Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore (คู่มือ) หนังสือเรียนสสวท พื้นฐานคณิตศาสตร์ ป.1 ล.2

(คู่มือ) หนังสือเรียนสสวท พื้นฐานคณิตศาสตร์ ป.1 ล.2

Published by Www.Prapasara, 2021-01-22 05:14:44

Description: (คู่มือ) หนังสือเรียนสสวทพื้นฐานคณิตศาสตร์ ป.1 ล.2
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน คณิตศาสตร์

ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1
เล่ม 2
ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

Keywords: (คู่มือ) หนังสือเรียนสสวทพื้นฐานคณิตศาสตร์ ป.1 ล.2,คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน คณิตศาสตร์,กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560),หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

Search

Read the Text Version

35 39 67 88 89 90 91 88 59

55 32 60 10 64 80 10 83

35 13 3 10 3 10 13 13 10 3 10 3 13 13

56 18 8 10 8 10 18 18 5 13 5 13 18 18

35

57 32 32 43 43 24 24

35 23 23 27 27 23 23

58 62 87 3 ๖๒ 84 33 ๘๔ ๓๓ 99 38 75 7 24 31 ๒๔ ๓๑ 76 51 25 ๒๕

35 2 10 3 13 26 38 ๒๖ ๓๘ 4 10 1 12 44 15 ๔๔ ๑๕ 8 10 5 14 90 64 3 9 87 55 ๘๗ ๕๕

59 3 10 4 14 12 15 ๑๒ ๑๕ 5 10 6 11 37 27 ๓๗ ๒๗ 7 10 8 15 80 95 65 59 15 36 ๑๕ ๓๖

36 50 9 7 70 75 45 75 6 52 5 52 93 43 40 3 70 7 77 43 3 40 77 70 7

60 60 30 17 55 50 90 50 61 92 19 92 92 100 75 25 60 40 100 100 25 75 100 60 40

36 46 5 5 39 3 3 29 4 30 31 32 33 4 57 5 52 53 53 55 56 57 5

61 9 44 36 = 8 9 8 7 47 + = 55 7 55 47 = 8 56 8 56 84 7 = 77 81 77 81 81 + 9 = 90 90

36

62 30 45 55 65 75 4 40 40 49 59 69 79 89 99 5 50 50

36 17 71 − 38 33 17 33 34 80 − 44 36 34 36 24 33 + 61 24 61 − 33 28 95 28 95 37 + 37 74 74

63 30 + = 50 43 + = 53 50 − 30 = 53 − 43 = 50 − 30 = 20 53 − 43 = 10 ดังนน้ั 30 + 20 = 50 ดังนั้น 43 + 10 = 53 + 47 = 74 49 + = 77 74 − 47 = 77 − 49 = 74 − 47 = 27 77 − 49 = 28 ดงั นัน้ 27 + 47 = 74 ดงั นั้น 77 − 28 = 49 − 36 = 36 90 − 65 = 36 + 36 = 90 − 65 = 25 36 + 36 = 72 ดังน้ัน 72 − 36 = 36 ดังน้ัน 90 − 65 = 25

36 12 9 22 25 12 วนั องั คาร

64 15 15 30 20 10 30 7 15 22

36 15 10 25 25 15 40 8 18 26

65 23 8 23 8 31 18 10 18 + 10 = 28 45 15 45 + 15 = 60 * คําตอบอาจแตกตา งจากน้ี ข้ึนอยกู ับคําตอบของนักเรยี น

36 56 22 78 9 69 78 34 11 45

66 30 5 35 75 15 90

36 12 36 24 12 24 55 17 55 + 17 = 72 9 8 9 + 8 = 17 * คาํ ตอบอาจแตกตางจากนี้ ขึ้นอยูกบั คําตอบของนกั เรียน

67 48 12 36 14 9 5 44 26 18

36 12 5 7 32 16 16 22 9 13

68 27 9 27 9 18 30 10 30 − 10 = 20 32 5 32 − 5 = 27 * คําตอบอาจแตกตา งจากนี้ ขึ้นอยูกับคาํ ตอบของนักเรียน

36 20 6 14 21 10 11 45 23 22

69 16 7 9 50 18 32

37 32 12 32 12 20 63 40 63 - 40 = 23 16 5 16 - 5 = 11 * คาํ ตอบอาจแตกตางจากนี้ ขึ้นอยกู บั คําตอบของนักเรียน

70 36 − 8 = 36 − 8 = 28 ๒๘ 55 + 45 = 55 + 45 = 100 ๑๐๐

37 23 - 6 = 23 - 6 = 17 ๑๗ 25 + 15 = 25 + 15 = 40 ๔๐ 90 - 45 = 90 - 45 = 45 ๔๕

71 22 + 7 = 22 + 7 = 29 ๒๙ 45 + 45 = 45 + 45 = 90 ๙๐ 43 - 34 = 43 - 34 = 9 ๙ 60 - 12 = 60 - 12 = 48 ๔๘

37 27- 15 = 27- 15 = 12 ๑๒ 30 + 12 = 30 + 12 = 42 ๔๒ 35 - 11 = 35 - 11 = 24 ๒๔

72 32 - 25 = 32 - 25 = 7 ๗ 60 - 24 = 60 - 24 = 36 ๓๖ 70 + 15 = 70 + 15 = 85 ๘๕ 32 - 13 = 32 - 13 = 19 ๑๙

37 18 - 10 = 18 - 10 = 8 ๘ 50 + 30 = 50 + 30 = 80 ๘๐ 55 - 20 = 55 - 20 = 35 ๓๕

73 32 + 17 = 32 + 17 = 49 ๔๙ 75 - 55 = 75 - 55 = 20 ๒๐ 100 - 20 = 100 - 20 = 80 ๘๐

37 6 50 6 + = 50 50 - 6 = 44 ๔๔ * อาจเขยี นประโยคสัญลักษณไดต า งจากนี้ 23 5 * อาจเขียนประโยคสญั ลกั ษณไดต างจากนี้ 5 + = 23 23 - 5 = 18 ๑๘

74 8 + = 20 20 − 8 = 12 ๑๒ 7 + = 26 26 − 7 = 19 ๑๙ 45 − = 5 45 − 5 = 40 ๔๐ * หนา นนี้ กั เรียนอาจเขียนประโยคสญั ลกั ษณไ ดตางจากน้ี

37 * หนา นน้ี กั เรยี นอาจเขยี นประโยคสัญลกั ษณไดต างจากนี้

75 + 18 = 22 22 − 18 = 4 ๔ − 9 = 30 30 + 9 = 39 ๓๙ + 10 = 38 38 − 10 = 28 ๒๘ * หนา นนี้ กั เรียนอาจเขยี นประโยคสัญลักษณไดตา งจากน้ี

37 มปี ลาและเตาทัง้ หมดกต่ี วั 10 + 7 = มปี ลามากกวา เตาก่ตี ัว 10 − 7 = * คําตอบอาจแตกตา งจากนี้

76 มีนก 11 ตวั มลี งิ 8 ตวั มนี กและลิงท้ังหมดกี่ตัว 11 + 8 = มีนกทง้ั หมด 11 ตัว เกาะบนกง่ิ ไม 3 ตวั มนี กกําลงั บนิ อยกู ตี่ วั 11 − 3 = * คาํ ตอบอาจแตกตางจากนี้

37 และมังคุดทัง้ หมดกีก่ โิ ลกรมั พลอยซือ้ เงาะ มากกวาลองกองกก่ี โิ ลกรมั แมคาขายสละ * คาํ ตอบอาจแตกตางจากนี้

77 ฝร่ังกิโลกรัมละ 35 บาท เงาะกิโลกรมั ละ 30 บาท ฝร่งั ราคามากกวาเงาะกโิ ลกรมั ละก่บี าท กลว ยหวีละ 18 บาท มงั คุด 1 กิโลกรมั ราคามากกวากลว ย 9 บาท มังคุดราคากิโลกรัมละกบ่ี าท * คําตอบอาจแตกตา งจากนี้

37 นภาขายกลว ยหอมได 20 หวี นภาขายกลวยหอมไดน อ ยกวา กลวยไข 5 หวี ดงั นน้ั นภาขายกลว ยไขไ ด 20 + 5 = 25 หวี นภาขายกลวยหอมและกลวยไข 20 + 25 = 45 หวี ตอบ นภาขายกลว ยหอมและกลว ยไขไ ดท ั้งหมด ๔๕ หวี

78

คูม่ ือครู รายวิชาพนื้ ฐาน คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 1 ความร้เู พ่มิ เตมิ ส�ำ หรบั ครู หลักสตู ร การสอน และการวดั ผลประเมนิ ผล เปน็ องค์ประกอบหลักท่ีส�ำ คญั ในการออกแบบแนวทางการจดั การเรียนรู้ หากมีการเปลี่ยนแปลงองคป์ ระกอบใดองค์ประกอบหนึ่ง จะสง่ ผลตอ่ องคป์ ระกอบอน่ื ตามไปดว้ ย ดงั น้นั เพื่อความสอดคล้อง และเกิดประสทิ ธิผลในการน�ำ ไปใช้ หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560) กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ จึงกำ�หนดเป้าหมายและจดุ เนน้ หลายประการท่ีครูควรตระหนกั และท�ำ ความเข้าใจ เพื่อให้ การจดั การเรียนร้สู ัมฤทธิผ์ ลตามท่ีกำ�หนดไว้ในหลักสูตร ครคู วรศึกษาเพิม่ เติมในเรือ่ งต่อไปนี้ 1. ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ ทักษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตรเ์ ปน็ ความสามารถท่ีจะนำ�ความรู้ไปประยกุ ต์ใชใ้ นการเรียนรสู้ ่ิงต่าง ๆ เพอื่ ให้ ไดม้ าซ่งึ ความรู้ และประยกุ ต์ใช้ในชวี ติ ประจ�ำ วันได้อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ในทีน่ ้ี เน้นที่ ทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตรท์ ีจ่ �ำ เป็น และต้องการพัฒนาให้เกดิ ข้ึนกับนักเรียน ไดแ้ กค่ วามสามารถต่อไปนี้ 1) การแก้ปญั หา เป็นความสามารถในการทำ�ความเข้าใจปญั หา คิดวเิ คราะห์ วางแผนแก้ปญั หา และเลอื กใช้ วธิ กี ารทเ่ี หมาะสม โดยค�ำ นึงถงึ ความสมเหตสุ มผลของค�ำ ตอบพรอ้ มทงั้ ตรวจสอบความถกู ต้อง 2) การส่ือสารและการสือ่ ความหมายทางคณติ ศาสตร์ เป็นความสามารถในการใชร้ ปู ภาษาและสญั ลกั ษณ์ ทางคณติ ศาสตรใ์ นการสื่อสาร ส่ือความหมาย สรปุ ผล และน�ำ เสนอไดอ้ ยา่ งถกู ต้อง ชัดเจน 3) การเชือ่ มโยง เป็นความสามารถในการใช้ความรทู้ างคณติ ศาสตรเ์ ปน็ เคร่ืองมือในการเรยี นรูค้ ณติ ศาสตร์เนื้อหา ต่าง ๆ หรือศาสตร์อน่ื ๆ และน�ำ ไปใช้ในชีวิตจรงิ 4) การใหเ้ หตุผล เปน็ ความสามารถในการใหเ้ หตผุ ล รับฟังและให้เหตผุ ลสนับสนนุ หรือโตแ้ ยง้ เพื่อนำ�ไปสูก่ ารสรุป โดยมขี อ้ เทจ็ จริงทางคณิตศาสตรร์ องรับ 5) การคดิ สร้างสรรค์ เปน็ ความสามารถในการขยายแนวคดิ ท่ีมีอยเู่ ดมิ หรอื สรา้ งแนวคดิ ใหมเ่ พือ่ ปรบั ปรงุ พฒั นา องคค์ วามรู้ 2. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงคใ์ นการเรยี นคณติ ศาสตร์ การจดั การเรยี นรู้คณิตศาสตรค์ วรมงุ่ เนน้ ให้นักเรียนเกิดคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงคต์ ่อไปนี้ 1) ท�ำ ความเข้าใจหรือสร้างกรณีทั่วไปโดยใช้ความรู้ที่ไดจ้ ากการศกึ ษากรณตี วั อยา่ งหลาย ๆ กรณี 2) มองเหน็ วา่ สามารถใชค้ ณติ ศาสตร์แก้ปญั หาในชวี ิตจรงิ ได้ 3) มคี วามมมุ านะในการทำ�ความเขา้ ใจปัญหาและแก้ปัญหาทางคณติ ศาสตร์ 4) สรา้ งเหตผุ ลเพอื่ สนบั สนนุ แนวคดิ ของตนเองหรอื โตแ้ ย้งแนวคิดของผู้อื่นอยา่ งสมเหตุสมผล 5) ค้นหาลักษณะท่ีเกิดขน้ึ ซ้�ำ ๆ และประยกุ ตใ์ ชล้ กั ษณะดงั กลา่ วเพ่ือทำ�ความเข้าใจหรอื แกป้ ญั หาในสถานการณ์ตา่ ง ๆ 3. การวดั ผลประเมนิ ผลการเรยี นรู้คณติ ศาสตร์ การวดั ผลประเมนิ ผลการเรยี นรทู้ างคณติ ศาสตรใ์ นปัจจบุ ันนม้ี ่งุ เน้นการวัดและการประเมนิ การปฏบิ ัตงิ านในสภาพ ทเ่ี กิดขนึ้ จรงิ หรอื ท่ีใกลเ้ คยี งกับสภาพจริง รวมทั้งการประเมินเกีย่ วกับสมรรถภาพของนกั เรียนเพ่ิมเติมจากความร้ทู ไ่ี ดจ้ าก การทอ่ งจำ� โดยใชว้ ิธกี ารประเมินท่หี ลากหลายจากการทีน่ ักเรียนได้ลงมอื ปฏบิ ตั จิ รงิ ได้เผชิญกบั ปญั หาจากสถานการณ์จริง หรือสถานการณจ์ ำ�ลอง ได้แกป้ ญั หา สบื คน้ ขอ้ มลู และน�ำ ความรไู้ ปใช้ รวมทง้ั แสดงออกทางการคดิ การวัดผลประเมินผล ดงั กลา่ วมีจดุ ประสงค์ส�ำ คญั ดังต่อไปนี้ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี  |  379

คมู่ อื ครู รายวชิ าพื้นฐาน คณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 1 1) เพ่อื ตรวจสอบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนและตดั สนิ ผลการเรยี นรู้ตามสาระการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรียนรู้ และตัวช้ีวดั เพือ่ น�ำ ผลท่ไี ดจ้ ากการตรวจสอบไปปรบั ปรุงพฒั นาให้นกั เรียนเกดิ การเรยี นรู้ทด่ี ีย่งิ ข้นึ 2) เพือ่ วินิจฉัยความร้ทู างคณิตศาสตร์และทกั ษะทีน่ กั เรียนจ�ำ เป็นตอ้ งใชใ้ นชีวิตประจ�ำ วัน เช่น ความสามารถในการ แก้ปัญหา การสืบคน้ การให้เหตผุ ล การสอื่ สาร การสอ่ื ความหมาย การน�ำ ความรไู้ ปใช้ การคดิ วเิ คราะห์ การคดิ สรา้ งสรรค์ การควบคมุ กระบวนการคิด และน�ำ ผลที่ได้จากการวนิ ิจฉัยนักเรียนไปใช้เป็นแนวทางในการจัดการ เรยี นรู้ทีเ่ หมาะสม 3) เพื่อรวบรวมข้อมลู และจัดทำ�สารสนเทศด้านการจดั การเรยี นรู้ โดยใช้ข้อมูลจากการประเมนิ ผลทไ่ี ดใ้ นการสรุปผล การเรยี นของนักเรยี นและเป็นข้อมูลปอ้ นกลบั แกน่ กั เรียนหรือผเู้ ก่ียวข้องตามความเหมาะสม รวมทัง้ น�ำ สารสนเทศ ไปใชว้ างแผนบริหารการจัดการศกึ ษาของสถานศึกษา การก�ำ หนดจุดประสงค์ของการวัดผลประเมินผลอยา่ งชัดเจน จะชว่ ยใหเ้ ลือกใช้วธิ กี ารและเคร่ืองมือวดั ผลไดอ้ ย่าง มีประสิทธภิ าพ สามารถวดั ไดใ้ นส่ิงทีต่ อ้ งการวดั และนำ�ผลท่ีได้ไปใช้งานได้จรงิ แนวทางการวดั ผลประเมนิ ผลการเรียนรคู้ ณติ ศาสตร์ การวดั ผลประเมินผลการเรียนรคู้ ณติ ศาสตรม์ ีแนวทางที่ส�ำ คัญดงั นี้ 1) การวดั ผลประเมินผลต้องกระทำ�อยา่ งตอ่ เนื่อง โดยใช้ค�ำ ถามเพอื่ ตรวจสอบและส่งเสริมความรคู้ วามเขา้ ใจ ดา้ นเนอ้ื หา สง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ ดงั ตวั อยา่ งค�ำ ถามตอ่ ไปน้ี “นกั เรยี นแกป้ ญั หานไ้ี ด้ อยา่ งไร” “ใครมีวธิ กี ารนอกเหนือไปจากนีบ้ า้ ง” “นักเรยี นคดิ อย่างไรกับวธิ กี ารทเี่ พือ่ นเสนอ” การกระตุ้นดว้ ยคำ�ถาม ท่ีเน้นการคดิ จะท�ำ ให้เกิดปฏสิ มั พนั ธ์ระหว่างนักเรียนด้วยกันเองและระหว่างนกั เรยี นกบั ครู นักเรียนมีโอกาสแสดง ความคดิ เหน็ นอกจากนีค้ รูยงั สามารถใช้ค�ำ ตอบของนักเรยี นเปน็ ขอ้ มูลเพ่ือตรวจสอบความร้คู วามเข้าใจ และ พฒั นาการดา้ นทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ของนักเรียนได้อกี ดว้ ย 2) การวัดผลประเมนิ ผลต้องสอดคล้องกับความรคู้ วามสามารถของนกั เรยี นท่ีระบไุ ว้ตามตวั ช้วี ัดซง่ึ ก�ำ หนดไวใ้ น หลกั สตู รท่สี ถานศึกษาใช้เปน็ แนวทางในการจดั การเรียนการสอน ทงั้ น้ีครูจะต้องกำ�หนดวธิ ีการวัดผลประเมินผล เพอ่ื ใช้ตรวจสอบว่านกั เรยี นได้บรรลุผลการเรยี นรูต้ ามมาตรฐานท่กี �ำ หนดไว้ และต้องแจ้งตัวชี้วดั ในแต่ละเรอ่ื ง ให้นกั เรียนทราบโดยทางตรงหรอื ทางออ้ มเพือ่ ใหน้ กั เรยี นไดป้ รบั ปรงุ ตนเอง 3) การวดั ผลประเมนิ ผลตอ้ งครอบคลมุ ดา้ นความรู้ ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ โดยเน้นการเรยี นรู้ด้วยการท�ำ งานหรือทำ�กิจกรรมทีส่ ่งเสริมใหเ้ กิดสมรรถภาพทง้ั สามดา้ น ซึง่ งานหรอื กจิ กรรมดังกลา่ วควรมีลกั ษณะดังน้ี • สาระในงานหรือกจิ กรรมต้องเน้นใหน้ ักเรียนไดใ้ ช้การเช่ือมโยงความรู้หลายเร่ือง • วธิ หี รือทางเลือกในการด�ำ เนินงานหรอื การแก้ปญั หามีหลากหลาย • เงือ่ นไขหรอื สถานการณ์ของปญั หามลี ักษณะปลายเปิด เพือ่ ให้นักเรยี นไดม้ ีโอกาสแสดงความสามารถ ตามศักยภาพของตน • งานหรือกจิ กรรมตอ้ งเอ้อื อำ�นวยให้นักเรยี นไดใ้ ช้การสอ่ื สาร การสอื่ ความหมายทางคณิตศาสตรแ์ ละการนำ�เสนอ ในรูปแบบต่าง ๆ เชน่ การพดู การเขียน การวาดภาพ • งานหรือกิจกรรมควรมีความใกล้เคียงกับสถานการณท์ ่ีเกิดขน้ึ จริง เพื่อช่วยใหน้ ักเรียนไดเ้ หน็ การเชื่อมโยง ระหว่างคณิตศาสตร์กบั ชีวิตจริง ซ่งึ จะก่อใหเ้ กดิ ความตระหนกั ในคุณคา่ ของคณิตศาสตร์ 380  |  สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook