บทที่ 3 | เวกเตอร 152 คมู ือครูรายวิชาเพิม่ เติมคณติ ศาสตร ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 1 จุดมงุ หมาย แบบฝก หดั ทายบทขอที่ 2. หาผลลพั ธข องการบวก การลบเวกเตอร และการคณู เวกเตอร 23 1) – 3) ดว ยสเกลาร 27* 3 1) – 6) 3. หาผลคูณเชิงสเกลาร 4 5 1) – 3) 6 7 8 9 10 12 1), 2)*, 3), 4)* 13 14 15 18* 19* 21* 1) – 2) 22 3)* 26* 24 1) – 4) 25 1) – 4) 26* 27* สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 3 | เวกเตอร 153 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท่ี 5 เลม 1 จุดมงุ หมาย แบบฝก หดั ทา ยบทขอ ท่ี 4. หาผลคูณเชิงเวกเตอร 5. นาํ ความรูเ กย่ี วกับเวกเตอรไ ปใชใ นการแกปญหา 28 โจทยท า ทาย 29 30 31 32 34 1) – 8) 35 36 37 11 1) – 3) 38 39 40 41 42 33 หมายเหตุ แบบฝกหัดทายบทขอ 12. 2), 12. 4), 18, 19, 21, 22. 3), 26 และ 27 สอดคลองกับ จดุ มุงหมายของบทเรยี นมากกวา 1 จุดมุง หมาย สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เวกเตอร 154 คูม ือครรู ายวชิ าเพ่มิ เติมคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 1 3.5 ความรเู พ่ิมเติมสาํ หรับครู • แนวคิดในการหาผลบวกของเวกเตอรในระบบพิกดั ฉากสองมิติ เปนดงั น้ี ให a, b, c และ d เปน จาํ นวนจริงใด ๆ โดยท่ี a ≥ 0, b ≥ 0, c ≥ 0 และ d ≥ 0 u = a และ v = c เปนเวกเตอรในระบบพกิ ัดฉากสองมิติ ดังรปู b d จากรปู จะได u + v =ba + c + d นน่ั คอื a + c =ba ++ c b d d สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 3 | เวกเตอร 155 คูมือครูรายวิชาเพ่มิ เตมิ คณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปที่ 5 เลม 1 • แนวคดิ ในการหาผลคูณของเวกเตอรด วยสเกลารในระบบพิกดั ฉากสองมิติ เปนดงั นี้ ให a, b และ k เปนจํานวนจรงิ ใด ๆ โดยที่ a ≥ 0, b ≥ 0 และ k > 1 u = a และ k u = c เปน เวกเตอรในระบบพิกัดฉากสองมิติ ดังรปู b d พิจารณารปู โดยใชร ปู สามเหลี่ยมคลาย จะได c= d= kuu= k b a ดงั นั้น c = ka และ d = k b จะได =k u =dc k a k b นนั่ คอื k a = k a b k b (ในกรณีท่ี k ≤ 1 สามารถใชแนวคดิ ของรูปสามเหลีย่ มคลายขางตน แสดงไดใ นทํานอง เดยี วกนั ) สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 3 | เวกเตอร 156 คมู อื ครูรายวชิ าเพม่ิ เตมิ คณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที่ 5 เลม 1 • ทฤษฎีบทเก่ียวกับเร่ืองเวกเตอร ที่ไมไดแสดงการพิสูจนในหนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 1 บทที่ 3 เวกเตอร แสดงการพสิ ูจนไ ดด งั นี้ ทฤษฎีบท 2 ให u, v และ w เปนเวกเตอรใด ๆ ในระบบพิกัดฉากสองมิติหรือสามมิติ และ a เปน 1ส)เกลาuร⋅ vจะ=ไดvว ⋅าu 2) u ⋅ (v + w ) = (u ⋅ v) + (u ⋅ w ) และ (u + v) ⋅ w = (u ⋅ w ) + (v ⋅ w ) (u ⋅ v) = u v u v 3) a ( a ) ⋅ = ⋅ ( a ) 4) 0 ⋅ u =0 5) u ⋅ u =u 2 6) i ⋅i = j⋅ j = k ⋅k =1 และ i⋅ j =i ⋅k = j ⋅k =0 พิสูจน u a2 v b2 ==และuu=w⋅⋅((bbc11i1+i+c+1bc)22ijj)++เ(ปb(น2c1เ+iวกc+2เตc)2อjรj)ใน ระบบพิกดั ฉากสองมติ ิ 2) ให =a1i + j, =b1i + j จะได u ⋅ (v + w ) = a1 (b1 + c1 ) + a2 (b2 + c2 ) = (a1b1 + a1c1 ) + (a2b2 + a2c2 ) = ( ua1⋅bv1 +) +a(2bu2⋅)w+)( a1c1 + a2c2 ) = ( ดงั นัน้ u ⋅ (v + w ) = (u ⋅ v) + (u ⋅ w ) ) + (b1i b)2jj)⋅w⋅ w และ (u + v) ⋅ w = ( aa11i++b1a)2ij + (a2 + + = b2 ( = (a1 + b1 )c1 + (a2 + b2 )c2 = (a1c1 + b1c1 ) + (a2c2 + b2c2 ) = ( ua1⋅cw1+) +a2(cv2 ⋅)w+ )(b1c1 + b2c2 ) = ( ดงั น้นั (u + v) ⋅ w = (u ⋅ w ) + (v ⋅ w ) หมายเหตุ กรณที ่ี u, v และ w เปน เวกเตอรใ นระบบพิกัดฉากสามมิติสามารถ พิสูจนไ ดใ นทาํ นองเดยี วกัน สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 3 | เวกเตอร 157 คูมอื ครูรายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปที่ 