คมู อื ครรู ายวชิ าเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 6 เลม 2 335 อันตรภาคช้ัน ความถี่ 541− 580 11 581− 620 11 621− 660 3 661− 700 1 701− 740 1 2) มหี มบู า นท่มี ีประชากรอาศัยอยตู ่ํากวา 501 คน จํานวน 2 + 7 + 5 +14 =28 หมบู า น 3) มีหมบู า นทีม่ ีประชากรอาศัยอยตู งั้ แต 381 ถงึ 580 คน จํานวน 7 + 5 +14 +11+11 =48 หมูบ า น 4) จํานวนหมูบานที่มปี ระชากรอาศยั อยูมากกวา 660 คน คดิ เปน รอยละ 2 ×100 ≈ 3.03 66 ของจาํ นวนหมูบ า นท้งั หมด แบบฝกหดั 3.2 1. จากขอ มูลสามารถเขียนฮสิ โทแกรมไดด ังน้ี จาํ นวนนักเรยี น (คน) 6 5 4 3 2 1 คะแนน 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
336 คูมอื ครรู ายวชิ าเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 2. 1) หาความถข่ี องแตละอันตรภาคชนั้ จากความถี่สะสมไดดังน้ี อันตรภาคช้ัน ความถส่ี ะสม ความถี่ 61 − 67 3 3 68 − 74 6 3 75 − 81 9 3 82 − 88 24 15 89 − 95 47 23 96 − 102 63 16 103 − 109 76 13 110 − 116 80 4 ดังน้ัน ครูมีระดับนํ้าตาลในเลือดอยูในชวง 89 − 95 มิลลิกรัมตอเดซิลิตร มากท่ีสุด โดยมีจาํ นวน 23 คน 2) จากขอมลู สามารถเขียนฮิสโทแกรมไดด ังน้ี จํานวนครู (คน) 24 20 16 12 8 4 0 60.5 67.5 74.5 81.5 88.5 95.5 102.5 109.5 116.5 ระดับนาํ้ ตาลในเลือด (มิลลิกรัมตอเดซิลิตร) 3) ขอสรุปดังกลาวไมเปนจริง เนื่องจากถาสมมติวาครูทั้ง 16 คน ท่ีมีระดับนํ้าตาลในเลอื ด อยูในชวง 96 −102 มิลลิกรัมตอเดซิลิตร มีระดับน้ําตาลในเลือดสูงกวา 100 มิลลิกรัม ตอเดซลิ ติ ร จะไดวา มคี รทู ่มี ีระดับน้ําตาลในเลือดสูงกวา 100 มิลลิกรัมตอเดซิลิตร หรือ สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท่ี 6 เลม 2 337 อยูในชวง 100 −125 มิลลิกรัมตอเดซิลิตร ทั้งหมด 16 +13+ 4 =33 คน ซึ่งคิดเปน รอ ยละ 33 ×100 =41.25 ของครทู ัง้ หมด 88 ดังนั้น ครูท่ีมีความเส่ียงตอการเปนโรคเบาหวานจึงมีนอยกวารอยละ 42 ของครู ทง้ั หมด 3. 1) มี 29 +11 =40 เขตที่อัตราสวนพื้นที่สีเขียว 10 ประเภท ตอจํานวนประชากร นอ ยกวา 40 ตารางเมตรตอคน 2) มี 1+1+1 =3 เขตท่ีอัตราสวนพ้ืนท่ีสีเขียว 10 ประเภท ตอจํานวนประชากร ไมนอยกวา 80 ตารางเมตรตอคน 3) จากฮิสโทแกรม เขตที่มีอัตราสวนพื้นที่สีเขียว 10 ประเภท ตอจํานวนประชากร มากทสี่ ุดมีอตั ราสว นพืน้ ทสี่ ีเขียวตอจํานวนประชากรอยูใ นชวง 280 −300 ตารางเมตร ตอคน และเนือ่ งจากเขตนีม้ ปี ระชากร 182,235 คน ดงั นน้ั ในเขตนจ้ี ะมพี น้ื ทส่ี ีเขียวอยา งนอย 280×182,235 = 51,025,800 ตารางเมตร นน่ั คอื สามารถสรุปไดวา พน้ื ทส่ี ีเขียวในเขตนั้นไมน อ ยกวา 50,000,000 ตารางเมตร 4. 1) แพทยประจําโรงพยาบาลเอกชนท่ีสุมมามีระดับคอเลสเตอรอลรวมในเลือดอยูในชวง 190 − 200 มิลลิกรมั ตอ เดซลิ ิตร มากท่ีสดุ และมีแพทยอ ยใู นชว งน้ี 9 คน 2) ระดับคอเลสเตอรอลรวมในเลือดของแพทยประจําโรงพยาบาลรัฐบาลที่สุมมา มคี าสูงสุดอยูในชวง 240 − 250 มลิ ลกิ รมั ตอเดซลิ ิตร และมแี พทยอ ยใู นชว งน้ี 2 คน 3) 3.1) จากฮิสโทแกรม มีแพทยประจําโรงพยาบาลเอกชนท่ีมีระดับคอเลสเตอรอลรวมใน เลือดสูงกวา คาปกติ 5 + 2 + 5 +1+1 =14 คน ซึ่งคดิ เปนรอยละ 14 ×100 ≈ 46.67 30 ของจํานวนแพทยประจําโรงพยาบาลเอกชนท่ีสมุ มาทัง้ หมด 3.2) จากฮิสโทแกรม มีแพทยประจําโรงพยาบาลเอกชนและแพทยประจํา โรงพยาบาลรัฐบาลที่มีระดับคอเลสเตอรอลรวมในเลือดสูงกวาคาปกติ 14 + (9 + 7 + 4 + 4 + 2) =40 คน ซึ่งคิดเปนรอยละ 40 ×100 ≈ 66.67 ของ 60 จาํ นวนแพทยท ีส่ มุ มาทง้ั หมด สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
338 คูมอื ครูรายวิชาเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 6 เลม 2 3.3) แพทยประจําโรงพยาบาลเอกชนที่มีระดับคอเลสเตอรอลรวมในเลือด สูงกวาคาปกติมีจํานวนนอยกวาแพทยประจําโรงพยาบาลรัฐบาลที่มีระดับ คอเลสเตอรอลรวมในเลอื ดสูงกวาคา ปกตอิ ยู 26 −14 =12 คน 4) คาํ ตอบมีไดห ลากหลาย เชน • แพทยประจําโรงพยาบาลเอกชนท่ีมีระดับคอเลสเตอรอลรวมในเลือดอยูในชวง 190 − 200 มิลลิกรัมตอเดซิลิตร มีจํานวนมากท่ีสุด โดยแพทยประจําโรงพยาบาล เอกชนท่ีมีระดับคอเลสเตอรอลรวมในเลือดปกติมีจํานวนมากกวาแพทยประจํา โรงพยาบาลเอกชนที่มีระดับคอเลสเตอรอลรวมในเลือดสูงกวาคาปกติอยู 16 −14 =2 คน • แพทยประจําโรงพยาบาลรัฐบาลที่มีระดับคอเลสเตอรอลรวมในเลือดอยูในชวง 200 − 210 มิลลิกรัมตอเดซิลิตร มีจํานวนมากที่สุด รองลงมาคือ ชวง 210 − 220 มิลลิกรัมตอเดซิลิตร โดยแพทยประจําโรงพยาบาลรัฐบาลท่ีมีระดับคอเลสเตอรอล รวมในเลือดปกติมีจํานวนนอยกวาแพทยประจําโรงพยาบาลรัฐบาลท่ีมีระดับ คอเลสเตอรอลรวมในเลอื ดสูงกวาคาปกติอยู 26 − 4 =22 คน • แพทยประจําโรงพยาบาลเอกชนที่มีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดปกติมีจํานวน มากกวา แพทยป ระจําโรงพยาบาลรัฐบาลอยู 16 − 4 =12 คน 5. 1) จากขอ มูลสามารถเขยี นแผนภาพจุดไดด งั นี้ 0 2 4 6 8 10 12 14 16 18 20 22 24 26 28 30 32 34 จํานวนภาพยนตร (เรอ่ื ง) ที่นกั เรียนชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ี่ 6 จาํ นวน 50 คน ชมในหนึ่งป สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมอื ครรู ายวชิ าเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที่ 6 เลม 2 339 จากขอมูลสามารถเขยี นแผนภาพลาํ ตนและใบไดด งั นี้ 035567779 10025556666666777788899 200012234555566788 3223 2) นักเรียนที่ชมภาพยนตรมากกวา 12 เร่ือง ในหน่ึงป คิดเปนรอยละ 39 ×100 =78 50 ของจาํ นวนนักเรียนท้ังหมด 6. นักเรียนท่ีไดคะแนนสอบวิชาคณิตศาสตรตั้งแตรอยละ 90 ขึ้นไปของคะแนนเต็ม คือ นักเรียนทไ่ี ดคะแนนสอบ 45 คะแนนขึ้นไป ซ่งึ มีจํานวน 19 + 24 +19 +18 +12 + 5 =97 คน และนักเรียนท่ีไดคะแนนสอบวิชาภาษาอังกฤษตั้งแตรอยละ 90 ขึ้นไปของคะแนนเต็ม คือ นักเรยี นทีไ่ ดคะแนนสอบ 45 คะแนนขนึ้ ไป ซงึ่ มีจํานวน 24 +12 + 5 + 3 + 2 =46 คน ดงั น้ัน มีนักเรียนที่ไดรางวัลในวิชาคณิตศาสตรและวิชาภาษาอังกฤษ จํานวน 97 และ 46 คน ตามลําดับ สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
340 คูมอื ครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 6 เลม 2 7. 1) เขียนแผนภาพลาํ ตนและใบของคะแนนสอบวิชาภาษาไทยและวิชาคณิตศาสตรไดดังน้ี วิชาภาษาไทย วชิ าคณิตศาสตร 604579 2502256799 83603455679 998877777665400070001344577889 8776433221111118011225 8422905 2) จากแผนภาพลําตนและใบในขอ 1) เขียนตารางความถ่ีแสดงจํานวนนักเรียนที่ไดเกรด ตา ง ๆ ของแตล ะวิชา ไดด งั นี้ เกรด จํานวนนักเรียน (คน) วิชาภาษาไทย วชิ าคณติ ศาสตร 44 2 3 15 6 2 16 13 12 8 0 3 11 3) นักเรียนที่คะแนนวิชาคณิตศาสตรขาดไปเพียง 1 คะแนน แลวจะไดเกรดดีขึ้นคือ นักเรยี นที่ไดค ะแนน 59, 69 และ 79 ซงึ่ มที ง้ั หมด 4 คน 4) เมือ่ เปรียบเทียบจากเกรด พบวา นกั เรียนสว นใหญใ นหอ งนี้ถนดั วชิ าภาษาไทยมากกวา วชิ าคณติ ศาสตร 8. 1) เรยี งขอ มลู จากนอยไปมากไดดังน้ี 5 6 6 7 7 8 9 9 10 10 10 11 12 12 13 14 14 15 15 16 16 16 17 17 17 18 18 18 19 20 20 ขอ มลู มีท้งั หมด 31 ตวั จะได Q1 อยใู นตําแหนง ท่ี 31 +1 =8 ดงั นน้ั Q1 = 9 4 สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวิชาเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 6 เลม 2 341 Q2 อยใู นตาํ แหนงท่ี 2(31 +1) = 16 ดงั นนั้ Q2 = 14 4 และ Q3 อยใู นตาํ แหนง ท่ี 3( 31 + 1) = 24 ดังนนั้ Q3 = 17 4 ดังนั้น ควอรไทลที่ 1 ควอรไทลที่ 2 และควอรไทลที่ 3 ของขอมูลชุดน้ี คือ 9, 14 และ 17 คนั ตามลาํ ดับ 2) แทน Q1 และ Q3 ดว ย 9 และ 17 ตามลาํ ดบั ใน Q1 −1.5(Q3 − Q1 ) จะได 9 −1.5(17 − 9) =− 3 แทน Q1 และ Q3 ดวย 9 และ 17 ตามลาํ ดบั ใน Q3 +1.5(Q3 − Q1 ) จะได 17 +1.5(17 − 9) =29 เนอื่ งจากไมม ีขอ มูลทม่ี คี า นอ ยกวา −3 หรือมากกวา 29 ดังนัน้ ขอ มูลชดุ นี้ไมมีคานอกเกณฑ 3) จากขอมูลสามารถเขียนแผนภาพกลอ งไดดังน้ี 2 4 6 8 10 12 14 16 18 20 22 4) จากแผนภาพกลอง จะเห็นวาจํานวนรถจักรยานยนตที่มาจอดบริเวณหนาบานของ นภาพักตรในชวง 9 ถึง 14 คัน มีการกระจายมากท่ีสุด รองลงมาคือชวง 5 ถึง 9 คัน สว นชวง 14 ถงึ 17 คนั และชว ง 17 ถึง 20 คัน มีการกระจายนอ ยใกลเ คียงกนั 9. 1) เรยี งขอมูลจากนอยไปมากไดดงั นี้ 3.6 5.0 5.4 5.5 5.6 5.8 5.8 5.9 6.0 6.0 7.2 6.1 6.3 6.4 6.5 6.7 6.8 6.9 7.0 7.0 7.2 7.3 7.5 7.5 7.7 8.0 8.0 ขอ มูลมที ง้ั หมด 27 ตวั จะได Q1 อยใู นตาํ แหนง ที่ 27 + 1 = 7 ดังนั้น Q1 = 5.8 4 Q2 อยูใ นตําแหนง ที่ 2(27 +1) = 14 ดังนัน้ Q2 = 6.5 4 สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
342 คมู ือครูรายวิชาเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ่ี 6 เลม 2 และ Q3 อยูในตําแหนง ท่ี 3(27 +1) = 21 ดังนั้น Q3 = 7.2 4 ดังน้ัน ควอรไทลท่ี 1 ควอรไทลที่ 2 และควอรไทลท่ี 3 ของขอมูลชุดนี้ คือ 5.8, 6.5 และ 7.2 เซนตเิ มตร ตามลาํ ดับ 2) แทน Q1 และ Q3 ดวย 5.8 และ 7.2 ตามลาํ ดบั ใน Q1 −1.5(Q3 − Q1 ) จะได 5.8 −1.5(7.2 − 5.8) =3.7 แทน Q1 และ Q3 ดวย 5.8 และ 7.2 ตามลําดับ ใน Q3 +1.5(Q3 − Q1 ) จะได 7.2 +1.5(7.2 − 5.8) =9.3 จากขอมลู มี 3.6 นอยกวา 3.7 แตไมม ีขอ มลู ทมี่ ากกวา 9.3 ดงั นัน้ ขอมูลชดุ นม้ี ีคานอกเกณฑ คือ 3.6 3) จากขอมูลสามารถเขยี นแผนภาพกลองไดดงั นี้ 5 5.8 6.5 7.2 8 3.5 4 4.5 5 5.5 6 6.5 7 7.5 8 4) จากแผนภาพกลอง จะเห็นวาความยาวของกลวยทอดในชวง 5 ถึง 5.8 เซนติเมตร ชวง 5.8 ถึง 6.5 เซนติเมตร ชวง 6.5 ถึง 7.2 เซนติเมตร และชวง 7.2 ถึง 8 เซนติเมตร มีการกระจายใกลเคยี งกนั 10. 1) คะแนนต่ําสุดของนักเรียนกลุมน้ีคือ 60 คะแนน และคะแนนสูงสุดของนักเรียนกลุมนี้ คอื 67 คะแนน 2) เน่ืองจาก 91 ตรงกับ Q3 จึงมีนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 6/2 ที่ไดคะแนนมากกวา 91 คะแนน ประมาณ 25% สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวิชาเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ี่ 6 เลม 2 343 3) เนื่องจาก 75 ตรงกับ Q2 จึงมีนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6/1 ที่ไดคะแนนนอยกวา 75 คะแนน ประมาณ 50% 4) เนื่องจาก 77 ตรงกับ Q1 จึงมีนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 6/2 ท่ีไดคะแนนมากกวา 77 คะแนน ประมาณ 75% 5) คําตอบมไี ดห ลากหลาย เชน นาจะมีนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปท่ี 6/2 ไดเกรด 4 ในวิชาคณิตศาสตรมากกวานักเรียน ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ่ี 6/1 เนอื่ งจากควอรไ ทลท่ี 2 ของคะแนนของนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษา ปที่ 6/2 คือ 85 คะแนน ซ่ึงมากกวา 80 คะแนน ดังน้ัน นาจะมีนักเรียนในหองน้ี มากกวาครึ่งหนึ่งท่ีไดเกรด 4 ในขณะที่ควอรไทลที่ 2 ของคะแนนของนักเรียน ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ่ี 6/1 คือ 75 คะแนน ซึ่งนอ ยกวา 80 คะแนน ดังนน้ั นาจะมนี ักเรียน ในหอ งนน้ี อยกวาครงึ่ หนง่ึ ทีไ่ ดเกรด 4 11. จากขอมลู สามารถเขยี นแผนภาพการกระจายไดดงั น้ี 70 60 ํ้นาห ันก (กิโลก ัรม) 50 40 30 20 10 0 140 145 150 155 160 165 170 ความสงู (เซนตเิ มตร) จากแผนภาพการกระจาย จะเห็นวาเม่ือความสูงของนักเรียนมากขึ้น นํ้าหนักของ นักเรยี นจะมแี นวโนมมากขึ้นดว ย ดังนน้ั ความสูงและนํา้ หนักของนกั เรียนมีความสมั พนั ธในทศิ ทางเดียวกัน สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
344 คูมอื ครูรายวชิ าเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท่ี 6 เลม 2 12. จากแผนภาพการกระจาย จะเห็นวาเม่ือความสูงจากระดับนํ้าทะเลปานกลางมากข้ึน ความดนั อากาศจะมีแนวโนมลดลง ดังน้ัน ความดันอากาศและความสูงจากระดับน้ําทะเลปานกลางมีความสัมพันธในทิศทาง ตรงกันขา ม 13. จากแผนภาพการกระจาย จะเห็นวาเม่ืออายุมากข้ึน จํานวนเพ่ือนสนิทของนักเรียนไมได มากขึน้ หรอื นอยลงตาม ดังนั้น จาํ นวนเพอ่ื นสนิทและอายขุ องนกั เรยี นไมมคี วามสัมพนั ธเ ชิงเสน แบบฝก หัด 3.3.1 1. 1) พิจารณาขอ มลู คา จา งรายวนั ของพนักงานช่วั คราวในรานที่ 1 จะได คาเฉลี่ยเลขคณิตของคา จา งรายวนั ของพนักงานชั่วคราวในรานท่ี 1 คอื 248 + 225 + 280 + 324 + 346 + 320 + 284 + 275 + 325 + 375 = 300.20 บาท 10 เรยี งขอ มูลคาจางรายวันของพนกั งานชัว่ คราวในรานที่ 1 จากนอยไปมากไดด งั นี้ 225 248 275 280 284 320 324 325 346 375 เนื่องจากมธั ยฐานอยใู นตําแหนง ที่ 10 + 1 = 5.5 2 ดังนั้น มธั ยฐานของคา จางรายวนั ของพนักงานชั่วคราวในรา นที่ 1 คือ 284 + 320 = 302 บาท 2 เนื่องจากขอมูลคาจางรายวันของพนักงานช่ัวคราวในรานที่ 1 มีความถี่เปน 1 เทากันหมด ดงั นน้ั ไมมฐี านนิยมของคาจา งรายวันของพนกั งานชัว่ คราวในรา นที่ 1 พิจารณาขอ มูลคาจา งรายวนั ของพนกั งานช่ัวคราวในรา นท่ี 2 จะได คาเฉลี่ยเลขคณิตของคาจางรายวันของพนักงานช่ัวคราวในรานท่ี 2 คือ 260 + 232 + 245 + 220 + 256 + 248 + 276 + 235 + 244 + 280 = 249.60 บาท 10 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวิชาเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท ี่ 6 เลม 2 345 เรียงขอมูลคา จา งรายวนั ของพนกั งานช่ัวคราวในรานที่ 2 จากนอยไปมากไดดงั นี้ 220 232 235 244 245 248 256 260 276 280 เนอื่ งจากมธั ยฐานอยใู นตาํ แหนงท่ี 10 + 1 = 5.5 2 ดงั น้นั มธั ยฐานของคา จางรายวนั ของพนกั งานช่วั คราวในรานท่ี 2 คือ 245 + 248 = 246.50 บาท 2 เน่ืองจากขอมูลคาจางรายวันของพนักงานชั่วคราวในรานที่ 2 มีความถ่ีเปน 1 เทากนั หมด ดงั น้ัน ไมม ฐี านนิยมของคา จา งรายวันของพนักงานชั่วคราวในรา นที่ 2 2) ควรเลือกทํางานรานท่ี 1 เนอื่ งจากโดยเฉล่ียแลวจะไดรบั คาจา งรายวันมากกวา รานที่ 2 2. 1) เรยี งขอมูลจากนอ ยไปมากไดดงั นี้ 7 9 11 11 12 12 13 13 14 14 14 14 15 15 15 15 16 16 16 17 17 18 18 19 19 27 28 ขอมลู มีท้ังหมด 27 ตวั จะได Q1 อยใู นตําแหนง ที่ 27 +1 = 7 ดังน้นั Q1 = 13 4 และ Q3 อยูในตําแหนงท่ี 3(27 +1) = 21 ดงั น้นั Q3 = 17 4 แทน Q1 และ Q3 ดว ย 13 และ 17 ตามลําดบั ใน Q1 −1.5(Q3 − Q1 ) จะได 13 −1.5(17 −13) =7 แทน Q1 และ Q3 ดว ย 13 และ 17 ตามลําดับ ใน Q3 +1.5(Q3 − Q1 ) จะได 17 +1.5(17 −13) =23 จากขอ มูล ไมมขี อ มูลท่ีนอ ยกวา 7 แตมี 27 และ 28 ท่ีมากกวา 23 ดังนน้ั คา นอกเกณฑ คือ 27 และ 28 2) คาเฉลี่ยเลขคณิตของระยะเวลาท่ีลูกคาจํานวน 27 คน ใชในการทําธุรกรรมท่ีธนาคาร แหงนี้ คอื 415 ≈15.37 นาที 27 สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
346 คูม อื ครูรายวิชาเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท่ี 6 เลม 2 3) คา เฉลยี่ เลขคณิตของระยะเวลาทล่ี กู คา ใชในการทาํ ธรุ กรรมทธี่ นาคารแหงนี้ โดยไมรวม คา นอกเกณฑ คอื 415 − (27 + 2=8) 3=60 14.4 นาที 25 25 4) ถึงแมขอมูลชุดน้ีจะมีคานอกเกณฑถึงสองคา แตคาเฉลี่ยเลขคณิตท่ีไดจาก ขอ 2) และ 3) ไมแตกตางกันมาก เนื่องจากขอมูลสวนใหญมีคาใกลเคียงกัน และ คานอกเกณฑท ้งั สองคามีคาใกลเคียงกันและไมต า งจากขอ มูลท่มี ีคามากท่ีสดุ มาก 3. เนือ่ งจากคะแนนสอบยอยวิชาคณิตศาสตรแ ตล ะครั้งมีคะแนนเตม็ 100 คะแนน และคิดเปน รอยละ 15 ของคะแนนทัง้ หมด จะได นาํ้ หนกั ของการสอบยอยแตล ะครัง้ คอื 15 = 0.15 100 เนื่องจากคะแนนสอบปลายภาควิชาคณิตศาสตรมีคะแนนเต็ม 100 คะแนน และคิดเปน รอ ยละ 70 ของคะแนนท้งั หมด จะได น้าํ หนกั ของการสอบปลายภาคคือ 70 = 0.7 100 ดังนน้ั คะแนนเฉลย่ี วชิ าคณติ ศาสตรของนักเรียนคนนี้คือ 0.15(74) + 0.15(80) + 0.7(62) = 66.5 คะแนน 0.15 + 0.15 + 0.7 4. 1) คา เฉล่ยี เลขคณิตของจาํ นวนการตายของไกป า ในพ้ืนท่สี ํารวจท้ัง 14 พ้ืนที่ คือ 61 ≈ 4.36 ตัว 14 เรียงขอมูลจํานวนการตายของไกปาในพื้นท่ีสาํ รวจทัง้ 14 พน้ื ท่ี จากนอ ยไปมากไดดังน้ี 0002234 5 5 6 7 8 9 10 เนือ่ งจากมธั ยฐานอยูในตําแหนงที่ 14 +1 = 7.5 2 ดังนั้น มัธยฐานของจํานวนการตายของไกปา ในพ้นื ท่ีสํารวจท้ัง 14 พน้ื ที่ คอื 4 + 5 = 4.5 ตัว 2 จากขอมูล จะเห็นวา 0 มคี วามถ่ีสูงสดุ ดงั น้ัน ฐานนยิ มของจํานวนการตายของไกป า ในพื้นทีส่ าํ รวจทงั้ 14 พื้นท่ี คือ 0 ตัว สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครรู ายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชั้นมัธยมศกึ ษาปที่ 6 เลม 2 347 จะเห็นวาไมควรใชฐานนิยมเปนตัวแทนของขอมูลชุดน้ี เพราะทําใหเขาใจวาพื้นท่ี สวนใหญไมมไี กปาตาย ท้ังท่ีในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2562 มีพ้ืนท่ีถึง 11 พื้นที่ ท่ีมีไกปา ตายตั้งแต 2 −10 ตวั 2) คา เฉล่ียเลขคณติ ของจํานวนการเกดิ ของไกป าในพ้นื ท่สี าํ รวจทัง้ 14 พนื้ ที่ คือ 699 ≈ 49.93 ตวั 14 เรยี งขอมลู จาํ นวนการเกิดของไกปา ในพื้นที่สาํ รวจทั้ง 14 พนื้ ที่ จากนอยไปมากไดด งั น้ี 26 28 30 31 32 34 38 40 42 46 46 48 126 132 เน่ืองจากมธั ยฐานอยูใ นตําแหนง ที่ 14 + 1 = 7.5 2 ดังน้นั มธั ยฐานของจํานวนการเกดิ ของไกปาในพน้ื ท่ีสาํ รวจทัง้ 14 พ้นื ท่ี คือ 38 + 40 = 39 ตัว 2 จากขอ มลู จะเห็นวา 46 มคี วามถส่ี ูงสุด ดังนน้ั ฐานนิยมของจํานวนการเกิดของไกปา ในพ้นื ทส่ี าํ รวจทง้ั 14 พนื้ ที่ คือ 46 ตวั จะเห็นวาควรใชเปนมัธยฐานเปนตัวแทนของขอมูลชุดนี้ เนื่องจากคาเฉล่ียเลขคณิต และฐานนิยมมคี า มากกวาขอมูลสว นใหญ 5. เนื่องจากคาเฉล่ียเลขคณิต มัธยฐาน และฐานนิยมของจํานวนจดหมายรับรองของผูสมัคร จํานวน 148 คน คือ 2.9, 3 และ 3 ฉบับ ตามลําดับ สามารถอธิบายไดวาผูสมัครสวนใหญ ย่ืนจดหมายรับรองครบทั้ง 3 ฉบับ แตยังคงมีผูสมัครบางคนท่ียื่นจดหมายรับรองไมครบ 3 ฉบบั 6. สมมตวิ า นํ้าหนกั ของนกั เรียน 3 คนนค้ี อื x, x และ 46 กิโลกรัม เน่ืองจากคาเฉลย่ี เลขคณิตของนา้ํ หนักของนกั เรยี น 3 คน คือ 38 กโิ ลกรัม จะได 46 + x + x = 38 3 x = 34 ดังนนั้ นกั เรียนสองคนท่เี หลอื หนกั คนละ 34 กิโลกรมั สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
348 คมู อื ครรู ายวิชาเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปท่ี 6 เลม 2 7. วธิ ที ี่ 1 เนือ่ งจากขอ มูลชดุ นมี้ ี 7 ตวั และมีคา เฉล่ียเลขคณิตคือ 81 จะได ผลรวมของขอมูลทงั้ 7 ตัว เปน 7×81 =567 ถา ตัดขอ มลู ออกไป 1 ตัว จะเหลือขอ มลู 6 ตวั และมคี าเฉลยี่ เลขคณิตคือ 78 จะได ผลรวมของขอมลู 6 ตัวท่ีเหลือเปน 6× 78 =468 ดังนน้ั ขอ มลู ทถ่ี กู ตัดออกไปมีคา เทากับ 567 − 468 =99 วธิ ที ี่ 2 สมมตขิ อมูลทถ่ี ูกตดั ออกไปคอื a สว นขอ มูล 6 ตัวทีเ่ หลอื คือ x1, x2, , x6 เน่ืองจากเมอื่ ตดั a ออกไป ขอมลู 6 ตวั ทเี่ หลือมีคาเฉลีย่ เลขคณิตคือ 78 ดงั นัน้ 6 = 78 ∑ xi i =1 6 6 ∑ xi = 468 i =1 แตเน่อื งจากขอ มลู 7 ตวั นี้มีคาเฉลี่ยเลขคณติ คอื 81 6 a + ∑ xi จะได i=1 = 81 7 a + 468 = 81 7 a = 99 ดังนนั้ ขอมูลท่ีถูกตัดออกไปมีคาเทา กับ 99 8. สมมติวาคะแนนสอบยอยวิชาคณติ ศาสตรท้ัง 5 คร้ัง ของนอยหนา เม่ือเรียงจากนอยไปมาก เปน x1, x2 , x3, x4 , x5 เนือ่ งจากมธั ยฐานของขอมูลชดุ นีค้ ือ 87 คะแนน จะได x3 = 87 เนื่องจากฐานนิยมของขอมูลชุดน้ีคอื 80 คะแนน จะได x=1 x=2 80 เนอื่ งจากคาเฉลีย่ เลขคณติ ของขอมูลชดุ นค้ี ือ 86 คะแนน จะได 80 + 80 + 87 + x4 + x5 = 86 5 x4 + x5 = 183 เนื่องจากคะแนนสอบยอยวิชาคณิตศาสตรทั้ง 5 ครั้งของนอยหนาเปนจํานวนเต็ม และ 87 < x4 < x5 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 6 เลม 2 349 จะไดวา x5 มคี า สงู ทส่ี ุดทเี่ ปน ไปได เมอื่ x4 = 88 และจะได x5 = 183−88 = 95 ดังนั้น คะแนนสอบยอ ยท่ีสงู ทีส่ ุดทีเ่ ปน ไปไดข องนอ ยหนาคอื 95 คะแนน แบบฝก หดั 3.3.2 1. เรียงขอมูลจากนอ ยไปมาก ไดดังน้ี 24 28 32 32 36 38 40 42 44 46 54 จะได พสิ ยั ของเวลาที่ใชในการตดิ ต้ังประตูคือ 54 − 24 =30 นาที เน่อื งจาก Q1 อยูในตําแหนงท่ี 11 + 1 = 3 จะได Q1 = 32 4 และ Q3 อยูในตําแหนง ที่ 3(11 + 1) = 9 จะได Q3 = 44 4 ดงั นนั้ พสิ ัยระหวางควอรไ ทลของเวลาที่ใชในการติดตง้ั ประตูคอื 44 − 32 =12 นาที เนอื่ งจากขอ มูลท่กี าํ หนดในโจทยเปนขอมลู ของตัวอยา ง ให xi แทนเวลาท่ใี ชใ นการตดิ ตัง้ ประตูบานท่ี i เมอื่ i ∈{1, 2, 3, ... , 11} และ x แทนคา เฉลยี่ เลขคณิตของเวลาทีใ่ ชในการติดตั้งประตู จะได=x 24 + 28 + 32 + 32 + 36 + 38 + 40 + 42 + 44 + 46 +=54 416 ≈ 37.8 11 11 จากขอมูล จะได xi xi − x ( xi − x )2 24 –13.8 190.44 28 –9.8 96.04 32 –5.8 33.64 32 –5.8 33.64 36 –1.8 3.24 38 0.2 0.04 40 2.2 4.84 42 4.2 17.64 44 6.2 38.44 46 8.2 67.24 54 16.2 262.44 ∑11 ( xi − x )2 =747.64 i=1 สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
350 คมู อื ครรู ายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ช้นั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 6 เลม 2 ดังน้นั สว นเบย่ี งเบนมาตรฐานของเวลาท่ใี ชใ นการติดตั้งประตูคือ 747.64 ≈ 8.65 นาที 11 − 1 และความแปรปรวนของเวลาท่ใี ชใ นการตดิ ตั้งประตูคอื 747.64 = 74.764 นาที2 10 2. 1) เรียงขอมูลในตารางจากนอยไปมาก ไดด ังน้ี 117 337 337 344 444 475 519 522 553 717 933 จะได พิสัยของปริมาณพลังงานของอาหารจานเดียวชุดนี้คือ 933 −117 =816 กิโลแคลอรี เน่อื งจาก Q1 อยูในตาํ แหนงท่ี 11 + 1 = 3 จะได Q1 = 337 4 และ Q3 อยูในตําแหนง ท่ี 3(11 + 1) =9 จะได Q3 = 553 4 ดังนั้น พิสัยระหวางควอรไทลของปริมาณพลังงานของอาหารจานเดียวชุดนี้คือ 553 − 337 =216 กิโลแคลอรี 2) พิสัยระหวางควอรไทลเหมาะสําหรับใชอธิบายลักษณะการกระจายของขอมูลชุดนี้ มากกวาพิสยั เน่ืองจากเมื่อพิจารณาผลตางของขอ มูล 2 ตวั ใด ๆ จะไดวา สว นใหญแลว ขอมูลไมไดตางกันมากถึง 816 กิโลแคลอรี โดยผลตางของขอมูลจะใกลเคียงกับ พิสยั ระหวางควอรไทลท ีค่ าํ นวณได ซง่ึ เทา กบั 216 กิโลแคลอรี 3. เนื่องจากขอมลู ทก่ี ําหนดในโจทยเ ปน ขอ มูลของประชากร ให µ1 และ σ 1 แทนคาเฉล่ียเลขคณิตและสวนเบี่ยงเบนมาตรฐานของอายุของสมาชิก ในครอบครัวน้ใี นปจ จบุ นั ตามลาํ ดบั ให µ2 และ σ 2 แทนคาเฉล่ียเลขคณิตและสวนเบ่ียงเบนมาตรฐานของอายุของสมาชิก ในครอบครัวนีใ้ นอีก 5 ปขางหนา ตามลําดบั จะได µ1 = 45 + 42 + 20 +17 +16 5 = 28 σ1 = (45 − 28)2 + (42 − 28)2 + (20 − 28)2 + (17 − 28)2 + (16 − 28)2 5 = 814 5 สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท ่ี 6 เลม 2 351 σ 1 ≈ 12.76 และ σ 2 = 814 1 5 = 162.8 ดังน้ัน สวนเบ่ียงเบนมาตรฐานของอายุของสมาชิกในครอบครัวนี้มีคาประมาณ 12.76 ป และความแปรปรวนของอายุของสมาชกิ ในครอบครวั นคี้ ือ 162.8 ป2 และจะได µ2 = (45 + 5) + (42 + 5) + (20 + 5) + (17 + 5) + (16 + 5) 5 = 33 และ σ2 = (50 − 33)2 + (47 − 33)2 + (25 − 33)2 + (22 − 33)2 + (21 − 33)2 5 = 814 5 ≈ 12.76 ดังน้ัน สวนเบี่ยงเบนมาตรฐานของอายุของสมาชิกในครอบครัวนี้ในอีก 5 ปขางหนา มคี าประมาณ 12.76 ป จะเห็นวาในอีก 5 ปขางหนา สวนเบี่ยงเบนมาตรฐานของอายุของสมาชิกในครอบครัวนี้ ยังคงเทากับสว นเบี่ยงเบนมาตรฐานของอายขุ องสมาชิกในครอบครวั นีใ้ นปจจุบนั 4. เรยี งขอมลู จากนอ ยไปมาก ไดดังนี้ 870 1,236 1,423 1,458 1,506 1,633 1,664 จะได พสิ ยั ของขอ มลู ชุดนีค้ ือ 1,664 − 870 =794 ราย เนอื่ งจาก Q1 อยใู นตําแหนง ที่ 7+1 = 2 จะได Q1 = 1, 236 4 และ Q3 อยใู นตาํ แหนง ที่ 3(7 +1) = 6 จะได Q3 = 1,633 4 ดงั นน้ั พิสัยระหวางควอรไทลของขอมลู ชดุ นค้ี อื 1,633 −1,236 =397 ราย เนอื่ งจากขอมูลท่กี ําหนดในโจทยเปน ขอ มลู ของประชากร ให xi แทนจํานวนผูบ าดเจบ็ รวมตั้งแต พ.ศ. 2556 – 2558 ในวนั ท่ี i ของชวง 7 วนั อนั ตราย ของเทศกาลปใหม เม่อื i ∈{1, 2, 3, ... , 7} และ µ แทนคา เฉลี่ยเลขคณติ ของขอ มูลชดุ นี้ สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
352 คูม อื ครรู ายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ช้นั มัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 จะได µ = 870 +1, 236 +1, 423 +1, 458 +1,506 +1,633 +1,664 = 7 ≈ 9, 790 จากขอ มลู จะได 7 1,398.57 xi xi − µ ( xi − µ )2 870 –528.57 279,386.24 1,236 –162.57 26,429.00 1,423 24.43 596.82 1,458 59.43 3,531.92 1,506 107.43 11,541.20 1,633 234.43 54,957.42 1,664 265.43 70,453.08 ∑7 ( xi − µ )2 ≈ 446,895.68 i=1 ดังน้นั สวนเบย่ี งเบนมาตรฐานของขอมลู ชุดนคี้ อื 446,895.68 ≈ 252.67 ราย 7 5. สัมประสิทธิ์การแปรผันของคะแนนสอบวิชาคณิตศาสตรของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปที่ 6 หอง 1 คอื 4.8 ≈ 0.066 73.2 และสัมประสิทธ์ิการแปรผนั ของคะแนนสอบวิชาคณติ ศาสตรข องนักเรยี นชั้นมัธยมศึกษาปท ่ี 6 หอง 2 คือ 3.6 ≈ 0.069 52.4 เน่ืองจากสัมประสิทธิ์การแปรผันของคะแนนสอบวิชาคณิตศาสตรของนักเรียนชั้น มัธยมศึกษาปท่ี 6 หอง 2 มากกวาสัมประสิทธิ์การแปรผันของคะแนนสอบวิชาคณิตศาสตร ของนักเรียนช้นั มธั ยมศกึ ษาปท่ี 6 หอ ง 1 เพียงเล็กนอ ย สรุปไดวาคะแนนสอบวิชาคณิตศาสตรของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษาปที่ 6 หอง 2 มีการ กระจายมากกวา คะแนนสอบวชิ าคณติ ศาสตรข องนกั เรยี นชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 6 หอ ง 1 เพียง เล็กนอย หรือกลาวไดวาคะแนนสอบวิชาคณิตศาสตรของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ี่ 6 เลม 2 353 หอง 1 เกาะกลุมกันมากกวาคะแนนสอบวิชาคณิตศาสตรของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 หอง 2 เพียงเล็กนอย 6. เนอ่ื งจากขอมูลทีก่ าํ หนดในโจทยเ ปน ขอมลู ของประชากร ให xi และ yi แทนอณุ หภูมิสูงสุดและอุณหภมู ิต่าํ สดุ ของจังหวดั ขอนแกน ใน พ.ศ. 2548 + i เมอ่ื i ∈{1, 2, 3, ... , 10} ตามลําดบั µ x และ µ y แทนคาเฉลี่ยเลขคณิตของอุณหภูมิสูงสุดและอุณหภูมิตํ่าสุดของจังหวัด ขอนแกน ต้งั แต พ.ศ. 2549 – 2558 ตามลาํ ดบั และ σ x และ σ y แทนสว นเบีย่ งเบนมาตรฐานของอณุ หภูมสิ งู สุดและอณุ หภมู ติ ํา่ สดุ ของ จงั หวัดขอนแกน ตงั้ แต พ.ศ. 2549 – 2558 ตามลาํ ดับ จะได µx = 39.3 + 41.1 + 38.5 + 39.6 + 41.2 + 39.3 + 39.0 + 41.8 + 40.5 + 41.0 10 = 40.13 และ µy = 12.0 +12.6 +11.9 +10.2 +13.5 +11.6 +15.0 +11.6 +10.2 +11.6 10 = 12.02 จากขอ มลู จะได xi − µ x 2 ( )xi xi − µ x 39.3 –0.83 0.69 41.1 0.97 0.94 38.5 –1.63 2.66 39.6 –0.53 0.28 41.2 1.07 1.14 39.3 –0.83 0.69 39.0 –1.13 1.28 41.8 1.67 2.79 40.5 0.37 0.14 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
354 คูม อื ครรู ายวชิ าเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 6 เลม 2 xi − µ x 2 ( )xi xi − µ x 41.0 0.87 0.76 ∑( )10 xi − µ x 2 ≈ 11.37 i=1 และ yi − µ y 2 ( )yi yi − µ y 12.0 –0.02 0.00 12.6 0.58 0.34 11.9 –0.12 0.01 10.2 –1.82 3.31 13.5 1.48 2.19 11.6 –0.42 0.18 15.0 2.98 8.88 11.6 –0.42 0.18 10.2 –1.82 3.31 11.6 –0.42 0.18 ∑( )10 yi − µ y 2 ≈ 18.58 i=1 ดงั น้นั σ x ≈ 11.37 ≈ 1.07 และ σy ≈ 18.58 ≈ 1.36 10 10 จะได สัมประสิทธ์ิการแปรผันของอุณหภูมิสูงสุดของจังหวัดขอนแกน ตั้งแต พ.ศ. 2549 – 2558 คอื 1.07 ≈ 0.03 40.13 และสัมประสิทธิ์การแปรผันของอุณหภูมิต่ําสุดของจังหวัดขอนแกน ต้ังแต พ.ศ. 2549 – 2558 คอื 1.36 ≈ 0.11 12.02 เนื่องจากสัมประสิทธิ์การแปรผันของอุณหภูมิสูงสุดของจังหวัดขอนแกน ต้ังแต พ.ศ. 2549 – 2558 นอยกวาสัมประสิทธ์ิการแปรผันของอุณหภูมิตํ่าสุดของจังหวัดขอนแกน ตั้งแต พ.ศ. 2549 – 2558 สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวิชาเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปที่ 6 เลม 2 355 สรุปไดวาอุณหภูมสิ ูงสุดของจงั หวัดขอนแกน ตั้งแต พ.ศ. 2549 – 2558 มีการกระจายนอยกวา อุณหภูมิตํ่าสุดของจังหวัดขอนแกน หรือกลาวไดวาอุณหภูมิสูงสุดของจังหวัดขอนแกน ต้งั แต พ.ศ. 2549 – 2558 เกาะกลุมกนั มากกวาอุณหภมู ติ ่ําสดุ ของจงั หวดั ขอนแกน แบบฝกหัด 3.3.3 1. 1) เรยี งขอ มูลจากนอยไปมาก ไดด ังน้ี 12.00 12.00 19.00 25.20 30.00 36.00 39.00 40.00 84.00 136.00 240.00 300.00 500.00 720.00 779.20 เนอ่ื งจาก Q1 อยูในตาํ แหนง ท่ี 15 +1 = 4 จะได Q1 = 25.20 4 Q2 อยใู นตําแหนง ท่ี 2(15 +1) =8 จะได Q2 = 40.00 4 และ Q3 อยใู นตําแหนง ท่ี 3(15 +1) = 12 จะได Q3 = 300.00 4 ดังนั้น ควอรไทลที่ 1 ควอรไทลท่ี 2 และควอรไทลที่ 3 ของขอมูลชุดน้ี คือ 25.20, 40.0 และ 300.00 เมกะวัตต ตามลาํ ดับ 2) กําลังผลิตท่ีมีโรงไฟฟาพลังน้ําเขื่อนขนาดใหญจํานวนครึ่งหนึ่งมีกําลังผลิตนอยกวา คือ Q2 ซึ่งเทา กบั 40.00 เมกะวัตต 3) เนอ่ื งจาก Q3 = 300.00 ดังนั้น โรงไฟฟาพลังน้ําเข่ือนขนาดใหญท่ีมีกําลังผลิตมากกวาควอรไทลท่ี 3 คือ เขอ่ื นภูมพิ ล เขื่อนสิรกิ ิติ์ และเข่ือนศรีนครินทร 2. 1) เรยี งขอมลู จากนอ ยไปมาก ไดดังนี้ 289 304 305 311 313 324 324 329 341 342 345 353 เนือ่ งจาก Q1 อยใู นตาํ แหนงที่ 12 +1 = 3.25 4 ดังนั้น Q1 อยูระหวางขอมูลในตําแหนงท่ี 3 และ 4 ซึ่งมีคาอยูระหวาง 305 และ 311 ในการหา Q1 จะใชการเทียบบัญญตั ไิ ตรยางศ ดงั น้ี สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
356 คูม อื ครรู ายวชิ าเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 6 เลม 2 เน่ืองจากขอมูลในตําแหนงท่ี 3 และ 4 มีตําแหนงตางกัน 4 − 3 =1 มีคาตางกัน 311− 305 =6 จะไดว า ตําแหนง ตา งกัน 3.25 − 3 =0.25 มีคา ตางกนั 0.25× 6 = 1.5 1 ดังนั้น Q1 = 305 +1.5 = 306.5 เน่อื งจาก Q3 อยูในตาํ แหนงท่ี 3(12 +1) = 9.75 4 ดังนน้ั Q3 อยรู ะหวา งขอ มูลในตําแหนง ท่ี 9 และ 10 ซ่ึงมคี า อยูระหวา ง 341 และ 342 ในการหา Q3 จะใชการเทยี บบัญญัตไิ ตรยางศ ดงั นี้ เน่ืองจากขอมูลในตําแหนงที่ 9 และ 10 มีตําแหนงตางกัน 10 − 9 =1 มีคาตางกัน 342 − 341 =1 จะไดวา ตาํ แหนงตา งกนั 9.75 − 9 =0.75 มคี าตางกนั 0.75 ×1 = 0.75 1 ดงั นน้ั Q3 =341+ 0.75 =341.75 จะไดวาควอรไทลท่ี 1 และควอรไทลท่ี 3 ของขอมูลชุดนี้ คือ 306.5 และ 341.75 คน ตามลําดบั 2) เน่ืองจาก Q1 = 306.5 ดังน้ัน เดือนที่มีจํานวนทารกแรกเกิดนอยกวาควอรไทลท่ี 1 คือ เดือนมกราคม กุมภาพนั ธ และพฤศจิกายน 3) เนือ่ งจาก Q3 = 341.75 ดังนั้น เดือนที่มีจํานวนทารกแรกเกิดมากกวาควอรไทลท่ี 3 คือ เดือนเมษายน กรกฎาคม และกนั ยายน 3. 1) เรียงระยะเวลาต้ังทองเฉลี่ยของสัตวเลี้ยงลูกดวยนํ้านม 10 ชนิดน้ีจากนอยไปมาก ไดดังน้ี 100 105 166 201 238 330 365 406 425 660 เน่ืองจาก P20 อยใู นตาํ แหนงท่ี 20(10 +1) = 2.2 100 ดงั นน้ั P20 อยรู ะหวางขอ มลู ในตาํ แหนง ท่ี 2 และ 3 ซ่ึงมีคา อยูร ะหวาง 105 และ 166 ในการหา P20 จะใชก ารเทียบบญั ญัตไิ ตรยางศ ดังนี้ สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวิชาเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปท ่ี 6 เลม 2 357 เน่ืองจากขอมูลในตําแหนงที่ 2 และ 3 มีตําแหนงตางกัน 3 − 2 =1 มีคาตางกัน 166 −105 =61 จะไดว าตาํ แหนงตา งกนั 2.2 − 2 =0.2 มคี าตา งกนั 0.2× 61 = 12.2 1 ดงั นั้น P20 =105 +12.2 =117.2 เน่ืองจาก P80 อยูใ นตาํ แหนงท่ี 80(10 +1) = 8.8 100 ดังนน้ั P80 อยรู ะหวางขอมูลในตําแหนงท่ี 8 และ 9 ซง่ึ มคี า อยูระหวา ง 406 และ 425 ในการหา P80 จะใชการเทยี บบัญญตั ไิ ตรยางศ ดังน้ี เนื่องจากขอมูลในตําแหนงที่ 8 และ 9 มีตําแหนงตางกัน 9 − 8 =1 มีคาตางกัน 425 − 406 =19 จะไดว าตาํ แหนง ตางกัน 8.8 − 8 =0.8 มคี า ตางกัน 0.8 ×19 = 15.2 1 ดังนน้ั P80 = 406 +15.2 = 421.2 จะไดวา เปอรเซ็นไทลท ่ี 20 และเปอรเ ซ็นไทลท่ี 80 ของระยะเวลาต้ังทอ งเฉล่ียของสัตว เล้ยี งลูกดวยนาํ้ นม 10 ชนิดนี้ คอื 117.2 และ 421.2 วัน ตามลําดับ 2) เรียงอายขุ ยั เฉล่ยี ของสตั วเล้ยี งลูกดวยน้ํานม 10 ชนดิ น้ีจากนอ ยไปมาก ไดดงั น้ี 8 10 12 15 15 15 16 20 35 41 เนอื่ งจาก P20 อยใู นตําแหนง ที่ 20(10 +1) = 2.2 100 ดงั น้ัน P20 อยรู ะหวา งขอ มลู ในตําแหนง ท่ี 2 และ 3 ซึ่งมคี า อยูระหวา ง 10 และ 12 ในการหา P20 จะใชก ารเทยี บบัญญัตไิ ตรยางศ ดงั น้ี เนื่องจากขอมูลในตําแหนงท่ี 2 และ 3 มีตําแหนงตางกัน 3 − 2 =1 มีคาตางกัน 12 −10 =2 จะไดว า ตําแหนงตา งกัน 2.2 − 2 =0.2 มคี าตา งกัน 0.2× 2 = 0.4 1 ดังนั้น P20 =10 + 0.4 =10.4 เนื่องจาก P80 อยูในตําแหนงที่ 80(10 +1) = 8.8 100 ดังนนั้ P80 อยรู ะหวา งขอมลู ในตาํ แหนงที่ 8 และ 9 ซ่ึงมีคาอยูร ะหวา ง 20 และ 35 ในการหา P80 จะใชการเทียบบญั ญตั ไิ ตรยางศ ดังนี้ สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
358 คูม ือครูรายวชิ าเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ่ี 6 เลม 2 เนื่องจากขอมูลในตําแหนงท่ี 8 และ 9 มีตําแหนงตางกัน 9 − 8 =1 มีคาตางกัน 35 − 20 =15 จะไดวาตาํ แหนงตางกัน 8.8 − 8 =0.8 มีคาตางกัน 0.8×15 = 12 1 ดงั นน้ั P80 = 20 +12 = 32 จะไดวาเปอรเซ็นไทลท่ี 20 และเปอรเซ็นไทลที่ 80 ของอายุขัยเฉล่ียของสัตวเล้ียงลูก ดว ยน้ํานม 10 ชนิดนี้ คอื 10.4 และ 32 ป ตามลําดบั 3) สัตวท่ีมีระยะเวลาตั้งทองเฉลี่ยมากกวาเปอรเซ็นไทลท่ี 80 คือ สัตวที่มีระยะเวลา ตง้ั ทองเฉล่ียมากกวา 421.2 วนั ซงึ่ ไดแ ก ยีราฟและชา ง สัตวท่ีมีอายุขัยเฉลี่ยนอยกวาเปอรเซ็นไทลท ี่ 20 คือ สัตวท่ีมีอายุขัยเฉลี่ยนอยกวา 10.4 ป ซึง่ ไดแ ก กวางและยรี าฟ ดงั นน้ั สวนสัตวแหงนจ้ี ะเลือกเพ่มิ จํานวนยีราฟ ชา ง และกวาง 4. เรียงคะแนนสอบวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6/2 จากนอยไปมาก ไดดังนี้ 27 31 35 37 43 49 49 54 55 56 57 59 60 61 61 64 67 68 70 70 73 73 74 77 78 78 78 82 86 88 เนอื่ งจาก P90 อยูในตําแหนง ท่ี 90(30 +1) = 27.9 100 ดังนนั้ P90 อยูระหวา งขอมลู ในตาํ แหนงที่ 27 และ 28 ซง่ึ มคี าอยูร ะหวา ง 78 และ 82 ในการหา P90 จะใชการเทยี บบัญญัติไตรยางศ ดงั น้ี เนื่องจากขอมูลในตําแหนงท่ี 27 และ 28 มีตําแหนงตางกัน 28 − 27 =1 มีคาตางกัน 82 − 78 =4 จะไดวา ตําแหนงตางกัน 27.9 − 27 =0.9 มคี าตา งกัน 0.9× 4 = 3.6 1 ดังนนั้ P90 =78 + 3.6 =81.6 จะไดวาเปอรเซ็นไทลท่ี 90 ของคะแนนสอบวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียนช้ันมัธยมศึกษา ปท ี่ 6/2 คือ 81.6 คะแนน สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปท่ี 6 เลม 2 359 จากตัวอยางที่ 24 จะได เปอรเซ็นไทลท่ี 80 ของคะแนนสอบวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียน ช้นั มัธยมศกึ ษาปที่ 6/1 คือ 81.6 คะแนน ดังนั้น ขอสรุปที่วา “เปอรเซ็นไทลที่ 90 ของคะแนนสอบวิชาภาษาอังกฤษของนักเรียน ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6/2 มากกวาเปอรเซ็นไทลที่ 80 ของคะแนนสอบวิชาภาษาอังกฤษของ นักเรียนชนั้ มัธยมศึกษาปท ่ี 6/1” ไมเปน จรงิ 5. 1) คาเฉลี่ยเลขคณิตของเงินเดือนของพนักงานใหมแรกบรรจุท่ีมีวุฒิปริญญาตรี คือ 298, 924 ≈ 15,732.84 บาท 19 สวนเบี่ยงเบนมาตรฐานของเงินเดือนของพนักงานใหมแรกบรรจุท่ีมีวุฒิปริญญาตรี มคี าประมาณ 1,984.83 บาท สัมประสิทธิ์การแปรผันของเงินเดือนของพนักงานใหมแรกบรรจุที่มีวุฒิปริญญาตรี คอื 1,984.83 ≈ 0.13 15, 732.84 คาเฉลี่ยเลขคณิตของเงินเดือนของพนักงานใหมแรกบรรจุท่ีมีวุฒิปริญญาโท/เอก คอื 594,163 ≈ 29,708.15 บาท 20 สวนเบี่ยงเบนมาตรฐานของเงินเดือนของพนักงานใหมแรกบรรจุทีม่ วี ุฒิปริญญาโท/เอก มีคาประมาณ 11,625.01 บาท สมั ประสทิ ธก์ิ ารแปรผนั ของเงินเดือนของพนักงานใหมแรกบรรจทุ ี่มวี ุฒปิ รญิ ญาโท/เอก คือ 11,625.01 ≈ 0.39 29, 708.15 เน่ืองจากสัมประสิทธิ์การแปรผันของเงินเดือนของพนักงานใหมแรกบรรจุท่ีมี วุฒิปริญญาตรีนอยกวาสัมประสิทธ์ิการแปรผันของเงินเดือนของพนักงานใหมแรก บรรจทุ ่ีมีวุฒปิ ริญญาโท/เอก ดังน้ัน เงินเดือนของพนักงานใหมแรกบรรจุท่ีมีวุฒิปริญญาตรีมีการกระจายนอยกวา เงินเดือนของพนกั งานใหมแ รกบรรจทุ ่ีมวี ฒุ ิปรญิ ญาโท/เอก สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
360 คูมือครรู ายวชิ าเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี 6 เลม 2 2) เรียงขอมูลเงินเดือนของพนักงานใหมแรกบรรจุท่ีมีวุฒิปริญญาโท/เอก จากนอยไปมาก ไดดงั นี้ 18,028 19,940 20,957 21,050 21,342 22,643 23,125 23,454 23,823 24,163 26,555 26,686 28,677 30,879 32,505 33,050 37,871 39,526 56,807 63,082 เนอื่ งจาก P30 อยใู นตําแหนงท่ี 30(20 +1) = 6.3 100 ดังนั้น ตําแหนงของพนักงานใหมแรกบรรจุที่มีวุฒิปริญญาโท/เอก ท่ีไดเงินเดือน นอยกวาเปอรเซ็นไทลที่ 30 ไดแก ตําแหนงเจาพนักงานการเงินและบัญชี เจาหนาที่ บัญชี และเจาหนาที่การเงิน ตําแหนงนักวิเคราะหนโยบายและแผน และนักวางแผน ตําแหนงนักทรัพยากรบุคคล เจาหนาที่ฝกอบรม เจาหนาที่ทรัพยากรบุคคล และ เจาหนาท่ีวิเทศสัมพันธ ตําแหนงนักประชาสัมพันธ และเจาหนาที่ประชาสัมพันธ ตําแหนงนักวิชาการคอมพิวเตอร และนักเขียนโปรแกรม และตําแนงเศรษฐกร และ นกั เศรษฐศาสตร แบบฝก หัดทา ยบท 1. 1) ยอดชาํ ระ ความถี่ ความถ่ีสมั พทั ธ ความถสี่ ะสมสมั พัทธ เงิน (บาท) สะสม ตํ่ากวา 100 ความถ่ี สดั สว น รอ ยละ สัดสวน รอยละ 2 100 – 199 2 2 = 0.04 4 0.04 4 4 6 50 8 0.12 12 200 – 299 11 22 0.34 34 13 17 4 = 0.08 26 0.60 60 300 – 399 14 50 28 0.88 88 5 30 10 0.98 98 400 – 499 11 = 0.22 44 50 500 – 599 49 13 = 0.26 50 14 = 0.28 50 5 = 0.10 50 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปท ่ี 6 เลม 2 361 ยอดชําระ ความถ่ี ความถ่ี ความถ่ีสัมพทั ธ ความถส่ี ะสมสัมพทั ธ เงิน (บาท) สะสม สัดสว น รอ ยละ สัดสว น รอ ยละ 600 – 699 1 50 1 = 0.02 2 1.00 100 50 2) ลูกคามยี อดชาํ ระเงนิ อยใู นอันตรภาคชนั้ 400 – 499 มากท่ีสดุ 3) ลูกคาท่ีมียอดชําระเงินต่ํากวา 100 บาท มี 2 คน ซึ่งมีจํานวนมากกวาลูกคาท่ีมียอด ชําระเงนิ ตง้ั แต 600 – 699 บาท ซ่งึ มีเพยี ง 1 คน 4) ลูกคาท่ีมียอดชําระเงินต้ังแต 400 บาทข้ึนไป คิดเปนรอยละ 28 +10 + 2 =40 ของ จาํ นวนลกู คา 50 คนนี้ 5) ลูกคาที่มียอดชําระเงินตั้งแต 200 บาท แตนอยกวา 500 บาท คิดเปนรอยละ 88 −12 =76 ของจาํ นวนลูกคา 50 คนนี้ 2. 1) ความถ่ี ปริมาณฟลอู อไรด (x) 0 ≤ x < 0.5 15 0.5 ≤ x < 1 7 1 ≤ x < 1.5 4 1.5 ≤ x < 2 1 x≥2 3 จากตารางความถี่ อาจสรุปไดวาย่ีหอน้ําดื่มบรรจุขวดที่มีปริมาณฟลูออไรดอยูในชวง ต้ังแต 0 แตนอยกวา 0.5 มิลลิกรัมตอลิตร มีจํานวนมากท่ีสุด รองลงมาคือชวงตั้งแต 0.5 แตนอ ยกวา 1 มลิ ลิกรัมตอลติ ร สวนชว งตัง้ แต 1.5 แตน อยกวา 2 มิลลกิ รัมตอ ลติ ร เปน ชว งทม่ี ีจาํ นวนย่ีหอ น้ําดมื่ บรรจขุ วดนอ ยท่ีสดุ โดยมีเพียงยห่ี อเดยี ว 2) จํานวนย่ีหอน้ําด่ืมบรรจุขวดที่มีปริมาณฟลูออไรดตั้งแต 2 มิลลิกรัมตอลิตรขึ้นไป คดิ เปน รอ ยละ 3 ×100 =10 ของจํานวนยี่หอน้าํ ดม่ื บรรจุขวดท่สี ํารวจทัง้ หมด 30 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
362 คูมือครูรายวิชาเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ช้ันมัธยมศกึ ษาปท่ี 6 เลม 2 3. จากโจทย กําหนดจํานวนอันตรภาคชั้นเทากับ 5 ช้ัน คาเร่ิมตนคือ 0 มิลลิเมตร และ คา สดุ ทายคอื 510 มิลลเิ มตร สามารถเขยี นตารางความถี่ไดดงั น้ี 1. คาํ นวณความกวางของอันตรภาคชน้ั ไดดังน้ี คาสุดทา ย – คาเร่มิ ตน 5=10 − 0 102 จาํ นวนอนั ตรภ=าคช้ัน 5 ดงั น้นั ความกวา งของอันตรภาคชนั้ คือ 102 มลิ ลิเมตร 2. กําหนดอันตรภาคช้ันในรูปชวง โดยแบงเปน 5 ช้ัน พรอมท้ังหาจํานวนขอมูลท้ังหมด ทีอ่ ยูในแตละอันตรภาคช้ัน จะไดตารางความถ่ี ดังน้ี ปริมาณนาํ้ ฝนรายเดอื น (x) ความถ่ี 0 ≤ x < 102 19 102 ≤ x < 204 9 204 ≤ x < 306 5 306 ≤ x < 408 2 408 ≤ x < 510 1 จากตารางความถ่ี อาจสรุปไดว า ตงั้ แต พ.ศ. 2554 – 2556 ปรมิ าณนํ้าฝนรายเดือนของ จังหวดั ระยองในชว งตง้ั แต 0 แตนอยกวา 102 มลิ ลเิ มตร มีความถ่ีสูงท่ีสุด รองลงมาคอื ชวงต้ังแต 102 แตนอยกวา 204 มิลลิเมตร สวนชวงตั้งแต 408 แตนอยกวา 510 มิลลิเมตร มีความถ่ีต่าํ ทส่ี ุด 4. 1) เกรด ความถี่ (คน) 48 3 13 2 10 1 12 02 2) นกั เรียนหองนีไ้ ดเ กรด 3 มากทสี่ ดุ สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวชิ าเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปท่ี 6 เลม 2 363 3) นักเรียนท่ีไดต้ังแตเกรด 3 ขึ้นไป คิดเปนรอยละ 8 +13 ×100 ≈ 46.67 ของจํานวน 45 นักเรียนท้งั หมด 5. 1) จากโจทย กาํ หนดจํานวนอันตรภาคช้ันเทา กับ 5 ชัน้ คา เร่ิมตนคอื 0 ช้ิน และคา สดุ ทา ย คอื 25 ชน้ิ สามารถเขยี นตารางความถีไ่ ดด ังนี้ 1. คาํ นวณความกวางของอันตรภาคช้ัน ไดดงั น้ี คาสดุ ทาย – คา เรม่ิ ตน 2=5 − 0 5 จํานวนอันตรภา=คชั้น 5 ดังนั้น ความกวา งของอันตรภาคชนั้ คือ 5 ชน้ิ 2. จะไดตารางความถขี่ องขอมลู เปน ดงั น้ี จาํ นวนสนิ คา ขอบลา ง – ขอบบน ความถ่ี 0–4 –0.5 – 4.5 8 5–9 4.5 – 9.5 15 10 – 14 9.5 – 14.5 3 15 – 19 14.5 – 19.5 3 20 – 24 19.5 – 24.5 1 2) จากขอมูลสามารถเขยี นฮสิ โทแกรมไดดังนี้ จาํ นวนคน 16 14 12 10 8 6 4 2 จาํ นวนสินคา (ชน้ิ ) -0.5 4.5 9.5 14.5 19.5 24.5 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
364 คูม ือครรู ายวิชาเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ช้นั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 6 เลม 2 3) จากขอมูลสามารถเขยี นแผนภาพจุดไดด ังน้ี 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15 16 17 18 19 20 21 22 23 24 4) เรียงขอ มูลจากนอ ยไปมาก ไดด ังนี้ 2233344455 5566777888 9 9 9 12 13 14 15 16 19 22 จากโจทย มขี อ มลู 30 ตวั มคี า ต่าํ สุดคอื 2 และคาสูงสุดคอื 22 หา Q1, Q2 และ Q3 ไดด งั นี้ เน่อื งจาก Q1 อยใู นตาํ แหนงที่ 30 + 1 = 7.75 4 ดงั นั้น Q1 = 4 เนอ่ื งจาก Q2 อยูในตําแหนงท่ี 2(30 +1) = 15.5 ดังนั้น Q2 = 7 4 เนอ่ื งจาก Q3 อยใู นตําแหนง ที่ 3(30 +1) = 23.25 4 ดงั น้ัน Q3 อยรู ะหวางขอ มูลในตําแหนงที่ 23 และ 24 ซ่ึงมคี าอยูระหวา ง 9 และ 12 ในการหา Q3 จะใชก ารเทยี บบัญญตั ิไตรยางศ ดงั นี้ เนือ่ งจากขอ มลู ในตาํ แหนงท่ี 23 และ 24 มีตาํ แหนงตางกัน 24 − 23 =1 มีคา ตา งกัน 12 − 9 =3 จะไดว า ตําแหนง ตางกัน 23.25 − 23 =0.25 มคี าตา งกนั 0.25× 3 = 0.75 1 ดังนน้ั Q3 =9 + 0.75 =9.75 สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 6 เลม 2 365 จะไดวาควอรไทลท่ี 1 ควอรไทลที่ 2 และควอรไทลท่ี 3 ของจํานวนสินคา คือ 4, 7 และ 9.75 ชน้ิ ตามลําดับ หาคานอกเกณฑไดดงั น้ี แทน Q1 และ Q3 ดวย 4 และ 9.75 ตามลาํ ดับ ใน Q1 −1.5(Q3 − Q1 ) จะได 4 −1.5(9.75 − 4) =− 4.625 แทน Q1 และ Q3 ดว ย 4 และ 9.75 ตามลําดับ ใน Q3 +1.5(Q3 − Q1 ) จะได 9.75 +1.5(9.75 − 4) =18.375 จากขอ มลู ไมม ีขอมูลทีน่ อยกวา −4.625 แตม ี 19 และ 22 ทีม่ ากกวา 18.375 ดังน้นั คา นอกเกณฑ คอื 19 และ 22 จากขอมลู สามารถเขียนแผนภาพกลองไดดังน้ี 0 2 4 6 8 10 12 14 16 18 20 22 24 6. 1) จาํ นวนนกั เรยี นที่จาํ คาํ ศพั ทไ ดมากกวา 92 คํา คดิ เปนรอยละ 7 + 3 + 2 + 3 ×100 ≈ 33.33 ของจํานวนนักเรียนทง้ั หมด 45 2) จาํ นวนนกั เรียนทจี่ ําคําศพั ทไดมากกวา 70 คํา แตไมเกิน 80 คํา คิดเปนรอ ยละ 1+ 2 + 4 + 6 + 2 ×100 ≈ 33.33 ของจํานวนนักเรียนทง้ั หมด 45 3) จากฮิสโทแกรม จะไดวาจํานวนคําศัพททีน่ ักเรียนจํานวนมากทีส่ ุดจําไดอยูในชวง 92 – 94 คํา สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
366 คูมือครูรายวิชาเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท ่ี 6 เลม 2 7. 1) เขียนตารางความถี่ที่แสดงขอบลางของช้ันและขอบบนของช้ันของแตละอันตรภาคช้ัน ของผลการทดสอบการอา นภาษาไทยของนกั เรียนช้นั ประถมศึกษาปท่ี 1/1 ไดด ังน้ี คะแนน ขอบลา ง – ขอบบน จาํ นวนนักเรยี น ชน้ั ประถมศึกษาปท่ี 1/1 20 – 22 19.5 – 22.5 1 17 – 19 16.5 – 19.5 8 14 – 16 13.5 – 16.5 12 11 – 13 10.5 – 13.5 15 8 – 10 7.5 – 10.5 11 5–7 4.5 – 7.5 3 เขียนฮิสโทแกรมแสดงผลการทดสอบการอานภาษาไทยของนักเรียนช้ันประถมศึกษา ปท ่ี 1/1 ไดด ังนี้ จํานวนนักเรยี น (คน) 16 14 12 10 8 6 4 2 คะแนน 0 4.5 7.5 10.5 13.5 16.5 19.5 22.5 สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูม ือครูรายวชิ าเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที่ 6 เลม 2 367 2) เขียนตารางความถี่ที่แสดงขอบลางของชั้นและขอบบนของช้ันของแตละอันตรภาคชั้น ของผลการทดสอบการอานภาษาไทยของนกั เรยี นชัน้ ประถมศกึ ษาปท่ี 1/2 ไดดงั น้ี คะแนน ขอบลา ง – ขอบบน จํานวนนกั เรยี น ชน้ั ประถมศึกษาปที่ 1/2 20 – 22 19.5 – 22.5 0 17 – 19 16.5 – 19.5 11 14 – 16 13.5 – 16.5 28 11 – 13 10.5 – 13.5 11 8 – 10 7.5 – 10.5 0 5–7 4.5 – 7.5 0 เขียนฮิสโทแกรมแสดงผลการทดสอบการอานภาษาไทยของนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปท ี่ 1/2 ไดดงั นี้ จาํ นวนนักเรียน (คน) 28 26 24 22 20 18 16 14 12 10 8 6 4 2 คะแนน 0 4.5 7.5 10.5 13.5 16.5 19.5 22.5 สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
368 คูมือครูรายวิชาเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 6 เลม 2 3) เมื่อพิจารณาฮิสโทแกรมของนักเรียนทั้งสองหอง พบวา คะแนนของนักเรียนช้ัน ประถมศึกษาปท่ี 1/1 มีการกระจายมากกวาคะแนนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปท่ี 1/2 เน่ืองจากความกวางของแทงของฮิสโทแกรมของนักเรียนทั้งสองหองเทากัน แตจํานวนแทงของฮิสโทแกรมของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที่ 1/1 มีมากกวาจํานวน แทงของฮิสโทแกรมของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปที่ 1/2 โดยที่คะแนนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปท่ี 1/1 อยูในชวง 5 – 22 คะแนน และคะแนนของนักเรียนชั้น ประถมศกึ ษาปที่ 1/2 อยใู นชวง 11 – 19 คะแนน 8. 1) ขอ มลู มที ั้งหมด 20 ตัว เน่อื งจาก Q1 อยูใ นตําแหนง ที่ 20 +1 = 5.25 4 ดงั นนั้ Q1 อยูระหวา งขอมูลในตาํ แหนง ท่ี 5 และ 6 ซึง่ มีคา อยรู ะหวา ง 7 และ 8 ในการหา Q1 จะใชก ารเทียบบัญญตั ไิ ตรยางศ ดังนี้ เน่ืองจากขอมูลในตําแหนงท่ี 5 และ 6 มีตําแหนงตางกัน 6 − 5 =1 มีคาตางกัน 8 − 7 =1 จะไดวาตาํ แหนงตา งกนั 5.25 − 5 =0.25 มคี าตางกัน 0.25×1 = 0.25 1 ดังน้ัน Q1 =7 + 0.25 =7.25 เนอื่ งจาก Q2 อยใู นตําแหนงท่ี 2(20 +1) = 10.5 ดังนัน้ Q2 = 8 4 เนอ่ื งจาก Q3 อยใู นตาํ แหนง ที่ 3(20 +1) = 15.75 ดงั น้ัน Q3 = 9 4 จะไดวาควอรไทลท่ี 1 ควอรไทลที่ 2 และควอรไทลที่ 3 ของขอมูลชุดน้ี คือ 7.25, 8 และ 9 คะแนน ตามลําดบั 2) แทน Q1 และ Q3 ดวย 7.25 และ 9 ตามลําดับ ใน Q1 −1.5(Q3 − Q1 ) จะได 7.25 −1.5(9 − 7.25) =4.625 สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวชิ าเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศึกษาปท่ี 6 เลม 2 369 แทน Q1 และ Q3 ดวย 7.25 และ 9 ตามลําดับ ใน Q3 +1.5(Q3 − Q1 ) จะได 9 +1.5(9 − 7.25) =11.625 จากขอ มลู มี 1 และ 3 ทนี่ อยกวา 4.625 แตไ มม ีขอ มูลท่ีมากกวา 11.625 ดงั นัน้ คานอกเกณฑ คอื 1 และ 3 3) จากขอมลู สามารถเขียนแผนภาพกลองไดด ังน้ี 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 จากแผนภาพกลอง จะเห็นวาขอมูลในชวง 5 ถึง 7.25 มีการกระจายมากท่ีสุด รองลงมาคือชวง 8 ถึง 9 และชวง 9 ถึง 10 สวนชวง 7.25 ถึง 8 มีการกระจาย นอยที่สดุ 9. เปนไปไมไดที่แผนภาพกลอง (3) จะแสดงคะแนนเฉลี่ยจากการสอบทั้งสองครั้งของนักเรยี น แตละคนในกลุมน้ี เนื่องจากถาแผนภาพกลอง (3) แสดงคะแนนเฉลี่ยจากการสอบท้ังสองคร้งั ของนักเรียนแตละคนในกลุมนี้ จะไดวามีนักเรียนท่ีไดคะแนนเฉล่ียจากการสอบท้ังสองครั้ง เปน 80 คะแนน แตจากแผนภาพกลอง จะเห็นวาคะแนนสูงสดุ จากการสอบครัง้ ที่ 2 คือ 80 คะแนน และคะแนนสูงสุดจากการสอบคร้ังที่ 1 คือ 70 คะแนน ดังน้ัน คะแนนเฉลี่ยจาก การสอบทั้งสองครง้ั ของนักเรยี นแตละคนจะตอ งไมเ กิน 80 + 70 = 75 คะแนน 2 10. เม่ือพิจารณาจากฮิสโทแกรม จะไดวาลักษณะการกระจายของขอมูลชุดน้ีคลายกับ การแจกแจงสมมาตร และมธั ยฐานหรอื Q2 ควรมีคา ประมาณ 15,000 บาท ดังน้ัน แผนภาพกลอ งทไ่ี ดจากฮิสโทแกรมดังกลาวคอื แผนภาพกลอง ข สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
ํจานวนสาย ัพน ุธ ืพช ตอ ้ืพนท่ี 0.04 ตารางเมตร370 คมู อื ครรู ายวิชาเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ่ี 6 เลม 2 11. จากแผนภาพการกระจาย จะเห็นวาเมื่อจํานวนเว็บเพจท่ีลูกคาเยี่ยมชมมากขึ้น จํานวนเงิน ทล่ี กู คา สงั่ ซ้ือสนิ คา จะมแี นวโนม มากข้ึนดวย ดังนั้น จํานวนเงินที่ลูกคาส่ังซ้ือสินคาและจํานวนเว็บเพจท่ีลูกคาเยี่ยมชมมีความสัมพันธใน ทิศทางเดยี วกัน 12. จากขอ มูลสามารถเขยี นแผนภาพการกระจายไดด งั นี้ 20 18 16 14 12 10 8 6 4 2 0 0.2 0.4 0.6 0.8 1.0 1.2 1.4 1.6 1.8 2.0 ความสงู จากระดบั น้าํ ทะเลปานกลาง (กิโลเมตร) จากแผนภาพการกระจาย จะเห็นวาเม่ือความสูงจากระดับน้ําทะเลปานกลางมากขึ้น จํานวนสายพันธพุ ืชตอพนื้ ที่ 0.04 ตารางเมตร จะมแี นวโนม ลดลง ดังน้ัน จํานวนสายพันธุพืชตอพ้ืนท่ี 0.04 ตารางเมตร และความสูงจากระดับน้ําทะเล ปานกลางมีความสัมพนั ธใ นทิศทางตรงกนั ขา ม สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวชิ าเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ช้นั มัธยมศึกษาปท ่ี 6 เลม 2 371 13. 1) สายการบนิ D ตรงเวลาท่ีสุด และสายการบนิ J ไมต รงเวลามากทส่ี ุด 2) สายการบิน I เกิดเหตุการณที่กระเปาเดินทางสูญหายมากท่ีสุด และสายการบิน A เกิดเหตกุ ารณท่กี ระเปา เดนิ ทางสูญหายนอ ยทีส่ ดุ 3) ขอสรุปท่ีวา “สายการบิน J เกิดเหตุการณกระเปาเดินทางสญู หายบอยกวาสายการบนิ B ประมาณ 2 เทา” ไมเปนจริง เน่ืองจากสายการบิน J มีจํานวนคร้ังของการเกิด เหตุการณกระเปาเดินทางสูญหายอยูระหวาง 7 – 8 ครั้งตอผูโดยสาร 1,000 คน แตสายการบิน B มีจํานวนครั้งของการเกิดเหตุการณกระเปาเดินทางสูญหาย อยูระหวาง 5 – 6 ครั้งตอผูโดยสาร 1,000 คน ดังนั้น สายการบิน J มีจํานวนคร้ังของการเกิดเหตุการณกระเปาเดินทางสูญหาย มากกวาสายการบนิ B ไมถ งึ 2 เทา 4) ขอสรุปที่วา “สายการบินท่ีเกิดเหตุการณกระเปาเดินทางสูญหายบอย มีแนวโนม ท่ีจะตรงเวลา” ไมเปนจริง โดยจากแผนภาพการกระจาย จะเห็นวาเมื่อจํานวนครั้งของ การเกิดเหตุการณกระเปาเดินทางสูญหายมากขึ้น รอยละของเที่ยวบินตรงเวลา จะมีแนวโนม ลดลง ดังนั้น จํานวนครั้งของการเกิดเหตุการณกระเปาเดินทางสูญหายและรอยละของ เทีย่ วบินตรงเวลามคี วามสัมพนั ธใ นทศิ ทางตรงกันขา ม 14. ขอ มลู ชดุ ก คาเฉล่ยี เลขคณิต = 5(5) + 3(6) + 2(7) + 2(8) + 2(9) + 2(10) ขอ มูลชดุ ข 16 = 6.9375 มธั ยฐาน = 6 + 7 2 = 6.5 ฐานนิยม = 5 คาเฉลยี่ เลขคณติ = 4(1) + 3(2) + 2(3) + 4 + 30 11 ≈ 4.55 มธั ยฐาน = 2 สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
372 คูมอื ครูรายวิชาเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 ฐานนิยม = 1 15. 1) ขอ มูลชุด ก คา เฉลย่ี เลขคณติ = 2 + 2(3) + 3(5) + 2(7) + 8 +10 + 2(14) +19 13 ≈ 7.85 มธั ยฐาน = 7 ฐานนยิ ม = 5 ขอมูลชุด ข คาเฉล่ียเลขคณติ = 0.9 +1.2 +1.7 + 2.1+ 2.5 + 2.8 + 3.2 + 3.3 + 3.7 + 4.8 + 5.7 11 = 2.9 มัธยฐาน = 2.8 ขอมลู ชดุ นไี้ มมฐี านนยิ ม ขอมลู ชุด ค คา เฉลีย่ เลขคณิต = 59 + 73 + 82 + 87 + 87 + 90 6 ≈ 79.67 มธั ยฐาน = 82 + 87 2 = 84.5 ฐานนยิ ม = 87 2) ขอ มลู ชุด ก พสิ ยั = 19 − 2 = 17 ขอมลู ชุด ก มี 13 ตัว เน่ืองจาก Q1 อยูในตําแหนงที่ 13 +1 = 3.5 4 ดังนน้ั Q1 คือคา เฉลีย่ เลขคณิตของขอ มลู ในตาํ แหนง ท่ี 3 และ 4 ซง่ึ คอื 3+5 = 4 2 สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวิชาเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 373 เนือ่ งจาก Q3 อยูในตาํ แหนง ที่ 3(13 +1) = 10.5 4 ดงั น้ัน Q3 คอื คาเฉล่ยี เลขคณิตของขอ มลู ในตาํ แหนงที่ 10 และ 11 ซ่ึงคอื 10 +14 = 12 2 จะได พิสยั ระหวางควอรไ ทล = 12 − 4 = 8 ให xi แทนขอมลู ชุด ก ตวั ท่ี i เมอื่ i ∈{1, 2, 3, ... , 13} และ x แทนคา เฉลยี่ เลขคณติ ของขอ มูลชุด ก จาก 1) จะไดว า x ≈ 7.85 จากขอมูลชุด ก จะได xi xi − x ( xi − x )2 2 –5.85 34.22 3 –4.85 23.52 3 –4.85 23.52 5 –2.85 8.12 5 –2.85 8.12 5 –2.85 8.12 7 –0.85 0.72 7 –0.85 0.72 8 0.15 0.02 10 2.15 4.62 14 6.15 37.82 14 6.15 37.82 19 11.15 124.32 ∑13 ( xi − x )2 ≈ 311.66 i=1 ดังนัน้ สวนเบ่ยี งเบนมาตรฐานของขอ มลู ชดุ ก คือ 311.66 ≈ 5.10 13 −1 และความแปรปรวนของขอ มลู ชดุ ก คือ 311.66 ≈ 25.97 12 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
374 คมู อื ครรู ายวิชาเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปที่ 6 เลม 2 ขอ มลู ชุด ข พสิ ยั = 5.7 − 0.9 = 4.8 ขอมลู ชดุ ข มี 11 ตัว เน่อื งจาก Q1 อยใู นตาํ แหนง ที่ 11 + 1 = 3 ดังน้ัน Q1 = 1.7 4 และ Q3 อยใู นตําแหนง ท่ี 3(11 + 1) =9 ดังนั้น Q3 = 3.7 4 จะได พสิ ัยระหวางควอรไทล = 3.7 −1.7 = 2 ให yi แทนขอมลู ชุด ข ตัวที่ i เม่อื i ∈{1, 2, 3, ... , 11} และ y แทนคา เฉลี่ยเลขคณติ ของขอมูลชดุ ข จาก 1) จะไดว า y = 2.9 จากขอมูลชดุ ข จะได yi yi − y ( yi − y )2 0.9 –2.0 4.00 1.2 –1.7 2.89 1.7 –1.2 1.44 2.1 –0.8 0.64 2.5 –0.4 0.16 2.8 –0.1 0.01 3.2 0.3 0.09 3.3 0.4 0.16 3.7 0.8 0.64 4.8 1.9 3.61 5.7 2.8 7.84 ∑11 ( yi − y )2 =21.48 i=1 ดงั นั้น สว นเบยี่ งเบนมาตรฐานของขอมลู ชดุ ข คอื 21.48 ≈ 1.47 11 −1 และความแปรปรวนของขอ มลู ชุด ข คอื 21.48 = 2.15 10 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครูรายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 375 ขอมูลชุด ค พิสยั = 90 − 59 = 31 ขอมลู ชุด ค มี 6 ตัว เนอ่ื งจาก Q1 อยใู นตําแหนง ท่ี 6 +1 = 1.75 4 ดังน้ัน Q1 อยูระหวางขอมูลในตําแหนงที่ 1 และ 2 ซงึ่ มีคาอยูระหวาง 59 และ 73 ในการหา Q1 จะใชการเทยี บบญั ญตั ิไตรยางศ ดงั น้ี เนื่องจากขอมูลในตําแหนงท่ี 1 และ 2 มีตําแหนงตางกัน 2 −1 =1 มีคาตางกัน 73 − 59 =14 จะไดว า ตําแหนง ตางกัน 1.75 −1 =0.75 มีคา ตา งกนั 0.75×14 = 10.5 1 ดงั นน้ั Q1 =59 +10.5 =69.5 เน่อื งจาก Q3 อยูในตําแหนง ที่ 3(6 +1) = 5.25 4 ดังน้นั Q3 อยูระหวา งขอ มูลในตําแหนงที่ 5 และ 6 ซ่ึงมีคา อยูระหวาง 87 และ 90 ในการหา Q3 จะใชการเทียบบัญญัตไิ ตรยางศ ดงั นี้ เน่ืองจากขอมูลในตําแหนงที่ 5 และ 6 มีตําแหนงตางกัน 6 − 5 =1 มีคาตางกัน 90 − 87 =3 จะไดว าตาํ แหนง ตา งกนั 5.25 − 5 =0.25 มีคา ตางกนั 0.25× 3 = 0.75 1 ดังนั้น Q3 =87 + 0.75 =87.75 จะได พสิ ยั ระหวา งควอรไทล = 87.75 − 69.5 = 18.25 ให zi แทนขอมลู ชุด ค ตัวท่ี i เมอื่ i ∈{1, 2, 3, 4, 5, 6} และ z แทนคา เฉลีย่ เลขคณิตของขอมลู ชดุ ค จาก 1) จะไดว า z ≈ 79.67 จากขอมูลชดุ ค จะได zi zi − z ( zi − z )2 59 –20.67 427.25 73 –6.67 44.49 82 2.33 5.43 สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
376 คมู อื ครูรายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท ี่ 6 เลม 2 zi zi − z ( zi − z )2 87 7.33 53.73 87 7.33 53.73 90 10.33 106.71 ∑6 ( zi − z )2 ≈ 691.34 i=1 ดังน้นั สว นเบยี่ งเบนมาตรฐานของขอมลู ชุด ค คือ 691.34 ≈ 11.76 6 −1 และความแปรปรวนของขอมูลชดุ ค คือ 691.34 ≈ 138.27 5 3) ขอมูลชุด ก มสี มั ประสิทธ์กิ ารแปรผนั คอื 5.10 ≈ 0.65 7.85 ขอ มูลชดุ ข มสี มั ประสทิ ธ์กิ ารแปรผัน คือ 1.47 ≈ 0.51 2.9 และขอ มูลชดุ ค มีสมั ประสิทธิก์ ารแปรผนั คือ 11.76 ≈ 0.15 79.67 เนอ่ื งจากขอ มูลชุด ก มีสมั ประสทิ ธกิ์ ารแปรผนั มากกวา ขอมูลชุด ข และ ค ดังนน้ั ขอมูลชุด ก มกี ารกระจายมากทีส่ ดุ 16. ให a, b, c และ d แทนคะแนนสอบวิชาภาษาไทย คณิตศาสตร ภาษาอังกฤษ และ คอมพวิ เตอรของศริ วิ ทิ ย ตามลําดับ เนื่องจากคาเฉล่ียเลขคณิตของคะแนนสอบของวิชาคณิตศาสตรและภาษาไทยเทากับ 21.5 คะแนน นั่นคือ a + b = 21.5 จะได a + b =43 − − −(1) 2 เนือ่ งจากคา เฉลีย่ เลขคณิตของคะแนนสอบของวิชาภาษาอังกฤษและคอมพวิ เตอรเ ทากับ 28.5 คะแนน นน่ั คือ c + d = 28.5 จะได c + d =57 − − −(2) 2 จาก (1) และ (2) จะได a + b + c + d =100 ดงั นัน้ คาเฉลย่ี เลขคณิตของคะแนนสอบทง้ั สี่วชิ านคี้ อื 100 = 25 คะแนน 4 สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวชิ าเพิ่มเตมิ คณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปท ่ี 6 เลม 2 377 17. เนอ่ื งจากคา เฉลยี่ เลขคณติ ของอายนุ ักเรียน = ผลรวมของอายขุ องนกั เรยี น จาํ นวนนักเรียน จะได ผลรวมของอายนุ กั เรยี นช้ันมัธยมศกึ ษาปท่ี 3 =15×60 =900 ป ผลรวมของอายนุ กั เรยี นชัน้ มธั ยมศกึ ษาปที่ 4 =17×50 = 850 ป ผลรวมของอายุนักเรียนชั้นมธั ยมศึกษาปท ่ี 5 =18× 40 =720 ป ดังนั้น คาเฉล่ยี เลขคณิตของอายนุ กั เรียนชน้ั มธั ยมศึกษาปที่ 3 – 5 ของโรงเรียนแหงน้ีคอื 900 + 850 + 720 ≈ 16.47 ป 60 + 50 + 40 18. 1) การหาเกรดเฉลี่ยคือการหาคาเฉล่ียเลขคณิตถวงน้ําหนัก โดยท่ีขอมูลคือเกรดของ แตละวิชาและนา้ํ หนกั ของแตละขอ มูลคือหนวยกติ ของแตละวชิ า ดังน้นั เกรดเฉล่ยี = ผลรวมของผลคณู ของหนว ยกิตและเกรดของแตล ะวชิ า ผลรวมของหนวยกติ จากผลการเรียนภาคเรียนสุดทายของนักเรียนคนนี้จะสามารถหาผลรวมของผลคูณ ของหนว ยกิตและเกรดของแตล ะวิชา และผลรวมของหนวยกิต ไดดงั นี้ ชอ่ื วชิ า หนวยกติ เกรด หนวยกิต × เกรด ภาษาไทย 6 1.0 3.5 3.5 คณิตศาสตร 6 1.0 3 3 สงั คมศกึ ษา 6 0.5 4 2 พระพทุ ธศาสนา 6 0.5 4 2 ศลิ ปะ 5 0.5 3 1.5 เครือขา ยและโครงงานคอมพิวเตอร 0.5 2.5 1.25 ภาษาอังกฤษ 6 1.0 4 4 เสริมทกั ษะภาษาไทย 2 1.0 3.5 3.5 วทิ ยาศาสตรเ พ่ิม 2 0.5 2 1 ชีวิตกับสขุ ภาพ 3 0.5 4 2 กฬี ากับสุขภาพ 3 0.5 4 2 สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
378 คมู ือครรู ายวิชาเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปท่ี 6 เลม 2 ชอื่ วิชา หนว ยกิต เกรด หนวยกิต × เกรด ภาษาญ่ีปนุ 6 3.0 4 12 ภาษาอังกฤษเพือ่ การส่ือสาร 6 0.5 3.5 1.75 ภาษาอังกฤษเพอื่ การอาน – เขยี น 6 1.0 4 4 ภาษาอังกฤษรอบรู 6 1.0 4 4 รวม 13.0 - 47.5 ดงั นนั้ เกรดเฉล่ียของภาคเรียนสุดทา ยของนักเรยี นคนนีค้ อื 47.5 ≈ 3.65 13.0 2) เนื่องจาก เกรดเฉลยี่ ของ 5 ภาคเรยี น = ผลรวมของผลคูณของหนว ยกติ และเกรดเฉล่ียของแตละภาคเรียนจาํ นวน 5 ภาคเรยี น ผลรวมของหนว ยกติ ของทง้ั 5 ภาคเรยี น จะได ผลรวมของผลคณู ของหนว ยกติ และเกรดเฉลีย่ ของแตล ะภาคเรยี นจาํ นวน 5 ภาคเรยี น 3.75 = 75.0 ดังน้ัน ผลรวมของผลคูณของหนวยกิตและเกรดเฉลี่ยของแตละภาคเรียนจํานวน 5 ภาคเรยี น คอื 3.75× 75.0 =281.25 เนอื่ งจากเกรดเฉลี่ยของทงั้ 6 ภาคเรยี น = ผลรวมของผลคณู ของหนวยกิตและเกรดของแตล ะวิชาของภาคเรยี นท่ี 6 + ผลรวมของผลคณู ของหนวยกิตและเกรดเฉลีย่ ของแตล ะภาคเรยี นจํานวน 5 ภาคเรยี น ผลรวมของหนวยกติ ของทงั้ 6 ภาคเรยี น ดังน้นั เกรดเฉลยี่ ของทั้ง 6 ภาคเรียนของนกั เรยี นคนน้ีคอื 47.5 + 281.25 ≈ 3.74 13.0 + 75.0 19. สมมติวาขอมลู ชดุ นี้เมอ่ื เรยี งจากมากไปนอ ยคอื a, b, c, d, e เน่ืองจากขอ มลู 2 ตวั สุดทาย คอื 102 และ 99 ตามลาํ ดบั จะได d = 102 และ e = 99 เน่อื งจากคา เฉลยี่ เลขคณติ ของจาํ นวนเตม็ 5 จาํ นวนนี้ คอื 360 จะได a + b + c +102 + 99 = 360 5 a + b + c = 1,599 สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ช้ันมธั ยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 379 a = 1,599 − b − c เนอ่ื งจากขอมลู ชุดนเี้ รยี งจากมากไปนอยคือ a, b, c, 102, 99 ดังนั้น a มีคามากทส่ี ุดทเี่ ปนไปได เมือ่ b= c= 102 จะได a = 1,599 −102 −102 = 1,395 ดังนัน้ คาทม่ี ากท่ีสุดท่ีเปน ไปไดข องขอ มลู ชุดนีค้ อื 1,395 20. สมมตวิ าขอมลู ชดุ นเี้ มื่อเรียงจากนอยไปมากคือ a, b, c, d, e เนอื่ งจากมธั ยฐานของขอมลู ชดุ นี้คือ 5 จะได c = 5 เน่อื งจากพิสยั ของขอ มลู ชุดนค้ี อื 5 จะได e − a =5 นน่ั คอื e= a + 5 เน่ืองจากคาเฉลี่ยเลขคณิตของขอมลู ชุดนี้คอื 5 จะได a + b + 5 + d + (a + 5) = 5 5 2a + b + d = 15 ถา a ≥ 4 จะได b + d ≤ 7 ซึ่งเปน ไปไมไ ด เน่ืองจาก 4 ≤ b ≤ d ดังนั้น a < 4 เน่ืองจากฐานนิยมของขอ มูลชดุ นค้ี ือ 5 ดงั นน้ั ขอมูลทม่ี ีคาเทากับ 5 จะตองมคี วามถ่อี ยา งนอย 2 ถา b= d= 5 จะได 2a = 5 ดงั นั้น a = 2.5 ซึง่ เปน ไปไมได เนอื่ งจาก a เปน จํานวนเตม็ ดงั น้ัน จะมเี พียงตวั ใดตวั หน่ึงใน b และ d ทเี่ ทา กบั 5 กรณี 1 b = 5 เน่อื งจาก a < 4 จะไดว า a อาจเปน 1, 2 หรือ 3 สมมติวา a = 1 เนื่องจาก e= a + 5 จะได e = 6 และเนื่องจาก b = 5 และ 2a + b + d =15 จะได d = 8 ซึ่งเปนไปไมไ ด เน่ืองจาก d ≤ e สมมติวา a = 2 เนื่องจาก e= a + 5 จะได e = 7 และเนื่องจาก b = 5 และ 2a + b + d =15 จะได d = 6 ดงั นน้ั 2, 5, 5, 6, 7 เปนชดุ ขอ มูลหนง่ึ ที่เปน ไปได สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
380 คมู อื ครูรายวชิ าเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2 สมมตวิ า a = 3 เน่ืองจาก e= a + 5 จะได e = 8 และเนอื่ งจาก b = 5 และ 2a + b + d =15 จะได d = 4 ซ่งึ เปนไปไมได เนือ่ งจาก b ≤ d กรณี 2 d = 5 เนอ่ื งจาก a < 4 จะไดวา a อาจเปน 1, 2 หรอื 3 สมมติวา a = 1 เน่อื งจาก e= a + 5 จะได e = 6 และเนื่องจาก d = 5 และ 2a + b + d =15 จะได b = 8 ซ่ึงเปนไปไมไ ด เนื่องจาก b ≤ c สมมตวิ า a = 2 เนอ่ื งจาก e= a + 5 จะได e = 7 และเน่ืองจาก d = 5 และ 2a + b + d =15 จะได b = 6 ซึง่ เปนไปไมได เนื่องจาก b ≤ c สมมติวา a = 3 เนือ่ งจาก e= a + 5 จะได e = 8 และเนื่องจาก d = 5 และ 2a + b + d =15 จะได b = 4 ดังน้ัน 3, 4, 5, 5, 8 เปนชุดขอ มูลหนึง่ ทเ่ี ปน ไปได ดังน้ัน ชุดของขอ มูลที่เปนไปไดท้ังหมด คอื 2, 5, 5, 6, 7 และ 3, 4, 5, 5, 8 21. 1) เรียงขอ มูลจากนอยไปมาก ไดด งั น้ี 30 65 67 75 75 78 80 85 90 92 125 ขอมูลชดุ นี้มี 11 ตัว เนอ่ื งจาก Q1 อยูในตาํ แหนง ท่ี 11+1 = 3 ดงั น้ัน Q1 = 67 4 Q2 อยูในตําแหนง ท่ี 2(11+1) = 6 ดงั นั้น Q2 = 78 4 และ Q3 อยใู นตําแหนง ที่ 3(11+1) = 9 ดงั นัน้ Q3 = 90 4 ดังนั้น ควอรไทลท่ี 1 ควอรไทลที่ 2 และควอรไทลที่ 3 ของขอมูลชุดน้ี คือ 67, 78 และ 90 ช้นิ ตามลาํ ดับ สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครูรายวิชาเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศึกษาปท่ี 6 เลม 2 381 2) พสิ ยั ของขอมูลชดุ นี้ คือ 125 − 30 =95 ชน้ิ พิสัยระหวางควอรไทลข องขอ มลู ชุดน้ี คือ 90 − 67 =23 ชิ้น เน่ืองจากเม่ือพิจารณาผลตางของขอมูล 2 ตัวใด ๆ จะไดวาสวนใหญแลวขอมูลไมได ตางกันมากถึง 95 ชิ้น โดยผลตางของขอมูลจะใกลเคียงกับพิสัยระหวางควอรไทล ทคี่ ํานวณได ซ่งึ เทา กบั 23 ชิน้ ดังนั้น พิสัยระหวางควอรไทลเหมาะสําหรับใชอธิบายการกระจายของขอมูลชุดนี้ มากกวา พสิ ยั 3) เนอ่ื งจา=ก P25 Q=1, P50 และQ2 P75 = Q3 ดังน=ั้น P25 6=7, P50 78 และ P75 = 90 เน่อื งจาก P90 อยูในตาํ แหนงท่ี 90 (11 + 1) = 10.8 100 ดังนัน้ P90 อยูระหวา งขอมูลในตาํ แหนงที่ 10 และ 11 ซ่งึ มีคาอยูระหวาง 92 และ 125 ในการหา P90 จะใชก ารเทียบบญั ญตั ไิ ตรยางศ ดังนี้ เน่ืองจากขอ มลู ในตําแหนง ที่ 10 และ 11 มีตาํ แหนง ตางกัน 11−10 =1 มีคา ตางกัน 125 − 92 =33 จะไดว า ตําแหนงตางกัน 10.8 −10 =0.8 มคี า ตา งกนั 0.8 × 33 = 26.4 1 ดงั นน้ั P90 =92 + 26.4 =118.4 ดังน้ัน เปอรเซ็นไทลท่ี 25 เปอรเซ็นไทลท่ี 50 เปอรเซ็นไทลที่ 75 และเปอรเซ็นไทลที่ 90 ของขอมลู ชุดนี้ คือ 67, 78, 90 และ 118.4 ชน้ิ ตามลาํ ดับ 22. 1) จากขอมลู สามารถเขียนแผนภาพลําตนและใบไดด ังนี้ นักกีฬาบาสเกตบอลชาย นักกฬี าบาสเกตบอลหญงิ 15 3 4 7 16 0 1 3 6 7 8 8 8 9 6 5 17 0 1 1 2 2 4 5 9 8 5 3 1 0 0 0 18 1 2 8 8 6 5 5 5 0 0 19 6 20 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
382 คูมือครูรายวิชาเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ่ี 6 เลม 2 2) จากแผนภาพในขอ 1) จะเห็นวาขอมูลความสูงของนักกีฬาบาสเกตบอลชายและหญิง ไมมขี อ มูลใดท่มี ีคา แตกตา งจากขอ มูลตัวอืน่ ในแตล ะชุดมาก ดังนน้ั จึงควรใชค าเฉลย่ี เลขคณติ เปน ตวั แทนของขอ มลู แตล ะชุด 3) คาเฉลี่ยเลขคณิตของความสูงของนักกีฬาบาสเกตบอลชายคือ 3,759 = 187.95 20 เซนตเิ มตร จะไดว า มีนกั กฬี าบาสเกตบอลชายทีส่ ูงมากกวาคาเฉลี่ยเลขคณติ อยู 11 คน ดังนั้น นักกีฬาบาสเกตบอลชายท่ีสูงมากกวาคาเฉล่ียเลขคณิตคิดเปนรอยละ 11 ×100 =55 ของจาํ นวนนกั กฬี าบาสเกตบอลชายทั้งหมด 20 23. เน่ืองจากขอ มูลทีก่ าํ หนดในโจทยเ ปนขอ มลู ของตัวอยาง ให xi และ yi แทนเวลาที่ใชในการอานหนังสือในหนึ่งวันของนักเรียนหอง 1 และ หอง 2 คนที่ i เม่อื i ∈{1, 2, 3, ... , 10} ตามลาํ ดับ x และ y แทนคาเฉล่ียเลขคณิตของเวลาท่ีใชในการอานหนังสือในหนึ่งวันของ นกั เรยี นหอง 1 และหอ ง 2 ทส่ี ุมมา ตามลําดบั และ sx และ sy แทนสวนเบ่ียงเบนมาตรฐานของเวลาท่ีใชในการอานหนังสือในหนึ่งวัน ของนักเรยี นหอ ง 1 และหอง 2 ที่สมุ มา ตามลําดบั จะได= x 3=54 35.4 และ=y 5=01 50.1 10 10 จากขอมลู จะได xi xi − x ( xi − x )2 0 –35.4 1,253.16 20 –15.4 237.16 30 –5.4 29.16 42 6.6 43.56 35 –0.4 0.16 82 46.6 2,171.56 54 18.6 345.96 28 –7.4 54.76 สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมอื ครรู ายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ี่ 6 เลม 2 383 xi xi − x ( xi − x )2 0 –35.4 63 27.6 1,253.16 761.76 และ yi − y –5.1 ∑10 ( xi − x )2 =6,150.4 yi –10.1 45 11.9 i=1 40 –40.1 62 –26.1 ( yi − y )2 10 –35.1 24 –20.1 26.01 15 9.9 102.01 30 44.9 141.61 60 69.9 1,608.01 95 681.21 120 1,232.01 404.01 98.01 2,016.01 4,886.01 ∑10 ( yi − y )2 =11,194.9 i=1 =ดงั นน้ั sx 6,150.4 ≈ 26.1=4 และ sy 11,194.9 ≈ 35.27 10 −1 10 −1 ดงั น้นั สัมประสิทธก์ิ ารแปรผนั ของเวลาที่ใชใ นการอานหนังสือในหนึ่งวนั ของนกั เรียนหอง 1 คือ 26.14 ≈ 0.74 35.4 และสัมประสิทธ์ิการแปรผันของเวลาที่ใชในการอานหนังสือในหนึ่งวันของนักเรียนหอง 2 คอื 35.27 ≈ 0.70 50.1 เนื่องจากสัมประสิทธิ์การแปรผันของเวลาท่ีใชในการอานหนังสือในหนึ่งวันของนักเรียน หอง 1 มากกวานักเรียนหอง 2 ดังนั้น เวลาที่ใชในการอานหนังสือในหนึ่งวันของนักเรียนท่ีสุมมา 10 คน จากหอง 1 มีการ กระจายมากกวา เวลาที่ใชใ นการอานหนังสอื ในหน่ึงวนั ของนกั เรียนท่สี ุม มา 10 คน จากหอ ง 2 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
384 คมู อื ครรู ายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ช้ันมธั ยมศึกษาปท่ี 6 เลม 2 24. 1) มัธยฐานของจํานวนลกู เกดท่ีใสในขนมปง แตล ะอนั ของรานท่ี 1 คอื 30 เมด็ และมัธยฐานของจํานวนลกู เกดท่ีใสใ นขนมปงแตละอนั ของรานท่ี 2 คือ 31 เม็ด 2) จากแผนภาพกลองของรา นท่ี 1 จะได Q3 = 31 ดังน้ัน ขนมปงจากรานที่ 1 ที่มีจํานวนลูกเกดนอยกวา 31 เม็ด คิดเปนรอยละ 75 ของ ขนมปงที่ซ้ือจากรานท่ี 1 ท้งั หมด 3) จากแผนภาพกลองของรานที่ 2 จะไดวาควอรไทลท่ี 3 ของจํานวนลูกเกดที่ใสใน ขนมปง แตล ะอันทีซ่ ้อื จากรา นท่ี 2 คือ 33 เม็ด 4) อรรถฤทธิ์ควรซ้ือขนมปงลูกเกดจากรานที่ 1 เนื่องจากเม่ือพิจารณาจากแผนภาพกลอง จะเหน็ วาแผนภาพกลองของรานท่ี 1 มีความกวางนอยกวารา นที่ 2 มาก ดงั นัน้ จาํ นวนลูกเกดในขนมปง แตละอันของรา นท่ี 1 ใกลเ คยี งกนั มากกวา รา นที่ 2 5) อรรถฤทธิ์ควรซ้ือขนมปงลูกเกดจากรานท่ี 2 เน่ืองจากมีจํานวนขนมปงของรานที่ 2 ประมาณรอยละ 25 ที่มีจํานวนลูกเกดมากกวาขนมปงของรานที่ 1 นอกจากน้ี ยังมีแนวโนมสูงวามีจํานวนขนมปงของรานที่ 2 ไมถึงรอยละ 25 ท่ีมีจํานวนลูกเกด นอ ยกวา ขนมปงของรานท่ี 1 25. วธิ ที ่ี 1 สมมตคิ าขนมของมานี ชูใจ และปต ิ คอื a, b และ c บาท ตามลําดับ เนอ่ื งจากคา เฉล่ยี เลขคณติ ของคาขนมของทง้ั สามคน คือ 50 บาท และสว นเบย่ี งเบนมาตรฐานของคาขนมของทั้งสามคน คอื 0 บาท จะได (a − 50)2 + (b − 50)2 + (c − 50)2 = 0 3 (a − 50)2 + (b − 50)2 + (c − 50)2 =0 แตเ น่อื งจาก (a − 50)2 ≥ 0, (b − 50)2 ≥ 0 และ (c − 50)2 ≥ 0 จะได (a − 50)2 = (b − 50)2 = (c − 50)2 = 0 a − 50 = b − 50 = c − 50 = 0 ดังนนั้ a = b = c = 50 สมมติคาขนมของมานะคอื d บาท เนอ่ื งจากคาเฉลย่ี เลขคณติ ของคาขนมของทัง้ สีค่ น คอื 45 บาท จะได 50 + 50 + 50 + d = 45 4 สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 471
Pages: