Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การศึกษาทางวิชาการเพื่อการพัฒนางานขององค์กรปกครองท้องถิ่น

การศึกษาทางวิชาการเพื่อการพัฒนางานขององค์กรปกครองท้องถิ่น

Published by ชัยยะ มหาปราบ, 2021-12-11 07:09:09

Description: การศึกษาทางวิชาการเพื่อการพัฒนางานขององค์กรปกครองท้องถิ่น

Search

Read the Text Version

นักบรหิ ารงานทวั่ ไป รุ่นที ๘๔ 3. กระบวนการทางผงั เมอื ง ระดบั ประเทศ หน้า ระดับภาค/อนภุ าค 295 ระดบั จงั หวัด ระดบั เมือง/ชุมชน 4. รฐั ธรรมนญู กับการผังเมอื ง มาตรา 38 บคุ คลยอ่ มมีเสรีภาพในการเดินทางและเลือกถนิ่ ที่อยู่ การกาจัดเสรีภาพตามวรรคหน่ึงจะกระทามิได้ เว้นแต่โดยอาศัยอานาจตามบทบัญญัติแห่ง กฎหมายท่ีตราขึ้น เพ่ือความม่ันคงของรัฐ ความสงบเรียบร้อย หรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือการผังเมือง หรอื เพ่อื รกั ษาสถานภาพของครอบครวั หรือเพือ่ สวัสดภิ าพของครอบครัว มาตรา 72 รฐั พึงดาเนินการเกยี่ วกบั ท่ดี ิน ทรพั ยากรนา้ และพลงั งาน ดงั ต่อไปน้ี (1) วางแผนการใช้ที่ดินของประเทศให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ และศักยภาพของที่ดินตาม หลักการพัฒนาอยา่ งยงั่ ยืน (2) จัดใหม้ ีการวางผังเมอื งทุกระดับ และบังคับการใหเ้ ปน็ ไปตามผังเมืองอย่างมีประสทิ ธิภาพ รวมตลอดทงั้ พฒั นาเมืองใหม้ คี วามเจรญิ โดยสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในพนื้ ท่ี

นกั บริหารงานท่ัวไป ร่นุ ที ๘๔ 5. ความหมายของคาว่า “การผงั เมอื ง” “การผังเมอื ง”หมายความว่า การวาง จัดทา และการดาเนินการ ให้เป็นไปตามผงั เมอื งในระดับต่าง ๆ สาหรับ เป็นกรอบช้ีนาการพัฒนาทางด้านกายภาพในระดับประเทศ ระดบั ภาค ระดับจงั หวัด ระดบั เมอื ง ระดบั ชนบท และพืน้ ทีเ่ ฉพาะควบคู่กับแผนพฒั นาเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ เพอ่ื การพฒั นาเมือง บรเิ วณท่เี ก่ียวข้อง หรือ ชนบทให้มีหรือทาให้ดียิ่งข้ึนซึ่งสุขลักษณะความสะดวกสบาย ความเป็นระเบียบ ความสวยงาม การใช้ ประโยชน์ในทรัพย์สิน การคมนาคมและการขนส่ง ความปลอดภัยของประชาชน สวัสดิภาพของสังคม การ ป้องกันภัยพิบัติ และการป้องกันความขัดแย้ง ในการใช้ประโยชน์ท่ีดิน เพ่ือส่งเสริมการเศรษฐกิจ สังคม และ สภาพแวดล้อม เพื่อดารงรักษาหรือบูรณะสถานท่ีและวัตถุท่ีมีประโยชน์หรือคุณค่าในทางศิลปกรรม สถาปัตยกรรม ประวัติศาสตรห์ รอื โบราณคดี หรือบารุงรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ภูมิประเทศ ทีง่ ดงามหรอื มคี ณุ ค่าในทางธรรมชาติ พระราชบัญญตั ิควบคมุ อาคาร พ.ศ. 2522 การใชบ้ ังคบั พระราชบญั ญัตคิ วบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 (มาตรา 2) - พระราชกฤษฎกี า - เขตผงั เมืองรวม หนา้ ข้อยกเวน้ 296 - อาคารสูง - อาคารขนาดใหญพ่ เิ ศษ - อาคารชุมนมุ คน - โรงมหรสพ 1. ไมใ่ ชบ้ งั คับกับ (มาตรา 6) - พระที่น่งั - พระราชวัง 2. การยกเว้น ผอ่ นผัน หรอื กาหนดเงอื่ นไขในการปฏบิ ัตติ ามพระราชบัญญัติ ควบคมุ อาคาร พ.ศ. 2522 โดยกฎกระทรวง (มาตรา 7) - ท้ังหมด - บางส่วน อาคารต่าง ๆ ดังน้ี (1) อาคารของกระทรวง ทบวง กรม ทใ่ี ช้ในราชการหรือใชเ้ พื่อสาธารณประโยชน์ (2) อาคารของราชการส่วนทอ้ งถ่นิ ที่ใชใ้ นราชการหรือใชเ้ พื่อสาธารณประโยชน์

นกั บรหิ ารงานทัว่ ไป รนุ่ ที ๘๔ (3) อาคารขององค์การของรัฐท่ีจัดต้ังข้ึนตามกฎหมาย ท่ีใช้ในกิจการขององค์การหรือใช้เพื่อ หน้า สาธารณประโยชน์ 297 (4) โบราณสถาน วัดวาอาราม หรืออาคารต่าง ๆ ที่ใช้เพื่อการศาสนาซ่ึงมีกฎหมายควบคุมการ กอ่ สรา้ งไว้แลว้ โดยเฉพาะ (5) อาคารที่ทาการขององค์การระหว่างประเทศ หรอื อาคารท่ีทาการของหนว่ ยงานที่ตั้งขึน้ ตามความ ตกลงระหวา่ งรัฐบาลไทยกบั รัฐบาลตา่ งประเทศ (6) อาคารที่ทาการสถานทตู หรือสถานกงสลุ ต่างประเทศ (7) อาคารชั่วคราวเพื่อใช้ประโยชน์ในการก่อสร้างอาคารถาวรหรืออาคารเพ่ือใช้ประโยชน์เป็นการ ช่ัวคราว ท่ีมีกาหนดเวลาการรือ้ ถอน (8) อาคารที่กระทรวง ทบวง กรม ราชการส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การของรัฐท่ีจัดต้ังข้ึนตาม กฎหมาย หรือหน่วยงานอ่ืนของรัฐ จัดให้มีหรือพัฒนาเพื่อเป็นท่ีอยู่อาศัยสาหรับผู้มีรายได้น้อย ท้ังน้ี ต้องมิใช่ การยกเว้นหรือผ่อนผันเง่ือนไขเก่ียวกับความม่ันคงแข็งแรงและความปลอดภัยของอาคารหรือควา มปลอดภัย ของผซู้ ึ่งอยู่อาศยั หรือใช้อาคาร กฎกระทรวงวา่ ด้วยการยกเวน้ ผอ่ นผนั หรอื กาหนดเง่ือนไข ในการปฏิบัติ ตามกฎหมายว่าดว้ ยการควบคุมอาคาร พ.ศ. 2550 สาระสาคัญของกฎกระทรวง 1. ยกเว้นไม่ต้องขออนุญาต ตามมาตรา 21 มาตรา 22 มาตรา 32 มาตรา 33 มาตรา 34อาคาร ดงั ต่อไปนี้ (1) อาคารของกระทรวง ทบวง กรม ทใ่ี ชใ้ นราชการหรอื ใช้เพ่ือสาธารณประโยชน์ (2) อาคารของราชการสว่ นทอ้ งถน่ิ ท่ีใช้ในราชการหรือใช้เพ่อื สาธารณประโยชน์ (3) อาคารขององค์การของรัฐที่จัดต้ังข้ึนตามกฎหมาย ที่ใช้ในกิจการองค์การหรือใช้เพื่อ สาธารณประโยชน์ (4) โบราณสถาน วัดวาอาราม หรืออาคารต่าง ๆ ที่ใช้เพ่ือการศาสนาซึ่งมีกฎหมายควบ คมการก่อสรา้ งไวแ้ ลว้ โดยเฉพาะ (5) อาคารท่ีทาการขององคก์ ารระหว่างประเทศ หรืออาคารท่ที าการของหน่วยงานท่ีตั้งขึ้น ตามความตกลงระหวา่ งไทยกับรัฐบาลต่างประเทศ (6) อาคารทีท่ าการสถานทูตหรือสถานกงสุลต่างประเทศ เจา้ พนักงานทอ้ งถน่ิ ขอ้ บัญญัตทิ อ้ งถน่ิ 1. ออกข้อบัญญัติท้องถน่ิ ตาม ม.9 ในเขตพ้นื ทีท่ ีไ่ ม่มกี ฎกระทรวงตาม ม.8

นกั บริหารงานท่ัวไป รนุ่ ที ๘๔ 2. ออกขอ้ บญั ญัตทิ ้องถน่ิ ตาม ม.10 ในกรณีมีกฎกระทรวงตาม ม.8 แลว้ 2.1 ออกกาหนดรายละเอียดเพม่ิ เติม โดยไม่ขัดหรอื แย้งกับกฎกระทรวง 2.2 ออกขดั หรือแย้ง กบั กฎกระทรวง ทีอ่ อกตาม ม.8 3. ออกขอ้ บญั ญัตทิ ้องถิ่น ตาม ม.13 ในกรณียังไม่มีกฎกระทรวง ม.8 (10) กำรบรหิ ำรทรพั ยำกรบุคคล (Human Resource management) หน้า 298 ควำมเป็นมำของกฎหมำยทเี่ กีย่ วกับกำรบรหิ ำรงำนบคุ คลขององคก์ รปกครองส่วนท้องถิ่น การบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองสว่ นท้องถน่ิ ในปัจจบุ ัน ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์การ บรหิ ารงานบคุ คล (หลักเกณฑ์ ก.จังหวัด) ทีม่ กี ารประกาศใชบ้ งั คับในแต่ละจงั หวดั ซึ่งเปน็ ไปตามทบี่ ญั ญตั ิไว้ใน พ.ร.บ. ระเบยี บบริหารงานบคุ คลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 มาตรา 13, 14 สาหรับตน้ กาเนิดของกฎหมายฉบับนี้ มที ีม่ าจาก 1. รัฐธรรมนูญแห่งรำชอำณำจักรไทย พุทธศักรำช 2540 หมวดที่ 9 ว่าด้วยการปกครอง ส่วนท้องถ่ิน ต้ังแต่มำตรำ 282 ถึงมำตรำ 290 สรุปได้ว่า รัฐจะต้องให้ความเป็นอิสระแก่ท้องถิ่น ตามหลัก แห่งการปกครองตนเอง ตามเจตนารมณ์ของประชาชนในท้องถ่ิน โดยองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินทั้งหลาย ย่อมมอี ิสระในการกาหนดนโยบายการปกครอง การบรหิ ารการบริหารงานบุคคล การเงิน และการคลงั และมี อานาจหนา้ ท่ขี องตนเองโดยเฉพาะ โดยรฐั บาลเปน็ ผู้กากับดแู ลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เท่าท่ีจาเป็นภายใน กรอบของกฎหมาย และเพ่ือกระจายอานาจใหแ้ ก่ท้องถิน่ เพิม่ ข้ึนอยา่ งตอ่ เนือ่ ง 2. รฐั ธรรมนูญแห่งรำชอำณำจกั รไทย พุทธศักรำช 2550 มาตรา 283 องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินย่อมมีอานาจหน้าท่ีโดยท่ัวไปในการดูแลและจัดทา บริการสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่นและย่อมมีความเป็นอิสระในการกาหนดนโยบาย การ

นักบรหิ ารงานท่วั ไป รุ่นที ๘๔ บริหาร การจัดบริการสาธารณะ การบริหารงานบุคคล การเงินและการคลังและมีอานาจหน้าที่ของตนเอง หนา้ โดยเฉพาะโดยต้องคานงึ ถงึ ความสอดคล้องกบั การพัฒนาของจงั หวดั และประเทศเปน็ สว่ นรวมด้วย 299 มาตรา 288 การแต่งตั้งและการให้ข้าราชการและลูกจ้างขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินพ้น จากตาแหน่งต้องเป็นไปตามความเหมาะสมและความจาเป็นของแต่ละท้องถิ่น โดยการบริหารงานบุคคลของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องมีมาตรฐานสอดคล้องกัน และอาจได้รับการพัฒนาร่วมกันหรือสับเปล่ียน บุคลากรระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินด้วยกันได้ รวมทั้งต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ข้าราชการส่วนทอ้ งถ่ินซงึ่ เปน็ องคก์ รกลางบรหิ ารงานบุคคลส่วนทอ้ งถิน่ ก่อน ท้งั นี้ ตามทีก่ ฎหมายบญั ญตั ิ ในการบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินต้องมีองค์กรพิทักษ์ระบบคุณธรรม ของข้าราชการสว่ นท้องถิ่นเพื่อสรา้ งระบบคุ้มครองคุณธรรมและจริยธรรมในการบริหารงานบุคคลท้ังน้ี ตามท่ี กฎหมายบัญญตั ิ 3. รัฐธรรมนูญแหง่ รำชอำณำจกั รไทย พ.ศ.2560 มาตรา 251 การบริหารงานบุคคลขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินให้เป็นไปตามที่กฎหมาย บญั ญตั ซิ ึง่ ต้องใช้ระบบคุณธรรมและต้องคานึงถงึ ความเหมาะสมและความจาเปน็ ของแต่ละท้องถ่ินและองค์กร ปกครองส่วนท้องถ่ินแต่ละรูปแบบ การจัดให้มีมาตรฐานท่ีสอดคล้องกันเพื่อให้สามารถพัฒนาร่วมกันหรือการ สับเปลีย่ นบุคลากรระหวา่ งองคก์ รปกครองส่วนท้องถิ่นด้วยกันได้ มาตรา 258 ข. ด้านการบริหารราชการแผน่ ดนิ (1) ให้มีการนาเทคโนโลยีท่ีเหมาะสมมาประยุกต์ใช้ในการบริหารราชการแผ่นดินและการจัดทา บริการสาธารณะเพอื่ ประโยชนใ์ นการบรหิ ารราชการแผ่นดิน และเพือ่ อานวยความสะดวกใหแ้ ก่ประชาชน (2) ให้มกี ารบรู ณาการฐานข้อมลู ของหนว่ ยงานของรฐั ทกุ หนว่ ยงานเข้าดว้ ยกนั เพือ่ ให้เปน็ ระบบ ข้อมูล เพอื่ การบรหิ ารราชการแผ่นดนิ และการบรกิ ารประชาชน (3) ให้มีการปรับปรุงและพัฒนาโครงสร้างและระบบการบริหารงานของรัฐและแผนกาลังคน ภาครัฐให้ทันต่อการเปล่ียนแปลงและความท้าทายใหม่ ๆ โดยต้องดาเนินการให้เหมาะสมกับภารกิจของ หน่วยงานของรัฐแต่ละหน่วยงานทแ่ี ตกตา่ งกนั (4) ใหม้ ีการปรบั ปรุงและพัฒนาการบรหิ ารงานบุคคลภาครัฐเพื่อจงู ใจให้ผมู้ ีความรู้ความสามารถ อย่างแท้จริงเข้ามาทางานในหน่วยงานของรัฐ และสามารถเจริญก้าวหน้าได้ตามความสามารถและผลสัมฤทธิ์ ของงานของแต่ละบุคคล มีความซื่อสัตย์สุจริต กล้าตัดสินใจและกระทาในส่ิงท่ีถูกต้องโดยคิดถึงประโยชน์ ส่วนรวมมากกวา่ ประโยชนส์ ่วนตัว มคี วามคิดสร้างสรรค์และคดิ คน้ นวตั กรรมใหม่ ๆ เพ่ือใหก้ ารปฏิบัตริ าชการ และการบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และมีมาตรการคุ้มครองป้องกันบุคลากรภาครัฐ จากการใช้อานาจโดยไม่เป็นธรรมของผูบ้ ังคับบญั ชา (5) ให้มีการปรับปรุงระบบการจัดซ้ือจัดจ้างภาครัฐให้มีความคล่องตัว เปิดเผย ตรวจสอบได้ และมีกลไกในการปอ้ งกันการทจุ รติ ทุกข้ันตอน 4. พระรำชบัญญัติระเบียบบรหิ ำรงำนบุคคลสว่ นท้องถนิ่ พ.ศ. 2542 1) กาหนดให้มีคณะกรรมการมาตรฐานการบริหารงานบุคคลส่วนท้องถ่ิน (ก.ถ.) มีอานาจใน การกาหนดมาตรฐานกลางเปน็ กรอบให้ ก.กลางกาหนดมาตรฐานท่วั ไปตามมาตรา 30 และมาตรา 33

นกั บริหารงานท่ัวไป รุ่นที ๘๔ 2) กาหนดให้มีคณะกรรมการกลางข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นมีอานาจในการ กาหนดมาตรฐานทัว่ ไปเป็นกรอบให้ ก.จงั หวดั กาหนดหลกั เกณฑต์ ามมาตรา ๑๖, ๑๗, ๑๘, ๒๔, ๒๖ 3) กาหนดให้มีคณะกรรมการข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นจังหวัดมีอานาจในการ กาหนดหลกั เกณฑ์ใชบ้ งั คับการบรหิ ารงานบคุ คลตามมาตรา 13, 14 มาตรา 15 การออกคาส่ังเกี่ยวกับการบรรจุแต่งต้ังการย้ายการโอนการรับโอนการเลื่อนระดับ การเลื่อนข้ันเงินเดือนการสอบสวนการลงโทษทางวินัยการให้ออกจากราชการการอุทธรณ์และการร้องทุกข์ หรือการอ่ืนใดที่เก่ียวกับการบริหารงานบุคคลให้เป็นอานาจของนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดครั้งน้ี ตาม หลักเกณฑ์ท่ีคณะกรรมการข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาหนดแต่สาหรับการออกคาสั่งแต่งตั้งและ การให้ข้าราชการองค์การบริหารส่วนจังหวัดพ้นจากตาแหน่งต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ข้าราชการองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั ก่อน มาตรา 15 วรรคสอง ให้อานาจของนายกตามวรรคหนึ่งอาจมอบให้ผบู้ ังคับบญั ชาข้าราชการใน ตาแหนง่ ใดเป็นผใู้ ชอ้ านาจแทนนายกได้ตามหลกั เกณฑ์ที่กาหนด หนา้ 300

นกั บริหารงานทัว่ ไป รุ่นที ๘๔ ยุทธศำสตร์ชำติ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) ยุทธศำสตร์ที่ 6 ดำ้ นกำรปรบั สมดลุ และพฒั นำระบบบรหิ ำรจดั กำรภำครฐั หนา้ 4.4 ภาครัฐมีความทันสมัย ทันการเปลี่ยนแปลง มีขีดสมรรถนะสูง สามารถปฏิบัติงานอย่างมี ประสทิ ธิภาพ มีความคุ้มค่า เทยี บได้กับมาตรฐานสากล สามารถรองรับกับสภาพแวดล้อม ในการปฏบิ ัติงานท่ี มีความหลากหลายซับซอ้ นมากขน้ึ ทันการเปลย่ี นแปลงในอนาคต 4.4.2 พัฒนาและปรบั ระบบวธิ ีการปฏบิ ัติราชการให้ทันสมยั ทันการเปล่ยี นแปลง 4.5 บุคลากรภาครัฐเป็นคนดีและเก่ง ยึดหลักคุณธรรม จริยธรรม มีจิตสานึก มีความสามารถ สงู มงุ่ ม่นั และเปน็ มืออาชพี ในการปฏบิ ัตหิ น้าทีแ่ ละขับเคล่อื นภารกิจยทุ ธศาสตร์ 4.5.1 ภาครัฐมีการบริหารกาลังคนท่ีมีความคล่องตัว ยึดระบบคุณธรรม เพ่ิมความยืดหยุ่น คลอ่ งตวั ใหก้ บั หนว่ ยงานภาครฐั ในการบรหิ ารทรพั ยากรบุคคลในทุก 4.5.2 บุคลากรภาครัฐยึดค่านิยมในการทางานเพ่ือประชาชน มีคุณธรรม และมีการพัฒนาตาม เส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ พัฒนาขีดความสามารถบุคลากรภาครัฐและวางมาตรฐานที่เหมาะสมกับ เส้นทางความก้าวหน้าในสายอาชีพให้มีสมรรถนะใหม่ ๆ ปรับเปล่ียนวัฒนธรรมการทางานและสร้างค่านิยม ในการปฏิบัติงานเพื่อประชาชนและประโยชน์ส่วนรวม สามารถบูรณาการการทางานร่วมกับภาคส่วนอ่ืนได้ อยา่ งเป็นรูปธรรม ยุทธศำสตรก์ ำรบรหิ ำรทรพั ยำกรบุคคลส่วนทอ้ งถน่ิ พ.ศ. 2561-2565 ยุทธศำสตร์ที่ 1 การปรับปรุงโครงสร้างและอัตรากาลงั ให้เหมาะสมกับประเภทองค์กรปกครอง 301 สว่ นท้องถิ่น กลยุทธ์ท่ี 1.1 จัดทาโครงสร้างองค์กรและองค์กรให้เหมาะสมกับท้องถิ่นและลักษณะของ องคก์ รส่วนทอ้ งถ่ิน ผลลัพธ์ • มหี ลกั เกณฑ์และมาตรฐานจัดรปู แบบโครงสร้างองค์กรที่เหมาะสมและคุ้มคา่ กบั ท้องถ่ิน และ ลักษณะขององค์กรปกครองส่วนท้องถ่นิ แตล่ ะประเภท • มีหลักเกณฑ์ แนวทาง และมาตรฐานในการกาหนดอตั รากาลังใหส้ อดคล้องกับภาระงานและ สถานการณ์ทเ่ี ปลีย่ นแปลงของแตล่ ะพืน้ ท่ี รวมถงึ เคร่อื งมอื ที่สามารถวิเคราะหแ์ ละจดั สรรบุคลากรได้เหมาะสม • มแี นวทางการกาหนดอตั ราส่วนของรายจ่ายด้านบคุ ลากรท่เี หมาะสมขององค์กรปกครอง ส่วนทอ้ งถ่ิน แต่ละประเภทให้กา้ วไปสอู่ งค์กรกะทัดรัดและมีประสทิ ธิภาพ กลยุทธ์ที่ 1.2 จัดระบบธนาคารคลังสมอง (Thing Tank) เตรียมรองรับสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ผลลัพธ์ • มีกลไก เครื่องมือ และกระบวนการรองรับสังคมผู้สูงอายุที่เหมาะสมกับบริบทขององค์กร ปกครองสว่ นท้องถ่นิ

นกั บริหารงานทว่ั ไป รุ่นที ๘๔ • มีแนวทางในการจ้างผู้ท่ีเกษียณอายุที่มีประสบการณ์ และความสามารถสูงเข้ามาร่วมพัฒนา องคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ิน ยุทธศำสตรท์ ่ี 2 พัฒนาประสิทธภิ าพระบบทรัพยากรบคุ คลส่วนท้องถ่นิ กลยุทธ์ที่ 2.1 ทบทวนต้นแบบสมรรถนะและพัฒนาการประเมินรูปแบบใหม่ท่ีเหมาะสม กบั Thailand 4.0 ผลลัพธ์ • มีการออกแบบ พัฒนา และทบทวนต้นแบบสมรรถนะประจาตาแหน่งท่ีเหมาะสม รองรับ บรบิ ททอ้ งถ่นิ และ Thailand 4.0 • มีหลักเกณฑ์และวิธีการ หรือมาตรฐานการประเมินสมรรถนะประจาตาแหน่งท่ีน่าเชื่อถือ และโปรง่ ใส สามารถนาผลการประเมนิ สมรรถนะมาใชป้ ระกอบการวางแผนการพฒั นารายบคุ คล (Individual Development Plan:IDP) กลยุทธ์ท่ี 2.2 ปรับกระบวนการบริหารทรัพยากรบุคคลให้มีความยืดหยนุ่ คุ้มค่าและเหมาะสม กบั ทศิ ทางการทางานขององคก์ รปกครองส่วนท้องถิน่ ผลลัพธ์ หน้า • มขี อ้ เสนอแนวทางในการปรบั ปรุงระบบทรพั ยากรบุคคลที่เหมาะสมกบั บรบิ ททเี่ ปลีย่ นแปลง • มขี อ้ เสนอในการปรบั ปรุงมาตรฐานท่วั ไป 302 • มีข้อเสนอการลดข้ันตอน และปรับปรุงระบบทรัพยากรบุคคลสู่ระบบการบริการจุดเดียว (one Stop Service) หรือเกดิ การใชแ้ อพพลิเคช่ัน (Application) • มกี ารทบทวนและกาหนดกลไกในการกระจายอานาจในคณะกรรมการท้องถิ่นจังหวดั ท่ีทาให้ การบริหารงานบคุ คลคุ้มคา่ และมีความรวดเร็วมากข้นึ • มีแนวทางการให้ออกจากตาแหน่งก่อนเกษียณ (Early Retire) ท่ีเหมาะสมกับองค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น ยุทธศำสตร์ที่ 2 พัฒนาประสทิ ธิภาพระบบทรัพยากรบคุ คลสว่ นท้องถ่นิ กลยุทธ์ที่ 2.3 ส่ือสารนโยบายและมาตรฐานการบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคลตามการ เปลย่ี นแปลง และแผนปฏริ ูปประเทศด้านการบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ ผลลัพธ์ • มีรูปแบบการส่ือสารนโยบายและมาตรฐานการบริหารและพัฒนาทรัพยากรบุคคลท่ีมีความ ชดั เจนมากขึน้ • มีคู่มือการปฏิบัติงานด้านทรัพยากรบุคคล ที่ทาให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมีความเข้าใจในระบบ ทรัพยากรบคุ คลมากขน้ึ และทาใหก้ ารปฏิบตั งิ านได้มาตรฐานทก่ี าหนด กลยุทธ์ที่ 2.4 ส่งเสริม จูงใจและสร้างประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานและการเป็นองค์กรแห่ง ความผูกพนั (Engaged Organization)

นักบรหิ ารงานทั่วไป รุ่นที ๘๔ ผลลัพธ์ หน้า 303 • ข้าราชการส่วนท้องถ่ินได้รับค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ท่ีเหมาะสมและเป็นธรรมโดยมี การทบทวนอยา่ งนอ้ ยทุก ๆ 2 ปี • มีการสารวจการเปน็ องค์กรแห่งความผูกพัน และไปสู่กิจกรรมกลไกลและกระบวนการตา่ ง ๆ ท่ีจะทาใหข้ า้ ราชการส่วนทอ้ งถิ่นมคี วามสุขมากขนึ้ กลยทุ ธท์ ่ี 2.5 สร้างความกา้ วหนา้ ในสายอาชีพ (Career Path) ท่ชี ดั เจน ผลลัพธ์ • มีเสน้ ทางเดินสายอาชพี ของแต่ละสายงานและข้ามสายงาน ดงั น้ี • มีหลักเกณฑ์และวิธีการกาหนดตาแหน่งและการประเมินค่างานสู่ระดับชานาญการพิเศษ หรืออาวุโส หรอื เชย่ี วชาญ ประเภท อานวยการท้องถ่นิ ระดับต้น และอานวยการทอ้ งถิ่นระดับกลาง • มีหลักเกณฑ์และวิธีการในการประเมินการเข้าสู่ตาแหน่งที่สูงขึ้นโดยคานึงถึงหลักวิชาการ วดั ผลความรู้ ทักษะ ทศั นคติ สมรรถนะ และคณุ ลักษณะอืน่ ๆ ทจ่ี าเปน็ กลยุทธ์ท่ี 2.5 สรา้ งความก้าวหน้าในสายอาชีพ (Career Path) ทช่ี ดั เจน ผลลพั ธ์ การจัดทาระบบศนู ย์จดั สรรบคุ ลากรลงตาแหนง่ ดงั นี้ • แนวทางการโอนกรณีมีความขัดแย้ง หรือเพ่ิมประสิทธิภาพ ในระดับศูนย์รับโอนย้ายประจา จงั หวัด และศูนย์รับโอนย้ายในระดับสว่ นกลาง • การกาหนด กลไก หน้าท่ีและอัตรากาลังของศูนย์จัดสรรบุคลากรเข้าสู่ตาแหน่งรวมถึง กระบวนงานและระบบงานท่ีจะสนับสนุนการทางานให้รวดเร็วและทันต่อความต้องการขององค์กรปกครอง สว่ นท้องถิน่ • มีหลักเกณฑ์และวิธีการในการสับเปล่ียนหมุนเวียน (Rotation Plan) ตาแหน่งประเภทต่าง ๆ • มแี นวทางการพฒั นาเพ่อื สร้างความก้าวหน้าในสายอาชีพ กลยุทธ์ที่ 2.6 ปรับปรุงระบบประเมินผลการปฏิบัติราชการประจาปีท่ีเหมาะสมกับบริบทของ อปท. ผลลพั ธ์ • มีการปรับปรุงระบบประเมินผลการปฏิบัติงานประจาปี และตัวช้ีวัดรายบุคคลที่เหมาะสม ของแตล่ ะสายงาน • มมี าตรฐานตัวช้ีวัดของแตล่ ะสายงาน (KPls Basket) • มีแนวทางให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมกาหนดตัวช้ีวัด ในการประเมินผลการปฏิบัติงาน ประจาปี ยุทธศำสตร์ท่ี 3 ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรและผู้บริหารให้มีศักยภาพที่สอดคล้องกับการ บรหิ ารทรัพยากรบคุ คลตามแนวทาง Thailand 4.0

นกั บรหิ ารงานทัว่ ไป รุ่นที ๘๔ กลยุทธ์ที่ 3.1 จัดทาและขับเคล่ือนแผนพัฒนาทรัพยากรบุคคลที่ตรงกับความจาเป็นของ ทอ้ งถิ่น และสอดคล้องกับ Thailand 4.0 ผลลพั ธ์ • มีแผนฝึกอบรมและพัฒนาข้าราชการส่วนท้องถ่ินที่ตรงกับความจาเป็น (Training Needs) และสอดคล้องกับ Thailand 4.0 อันจะเป็นแนวทางในการจัดทาหลักสูตรฝึกอบรมและพฒั นาที่เหมาะสมกับ องคก์ รปกครองสว่ นท้องถ่ินแตล่ ะแห่งในการพัฒนาบคุ ลากรในหน่วยงาน • มกี ารสร้างเวทแี ลกเปล่ียนเรยี นร้รู ะหว่างองค์กรปกครองสว่ นท้องถ่นิ ท่ีประสบความสาเร็จใน การดาเนนิ การตา่ ง ๆ ในทอ้ งถ่ิน รวมถงึ จะนาไปสู่การพฒั นาคมู่ ือและองค์ความรูใ้ นการปฏิบัตงิ านส่วนท้องถิ่น (Cooking Book) สาหรับผบู้ ริหาร และเจา้ หน้าทดี่ ้านตา่ ง ๆ • มีมาตรฐาน และแนวทางในการจัดทาแผนพัฒนาบุคลากรรายบุคคลสอดคล้องแผนพัฒนา ข้าราชการสว่ นทอ้ งถ่นิ หรอื ปัญหาขององคก์ รปกครองสว่ นท้องถิน่ กลยุทธ์ท่ี 3.2 พัฒนา ดูแลรักษาผู้มีศักยภาพสูง และคนดีสายงานต่าง ๆ ให้สามารถขับเคลื่อน และชว่ ยเหลอื ประชาชนไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ ผลลัพธ์ • องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินมีบุคลากรท่ีมีศักยภาพสูงเพียงพอและสามารถรองรับ การ หนา้ พัฒนาองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินอย่างเหมาะสมสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของข้าราชการส่วนท้องถิ่นท่ีต้องการ ในอนาคต 304 • มีนวัตกรรมในการพัฒนาและรักษาบุคลากรท่ีมีศักยภาพสูงและคนดี ตามบริบทขององค์กร ปกครองสว่ นทอ้ งถ่นิ ในการเลอื กและตัดสนิ ใจให้ออกจากตาแหน่ง หรอื การจา่ ยคา่ ตอบแทนท่จี งู ใจ กลยุทธ์ที่ 3.3 จัดทาแผนเตรียมความพร้อมสู่ตาแหน่งระดับสูงในสายงานอานวยการและ บริหาร ผลลพั ธ์ • มีการพัฒนาหลักสูตรที่เหมาะสมเพื่อเตรียมความพร้อมบุคลากรก่อนเข้าสู่ตาแหน่งประเภท อานวยการทอ้ งถ่นิ และบริหารท้องถิ่น อันจะทาใหก้ ารเขา้ สตู่ าแหนง่ เปน็ ไปอย่างเหมาะสม • มีหลักเกณฑ์และแนวทางในการคัดสรรก่อนเข้าสู่ตาแหน่งประเภทบริหารท้องถิ่น (รองปลัด องคก์ ารบริหารส่วนตาบล และปลัดองค์การบริหารสว่ นตาบล) ทีช่ ัดเจนเป็นธรรมและโปร่งใส • มแี ผนรองรับหากใหม้ กี ารกาหนดวาระการครองตาแหน่งประเภทบรหิ ารท้องถ่นิ ยุทธศำสตร์ท่ี 4 เน้นความโปร่งใสในระบบบริหารทรัพยากรบุคคลส่วนท้องถิ่นท่ียึดหลัก สมรรถนะและการเสรมิ สร้างหลักธรรมาภิบาล กลยุทธ์ที่ 4.1 สร้างความสมดุลระหว่างฝ่ายการเมืองและข้าราชการประจาและเกิดการ ตดั สนิ ใจ บนหลักคุณธรรม ผลลพั ธ์ • มีข้อเสนอในการสร้างความสมดุลการใช้อานาจหน้าท่ีด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล ระหว่างฝ่ายการเมือง และขา้ ราชการประจา

นักบรหิ ารงานทวั่ ไป รุ่นที ๘๔ • มีแนวทางและกลไกระบบตรวจสอบจากภาคประชาชน และเครือข่าย เพ่ือความโปร่งใสใน หน้า การทางานขององค์การบริหารสว่ นตาบล 305 • มีกิจกรรมการสอื่ สารและฝกึ อบรมหลักคณุ ธรรม และธรรมาภบิ าลของผ้บู ริหาร • มีเกณฑ์และกิจกรรมการประกวดองค์การบริหารส่วนตาบลและผู้บริหารที่มีคุณธรรมดีเด่น เพือ่ เปน็ ต้นแบบในการจดั การความร้แู ละแบบอย่างให้กบั หน่วยงานอนื่ ๆ กลยุทธท์ ี่ 4.2 สง่ เสริมและสรา้ งจรยิ ธรรมแก่บุคลากรองคก์ รปกครองสว่ นท้องถนิ่ ผลลัพธ์ • มกี ารสง่ เสรมิ และสร้างจริยธรรมบุคลากรองคก์ รปกครองสว่ นท้องถนิ่ • มกี จิ กรรมเพือ่ สรา้ งความเข้าใจในเรื่องวนิ ัย และคา่ นิยมในการปฏิบัติงานขององค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น อันจะปลูกฝังให้บุคลากรท้องถ่ินมีคุณธรรม และจริยธรรมรวมถึงสร้างภาพลักษณ์ท่ีดีต่อสังคม และประชาชนในการรณรงคเ์ รอ่ื งคุณธรรมและจริยธรรม กลยุทธ์ที่ 4.3 พัฒนาและปรับปรุงเครื่องมือและวิธีการในการบริหารทรัพยากรบุคคลท่ี เหมาะสมและโปร่งใส ผลลัพธ์ • มีแนวทาง กลไก และเคร่ืองมือในการสอบแข่งท่ีเหมาะสมกับบริบทขององค์กรปกครองส่วน ท้องถน่ิ และแตล่ ะสายงาน • มีการนาร่องศูนย์การประเมิน(Assessment Center) อันจะทาให้การสรรหาบุคคลมี ประสิทธภิ าพองคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ ได้บคุ ลากรทม่ี ีศกั ยภาพและเหมาะสมกับตาแหนง่ ยุทธศำสตร์ที่ 5 ตอ่ ยอดการเสรมิ สรา้ งคณุ ภาพชีวิตทีด่ ีแกท่ รพั ยากรบุคคลส่วนทอ้ งถิ่น กลยทุ ธ์ที่ 5.1 ส่งเสรมิ ความสุขและสภาพแวดลอ้ มในการปฏิบตั ิงาน ผลลพั ธ์ • มีการสร้างสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมในที่ทางาน อันจะทาให้บุคลากรส่วนท้องถ่ินมีความสุขใน การทางานภายใต้สงิ่ แวดลอ้ มท่เี หมาะสม • มีการบริหารงานโดยยึดหลักการพัฒนาอย่างย่ังยืน (Sustainable Development Goals : SDGs กลยุทธท์ ี่ 5.2 สรา้ งความสัมพันธ์และบรหิ ารความแตกต่างระหวา่ งช่วงวัยและความหลากหลาย ของบุคคล ผลลพั ธ์ • มีการส่งเสริมโครงการหรือกิจกรรมสร้างสัมพันธ์ระหว่างช่วงวัย และความหลากหลายของ บุคคลภายในองค์กรปกครองสว่ นท้องถิน่ • มีการเพิ่มช่องทางในการแสดงความคิดเห็น อันจะทาให้บุคลากรส่วนท้องถิ่นมีความสุขใน การปฏิบตั ิงานภายใต้สงิ่ แวดลอ้ มทีเ่ หมาะสม • มีการบริหารช่องว่างระหว่างวัย และความหลากหลายของบุคคลอันช่วยทาให้บุคลากร ในช่วงวัยต่าง ๆ ทางานดว้ ยกนั ได้อยา่ งสามัคคแี ละมีประสทิ ธิภาพ

นกั บริหารงานท่วั ไป รุ่นที ๘๔ ยุทธศำสตรท์ ี่ 6 ขับเคลอื่ นระบบทรพั ยากรบุคคลสว่ นท้องถนิ่ ดว้ ยนวัตกรรมและเทคโนโลยี กลยุทธ์ท่ี 6.1 พัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศเพ่ือการบริหารทรัพยากรบุคคลขององค์กร ปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ และเชื่อมโยงข้อมูลทรพั ยากรบคุ คลของทุกหน่วยงาน ผลลพั ธ์ • มีการจดั ทาโปรแกรมข้อมลู สารสนเทศด้านทรัพยากรบุคคลทบ่ี ูรณาการรว่ มกัน • มีนวตั กรรมระบบข้อมลู สารสนเทศทที่ นั สมยั และเหมาะสมกบั องค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ • มีฐานข้อมูลกลางที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าไปใช้ในการปฏิบัติงานเพ่ือให้การวิเคราะห์ข้อมูล ด้านทรัพยากรบุคคลมคี วามรวดเร็วประหยดั และถกู ต้อง กลยทุ ธท์ ่ี 6.2 การนาเทคโนโลยีข้อมูลสารสนเทศมาใช้ในงานทรพั ยากรบคุ คล ผลลัพธ์ • มีการปรับปรุงเทคโนโลยีด้านการจัดการทรัพยากรบุคคลท่ีเหมาะสมกับการดาเนินงานของ องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถิ่น • มกี ารฝึกอบรมและเรยี นรู้ทางระบบออนไลน์ • มีการสร้างเทคโนโลยีสรา้ งสรรคเ์ พ่ือทรัพยากรบคุ คล กลยทุ ธท์ ี่ 6.3 การส่งเสริมนวตั กรรมดา้ นทรัพยากรบุคคล หน้า ผลลัพธ์ 306 • มนี วัตกรรมดา้ นการพัฒนาทรพั ยากรบุคคลขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถ่ิน • มีรูปแบบการจูงใจแกข่ า้ ราชการส่วนท้องถิน่ ท่มี ีผลงานสร้างนวัตกรรมแก่องค์กร • มีระบบทรัพยากรบุคคลท่ีมีการพัฒนาและเป็นรูปแบบพิเศษท่ีเหมาะสมกับองค์กรปกครอง ส่วนทอ้ งถ่ินและรองรับ Thailand 4.0 • มีการนาหลักการ Ecosystems มาประยุกต์ใช้กับการสร้างนวัตกรรมด้านทรัพยากรบุคคล ส่วนท้องถิน่ อย่างเหมาะสมกับการบริการสาธารณะหรือการดาเนนิ การอนื่ ๆ ขององคก์ รปกครองส่วนทอ้ งถิ่น ยทุ ธศำสตร์ที่ 7 การกากับ ติดตามและประเมนิ ผล กลยุทธ์ท่ี 7.1 จัดให้มีหลักเกณฑ์ รูปแบบเคร่ืองมือ และตัวชี้วัด สาหรับใช้กากับ ติดตาม และ ประเมินผล ผลลัพธ์ • ยุทธศาสตร์การบริหารทรัพยากรบุคคลส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2561 – 2565 ได้มีการนาไป ปฏบิ ตั จิ ริงอยา่ งเปน็ รปู ธรรม และมีผลสาเร็จตามท่ีกาหนด • ทรัพยากรบุคคลส่วนท้องถิ่นได้รับการพัฒนา โดยได้รับประโยชน์และสิทธิอย่างเท่าเทียม โปร่งใสเป็นธรรม ตลอดจนมีความเป็นมืออาชีพ สามารถเป็นที่พึ่งและสร้างความเชื่อม่ันให้กับประชาชนใน ท้องถ่นิ ได้อยา่ งย่งั ยืน • มีผลลัพธ์จากการกากับ ติดตาม และประเมินผล สาหรับใช้ศึกษาวิเคราะห์และถอดบทเรียน เพือ่ ปรับปรุงพัฒนาการบริหารทรัพยากรบุคคลส่วนทอ้ งถิ่นใหม้ ีความเหมาะสม

นกั บริหารงานทว่ั ไป รนุ่ ที ๘๔ ขั้นตอนและวธิ กี ำรจัดทำแผนกลยุทธก์ ำรบริหำรทรพั ยำกรบคุ คล ข้นั ตอนที่ 1 แตง่ ต้งั คณะทางานจัดทาแผนกลยทุ ธก์ ารบรหิ ารทรัพยากรบคุ คล ขั้นตอนที่ 2 เสริมสร้างความรคู้ วามเข้าใจเกี่ยวกับการจัดทาแผนกลยุทธ์ การบริหารทรัพยากร บุคคลตาม แนวทาง HR Scorecard ข้นั ตอนท่ี 3 การประเมนิ สถานภาพดา้ นการบริหารทรพั ยากรบุคคล ขั้นตอนท่ี 4 กาหนดประเดน็ ยุทธศาสตร์ดา้ นการบริหารทรพั ยากรบุคคล ข้ันตอนที่ 5 กาหนดเป้าประสงค์เชิงกลยุทธ์ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคลและตัวช้ีวัดของ แต่ละเปา้ ประสงค์ ----------------------------------------------------------------------- หนา้ 307

นกั บริหารงานทั่วไป รุ่นที ๘๔ คณุ ธรรมและจริยธรรมของนักบริหาร พล.อ.ต.นพ.บุญเลิศ จุลเกยี รติ ปัญญาคือรู้จักตัวเอง รู้จักเท่าทันธรรมชาติ และเข้าถึงพระประสงค์ของพระพุทธเจ้าผู้มีปัญญาจะไม่ ทา 3 ข้อ คือ 1. เอาตัวรอดโดยทาความเดือดร้อนให้ผู้อ่ืน 2. หาความรู้โดยการกระทาที่ผิดทานองคลองธรรม 3. กระทาในสง่ิ ท่เี ป็นการฟุ่มเฟือย ฟงุ้ เฟ้อ และไร้สาระ การรักษาความสมดุลในตัวเองคือ มีปัญญา มีศรัทธา มีสติ มีกุศลกรรม และเดินทางสายกลาง ผู้ท่ี ประสบความสาเรจ็ สูงสุดในชวี ิตอาจมีความสุขน้อยกว่าผู้ท่ีประสบความสมดลุ ของชีวิตได้ การอย่กู ับธรรมชาติ อย่างรูเ้ ท่าทัน ปญั ญาคือความรทู้ ี่ปราศจากข้อสงสัย หากมนษุ ยม์ ีปัญญาและศรัทธาที่ไม่งมงาย ความเห็นแก่ ตัวก็จะลดลงอย่างชัดเจน การทุจริตคอรัปช่ัน ละเมิด รวมท้ังการเอาเปรียบกันในสังคมก็จะลดน้อยลงอย่าง แนน่ อนและยั่งยืน มนุษย์ทกุ คนถูกโปรแกรมใหเ้ กิดมาแสวงหาความสขุ ความสุขท่แี ทจ้ ริงคือ 1. โลกียสขุ คอื สขุ ทเี่ กดิ จากการไดต้ อบสนองสัญชาติญาณของการกิน นอน ปกปอ้ งอนั ตราย และเสพ กามดารงเผา่ พันธ์ุ 2. ปติ สิ ขุ ระดับตน้ คอื ความสขุ ทเ่ี กิดจากการที่เราคิดดี ทาดี คอื มีเมตตา กรณุ า มุทติ าจิตอย่างแท้จริง และพอเพยี ง หน้า 3. ปิติสุขระดับสูง คือความสุขท่ีเกิดจากปัญญาแห่งการรู้จักตนเอง รู้เท่าทันธรรมชาติและเข้าถึงพระ 308 ประสงค์ของผ้ทู สี่ ร้างเรา ทาใหเ้ ราสามารถปลอ่ ยวางความทุกข์ทเ่ี กิดจากการถูกกระทบด้วยส่ิงลบได้ (อุเบกขา) อย่างรู้เทา่ ทันและสง่างาม ไตรลักษณ์ คือลักษณะสามประการของธรรมชาติ ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงพบว่ามีอยู่ทุกสรรพสิ่ง อัน ได้แก่ความเปน็ อนิจจงั (ความไม่เท่ียง) ทุกขงั (ความทนสภาพเดมิ ไม่ได้) อนตั ตา (ความมไิ ด้มีตวั ตนเป็นของ ตวั เองทแี่ ท้จรงิ ) สรปุ คนเราเกิดมาเพอ่ื รับใชผ้ ู้ท่สี ร้างเราข้นึ มา เราเลอื กเกดิ ไม่ได้ แต่เราพฒั นาตนเองได้และเลือกที่จะ เป็นคนดที ่มี คี วามสขุ ได้ เรามีชีวิตเพอื่ การร้จู ักตวั เอง เพื่อการพัฒนาตัวเอง เพอ่ื การแกป้ ญั หาอย่างถูกวิธี เพ่ือ การเสพสุขอยา่ งรู้เทา่ ทนั และเพอื่ โอกาสทจี่ ะไดแ้ บ่งปนั ความโชคดีให้ผูอ้ น่ื ท่ดี อ้ ยโอกาสกว่า

นักบรหิ ารงานท่ัวไป รนุ่ ที ๘๔ กำรบรหิ ำรผลงำนและกำรจดั ทำคำรับรองกำรปฏิบัตริ ำชกำร หน้า 309 จากปัญหาระบบราชการท่ีไม่สามารถตอบสนองปัญหาความต้องการของประชาชนได้ ล่าช้า ยุ่งยาก ทาให้มกี ารปฏริ ปู ระบบราชการ โดยการปรับมาใชร้ ะบบ New public Management กำรบริหำรงำนภำครัฐแนวใหม่ (New public Management) คือ การปรับเปลี่ยนการ บริหารจัดการภาครัฐ โดยการนาหลักเพ่ิมประสิทธิภาพของระบบราชการและการแสวงหา ประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ ท่ีมุ่งความเป็นเลิศ โดยการนาเอาแนวทางหรือวิธีการบริหารงาน ของระบบภาคเอกชนมาปรับใชก้ ับการบริหารภาครัฐ วิวฒั นำกำรกำรบรหิ ำรจดั กำรภำครฐั ยุค 1.0 รัชกาลท่ี 5 วางรากฐานประเทศและจัดโครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดินตาม แนวทางนานาอารยประเทศมีการเปลี่ยนแปลง ระบบกรมกองใหม่และตั้งกระทรวงกรม ให้เหมาะสม กับเวลาและสถานการณ์แวดล้อมรัชกาลที่ 7 วางระบบข้าราชการพลเรือนสมัยใหม่เนน้ ระบบคณุ ธรรม (merit system) ยุค 2.0 ช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับท่ี 1 เป็นต้นมา จนถึงยุครัฐบาล พลเอกชาติชาย ระบบราชการมีความเข้มแข็งและเป็นผู้นาการพัฒนาประเทศ การบริหารราชการ เป็นไปตามแนวทางคลาสสิคของ Max weber ว่าด้วยความชอบธรรมทางการเมอื งที่มาจากเหตผุ ลและ กฎหมาย (Legal-Rational Legitimacy) – Hierarchy - Rule – based - Government – oriented - Top -down approach -Professionalism etc. ยุค 3.0 ปี 2540 ชว่ งแผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสังลมแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 8 เป็นตน้ มาวิกฤตต้ม ยากุ้ง กระแส Democratization และ NPM ทาให้เกิดแนวคิดในเร่ือง Good Governance โดยการ ปฏิรูประบบราชการปี 2545 มุ่งเน้น -Results – based -Citizen – centered -Value for money Work better and cost less -Public participation etc. ยุค 4.0 มุ่งสู่ประเทศไทย 4.0 มีการกาหนดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ภาครัฐต้องปรับตัวให้ เข้ากับการดาเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมในยุคติจิทัล โดยต้องเป็นท่ีพึ่งของประชาชนและเป็น ท่ีเชื่อถือไว้วางใจได้โดยแนวโน้มการทางานภาครัฐมงุ่ สู่ -Citizen -Centric Government -Open and Connected Government -Smart and High Performance Government การบริหารราชการของไทย มีวิวัฒนาการมาตลอด มีการพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาระบบ ราชการท่เี กิดแต่ละยคุ สมัยที่แตกต่างกนั ระบบราชการ 4.0 ยึดหลักธรรมาภิบาลเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน โดยมีวิธีการ ดาเนินการ ดังน้ี 1. ภาครัฐท่ีเปิดกว้างและเชื่อมโยงกัน ต้องมีความเปิดเผย โปร่งใส ในการทางาน โดยบุคคลภายนอกสามารถเข้าถงึ ข้อมลู ข่าวสารของทางราชการหรือมีการแบง่ ปันข้อมลู ซง่ึ กนั สามารถ ตรวจสอบการทางานได้

นกั บรหิ ารงานท่ัวไป รนุ่ ที ๘๔ 2. ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ต้องทางานในเชิงรุกและมองไปข้างหน้า โดยตั้งคาถามว่า ประชาชนได้อะไร มุ่งเน้นแก้ไขปัญหาความต้องการ และตอบสนองความต้องการ ไม่ต้องรอให้ ประชาชนมาตดิ ต่อ 3. มีขีดสมรรถนะสูงและทันสมัย ต่างทางานอย่างเตรียมไว้ล่วงหน้า มีการวิเคราะห์ความ เส่ียง สร้างนวัตกรรมหรือความคิดริเริ่ม และต้องประยุกต์องค์ความรู้ในแบบสาขาวิชาเข้ามาใช้ในการ ตอบโตก้ บั โลกแห่งการเปล่ียนแปลงอย่างฉับพลัน เพอ่ื สรา้ งความคมุ้ คา่ ยดื หยนุ่ 1. ระบบกำรบริหำรผลกำรปฏิบัตงิ ำน 1. การวางแผน (Plan) 2. การตดิ ตาม (Monitor) 3. พัฒนา (Develop) 4. ประเมนิ (Appraise) 5. ใหร้ างวลั (Reward) ท่สี าคัญที่จะเน้นก็คือ การประเมินผลการปฏิบัตริ าชการ กำรประเมินผลกำรปฏบิ ตั ริ ำชกำรในระบบรำชกำรไทย กฎหมายทเี่ กยี่ วข้อง 1. พระรำชบญั ญตั ิระเบียบบรหิ ำรรำชกำรแผ่นดิน (ฉบบั ที่ 5) พ.ศ. 2545 มาตรา 3/1 การบริหารราชการตามพระราชบัญญัตินี้ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของ หนา้ ประชาชน เกิดผลสัมฤทธ์ิต่อภารกิจของรัฐ ความมีประสิทธิภาพ ความคุ้มค่าในเชิงภารกิจแห่งรัฐการ ลดข้ันตอนการปฏิบัติงาน การลดภารกิจและยุบเลิกหน่วยงานท่ีไม่จาเป็น การกระจายภารกิจและ 310 ทรัพยากรให้แก่ท้องถ่ิน การกระจายอานาจตัดสินใจ การอานวยความสะดวกและการตอบสนองความ ต้องการของประชาชน ทง้ั น้ี โดยมีผู้รับผิดชอบตอ่ ผลของงาน โดยในการปฏิบัติหน้าท่ีของส่วนราชการต้องใช้วิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีโดยเฉพาะ อย่างย่ิงให้คานึงถึงความรับผิดชอบของผู้ปฏิบัติงาน การมีส่วนร่วมของประชาชน การเปิดเผยข้อมูล การตดิ ตามตรวจสอบและประเมินผลการปฏบิ ัติงานตามความเหมาะสมของแตล่ ะภารกิจ 2. พระรำชกฤษฎีกำว่ำด้วยหลักเกณฑ์และวิธีกำรบริหำรกิจกำรบ้ำนเมืองที่ดี พ.ศ. 2546 - เปน็ กฎหมายท่กี าหนดแนวทางการปฏบิ ัตริ าชการของส่วนราชการและข้าราชการให้เป็นไป ตามหลกั Good Governance - เป็นกฎหมายที่ไม่เหมือนกฎหมายอ่นื ๆ เพราะมีการใหแ้ รงจงู ใจ หากปฏิบตั ิตามแลว้ ได้ผลดี - การท่จี ะทราบไดว้ า่ ปฏบิ ตั ิตามแลว้ ได้ผลดหี รอื ไม่กต็ ้องมกี ารประเมินผล มำตรำ ๖ การบรหิ ารกจิ การบา้ นเมอื งท่ดี ี ได้แก่ การบริหารเปา้ หมาย ดังต่อไปน้ี (1) เกิดประโยชนส์ ขุ ของประชาชน (2) เกิดผลสัมฤทธิต์ อ่ ภารกิจของรัฐ (3) มีประสทิ ธิภาพและเกดิ ความค้มุ ค่าในเชิงภารกิจของรัฐ (4) ไม่มีขน้ั ตอนการปฏิบตั งิ านเกนิ ความจาเป็น (5) มกี ารปรับปรุงภารกิจของสว่ นราชการให้ทนั ตอ่ สถานการณ์

นักบรหิ ารงานทัว่ ไป รนุ่ ที ๘๔ (6) ประชาชนไดร้ ับการอานวยความสะดวกและไดร้ บั การตอบสนองความต้องการ หน้า (7) มีการประเมนิ ผลการปฏิบตั ิราชการอย่างสม่าเสมอ 311 หมวด 8 การประเมนิ ผลการปฏบิ ัติราชการ ตอ้ งมกี ารวดั ผลสมั ฤทธ์กิ ารปฏิบัติงานอย่างสม่าเสมอ มำตรำ 47 ในการประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการเพ่ือประโยชน์ในการ บรหิ ารงานบุคคล ให้ส่วนราชการประเมินโดยคานงึ ถงึ ผลการปฏิบัตงิ านเฉพาะตัวของข้าราชการผู้นั้นใน ตาแหน่งท่ีปฏิบัติประโยชน์และผลสัมฤทธ์ิที่หน่วยงานที่ข้าราชการผู้น้ันสังกัดได้รับจากการปฏิบัติงาน ของขา้ ราชการผนู้ นั้ หมวด 9 บทเบ็ดเตล็ด มำตรำ 52 ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินจัดทาหลักเกณฑ์การบริหารกิจการ บา้ นเมืองทด่ี ตี ามแนวทางของพระราชกฤษฎีกาน้ี 2. กำรสร้ำงตัวช้วี ดั ในกำรทำงำน นิยำม KPIs (Key Performance Indicators) เปน็ เครอ่ื งมือทใี่ ช้วัดผลการปฏบิ ัตงิ านหรือ ประเมินผลการดาเนินงานในด้านต่างๆ ซึ่งสามารถแสดงผลการวัดหรือประเมินผลการวัดในรูปข้อมูล เชิงปริมาณ เพอ่ื สะทอ้ นประสทิ ธิภาพ ประสทิ ธิผลในการปฏิบตั ิงาน ควำมสำคญั - สะทอ้ นเปา้ หมายขององค์กร - เป็นสิ่งทีส่ ามารถวัดและติดตามผลในองคก์ รได้ - เปน็ การสอื่ สารท่ชี ัดเจนตอ่ คนในองคก์ รว่าอะไรคือต้องการใหส้ มั ฤทธ์ิผล - เป็นส่ิงท่ีสร้างความเชื่อม่ันได้ว่าส่ิงที่บุคลากรทุกคนจะทาคือการทางานให้เป็นไป ตามหรือ มากกวา่ เป้าหมายท่กี าหนดไว้ ที่มำของกำรกำหนดตัวชว้ี ดั การกาหนดตัวชี้วัดน้ัน จะต้องอิงกับงานท่ีผู้บังคับบัญชามอบหมายให้ผู้ปฏิบัติรับผิดชอบ ซ่งึ มดี ้วยกัน 3 ลักษณะ ได้แก่ 1. งานตามที่ปรากฎในคารับรองการปฏิบัติราชการ หรือแผนปฏิบัติราชการประจาปีของ ส่วนราชการ (งานในลกั ษณะน้ี บางครั้งอาจรู้จักในนาม \"งานยุทธศาสตร\"์ ) 2. งานตามหน้าที่ความรับผิดชอบหลักของกระทรวง กรม จังหวัด อปท. สานัก หรือกอง หรือตาแหนง่ านของผูป้ ฏิบัติงานท่ีไม่อยู่งานยุทธศาสตร์ (งานในลกั ษณะนีบ้ างคร้ังอาจร้จู ักในนาม \"งาน ประจา/ภารกจิ \") 3. งานท่ไี ดร้ ับมอบหมายเป็นพิเศษ ซงึ่ ไม่ใช่งานประจาของส่วนราชการหรือของผู้ปฏิบัติงาน เชน่ งานโครงการ หรืองานในการแก้ปัญหาสาคญั เรง่ ดว่ นทเ่ี กดิ ข้ึนในรอบการประเมนิ 3. หลกั กำรกำหนดตวั ชี้วดั S เจำะจง (Specific) มีความเจาะจง วา่ ตอ้ งการทาอะไร และผลลพั ธท์ ต่ี อ้ งการคืออะไร

นกั บริหารงานทว่ั ไป ร่นุ ที ๘๔ M วัดได้ (Measurable) ตอ้ งวัดผลทีเ่ กดิ ขึน้ ได้ไม่เป็นภาระ ตวั ชีว้ ัดไม่มากเกนิ ไป A เห็นชอบ (Agreed Upon) ต้องได้รับการเห็นชอบซึ่งกันและกันระหว่างผู้ได้บังคับ บญั ชา และผูบ้ ังคบั บญั ชา R เป็นจริงได้ (Realistic and Relevant) ตอ้ งทา้ ทาย และสามารถทาสาเร็จได้ T ภำยใต้กรอบเวลำทีเ่ หมำะสม (Time Bound) มีระยะเวลาในการทางานทเี่ หมาะสม ไม่ส้ันไม่ยาวเกินไป ประเภทตวั ชวี้ ดั จำแนกตำมรปู แบบตวั ชีว้ ดั ตัวช้ีวัดเชิงปริมำณ คือ ตัวชี้วัดที่ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อใช้วัดส่ิงที่นับได้ หรือส่ิงที่มีลักษณะ เชิงกายภาพ โดยมีหน่วยการวัด เช่น จานวน ร้อยละ และระยะเวลา เป็นต้น ตัวช้ีวัดเชิงปริมาณจะมี ความเป็นวิทยาศาสตรค์ อ่ นขา้ งสงู วดั ในส่งิ ท่ีจบั ตอ้ งได้ เปน็ รปู ธรรม และมีความชดั เจน ตวั อย่ำง : - จานวนพ้ืนที่ท่ีได้รับความเสียหายจากอุทกภัยที่สามารถแก้ไขฟ้ืนฟูใด้ภายใน 2 สัปดาห์ - รอ้ ยละของจานวนโครงการทส่ี ามารถดาเนินการลุล่วงไดต้ ามเปา้ หมาย หน้า - รอ้ ยละของการเพมิ่ ขึ้นของประชาชนทเี่ ข้ารับบรกิ าร - ระยะเวลาเฉลี่ยของการจดั ทาใบขับข่ี 312 ตัวชี้วัดเชิงคุณภำพ คือ ตัวช้ีวัดท่ีการวัดไม่เป็นค่าเชิงปริมาณ หรือเป็นหน่วยวัดใดๆ แต่จะ เป็นการวัดที่อิงกับค่าเป้าหมายท่ีมีลกั ษณะพรรณนา หรือเป็นคาอธิบายถึงเกณฑ์การประเมิน ณ ระดับ ค่าเป้าหมายต่างๆ ตัวชี้วัดและค่าเป้าหมายน้ีจึงทาหน้าท่ีเสมือนหน่ึงเป็นเกณฑ์หรือกรอบกากับการใช้ วจิ ารณญาณของผ้ปู ระเมนิ กำรกำหนดคำ่ เป้ำหมำยผลสมฤทธิของงำน ค่าเปา้ หมาย (Targets) หมายถงึ เปา้ หมายในเชงิ ปริมาณหรือคุณภาพ หรือท้ังสองสว่ น ทีท่ า ให้แยกแยะได้ว่า การปฏิบัติงานประสบความสาเร็จตามตัวชี้วัด (KPIs) ที่กาหนดไว้หรือไม่ มากน้อย เพียงใด ภายในระยะเวลาทีร่ ะบุไว้อย่างชดั เจน แนวทำงกำรกำหนดค่ำเป้ำหมำย 5 ระดับ 1. คา่ เปา้ หมายตา่ สดุ ท่รี บั ได้ 2. คา่ เปา้ หมายในระดบั ต่ากวา่ มาตรฐาน 3. คา่ เปา้ หมายทเี่ ป็นค่ามาตรฐานโดยทั่วไป 4. คา่ เป้าหมายที่มีความยากปานกลาง 5. ค่าเป้าหมายในระดบั ทา้ ทาย มคี วามยากค่อนขา้ งมากโอกาสสาเรจ็ นอ้ ยกว่า 50% เทคนคิ กำรกำหนดคำ่ เปำ้ หมำย เปา้ หมาย (Target) [แสดงถึงผลการดาเนนิ งานท่ีคาดหวัง ไว้

นักบริหารงานท่วั ไป รนุ่ ที ๘๔ ปัจจัยผลกั ดนั จาก ปัจจัยผลกั ดนั จาก ภายนอก ภายใน (External driven) ด สมรรถ (Internal driven) มาต วธิ ปี ฏบิ ตั ิทด่ี ี ความ การ รฐา ทส่ี ุด นะ คาดหวงั แข่งขนั น (Best- (Capa (Expect (Competi (Sta practice) bility) ation) tion) nda rd) เทคนคิ กำรกำหนดนำ้ หนกั กำหนดนำ้ หนกั มำก กำหนดนำ้ หนกั น้อย 1. เปน็ ผลลพั ธ์ระยะยาว (Outcome) 1. เป็นผลลพั ธ์ระยะส้ัน (Output) หน้า 313 2. เป็นงานหลักทมี่ ีผลต่อความสาเรจ็ ของหน่วยงาน 2. เปน็ งานรองทมี่ ีผลต่อความสาของหน่วยงานน้อย 3. เป็นงานยาก หรืองานที่ต้องใช้ความรู้ ทักษะ หรือไมม่ ีเลย ความสามารถสูง 3. เป็นงานง่าย หรืองานที่ไม่ต้องใช้ความทักษะ 4. เป็นงานท่ีคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ขึ้นใหม่หรืองาน ความสามารถมากนัก เชิงกลยุทธ์ (Initiative) 4. เปน็ งานประจา (Routine) 4. วิธกี ำรกำหนดตัววดั ช้ีวัด/ค่ำเปำ้ หมำย 1. เลือกใช้เทคนคิ วธิ ีกำรวัดวิธีใดวธิ หี นึ่ง หรือ หลำยวธิ ผี สมกนั Method) ㆍ การถ่ายทอดตัวชี้วัดผลสาเร็จของงานจากบนลงล่าง ( Goal Cascading ㆍ การสอบถามความคาดหวังของผูร้ บั บรกิ าร (Customer-Focused Method) ㆍการไลเ่ รยี งตามผังการเคล่อื นของงาน (Work Flow Charting Method) ㆍการพจิ ารณาจากประเดน็ สาคัญทีต่ ้องปรับปรุง (Issue- Driven) ฯลฯ 2. กำหนดน้ำหนักของแต่ละตวั ชี้วัด 5. ข้อแนะนำในกำรกำหนดตวั ชว้ี ดั /คำ่ เปำ้ หมำย

นกั บริหารงานทวั่ ไป รนุ่ ที ๘๔ 1. กาหนดตัวช้ีวัดและค่าเป้าหมายรายบุคคล โดยคานึงถึงการมอบหมายงานหรือ หนา้ ทีร่ ับผดิ ชอบของผ้ปู ฏิบตั เิ สมอ 2. กาหนดตัวขี้วัดและค่าเป้าหมายโดยคานึงถึงอานาจจาแนกความสอดคล้องกับ เปา้ หมายของผูบ้ ังคับบญั ชาหรอื หน่วยงานและกรอบเวลาเสมอ 3. กาหนดตัวช้ีวัดในจานวนที่เหมาะสมครอบคลุมเนื้องานหรือความคาดหวังที่สาคัญ ไม่กาหนดตวั ชีว้ ดั ทซี่ ้าซอ้ นโดยไมจ่ าเป็น 4. พิจารณาความเป็นไปได้ในการเก็บข้อมูลเสมอ หรือในกรณีที่มีข้อจากัดในการวัด/ การเก็บข้อมูลพึงพิจารณาใช้วิธีกาหนดตัวช้ีวัดท่ีเช่ือมโยงกับกลไกการปฏิบัติ เพื่อท่ีจะนาผลลัพธ์จาก กลไกการปฏิบตั ินน้ั ไปใช้ในการวัดและประเมินผลการปฏบิ ัตงิ าน 5. พิจารณาเลือกวิธีท่ีเหมาะสมในการวัดความพึงพอใจ และการกระจายผลประเมิน ความพงึ พอใจลงสรู่ ายบุคคล ************************** หนา้ 314 กลยุทธ์กำรดำเนนิ กำรทำงวินัยของท้องถนิ่

นกั บรหิ ารงานทั่วไป รุ่นที ๘๔ โดย อ.สริ ริ ตั น์ แตงรอด หน้า กฎหมำยที่เก่ียวขอ้ ง 315 1.รฐั ธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจกั รไทย 2.กฎหมายว่าด้วยการจดั ตง้ั องคก์ รปกครองสว่ นท้องถิ่น 3.พระราชบัญญัตริ ะเบียบบรหิ ารงานบคุ คลสว่ นทอ้ งถิ่น พ.ศ. 2542 4.กฎหมายวา่ ด้วยระเบยี บบรหิ ารงานบคุ คลส่วนทอ้ งถนิ่ - มาตรฐานทัว่ ไปเกี่ยวกบั การคัดเลือก การบรรจแุ ละแต่งต้งั การยา้ ย การรับโอน การเล่ือนระดบั การเลือ่ นขน้ั เงินเดอื น - มาตรฐานท่ัวไปเก่ียวกับวินัย การให้ออกจากราชการ สิทธิการอุทธรณ์ การ พิจารณาอทุ ธรณ์ และการร้องทุกข์ - มาตรฐานทั่วไปเกย่ี วกับพนักงานจ้าง ควำมหมำย จดุ มุ่งหมำย และสำเหตุที่วนิ ัยเสื่อม นามธรรม แบบแผนความประพฤติ รูปธรรม ลักษณะพฤตกิ รรมทแ่ี สดงออก จุดมุ่งหมำย 1.เพ่อื การทางานอยา่ งมปี ระสทิ ธิภาพ 2.เพือ่ ความเจริญ สงบฯ ของชาติ 3.เพ่อื ความผาสกุ ของประชาชน 4.เพอ่ื ภาพพจน์ทด่ี ีขององคก์ ร สำเหตุทวี่ ินยั เส่อื ม 1.อบายมุข 2.ตัวอยา่ งทีไ่ ม่ดี 3.ขวญั กาลังใจไมด่ ี 4.งานล้นมือ 5.ความจาเปน็ ในการครองชพี 6.โอกาสเป็นใจ 7.การปล่อยปละละเลยของผู้บรหิ าร หน้ำที่ของผบู้ งั คับบัญชำเก่ียวกบั วินัย ขอ้ 24 - ส่งเสรมิ /พัฒนาใหม้ วี นิ ัย (ว 2) 1.ปฏิบตั ิตนเปน็ แบบอย่างท่ีดี 2.สรา้ งขวัญกาลงั ใจ 3.การจงู ใจ 4.กระทาการอ่ืนท่จี ะเสริมสร้างพัฒนาทัศนคติ จิตสานกึ และพฤตกิ รรม - ป้องกนั ไม่ให้กระทาผดิ วินัย (ว 3) 1.การเอาใจใส่

นกั บรหิ ารงานทั่วไป รุ่นที ๘๔ 2.สงั เกตการณ์ 3.ขจัดเหตุท่ีอาจกอ่ ใหเ้ กิดการกระทาผิดวินัย - สืบสวนขอ้ เท็จจริง (ว 5 + ว 6 + ว 8) 1. การแสวงหาขอ้ เทจ็ จรงิ เก่ียวกบั เรอื่ งร้องเรยี น กล่าวหา 2. โดยการตั้งกรรมการสบื สวนข้อเท็จจริง/กรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง/กรรมการ ตรวจสอบขอ้ เท็จจรงิ - การดาเนนิ การทางวนิ ัย (ว 11) 1. กระบวนการปกติ 1.1 ไม่รา้ ยแรง 1.2 ร้ายแรง 2. กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช./คณะกรรมการ ป.ป.ท.ชีม้ ูล กำรพิจำรณำควำมผิดทำงวินัย ควำมหมำย เปน็ การดาเนินการเพ่ือทราบวา่ ผู้ถูกกล่าวหาได้กระทาความผิดหรือไม่ อยา่ งไร ต้องกระทา โดย ผู้มอี านาจและจากข้อเทจ็ จริงในสานวน (ต้องได้จากการสอบสวน) หลกั กำร หนา้ 1.หลกั นิตธิ รรม - มกี ฎหมายกาหนดเป็นความผิดทางวินัย - การกระทาต้องครบองค์ประกอบ 316 ความผิด 2.หลกั มโนธรรม - สติสมั ปชญั ญะ - ถกู ตอ้ งตามเหตผุ ลที่ควรจะเปน็ ผมู้ หี น้ำท่ี - กรรมการสอบสวน - นายก อปท. ต้นสังกัด - ก.จงั หวดั ต้นสงั กัด หลกั กำรกำหนดโทษ ควำมหมำย เป็นการพจิ ารณาว่าผ้ถู ูกกล่าวหาควรถกู ลงโทษสถานใด ตอ้ งกระทาโดยผมู้ ีอานาจ และจาก ขอ้ เท็จจริงในสานวน หลกั กำร 1.หลกั นติ ิธรรม โทษตามท่ีกฎหมายกาหนด + ความรา้ ยแรง 2.หลกั มโนธรรม ถูกตอ้ งเหมาะสม + ภายในขอบเขตระดับโทษ 3.ความเป็นธรรม ไม่เลือกปฏบิ ัติ ทัง้ นี้ข้นึ อยกู่ บั ขอ้ เทจ็ จริง 4.นโยบายรัฐ ผู้มหี นำ้ ท่ี

นักบรหิ ารงานทว่ั ไป รนุ่ ที ๘๔ - กรรมการสอบสวน - นายก อปท. ตน้ สงั กัด - ก.จงั หวดั ต้นสงั กัด กำรขอยกเวน้ คณุ สมบตั ใิ นกำรขอกลบั เขำ้ รับรำชกำร ถ้าจากเหตทุ ุจรติ ไมส่ ามารถขอได้/ไมม่ ีสิทธิข์ อ ถ้าปลดออก/ไลอ่ อก นอกจากทุจรติ สามารถขอยกเวน้ ได้ **************************** หนา้ 317 กำรบริหำรงำนกำรเงนิ กำรคลังของ อปท. และกฎหมำยทีเ่ กย่ี วขอ้ ง พรอ้ มกรณีศกึ ษำ

นกั บริหารงานทวั่ ไป รุ่นที ๘๔ กำรทกั ทว้ งของหน่วยตรวจสอบ 1. พระราชบัญญัติ วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ มีผลบังคับใช้ต้ังแต่วันท่ี ๒๐ เมษายน หนา้ ๒๕๖๑ พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. ๒๕๖๑ กาหนดให้หน่วยงานของรัฐต้อง 318 ปฏิบัติงานเป็นไปแนวทางเดียวกัน ซึ่งองค์ปกครองส่วนท้องเป็นหน่วยงานท่ีต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ดังกล่าวด้วยแต่จะมีความแตกต่างตรงรายได้ท่ีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดเก็บแล้วไม่ต้องนาส่งเป็น รายได้แผ่นดนิ และรายจา่ ยขององค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถน่ิ จะต้องอยูภ่ ายใต้กฎหมายท่ีอนุญาตให้จ่าย ได้ หลักการบรหิ ารงานการใชจ้ า่ ยเงิน ของ อปท. แบ่งออกเป็น 2 สว่ น ดงั น้ี 1. การบริหารงาน หลักการบริหารงานการใช้จ่ายเงิน ของ อปท. จะต้องใช้จ่ายตามอานาจ หนา้ ท่ีเป็นไป ดังน้ี - กฎหมายจัดตั้งของ อปท. แต่ประเภทกาหนดให้มีหน้าท่ีท่ีต้องทาในเขต อปท. และหนา้ ท่ีทอ่ี าจทาในเขต อปท. เช่น พ.ร.บ. อบจ. พ.ร.บ.เทศบาล และพ.ร.บ.อบต. - กฎหมายภารกิจถ่ายโอน พ.ร.บ.กาหนดแผนและข้ันตอนการกระจายอานาจให้แก่ อปท.พ.ศ. ๒๕41 มาตรา ๑๖ ให้เทศบาล เมืองพัทยา และอบต.มีอานาจและหน้าที่ในการจัดระบบ การบรกิ ารสาธารณะเพ่ือประโยชน์ของประชาชนในท้องถน่ิ ของตนเอง ดงั น้ี การสง่ เสริมการท่องเที่ยว การสังคมสงเคราะห์ และการพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็ก สตรี คนชรา และผู้ด้อยโอกาส การบารุงรักษา ศิลปะ จารีตประเพณี ภูมิปัญญาท้องถิ่นและวัฒนธรรมอันดีของท้องถิ่น การส่งเสริมกีฬา การ สาธารณสุข การอนามัยครอบครัว และการรักษาพยาบาล การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การ รักษาความสงบเรียบร้อย การส่งเสริมและสนับสนุนการป้องกันและรักษาความปลอดภัยในชีวิตและ

นกั บริหารงานทวั่ ไป รนุ่ ที ๘๔ ทรัพย์สิน และประกาศคณะกรรมการการกระจายอานาจ ให้แก่ อปท.เรื่อง กาหนดอานาจและหน้าท่ี หนา้ ในการจดั ระบบบริการสาธารณะ 319 - กฎหมายอ่ืน โดยจะต้องยึดประโยชน์สูงสุด ประโยชน์สาธารณะ พิจารณาพ้ืนท่ี รับผดิ ชอบกอ่ น 1) พ.ร.บ.โรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ.๒๕๓๕ ข้อบกพร่อง การฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า หากมีการประกาศกาหนด เขตฉีดวัคซีนไม่เสียค่าธรรมเนียม ผวจ.แจ้งให้ท้องถ่ิน ดาเนินการ เป็นการ ฉีดวัคซนี สุนัขมีเจา้ ของในระยะเวลา ประกาศฯ ไมม่ กี ารบนั ทึกลักษณะ เพศ อายุ จานวน ทอ่ี ยูข่ องสุนัข และลงชื่อเจา้ ของสนุ ัขไวเ้ ปน็ หลกั ฐาน 2) พ.ร.บ.การสาธารณสขุ พ.ศ. ๒๕๓๕ 3) พ.ร.บ. ผู้สูงอายุ พ.ศ. ๒๕๔๖ พ.ศ.2553 เพิ่มเติม พ.ศ.2561 ตามประกาศสานัก นายกรัฐมนตรี เรอ่ื ง การกาหนดหน่วยงานผู้มีอานาจหน้าที่รับผดิ ชอบดาเนินการเก่ียวกับการคุ้มครอง การส่งเสรมิ และการสนับสนนุ ผสู้ ูงอายุในด้านตา่ ง ๆ ดังน้ี • ขอ้ มูลขา่ วสารทเี่ ป็นประโยชน์ตอ่ การดาเนินชีวติ (๒) พม. สธ. และอปท. • การประกอบอาชีพหรือฝึกอาชีพที่เหมาะสม (๓) ก.แรงงาน ก.ศึกษาธิการ มห. และ อปพ. • การพัฒนาตนเสงและกาชมีสว่ นชว่ ยในกจิ กรรมทางสังคม การรวมกลุม่ ในลักษณะ เครือขา่ ยหรือชมุ ซน(๔) มท. พม. ก.วัฒนธรรม และ แปท. • การยกเว้นค่าเข้าชมสถานท่ีของรัฐ (๗) หน่วยงานในสังกัดกระทรวง ทบวง กรม อปพ. และรัฐวสิ าหกจิ ทเ่ี ก็บค่าเข้าชมสถานที่ • การช่วยเหลือผู้สูงอายซ่ึงได้รับอันตรายจากการถูกทารณกรรมหรือถูกแสวงหา ประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย/ ถูกทอดท้ิง (๘) พม. มท. ก.ยุติธรรม สนง. อัยการสงู สตุ สตช. และ อปท. ทีม่ ีสถานสงเคราะห์คนชรา • การจ่ายเงินเป็นยังชีพรายเดือนอย่างท่ัวถึงและเป็นธรรม (๑๑) หน่วยงานมีหน้าที่ การสงเคราะห์เบยี้ ยงั ที่พในสังกัด อปท. กรมบญั ชกี ล (ผลบงั คับใช้ 7 ม.ิ ย. 61) • การสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี (๑๒) หน่ายงานท่ีมีหน้าที่ต้านการ สงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี ในสังกัด พม. 4) พ.ร.บ. ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ สอดรับกับระเบียบ ช่วยเหลือประชาชน ข้อ 6 อานาจหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.๒๕5๐ มาตรา ๒๑ เมือ่ เกดิ /คาดวา่ จะเกิดสาธารณภยั ขึน้ ในพืน้ ท่ี อปท.ใดให้ผู้อานวยการทอ้ งถิ่นนัน้ มหี นา้ ที่ ๑. เข้าดาเนนิ การป้องกนั และบรรเทาสาธารณภยั โดยเร็ว ๒. แจ้งผู้อานวยการอาเภอที่รับผิดชอบในเขตพ้ืนท่ีน้ันและผู้อานวยการจังหวัด ทราบ 3. ส่ังข้าราชการ/พนักงานส่วนท้องถ่ินเจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าพนักงาน อาสาสมัครและบุคคลใดๆ ในเขตพื้นที่ อปท.ที่เกิดสาธารณภัยให้ปฏิบัติการอย่างหน่ึงอย่างใดตาม ความจาเป็น

นกั บรหิ ารงานท่วั ไป รนุ่ ที ๘๔ 4. ใชอ้ าคาร สถานท่ี วัสดุ อปุ กรณ์ เครือ่ งมอื 5. ขอความช่วยเหลือจากอปท.อ่ืนในการป้องกันและบรรเทาสารารณภัย เคร่ืองใช้ เครื่องมอี ส่ือสาร และยานพาหนะ 6. สั่งหา้ มเขา้ หรือให้ออกจากพนื้ ท่ีอาคารหรือสถานที่กาหนด 7. จัดให้มกี ารสงเคราะห์ผูป้ ระสบภัยโดยทวั่ ถงึ และรวดเรว็ อานาจหน้าท่ี ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.๒๕5๐ มาตรา 30 ผู้อานวยการในเขตพื้นท่ีที่รับผิดชอบ มีหน้าที่ สารวจความเสียหายจากสาธารณภัยท่ีเกิดข้ึน จัดทาบัญชีรายชอ่ื ประสบภยั และทรัพย์สินที่เสียหาย ออกหนังสือรับรองให้ผู้ประสบภยั ไว้เป็นหลักฐาน ในการรับการสงเคราะห์และฟื้นฟู รายงานจังหวัด อาเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ และระบุ หน่วยงานทร่ี ับผิดชอบ 2. การใช้จา่ ยเงินของ อปท. จะตอ้ งปฏบิ ตั ิ ดังน้ี ▪ ขอ้ ปฏบิ ัติ (ระเบยี บ/ข้อบังคบั ) หากไม่มจี า่ ยไม่ได้ ▪ งบประมาณ หลกั ความค้มุ ค่า มีประสิทธิภาพ ประสทิ ธผิ ล เปน็ ไปตามวธิ ีงบประมาณ ▪ ดุลพินจิ (ชอบดว้ ยกฎหมาย) จาเป็น เหมาะสมและประหยัด ▪ โปร่งใส/ตรวจสอบได้ (เปิดเผย/เอกสารถูกต้อง) มีหลกั ฐานชี้แจง ระเบียบ มท. ว่าด้วยด่าใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือประชาชนตามอานาจหน้าที่ของ อปท. พ.ศ. หนา้ ๒๕๖๐ มีผลใช้บังดับ วันท่ี ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐ (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๖๑ มีผลใช้บังดับ วันที่ ๑๘ มกราคม 320 ๒๕6๒ การช่วยเหลือประชาชน การให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนหรือไม่ สามารถช่วยเหลือตนเองได้ในการดารงชีพ โดยอาจให้เป็นสิ่งของ หรือจ่ายเป็นเงิน หรือการจัดบริการ สาธารณะ เพ่ือให้การช่วยเหลือประชาชนในระดับเขตพื้นที่หรือท้องถิ่น ตามอานาจหน้าที่ของ อปท. ดาเนินการในขอบเขตอานาจหน้าที่ของ อปท. ตามกฎหมายโดยคานึงถึงสถานะทางการคลังและความ จาเป็นเหมาะสม การช่วยเหลือประชาชน แบ่งเป็น 4 กรณี - ด้านสาธารณภัย - ด้านการส่งเสริมมและการพัฒนาคุณภาพชีวิต - ดา้ นการป้องกันแลควบคมุ โรคตดิ ตอ่ - ด้านเกษตรกรผูม้ ีรายได้น้อย หลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินเพ่อื ชว่ ยเหลอื ผปู้ ระสบภัยพบิ ัตกิ รณีฉุกเฉิน พ.ศ.2563 1. ด้ำนกำรดำรงชีพ ให้ดาเนินการช่วยเหลือเป็นส่ิงของหรือจ่ายเป็นเงินโดยคานึงถึง สภาพและเหตกุ ารณต์ ามความเหมาะสม - คา่ อาหารจัดเลย้ี ง วนั ละไม่เกิน ๓ มอื้ มอื้ ละ ไม่เกิน ๔0 บาท/คน - คา่ ถงุ ยังชพี ชดุ ละไม่เกิน ๗00 บาท/ครอบครัว

นักบรหิ ารงานทัว่ ไป รนุ่ ที ๘๔ - ค่าจัดซ้ือ/จัดหาน้า สาหรับบริโภคและใช้สอยในท่ีอยู่อาศัยเท่าที่จ่ายจริงตาม หน้า ความจาเป็น จนกวา่ เหตกุ ารณป์ ระสบภยั พิบตั จิ ะเขา้ ส่ภู าวะปกติ 321 - ค่าใช้จ่ายในการดารงชีพเบื้องต้น กรณีท่ีอยู่อาศัยเสียหายทั้งหลังเท่าที่จ่ายจริง ครอบครวั ละไม่เกิน 3,๘๐๐ บาท - ค่าตัดแปลงสถานที่สาหรับที่พักชั่วคราว เท่าท่ีจ่ายจริงครอบครัวละไม่เกิน ๒,๕๐๐ บาท หรอื ผา้ ใบผา้ พลาสติกหรือวัสดุอนื่ สาหรบั กันแดดกันฝน เท่าที่จา่ ยจริงครอบครวั ละไม่เกิน 1,000 บาท - จดั หาสาธารณูปโภคในท่พี กั ชั่วคราว (1) คา่ ไฟฟา้ กรณไ์ ฟมีไฟฟ้า ใหจ้ ดั อปุ กรณ์แสงสวา่ งอ่ืนทดูแทนได้ (2) จัดหา/จัดซอื้ น้าบรโิ ภคและใช้สอย/จดั ชื้ออปุ กรณ์บรรจนุ ้า (1) และ (๒) เท่ำทจ่ี ่ำยจรงิ ตำมควำมจำเป็น (๓) จัดสร้าง/จัดหาห้องน้า ห้องส้วม ๑ ที่ ต่อ ๑๐ คน เท่าที่จ่ายจริงเฉล่ียที่ ละไมเ่ กิน 1,700 บาท (4) สร้างทีร่ องรับ ทาลาย หรอื กาจดั ขยะมลู ฝอยเท่าท่จี ่ายจรงิ - ค่าเคร่ืองนุ่งห่ม ท่ีได้รับความเสียหายและไม่สามารถนากลับมาใช้ได้อีก/ จาเป็นต้องใช้ในการดารงชีพ กรณีไม่มีเคร่ืองนุ่งห่มในการดารงชีพขณะเกิดภัย รายละไม่เกิน 1,๑๐๐ บาท - ค่าเคร่ืองครัวและอุปกรณ์ในการประกอบอาหาร ที่สูญหายหรือได้รับความ เสยี หาย และไม่สามารถนากลับมาใชไ้ ด้อกี เท่าที่จา่ ยจรงิ ครอบครัวละไม่เกนิ ๓,๕๐๐ บาท - ค่าเคร่ืองนอน ที่สูญหาย/ได้รับความเสียหาย และไม่สามารถนากลับมาใช้ได้อีก หรือ มคี วามจาเปน็ ตอ้ งใชใ้ นการดารงชพี กรณไี ม่มีเครอ่ื งนอนในการดารงชีพขณะเกดิ ภัย เท่าที่จ่ายจริง คนละไม่เกนิ ๑,00๐ บาท - ค่าวัสดุซ่อมแชมท่ีอยู่อาศัยประจา ซึ่งผู้ประสบภัยเป็นเจ้าของที่ได้รับความ เสยี หาย เทา่ ทจ่ี ่ายจริงหลังละไมเ่ กนิ ๔๙,๕๐๐ บาท - ค่าเช่าบ้านแก่ผู้ประสบภัยพิบัติ กรณีเช่าบ้านเรือนผู้อื่นและบ้านเช่าเสียหายจาก ภัยพิบัติท้ังหลังหรือเสียทายบางส่วนจนอยู่ไม่ได้ เท่าท่ีจ่ายจริงในอัตรา ครอบครัวละไม่เกินเดือนละ ๑,๔00 บาท ไมเ่ กนิ ๒ เดอื น - ค่าวัสดุซ่อมแซมหรือสรา้ งยงุ้ ข้าว โรงเรือนสาหรับเก็บพืชผลและคอกสตั วท์ ่ีไดร้ บั ความเสยี หาย เทา่ ทจ่ี ่ายจริงครอบครวั ละไมเ่ กิน ๔,๓๐๐ บาท - เครื่องมือประกอบอาชีพและหรือเงินทุนสาหรับผู้ประสบภัยพิบัติท่ีเป็นอาชีพ หลกั ในการทาเลี้ยงครอบครวั เทา่ ท่ีจา่ ยจริงครอบดรัวละไม่เกนิ ๑๑,๔๐๐ บาท - ค่าจัดการศพผู้เสยี ชวี ิต รายละไมเ่ กนิ 29,700 บาท และในกรณผี ปู้ ระสบภัยที่ เสียชีวิตเป็นหัวหน้าครอบครัวหรือเป็นผู้หารายได้เลี้ยงดูครอบครัวให้พิจารณาช่วยเหลือเงินส งเคราะห์ ครอบครวั อกี ไมเ่ กนิ 29,700 บาท

นกั บรหิ ารงานท่วั ไป รุ่นที ๘๔ การให้ความช่วยเหลือเยียวยาหรือฟ้ืนฟูหลังเกิดสาธารณภัยกรณีมีประกาศเขตการให้ความ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินในพื้นที่เกิด ข้อ 7(1) ให้ อปท. ดาเนินการตามอานาจหน้าที่แล้ว รายงานอาเภอหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้เงินทดรองราชการโดยปฏิบัติตาม นส. ที่ มท 0810.4/ว1381 ลว 30 ม.ิ ย. 64 แจง้ ตาม นส.ปภ. ท่ี มท 0652/4647 ลว. ๒๒ ม.ิ ย. ๖๔ การให้ความช่วยเหลือเยียวยาหรือฟ้ืนฟูหลังเกิดสาธารณภัยกรณีไม่มีประกาศเขตการให้ ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินในพ้ืนที่เกิด ข้อ ๗(๒) อปท. สารวจความเสียหายของ ผู้ประสบภัย เสนอ คกก.พิจารณานารายืช่อของ ปชช. ท่ีเดือดร้อน มาพิจารณา ตามหลักเกณฑ์ กค. ประกาศให้ ปชช.ทราบ ไมน่ อ้ ยกวา่ ๑๕ วัน ชว่ ยเหลือตามมติ คกก. ชว่ ยเหลือประชาชน กระบวนการ จัดซ้ือจัดจ้าง จัดทาโครงการ เข้า แผนพัฒนา และ ต้ัง งปม.หมวดรายจ่าย ช่วยด้านดารงชีพ โดย คานึงถึงสภาพ และเหตุการณ์ ตามความเหมาะสมทัง้ น้ี ไม่เกนิ หลักเกณฑ์ที่ กค. กาหนดในระเบยี บน้ี 2. ดำ้ นกำรเกษตร ให้ดาเนนิ การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบตั ิที่ขนึ้ ทะเบียนหรือปรับปรุง ทะเบียนกับหน่วยงานที่กากับดูแลแต่ละด้านของ กษ. ก่อนเกิดภัยพิบัติแล้วเท่านั้น เป็นไปตาม หลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเก่ียวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณี ฉกุ เฉิน พ.ศ.๒๕๖๔ มผี ลใชบ้ ังคับตงั้ แต่ ๑ ก.ย. ๖๔ การช่วยเหลือประชาชนด้านส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิต ในสถานการณ โ์ รคตดิเชื้อ ไวรสั โคโรนา่ 2019 หนังสอื มท. ดว่ นทีส่ ดุ ที่ ๐๘๐๘.๒/ว ๒๒๐๗ ลว.๑๔ เม.ย.๒๕๖๓ และ ๐๘๐๘.๒/ หน้า ว๒๗๑๕ ลว.๑๓ พ.ค.๒๕๖๓ 322 การชว่ ยเหลอื ประชาชนดา้ นส่งเสรมิ และพฒั นาคุณภาพชวี ิต กรณีโรคโควิด-19 ให้ อปท. ประกาศให้ประชาชนมาย่นลื งทะเบียนตอ่ อปท. เพ่อืเสนอคณะกรรมการช่วยเหลอปื ระชาชน พิจารณา โดยช่วยตามหลักเกณฑ์ที่ มท. หรือ พม.ก าหนด ซึ่งตามระเบียบกรมพัฒนาสังคมและ สวัสดิการ ว่า ดว้ ยการสงเคราะห์ครอบครัวผู้มรี ายไดน้ ้อยและผู้ไรท้ ี่พง่ึ พ.ศ. ๒๕๕๒ ขอ้ ๘ การสงเคราะหค์ รอบครัวท่ี เดือดร้อน ให้ด าเนินการตามความจ าเป็น (๘.๑) ช่วยเหลือด้านการเงิน หรือส่ิงของ เป็นวงเงินในการ ช่วยเหลอื ไม่เกินครงั้ ละ ๓,๐๐๐ บาทตอ่ ครอบครัว ไม่เกนิ ๓ ครงั้ ตอ่ ปงี บประมาณ กรณโี รคโควดิ - 19 ถือเป็นกรณีฉุกเฉินจาเป็น เร่งด่วน เมื่อคณะกรรมการช่วยเหลอื ประชาชนของ อปท. ได้ปดิ ประกาศ รายช่ือประชาชนท่ีจะได้รบั ความช่วยเหลอืแล้วให้สามารถช่วยเหลือประชาชนได้ทนั ที โดยไม่ต้องรอให้ ครบสิบห้าวัน และถือเป็นกรณีเร่งด่วน หากไม่ดาเนินการแก้ไขจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อราชการ หรือประชาชน ดังนนั้ อปท.จงึ ไมต่ ้อง จดั ทาเป็นแผนพฒั นาท้องถิ่น แนวทำงกำรดำเนินกำรและกำรใช้จ่ำยงบประมำณ ในกำรป้องกันและควบคุม โรคติดตอ่ โควดิ -19 ค่ำใช้จ่ำยในกำรดำเนินกำรกำรจัดตั้ง โรงพยำบำล สนำมระดับพื้นที่ (หนังสือที่ กระทรวงมหาดไทย ด่วนท่ีที่สดุ ท่ี มท 0808.2 /ว ๒๓๔๓ ลงวนั ที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๔) 1. ดา้ นสถานที่ - สถานที่ราชการ หรือเชา่ สถานที่เอกชน - ค่าทาความสะอาดฆา่ เชือ้ โดยจ้างแรงงานหรือจา้ งเหมา - ค่าสาธารณปู โภค เช่น ค่าไฟฟ้า ค่านา้ คา่ ใชจ้ ่ายอ่ืน ทจ่ี าเป็น เชน่ วสั ดุ ครภุ ัณฑ์ เปน็ ตน้

นักบริหารงานท่วั ไป รุ่นที ๘๔ ๒. ด้านจัดหาวัสดอุ ปุ กรณ์ หน้า จัดหาวัสดอุ ุปกรณ์ ครภุ ณั ฑ์ในการปฏบิ ัติงาน ป้องกันรกั ษาและควบคุมโรคของผ้ปู ว่ ย เชน่ 323 หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ เคร่ืองพ่นยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือในการตรวจโรค เร่ืองวัดอุณหภูมิ เป็นตน้ ๓. ดา้ นเจา้ หนา้ ท่ี บุคลากรผ้ปู ฏิบัตแิ ละผปู้ ่วย มีคาสั่งให้เจ้าหน้าท่ีของ อปท. ปฏิบัติหน้าที่ เบิกค่าใช้จ่ายเดินทางไปราชการ ผู้ป่วยและ เจ้าหน้าท่ีปฏิบัติงานเบิกค่าอาหารกลางวัน ไม่เกิน 3 ม้ือ ๆ ละ 50 บาท/คน (จนท.เบิกค่าอาหารแล้ว ไม่ใหเ้ บิกเบ้ียเลย้ี ง) 4. ดา้ นงบประมาณ - งบประมาณ ให้เบกิ จา่ ยงบกลาง ประเภทเงินสารองจ่าย รบ.งปม.ฯ ข้อ 1๙ - โอนงบประมาณรายจ่ายทีเหลือจ่ายหรือไม่มีความจาเป็นต้องจ่ายไปเพ่ิมได้ (รบ.งปม.ฯ ข้อ 26 และ ข้อ 27) -ใช้จา่ ยเงนิ สะสม (นส.ยกเว้น ว ๑๖๐๘) -นาเงนิ ทนุ สารองเงินสะสมมาใชจ้ ่าย (รบ.เบกิ จ่ายฯ ขอ้ ๘๗) ๕. การจัดซื้อจัดจ้างพัสดุ สาหรับการป้องกัน รักษาและควบคุมโรคของผู้ป่วย แต่ละคร้ัง ทุกวงเงนิ ถือเปน็ ความจาเป็นเร่งดว่ น ดาเนนิ การตามข้อ 79 วรรคสอง (รบ.กค.จัดซ้ือจดั จา้ ง และ นส.ว ๑๑๕) 6. เงนิ อดุ หนุน - อปท.ไมด่ าเนินการ/ร่วมดาเนนิ การ อาจสนับสนนุ งปม. ใหืแกห่ น่วยงานอื่นได้ - ตอ้ งมใี นแผนพฒั นา และตง้ั ไวใ้ นหมวดเงนิ อดุ หนนุ - ไม่สามารถจา่ ยจากเงนิ สะสม (รบ.เงินอดุ หนุนฯ) สถำนที่ควบคุมเพอ่ื สังเกตอำกำรเรมิ่ ป่วย ศนู ยพ์ กั คอยและแยกกักตวั ท่ีบ้ำน กรณี ผวจ.หรือผู้ที่ไดร้ ับมอบหมายจาก ผวจ. มอบหมายให้ อปท.ดาเนนิ การจัดตั้งสถานที่ ควบคุมเพอื่ สังเกตอาการเริ่มป่วย (Quarantine) ศนู ยพ์ กั คอย (Community Isolation) และ การแยก กกั ตวั ที่บา้ น (Home Isolation) เพอื่ ประโยชนใ์ นการป้องกันควบคมุ โรคกรณีผ้ปู ว่ ยหรอื กรณกี ล่มุ บุคคลท่ีมคี วามเส่ยี งสูง ผู้ป่วยต่อไปน้ีอาจพิจารณาให้เข้าพักในศูนย์พักคอยหรือสถานที่ควบคุมเพื่อสังเกตอาการ เรมิ่ ป่วยได้ ๑. ไมม่ ชี ื่อในทะเบยี นบา้ นแต่อาศัยอยู่เป็นประจา ในพื้นท่ีของ อปท. ๒. เป็นบุคคลทไ่ี มม่ สี ญั ชาติไทย ๓. เป็นผู้ป่วยในเขตพื้นท่ีของ อปท.อื่น อาจพิจารณาให้เข้าพักในศูนย์พักคอย (Community Isolation) หรือสถานที่ควบคุม เพ่ือสังเกตการเริ่มป่วย (Quarantine) และเบิก คา่ ใช้จา่ ยสาหรบั บคุ คลดังกล่าวได้ อปท.อาจดาเนินการในการป้องกนั ยบั ยั้งก่อนเกิดสาธารณภยั ได้ดังน้ี

นกั บริหารงานทวั่ ไป รนุ่ ที ๘๔ 1. จัดหาวัสดุทางการแพทย์ และเวชภัณฑ์ที่ไม่ใช่ยา สาหรับตรวจหาเช้ือโควิด-19 เชิงรุก ใน พ้นื ที่เสย่ี ง กลมุ่ บคุ คลทเี่ สย่ี ง กิจกรรมที่เสีย่ ง 2. จัดเล้ียงอาหารบุคคลท่ีเป็นกลุ่มเสี่ยง ที่ทางราชการสั่งให้กักตัวที่บ้าน วันละไม่เกิน ๓ มื้อ ๆ ละไม่เกิน ๕๐ บาทต่อคน (หนังสือ มท. ด่วนท่ีสุด ท่ี มท ๐๘๐๘.๒/ว ๔๑๑๖ ลงวันท่ี ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔) คำ่ ใช้จ่ำยศนู ยพ์ กั คอย (Community Isolation) และแยกกักตัวทบี่ ำ้ น (Home Isolation) สปสช.ได้กาหนดแนวทางปฏิบตั ิการขอรับคา่ ใชจ้ า่ ยบริการสาธารณสุข กรณโี รคโควิด-19 สาหรับการดูแลรักษาในท่ีพักระหว่างรอเข้ารับการรกั ษาแบบผู้ป่วยในโรงพยาบาล (Home Isolation) และการดูแลรักษาในโรงพยาบาลสนามสาหรับคนในชุมชน (Community Isolation) ให้ อปท. พิจารณาเบกิ คา่ ใช้จ่ายในการดาเนินการศนู ย์พักคอยและการแยกกกั ตวั ที่บ้าน (Community Isolation และ (Home Isolation) โดยจะต้องไม่ซ้าซ้อนกับการดาเนินการของหน่วยงานอื่นที่มีหน้าที่ในการ ดาเนนิ การดงั กลา่ ว (หนังสือ ด่วนท่สี ุด ท่ี มท ๐๘๐๘.๒/ว ๑๕๖๒ ลงวันท่ี ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๖๔) กำรจดั หำวคั ซีน (COVID-19) อปท. สามารถจัดหาวัคซีน ได้ตามประกาศ ศบค.ฯ ลว.๘ มิ.ย. ๖๔ ข้อ ๕ โดยจัดหาจาก หน่วยงานตามประกาศ ข้อ ๓ เช่น กรมควบคุมโรค องค์การเภสัชกรรม สภากาชาดไทย ราชวิทยาลัย หน้า จุฬาภรณ์ฯลฯ และต้องเป็นไปตามกฎหมาย กฎ หรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง รวมถึงหลักเกณฑ์หรือ แผนการใช้จ่าย งปม.ของ อปท. และต้องสอดคล้องกับแนวทางการบริหารจัดการวัคซีนภายใต้ 324 สถานการณ์ฉุกเฉินฯ กาหนด การดาเนินการตามวรรคหน่ึงของ อปท.ในแต่ละพื้นท่ีใหืเป็นไปตาม แนวทาง หรอื อยู่ในการกากบั ดูแลของ ผวจ.และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด งบประมาณไดด้ งั น้ี ๑. งบกลาง ประเภทเงนิ สารองจา่ ย ๒ .โอนงบประมาณเหลือจ่ายหรือไม่มีความจาเป็นต้องจ่ายไปเพ่ิมให้ (รบ.งปมข้อ ๒๖- ๒๗) ๓. ใช้เงินสะสม ตาม นส.มท.ด่วนท่ีสุด ที่ มท ๐๘๐๘.๒/ว๑๖๐๘ ลว.๑๗ มี.ค.๖๓ ๔.ขอ ทาความตกลงกบั ผวจ.เพื่อนาเงนิ ทุนสารองาใช้ตาม รบ.เบกิ จ่ายฯ ข้อ๘๗ วิธีการจัดหาวัคซีนให้ถือปฏิบัติตามกฎหมายว่าดว้ ยการจัดซ้ือจัดจา้ งและการบริหารพัสดุ ภาครัฐ ละ นส. ท่ี กค (กวจ) ๐๔๐๕.๒/ว ๑๑๕ โดยการจัดซื้อจัดจ้างในแตล่ ะคร้ังทุกวงเงินถือเป็นกรณี จาเปน็ เรง่ ดว่ น ดาเนนิ การตามขอ้ ๗๙ วรรคสอง แห่ง รบ.จัดซ้อื จดั จ้าง) ค่ำใช้จ่ำยในกำรจัดเตรียมสถำนที่เพื่อให้หน่วยงำนท่ีเกี่ยวข้องดำเนินกำรฉีดวัคซีนให้ ประชำชน 1. กำรจัดสถำนที่ คา่ ใช้จา่ ยในการจัดสถานท่ีให้หน่วยงานทเ่ี กย่ี วขอ้ ง เพอ่ื ฉดี วัคซนี ให้แก่ ประชาชนในพื้นที่

นกั บรหิ ารงานท่ัวไป รุ่นที ๘๔ ๒. เจ้ำหน้ำท่ีและบุคลำกรผู้ปฏิบัติ ค่าเบ้ียเลี้ยง/ค่าอาหารวันละไม่เกิน ๓ มื้อ ๆ ละ ไม่ หนา้ เกิน ๔๐ บาทต่อคน กรณีมีคาส่ังแต่งต้ังเจ้าหน้าท่ีของ อปท. หรือบุคคลภายนอกให้ปฏิบัติหน้าที่ฉีด 325 วัคซีนใหป้ ระชาชน ๓. วสั ดอุ ุปกรณ์และรถรบั ส่งประชาชน - ค่าวัสดทุ ใ่ี ชใ้ นการฉีดวัคซีน ค่าเชอื้ เพลิงและนา้ มันหลอ่ ลื่น - ค่ารถรบั ส่งประชาชน ใชร้ ถยนตส์ ่วนกลาง หากไมม่ ี/ไมเ่ พยี งพอใหจ้ า้ งเหมาบริการ ๔. งบประมาณท่ใี ช้ดาเนนิ การใหด้ าเนนิ การตามลาดบั - ใชง้ บกลาง ประเภทเงินสารองจา่ ย - เงินสารองจา่ ยไมเ่ พียงพอโอนงบประมาณเหลอื จ่ายหรือไม่มีความจาเป็นไปชว่ ยได้ - งบประมาณไม่เพยี งพอ ใชจ้ า่ ยเงนิ สะสม - ขอทาความตาลง ผวจ. ขอใหเ้ งินทุนสารองเงนิ สะสมมาใช้จา่ ย ข้อกำหนดออกตำมควำมในมำตรำ ๙ แห่งพระรำชกำหนดกำรบริหำรรำชกำรใน สถำนกำรณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ (ฉบับที่ ๓๒) ข้อ ๓ กำหนดมำตรกำรเพ่ือเตรียมควำมพร้อม สำหรับกำรจะบังคับใช้อนำคตโดยให้เพิ่มควำมระมัดระวัง ในกำรป้องกันตนเองขั้นสูงสุด ตำม “มำตรกำรป้องกนักำรติดเช้ือแบบครอบจักรวำล (Universal Prevention for COVIC-19) และ กำหนดให้ผู้มีหน้ำที่รับผิดชอบขององค์กรหรือหน่วยงำนตรวจสอบและกำกับดูแลให้มีกำรปฏิบัติ ตำม “มำตรกำร ปลอดภัยสำหรับองค์กร” (Covid Free Setting) เพื่อลดควำมเสี่ยงต่อกำรแพร่ โรคติดเช้ือไวรัสโคโรนำ 2019 การเบิกจ่ายค่าชุดตรวจ และน้ายาท่ีเกี่ยวข้อง กับการวินิจฉัยการติดเชื้อ SARS-CoV-2 (เช้ือก่อ โรค COVID-19) แบบตรวจหาแอนติเจน ด้วยตนเอง (COVID-19 Antigen test self-test kits) การเบิกจ่ายค่าชุดตรวจ ATK สาหรบั เจ้าหนา้ ทท่ี อ้ งถน่ิ ท่มี ีความเสีย่ งสงู - ถือเป็นการเบิกจ่ายค่าวัสดุตามนัยระเบียบ มท. ว่าด้วยการเบิกจ่าย ค่าใช้จ่ายในการ บริหารงานของ อปท. พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๑๗ ค่าวัสดุตาม หลักการจาแนกประเภทรายจ่ายตาม งบประมาณของ อปท. ใหผ้ ้บู รหิ าร ท้องถิน่ เบกิ จ่ายเท่าท่ีจ่ายจริง ตามความจาเป็น เหมาะสม ประหยัด และ เพอื่ ประโยชนข์ องทาง ราชการ - ผู้บริหารสามารถพิจารณาอนุมัติให้เบิกจ่ายได้เท่าที่จ่ายจริงตามความจาเป็น เหมาะสม ประหยัดและเพื่อประโยชนข์ องทางราชการ โดยคานงึ ถงึ สถานะการเงินการคลงั - อปท.ควบคุมให้มีการเบิกจ่ายค่าชุดตรวจ ATK ให้สอดคล้องกับจานวน จนท. ท่ีเข้า ปฏิบัติงานตามจรงิ และจดั ใหม้ กี ารติดตามการคดั กรองด้วย ชดุ ตรวจ ATK ดงั กล่าว กำรใช้จ่ำยงบประมำณของ อปท. (ชว่ ยเหลือโควิด-19) ระเบยี บ มท.ว่ำด้วยวิธีกำรงบประมำณของ อปท. พ.ศ. 2563 ข้อ 19

นกั บรหิ ารงานท่ัวไป รุน่ ที ๘๔ อปท. กาหนดให้มเี งนิ สารองจ่ายในงบกลางเพอ่ื 1. กรณีฉุกเฉินทท่ีมีเหตสาธารณภัยเกิดข้ึน หรือกรณีการป้องกันและยับย้ังก่อนการเกิด สาธารณภยั หรือ คาดว่าจะเกดิ สาธารณภยั ได้ 2. กรณฉี กุ เฉนิ เพ่ือบรรเทาปัญหาความเดอื ดรอ้นของประชาชน เปน็ สว่ นรวม การใชเ้ งินสารองจา่ ยตามวรรคหน่งึ เปน็ อานาจของผบู้ ริหารท้องถิน่ ระเบียบ มท. ว่ำด้วยกำรเบิกค่ำใช้จ่ำยเก่ียวกับกำรปฏิบัติรำชกำรของ อปท .พ.ศ. ๒๕๔๒ ข้อ ๖ ค่าใช้จ่ายปฏิบัติราชการในเร่ืองใด ท่ี มท. ยังมิได้กาหนดไว้ให้ช้ระเบียบข้อบังคับ คาสง่ั หนังสอื ส่ังการของกระทรวงการคลังโดยอนุโลม ระเบียบ กค.ว่ำด้วยเงินทดรองรำชกำรเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๑๘ เมื่อเป็นท่ีคาดหมายว่าจะเกิดภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินขึ้นในเวลาอันใกล้และ จาเป็นต้องรีบดาเนินการโดยฉับพลันให้ส่วนราชการดังต่อไปนี้อาจใช้จ่ายเงินทดรองราชการ ในเชิง ป้องกันหรือยับย้ังภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินน้ันได้โดยไม่ต้องประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย พิบัติกรณี (๒) ในกรณีจังหวัดให้เป็นอานาจหน้าที่ของ ปภ.จ. โดย ผวจ.เป็นผู้มีอานาจ อนุมัติจ่ายเงิน ทง้ั น้ีใหเ้ ปน็ ไปตามหลักเกณฑ์ วธิ กี ารและเง่ือนไข ท่ี ปภ.กาหนด โดยความเหน็ ชอบของ กค. หน้า ขอ้ ทักท้วงของหน่วยตรวจสอบ 326 กำรจำ้ งเหมำบริกำรบคุ คลภำยนอก การจา้ งเหมาบรกิ ารบคคุ ลภายนอกจดมาตรวดั นา้ จัดเก็บเงินค่านา้ ประปาและทวงหนี้ - เป็นการไม่ปฏิบัติตาม พรบ.กาหนดแผนและข้ันตอนการกระจายอานาจให้แก่ อปท. พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๒๙ วรรคสาม อปท.จะมอบให้สว่ นราชการอ่ืนจัดเก็บภาษีอากร ค่าธรรมเนยี ม คา่ ใบอนุญาต ค่าตอบแทนหรือรายได้อ่ืนใด เพ่ือ อปท.น้ันก็ได้ ทั้งนี้ให้คิดค่าใช้จ่ายได้ตามหลักเกณฑ์ วิธีการและอัตราที่กาหนดในกฎกระทรวง ซ่ึงไม่มีการบัญญัติของกฎหมาย ระเบียบ คาสั่งหรือหนังสือ ส่ังการใดท่ีกาหนดให้ อปท.มอบอานาจให้เอกชนเป็นผู้จัดเก็บค่าธรรมเนียม และรายได้อื่นแทนได้ ประกอบกับ หนังสือ สถ. ท่ี มท ๐๘๐๘.๒/๕๕๙๕ ลงวันท่ี ๓๐ พ.ค.๒๕๖๐ พิจารณาข้อหารือการจ้าง เหมาบริการไม่อาจมอบให้เอกชนจัดเก็บเงนิ ค่านา้ ประปาหมบู่ ้านแทนได้ - ใหด้ าเนินการสอบขอ้ เท็จจรงิ กรณจี า่ ยค่าจา้ งเหมาบรกิ ารบคุ คลภายนอกทาาหน้าที่เป็น ผู้จัดเก็บ ค่าธรรมเนียมและรายได้อื่นแทน หากพบวืา ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ยายผลการตรวจสอบ การ เบิกจ่ายที่เป็นไปตามกฎหมายและน าเงินคืนคลังโดยเร็ว และสั่งการกาชับ จนท.รับผิดชอบ ให้ปฏิบัติ ตามกฎหมาย ระเบียบ และหนังสือสงั่ การที่เกี่ยวข้อง โดยเครง่ ครัดในโอกาดตอ่ ไป หลกั ประกนั สญั ญำ - ให้บุคคลเป็นผู้คา้ ประกนั สัญญา กรณีการจา้ งเหมาบริการเปน็ การไมป่ ฏบิ ัตติ ามระเบียบ กค. ว่าด้วยการจัดซ้ือจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. ๒๕๖๐ ข้อ ๑๖๗ หลักประกันสัญญาให้ ใชห้ ลกั ประกันอย่างหนึ่งอย่างใด ดงตั อ่ ไปนี้ (๑) เงินสด

นกั บริหารงานทัว่ ไป รุ่นที ๘๔ (๒) เช็คหรือดราฟท์ที่ธนาคารเซ็นสั่งจ่าย ซ่ึงเป็นเช็คหรือดราฟท์ลงวันท่ีที่ใช้เช็คหรือ ดราฟท์นัน้ ชาระตอ่ เจ้าหน้าท่ี หรอื ก่อนวนั นน้ั ไม่เกนิ ๓ วันทาการ (๓) หนังสือค้าประกันของธนาคารภายในประเทศตามตัวอย่างที่คณะกรรมการนโยบาย กาหนดโดยอาจเป็นหนงั สอื ค้าประกนั อเิ ลก็ ทรอนิกส์ตามวิธกี ารที่กรมบัญชกี ลางกาหนดกไ็ ด้ (๔) หนังสือค้าประกันของบริษัทเงินทุนหรือบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ท่ีได้รับอนุญาตให้ ประกอบกิจการเงินทุนเพื่อการพาณิชย์ และประกอบธุรกิจค้าประกันตามประกาศของธนาคารแห่ง ประเทศไทย ตามรายช่ือบริษัทเงินทุนทธ่ี นาคารแห่งประเทศไทยแจ้งเวียนให้ทราบโดยอนโุ ลมให้ใช้ตาม ตัวอย่างหนงั สือค้าประกันของธนาคา ที่ คกก. นโยบายกาหนด (๕) พันธบตั รรัฐบาลไทย หนา้ 327 พระราชบญั ญตั ิขอ้ มูลขา่ วสารของราชการ พ.ศ. 2540 เหตผุ ลในประกาศใช้พระราชบญั ญัติน้ี 1.เพื่อใหป้ ระชาชนมโี อกาสอย่างกวา้ งขวางในการไดร้ บั รขู้ อ้ มูลขา่ วสารเกี่ยวกับการดาเนินการต่าง ๆ ของรฐั

นกั บรหิ ารงานทัว่ ไป ร่นุ ที ๘๔ 2.เพือ่ กาหนดหลักเกณฑเ์ กยี่ วกบั ข้อมลู ข่าวสารที่ หนว่ ยงานของรัฐไม่ต้องเปิดเผยหรืออาจไมเ่ ปิดเผย 3.เพื่อคุ้มครองสิทธิสว่ นบคุ คล ขอ้ มูลข่าวสาร (มาตรา 4) ส่ิงที่ส่ือความหมายให้รู้เร่ืองราวข้อเท็จจริงข้อมูล หรือส่ิงใด ๆ ไม่ว่าการสื่อความหมายน้ันจะทาได้โดย สภาพของส่ิงนั้นเองหรือโดยผ่านวิธีการใด ๆ และไม่ว่าจะจัดทาไว้ในรูปของเอกสาร แฟ้ม รายงาน หนังสือ แผนผัง แผนท่ี ภาพวาด ภาพถา่ ย ฟิล์ม การบนั ทกึ ภาพหรือเสียงการบันทกึ โดยเคร่ืองคอมพิวเตอร์ หรอื วธิ ีอื่น ใดที่ทาให้สง่ิ ทบี่ ันทึกไว้ปรากฏได้ ขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการ (มาตรา 4) 1.ข้อมูลทอ่ี ยู่ในความครอบครองหรอื ควบคมุ ดูแลของหนว่ ยงานของรัฐ 2.เป็นข้อมูลขา่ วสารเกีย่ วกบั การดาเนนิ งานของรัฐหรือข้อมลู ข่าวสารเกีย่ วกบั เอกชน ขอ้ มูลข่าวสารสว่ นบคุ คล (มาตรา 4) ข้อมูลข่าวสารที่เก่ียวกับส่ิงเฉพาะตัวบุคคล เช่น การศึกษา ฐานะการเงิน ประวัติสุขภาพ ประวัติ อาชญากรรม หรือประวัติการทางาน บรรดาท่ีมีชื่อของผู้น้ันหรือมีเลขหมาย รหัสหรือส่ิงบอกลักษณะอ่ืนที่ทา ให้รู้ตัวผู้นั้นได้ เช่นลายพิมพ์น้ิวมือ แผ่นบันทึกลักษณะเสียงของคนหรือรูปถ่าย และให้หมายความรวมถึง หนา้ ขอ้ มลู ขา่ วสารเกี่ยวกับส่งิ เฉพาะตัวของผูท้ ี่ถึงแกก่ รรมแลว้ ด้วย 328 การเปิดเผยขอ้ มูลขา่ วสาร ประกอบดว้ ย ขอ้ มูลท่ีต้องรู้ ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา (มาตรา 7) ถา้ ยังไม่ไดล้ งพิมพ์ในราชกจิ จานเุ บกษา จะนามาใช้บังคบั ในทางที่ไมเ่ ป็นคุณแกผ่ ูใ้ ดไมไ่ ด้ เว้นแต่ผู้น้ันจะได้รู้ถึงข้อมลู ขา่ วสารนนั้ ตามความเปน็ จริงมา ก่อนแล้วเปน็ เวลาพอสมควร (มาตรา 8) ขอ้ มูลทค่ี วรรู้ จัดให้ประชาชนเขา้ ตรวจดูในศูนยข์ อ้ มูลข่าวสาร (มาตรา 9) ข้อมลู อยากรู้ จดั หาให้ประชานเฉพาะรายตามท่ขี อ (มาตรา 11) วิธกี ารจัดให้ตรวจดูประกาศคณะกรรมการฯ 24 ก.พ.41 1.จัดใหม้ สี ถานท่ี 2.จดั ทาดรรชนี 3.ประชาชนสามารถคน้ หาเองได้ 4.คานึงถึงความสะดวก 5.อาจเปน็ ห้องสมดุ หรือหอ้ งในหน่วยงานอนื่ มติคณะรัฐมนตรีเม่ือวันที่ 20 เมษายน 2554 ให้หน่วยงานของรัฐถือปฏิบัติในการนาข้อมูลข่าวสาร ตามมาตรา 7 (เป็นข้อมูลท่ีลงพิมพ์ในราชกิจจานุเบกษา) และมาตรา 9 [เป็นข้อมูลที่คณะกรรมการกาหนดไว้ ใน (1) – (8)] แห่ง พ.ร.บ. ข้อมลู ข่าวสารฯ เผยแพรผ่ ่านทางเว็บไซต์ของหนว่ ยงานทุกหนว่ ยงานดังน้ัน ข้อมูล ขา่ วสารทต่ี ้องนามาแสดงในศูนยข์ ้อมูลข่าวสารฯ จึงเปน็ ขอ้ มลู ข่าวสาร ท้ังมาตรา 7 และ 9 ผู้มีสิทธิตรวจดู

นักบรหิ ารงานทว่ั ไป รนุ่ ที ๘๔ 1.บุคคลผู้ใช้สิทธิเข้าตรวจดูไม่จาเป็นต้องมีส่วนได้เสียหรือเก่ียวข้องกับข้อมูลข่าวสารนั้น และไม่ต้อง ระบุ ว่าจะนาข้อมูลขา่ วสารไปใช้ในการใด (ม. 9 วรรคสาม) 2. คนต่างด้าวมีสิทธิจะเขา้ ตรวจดขู อ้ มลู ขา่ วสารของราชการเท่าทก่ี าหนดในกฎกระทรวง ประกาศ คกก. เร่ืองการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม กระดาษ เอ 4 หน้าละไม่เกนิ 1 บาท กระดาษ เอฟ 14 หน้าละไมเ่ กนิ 1.50 บาท กระดาษ บี 4 หน้าละไมเ่ กนิ 2 บาท กระดาษ เอ 3 หน้าละไม่เกนิ 3 บาท กระดาษพมิ พเ์ ขียว เอ 2 หน้าละไมเ่ กิน 8 บาท กระดาษพิมพ์เขียว เอ 1 หน้าละไม่เกิน 15 บาท กระดาษพมิ พ์เขียว เอ 0 หน้าละไม่เกนิ 30 บาท ค่าธรรมเนยี มคารบั รอง คารับรอ หน้าละไมเ่ กนิ 5 บาท หนา้ 329 ข้อมูลข่าวสาวของทางราชการที่หน่วยงานของรัฐอาจมีคาส่ังให้เปิดเผยต้องมีการใช้ดุลยพินิจก่อนออก คาสง่ั ต้องคานงึ ถงึ หลกั เกณฑ์ 3 ประการ ดงั นี้ 1. การปฏบิ ตั ิหน้าท่ีตามกฎหมาย 2. ประโยชน์สาธารณะ 3. ประโยชน์ของเอกชนทเ่ี กย่ี วข้อง มิขอ้ มลู ขา่ วสารทอี าจมคี าส่ัง ให้เปดิ เผย

นกั บรหิ ารงานทัว่ ไป รุ่นที ๘๔ 1. ขอ้ มูลข่าวสารที่การเปิดเผยจะกอ่ ใหเ้ กิดความเสยี หายต่อความมน่ั คงของประเทศ ความสัมพันธร์ ะหวา่ ง ประเทศ หรอื ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจหรอื การคลงั ของประเทศ (มาตรา 15 (1) 1.1 ข้อมูลข่าวสารที่การเปิดเผยจะกระทบต่อความมน่ั คงของประเทศ เช่น แผนปอ้ งกนั หรือ ตอ่ ตา้ นกองกาลังต่างชาติ ในกรณที ่ีประเทศไทยถกู โจมตี เป็นตน้ 1.2 ขอ้ มลู ข่าวสารท่กี ารเปิดเผยจะกระทบต่อความสมั พนั ธ์ระหว่างประเทศ เช่น ขอ้ มูล ข่าวสารท่ี มเี น้ือหาเก่ียวกับเรือ่ งปญั หาการบรหิ ารงานภายในของประเทศอื่น เป็นตน้ 1.3 ข้อมูลข่าวสารท่ีการเปิดเผยจะกระทบต่อความม่ันคงในทางเศรษฐกิจหรือการคลังของ ประเทศ เชน่ ขอ้ มลู ขา่ วสารเกยี่ วกับหลักเกณฑ์ และกลยุทธใ์ นการบรหิ าร อัตราแลกเปลีย่ น ซง่ึ มวี ัตถปุ ระสงค์ ในการรกั ษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปล่ยี นและระบบเศรษฐกจิ เปน็ ตน้ 1.4 ข้อมูลข่าวสารท่ีการเปิดเผยจะทาให้การบังคับกฎหมายเส่ือมประสิทธิภาพหรือไม่อาจสาเร็จตาม วัตถุประสงค์ได้ไม่ว่าจะเก่ียวกับการฟ้องคดี การป้องกัน การปราบปราม การทดสอบ การตรวจสอบ หรือการรู้แหล่งท่ีมาของ ข้อมลู ขา่ วสารหรอื ไมก่ ็ตาม ( มาตรา 15 (2)) เช่น ขอ้ มลู ขา่ วสารเกี่ยวกบั การสอบสวนวนิ ยั การสอบสวนข้อเท็จจริง ซึง่ ยงั ดาเนินการสอบสวนไมแ่ ล้วเสร็จ เป็นต้น หน้า 1.5 ความเห็นหรือคาแนะนาภายในหน่วยงานของรัฐในการดาเนินการเร่ืองใดเร่ืองหนึ่งแต่ทั้งนี้ไม่ รวมถึงรายงานทางวิชาการ รายงานข้อเท็จจริง หรือข้อมูลข่าวสารที่นามาใช้ในการทาความเห็นหรือคาแนะนา 330 ภายในดังกล่าว (มาตรา 15 (3) การให้ความเป็นอิสระกับเจ้าหน้าท่ีในการเสนอความเห็นอย่างเต็มที่โดยไม่ถูก รบกวนก่อนมีผลยุติจึงเป็นสิ่งท่ีจาเป็นอย่างไรก็ตามถ้าหน่วยงานของรัฐเห็นว่า มิใช่เร่ืองสาคัญท่ีจะกระทบ ความเป็นอสิ ระและผลสาเร็จในการทางานของเจา้ หน้าท่ี หนว่ ยงานของรัฐจะสัง่ ใหเ้ ปดิ เผยกไ็ ด้ อนง่ึ ข้อมูลข่าวสารที่จะไม่ เปิดเผยน้ีต้องเป็นส่วนหน่ึงของความเห็นเท่านั้นไม่รวมไปถึงข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ท่ีใช้เป็นข้อเท็จจริงในการ พิจารณา เช่น รายงานทางวิชาการ และรายงานขอ้ เทจ็ จรงิ เป็นตน้ 1.6 ข้อมลู ขา่ วสารท่ีเปิดเผยแล้วอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชวี ติ หรือความปลอดภัยของบุคคล ใดบุคคลหน่ึง(มาตรา 15 (4)) เช่น ข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวกับพยานในการสอบสวนเร่ืองตา่ ง ๆ ตลอดจนผู้ที่เป็น ผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต หรือประพฤติไม่ถูกต้องต่าง ๆ ซ่ึงอาจได้รับอันตรายถ้ามีการเปิดเผยข้อมูลท่ีทา ใหร้ ู้ตัวพยานเหลา่ น้ี เปน็ ต้น 1.7 ข้อมูลข่าวสารท่ีเกี่ยวกับรายงานแพทย์ หรือข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล ซ่ึงการเปิดเผยจะ เป็นการรกุ ล้าสิทธสิ ว่ นบุคคลโดยไมส่ มควร (มาตรา 15 (5)) ประวตั กิ ารรักษาพยาบาลของคนไข้ตา่ ง ๆ ซ่งึ ถือ ได้ว่าเป็นประวัติสุขภาพ หรือประวัติการรักษาพยาบาลของบุคคลใดบุคคลหนึ่งและเป็นข้อมูลข่าวสารส่วน บุคคลโดยปกติแพทย์จะไมน่ าไปเปิดเผยใหบ้ ุคคลอื่นไดท้ ราบ ขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการทม่ี ีกฎหมายคุ้มครองมิให้เปิดเผย หรอื ข้อมูลข่าวสารทีม่ ีผู้ให้มาโดยไม่ประสงค์ให้ทาง ราชการนาไปเปิดเผยต่อผอู้ น่ื (มาตรา 15 (6))

นกั บรหิ ารงานทว่ั ไป รุ่นที ๘๔ กรณที ่ีหน่วยงานตา่ ง ๆ ของรฐั อาจมีกฎหมายที่เก่ียวข้องกับการปฏิบัตงิ านของหน่วยงานนั้น มขี ้อกาหนดมิให้ เปิดเผยข้อมูลข่าวสารบางประเภทไว้ เช่น กรมสรรพากรมีประมวลรัษฎากร มาตรา 10ที่กาหนดห้ามมิให้เปิดเผยข้อมูล ข่าวสารเกี่ยวกับกิจการของผู้เสียภาษีแก่ผู้ใดเว้นแต่เจ้าพนักงานผู้มีอานาจหรือศาล เร่ืองการแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับการ ทจุ ริตประพฤติมชิ อบ หรอื การทาผดิ ในเร่ืองสาคัญ เชน่ เร่อื งยาเสพตดิ เป็นต้ ข้อมูลข่าวสารท่ีมีการกาหนดในพระราชกฤษฎีกาเพิ่มเติม(มาตรา15(7) ข้อมูลข่าวสารตามข้อน้ีจะเป็นข้อมูลข่าวสารที่ คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการพิจารณาแล้วเห็นว่า ควรกาหนดให้หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐอาจมี คาสง่ั มิให้เปิดเผยทั้งส้ีเพื่อให้สอดคล้องกับการป้องกันผลกระทบต่อความม่ันคงของรัฐ ความปลอดภัยของประชาชน หรือ ส่วนไดส้ ว่ นเสยี อันพงึ ไดร้ ับความคุ้มครองของบุคคลอ่ืน โดยในกรณีท่ีตอ้ งการจะกาหนดประเภทของข้อมูลข่าวสารท่ีอาจม คาสงั่ มิให้เปิดเผยเพิ่มเตมิ ได้ จะตอ้ งนาไปกาหนดในพระราชกฤษฎีกา หน้า 331

นกั บริหารงานท่ัวไป รนุ่ ที ๘๔ หน้า 332 วิธีการจดั หาให้ประชาชนทม่ี าขอเปน็ การเฉพาะรายมีดงั ต่อไปน้ี 1.ยนื่ คาขอตอ่ หน่วยงานของรฐั ผู้ควบคุมหรอื ครอบครองขอ้ มูล (ม. 11 วรรคหน่งึ )

นกั บรหิ ารงานทั่วไป ร่นุ ที ๘๔ 2.ระบลุ กั ษณะของขอ้ มูลท่ีต้องการ หนา้ 333 3.ระบุไวไ้ ม่เขา้ ใจ จนท. ปฏิเสธได้ 4.หน่วยงานของรฐั จดั หาขอ้ มูลข่าวสารภายในเวลาอนั สมควร 5.ขอบ่อยครงั้ หรอื จานวนมาก ปฏิเสธได้ (ม. 11 วรรคหน่งึ ) 6.ข้อมูลข่าวสารของราชการใดมีสภาพที่อาจบุบสลายง่าย หน่วยงานของรัฐจะขอขยายเวลาในการ จัดหาใหห้ รอื จะ จดั ทาสาเนาใหใ้ นสภาพอย่างหนงึ่ อย่างใดเพื่อมิให้เกดิ ความเสียหายแก่ขอ้ มูลข่าวสารนัน้ ก็ได้ 7.ข้อมูลข่าวสารของราชการท่ีหน่วยงานของรัฐจัดหาให้ ต้องเป็นข้อมูลข่าวสารท่ีมีอยู่แล้วในสภาพท่ี พรอ้ มจะให้ได้ มิใช่ต้องไปจดั ทา วิเคราะห์ จาแนก รวบรวม หรอื จัดให้มขี ้ึนใหม่ แต่ไม่หา้ มหนว่ ยงานของรฐั ทจ่ี ะจัดใหม้ ขี อ้ มูลขา่ วสารของราชการใดขึ้นใหม่ใหแ้ กผ่ รู้ อ้ งขอ หากเป็นการ สอดคล้องด้วยอานาจหน้าท่ีตามปกติของหน่วยงานของรัฐน้ันอยู่แล้ว ถ้ามีส่วนที่ต้องห้ามมิให้เปิดเผยตาม มาตรา 14 หรือมาตรา 15 อยู่ด้วย ให้ลบหรือตัดทอนหรือทาโดยประการอ่ืนใดที่ไม่เป็นการเปิดเผยข้อมูล ข่าวสารส่วนน้ัน บุคคลไม่ว่าจะมีส่วนได้เสียเก่ียวข้องหรือไม่ก็ตาม ย่อมมีสิทธิเข้าตรวจดูขอสาเนาหรือขอ สาเนาทมี่ คี ารบั รองถกู ต้องของข้อมูลข่าวสาร การขอขอ้ มลู ขา่ วสารซึ่งอยใู่ นความดูแลของหนว่ ยงานอนื่ (ม.12) 1. หน่วยงานที่ได้รับคาขอ ให้แนะนาประชาชนผู้ขอให้ไปยื่นคาขอต่อหน่วยงานท่ีควบคุมดูแลข้อมูล โดยไม่ชกั ชา้ 2. ถ้าพบว่าข้อมูลทป่ี ระชาชนขอ เป็นขอ้ มลู ของหนว่ ยงานอืน่ และระบหุ า้ มการเปดิ เผย (ม. 16) ให้ส่ง คาขอใหห้ นว่ ยงานนนั้ พจิ ารณาเพอื่ มีคาสั่งต่อไป กำรร้องเรยี นต่อคณะกรรมกำรขอ้ มูลขำ่ วสำร (ม.13) 1. หน่วยงานของรฐั ไมจ่ ัดพมิ พ์ข้อมูลข่าวสารตามตรา 7 2. ไม่จัดข้อมูลข่าวสารไวใ้ หป้ ระชาชนตรวจดู ตามาตรา 9 3. ไมจ่ ัดหาข้อมูลข่าวสารให้แก่ตน ตามมาตรา 11 4. ฝา่ ฝนื ไมป่ ฏิบตั ิตาม พ.ร.บ. นี้ 5. ปฏบิ ัตหิ น้าทล่ี ่าชา้ 6. ไม่ได้รับความสะดวกโดยไมม่ เี หตอุ นั ควร คณะกรรมการต้องพิจารณาใหแ้ ล้วเสร็จภายใน 30 วนั นบั แต่วันท่ไี ดร้ บั คารอ้ ง กรณีมเี หตจุ าเปน็ ขยาย ได้แตต่ ้องแสดงเหตผุ ลและรวมเวลาท้งั หมดต้องไมเ่ กนิ 60 วัน การรับผิดทางกฎหมายของเจา้ หนา้ ทข่ี องรัฐ (มาตรา 20) เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ตอ้ งรบั ผิดหากกระทาการโดยสุจริต 1. เจ้าหนา้ ท่ีของรฐั ได้ดาเนนิ การโดยถูกตอ้ งตามระเบยี บวา่ ดว้ ยการรักษาความลับของทางราชการ 2. เปิดเผยเป็นการท่ัวไปหรือเฉพาะแก่บุคคลใดเพ่ือประโยชน์อันสาคัญยิ่งกว่าที่เกี่ยวกับประโยชน์ สาธารณะ หรอื ชีวิต ร่างกาย สขุ ภาพ หรือประโยชนอ์ นื่ ของบุคคล และคาสง่ั นั้นไดก้ ระทาโดยสมควรแก่เหต

นกั บริหารงานท่วั ไป ร่นุ ที ๘๔ องค์ประกอบข้อมูลข่าวสารสว่ นบุคคลประกอบด้วย 1. ขอ้ มลู เกยี่ วกับสง่ิ เฉพาะตัวของบุคคล ได้แก่ ฐานะการเงนิ การศึกษา ประวตั ิสขุ ภาพ ประวัติ อาชญากรรม ประวตั กิ ารทางาน 2. มสี ง่ิ บอกลกั ษณะท่ีทาให้รู้ตวั ผนู้ ้นั ได้ ไดแ้ ก่ ช่ือ- นามสกุล ลายพมิ พ์น้วิ มอื แผน่ บันทึกลักษณะ เสยี ง รูปภาพ การค้มุ ครองข้อมลู ขา่ วสารสว่ นบคุ คล ตามมาตรา 23 หนว่ ยงานของรัฐ ต้องดาเนินการ ดงั นี้ 1. จัดให้มรี ะบบข้อมลู สว่ นบุคคลเท่าทเี่ กยี่ วขอ้ ง/จาเปน็ และยกเลิกเมอ่ื หมดความจาเปน็ 2. เกบ็ ข้อมลู จากเจ้าของข้อมูล 3. จัดพมิ พ์ในราชกิจจาฯ เชน่ ประเภทของบุคคลท่ีเกบ็ ลักษณะการใชข้ ้อมลู ตามปกติ และแหลง่ ทมี่ า ของ ข้อมูล เปน็ ตน้ หน้า 4. แกไ้ ขให้ถูกต้องเสมอ 334 5. จัดระบบรักษาความปลอดภัย เพ่อื ไม่ให้นาไปใช้อยา่ งไม่เหมาะสม คณะกรรมการขอ้ มลู ข่าวสารของราชการ คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร มาจาก 5 คณะด้วยกัน คือ สาขาด้านต่างประเทศและความ และความมั่นคง สาขาด้านสังคมการบริหารราชการแผ่นดิน สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาด้าน เศรษฐกิจและการคลัง สาขาดา้ นการแพทย์และสาธารณสขุ ให้ กขร. ส่งคาอุทธรณ์ให้คณะกรรมการวินิจฉัยการ เปิดเผยข้อมูลข่าวสารโดยคานึงถึงความเช่ียวชาญเฉพาะ ด้านภายใน 7 วันนบั แต่วนั ที่ได้รบั คาอทุ ธรณ์ (เพอ่ื พจิ ารณาภายใน 30 วนั ) คอก. พิจารณาให้ความเห็นเรื่องร้องเรยี น ภายใน 30 วนั กรณมี ีเหตจุ าเป็นใหข้ ยายเวลาให้แตต่ ้องแสดงเหตุผล รวมแลว้ ไมเ่ กนิ 60 วนั คาวนิ จิ ฉยั ของ กวฉ. ให้เป็นท่สี ุด (ม. 37) ถา้ ผ้อู ทุ ธรณ์ไม่พอใจคาวนิ จิ ฉัยของ กวฉ. ก็มีสิทธิฟอ้ งคดี ตอ่ ศาลปกครองได้ (พ.ร.บ. จัดตังศาลปกครองฯ ม. 42) หน่วยงานของรัฐต้องปฏิบัติตามคาวินิจฉัยโดยเคร่งครัด ภายใน 7 วัน นับแต่ได้รับทราบคาวินิจฉัย ถ้าไม่ปฏิบัติ ตามโดยไม่มีเหตุผลที่สมควร ให้ผู้บังคับบัญชาลงโทษ ทางวินัยทุกกรณี (มติ ครม. 9 มี.ค. 2542) ห้ามมิให้หน่วยงานของรัฐฟ้องคดีปกครองเพื่อเพิกถอนคาวินิจฉัย (มติ ครม. 11 เม.ย. 2549) --------------------------------

นักบริหารงานทวั่ ไป รุน่ ที ๘๔ กำรพฒั นำบุคลิกภำพและพธิ ีกำรสมำคม หน้า 335 “บุคลิกภาพ หมายรวมถึง สภาพทางกายและสภาพทางจิตหรือ ลักษณะท่ีสาคัญต่อการ ปรับตัวของแต่ละบุคคลได้แก่รูปร่าง หน้าตา ท่าทาง ความสามารถ แรงจูงใจ และการแสดงออกทาง อารมณ์ และผลท่เี กิดจากประสบการณโ์ ดยจะปรากฎออกมาเปน็ ลักษณะทางพฤตกิ รรมใหผ้ ู้อืน่ เห็น รู้ และ เข้าใจในถานการณ์จากชวี ิตของผ้นู ้นั ” • บุคลากรในองค์กร เปน็ หวั ใจสาคญั อีกประการหนง่ึ ของความสาเรจ็ หรือ ลม้ เหลวขององค์กร • บุคลากรในองค์กรที่จะถือได้ว่ามีคุณภาพ นอกจากจะต้องมีทักษะประสบการณ์และความรู้ ความสามารถ ในการทางาน ตามภาระหนา้ ทแี่ ล้ว ควรต้องมีบคุ ลกิ ภาพท่เี หมาะสม สอดคล้องกบั งาน • บุคลิกภาพเน้นคุณลักษณะเฉพาะตัวของบุคคล จะมีผลต่อประสิทธิภาพการทางานและ ปฏิสัมพันธ์กับผู้อืน่ ทง้ั ในองคก์ ร และนอกองค์กร และยงั เปน็ ภาพลกั ษณ์ท่ีสาคัญ ขององคก์ รด้วย • บุคลิกภาพเป็นเร่ืองที่เรียนรู้ฝึกฝนและพัฒนาได้ แม้บางลักษณะอาจจะต้องใช้เวลา และ พัฒนาได้ • “บคุ ลิกภาพ” (personality) เป็นลักษณะเฉพาะของบคุ คลทบี่ ง่ บอกความแตกต่างระหว่าง บุคคล • บุคลิกภาพ คือตัวบคุ คลโดยสว่ นรวม ทงั้ ลกั ษณะทางกาย ซึ่งสังเกตไดง้ า่ ย อนั ได้แกร่ ปู ร่าง หน้าตากริ ยิ าท่าทาง น้าเสียง คาพดู ความสามารถทางสมอง ความสาคัญของบคุ ลกิ ภาพ • บคุ ลิกภาพมีอทิ ธิพลต่อประสิทธิภาพการปฏบิ ตั งิ าน ทาให้บคุ คลมคี วามอดทน ต่อสู้ บากบน่ั ใช้ความสามารถ ลงทุนลงแรง สนใจใฝ่รู้ในทุกสงิ่ ทีเ่ กีย่ วข้องเพ่ือพัฒนา งานให้เจริญก้าวหนา้ • บุคลิกภาพกาหนดทิศทางการดาเนินงานบุคลิกภาพทางด้านความคิดริเร่ิม ด้านกล้าได้กล้า เสีย และด้านความระมดั ระวังรอบคอบ มผี ลตอ่ ทศิ ทางการดาเนนิ งาน ถ้าบคุ คลมคี วามคดิ รเิ รมิ่ สรา้ งสรรค์สูง • บคุ ลกิ ภาพมผี ลต่อความนา่ เช่อื ถือบุคลกิ ภาพบางดา้ น มสี ว่ นชว่ ยสร้างเสริมความน่าเชอ่ื ถือ การพิจารณาบคุ ลกิ ภาพของคน 1. ลักษณะทางกาย ได้แก่ รูปร่าง ความสูง น้าหนัก ความปกติของอวัยวะ สีผม ผิวพรรณ หน้าตา ท่วงที ท่าทาง การแต่งกาย (ตามกาลเทศะ) ฯลฯ สิ่งเหล่าน้ีย่อมเป็นเคร่ืองแสดงให้ทราบถึง ประสิทธิภาพของบคุ คลทางกายซงึ่ ผู้พบเหน็ จะประเมนิ เราเมื่อเจอกันในเวลา 1-5 วนิ าทแี รก 2. คณุ ลกั ษณะทางจติ ใจ เช่น สตปิ ญั ญา ความจา จินตนาการ ความถนัด เจตคติ ความสนใจ ความตง้ั ใจ การตัดสินใจ ความคิดดว้ ยเหตุผล ฯลฯ เหล่านเ้ี กย่ี วกบั สมองท้ังส้ิน

นกั บรหิ ารงานทว่ั ไป รนุ่ ที ๘๔ 3. อุปนิสัย หมายถึง ลักษณะโดยรวมของนิสัยหลายๆ อย่าง ของบุคคลที่แสดงออกเป็น พฤติกรรม เป็นระยะท่ียาวนานพอสมควร จนกลายเป็นความประพฤติหรือความมีศีลธรรม จรรยา มารยาท และคณุ ธรรม 4. อารมณ์ ได้แก่ ความรู้สึกแห่งจิตท่ีก่อให้เกิดการกระทาต่างๆ เช่น ช่ืนชอบ ตื่นเต้น โกรธ กลา้ หาญ หวาดกลวั ตกใจงา่ ย รา่ เริง หดหู่ หงุดหงดิ กังวล ฯลฯ 5. การสมาคม คอื กิริยา ทา่ ที อาการท่บี ุคคลแสดงต่อผู้อื่น เช่น ชอบคบค้าสมาคม หรอื เก็บ ตัว เมตตาปราณี เหน็ อกเห็นใจผอู้ ่นื หรอื ไม่แยแสเอาใจใสก่ ับผใู้ ด บคุ ลิกภาพท่ีพงึ ประสงคใ์ นการทางาน • ช่างสังเกต ช่างคิด ช่างสืบค้น ช่างแสวงหาคาตอบในปัญหาทุกสิ่งทุกอย่าง บุคคลที่ประสบ ความสาเร็จ มักเป็นคนประเภทที่บอกตนเองอยู่เสมอว่า ไม่มีส่ิงใดท่ีเขาไม่รู้ ไม่มีปัญหาใดที่ตอบไม่ได้ ไม่มีงาน ใดที่ทาไม่ได้ ไม่มีสิ่งใดที่จะเอาชนะไม่ได้ ฯลฯ ลักษณะดังกล่าวส่งผลให้บุคคลมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา ทั้ง ทางด้านความคดิ และการกระทา • ไมอ่ ย่นู ิ่งเฉยกับท่ี แต่หนักแน่น คือ ชอบการเปลีย่ นแปลงและปรบั ปรงุ ให้ได้อะไรแปลกใหม่ อยูเ่ สมอ แตจ่ ะยงั ไม่เปลยี่ นหากยงั ขาดขอ้ มูลทเี่ ด่นชัดว่า เปลีย่ นแล้วจะตอ้ งไปเผชญิ อะไรขา้ งหน้า หน้า • มีความคิดริเร่มิ สร้างสรรค์ ถา้ องค์กรใดมีบุคคลท่ีมคี วามคิดรเิ ร่ิมสรา้ งสรรค์ หาวิธีการ 336 แปลกใหม่กจ็ ะทาให้งานกา้ วหน้าไปอย่างรวดเรว็ • เป็นระเบยี บและมีวนิ ัย ส่งผลให้มีความรบั ผดิ ชอบ ตรงเวลา ทางานอยา่ งมเี ป้าหมาย ท่ี ชดั เจน สามารถคาดคะเนความสาเรจ็ ไดล้ ่วงหน้าและรจู้ ักทางานอยา่ งมแี ผน มีระบบงานทด่ี ี • แสดงออกไดโ้ ดยเหมาะสมตามกาลเทศะอันควร ผบู้ ริหารแสดงตนได้เหมาะสมทง้ั การ แต่งกาย การเข้าสมาคม ท่าทางการเดิน การพูด อิริยาบถต่าง ๆ ตลอดจนความสามารถในการ ควบคมุ อารมณ์ และการแสดงออกทางอารมณ์อยา่ งเหมาะสม • มคี วามสามารถในการปรบั ตวั ใหเ้ ขา้ กบั ภาวะแวดลอ้ มได้ดี วางตัวและปฏิบตั งิ านใหผ้ สม กลมกลนื กบั สภาพแวดล้อมท้ังบคุ คล เวลา สถานที่ และสถานการณ์ต่าง ๆ เปล่ียนแปลงตลอดเวลา การพัฒนาบคุ ลกิ ภาพในการทางาน 1. การพฒั นาบคุ ลิกภาพทางกาย ควรใชเ้ ครอ่ื งแตง่ กายท่สี ะอาดเรยี บร้อย ใชใ้ หเ้ หมาะสมกับ รูปร่างของตน ไมฟ่ ู่ฟ่าหรือนาสมยั จนเกนิ ไป บคุ ลกิ ภาพทางกายเป็นสิง่ ที่ทาให้คนประทับใจครงั้ แรก 2. การพัฒนาบุคลิกภาพทางสติปัญญา ความรู้สึกนึกคิด เจตคติ และความสนใจ ผู้ทางาน โดยทว่ั ไป ไมจ่ าเป็นจะตอ้ งฉลาดเฉลยี วมไี หวพรบิ สงู เสมอไป 3. การพัฒนาบุคลิกภาพทางอารมณ์ การสังเกต คิดหาเหตุผล ไม่ฉุนเฉียว ไม่ก้าวร้าวหยาบ คาย

นักบริหารงานทว่ั ไป รุ่นที ๘๔ 4. การพฒั นาบคุ ลกิ ภาพทางสงั คม กิรยิ าทา่ ทาง น้าเสียง ภาษาพดู การแต่งกาย และการวาง ตน เปน็ ปัจจยั เบื้องต้นทีจ่ งู ใจ ใหบ้ คุ คลอนื่ ๆ อยากคบหาสมาคมด้วย หลักการพัฒนาบุคลิกภาพตามแนวของยอร์ช วอชิงตัน ประธานาธิบดีคนแรกของ สหรฐั อเมรกิ า 1. การกระทาทุกอยา่ งในหมคู่ ณะ ควรท่ีจะทาโดยแสดงให้เห็นว่าเราเคารพผ้ทู ร่ี ่วมงาน 2. อยา่ หลบั ในเม่ือคนอื่นๆ กาลังพดู อยู่ อย่าน่งั เมื่อผู้อื่นยืน อยา่ พดู ในเมื่อควรจะนิ่ง อยา่ เดิน ใน เมือ่ คนอื่น ๆ หยดุ เดิน 3. ทาสีหน้าใหช้ น่ื บาน แต่ในกรณีทม่ี เี รอ่ื งรา้ ยแรงพึงทาสหี น้าใหเ้ ครง่ ขรมึ บา้ ง 4. อย่าโต้เถียงกับผู้ที่อยู่เหนือกว่า แต่พึงเสนอข้อวินิจฉัยของตนแก่ผู้นั้นอย่างอ่อนน้อมถ่อม ตน 5. เม่ือผู้ใดพยายามทางานจนสุดความสามารถแล้ว แม้จะไม่ได้รับผลสาเร็จเป็นอย่างดี ก็ไม่ ควรจะตาหนติ เิ ตยี นเขา 6. อย่าใชถ้ ้อยคารนุ แรงติเตยี นหรอื ดุด่าผู้หนึ่งผูใ้ ด 7. อย่าผลีผลามเชื่อข่าวลอื ทีก่ อ่ ความกระทบกระเทือนใหแ้ ก่ผูห้ นง่ึ ผู้ใด 8. อย่ารับทาในสง่ิ ท่ีตนไมส่ ามารถทาได้ แต่เมอ่ื สญั ญาแล้วกต็ อ้ งทาตามสัญญานน้ั หนา้ 337 ประโยชน์ของการมบี ุคลิกภาพท่ีดี 1. มคี วามสามารถในการรับรู้และเขา้ ใจในสภาพความเป็นจรงิ ได้อยา่ งถกู ต้อง 2. การแสดงอารมณจ์ ะอยใู่ นลกั ษณะและขอบเขตทีเ่ หมาะสม 3. มคี วามสามารถในการสรา้ งความสัมพนั ธก์ ับบคุ คลอื่นและสงั คมไดด้ ี 4. มีความสามารถในการทางานทอ่ี านวยประโยชนต์ ่อผอู้ ่ืนและสงั คมได้ 5. มีความรักและความผกู พนั ต่อผูอ้ ื่น 6. มีความสามารถในการพัฒนาตนเอง และการพัฒนาทางการแสดงออกของตนต่อผู้อื่นได้ดี ข้ึน บคุ ลกิ ภาพภายนอกทตี่ ้องพัฒนา 1. รปู รา่ งหน้าตา 2. การแตง่ กาย 3. การปรากฏตวั 4. กิรยิ าท่าทาง 5. การสบสายตา 6. การใช้นา้ เสียง 7. การใชถ้ ้อยคาภาษา 8. ศลิ ปะการพดู มารยาทในการรับประทานอาหาร - ไม่สง่ เสียงดังขณะรับประทานอาหาร

นกั บรหิ ารงานทั่วไป รุน่ ที ๘๔ - ควรตักอาหารคาเลก็ ๆ ไมเ่ ลอื กตกั เฉพาะอาหารที่ชอบ - อย่าบ่นเมอ่ื อาหารไม่ถูกปาก - ไมค่ วรบงั คับใหแ้ ขกรบั ประทานอาหารอย่างใดอยา่ งหนง่ึ ตามทตี่ วั เองอยากให้รับประทาน - พยายามพูดคุยกันบนโต๊ะอาหารบ้าง เพื่อไม่ให้โต๊ะอาหารเงียบจนเกิน ไป - ไม่ควรวา่ กลา่ วหรอื นนิ ทาใครขณะรับประทานอาหาร - ควรน่ังรับประทานอาหารดว้ ยท่าทางท่สี งา่ ผา่ เผย - ไมก่ ระดิกเทา้ หรอื เคาะโตะ๊ - ไม่สูบบหุ รี่ หรอื เคยี้ วหมากฝรั่ง - ถา้ อาหารทีย่ กมาเสริ ฟ์ มฝี าปดิ ใหเ้ ปิดฝาลงไว้ในจาน - ไม่รบั ประทานอาหารมมู มาม สรปุ ผู้ท่ีมีบุคลิกภาพดี จะเป็นที่ยอมรับในสังคม มีความเชื่อมั่นในตนเอง มีอารมณ์ดี สามารถ ปฏิบตั ติ นได้ถูกต้องตามกาลเทศะ ประสบความสาเรจ็ ในชีวติ และอยใู่ นสังคมไดอ้ ย่างมีความสุข หน้า 338

นกั บรหิ ารงานทว่ั ไป รุน่ ที ๘๔ กำรจัดกำรภัยพบิ ัติและสำธำรณภยั หนา้ กำรพัฒนำทีย่ งั่ ยืนกบั กำรจดั กำรควำมเส่ยี งจำกภยั พบิ ัตภิ ำยใตก้ รอบโลก และกรอบประเทศ 339 กรอบโลก ได้แก่ กรอบเซนได, กรอบการเปลี่ยนแปลงภูมิสภาพอากาศ กรอบการพัฒนาที่ ยั่งยืน,กรอบนนั เซน กรอบประเทศ ได้แก่ นโยบายความมั่นคง> ยุทธศาสตร์การเตรียมความพร้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๗ - ๒๕๖๑> แผนป้องกันประเทศ (นโยบายป้องกันและแก้ไขปัญหาและป้องกันการก่อการร้าย)> แผนการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๘ กรม ปภ. บูรณาการทุกภาคส่วนขับเคล่ือนกรอบเซนไดฯ ภายใต้พันธกิจหลัก 4 ด้าน ประกอบดว้ ย 1. เข้าใจความเสีย่ งจากภัยพบิ ัติ 2. เสรมิ สรา้ งศกั ยภาพในการจัดการความเส่ยี งจากภัยพิบัติในทุกระดบั 3. สง่ เสรมิ การลงทนุ ดา้ นการลดความเสี่ยงจากภยั พิบัติ 4. พัฒนาศักยภาพในการจัดการภัยพิบัติครอบคลุมทุกด้านซ่ึงมุ่งป้องกันมิให้เกิดความเสี่ยง ใหม่และ ลดความเส่ยี งเดมิ วงจรกำรจัดกำรควำมเสีย่ งจำกสำธำรณภยั การลดความเส่ียงจากสาธารณภัย Disaster Risk Reduction > ป้องกันและลดผลกระทบ Prevention and Mitigation > เตรียมความพร้อม Preparedness (เกดิ สำธำรณภยั ข้ึน Disaster) > เผชิญ เหตุ Response บรรเทาทุกข์ Relief (กำรจัดกำรในภำวะฉุกเฉิน Emergency Management) > ฟื้น สภาพและการซ่อมสร้าง Rehabilitation and Reconstruction (ฟ้ืนฟู Recovery Build Back Better and Safer) กำรบริหำรจัดกำรสำธำรณภัยตำมพระรำชบัญญัติป้องกันและบรรเทำสำธำรณภัย พ.ศ. ๒๕๕๐ แผนกำรป้องกนั และบรรเทำสำธำรณภยั แหง่ ชำติ พ.ศ. 2558 ครม. มีมตอิ นมุ ตั แิ ผนการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2558 เมอื่ วันที่ 31 มี.ค. 58 ให้ทุกหนว่ ยงานใชเ้ ป็น แผนแม่บทในการจัดการสาธารณภยั ของประเทศ และดาเนินการดังนี้ ๑. ใหก้ ระทรวง กรม องคก์ ร และหน่วยงานภาครัฐ รัฐวสิ าหกจิ จังหวดั อาเภอ อปท. เอกชน ปฏิบตั ิตามแผนฯ 2. ให้สานักงบประมาณ หน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง และ อปท. พิจารณาให้ความสาคัญในการ จัดสรรงบประมาณเพ่ือใชใ้ นการบริหารจดั การสาธารณภัย 3. ให้หน่วยงานแต่ละระดับจัดทาแผนปฏิบัติรองรับยุทธศาสตร์และบรรจุแผนงานและ โครงการทเี่ กย่ี วข้องกบั การปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั ไว้ในแผนปฏบิ ัตริ าชการประจาปี หลกั กำร/เหตุผล กฎหมายวา่ ดว้ ยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั

นกั บริหารงานท่วั ไป รนุ่ ที ๘๔ - จดั ตัง้ กรม ปภ. ขึน้ มภี ารกจิ หลกั ในการปอ้ งกนั บรรเทา ฟน้ื ฟู สาธารณภยั และอุบัตภิ ัย - งานดา้ นสาธารณภยั และงานด้านอบุ ตั ิภยั มารวมอยู่ในความรบั ผดิ ชอบ กฎหมำย ว่ำด้วยกำรป้องกันและระงับอัคคีภัย มีสาระสาคัญ และรายละเอียดเก่ียวกับการ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในด้านของอัคคีภยั และหนว่ ยงานทจ่ี ะต้องปฏบิ ัติก็เป็นหนว่ ยงานเดยี วกัน เพ่ือให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและแนวทางเดียวกัน ตลอดจนเพื่อให้เกิด ความเป็นเอกภาพในการอานวยการและบริหารจัดการเก่ียวกับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จึงเห็น สมควรใหน้ ากฎหมายว่าด้วยการป้องกนั ภัยฝา่ ยพลเรือน และกฎหมายวา่ ดว้ ยการป้องกันและระงับอคั คีภยั มา บญั ญตั ิ ไวร้ วมกนั จึงจาเป็นตอ้ งตรา พ.ร.บ. นี้ รำยละเอยี ดตำมบทบัญญัติ ๑. คำนิยำม (ม.๔) - สาธารณภัย - ภัยทางอากาศ - การก่อวินาศกรรม - หน่วยงาน ของรฐั - องค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ แหง่ พ้ืนท่ี - ผ้บู รหิ ารทอ้ งถิ่น - ผู้บัญชาการ - ผู้อานวยการ - เจา้ พนกั งาน (เจา้ พนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั ) - อาสาสมคั ร (อาสาสมคั รปอ้ งกันภยั ฝา่ ยพลเรือน) สาธารณภยั หมายความวา่ อคั คภี ยั วาตภยั อุทกภัย ภัยแล้ง โรคระบาดในมนษุ ย์ โรคระบาด สัตว์ โรคระบาดสัตว์น้า ระบาดของศัตรูพืชตลอดจนภัยอื่น ๆ อันมีผลกระทบต่อสาธารณชน ไม่ว่าเกิดจาก ธรรมชาติ มีผู้ทาให้เกิดขึ้น อุบัติเหตุ หรือเหตุอ่ืนใด ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิต ร่างกายของประชาชน หรือ ความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชน หรือของรัฐ และให้ หมายความรวมถึง ภัยทาง อากาศ และการก่อ หน้า วินาศกรรมดว้ ย ภัยทางอากาศ หมายความวา่ ภยั อนั เกิดจากการโจมตีทางอากาศ การก่อวินาศกรรม หมายความว่า การกระทาใด ๆ อันเป็นการมุ่งทาลายทรัพย์สินของ 340 ประชาชนหรอื ของรัฐ หรอื สงิ่ อันเปน็ สาธารณูปโภค หรอื การรบกวนขดั ขวางหน่วงเหนีย่ วระบบการปฏบิ ัติงาน ใด ๆ ตลอดจน การประทุษร้ายต่อบุคคล อันเป็นการก่อให้เกิดความปั่นป่วนทางการเมือง การเศรษฐกิจและ สังคมแหง่ ชาติ โดยม่งุ หมายที่จะกอ่ ใหเ้ กิดความเสยี หายต่อความมนั่ คงของรฐั หน่วยงานของรัฐ หมายความว่า ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนและหน่วยงานอืน่ ของรฐั แตไ่ ม่หมายความ รวมถงึ อปท. * องคก์ รปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งพ้นื ที่ หมายความว่า อบต. เทศบาล เมอื งพัทยา และอปท. อื่นทม่ี ีกฎหมายจัดต้ัง แต่ ไมห่ มายความรวมถงึ อบจ. และ กทม. ผู้บริหารท้องถิ่น หมายความว่า นายก อบต. นายกเทศมนตรี นายกเมืองพัทยา และหัวหน้า ผู้บรหิ ารขององค์กรปกครองส่วนทอ้ งถ่นิ แหง่ พื้นท่อี ่นื ผ้บู ัญชาการ หมายความว่า ผูบ้ ญั ชาการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยแหง่ ชาติ ผู้อานวยการ หมายความว่า ผู้อานวยการกลาง ผู้อานวยการจังหวัด ผู้อานวยการอาเภอ ผอู้ านวยการทอ้ งถิ่น และ ผู้อานวยการกรุงเทพมหานคร ๒. คณะกรรมกำร แบ่งออกเป็น ๒.๑ คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (กปภ.ช.) ประกอบด้วย นายกรัฐมนตรี หรือ รองนายกรัฐมนตรี ซ่ึงนายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ รมต.ว่าการ กระทรวงมหาดไทย เปน็ รองประธานกรรมการคนท่หี นง่ึ ปลดั มท. เป็นรองประธานฯ คนทส่ี อง ปลดั กระทรวง

นักบริหารงานทัว่ ไป รนุ่ ที ๘๔ กลาโหม ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หนา้ ปลัดกระทรวงคมนาคม ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ปลัดกระทรวงเทคโนโลยี 341 สารสนเทศและการส่ือสาร ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้อานวยการสานักงบประมาณ ผู้บัญชาการตารวจ แห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และผู้ทรงคุณวุฒิอีกไม่เกินห้าคนซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการผังเมือง และการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็น กรรมการ ให้อธิบดีเป็นกรรมการและเลขาฯ และให้แต่งตั้งข้าราชการใน กรม ปภ. จานวนไม่เกิน ๒ คน เป็น ผู้ช่วยเลขานุการ มาตรา ๗ ให้ กปภ.ช. มอี านาจหน้าท่ี ดงั นี้ - กาหนดนโยบายในการจัดทาแผนการปอ้ งกนั และบรรเทา สาธารณภยั แห่งชาติ - พจิ ารณาใหค้ วามเห็นชอบแผนการปอ้ งกนั และบรรเทา สาธารณภัยแห่งชาติ - บูรณาการพัฒนาระบบการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยระหว่างหน่วยงานของรัฐ อปท. ภาคเอกชน ที่เกีย่ วข้องใหม้ ปี ระสทิ ธิภาพ - ให้คาแนะนา ปรึกษา และสนับสนุนการปฏิบัติหนา้ ทใ่ี นการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั - วางระเบียบเกี่ยวกับค่าตอบแทน ค่าทดแทน และค่าใช้จ่ายในการดาเนินการป้องกันและ บรรเทาสาธารณภยั โดยความเหน็ ชอบของกระทรวงการคลัง - ปฏิบตั ิการอ่นื ใดตามทบี่ ญั ญัตไิ ว้ใน พรบ.นีห้ รือกฎหมายอื่น หรอื ตามที่ ครม. มอบหมาย ๒.๒ คณะกรรมการจัดทาแผนการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยจงั หวดั ๒.๓ คณะกรรมการจัดทาแผนการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัยกรุงเทพมหานคร ๔. แผนกำรป้องกนั และบรรเทำสำธำรณภัย ๔.๑ แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ๔.๒ แผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั จังหวดั ๔.๓ แผนการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร ๔.๔ การจดั ทาปรับปรงุ หรอื ทบทวนแผน ๔.๒ แผนการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด (ม. ๑๕ (๑) และม.๑๖) อยา่ งนอ้ ยต้องมี สาระสาคญั ตามมาตรา ๑๒ และสาระสาคัญอืน่ ดังตอ่ ไปน้ี (๑) การจัดต้ังศูนย์อานวยการเฉพาะกิจ เม่ือเกิดสาธารณภัยขึ้นโครงสร้าง และผู้มีอานาจสั่ง การด้านต่าง ๆ ในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (๒) แผนและข้ันตอนของ อปท. ในการจัดหาวัสดุ อุปกรณ์ เคร่ืองมือเคร่ืองใช้ และ ยานพาหนะ เพื่อใช้ในการปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภัย (๓) แผนและขั้นตอนในการจดั ให้มีเคร่ืองหมายสัญญาณหรือส่งิ อื่นใดในการแจ้งใหป้ ระชาชน ไดท้ ราบถงึ การเกดิ หรือจะเกิดสาธารณภยั (๔) แผนปฏบิ ตั ิการในการป้องกันและบรรเทา สาธารณภยั ในเขตพนื้ ทฯ่ี (๕) แผนการประสานงานกับองคก์ ารสาธารณกศุ ลในเขตพืน้ ทฯ่ี โครงสรำ้ งกำรจัดกำรในภำวะปกติ

นกั บรหิ ารงานทั่วไป รนุ่ ที ๘๔ - คณะกรรมการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั แหง่ ชาติ - นายกรฐั มนตรี หรอื รองนายกฯ ทไี่ ด้รับมอบหมาย / ประธาน - กองบัญชาการ ปภ.แหง่ ชาติ (รมว.มท. / ผบ.ปภ.ช.) - กอปภ.กลาง (อธบิ ดี ปภ./ผอ.กอปภ.กลาง) - กอปภ.จ (ผ้อู านวยการจงั หวัด) กอปภ.กทม. (ผอู้ านวยการ กทม.) - กอปภ.อ. (ผูอ้ านวยการอาเภอ) - กอปภ. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งพื้นที่ (ผู้อานวยการท้องถิ่น) ทน. ทม. ทต. อบต. เมืองพัทยา หมวด ๑ บททั่วไป มาตรา ๑๘ ให้นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเป็นรองผู้อานวยการ จังหวัด มีหน้าท่ีช่วยเหลือผู้อานวยการจังหวัดในการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และปฏิบัติหน้าที่อื่น ตามทผ่ี ู้อานวยการจังหวดั มอบหมาย หมวด ๑ บทท่ัวไป มาตรา ๑๙ ใหน้ ายอาเภอเปน็ ผู้อานวยการอาเภอ รับผิดชอบและ ปฏิบัติ หนา้ ท่ีในการป้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย ในเขตอาเภอของตน และมหี นา้ ท่ีช่วยเหลือ ผ้อู านวยการจังหวัด ตามทีไ่ ด้รับมอบหมาย หมวด ๑ บททั่วไป มาตรา ๒๐ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งพื้นท่ีมีหน้าท่ีป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัยในเขตท้องถ่ินของตน โดยมีผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแห่งพ้ืนที่นั้น หน้า เป็นผู้รับผิดชอบในฐานะผู้อานวยการท้องถิ่น และ มีหน้าที่ช่วยเหลือผู้อานวยการจังหวัดและผู้อานวยการ อาเภอ ตามที่ไดร้ ับมอบหมาย 342 หมวด ๒ การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มาตรา ๒๑ เมื่อเกิดหรือคาดว่าจะเกิดสาธารณภัยข้ึนในเขตขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แห่งพ้ืนที่ใด ใหผ้ ู้อานวยการทอ้ งถน่ิ ของ อปท. แหง่ พื้นท่ีนน้ั มหี น้าทเี่ ข้าดาเนนิ การปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณ ภยั โดยเร็ว และแจ้งให้ผ้อู านวยการอาเภอที่รบั ผิดชอบในเขตพ้ืนท่นี ั้นและผู้อานวยการจงั หวดั ทราบทันที โครงสรำ้ งกำรจัดกำรในภำวะฉุกเฉนิ - นายกรัฐมนตรี ในกรณีสาธารณภัยร้ายแรงอย่างยิ่ง มีอานาจสั่งการผู้บัญชาการ ผูอ้ านวยการ หน่วยงาน และ อปท. - กองบัญชาการ ปภ.แห่งชาติ /รมว.มท. : ผบ.ปภ.ช. - กอปภ.กลาง - ศูนยบ์ ญั ชาการเหตกุ ารณจ์ งั หวัด / กทม. - ศูนย์บญั ชาการเหตกุ ารณ์อาเภอ - ศนู ย์ปฏบิ ัตกิ ารฉกุ เฉินองค์กรปกครองส่วนท้องถน่ิ ทน. ทม. ทต. อบต. เมอื งพัทยา โครงสรำ้ งกองบญั ชำกำรปอ้ งกนั และบรรเทำสำธำรณภยั แหง่ ชำติ - ผบู้ ัญชาการ/ผอู้ านวยการ (ทป่ี รึกษา/ผเู้ ช่ยี วชาญ) - ศูนย์ข้อมูลประชาสัมพันธ์ร่วม (ประสานข้อมูลเหตุการณ์, ประชาสัมพันธ์, สื่อสารมวลชน, จติ วทิ ยามวลชน) - ศนู ยป์ ระสานงานการปฏิบัติ (ประสานงาน, ธุรการ, กาลงั พล)

นักบริหารงานท่ัวไป รุน่ ที ๘๔ - ส่วนปฏบิ ัติการ (เผชิญเหตฉุ กุ เฉิน) หนา้ - ส่วนอานวยการ (เฝ้าระวัง ติดตามสถานการณ์, วิเคราะห์ แจ้งเตือน, ข้อมูลสถานการณ์ 343 วางแผน, กฎหมาย - ตา่ งประเทศ) - ส่วนสนับสนุน (สนับสนุนในทุกๆ ด้าน ด้านการส่ือสารโทรคมนาคม สาธารณูปโภค งบประมาณ) โครงสร้ำงศนู ยบ์ ัญชำกำรเหตุกำรณ์จังหวัด - ผู้อานวยการจงั หวดั (ท่ปี รึกษา/ผ้เู ชีย่ วชาญ) - ศนู ยข์ อ้ มลู ประชาสัมพนั ธร์ ่วม (ส่อื สารมวลชนประชาสมั พันธ์) - ศูนยป์ ระสานงานการปฏบิ ัติ (ประสานงาน, ธุรการ, กาลังพล) - ส่วนปฏิบตั กิ าร (การกู้ชีพ, การกู้ภัย, ความปลอดภยั , โครงสรา้ งพื้นฐาน, ทหารในพนื้ ที่) - ส่วนอานวยการ (วิเคราะห์สถานการณ์ ได้แก่ ติดตาม, วิเคราะห์, ประเมิน, แจ้งเตือน) (ทรัพยากร ได้แก่ รบรวม/ตดิ ตาม, ประเมิน, จดั สรร/จดั ลาดับ) (ระเบยี บ กฎหมาย) - สว่ นสนบั สนุน (สื่อสาร, ขนสง่ , การเงิน, การแพทย,์ สนบั สนนุ , รับบริจาค, เสบยี ง, โยธา) โครงสรำ้ งศูนยบ์ ญั ชำกำรเหตกุ ำรณอ์ ำเภอ - ผู้อานวยการจังหวดั (ทีป่ รึกษา/ผู้เช่ียวชาญ) - ศนู ย์ข้อมูลประชาสมั พันธร์ ว่ ม (สอ่ื สารมวลชนประชาสัมพันธ์) - ศูนย์ประสานงานการปฏบิ ตั ิ (ประสานงาน, ธุรการ, กาลังพล) - ส่วนปฏบิ ตั ิการ (การกู้ชีพ, การกู้ภัย, ความปลอดภยั , โครงสร้างพื้นฐาน, ทหารในพ้นื ที่) - ส่วนอานวยการ (วิเคราะห์สถานการณ์ ได้แก่ ติดตาม, วิเคราะห์, ประเมิน, แจ้งเตือน) (ทรัพยากร ไดแ้ ก่ รบรวม/ตดิ ตาม, ประเมนิ , จดั สรร/จดั ลาดบั ) (ระเบยี บ กฎหมาย) - สว่ นสนับสนุน (ส่ือสาร, ขนสง่ , การเงิน, การแพทย,์ สนบั สนนุ , รับบริจาค, เสบียง, โยธา) ศูนย์ปฏบิ ัติกำรฉุกเฉิน (อปท.) - ผอู้ านวยการ อปท. - รองผู้อานวยการ อปท. ทีป่ รกึ ษา/ผู้เชีย่ วชาญ - ศนู ย์ข้อมลู ประชาสมั พนั ธร์ ่วม - ศนู ย์ประสานงานการปฏบิ ัติ - สว่ นปฏบิ ตั ิการ - ส่วนอานวยการ - ส่วนสนับสนุน คณะที่ปรึกษำ/ผู้เช่ียวชำญ มีหน้าที่ให้ข้อเสนอแนะ คาแนะนา ข้อมูลทางวิชาการ การ สังเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์ และเทคนิคการปฏิบัติที่เก่ียวข้องกับเหตุการณ์สาธารณภัยที่เกิดข้ึน โดยให้ คานึงถึงความปลอดภยั ในการปฏิบัตงิ าน เปน็ สาคัญ (เช่น นักอทุ กวทิ ยา นกั ธรณีวทิ ยา วศิ วกร ฯลฯ) ศูนย์ข้อมูลประชำสัมพันธ์ร่วม มีหน้าที่ประสานข้อมูลเหตุการณ์กับส่วนต่างๆ เพื่อส่ือสาร และประชาสัมพนั ธข์ ้อมลู ข่าวสารให้กบั ประชาชนและสือ่ มวลชน รวมทั้งปฏบิ ตั ิการทางจิตวทิ ยามวลชน

นกั บรหิ ารงานทว่ั ไป รุน่ ที ๘๔ ศนู ยป์ ระสำนกำรปฏบิ ัติ มหี นา้ ที่ประสานงานกับหนว่ ยงานภาครัฐ ภาคเอกชนและ องค์การ สาธารณกุศล ภาคประชาสังคม ธุรการและกาลังพล เพื่อให้การป้องกันและช่วยเหลือผู้ประสบภัย บรรลุ วัตถุประสงคโ์ ดยให้ศนู ย์บญั ชาการเหตุการณ์อาเภอ และศูนยบ์ ัญชาการ เหตกุ ารณ์จงั หวัด เป็นหน่วยงานหลัก ในการดาเนินการ ส่วนปฏิบัติกำร มีหน้าท่ีปฏิบัติการลดอันตรายท่ีเกิดข้ึนโดยเร็ว โดยรักษาชีวิตและปกป้อง ทรัพย์สิน เข้าควบคุมสถานการณ์ ฟื้นฟูสภาวะปกติ ดับเพลิง ค้นหาและกู้ภัย กู้ชีพ รักษาพยาบาล การแพทย์ และสาธารณสุข รักษาความสงบเรยี บร้อย การจราจร ผจญเพลงิ โครงสร้างพ้นื ฐาน สารเคมีและวัตถุอันตราย การขนส่ง อพยพ สง่ กาลังบารงุ และบริหารจัดการผ้เู สยี ชวี ิต ส่วนอำนวยกำร มีหน้าที่ติดตามสถานการณ์ วิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์ แจ้งเตือนภัย รวบรวม ประสานข้อมูล และประเมินความต้องการและความจาเป็นในการสนับสนุนทรัพยากร ในภาวะ ฉุกเฉิน รวมถึงจัดเตรียมเอกสารและวางแผนเผชิญเหตุโดยใช้ข้อมูลที่ได้รับจากส่วนปฏิบัติการ เป็นฐาน ดาเนินการ พร้อมท้ังให้การสนับสนุนสถานที่ปฏิบัติงานแก่ กองอานวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อปท. /ศูนยป์ ฏบิ ัติฉกุ เฉนิ อปท. ส่วนสนับสนุน มหี น้ำที่ ดังนี้ - ตอบสนองการร้องขอการสนับสนุนในทุกๆ ด้านท่ีจาเป็น เพื่อให้การจัดการในภาวะฉุกเฉนิ ดาเนนิ ไปอยา่ งมปี ระสิทธิภาพและประสิทธิผล ไดแ้ ก่ ดา้ นสงเคราะห์ช่วยเหลือผ้ปู ระสบภัย ด้านสาธารณปู โภค หนา้ บริการสังคมและชุมชน พลังงาน บริหารจัดการศูนย์พักพิงช่ัวคราว ฟื้นฟูพ้ืนที่ประสบภัย ฟื้นฟู ทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม การฟน้ื ฟู และงานชุมชน 344 - ตอบสนองการร้องขอรับการสนับสนุนในด้านงบประมาณ การเงินและการบัญชี และการ รับบริจาค ฯลฯ ๗.๒ การดาเนินการเม่ือเกิดสาธารณภยั เป็นหน้าท่ีของเจ้าพนักงานที่ประสบเหตุตอ้ งเข้าดาเนินการเบ้ืองต้นเพื่อระงับสาธารณภยั นนั้ แล้วรีบรายงานให้ผู้อานวยการท้องถิ่นที่รับผิดชอบในพื้นที่น้ันเพ่ือสั่งการต่อไป และในกรณีจาเป็นอันไม่อาจ หลกี เลี่ยงได้ ให้เจ้าพนกั งานมีอานาจดาเนินการใดๆ เพอื่ คมุ้ ครองชวี ติ หรือปอ้ งกนั ภยันตรายทจี่ ะเกิดแก่บุคคล ได้ (ม.๒๔) กำรบญั ชำกำรเหตกุ ำรณฉ์ ุกเฉิน ระดับชำติ ในกรณีเกิดสำธำรณภัยร้ำยแรงอย่ำงย่ิง (มำตรำ ๓๑) นายกรัฐมนตรี หรือรอง นายกรัฐมนตรี ที่ได้รับมอบหมาย สั่งการผู้บัญชาการ ผู้อานวยการ หน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วน ทอ้ งถนิ่ ใหด้ าเนินการปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั และใหค้ วามช่วยเหลอื แกป่ ระชาชน รัฐมนตรีว่ำกำรกระทรวงมหำดไทย เป็นผู้บัญชำกำรป้องกันและบรรเทำสำธำรณภัย แห่งชำติ - ควบคุม กากับการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยท่ัวราชอาณาจักร ให้เป็นไปตามแผน ปอ้ งกันและบรรเทาสาธารณภยั แหง่ ชาติ - บังคับบัญชาและสั่งการผู้อานวยการ รองผู้อานวยการ ผู้ช่วยผู้อานวยการ เจ้าพนักงาน อาสาสมัคร ท่ัวราชอาณาจกั ร