5 เลม 1 3) ให =u และ =v เปนเวกเตอรในระบบพกิ ัดฉากสองมิติ a1i + a2 j b1i + b2 j และ a เปนสเกลารใด ๆ = a ⋅ ( + a2 ) ⋅ ( + b2 ) จะได a ⋅(u ⋅ v) a1i j b1i j = a (a1b1 + a2b2 ) = aa1b1 + aa2b2 = ((aa( aau1a))1⋅b)v1i++((aaaa22))bj2 ⋅ ( + b2 ) = b1i j = และ a ⋅ (u ⋅ v) = a ⋅ ( a1i + a2 j ) ⋅ ( b1i + b2 j ) = a (a1b1 + a2b2 ) = aa1b1 + aa2b2 = (uaa1⋅1((iaa+bv1 a) 2+ja)2⋅ (ab2 ) + ( ab2 ) = (ab1 ) i j = ) ดังนน้ั a(u ⋅ v) = (au) ⋅ v = u ⋅(a v) หมายเหตุ กรณที ี่ u และ v เปน เวกเตอรใ นระบบพิกัดฉากสามมติ สิ ามารถ จใพหะสิ ไ=ูจดuน ไดaใ1นiท+าํ aน2อjงเเดปียน วเกวกัน0เต⋅อuรใน=ระ(บ0บiพ+ิก0ัดjฉ)า⋅ก(aส1อiง+มิตa2ิ 4) j ) = (0)a + (0)b ดังนนั้ ⋅ u =0 u =0 0 เปน เวกเตอรใ นระบบพิกดั ฉากสามมติ ิสามารถพสิ จู นไดใ น หมายเหตุ กรณีท่ี ทํานองเดยี วกนั สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เวกเตอร 158 คมู อื ครูรายวชิ าเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 1 6) ใ=ห i =10 , j 0 และ = 0 1 k 0 0 0 1 จะได 1 1 (1)(1) + (0)(0) + (0)(0)= 1 i ⋅i= 0 ⋅ 0= 0 0 0 0 (0)(0) + (1)(1) + (0)(0)= 1 j ⋅ j= 1 ⋅ 1= 0 0 0 0 (0)(0) + (0)(0) + (1)(1)= 1 k ⋅k= 0 ⋅ 0= ดงั นน้ั 1 1 i ⋅i = j ⋅ j = k ⋅k =1 และ 1 0 (1)(0) + (0)(1) + (0)(0)= 0 i ⋅ j= 0 ⋅ 1= 0 0 1 0 (1)(0) + (0)(0) + (0)(1)= 0 i ⋅k= 0 ⋅ 0= 0 1 ⋅ 0 0 (0)(0) + (1)(0) + (0)(1)= 0 j k= 1 ⋅ 0= ดังนน้ั 0 1 i ⋅ j =i ⋅k = j ⋅k =0 สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เวกเตอร 159 คมู อื ครูรายวชิ าเพมิ่ เตมิ คณิตศาสตร ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 1 ทฤษฎบี ท 6 u, v และ w เปน เวกเตอรใ ด ๆ ในระบบพิกดั ฉากสามมิติ และ α เปน กาํ หนด จ1)าํ นวuนจ×รvงิ ใ=ด −ๆ(v × u) 2) (u + v) × w = (u × w ) + (v × w ) 3) u × (v + w ) = (u × v) + (u × w ) 4) u × (α v) =α (u × v) (α u) × v= α (u × v) 5) =0 6) u × u พสิ จู น 2) =ให u =aa12 , v b1 และ w c1 เปน เวกเตอรในระบบพิกัดฉากสามมิติ b2 c2 = a3 b3 c3 จะได u + v a1 b1 a2 b2 = + a3 b3 a1 + b1 = a2 + b2 a3 + b3 น่นั คอื (u + v)× w = a1 + b1 c1 a2 c2 + b2 × a3+ b3 c3 ij k = a1 + b1 a2 + b2 a3 + b3 = c1 c2 a( 3a2++bc3b3)2c)2c1ik− (a1 + b1 ) c3 − ( a3 + b3 ) c1 j (a2 + b2 ) c3 − ( + (a1 + b1 )c2 − = a2c3i + b2c3i − a3c2i − b3c2i − a1c3 j − b1c3 j + a3c1 j + b3c1 j +a1c2k + b1c2k − a2c1k − b2c1k สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เวกเตอร 160 คูมือครรู ายวชิ าเพม่ิ เติมคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 1 ( )= − − j+ j+ a2c3i a3c2i a1c3 a3c1 a1c2 k− a2c1k ( ( ) )= + + )b2c3i − b3c2i − b1c3 j + b3c1 j +bj1(c+a2k1(cb2−1c−b2 2a−c21bck21c)1k) − −a3c1 j k ( a2c3 − a3c2 i ( a1c3 ) +(b2c3 − b3c2 ) i− b1c3 j− b3c1 i jk i jk = a1 a2 a3 + b1 b2 b3 c1 c2 c3 c1 c2 c3 = (u × w ) + (v × w ) ดังน้นั (u + v) × w = (u × w ) + (v × w ) 3) =ให u =aa12 , v b1 และ w c1 เปน เวกเตอรในระบบพิกัดฉากสามมติ ิ b2 c2 = a3 b3 c3 จะได v + w b1 c1 b2 c2 = + b3 c3 b1 + c1 b2 = + c2 b3 + c3 นัน่ คอื u × (v + w ) = a1 b1 + c1 b2 a2 × + c2 a3 b3 +c3 ij k = a1 a2 a3 = b1 + c1 b2 + c2 b3 + c3 − a1 (b3 + c3 )− a3 (b1 + c1 ) i j a2 (b3 + c3 ) − a3 (b2 + c2 ) ) + a1(b2 + c2 ) − a2 (b1 + c1 k = a2b3i + a2c3i − a3b2i − a3c2i − a1b3 j − a1c3 j + a3b1 j + a3c1 j +a1b2k + a1c2k − a2b1k − a2c1k สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 3 | เวกเตอร 161 คูมอื ครูรายวิชาเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปที่ 5 เลม 1 ( )= − − + + − a2b3i a3b2i a1b3 j a3b1 j a1b2 k a2b1k ( )= + a2c3i −−a3aab332cc)22ii)−i−−(aa1(c1ab313jc−3+−aa3a3bc311c)1jj)++ja+(1ac(12abk12c−−2 a−a22acb121kc)1k) (a2b3 − k +( a2c3 i jk i jk = a1 a2 a3 + a1 a2 a3 b1 b2 b3 c1 c2 c3 = (u × v) + (u × w ) ดงั นั้น u × (v + w ) = (u × v) + (u × w ) ให u a1 และ v b1 เปน เวกเตอรในระบบพิกัดฉากสามมติ ิ b2 4) = a2 = a3 b3 และ α เปนจํานวนจริงใด ๆ จะได α v b1 นั่นคอื b2 u × (α v) = α b3 αb1 α = b2 αb3 a1 ab1 a2 a = × b2 a3 a b3 i jk = a1 a2 a3 a+aab21((aaaa12(bba33b)−b2a−2a)a3−b3aa2b(a)32i(b−2 )b(1ai)1ba−3 k−aa13(b1 )b3aj)+−(aa31b(2 −b1a)2b1j ( )= ) k = สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เวกเตอร 162 คูมอื ครูรายวชิ าเพมิ่ เตมิ คณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 1 i jk = a a1 a2 a3 b3 = α (bu1 × vb)2 ดงั นั้น u × (α v) =α (u × v) ให u a1 เปนเวกเตอรใ นระบบพิกัดฉากสามมติ ิ 6) = a2 a3 จะได u × u a1 a1 a2 = a2 × a3 a3 i jk = a1 a2 a3 = a1 a2 a3 − ( a1a3 − a1a3 ) + ( a1a2 − a1a2 ) a3 − i j k ( a2 a2a3) = 0i − 0 j + 0k =0 u u ดงั นั้น × =0 • จากทฤษฎบี ท 3 ในหนังสือเรยี นรายวชิ าเพ่มิ เตมิ คณิตศาสตร ช้ันมธั ยมศึกษาปท่ี 5 เลม 1 ให u และ v เปนเวกเตอรใด ๆ ที่ไมใชเวกเตอรศูนย ในระบบพิกัดฉากสองมิติหรือ สามมิติ และ θ เปนขนาดของมมุ ระหวาง u และ v ซ่ึง 0O ≤θ ≤180O (มุมระหวาง เวกเตอร หมายถึง มุมท่ีไมใชมุมกลับ ซึ่งมีแขนของมุมเปนรังสีที่ขนานและมีทิศทาง เดยี วกับเวกเตอรท ้งั สอง) จะไดว า u ⋅v =u v cosθ ดังนนั้ ถา θ เปนมุมแหลม จะไดว า u ⋅v > 0 ถา θ เปน มุมฉาก จะไดว า u ⋅ v ถา θ เปน มมุ ปาน จะไดว า u ⋅ v =0 <0 นอกจากนี้ เมอ่ื θ = 0O จะได=ว า u ⋅ v u v= cos0O u v และเมือ่ θ =180O จะไดวา u ⋅ v =u v cos180O =− u v สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 3 | เวกเตอร 163 คูม อื ครรู ายวชิ าเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที่ 5 เลม 1 3.6 ตัวอยา งแบบทดสอบประจาํ บทและเฉลยตวั อยา งแบบทดสอบประจําบท ในสวนนี้จะนําเสนอตัวอยางแบบทดสอบประจําบทที่ 3 เวกเตอร สําหรับรายวิชาเพิ่มเติม คณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5 เลม 1 ซึ่งครูสามารถเลือกนําไปใชไดตามจุดประสงคการเรียนรู ทีต่ อ งการวัดผลประเมนิ ผล ตวั อยางแบบทดสอบประจาํ บท 1. กvํา=หนAดFรปู จสงาเขมียเหนลย่ี BมCห,นAาEจว่ั แAละBFDAดังใรนูปรูปใหข อBง=Cu , =u และ C=D D=E EF AB และ v สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เวกเตอร 164 คูม อื ครูรายวชิ าเพิม่ เตมิ คณติ ศาสตร ช้นั มัธยมศึกษาปท ี่ 5 เลม 1 2. นักวิทยาศาสตรสรางระบบจําลองเหตุการณหยดนํ้ากระทบบนผิวโลหะชนิดพิเศษ โดยแสดงผล ความเร็วของน้าํ ณ แตล ะตาํ แหนงในรปู เวกเตอร ดงั น้ี ตาํ แหนง ความเร็วของนํา้ ณ ตาํ แหนง น้นั 1 A 0 1 B 2 1 2 0 C 1 − 1 D 2 1 2 E −1 0 − 1 F 2 − 1 2 0 G −1 1 H 2 − 1 2 จงเขียนเวกเตอรแ สดงความเรว็ ของน้าํ ณ ตําแหนงตา ง ๆ ลงในแกนพกิ ัดฉากเดยี วกัน สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 3 | เวกเตอร 165 คมู ือครรู ายวชิ าเพม่ิ เติมคณติ ศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปท ี่ 5 เลม 1 3. กาํ หนด − + x (i + ) + y ( − i ) + z ( 2k − ) จงหา x+ y+z i 4j k= j j j 4. ให a เปนเวกเตอรท ี่ไมใ ชเ วกเตอรศ นู ย จงหาเวกเตอร a ทั้งหมดทสี่ อดคลองกับสมการ a (a + a a) =6a a, c a c 5. ให b และ เปน เวกเตอรทไี่ มใ ชเวกเตอรศูนย โดยท่ี + b + =0 จงพิจารณาวาขอความตอ ไปน้เี ปนจริงหรอื เท็จ 1) เวกเตอรที่เกดิ จากการบวกกันของสองเวกเตอรใด ๆ มที ิศทางตรงกันขามกบั อกี เวกเตอรหนึ่งเสมอ 2) มมุ ระหวา ง c และ a มขี นาดเทา กับมมุ ระหวา ง c และ เสมอ b 6. ให uvwP(เเเxปปป,นนนyภภภ,าาzาพพพ)ฉฉฉเาาปายยยน ขขขจอออุดงงงใดOOOๆPPPใบนบบนรนนะรรรบะะะนบนนาพาาบบบิกัดYXฉXZYาZกสามมติ ิ และ จงพิจารณาวา ขอความตอ ไปน้เี ปนจรงิ หรือเท็จ ถา u ต้งั ฉากกับ v แลว 1) y=0 2) v + w ≥ OP 7. ให u และ v เปนเวกเตอรใด ๆ ซึ่ง u มีขนาด 7 หนวย v มีขนาด 11 หนวย ถาขนาด ของมุมระหวาง u และ v เปน 60 องศา แลว จงหาขนาดของ u + v 8. จงหาเวกเตอรในระบบพกิ ดั ฉากสองมติ ิทีม่ ขี นาด 7 หนว ย และตัง้ ฉากกบั เวกเตอร 3 4 9. ให u และ v เปน เวกเตอรใ ด ๆ ทตี่ ้งั ฉากกนั จงแสดงวา u + v = u − v ให u, v และ 2w แเลปะน เuวก+เตvอ+รwใน=ระiบ+บ2พjิก+ดั ฉ3kากจสงาหมามขติ นทิ าต่ี ดั้งขฉอางกซwึ่งกันและกัน โดยท่ี 10. =u 1,=v ถใกหาาํ หuuน=+ดใv−หi+ +uw3==ji,0v+แ=5ล−jว2,จivง−ห=5า−j 2uแi⋅ลw+ะ+3wvj −⋅ wเปkน แเวลกะเตwอร=ใ ด3iๆ−ทaไี่ มj ใ+ชkเวกถเตา อuรศ⋅vนูย= u ⋅ w 11. แลว 12. 13. จงหา a − v = + + และ w= ให u k, i j k i+j =i จงพิจารณาวา คา ของ u ⋅(v × w ), v ⋅(w ×u) และ w ⋅(u × v) มคี วามสมั พนั ธก นั อยางไร สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เวกเตอร 166 คมู ือครรู ายวชิ าเพม่ิ เติมคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 1 14. นักเดินปา กลุมหนึ่งเดินทางเขาไปในปาลึกลับ และไดต้ังกลองถายรูปที่จุด A โดยหันกลอง ถายรูปไปในแนวตั้งฉากกับแกน X ตามแนวเวกเตอร 0 แลวถายรูปสิ่งมีชีวิตลึกลับได 1 สิ่งมีชีวิตนั้นวิ่งผานหนากลองจากจุด A ไปยังจุด B, C และ D ตามลําดับ ซึ่งกลองเก็บ ขอมูลเชิงเวกเตอร=ไดวา AB =−25 , BC 6 และ CD = −3 ถาตองการถายภาพ 5 3 ส่งิ มีชีวติ ดงั กลา วซ่งึ หยดุ นิง่ ทีจ่ ุด D แลวจะตอ งหมนุ กลองถา ยรูปจากตาํ แหนงเดิมไปเทา ใด เฉลยตวั อยางแบบทดสอบประจาํ บท 1. เนื่องจาก = u และ = v AB AF BC BF จะได = 1 4 BA + AF ( )= 1 4 = 1 (−u + v) 4 = − 1 u + 1 v 44 สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เวกเตอร 167 คูมือครรู ายวิชาเพิม่ เติมคณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 1 AE = AF + FE = AF + 1 FB 4 AF FA + AB ( )= + 1 4 AF − AF + AB ( )= + 1 4 = v + 1 (−v + u) 4 = v − 1 v + 1 u 44 = 1 u + 3 v 4 4 DA = DB + BA = 1 FB − AB 2 FA + AB − AB ( )=1 2 − AF + AB − AB ( )=1 2 = 1 (−v + u) − u 2 = − 1 v + 1 u − u 22 = − 1 u − 1 v 22 สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เวกเตอร 168 คูมือครูรายวิชาเพิม่ เตมิ คณติ ศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 5 เลม 1 2. ตวั อยางคําตอบ เขยี นเวกเตอรแสดงความเรว็ ของนา้ํ ณ ตาํ แหนงตาง ๆ ลงในแกนพิกดั ฉากเดียวกันไดดังนี้ หมายเหตุ นกั เรียนอาจเขียนแสดงความเร็วของนํ้า ณ ตาํ แหนงตาง ๆ ลงในแกนพกิ ัดฉากเดียวกัน 3. โจดายกแตล ะเวกเiตอ−ร4มjีจุด+เkริม่ ตน ===ทีแ่ ต((xกxx(iตi−า++งyกx)jjนัi))++แ+ล(y(ะxy(ไ+jมj−ใ−yชy−iจiดุ)z)+)+(z0j(,(+220z2)kkzไ−k−ดjz)j ) จะได x − y =1, x + y − z =−4 และ 2z = 1 นัน่ คือ x =− 5 , y =− 9 และ z = 1 44 2 ดังนั้น x + y + z =− 5 + − 9 + 1 =−3 4 4 2 สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เวกเตอร 169 คมู อื ครรู ายวชิ าเพ่มิ เตมิ คณิตศาสตร ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 1 4. จาก a (a + a a) = 6a ( )จะได a a + a 2 = 6a ( )a a + a 2 − 6a = 0 ( )a a 2 + a − 6 =0 เนื่องจาก a ≠ จะไดว า a 2 + a − 6 = 0 0 ( a + 3)( a − 2) = 0 นนั่ คอื a = −3 หรอื a = 2 เนอื่ งจาก a ≥ 0 จะไดวา a = 2 ดงั นนั้ a ท้ังหมดท่ีสอดคลองกับสมการ a (a + a a) =6a คือ เวกเตอรท ่ีมีขนาด 2 หนว ย a a++bc+=c −b= 5. 1) จาก a =−c 0 c =−a จะได b b + หรือ หรือ + ดังนั้น ขอ ความ “เวกเตอรท่เี กิดจากการบวกกนั ของสองเวกเตอรใ ด ๆ มที ิศทาง ตจสะมรงไมดกตวันิใา ขหา มaaก+ับ=bอ−ีก+3เccวก=แเต−ลอ3ะcรห+bน2่ึง=cเส2+มccอ”=0เปนจรงิ 2) แตมุมระหวาง c และ a คือ 180 องศา และมุมระหวา ง c และ ดงั น้ัน ขอความ “มุมระหวา ง c และ a มีขนาดเทา กับมุมระหวาง คอื 0 bอ งศเสามอ” b และ c เปน เท็จ 6. เนือ่ งจาก u เปน ภาพฉายของ บนระนาบ XY จะไดวา u = x OP y 0 v v 0 OP เนอื่ งจาก เปน ภาพฉายของ บนระนาบ YZ จะไดวา = y z เนอ่ื งจาก w เปน ภาพฉายของ บนระนาบ XZ จะไดวา w = x OP 0 z สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 3 | เวกเตอร 170 คูมือครรู ายวชิ าเพม่ิ เตมิ คณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 1 1) ให u ตัง้ ฉากกบั v u ⋅ v = 0 จะได x 0 y ⋅ y = 0 0 z 0⋅ x + y2 + 0⋅ z = 0 y2 = 0 y =0 ดงั น้ัน ขอ ความ “ถา u ต้งั ฉากกับ v แลว y = 0 ” เปนจรงิ 2) เนื่องจาก จดุ P มพี กิ ดั เปน (x, y, z) จะไดวา = x OP y z นั่นคือ OP = x2 + y2 + z2 เนื่องจาก v = 0 และ w = x y 0 z z จะได v + w 0 x 0 = y + z z x y = v + w 2 z น่ันคือ = x2 + y2 + (2z)2 = x2 + y2 + 4z2 เน่ืองจาก x2 + y2 + 4z2 ≥ x2 + y2 + z2 จะไดวา v + w ≥ OP ดงั นน้ั ขอ ความ “ v + w ≥ OP ” เปนจริง สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เวกเตอร 171 คูมือครรู ายวิชาเพ่มิ เตมิ คณิตศาสตร ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 1 7. เน่อื งจาก u + v 2 = (u + v) ⋅ (u + v) = u ⋅ u + 2u ⋅ v + v ⋅ v = u 2 + 2u ⋅ v + v 2 = u 2 + 2 u v cos 60o + v 2 = 72 + 2 ( 7)(11) 1 + 112 2 = 49 + 77 +121 = 247 จะได ขนาดของ u + v คอื 247 หนว ย u 8. จาก = 3 4 ให v = x เปน เวกเตอรใด ๆ ท่ีต้ังฉากกบั u y จะได u ⋅ v = 0 3 ⋅ x = 0 4 y 3x + 4y = 0 y = −3x 4 นั่นคือ v = x ซง่ึ v= x2 + − 3 x =2 5x 3 4 4 − x 4 เมื่อ x≥0 จะไดเ วกเตอรหนึง่ หนวยที่มที ิศทางเดยี วกับ v คือ 1 x = 4 5x 3 5 4 − 4 x 3 − 5 4 28 นัน่ คอื เวกเตอรท ี่มีขนาด 7 หนว ย และมีทศิ ทางเดียวกบั v คือ 7 5 = 5 − 3 − 21 5 5 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 3 | เวกเตอร 172 คมู อื ครรู ายวิชาเพิ่มเตมิ คณติ ศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 1 เมอื่ x<0 จะไดเวกเตอรห นึง่ หนว ยที่มีทิศทางเดยี วกบั v คอื 1 x = − 4 −5x 3 5 − 4 x 3 4 5 นัน่ คือ เวกเตอรท่มี ีขนาด 7 หนวย และมีทศิ ทางเดียวกบั v คอื 7 − 4 = − 28 5 5 3 21 5 5 28 − 28 5 ดังน้นั เวกเตอรท ่ีมีขนาด 7 หนว ย และตง้ั ฉากกบั 3 คือ 5 หรอื 4 − 21 21 5 5 u + v 2 = (u + v) ⋅ (u + v) 9. จาก = u ⋅ u + 2u ⋅ v + v ⋅ v = u 2 + 2u ⋅ v + v 2 = u 2 + v 2 (เนือ่ งจาก u ⊥ v ) u + v = u 2 + v 2 จะได u − v 2 = (u − v) ⋅ (u − v) และ = u ⋅ u − 2u ⋅ v + v ⋅ v = u 2 − 2u ⋅ v + v 2 = u 2 + v 2 (เนือ่ งจาก u ⊥ v ) u − v = u 2 + v 2 จะได u + v = u − v ดงั น้ัน 10. จาก u + v + w = i + 2 j + 3k u + v + w = 12 + 22 + 32 จะได u + v + w 2 = 12 + 22 + 32 (u + v + w ) ⋅ (u + v + w ) = 12 + 22 + 32 u u v v w w 2u ⋅uv ⋅+u2+uv⋅ w⋅v++2wv ww ⋅ + ⋅ + ⋅ + ⋅ = 12 + 22 + 32 ⋅ = 12 + 22 + 32 u 2 + v 2 + w 2 = 12 + 22 + 32 12 + 22 + w 2 = 12 + 22 + 32 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เวกเตอร 173 คมู ือครูรายวิชาเพ่มิ เติมคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 1 w 2 = 32 w = 3 ดังนัน้ ขนาดของ w คือ 3 หนวย w เมอ่ื a ≠ 0 และ b ≠ 0 11. ให a i bj u(a+iv++bjw) = + = จาก ( + ) + ( − ) + = 0 จะได −i 3 j −2i 5 j 0i + 0 j −1 + ( −2) + a i ++ a3) i++( −5) + b j = 0i + 0 j ( −2 + = ( −3 b) j 0i + 0 j น่นั คอื −3 + a =0 และ −2 + b =0 จะได และ ดงั นน้ั a=3 3bi=+22 จะได w = ( −i j (3i ( −2i (3i j j j j u ⋅ w + v ⋅ w = + 3 ) ⋅ + 2 ) + − 5 ) ⋅ + 2 ) = (−3 + 6) + (−6 −10) 35jj )−⋅k(−2แiละ+ = −13 aj k 12. จาก u =i + 5 j , v + )w=3i − + จะได ==−2(ii + u ⋅ v 3j −k = (1)(−2) + (5)(3) + (0)(−1) = −2 +15 + 0 = 1(3i = j 3i − aj + k และ ( )u ⋅ w + 5 ) ⋅ = (1)(3) + (5)(−a) + (0)(1) = 3 − 5a + 0 เน่ืองจาก u ⋅ v = u3 −⋅ w5a จะได = 13 = 3 − 5a a = −2 สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 3 | เวกเตอร 174 คมู ือครรู ายวิชาเพมิ่ เติมคณติ ศาสตร ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 1 13. จาก u, v และ w ทก่ี ําหนดให จะไดวา v × w = i jk 11 1 11 0 1 1 1 1 1 1 = i− j+ k 1 0 1 0 1 1 = −i +j ij k w × u = 11 0 1 0 −1 1 0 1 0 1 1 = i− j+ k 0 −1 1 −1 1 0 = −i + j − k i j k u × v = 1 0 −1 11 1 0 −1 1 −1 1 0 = i− j+ k 1 1 1 1 1 1 = i )i−−2kj +k จะได u ⋅ (v × w ) = + ) ( ⋅ (−i j v ⋅ (w × u) = −(i1+ + ) ⋅ ( + − ) = j k −i j k = −1+1−1 w ⋅ (u × v) = (−i1+ )(i − 2 + ) = j j k = 1−2 ดังน้นั u ⋅ (v × w ) =v ⋅ (w × u) =w ⋅ (u × v=) −1 =− 1 สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 3 | เวกเตอร 175 คูม ือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 1 14. แนวกลองถายรูป จากรปู จะไดวา AD = AB + BC + CD = −2 + 6 + −3 5 5 3 = 1 13 เนอื่ งจาก ตัง้ กลอ งถายรูปที่จุด A โดยหนั กลอ งถายรูปไปในแนวต้ังฉากกบั แกน X ตามแนว 0 1 ให θ เปน ขนาดของมมุ ระหวาง กับ 0 ซ่งึ 0o ≤ θ ≤ 180o AD 1 ( )จาก 0 AD ⋅ 1 = AD 02 + 12 cosθ ( )( )จะได 1 0 13 ⋅ 1 = 12 + 132 02 + 12 cosθ 13 = 170 ⋅ cosθ cosθ = 13 170 สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 3 | เวกเตอร 176 คมู ือครูรายวิชาเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 1 θ = arccos 13 170 ดังนัน้ จะตอ งหมุนกลองจากตาํ แหนง เดิมไป 13 องศา ในทิศทางตามเข็มนาฬิกา arccos 170 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวิชาเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 1 177 เฉลยแบบฝกหัดและวิธที ําโดยละเอียด บทที่ 1 ฟงกช นั ตรโี กณมิติ แบบฝกหดั 1.1 1. 1) sin8π = sin (4(2π )) = sin (2π ) =0 cos8π = cos(4(2π )) = cos(2π ) =1 ดงั นั้น sin8π = 0 และ cos8π =1 2) วธิ ที ี่ 1 sin (−8π ) = sin (−4(2π )) =0 cos(−8π ) = cos(−4(2π )) =1 วิธีท่ี 2 sin (−8π ) = −sin8π = −sin (4(2π )) cos(−8π ) = −sin 2π =0 = cos8π = cos(4(2π )) = cos 2π =1 ดังนั้น sin (−8π ) =0 และ cos(−8π ) =1 3) sin 7π = sin 3π + π 2 2 = sin 2π + π + π 2 สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
178 คมู อื ครูรายวิชาเพม่ิ เติมคณติ ศาสตร ช้นั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 1 sin 7π = sin π + π 2 2 = = −sin π 2 −1 cos 7π = cos 3π + π 2 2 = 2π + π + π cos 2 = cos π + π 2 = − cos π 2 =0 ดังนน้ั sin 7π = −1 และ cos 7π = 0 22 4) วธิ ีที่ 1 sin − 7π = sin −3π − π 2 2 =1 cos − 7π = cos −3π − π 2 2 = 0 วิธที ่ี 2 sin − 7π = −sin 7π 2 2 = −(−1) =1 cos − 7π = cos 7π 2 2 =0 ดงั น้นั sin − 7π =1 และ cos − 7π =0 2 2 5) sin 57π = sin (56π + π ) = sinπ = 0 cos57π = cos(56π + π ) = cosπ = −1 ดงั น้ัน sin 57π = 0 และ cos57π = −1 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวชิ าเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปท ี่ 5 เลม 1 179 6) วธิ ีที่ 1 sin (−57π ) = sin (−56π − π ) = 0 cos(−57π ) = cos(−56π − π ) = −1 วิธีท่ี 2 sin (−57π ) = −sin 57π =0 cos(−57π ) = cos57π = −1 ดงั นัน้ sin (−57π ) =0 และ cos(−57π ) =−1 2. ตวั อยา งคาํ ตอบ 1) 0, π , − π , 2π , 3π 2) 0, 2π , − 2π , 4π , 6π 3) 3π , 7π , 11π , − π , − 5π 22 2 2 2 4) π , 3π , 5π , − π , − 3π 5) π , 5π , 13π , − 7π , − 11π 66 6 6 6 6) 3π , 5π , 11π , − 3π , − 5π 44 4 4 4 7) 4π , 5π , 10π , − π , − 2π 33 3 3 3 8) π , 5π , 7π , − π , − 5π 33 3 3 3 3. จตภุ าคที่ 1 และจตุภาคท่ี 2 4. จตุภาคท่ี 2 และจตุภาคท่ี 3 5. 1) sin 5π = sin 2π − π = −sin π 3 3 3 cos 5π = cos 2π − π = π 3 3 cos 3 2) sin 7π = sin π + π = −sin π 6 6 6 cos 7π = cos π + π = − cos π 6 6 6 สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
180 คมู ือครูรายวชิ าเพม่ิ เติมคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 1 3) sin 9π = sin 2π − π = −sin π 5 5 5 cos 9π = cos 2π − π π 5 5 = cos 5 4) sin 7π = sin π − 3π = sin 3π 10 10 10 cos 7π = cos π − 3π = − cos 3π 10 10 10 5) sin − 37π = −sin 37π 12 12 = − sin 2π + 13π 12 = −sin 13π 12 = − sin π + π 12 = − − sin π 12 π = sin 12 cos − 37π = cos 37π 12 12 = cos 2π + 13π 12 = cos13π 12 = cos π + π 12 = − cos π 12 6) sin − 16π = −sin 16π = − sin 2π + 2π = −sin 2π 7 7 7 7 cos − 16π = cos 16π = cos 2π + 2π = cos 2π 7 7 7 7 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวิชาเพ่มิ เติมคณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที่ 5 เลม 1 181 6. 1) sin − 5π = −sin 5π 4 4 = − sin π + π 4 = − − sin π 4 = π sin 4 cos − 5π =2 4 2 = cos 5π 4 = cos π + π 4 = − cos π 4 =− 2 2 ดงั นั้น sin − 5π =2 และ cos − 5π =− 2 4 2 4 2 2) sin − 7π = −sin 7π 4 4 = − sin 2π − π 4 = − − sin π 4 = sin π 4 cos − 7π =2 4 2 = cos 7π 4 = cos 2π − π 4 สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
182 คมู ือครรู ายวิชาเพม่ิ เตมิ คณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 1 = cos π 4 cos − 7π = 2 4 2 ดังน้นั sin − 7π =2 และ cos − 7π =2 4 2 4 2 3) sin 2π + π = sin π = 2 4 4 2 cos 2π + π = π = 2 4 cos 2 4 ดังนน้ั sin 2π + π =2 และ cos 2π + π =2 4 2 4 2 4) sin 2π + 3π = sin 3π 4 4 = sin π − π 4 = sin π 4 cos 2π + 3π =2 4 2 = cos 3π 4 = cos π − π 4 = − cos π 4 =− 2 2 ดังนนั้ sin 2π + 3π =2 และ cos 2π + 3π =− 2 4 4 2 2 5) sin 3π + π = sin 2π + π + π 3 3 = sin π + π 3 สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวิชาเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศกึ ษาปที่ 5 เลม 1 183 = −sin π 3 sin 3π + π = −3 3 2 cos 3π + π = cos 2π + π + π 3 3 = cos π + π 3 = − cos π 3 = −1 2 ดังนนั้ sin 3π + π =− 3 และ cos 3π + π =− 1 3 2 3 2 6) sin − 7π = −sin 7π 6 6 = − sin π + π 6 = − − sin π 6 = sin π 6 =1 2 cos − 7π = cos 7π 6 6 = cos π + π 6 = − cos π 6 = −3 2 ดังน้นั sin − 7π =1 และ cos − 7π =− 3 6 6 2 2 สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
184 คมู ือครูรายวิชาเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 1 7) sin − 7π = −sin 7π 3 3 = − sin 2π + π 3 = −sin π 3 = −3 2 cos − 7π = cos 7π 3 3 = cos 2π + π 3 = cos π 3 =1 2 ดงั นัน้ sin − 7π =− 3 และ cos − 7π =1 3 2 3 2 8) sin 13π = sin 4π + π 3 3 = sin π 3 =3 2 cos 13π = cos 4π + π 3 3 = cos π 3 =1 2 ดงั น้นั sin 13π = 3 และ cos13π = 1 32 32 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวชิ าเพม่ิ เติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 1 185 9) sin 37π = sin 6π + π 6 6 π = sin 6 =1 2 cos 37π = cos 6π + π 6 6 = π cos 6 =3 2 ดงั น้นั sin 37π = 1 และ cos 37π = 3 62 62 10) sin π − π = sin π 3 3 =3 2 cos π − π = − cos π 3 3 = −1 2 ดังนนั้ sin π − π =3 และ cos π − π =− 1 3 2 3 2 7. 1) sin 37π = sin 6π + π 6 6 = sin π 6 =1 2 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
186 คูมือครรู ายวชิ าเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 1 2) sin 109π = sin 2π + 37π 36 36 = sin 37π 36 = sin π + π 36 = −sin π 36 ≈− 9 100 3) sin − 13π = −sin 13π 4 4 = − sin 2π + 5π 4 = −sin 5π 4 = − sin π + π 4 = − − sin π 4 =2 2 4) sin − 29π = −sin 29π 3 3 = − sin 8π + 5π 3 = −sin 5π 3 = − sin 2π − π 3 = − − sin π 3 =3 2 สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวิชาเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 1 187 5) cos 31π = cos 6π + 7π 4 4 = cos 7π 4 = cos 2π − π 4 = cos π 4 =2 2 6) cos 34π = cos 10π + 4π 3 3 = cos 4π 3 = cos π + π 3 = − cos π 3 = −1 2 7) cos − 29π = cos 29π 6 6 = cos 4π + 5π 6 = cos 5π 6 = cos π − π 6 = − cos π 6 =− 3 2 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
188 คมู อื ครูรายวิชาเพมิ่ เตมิ คณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที่ 5 เลม 1 8) cos − 73π = cos 73π 36 36 = cos 2π + π 36 = cos π 36 เนื่องจาก sin2 π + cos2 π = 1 36 36 จะได cos2 π = 1− sin2 π 36 36 cos2 π ≈ 1 − 9 2 36 100 cos2 π ≈ 9919 36 10000 เนอื่ งจากจดุ ปลายสวนโคงที่ยาว π หนวย เมื่อวัดในทศิ ทางทวนเข็ม 36 นาฬกิ า จะอยใู นจตภุ าคที่ 1 จะได π ≈ 9919 cos 36 100 ดงั นน้ั cos − 73π ≈ 9919 36 100 8. เนื่องจาก sin2 θ + cos2 θ = 1 จะได cos2 θ = 1− sin2 θ จาก sinθ = 1 จะได cos2 θ = 1 − 1 2 = 24 5 25 5 เนือ่ งจาก 0 <θ < π จะได จุดปลายสว นโคง ท่ียาว θ หนว ย เม่อื วดั ใน 2 ทศิ ทางทวนเขม็ นาฬกิ า จะอยูในจตุภาคท่ี 1 จะได cosθ = 24 5 ดงั นนั้ sinθ = 1 และ cosθ = 24 55 1) sin (π −θ ) = sinθ =1 5 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครรู ายวิชาเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 1 189 2) sin (−θ ) = −sinθ = −1 5 3) sin (θ − π ) = sin (−(π −θ )) = −sin (π −θ ) = − 1 5 4) cosθ = 24 5 5) cos(π + θ ) = − cosθ = − 24 5 6) cos(θ − 2π ) = cos(−(2π −θ )) = cos(2π −θ ) = cosθ = 24 5 9) จาก cos2 θ + sin2 θ =1 จะได sin2 θ = 1− cos2 θ และจาก cos2 θ − sin2 θ =1 จะได cos2 θ ( )− 1− cos2 θ =1 22 นนั่ คอื cos2 θ = 3 4 จะได cos = 3 หรอื cosθ = − 3 22 เน่อื งจากกําหนดให π ≤θ ≤ π 2 ดงั นัน้ cosθ = − 3 2 10. 1) เปน เท็จ เชน เมอ่ื θ = 3π จะได sin 3π = −1 และ cos 3π = 0 22 2 จะเห็นวา sin 3π < cos 3π 22 2) เปน จริง 3) เปนจริง แบบฝก หดั 1.2 1. 1) จตภุ าคท่ี 1 2) จตภุ าคที่ 3 3) จตุภาคท่ี 2 4) จตุภาคที่ 2 5) จตุภาคที่ 4 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
190 คูมอื ครรู ายวิชาเพม่ิ เตมิ คณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศึกษาปท ี่ 5 เลม 1 2. คาของฟงกชนั ตรโี กณมติ ิทุกฟงกชันของจํานวนท่ีกําหนดใหแสดงดังตารางตอไปนี้ θ sinθ cosθ tanθ cscθ secθ cotθ 1) 0 0 1 0 ไมน ิยาม 1 ไมน ยิ าม 2) π 1 0 ไมน ิยาม 1 ไมน ยิ าม 0 2 3) π 2 21 2 21 422 4) 3π 2 −2 −1 2 − 2 −1 4 22 5) 2π 3 −1 −3 23 −2 − 3 3 2 2 3 3 6) π 0 −1 0 ไมนิยาม −1 ไมนยิ าม 7) 7π −2 2 −1 − 2 2 −1 4 2 2 8) 4π − 3 − 1 3 − 2 3 −2 3 3 22 3 3 9) 7π −1 0 ไมนิยาม −1 ไมน ิยาม 0 2 10) 5π 1 − 3 − 3 2 −2 3 − 3 6 2 23 3 11) 2π 0 1 0 ไมน ิยาม 1 ไมน ิยาม 12) − 3π −2 −2 1 −2 −2 1 4 2 2 13) − 5π 2 −2 −1 2 − 2 −1 4 22 14) − π −3 1 − 3 −2 3 2 −3 3 22 33 15) −π 0 −1 0 ไมนยิ าม −1 ไมนิยาม 16) − 5π −1 0 ไมนิยาม −1 ไมน ิยาม 0 2 17) − 7π 1 −3 −3 2 −2 3 − 3 62 23 3 18) −2π 0 1 0 ไมน ิยาม 1 ไมน ยิ าม สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 481
Pages: