คมู อื ครูรายวชิ าเพม่ิ เตมิ คณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 1 391 ใชก ารดําเนินการตามแถวเพ่ือแปลงเมทริกซแตงเติมไดด ังนี้ 2 0 2 2 1 0 1 1 1 R1 1 1 2 1 1 1 2 1 2 3 −1 2 1 3 −1 2 1 1 0 1 1 0 1 1 0 −R1 + R2 0 −1 −1 − 2 −3R1 + R3 1 0 1 1 0 1 1 0 0 0 0 − 2 R2 + R3 เมอ่ื แปลงเมทริกซน ีใ้ หอยูในรูประบบสมการจะได ------- (1) x+z = 1 y+z = 0 ------- ( 2) 0 = −2 ------- (3) จะเหน็ วาสมการ (3) เปน ไปไมได แสดงวาระบบสมการต้งั ตน นาํ ไปสูระบบ สมการซึง่ ไมสอดคลองกนั นั่นคอื ระบบสมการน้ีไมมีคําตอบ 2 4 8 0 7) เมทริกซแตงเตมิ ของระบบสมการน้ี คือ 1 2 3 0 1 1 2 0 ใชก ารดําเนนิ การตามแถวเพื่อแปลงเมทริกซแ ตง เติมไดดังนี้ 2 4 8 0 1 2 4 0 1 R1 1 2 3 0 1 2 3 0 2 1 1 2 0 1 1 2 0 1 2 4 0 0 0 −1 0 −R1 + R2 0 −1 − 2 0 −R1 + R3 1 2 4 0 0 0 1 0 − R2 0 1 2 0 −R3 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
392 คมู ือครูรายวชิ าเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 1 1 2 4 0 0 1 2 0 R2 ↔ R3 0 0 1 0 1 0 0 0 −2R2 + R1 0 1 2 0 0 0 1 0 1 0 0 0 0 1 0 0 −2R3 + R2 0 0 1 0 เม่อื แปลงเมทรกิ ซน ใ้ี หอยูใ นรูประบบสมการจะได x =0 y =0 z =0 ดงั น้ัน (0, 0, 0) เปนคําตอบของระบบสมการเพียงคาํ ตอบเดียว 1 1 2 0 8) เมทริกซแตงเติมของระบบสมการนี้ คอื 1 0 1 0 3 −1 2 0 ใชก ารดาํ เนินการตามแถวเพื่อแปลงเมทริกซแตง เติมไดดังนี้ 1 1 2 0 1 1 2 0 1 0 1 0 0 −1 −1 0 −R1 + R2 3 −1 2 0 0 − 4 − 4 0 −3R1 + R3 1 1 2 0 0 1 1 0 −R2 0 − 4 − 4 0 1 0 1 0 −R2 + R1 0 1 1 0 0 0 0 0 4R2 + R3 เมื่อแปลงเมทรกิ ซนี้ใหอยใู นรูประบบสมการจะได ------- (1) x+z = 0 y+z = 0 ------- ( 2) 0 =0 ------- (3) สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวิชาเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 1 393 เนอื่ งจากสมการ (3) เปนจรงิ เสมอ จึงหาเฉพาะคาของ x, y และ z ที่ สอดคลอ งกบั สมการ (1) และ (2) ก็เพียงพอจากสมการ (1) และ (2) จะได x = − z และ y = − z จะเห็นวา ท้ัง x และ y ขนึ้ อยกู ับ z นั่นคือ สามารถเลือก z ใหเ ปน จํานวนจริง ใดก็ได ในท่นี ใ้ี ห z = t เม่อื t เปนจาํ นวนจรงิ ใด ๆ ดังนั้น คําตอบของระบบสมการ คอื (−t, − t, t) เมื่อ t เปนจาํ นวนจรงิ ใด ๆ 14. 1) ให A เปน เมทรกิ ซแสดงขอมลู จากตารางแสดงยอดขายหนงั สือในป 2561 ของ สาํ นักพิมพแหงหน่ึง (หนวยเปน เลม) นั่นคือ A = 100 200 500 200 300 400 ให B = [150 200] เปนเมทริกซแสดงราคาของหนงั สือสารคดีและหนังสือจิตวิทยา ดังนน้ั BA = [150 200] 100 200 500 200 300 400 = [55,000 90,000 155,000] ดังน้นั บรษิ ัทมรี ายไดจากการขายหนงั สอื ทั้งหมด 55,000 + 90,000 +155,000 =300,000 บาท 2) ให 30 A เปนเมทริกซแสดงยอดขายทีเ่ พมิ่ ขนึ้ 30% ในปถัดไป 100 จะได A + 30 A =13 A เปน เมทรกิ ซแ สดงยอดขายหนงั สือที่ตอ งการ 100 10 =ดังนั้น 13 A 11=03 210000 230000 540000 130 260 650 260 390 520 10 นัน่ คอื ถา บริษทั ตองการใหยอดขายหนงั สอื เพมิ่ ขึ้น 30% ในปถดั ไป บรษิ จั ะตอง ขายหนงั สอื สารคดีเลม ท่ี 1 เลม ท่ี 2 และเลมท่ี 3 จํานวน 130, 260 และ 650 เลม ตามลําดับ และขายหนงั สือจิตวิทยาเลมท่ี 1 เลม ที่ 2 และเลมที่ 3 จาํ นวน 260, 390 และ 520 เลม ตามลาํ ดับ 15. ให A เปน เมทริกซแสดงขอมลู จากตารางแสดงจํานวนโจทยท่เี ยาวมาลยแ ละการเวก ทาํ ไดถกู ตองในรอบแรก น่นั คอื A = 3 1 6 3 5 2 สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
394 คูม อื ครูรายวิชาเพม่ิ เติมคณติ ศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปที่ 5 เลม 1 6 ให B = 4 เปน เมทริกซแสดงคะแนนสาํ หรับโจทยแ ตละระดับในรอบแรก 1 3 1 6 6 28 3 5 2 4 40 ดังนัน้ AB = 1 = นน่ั คือ ในรอบแรก เยาวมาลยและการเวกไดคะแนน 28 และ 40 คะแนน ตามลาํ ดบั ให C เปนเมทริกซแสดงขอมูลจากตารางแสดงจํานวนโจทยที่เยาวมาลยแ ละการเวก ทาํ ไดถูกตองในรอบท่สี อง นั่นคอื C = 2 5 3 5 4 7 8 ให D = 5 เปน เมทรกิ ซแสดงคะแนนสาํ หรับโจทยแตละระดบั ในรอบทสี่ อง 2 2 5 3 8 47 CD = 5 4 7 5 74 ดงั น้นั 2 = น่นั คอื ในรอบท่ีสอง เยาวมาลยและการเวกไดคะแนน 47 และ 74 คะแนน ตามลําดบั จะได AB + CD เปน เมทรกิ ซแสดงคะแนนรวมจากการสอบท้งั สองรอบ นน่ั คือ AB + CD = 28 + 47 = 75 40 74 114 ดงั น้ัน เยาวมาลยแ ละการเวกไดคะแนนรวมจากการสอบทั้งสองรอบเปน 75 และ 114 คะแนน ตามลําดับ 16. ให x แทนจาํ นวนเงนิ ทรี่ ัตนาจะตอ งลงทุนในกองทุนรวม A y แทนจํานวนเงนิ ท่รี ตั นาจะตอ งลงทุนในกองทุนรวม B z แทนจํานวนเงนิ ทรี่ ัตนาจะตอ งลงทุนในกองทนุ รวม C จากโจทย สามารถเขยี นเปนระบบสมการเชิงเสน ไดด ังน้ี x + y + z = 50,000 y − 3z = 0 0.06x + 0.04 y + 0.10z = 2,900 เมทริกซแตง เติมของระบบสมการน้ี คือ สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวชิ าเพิม่ เตมิ คณติ ศาสตร ชั้นมัธยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 1 395 1 1 1 50,000 0 0 1 −3 0.06 0.04 0.10 2,900 ใชการดาํ เนินการตามแถวเพ่ือแปลงเมทรกิ ซแ ตงเตมิ ไดดงั นี้ 1 1 1 50,000 1 1 1 50,000 0 0 0 0 1 −3 1 −3 0.06 0.04 0.10 2,900 0 −0.02 0.04 −100 −0.06R1 + R3 1 0 4 50,000 −R2 + R1 0 1 −3 0 0 0 −0.02 −100 0.02R2 + R3 1 0 4 50,000 0 1 −3 0 0 0 1 5,000 −50R3 1 0 0 30,000 − 4R3 + R1 0 1 0 15,000 3R3 + R2 0 0 1 5,000 เมอ่ื แปลงเมทริกซน ี้ใหอยใู นรูประบบสมการจะได x = 30,000 y = 15,000 z = 5,000 นนั่ คือ (30000, 15000, 5000) เปนคําตอบของระบบสมการเพยี งคําตอบเดยี ว ดงั น้ัน รตั นาจะตองลงทุนในกองทุนรวม A กองทนุ รวม B และกองทุนรวม C เปน จํานวนเงนิ 30000, 15000 และ 5000 บาท ตามลําดบั 17. 1) จากขอมลู ในตารางจะได f (1) = 10 f (2) = 9 f (3) = 4 ซึ่งสามารถเขยี นเปนระบบสมการเชิงเสน ไดดังนี้ a+b+c 4a + 2b + c = 10 9a + 3b + c =9 =4 สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
396 คูม อื ครรู ายวชิ าเพิม่ เติมคณติ ศาสตร ชั้นมัธยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 1 เมทริกซแตง เตมิ ของระบบสมการนี้ คอื 1 1 1 10 4 2 1 9 9 3 1 4 ใชก ารดําเนนิ การตามแถวเพื่อแปลงเมทรกิ ซแตงเติมไดดงั นี้ 1 1 1 10 1 1 1 10 4 2 1 9 0 −2 −3 −31 −4R1 + R2 9 3 1 4 0 −6 −8 −86 −9R1 + R3 1 1 1 10 0 1 −3 − 31 − 1 R2 2 2 2 0 −6 −8 −86 1 0 −1 − 11 2 2 −R2 + R1 0 1 3 31 2 2 0 0 1 7 6R2 + R3 1 0 0 −2 1 R3 + R1 2 0 1 0 5 0 0 1 7 − 3 R3 + R2 2 เมอ่ื แปลงเมทรกิ ซน ใ้ี หอยูใ นรูประบบสมการจะได a = −2 b=5 c=7 น่ันคือ (−2, 5, 7) เปนคําตอบของระบบสมการเพยี งคาํ ตอบเดยี ว ดงั นั้น ฟง กช ันแสดงรายไดรวมของบรษิ ัทในแตล ะปคอื f (x) =−2x2 + 5x + 7 2) รายไดรวมของบรษิ ัทในปท ี่ 7 คือ f (7) =7 + 5(7) − 2(7)2 =−56 ลา นบาท ดังน้นั ในปท ี่ 7 บริษัทขาดทุน 56 ลา นบาท สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูม อื ครรู ายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 1 397 บทท่ี 3 เวกเตอร แบบฝก หัด 3.1ก 1. ตัวอยา งปริมาณสเกลาร แปลงผักหลังโรงเรียนมีพนื้ ที่ 100 ตารางวา เสาไฟฟาตน หนง่ึ สงู 12 เมตร ฤดูหนาวในปน ้ี จะมีอุณหภมู ิลดลงตํา่ สดุ 12 องศาเซลเซียส ตัวอยางปริมาณเวกเตอร รถยนตคนั หนง่ึ ขับไปทางทิศใตเปนระยะทาง 200 กโิ ลเมตร นักกอลฟ ตีลูกกอลฟไปขา งหนาดว ยความเรว็ 120 กโิ ลเมตรตอ ช่วั โมง รถไฟแลนเขา สูสถานดี วยอตั ราเรว็ ทล่ี ดลง 3 เมตรตอวินาที2 2. 1) เขียนเวกเตอรแสดงการเคลอ่ื นที่ 120 เมตร ไปทางทิศเหนือ ไดด ังรปู สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
398 คมู อื ครรู ายวิชาเพม่ิ เติมคณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 1 2) เขยี นเวกเตอรแสดงการเคล่ือนท่ี 30 เมตร ไปทางทศิ 060 องศา ไดด ังรปู 3) เขยี นเวกเตอรแสดงการเคลอ่ื นท่ี 80 กโิ ลเมตร ไปทางทศิ 300 องศา ไดดงั รปู 4) เขยี นเวกเตอรแสดงการเคลอ่ื นท่ี 10 กิโลเมตร ไปทางทศิ ตะวันออกเฉยี งเหนือ ไดด งั รปู สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครูรายวิชาเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 1 399 3. ตวั อยางเวกเตอรท เ่ี ทากบั เวกเตอรท่กี ําหนดให 1) DC 2) BE 3) −AD 4) AD 5) −CE 6) CE 4. −u แทนการเดินทางในทศิ 255 องศา เปนระยะ 300 กโิ ลเมตร 5. เขียนเวกเตอรแสดงการเดินทางของชายคนนี้ โดยมีจุด O เปน จุดเรม่ิ ตน และจุด P เปน จดุ สน้ิ สดุ ของการเดนิ ทาง ดังรูป จากรูป ชายคนน้ีอยูหางจุดเริ่มตน 32 + 32 =3 2 กิโลเมตร และอยูทางทิศเหนอื ของจดุ เริ่มตน แบบฝก หัด 3.1ข 1. ตวั อยางคําตอบ CE = Cc2cD+ c+ DE = = สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
400 คูมือครูรายวชิ าเพ่มิ เตมิ คณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 1 ( )CA = CD + DA = CD + − AD = c− f BD = B C c+ CD = b+ DB = DA+ AB = − AD +aAB = −f+ AF = AD + DF = AfD− e− FD = FA = FD + DA = eF−D f− AD = AE = AfD+ c+ DE = EA = ED+ DA ( )=−−cD−E−f AD = = PQ + QP 2. 1) PQ + QS + SP = 0 ( ) ( )2) OR − RO + RS = OR + OR + RS ( ) = PO + OR + RS = PR + RS = PS ( ) ( )3) SO + RQ + OR = RQ + SO + OR ( ) = RQ + SO + OR = RQ +SR = SR + RQ = SQ สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปท ี่ 5 เลม 1 401 แบบฝกหดั 3.1ค 1. 1) จาก 3u −32uv = 3vv = นนั่ คอื u = v ดงั น้ัน u และ v มขี นาดเทากันและทิศทางเดยี วกนั 2) จาก 2u−+3wu 2ww + 5u = = นนั่ คอื u = − 1 w 3 ดงั น้นั u มีทิศทางตรงขามกบั w มขี นาดเปน หนง่ึ ในสามของขนาดของ w 2. จาก 3w = 2s จะได 3((a + 4b)u + (2a + b +1)v) = 2((b − 2a + 2)u + (2a − 3b −1)v) 3(a + 4b)u + 3(2a + b +1)v = 2(b − 2a + 2)u + 2(2a − 3b −1)v (3(a + 4b) − 2(b − 2a + 2))u = (2(2a − 3b −1) − 3(2a + b +1))v เนอื่ งจาก u และ v เปน เวกเตอรท่ีไมขนานกนั และไมเปนเวกเตอรศนู ย ดังนั้น 3(a + 4b) − 2(b − 2a + 2) = 0 และ 2(2a − 3b −1) − 3(2a + b +1) = 0 จะได 7a +10b − 4 = 0 --------- (1) และ −2a − 9b − 5 = 0 --------- (2) จาก (1) จะได 14a + 20b − 8 = 0 --------- (3) จาก (2) จะได 14a + 63b + 35 = 0 --------- (4) จาก (3) และ (4) จะได 43b + 43 = 0 3. น1)น่ั คอื เนือ่ งbจา=ก−1ABแล=ะ−CaD= 2 v = −w จะได ดดเ2นังังs่อืนน−งัน้นั้ จuากvD==BD=wBBuD=เป++DนvADเทA+เ็จปAน Bเท=จ็ −u + v 2) 3) = −BvA = สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
402 คมู อื ครูรายวชิ าเพมิ่ เติมคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 1 4) ดงั นน้ั 2s − u =ABv +เปBน Eเท) จ็ = 2 AE 2( = 2AB + 2BE = 2AB + BD = 2AB + BA + AD = 2AB −AB + AD ดงั น้นั 2===AE=uvAB++uuv++AvDเปนจรงิ 5) AE = AB+ BE ดงั นน้ั A==E=−−CwwD+++ssBเEปนเทจ็ 6) AE = AB+ BE = −CD + BE = −CD + 1 BD 2 −CD BC + CD ( )= + 1 2 −CD AD + CD ( )= + 1 2 AD CD = 1 − 1 = 2u − w 2 2u −2w ดงั นัน้ เปน จรงิ AE= 2 2 4. OP = OB + BP = OB + 1 BA 2 OB BO + OA ( )= + 1 2 OB −OB + OA ( )= + 1 2 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวิชาเพมิ่ เติมคณติ ศาสตร ช้นั มัธยมศึกษาปท ี่ 5 เลม 1 403 = 1 + 1 OP OB OA 22 1 OB + OA ( )= 2 5. จากรปู จะได = OC OB + BC BA ( ) n = OB + m+n ( ) = OB + n OA − OB m+n = OB + n OA − n OB m+n m+n = m OB + n OA m+n m+n 1 mOB + nOA ( )= m+n = 1 (mu + nv) m+n 6. ให ABCD เปน รูปสเ่ี หลย่ี มทม่ี ีเสน ทแยงมมุ AC และ BD แบง ครึ่งซงึ่ กันและกนั และ ตัดกนั ที่จุด E ดงั รปู สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
404 คมู อื ครรู ายวิชาเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปท ี่ 5 เลม 1 เดจจนะางั อ่ืนกแงรสัน้ จปู ดางกวจAาะABไEดA=B=−AC−=ขBCEนEา−นAEแกEลDับะ+=CEE−DBB(C=แแEลล−ะะ+EDECAD=DD) ขนานกบั BC AB CE + ED A=D =−CD ขนAาEน+กบัEDCDและแตBม=CีทิศทBาEงต+รงEขCามกนั นัน่ คอื AD =ขนAาEนก+บั EDBC= EC + BE = BE + EC = BC จากรูป AD ดงั น้นั และมที ศิ ทางเดยี วกนั น่นั คอื จะไดวา รูปสเ่ี หล่ียม ABCD เปน รปู สีเ่ หล่ยี มดานขนาน ดังนน้ั รปู ส่เี หลีย่ มทเี่ สน ทแยงมุมแบงครงึ่ ซึง่ กันและกันเปน รูปสี่เหลี่ยมดา นขนาน แบบฝกหดั 3.2 1. 1) ภาพฉายของจุด (3, 3,1) บนแกน X คือ จดุ (3, 0, 0) 2) ภาพฉายของจดุ (3, 3,1) บนแกน Y คอื จุด (0, 3, 0) 3) ภาพฉายของจดุ (3, 3,1) บนแกน Z คือ จุด (0, 0,1) 4) ภาพฉายของจุด (3, 3,1) บนระนาบ XY คือ จดุ (3, 3, 0) 5) ภาพฉายของจดุ (3, 3,1) บนระนาบ YZ คือ จดุ (0, 3,1) 6) ภาพฉายของจดุ (3, 3,1) บนระนาบ XZ คอื จุด (3, 0,1) 2. 1) รูปทั่วไปของพิกดั ของจดุ บนแกน X คือ (x, 0, 0) 2) รปู ทวั่ ไปของพิกดั ของจุดบนแกน Y คือ (0, y, 0) 3) รปู ทวั่ ไปของพิกดั ของจดุ บนแกน Z คอื (0, 0, z) 4) รปู ท่วั ไปของพิกัดของจดุ ในระนาบ XY คอื (x, y, 0) สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวชิ าเพม่ิ เติมคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 1 405 5) รปู ท่วั ไปของพิกดั ของจดุ ในระนาบ YZ คอื (0, y, z) 6) รปู ทว่ั ไปของพิกัดของจุดในระนาบ XZ คอื (x, 0, z) 3. จากรูป จุด B มพี ิกดั เปน (3, 5, 0) จุด C มีพกิ ัดเปน (1, 5, 0) จุด D มพี ิกัดเปน (1, 2, 0) จุด G มีพกิ ัดเปน (3, 5, 3) จดุ E มีพกิ ดั เปน (1, 2, 3) จดุ F มีพกิ ัดเปน (3, 2, 3) 4. AF = (3 −1)2 + (2 − 5)2 + (0 − 3)2 = 22 + (−3)2 + (−3)2 = 4+9+9 = 22 หนวย ซ่ึงมีความยาวเทากับ DG, OB และ EC 5. ภาพฉายของจดุ P(3, − 4, 8) ในระนาบ XY, YZ และ XZ คอื (3, − 4, 0) , (0, − 4, 8) และ (3, 0, 8) ตามลาํ ดบั ภาพฉายของจดุ Q(7, − 2, 8) ในระนาบ XY, YZ และ XZ คอื (7, − 2, 0) , (0, − 2, 8) และ (7, 0, 8) ตามลําดบั และระยะทางระหวา งจดุ P และ Q คือ (3 − 7)2 + (−4 − (−2))2 + (8 − 8)2 = (−4)2 + (−2)2 = 20 = 2 5 เน่ืองจากระยะทางของจุดท่ีเปนภาพฉายในระนาบ XY, YZ และ XZ เปน 2 5, 2 และ 4 ตามลาํ ดับ ดงั น้นั ระยะทางระหวา งจุด P และ Q เทา กับระยะทางของภาพฉายในระนาบ XY 6. AB = (1− (−1))2 + (2 − 7)2 + (1− 9)2 = 22 + (−5)2 + (−8)2 = 4 + 25 + 64 = 93 สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
406 คมู อื ครูรายวชิ าเพิม่ เติมคณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศึกษาปที่ 5 เลม 1 AC = (1−11)2 + (2 − 4)2 + (1− 2)2 = (−10)2 + (−2)2 + (−1)2 = 100 + 4 +1 = 105 BC = (−1−11)2 + (7 − 4)2 + (9 − 2)2 = (−12)2 + 32 + 72 = 144 + 9 + 49 = 202 ดังนน้ั รูปสามเหล่ยี ม ABC เปนรปู สามเหลีย่ มดา นไมเ ทา แบบฝก หดั 3.3ก 1. ให จุด B มพี กิ ัดเปน (a,b) จาก AB = a − 3 b − 4 จะได 2 = a − 3 5 b − 4 นนั่ คือ a − 3 = 2 และ b − 4 = 5 จะได a = 5 และ b = 9 ดังนัน้ พกิ ดั ของจุด B คือ (5,9) 2. จาก u = 1 และ v = 4 จะได 3 −1 u + v= 1 + −41= 1+ 4 5 3 2 3 + (−1)= u − v= 1 − −41= 1− 4 −3 3 4 3 − (−1)= =2u 2=31 2(1) 2 2 (=3) 6 −v =− 4 =−41 −1 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวิชาเพมิ่ เตมิ คณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปท ี่ 5 เลม 1 407 และ 1 u =− 1 1 − 1 (1) =− 13 3 3 3 3 − = 1 − 3 (3) −1 แสดงเวกเตอร u, v, u + v, u − v, 2u, − v และ − 1 u ไดด ังรูป 3 3. 1) −1 − 0 −1 2) AB = 4 − 0 = 4 3) 0 − (−1) 1 BA = = −4 0 − 4 3 − (−2) 5 AB = 2 −1 = 1 −2 − 3 = −5 BA = 1 − 2 −1 −1− (−2) 1 AB = 2 − (−8) = 10 −2 − (−1) −1 BA = = −10 −8 − 2 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
408 คูมือครรู ายวิชาเพ่มิ เติมคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 1 4) = 0 −1 −1 AB 0 −1 = −1 0 − (−1) 1 1− 0 1 BA = 1 − 0 1 = −1 − 0 −1 −1 − 7 −8 AB = 8 − 3 5 5) = 3 −1 2 7 − (−1) 8 BA = = −5 3 − 8 −2 1 − 3 2 −1 1 AB = −1− (−1) 0 6) = 0 − 2 −2 1 − 2 −1 BA = −1− (−1) 0 = 2 − 0 2 4. 1) − 5u = −1 − 5 3 t 3 4 = −1 − 15 3 20 = −1 − 15 3 − 20 = −16 −17 2) นเิ สธของ − 5u คือ − −16 =1176 t −17 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปที่ 5 เลม 1 409 2v − w = 1 −1 2 0 3) 2 − 3 −7 2 −1 4 0 = − 6 −7 2 − (−1) = 4 − 0 6 − (−7) 3 4 = 13 นิเสธของ 2v − w คอื 3 −3 4 = −4 4) − 13 −13 5. 1) u + v = a1 + b1 a2 b2 = a1 + b1 a2 + b2 = b1 + a1 b2 + a2 = b1 + a1 = vb+2 a2 u 2) α (u + v) = a a1 + b1 a2 b2 = a a1 + b1 a2 + b2 = aa((aa21 + b1 ) + b2 ) = aa1a+ b1 aa2a+ b2 สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
410 คูม อื ครูรายวิชาเพ่มิ เติมคณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 1 α (u + v) = aaaa21 aa+ bb21 = aαuaa+21aα +v b1 = b2 3) α (βv) = α b b1 b2 = α b b1 b b2 = α ( bb1 ) α ( bb2 ) = (αb ) b1 (αb ) b2 = (αb ) b1 = (αβ ) vb2 4) (α + β )u = (a + β ) a1 a2 = (a + β ) a1 (a + β ) a2 = a a1 + β a1 a a2 + β a2 = a a1 + β a1 a a2 β a2 = a a1 + β a1 = α a2 u a2 u + β สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวิชาเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 1 411 5) (u + v) + w = a1 + b1 + c1 a2 b2 c2 = a1 + b1 + c1 a2 + b2 c2 = ((aa21++bb21)) + c1 + c2 = aa21++((bb21 + c1 ) + c2 ) = a1 + b1 + c1 a2 b2 + c2 = a1 b1 + c1 = ua+2 v++ c2 wb)2 ( 6. 1) เนื่องจาก 2 = 2 1 จะได 2 และ 1 ขนานกัน 4 2 4 2 เนือ่ งจาก −8 = ( −4) 2 และ 6 = 2 −4 1 3 3 1 ดงั นนั้ 2 , −8 และ 6 ตา งเปนเวกเตอรที่ขนานกนั 1 −4 3 เนอ่ื งจาก 7 = 7 8 จะได 7 และ 8 ขนานกัน 0 8 0 0 0 −2 1 −2 1 2) เน่ืองจาก −4 =(−2) 2 จะได −4 และ 2 ขนานกัน −2 1 −2 1 −1 − 1 −2 PQ = 8 − 2 6 7. 1) = 11− 3 8 u −3 9 2) = 12 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
412 คมู อื ครูรายวิชาเพิม่ เติมคณติ ศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 1 1− 0 1 OR −3 − 0 −3 3) = = −4 − 0 −4 PQ จะเห็นวา u = 3 PQ และ OR = −1 มดังีทนิศ้ันทาPงเQด,ียuวกแนั 2ละแตOมRีทิศเทปาน งเตวกรงเตขอาม2รทก่ีขับนOานRกนั ทง้ั หมด โดยที่ และ u PQ แบบฝก หัด 3.3ข 1. 1) 41= OA= i +4j 2) 1 + 3 − OS = 3 =i j 4k −4 3) =−41 − 3 =−−71 =−7i − AB − 2 j 4) 1 −−2( −−34)= −46= − 6 CD= 4i j 5) 3 −1 2 PQ= 3= 2i + 3 j + 4k 2 − (−1)= 6 − 2 4 6) −1 − 0 −1 − 2 + MN = −1 −1 =−2 =−i j k 2 −1 1 2. 1) ขนาดของเวกเตอร 1 คอื 12 + 22 = 1+ 4 = 5 2 ขนาดของเวกเตอร 3 คือ 32 + (−4)2= 9 +16= 5 −4 ขนาดของเวกเตอร −1 คือ (−1)2 + (−4)2 = 1 + 16= 17 −4 ขนาดของเวกเตอร 3 คอื 32 + 22 = 9+4 = 13 2 สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวิชาเพม่ิ เตมิ คณิตศาสตร ช้นั มัธยมศึกษาปท่ี 5 เลม 1 413 1 2) ขนาดของเวกเตอร 1 คอื 12 +12 + 32 = 1+1+ 9 = 11 3 3 9 +1 + 4= 14 ขนาดของเวกเตอร −1 คอื 32 + (−1)2 + 22= 2 ขนาดของเวกเตอร −4 คอื 0 (−4)2 + 02 + (−1)=2 16 + 0 +=1 17 −1 =75−− 21 4 = 16 + 25 = 41 3) =AB AB = 5 42 + 52 จะได 4) −1 − 7 −8 RS = 3 − 4 = −1 5 −1 4 จะได RS = (−8)2 + (−1)2 + 42 = 64 +1+16 = 9 3. 1) u = 22 +12 = 5 จะได เวกเตอรห นง่ึ หนว ยท่ีมีทิศทางเดยี วกบั u คือ 2 1 2 = 5 1 5 1 5 = 2 i+ 1 j 55 = 2 5 + 5 i j 55 ดังน้ัน เวกเตอรหนงึ่ หนวยที่มีทิศทางเดียวกับ u คือ 2 5 + 5 i j 55 2) v = 12 + (−3)2 + (−1)2 = 11 จะได เวกเตอรห นึง่ หนวยทีม่ ีทิศทางเดยี วกับ v คือ สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
414 คูม อื ครรู ายวชิ าเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปท ี่ 5 เลม 1 1 1 11 1 −3 = − 3 11 −1 − 11 1 11 = 1 i − 3 j − 1 k 11 11 11 = 11 − 3 11 − 11 i j k 11 11 11 ดังน้ัน เวกเตอรห น่งึ หนวยที่มีทศิ ทางเดียวกบั v คือ 11 − 3 11 − 11 i j k 11 11 11 −4 −1 −5 3) AB = 5 − (−3) = 8 AB = (−5)2 + 82 = 25 + 64 = 89 AB จะได เวกเตอรหน่ึงหนวยที่มีทศิ ทางเดยี วกบั คือ − 5 1 −5 = 89 8 89 8 89 = − 5 i+ 8 j 89 89 = −5 89 + 8 89 i j 89 89 ดงั นัน้ เวกเตอรห นงึ่ หนว ยท่ีมีทิศทางเดยี วกบั AB คือ −5 89 + 8 89 i j 89 89 0 −1 −1 CD −3 − 5 −8 4) = = 1− 8 −7 CD = (−1)2 + (−8)2 + (−7)2 = 1+ 64 + 49= 114 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที่ 5 เลม 1 415 จะได เวกเตอรห น่งึ หนวยท่ีมีทิศทางเดยี วกบั คือ CD − 1 −1 114 1 −8 = − 8 114 −7 114 − 7 114 j k =− 1 i − 8 − 7 114 114 114 = − 114 − 8 114 − 7 114 i j k 114 114 114 = − 114 − 4 114 − 7 114 i j k 114 57 114 ดังน้ัน เวกเตอรห นง่ึ หนว ยที่มีทศิ ทางเดยี วกบั CD คือ − 114 − 4 114 − 7 114 i j k 114 57 114 4. 1) เวกเตอรท ่ีมีขนาด 4 หนวย และขนานกับ u คือ 2 5 + 5 = 85 + 45 4 5 i 5 j 5 i 5 j และ −4 2 5 + 5 =− 8 5 − 45 5 i 5 j 5 i 5 j 2) เวกเตอรที่มขี นาด 4 หนวย และขนานกบั v คือ 11 i − 3 11 j − 11 k = 4 11 i − 12 11 j − 4 11 k และ 4 11 11 11 11 11 11 11 − 3 11 − 11 =− 4 11 + 12 11 + 4 11 −4 i j 11 k 11 i j 11 k 11 11 11 3) เวกเตอรท ี่มีขนาด 4 หนวย และขนานกับ AB คอื 5 89 + 8 89 =− 20 89 + 32 89 และ 4 − 89 i 89 j 89 i 89 j −4 − 5 89 + 8 898=9 j 20 89 − 32 89 89 i i j 89 89 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
416 คูมอื ครูรายวชิ าเพมิ่ เตมิ คณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 1 4) เวกเตอรที่มขี นาด 4 หนว ย และขนานกับ คือ CD 114 − 8 114 − 7 114 =− 4 114 − 32 114 − 28 114 และ 4 − i j 114 k 114 i 114 j k 114 114 114 114 − 8 114 − 711141=4 k 4 114 + 32 114 28 114 −4 − i j i j+ k 114 114 114 114 114 แบบฝกหัด 3.4 1. 1) u ⋅ v = (3i + 4 ) ⋅ ( + ) j 2i j = (3)(2) + (4)(1) 2) u ⋅ v = 1( 02i + 5 ) ⋅ ( ) = j j = (2)(0) + (5)(1) u ⋅ v = 5 = −i + 3 j + k ⋅ 3i + 4k ( ) ( )3) = (−1)(3) + (3)(0) + (1)(4) u ⋅ v = 1 (3i = −i − k j ( )4) ⋅ + ) = (−1)(3) + (0)(1) + (−1)(0) = −3 2. ให θ เปน มมุ ระหวาง u และ v ซงึ่ 0° ≤ θ ≤180° จากทฤษฎีบท 3 จuuะ⋅ไvvดวา u ⋅ v =u v cosθ ดงั นัน้ cosθ = 1) เน่ืองจาก u ⋅ v = (3i + 2 ) ⋅ (9i + 6 ) = (3)(9) + (2)(6) = 39 j j และ u = 32 + 22 = 9 + 4 = 13 v = 92 + 62 = 81 + 36 = 117 จะได cosθ = 39 = 1 ดงั น้ัน θ = 0° 13 117 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมอื ครรู ายวชิ าเพม่ิ เติมคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 1 417 2) เนอ่ื งจาก u ⋅ v = (3i + ) ⋅ ( −2i + ) = (3)(−2) + (1)(1) = −5 j j และ u = 32 +12 = 9 +1 = 10 v = (−2)2 +12 = 4 +1 = 5 จะได cosθ = −5 = − 1 10 5 2 3) ดงั นน้ั =θ 135° ( + − ) ⋅ (i + 2 + ) เนอ่ื งจาก u ⋅ v = 2i j k j 4k = (2)(1) + (1)(2) + (−1)(4) จะไดวา u =0 v ตัง้ ฉากกับ ดงั น้นั θ= 90° 4) เน่ืองจาก u ⋅ v = ( − 2 − ) ⋅ (i − ) i j k j = (1)(1) + (−2)(−1) + (−1)(0) =3 และ u = 12 + (−2)2 + (−1)2 = 1+ 4 +1 = 6 v = 12 + (−1)2 + 02 = 1 + 1 + 0 = 2 จะได cosθ = 3 =3 ดังนน้ั θ= 30° 62 2 3. 1) u ⋅ v + u ⋅ w = 2 ⋅ 4 + 2 ⋅ 1 −3 1 −3 −1 = ((2)(4) + (−3)(1)) + ((2)(1) + (−3)(−1)) = 5+5 = 10 2) (u + v) ⋅ (u + v) = 2 + 4 ⋅ 2 + 4 −3 1 −3 1 = 6 ⋅ 6 −2 −2 = (6)(6) + (−2)(−2) = 40 สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
418 คมู อื ครรู ายวชิ าเพิ่มเติมคณิตศาสตร ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 1 3) v ⋅ (u + v) = 4 ⋅ 2 + 4 1 −3 1 = 4 ⋅ 6 1 −2 = (4)(6) + (1)(−2) = 22 4) (u + v) ⋅ (u − v) = 2 + 4 ⋅ 2 − 4 −3 1 −3 1 = 6 ⋅ −2 −2 −4 = (6)(−2) + (−2)(−4) = −4 u ⋅ v + u ⋅ w −4 2 −4 6 2 7 2 −3 4. 1) = ⋅ + ⋅ 4 −7 4 0 = ((−4)(2) + (2)(7) + (4)(−7)) + ((−4)(6) + (2)(−3) + (4)(0)) = −22 − 30 = −52 (u + v) ⋅ (u + v) −4 2 −4 2 2 7 2 7 2) = + ⋅ + 4 −7 4 −7 −2 −2 9 9 = ⋅ −3 −3 = (−2)(−2) + (9)(9) + (−3)(−3) = 94 v ⋅ (u + v) 2 −4 2 7 2 7 3) = ⋅ + −7 4 −7 2 −2 7 9 = ⋅ −7 −3 = (2)(−2) + (7)(9) + (−7)(−3) สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวิชาเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปที่ 5 เลม 1 419 v ⋅ (u + v) = 80 (u + v) ⋅ (u − v) −4 2 −4 2 2 7 2 7 4) = + ⋅ − 4 −7 4 −7 −2 −6 9 ⋅ −5 = −3 11 = (−2)(−6) + (9)(−5) + (−3)(11) = −66 5. จาก u ⋅ v =u v cosθ และ u > 0, v > 0 จะไดว า u ⋅v มเี ครอ่ื งหมายเดยี วกับ cosθ 1) ถา u ⋅ v > 0 จะได cosθ > 0 นน่ั คอื 0° < θ < 90° ดงั นน้ั θ เปน มมุ แหลม 2) ถา u ⋅ v =0 จะได cosθ = 0 นั่นคือ θ= 90° ดงั นัน้ θ เปน มมุ ฉาก 3) ถา u ⋅ v < 0 จะได cosθ < 0 นนั่ คือ 90° < θ <180° ดังน้ัน θ เปนมมุ ปาน 6. 1) เน่ืองจาก 2 ⋅ 3 = (2)(3) + (3)(−2) = 0 3 −2 ดังนน้ั 2 และ 3 ตงั้ ฉากกัน 3 −2 2) เนอ่ื งจาก 2 ⋅ −1 = (2)(−1) + (6)(3) = 16 6 3 ดังนั้น 2 และ −1 ไมตั้งฉากกัน 6 3 สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
420 คมู อื ครูรายวิชาเพม่ิ เติมคณิตศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปที่ 5 เลม 1 2 1 3) เนอื่ งจาก −2 ⋅ 2 = (2)(1) + (−2)(2) + (1)(2) = 0 1 2 2 1 ดังนัน้ −2 และ 2 ต้ังฉากกนั 1 2 เนอื่ งจาก 2 2 1 −2 4) ⋅ = (2)(2) + (1)(−2) + (2)(1) = 4 2 1 2 2 ดงั นน้ั 1 และ −2 ไมต ้ังฉากกนั 2 1 7. 1) ถา u ต้งั ฉากกบั v จะได u ⋅ v =0 เนือ่ งจาก u ⋅ v = (1− m)(m) + (2)(m + 2) = m − m2 + 2m + 4 = −m2 + 3m + 4 จะได −m2 + 3m + 4 = 0 m2 − 3m − 4 = 0 (m − 4)(m +1) = 0 น่นั คือ m = 4 หรือ m = −1 ดังนน้ั u ตงั้ ฉากกบั v เมอื่ m = 4 หรอื m = −1 ( )2) u = (1− m)2 + 22 = 1− 2m + m2 + 4 = m2 − 2m + 5 ( )และ v = m2 + (m + 2)2 = m2 + m2 + 4m + 4 = 2m2 + 4m + 4 ถา u มขี นาดเทากบั v จะได m2 − 2m + 5 = 2m2 + 4m + 4 m2 − 2m + 5 = 2m2 + 4m + 4 m2 + 6m −1 = 0 จะได −6 ± 62 − 4(1)(−1) 10 m= 2(1) =−3 ± ดงั นน้ั u มขี นาดเทากับ v เม่ือ m =−3 + 10 หรอื m =−3 − 10 สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมอื ครรู ายวชิ าเพ่มิ เติมคณติ ศาสตร ชั้นมัธยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 1 421 8. เนื่องจาก u ตงั้ ฉากกบั v จะได u ⋅v =0 1) u + v 2 = (u + v) ⋅ (u + v) = (u + v) ⋅ u + (u + v) ⋅ v = u ⋅ (u + v) + v ⋅ (u + v) = u ⋅ u + u ⋅ v + v ⋅ u + v ⋅ v = u 2 + u ⋅ v + u ⋅ v + v 2 = u 2 + 2(u ⋅ v) + v 2 = u 2 + 2(0) + v 2 = u 2 + v 2 ดงั นั้น u + v 2 = u 2 + v 2 2) u − v 2 = (u − v) ⋅ (u − v) = (u − v) ⋅ u − (u − v) ⋅ v = u ⋅ (u − v) − v ⋅ (u − v) = u ⋅ u − u ⋅ v − v ⋅ u + v ⋅ v = u 2 − u ⋅ v − u ⋅ v + v 2 = u 2 − 2(u ⋅ v) + v 2 = u 2 − 2(0) + v 2 = u 2 + v 2 ดังนน้ั u − v 2 = u 2 + v 2 9. จาก u + v 2 = u 2 + 2(u ⋅ v) + v 2 จะได 42 = 52 + 2(u ⋅ v) + 32 2(u ⋅ v) = −18 และจาก u − v 2 = u 2 − 2(u ⋅ v) + v 2 จะได u − v 2 = 52 − (−18) + 32 นน่ั คือ u − v = 52 u − v =− 52 =52 หรือ เน่ืองจาก u − v ≥ 0 ดังน้ัน u − v =52 สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
422 คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที่ 5 เลม 1 10. เน่ืองจาก ขนานกับ จะไดว า มีจาํ นวนจริง k ท่ี k ≠0 ซงึ่ OC OB OC = kOB ดังนน้ั 4 4k และ OC = k1 = k AC = AO + OC = −1 + 4k −3 k เน่อื งจาก =ตงั้ ฉ4าkกkก−−บั 31OB จะได AC AC ⋅ OB = 0 4k − 1 ⋅ 4 = 0 k − 3 1 (4k −1)(4) + (k − 3)(1) = 0 17k − 7 = 0 k= 7 17 จะได O=C 28 i + 7 j 17 17 และ AC = AO + OC = (−i − 3 ) + 28 + 7 = 11 − 44 j 17 i 17 j 17 i 17 j สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมอื ครรู ายวิชาเพิม่ เติมคณติ ศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปท ี่ 5 เลม 1 423 จะได 28 2 + 7 2 = 784 + 49 = 833 =7 17 OC = 17 17 289 17 17 และ 11 2 + − 1474=2 121 + 19=36 20=57 1=21 11 17 A=C 17 289 289 17 17 ดังนนั้ พ้นื ทข่ี องรูปสามเหลย่ี ม OAC เทากับ =1 OC AC 2 12= 71717 111717 77 ตารางหนวย 34 11. จาก=AB =59 −− 78 −2 แล=ะ AD =1130 −− 78 6 1 2 จะได AB = (−2)2 + 12 = 4+1 = 5 และ 62 + 22= 36 + 4= 40 AD= AD AB ให θ เปนขนาดของมุมระหวาง และ จะได AB ⋅ AD =AB AD cosθ เนอ่ื งจาก ⋅ =−21 ⋅ 6 =( −2 ) ( 6) + (1)( 2) =−10 AB AD 2 จะได −10 = ( 5)( )40 cosθ cosθ = ( −10 5)( 40) = −1 2 นน่ั คือ θ = 135° จะไดวา BAˆ=D 135° เนอ่ื งจาก รูปสี่เหล่ยี ม ABCD เปน รูปสเ่ี หล่ยี มดานขนาน จะไดว า และ จาก B=ˆ Dˆ= 45° Aˆ= Cˆ= 135° u + v + w = 0 12. จะได −w = u + v −w 2 = u + v 2 w 2 = u 2 + 2(u ⋅ v) + v 2 จาก u − v = 3 สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
424 คูมอื ครูรายวชิ าเพ่มิ เตมิ คณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 1 u − v 2 = 3 u 2 − 2(u ⋅ v) + v 2 = 3 12 − 2(u ⋅ v) +12 −2(u ⋅ v) =3 2(u ⋅ v) =1 = −1 จะได w 2 = 12 + (−1) +12 w 2 = 1 นน่ั คือ w = 1 ดงั นนั้ ขนาดของ w เทากับ 1 13. ให ABC เปน รปู สามเหลยี่ มมุมฉาก โดยมี AC เปนดานตรงขา มมุมฉาก ดังรูป จาก AB + BC = AC 2 2 จะได AB + BC = AC ( ) 2 2 2 AB + 2 AB ⋅ BC + BC = AC เน่อื งจาก AB ตง้ั ฉากกบั BC จะได AB ⋅ BC = 0 2 2 นน่ั คือ AB + BC 2 = AC ดงั น้ัน AB2 + BC2 =AC2 สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คูมือครรู ายวชิ าเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศึกษาปที่ 5 เลม 1 425 14. ให ABCD เปนรปู ส่ีเหล่ียมขนมเปย กปนู และ เสนทแยงมุม AC และ BD ตัดกัน ดังรปู เจจจนาะะ่อืกไแดงรสจูปดางกจวะาAไAดCADC⋅BA==DตCBงั้ Cฉ=าAกดBก(งั บัA+นBน้ัBB+CDBB=CDแล)ะ⋅(BBBC=CD−−AAABBD) − AB ( ) ( ) = BC + AB ⋅ BC − AB = BC ⋅ BC − BC ⋅AB + AB ⋅ BC − AB ⋅ AB = BC ⋅ B−CA−BA2B ⋅ AB = BC 2 นนั่ คอื = 0 AC BD ต้งั ฉากกับ ดังนน้ั เสน ทแยงมุมของรปู ส่ีเหล่ียมขนมเปย กปูนตดั กันเปนมุมฉาก แบบฝกหดั 3.5 1. 1) j × k = i 2) k × i = j 3) k × j = −i 4) i× k = − j 5) j × j = 0 6) k × k = 0 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
426 คูมือครรู ายวชิ าเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที่ 5 เลม 1 ij k 2. 1) u × v = 2 0 3 1 2 −1 0 3 2 3 2 0 = i − j+ k 2 −1 (31)(2−))1i 1 2 = − − − (3)(1) ) + (( 2) (2) − ( 0)(1)) (( 0)(1) ((2) ( −1) j k + = −6i + 5 j 4k ij k v × u = 1 2 −1 20 3 2 −1 1 −1 1 2 = i − j+ k 03 2 3 20 = − ( −1) ( 2 ) ) + ((1)(0) − (2 ) ( 2)) ((2)(3) − ( −1) (0)) i ((1)(3) − j k = 6i −5 j −4k ij k 2) u × v = 1 1 −1 01 0 = 1 −1 − 1 −1 + 1 1 i j k 10 0 0 01 = − ( − − ( −1)(0 )) + ((1) (1) − (1) (0)) ((1)(0) −1) (1)) i ((1)(0) j k = i+ k ij k v × u = 0 1 0 1 1 −1 1 0 0 0 0 1 = i − j+ k 1 −1 1 −1 11 = ((1)( −1) − (0) (1)) i − ((0)( −1) − ( 0) (1)) j + ((0)(1) − (1) (1)) k = −i − k สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู อื ครรู ายวิชาเพมิ่ เติมคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 1 427 3) u × v ij k =2 7 0 5 4 −3 7 0 2 0 2 7 = i− j+ k 4 −3 5 −3 5 4 = − −3) − ( 0) (5)) + (( 2) (4) − ( 7) (5)) ((7 )(−3) − (0) (4)) i ((2 )( j k = −21i+ 6 j − 27k ij k v × u = 5 4 −3 27 0 4 −3 5 −3 5 4 = i− j+ k 7 0 2 0 27 = 4) ( − 0) − ( −3) ( 2)) + ((5) (7) − ( 4)(2)) (( 0) − ( −3)( 7)) i ((5)( j k = 21i −6 j +27k i jk 3. 1) u × v = 5 −3 4 0 1 −1 −3 4 5 4 5 −3 = i − j+ k 1 −1 0 −1 0 1 = − − ( 4)(0)) + ((5)(1) − ( −3) ( 0)) ( ( −3) ( −1) −( 4 ) (1)) i ((5) ( −1) j k = −i + 5 j + 5k 2) u × v = (−1)2 + 52 + 52 = 1+ 25 + 25 = 51 3) เนอื่ งจาก u = 52 + (−3)2 + 42 = 25 + 9 +16 = 50 = 52 และ v = 02 +12 + (−1)2 = 0+1+1 สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
428 คูมือครูรายวิชาเพม่ิ เตมิ คณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 1 v = 2 จาก u × v = u v sinθ u × v จะได sinθ = u v นัน่ คอื sinθ = (5 51 2) 2)( = 51 10 ดงั นั้น ไซนข องมุมระหวา ง u และ v คือ 51 10 4. =ให u =aa21 , v b1 w c1 b2 และ c2 เปน เวกเตอรในระบบพกิ ดั ฉากสามมติ ิ = a3 b3 c3 i jk จะได v × w = b1 b2 b3 u ⋅ (v × w ) = c1 c2 c3 ) − (b1c3 − b3c1 ) + (b1c2 − b2c1 ) = b3c2 i j k (b2c3 − (a1 )(b2c3 − b3c2 ) − (a2 )(b1c3 − b3c1 ) + (a3 )(b1c2 − b2c1 ) = a1b2c3− a1b3c2 − a2b1c3 + a2b3c1 + a3b1c2 − a3b2c1 i jk และ u × v = a1 a2 a3 (u × v) ⋅ w = b1 b2 b3 ) − ( a1b3 − a3b1 ) + ( a1b2 − a2b1 ) = a3b2 i j k (a2b3 − (a2b3 − a3b2 )(c1 ) − (a1b3 − a3b1 )(c2 ) + (a1b2 − a2b1 )(c3 ) ดงั น้ัน = a2b3c1 − a3b2c1 − a1b3c2 + a3b1c2 + a1b2c3 − a2b1c3 = a1b=2c3(−u ×a1vb3)c⋅2w− a2b1c3 + a2b3c1 + a3b1c2 − a3b2c1 u ⋅ (v × w ) สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวชิ าเพมิ่ เตมิ คณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปที่ 5 เลม 1 429 u a1 v b1 วธิ ที ี่ 1 ให และ b2 เปน เวกเตอรในระบบพิกัดฉากสามมิติ จะได 5. = a2 = a3 b3 (u − v) × (u + v) a1 − b1 a1 + b1 a2 = a2 − b2 × + b2 a3 − b3 a3 + b3 k ij = a1 − b1 a2 − b2 a3 − b3 −++−((a((2a(1(2a2a((aa+a2aa2a113baa211b−331)2+−−bb−++2ba3b112)a2aa−))b(b112(b(ab3(2+a3a22a3−323a−b+−b)+32+b2bbi)1ab13bbaa−332)2a32))−(−3−−−2i−(b+ab(ba−2(11ba1b3abbb333332−(2−−2−−−−baba32ba1a33)2b3)2a)(a1)ba(a2a1(31a32a−−1−−)1++aa(a+j3b322b+bb2bb1a1211)()3)++2+)iabbjkbb11332baaa212j1−++++2bbbb3(32b12bba112a)2)1))jk)ikb2 − (2a2 )b1 ( )= (( ))= k = ( ) ( ) ( )= i jk = 2a1 2a2 2a3 = (2bu1) × vb2 b3 วธิ (uีท ่ี 2 ×ให(u u vแ)ละ=v (เ(ปuน −เวvก)เ×ตอuร)ใ+ด(ๆ(uใน−รvะ)บ×บvพ)ิกัดฉากสามมิติ จะไดวา − v + ) = ((u + (−v)) × u) + ((u + (−v)) × v) = (u × u) + ((−v) × u) + (u × v) + ((−v) × v) (0u+×(uu)×−v()v+×(uu)×+v()u−×0v) − (v × v) = = = 2(u × v) = (2u) × v สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
430 คมู ือครูรายวชิ าเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 1 6. 1) ไมสามารถดาํ เนนิ การได 2) สามารถดําเนนิ การได และมีผลลัพธเ ปน ปริมาณเวกเตอร 3) สามารถดาํ เนินการได และมีผลลัพธเ ปน ปรมิ าณเวกเตอร 4) ไมสามารถดําเนินการได 5) สามารถดําเนินการได และมีผลลพั ธเ ปนปรมิ าณสเกลาร 7. เวกเตอรท ่ีมีทศิ ทางตั้งฉากกับระนาบที่กําหนดดวย u และ v คอื u × v และ v ×u i jk จาก u × v = 2 −1 1 −1 1 −2 −1 1 2 1 2 −1 = i− j+ k 1 −2 −1 −2 −1 1 = (( −1)( −2) − (1) (1)) i − ((2)( −2) − (1) ( −1) ) j + (( 2)(1) − ( −1) ( −1)) k = i +3j +k และ v × u = −(u × v) = −i − 3 j − k เนอ่ื งจาก u ⋅ v = (2)(−1) + (−1)(1) + (1)(−2) = −2 −1− 2 = −5 = 5 และ u × v = 12 + 32 +12 = 11 (i จะได เวกเตอรหน่ึงหนว ยท่มี ีทิศทางเดยี วกบั u × v คอื 1 + 3 j + k ) 11 k ) และเวกเตอรหนงึ่ หนว ยทีม่ ศิ ทางเดียวกบั v × u คือ − 1 (i + 3 + j 11 ดังนนั้ เวกเตอรสองเวกเตอรทีม่ ขี นาดเทา กับ u ⋅v และมีทศิ ทางตง้ั ฉากกบั ระนาบที่ กาํ หนดดวย u และ v คอื i + 3 j + =k 11 11 5 11 k ( )5 5 i + 15 j + และ 11 11 11 11 15 11 5 11 i +3j +k i j k ( )− 5 =− 5 11 − − 11 11 11 11 สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวิชาเพมิ่ เติมคณิตศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปที่ 5 เลม 1 431 8. พื้นท่ีของรปู ส่เี หลี่ยมดานขนาน PQRS เทา กบั PQ × PS เนอื่ งจาก ij k PQ × PS = 3 −2 0 0 34 −2 0 3 0 3 −2 = i− j+ k 34 04 03 = (( − 4) − (0) ( 0)) + ((3) (3) − ( −2 ) ( 0)) −2 ) ( 4 ) (0)(3)) i − ((3)( j k = −8i −12 j + 9k จะได PQ × PS = (−8)2 + (−12)2 + 9=2 64 +144 + 8=1 28=9 17 ดังนั้น รปู สีเ่ หลยี่ มดา นขนาน PQRS มีพน้ื ท่ี 17 ตารางหนว ย 9. พื้นท่ีรูปสามเหล่ียม ABC เทากบั 1 AB × AC 2 เน่อื งจาก 8 − 0 8 AB 2 6 8i j 4k = 8− = = + 6 − −2 − 2 −4 และ = 9 − 0 = 9 = + 10 + ดงั น้นั AC 12 − 2 10 9i j 4k 6− 2 4 i j k AB × AC = 8 6 −4 9 10 4 6 −4 8 −4 8 6 = i− j+ k 10 4 9 4 9 10 ( −4 ) (10 ) ) i = (( 6) ( 4) − − ((8)( 4) − ( −4)(9)) j k + ((8) (10) − (6) (9)) = 64i − 68 j + 26k จะได AB × AC = 642 + (−68)2 +=262 9=,396 18 29 ดงั น้นั รปู สามเหลย่ี ม ABC มีพน้ื ที่ 1 (18 )29 = 9 29 ตารางหนว ย 2 สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
432 คมู อื ครูรายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศึกษาปที่ 5 เลม 1 10. 1) เน่อื งจากปริมาตรของทรงสเ่ี หลยี่ มดานขนานเทากับ u ⋅(v × w ) i jk v × w = 1 1 0 011 1 0 1 0 1 1 = i − j+ k 11 01 01 = − (0 ) ( 0) ) + ((1)(1) − (1) (0)) ((1)(1) −(0)(1)) i − ((1)(1) j k = i − j+k จะได (i + ) ⋅ (i − + k ) u ⋅ (v × w ) = k j = (1)(1) + (0)(−1) + (1)(1) =2 =2 ดงั น้นั ทรงส่เี หลย่ี มดานขนานมปี ริมาตร 2 ลูกบาศกหนว ย 2) เน่อื งจากปริมาตรของทรงสี่เหลี่ยมดา นขนานเทากบั u ⋅(v × w ) i jk v × w = 1 −1 1 1 12 −1 1 1 1 1 −1 = i − j+ k 12 12 11 = ( − − (1) (1)) + ((1) (1) − ( −1) (1)) ( −1) ( 2 ) (1)(1)) i − ((1)(2) j k ( ) ( )=−3i −j + 2k = u (v × w ) จะได ⋅ + 3 − ⋅ 2i j 4k −3i − j + 2k = (2)(−3) + (3)(−1) + (−4)(2) = −17 = 17 ดงั น้ัน ทรงสี่เหลี่ยมดานขนานมีปรมิ าตร 17 ลกู บาศกห นวย สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู อื ครูรายวิชาเพิม่ เติมคณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปท่ี 5 เลม 1 433 แบบฝก หดั ทายบท 1. 1) ตAAAัวEDBอ /ย/////า ECDงCเBCวกโโโเดดดตยยยอทททรีี่่ ที่ AA่ขีAEDนBาแนแแลลลกะะะนั DC CB มีทิศทางเดียวกัน EC มีทศิ ทางตรงขามกนั มีทศิ ทางเดยี วกัน 2) ตัวอยา งเวกเตอรท ่เี ทากนั AB = DC AE = EC 3) ตAัวDอยาแงลเะวกCเตBอรเทปเ่ีนปนน เิ นสธเิ สกธันกัน 2. ใหจดุ O เปน จดุ เรมิ่ ตน และให ทศพรและปุณณเ ดินมายังจุด A และจุด B ตามลําดบั ให C เปนจุดท่ีทําให AC ต้งั ฉากกับ OB ดังรปู เน่ืองจาก OA = OB จะไดวา รปู สามเหลย่ี ม OAB เปนรูปสามเหล่ยี มหนาจั่ว ดังนั้น OAˆB = OBˆA จะได OBˆA = 1 (180° − 45°) = 67.5° 2 ดงั น้ัน ทศพรอยูทางทิศ 292.5° ของปุณณ โดยวัดจากทิศเหนือไปตามเขม็ นาฬิกา สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
434 คมู ือครรู ายวชิ าเพิม่ เติมคณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปท ่ี 5 เลม 1 3. 1) BC = vBD+w+ DC = 2) BC + CD = BvD = 3) BE = BD + DE ( )= BD + −ED ( ( ))( ) = v−u 4) AB − DB + DE = AB − −BD + DE ( ) = AB + BD + DE = AE = t 5) CA = CD+ DE+ EA = −−wD C−u−−EtD − AE = ( ) ( ) 6) BA + AE − DC + CE = BE − DE = BE + ED = BvD = 4. จากรูป จะได 1 และ 1 A=B AC + CB , EC = AC CD = CB 22 ED EC CD 1 AC 1 CB 1 AC + CB 1 AB ( )เน่ืองจาก = + = + = = 2 2 2 2 BG / / GE สังเกตวา AG / / GD และ จะไดวา สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
คูมือครูรายวชิ าเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ช้นั มัธยมศึกษาปท่ี 5 เลม 1 435 มจี าํ นวนจรงิ k ซ่งึ k ≠0 ท่ี = และมีจํานวนจริง m ซงึ่ m≠0 ที่ = AG k GD BG mGE AB จาก = 1 ED 2 AG − BG จะไดวา ( ) = 1 GD − GE 2 1 kGD − mGE ( )= 2 GD GE ดงั นัน้ GD1แ−ละk2 GE = 1 − m เนอื่ งจาก 2 ไมข นานกันและไมใชเวกเตอรศนู ยท ง้ั คู จะไดว า 1− k = 0 และ 1− m = 0 22 นนั่ คอื k= 2 และm = 2 ดังนัน้ AG = 2GD 5. 1) BF = BA+ AF = −−uA B+ v+ AF = 2) ใหจ ดุ O เปนจดุ ตดั ของเสนทแยงมมุ AD, BE และ CF CF AB จะไดวา CรOCปูสF=า=มOเCหFOล=ย่ี +ม−OAAFOB=B=−เ−2ปuนuรูปสามเหล่ียมดานเทา และ ขนานกบั ดังน้นั จะไดว า สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
436 คมู อื ครรู ายวชิ าเพม่ิ เตมิ คณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปท่ี 5 เลม 1 3) ดในงั ทนาํัน้ นองเEดFียวก===บั ขอ−−EvvO2)+−+จ(uO−ะuไFด)ว า =−v EO =− AF 6. จาก w เปน เวกเตอรที่มที ิศทางตรงขามกบั v และมีขนาดเปน 1 เทาของขนาดของ v 2 จะได w = − 1 v หรือ v = − 2w 2 จะได u =3(−2w ) =− 6w และจาก u = 3v ดงั นน้ั u เปน เวกเตอรท่ีมที ิศทางตรงขามกับ w และมีขนาดเปน 6 เทาของขนาดของ w 7. จาก (a + 2b − 7)u= (3b − a − 3)v เนื่องจาก u และ v เปน เวกเตอรท่ีไมขนานกนั และไมใ ชเวกเตอรศ ูนยทั้งคู จะได a + 2b − 7 = 0 --------- (1) และ 3b − a − 3 = 0 --------- (2) จาก (1) และ (2) จะได b = 2 และ a = 3 8. จากรูป จะได PQ = PC + CQ = 1 + 3 BC CD 34 1 AD 3 − AB ( )= + 34 = − 3 AB + 1 AD 43 ดงั นั้น a = − 3 และ b = 1 43 สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครูรายวชิ าเพม่ิ เตมิ คณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 5 เลม 1 437 9. จากรปู จะได u + + 1 =AB BM =AB BC 2 และ v = AD + DN = AD + 1 DC = BC + 1 AB 22 AB ดงั นน้ั 4 u − 2 v = 4 AB + 1 BC − 2 BC + 1 33 3 2 3 2 = 4 + 2 − 2 + 1 3 AB 3 BC 3 BC 3 AB = 4 + 2 − 2 − 1 AB BC BC AB 3 3 3 3 = AB 10. ให (x, y, z) เปนจดุ ที่อยหู า งจากจดุ (0, 0, 0) และ (1, 2, 3) เปน ระยะทางเทา กนั จะได ( x − 0)2 + ( y − 0)2 + ( z − 0)2 = ( x −1)2 + ( y − 2)2 + ( z − 3)2 x2 + y2 + z2 = x2 − 2x +1+ y2 − 4y + 4 + z2 − 6z + 9 x2 + y2 + z2 = x2 − 2x +1+ y2 − 4y + 4 + z2 − 6z + 9 2x + 4 y + 6z = 14 x + 2y + 3z = 7 นน่ั คือ =a 2=, b 3 และ c = 7 สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
438 คูม ือครรู ายวชิ าเพมิ่ เติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศกึ ษาปท่ี 5 เลม 1 11. 1) จาก A เปนภาพฉายของจุด P บนแกน X จะได A มพี กิ ัดเปน (1, 0, 0) 2) จาก B เปนภาพฉายของจุด P ในระนาบ XY 3) จะได B มพี กิ ดั เปน (1, − 2, 0) จาก C เปน ภาพฉายของจดุ P บนในระนาย XZ จะได C มพี ิกัดเปน (1, 0, 2) จะได 1 −1 0 AB = −2 − 0 = −2 0 − 0 0 = 1 −1 = 0 AC 0 − 0 0 2 − 0 2 1−1 0 BC = 2 0 − (−2)= 2 − 0 2 และ AB= 02 + (−2)2 + 0=2 2 AC = 02 + 02 + 22 = 2 02 + 22 + 22 = 2 2 BC = จะเห็นวา AB = AC แจดะลังนไะดน้ัเนวาอื่รปูงAจสาBากมตเห้ังAลฉBีย่ากม⋅=กAAับCBCA(Cเ0ป)น(ร0ปู ) ส+า(ม−เ2ห)ล(0่ยี ม) +หน(0า)=จ(ัว่ 2) 0 นนั่ คอื รปู สามเหล่ียม ABC เปน รูปสามเหลีย่ มมมุ ฉากดวย ความยาวรอบรูปของรปู สามเหล่ยี ม ABC เทา กับ 2 + 2 + 2 2 = 4 + 2 2 หนว ย พื้นท่ขี องรปู สามเหลีย่ ม ABC เทากบั 1 (2)(2) = 2 ตารางหนวย 2 สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คมู ือครรู ายวิชาเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 1 439 12. 1) − 1 u = 2 1 − 1 −2 2) 2t −2 2 −4 3) 2 = 2 + 1 −4 2 = 2 +1 −4 + 2 3 = −2 จาก u − = −2 − 3 1 3t −4 −2 = −2 + −3 −4 6 −2 + (−3) = −4 + 6 = −5 2 ดงั น้นั นเิ สธของ u − คือ − −5 =−25 3t 2 2(v + 2w ) 0 −2 2 −2 4 = + 2 1 −5 0 −4 −2 8 = 2 + 1 −10 0 + (−4) = 2 −2 + 8 1+ (−10) −4 6 = 2 −9 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
440 คูมือครูรายวชิ าเพ่มิ เติมคณิตศาสตร ชัน้ มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 5 เลม 1 2(v + 2w ) = −8 12 −18 1 (3v − w ) 0 −2 จาก 1 −2 4 4) 2 = 2 3 1 − 13. −5 0 −2 1 −6 4 = 2 3 − −5 0 − (−2) 1 = 2 −6 − 4 3 − (−5) 1 2 2 −10 = 8 1 = −5 4 ดังนัน้ นเิ สธของ 1 (3v − w ) คือ 1 −1 − −5 = 5 2 4 −4 จากรูป DE = ( )DA+AE = − AD + AE สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 481
Pages: