Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้รายภาค ประถมศึกษา 1-65

แผนการจัดการเรียนรู้รายภาค ประถมศึกษา 1-65

Published by suckseedeua_20325, 2022-08-22 19:29:04

Description: แผนการจัดการเรียนรู้รายภาค ประถมศึกษา 1-65

Search

Read the Text Version

ค. ต้องรับโทษจำคกุ ไมเ่ กนิ 3 ปี ปรับไมเ่ กิน 30,000 บาท หรอื ทงั้ จำท้ังปรับ ง. ต้องรบั โทษจำคุกไม่เกนิ 5 ปี ปรบั ไม่เกนิ 100,000 บาท หรอื ทงั้ จำทั้งปรบั เฉลย 1.ข 2.ค 3.ก 4.ค 5.ค 6.ง 7.ง 8.ก 9.ก 10.ง บนั ทกึ ผลหลงั การจัดกระบวนการเรยี นรู้ คร้งั ที่........ วันท่ี.......เดอื น............................พ.ศ............... ผลการใชแ้ ผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ 1. จำนวนเน้ือหากับจำนวนเวลา  เหมาะสม  ไมเ่ หมาะสม ระบุเหตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. การเรยี งลำดบั เนอ้ื หากับความเขา้ ใจของผ้เู รียน  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม ระบเุ หตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การนำเข้าสู่บทเรียนกับเนอื้ หาแต่ละหัวข้อ  เหมาะสม

 ไมเ่ หมาะสม ระบุเหตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. วิธกี ารจดั กิจกรรมการเรยี นรูก้ บั เน้อื หาในแตล่ ะข้อ  เหมาะสม  ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. การประเมนิ ผลกบั ตัวชี้วัดในแตล่ ะเนื้อหา  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม ระบุเหตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการเรียนรูข้ องผเู้ รียน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการจดั กระบวนการเรยี นรขู้ องครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชือ่ ................................................ ผู้บนั ทกึ () ครู กศน.ตำบล ความเหน็ ของผู้อำนวยการสถานศกึ ษา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่อื .................................................. (นางมาลี เพ็งดี) ผอู้ ำนวยการ กศน.อำเภอหนองไผ่ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนร้ขู องผ้เู รยี น ชื่อโครงการ/กจิ กรรม........................................................................................................................ ช่ือโรงเรียน/สถานศกึ ษา …………………………………………………………………………………………………….. ชือ่ หัวหนา้ โครงการ/กจิ กรรม............................................................................................................. คำช้ีแจง ให้ผู้ประเมินทำเคร่ืองหมายถูก () ลงในช่องระดับพฤติกรรมของผู้เรียน โดยมีเกณฑ์ระดับคุณภาพการ ประเมินดงั น้ี 5 มพี ฤตกิ รรมการเรยี นรู้ มากท่ีสดุ 4 มีพฤติกรรมการเรียนรู้ มาก 3 มพี ฤตกิ รรมการเรยี นรู้ ปานกลาง 2 มีพฤติกรรมการเรียนรู้ นอ้ ย 1 มพี ฤตกิ รรมการเรยี นรู้ น้อยที่สุด เกณฑ์การพิจารณาระดบั คณุ ภาพ คะแนนเฉล่ียรอ้ ยละ 0 - 50 ระดับคณุ ภาพ ปรับปรุง คะแนนเฉลย่ี ร้อยละ 50 - 69 ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 70 – 79 ระดบั คณุ ภาพ ดี คะแนนเฉลี่ยรอ้ ยละ 80 – 89 ระดับคณุ ภาพ ดมี าก

คะแนนเฉลยี่ รอ้ ยละ 90 - 100 ระดับคณุ ภาพ ดเี ยยี่ ม พฤติกรรมการเรียนรู้ 5 ระดับพฤติกรรม 1 432 1. ความตั้งใจในการทำงาน 2. ความรบั ผิดชอบ 3. ความกระตือรอื ร้น 4. การตรงตอ่ เวลา 5. ผลสำเรจ็ ของงาน 6. การทำงานร่วมกบั ผอู้ น่ื 7. มีความคิดรเิ ริ่มสรา้ งสรรค์ 8. มกี ารวางแผนในการทำงาน 9. การมสี ่วนรว่ มในการแสดงความคดิ เหน็ ในกลมุ่ 10. การมีส่วนรว่ มในการแก้ไขปญั หาในกลมุ่ ลงช่อื ......................................................................ผูป้ ระเมิน ............../.............................../..................... แผนการจดั การเรียนรรู้ ายภาค ครั้งท่ี 7 เรือ่ ง ขา่ วและ ขา่ วปลอม (Fake News) เวลาเรยี น 6 ช่ัวโมง แนวคิด ในปจั จุบนั พฤติกรรมการบรโิ ภคขา่ วสารของผอู้ ่านไดเ้ ปล่ยี นไปอย่างมาก เนื่องจากสื่อและเทคโนโลยี ได้ พัฒนาอย่างรวดเร็ว มีการบรโิ ภคขา่ วสารผา่ นทางสือ่ สังคมออนไลน์ เชน่ เฟซบุ๊ก ทวติ เตอร์ หรือ ไลน์ มากข้ึน และในส่อื โซเชียลผ้ใู ช้งานอนิ เทอร์เนต็ ท่ัวไปยงั สามารถแสดงบทบาทเป็นผู้นำเสนอข่าว เองได้ โดยมผี ู้อา่ น จำนวนไมน่ อ้ ยให้ความสนใจและคอยตดิ ตาม เน่ืองจากนำเสนอขา่ วท่ีรวดเร็ว แปลกใหม่ หวอื หวาและเรา้ อารมณ์ ถึงแมว้ า่ ความรวดเร็วในการรายงานขา่ วทางออนไลนจ์ ะชว่ ยทำให้ผ้อู ่านรบั ข้อมูลขา่ วสารอยา่ ง ทนั ทว่ งที แตป่ ญั หาที่เกิดข้นึ คือขา่ วออนไลน์บางสว่ นไม่ได้รับการกล่ันกรองคุณภาพและความถูกต้อง เนอ่ื งจาก เปน็ ส่อื ทเ่ี ปดิ กวา้ ง และไม่ได้ถูกจำกดั วา่ เป็นข่าวนำเสนอจากสื่อมวลชนกระแสหลกั แต่เพียง อย่างเดยี วอีก ต่อไป นอกจากน้ี ข่าวทนี่ ำเสนอผา่ นทางหนา้ นวิ สฟ์ ีดของโซเชียลมเี ดียยงั สามารถ ถูกสง่ ต่อหรือแบ่งปนั ให้ผอู้ ืน่ อ่านตอ่ ไดใ้ นวงกวา้ ง ซ่งึ ส่งผลทำให้เกิดการแพร่กระจายของข่าวสาร อย่างรวดเรว็ และสร้างอิทธิพลตอ่ ความคิด

ของคนในสังคมเปน็ อย่างมาก ดว้ ยเหตุนีจ้ งึ เป็นการเปดิ โอกาสใหผ้ ไู้ มห่ วงั ดสี รา้ งขา่ วปลอมเข้ามาปะปนกับขา่ ว อ่ืนๆ บนโลกออนไลน์ จนทำใหผ้ ้อู า่ นหลงเช่ือ ขา่ วปลอม ข่าวลือ หรือ ขา่ วบิดเบือนเพราะไมร่ เู้ ท่าทันส่ือเหล่าน้ี ตัวช้ีวดั 1. บอกความหมาย ความสำคัญ คุณลกั ษณะ องคป์ ระกอบ และ ประเภทของข่าวได้ 2. ตระหนักถงึ ความสำคัญของข่าว 3. บอกความหมาย ลักษณะและ ประเภทของข่าวปลอม (Fake News) ได้ 4. อธบิ ายกระบวนการเกิดขา่ ว ปลอม (Fake News) ในรปู แบบต่าง ๆ ได้ 5. สามารถเปรียบเทียบความ แตกตา่ งระหวา่ ง ขา่ วจริงกับข่าวปลอม (Fake News) ได้ 6. บอกผลกระทบของ ข่าวปลอม (Fake News) 7. ตระหนกั ถึงผลกระทบ ท่เี กิดขน้ึ จากข่าวปลอม (Fake News) ทเ่ี กดิ ข้ึน ในปจั จบุ นั 8. สามารถวิเคราะห์ขา่ ว ทเี่ กิดขึ้นไดว้ ่าเป็นขา่ วจริงหรอื ขา่ ว ปลอม (Fake News) เนื้อหา 1. ความรเู้ บอ้ื งตน้ เกย่ี วกบั ข่าว 1.1 ความหมาย ความสำคญั ของข่าว 1.2 คุณลกั ษณะของข่าว 1.3 องคป์ ระกอบของข่าว 1.4 ประเภทของข่าว 2. ข่าวปลอม (Fake News) 2.1 ความหมายของขา่ วปลอม (Fake News) 2.2 ลักษณะของขา่ วปลอม (Fake News) 2.3 ประเภทของขา่ วปลอม (Fake News) 3. กระบวนการเกิดข่าวปลอม (Fake News 4. ความแตกตา่ งระหวา่ งข่าวจรงิ และขา่ ว ปลอม (Fake News) 4.1 ลักษณะข่าวจรงิ และ ข่าวปลอม (Fake News) 4.2 วิธสี งั เกตขา่ วจรงิ และ ข่าวปลอม (Fake News) ในโลกออนไลน์ 5. ผลกระทบของขา่ วปลอม (Fake News) 6. การตรวจสอบกอ่ นการแชร์ ขน้ั ตอนการจดั กระบวนการเรียนรู้ ขน้ั ตอนที่ 1 การสรา้ งแรงบันดาล (Passion : P) 1. ครูทักทายผูเ้ รยี น พร้อมทง้ั แนะนำตนเอง และแผนการจดั การเรยี นรู้ ซึง่ การจัดการเรยี นร้ทู ี่ผู้เรียน จะตอ้ งเรยี นรู้ร่วมกนั ในครง้ั นี้ คอื เรื่อง “ขา่ วและ ขา่ วปลอม (Fake News)” และชวนคิดชวนคุยเก่ยี วกบั เร่ือง ท่ีจะเรียนรู้เพื่อกระตุ้นใหผ้ ู้เรยี นเกิดความสนใจและมีความกระตือรือร้นในการเชื่อมโยงและสร้างความพร้อมท่จี ะ เรียนร้หู รอื ทำกจิ กรรมการเรยี นรู้ตามแผนการจดั การเรยี นรู้ ครั้งนี้

2. ครชู แ้ี จงวัตถุประสงค์ เนอื้ หา กิจกรรม การวดั และประเมนิ ผลของการเรียนรู้ในครัง้ น้ี ท่ีสอดคล้อง กบั ตวั ชีว้ ดั ตามแผนการจัดการเรยี นรู้ครัง้ น้ี เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ผูเ้ รียนจะต้องเรียนรู้ให้บรรลุ ตวั ชี้วดั ที่กำหนดตามแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 3. ให้ผเู้ รียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน จำนวน 10 ข้อ โดยใช้เวลา 10 นาที 4. ครใู ห้ผเู้ รียนศกึ ษา ใบความรู้ นอกจากนี้ ในการพบกลุ่มแตล่ ะคร้งั นน้ั ครจู ะมอบหมายงานให้ผู้เรยี นไปเรียนรดู้ ้วยวธิ ีการเรยี นรู้ดว้ ย ตนเอง ซึ่งวิธีการเรยี นรู้ด้วยตนเองจะต้องเกดิ ขึน้ ในทุก ๆ ตวั ช้วี ัดและเนอ้ื หาท่ีกำหนดโดยผู้เรยี นจะต้องปฏบิ ตั ิ กจิ กรรมท่ีกำหนดใหด้ ว้ ยวิธเี รียนรู้ออนไลน์ และศึกษาจากเอกสารประกอบการเรียน ดงั นัน้ ครจู ะต้องเชอ่ื มโยง รายละเอียดดังกล่าวขา้ งต้นให้ผู้เรยี นไดเ้ กดิ ความเข้าใจและเกิดแรงบันดาลใจในการเรียนรทู้ ี่จะเกิดขนึ้ เพราะ การมอบหมายงานใหผ้ ้เู รยี นไปเรยี นรดู้ ้วยวิธเี รยี นรดู้ ้วยตนเองนัน้ ผเู้ รยี นจะต้องเรียนร้อู อนไลน์ผา่ น อินเทอรเ์ นต็ และศกึ ษาเอกสารประกอบการเรียน 5. ครชู วนคิดชวนคุยเกย่ี วกบั ประสบการณ์เดิมของครูในเรอื่ งที่จะเรียนร้ตู ามแผนการจัดการเรยี นรู้น้ี โดยครสู ุม่ ผเู้ รยี นตามความสมัครใจ จำนวน 4-5 คน ให้ยกตัวอยา่ งข่าวทเ่ี ป็นปจั จบุ ัน ขน้ั ตอนที่ 2 การนำไปใช้ประโยชน์ (Utilization : U) 1. ครใู ห้ผเู้ รยี นแลกเปล่ียนเรียนรู้ โดยแบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ กลุ่มละ 3-4 คน ดำเนินกิจกรรมตามใบ งานเปน็ รายกลุ่ม ศึกษาเน้ือหาในอนิ เตอรเ์ น็ต เรือ่ งข่าว และขา่ วปลอม พร้อมใหย้ กตัวอย่าง ระหวา่ งข่าวจรงิ และข่าวปลอม 2. ครแู นะนำแหลง่ เรียนรู้ใหก้ บั ผ้เู รยี นเพ่ือใชเ้ ปน็ เครื่องมือในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง อาทิ ห้องสมุด แหล่งเรียนรู้ในชุมชน หน่วยงาน สถานศึกษาต่าง ๆ รวมท้ังการใช้อินเตอร์เน็ตเพ่ือการเรยี นรดู้ ้วย ตนเอง เปน็ ตน้ 3. ครูดำเนินการทำหน้าทน่ี ำการอภปิ ราย โดยให้ผู้เรียนกล่มุ ใหญร่ ว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ คิด วิเคราะห์ อภิปราย และวิเคราะห์ให้ข้อมูลเพ่ิมเติมในเน้ือหาหรือประเด็นท่ียังไม่ชัดเจนตามรายละเอียดที่ ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน หากผู้เรียนกลุ่มใหญ่หรือครูเห็นว่ายังไม่สมบูรณ์ มคี วามตอ้ งการในการ เรยี นรู้เพิม่ เติม ครจู ะชว่ ยเติมเต็มความรูใ้ ห้กับผู้เรียน หลงั จากนน้ั ครแู ละผเู้ รยี นสรปุ สิ่งท่ไี ด้เรียนรู้ในภาพรวม ทงั้ หมดแลว้ ให้ผูเ้ รียนสรุปสิ่งท่ีได้เรียนรลู้ งในสมุดบันทึกการเรยี นรูข้ องตน หมายเหตุ : ในการดำเนินกิจกรรมกลมุ่ ครชู แ้ี จงบทบาทหนา้ ท่ีในการทำงานให้ผู้เรยี นได้มีความรับผิดชอบร่วมกันใน การทำงาน ซ่ึงมอบหมายให้ผู้เรียนดำเนินการแต่งต้ังประธานหรือผู้นำในการอภิปรายแลกเปล่ียนเรียนรู้ และการมอบหมายใหม้ ผี ู้รับผิดชอบในภารกจิ ต่าง ๆ รวมถงึ การแต่งต้งั เลขานุการของกลุ่มเป็นผจู้ ดบันทึกและ ผรู้ กั ษาเวลา เพ่ือปฏบิ ัติงานของกลุม่ ใหญ่ให้บรรลตุ ามวตั ถุประสงค์ที่ตั้งไว้ และพิจารณาว่าสมาชกิ ลุ่มทกุ คน ควรมคี วามเข้าใจตรงกนั ว่า ตนมบี ทบาทหนา้ ท่ีทจี่ ะตอ้ งชว่ ยใหก้ ลมุ่ ทำงานได้สำเร็จ ครูควรใหค้ ำแนะนำถงึ ความสำคัญของการใหส้ มาชกิ ทกุ คนในกล่มุ มสี ว่ นร่วมในการอภิปรายอยา่ งทวั่ ถงึ ไม่ใหม้ ีการผูกขาดการ อภิปรายโดยผูใ้ ดผูห้ นง่ึ และควรมกี ารจำกดั เวลาของการอภิปรายแต่ละประเด็น

ในระหว่างการทำกิจกรรมของผูเ้ รียน ครมู บี ทบาทในการสังเกตพฤติกรรมการเรยี นรู้ของผู้เรยี นคอย กระตุ้นผู้เรียนให้เกิดความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ โดยบันทึกลงในแบบบันทึกพฤติกรรมการเรียนรู้ของ ผเู้ รยี น และเคร่ืองมือประเมินการสงั เกตแบบประมาณคา่ 4. ครูเปดิ โอกาสให้ผเู้ รยี นทง้ั กลมุ่ รว่ มกนั สนทนา เพื่อให้ผู้เรียนมีทกั ษะในการฟัง พดู คิดวเิ คราะห์ การทำงานร่วมกบั ผอู้ นื่ การคิดสรา้ งสรรค์ ความรบั ผดิ ชอบ และการนำความรู้ในเนื้อหามาใช้โดยครูบรู ณาการ เน้ือหาการเรียนรู้ มีการใช้สื่อเทคโนโลยีท่เี ป็นคลิปวิดีโอจาก youtube ท่ีสัมพันธ์กบั เน้ือหา ทั้งน้ีครเู ชอื่ มโยงสง่ิ ที่ไดเ้ รียนรูต้ ามขั้นตอนที่ 1 ในการนำความรู้ไปสกู่ ารปฏิบัตแิ ละประยุกต์ใช้ หลงั จากนั้น ครดู ำเนินการ ดังนี้ (1) ครูบรรยายเนอื้ หาตามใบความรู้ เพื่อใช้สำหรับประกอบกจิ กรรมการเรียนรู้ (2) ครูเปิดโอกาสให้ผ้เู รียนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยใหผ้ ู้เรยี นตั้งประเดน็ ข้อสงสัยหรือสิ่งทต่ี ้องการ เรียนรู้ในกระบวนการของการสาธิต และเช่ือมโยงสกู่ ารนำไปใช้ในชีวติ จริงของผ้เู รยี นตอ่ ไป 5. ครแู ละผเู้ รียนอภปิ รายและสรปุ ผลการเรยี นรู้รว่ มกนั ขน้ั ตอนท่ี 3 การสะทอ้ นความคิดจากการเรยี นรู้ (Reflection : R) 1. แบ่งผู้เรยี นออกเป็นกลมุ่ ๆ ละ 3-4 คน ให้ผ้เู รยี นแตล่ ะกล่มุ ลงมือปฏบิ ตั ิจรงิ โดยผูเ้ รยี นแต่ละกลุ่ม วางแผนและดำเนินการ 2. ใหผ้ ู้เรยี นแต่ละกลมุ่ ปฏิบตั ิกจิ กรรมตามใบงาน 3. ใหผ้ ู้เรียนแต่ละกลมุ่ นำเสนอผลการทำกิจกรรมกลุ่ม 4. ครูให้ผู้เรียนสะท้อนความคิดในการเรียนรู้ที่ได้จากการเรียนรู้และการปฏิบัติการ 5. ครแู ละผเู้ รยี นอภิปรายและสรปุ ผลการเรยี นรรู้ ว่ มกัน ขน้ั ตอนที่ 4 การการติดตามประเมินและแกไ้ ข (Action : A) 1. ครูและผเู้ รียนอภปิ รายและสรุปผลการเรียนรู้ 3. ใหผ้ ู้เรียนทำแบบทดสอบหลังเรยี น จำนวน 10 ข้อ โดยใชเ้ วลา 10 นาที 4. ครูและผู้เรียนสรุปภาพรวมส่งิ ท่ไี ดเ้ รยี นรูร้ ว่ มกนั นอกจากนี้ ในตอนท้ายของการพบกลุม่ หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนที่ 3 ครูมอบหมายงานให้ผเู้ รยี น เรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง ส่ือ วสั ดุ อุปกรณ์ และแหลง่ การเรียนรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรียน 2. ใบความรูส้ ำหรับผูเ้ รยี น 3. .ใบงาน

การวัดและประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมการมีส่วนร่วม ความตัง้ ใจ และความสนใจของผ้เู รยี น 2. ผลการทดสอบก่อนและหลังเรยี น 3. ผลการออกแบบและสร้างสรรคน์ วตั กรรมและสง่ิ ที่ต้องการพัฒนา/ชิน้ งาน/ผลงาน 4. ผลการประเมินความพงึ พอใจของผ้เู รียน บนั ทึกผลหลงั การจดั กระบวนการเรียนรู้ ผลการใช้แผนการจดั กระบวนการเรียนรู้ 1. จำนวนเนือ้ หากับจำนวนเวลา  เหมาะสม  ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตผุ ล……………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ….………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… 2. การเรียงลำดับเนอ้ื หากับความเขา้ ใจของผเู้ รยี น  เหมาะสม  ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………….. 3. การนำเข้าสูบ่ ทเรียนกับเนอ้ื หาแต่ละหัวข้อ  เหมาะสม  ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตผุ ล…………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… 4. วธิ กี ารจัดกิจกรรมการเรยี นรู้กับเน้อื หาในแต่ละข้อ  เหมาะสม  ไมเ่ หมาะสม ระบุเหตผุ ล……………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… 5. การประเมินผลกับตวั ชี้วดั ในแต่ละเนื้อหา  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม ระบเุ หตผุ ล……………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการเรียนรขู้ องผู้เรยี น ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….............. ....……………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………… ผลการจดั กระบวนการเรยี นรู้ของครู

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………. ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………....................................................................... ใบงานที่ 1 เรื่องขา่ ว และขา่ วปลอม 1.จงบอกความหมายของ ข่าว ตามความเข้าใจของผเู้ รียน ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................... ........................... ........................................................................................................ ...................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ......................................................................................................................................... ..................................... .............................................................................................. ................................................................................ ...................................

2.จงบอกความหมายของ ข่าวจรงิ ................................................................................................................ .............................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ................................................................................................................................................. ............................. ...................................................................................................... ........................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. .............................. 3.จงบอกความหมายของ ขา่ วปลอม ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................. ................ ................................................................................................................... ........................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................................................................................... .......................... แบบทดสอบกอ่ นเรียน เร่ือง ข่าว และ ขา่ วปลอม คำชแ้ี จง แบบทดสอบกอ่ นเรียนแบบปรนัย มีจำนวนทัง้ หมด 10 ขอ้ คำส่งั จงทำเคร่ืองหมายกากบาท (X) หน้าข้อที่ถูกต้องท่สี ุด เพยี งข้อเดยี ว ข้อ 1. ข้อใดคือความหมายของขา่ ว ก. เหตกุ ารณท์ เี่ กดิ ข้ึนสดๆใหม่ๆ ข. เรอ่ื งราวอะไรอย่างหนงึ่ ทปี่ ระชาชนพดู ถงึ ค. รายงานข้อเท็จจริงหรือเหตุการณต์ า่ งๆท่ีเกิดขน้ึ ง. ถูกทุกข้อ ข้อ 2. ข้อใดไม่ใช่คุณลักษณะของขา่ ว (Qualification of News)

ก. ความน่าสนใจ ข. ผูอ้ า่ นหรือผูร้ บั ขา่ วสาร ค. เรือ่ งราวท่ถี ูกสรา้ งข้ึน ง. เหตกุ ารณห์ รือข้อเทจ็ จรงิ ข้อ 3. ข้อใดหมายถึง เหตกุ ารณ์ หรอื ข้อเทจ็ จริง ก. สถาณการณท์ เ่ี กิดข้นึ จรงิ ข. เร่ืองราวทเ่ี ป็นมาหรือเป็นอยู่ตามความเป็นจรงิ ค. ข้อความที่แสดงเร่ืองราวเหตุการณ์ ปรากฏการณ์ ขอ้ มูล และสิ่งต่าง ๆ ทเี่ ปน็ จริงตามธรรมชาติ ง. ถกู ทุกข้อ ขอ้ 4. ข้อใดไม่ใช่องค์ประกอบของขา่ ว (Elements of News) ก. ความงมงาย ข. ความเปล่ียนแปลง ค. ความมเี งื่อนงำ ง. ความขัดแย้ง ขอ้ 5. สิง่ ทเ่ี ป็นหวั ใจสำคัญของการนำเสนอข่าวคือข้อใด ก. ความเด่น ข. ความสดต่อสมัย ค. ความประหลาดใจ ง. ความเปล่ยี นแปลง ข้อ 6. เหตกุ ารณท์ ี่เกิดขึน้ จากการคน้ คว้าทดลองทางวิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี เป็นองค์ประกอบของขา่ ว ดา้ นใด ก. ความมีเง่ือนงำ (Suspense/Mystery) ข. ความเปล่ยี นแปลง (Change) ค. ความก้าวหน้า (Progress) ง. ความสดตอ่ สมัย (Timeliness) ขอ้ 7. ข้อใดคือความหมายขา่ วปลอม(Fake News) ก. เร่ืองราวอะไรอย่างหนึง่ ทีป่ ระชาชนพดู ข. เหตุการณต์ า่ งๆที่เกิดขนึ้ สดๆใหม่ๆ ค. ข่าวที่มเี นื้อหาอนั ไม่เป็นขอ้ เท็จจรงิ ง. ถูกทุกข้อ ข้อ 8. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ลักษณะของข่าวปลอม ก. ข่าวสดใหม่ ข. โฆษณาชวนเช่ือ

ค. ขา่ วลอ้ เลยี นและเสียดสี ง. ข่าวหลอกลวง ขอ้ 9. การได้รับขา่ วปลอมทำให้เกิดผลกระทบดา้ นใด ก. ผลกระทบด้านการเงินและสุขภาพ ข. ผลกระทบด้านอารมณ์ความรู้สกึ ค. ผลกระทบดา้ นความรนุ แรง ง. ทกุ ข้อท่ีกลา่ วมา ขอ้ 10. ข้อใดคอื สงิ่ แรกท่ีควรคำนงึ ถงึ ในการแชร์ข่าว ก. สอบถามหนว่ ยงานหรือสำนักข่าวทีน่ า่ เช่ือถือ ข. ดูความน่าเชอ่ื ถือของเนื้อหาและการอ้างอิง ค. ต้ังข้อสังเกตเบื้องต้น ง. ตรวจสอบชือ่ ข่าวหรือเน้ือความในข่าว เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น เรอื่ ง ขา่ ว และ ข่าวปลอม 1. ง. ถกู ทุกข้อ 2. ค. เร่อื งราวที่ถกู สรา้ งขนึ้ 3. ง. ถูกทุกข้อ 4. ก. ความงมงาย 5. ข. ความสดต่อสมยั 6. ค. ความก้าวหน้า (Progress)

7. ค. ขา่ วท่มี เี น้ือหาอันไม่เป็นขอ้ เทจ็ จริง 8 ก. ข่าวสดใหม่ 9. ง. ทุกข้อที่กลา่ วมา 10. ข. ดูความน่าเชื่อถือของเนือ้ หาและการอ้างอิง ใบงานที่ 2 เร่อื งขา่ ว และข่าวปลอม คำช้ีแจง จงอธบิ ายใหถ้ กู ตอ้ ง 1.ข่าวเบา (Hard News) หมายถึง .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... ................................................................................................................................................................

ภาพข่าวตวั อยา่ ง 2.ขา่ วหนกั (Hard News) หมายถึง .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... .................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................... ภาพขา่ วตวั อย่าง

แบบทดสอบหลงั เรยี น เร่อื ง ขา่ ว และ ข่าวปลอม คำชี้แจง แบบทดสอบหลงั เรียนแบบปรนัย มีจำนวนทง้ั หมด 10 ขอ้ คำสั่ง จงทำเครื่องหมายกากบาท (X) หน้าข้อท่ีถูกต้องที่สุด เพียงข้อเดยี ว ข้อ 1. ขอ้ ใดคือความหมายของข่าว จ. เหตุการณ์ท่เี กดิ ข้ึนสดๆใหมๆ่ ฉ. เรอ่ื งราวอะไรอยา่ งหน่งึ ท่ีประชาชนพูดถึง ช. รายงานขอ้ เทจ็ จรงิ หรือเหตุการณต์ ่างๆท่ีเกิดขึน้

ซ. ถกู ทุกข้อ ข้อ 2. ขอ้ ใดไมใ่ ช่คุณลกั ษณะของขา่ ว (Qualification of News) จ. ความน่าสนใจ ฉ. ผู้อ่านหรอื ผู้รับข่าวสาร ช. เรอ่ื งราวทถ่ี ูกสรา้ งขึ้น ซ. เหตุการณ์หรือข้อเทจ็ จรงิ ข้อ 3. ขอ้ ใดหมายถงึ เหตกุ ารณ์ หรือข้อเทจ็ จรงิ จ. สถาณการณท์ ี่เกดิ ข้นึ จริง ฉ. เร่อื งราวที่เป็นมาหรือเป็นอยู่ตามความเป็นจรงิ ช. ขอ้ ความที่แสดงเร่ืองราวเหตกุ ารณ์ ปรากฏการณ์ ขอ้ มลู และสิ่งต่าง ๆ ทเ่ี ป็นจริงตามธรรมชาติ ซ. ถูกทุกข้อ ขอ้ 4. ข้อใดไม่ใช่องค์ประกอบของข่าว (Elements of News) จ. ความงมงาย ฉ. ความเปลยี่ นแปลง ช. ความมเี ง่ือนงำ ซ. ความขดั แย้ง ขอ้ 5. ส่ิงทเี่ ป็นหัวใจสำคัญของการนำเสนอขา่ วคือข้อใด จ. ความเดน่ ฉ. ความสดต่อสมัย ช. ความประหลาดใจ ซ. ความเปลี่ยนแปลง ข้อ 6. เหตกุ ารณ์ท่ีเกิดขน้ึ จากการค้นคว้าทดลองทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นองค์ประกอบของข่าว ดา้ นใด จ. ความมเี ง่ือนงำ (Suspense/Mystery) ฉ. ความเปลีย่ นแปลง (Change) ช. ความก้าวหน้า (Progress) ซ. ความสดตอ่ สมัย (Timeliness) ขอ้ 7. ขอ้ ใดคือความหมายข่าวปลอม(Fake News) จ. เรอ่ื งราวอะไรอยา่ งหนึ่งทีป่ ระชาชนพูด ฉ. เหตุการณต์ ่างๆที่เกดิ ข้ึนสดๆใหม่ๆ ช. ขา่ วท่มี ีเน้ือหาอันไม่เปน็ ขอ้ เท็จจริง ซ. ถูกทุกข้อ ข้อ 8. ข้อใดไมใ่ ช่ลักษณะของข่าวปลอม

จ. ข่าวสดใหม่ ฉ. โฆษณาชวนเช่ือ ช. ข่าวลอ้ เลยี นและเสยี ดสี ซ. ขา่ วหลอกลวง ขอ้ 9. การได้รับข่าวปลอมทำให้เกิดผลกระทบด้านใด จ. ผลกระทบดา้ นการเงินและสุขภาพ ฉ. ผลกระทบด้านอารมณ์ความรู้สกึ ช. ผลกระทบด้านความรนุ แรง ซ. ทกุ ข้อท่ีกลา่ วมา ข้อ 10. ข้อใดคือส่งิ แรกที่ควรคำนึงถึงในการแชร์ข่าว จ. สอบถามหน่วยงานหรือสำนักขา่ วทนี่ า่ เช่อื ถือ ฉ. ดคู วามน่าเช่ือถอื ของเนื้อหาและการอา้ งอิง ช. ตงั้ ขอ้ สงั เกตเบื้องตน้ ซ. ตรวจสอบชอ่ื ข่าวหรอื เน้ือความในขา่ ว เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน เรือ่ ง ขา่ ว และ ข่าวปลอม 1. ง. ถกู ทุกข้อ 2. ค. เรือ่ งราวท่ีถกู สรา้ งข้ึน 3. ง. ถูกทุกข้อ 4. ก. ความงมงาย

5. ข. ความสดตอ่ สมัย 6. ค. ความกา้ วหนา้ (Progress) 7. ค. ขา่ วท่ีมีเนื้อหาอนั ไมเ่ ปน็ ข้อเทจ็ จรงิ 8 ก. ขา่ วสดใหม่ 9. ง. ทุกข้อที่กลา่ วมา 10. ข. ดูความนา่ เชื่อถือของเนื้อหาและการอ้างอิง ใบความรู้ เรื่อง ขา่ วและข่าวปลอม ความรู้เบือ้ งตน้ เกีย่ วกับขา่ ว ความหมายของขา่ ว (Definition of news) ข่าวมคี วามหมายท่แี ตกตา่ งกันไปตามทรรศนะและความเข้าใจของแตล่ ะบุคคลและแตล่ ะสงั คม

เพราะเหตุการณ์ทีค่ วรจะเปน็ ข่าวในสงั คมหนึ่ง อาจจะไมเ่ ป็นข่าวในอีกสงั คมหน่ึงกไ็ ด้ ทงั้ น้ไี ด้มีผใู้ ห้ทรรศนะ เกี่ยวกับความหมายของคำวา่ ขา่ วไวด้ ังนี้ บรูซ ดี ไอทวิ ส์ และดักลาส เอ แอนเดอร์สัน กล่าววา่ ข่าว คอื เร่ืองคนกดั หมา ข่าว คือ ส่งิ ที่ผอู้ า่ น ไม่เคยรู้มาก่อน โจเซฟ พลู ซิ เซอร์ (บดิ าแห่งวงการหนงั สือพิมพ์) ข่าว เป็นเร่ืองราวทีเ่ พ่งิ เกดิ ข้ึนใหม่ๆ เป็นเร่อื งที่ แตกต่างจากเร่ืองอื่นๆ เร่อื งเร้าอารมณ์ เร่อื งรกๆใคร่ๆ เร่ืองน่าตื่นเต้น เรือ่ งประหลาด และเร่อื งทมี ักเป็นที่ โจษจันถึง สภุ า ศริ ิมานนท์ไดอ้ ธบิ ายวา่ ข่าว คอื 1. เร่อื งราวอะไรอย่างหนงึ่ ทป่ี ระชาชนพูดถึงถา้ เปน็ เร่ืองทช่ี วนใหผ้ ู้คนอยากแสดงความเห็นมาก เท่าไหรย่ ่งิ มีคุณคา่ 2. เหตุการณต์ ่างๆท่ีเกิดขึ้นสดๆใหม่ๆถูกถว้ น และใชภ้ มู ิปัญญา เช่น การค้นพบสิง่ ตา่ งๆเรืองราวท่ี กระทบถงึ ผู้อ่าน 3. ขอ้ เทจ็ จริง สาระสำคัญเกีย่ วกบั การเกิดขน้ ของเหตุการณ์บางอยา่ งหรือของสิงใดสิง่ หนึ่งท่ีคนให้ ความสนใจ เน่อื งจากมีผลกระทบหรอื มีอิทธิพลต่อผู้คน นอกจากน้ียังมีผู้ให้คำนิยามเพ่ืออธบิ ายความหมายของข่าวอีกมากมาย อาทิ ข่าว คอื เร่ืองราวของเหตุการณ์ ข้อเทจ็ จริง หรือความคิดเห็นซงึ่ เปน็ ทีส่ นใจของบุคคลทว่ั ไป ข่าว คือ รายงานอนั สจุ รติ และสมบูรณข์ องเหตุการณ์ทีเ่ ป็นผลประโยชน์และมีสว่ นเกี่ยวขอ้ งกบั สาธารณชน ขา่ ว คือ เหตุการณ์ที่เกิดข้ึนสดๆใหม่ๆ ขา่ ว คอื การแจ้งส่งิ ท่ีเกดิ ข้ึนอนั จะทำให้บุคคลไดร้ ูเ้ กิดความตื่นเตน้ จากแนวคดิ ดังกล่าวพอสรุปได้ว่า ขา่ ว คอื รายงานข้อเท็จจริงหรอื เหตุการณ์ตา่ งๆทเ่ี กิดข้ึน ตลอดจนความคิดเห็นจากบุคคลระดับต่างๆ ซงึ่ มีความสำคัญ และเป็นท่ีนา่ สนใจอนั มผี ลกระทบตอ่ คนหมู่มาก ในชมุ ชนหรอื สงั คม คณุ ลักษณะของขา่ ว (Qualification of News) การพิจารณาวา่ เหตุการณใ์ ดควรจะรายงานเป็นข่าวนั้นต้องคำนึงถงึ คณุ ลกั ษณะของขา่ วเป็น สำคัญ ซ่งึ คุณลักษณะของขา่ วมอี งค์ประกอบดังน้ี ความน่าสนใจ ผอู้ ่านหรอื ผ้รู ับข่าวสาร Interest Reader of Receive

เหตกุ ารณ์หรอื ขอ้ เท็จจริง (Fact) - ความนา่ สนใจของขา่ วยิง่ มมี ากเทา่ ใด คุณคา่ ข่าวยงิ่ มสี ูงมากเท่านัน้ - ผู้อ่านหรอื ผรู้ ับข่าวสาร หมายความว่า ขา่ วต้องเปน็ ทนี่ ่าสนใจของประชาชนในวงกว้าง - เหตุการณ์ หรอื ข้อเทจ็ จริง หมายความวา่ ขา่ วต้องมาจากเหตุการณ์ สถาณการณ์ที่เกิดขึน้ จริง แต่ ไม่สามารถนำมาเสนอเปน็ ข่าวได้ทัง้ หมด ต้องดูประเดน็ ท่ีน่าสนใจมานำเสนอเท่าน้ัน ทงั้ น้ี องคป์ ระกอบทั้ง 3ประการนจี้ ะตอ้ งมคี วามสัมพนั ธ์กัน โดยเหตกุ ารณ์หรือข้อเทจ็ จรงิ นน้ั จะตอ้ งเปน็ สงิ่ ทนี่ า่ สนใจต่อผอู้ ่านหรือผ้รู ับขา่ วสารมากทส่ี ุด จงึ นำมาซ่งึ การรายงานข่าวได้ สำหรับเหตุการณ์หรือข้อเท็จจรงิ ใดเปน็ สิ่งที่นา่ สนใจสำหรบั ผูอ้ ่านหรอื ผูร้ ับสารนน้ั สุภา ศิรมิ านนท์ อดตี นกั หนงั สือพิมพ์อาวุโส ไดส้ รปุ ความนา่ สนใจของข่าวมี 9 ประเภท คอื 1. การตอ่ สู้ (Struggle) 2. ชวี ติ ซง่ึ ราวกับนิยาย (Romance) 3. ความลกึ ลบั (Mystery) 4. การผจญภยั (Adventure) 5. ความผดิ ปกติ (Unusualness) 6. ความเปน็ มนษุ ย์ (Human being) 7. เรอื่ งเกี่ยวกบั สัตว์ (Animals) 8. เร่ืองเกีย่ วกับเดก็ (Children) 9. ความบนั เทิง / งานอดเิ รก (Amusement and Hobbies) องค์ประกอบของขา่ ว (Elements of News) จากเหตกุ ารณท์ ่ีเกดิ ขึน้ มากมายในแตล่ ะวนั และแต่ละเหตุการณม์ ีความนา่ สนใจที่แตกต่างกัน การ ทสี่ ื่อมวลชนจะนำมาเสนอเป็นข่าวทกุ ข่าวน้นั ไมส่ ามารถทำได้ เน่อื งจากจำนวนพน้ื บนหน้าหนงั สอื พิมพ์ทมี่ ี จำกัด และสอื่ มวลชนประเภทอื่น อย่าง วทิ ยุ หนังสอื พิมพ์ ก็มีเวลาจำกัดเชน่ กัน ดังน้ันจึงจำเป็นตอ้ งมกี าร คัดเลือกขา่ วจากเหตุการณห์ รือข้อเทจ็ จรงิ ทเ่ี กดิ ข้ึน โดยคำนึงถึงองคป์ ระกอบของข่าวว่ามเี หตุการณห์ รือ ข้อเท็จจรงิ ใดมีคุณค่าทางขา่ วสงู จะได้พิจารณานำมารายงานเป็นขา่ วต่อไป คณุ คา่ ของขา่ วขน้ึ อยู่กับองคป์ ระกอบท่สี ำคญั ดังนี้ 1. ความสดตอ่ สมยั (Timeliness)

นับว่าเปน็ หัวใจสำคัญของการนำเสนอข่าว เพราะผู้อ่านมักให้ความสนใจกับเหตุการณท์ ่เี กดิ ข้ึน สดๆ รอ้ นๆ หรือเรื่องราวทที่ ันสมยั ดังคำกล่าวทีว่ า่ \"ข่าวต้องสดเหมือนปลา\" 2. ความใกล้ชิด (Proximity/nearness) หมายถึงความสมั พันธใ์ กลช้ ิดต่อเหตุการณท์ ี่เกดิ ข้ึนท้ังทางดา้ นร่างกายและจิตใจ 3. ความเด่น (Prominence) หมายถงึ บคุ คลสำคัญทเี่ ปน็ ที่รูจ้ ักกนั ดี ซึ่งอาจรวมถึงสถานทส่ี ำคัญ วตั ถุอันลำ้ ค่า ฯลฯ 4. ความแปลกประหลาด (Oddity / Unusualness) เมอ่ื มเี หตุการณเ์ กิดขนึ้ อยา่ งผิดปกติหรือผิดวสิ ัยในสังคม เหตกุ ารณน์ ัน้ ยอ่ มก่อใหเ้ กิดความสนใจ และมคี ุณคา่ ทางข่าวสูง หนังสอื พิมพ์ให้ความสำคญั แก่องคป์ ระกอบน้มี าก โดยเฉพาะอย่างย่ิงเมื่อมีสถานการณ์ ทไี่ ม่เอื้ออำนวยในการเสนอขา่ ว เพราะถูกปดิ ก้นั เสรีภาพของหนังสอื พิมพ์จงึ มกั ใชค้ วามแปลกประหลาดมา เสนอเปน็ ขา่ ว เพ่ือเปลย่ี นบรรยากาศท่ีตึงเครียดให้ผอ่ นคลายลงได้ชั่วระยะหน่งึ 5. ผลกระทบกระเทอื น (Consequence) ขา่ วท่ีมีผลกระทบตอ่ ประชาชนเปน็ จำนวนมากมักไดร้ ับการพิจารณาทจ่ี ะเสนอเปน็ ขา่ วมากกว่า ข่าวท่ีวา่ น้ีอาจเปน็ ผลกระทบกระเทือนทาง เศรษฐกจิ สงั คม ฯลฯ 6. ความขดั แย้ง (Conflict) ความขดั แยง้ ยอ่ มเปน็ ที่สนใจของคนทัว่ ไป อาจเป็นความขัดแยง้ ทางดา้ นการเมือง เศรษฐกจิ และสงั คม 7. ความมเี ง่ือนงำ (Suspense/Mystery) บางครงั้ เหตุการณ์ทเ่ี กดิ ขึ้นอาจมีเบ้อื งหลังลึกลับซับซ้อน หนงั สอื พมิ พจ์ ึงมกั ให้ความสนใจขุดคยุ้ และนำมาตีแผ่เสนอเปน็ ข่าวติดต่อกนั เปน็ เวลาหลายวนั เพราะผอู้ ่านให้ความสนใจ 8. ปุถชุ นสนใจ (Human Interest) ข่าวทกี่ อ่ ให้เกิดความรู้สกึ สะเทือนอารมณส์ ว่ นใหญม่ ักเปน็ ขา่ วอาชญากรรมทผี่ ู้อ่านสนใจอยากรู้ สาเหตุท่แี ท้จรงิ เน่ืองมาจากอะไร 9. เพศ (Sex) ธรรมชาติของมนษุ ย์มกั ให้ความสนใจเกย่ี วกับเพศ ทง้ั เพศเดียวกันและตา่ งเพศ หรือความ ผิดปกตทิ างเพศ 10. ความขบขนั (Amusement) ขา่ วขบขนั อาจจะเกิดจากการกระทำของตลกเองหรือ จากเหตุการณ์อ่ืนๆที่ผู้อ่านเห็นแลว้ เกดิ อารมณผ์ ่อนคลาย 11. ความเปลีย่ นแปลง (Change) สงั คมมนุษยย์ ่อมมีการเปล่ยี นแปลงอยเู่ สมอ อาจเปน็ ความเปล่ยี นแปลงในทางทดี่ ีหรอื ไมด่ ีกไ็ ด้ และมีผลกระทบต่อประชาชนท้งั ทางตรงและทางอ้อม 12. ความก้าวหนา้ (Progress)

เกดิ ขน้ึ จากการค้นควา้ ทดลองทางวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี นอกจากองค์ประกอบตา่ งๆท่กี ลา่ วมาแลว้ ยงั มีความแตกต่างของการนำเสนอข่าวของหนงั สอื พิมพ์ แต่ละฉบบั ทีข่ ึน้ อยู่กบั ปัจจยั ต่อไปน้ี 1. นโยบายของหนงั สือพิมพ์ หนังสอื พิมพ์แต่ละฉบับจะมแี นวนโยบายทแี่ ตกตา่ งกันหนังสือพมิ พ์ บางฉบับอาจมีนโยบายหรือจุดยืนทจ่ี ะเปน็ แนวร่วมกบั กล่มุ การเมืองหรอื กลุ่มพลังบางกลุ่ม บางฉบับมจี ุดยนื หรอื นโยบายทอี่ าจจะเปล่ียนไปตามลกั ษณะของปัญหาสาธารณะโดยเลอื กที่จะสนับสนนุ คกู่ รณแี ต่ละฝา่ ยใน การแก้ไขปัญหาสาธารณะนัน้ ๆ ในขณะที่บางฉบบั อาจจะวางเฉย ไมเ่ ปน็ แนวร่วมกบั กลุ่มใดกลุ่มหน่งึ เลย 2. ประเภทของหนงั สือพิมพ์ อาจแบ่งหนังสือพิมพ์ออกได้เปน็ สองประเภทโดยใช้เน้อื หาเป็น เครือ่ งวดั ได้แก่ หนังสือพิมพ์ประเภทเนน้ คุณภาพ ได้แก่ หนังสือพิมพ์ท่ีเสนอข่าวประเภทท่ผี ูอ้ ่านไดร้ ับความ พอใจจากการอ่านช้า หรอื เน้นหนักไปในไปในทางใหค้ วามรแู้ ละประสบการณ์แก่ผู้อ่าน เชน่ การเมือง เศรษฐกิจ ส่ิงแวดล้อม เทคโนโลยี เป็นต้น หนังสือพมิ พป์ ระเภทประชานยิ ม ได้แก่ หนังสือพิมพท์ ่ีเสนอข่าวท่ี ผู้อา่ นได้รบั ความพอใจจาการอา่ นอย่างรวดเรว็ ไดแ้ ก่ ข่าวประเภทอาชญากรรม ข่าวบันเทงิ ขา่ วกีฬา เปน็ ตน้ ตัวอย่างเช่น หนงั สอื พิมพ์มติชน สยามรัฐ และไทยโพสต์ ใช้เนอ้ื ทีส่ ่วนใหญเ่ สนอข่าวการเมืองหรือขา่ วราชการ สว่ นหนงั สอื พิมพไ์ ทยรฐั เดลนิ ิวส์ ขา่ วสด เนน้ ข่าวชาวบ้าน ข่าวการเมือง ส่วนข่าวตา่ งประเทศกม็ ีแตน่ ้อย ทั้งน้ี ยกเว้นขา่ วสำคญั บางขา่ วเทา่ นน้ั หนงั สือพมิ พฐ์ านเศรษฐกิจ ประชาชาตธิ ุรกิจ เน้นขา่ วสารดา้ นธรุ กจิ การเงนิ การคลงั เปน็ ต้น 3. เน้ือทข่ี องหนังสือพมิ พ์ ความจำกัดในเรื่องเนือ้ ที่ของหนังสือพิมพ์อาจสง่ ผลให้ข่าวบางขา่ วถูก ตดั ออกไป ไม่ได้รบั การคดั เลือกให้มาตีพมิ พ์ เพราะข่าวอ่นื มีคุณคา่ ข่าวทีส่ ูงกว่า ทำใหต้ ้องเลอื กขา่ วท่ีมีคุณค่า ข่าวสงู กว่าและลดหลน่ั กนั ไปในการนำไปตีพิมพ์ 4. ทศั นคตขิ องเจ้าของและกองบรรณาธิการ เน่ืองจากเจ้าของหนังสือพมิ พแ์ ละกองบรรณาธกิ าร ที่มีทศั นคติดตี ่อเหตกุ ารณ์หรือข้อเท็จจริงต่อขา่ วใด ข่าวน้นั อาจไดร้ บั การสนบั สนุนให้เป็นข่าวเดน่ โดยการวาง ตำแหนง่ ขา่ ว การพาดหวั ข่าวใหญเ่ พื่อเพิ่มสีสัน 5. กฎหมายที่เก่ียวกับหนงั สอื พิมพ์ ในประเทศเสรีประชาธิปไตยน้นั มักจะใช้กฎหมายเป็น เครื่องมอื ควบคุมการปฏบิ ตั หิ นา้ ที่ของหนงั สือพิมพ์ ให้อยู่ในขอบเขต มใิ ห้ไปละเมิดสิทธสิ ่วนบคุ คลของผู้อนื่ รวมทั้งปกป้องมิใหผ้ ลประโยชน์ของประเทศชาตติ ้องกระทบกระเทือนจากการกระทำหน้าทข่ี องหนังสือพมิ พ์ ดว้ ย แตก่ ฏหมายบางประเทศก็ไดใ้ หอ้ ำนาจเจา้ หน้าที่สง่ั ปิดหนังสือพมิ พไ์ ด้ ดังนัน้ หนงั สือพมิ พ์จงึ พยายาม หลกี เล่ียงการละเมิดต่อกฎหมายโดยเลยี่ งถอ้ ยคำที่หม่ินเหม่ต่อการถกู ฟ้อง ไปใชถ้ ้อยคำอ่ืนที่มีความหมายไม่ รุนแรงนักแต่เน้ือหาของขา่ วยงั ครบถว้ นสมบรู ณ์ หรือบางฉบบั ไมก่ ลา้ เส่ยี งจึงอาจพิจารณาไมเ่ สนอข่าวน้นั เลยก็ มี กฎหมายท่ีเกย่ี วกับหนงั สอื พมิ พ์ เช่น พรบ. การพมิ พ์ 2484 6. โฆษณา นับว่าเปน็ รายได้หลกั ของธรุ กจิ หนังสือพิมพ์ เปน็ รายได้มาจากการขายเนื้อทโ่ี ฆษณา ดงั นั้นการคัดเลือกขา่ วจึงจำเปน็ ต้องคำนึงถงึ เน้ือท่โี ฆษณา ซง่ึ อาจจะลดเน้อื ที่ของขา่ วลง ทำให้ขา่ วบางข่าว ไม่ได้รับการคัดเลือกมาตีพิมพ์ในหนงั สอื พิมพ์

7. ระดบั ความสนใจของผูอ้ า่ น นอกจากรายได้จากการขายเนอื้ ทีโ่ ฆษณาแล้ว การซ้ือของผอู้ ่านก็ มีผลกับการกำหนดเนอ้ื หาและขา่ วหนงั สอื พิมพ์ ซึง่ สอดคล้องกบั รสนยิ มหรือระดบั การอ่านท่แี ตกต่างไปตาม สภาพแวดล้อม การศึกษา สังคม เศรษฐกจิ ดังน้นั การคัดเลอื กขา่ ว และการจัดลำดับความสำคญั จึงต้อง คำนงึ ถงึ ระดับความสนใจของผอู้ ่านด้วย เพราะผอู้ ่านเป็นผู้สนบั สนุนหนังสอื พมิ พ์ดว้ ยการซ้ือยิ่งจำนวนเพิ่มมาก ขน้ึ เทา่ ใดรายได้ก็เพ่ิมมากข้นึ เทา่ น้ัน 8. เวลา หากมเี หตกุ ารณใ์ ดท่เี กิดขนึ้ กะทนั หนั และเป็นสิ่งที่ได้รับความสนใจจากผู้อ่านกจ็ ะมีการ ตดั ข่าวอื่นท้ิงเพื่อนำเน้ือที่มาเสนอข่าวดังกลา่ วแทน เพื่อทันต่อเหตกุ ารณ์ 9. ระบบการเมือง การปกครอง เศรษฐกจิ และสังคม เป็นปัจจยั ทท่ี ำใหก้ ารคัดเลือกขา่ วและการ จดั ลบั ความสำคญั ของข่าวแตกต่างกนั จะเหน็ ไดว้ า่ การเสนอข่าวของหนังสือพิมพ์ในประเทศท่มี ีการปกครอง การเมือง เศรษฐกิจและสงั คมแบบเสรปี ระชาธิปไตยย่อมมีอิสระและเนน้ ความเป็นจรงิ มากกว่าประเทศสงั คม นิยมทีไ่ มม่ อี สิ ระเพยี งพอในการเสนอขา่ วและมักเน้นการโฆษณาชวนเชอื่ มากกวา่ ความเป็นจริง 10. การตรวจต้นฉบบั ลว่ งหน้า ยอ่ มมีผลกระทบต่อการคัดเลือกขา่ วและการจดั ลำดบั ความสำคญั ของข่าวอยา่ งหลีกเลย่ี งไม่ได้ แม้วา่ การตรวจต้นฉบบั ลว่ งหน้าจะกระทำได้หลายรูปแบบซง่ึ ข้นึ อยู่ กบั สถานการณ์ของการปกครองและสภาพสังคมในขณะน้ัน เชน่ ภาวะท่ีมกี ารเปล่ียนแปลงการปกครอง ซ่ึงจะ เป็นลกั ษณะของการเอื้ออำนวยตอ่ สถานการณ์ของการปกครองและสภาพสังคมในขณะนั้นเท่านัน้ จะไม่ คำนงึ ถงึ ความต้องการหรือความสนใจของผ้อู ่านหรือประชาชนแต่อยา่ งใด ประเภทของขา่ ว 1. การแบง่ ตามระดับของข่าว 1.1 ขา่ วหนัก (Hard News) หมายถึง ข่าวท่มี ักจะมคี วาม ซับซ้อนยากต่อการทำความ เขา้ ใจ เช่น ขา่ วการเมอื ง เศรษฐกิจ ธรุ กิจ 1.2 ข่าวเบา (Soft News) เรื่องราวท่ีเน้นให้เกิดความ บันเทงิ สบายใจ เป็นขา่ วทคี่ น ท่วั ไปให้ ความ สนใจ เช่น ข่าว อาชญากรรม ข่าวสังคม ข่าว บนั เทงิ ขา่ วตลกขบขนั 2. แบง่ ตามระดับความรูส้ ึกตอบสนองของผู้อ่าน 2.1 ข่าวที่ผรู้ ับสารมปี ฏิกิรยิ าตอบสนองทันที (Immediate Reward News) ข่าวท่ีทำให้ผูอ้ ่าน

เกิดปฏกิ ริ ยิ าตอบสนองทันที หลงั จากการอา่ น ไมว่ ่าเป็นความรู้สกึ พงึ พอใจ ดีใจ เศร้า เสียใจ ตื่นเตน้ หวาดเสียว เป็น ข่าวท่ีผอู้ ่านสามารถเข้าใจได้ง่ายโดยไม่จำเปน็ ตอ้ งใช้ความรู้ ความคดิ มาก ไม่จำเป็นต้องมภี ูมิ หลังของข่าว 2.2 ข่าวทผ่ี ูร้ บั สารมอี ารมณต์ อบสนองชา้ (Delayed Reward News) ขา่ วทผี่ ู้อา่ นต้องใช้ความรู้ ความคดิ เพอื่ ทำความเขา้ ใจกับเร่ืองราวทป่ี รากฏในขา่ ว ทำผอู้ ่านเกิดการตอบสนองทางความรู้สกึ ช้าไดแ้ ก่ ขา่ วการเมือง เศรษฐกจิ การศึกษา ปัญหา สาธารณะ เทียบไดก้ ับข่าวหนัก (Hard News) 3. แบง่ ตามวิธกี ารรวบรวมข่าว 3.1 ขา่ วที่ต้องสื่อขา่ ว (Active News) ขา่ วทผี่ ู้ส่ือข่าวตอ้ งออกไป แสวงหาหรอื รวบรวมมา ดว้ ย ตนเอง 3.2 ข่าวที่ไม่ต้องส่ือข่าว (Passive News) ขา่ วทีม่ ผี ้สู ง่ มายงั ผู้ส่ือขา่ ว กอง บรรณาธกิ าร หรือ องค์กร ส่ือมวลชน โดยผสู้ ่ือข่าวไม่ตอ้ งออกไปแสวงหา หรอื รวบรวมดว้ ยตนเอง ขา่ วประเภท นไี้ ดแ้ ก่ ขา่ วแจก (News Release) 4. แบง่ ตามประเภทของเน้ือหาข่าว 1. ขา่ วอาชญากรรม 2. ข่าวการเมอื ง 3. ขา่ วศาล 4. ข่าวอบุ ตั ิเหตุ เพลงิ ไหม้ และภัยพิบตั ิ 5. ขา่ การประชุม 6. ข่าวปาฐกถา และสุนทรพจน์ 7. ข่าวเศรษฐกจิ ธุรกจิ อตุ สาหกรรม เกษตรกรรม ตลาดหุ้น การเงนิ การ ธนาคาร และแรงงาน 8. ข่าวการศกึ ษา วิจยั วทิ ยาศาสตร์ และสิ่งแวดล้อม 9. ข่าวสังคม 10. ขา่ วสตรี 11. ขา่ วบนั เทิง 12. ข่าวกีฬา

13. ทางด้านไอที ยานยนต์ ฯลฯ 5. การแบง่ ประเภทของข่าวตามพ้ืนท่ี 5.1 ขา่ วในประเทศ ขา่ วทีเ่ กดิ ขน้ึ ภายในประเทศ ทกุ ภูมภิ าคและ ทุกจังหวดั หรอื กล่าวไดว้ า่ เป็น ขา่ วที่ เกิดข้ึนทุก พ้นื ทขี่ องประเทศ ทัง้ นี้ข่าวในประเทศสามารถ แบ่งออกตามพ้นื ท่ีได้เป็น 2 ส่วน คือข่าว ส่วนกลาง และขา่ วส่วนภมู ภิ าค 5.2 ขา่ วต่างประเทศ ขา่ วที่เกดิ ขึ้นในประเทศต่างๆ ท่วั โลกปกติขา่ ว ประเภทนี้เปน็ ข่าวท่ีอาศัย แหล่งข่าวจากสำนักข่าวตา่ งๆ มากกวา่ จะสง่ ผสู้ ือ่ ข่าวออกไปทำข่าวเอง ยกเวน้ ในกรณีท่เี ป็นเหตุการณส์ ำคัญ ๆ เชน่ การแข่งขนั กีฬาระดบั ภูมิภาคหรือระดับโลก ขา่ วปลอม (Fake News) 1. ความหมายขา่ วปลอม หมายถงึ ขา่ วทีม่ ีเนอ้ื หาอันไม่เป็นข้อเทจ็ จริง หลอกหลวง หรอื ข่าวสรา้ ง สถานการณ์ รวมถึงการเขียนขา่ วทีไ่ ด้รับการสนบั สนุนอยา่ งปดิ บังหรือแอบแฝง ซึ่งนำเสนอในสื่อสงั คมและ แพลตฟอรม์ ออนไลน์อื่น ๆ 2. ลกั ษณะของขา่ วปลอม ข่าวปลอมมากมาย ท่ีเผยแพร่ออกไปสรา้ งความบิดเบือน ความเขา้ ใจผดิ และความตน่ื ตระหนกั ใหแ้ ก่ประชาชนท่วั ไปน้นั เราสามารถจำแนกกว้างๆได้ถึง 10 ประเภทด้วยกนั เลยนะ คะ แลว้ แต่ละประเภททำขนึ้ มาเพื่ออะไร? มเี จตนาแอบแฝงรา้ ยแรงแค่ไหน? มาทำความร้จู ักและรเู้ ท่าทันข่าว ปลอมไปพร้อม ๆ กนั ได้ทนี่ ี่เลยคา่ 2.1.ขา่ วพาดหัวยวั่ ใหค้ ลิก (Clickbait) : เปน็ ขา่ วท่ใี ช้คำหรือรปู ภาพพาดหัวที่ทำใหด้ ูชวนสงสัยใคร่ รู้ หรือดงึ ดดู ใจใหผ้ ู้ใชง้ านอนิ เทอร์เนต็ ท่วั ไปคลิกเขา้ ไปอ่าน. ผ้สู ร้างขา่ วอาศัยประโยชน์จากความสงสัย โดยให้ ข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ พอชวนใหผ้ อู้ ่านสงสยั แต่ไม่พอจะขจัดความสงสยั นัน้ จนต้องคลกิ เข้าไปดเู น้ือหานน้ั ๆ ท้ังทเ่ี น้ือขา่ วอาจไม่คำนงึ ถึงคุณภาพหรือ ความถูกต้องของข้อมลู แต่การพาดหัวทำให้คนหลงกลดลึกเข้าไปเพือ่ เรียกยอดวิวในเว็บไซต์นัน่ เอง 2.2.โฆษณาชวนเช่อื (Propaganda) : เปน็ การนำเสนอข้อมูลข่าวสารท่มี ุง่ ชกั จูงทัศนคติของผูร้ ับ สาร

ตอ่ อุดมการณห์ รอื มุมมองบางอย่างโดยการนำเสนอการให้เหตุผลเพยี งขา้ งเดียว การโมษณาชวนเชอ่ื มกั ทำซ้ำ และกระจายในส่ือหลายชนดิ เพอื่ หวงั ผลให้ผู้รับสารเชื่อและคลอ้ ยตามอุดมการณ์ทผ่ี ู้ส่งสารต้องการสื่อ 2.3.ขา่ วแฝงการโมษณา (Sponsored content , Native Advertsing) : รปู แบบโฆษณาทใ่ี ช้ รูปแบบ เนอ้ื หาแนบเนียนกับเนือ้ หาปกตใิ นเว็บไชต์นน้ั ๆ พร้อมทำหน้าทีใ่ ห้เนอื้ หาทค่ี นต้องการรับรู้ หรอื รับชม โดยไม่ ทราบวา่ เปน็ โฆษณาจนกว่าจะได้อา่ น/ดูจบ ขา่ วแฝงการโฆษณานี้จะทำการแฝง (Tie-in) เรอ่ื งราวของแบรนด์ และสินค้าไมม่ ากเกินไป ทำให้คนอา่ นหรือคนเสพสื่อน้นั รู้สกึ วา่ ไมไ่ ตอ้ า่ นโฆษณาอยู่ 2.4.ข่าวลอ้ เลยี นและเสียดสี (Satire and Hoax) : ขา่ วท่ีดดั แปลงข้อมูลเพ่ือม่งุ สรา้ งอารมณข์ นั ใหก้ บั ผอู้ า่ น ใชเ้ นอ้ื หาท่ีตลกขบขนั เพื่อแสดงความคดิ เห็นเกีย่ วกับเหตุการณ์ขา่ วในโลกแห่งความเปน็ จรงิ ผ่านการ ลอ้ เลยี นหรอื เสียดสี 2.5.ข่าวท่ผี ิดพลาด (Error) : บางคร้ังแมแ้ ตข่ ่าวท่ีเผยแพร่จากสำนกั ข่าวออนไลน์ทเ่ี ชอ่ื ถอื ได้ ก็ อาจมี ความผดิ พลาดไดเ้ ช่นกัน เช่น การเขียนข้อความทีผ่ ดิ ชอื่ บุคคลหรอื รปู ภาพผิดจากเน้อื ข่าวจรงิ ๆ ซงึ่ ทำใหผ้ ู้รบั สารเข้าใจไปในทศิ ทางอื่น หรือไม่เข้าใจในขา่ วนัน้ 2.6.ข่าวเอนเอียงเลือกข้าง (Partisan) : เป็นขา่ วบดิ เบือนข่าวสาร มักจะเลือกข้างโดยนำเสนอข่าว วพิ ากษ์วิจารณ์ในทางลบต่อฝ่ายที่ตนเองไม่ชอบ ในขณะท่ีฝา่ ยท่ตี นเองสนบั สนนุ จะเสนอขา่ วชน่ื ชมเกินจริง โดยเฉพาะดา้ นการเมือง 2.7.ทฤษฎสี มคบคิด (Conspiracy theory) : เปน็ เรอื่ งเลา่ หรือบทความทส่ี ร้างขน้ึ มาจาก ความคดิ ของคน หรอื กลุ่มคนที่นำเหตุการณต์ ่าง ๆ ท่เี กิดข้นึ มาปะติดปะต่อเขา้ ดว้ ยกัน. โดยอาศยั ข้อมูลท่ีไม่มคี วาม เชือ่ มโยงกนั และอาจมวี ตั ถุประสงคซ์ ่อนเรน้ เพ่ือใหป้ ระโยชน์ ใหโ้ ทษตอ่ บคุ คลหรือกลุ่มบุคคลหนึ่งใด เชน่ เครือ่ งบนิ ที่หายไปน้ันโดน CIA ยึดไว้ เพราะตอ้ งการของสำคญั ที่อยใู่ นเครื่องบนิ เป็นตน้ 2.8.วทิ ยาศาสตร์ลวงโลก (Pseudoscience) : คือ ข้อเขยี นทีอ่ า้ งวา่ เป็นทงั้ วทิ ยาศาสตร์และ ข้อเท็จจรงิ แต่จริง ๆ แล้วขัดแยง้ หรอื เข้ากันไม่ไดก้ ับกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ หรอื ไม่มีหลกั ฐานหรอื ความ เป็นไปได้ใด ๆมาสนับสนุน มักจะมาในรูปแบบของบทความทางการแพทยห์ รือบทความสขุ ภาพท่ีแฝงโฆษณา ยารักษาหรือ อปุ กรณ์เพือ่ สุขภาพ โดยแอบอ้างวา่ ได้ผ่านการวิจัยทางวทิ ยาศาสตร์แล้ว มกี ารสรา้ งภาพ ผู้เช่ยี วชาญขึ้นมา เพ่ือให้ดนู ่าเชอ่ื ถอื 2.9.ข่าวท่ใี ห้ขอ้ มูลผิด ๆ (Misinformation) : คอื ข่าวที่ไม่ไดต้ รวจสอบใหแ้ น่ชดั เสียก่อน ข้อมลู อาจมี

ทงั้ จรงิ และเทจ็ ผสมกัน ผู้ส่งสารต้งั ใจจะสง่ ขา่ วออกไป แต่อาจจะไม่ไดต้ ระหนกั วา่ ข่าวนั้นมขี ้อมลู ที่ผดิ พลาดอยู่ เชน่ ขา่ วลอื ตา่ งๆ 2.10.ข่าวหลอกลวง (Bogus) : คือ ข่าวปลอมท่ีเจตนาในการสรา้ งข้นึ มาและจงใจใหแ้ พร่กระจาย มี วัตถปุ ระสงคเ์ พื่อหลอกลวง อาจมเี น้อื เรื่อง ภาพ หรอื ขอ้ มูลตา่ ง ๆ ท่เี ปน็ เทจ็ มาประกอบกนั อาจรวมถงึ การ แอบอ้างเปน็ แหล่งขา่ วหรอื บุคคลท่ีอยู่ในเหตกุ ารณ์ทุกวธิ ีการท่จี ะทำใหข้ า่ วนน้ั ดูเปน็ ข่าวปลอมท่สี มบรู ณ์มาก ขน้ึ 3. ประเภทของข่าวปลอม 1.Satire or Parody เสียดสหี รอื ตลก ยกตัวอยา่ งเช่น เพจตลก เพจล้อเลียน พระนพดล, ข่าวปด, The Doubble Standard ต่าง ๆ ท่ีทกุ คนก็จะดรู ู้ ว่าเป็นเพจที่ทำขึ้นมาเพื่อล้อเลียน ทำให้มีพิษมภี ัยน้อยทส่ี ุดเน่ืองจากทางผจู้ ัดทำเองก็ ไม่ไดม้ ีเจตนาในการ สรา้ งความเข้าใจผิดหรือมีวตั ถุประสงคต์ ้องการให้คนมาเชอ่ื 2.False connection เช่อื มโยงเน้อื หาไมถ่ ูกตอ้ ง คอื การทส่ี องสงิ่ ไม่ไดเ้ กยี่ วขอ้ งกนั เลยแตถ่ ูกนำมากลา่ วถงึ ในขา่ วเดียวกันหรอื ทำให้มาเช่ือมโยงกัน สิ่งนี้เกิดจาก ความไมร่ ู้ ไมเ่ ข้าใจของคนเขยี นข่าวหรือทำคอนเทนต์ หรือเกิดจาก การพยายามหารายได้ ตัวอย่างของคอน เทนต์ทเี่ ปน็ False Connection กเ็ ชน่ “นำ้ มะนาวรักษาโรคมะเร็ง” หรือบทความท่ีชอบข้นึ วา่ “งานวจิ ยั เผย …” แล้วกลายเป็นว่าโยงไปขายของ หรือข่าวโลกแตกทง้ั หลาย 3.Misleading ทำใหเ้ ข้าใจผิด คือการเขียนข่าวหรอื ทำคอนเทนต์โดย จงใจใหเ้ ขา้ ใจผิด หรือการใช้คำอย่างนึงเพ่ืออธบิ ายอีกอยา่ งนึง พอโดน จับไดก้ จ็ ะแถว่ากเ็ ข้าใจผิดเองทั้ง ๆ ทตี่ อนแรกคือหวงั ใหเ้ ขาเข้าใจผิดอยู่แล้ว โดยส่วนใหญว่ ตั ถุประสงค์คอื ชวนเชอ่ื หรอื หวงั ผลทางการเมือง ตวั อย่างของคอนเทนต์ Misleading เราจะพบเหน็ ได้บ่อยกับพวกข่าว การเมือง 4.False Context ผดิ ที่ผดิ ทาง คอื การที่เอาสงิ่ ท่ีเกิดขนึ้ จริง เชน่ รปู , ข้อความ, คำพูด แตเ่ อามาใช้แล้วพูดถึงอีกเร่ืองนึง เช่น การเอารูปภัย ธรรมชาตใิ นตา่ งประเทศมาแล้วเขียนบอกว่าเกิดขึ้นทป่ี ระเทศไทย

5.Impostor แหลง่ ทเ่ี ปน็ เท็จ คอื การรายงานข่าวแบบปกติ แลว้ ถา้ ไม่ตรวจสอบดี ๆ กจ็ ะไมร่ เู้ ลยวา่ เปน็ Fake News รปู แบบของมนั คือการ อ้างไปยงั บุคคลหรอื แหลง่ ขา่ วเช่น คนน้ีกล่าวไว้ว่า, นายกกล่าวไวว้ ่า หรอื คนนู้นคนนี้เคยกลา่ วไวว้ า่ แตจ่ ริง ๆ แลว้ เป็นการท่คี นทำคอนเทนตห์ รือคนเขยี นข่าวคดิ หรือมโนขนึ้ มาเอง โดยจดั ให้ Imposter เปน็ ความรุนแรง ระดับท่ี 5 คือสรา้ งความเข้าใจผิดและความขัดแย้งในระดบั วงกว้างได้ 6.Manipulated ปลอม ตัดต่อ คือการปลอมหรือตดั ต่อ ความรุนแรงของมันคอื ถา้ ไม่สงั เกตเราจะดไู มอ่ อก การตดั ต่อน้ีรวมถึงการตดั ต่อภาพ, เสยี ง, วิดโี อ หรือแม้กระทั่งการเอา logo ของสำนกั ขา่ วทีน่ ่าเช่ือถอื มาใส่ ตวั อย่างของ Manipulated Content ก็เช่น การตดั ต่อสร้างเร่อื ง ตัดแปะ 7.Fabricated ปลอมทุกอย่าง 100% คอื ข้นั ท่ีรนุ แรงท่สี ุดของ Fake News ตัวอยา่ งของมนั เช่นการปลอมมันท้งั เว็บ เชน่ การปลอมเปน็ ข่าวสด ปลอมเป็นไทยรัฐ หรือการปลอมเปน็ บุคคล แลว้ รายงานขา่ ว อันนีร้ า้ ยแรงมาก เนอื่ งจากคนก็จะเขา้ ใจวา่ เปน็ สำนักข่าวนน้ั จริง ๆ ถ้าคนท่ไี ม่รกู้ ็จะดูไม่ออกเลยวา่ เป็นเวบ็ ข่าวปลอม ในไทยก็เคยมีกรณีนเี้ กิดข้ึนหลายคร้ัง แลว้ ตรงนก้ี ็ต้องอาศยั ทุกคนชว่ ยกันตรวจสอบ 4. กระบวนการเกิดข่าวปลอม 1. ล้อเลียน เสียดสี ผสู้ ร้างขา่ วปลอมต้องการใหเ้ กิดความขบขัน โดยการล้อเลียนหรือเสียดสี ผู้ มี อำนาจ คนท่ีมชี ่อื เสียง หรอื เหตกุ ารณ์ปัจจบุ ัน เน่ืองจากเปน็ การง่าย กว่าท่ีทำให้ผู้อ่านสนใจทตี่ วั บุคคล แทนท่ี จะเป็นการเสนอความเหน็ หรือ อภิปรายเรอ่ื งนโยบายท่ซี บั ซ้อน เช่น ขา่ วลอ้ เลียนในหนงั สือพิมพผ์ ู้จัดกวน 2. สร้างอิทธพิ ลต่อความคดิ ความเชอื่ ผ้สู รา้ งขา่ วปลอมอาจมีอคติ หรือ มที ัศนคติทเ่ี อนเอียง เลือกขา้ ง จงึ ต้องการช้ีนำผอู้ ่านให้คล้อยตามโดน การบดิ เบอื นข้อมูล เนอ้ื หาข่าวอาจ จะเป็น การชนื่ ชมบุคคลหรอื ฝา่ ยที่ ตนเองชอบเกินจริง หรือใสร่ ้ายฝ่าย ตรงขา้ ม เชน่ การพาดหัวข่าวท่ีใส่ “ความเหน็ ส่วนตัว” ลงไปในลกั ษณะ ชีน้ ำผูอ้ า่ น ถึงแมเ้ นอ้ื หาของข่าวนั้น จะมีความจริงอย่บู ้าง 3. สรา้ งรายได้ ที่สำคญั ข่าวปลอมสามารถสร้าง รายได้ให้คนทำได้ ในการแข่งขนั ทางการเมือง หรือ ทางธรุ กิจ อาจมี ผวู้ ่าจ้างให้คนทำขา่ วปลอมเพ่ือ ใสร่ า้ ยฝ่ายตรงขา้ มดว้ ยการบดิ เบอื น ข้อมลู และเผยแพร่ใน โลกออนไลน์ ในโลกอินเทอร์เน็ต ขา่ วทม่ี ีคนเข้าไป อา่ นมากจะทำรายไดจ้ ากโฆษณา ยิง่ คนเข้าไปอา่ นข่าวมาก เทา่ ไหร่ ก็ยิง่ เพิ่มโอกาสท่ีโฆษณาในหนา้ น้นั จะถูกเห็น และทำให้ผ้ดู ูแลเว็บไซต์นน้ั ๆ มีรายได้ ผูด้ แู ลจงึ มักใช้ พาดหวั ขา่ วในลักษณะคลิกเบท ในบางกรณี ผู้สรา้ ง ขา่ วปลอมหลอกให้ผู้อ่านชมคลปิ ขา่ วปลอมเป็นจำนวน หลักหมื่น แล้วเวบ็ ไซต์ เหล่าน้ีได้ควบคุมบญั ชีเฟซบุ๊กของผู้หลงเข้าไปเพ่อื ไปใชป้ ระโยชน์ทางการค้า พอกดดู

คลปิ ก็จะต้องลงชอื่ เขา้ ใช้ เฟซบุ๊ก พอกดอนญุ าตในเฟซบุ๊ก คนสรา้ ง เว็บปลอมนัน้ ก็จะใชเ้ ฟซบุ๊ก ของเหยื่อเป็นบอท (หนุ่ ยนต์) และนำไปเป็น ใช้เป็นส่วนหนง่ึ ของกองทัพไลค์ของเขา เพอ่ื ขายไลค์อกี ต่อหน่งึ 5. ความแตกต่างระหวา่ งขา่ วจรงิ กบั ขา่ วปลอม ข่าวจริง ข่าวปลอม • มาจากแหลง่ ขา่ วทน่ี ่าเชือ่ ถือ • มาจากเวบ็ ไซต์ท่ไี ม่คนุ้ ชื่อ • พาดหัวมีทศิ ทางเดียวกบั เน้ือข่าว • พาดหัวเร้าอารมณ์หรือไม่ไป ทางเดียวกบั เนื้อขา่ ว • มชี อ่ื ผรู้ ับผดิ ชอบหรือผ้เู ขียนขา่ ว • ไม่มชี ือ่ ผ้เู ขยี นขา่ ว • URL เข้ากันได้กบั แหล่งข่าว • URL ดูแปลก ๆ หรือเข้ากนั ไมไ่ ด้ กบั แหลง่ ข่าว • บอกวันทีท่ ล่ี งข่าว • อาจลงวนั ท่เี ก่า ๆ หรอื ไม่ได้ บอกเลย • เมื่อกดเขา้ ไปดลู ิงค์อื่น ๆ สามารถ ยอ้ นไป • ไม่สามารถกดล้งิ ค์ย้อนไปหา แหลง่ ขา่ วตน้ สังกัดได้ ท่แี หลง่ ขา่ วตน้ สังกัดได้ 6. ผลกระทบของข่าวปลอม 1. ผลกระทบต่อความคดิ และความเชอ่ื เปน็ ผลกระทบท่ีชดั เจนและสำคญั ทส่ี ดุ เพราะว่า ข้อมลู ข่าวสารมีอิทธิพลต่อโลกทัศน์ต่อผู้อ่าน และผู้รับสาร ตดั สนิ ใจบนพ้ืนฐานของข้อมลู ที่ได้รับ พวกเขาจะมี ทศั นคติต่อผ้คู นและต่อเหตุการณ์อยา่ งไรก็ขึ้นกบั ว่าเขาไดร้ ับข้อมลู แบบไหน ถ้าข้อมูลที่พวกเขาไดร้ บั เป็นขา่ ว ปลอม ขา่ วบดิ เบือน หรือข่าวท่กี ขุ ้ึนมา พวกเขาก็ไม่สามารถใชก้ ารวิจารณญาณได้ถูกต้อง เน่ืองจากขาด ข้อเทจ็ จริง และส่งผลต่อการตดั สินใจ ของพวกเขา ไม่วา่ จะเปน็ การตัดสินใจระดบั ชาติ เช่น การเลือกตั้ง หรือ ระดบั สว่ นตวั เชน่ การเลอื ก ใชย้ าสมุนไพรรกั ษามะเรง็ 2. ผลกระทบด้านการเงนิ และสขุ ภาพ ขา่ วปลอม ท่ีถูกสร้างข้ึนโดยมีรายได้เป็นแรงจงู ใจจะ ชักจงู ให้ ผู้รบั สารจ่ายเงินเพ่ือสินคา้ และบริการ และหาก สินค้าและบริการนั้นไม่ได้คณุ ภาพก็อาจส่งผลเสยี ตอ่ รา่ งกายและสุขภาพของผ้หู ลงเชื่อดว้ ย เช่น ขา่ วปลอมทช่ี ักชวนใหค้ นอา่ นมาลงทนุ เพ่ือจะได้ รับผลตอบแทนที่ ฟังดเู กนิ จริง หรอื โฆษณาผลติ ภัณฑ์ ลดความอว้ นทีน่ ำเสนอในรปู แบบของวิทยาศาสตร์ ลวงโลกใหค้ นคล้อย ตาม กอ็ าจทำใหผ้ ้หู ลงเชอ่ื ไม่เพียง เสียเงนิ แตย่ งั ส่งผลเสียต่อร่างกายอีกดว้ ย 3. ผลกระทบดา้ นอารมณ์ความรสู้ กึ ขา่ วคลิกเบท อาจสร้างความหงดุ หงดิ ใหผ้ ้อู ่าน เม่ือ พบวา่ เนอ้ื ขา่ ว ไม่ได้มีอะไรนา่ สนใจอยา่ งท่ีรปู ภาพหรือพาดหัวดึงดูด ใหเ้ ข้ามาอ่าน ข่าวปลอมทีส่ ร้างขนึ้ มาดว้ ย ความคกึ คะนองก็อาจทำใหผ้ ู้อา่ นเกิดความกลัวและวิตก กังวล เชน่ ขา่ ว พยากรณ์อากาศ ภัยพบิ ตั ทิ ี่ไมม่ ีมูล ความจริง หรอื ขา่ วแกลง้ กนั เล่นว่ามฆี าตกรโรคจิต กำลงั ออกอาละวาดในละแวกบา้ น 4. ผลกระทบด้านทัศนคติ ข่าวปลอมท่เี อนเอยี ง เลอื กข้าง หรอื ข่าวชน้ี ำอาจสร้างอคตแิ ละ ทศั นคติ เชิงลบแก่บคุ คลหรือกล่มุ คนที่ถูกใสร่ ้ายอยา่ งไม่เป็น ธรรม เช่น โฆษณาชวนเช่อื ทางการเมือง ข่าว

ต่อต้าน รฐั บาล หรอื ข่าวท่สี ร้างความเกลยี ดชังต่อคนทม่ี ี อัตลักษณ์ทางสงั คมที่แตกตา่ งจากคนส่วนใหญ่ เชน่ กลมุ่ เกย์ ชาวมสุ ลิม หรอื คนต่างด้าว 5. ผลกระทบดา้ นความรุนแรง ข่าวลอื ทเ่ี รา้ อารมณ์และโจมตใี สร่ ้ายบุคคลอาจก่อให้เกดิ ความรนุ แรง ผทู้ ่ีถูกกล่าวหาอาจจะถูกกลัน่ แกล้ง ทางออนไลน์เพราะความเข้าใจผิด หรอื อาจถูก ข่มขู่ คุกคาม และทำรา้ ยในชีวิตจริงได้ เชน่ ใน อนิ เดีย เม่ือปี 2018 มรี ายงานผเู้ สียชีวิต อย่างน้อย 29 คน จากการถูกฝงู ชน รุมทำร้าย ผ้เู สยี ชวี ติ สว่ นใหญ่มักถูกลือวา่ เป็นพวกลักพาตัวเดก็ โดย ผู้ทำรา้ ยได้รับข่าวปลอมท่ีส่งต่อกนั ทาง อนิ เทอรเ์ น็ต และเขา้ ใจผิด 6. ผลกระทบตอ่ ส่ือวชิ าชีพ ข่าวปลอมสร้าง ความเสยี หายตอ่ ช่อื เสียงเว็บไซตท์ ่ีถูกเลียนแบบ นบั ตัง้ แต่ช่วงปี 2016 หนังสือพิมพไ์ ทยรฐั ขา่ วสด และมติชน ตา่ งเขา้ แจง้ ความกับเวบ็ ไซต์เลยี นแบบ เพื่อ หลอกลวงผูอ้ า่ น โดยปัญหาหนงึ่ ในการรับมือ กับเวบ็ ปลอมคือ องคก์ รส่ือมักจะรูต้ วั ก็ต่อเมือ่ เวบ็ ปลอมเหล่านี้ ไดถ้ ูกส่งต่อและสรา้ งความสบั สน กับผอู้ ่านเรยี บรอ้ ยแลว้ 7. ผลกระทบดา้ นสงั คม เม่อื ข่าวปลอมท่ีเก่ียวข้องกับประเดน็ สำคญั ในสงั คมแพรร่ ะบาด คน ในสังคมจะขาด “ขอ้ เทจ็ จรงิ ” ท่ี ตอ้ งใชใ้ นการวเิ คราะห์ อภปิ รายและตดั สินใจในเรื่องนนั้ ๆ ส่งผล ทำใหเ้ กิด ความสับสน การแบ่งฝา่ ยและสร้างความขดั แย้งในสังคม เพราะแตล่ ะฝา่ ยรับรู้ชดุ ของขอ้ มูลท่ตี ่างกัน ขา่ ว ปลอมยังส่งผล ต่อการตดั สนิ เลือกตั้งของผู้มีสทิ ธิ์โหวต เมอ่ื ข้อมลู ผิด ๆ ไดถ้ กู เผยแพร่ ดังเช่นในสหรฐั อเมรกิ า ขา่ วปลอมแพร่ออกมาวา่ สันตะปาปาสนับสนนุ ผสู้ มัครประธานาธิบดคี นหน่งึ ข่าวปลอม อกี แหล่งก็เสนอว่าผู้ ทา้ ชงิ อีกคนมปี ญั หาด้านสุขภาพอยา่ งรา้ ยแรง ทำใหค้ นอเมริกันสบั สนในขอ้ เทจ็ จรงิ ขา่ วปลอมทีป่ ล่อยออกมา เช่นนี้อาจเปลี่ยนใจผมู้ ีสิทธล์ิ งคะแนนเสยี งในทิศทางตา่ ง ๆ ได้ ข่าวโฆษณาชวนเชือ่ ของรฐั บาลเองก็มีผลกระทบ ต่อความคดิ ของสงั คมเช่นกนั เชน่ ข่าวช้นี ำชกั ชวนให้ลงประชามตริ ับรา่ ง รฐั ธรรมนูญไปกอ่ นหากต้องการให้ ประเทศมีการเลือกตั้งโดยเร็ว และทำใหป้ ระชาชนลดความสนใจทีจ่ ะอ่านเนอ้ื หาของร่าง รัฐธรรมนญู และสนใจ การเลอื กต้งั มากกวา่ 7. การตรวจสอบก่อนการแชร์ 1 . ดูความน่าเชื่อถือของเน้ือหาและการอ้างอิง ควรอ้างอิงทีม่ า ข้อมลู ที่กล่าวถึงอย่างชัดเจน เช่น สถานท่ี เวลา บุคคลทีส่ ามที่กล่าวถงึ หากไมร่ ะบขุ ้อมลู ใด ๆ อาจะเป็นไปไดว้ ่าต้ังใจเผยแพรข่ า่ วปลอม 2 . ตง้ั ขอ้ สงั เกตเบ้ืองต้น วา่ มเี ว็บไซตห์ รอื แหลง่ ข่าวอ่ืนท่ีมีข่าวในลักษณะเดยี วกนั หรือไม่ แหล่งขา่ วไดม้ ีการตรวจสอบความถกู ต้องก่อนนำเสนอขา่ วหรือไม่ 3.เชก็ ภาพจากข่าวเก่า ข่าวปลอมอาจใส่ภาพจากข่าวเกา่ ใหด้ นู า่ เชอื่ ถือ สามารถนำ \"ภาพ\" มา คน้ หาขอ้ มลู จาก TinEye หรือ Google โหมดค้นรปู อย่างไรก็ตามอาจตรวจสอบได้ในบางกรณีเท่าน้นั 4.ตรวจสอบชอื่ ข่าวหรอื เน้ือความในข่าวมาค้นหาใน Search Engine อาจพบเว็บไซต์แจ้ง เตือน

วา่ ข่าวดังกล่าวเปน็ ข่าวปลอม หรือเมอ่ื พจิ ารณาดวู ันท่เี ผยแพร่ขา่ ว อาจพบว่าเปน็ ขา่ วจริง แต่เผยแพรแ่ ล้วเม่ือ อดีต 5. สอบถามหน่วยงานหรอื สำนักข่าวทน่ี ่าเชอ่ื ถือ เชน่ ศนู ย์ต่อตา้ นข่าวปลอมประเทศไทย หรอื ศนู ย์ขา่ วชัวรก์ อ่ นแแชร์ สำนกั ขา่ วไทย ให้ช่วยตรวจสอบแหล่งท่ีมาเพ่ือความมั่นใจ

แผนการจดั การเรียนรรู้ ายภาค คร้งั ท่ี 8 เรอ่ื ง อาชญากรรมบนโลกออนไลน์ เวลาเรยี น 6 ชวั่ โมง แนวคิด อาชญากรรมออนไลน์ ความหมาย ประเภทของอาชญากรรมออนไลน์อาชญากรรมไซเบอร์(Hacker) สาเหตุของปัญหา อาชญากรรมออนไลน์และแนวทางการป้องกัน วิธีการเจาะหรือทำลายระบบคอมพิวเตอร์และการป้องกัน บทลงโทษการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และรูปแบบ การเกดิ การคกุ คามทางเพศออนไลน์ (Cyber Sexual Harassment) การป้องกันตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์การป้องกันอาชญากรรมออนไลนค์ วามแตกต่างของ สอ่ื ออนไลนท์ ี่จริงและปลอม และวธิ กี ารป้องกันการถูกหลอกจากชอ่ งทางต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ กรณีศกึ ษา : อาชญากรรมบนโลกออนไลนศ์ ึกษาวเิ คราะห์กรณีศึกษา : อาชญากรรม บนโลกออนไลน์ ตวั ชีว้ ัด 1. บอกความหมายของอาชญากรรม ออนไลน์ได้ 2. ระบปุ ระเภทต่าง ๆ ของ อาชญากรรมออนไลนไ์ ด้ 3. บอกความหมายและ ประเภท แรงจูงใจของอาชญากรรมไซเบอร์ (Hacker) ในรูปแบบต่าง ๆ ได้ และ บอกวิธีการปอ้ งกันการโจรกรรม ข้อมลู จากอาชญากรรมไซเบอร์ (Hacker) 4. บอกบทลงโทษการกระทำ ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ พ.ศ.2560 ได้ 5. บอกความหมาย ลักษณะ รูปแบบ ของการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา การละเมิดทรัพย์สินทาง ปัญญาบน เครือข่ายออนไลน์ท้ังในประเทศไทย และต่างประเทศ และบทลงโทษการ ละเมิดทรัพย์สินทาง ปญั ญาบน เครือขา่ ยออนไลนไ์ ด้ เนื้อหา 1. ความหมายของ อาชญากรรมออนไลน์ 2. ประเภทของ อาชญากรรมออนไลน์ 3. อาชญากรรมไซเบอร์ (Hacker) 3.1 ความหมายของ อาชญากรรมไซเบอร์ (Hacker) 3.2 ประเภทแรงจงู ใจ ของอาชญากรรมไซเบอร์ (Hacker)

3.3 วิธีป้องกันการ โจรกรรมข้อมูลจาก อาชญากรรมไซเบอร์ (Hacker) 4. บทลงโทษการกระทำ ความผิดตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 4.1 พ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ พ.ศ.2560 4.2 บทลงโทษจากการ กระทำความผิด 5. การละเมิดทรัพยส์ นิ ทาง ปัญญา 5.1 ความหมายการ ละเมิดทรัพยส์ ินทางปัญญา 5.2 ลักษณะการละเมิด ทรัพยส์ นิ ทางปัญญา 5.3 รูปแบบการละเมิด ทรัพย์สนิ ทางปัญญา 5.4 การละเมิดทรัพยส์ ิน ทางปัญญาบนเครือขา่ ย ออนไลน์ในประเทศไทย 5.5 การละเมดิ ทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญาบนเครือข่าย ออนไลน์ในตา่ งประเทศ 5.6 บทลงโทษการ ละเมิดทรัพยส์ นิ ทางปญั ญา บนเครือข่ายออนไลน์ ข้นั ตอนการจัดกระบวนการเรยี นรู้ ขั้นตอนที่ 1 การสรา้ งแรงบันดาลใจ ( Passion : P ) 1. ครูทักทายผู้เรียน พร้อมทั้งแนะนำตนเองและแผนการจัดการเรียนรู้ซ่ึงการจัดการเรียนรู้ท่ีผู้เรียน จะต้องเรียนรู้ร่วมกันในคร้ังนี้ คือ เร่ือง “การป้องกันตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์” และชวนคิดชวน คยุ เกย่ี วกับเรื่องท่ีจะเรียนรู้เพื่อกระตุน้ ให้ผู้เรียนเกิดความสนใจและมีความกระตือรือร้นในการเชอื่ มโยงและสรา้ ง ความพร้อมท่จี ะเรียนรู้หรอื ทำกจิ กรรมการเรียนรูต้ ามแผนการจดั การเรยี นรคู้ รง้ั นี้ 2. ให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนเรื่อง “การป้องกันตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์” โดย ใช้เวลา 10 นาที 3. ครูชี้แจงวัตถุประสงค์ เน้ือหา กิจกรรม การวัดและประเมินผลของการเรียนรู้ในคร้ังน้ี ที่ สอดคล้องกับตัวชี้วัดตามแผนการจัดการเรียนรู้คร้งั นี้ เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ให้ บรรลุตัวชี้วัด ที่กำหนดตามแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1 เร่ือง “การป้องกันตนเองจากอาชญากรรมบนโลก ออนไลน์”ในครั้งน้ี โดยให้นักศึกษาทำใบงานท่ี 1 จำนวน 2 ข้อ อธิบายความสำคัญ ความหมายและประเภท ของอาชญากรรมบนโลกออนไลน์ 4. ครูให้ผู้เรียนศึกษา เร่ือง “การป้องกันตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์” พร้อมทั้งแนะนำ แหล่งศึกษาค้นคว้าเพ่ิมเติมจากอินเทอร์เน็ต ซ่ึงผู้เรียนสามารถไปเรียนรู้ได้ด้วยตนเองและทำกิจกรรมตามท่ี ได้รับมอบหมายด้วย ท้ังน้ีครูควรจะช้ีแจงให้ผู้เรียนทราบว่าในการพบกลุ่มตามแผนการจัดการเรียนรู้ครั้งน้ี ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้และทำกิจกรรมท่ีสอดคล้องกับเน้ือหาที่เรียน โดยปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ การศึกษา คลิปวดิ ีโอใน Youtube หรือ สื่อออนไลนอ์ ื่นๆ ขั้นตอนท่ี 2 การนำไปใช้ประโยชน์ (Utilization : U)

1. ครูให้ผู้เรียนแลกเปล่ียนเรียนรู้ โดยแบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ กลุ่มละ 4 – 5 คน ดำเนินกิจกรรม เป็นรายกลุ่ม ศึกษาเน้ือหา เรื่อง “การป้องกันตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์” โดยค้นหาจากสื่อ ออนไลนต์ า่ ง ๆ 1) เรือ่ งความหมายประเภทและอาชญากรรมออนไลน์ 2) เรอ่ื งพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 3) เรอ่ื งการละเมิดทรพั ยส์ ินทางปญั ญา ให้แต่ละกลุ่มแลกเปล่ียนเรียนรู้ และส่งผู้แทนนำเสนอต่อกลุ่มใหญ่ครูและผู้เรียนสรุปผลการเรียนรู้ รว่ มกัน และให้ผู้เรียนสรปุ สิ่งทไี่ ดเ้ รียนรลู้ งในสมุดบนั ทกึ ผลการเรยี นรู้ของตน 2. ครูแนะนำแหล่งเรียนรู้ให้กับผู้เรียนเพ่ือใช้เป็นเคร่ืองมือในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง อาทิ ห้องสมุดแหล่งเรียนรู้ในชุมชน หน่วยงาน สถานศึกษาต่าง ๆ รวมทั้งการใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อการเรียนรู้ด้วย ตนเอง เป็นต้น 3. ครูดำเนินการทำหน้าที่นำการอภิปราย โดยให้ผู้เรียนกลุ่มใหญ่ร่วมกันแสดงความคิดเห็น คิด วิเคราะห์ อภิปราย และวิเคราะห์ให้ข้อมูลเพ่ิมเติมในเน้ือหาหรือประเด็นที่ยังไม่ชัดเจน ตามรายละเอียดที่ ผู้เรียนได้แลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกัน หากผู้เรียนกลุ่มใหญ่หรือครูเห็นว่ายังไม่สมบูรณ์ มีความต้องการในการ เรียนรู้เพ่ิมเติม ครูจะช่วยเติมเต็มความรู้ให้กับผู้เรียน หลังจากนั้นครูและผู้เรียนสรุปส่ิงท่ีได้เรียนรู้ในภาพรวม ท้งั หมดแล้วให้ผู้เรยี นสรุปส่ิงที่ได้เรยี นรูล้ งในสมุดบันทกึ การเรียนรขู้ องตน หมายเหตุ : ในการดำเนินกิจกรรมกลุ่ม ครูช้ีแจงบทบาทหน้าที่ในการทำงานให้ผเู้ รียนได้มีความรับผิดชอบรว่ มกัน ในการทำงาน ซึ่งมอบหมายให้ผู้เรียนดำเนินการแต่งต้ังประธานหรือผู้นำในการอภิปรายแลกเปล่ียนเรียนรู้ และการมอบหมายให้มีผู้รับผิดชอบในภารกิจต่างๆ รวมถึงการแต่งตั้งเลขานุการของกลุ่มเป็นผู้จดบันทึกและ ผู้รักษาเวลา เพ่ือปฏิบัติงานของกลุ่มใหญ่ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ท่ีตั้งไว้ และพิจารณาว่าสมาชิกลุ่มทุกคน ควรมีความเข้าใจตรงกันว่า ตนมีบทบาทหน้าที่ท่ีจะต้องช่วยให้กลุ่มทำงานได้สำเร็จ ครูควรให้คำแนะนำถึง ความสำคัญของการให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มมีส่วนร่วมในการอภิปรายอย่างท่ัวถึง ไม่ให้มีการผูกขาดการ อภิปรายโดยผ้ใู ดผู้หนึง่ และควรมกี ารจำกดั เวลาของการอภปิ รายแตล่ ะประเด็น ในระหว่างการทำกิจกรรมของผู้เรียน ครูมีบทบาทในการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน คอย กระตุ้นผู้เรียนให้เกิดความกระตือรือร้นในการเรียนรู้โดยบันทึกลงในแบบบันทึกพฤติ กรรมการเรียนรู้ของ ผู้เรียน และเครอ่ื งมอื ประเมินการสังเกตแบบประมาณคา่ ขน้ั ตอนท่ี 3 การสะท้อนความคดิ จากการเรยี นรู้ ( Reflection : R ) 1. ให้ผเู้ รยี นแตล่ ะกลุ่มนำเสนอ 1) เรื่องความหมายประเภทและอาชญากรรมออนไลน์ 2) เรื่องพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 3) เรอ่ื งการละเมิดทรพั ย์สนิ ทางปัญญา

2. ครูเปิดโอกาสให้ผู้เรียนท้ังกลุ่มร่วมกันสนทนา เพ่ือให้ผู้เรียนมีทักษะในการฟัง พูด คิดวิเคราะห์ การทำงานรว่ มกับผู้อื่น การคิดสร้างสรรค์ ความรบั ผิดชอบ และการนำความรูใ้ นเนอื้ หามาใช้ โดยครบู รู ณาการ เน้อื หาการเรียนรู้ มกี ารใช้สอ่ื เทคโนโลยีที่เป็นคลปิ วิดีโอจาก youtube และ TikTok ทีส่ ัมพนั ธ์กบั เนื้อหา ท้ังนี้ ครูเชื่อมโยงสิ่งท่ีได้เรียนรู้ตามข้ันตอนท่ี 1 ในการนำความรู้ไปสู่การปฏิบัติและประยุกต์ใช้ผ่านคลิปวิดีโอ โดย ค รู เปิ ด ค ลิ ป วิ ดี โ อ “เรื่ อ ง ค ว า ม ห ม า ย ป ร ะ เภ ท แ ล ะ อ า ช ญ า ก ร ร ม อ อ น ไ ล น์ ” จ า ก https://www.youtube.com/watch?v=mWJaQAvMkio เว ล า 6 .5 8 น าที “เรื่อ งพ .ร.บ . คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560” https://www.youtube.com/watch?v=-E8dPqCKa94 เวลา 4.34 นาที และ “เรื่องการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา” https://www.youtube.com/watch?v=fXtkCDe1ui4 เวลา 4.34 นาที หลงั จากนนั้ ครู ดำเนินการ ดงั นี้ (1) ครูบรรยายเนื้อหาตามใบความรู้สำหรับครู “เร่ืองความหมายประเภทและอาชญากรรม ออนไลน์” เพ่ือใช้สำหรับประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ “เรื่องความหมายประเภทและอาชญากรรม ออนไลน์” ในส่วนของผู้เรียนให้ศึกษาใบความรู้สำหรับผู้เรียน ประกอบการบรรยายของครูตามใบความรู้ สำหรบั ผู้เรียน “เรื่องความหมายประเภทและอาชญากรรมออนไลน์” (2) ครูอธิบาย “เรอื่ งพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560” พร้อมท้งั ให้ผเู้ รยี นได้แลกเปล่ียนเรียนรู้ โดยให้ผู้เรียนต้ังประเด็นข้อสงสัย หรือส่ิงท่ีต้องการเรียนรู้ และเช่ือมโยงสู่การนำไปใช้ในชีวิตจริงของผู้เรียน ต่อไป (3) ครูอธิบาย “เร่ืองการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา” พร้อมท้ังให้ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยให้ผู้เรียนต้ังประเด็นข้อสงสัย หรือส่ิงที่ต้องการเรียนรู้ และเชื่อมโยงสู่การนำไปใช้ในชีวิตจริงของผู้เรียน ต่อไป 3. ครใู หผ้ ูเ้ รียนสะทอ้ นความคดิ ในการเรยี นรู้ที่ไดจ้ ากการเรียนรู้ จากขัน้ ตอนที่ 1 ถึง ข้นั ตอนที่ 3 นี้ ขั้นตอนที่ 4 การตดิ ตามประเมินและแกไ้ ข (Action : A) 1. ให้ผเู้ รียนทำแบบทดสอบหลงั เรยี น จำนวน 10 ขอ้ โดยใช้เวลา 15 นาที 1) เรือ่ งความหมายประเภทและอาชญากรรมออนไลน์ 2) เรอื่ งพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 3) เรอื่ งการละเมดิ ทรพั ยส์ ินทางปัญญา 2. ครแู ละผู้เรียนสรปุ ภาพรวมสงิ่ ทไ่ี ดเ้ รียนรูร้ ว่ มกัน นอกจากน้ี ในตอนท้ายของการพบกลุ่ม หลังจากเสร็จส้ินขั้นตอนท่ี 3 ครูการมอบหมายงานให้ เรียนรู้ด้วยตนเอง รายละเอยี ดดังนี้ การมอบหมายงานใหเ้ รยี นร้ดู ว้ ยตนเอง 1. ครูชี้แจงให้ผู้เรียนทราบว่า ในการพบกลมุ่ แต่ละครั้งผู้เรียนจะได้รบั มอบหมายงานให้ไปเรียนรู้ด้วยวิธีเรียนรู้ ด้วยตนเองในลักษณะท่ีครูจะมอบหมายงานให้ผู้เรียนไปศึกษาจากสื่อต่าง ๆ “เร่ืองสาเหตุของปัญหา

อาชญากรรมออนไลน์ และแนวทางการป้องกัน” “เร่ืองวิธีการเจาะหรือทำลาย ระบบคอมพิวเตอร์และการ ป้องกนั ” “เรือ่ งรูปแบบการเกดิ การ คุกคามทางเพศออนไลน์ (Cyber Sexual Harassment)” หมายเหตุ : ให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเอง ซ่ึงการให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วย ตนเองนน้ั อาจมคี วามแตกต่างกันบ้างในขน้ั ตอน โดยพิจารณาจากพืน้ ฐานของผ้เู รยี น ในกรณีท่ีผู้เรียนมีพ้ืนฐาน นอ้ ยหรือไม่มีพน้ื ฐานมาก่อนก็ควรจัดการเรียนร้พู น้ื ฐานท่จี ำเป็นและพอเพียงกับผู้เรียน หลงั จากน้ันให้ผู้เรยี นได้ ปฏิบัติด้วยตนเองในช่วงระยะหน่ึงแล้วจึงค่อยให้ผู้เรียนคิดหัวข้อท่ีอยากจะทำ หรือถ้าผู้เรียนมีพ้ืนความรู้มา กอ่ นแลว้ ให้คิดหวั ขอ้ ทส่ี นใจจะทำและให้ลงมอื ปฏิบัตไิ ด้ ส่ือวัสดอุ ุปกรณ์ และแหลง่ การเรียนรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรยี น 1) เรื่องความหมายประเภทและอาชญากรรมออนไลน์ 2) เร่ืองพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 3) เรือ่ งการละเมิดทรพั ยส์ ินทางปญั ญา 2. คลปิ วดิ ีโอ “เรอื่ งความหมายประเภทและอาชญากรรมออนไลน์” https://www.youtube.com/watch?v=mWJaQAvMkio เวลา 6.58 นาที “เร่ืองพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560” https://www.youtube.com/watch?v=-E8dPqCKa94 เวลา 4.34 นาที “เรื่องการละเมดิ ทรพั ย์สินทางปญั ญา” https://www.youtube.com/watch?v=fXtkCDe1ui4 เวลา 4.05 นาที 3. ใบความรูส้ ำหรับผเู้ รยี น 1) เรอ่ื งความหมายประเภทและอาชญากรรมออนไลน์ 2) เรอื่ งพ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ พ.ศ.2560 3) เรื่องการละเมิดทรพั ย์สนิ ทางปัญญา 4. PowerPoint สำหรับครู 1) เรอ่ื งความหมายประเภทและอาชญากรรมออนไลน์ 2) เร่ืองพ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ พ.ศ.2560 3) เรอ่ื งการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา 5. แบบทดสอบหลงั เรียน 1) เรื่องความหมายประเภทและอาชญากรรมออนไลน์ 2) เรอื่ งพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 3) เรอื่ งการละเมิดทรัพย์สนิ ทางปัญญา 6. แบบประเมินความพงึ พอใจของนักเรยี นตอ่ การจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน

การวดั และประเมนิ ผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมการมีสว่ นร่วม ความตง้ั ใจ และความสนใจของผเู้ รยี น 2. ผลการทดสอบกอ่ นและหลังเรียน 3. ผลการประเมินความพึงพอใจของผเู้ รยี น รายละเอยี ดส่ือ วสั ดุ อปุ กรณ์ และแหล่งการเรยี นรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 1) เร่อื งความหมายประเภทและอาชญากรรมออนไลน์ 2) เรอ่ื งพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 3) เรอื่ งการละเมดิ ทรพั ย์สนิ ทางปัญญา 2. คลปิ วิดีโอ “เร่อื งความหมายประเภทและอาชญากรรมออนไลน์” https://www.youtube.com/watch?v=mWJaQAvMkio เวลา 6.58 นาที “เรอ่ื งพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560” https://www.youtube.com/watch?v=-E8dPqCKa94 เวลา 4.34 นาที “เรื่องการละเมดิ ทรพั ยส์ นิ ทางปัญญา” https://www.youtube.com/watch?v=fXtkCDe1ui4 เวลา 4.05 นาที 3. ใบความรสู้ ำหรับผู้เรียน 1) เรอ่ื งความหมายประเภทและอาชญากรรมออนไลน์ 2) เรอ่ื งพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 3) เรอ่ื งการละเมิดทรพั ย์สนิ ทางปญั ญา 4. PowerPoint สำหรับครู 1) เรอื่ งความหมายประเภทและอาชญากรรมออนไลน์ 2) เรือ่ งพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 3) เรอ่ื งการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา 5. แบบทดสอบหลังเรยี น 1) เรอ่ื งความหมายประเภทและอาชญากรรมออนไลน์ 2) เรื่องพ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ พ.ศ.2560

3) เรื่องการละเมดิ ทรพั ยส์ ินทางปัญญา 6. แบบประเมนิ ความพงึ พอใจของนักเรยี นต่อการจัดกจิ กรรมการเรียนการสอน ใบความรู้ เรอ่ื ง อาชญากรรมบนโลกออนไลน์ อาชญากรรมออนไลน์ ความหมาย การกระทำผิดทางอาญาในระบบคอมพิวเตอร์ หรือการใช้ คอมพิวเตอร์เพื่อกระทำผิดทางอาญา เช่น ทำลาย เปลี่ยนแปลง หรือขโมยข้อมูลต่าง ๆ เป็นต้น ระบบ คอมพวิ เตอร์ในทีน่ ้ี หมายรวมถึงระบบเครอื ขา่ ยคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ทเี่ ช่อื มกับระบบดังกลา่ วดว้ ย อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ คอื 1.การกระทำการใด ๆ เกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์ อันทำให้เหยื่อได้รับความเสียหาย และผู้กระทำ ไดร้ บั ผลประโยชน์ตอบแทน 2.การกระทำผิดกฎหมายใด ๆ ซ่ึงใช้เทคโนโลยี คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือและในการสบื สวนสอบสวน ของเจา้ หน้าท่เี พอื่ นำผูก้ ระทำผดิ มาดำเนนิ คดี ตอ้ งใช้ความรู้ทางเทคโนโลยเี ช่นเดียวกนั การประกอบอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ได้ก่อให้เกิดความเสียหาย ต่อเศรษฐกิจของประเทศจำนวน มหาศาล อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ จึงจัดเป็นอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือ อาชญากรรมทางธุรกิจ รปู แบบ หนึง่ ทมี่ คี วามสำคญั ประเภทของอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ อาชญากรคอมพิวเตอร์จะก่ออาชญากรรมหลายรูปแบบ ซ่ึงปัจจุบันทั่วโลกจัดออกเป็น 9 ประเภท (ตามข้อมูลคณะอนุกรรมการเฉพาะกจิ ร่างกฎหมายอาชญากรรมคอมพิวเตอร)์ 1. การขโมยข้อมลู ทางอินเตอร์เนต็ ซ่ึงรวมถึงการขโมยประโยชน์ในการลกั ลอบใชบ้ ริการ 2. อาชญากรนำเอาระบบการส่ือสารมาปกปดิ ความผิดของตนเอง 3. การละเมดิ สิทธ์ปิ ลอมแปรงรปู แบบ เลียนแบบระบบซอพตแ์ วรโ์ ดยมชิ อบ 4. ใชค้ อมพิวเตอร์แพรภ่ าพ เสยี ง ลามก อนาจาร และข้อมูลท่ีไม่เหมาะสม 5. ใชค้ อมพวิ เตอรฟ์ อกเงิน

6. อันธพาลทางคอมพิวเตอร์ท่ีเช้าไปก่อกวน ทำลายระบบสาราณูปโภค เช่น ระบบจ่ายน้ำจ่ายไฟ ระบบการจราจร 7. หลอกลวงใหร้ ว่ มคา้ ขายหรือลงทนุ ปลอม 8. แทรกแซงข้อมูลแล้วนำขอ้ มูลนั้นมาเป็น)ระโยชน์ต่อตนโดยมิชอบ เช่น ลกั รอบค้นหารหสั บตั ร เครดติ คนอน่ื มาใช้ ดักข้อมลู ทางการค้าเพ่อื เอาผลประโยชนน์ ัน้ เปน็ ของตน 9. ใช้คอมพวิ เตอร์แอบโอนเงินบญั ชผี อู้ ืน่ เข้าบัญชตี ัวเอง อาชญากรคอมพิวเตอร์ อาชญากรคอมพิวเตอร์ คือ ผู้กระทำผิดกฎหมายโดยใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็นส่วนสำคัญ มีการ จำแนกไว้ดงั น้ี 1. พวกมือใหม่ (Novices) หรือมือสมัครเล่น อยากทดลองความรู้และส่วนใหญ่จะมิใช่ผู้ ท่ีเป็นอาชญากร โดยนิสัย มิได้ดำรงชีพโดยการกระทำผิด อาจหมายถึงพวกท่ีเพิ่งได้รับความไว้วางใจให้เข้าสู่ระบบเครือข่าย คอมพิวเตอร์ 2. Darnged person คือ พวกจิตวิปริต ผิดปกติ มีลักษณะเป็นพวกชอบความรุนแรง และอันตราย มัก เปน็ พวกที่ชอบทำลายทุกสง่ิ ทขี่ วางหน้าไมว่ า่ จะเปน็ บคุ คล สิง่ ของ หรือสภาพแวดล้อม 3. Organized Crime พวกน้ีเป็นกลุ่มอาชญากรที่ร่วมมือกันทำผิดในลักษณะขององค์กรใหญ่ๆ ท่ีมีระบบ พวกเขาจะใช้คอมพิวเตอร์ท่ีต่างกัน โดยส่วนหน่ึงอาจใช้เป็นเคร่ืองหาข่าวสาร เหมือนองค์กรธุรกิจท่ัวไป อีก สว่ นหนึ่งก็จะใช้เทคโนโลยีเพ่ือเป็นตัวประกอบสำคัญในการก่ออาชญากรรม หรือใช้เทคโนโลยีกลบเกล่ือนร่อง รอ่ ย ใหร้ อดพน้ จากเจา้ หน้าที่ 4. Career Criminal พวกอาชญากรมืออาชีพ เป็นกลุ่มอาชญากรคอมพิวเตอร์ท่ีมีอยู่มาก กลุ่มนี้น่าเป็น หว่ งมากทส่ี ุด เน่อื งจากนบั วนั จะทวจี ำนวนมากข้ึนเรือ่ ยๆ โดยจบั ผิดแล้วจับผดิ เล่า บอ่ ยครั้ง 5. Com Artist คือพวกหัวพัฒนา เป็นพวกที่ชอบความก้าวหน้าทางคอมพิวเตอร์ เพ่ือให้ได้มาซ่ึง ผลประโยชน์ส่วนตน อาชญากรประเภทน้ีจะใช้ความก้าวหน้า เก่ียวกับระบบคอมพิวเตอร์ และความรู้ของตน เพอื่ หาเงนิ มชิ อบทางกฎหมาย 6. Dreamer พวกบา้ ลัทธิ เป็นพวกทคี่ อยทำผิดเน่ืองจากมีความเชือ่ ถอื ส่ิงหนึง่ สิง่ ใดอย่างรุน่ แรง 7. Cracker หมายถึง ผู้ท่ีมคี วามรู้และทกั ษะทางคอมพิวเตอรเ์ ป็นอย่างดี จนสามารถลักลอบเขา้ สรู่ ะบบได้ โดยมีวัตถุประสงค์เข้าไปหาผลประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง มักเข้าไปทำลายหรือลบไฟล์ หรือทำให้ คอมพวิ เตอรใ์ ชก้ ารไม่ได้ รวมถึงทำลายระบบปฏบิ ตั กิ าร

8. นักเจาะข้อมูล (Hacker) ผู้ท่ีชอบเจาะเข้าระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อ่ืน พยายามหาความท้าทายทาง เทคโนโลยเี ข้าไปในเครือข่ายของผู้อ่นื โดยท่ตี นเองไม่มีอำนาจ 9. อาชญากรในรูปแบบเดิมท่ีใช้เทคโนโลยีเป็นเคร่ืองมือ เช่นพวกลักเล็กขโมยน้อยที่ พยายามขโมยบัตร ATM ของผู้อืน่ 10. อาชญากรมืออาชีพ คนพวกนี้จะดำรงชีพจากการกระทำความผิด เช่นพวกที่มักจะใช้ ความรู้ทาง เทคโนโลยีฉอ้ โกงสถาบันการเงิน หรอื การจารกรรมขอ้ มลู ไปขาย เป็นต้น 11. พวกหัวรุนแรงคล่ังอุดมการณ์หรือลัทธิ มักก่ออาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ เพื่อ อุดมการณ์ทาง การเมอื ง เศรษฐกิจ ศาสนา หรอื สิทธิมนษุ ย์ชน เป็นต้น แหลง่ ท่ีมาจาก : บทเรียนบนเครอื ขา่ ยอินเตอร์เน็ต รายวิชาการงานอาชพี และเทคโนโลยี 5 ผพู้ ฒั นาเว็บ :: นายรัศมี พุดสีเสน โรงเรียนจตุรพกั ตรพมิ านรชั ดาภิเษก อำเภอจตุรพักตรพิมาน จงั หวดั รอ้ ยเอ็ด email :: [email protected] / http://www.cpr.ac.th/krunuii/01mal.html ใบความรู้ เรื่อง พ.ร.บ. คอมพวิ เตอร์ พ.ศ.2560 สรปุ 13 ข้อ สาระสำคญั จำง่ายๆ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2560 ถ้ายังจำกันได้ถึงการผลักด้น พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำความผิดเก่ียวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 ท่ีสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบเมื่อเดือนธันวาคม เม่ือปี 2559 และได้ ประกาศลงราชกจิ จานเุ บกษาเม่ือวันท่ี 24 มกราคม 2560 มีผลบังคับใช้แลว้ ในวันท่ี 24 พ.ค.2560 เพื่อการใช้ออนไลน์อย่างถูกกฎหมาย สำหรับสาระสำคัญท่ีหลายคนควรพึงระวังใน พ.ร.บ. ว่าด้วย กระทำความผดิ เกย่ี วกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 หรือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฉบับ 2 มสี าระสำคญั จำง่ายๆ ดงั นี้ 1. การฝากรา้ นใน Facebook, IG ถือเปน็ สแปม ปรบั 200,000 บาท 2. ส่ง SMS โฆษณา โดยไม่รับความยินยอม ให้ผู้รับสามารถปฏิเสธข้อมูลนั้นได้ ไม่เช่นนั้นถือเป็นส แปม ปรบั 200,000 บาท 3. สง่ Email ขายของ ถอื เปน็ สแปม ปรบั 200,000 บาท 4. กด Like ได้ไม่ผิด พ.ร.บ.คอมพ์ฯ ยกเว้นการกดไลค์ เป็นเรื่องเก่ียวกับสถาบัน เสี่ยงเข้าข่าย ความผดิ มาตรา 112 หรอื มีความผิดร่วม 5. กด Share ถือเป็นการเผยแพร่ หากข้อมูลท่ีแชร์มีผลกระทบต่อผู้อื่น อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพฯ์ โดยเฉพาะท่ีกระทบต่อบุคคลที่ 3 6. พบข้อมูลผิดกฎหมายอยู่ในระบบคอมพิวเตอรข์ องเรา แต่ไม่ใช่ส่ิงท่ีเจ้าของคอมพิวเตอร์กระทำเอง สามารถแจ้งไปยังหน่วยงานท่ีรับผิดชอบได้ หากแจ้งแล้วลบข้อมูลออกเจ้าของก็จะไม่มีความผิดตามกฎหมาย เช่น ความเห็นในเว็บไซต์ต่าง ๆ รวมไปถึงเฟซบุ๊ก ที่ให้แสดงความคิดเห็น หากพบว่าการแสดงความเห็นผิด กฎหมาย เม่ือแจ้งไปที่หน่วยงานทร่ี ับผิดชอบเพ่อื ลบได้ทนั ที เจ้าของระบบเวบ็ ไซตจ์ ะไม่มคี วามผิด

7.สำหรับ แอดมินเพจ ที่เปิดให้มีการแสดงความเหน็ เมื่อพบขอ้ ความท่ีผดิ พ.ร.บ.คอมพ์ฯ เมื่อลบออก จากพื้นท่ีท่ีตนดูแลแลว้ จะถอื เป็นผพู้ ้นผิด 8. ไมโ่ พสตส์ ง่ิ ลามกอนาจาร ท่ีทำใหเ้ กดิ การเผยแพร่ส่ปู ระชาชนได้ 9. การโพสเกย่ี วกบั เด็ก เยาวชน ตอ้ งปิดบงั ใบหนา้ ยกเวน้ เม่อื เปน็ การเชิดชู ชืน่ ชม อย่างให้เกียรติ 10. การให้ข้อมูลเก่ียวกบั ผู้เสียชีวิต ต้องไม่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียเช่ือเสียง หรือถูกดูหมิ่น เกลียดชัง ญาตสิ ามารถฟอ้ งร้องไดต้ ามกฎหมาย 11. การโพสต์ด่าว่าผู้อน่ื มีกฏหมายอาญาอยู่แล้ว ไม่มีขอ้ มูลจริง หรือถูกตัดตอ่ ผู้ถูกกล่าวหา เอาผิดผู้ โพสต์ได้ และมีโทษจำคุกไมเ่ กนิ 3 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท 12. ไม่ทำการละเมิดลิขสทิ ธผ์ิ ู้ใด ไมว่ ่าขอ้ ความ เพลง รูปภาพ หรือวิดโี อ 13. ส่งรปู ภาพแชร์ของผอู้ นื่ เช่น สวสั ดี อวยพร ไม่ผดิ ถา้ ไม่เอาภาพไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หารายได้ น่ีเป็นเพียงส่วนหน่ึงของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่มีผลบังคับใช้แล้ว ซึ่งยังมีอีกหลายประเด็นท่ีส่งผล กระทบต่อการใช้งานสื่อสงั คมออนไลน์ ดงั น้ันจึงควรรู้กฎกติกาการใช้งานไว้กอ่ น ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เราเส่ยี ง ต่อการทำผดิ กฎหมายได้ สามารถคลิกดาวน์โหลด และอ่าน พ.ร.บ. ฉบบั เต็มได้ ท่นี ่ี ทม่ี า : https://www.marketingoops.com/news/viral-update/computer-law/ เขียนโดย ฝ่ายเทคโนโลยสี ารสนเทศ บก.อก.บช.ส.

ใบความรู้ เรื่อง การละเมิดทรัพย์สินทางปญั ญา การละเมิดลิขสิทธิ์ หมายถึงการนําผลงานของผู้อื่นมาใช้ เผยแพร่ ดัดแปลง ทําซ้ำ โดยผู้เป็นเจ้าของ ผลงานไม่อนุญาตหรอื ไมไ่ ด้รบั ทราบ ปกตแิ ล้วกรรมสทิ ธิ์ และลิขสิทธข์ิ องผสู้ ร้างสรรค์โดยปริยาย โดยหลัก ๆ ทรัพย์สินทางปัญญาจะเกี่ยวข้องเพียง 3 เร่ือง เท่านั้น ได้แก่ ลิขสิทธ์ิสิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า ส่วนพระราชบัญญัติต่าง ๆ ทเ่ี ก่ยี วขอ้ งกับแผนผงั ภูมิวงจรรวม ความลับทางการค้า สิง่ บง่ ชี้ ภูมิศาสตร์ การคุ้มครองพันธ์ุพืช จะไม่ได้สอนในวิชากฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา แต่มีพระราชบัญญัติการ คุ้มครองกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาจะเก่ียวข้องกบั กฎหมายทรพั ย์สนิ ทางปัญญาคือ 1. พระราชบัญญัติเคร่ืองหมายการค้า (Trade Marks) เป็นเร่ืองเก่ียวกับเคร่ืองหมายการค้า 2. พระราชบัญญัติสิทธิบัตร (Patent) พระราชบัญญัติสิทธิบัตรของไทยจะครอบคลุมถึง สิ ท ธิ บั ต ร แ ล ะ ก า ร อ อ ก แ บ บ ผ ลิ ต ภั ณ ฑ์ Design) ท า ง WIPO ได้ แ ย ก Design อ อ ก ต่ า ง ห า ก และมีบางประเทศที่แยกกฎหมาย Design ออกตา่ งหากจากสทิ ธิบัตร แนวคิดการให้ความคุ้มครองทรัพยสินทางปญั ญา 1. เพอ่ื ตอบแทนความคดิ สร้างสรรค์ของบคุ คล 2. เพ่อื ส่งเสริมและจงู ใจให้สรา้ งสรรคผ์ ลงาน 3. เพอ่ื ส่งเสรมิ ใหส้ ่งเสริมให้มีการเปิดเผยความรู้สู่สังคม 4. เพ่อื ป้องกนั การแข่งขอั นั ไม่เป็นะรรม 5. กระต้นุ การแข่งขันโดยเสรี 6. เพอ่ื คุม้ ครองผู้บรโิ ภค 7. เพอ่ื รักษาผลประโยชนท์ างการค้าระหวา่ งประเทศ

สทิ ธิของเจ้าของทรพั ยส์ ินทางปญั ญา ผู้ทรงสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญามีสิทธิที่จะหวงกันไม่ให้ผู้อ่ืนมาใช้ผลงานทางปัญญาที่ตนได้ สร้างสรรคห์ รือพฒั นาขึ้น เรียกว่า สทิ ธิเดด็ ขาด หรอื สทิ ธแิ ตเ่ พียงผ้เู ดียว (Exclusive rights) มสี ิทธิจําหน่ายจ่ายโอนหรือทาํ ใหเ้ กดิ ภาระตดิ พันใด ๆ แกท่ รพั ยส์ ินทางปญั ญาของตน มีสิทธทิ ี่จะฟอ้ งคดีแพ่งหรือระงับการละเมดิ และเรยี กคา่ สินไหมทดแทน มสี ทิ ธใิ นการดําเนนิ คดอี าญาตามพระราชบัญญตั ิและประมวลกฎหมายอาญา 1. การกระทาํ อยา่ งใดอยา่ งหน่งึ ดงั ต่อไปนี้ 1.1 ทําซ้าํ หรือดดั แปลง ซง่ึ งานอนั มลี ขิ สทิ ธิ์ 1.2 เผยแพรต่ อ่ สาธารณชน ซ่งึ งานอันมีลขิ สทิ ธ์ิ 2. แกง่ านอนั มลี ขิ สิทธิ์ 3. โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธ์ิตามมาตรา 15 (5) ต้องระวางโทษปรับต้ังแต่20,000 ถึง 200,000 บาท (มาตรา 69) บทลงโทษ มคี วามผดิ ทัง้ ทางแพ่งและทางอาญา ผลกระทบของการละเมิดทรัพยส์ ินทางปัญญา - ทาํ ให้เกดิ การฟ้องรอ้ งดําเนนิ คดเี พื่อโต้แย้งสทิ ธิ์ในความเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาระหวา่ งกนั ข้ึน - ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจการส่งออกไทย ก่อให้เกิดความไม่น่าเช่ือถือแก่นานาชาติ เป็นเหตุให้ผู้ ส่งออกชาวไทยไม่สามารถส่งสินค้าไปจําหน่ายที่ต่างประเทศได้ ทําให้สูญเสียรายได้และลดการขยายตัวของ ตลาดส่งออก - ถูกกดดันจากต่างประเทศที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา ก่อให้เกิดความไม่ม่ันใจแก่นักลงทุนในการ ลงทนุ ภายในประเทศ - ผู้สร้างสรรค์ขาดแรงจูงใจในการสร้างสรรค์งานใหม่เนื่องจากการถูกลอกเลียนแบบ ส่งผลให้ขาดการ พัฒนานวัตกรรม ต้องนําเข้าความรู้และเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ทําให้การพัฒนาเศรษฐกิจเป็นไปอย่าง ลา่ ช้า วธิ ีการป้องกนั สทิ ธิในทรัพยส์ นิ ทางปัญญา - หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องหม่ันลงสํารวจพ้ืนที่เข้าข่ายที่จะมีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และ ดําเนินการปราบปรามการละเมิดหรือการกระทําที่ผิดกฎหมายเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจัง- จัด มาตรการคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา ณ จุดนําเข้า – ส่งออก ตัวอย่างเช่น สินค้าปลอมหรือเลียน เครอื่ งหมายการค้า หรอื สินค้าท่ที าํ ซํ้าหรือดัดแปลงงานอนั มลี ขิ สทิ ธ์ิ เป็นต้น - จัดอบรมให้ความรู้แก่เจ้าพนักงานตํารวจและเจ้าหน้าที่ กรมศุลกากรให้เข้าใจถึงสิทธิในทรัพย์สิน ทางปญั ญา

- ประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนทราบถึงการกระทําที่ถือเป็นการละเมิดซ่ึงสิทธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญา และโทษท่ีได้รับ เช่น จัดพิธีทําลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เพ่ือมิให้เกิดการกระทําอันเป็น เย่ียงอย่าง เป็นตน้ - รณรงค์ให้ประชาชนไม่สนบั สนนุ สนิ ค้าหรือผลติ ภณั ฑท์ ่ีเกดิ จากการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา แบบทดสอบ คร้ังที่ 1 คำชีแ้ จง ให้ผู้เรยี นเลือกคำตอบทถี่ กู ท่สี ดุ เพยี งขอ้ เดยี วแล้วทำเคร่ืองหมาย x ลงใน กระดาษคำตอบ 1. ขอ้ ใดคือความหมายของอาชญากรรมออนไลน์ ก.การกระทำผิดทางอาญาในระบบคอมพวิ เตอร์ ข.การกระทำผิดทางอาญา ค.การนำผลงานของผู้อนื่ มาใช้ เผยแพร่ ดัดแปลง ทำซ้ำ โดยผู้เป็นเจ้าของผลงานไม่อนุญาต ง. การละเมดิ ผลงานทรัพยส์ นิ ทางปญั ญา 2. อาชญากรรมออนไลน์ มีก่ีประเภท ก. 2 ประเภท ข. 4 ประเภท ค. 6 ประเภท ง. 8 ประเภท 3. พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผดิ เก่ยี วกับคอมพิวเตอร์ ฉบบั ที่ 2 พ.ศ.2560 ใหไ้ ว้ ณ วันทเ่ี ทา่ ไร่ ก. วนั ท2่ี 3 มกราคม 2560 ข. วนั ท2่ี 4 มกราคม 2560 ค. วนั ท2ี่ 5 มกราคม 2560 ง. วันท2ี่ 6 มกราคม 2560 4.พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผดิ เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ฉบับท่ี 2 พ.ศ.2560 บังคับใชเ้ มื่อพ้นกำหนดกี่วนั ก. 60วัน ข. 120 วนั ค. 180 วัน ง. 200วนั 5.ผทู้ ีก่ ระทำผดิ กฎหมายโดยใชเ้ ทคโนโลยคี อมพวิ เตอรพ์ วกใดคือผู้ทีม่ คี วามรู้และทักษะทางคอมพวิ เตอร์เป็น อยา่ งดี

ก. Darnged Person ข. Com Artist ค. Cracker ง. Dreamer 6. ขอ้ ใดจดั เป็น การละเมิดทรัพยส์ นิ ทางปญั ญา ก. แตงกวาฟังเพลงจากคล่นื FM 95 ข. ใบเตย ชมภาพยนตรเ์ ร่ือง เฮนร่ี พอรต์ เตอร์ ในโรงภาพยนตร์ ค. แสนดี ซอ้ื หนงั สือคมู่ ือเตรียมสอบจากรา้ นดวงกมล ง. ข้าวฟา่ ง ดาวนโ์ หลดภาพยนตร์จากอินเตอรเ์ นต็ 7. “เทปผี ซดี เี ถื่อน” เป็นการละเมิดทรัพยส์ นิ ทางปัญญาประเภทใด ก. เครื่องหมายการค้า ข. สิทธิบตั ร ค. อนุสทิ ธบิ ตั ร ง. ลขิ สิทธ์ิ 8.การยื่นจดลขิ สิทธิ์ออนไลนส์ ามารถดำเนนิ การไดท้ ่ีเว็บไซต์ใด ก.https://www.ipthailand.go.th ข.https://www.treasury.go.th ค.http://www.cgd.go.th ง.https://www.dopa.go.th 9. Cyber Bully คืออะไร ก.การกลนั่ แกลง้ การให้รา้ ย การด่าว่า การข่มเหง หรอื การรงั แกผ้อู ื่นทางสอื่ สังคมตา่ ง ๆ ข. การกระทำตามรอยคนอน่ื ในเมือ่ คนๆ นัน้ ไม่อยู่ โดยใหอ้ ีกฝา่ ยเข้าใจผิดว่าเปน็ คนๆ นั้น. ค.การคดั ลอกผลงาน หรอื ขโมยผลงาน/ความคดิ ของคนอื่นโดยไม่มกี ารอา้ งอิงทถ่ี ูกตอ้ ง ง.การกระทำใส่ความผู้อื่นต่อบคุ คลทส่ี าม โดยประการที่นา่ จะทำใหผ้ ู้อนื่ นน้ั เสยี ช่ือเสยี ง ถกู ดหู มนิ่ หรือถูกเกลียดชงั 10. ผทู้ ีก่ ระทำความผิดคุกคามทางเพศออนไลนจ์ ะได้รับโทษตามข้อใด(Cyber Sexual Harassment ) ก. ต้องรับโทษจำคุกไม่เกนิ 1 ปี ปรับไมเ่ กนิ 10,000 บาท หรือท้ังจำท้ังปรบั ข. ตอ้ งรับโทษจำคุกไมเ่ กนิ 2 ปี ปรบั ไม่เกนิ 20,000 บาท หรือทงั้ จำท้ังปรบั ค. ต้องรบั โทษจำคุกไม่เกนิ 3 ปี ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรอื ท้ังจำทั้งปรับ ง. ต้องรบั โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรบั ไม่เกิน 100,000 บาท หรอื ท้งั จำท้ังปรับ เฉลย 1.ก 2.ง 3.ก 4.ค 5.ค 6.ง 7.ง 8.ก 9.ก 10.ง

บันทกึ ผลหลงั การจดั กระบวนการเรยี นรู้ ครัง้ ท.ี่ ....... วันที่.......เดอื น............................พ.ศ............... ผลการใชแ้ ผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ 1. จำนวนเนือ้ หากับจำนวนเวลา  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม ระบุเหตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. การเรียงลำดบั เน้อื หากับความเขา้ ใจของผเู้ รยี น  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม ระบเุ หตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การนำเขา้ ส่บู ทเรียนกับเน้อื หาแต่ละหวั ขอ้  เหมาะสม  ไมเ่ หมาะสม

ระบเุ หตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. วิธีการจดั กจิ กรรมการเรียนรู้กับเน้อื หาในแตล่ ะข้อ  เหมาะสม  ไมเ่ หมาะสม ระบุเหตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. การประเมนิ ผลกับตัวช้ีวดั ในแตล่ ะเน้ือหา  เหมาะสม  ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการเรียนรขู้ องผูเ้ รียน ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการจัดกระบวนการเรียนรู้ของครู ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข้อเสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ลงชื่อ................................................ ผบู้ ันทกึ () ครู กศน.ตำบล ความเห็นของผู้อำนวยการสถานศึกษา ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ................................................................................................. ............................................................................. ลงชอื่ .................................................. (นางมาลี เพง็ ดี) ผูอ้ ำนวยการ กศน.อำเภอหนองไผ่ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ของผเู้ รยี น ช่อื โครงการ/กจิ กรรม........................................................................................................................ ชอ่ื โรงเรียน/สถานศกึ ษา …………………………………………………………………………………………………….. ชอื่ หัวหนา้ โครงการ/กจิ กรรม............................................................................................................. คำช้ีแจง ให้ผู้ประเมินทำเคร่ืองหมายถูก () ลงในช่องระดับพฤติกรรมของผู้เรียน โดยมีเกณฑ์ระดับคุณภาพการ ประเมินดังน้ี 5 มพี ฤตกิ รรมการเรียนรู้ มากท่ีสดุ 4 มีพฤติกรรมการเรียนรู้ มาก 3 มพี ฤตกิ รรมการเรียนรู้ ปานกลาง 2 มีพฤติกรรมการเรยี นรู้ น้อย 1 มพี ฤตกิ รรมการเรยี นรู้ น้อยท่ีสุด เกณฑก์ ารพจิ ารณาระดับคณุ ภาพ คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 0 - 50 ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรุง คะแนนเฉลี่ยรอ้ ยละ 50 - 69 ระดบั คุณภาพ พอใช้ คะแนนเฉล่ียรอ้ ยละ 70 – 79 ระดับคุณภาพ ดี คะแนนเฉลย่ี ร้อยละ 80 – 89 ระดบั คุณภาพ ดมี าก คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 90 - 100 ระดับคณุ ภาพ ดีเยีย่ ม

พฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั พฤติกรรม 54321 1. ความตงั้ ใจในการทำงาน 2. ความรับผดิ ชอบ 3. ความกระตอื รือร้น 4. การตรงต่อเวลา 5. ผลสำเรจ็ ของงาน 6. การทำงานร่วมกบั ผู้อ่นื 7. มีความคิดริเร่มิ สร้างสรรค์ 8. มกี ารวางแผนในการทำงาน 9. การมีสว่ นร่วมในการแสดงความคดิ เห็นในกลุ่ม 10. การมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาในกลุ่ม ลงชือ่ ......................................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.............................../..................... แผนการจัดการเรยี นรรู้ ายภาค คร้ังที่ 9 เรื่อง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์และลิขสิทธใ์ิ นโลกออนไลน์ที่ควรรู้ เวลาเรียน 6 ชว่ั โมง แนวคดิ 1.พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ข้อควรรู้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ การกระทำความผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์และโทษที่ไดร้ บั ภัยคุกคามทางโลกออนไลน์ และกรณีศึกษา : การทำผดิ กฎหายตาม พ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ 2.ลขิ สทิ ธใิ์ นโลกออนไลน์ทคี่ วรรู้ ลขิ สิทธ์ิและเรอื่ งท่คี วรรู้ ประโยชน์ของลิขสทิ ธิ์ ขน้ั ตอนการแจ้งขอ้ มูลลิขสทิ ธิ์ ประเภทของการ ละเมิดลขิ สิทธ์ิ บทกำหนดโทษจากการละเมดิ ลิขสทิ ธ์ิ ข้อควรรูห้ ากถกู ละเมดิ ลิขสทิ ธิ์ และกรณีศึกษา : การ ละเมดิ ลิขสทิ ธใิ์ นโลกออนไลน์ 3.การหมนิ่ ประมาทในโลกออนไลน์


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook