บทท่ี 4 | ตัวแปรสมุ และการแจกแจงความนาจะเปน 285 คูมอื ครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปท่ี 6 เลม 2 5) ถาตอ งใชแ ตมในการเลน ดานโบนัส ผูเ ลน ควรจะเลนเม่ือใชแตมไมเ กนิ เทาใด 5. เกมปาลกู ดอกเกมหนง่ึ ใชแผนกระดานวงกลมดังรูป และมรี ูปแบบการเลนใหเ ลอื ก 2 รูปแบบ ดังน้ี รปู แบบท่ี 1 เลนตามสี โดยมีกติกาคือถาผูเลนปาลูกดอกไปตกอยูในชองสีเขียวจะไดรับ เงินรางวลั 30 บาท แตถ า ลูกดอกไปตกอยใู นชอ งสีแดงจะไมไดรับเงินรางวัล รูปแบบที่ 2 เลนตามตัวเลข โดยมีกติกาคือถาผูเลนปาลูกดอกไปตกอยูในชองที่หมายเลข ท่ีกํากับหารดวย 3 ลงตัว จะไดรับเงินรางวัล 40 บาท ถาลูกดอกไปตกอยูใน ชองที่หมายเลขที่กํากับหารดวย 3 แลวเหลือเศษ 1 จะไดรับเงินรางวัล 5 บาท และถาลูกดอกไปตกอยูในชองท่ีหมายเลขที่กํากับหารดวย 3 แลว เหลอื เศษ 2 จะไมไดรบั เงินรางวลั สมมติในการปาลูกดอกแตละครั้งโอกาสท่ีลูกดอกจะไปตกท่ีชองใดชองหนึ่งเทากัน และ ในการเลน เกมปาลูกดอกแตละครั้ง ผูเลนจะตอ งจายเงินซื้อตั๋วราคา 10 บาท ใหตัวแปรสุม X คอื กาํ ไร (ขาดทนุ ) จากการเลนเกมปาลูกดอกรูปแบบท่ี 1 หนึ่งครงั้ และตัวแปรสุม Y คอื กําไร (ขาดทนุ ) จากการเลนเกมปาลกู ดอกรูปแบบที่ 2 หนึ่งคร้ัง 1) จงเขยี นแสดงการแจกแจงความนาจะเปนของตวั แปรสุม X และ Y ในรปู ตาราง 2) จงพจิ ารณาวา ตวั แปรสมุ X และ Y มกี ารแจกแจงแบบใด 3) จงหาคา คาดหมายและสวนเบีย่ งเบนมาตรฐานของตวั แปรสุม X และ Y 4) ผเู ลนควรเลือกเลน เกมรูปแบบที่ 1 หรือ 2 เพราะเหตใุ ด สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 4 | ตัวแปรสมุ และการแจกแจงความนาจะเปน 286 คมู อื ครูรายวชิ าเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ี่ 6 เลม 2 6. กําหนดให X ~ B(5, 0.4) จงหา 1) P ( X = 1) 2) P( X ≥ 4) 3) P( X < 4) 4) P (1 ≤ X ≤ 4) 7. ในการทดสอบวัคซีนเพื่อใชในการปองกันโรครายแรงชนิดหน่ึง โดยการฉีดวัคซีนนี้ใหกับ หนแู ลวฉดี ตามดว ยจลุ ชพี กอ โรคเมือ่ ครบกาํ หนดเวลา พบวา ความนา จะเปนทห่ี นแู ตละตัว จะรอดชีวติ เปน 0.7 1) ถาทดสอบวคั ซนี นีก้ บั หนู 5 ตัว จงหาความนาจะเปนทห่ี นูทกุ ตัวจะรอดชวี ติ 2) ถา ทดสอบวัคซนี นี้กับหนู 10 ตัว จงหาความนาจะเปน ท่ีหนูทกุ ตวั จะตาย 8. ทีมวิจัยของโรงพยาบาลแหงหนึ่งไดวิจัยและพัฒนาสารเพ่ิมความแข็งแรงใหกับอสุจิท่ีมี โครโมโซม Y พรอมท้ังทําใหอสุจิท่ีมีโครโมโซม X ออนแอ จากการทดลองฉีดสารน้ีใหกับ สามีสําหรับคูสามีภรรยาที่ตองการมีบุตร พบวา ความนาจะเปนท่ีบุตรของสามีภรรยา แตละคูที่สามีไดรับการฉีดสารนี้จะเปนชายเทากับ 0.8 ถาสุมคูสามีภรรยาที่สามีไดรับ การฉีดสารน้ีจํานวน 8 คู 1) จงหาความนาจะเปน ที่จะมีสามภี รรยาต้งั แต 5 ถึง 7 คู ไดบุตรชาย 2) จงหาคาคาดหมายและสวนเบ่ียงเบนมาตรฐานของจํานวนคูสามีภรรยาที่ไดบุตรชาย พรอมทง้ั อธิบายความหมาย 9. ให Z เปนตวั แปรสมุ ปกติมาตรฐาน จงหา 1) P (Z ≤ −3) + P (Z > 3) 2) P (−3 < Z ≤ 3) 3) P (−1.78 < Z ≤ 2.41) สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 4 | ตัวแปรสุมและการแจกแจงความนาจะเปน 287 คมู ือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศึกษาปท ่ี 6 เลม 2 10. กําหนดให X ~ N (20, 4) จงหาคาของตวั แปรสุม ปกติมาตรฐานของขอ มูลตอ ไปนี้ 1) 20 2) 26 3) 0 11. กําหนดให X ~ N (50, 100) จงหา 1) P ( X ≤ 35) 2) P ( X ≥ 55) 3) P (20 < X ≤ 80) 12. กําหนดให X ~ N (80, 225) จงหา k ท่ที าํ ให P(65 < X < k ) =0.7357 13. คาใชจายในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2562 ของชาวบานในอําเภอหน่ึงมีการแจกแจงปกติ โดยมี คาเฉล่ียเทากับ 11,250 บาท และความแปรปรวนเทากับ 14,400 บาท2 ถาสุมชาวบาน ในอําเภอน้ีมาหนึ่งคน จงหาความนาจะเปนท่ีชาวบานคนนี้จะมีคาใชจายในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2562 มากกวา 11,000 บาท แตไมเ กนิ 11,400 บาท 14. น้ําหนักของนักเรียนในโรงเรียนแหงหนึ่งมีการแจกแจงปกติ โดยมีคาเฉลี่ยเทากับ 58 กิโลกรัม และสวนเบ่ียงเบนมาตรฐานเทากับ 12 กิโลกรัม จงหาน้ําหนักของรวิญญา ถาทราบวาความนาจะเปนท่ีนักเรียนในโรงเรียนแหงน้ีจะมีนํ้าหนักนอยกวารวิญญา คอื 0.2177 15. คะแนนสอบขอเขียนของนักเรียนที่สมัครเขามหาวิทยาลัยแหงหนึ่งมีการแจกแจงปกติ โดยมีคาเฉล่ียเทากับ 240 คะแนน และสวนเบ่ียงเบนมาตรฐานเทากับ 36 คะแนน ถามหาวิทยาลยั แหง นีก้ ําหนดวานกั เรียนทีไ่ ดคะแนนสอบขอเขียนไมน อ ยกวาควอรไทลท่ี 3 จะมีสิทธ์ิสอบสัมภาษณ จงหาวานักเรียนตองสอบไดอยางนอยกี่คะแนนจึงจะมีสิทธิ์ สอบสมั ภาษณ เมื่อกําหนดให P(Z < 0.6745) =0.75 (ตอบเปนจาํ นวนเตม็ ) สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 4 | ตัวแปรสุมและการแจกแจงความนาจะเปน 288 คมู ือครูรายวชิ าเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ชัน้ มธั ยมศึกษาปท ่ี 6 เลม 2 16. คะแนนสอบของนกั เรยี นจํานวน 500 คน มีการแจกแจงปกติ โดยมีสว นเบ่ยี งเบนมาตรฐาน เปน 5 คะแนน หากทราบวามีนักเรียน 450 คน ไดคะแนนไมถึง 80 คะแนน จงหา เปอรเ ซน็ ไทลที่ 25 เมื่อกาํ หนดให P(Z < −0.6745) =0.25 และ P(Z < 1.2816) =0.9 17. ในกระบวนการบรรจุผงเวยโปรตีนยห่ี อหนึ่งลงกระปุก พบวา ปริมาณผงเวยโปรตีนท่ีบรรจุ ในแตละกระปุกมีการแจกแจงปกติ โดยมีน้ําหนักเฉล่ีย 3,000 กรัม และสวนเบี่ยงเบน- มาตรฐาน 100 กรัม ถากระปุกผงเวยโปรตีนที่ผานมาตรฐานตองมีน้ําหนักระหวาง 2,804 และ 3,196 กรมั จงหาวามกี ระปุกผงเวยโ ปรตนี กเ่ี ปอรเซ็นตท่ผี านมาตรฐาน 18. ชิดชัยตองการศึกษาตอคณะวิศวกรรมศาสตรจึงไดสมัครสอบคัดเลือกเขามหาวิทยาลัย 3 แหง ถาคะแนนสอบคัดเลือกของท้ัง 3 มหาวิทยาลัยมีการแจกแจงปกติ และผลคะแนน เปนดังตารางตอไปนี้ มหาวทิ ยาลยั แหง ที่ คะแนนของชดิ ชัย คะแนนเฉล่ีย ความแปรปรวน 1 59 68 169 2 39 52 625 3 53 60 121 จงพิจารณาวาชิดชยั ทําคะแนนในการสอบคัดเลือกเขามหาวทิ ยาลยั แหง ใดไดด ที ่ีสดุ สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 4 | ตัวแปรสมุ และการแจกแจงความนาจะเปน 289 คมู อื ครูรายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ่ี 6 เลม 2 เฉลยตวั อยา งแบบทดสอบประจาํ บท 1. 1) ตัวแปรสมุ ตอเนอ่ื ง 2) ตัวแปรสมุ ไมตอเน่ือง 3) ตวั แปรสมุ ตอ เนือ่ ง 4) ตวั แปรสมุ ไมต อเนื่อง 2. 1) เขยี นแสดงการแจกแจงความนา จะเปน ของตัวแปรสมุ X ในรูปตารางไดด งั น้ี x 123456 7 0.0009 P ( X = x) 0.2491 0.3667 0.2390 0.1172 0.0271 0 2) ความนา จะเปนท่ีผูใชบ ริการจะมาชมภาพยนตรพ รอ มกันคร้ังละ 2 คน คือ P ( X= 2=) 0.3667 3) ความนา จะเปนทผ่ี ูใ ชบรกิ ารจะไมม าชมภาพยนตรค นเดียว คอื 1− P ( X =1) =1− 0.2491 =0.7509 4) เน่ืองจาก µX = 1(0.2491) + 2(0.3667) + 3(0.2390) + 4(0.1172) +5(0.0271) + 6(0) + 7(0.0009) = 2.3101 ดงั นน้ั โดยเฉลี่ยแลวผใู ชบ ริการมาชมภาพยนตรพรอมกันครงั้ ละประมาณ 2 คน 3. 1) เขยี นแสดงการแจกแจงความนา จะเปน ของตัวแปรสุม X ในรูปตารางไดด ังนี้ x 012345678 P ( X = x) 0.314 0.214 0.129 0.071 0.143 0.029 0.014 0.029 0.057 2) เนอื่ งจาก µX = 0(0.314) +1(0.214) + 2(0.129) + 3(0.071) + 4(0.143) +5(0.029) + 6(0.014) + 7(0.029) + 8(0.057) = 2.145 ดังนัน้ คาคาดหมายของตัวแปรสมุ X คือ 2.145 ขวด สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 4 | ตัวแปรสมุ และการแจกแจงความนาจะเปน 290 คูมือครูรายวิชาเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศึกษาปท่ี 6 เลม 2 3) เนื่องจาก σ 2 = (0 − 2.145)2 (0.314) + (1− 2.145)2 (0.214) X + (2 − 2.145)2 (0.129) + (3 − 2.145)2 (0.071) + (4 − 2.145)2 (0.143) + (5 − 2.145)2 (0.029) + (6 − 2.145)2 (0.014) + (7 − 2.145)2 (0.029) + (8 − 2.145)2 (0.057) ≈ 5.354 ดงั น้นั ความแปรปรวนของตวั แปรสมุ X มีคาประมาณ 5.354 ขวด2 เนอื่ งจาก σ X ≈ 5.354 ≈ 2.314 ดังน้ัน สวนเบย่ี งเบนมาตรฐานของตัวแปรสมุ X มีคาประมาณ 2.314 ขวด 4) จากขอ 2) และ 3) จะได σ X > µX ดงั นัน้ โรงงานแหง น้ีจะตองสัง่ ซอ้ื อุปกรณสาํ หรบั ผลิตแยมชุดใหม 4. 1) ตวั แปรสมุ ไมต อ เนอ่ื ง 2) เขียนแสดงการแจกแจงความนาจะเปนของตัวแปรสุม X ในรูปตารางไดด ังน้ี x –30 –10 10 20 100 P ( X = x) 0.2 0.2 0.2 0.2 0.2 3) การแจกแจงความนา จะเปนของตัวแปรสุม X เปน การแจกแจงเอกรูปไมต อเน่ือง 4) เนอ่ื งจาก µX = −30(0.2) −10(0.2) +10(0.2) + 20(0.2) +100(0.2) = 18 ดังนนั้ คา คาดหมายของตวั แปรสมุ X คอื 18 แตม (เนอ่ื งจากσ 2 = (−30 −18)2 + (−10 −18)2 + (10 −18)2 + (20 −18)2 X )+(100 −18)2 × 0.2 = 1,976 ดังนน้ั ความแปรปรวนของตัวแปรสุม X คอื 1,976 แตม2 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 4 | ตัวแปรสุมและการแจกแจงความนาจะเปน 291 คูม ือครูรายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปท ี่ 6 เลม 2 เนื่องจาก σ X = 1,976 ≈ 44.45 ดงั น้นั สว นเบย่ี งเบนมาตรฐานของตัวแปรสมุ X มีคา ประมาณ 44.45 แตม 5) เน่ืองจาก µX = 18 ซึ่งหมายความวา โดยเฉลี่ยแลวในการเลนดานโบนัสแตละครั้ง ผูเลนจะไดรับแตม 18 แตม ดงั นน้ั ถาตอ งใชแ ตมในการเลน ดา นโบนัส ผูเลนควรจะเลน เม่ือใชแ ตม ไมเ กิน 18 แตม 5. 1) เขียนแสดงการแจกแจงความนาจะเปนของตัวแปรสุม X และ Y ในรูปตาราง ไดดงั น้ี x –10 20 P(X = x) 1 1 2 2 y –10 –5 30 P(Y = y) 1 1 1 333 2) การแจกแจงความนาจะเปน ของตัวแปรสมุ X และ Y เปนการแจกแจงเอกรปู ไมต อ เนื่อง 3) เน่อื งจาก µX = −10 1 + 20 1 2 2 =5 ดังนั้น คา คาดหมายของตัวแปรสมุ X คอื 5 บาท เน่ืองจาก σ 2 = ( −10 − 5)2 1 + ( 20 − 5)2 1 X 2 2 = 225 ดังน้นั ความแปรปรวนของตัวแปรสมุ X คือ 225 บาท2 เนือ่ งจาก σ X = 225 = 15 สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 4 | ตัวแปรสมุ และการแจกแจงความนาจะเปน 292 คูมอื ครูรายวชิ าเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ชัน้ มธั ยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 ดังนน้ั สว นเบย่ี งเบนมาตรฐานของตัวแปรสมุ X คอื 15 บาท เน่อื งจาก µY = −10 1 − 5 1 + 30 1 3 3 3 =5 ดังน้นั คาคาดหมายของตัวแปรสุม Y คอื 5 บาท เน่ืองจาก σ 2 = ( −10 − 5)2 1 + ( −5 − 5)2 1 + ( 30 − 5 )2 1 Y 3 3 3 ≈ 316.67 ดงั น้นั ความแปรปรวนของตัวแปรสุม Y มคี าประมาณ 316.67 บาท2 เนอ่ื งจาก σY ≈ 316.67 ≈ 17.80 ดังนัน้ สวนเบีย่ งเบนมาตรฐานของตัวแปรสมุ Y มคี า ประมาณ 17.80 บาท 4) จะเห็นวาคาคาดหมายของกําไร (ขาดทุน) จากการเลนเกมทั้งสองรูปแบบเทากัน โดยเทากับ 5 บาท ซึ่งหมายความวา โดยเฉลี่ยแลวผูเลนจะไดกําไรจากการเลนเกม ทั้งสองรูปแบบ ครั้งละ 5 บาท แตสวนเบ่ียงเบนมาตรฐานของกําไรจากการเลนเกม รูปแบบท่ี 1 นอยกวารูปแบบที่ 2 แสดงวาการเลนเกมรูปแบบท่ี 1 มีความเสี่ยงที่ เงินรางวลั จะคลาดเคล่อื นจากคา คาดหมายนอ ยกวารูปแบบที่ 2 ดังน้นั ผเู ลนควรเลือกเลน เกมรปู แบบท่ี 1 6. 1) P ( X = 1) = 5 ( 0.4 ) ( 0.6 )4 2) P ( X ≥ 4) 1 3) P ( X < 4) = 0.2592 = P ( X =4) + P ( X =5) = 5 ( 0.4 )4 ( 0.6 ) + 5 ( 0.4)5 4 5 ≈ 0.0768 + 0.0102 ≈ 0.0870 = 1− P( X ≥ 4) ≈ 1− 0.0870 ≈ 0.9130 สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 4 | ตัวแปรสุมและการแจกแจงความนาจะเปน 293 คมู อื ครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 6 เลม 2 4) P (1 ≤ X ≤ 4) = 1− P ( X =0) − P ( X =5) = 1 − 5 ( 0.6 )5 − 5 ( 0.4)5 0 5 ≈ 1− 0.0778 − 0.0102 ≈ 0.9120 7. 1) ใหตัวแปรสุม X คือจํานวนหนูทดลองทีร่ อดชวี ติ จากการทดสอบวคั ซีนนีก้ ับหนู 5 ตวั จะได คา ที่เปน ไปไดของตัวแปรสุม X คือ 0, 1, 2, 3, 4 และ 5 เนื่องจากตัวแปรสุม X มีลกั ษณะดังตอ ไปน้ี 1. เกิดจากการทดลองสมุ (การทดสอบวคั ซีนนีก้ ับหนูแตล ะตวั ) จํานวน 5 ครง้ั ท่ีเปน อิสระกัน 2. การทดลองสุมแตละคร้ังเกิดผลลัพธไดเพียง 2 อยาง คือ สําเร็จ (หนูรอดชีวิต) หรอื ไมส าํ เรจ็ (หนูตาย) 3. ความนาจะเปนที่หนูแตละตัวจะรอดชีวิตเทากัน โดยเทากับ 0.7 และความนาจะเปน ทหี่ นแู ตล ะตัวจะตายเปน 1− 0.7=0.3 จะเห็นวา การแจกแจงความนาจะเปน ของตวั แปรสมุ X เปนการแจกแจงทวนิ าม ความนาจะเปน ทหี่ นูทกุ ตัวจะรอดชีวติ คอื P( X = 5) = 5 ( 0.7 )5 5 ≈ 0.1681 2) ใหตัวแปรสมุ Y คอื จาํ นวนหนทู ดลองทรี่ อดชีวติ จากการทดสอบวัคซีนน้ีกบั หนู 10 ตัว จะได คา ทเี่ ปนไปไดข องตวั แปรสุม Y คือ 0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 และ 10 เนอ่ื งจากตวั แปรสมุ Y มลี ักษณะดงั ตอ ไปนี้ 1. เกิดจากการทดลองสุม (การทดสอบวัคซีนน้ีกับหนูแตละตัว) จํานวน 10 ครั้ง ทเี่ ปน อิสระกนั 2. การทดลองสุมแตละครั้งเกิดผลลัพธไดเพียง 2 อยาง คือ สําเร็จ (หนูรอดชีวิต) หรือไมสาํ เร็จ (หนูตาย) สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 4 | ตัวแปรสมุ และการแจกแจงความนาจะเปน 294 คูมอื ครรู ายวชิ าเพิ่มเตมิ คณติ ศาสตร ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ี่ 6 เลม 2 3. ความนาจะเปนท่ีหนูแตละตัวจะรอดชีวิตเทากัน โดยเทากับ 0.7 และความนาจะเปน ทีห่ นแู ตล ะตัวจะตายเปน 1− 0.7=0.3 จะเห็นวาการแจกแจงความนาจะเปน ของตวั แปรสมุ Y เปนการแจกแจงทวินาม ความนาจะเปน ทห่ี นูทกุ ตัวจะตาย คือ P(Y = 0) = 5 ( 0.3)5 0 ≈ 0.0024 8. ใหตัวแปรสุม W คือจํานวนคูสามีภรรยาท่ีไดบุตรชายจากคูสามีภรรยาที่สามีไดรับการ ฉดี สารน้ีจาํ นวน 8 คู จะได คาทเ่ี ปนไปไดข องตัวแปรสมุ W คอื 0, 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 และ 8 เนื่องจากตวั แปรสมุ W มลี ักษณะดังตอ ไปนี้ 1. เกิดจากการทดลองสุม (การฉีดสารนี้ใหกับสามีสําหรับคูสามีภรรยาท่ีตองการมีบุตร แตล ะค)ู จํานวน 8 คร้ัง ท่เี ปน อสิ ระกัน 2. การทดลองสุมแตละคร้ังเกิดผลลัพธไดเพียง 2 อยาง คือ สําเร็จ (มีบุตรชาย) หรือ ไมสําเร็จ (ไมม ีบุตรชาย) 3. ความนาจะเปนทบ่ี ตุ รของสามีภรรยาแตละคทู ีส่ ามไี ดรบั การฉดี สารนีจ้ ะเปน ชายเทากัน โดยเทากับ 0.8 และความนาจะเปนท่ีบุตรของสามีภรรยาแตละคูที่สามีไดรับการ ฉดี สารนจี้ ะเปนหญิงเทา กบั 1− 0.8 =0.2 จะเหน็ วา การแจกแจงความนาจะเปนของตวั แปรสุม W เปนการแจกแจงทวินาม 1) ความนา จะเปน ทีจ่ ะมีสามีภรรยาตัง้ แต 5 ถงึ 7 คู ไดบุตรชาย คอื P(5 ≤ W ≤ 7) = P(W =5) + P(W =6) + P(W =7) = 8 ( 0.8)5 ( 0.2 )3 + 8 ( 0.8)6 ( 0.2 )2 5 6 + 8 ( 0.8)7 ( 0.2 ) 7 ≈ 0.1468 + 0.2936 + 0.3355 ≈ 0.7759 สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 4 | ตัวแปรสุมและการแจกแจงความนาจะเปน 295 คมู ือครูรายวชิ าเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ่ี 6 เลม 2 2) เน่อื งจาก µW = 8(0.8) = 6.4 ดงั นน้ั คา คาดหมายของจาํ นวนคสู ามภี รรยาทไ่ี ดบ ุตรชายมคี าประมาณ 6.4 คู ซ่ึงหมายความวา ในการสุมคูสามีภรรยาที่สามีไดรับการฉีดสารนี้จํานวน 8 คู โดยเฉลีย่ แลวจะมีสามภี รรยาประมาณ 6.4 คู ที่ไดบุตรชาย เนื่องจาก σW = 8(0.8)(0.2) ≈ 1.13 ดังน้ัน สวนเบ่ียงเบนมาตรฐานของจํานวนคูสามีภรรยาที่ไดบุตรชายมีคาประมาณ 1.13 คู ซึ่งหมายความวา ในการสุมคูสามีภรรยาท่ีสามีไดรับการฉีดสารน้ีจํานวน 8 คู จํานวนคูสามีภรรยาที่ไดบตุ รชายจะตางจากคาคาดหมายประมาณ 1.13 คู 9. 1) P (Z ≤ −3) + P (Z > 3) = P (Z ≤ −3) + (1− P (Z ≤ 3)) = 0.0013 + (1− 0.9987) 2) P (−3 < Z ≤ 3) = 0.0026 = P(Z ≤ 3) − P(Z ≤ −3) = 0.9987 − 0.0013 = 0.9974 3) P (−1.78 < Z ≤ 2.41) = P (Z ≤ 2.41) − P (Z ≤ −1.78) = 0.9920 − 0.0375 = 0.9545 10. เน่ืองจาก X N (20, 4) จะไดวาตัวแปรสมุ X มีการแจกแจงปกติ โดยมี µ = 20 และ σ 2 = 4 น่นั คือ σ = 2 1) คาของตวั แปรสุมปกติมาตรฐานของ 20 คอื 20 − 20 = 0 2 2) คาของตัวแปรสมุ ปกติมาตรฐานของ 26 คือ 26 − 20 = 3 2 3) คาของตวั แปรสมุ ปกติมาตรฐานของ 0 คอื 0 − 20 = −10 2 สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 4 | ตัวแปรสมุ และการแจกแจงความนาจะเปน 296 คมู ือครรู ายวิชาเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ช้ันมธั ยมศึกษาปท ี่ 6 เลม 2 11. เนื่องจาก X N (50, 100) จะไดวาตัวแปรสุม X มีการแจกแจงปกติ โดยมี µ = 50 และ σ 2 =100 นั่นคอื σ =10 ให Z = X −µ σ 1) P ( X ≤ 35) = P Z ≤ 35 − 50 10 = P (Z ≤ −1.5) = 0.0668 2) P ( X ≥ 55) = P Z ≥ 55 − 50 10 = P (Z ≥ 0.5) = 1− P (Z < 0.5) = 1− 0.6915 = 0.3085 3) P (20 < X ≤ 80) = P 20 − 50 < Z ≤ 80 − 50 10 10 = P (−3 < Z ≤ 3) = P(Z ≤ 3) − P(Z ≤ −3) = 0.9987 − 0.0013 = 0.9974 12. เนื่องจาก X N (80, 225) จะไดวาตัวแปรสุม X มีการแจกแจงปกติ โดยมี µ = 80 และ σ 2 = 225 นั่นคอื σ =15 ให Z = X −µ σ พจิ ารณา P (65 < X < k ) = P 65 − 80 < Z < k − 80 15 15 = P −1 < Z < k − 80 15 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 4 | ตัวแปรสุมและการแจกแจงความนาจะเปน 297 คมู อื ครูรายวชิ าเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปท ่ี 6 เลม 2 P (65 < X < k ) = P Z < k − 80 − P (Z ≤ −1) 15 = P Z < k − 80 − 0.1587 15 เนือ่ งจาก P(65 < X < k ) =0.7357 จะได P Z < k − 80 − 0.1587 = 0.7357 15 0.7357 + 0.1587 P Z < k − 80 = 15 = 0.8944 เนอ่ื งจาก P (Z < 1.25) =0.8944 จะได k − 80 = 1.25 15 ดังน้ัน k = 98.75 13. ใหตวั แปรสุม X คอื คาใชจ า ยในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2562 ของชาวบานในอาํ เภอน้ี จากโจทย จะไดวา ตวั แปรสุม X มกี ารแจกแจงปกติ โดยมี µ =11,250 และ σ =120 ให Z = X −µ σ เนื่องจาก P(11,000 < X ≤11,400) = P 11,000 −11, 250 < Z ≤ 11, 400 −11, 250 120 120 = P (−2.08 < Z ≤ 1.25) = P (Z ≤ 1.25) − P (Z < −2.08) = 0.8944 − 0.0188 = 0.8756 ดังน้ัน ความนาจะเปนที่ชาวบานท่ีสุมไดจะมีคาใชจายในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2562 มากกวา 11,000 บาท แตไมเกิน 11,440 บาท คือ 0.8756 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 4 | ตัวแปรสุมและการแจกแจงความนาจะเปน 298 คมู อื ครรู ายวิชาเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท ่ี 6 เลม 2 14. ใหต ัวแปรสุม X คอื นํา้ หนกั ของนกั เรยี นในโรงเรยี นแหง นี้ จากโจทย จะไดว าตวั แปรสมุ X มีการแจกแจงปกติ โดยมี µ = 58 และ σ =12 ให Z= X −µ และสมมตวิ า รวญิ ญาหนกั x กโิ ลกรัม σ เน่ืองจากความนาจะเปนท่ีนักเรียนในโรงเรียนแหงนี้จะมีน้ําหนักนอยกวารวิญญา คอื 0.2177 จะได P ( X < x) = 0.2177 นนั่ คือ P Z < x − 58 = 0.2177 12 เน่ืองจาก P (Z ≤ −0.78) =0.2177 จะได x − 58 = −0.78 12 x = 48.64 ดงั น้ัน รวิญญาหนักประมาณ 48.64 กโิ ลกรัม 15. ใหตัวแปรสมุ X คอื คะแนนสอบขอเขยี นของนักเรยี นที่สมัครเขามหาวทิ ยาลัยแหง น้ี จากโจทย จะไดว าตัวแปรสมุ X มกี ารแจกแจงปกติ โดยมี µ = 240 และ σ = 36 ให Z = X − µ และ x แทนคะแนนทีต่ รงกับควอรไทลท ี่ 3 ซ่งึ ตรงกบั เปอรเ ซน็ ไทลท่ี 75 σ จะได P ( X < x) = 0.75 นนั่ คือ P Z < x − 240 = 0.75 36 เนื่องจาก P (Z < 0.6745) =0.75 จะได x − 240 = 0.6745 36 x = 264.282 ดังนนั้ นกั เรยี นจะตองสอบไดอยางนอย 265 คะแนน จงึ จะมีสทิ ธิ์สอบสัมภาษณ สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 4 | ตัวแปรสมุ และการแจกแจงความนาจะเปน 299 คูมอื ครรู ายวชิ าเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศกึ ษาปที่ 6 เลม 2 16. ใหต วั แปรสุม X คอื คะแนนสอบของนักเรยี น จากโจทย จะไดวาตัวแปรสุม X มกี ารแจกแจงปกติ โดยมี σ = 5 ให Z = X −µ σ เน่ืองจากมีนกั เรยี น 450 คน ไดคะแนนไมถงึ 80 คะแนน จะได P ( X < 80) = 450 500 = 0.9 น่นั คอื P Z < 80 − µ = 0.9 5 เน่ืองจาก P (Z < 1.2816) =0.9 จะได 80 − µ = 1.2816 5 µ = 73.592 ให x คอื เปอรเซน็ ไทลท ี่ 25 จะได P ( X < x) = 0.25 นัน่ คอื P Z < x − 73.592 = 0.25 5 เนอื่ งจาก P (Z < −0.6745) =0.25 จะได x − 73.592 = −0.6745 5 x = 70.2195 ดังนน้ั เปอรเ ซ็นไทลท ี่ 25 คอื 70.2195 คะแนน สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 4 | ตัวแปรสุม และการแจกแจงความนาจะเปน 300 คูม อื ครูรายวชิ าเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที่ 6 เลม 2 17. ใหต วั แปรสุม X คือน้ําหนักของผงเวยโ ปรตนี ท่ีบรรจใุ นแตละกระปกุ จากโจทย จะไดว าตัวแปรสุม X มีการแจกแจงปกติ โดยมี µ = 3,000 และ σ =100 ให Z = X −µ σ เนอ่ื งจาก P(2,084 < X < 3,196) = P 2,804 − 3, 000 < Z < 3,196 − 3, 000 100 100 = P (−1.96 < Z < 1.96) = P (Z < 1.96) − P(Z ≤ −1.96) = 0.975 − 0.025 = 0.95 ดังนัน้ มกี ระปกุ ผงเวยโปรตีน 95 เปอรเซน็ ตท ผ่ี านมาตรฐาน 18. จากโจทย สามารถหาคะแนนของชิดชัยเมื่อปรับเปนคาของตัวแปรสุมปกติมาตรฐาน ไดดงั นี้ มหาวทิ ยาลัย คะแนนของ คะแนนเฉลีย่ สว นเบีย่ งเบน คะแนนของชดิ ชัยเม่ือปรบั เปน แหง ที่ ชิดชยั มาตรฐาน คาของตวั แปรสุมปกติมาตรฐาน 1 59 68 13 59 − 68 ≈ − 0.69 13 2 39 52 25 39 − 52 ≈ − 0.52 3 53 60 11 25 53 − 60 ≈ − 0.64 11 เน่ืองจากคาของตัวแปรสุมปกติมาตรฐานของคะแนนของชิดชัยในการสอบคัดเลือก เขา มหาวิทยาลยั แหงท่ี 2 มากทส่ี ุด ดงั นัน้ ชดิ ชัยทําคะแนนในการสอบคดั เลอื กเขา มหาวทิ ยาลยั แหงที่ 2 ไดดที สี่ ดุ สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวชิ าเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี 6 เลม 2 301 เฉลยแบบฝกหดั บทที่ 1 ความหมายของสถิติศาสตรและขอ มลู แบบฝก หดั 1.1 1. คําตอบมีไดหลากหลาย เชน การเลือกหัวหนาหอง การหาเกรดเฉลี่ย การวิเคราะหคะแนน เพ่อื เลือกคณะที่จะสมคั รเขาเรยี นตอ ในระดับมหาวิทยาลยั 2. ไมเหมาะสม เพราะโรงเรียนนี้มีนักเรยี นต้ังแตช้ันประถมศึกษาปท่ี 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 ซ่ึงชวงอายุที่ตางกันจะมีความสูงที่แตกตางกัน เชน จากขอสรุปดังกลาว เมื่อพิจารณา นักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปท่ี 6 ทําใหเขาใจวานักเรียนสวนใหญสูง 140 เซนติเมตร ซ่ึงใน ความเปนจริงนักเรียนระดับมัธยมศึกษาสวนใหญจะสูงมากกวา 140 เซนติเมตร คอนขางมาก สวนนักเรียนระดับประถมศึกษาสวนใหญจะสูงนอยกวา 140 เซนติเมตร คอนขางมาก 3. เกิดความเขาใจคลาดเคล่ือน เนื่องจากถาผูอานพิจารณาจากพ้ืนท่ีของรูปส่ีเหล่ียมท่ีแทน บานแลวจะเห็นวาบานใหญข้ึนโดยมีพื้นท่ีเพ่ิมเปน 4 เทา ทําใหเขาใจวาจํานวนหลังคาเรือน ในปนี้จะเปน 4 เทา ของปทแี่ ลว ไมใช 2 เทา 4. 1) ไมได เพราะคะแนนสอบเฉลี่ยของนักเรียนในตําบลน้ีใน พ.ศ. 2558 คือ 34 คะแนน ซ่ึงคิดเปนประมาณ 1.13 เทาของคะแนนสอบเฉล่ียของนักเรียนในตําบลนี้ ใน พ.ศ. 2557 ซ่ึงคอื 30 คะแนน สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
302 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ชั้นมัธยมศกึ ษาปที่ 6 เลม 2 2) 2558 2559 2560 พ.ศ. คะแนนเฉลี่ย 2561 40 35 30 25 20 15 10 5 0 2557 ตาํ บล ประเทศ 3) เกดิ ความเขา ใจคลาดเคล่ือน เนื่องจากแผนภูมแิ ทง ทโี่ จทยก าํ หนดระยะบนแกนตั้งไมไ ด เริ่มจาก 0 ซ่ึงอาจเขาใจวาคะแนนสอบเฉล่ียของนักเรียนในตําบลนี้ใน พ.ศ. 2558 เปน สองเทาของคะแนนสอบเฉลีย่ ใน พ.ศ. 2557 5. 1) เกิดความเขาใจคลาดเคล่ือน เน่ืองจากอาจทําใหเขาใจวาจํานวนรูปหนังสือแสดง จํานวนหนังสือท่ีมีในหองสมุด ซึ่งในความเปนจริงไมไดสัมพันธกัน ซ่ึงอาจปรับ การนําเสนอขอมูลโดยปรับความสูง ความหนา และลักษณะของรูปหนังสือแตละเลม ใหเหมือนกัน พรอ มทั้งระบจุ ํานวนหนังสอื แตล ะประเภท 2) เกิดความเขาใจคลาดเคล่ือน เนื่องจากระยะบนแกนต้ังไมถูกตอง เชน ระยะจาก 0 ถึง 1,000 และระยะจาก 1,000 ถึง 10,000 มีระยะเกือบเทากัน ซ่ึงในความเปนจริง ระยะจาก 1,000 ถงึ 10,000 ควรยาวประมาณ 10 เทา ของระยะจาก 0 ถงึ 1,000 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวิชาเพิ่มเตมิ คณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 6 เลม 2 303 6. คําตอบมไี ดห ลากหลาย เชน 1,091,700 ปรมิ าณการผลิตรถยนตข องนครฉงช่ิง (คนั ) ระหวาง พ.ศ. 2544 – 2551 708,000 519,900 404,500 428,900 421,500 331,300 243,800 2544 2545 2546 2547 2548 2549 2550 2551 (ทมี่ า : http://www.eastasiawatch.in.th/th/articles/politics-and-economy/511) ประโยชนและความรูท่ีไดจากตัวอยางน้ีคือ ไดรับรูถึงความตองการรถยนตของผูซ้ือและ การเติบโตของตลาดรถยนตในนครฉงช่ิงที่ขยายตวั อยางตอ เน่อื ง สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
304 คูมือครรู ายวิชาเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปท ่ี 6 เลม 2 การศกึ ษา (รอยละ) 7. คําตอบมไี ดหลากหลาย เชน ระดับปรญิ ญาตรี เพศ (รอยละ) --------------------- 52.27 ชาย หญงิ ตํา่ กวาระดับปรญิ ญาตรี 44.63 55.37 -------------------------- 26.71 อายุ (รอยละ) สงู กวาระดบั ปริญญาตรี ----------------------------------- 6.02 สถานภาพ (รอ ยละ) 20 – 29 ป 30 – 39 ป 40 – 49 ป 50 – 55 ป โสด สมรส หมาย/หยา/แยกกันอยู 28.88 29.88 25.31 15.93 38.57 56.62 4.81 รายได (รอ ยละ) 15,001-25,000 25,001-35,000 35,001-45,000 45,001-55,000 สงู กวา 55,000 27.93 53.45 8.31 5.41 4.90 --------- --------- --------- ----- -------- อาชีพ (รอยละ) พนกั งาน ราชการ / เจาของ รับจา ง อนื่ ๆ เชน เอกชน รฐั วิสาหกิจ กิจการ ท่วั ไป คา ขาย สถาปนกิ นกั ศกึ ษา 39.61 21.30 10.23 7.90 7.22 3.74 (ทีม่ า : http://www.bltbangkok.com/POLL/สถิติการทอ งเทีย่ วของคนกรุงเทพฯ) เม่ือพิจารณาขอมูลการศึกษาและอาชีพ จะพบวาผลรวมของรอยละของแตละหัวขอ ไมเทากบั 100 จึงอาจกอใหเ กดิ ความเขา ใจคลาดเคลอื่ น สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูม อื ครูรายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 305 แบบฝกหดั 1.2 1. 1) ประชากร คือ ผูปวยโรคเบาหวานท้งั หมดของโรงพยาบาลแหง นี้ ตัวอยาง คือ ผปู วยโรคเบาหวานท่สี มุ มาจาํ นวน 120 คน ของโรงพยาบาลแหงน้ี 2) ตัวแปร คือ เพศ อายุ นํ้าหนัก ประวัติการเปนโรคเบาหวานของคนในครอบครัว ความรเู ร่อื งโรคเบาหวาน และพฤตกิ รรมการดแู ลตนเอง 2. ตัวอยาง คือ ประชาชนทีพ่ กั อาศยั อยใู นกรุงเทพมหานครและปริมณฑลจํานวนท้ังสนิ้ 1,353 คน ตัวแปร คอื ความคิดเหน็ ของประชาชนเกย่ี วกับสถานการณฝ นุ ละออง ขอ มูล คอื ความคดิ เห็นของประชาชนแตละคนเกี่ยวกับสถานการณฝ ุน ละอองท่เี กบ็ รวบรวมได 3. ประชากร คือ นักเรยี นระดบั มัธยมศึกษาตอนปลายทง้ั หมดในจังหวดั น้ี ตัวอยา ง คอื นักเรยี นระดับมธั ยมศึกษาตอนปลายในจงั หวดั นท้ี สี่ ุมมาจํานวน 3,000 คน ตวั แปร คือ จาํ นวนเงินออมในแตละเดือน ขอมูล คอื จํานวนเงนิ ออมในแตล ะเดอื นของตัวอยา งท่ีเกบ็ รวบรวมมาได พารามิเตอร คือ เงินออมเฉลี่ยในแตละเดือนของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ทัง้ หมดในจังหวัดนี้ คาสถิติ คือ เงินออมเฉล่ียในแตละเดือนของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายท่ีสุมมา จํานวน 3,000 คน ซงึ่ เทา กับ 700 บาท 4. ประชากร คอื ตวั เก็บประจุไฟฟา ทั้งหมดทบี่ รษิ ัทแหง นี้ผลิตในแตละลอ็ ต ตวั อยา ง คือ ตัวเก็บประจุไฟฟา 50 ช้ิน ทสี่ มุ มาตรวจสอบจากแตละลอ็ ต ตัวแปร คือ สภาพสนิ คา ขอมลู คอื สภาพสนิ คา ของตัวอยา งที่เก็บรวบรวมมาได (ชาํ รุด / ไมช ํารุด) สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
306 คูม อื ครูรายวิชาเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 แบบฝก หดั 1.3 1. ขอ มลู ปฐมภมู ิ 2. ขอ มลู ทตุ ยิ ภมู ิ 3. 1) ขอ มูลตดั ขวาง 2) ขอมูลตัดขวาง 3) ขอ มูลอนุกรมเวลา 4) ขอมลู ตัดขวาง 5) ขอมูลอนกุ รมเวลา 4. 1) ขอมลู เชงิ คณุ ภาพ 2) ขอมลู เชิงปริมาณ 3) ขอมูลเชงิ คณุ ภาพ 4) ขอมูลเชงิ คณุ ภาพ 5) ขอมูลเชิงปริมาณ 6) ขอ มลู เชิงคุณภาพ 7) ขอมูลเชิงคณุ ภาพ 8) ขอมูลเชิงปริมาณ 9) ขอ มลู เชิงคุณภาพ 10) ขอ มูลเชิงคณุ ภาพ สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครรู ายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท่ี 6 เลม 2 307 5. คําตอบมีไดหลากหลาย เชน ขอมูลปริมาณการสงออกขาวของไทยป 2553 – 2556 เปนขอมูลอนกุ รมเวลาและขอ มลู เชิงปริมาณ ปรมิ าณการสง ออกขา วของไทยป 2553 – 2556 (ม.ค. – เม.ย.) ทวปี / เขต 2553 2554 2555 ม.ค. – เม.ย. 2555 2556 % เปลย่ี น เอเชยี 2,198,887.64 3,407,551.00 1,178,589.00 584,017.30 351,019.45 - 39.90 ยโุ รป 479,517.15 488,650.25 283,691.00 113,677.12 89,777.00 - 21.02 แอฟรกิ า 4,431,797.65 4,687,961.75 3,600,471.00 1,154,811.99 896,791.00 - 22.34 อเมริกา 488,387.48 518,314.65 457,051.77 124,248.42 150,300.65 20.97 โอเชียเนีย 197,752.09 188,678.00 134,547.68 36,651.03 38,812.00 5.90 รวมทัง้ สิ้น 9,047,386.41 10,666,120.28 6,954,510.72 2,252,584.02 2,045,219.00 - 9.21 มลู คาขา ว 168,633.52 192,956.00 147,082.00 46,706.00 43,842.00 - 6.13 (ลา นบาท) มลู คา ขา ว 5,345.20 6,389.00 4,764.00 1,513.00 1,474.00 - 2.58 (ลา น USS) กรมการคาตางประเทศ หรือขอมูลอัตราแลกเปล่ียนถัวเฉลี่ยเงินดอลลาร สรอ. กับเงินบาทระหวางธนาคาร ณ วนั ที่ 1 สิงหาคม 2562 เปนขอ มลู ตัดขวางและขอมูลเชงิ ปรมิ าณ ธนาคารแหงประเทศไทย อัตราแลกเปลยี่ นเงินตราตา งประเทศ ประจาํ วันท่ี 1 สิงหาคม 2562 อตั ราแลกเปลย่ี นถัวเฉลี่ยถวงนํา้ หนักระหวางธนาคาร = 30.854 บาท ตอ 1 ดอลลาร สรอ. สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
308 คูม ือครูรายวิชาเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ี่ 6 เลม 2 หรือขอมูลผลการประกาศสลากกินแบงรัฐบาลตั้งแตงวดวันที่ 16 พฤศจิกายน 2561 ถึง วันท่ี 30 ธันวาคม 2561 เปนขอมลู อนุกรมเวลาและขอ มลู เชงิ คุณภาพ ผลการประกาศสลากกนิ แบง รฐั บาล ตงั้ แตงวดวันที่ 16 พฤศจิกายน 2561 ถึงวันท่ี 30 ธนั วาคม 2561 16 พฤศจกิ ายน 2561 1 ธันวาคม 2561 16 ธันวาคม 2561 30 ธันวาคม 2561 รางวัลที่ 1 รางวัลท่ี 1 รางวลั ท่ี 1 รางวัลท่ี 1 989903 021840 356564 735867 เลขทา ย 2 ตวั เลขทาย 2 ตวั เลขทา ย 2 ตัว เลขทา ย 2 ตัว 16 67 62 02 เลขหนา 3 ตวั เลขหนา 3 ตัว เลขหนา 3 ตวั เลขหนา 3 ตวั 471 , 930 045 , 307 480 , 948 031 , 913 เลขทา ย 3 ตัว เลขทา ย 3 ตัว เลขทาย 3 ตวั เลขทาย 3 ตัว 140 , 876 561 , 988 297 , 369 701 , 884 สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครูรายวิชาเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปท ี่ 6 เลม 2 309 หรือขอมูลความพึงพอใจดานการบริการของลูกคาในประเทศไทยประจําป 2558 ประเภท กลุมรถยนตแ บรนดย อดนิยม เปนขอ มลู ตัดขวางและขอมูลเชงิ คณุ ภาพ ความพงึ พอใจดานการบรกิ ารของลูกคาในประเทศไทยประจําป 2558 ประเภทกลมุ รถยนตแบรนดย อดนยิ ม ผลงานของแตล ะแบรนด Power Circle Ratings การศกึ ษาวจิ ยั ดัชนดี า นการบริการของลูกคา ในประเทศไทย ประจาํ ป 2558 – กลมุ รถยนต แบรนดย อดนยิ ม ผทู ่ไี ดร บั รางวลั Toyota ความ สงิ่ อํานวย พึงพอใจ โดยรวม การเริ่มตน ทปี่ รกึ ษาดา น ความสะดวก การรับรถคืน คณุ ภาพ ใหบ รกิ าร บรกิ าร ของ งานบริการ ศนู ยบริการ TOYOTA ISUZU HONDA MAZDA NISSAN SUZUKI MITSUBISHI FORD CHEVROLET หน่งึ ในจํานวนที่ดที ีส่ ุด ดีกวาสวนใหญ อยใู นเกณฑเฉลี่ย ทเ่ี หลอื ท่วั ไป ขอแจงใหทราบวา JDPower.com Power Circle Ratings อาจไมไดนําขอมลู ทั้งหมดที่ใชในการใหรางวัลตาง ๆ ของ J.D. Power มาเปน ตัวกาํ หนด สามารถคน หาขอ มูลเพม่ิ เติมไดท ่ี http://www.jdpower.com/about-us/jdpower-ratings สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
310 คมู ือครรู ายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ช้นั มัธยมศึกษาปท ี่ 6 เลม 2 แบบฝก หดั 1.4 1. สถิติศาสตรเชิงอนุมาน เพราะเปนการหาขอสรุปเกี่ยวกับลกั ษณะของประชากรโดยใชข อมูล จากตวั อยาง 2. สถิติศาสตรเชิงพรรณนา เพราะเปนการวิเคราะหและสรุปผลจากขอมูลท้ังหมดท่ีเก็บมา เทาน้ัน 3. สถิติศาสตรเชิงอนุมาน เพราะเปนการหาขอสรปุ เก่ียวกับลกั ษณะของประชากรโดยใชข อมูล จากตวั อยา ง 4. สถิติศาสตรเชิงพรรณนา เพราะเปนการวิเคราะหและสรุปผลจากขอมูลทั้งหมดที่เก็บมา เทานัน้ 5. สถิติศาสตรเชิงอนุมาน เพราะเปนการหาขอสรปุ เก่ียวกับลกั ษณะของประชากรโดยใชข อ มูล จากตวั อยา ง 6. สถิติศาสตรเชิงพรรณนา เพราะเปนการวิเคราะหและสรุปผลจากขอมูลทั้งหมดที่เก็บมา เทานัน้ 7. สถิติศาสตรเชิงอนุมาน เพราะเปนการหาขอสรุปเก่ียวกับลักษณะของประชากรโดยใชขอ มลู จากตวั อยาง 8. สถิติศาสตรเชิงอนุมาน เพราะเปนการหาขอสรุปเกี่ยวกับลกั ษณะของประชากรโดยใชขอ มูล จากตวั อยาง สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมอื ครูรายวชิ าเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ชั้นมัธยมศกึ ษาปท่ี 6 เลม 2 311 แบบฝกหดั ทา ยบท 1. ประชากร คือ ประชาชนท้ังหมดในจังหวัดน้ี ตวั อยา ง คอื ประชาชนทส่ี ุมมา 200 คน ในจังหวดั นี้ 2. ประชากร คือ เยาวชนไทยทัง้ หมด ตวั อยาง คอื เยาวชนไทยจาํ นวน 1,500 คน ท่ีสุม มาเกบ็ ขอ มูล คาสถิติ คือ รอยละของเยาวชนไทยในกลุมท่ีสํารวจท่ีมีความเช่ือวาระบบประกันสังคม จะสงผลดีตอชีวิตของพวกเขาในอนาคตเมือ่ พวกเขาเขาสวู ยั ชรา ซ่ึงมีคา เทา กับ รอยละ 36 3. ประชากร คอื ลกู คา ท้งั หมดของหางสรรพสนิ คาแหง น้ี ตวั อยา ง คอื ลูกคา ของหา งสรรพสินคา แหงนจ้ี าํ นวน 300 คน ท่สี มุ มาเกบ็ ขอ มูล ตวั แปร คือ ความพงึ พอใจตอการใหบ ริการของหางสรรพสนิ คาแหง น้ี ขอมูล คือ คําตอบเก่ียวกับระดับความพึงพอใจตอการใหบริการของหางสรรพสินคาแหงนี้ ของลูกคาจาํ นวน 300 คน ขอ มลู ท่ีหางสรรพสนิ คา จดั เกบ็ เปนขอ มูลตดั ขวาง 4. 1) ขอ มูลปฐมภูมิ 2) ขอมูลทุติยภูมิ 3) ขอ มูลปฐมภมู ิ 5. 1) ขอมูลตัดขวางและขอมลู เชิงปรมิ าณ 2) ขอ มูลอนุกรมเวลาและขอมูลเชงิ ปรมิ าณ 3) ขอ มลู อนกุ รมเวลาและขอ มลู เชิงปริมาณ 4) ขอ มลู ตดั ขวางและขอมูลเชิงคุณภาพ 5) ขอ มูลอนกุ รมเวลาและขอมูลเชิงปริมาณ 6) ขอมลู อนกุ รมเวลาและขอมูลเชงิ ปริมาณ 7) ขอ มูลตัดขวางและขอมลู เชิงคณุ ภาพ สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
312 คูมอื ครรู ายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 6 เลม 2 8) ขอมูลตัดขวางและขอมลู เชงิ ปรมิ าณ 9) ขอ มลู ตดั ขวางและขอมูลเชิงปรมิ าณ 10) ขอ มูลตัดขวางและขอ มลู เชงิ คณุ ภาพ 11) ขอ มูลตัดขวางและขอ มูลเชงิ คุณภาพ 12) ขอ มลู อนกุ รมเวลาและขอมูลเชงิ ปริมาณ 13) ขอ มูลอนุกรมเวลาและขอมูลเชงิ ปริมาณ 14) ขอ มูลตดั ขวางและขอ มูลเชงิ ปรมิ าณ 15) ขอมลู ตดั ขวางและขอมูลเชงิ คณุ ภาพ 16) ขอ มูลตดั ขวางและขอ มูลเชงิ คุณภาพ 6. ขอมูลเชิงปริมาณ ไดแก สวนสูงของนักกีฬาแตละคน ระยะกระโดดตบสูงสุดของนักกีฬา แตล ะคน และระยะกระโดดบล็อกสงู สดุ ของนักกฬี าแตล ะคน ขอมลู เชิงคณุ ภาพ ไดแ ก เบอรเ ส้ือ และชอื่ -นามสกุล ของนักกฬี าแตล ะคน 7. ขอมูลดงั กลา วเปนขอ มูลทตุ ยิ ภมู ิ ขอ มูลอนกุ รมเวลา และขอมลู เชงิ ปริมาณ 8. 1) สถิติศาสตรเชิงอนุมาน เพราะเปนการหาขอสรุปเก่ียวกับลักษณะของประชากรโดยใช ขอมูลจากตวั อยาง 2) สถิติศาสตรเชิงพรรณนา เพราะเปนการวิเคราะหและสรุปผลจากขอมูลทั้งหมด ทีเ่ กบ็ มาเทาน้นั 3) สถิติศาสตรเชิงอนุมาน เพราะเปนการหาขอสรุปเก่ียวกับลักษณะของประชากรโดยใช ขอ มลู จากตวั อยาง 4) สถิติศาสตรเชิงพรรณนา เพราะเปนการวิเคราะหและสรุปผลจากขอมูลทั้งหมด ทเี่ ก็บมาเทานัน้ 5) สถิติศาสตรเชิงอนุมาน เพราะเปนการหาขอสรุปเก่ียวกับลักษณะของประชากรโดยใช ขอมูลจากตวั อยาง สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 6 เลม 2 313 เฉลยแบบฝกหดั บทที่ 2 การวิเคราะหและนําเสนอขอ มลู เชงิ คุณภาพ แบบฝก หดั 2.1 1. 1) นักเรยี นท่ไี ดร บั การเสนอช่ือ ความถีส่ มั พทั ธ เปน หัวหนา หอ ง สัดสว น รอยละ ความถี่ มานพ (M) 0.40 40 12 ปรียาพร (P) 10 0.33 33 8 อําพล (A) 30 0.27 27 รวม 1 100 2) ฐานนยิ มของขอ มลู ชุดนีค้ อื มานพ 3) มานพไดรับเลือกใหเปนหวั หนาหอ งของนักเรียนชน้ั มัธยมศึกษาปท่ี 6 หองนี้ 2. ความถ่ี ความถีส่ มั พทั ธ สดั สวน รอ ยละ อาชีพของผมู าใชบรกิ าร 20 15 0.33 33 ธุรกจิ สว นตวั /คาขาย 15 ขาราชการ/พนักงานรฐั วสิ าหกิจ 6 0.25 25 พนกั งานบริษัทเอกชน 4 นกั เรียน นสิ ติ /นักศึกษา 60 0.25 25 อาชีพอืน่ ๆ 0.10 10 รวม 0.07 7 1 100 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
314 คูมอื ครูรายวชิ าเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ช้ันมธั ยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 จากตาราง ผูมาใชบริการรานคาแหงนี้ประกอบอาชีพธุรกิจสวนตัว/คาขายมากท่ีสุด คิดเปน รอยละ 33 ของผูมาใชบริการท้ังหมด รองลงมาคือขาราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ และพนักงานบริษัทเอกชน ซึ่งคิดเปนรอยละ 25 เทากัน นักเรียน นิสิต/นักศึกษา คิดเปน รอยละ 10 ในขณะท่ีผูมาใชบริการท่ีประกอบอาชีพอื่น ๆ ท่ีนอกเหนือจากธุรกิจสวนตัว/ คาขาย ขา ราชการ/พนักงานรฐั วิสาหกจิ พนักงานบรษิ ัทเอกชน และนกั เรียน นิสติ /นักศึกษา มจี ํานวนนอยที่สุดเพียงรอยละ 7 ของผมู าใชบ รกิ ารทงั้ หมด 3. 1) มีนักเรียนท่ีช่ืนชอบน้ําแข็งไสคิดเปนรอยละ (40 + 30) ×100 ≈ 22.22 ของนักเรียน ท่ีสํารวจท้ังหมด 315 2) มีนักเรียนหญิงท่ีช่ืนชอบไอศกรีมคิดเปนรอยละ ( 65 + 65 + 70) ×100 ≈ 39.39 ของ 30 นกั เรียนหญงิ ทีส่ าํ รวจท้งั หมด 3) เครป 4. 1) ผูปวยนอกท่ีมีระดับความพึงพอใจมากท่ีสุดคิดเปนรอยละ 96 ×100 ≈ 43.64 ของ 220 ผูป ว ยนอกทสี่ าํ รวจท้งั หมด 2) ผูปวยนอกที่มีระดับความพึงพอใจนอยที่สดุ ตอการใหบริการของแผนกทันตกรรมคดิ เปน รอ ยละ 2 ×100 =2.5 ของผปู ว ยนอกทีใ่ ชบรกิ ารแผนกทันตกรรมทส่ี าํ รวจทง้ั หมด 80 3) รอ ยละของผปู ว ยนอกที่มีระดับความพงึ พอใจ ตง้ั แตพ อใจมากข้ึนไปในแตละแผนก แผนก แผนกอายุรกรรม (22 + 50) ×100 =72 100 แผนกศลั ยกรรม (10 + 20) ×100 =75 40 แผนกทันตกรรม (18 + 26) ×100 =55 80 ดังนน้ั แผนกอายรุ กรรมและแผนกศัลยกรรมจะไดร บั รางวลั แผนกดีเดน สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวชิ าเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที่ 6 เลม 2 315 แบบฝกหดั 2.2 1. 1) มผี ูทาํ งานในสาขาทพ่ี ักแรมทั้งหมดประมาณ 3 ลา นคน 2) ผูทํางานในสาขาเกษตรกรรมมีจํานวนมากท่ีสุด โดยมีจํานวนประมาณ 11 ลานคน รองลงมาคือ ผทู ํางานในสาขาอืน่ ๆ โดยมจี าํ นวนประมาณ 9 ลา นคน ผูทาํ งานในสาขา การขายสงและสาขาการผลิตมีจาํ นวนประมาณ 6.5 ลานคนเทากัน ผูท่ีทํางานในสาขา ที่พักแรมมีจํานวนประมาณ 3 ลานคน และผูท่ีทํางานในสาขาบริหารราชการมีจํานวน นอยท่สี ดุ โดยมจี าํ นวนประมาณ 1.5 ลานคน 3) จํานวนผูทํางานในสาขาการผลิตมีประมาณรอยละ 6.5 ×100 ≈ 17.33 ของจํานวน 37.5 ผมู งี านทําท้งั หมด 4) จํานวนผูทํางานในสาขาเกษตรกรรมคิดเปนประมาณ 11 ≈ 7.33 เทาของจํานวน 1.5 ผทู ํางานในสาขาบรหิ ารราชการ สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
316 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเตมิ คณติ ศาสตร ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 6 เลม 2 2. 1) แผนภมู ิรปู ภาพ ภาคเหนอื ภาค ภาคกลาง ภาค ภาค ภาคใต ตะวันออก ตะวนั ออก ตะวันตก เฉยี งเหนือ แทนจาํ นวนครง้ั ทีจ่ ดั การนําเท่ยี ว 2 คร้ัง แผนภูมิรูปวงกลม จาํ นวนครั้งท่จี ัดการนาํ เทย่ี ว ภาคเหนอื 21 4 3 10 ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนอื 5 ภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคตะวนั ตก ภาคใต สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวิชาเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปท่ี 6 เลม 2 317 แผนภูมิแทง จาํ นวนครงั้ ทีจ่ ดั การนาํ เท่ียว 12 10 8 6 4 2 0 2) ภาค จํานวนครง้ั ทจ่ี ัดการนําเท่ียว ความถส่ี ัมพทั ธ เหนือ 3 0.12 ตะวนั ออกเฉยี งเหนือ 5 0.20 กลาง 10 0.40 ตะวันออก 4 0.16 ตะวันตก 2 0.08 ใต 1 0.04 รวม 25 1 3) จํานวนครั้งท่ีบริษัทแหงนี้จัดการนําเท่ียวในภาคกลางและภาคใตรวมกันคิดเปนรอยละ (0.40 + 0.04)×100 =44 ของจํานวนครงั้ ทบ่ี ริษัทแหงนจ้ี ดั การนําเทยี่ วทง้ั หมด 3. 1) มีผูใชอินเทอรเน็ตท่ีไมซ้ือสินคา/บริการทางออนไลน ในรอบ 3 เดือนท่ีผานมา 40.7 × 25,000 =10,175 คน 100 สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
318 คมู ือครรู ายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท่ี 6 เลม 2 2) มีผูใชอินเทอรเน็ตที่ซื้อสินคา/บริการทางออนไลน ในรอบ 3 เดือนที่ผานมา 25,000 −10,175 =14,825 คน 3) จํานวนผูใชอินเทอรเน็ตท่ีซ้ือสินคา/บริการทางออนไลนเดือนละครั้งคิดเปน 38.4 = 12 เทาของจํานวนผูใชอินเทอรเน็ตท่ีซ้ือสินคา/บริการทางออนไลนมากกวา 3.2 5 ครัง้ ตอ เดือน 4. 1) มีนกั เรยี นท่ีนยิ มอา นนิตยสารและนวนยิ ายรวมกนั 60 + 28 + 83 +15 + 33 + 62 + 42 + 56 × 400 =1, 516 คน 100 100 100 100 2) จากทง้ั 4 โรงเรียน มีนักเรียนที่นยิ มอา นนิตยสาร 60 × 200 + 83 × 300 + 33 × 600 + 42 × (1, 600 − 200 − 300 − 600) 100 100 100 100 = 777 คน มีนกั เรียนทน่ี ิยมอา นนวนยิ าย 28 × 200 + 15 × 300 + 62 × 600 + 56 × 500 =753 คน 100 100 100 100 และมนี กั เรยี นที่นิยมอานหนังสือประเภทอ่ืน ๆ 1,600 − 777 − 753 =70 คน ดังน้ัน ประเภทของหนังสือที่นักเรียนนิยมอานจากมากท่ีสุดไปนอยท่ีสุด คือ นิตยสาร นวนยิ าย และหนังสือประเภทอื่น ๆ ตามลําดบั 5. 1) เนอื่ งจากแตละคนยิงประตไู ดเ ทากนั นน่ั คอื แตล ะคนยิงประตไู ด 150 = 50 ประตู 3 ดังนน้ั มีจาํ นวนประตูท่ีไดจากการยงิ ดว ยเทา ทัง้ หมด 20 +10 + 50 + 26 + 22 + 32 × 50 =80 ประตู 100 100 100 2) สมมติวาสทิ ธริ ชั ตยิงประตไู ดท ้ังหมด x ประตู เนื่องจากท้ังสามคนยิงประตูรวมกันทั้งหมด 200 ประตู โดยสิทธิรัชตและธนัตภพ ยงิ ประตูไดเ ทากนั สวนทวิพลยงิ ประตไู ดสองเทาของสิทธริ ัชต สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวิชาเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปท่ี 6 เลม 2 319 จะได x + x + 2x =200 ดงั นนั้ x = 50 น่นั คือ จํานวนประตูท่สี ิทธริ ชั ตยิงดวยเทาขวาเทากับ 50 × 50 =25 ประตู 100 และจาํ นวนประตูทท่ี วพิ ลยิงดวยเทาซายเทากับ 32 × (2 × 50) =32 ประตู 100 ดังนัน้ จํานวนประตทู ี่สทิ ธิรชั ตย งิ ดว ยเทา ขวานอยกวาจาํ นวนประตทู ี่ทวิพลยงิ ดวยเทา ซาย 3) เน่ืองจากทั้งสามคนยิงประตูไดเทากัน จึงสามารถนําเปอรเซ็นตมาเปรียบเทียบกัน ไดโดยตรง 3.1) สามารถสรุปไดวา ในจํานวนประตูที่ไดจากการยิงดวยศีรษะ สิทธิรัชตยิงประตู ไดน อ ยทีส่ ดุ เมอื่ เทียบกบั นักฟุตบอลคนอ่ืน ๆ 3.2) เนอ่ื งจาก ผลรวมของรอยละของจํานวนประตูท่ีไดจากการยิงดวยศีรษะของท้ังสามคน เทากับ 140 ผลรวมของรอยละของจํานวนประตูท่ีไดจากการยิงดวยเทาซายของทั้งสามคน เทา กับ 68 และผลรวมของรอ ยละของจาํ นวนประตทู ่ไี ดจากการยงิ ดวยเทาขวาของทั้งสามคน เทากบั 92 ดังน้ัน สามารถสรุปไดวา ประตูท่ีไดจากการยิงดวยเทาซายมีจํานวนนอยที่สุด เมอื่ เทียบกบั จาํ นวนประตทู ่ไี ดจากการยิงดว ยอวัยวะอื่น ๆ 4) พจิ ารณาขอ 3.1) ในกรณที ไ่ี มท ราบจาํ นวนประตูที่นักกีฬาแตละคนยิงได ถาสมมตวิ าท้ังสามคนยงิ ประตูไดเ ทากัน และยิงไดค นละ 100 ประตู จากขอ 3.1) จะไดว า จาํ นวนประตทู ีส่ ิทธิรชั ตยิงดวยศรี ษะนอยท่ีสดุ เม่อื เทียบกบั นักฟตุ บอลคนอืน่ แตถาสมมติวาธนัตภพและสิทธิรัชต ยิงประตูไดท้ังหมด 20 และ 100 ประตู ตามลําดับ จะไดว า จํานวนประตทู ีธ่ นตั ภพยงิ ดว ยศีรษะเทา กบั 70 × 20 =14 ประตู 100 และ จาํ นวนประตทู ่ีสิทธิรชั ตย งิ ดวยศรี ษะเทากับ 24 ×100 =24 ประตู 100 สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
320 คมู อื ครูรายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 6 เลม 2 น่ันคือ ในกรณีน้ี จํานวนประตูที่สิทธิรัชตยิงดวยศีรษะมากกวาจํานวนประตูที่ธนัตภพ ยิงดว ยศีรษะ ดังน้ัน ถาไมทราบจํานวนประตูที่นักฟุตบอลแตละคนยิงได จะไมสามารถสรุปขอความ ในขอ 3.1) ได แบบฝก หัดทา ยบท 1. 1) ความถ่ี ความถ่สี ัมพทั ธ (จํานวนพนักงาน) สดั สว น รอยละ ประเทศ ไทย 24 0.40 40 สาธารณรัฐประชาชนจีน 11 0.18 18 สาธารณรฐั สงิ คโปร 13 0.22 22 สาธารณรัฐสังคมนยิ มเวยี ดนาม 12 0.20 20 รวม 60 1 100 2) ฐานนิยมของขอมลู ชดุ นีค้ อื ประเทศไทย 3) พนักงานท่ีมาจากประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใตคิดเปนรอยละ 40 + 22 + 20 = 82 ของพนักงานทงั้ หมด 4) บริษัทแหงน้ีมีจํานวนพนักงานท่ีมีภูมิลําเนามาจากประเทศไทยมากที่สุด คิดเปน รอยละ 40 ของพนักงานทั้งหมด รองลงมาคือสาธารณรัฐสิงคโปร สาธารณรัฐสังคม นิยมเวียดนาม คิดเปนรอยละ 22 และ 20 ของพนักงานท้ังหมด ตามลําดับ สวนจํานวนพนักงานท่ีมาจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมีจํานวนนอยท่ีสุด คิดเปน รอ ยละ 18 ของพนักงานทัง้ หมด สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวชิ าเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปที่ 6 เลม 2 321 2. รอ ยละของลูกคาที่ซื้อคอมพวิ เตอร 10100%0 12.6 21.9 909%0 13.4 808%0 23.3 707%0 54.8 606%0 18.9 หญิง 505%0 9.4 404%0 ระดับราคาท่ี 3 : 45,001 – 55,000 บาท 303%0 ระดบั ราคาที่ 6 : 202%0 45.7 สงู กวา 75,000 บาท 101%0 0%0 ชาย ระดับราคาที่ 1 : ระดบั ราคาท่ี 2 : ตํา่ กวา 35,001 บาท 35,001 – 45,000 บาท ระดบั ราคาท่ี 4 : ระดับราคาที่ 5 : 55,001 – 65,000 บาท 65,001 – 75,000 บาท 3. 1) เพศ จาํ นวนนักเรียน ชาย 7 5 หญิง 12 รวม จํานวนนกั เรียน 2) 5 7 บุคคลทพ่ี กั อาศยั ดว ย 12 บิดา/มารดา ญาติ รวม สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
322 คูมอื ครูรายวิชาเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 6 เลม 2 3) เพศ รวม ชาย หญิง บุคคลทพ่ี ักอาศยั ดวย 5 32 7 บิดา/มารดา 12 ญาติ 43 รวม 75 4) ญาติ 4. 1) มีนักเรียนที่ช่ืนชอบมะมวงคิดเปนรอยละ 10 + 14 + 13 + 12 ×100 =24.5 ของ 45 + 51 + 56 + 48 นกั เรยี นทสี่ ํารวจทงั้ หมด 2) มีนกั เรยี นและครูทช่ี น่ื ชอบแตงโมหรอื มะมวงคดิ เปนรอ ยละ 60 + 65 ×100 ≈ 51.02 ของนักเรยี นและครทู ่สี าํ รวจทง้ั หมด 245 3) เนอื่ งจากมนี กั เรยี นทช่ี ื่นชอบแตงโม 53 คน มีนักเรียนทชี่ ื่นชอบมะมว ง 49 คน มนี ักเรยี นท่ีชนื่ ชอบฝรง่ั 54 คน และ มนี ักเรยี นทีช่ ื่นชอบสบั ปะรด 44 คน ดังน้ัน ผลไมท่ีนักเรียนช่ืนชอบจากมากท่ีสุดไปนอยที่สุด คือ ฝรั่ง แตงโม มะมวง และ สบั ปะรด ตามลาํ ดับ 4) เนอื่ งจากรอ ยละ 25 ของนกั เรียนและครูทีส่ าํ รวจทงั้ หมด เทากับ 25 × 245 =61.25 คน 100 นั่นคือ ถาผลไมชนิดใดมีนักเรียนและครูชื่นชอบไมนอยกวา 62 คน จะไดวาผลไม ชนิดน้ันมีนักเรียนและครูช่ืนชอบมากกวารอยละ 25 ของนักเรียนและครูที่สํารวจ ท้งั หมด ดังน้ัน โรงเรียนแหง นี้จะมีมะมวงและฝร่ังมาวางขาย 5. 1) เว็บไซตรานคา e – Commerce สองอันดับแรกมีจํานวนผูเขาชมตางกันประมาณ 44 – 31 = 13 ลา นคน สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ี่ 6 เลม 2 323 2) จาํ นวนผูเ ขา ชมเวบ็ ไซต Shopee TH คดิ เปน ประมาณ 31 = 31 เทาของจํานวนผเู ขาชม 1 เว็บไซต Shop 24 6. 1) แผนภูมริ ูปภาพ XS S M L XL XXL แทนจาํ นวนนักเรยี น 2 คน แผนภมู ริ ูปวงกลม จาํ นวนนักเรียน XS S 6 22 M L 8 XL XXL 10 12 สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
324 คูมือครูรายวิชาเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปท ี่ 6 เลม 2 แผนภมู ิแทง จํานวนนักเรยี น 14 12 10 8 6 4 2 0 XS S M L XL XXL 2) ขนาดเสอ้ื ยดื จาํ นวนนักเรียน ความถสี่ ัมพทั ธ (รอ ยละ) XS 2 5 S 8 20 M 12 30 L 10 25 XL 6 15 XXL 2 5 รวม 40 100 3) มีนักเรียนท่ีใสเส้ือยืดต้ังแตขนาด L ขึ้นไป คิดเปนรอยละ 25 +15 + 5 =45 ของ นกั เรียนท่สี ํารวจทัง้ หมด 7. 1) เครอื ขา ยสีสม 2) สมมตวิ าผใู ชบริการโทรศพั ทม ือถอื ทง้ั หมดใน พ.ศ. 2560 มจี าํ นวน x คน เน่ืองจากใน พ.ศ. 2560 มีผใู ชบ ริการโทรศพั ทม ือถือเครอื ขา ยสนี ้าํ เงินรอ ยละ 25.19 จะได 25.19 x = 24, 480,000 100 x ≈ 97,181, 421.2 ดงั นัน้ มีผูใ ชบ รกิ ารโทรศัพทม ือถือทัง้ หมดใน พ.ศ. 2560 ประมาณ 97,181,421 คน สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวชิ าเพิ่มเตมิ คณติ ศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปท ี่ 6 เลม 2 325 3) เนือ่ งจากในปต อ ๆ ไป จะมีจาํ นวนผใู ชบ ริการเพิ่มขึ้นปละ 1% ของปกอนหนา จะไดวา ใน พ.ศ. 2560 มผี ใู ชบ รกิ ารโทรศพั ทม ือถอื ทงั้ หมด 101 × 90, 000, 000 =90, 900, 000 คน 100 และใน พ.ศ. 2561 มีผใู ชบรกิ ารโทรศัพทม อื ถือทั้งหมด 101 × 90, 900, 000 =91, 809, 000 คน 100 ดังน้ัน ใน พ.ศ. 2561 มีผูใชบริการโทรศัพทมือถือเครือขายสีสมกับสีเขียวตางกัน ประมาณ 44.96 − 31.89 ×91,809, 000 ≈ 11, 999, 436 คน 100 4) 4.1) สามารถสรุปไดวา เปนจริง เนื่องจากตลอดท้ังสามป รอยละของผูใชบริการโทรศัพทมือถือเครือขายสีเขียว มากกวารอ ยละของผูใชบ รกิ ารโทรศพั ทม อื ถือเครอื ขา ยสีน้าํ เงินและสสี ม 4.2) ไมส ามารถสรุปไดวา เปนจรงิ หรือเท็จ เน่อื งจากถา จํานวนผูใ ชบริการโทรศัพทมอื ถอื เทากันในแตละป จะไดวาจํานวนผูใชบริการโทรศพั ทมอื ถอื เครือขายสสี ม เพ่มิ ขน้ึ ทุกป แตถาสมมติวาใน พ.ศ. 2559 มีจํานวนผูใชบริการโทรศัพทมือถือท้ังหมด 90,000,000 คน และใน พ.ศ. 2560 มีจํานวนผูใชบริการโทรศัพทมือถือท้ังหมด 80,000,000 คน จะไดวามีผูใชบริการโทรศัพทมือถือเครือขายสีสมใน พ.ศ. 2559 จํานวน 27.24 ×90, 000, 000 =24, 516, 000 คน และมีผูใชบริการโทรศัพทมือถือ 100 เครอื ขายสีสม ใน พ.ศ. 2560 จาํ นวน 30.27 ×80,000,000 =24, 216,000 คน 100 นั่นคือมผี ใู ชบ รกิ ารโทรศัพทม ือถอื เครอื ขา ยสีสมลดลงจากปก อนหนา 4.3) สามารถสรุปไดว าเปนเท็จ เนื่องจากใน พ.ศ. 2559 มีผูใชบ รกิ ารโทรศัพทมอื ถือเครอื ขายสีเขยี ว 45.57 ×90, 000, 000 =41, 013, 000 คน 100 สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
326 คมู ือครูรายวิชาเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 6 เลม 2 และใน พ.ศ. 2561 มผี ใู ชบ ริการโทรศพั ทม อื ถอื เครือขา ยสเี ขยี ว 44.96 ×91,809,000 =41, 277,326.4 ≈ 41, 277,326 คน 100 ดงั นั้น จาํ นวนผใู ชบ ริการโทรศัพทมือถือเครอื ขายสเี ขยี วใน พ.ศ. 2561 มากกวา จาํ นวนผูใชบริการโทรศัพทม อื ถือเครือขา ยสเี ขยี วใน พ.ศ. 2559 8. 1) เน่อื งจากแตละหมบู านมีชาวบา นที่ตอบแบบสาํ รวจจาํ นวนเทา กนั จะไดวามีชาวบานตอบแบบสาํ รวจหมบู านละ 200 คน ดังน้ัน มีจํานวนชาวบานที่รับประทานอาหารที่ปรุงดวยการทอดเปนประจําท้ังหมด 22 + 25 + 18 + 11 × 200 =152 คน 100 100 100 100 2) เนือ่ งจากชาวบานทีต่ อบแบบสาํ รวจจากหมูบา น A จาํ นวน 100 คน จะไดวามีชาวบานในหมูบาน A ท่ีรับประทานอาหารที่ปรุงดวยการผัดเปนประจํา จาํ นวน 31 ×100 =31 คน 100 เนื่องจากสํารวจชาวบานจากหมูบาน 4 แหง จํานวน 800 คน โดยมีชาวบานที่ตอบ แบบสํารวจจากหมูบาน A จํานวน 100 คน จากหมูบาน B จํานวน 150 คน และจาก หมูบา น D จาํ นวน 50 คน จะไดวามีชาวบานในหมูบาน C ที่รับประทานอาหารท่ีปรุงดวยการผัดเปนประจํา จํานวน 20 × (800 −100 −150 − 50) =100 คน 100 ดังนั้น มีชาวบานในหมูบา น A ที่รับประทานอาหารท่ีปรุงดวยการผดั เปนประจํานอยกวา ชาวบานในหมูบาน C ท่ีรับประทานอาหารท่ีปรุงดวยการผัดเปนประจําอยู 100 − 31 =69 คน 3) 3.1) สามารถสรปุ ไดวาเปนจรงิ เน่ืองจากในแตละหมูบานมีรอยละของชาวบานท่ีตอบแบบสํารวจที่รับประทาน อาหารที่ปรุงดวยการทอดเปน ประจํานอ ยกวารอยละของชาวบานท่ีรับประทาน อาหารท่ีปรุงดว ยการตมเปน ประจาํ สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท่ี 6 เลม 2 327 3.2) ไมส ามารถสรุปไดว าเปนจริงหรือเปน เทจ็ เน่ืองจากถาสมมติวามีจํานวนชาวบานที่ตอบแบบสํารวจจากหมูบาน B และ C เทากัน จะไดวาในกลุมผูตอบแบบสํารวจ ชาวบานในหมูบาน B ที่รับประทาน อาหารท่ีปรุงดวยการผัดเปนประจํามีจํานวนมากกวาชาวบานในหมูบาน C ท่ีรบั ประทานอาหารทป่ี รุงดวยการปง /ยางเปน ประจํา แตถาสมมติวามีชาวบานที่ตอบแบบสาํ รวจจากหมูบ าน B จํานวน 100 คน และมี ชาวบานที่ตอบแบบสํารวจจากหมูบาน C จํานวน 200 คน จะมีชาวบานที่ตอบ แบบสํารวจจากหมูบาน B ท่ีรับประทานอาหารดวยการผัดเปนประจํา จํานวน 25 ×100 =25 คน แ ล ะ มี ช า ว บ า น ที่ ต อ บ แ บ บ สํ า ร ว จ จ า ก ห มู บ า น C 100 ทรี่ ับประทานอาหารดว ยการปง/ยา งเปนประจํา จํานวน 14 × 200 =28 คน 100 นั่นคือ ในกลุมผูตอบแบบสํารวจ จะไดวาชาวบานในหมูบาน B ท่ีรับประทาน อาหารท่ีปรุงดวยการผัดเปนประจํามีจํานวนนอยกวาชาวบานในหมูบาน C ทร่ี บั ประทานอาหารที่ปรงุ ดว ยการปง /ยา งเปน ประจาํ 3.3) ไมสามารถสรปุ ไดว า เปนจรงิ หรอื เปนเทจ็ เนื่องจากถาสมมติวามีจํานวนชาวบานที่ตอบแบบสํารวจจากท้ัง 4 หมูบาน เทากัน จากขอ 1) จะไดวามีชาวบานท่ีรับประทานอาหารที่ปรุงดวยการทอด เปนประจํา 152 คน และมีชาวบานท่ีรับประทานอาหารท่ีปรุงดวยการผัดเปน ประจาํ 31 + 25 + 20 + 7 × 200 =166 คน 100 100 100 100 นน่ั คอื ในกลมุ ตอบแบบสํารวจ ชาวบา นทร่ี บั ประทานอาหารทป่ี รุงดวยการทอด เปนประจํามีจํานวนนอยกวาชาวบานที่รับประทานอาหารท่ีปรุงดวยการผัดเปน ประจํา แตถาสมมติวามีชาวบานท่ีตอบแบบสํารวจจากหมูบาน A, B, C และ D เปน 100, 100, 100 และ 500 คน ตามลาํ ดบั จะมีชาวบานที่รับประทานอาหารทป่ี รุงดว ยการทอดเปน ประจําทัง้ หมด 22 ×100 + 25 ×100 + 18 ×100 + 11 × 500 =120 คน 100 100 100 100 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
328 คูมือครูรายวิชาเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 และมีชาวบา นท่รี ับประทานอาหารท่ีปรุงดวยการผัดเปนประจาํ ทง้ั หมด 31 ×100 + 25 ×100 + 20 ×100 + 7 × 500 =111 คน 100 100 100 100 น่ันคือ ในกลุมผูตอบแบบสํารวจ ชาวบานท่ีรับประทานอาหารที่ปรุงดวย การทอดเปนประจํามีจํานวนมากกวาชาวบานท่ีรับประทานอาหารที่ปรุงดวย การผดั เปนประจํา 9. 1) จากแผนภูมิรูปวงกลม มีนักเรียนที่ตอบแบบสํารวจจากโรงเรียน A ทั้งหมด 30 × 10, 000 =3,000 คน 100 ดังนั้น มนี กั เรยี นจากโรงเรยี น A ที่ชน่ื ชอบภาพยนตรแอก ชนั 30 × 3,000 =900 คน 100 2) มนี กั เรียนที่ชนื่ ชอบภาพยนตรผ จญภยั ท้งั หมด 17 × 30 ×10, 000 + 20 × 24 ×10, 000 + 10 × 26 ×10, 000 100 100 100 100 100 100 + 25 × 20 ×10, 000 =1, 750 คน 100 100 3) นักเรียนจากโรงเรยี น A ทชี่ นื่ ชอบภาพยนตรตลกมี 20 × 30 ×10, 000 =600 คน 100 100 นกั เรยี นจากโรงเรยี น D ท่ีชนื่ ชอบภาพยนตรผจญภัยมี 25 × 20 ×10, 000 =500 คน 100 100 ดังน้ัน จํานวนนักเรียนจากโรงเรียน A ท่ีช่ืนชอบภาพยนตรตลกมากกวาจํานวน นักเรียนจากโรงเรยี น D ทช่ี ่นื ชอบภาพยนตรผ จญภัย 4) มนี ักเรียนจากโรงเรยี น B และ C ท่ีชื่นชอบภาพยนตรผจญภยั และภาพยนตรช วี ิตรวม ท้งั หมด 20 + 8 × 24 ×10, 000 + 10 + 14 × 26 ×10, 000 100 100 100 100 100 100 = 1,296 คน 5) มนี ักเรยี นจากโรงเรยี น D ทีช่ ่นื ชอบภาพยนตรป ระเภทอืน่ ๆ อยู 7 × 20 ×10, 000 =140 คน ซึ่งคิดเปนรอ ยละ 140 ×100 =1.4 ของจํานวน 100 100 10, 000 นกั เรียนทสี่ าํ รวจทัง้ หมด สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวิชาเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท ่ี 6 เลม 2 329 เฉลยแบบฝก หดั บทท่ี 3 การวเิ คราะหแ ละนาํ เสนอขอมูลเชงิ ปรมิ าณ แบบฝกหัด 3.1 1. จากโจทย กําหนดจํานวนอันตรภาคชั้นเทากับ 9 ช้ัน คาเริ่มตนคือ 8,000 และคาสุดทายคือ 9,800 สามารถเขยี นตารางความถไ่ี ดดังน้ี 1. คาํ นวณความกวางของอันตรภาคชน้ั ไดด งั น้ี คาสดุ ทาย – คา เรม่ิ ตน 9=,800 − 8,000 200 จําน=วนอนั ตรภาคชนั้ 9 ดังนน้ั ความกวา งของอนั ตรภาคชั้นคอื 200 เซลลตอ เลอื ด 1 ลูกบาศกมลิ ลเิ มตร 2. เขยี นอนั ตรภาคช้ันไดดงั นี้ อันตรภาคชนั้ คาเร่มิ ตน คา สดุ ทาย ช้ันท่ี 1 8, 000 8,000 + 200 −1 =8,199 ชั้นที่ 2 8, 200 8, 200 + 200 −1 =8,399 ชั้นท่ี 3 8, 400 8, 400 + 200 −1 =8,599 ชั้นท่ี 4 8, 600 8,600 + 200 −1 =8,799 ชั้นที่ 5 8,800 8,800 + 200 −1 =8,999 ชั้นท่ี 6 9, 000 9,000 + 200 −1 =9,199 ชน้ั ที่ 7 9, 200 9, 200 + 200 −1 =9,399 ชั้นท่ี 8 9, 400 9, 400 + 200 −1 =9,599 ช้นั ที่ 9 9, 600 9,600 + 200 −1 =9,799 สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
330 คมู อื ครูรายวิชาเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 3. หาจํานวนขอ มูลทั้งหมดทอ่ี ยใู นแตละอนั ตรภาคชัน้ โดยทํารอยขีด ไดด งั น้ี อันตรภาคชน้ั รอยขดี 8,000 − 8,199 ||| 8,200 − 8,399 8,400 − 8,599 |||| 8,600 − 8,799 |||| 8,800 − 8,999 |||| |||| 9,000 − 9,199 |||| | 9,200 − 9,399 |||| || 9,400 − 9,599 |||| 9,600 − 9,799 | 4. เขียนตารางความถ่ี ไดดังน้ี ความถ่ี อันตรภาคช้นั 8,000 − 8,199 3 8, 200 − 8,399 0 8,400 − 8,599 5 8,600 − 8,799 5 8,800 − 8,999 9 9,000 − 9,199 6 9,200 − 9,399 7 9,400 − 9,599 4 9,600 − 9,799 1 จากตารางความถี่ อาจสรปุ ไดว า • ครูที่มีเซลลเม็ดเลือดขาวอยูในชวง 8,800 − 8,999 เซลลตอเลือด 1 ลูกบาศก มลิ ลิเมตร มจี าํ นวนมากท่สี ดุ โดยมจี ํานวน 9 คน รองลงมาคอื ครทู ี่มเี ซลลเ มด็ เลือด ขาวอยูในชวง 9,200 − 9,399 เซลลตอเลือด 1 ลูกบาศกมิลลิเมตร โดยมีจํานวน 7 คน สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมอื ครูรายวชิ าเพิ่มเตมิ คณติ ศาสตร ช้นั มัธยมศึกษาปท ี่ 6 เลม 2 331 • ครูที่มีเซลลเม็ดเลือดขาวอยูในชวง 8,400 − 8,599 เซลลตอเลือด 1 ลูกบาศก มิลลิเมตร และชวง 8,600 − 8,799 เซลลตอเลือด 1 ลูกบาศกมิลลิเมตร มีจํานวน 5 คน เทา กนั • ไมมีครูที่มีเซลลเม็ดเลือดขาวอยูในชวง 8,200 − 8,399 เซลลตอเลือด 1 ลูกบาศก มิลลเิ มตร 2. 1) จากโจทย กําหนดจํานวนอันตรภาคช้ันเทากับ 6 ชั้น คาเริ่มตนคือ 8 และคาสดุ ทาย คอื 44 สามารถเขียนตารางความถี่ไดดังนี้ 1. คาํ นวณความกวา งของอันตรภาคชั้น ไดด งั น้ี คาสดุ ทาย – คาเร่มิ ตน 4=4 − 8 6 จาํ นวนอนั ตรภาค=ชน้ั 6 ดงั นั้น ความกวางของอนั ตรภาคชั้นคือ 6 ฉบับ 2. เขยี นอนั ตรภาคชั้นไดดงั น้ี อนั ตรภาคช้นั คา เร่มิ ตน คาสุดทาย ชั้นที่ 1 8 8 + 6 −1 =13 ชน้ั ที่ 2 14 14 + 6 −1 =19 ช้ันที่ 3 20 20 + 6 −1 =25 ชน้ั ที่ 4 26 26 + 6 −1 =31 ชน้ั ท่ี 5 32 32 + 6 −1 =37 ชน้ั ที่ 6 38 38 + 6 −1 =43 3. เขยี นตารางความถ่ี ไดด งั นี้ อนั ตรภาคช้นั ความถี่ 8 −13 3 14 −19 11 20 − 25 10 26 − 31 5 32 − 37 1 สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
332 คมู ือครูรายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปท่ี 6 เลม 2 อันตรภาคชั้น ความถ่ี 38 − 43 1 2) อันตรภาคชน้ั 14 −19 มคี วามถีส่ ูงที่สุด 3) อันตรภาคชั้นที่ 5 มีความถี่สัมพัทธในรูปรอยละเทากบั 1 ×100 หรอื ประมาณ 3.2 31 4) จาํ นวนวันท่ีกนกวรรณไดร ับอเี มลนอ ยกวา 32 ฉบับ คิดเปน รอ ยละ 3 +11+10 + 5 ×100 ≈ 93.5 ของจาํ นวนวันท้งั หมดในเดอื นกรกฎาคม พ.ศ. 2561 31 3. 1) เขยี นตารางความถพี่ รอมทงั้ แสดงความถส่ี มั พัทธไ ดด ังน้ี อนั ตรภาคช้ัน ความถี่ ความถ่ีสัมพทั ธ สดั สวน รอยละ ต่ํากวา 1,100 2 2 = 0.04 4 50 1,100 −1,199 4 4 = 0.08 8 50 1, 200 −1, 299 11 11 = 0.22 22 50 1,300 −1,399 13 13 = 0.26 26 50 1, 400 −1, 499 14 14 = 0.28 28 50 1,500 −1,599 5 5 = 0.10 10 50 1,600 −1,699 1 1 = 0.02 2 50 2) ลูกคาท่ีมียอดชําระเงินอยูในอันตรภาคชั้น 1,400 −1,499 มีจํานวนมากท่ีสุด และคิด เปนรอ ยละ 28 ของจํานวนลูกคา ทเี่ ก็บขอมูลทั้งหมด 3) จาํ นวนลกู คาทีม่ ียอดชําระเงนิ ตาํ่ กวา 1,200 บาท มจี ํานวน 6 คน จํานวนลูกคาท่มี ียอดชาํ ระเงินตั้งแต 1,500 บาทขน้ึ ไป มีจาํ นวน 6 คน ดังนั้น จํานวนลูกคาท่ีมียอดชําระเงินต่ํากวา 1,200 บาท เทากับจํานวนลูกคาท่ีมียอด ชาํ ระเงินตั้งแต 1,500 บาทขนึ้ ไป สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวชิ าเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 6 เลม 2 333 4) คําตอบมไี ดห ลากหลาย เชน • ลกู คาท่มี ียอดชาํ ระเงินตั้งแต 1,400 ถงึ 1,499 บาท มีจํานวนมากท่สี ุด • ลูกคา ทีม่ ยี อดชาํ ระเงินตั้งแต 1,600 ถึง 1,699 บาท มจี าํ นวนนอ ยทส่ี ุด • สว นใหญลกู คา มียอดชาํ ระเงนิ อยูใ นชวง 1,200 ถึง 1,499 บาท 4. 1) จากโจทย กําหนดจํานวนอันตรภาคชั้นเทากับ 7 ช้ัน คาเร่ิมตนคือ 30 และคาสุดทาย คือ 101 สามารถเขียนตารางความถไี่ ดดังนี้ 1. คาํ นวณความกวา งของอนั ตรภาคช้ัน ไดด ังน้ี คาสุดทา ย – คาเร่ิมตน 101− 30 ≈ 10.14 จาํ นวนอันตรภ=าคชัน้ 7 ดงั นนั้ ความกวางของอันตรภาคชั้นคือ 11 คะแนน 2. เขยี นอนั ตรภาคชน้ั ไดด ังนี้ อันตรภาคช้ัน คา เรม่ิ ตน คา สดุ ทาย ชัน้ ที่ 1 30 30 +11−1 =40 ชน้ั ท่ี 2 41 41+11−1 =51 ชนั้ ที่ 3 52 52 +11−1 =62 ชั้นท่ี 4 63 63 +11−1 =73 ชน้ั ที่ 5 74 74 +11−1 =84 ชน้ั ที่ 6 85 85 +11−1 =95 ช้ันท่ี 7 96 96 +11−1 =106 สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
334 คูมือครูรายวชิ าเพิ่มเตมิ คณติ ศาสตร ช้ันมัธยมศกึ ษาปท่ี 6 เลม 2 3. เขียนตารางความถ่พี รอมท้งั แสดงความถส่ี ะสม ความถ่ีสัมพัทธ และความถสี่ ะสม สมั พัทธ ไดด ังน้ี อนั ตรภาคชน้ั ความถ่ี ความถ่ี ความถ่สี ัมพัทธ ความถี่สะสมสัมพทั ธ สะสม สัดสว น รอ ยละ สัดสว น รอ ยละ 30 − 40 1 1 1 ≈ 0.02 2 0.02 2 60 5 28 41− 51 2 3 2 ≈ 0.03 3 0.05 58 60 93 98 52 − 62 14 17 14 ≈ 0.23 23 0.28 100 60 63 − 73 18 35 18 ≈ 0.30 30 0.58 60 74 − 84 21 56 21 ≈ 0.35 35 0.93 60 85 − 95 3 59 3 ≈ 0.05 5 0.98 60 96 −106 1 60 1 ≈ 0.02 2 1 60 2) มีนักเรยี นทีไ่ ดค ะแนนตง้ั แต 85 คะแนนขน้ึ ไป จํานวน 3 +1 =4 คน 3) นกั เรียนท่ไี ดคะแนนนอ ยกวา 52 คะแนน คดิ เปนรอ ยละ 5 ของจํานวนนักเรียนท้งั หมด 4) นักเรียนท่ีไดคะแนนตั้งแต 52 คะแนน ถึง 84 คะแนน คิดเปนรอยละ 93 – 5 = 88 ของจํานวนนกั เรียนทัง้ หมด 5. 1) พิจารณา 341− 380 ซึ่งเปนอันตรภาคชั้นแรก จะได ความกวางของอันตรภาคชั้น คอื 380 − 341+1 =40 และเขยี นตารางความถ่ี ไดด งั นี้ อันตรภาคชนั้ ความถี่ 341− 380 2 381− 420 7 421− 460 5 461− 500 14 501− 540 11 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 471
Pages: