ธิ จี ดั เรียงตัวอักษรทเี่ หลือทั้งหมด 10! = 907,200 วธิ ี 2!2!1!1!1!1!1!1! กรณีที่ 2 ตวั อกั ษรตัวแรกเปน E จะไดว า มีวิธีจัดเรยี งตัวอักษรทีเ่ หลอื ทง้ั หมด 10! = 453,600 วธิ ี 2!2!2!1!1!1!1! กรณีที่ 3 ตวั อกั ษรตวั แรกเปน I จะไดว า มวี ิธีจัดเรยี งตัวอักษรทเ่ี หลอื ทั้งหมด 10! = 453,600 วิธี 2!2!2!1!1!1!1! ดังนัน้ จาํ นวนวธิ ีการเรยี งตวั อักษร โดยท่ีตัวอักษรตวั แรกเปนสระ เทากับ 907, 200 + 453,600 + 453,600 =1,814, 400 วิธี 13. 1) หลักพนั หลกั รอย หลักสิบ หลักหนวย หลักแสน หลกั หม่นื เลขโดดในหลกั แสนตอ งเปน เลข 4 และจดั เรียงเลขโดดที่เหลอื ได 5! = 20 วิธี 1!1!3! ดังน้นั สรางจํานวน 6 หลกั ที่อยูระหวาง 400,000 ถึง 500,000 ได 20 จาํ นวน สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
306 คูมอื ครูรายวชิ าเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที่ 5 เลม 2 2) เลขโดดในหลกั แสนตอ งเปนเลข 5 และจัดเรียงเลขโดดท่ีเหลอื ได 5! = 30 วธิ ี 1!2!2! ดงั นัน้ สรา งจาํ นวน 6 หลัก ท่มี ากกวา 500,000 ได 30 จํานวน 3) การสรางจํานวนทมี่ ากกวา 400,000 และเปน จํานวนคู มี 2 กรณี คือ กรณีที่ 1 เลขโดดในหลักแสนเปน เลข 4 เลขโดดในหลักหนวยเปนเลข 0 หรอื 4 ได 2 วิธี และจัดเรยี งเลขโดดท่ีเหลอื ได 4! วิธี 3!1! ดังน้ัน สรา งจาํ นวนดงั กลา วได 2× 4! =8 จาํ นวน 3!1! กรณที ่ี 2 เลขโดดในหลักแสนเปนเลข 5 กรณยี อยที่ 2.1 เลขโดดในหลกั หนว ยเปน 0 จัดเรยี งเลขโดดท่เี หลือได 4! วิธี 2!2! ดงั นน้ั สรา งจาํ นวนดังกลา วได 4! = 6 วิธี 2!2! กรณยี อ ยที่ 2.2 เลขโดดในหลักหนว ยเปน 4 จัดเรียงเลขโดดที่เหลอื ได 4! วธิ ี 2!1!1! ดังนน้ั สรางจาํ นวนดังกลา วได 4! =12 วิธี 2!1!1! ดังนั้น สรา งจาํ นวนดงั กลาวได 6 +12 =18 จํานวน จะไดว า สรางจํานวน 6 หลัก ที่มากกวา 400,000 และเปน จํานวนคูได 8 +18 =26 จาํ นวน 14. เนอื่ งจากตองการใหหลอดไฟสีเดยี วกันอยูตดิ กนั จะพจิ ารณาวาหลอดไฟสเี ดยี วกนั มดั ตดิ กนั และคดิ เปนสงิ่ ของ 1 ช้ิน ดังนั้น จะมีหลอดไฟอยู 3 มัด จัดเรยี งเปนวงกลมได (3 −1)! วิธี ในแตละวิธีนี้ มดั ท่ีเปนหลอดไฟสีแดงท่ีตางกนั 2 หลอด จัดเรยี งได 2! วิธี มดั ท่ีเปนหลอดไฟสีเหลืองทีต่ างกนั 3 หลอด จดั เรยี งได 3! และมัดท่ีเปนหลอดไฟสีน้ําเงินทต่ี า งกัน 4 หลอด จัดเรยี งได 4! วธิ ี ดงั น้นั จํานวนวธิ ีจดั หลอดไฟเปนวงกลมโดยใหห ลอดไฟสีเดียวกันอยตู ดิ กนั เทากับ (3 −1)!2!3!4! =576 วิธี สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวิชาเพม่ิ เตมิ คณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปท ี่ 5 เลม 2 307 15. เนอ่ื งจากตอ งการใหห ลอดไฟสแี ดงอยตู ดิ กัน จะพจิ ารณาวาหลอดไฟสแี ดงท้ัง 3 หลอดมัดรวมกนั เปน สง่ิ ของ 1 มดั ดังน้ัน จะมีหลอดไฟอยูทง้ั หมด 7 หลอด จัดเรยี งได 7! วิธี 1!4!2! ในแตละวิธี มดั ท่ีเปน หลอดไฟสีแดงทต่ี างกัน จัดเรียงได 3! วิธี ดงั นั้น จาํ นวนวธิ จี ัดหลอดไฟท้ังหมดโดยใหหลอดไฟสีแดงอยูติดกัน เทากับ 7! ×3!=630 วิธี 1!4!2! 16. 1) เนือ่ งจากตอ งการใหกุล กั้ง และกงุ นัง่ ติดกนั จะพิจารณาวาทั้งสามคนมดั ติดกัน โดยคิดเปนนกั เรียน 1 คน ดังน้ัน จะมีนักเรยี นอยู 8 คน ซึง่ จัดเรยี งเปน วงกลมได (8 −1)! วธิ ี แตล ะวิธีน้ี ทั้งสามคน จะจัดเรียงได 3! วธิ ี ดงั นน้ั จํานวนวิธีจัดนักเรยี นทง้ั 10 คน นัง่ รอบโตะ กลม โดยที่กลุ ก้งั และกงุ นั่งตดิ กัน เทา กบั (8 −1)!× 3!=30,240 วธิ ี 2) จัดนักเรียน 7 คน น่ังเปนวงกลมกอ น ได (7 −1)! วิธี ตอ มาจดั กลุ กง้ั และกุง ใหน ง่ั แทรกระหวางนกั เรยี น 7 คนนัน้ ซึง่ มีตาํ แหนงทแ่ี ทรกได 7 ทน่ี ัง่ จะจัดได P7,3 วธิ ี ดงั นั้น จาํ นวนวธิ ีจัดนกั เรียนทงั้ 10 คน นง่ั รอบโตะกลม โดยท่ไี มมสี องคนใดในกลุ กง้ั และกุง นัง่ ติดกนั เทากับ (7 −1)!× P7,3 =151,200 วิธี 3) จดั นักเรียน 7 คน น่งั เปน วงกลมกอน ได (7 −1)! วิธี เนอื่ งจากตอ งการใหกลุ และกั้งน่ังตดิ กัน จะพิจารณาใหท ้ังสองคนน้ีมดั ตดิ กนั โดยคดิ เปน นกั เรยี น 1 คน ซงึ่ จะจัดแทรกระหวางนักเรยี น 7 คน ได P7,2 วิธี แตล ะวิธนี ี้ กุลและกั้งนัง่ สลบั ที่กันไดอีก 2! วธิ ี ดังน้นั จาํ นวนวิธจี ัดนักเรียนท้ัง 10 คน นงั่ รอบโตะ กลม โดยทก่ี ลุ และกงั้ นง่ั ตดิ กนั แตก ุงไมน่ังตดิ กับท้ังกลุ และก้ัง เทากบั (7 −1)!× P7,2 × 2 =60,480 วิธี 17. เลอื กจุด 2 จดุ จากจุด 10 จดุ ทาํ ได 10 = 45 แบบ 2 ดังนน้ั สามารถลากสว นของเสน ตรงเชื่อมจดุ 2 จุด จากจดุ 10 จุด ได 45 เสน สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
308 คมู ือครรู ายวชิ าเพิม่ เติมคณิตศาสตร ชัน้ มธั ยมศึกษาปท่ี 5 เลม 2 18. 1) เน่ืองจากชมรมหมากรกุ มีสมาชกิ ทง้ั หมด 10 คน การจับคเู ลน หมากรกุ จะตอ งเลอื กคนมา 2 คน จาก 10 คนน้ี ทาํ ได 10 = 45 แบบ 2 ดงั นนั้ จํานวนวิธีการจับคเู ลน หมากรุก เทากบั 45 วธิ ี 2) เนอ่ื งจากตองการใหเ พศตรงขามหามจบั คูกัน แบง ได 2 กรณี คอื กรณที ่ี 1 ผชู ายจับคกู ับผชู าย เลอื กชาย 2 คน จากชาย 6 คน ทําได 6 = 15 วิธี 2 กรณที ่ี 2 ผหู ญงิ จบั คูกบั ผหู ญิง เลอื กหญิง 2 คน จากหญิง 4 คน ทาํ ได 4 = 6 วิธี 2 ดงั นนั้ จาํ นวนวธิ ีในการจับคูเ ลนหมากรกุ โดยทเี่ พศตรงขา มกันหา มจับคกู ัน เทา กับ 15 + 6 =21 วิธี 19. ตองการเลอื กคณะกรรมการ โดยตอ งมผี ูชายอยางนอย 2 คน แบงเปน 2 กรณี ดังนี้ กรณีท่ี 1 มีผชู าย 2 คน เลือกผูชาย 2 คน จากผชู าย 4 คน ได 4 วธิ ี 2 และเลอื กผูห ญิง 1 คน จากผูหญิง 5 คน ได 5 วิธี 1 ดงั นั้น จํานวนวธิ ีเลอื กคณะกรรมการ 3 คน โดยมีผชู าย 2 คน เทา กบั 4 5 = 30 วิธี 2 1 กรณที ี่ 2 มีผูชาย 3 คน เลือกผูช าย 3 คน จากผชู าย 4 คน ได 4 วธิ ี 3 ดังน้ัน จํานวนวิธเี ลอื กคณะกรรมการเปนผชู าย 3 คน เทา กับ 4 วธิ ี จะได จํานวนวธิ ีในการเลือกคณะกรรมการ 3 คน โดยตองมีผชู ายอยางนอ ย 2 คน เทากับ 30 + 4 =34 วิธี สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวชิ าเพม่ิ เติมคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 2 309 20. ตอ งการเลือกนักเรยี น 10 คน มายนื เปนวงกลม ทําได 2 ข้ันตอน ดังนี้ ขนั้ ตอนที่ 1 เลือกนักเรยี น 10 คน จากนกั เรียน 40 คน ทาํ ได 40 วิธี 10 ขนั้ ตอนท่ี 2 จดั นกั เรยี น 10 คนที่เลือกมา ยนื เปนวงกลม ทาํ ได (10 −1)! วธิ ี ดงั นน้ั จํานวนวธิ กี ารจดั นักเรยี น 10 คน มายืนถา ยรูปเปนวงกลม เทากับ 40 × (10 − 1)!= 40 × 9! วธิ ี 10 10 21. การจอดรถของฝนและฝน โดยใหจ อดหา งกนั หนง่ึ ชอ ง แบงเปน 2 กรณี คอื กรณีที่ 1 ถา ฝนจอดชองที่ 1, 2, 9 หรอื 10 ฝนจะจอดไดเพียง 1 วิธี ดังนน้ั จํานวนวธิ จี อดรถหางกันหน่งึ ชอง เทา กับ 4 วิธี กรณีท่ี 2 ถาฝนจอดชองที่ 3, 4, 5, 6, 7 หรือ 8 ฝนจะจอดได 2 วิธี ดงั นั้น จาํ นวนวิธจี อดรถหา งกันหนง่ึ ชอ ง เทากับ 12 วิธี ดังนน้ั จาํ นวนวิธกี ารจอดรถของฝนและฝน โดยตองการจอดรถหางกันหนง่ึ ชอง เทากบั 4 +12 =16 แบบ 22. เนอื่ งจากคะแนนเต็ม 10 คะแนน ถา ตอ งการไดคะแนนสอบ 70% จะตอ งทําได 7 คะแนน ซง่ึ แบงไดเปน 2 กรณี คือ กรณีที่ 1 ตอบขอ 1 หรอื ขอ 6 ถกู อยา งใดอยางหนง่ึ เทานั้น ทําได 2 =2 วิธี 1 และทาํ ขอ อื่นๆ ถูกอีก 4 ขอ ทาํ ได 4 = 1 วิธี 4 ดงั นนั้ จํานวนวิธีท่ที ําคะแนนได 7 คะแนน เทา กบั 2×1=2 วธิ ี กรณที ี่ 2 ตอบขอ 1 และขอ 6 ถูกทงั้ สองขอ ทําได 1 วธิ ี และทาํ ขอ อื่นๆ ถูกอีกเพยี ง 1 ขอ ทําได 4 = 4 วธิ ี 1 ดงั นน้ั จํานวนวิธีทที่ าํ คะแนนได 7 คะแนน เทา กบั 4 วธิ ี จะได จํานวนวธิ ที ี่นกั เรียนคนหน่ึงจะไดคะแนนสอบของวชิ านี้ 70% พอดี เทากบั 2 + 4 =6 วธิ ี สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
310 คมู ือครรู ายวิชาเพ่มิ เตมิ คณิตศาสตร ชัน้ มธั ยมศึกษาปที่ 5 เลม 2 23. เนอ่ื งจากมนี กั กีฬา 3 สาย สายละ 4 คน ในแตละสาย จดั การแขง ขนั แบบพบกันหมด ซึ่งจะจัดการแขงขันได 4 = 6 คู 2 จะไดวา ในรอบคดั เลือก จะมีการแขงขันทงั้ หมด 3× 6 =18 คู เนอ่ื งจากในรอบคัดเลือก ทําการแขง ขันวันละ 6 คู จะไดว า การแขงขนั ในรอบคัดเลือกใชเวลา 18 ÷ 6 =3 วนั และจะมีผทู ่เี ขา รอบตอไปเพียง 6 คน ซึง่ จะจัดการแขงขันได 6 = 15 คู 2 เน่อื งจากในรอบทส่ี องนี้ ทําการแขงขนั วนั ละ 3 คู จะไดวา การแขงขันในรอบท่ีสองใชเ วลา 15 ÷ 3 =5 วัน ดังนนั้ การแขงขันแบดมนิ ตนั ครัง้ นีจ้ ะตองใชเ วลาทง้ั หมด 3 + 5 =8 วนั จงึ จะไดผชู นะ 24. 1) จํานวนวธิ ที น่ี กั ทอ งเทีย่ ว 9 คน จะนัง่ รถโดยสารไปเทีย่ วนา้ํ ตก เทา กบั 9! = 756 วธิ ี 2!2!5! 2) เน่ืองจากจํานวนที่นัง่ วางของรถโดยสารทั้งสามคนั มี 10 ที่ ซ่ึงมีจาํ นวนมากกวานักทองเที่ยว นั่นคือ จะมที ีน่ ั่งวางเหลือ 1 ที่ ในรถโดยสารคันใดคันหน่งึ ซึ่งพิจารณาได 3 กรณี ดงั นี้ กรณีที่ 1 รถโดยสารคันท่ี 1 เหลือที่วาง 1 ที่ จะไดวา จํานวนวิธที ่นี ักทองเทย่ี ว 9 คน จะนัง่ รถโดยสาร เทากบั 9! = 504 วธิ ี 1!3!5! กรณที ี่ 2 รถโดยสารคนั ที่ 2 เหลือท่วี า ง 1 ที่ จะไดว า จํานวนวิธที ีน่ กั ทองเทยี่ ว 9 คน จะนั่งรถโดยสาร เทา กบั 9! = 756 วธิ ี 2!2!5! กรณที ี่ 3 รถโดยสารคันท่ี 3 เหลอื ที่วา ง 1 ที่ จะไดว า จาํ นวนวิธที ี่นกั ทองเทย่ี ว 9 คน จะน่ังรถโดยสาร เทากับ 9! =1,260 วิธี 2!3!4! ดังน้นั จํานวนวธิ ที นี่ ักทองเทีย่ ว 9 คน จะนัง่ รถโดยสารไปเท่ียวนํ้าตก เทา กับ 504 + 756 +1, 260 =2,520 วธิ ี สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 2 311 25. การจัดเรยี งลูกบอล 4 ลกู มาเรียงในแนวเสน ตรง แบงเปน 3 กรณี ดงั น้ี กรณีท่ี 1 มีลูกบอลสดี ํา 1 ลูก จะไดวา มลี กู บอลสีดาํ สแี ดง สีขาว และสเี หลอื ง อยา งละ 1 ลูก นํามาจดั เรยี งในแนวเสน ตรงได 4!= 24 วธิ ี กรณีที่ 2 มลี กู บอลสดี ํา 2 ลูก เลือกสีลกู บอลเปนลกู บอลสดี ํา 2 ลกู และลกู บอลสีอ่ืนอีก 2 ลกู ได 1× 3 =3 วิธี 2 จะไดว า มีลกู บอลสดี ํา 2 ลูก และสอี ื่นๆ 2 สี สีละ 1 ลกู นํามาจดั เรียงในแนวเสนตรงได 4! วิธี 2!1!1! ดงั น้ัน จะจดั เรียงลกู บอลในแนวเสนตรงได 3× 4! =36 วธิ ี 2!1!1! กรณที ี่ 3 มีลกู บอลสีดํา 3 ลูก เลือกสีลกู บอลเปน ลูกบอลสดี าํ 3 ลูกและลูกบอลสีอ่นื อีก 1 ลูก ได 1× 3 =3 วิธี 1 จะไดวา มลี ูกบอลสีดาํ 3 ลกู และสีอน่ื ๆ 1 สี อกี 1 ลูก นาํ มาจัดเรียงในแนวเสน ตรงได 4! วิธี 3!1! ดงั นั้น จะจัดเรียงลกู บอลในแนวเสน ตรงได 3× 4! =12 วธิ ี 3!1! จะได จํานวนวิธใี นการนําลูกบอล 4 ลูก มาจัดเรียงในแนวเสนตรง เทากับ 24 + 36 +12 =72 วธิ ี 26. การสรา งรหัสผา นอเี มล ประกอบดว ย 2 สว น ไดแก สวนที่ 1 ตัวอักษรภาษาอังกฤษตวั พมิ พเล็ก มีตวั อักษรท้งั หมด 8 ตัว มตี วั อักษร p, i, n และ g อยา งละ 2 ตัว สามารถสรางรหสั ได 8! = 2,520 วิธี 2!2!2!2! สว นที่ 2 เลขโดด 2 ตัวทา ย มีได 10×10 =100 จํานวน ดงั น้นั ปง ปงมีวธิ กี ารสรา งรหัสผานอีเมลไดทั้งหมด 2,520×100 =252,000 วธิ ี สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
312 คมู ือครรู ายวชิ าเพ่มิ เติมคณติ ศาสตร ช้นั มัธยมศึกษาปท ี่ 5 เลม 2 27. การนง่ั รับประทานอาหารใหต รงกบั เง่ือนไข แบงเปนกรณี ดงั นี้ กรณีที่ 1 ไมม ีสามภี รรยาคูใ ดนง่ั ติดกนั นัน่ คือ ทุกคนู ่ังตรงขา มกนั มดั แตละคใู หเ ปน 1 คน จะสามารถจดั ได 5! วธิ ี ในแตล ะคูสามภี รรยาสามารถน่ังสลบั กนั ได 2 วิธี ดังนน้ั จาํ นวนวิธใี นการน่งั มี 5!× 25 =3,840 วิธี กรณที ี่ 2 มสี ามภี รรยาน่งั ตดิ กัน 2 คู น่ันคือ มี 3 คู ทีน่ งั่ ตรงขามกนั เลือกสามภี รรยา 2 คู จาก 5 คู มานัง่ ตดิ กนั ได 5 วิธี 2 คสู ามภี รรยา 2 คู ทนี่ ัง่ ติดกัน นงั่ ได 4 ตําแหนง และสลบั กันได 2 วิธี เลอื กตาํ แหนงทวี่ า งใหส ามีภรรยาทีน่ ั่งตรงขา มกัน ได 3! วธิ ี ในแตละคสู ามีภรรยาสามารถนั่งสลบั กันได 2 วธิ ี ดงั น้ัน จํานวนวิธใี นการนั่ง มี 5 × 4 × 2 × 3! × 25 =15, 360 วิธี 2 กรณที ่ี 3 มสี ามีภรรยาทีน่ ัง่ ตดิ กนั 4 คู นนั่ คือ มี 1 คู นงั่ ตรงขา มกนั เลือกสามภี รรยา 4 คู จาก 5 คู มานง่ั ติดกนั ได 5 วิธี 4 คสู ามภี รรยาทน่ี งั่ ติดกัน 4 คู นัง่ ได 3 ตาํ แหนง และสลับกนั ได 4! วธิ ี เลอื กตําแหนงท่วี างในสามีภรรยานัง่ ตรงขา มกันได 1 วิธี ในแตละคูสามภี รรยาสามารถนงั่ สลบั กันได 2 วธิ ี ดงั นั้น จํานวนวิธใี นการนั่ง มี 5 × 3 × 4! × 25 =11, 520 วธิ ี 4 จะไดว า จํานวนวธิ ีในการนัง่ รับประทานอาหารท้ังหมด มี 3,840 +15,360 +11,520 =30,720 วิธี 28. เนือ่ งจากประเทศไทยมี 76 จงั หวดั และดารณีมีเพื่อนสนทิ อยู 12 จังหวดั จะไดว า จงั หวดั ทดี่ ารณไี มม เี พอื่ นสนิทอยมู ี 64 จังหวดั 1) ไปเท่ยี วจังหวัดทม่ี ีเพื่อนสนิทอยู 2 จังหวดั และจังหวัดทไ่ี มมีเพ่ือนสนิทอยูอกี 3 จังหวดั เลอื กจังหวดั ที่มีเพื่อนสนิทอยู 2 จังหวัด จาก 12 จังหวดั ได 12 วธิ ี 2 เลอื กจังหวดั ที่ไมม เี พื่อนสนทิ อยู 3 จังหวัด จาก 64 จงั หวัด ได 64 วธิ ี 3 ดงั น้นั จํานวนวธิ ีการเลอื กจังหวดั ทดี่ ารณีไปเทีย่ วมเี พ่ือนสนิทอยู 2 จงั หวดั เทา กบั 12 64 = 2, 749, 824 วิธี 2 3 สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิม่ เตมิ คณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 2 313 2) วธิ ที ี่ 1 ตองการไปเทีย่ วจงั หวดั ที่มีเพื่อนสนทิ อยูอยา งนอย 1 จังหวดั แบง ได 5 กรณี ดงั นี้ กรณีที่ 1 ไปเทีย่ วจงั หวดั ทม่ี เี พอ่ื นสนิทอยู 1 จังหวดั และจงั หวัดทไ่ี มมีเพ่อื นสนทิ อยอู ีก 4 จังหวัด เลือกจังหวัดท่มี ีเพื่อนสนทิ อยู 1 จงั หวัด จาก 12 จงั หวดั ได 12 วิธี เลอื กจงั หวดั ที่ไมมีเพ่ือนสนิทอยู 4 จงั หวดั จาก 64 จงั หวัด ได 64 วิธี 4 ดังนัน้ จํานวนวธิ ีการเลอื กจงั หวดั ท่ีดารณไี ปเทยี่ วมเี พ่ือนสนทิ อยู 1 จังหวดั เทา กบั 64 วิธี 12 4 กรณีท่ี 2 ไปเทีย่ วจงั หวดั ท่ีมเี พอ่ื นสนิทอยู 2 จังหวดั และจงั หวดั ทีไ่ มมีเพือ่ นสนทิ อยูอีก 3 จังหวัด เลือกจังหวัดทีม่ ีเพอ่ื นสนิทอยู 2 จงั หวัด จาก 12 จงั หวัด ได 12 วิธี 2 เลือกจังหวัดท่ีไมมเี พ่ือนสนิทอยู 3 จงั หวัด จาก 64 จงั หวดั ได 64 วธิ ี 3 ดงั น้ัน จํานวนวิธกี ารเลือกจังหวัดทีด่ ารณไี ปเทย่ี วมีเพื่อนสนทิ อยู 2 จังหวดั เทา กับ 12 64 วิธี 2 3 กรณีที่ 3 ไปเทย่ี วจงั หวดั ทีม่ เี พ่อื นสนิทอยู 3 จังหวดั และจงั หวัดที่ไมม เี พื่อนสนิท อยอู ีก 2 จังหวดั เลือกจังหวัดทม่ี ีเพื่อนสนิทอยู 3 จงั หวัด จาก 12 จังหวัด ได 12 วิธี 3 เลือกจงั หวดั ที่ไมมีเพ่ือนสนิทอยู 2 จังหวัด จาก 64 จงั หวดั ได 64 วธิ ี 2 ดงั นน้ั จาํ นวนวธิ ีการเลอื กจงั หวัดที่ดารณีไปเท่ยี วมเี พื่อนสนทิ อยู 3 จังหวดั เทา กับ 12 64 วธิ ี 3 2 สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
314 คูมอื ครรู ายวชิ าเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 2 กรณที ่ี 4 ไปเท่ยี วจงั หวดั ท่ีมเี พ่ือนสนทิ อยู 4 จงั หวดั และจงั หวัดทีไ่ มมีเพ่ือนสนทิ อยอู ีก 1 จงั หวัด เลอื กจงั หวดั ทม่ี ีเพอ่ื นสนิทอยู 4 จังหวัด จาก 12 จงั หวดั ได 12 วธิ ี 4 เลือกจงั หวัดที่ไมมีเพื่อนสนิทอยู 1 จงั หวดั จาก 64 จงั หวัด ได 64 วิธี ดังนั้น จาํ นวนวิธกี ารเลือกจงั หวัดทีด่ ารณีไปเทย่ี วมเี พื่อนสนิทอยู 4 จงั หวัด เทากบั 12 วธิ ี 64 4 กรณีที่ 5 ไปเทย่ี วจังหวัดทีม่ เี พ่ือนสนทิ อยู 5 จังหวดั เลือกจังหวดั ท่มี ีเพ่อื นสนิทอยู 5 จังหวดั จาก 12 จังหวดั ได 12 วิธี 5 ดงั น้ัน จํานวนวิธกี ารเลือกจังหวดั ทด่ี ารณไี ปเที่ยวมีเพื่อนสนทิ อยู 5 จังหวัด เทา กับ 12 วิธี 5 จะได จํานวนวิธีการเลอื กจังหวัดท่ดี ารณีไปเท่ยี ว โดยมีเพ่ือนสนทิ อยูอยา งนอย 1 จังหวดั เทากับ 12 64 + 12 64 + 12 64 + 12 + 12 =10, 850, 328 วธิ ี 4 2 64 2 3 3 4 5 วิธีท่ี 2 เลือกไปเท่ียว 5 จังหวดั จาก 76 จังหวัดได 76 วิธี 5 เลือกไปเที่ยวจังหวดั ท่ีไมม เี พ่ือนสนิทอยู 5 จังหวดั จาก 64 จงั หวัด ได 64 วิธี 5 ดังนนั้ จํานวนวธิ ีการเลือกจังหวัดที่ดารณีไปเท่ยี ว โดยมเี พ่ือนสนิทอยูอยางนอย 1 จังหวัด เทากบั 76 − 64 =10,850, 328 วธิ ี 5 5 3) เน่ืองจากดารณีมีเพื่อนสนิทอยูในจังหวดั ท่อี ยูภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ 3 จงั หวดั ตอ งการไปเทย่ี วจงั หวดั ท่ีมเี พ่ือนสนิทอยูทกุ จงั หวดั และอยางนอย 2 จงั หวดั ในน้นั อยู ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื แบงได 2 กรณี ดังนี้ กรณที ี่ 1 ไปเท่ยี วจังหวดั ทีม่ เี พื่อนสนิทอยู และอยใู นภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ 2 จงั หวัด เลือกจงั หวดั ทมี่ ีเพื่อนสนิทอยู และอยูในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ 2 จงั หวดั จาก 3 จังหวัด ได 3 วธิ ี 2 สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปท ี่ 5 เลม 2 315 และเลือกจังหวดั ที่มเี พ่ือนสนิทอยู แตไมอยภู าคตะวนั ออกเฉียงเหนือ 3 จังหวัด จาก 9 จังหวดั ได 9 วิธี 3 ดังนนั้ จํานวนวธิ ีการเลอื กจงั หวัดทดี่ ารณไี ปเท่ยี วมีเพื่อนสนิทอยู และอยูใน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 จังหวดั เทากับ 39 วิธี 2 3 กรณที ่ี 2 ไปเท่ยี วจังหวัดทีม่ ีเพ่ือนสนิทอยู และอยใู นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 3 จงั หวัด เลอื กจงั หวัดท่ีมีเพื่อนสนิทอยู และอยูในภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ 3 จังหวดั จาก 3 จังหวดั ได 3 วิธี 3 และเลือกจังหวัดท่ีมเี พื่อนสนิทอยู แตไมอยูภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2 จังหวดั จาก 9 จังหวดั ได 9 วธิ ี 2 ดงั นน้ั จํานวนวิธกี ารเลอื กจังหวดั ทด่ี ารณไี ปเท่ียวมเี พ่ือนสนิทอยู และอยูใน ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื 3 จังหวดั เทากับ 39 วิธี 3 2 จะได จํานวนวิธกี ารเลือกจงั หวดั ท่ีดารณีไปเที่ยวมีเพื่อนสนิทอยูทกุ จังหวัด และอยางนอย 2 จังหวัดในนนั้ อยูภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ เทากบั 3 9 + 3 9 =288 วธิ ี 2 3 3 2 29. เลขโดด 0, 1, 2, 3 และ 4 มีผลรวมเปน 9 แบงเปน กรณี ดังน้ี กรณที ีม่ เี ลขโดด 0 กรณที ่ี 1 มีเลขโดด 0, 4, 4 และ 1 สามารถจัดเรยี งได 3! ×3 =9 วธิ ี 2!1! กรณที ี่ 2 มเี ลขโดด 0, 2, 3 และ 4 สามารถจดั เรียงได 3!×3 =18 วิธี กรณีท่ี 3 มเี ลขโดด 0, 3, 3, และ 3 สามารถจัดเรียงได 3 วิธี ดงั นน้ั หมายเลขในกรณนี ้มี ี 9 +18 + 3 =30 จํานวน กรณีทไี่ มม ีเลขโดด 0 กรณีที่ 4 มีเลขโดด 1, 1, 3 และ 4 สามารถจัดเรยี งได 4! =12 วธิ ี 2!1!1! กรณีท่ี 5 มเี ลขโดด 1, 2, 2 และ 4 สามารถจัดเรยี งได 4! =12 วิธี 1!2!1! สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
316 คมู อื ครรู ายวิชาเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 2 กรณีที่ 6 มเี ลขโดด 1, 2, 3 และ 3 สามารถจัดเรยี งได 4! =12 วธิ ี 1!1!2! กรณที ี่ 7 มีเลขโดด 2, 2, 2 และ 3 สามารถจดั เรียงได 4! = 4 วธิ ี 3!1! ดังน้นั หมายเลขในกรณนี ม้ี ี 12 +12 +12 + 4 =40 จาํ นวน จะได จํานวนหมายเลขทั้งหมดที่บญุ ชว ยเชอ่ื วาจะนาํ โชคมาให เทา กบั 30 + 40 =70 จาํ นวน 30. 1) สบั เซตของ U ท่ีมีสมาชกิ 2 ตัว คือ เซตที่มีสมาชิก 2 ตวั และสมาชกิ นัน้ อยใู น U เน่อื งจาก เลือกสมาชิก 2 ตัว ใน U จาก 100 ตัว ได 100 วิธี 2 ดังนั้น จํานวนสับเซตของ U ทม่ี สี มาชกิ 2 ตัว มี 100 = 4, 950 สับเซต 2 2) ใหส ับเซตของ U ท่มี ีสมาชิก 2 ตัว อยใู นรูป {a,b} โดยที่ a < b ตองการให b − a ≤ 7 น่ันคือ b ≤ a + 7 แบง กรณีได ดงั นี้ กรณีท่ี 1 ถา a ∈{1, 2, 3,..., 93} จะเลือก b ได 7 วิธี กรณที ี่ 2 ถา a = 94 จะเลอื ก b ได 6 วิธี จาก 95, 96, 97, 98, 99 และ 100 กรณีท่ี 3 ถา a = 95 จะเลือก b ได 5 วิธี จาก 96, 97, 98, 99 และ 100 กรณที ่ี 4 ถา a = 96 จะเลือก b ได 4 วิธี จาก 97, 98, 99 และ 100 กรณที ี่ 5 ถา a = 97 จะเลือก b ได 3 วิธี จาก 98, 99 และ 100 กรณที ี่ 6 ถา a = 98 จะเลือก b ได 2 วธิ ี จาก 99 และ 100 กรณีท่ี 7 ถา a = 99 จะเลอื ก b ได 1 วธิ ี คอื b = 100 ดังน้ัน จาํ นวนสบั เซต U ทมี่ ีสมาชกิ 2 ตัว ซงึ่ ทงั้ สองจาํ นวนตา งกนั ไมเ กนิ 7 มี (93× 7) + 6 + 5 + 4 + 3 + 2 +1 =672 สบั เซต 31. ให= f {( x, y)∈ A× A y −1 ≤ x, x ∈ A} โดยท่ี A = {2, 3, 4, 5} สงั เกตวา f ∈S และสามารถสรา ง f จาก 4 ข้ันตอน คอื ข้นั ตอนท่ี 1 ถา x = 2 จะมี y ได 2 จํานวน จาก 2 และ 3 ข้นั ตอนท่ี 2 ถา x = 3 จะมี y ได 3 จาํ นวน จาก 2, 3 และ 4 ข้นั ตอนที่ 3 ถา x = 4 จะมี y ได 4 จาํ นวน จาก 2, 3, 4 และ 5 ขน้ั ตอนท่ี 4 ถา x = 5 จะมี y ได 4 จาํ นวน จาก 2, 3, 4 และ 5 ดงั นัน้ จาํ นวนฟงกช ันท้งั หมดท่เี ปน สมาชกิ ของ S มี 2×3× 4× 4 =96 ฟง กช ัน สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิม่ เติมคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 2 317 32. 1) เนอ่ื งจากมหี นังสอื นยิ าย 3 เลม และหนงั สือประเภทอ่นื ๆ อีก 3 เลม จะไดว า ถา หยิบหนังสือมาอยางนอย 1 เลม แลว ตอ งการใหหยบิ ไดห นังสอื นยิ าย อยา งนอย 1 เลม แบงเปน กรณี ดงั น้ี กรณีที่ 1 หยบิ หนงั สอื 1 เลม แลวไดห นงั สอื นิยาย 1 เลม ทําได 3 = 3 วิธี 1 กรณีท่ี 2 หยบิ หนงั สือ 2 เลม หยิบไดห นงั สือนิยาย 1 เลม และหยิบหนังสอื ประเภทอ่นื ๆ อกี 1 เลม ทาํ ได 33 วธิ ี 1 1 หยบิ ไดหนังสอื นิยาย 2 เลม ทาํ ได 3 วิธี 2 ดงั นั้น หยิบหนงั สอื 2 เลม แลว ไดห นงั สือนิยายอยางนอย 1 เลม ทาํ ได 3 3 + 3 = 12 วิธี 1 1 2 กรณีท่ี 3 หยบิ หนงั สือ 3 เลม หยิบไดห นงั สอื นิยาย 1 เลม และหยบิ หนังสอื ประเภทอ่ืน ๆ อกี 2 เลม ทําได 3 3 วธิ ี 1 2 หยิบไดหนังสือนิยาย 2 เลม และหยิบหนังสอื ประเภทอื่น ๆ อกี 1 เลม ทําได 3 3 วธิ ี 2 1 หยิบไดหนงั สือนิยาย 3 เลม ทาํ ได 3 วธิ ี 3 ดงั นัน้ หยิบหนงั สอื 3 เลม แลวไดห นังสอื นยิ ายอยางนอย 1 เลม ทาํ ได 3 3 + 3 3 + 3 = 19 วธิ ี 1 2 2 1 3 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
318 คูมือครูรายวิชาเพ่มิ เตมิ คณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปที่ 5 เลม 2 กรณีที่ 4 หยิบหนังสือ 4 เลม หยบิ ไดห นงั สอื นยิ าย 1 เลม และหยบิ หนังสอื ประเภทอ่นื ๆ อีก 3 เลม ทําได 33 วิธี 3 1 หยบิ ไดห นงั สอื นิยาย 2 เลม และหยิบหนังสือประเภทอน่ื ๆ อีก 2 เลม ทําได 33 วธิ ี 2 2 หยิบไดห นังสือนยิ าย 3 เลม และหยิบหนังสอื ประเภทอน่ื ๆ อีก 1 เลม ทาํ ได 33 วธิ ี 3 1 ดังนั้น หยบิ หนังสอื 4 เลม แลว ไดหนงั สือนยิ ายอยา งนอย 1 เลม ทําได 3 3 + 3 3 + 3 3 = 15 วธิ ี 1 3 2 2 3 1 กรณที ี่ 5 หยบิ หนงั สอื 5 เลม หยบิ ไดหนงั สือนยิ าย 2 เลม และหยิบหนังสือประเภทอื่น ๆ อีก 3 เลม ทําได 3 3 วธิ ี 3 2 หยบิ ไดห นังสือนิยาย 3 เลม และหยิบหนังสือประเภทอื่น ๆ อกี 2 เลม ทาํ ได 3 3 วธิ ี 3 2 ดังนนั้ หยบิ หนงั สือ 5 เลม แลว ไดห นงั สือนิยายอยางนอย 1 เลม ทําได 3 3 + 3 3 =6 วิธี 2 3 3 2 กรณที ่ี 6 หยบิ หนงั สือ 6 เลม หยิบไดหนงั สือนยิ าย 3 เลม และหยิบหนงั สือประเภทอ่ืน ๆ อีก 3 เลม ทาํ ได 33 วิธี 3 3 ดังน้นั หยิบหนงั สือ 6 เลม แลวไดหนังสือนิยายอยา งนอย 1 เลม ทาํ ได 3 3 = 1 วิธี 3 3 จะไดว า จาํ นวนวธิ ีท่นี ักเรยี นคนน้สี มุ หยบิ หนังสอื มาอา นอยา งนอ ย 1 เลม แลว ได หนงั สอื นยิ ายอยางนอ ย 1 เลม เทา กบั 3 +12 +19 +15 + 6 +1 =56 วิธี สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวชิ าเพ่มิ เตมิ คณติ ศาสตร ช้ันมธั ยมศึกษาปท่ี 5 เลม 2 319 2) เนื่องจากมหี นงั สือสารคดี 2 เลม และหนังสอื ประเภทอน่ื ๆ อกี 4 เลม จะไดวา ถา หยบิ หนังสอื มาอยางนอ ย 1 เลม แลว ตอ งการใหหยบิ ไดหนงั สือสารคดี อยางนอย 1 เลม แบงเปน กรณี ดังน้ี กรณีท่ี 1 หยบิ หนงั สอื 1 เลม แลว ไดห นงั สือสารคดี 1 เลม ทําได 2 = 2 วิธี 1 กรณีที่ 2 หยิบหนังสือ 2 เลม หยบิ ไดหนังสอื สารคดี 1 เลม และหยิบหนังสือประเภทอ่นื ๆ อกี 1 เลม ทําได 24 วธิ ี 1 1 หยิบไดห นงั สอื สารคดี 2 เลม ทําได 2 วิธี 2 ดงั นนั้ หยิบหนงั สือ 2 เลม แลว ไดห นงั สือสารคดีอยางนอย 1 เลม ทําได 2 4 + 2 = 9 วิธี 1 1 2 กรณที ี่ 3 หยบิ หนังสอื 3 เลม หยบิ ไดหนงั สือสารคดี 1 เลม และหยบิ หนงั สอื ประเภทอนื่ ๆ อีก 2 เลม ทาํ ได 24 วธิ ี 1 2 หยิบไดหนงั สือสารคดี 2 เลม และหยบิ หนงั สอื ประเภทอื่น ๆ อกี 1 เลม ทําได 24 วธิ ี 2 1 ดังน้ัน หยบิ หนงั สือ 3 เลม แลวไดห นังสอื สารคดีอยางนอย 1 เลม ทาํ ได 2 4 + 2 4 = 16 วธิ ี 1 2 2 1 กรณีที่ 4 หยบิ หนังสือ 4 เลม หยบิ ไดห นังสือสารคดี 1 เลม และหยบิ หนังสือประเภทอ่ืน ๆ อีก 3 เลม ทาํ ได 24 วธิ ี 1 3 หยิบไดห นงั สือสารคดี 2 เลม และหยบิ หนงั สือประเภทอื่น ๆ อีก 2 เลม ทาํ ได 24 วธิ ี 2 2 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
320 คมู ือครูรายวชิ าเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 2 ดังน้นั หยิบหนังสือ 4 เลม แลว ไดหนงั สอื สารคดีอยางนอย 1 เลม ทําได 2 4 + 2 4 = 14 วิธี 1 3 2 2 กรณที ่ี 5 หยิบหนงั สือ 5 เลม หยบิ ไดห นงั สอื สารคดี 1 เลม และหยบิ หนังสือประเภทอ่นื ๆ อีก 4 เลม ทาํ ได 24 วิธี 1 4 หยบิ ไดหนงั สอื สารคดี 2 เลม และหยิบหนงั สือประเภทอื่น ๆ อีก 3 เลม ทําได 24 วธิ ี 2 3 ดงั น้ัน หยิบหนังสอื 5 เลม แลวไดห นงั สือสารคดีอยางนอย 1 เลม ทําได 2 4 + 2 4 =6 วิธี 1 4 2 3 กรณีท่ี 6 หยบิ หนงั สอื 6 เลม หยบิ ไดหนังสือสารคดี 2 เลม และหยบิ หนังสือประเภทอนื่ ๆ อกี 4 เลม ทําได 24 วธิ ี 2 4 ดังน้นั หยบิ หนงั สอื 6 เลม แลวไดห นงั สอื สารคดีอยา งนอย 1 เลม ทาํ ได 24 =1 วธิ ี 4 2 จะได จาํ นวนวิธีทน่ี ักเรียนคนนส้ี มุ หยิบหนังสอื มาอานอยางนอย 1 เลม แลวไดห นังสือ สารคดีอยางนอย 1 เลม เทากับ 2 + 9 +16 +14 + 6 +1 =48 วิธี 3) เน่อื งจากมหี นังสือการต นู 1 เลม และหนังสอื ประเภทอ่นื ๆ อกี 5 เลม จะไดวา ถา หยบิ หนังสือมาอยางนอ ย 1 เลม แลวตอ งการใหหยบิ ไดห นงั สือการตูน อยางนอย 1 เลม แบง เปนกรณี ดังนี้ กรณที ี่ 1 หยิบหนงั สือ 1 เลม แลว ไดห นังสอื การต ูน 1 เลม ทําได 1 = 1 วธิ ี 1 กรณีที่ 2 หยิบหนงั สือ 2 เลม แลว ไดห นังสอื การตนู 1 เลม และไดหนังสือประเภทอ่ืน ๆ อีก 1 เลม ทาํ ได 1 5 = 5 วิธี 1 1 สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวชิ าเพิ่มเตมิ คณติ ศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปที่ 5 เลม 2 321 กรณีที่ 3 หยิบหนงั สือ 3 เลม แลวไดห นังสือการต ูน 1 เลม และไดหนังสือประเภทอื่น ๆ อกี 2 เลม ทาํ ได 1 5 = 10 วิธี 1 2 กรณีท่ี 4 หยบิ หนงั สือ 4 เลม แลวไดห นังสือการต นู 1 เลม และไดห นังสือประเภทอื่น ๆ อกี 3 เลมทาํ ได 1 5 = 10 วิธี 1 3 กรณที ี่ 5 หยิบหนงั สอื 5 เลม แลวไดห นงั สือการตูน 1 เลม และไดหนังสือประเภทอืน่ ๆ อกี 4 เลมทําได 1 5 =5 วธิ ี 1 4 กรณีท่ี 6 หยิบหนงั สอื 6 เลม แลว ไดห นังสอื การต ูน 1 เลม และไดห นังสือประเภทอ่ืน ๆ อกี 5 เลมทําได 1 5 = 1 วธิ ี 1 5 จะได จํานวนวธิ ที ่นี ักเรยี นคนน้สี มุ หยบิ หนังสือมาอานอยา งนอย 1 เลม แลวไดห นงั สือ การตูนอยา งนอย 1 เลม เทากับ 1+ 5 +10 +10 + 5 +1 =32 วิธี 4) ถา หยิบหนังสือมาอยางนอย 1 เลม แลว ตอ งการใหหยิบไดห นังสอื ครบทุกประเภท นนั่ คอื ตองหยิบหนงั สือมาอยา งนอย 3 เลม ซ่ึงแบง เปนกรณี ดงั นี้ กรณีที่ 1 หยบิ หนงั สือ 3 เลม แลวไดหนงั สือครบทุกประเภท ทาํ ได 3 21 = 6 วิธี 1 1 1 กรณีที่ 2 หยิบหนังสือ 4 เลม หยิบไดห นงั สือนิยายและหนงั สอื การต นู อยางละ 1 เลม และหนงั สือสารคดี 2 เลม ทําได 3 21 วิธี 1 1 2 หยบิ ไดหนังสือสารคดแี ละหนังสอื การต นู อยางละ 1 เลม และหนังสือนิยาย 2 เลม ทาํ ได 3 21 วธิ ี 1 2 1 ดังนั้น หยิบหนงั สือ 4 เลม แลว ไดหนงั สอื ครบทุกประเภท ทําได 3 2 1 + 3 2 1 =9 วิธี 1 2 1 2 1 1 สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
322 คมู อื ครูรายวิชาเพิม่ เติมคณติ ศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปท ี่ 5 เลม 2 กรณีที่ 3 หยิบหนงั สอื 5 เลม หยบิ ไดหนังสอื สารคดีและหนังสอื การต นู อยางละ 1 เลม และหนังสอื นิยาย 3 เลม ทาํ ได 3 21 วิธี 3 1 1 หยบิ ไดห นังสอื นยิ ายและหนงั สือสารคดี อยา งละ 2 เลม และหนงั สอื การต ูน 1 เลม ทาํ ได 3 21 วิธี 1 2 2 ดังนัน้ หยบิ หนังสอื 5 เลม แลวไดห นงั สือครบทกุ ประเภท ทําได 3 2 1 + 3 2 1 =5 วิธี 3 1 1 2 2 1 กรณีที่ 4 หยิบหนังสือ 6 เลม แลว ไดห นงั สือครบทุกประเภท ทาํ ได 1 วิธี จะได จาํ นวนวธิ ีทนี่ กั เรียนคนน้ีสมุ หยิบหนังสอื มาอา นอยา งนอ ย 1 เลม แลว ไดห นังสอื ครบทกุ ประเภท เทากบั 6 + 9 + 5 +1 =21 วธิ ี 33. จากทฤษฎบี ททวนิ าม พจนท ่ีมี p12q16 คอื ( ) ( ) ( ) ( )12 p3 4 −5q2 8 = 495 p3 4 5q2 8 8 = (495)58 p12q16 ดงั นั้น สมั ประสิทธิ์ของ p12q16 คอื (495)58 34. พจิ ารณาการกระจาย ( x −1)8 จากทฤษฎีบททวินาม พจนท ่ีมี x4 คอื 8 x4 ( −1)4 = 70x4 4 จะได สัมประสิทธ์ิของ x4 จากการกระจาย (x −1)8 คอื 70 พจิ ารณาการกระจาย (x +1)4 จากทฤษฎีบททวินาม พจนท่ีมี x4 คอื 4 x4 = 1x4 0 = x4 จะได สัมประสทิ ธิข์ อง x4 จากการกระจาย (x +1)4 คอื 1 สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมอื ครูรายวชิ าเพมิ่ เตมิ คณติ ศาสตร ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 2 323 พจิ ารณาการกระจาย ( x2 )5 +1 จากทฤษฎบี ททวินาม พจนท ี่มี x4 คือ ( ) ( )5 3 x2 2 (1)3 = 10 x2 2 = 10x4 จะได สัมประสทิ ธิข์ อง x4 จากการกระจาย ( )x2 +1 5 คือ 10 ดงั น้นั สมั ประสทิ ธิ์ของ x4 จากการกระจาย ( x −1)8 (+ ( x +1)4 − x2 )5 คือ +1 70 +1 −10 =61 35. จากทฤษฎบี ททวนิ าม พจนท ่ี k +1 คอื 15 12 15−k x2 k = 15 ⋅ 1215−k ⋅ x2k x45−3k 3k k x3 3 k = 15 ⋅ 1215−k x2k −45+3k 3k k = 15 ⋅ 1215−k x5k −45 3k k ให 5k − 45 = 0 จะได k = 9 ดงั น้ัน พจนท่ีไมมี x คอื พจนท่ี 10 จะได พจนท ่ไี มม ี x คอื 15 12 6 x2 9 = (5, 005) 12 6 x2 9 x3 3 9 x3 3 = ( 5, 005) 126 39 36. เน่ืองจาก (1.1)400 = (1+ 0.1)400 = 400 (1)400 + 400 (1)399 ( 0.1) + 400 (1)398 (0.1)2 + + 400 ( 0.1)400 0 1 2 400 พจิ ารณา 400 (1)398 ( 0.1)2 = (79,800)(1)398 (0.1)2 2 = 798 เน่ืองจาก ทกุ พจนที่ไดจากการกระจาย (1+ 0.1)400 เปน จาํ นวนจรงิ บวก จะไดว า (1.1)400 > 798 สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
324 คูมือครรู ายวชิ าเพม่ิ เติมคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 2 ดงั น้ัน (1.1)400 มีคามากกวา 700 6 6 6 6 6 ( ) ( ) ( )37. เนอื่ งจาก 0 1 2 2 y2 6 x + y2 = x6 + x5 y2 + x4 y2 + + 6 ดังน้นั ผลรวมของสมั ประสิทธ์ิจากการกระจาย (x + )y2 6 คือ 6 + 6 + 6 + + 6 = 26 = 64 1 6 0 2 38. เนือ่ งจาก (15)20 = (14 +1)20 = 20 1420 + 20 1419 (1) + + 20 (1)19 + 20 (1)20 0 1 14 20 19 = 20 1420 + 20 1419 + + 1290 14 +1 0 1 = 20 1419 + 20 1418 + + 20 + 1 14 0 1 19 เน่อื งจาก 20 1419 + 20 1418 + + 20 เปน จํานวนเต็ม 0 1 19 ดงั นนั้ เศษจากการหาร (15)20 ดวย 14 คอื 1 39. จากทฤษฎบี ททวินาม พจนท ี่มี x2 คือ n n ( ) − ( 2 x )2 (1)n−2 = 4x2 n 2 n − 2 จะได n = 312 4 n − 2 4n! = 312 (n − 2)!(n − (n − 2))! 4n(n −1)(n − 2)! = 312 (n − 2)!2! นัน่ คือ n(n −1) = 156 n = 13 สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวชิ าเพ่มิ เตมิ คณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 2 325 40. เนื่องจาก x + 1 n = n x n + n xn−1 1 + n x n−2 1 2 + + n 1 n x 0 1 x 2 x n x จะไดผ ลรวมของสมั ประสิทธิจ์ ากการกระจาย x + 1 n คอื n + n + n + + n x 0 1 2 n เน่อื งจาก n + n + n + + n = 2n 0 1 2 n จะได 2,048 = 2n ดงั นน้ั n = 11 41. กง่ิ แกวตองการเชญิ เพื่อนสนทิ มารว มงานแตง งานอยา งนอ ย 1 คน แบง เปนกรณี ดังนี้ กรณีที่ 1 มีเพื่อนสนิทมารวมงาน 1 คน ได 10 วิธี 1 กรณที ่ี 2 มีเพื่อนสนิทมารวมงาน 2 คน ได 10 วิธี 2 กรณที ี่ 3 มเี พ่ือนสนิทมารวมงาน 3 คน ได 10 วิธี 3 กรณที ี่ 10 มเี พ่ือนสนทิ มารวมงาน 10 คน ได 10 วธิ ี 10 จะได จํานวนวิธีทจี่ ะมเี พื่อนสนิทมารวมงานอยา งนอย 1 คน เทา กบั 10 + 10 + 10 + + 10 10 1 2 3 เนือ่ งจาก 10 + 10 + 10 + 10 + + 10 = 210 10 0 1 2 3 จะได 10 + 10 + 10 + + 10 = 210 − 10 10 1 2 3 0 = 210 −1 = 1,023 ดังนน้ั จํานวนวิธที ีจ่ ะมเี พื่อนสนทิ มารว มงานอยา งนอย 1 คน เทากับ 1,023 วิธี สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
326 คูม ือครูรายวชิ าเพ่มิ เตมิ คณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 2 บทท่ี 3 ความนา จะเปน แบบฝกหดั 3.1 1. ให S1, S2, S3, S4 และ S5 เปน ปรภิ ูมิตวั อยางของการทดลองสมุ ในขอ 1), 2), 3), 4) และ 5) ตามลาํ ดบั 1) เนื่องจากในการหยิบลูกอม 1 เม็ด จากถงุ ที่กําหนดให จะหยิบไดล ูกอมรสสม รสองนุ รสมะนาว หรอื รสกาแฟ ดงั น้ัน S1 = {ลูกอมรสสม , ลกู อมรสองนุ , ลูกอมรสมะนาว, ลูกอมรสกาแฟ} 2) เนอ่ื งจากในการทาํ ขอสอบแบบถกู ผิด 10 ขอ ขอละ 1 คะแนน คะแนนสอบท่เี ปน ไปได คือ 0, 1, 2, 3, …, 10 ดังน้นั S2 = {0,1, 2, 3,,10} 3) เน่อื งจากในการแขงขนั วอลเลยบ อลแตล ะครัง้ ผลของการแขง ขนั ที่อาจเปนไปได คือ ชนะ หรือ แพ ใหผลการแขง ขันที่ชนะแทนดวย “ช” และผลการแขงขันท่แี พแทนดว ย “พ” จะไดผลลัพธของการแขงขันวอลเลยบ อลไทย 2 นัด ทอ่ี าจเปนไปได คือ ชช ชพ พช หรือ พพ ดงั นน้ั S3 = {ชช, ชพ, พช, พพ} 4) เนอื่ งจากการทอดลกู เตาหนึ่งลูกหน่งึ ครัง้ แตม บนหนาลูกเตาที่อาจเกดิ ข้ึน คือ 1, 2, 3, 4, 5 หรือ 6 จะไดผลบวกของแตมบนหนา ลกู เตา ท่ีอาจเกิดข้นึ ในการทอดลูกเตา สามลูกหน่ึงครั้ง คือ 3, 4, 5, …, 18 ดงั น้ัน S4 = {3, 4, 5,,18} 5) เนอ่ื งจากในการขายพัดลม 5 เครือ่ ง จาํ นวนพัดลมที่ขายไดอาจเปน 0, 1, 2, 3, 4 หรอื 5 เครื่อง ดงั นน้ั S5 = {0,1, 2, 3, 4, 5} สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครรู ายวิชาเพมิ่ เติมคณติ ศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 2 327 2. ให H แทนเหรยี ญขน้ึ หวั และ T แทนเหรยี ญขน้ึ กอ ย จะได ผลลัพธท ่ีไดจ ากการโยนเหรยี ญหน่งึ เหรียญสองครง้ั ที่เปน ไปได คือ HH, HT, TH หรอื TT 1) ให S เปนปริภมู ิตวั อยา งของการทดลองสมุ จะได S = {HH , HT,TH ,TT} 2) ให E1 เปน เหตุการณที่เหรยี ญข้ึนหวั ท้งั สองคร้ัง จะได E1 = {HH} 3) ให E2 เปนเหตกุ ารณทีเ่ หรียญข้ึนหนา ตางกัน จะได E2 = {HT,TH} 3. ให S เปนปรภิ มู ิตวั อยา งของการทดลองสุม น้ี H แทนเหรยี ญขน้ึ หัว และ T แทนเหรยี ญข้นึ กอ ย ใหเ ลขโดด 1, 2, 3, 4, 5 และ 6 แทนลูกเตาขน้ึ หนา 1, 2, 3, 4, 5 และ 6 ตามลําดับ สามารถเขยี นแผนภาพแสดงผลลพั ธข องการทดลองสมุ ไดดงั น้ี หนาของเหรียญ แตมบนหนา ลกู เตา H1 H2 H3 H H4 H5 H6 สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
328 คมู อื ครูรายวิชาเพมิ่ เตมิ คณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 2 T1 T2 T3 T T4 T5 T6 โดยทสี่ ัญลักษณ Hi หมายถึง เหรียญขน้ึ หวั และลูกเตาข้ึนแตม i Ti หมายถงึ เหรยี ญขึ้นกอยและลกู เตาขึ้นแตม i เมือ่ i ∈{1, 2, 3, 4, 5, 6} 1) ให E1 แทนเหตกุ ารณที่เหรยี ญข้ึนกอ ยและแตมบนหนาลกู เตาเปน จาํ นวนค่ี จะได E1 = {T1, T 3, T 5} 2) ให E2 แทนเหตกุ ารณทีเ่ หรียญข้ึนหัวและแตม บนหนาลกู เตาเปน จาํ นวนคู จะได E2 = {H 2, H 4, H 6} 3) ให E3 แทนเหตกุ ารณทแ่ี ตมบนหนาลูกเตาเปนจํานวนท่ีหารดวย 3 ลงตัว จะได E3 = {H 3, H 6,T 3,T 6} 4) ให E4 แทนเหตุการณท ่ีเหรียญขึ้นกอยและแตมบนหนา ลูกเตา เปนจํานวนทีห่ ารดว ย 7 ลงตัว เนือ่ งจากไมมีแตมใดบนหนา ลูกเตาเปน จํานวนทีห่ ารดวย 7 ลงตวั จะได E4 = ∅ 5) ให E5 แทนเหตุการณท แี่ ตมบนหนาลูกเตา เปนจํานวนทีห่ ารดวย 7 ไมลงตัว เนือ่ งจากแตมบนหนา ลูกเตาทุกแตมเปนจํานวนที่หารดว ย 7 ไมลงตัว จะได E5 = {H1, H 2, H 3, H 4, H 5, H 6, T1, T 2, T 3, T 4, T 5, T 6} 4. ให R1 และ R2 แทนลูกบอลสแี ดงลกู ที่ 1 และลูกท่ี 2 ตามลาํ ดับ W1 และ W2 แทนลูกบอลสขี าวลูกที่ 1 และลกู ท่ี 2 ตามลาํ ดับ สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวชิ าเพ่มิ เตมิ คณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 2 329 จะได ผลลพั ธจากการหยบิ ลูกบอล 2 ลกู โดยการหยบิ ทลี ะ 1 ลูก และใหค ืนลกู แรกลงไป กอ นทจ่ี ะหยบิ ลูกทสี่ อง ดงั แผนภาพ ลกู บอลลกู ที่หนึ่ง ลูกบอลลกู ทส่ี อง R1 R1R1 R2 R1R2 R1 W1 R1W1 W2 R1W2 R1 R2 R1 R2 R2R2 R2 W1 R2W1 W2 R2W2 R1 W1R1 R2 W1R2 W1 W1 W1W1 W2 W1W2 R1 W2 R1 R2 W2R2 W2 W1 W2W1 W2 W2W2 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
330 คมู อื ครูรายวิชาเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 2 ให S เปน ปริภมู ิตวั อยา งของการทดลองสุมน้ี จะได {S = R1R1, R1R2 , R1W1, R1W2 , R2R1, R2R2 , R2W1, R2W2 ,W1R1,W1R2 , W1W1,W1W2 , }W2R1,W2R2 ,W2W1,W2W2 และให E แทนเหตุการณท่ีไดลูกบอลสีขาวท้ังสองลูก จะได E = {W1W1,W1W2 ,W2W1,W2W2} แบบฝกหดั 3.2 1. ให S แทนปริภมู ิตัวอยางของการทดลองสมุ นี้ จะได n(S ) = 30 1) ให E1 แทนเหตกุ ารณท ี่จบั สลากไดช อื่ ของนักเรียนชาย จะมวี ธิ ีเลือกนักเรียนชาย 1 คน จากนกั เรียนชาย 18 คน ได 18 วิธี นั่นคอื n(E1) =18 จะได P ( E=1 ) nn((ES1=)) 1=8 3 30 5 ดงั นั้น ความนาจะเปนทสี่ ลากที่ไดเปนชือ่ ของนกั เรยี นชาย เทากบั 3 5 2) ให E2 แทนเหตุการณทีจ่ บั สลากไดช่ือของนักเรยี นหญิง จะมวี ิธเี ลอื กนักเรียนหญิง 1 คน จากนกั เรียนหญงิ 12 คน ได 12 วธิ ี นน่ั คือ n(E2 ) =12 จะได P ( E2=) nn((ES2=)) 1=2 2 30 5 ดังนั้น ความนาจะเปน ทสี่ ลากทีไ่ ดเ ปน ช่อื ของนักเรยี นหญิง เทา กบั 2 5 2. ให S แทนปริภมู ติ วั อยางของการทดลองสุม น้ี จะได n(S ) = 20 1) ให E1 แทนเหตุการณทหี่ ยิบไดล กู ปงปองสแี ดง เน่ืองจากมลี กู ปงปองสีแดงอยู 15 ลกู ดงั น้นั จะมีวธิ ีหยบิ ลูกปงปองสแี ดงได 15 วธิ ี นั่นคือ n(E1) =15 สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวชิ าเพ่มิ เติมคณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปท่ี 5 เลม 2 331 จะได P ( E=1 ) nn((ES1=)) 1=5 3 20 4 ดังน้นั ความนา จะเปน ทจี่ ะหยิบไดล กู ปงปองสแี ดง เทากบั 3 4 2) ให E2 แทนเหตกุ ารณท จี่ ะหยิบไมไดล ูกปงปองสดี ํา เนือ่ งจากมลี ูกปง ปองทไี่ มใชสดี ําอยู 19 ลกู ดังน้ัน จะมวี ธิ หี ยิบไมไดล ูกปง ปองสดี ํา 19 วธิ ี นนั่ คอื n(E2 ) =19 จะได P=(E2 ) nn=((ES2)) 19 20 ดังนัน้ ความนา จะเปน ทจ่ี ะหยิบไมไดล ูกปง ปองสีดํา เทา กบั 19 20 3) ให E3 แทนเหตกุ ารณทีห่ ยบิ ไดล ูกปง ปองสีดําหรือสีขาว กรณีที่ 1 หยบิ ไดล ูกปง ปองสีดํา เนือ่ งจากมลี กู ปง ปองสดี าํ อยู 1 ลกู จะมวี ธิ หี ยิบลูกปงปองสีดาํ ได 1 วิธี กรณีที่ 2 หยบิ ไดล กู ปง ปองสขี าว เนือ่ งจากมลี ูกปง ปองสขี าวอยู 1 ลกู จะมีวิธีหยบิ ลกู ปงปองสีขาวได 1 วธิ ี โดยหลักการบวก จะมีวธิ ีหยิบไดลูกปงปองสีดาํ หรือสขี าว 1+1=2 วธิ ี นั่นคือ n(E3 ) = 2 จะได P ( E=3 ) nn((ES3=)) =2 1 20 10 ดังน้นั ความนา จะเปนทจ่ี ะหยิบไดลกู ปง ปองสีดาํ หรือสีขาว เทากบั 1 10 3. ให S แทนปรภิ มู ิตัวอยางของการทดลองสุมนี้ จะได n(S ) =13 1) ให E1 แทนเหตุการณทีห่ ยิบไดล ูกแกว สเี หลือง เน่ืองจากมลี ูกแกว สีเหลืองอยู 3 ลกู จะมวี ธิ ีหยิบลกู แกว สเี หลอื งได 3 วธิ ี นัน่ คอื n(E1) = 3 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
332 คูมอื ครรู ายวชิ าเพมิ่ เตมิ คณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที่ 5 เลม 2 จะได P=(E1) nn=((ES1)) 3 13 ดงั นนั้ ความนาจะเปนที่จะหยิบไดลกู แกวสีเหลือง เทา กบั 3 13 2) ให E2 แทนเหตกุ ารณทห่ี ยบิ ไดลูกแกวที่ไมใชสแี ดง เน่อื งจากมีลกู แกวท่ไี มใชสีแดงอยู 7 ลูก จะมวี ิธหี ยิบไดลูกแกว ทไี่ มใชส แี ดง 7 วธิ ี น่ันคือ n(E2 ) = 7 จะได P=( E2 ) nn=((ES2)) 7 13 ดงั นน้ั ความนาจะเปนที่จะหยิบไดล ูกแกวทไ่ี มใ ชสแี ดง เทากับ 7 13 4. ให S แทนปรภิ ูมิตวั อยางของการทดลองสุมนี้ จะได n(S ) = 52 1) ให E1 แทนเหตกุ ารณทไ่ี ดไพห มายเลข 7 เน่ืองจากมไี พห มายเลข 7 อยู 4 ใบ จะมีวธิ ีทห่ี ยบิ ไพหมายเลข 7 ได 4 วิธี นน่ั คอื n(E1) = 4 จะได P(E=1) nn((ES1=)) 4= 1 52 13 ดังนน้ั ความนา จะเปนท่ไี ดไพหมายเลข 7 เทา กบั 1 13 2) ให E2 แทนเหตกุ ารณท ี่ไดไพ J, Q หรือ K เนอ่ื งจากมีไพ J, Q หรือ K อยู 12 ใบ จะมวี ิธีท่หี ยบิ ไพ J, Q หรือ K ได 12 วิธี นัน่ คือ n(E2 ) =12 จะได P(E2=) nn((ES2=)) 1=2 3 52 13 ดงั นั้น ความนา จะเปนทจ่ี ะไดไพ J, Q หรือ K เทากบั 3 13 สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวชิ าเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปท่ี 5 เลม 2 333 3) ให E3 แทนเหตกุ ารณท ี่ไดไ พด อกจิก เน่ืองจากมไี พดอกจิกอยู 13 ใบ จะมีวิธีหยิบไดไพด อกจิก 13 วิธี น่นั คอื n(E3 ) =13 จะได P ( E=3 ) nn((ES3=)) 1=3 1 52 4 ดงั นัน้ ความนาจะเปนท่ีจะไดไพด อกจิก เทา กบั 1 4 4) ให E4 แทนเหตุการณท ี่ไดไพ A โพแดง เนอ่ื งจากมไี พ A โพแดงอยู 1 ใบ จะมีวธิ ีทีไ่ ดไพ A โพแดง 1 วิธี นั่นคอื n(E4 ) =1 จะได P=( E4 ) nn=((ES4)) 1 52 ดงั นั้น ความนาจะเปน ทจ่ี ะไดไพ A โพแดง เทากับ 1 52 5. ให S แทนปรภิ มู ติ ัวอยางของการทดลองสุมนี้ จะได n(S ) = 6 1) ให E1 แทนเหตกุ ารณท ่ีไดเ บี้ยท่ีมหี มายเลขเปน จํานวนเฉพาะ เนอื่ งจากเบย้ี ท่มี หี มายเลขเปนจํานวนเฉพาะมี 3 อัน คือ เบยี้ หมายเลข 3, 7 และ 11 จะมีวธิ ีหยบิ เบี้ยทมี่ หี มายเลขเปน จํานวนเฉพาะได 3 วธิ ี นน่ั คือ n(E1) = 3 จะได P ( E1 )= nn((ES1))= 3= 1 6 2 ดงั นน้ั ความนาจะเปน ท่ีจะไดเบ้ยี ทม่ี หี มายเลขเปน จาํ นวนเฉพาะ เทากบั 1 2 2) ให E2 แทนเหตกุ ารณที่ไดเ บีย้ ท่ีมหี มายเลขเปนจาํ นวนทห่ี ารดวย 3 ลงตวั เนือ่ งจากเบ้ยี ที่มีหมายเลขเปนจาํ นวนท่ีหารดว ย 3 ลงตวั มี 2 อัน คือ เบยี้ หมายเลข 3 และ 9 จะมวี ิธีหยิบเบย้ี ที่มหี มายเลขเปนจํานวนทห่ี ารดวย 3 ลงตวั ได 2 วธิ ี นั่นคือ n(E2 ) = 2 จะได P ( E2 =) nn((ES2))= 2= 1 6 3 ดังนัน้ ความนาจะเปนท่ีจะไดเบี้ยท่มี ีหมายเลขเปน จํานวนท่ีหารดวย 3 ลงตวั เทากบั 1 3 สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
334 คูมอื ครรู ายวิชาเพม่ิ เตมิ คณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปท่ี 5 เลม 2 3) ให E3 แทนเหตกุ ารณทไ่ี ดเ บีย้ ท่ีมหี มายเลขเปนจํานวนท่ีหารดวย 6 ลงตวั เนอื่ งจากไมมเี บ้ียที่มหี มายเลขเปน จํานวนทหี่ ารดวย 6 ลงตัว จะมีวิธีหยิบเบยี้ ทม่ี หี มายเลขเปนจาํ นวนทหี่ ารดว ย 6 ลงตัวได 0 วธิ ี นนั่ คอื n(E3 ) = 0 จะได P ( E3 )= nn((ES3))= 0= 0 6 ดงั นนั้ ความนาจะเปนทีจ่ ะไดเบ้ยี ทมี่ หี มายเลขเปนจาํ นวนที่หารดว ย 6 ลงตัว เทา กับ 0 4) ให E4 แทนเหตกุ ารณท ่ีไดเบี้ยที่มหี มายเลขเปน จํานวนทเ่ี ปนกําลงั สองสมบรู ณ เนื่องจากเบีย้ ท่มี หี มายเลขเปนจาํ นวนทเี่ ปนกาํ ลังสองสมบูรณมี 2 อนั คือ เบยี้ หมายเลข 4 และ 9 จะมีวธิ ีหยิบเบย้ี ทม่ี หี มายเลขเปนจํานวนท่ีเปน กาํ ลงั สองสมบรู ณไ ด 2 วธิ ี นนั่ คอื n(E4 ) = 2 จะได P ( E4 =) nn((ES4))= 2= 1 6 3 ดังนัน้ ความนาจะเปน ท่จี ะไดเบย้ี ทมี่ หี มายเลขเปน จาํ นวนที่เปนกําลงั สองสมบูรณ เทา กบั 1 3 6. ให S แทนปริภูมิตัวอยางของการทดลองสุมน้ี จะได n(S ) =100 1) ให E1 แทนเหตกุ ารณที่จะไดเหรียญทมี่ หี มายเลขเปน จํานวนเต็มบวก เนื่องจากมวี ิธหี ยิบเหรยี ญที่มีหมายเลขเปน จาํ นวนเต็มบวก 100 วิธี นน่ั คอื n(E1 ) =100 จะได P ( E=1 ) nn((ES=1)) 1=00 1 100 ดงั นัน้ ความนาจะเปนทจี่ ะไดเหรยี ญทีม่ ีหมายเลขเปน จาํ นวนเต็มบวก เทากบั 1 2) ให E2 แทนเหตุการณทจี่ ะไดเหรียญท่ีมหี มายเลขเปนจาํ นวนคู เน่อื งจากเหรยี ญท่มี หี มายเลขเปน จํานวนคูมี 50 เหรยี ญ ไดแก เหรียญที่มีหมายเลข 2, 4, 6,,100 จะมวี ธิ หี ยิบเหรียญที่มีหมายเลขเปน จํานวนคูได 50 วิธี นัน่ คอื n(E2 ) = 50 สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวิชาเพมิ่ เตมิ คณติ ศาสตร ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 2 335 จะได P ( E=2 ) nn((ES=2)) 5=0 1 100 2 ดงั นน้ั ความนา จะเปน ท่จี ะไดเหรียญท่มี ีหมายเลขเปนจาํ นวนคู เทา กบั 1 2 3) ให E3 แทนเหตุการณทีจ่ ะไดเ หรียญท่มี ีหมายเลขเปนจาํ นวนที่หารดว ย 5 ลงตวั เน่อื งจากเหรยี ญทม่ี ีหมายเลขเปนจาํ นวนที่หารดวย 5 ลงตวั มี 20 เหรียญ ไดแก เหรยี ญ ที่มีหมายเลข 5,10,15,,100 จะมีวิธหี ยิบเหรียญที่มหี มายเลขเปน จาํ นวนทหี่ ารดวย 5 ลงตวั ได 20 วิธี นั่นคือ n(E3 ) = 20 จะได P ( E=3 ) nn((ES=3)) 2=0 1 100 5 ดังนั้น ความนา จะเปน ท่จี ะไดเหรียญทมี่ หี มายเลขเปนจํานวนท่หี ารดว ย 5 ลงตวั เทา กับ 1 5 4) ให E4 แทนเหตกุ ารณท ่จี ะไดเหรียญท่ีมีหมายเลขเปนจํานวนท่ีหารดวย 5 ไมลงตัว เนอื่ งจากเหรยี ญที่มหี มายเลขเปน จาํ นวนทห่ี ารดวย 5 ลงตัว มี 20 เหรียญ ดงั นน้ั มีเหรียญทม่ี ีหมายเลขเปน จาํ นวนทห่ี ารดวย 5 ไมล งตวั 80 เหรยี ญ จะมีวธิ หี ยิบเหรยี ญท่ีมีหมายเลขเปน จาํ นวนทห่ี ารดว ย 5 ไมลงตวั ได 80 วธิ ี นน่ั คือ n(E4 ) = 80 จะได P ( E=4 ) nn((ES=4)) 8=0 4 100 5 ดังนั้น ความนาจะเปนท่ีจะไดเหรียญที่มีหมายเลขเปนจํานวนที่หารดวย 5 ไมล งตัว เทากับ 4 5 7. ให S แทนปรภิ มู ติ วั อยางของการทดลองสมุ นี้ ให “ช” แทนผชู าย และ “ญ” แทนผูหญิง จะได S = {ชช, ชญ, ญช, ญญ} นั่นคือ n(S ) = 4 1) ให E1 แทนเหตุการณท่สี ามีภรรยามลี กู เปน ผูชายทั้งคูหรือผูหญงิ ทง้ั คู จะได E1 = {ชช, ญญ} น่นั คอื n(E1) = 2 สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
336 คมู อื ครรู ายวิชาเพิม่ เติมคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท่ี 5 เลม 2 จะได P ( E1 =) nn((ES1))= 2= 1 4 2 ดังน้ัน ความนาจะเปน ที่สามีภรรยามีลูกเปนผชู ายทั้งคูหรือผูหญงิ ทงั้ คู เทากบั 1 2 2) ให E2 แทนเหตุการณทสี่ ามภี รรยามีลูกเปน ผูหญงิ อยางนอย 1 คน จะได E2 = {ชญ, ญช, ญญ} นั่นคือ n(E2 ) = 3 จะได P=( E2 ) nn=((ES2)) 3 4 ดังนนั้ ความนา จะเปนที่สามภี รรยามีลกู เปนหญิงอยางนอย 1 คน เทา กับ 3 4 8. ให S แทนปริภูมิตัวอยา งของการทดลองสุมนี้ จะได n(=S ) C=5,2 10 ให E แทนเหตกุ ารณทจ่ี ะไดหลอดดี 1 หลอด และหลอดเสีย 1 หลอด ข้ันตอนที่ 1 หยิบหลอดไฟดี 1 หลอด จากหลอดดีท้ังหมด 3 หลอด ได C3,1 = 3 วิธี ข้นั ตอนที่ 2 หยบิ หลอดไฟเสีย 1 หลอด จากหลอดเสยี ท้งั หมด 2 หลอด ได C2,1 = 2 วิธี ดงั นัน้ n(E) =3× 2 =6 จะได P( E=) n(E) 6= 3 n ( S=) 10 5 ดังน้นั ความนาจะเปนท่ีจะไดหลอดดี 1 หลอด และหลอดเสีย 1 หลอด เทากบั 3 5 9. ให S แทนปรภิ ูมติ ัวอยา งของการทดลองสมุ น้ี จะได n(=S ) C=4,2 6 ให E แทนเหตุการณท่จี ะไดถงุ เทาทั้งสองคเู ปน สเี ดยี วกัน กรณที ี่ 1 หยิบไดถุงเทา ท้ังสองคูเปนสดี ํา มไี ด C2, 2 =1 วิธี กรณที ี่ 2 หยบิ ไดถ งุ เทา ทงั้ สองคูเปนสขี าว มไี ด C2, 2 =1 วธิ ี นั่นคือ n(E) =1+1 = 2 สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวชิ าเพม่ิ เติมคณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 2 337 จะได P( E=) nn((ES ))= 2= 1 6 3 ดงั น้นั ความนา จะเปน ทีจ่ ะไดถงุ เทา ทั้งสองคูเปน สีเดียวกัน เทา กบั 1 3 10. ให S แทนปรภิ มู ิตัวอยางของการทดลองสมุ นี้ จะได n(S ) = 6× 6 = 36 ให E แทนเหตุการณท่ผี ลคูณของแตมเปน จํานวนคู วธิ ที ่ี 1 ในการทอดลกู เตาท่ีเทย่ี งตรงสองลกู หนง่ึ คร้ัง ผลคูณของแตม เปนจํานวนคเู ปน ได 3 กรณี กรณีท่ี 1 ลูกเตาทั้งสองลกู ไดแ ตม เปนจํานวนคู แตมท่ีไดจากลูกเตาลกู ที่ 1 เปนได 3 วิธี คือ 2, 4 และ 6 แตมท่ีไดจ ากลูกเตา ลกู ท่ี 2 เปน ได 3 วธิ ี คอื 2, 4 และ 6 จะมีจาํ นวนวิธที ผ่ี ลคณู ของแตมเปนจํานวนคเู ปน 3×3 =9 วิธี กรณที ี่ 2 ลกู เตา ลูกท่ี 1 ไดแตมเปน จาํ นวนคเู พยี งลกู เดยี ว แตม ที่ไดจ ากลูกเตา ลูกท่ี 1 เปน ได 3 วิธี คือ 2, 4 และ 6 แตม ท่ีไดจากลูกเตาลกู ท่ี 2 เปนได 3 วิธี คือ 1, 3 และ 5 จะมจี ํานวนวิธที ผี่ ลคูณของแตมเปน จํานวนคูเปน 3×3 =9 วิธี กรณีท่ี 3 ลูกเตา ลกู ที่ 2 ไดแตม เปนจาํ นวนคูเพียงลูกเดยี ว แตมที่ไดจ ากลูกเตาลกู ท่ี 1 เปน ได 3 วิธี คือ 1, 3 และ 5 แตมที่ไดจากลูกเตา ลูกท่ี 2 เปนได 3 วธิ ี คอื 2, 4 และ 6 จะมีจาํ นวนวิธีท่ีผลคูณของแตมเปนจํานวนคเู ปน 3×3 =9 วธิ ี โดยหลักการบวก จะมวี ธิ ีทอดลกู เตาทผี่ ลคูณของแตมท่ีไดเปนจํานวนคู 9 + 9 + 9 =27 วิธี น่ันคอื n(E) = 27 จะได P( E=) n(E) 2=7 3 n ( S=) 36 4 ดงั น้ัน ความนาจะเปน ท่ผี ลคูณของแตมเปน จํานวนคู เทากับ 3 4 วิธที ี่ 2 ในการทอดลกู เตา ทเี่ ทีย่ งตรงสองลกู หนง่ึ ครั้ง ผลคณู ของแตมท่ีเปน จาํ นวนคจี่ ะ เกิดข้นึ เม่ือแตมบนหนา ของลูกเตาท้งั สองลกู เปนจํานวนค่ี ดังนี้ แตมบนหนาของลูกเตา ลูกที่ 1 เปนได 3 วธิ ี คอื 1, 3 และ 5 แตม บนหนา ของลูกเตา ลกู ที่ 2 เปน ได 3 วิธี คอื 1, 3 และ 5 จะมจี าํ นวนวิธที ผ่ี ลคณู ของแตมเปน จํานวนค่ีเปน 3×3 =9 วิธี สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
338 คูมอื ครรู ายวิชาเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 2 ดังนนั้ จะมวี ธิ ีทอดลูกเตา ท่ผี ลคณู ของแตมที่ไดเ ปนจาํ นวนคู 36 − 9 =27 วิธี นน่ั คือ n(E) = 27 จะได P( E=) nn((ES=)) 2=7 3 36 4 ดังนัน้ ความนา จะเปนท่ผี ลคูณของแตม เปน จํานวนคู เทากับ 3 4 11. 1) ให S1 แทนปริภมู ิตวั อยา งของการทดลองสุมน้ี จะได n(=S1 ) C=4,2 6 ให E1 แทนเหตุการณที่หยบิ ไดลกู บอลสีแดงและสีเขยี วอยา งละ 1 ลกู นน่ั คือ n( E1 ) = C2,1 × C2,1 = 2 × 2 = 4 จะได P ( E1 =) n( E1 ))= 4= 2 n( S1 6 3 ดงั นั้น ความนา จะเปน ที่หยบิ ไดลกู บอลสีแดงและสเี ขียวอยา งละ 1 ลูก เม่ือหยิบ ลกู บอล 2 ลูกพรอมกนั เทา กับ 2 3 2) ให S2 แทนปรภิ มู ติ วั อยางของการทดลองสุมนี้ จะได ( )n S2 = C4,1 × C3,1 = 4 × 3 = 12 ให E2 แทนเหตกุ ารณท ่ีหยิบไดล กู บอลสแี ดงและสีเขยี วอยางละ 1 ลูก กรณที ่ี 1 หยิบไดล กู บอลสีแดงเปน ลกู แรก มีวธิ หี ยบิ ลกู บอลลกู แรกไดส แี ดง 2 วธิ ี มีวธิ หี ยิบลูกบอลลกู ท่ีสองไดสีเขยี ว 2 วธิ ี ดังนนั้ มีวธิ หี ยบิ ลกู บอลลกู แรกไดส ีแดง และลูกบอลลูกทส่ี องไดส ีเขยี ว 2× 2 =4 วิธี กรณีท่ี 2 หยิบไดลกู บอลสเี ขยี วเปนลกู แรก มีวิธหี ยบิ ลูกบอลลกู แรกไดสีเขยี ว 2 วธิ ี มวี ธิ ีหยิบลูกบอลลกู ทีส่ องไดสีแดง 2 วธิ ี ดงั น้ัน มวี ธิ ีหยิบลกู บอลลูกแรกไดสเี ขยี ว และลูกบอลลูกท่สี องไดส ีแดง 2× 2 =4 วธิ ี โดยหลกั การบวก จะไดจาํ นวนวิธีหยบิ ไดลกู บอลสีแดงและสเี ขียวอยางละ 1 ลกู 4 + 4 =8 วิธี สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครูรายวชิ าเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ช้ันมธั ยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 2 339 น่ันคอื n(E2 ) = 8 จะได P ( E2=) n ( ES22=)) 8= 2 n ( 12 3 ดงั นั้น ความนา จะเปนท่หี ยบิ ไดล กู บอลสีแดงและสีเขียวอยางละ 1 ลกู เมอื่ หยบิ ลูกบอลทลี ะลูกโดยไมใสคืนกอนจะหยิบลูกบอลลกู ทส่ี อง เทา กับ 2 3 3) ให S3 แทนปริภูมติ ัวอยา งของการทดลองสมุ น้ี จะได ( )n S3 = C4,1 × C4,1 = 4 × 4 =16 ให E3 แทนเหตุการณท ห่ี ยิบไดลูกบอลสีแดงและสีเขยี วอยา งละ 1 ลกู กรณที ี่ 1 หยิบไดล ูกบอลสีแดงเปน ลูกแรก มีวธิ ีหยิบลกู บอลลูกแรกไดสแี ดง 2 วิธี มีวธิ ีหยิบลูกบอลลูกทส่ี องไดส ีเขยี ว 2 วิธี ดงั นั้น มีวิธหี ยิบลกู บอลลูกแรกไดสีแดง และลูกบอลลูกที่สองไดสีเขยี ว 2× 2 =4 วิธี กรณที ี่ 2 หยบิ ไดล กู บอลสเี ขยี วเปน ลกู แรก มีวิธหี ยบิ ลกู บอลลกู แรกไดสเี ขียว 2 วิธี มวี ธิ หี ยิบลกู บอลลกู ทส่ี องไดสีแดง 2 วิธี ดงั นน้ั มีวิธหี ยิบลกู บอลลกู แรกไดส เี ขยี ว และลกู บอลลกู ท่ีสองไดสีแดง 2× 2 =4 วิธี โดยหลกั การบวก จะไดจํานวนวธิ ีหยิบไดลูกบอลสแี ดงและสีเขยี วอยางละ 1 ลูก 4 + 4 =8 วิธี นัน่ คือ n(E3 ) = 8 จะได P ( E3=) n( ES33=)) 8= 1 n( 16 2 ดงั นั้น ความนาจะเปนท่หี ยิบไดล กู บอลสีแดงและสีเขยี วอยางละ 1 ลกู เม่ือหยบิ ลูกบอล ทีละลกู โดยใสค ืนกอนจะหยบิ ลกู บอลลูกทส่ี อง เทากับ 1 2 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
340 คูมือครรู ายวิชาเพ่มิ เติมคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปท่ี 5 เลม 2 12. ให S แทนปริภูมิตัวอยางของการทดลองสมุ น้ี จะได n(S ) =5× 4 = 20 1) ให E1 เปน เหตกุ ารณที่นักกีฬาคนนสี้ วมเสื้อและกางเกงสีเดียวกัน นั่นคอื สวมเสือ้ สขี าวและกางเกงสีขาวเทา น้นั ขั้นตอนที่ 1 มีวิธีเลือกสวมเสือ้ สขี าวได 3 วิธี ขน้ั ตอนที่ 2 มีวิธเี ลอื กสวมกางเกงสขี าวได 1 วิธี ดงั น้นั จะมวี ธิ สี วมเสือ้ และกางเกงสเี ดยี วกนั 3×1=3 วิธี นั่นคอื n(E1) = 3 จะได P=( E1 ) nn=((ES1)) 3 20 ดงั น้นั ความนา จะเปน ท่ีนกั กีฬาคนนี้จะสวมเสอ้ื และกางเกงสีเดียวกัน เทา กบั 3 20 2) ให E2 แทนเหตุการณทนี่ ักกีฬาคนน้ีสวมเส้อื และกางเกงสตี างกัน กรณที ี่ 1 สวมเสื้อสีขาวและกางเกงสีเทา มีวิธีเลอื กสวมเสื้อสีขาวได 3 วิธี มวี ิธเี ลอื กสวมกางเกงสีเทาได 3 วิธี ดังน้ัน มวี ธิ สี วมเส้ือและกางเกงสีตา งกัน 3×3 =9 วธิ ี กรณีที่ 2 สวมเสือ้ สฟี าและกางเกงสใี ดก็ได มวี ิธีเลือกสวมเส้ือสฟี าได 2 วธิ ี มวี ธิ เี ลอื กสวมกางเกงสีขาวหรือสีเทาได 4 วิธี ดังน้ัน มีวิธสี วมเสื้อและกางเกงสตี า งกัน 2× 4 =8 วิธี โดยหลักการบวก จะมีวิธีเลอื กสวมเสอ้ื และกางเกงสตี างกัน 9 + 8 =17 วธิ ี นั่นคือ n(E2 ) =17 จะได P=( E2 ) nn=((ES2)) 17 20 ดงั น้นั ความนา จะเปน ทีน่ ักกีฬาคนนจ้ี ะสวมเสื้อและกางเกงสตี า งกัน เทากับ 17 20 3) ให E3 แทนเหตกุ ารณท ีน่ กั กีฬาคนนสี้ วมเสอื้ สีฟา ขั้นตอนที่ 1 มีวธิ ีเลือกสวมเส้อื สฟี าได 2 วธิ ี ข้ันตอนที่ 2 มวี ธิ เี ลือกสวมกางเกงสใี ดกไ็ ด ได 4 วธิ ี ดังนัน้ จะมวี ิธสี วมเสอ้ื สีฟา 2× 4 =8 วิธี สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414