การสื่อสารในยุคดิจิทลั หมายถึง กระบวนการทใ่ี ชท้ ักษะในการวเิ คราะห์ผู้รบั สารและสง่ สารให้มีความเหมาะสมกกบ ระดับของการ สอื่ สารของแต่ละบุคคล ผา่ นช่องทางในการส่ือสารต่าง ๆ ในทีน่ ้ีคอื สื่อ ดจิ ิทลั ทำใหเ้ กดิ การแลกเปลี่ยนสาร เชน่ ข้อความ ภาพ เสียง เป็นต้น เพ่ือให้ผ้รู ับ สารเข้าใจสาร ทตี่ ามจุดประสงค์ของผูส้ ่งสารตั้งใจ คณุ ธรรม หมายถึง สภาพคุณงามความดีและความถูกตอ้ งซึ่งบคุ คลควรยดึ ม่นั ไวเ้ ปน็ หลักการในการปฏิบตั ิตนจนเป็นนิสัยความประพฤติดี งาม เพ่ือประโยชน์แก่ตนและสังคม ซึง่ มีพ้นื ฐานมาจากหลักศีลธรรมทางศาสนา คา่ นิยมทางวัฒนธรรม ประเพณี หลักกฎหมาย จรรยาบรรณ วิชาชพี การรู้จกั ไตรต่ รอง ว่าอะไรควรทำไมค่ วรทำ และอาจกล่าวได้ว่าคุณธรรม คือ จริยธรรมทนี่ ำมาปฏิบัตจิ นเปน็ นสิ ยั เช่น การเปน็ คนซอ่ื สตั ย์ เสยี สละ และ มคี วาม รบั ผิดชอบ จรยิ ธรรม หมายถึง หลักศลี ธรรมจรรยาทีก่ ำหนดขน้ึ เพื่อใชเ้ ป็นแนวทางปฏิบัติ หรือควบคุม การใช้ระบบคอมพวิ เตอร์และสารสนเทศ ซง่ึ เม่ือพจิ ารณาจรยิ ธรรมเกี่ยวกับการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศ และคอมพิวเตอรแ์ ลว้ ตวั ช้ีวดั 1.บอกความหมายและอธิบายความสำคญั ของคุณธรรมและจรยิ ธรรมได้ 2.ตระหนักถึงความสำคัญของคณุ ธรรมและจริยธรรม 3.บอกจรรยาบรรณในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ และอธบิ ายความสำคัญได้ 4.ตระหนักถึงความสำคัญของจรรยาบรรณในการใช้สื่อสงั คมออนไลน์ 5.อธบิ ายแนวคิด ความสำคญั องคป์ ระกอบของการรเู้ ทา่ ทนั สือ่ และเลือกใชส้ ่อื ได้อยา่ งเหมาะสม 6.ตระหนกั และเห็นความสำคัญของการรู้เท่าทันส่อื 7.ยกตวั อย่างการแสดงออกถึงความรบั ผดิ ชอบในการใชส้ ื่อสงั คมออนไลน์ได้ 8.ตระหนกั ถึงความรบั ผิดชอบในการใชส้ ่ือสงั คมออนไลน์ 9.บอกสาระสำคัญของกฎหมายเก่ียวกบั การสื่อสังคมออนไลนไ์ ด้ 10.วิเคราะห์ข้อแตกตา่ งระหวา่ งคณุ ธรรม จริยธรรมและกฎหมายเกี่ยวกับการใชส้ อ่ื สังคมออนไลน์ในสถานการณ์ท่ีกำหนดได้ 11.วเิ คราะหก์ รณศี ึกษา : การละเมดิ คุณธรรมและจรยิ ธรรมในการใช้สอ่ื สงั คมออนไลน์ที่ศึกษาได้ 12.ตระหนกั ถึงลกระทบของการละเมดิ คุณธรรมและจริยธรรมในการส่ือสงั คมออนไลน์ เน้ือหา 1.ความหมายและความสำคัญของคุณธรรมและจรยิ ธรรม 1.1 ความหมายของคุณธรรมและจรยิ ธรรม 1.2ความสำคัญของคณุ ธรรมและจริยธรรม 2.จรรยาบรรณในการใชส้ ่ือสังคมออนไลน์ความสำคญั 3.การรเู้ ท่าทันสื่อ 3.1 แนวคิดการรเู้ ทา่ ทนั สอื่ 3.2ความสำคญั ของการรเู้ ทา่ ทนั ส่อื 3.3องคป์ ระกอบของการรเู้ ท่าทนั สอ่ื 3.4แนวทางการปฏบิ ตั ิให้ร้เู ท่าทนั ส่ือ 3.5ข้อควรระวงั ในการใชส้ ื่อ
4.ความรับผดิ ชอบในการใช้สอ่ื สังคมออนไลน์ 4.1 ต่อตนเอง 4.2 ต่อบคุ คลอน่ื 4.3 ต่อสงั คม 5.กฎหมายเกีย่ วกบั การใช้สอ่ื สังคมออนไลน์ 6.ขอ้ แตกต่างระหวา่ งคุณธรรม จริยธรรมและกฎหมายเกี่ยวกบั การใช้สอื่ สงั คมออนไลน์ 7.กรณีศึกษา : การละเมิดคุณธรรมและจริยธรรมในการใชส้ ่ือสังคมออนไลน์ ขน้ั ตอนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ข้นั ตอนท่ี 1 การสร้างแรงบันดาลใจ ( Passion : P ) 1. ครูทักทายผู้เรียน พร้อมทั้งแนะนำตนเองและแผนการจัดการเรียนรู้ซึ่งการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ร่วมกันในครั้ง คือ เร่ือง “คณุ ธรรมและจรยิ ธรรมในการใช้ส่อื สังคมออนไลน์” และชวนคิดชวนคยุ เก่ียวกบั เรื่องที่จะเรียนรู้เพือ่ กระตุ้นให้ผเู้ รยี นเกิดความสนใจและ ความกระตือรือร้นในการเชอื่ มโยงและสร้างความพรอ้ มท่จี ะเรยี นรู้หรอื ทำกจิ กรรมการเรียนรู้ตามแผนการจดั การเรยี นรคู้ ร้ังน้ี 2. ใหผ้ ู้เรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรียนเรือ่ ง “คุณธรรมและจริยธรรมในการใชส้ อ่ื สังคมออนไลน์” โดยใช้เวลา 10 นาที 3. ครูช้ีแจงวตั ถุประสงค์ เนื้อหา กิจกรรม การวัดและประเมินผลของการเรยี นรู้ในคร้ังน้ี ที่สอดคล้องกับตัวชี้วัดตามแผนการจัดการเรียน คร้ังน้ี เพ่ือให้ผู้เรียนเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ให้บรรลุตัวช้ีวัด ท่ีกำหนดตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง “คุณธรรมแล จริยธรรมในการใช้ส่ือสังคมออนไลน์ ”ในคร้ังนี้ โดยให้นักศึกษาทำใบงานที่ 1 จำนวน 2 ข้อ อธิบายความสำคัญ ความหมายและประเภท ขอ คุณธรรมและจรยิ ธรรมในการใช้สอ่ื สงั คมออนไลน์ 4. ครูให้ผู้เรียนศึกษา เร่ือง “คุณธรรมและจริยธรรมในการใช้สื่อสังคมออนไลน์” พร้อมท้ังแนะนำแหล่งศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมจา อินเทอร์เน็ต ซ่ึงผู้เรียนสามารถไปเรียนรู้ได้ด้วยตนเองและทำกิจกรรมตามท่ีได้รับมอบหมายด้วย ท้ังน้ีครูควรจะช้ีแจงให้ผู้เรียนทราบ ว่าในการพ กลุ่มตามแผนการจัดการเรียนรู้ครัง้ น้ี ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้และทำกิจกรรมที่สอดคล้องกับเน้ือหาท่ีเรียน โดยปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ การศึกษ คลปิ วดิ ีโอใน Youtube หรอื สอ่ื ออนไลน์อ่นื ๆ ขั้นตอนท่ี 2 การนำไปใชป้ ระโยชน์ (Utilization : U) 1. ครูให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยแบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ กลุ่มละ 4 – 5 คน ดำเนินกิจกรรมเป็นรายกลุ่ม ศึกษาเน้ือหาเรื่อ “คณุ ธรรมและจริยธรรมในการใช้ส่อื สงั คมออนไลน์”โดยคน้ หาจากสอื่ ออนไลน์ตา่ ง ๆ 1) เรือ่ งความหมายประเภทของคุณธรรมและจรยิ ธรรมในการใชส้ อื่ สงั คมออนไลน์ ให้แต่ละกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และส่งผู้แทนนำเสนอตอ่ กล่มุ ใหญ่ครูและผู้เรยี นสรุปผลการเรยี นรู้รว่ มกนั และให้ผู้เรียนสรปุ สงิ่ ท่ีได้เรยี นรลู้ ง ในสมดุ บนั ทึกผลการเรยี นรูข้ องตน 2. ครูแนะนำแหล่งเรียนรู้ให้กับผู้เรียนเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง อาทิ ห้องสมุด แหล่งเรียนรู้ในชุมชน หนว่ ยงาน สถานศึกษาตา่ ง ๆ รวมทั้งการใชอ้ นิ เตอรเ์ นต็ เพ่ือการเรียนร้ดู ว้ ยตนเอง เปน็ ตน้ 3. ครูดำเนินการทำหน้าที่นำการอภิปราย โดยให้ผู้เรียนกลุ่มใหญ่ร่วมกันแสดงความคิดเห็น คิดวิเคราะห์ อภิปราย และ วิเคราะห์ให้ข้อมูลเพ่ิมเติมในเนือ้ หาหรือประเด็นท่ียังไม่ชัดเจน ตามรายละเอียดท่ผี ู้เรียนไดแ้ ลกเปล่ียนเรยี นรู้ร่วมกัน หากผู้เรยี นกลุ่ม ใหญ่หรือครเู ห็นว่ายงั ไม่สมบูรณ์ มีความต้องการในการเรียนรู้เพม่ิ เติม ครูจะชว่ ยเติมเตม็ ความรู้ใหก้ ับผู้เรียน หลังจากน้ันครแู ละผู้เรยี นสรปุ ส่ิงที่ได้ เรียนรใู้ นภาพรวมท้ังหมดแลว้ ให้ผเู้ รยี นสรุปส่งิ ทไี่ ดเ้ รียนรู้ลงในสมุดบนั ทึกการเรียนรู้ของตน หมายเหตุ : ในการดำเนินกิจกรรมกลุ่ม ครูชี้แจงบทบาทหน้าที่ในการทำงานให้ผู้เรียนได้มีความรับผิดชอบร่วมกันในการทำงาน ซ่ึงมอบหมายให้ ผเู้ รยี นดำเนินการแตง่ ตั้งประธานหรือผ้นู ำในการอภปิ รายแลกเปล่ียนเรียนรู้ และการมอบหมายใหม้ ีผู้รบั ผิดชอบในภารกิจต่างๆ รวมถึงการแตง่ ต้ัง
เลขานุการของกลมุ่ เป็นผู้จดบนั ทกึ และผู้รักษาเวลา เพื่อปฏิบัติงานของกลมุ่ ใหญ่ใหบ้ รรลุตามวตั ถุประสงค์ทต่ี ้ังไว้ และพจิ ารณาวา่ สมาชกิ ลุม่ ทุกคน ควรมีความเข้าใจตรงกนั วา่ ตนมีบทบาทหนา้ ทท่ี ี่จะต้องช่วยให้กลุ่มทำงานได้สำเร็จ ครคู วรใหค้ ำแนะนำถึงความสำคญั ของการใหส้ มาชิกทุกคนใน กล่มุ มสี ่วนรว่ มในการอภปิ รายอย่างทวั่ ถงึ ไมใ่ หม้ ีการผูกขาดการอภปิ รายโดยผูใ้ ดผู้หนงึ่ และควรมีการจำกัดเวลาของการอภปิ รายแต่ละประเดน็ ในระหว่างการทำกิจกรรมของผู้เรียน ครูมีบทบาทในการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน คอยกระตุ้นผู้เรียนให้เกิดความ กระตือรือร้นในการเรียนรโู้ ดยบันทกึ ลงในแบบบนั ทกึ พฤติกรรมการเรยี นรู้ของผเู้ รียน และเครอื่ งมอื ประเมินการสังเกตแบบประมาณคา่ ขน้ั ตอนท่ี 3 การสะท้อนความคดิ จากการเรียนรู้ ( Reflection : R ) 1. ใหผ้ เู้ รียนแต่ละกลุ่มนำเสนอ 1) เร่ืองความหมายประเภทของคณุ ธรรมและจรยิ ธรรมในการใชส้ อ่ื สังคมออนไลน์ 2. ครูเปิดโอกาสให้ผู้เรียนท้ังกลุ่มร่วมกันสนทนา เพ่ือให้ผู้เรียนมีทักษะในการฟัง พูด คิดวิเคราะห์ การทำงานร่วมกับผู้อื่น การ คิดสร้างสรรค์ ความรับผิดชอบ และการนำความรู้ในเน้ือหามาใช้ โดยครูบูรณาการเนื้อหาการเรียนรู้ มีการใช้ส่ือเทคโนโลยีที่เป็นคลิปวิดีโอจาก youtube และ TikTok ที่สัมพันธ์กับเนื้อหา ทั้งน้ีครูเช่ือมโยงสิ่งท่ีได้เรียนรู้ตามขั้นตอนท่ี 1 ในการนำความรู้ไปสู่การปฏิบัติและประยุกต์ใช้ผ่าน คลิปวิดีโอ โดยครูเปิดคลิปวิดีโอ “เร่ืองความหมายประเภทของคุณธรรมและจริยธรรมในการใช้สื่อสังคมออนไลน์” จาก https://youtu.be/Q5ADlR7srvo เวลา 2.18 นาที “เร่ืองพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560” https://youtu.be/LwMSsneKuzc เวลา 4.33 นาที เร่ือง การหมิ่นประมาทในโลก ออนไลน์” https://youtu.be/6M9yIQ84MWc หลงั จากนั้นครู ดำเนนิ การ ดังนี้ (1) ครูบรรยายเนอ้ื หาตามใบความรสู้ ำหรบั ครู “เรื่องความหมายประเภทของคุณธรรมและจรยิ ธรรมในการใชส้ ื่อสังคมออนไลน์” เพ่ือใช้สำหรับประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ “เร่ืองความหมายประเภทความหมายประเภทของคุณธรรมและจริยธรรมในการใชส้ ื่อสงั คมออนไลน์” ในส่วนของผู้เรียนให้ศึกษาใบความรู้สำหรับผู้เรียน ประกอบการบรรยายของครูตามใบความรู้สำหรับผู้เรียน “เรื่องความหมายประเภท ความหมายประเภทของคณุ ธรรมและจริยธรรมในการใช้ส่ือสงั คมออนไลน์” (2) ครูอธิบาย “เรื่องพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560” พรอ้ มท้ังให้ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยให้ผู้เรยี นตั้งประเด็นข้อสงสัย หรอื สิ่งท่ตี อ้ งการเรียนรู้ และเช่อื มโยงสู่การนำไปใช้ในชวี ติ จรงิ ของผู้เรยี นตอ่ ไป (3) ครูอธิบาย “การหมิ่นประมาทในโลกออนไลน์” พร้อมทั้งให้ผู้เรียนได้แลกเปล่ียนเรียนรู้ โดยให้ผู้เรียนต้ังประเด็นข้อสงสัย หรือสงิ่ ที่ต้องการเรียนรู้ และเชอื่ มโยงส่กู ารนำไปใชใ้ นชวี ิตจริงของผู้เรียนตอ่ ไป 3.ครูใหผ้ ู้เรียนสะทอ้ นความคดิ ในการเรียนร้ทู ไ่ี ด้จากการเรยี นรู้ จากข้ันตอนท่ี 1 ถึงขนั้ ตอนที่ 3 นี้ ขน้ั ตอนที่ 4 การติดตามประเมินและแกไ้ ข (Action : A) 1. ให้ผู้เรยี นทำแบบทดสอบหลงั เรียน จำนวน 10 ขอ้ โดยใชเ้ วลา 15 นาที 1) เรอ่ื งความหมายประเภทของของคณุ ธรรมและจรยิ ธรรมในการใชส้ อื่ สงั คมออนไลน์ 2) เร่ืองพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 3) เรือ่ งการหม่ินประมาทในโลกออนไลน์ 2. ครูและผเู้ รียนสรปุ ภาพรวมสิ่งทีไ่ ด้เรียนร้รู ่วมกัน นอกจากนี้ ในตอนทา้ ยของการพบกลุ่ม หลงั จากเสร็จส้นิ ขัน้ ตอนท่ี 3 ครูการมอบหมายงานให้เรียนรู้ด้วยตนเอง รายละเอยี ดดงั น้ี การมอบหมายงานใหเ้ รียนรู้ดว้ ยตนเอง
1. ครูช้ีแจงให้ผู้เรียนทราบว่า ในการพบกลุ่มแต่ละครั้งผู้เรียนจะได้รับมอบหมายงานให้ไปเรียนรู้ด้วยวิธีเรียนรู้ด้วยตนเองในลักษณะที่ครูจะ มอบหมายงานให้ผเู้ รียนไปศึกษาจากสื่อต่าง ๆ “เรื่องการรู้เท่าทันสื่อ ” “เรอื่ งจรรยาบรรณในการใช้สื่อสังคมออนไลน์” “กฎหมายเกี่ยวกับการใช้ สือ่ สงั คมออนไลน์” หมายเหตุ : ให้ผู้เรยี นลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเอง ซึ่งการให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเองน้ันอาจมีความแตกต่างกันบ้างใน ข้ันตอน โดยพิจารณาจากพ้ืนฐานของผู้เรียน ในกรณีท่ีผู้เรียนมีพื้นฐานน้อยหรือไม่มีพื้นฐานมาก่อนก็ควรจัดการเรียนรู้พ้ืนฐานที่จำเป็นและ พอเพียงกับผู้เรียน หลังจากน้ันให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติด้วยตนเองในช่วงระยะหนึ่งแล้วจึงค่อยให้ผู้เรียนคิดหัวข้อท่ีอยากจะทำ หรือถ้า ผู้เรียนมีพื้น ความรมู้ ากอ่ นแลว้ ให้คดิ หวั ขอ้ ทสี่ นใจจะทำและให้ลงมือปฏิบัติได้ สอ่ื วัสดุอุปกรณ์ และแหล่งการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรียน 1) เรือ่ งความหมายของคุณธรรมและจริยธรรมในการใชส้ ่ือสังคมออนไลน์ 2) เรื่องพ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ พ.ศ.2560 3) เร่อื งการหมนิ่ ประมาทในโลกออนไลน์ 2. คลปิ วิดโี อ “เร่อื งความหมายประเภทของคุณธรรมและจริยธรรมในการใชส้ อ่ื สงั คมออนไลน์” จาก https://youtu.be/Q5ADlR7srvo เวลา 2.18 นาที “เรอ่ื งพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560” https://youtu.be/LwMSsneKuzc เวลา 4.33 นาที เร่ือง การหมิ่นประมาทในโลกออนไลน์” https://youtu.be/6M9yIQ84MWc 3. ใบความรู้สำหรับผเู้ รยี น 1) เรื่องความหมายของคุณธรรมและจริยธรรมในการใช้ส่ือสังคมออนไลน์ 4. PowerPoint สำหรบั ครู 1) เรื่องความหมายประเภทของส่ือสารในยคุ ดิจทิ ลั 2) เรื่องพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 3) เรือ่ งการหมิ่นประมาทในโลกออนไลน์ 5. แบบทดสอบหลงั เรียน 1) เร่ืองความหมายประเภทของสือ่ สารในยุคดิจิทัล 2) เร่อื งพ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ พ.ศ.2560 3) เรอ่ื งการหมิน่ ประมาทในโลกออนไลน์ 6. แบบประเมินความพงึ พอใจของนักเรียนตอ่ การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน การวัดและประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมการมสี ่วนร่วม ความต้งั ใจ และความสนใจของผเู้ รียน 2. ผลการทดสอบกอ่ นและหลงั เรยี น 3. ผลการประเมนิ ความพงึ พอใจของผู้เรียน
ใบความรู้ ครง้ั ที่ 15 รายวิชา สค 0200035 คุณธรรมในการใช้สอ่ื สงั คมออนไลน์ เรอ่ื ง คุณธรรมและจริยธรรมในการใช้ส่อื สังคมออนไลน์ คณุ ธรรมและจริยธรรมในการใชง้ านอินเทอร์เนต็ 1) ไม่ใชค้ อมพิวเตอร์ทารา้ ย หรือละเมิดผู้อ่นื คนบางกล่มุ อาศยั คอมพวิ เตอร์ทารา้ ยผอู้ ่ืน เชน่ สง่ อีเมลต์ ่อๆกนั ไปเพอ่ื ใหร้ ้ายกบั ฝงั่ ตรงขา้ มเพือ่ หวงั ผลบางอย่าง 2) ไม่ใช้ในการสอดแนม, แก้ไข หรือเปิดดแู ฟม้ ข้อมูลของผ้อู ่ืน แฮกเกอรห์ รอื บางโปรแกรมจากเวบ็ ไซต์ท่ีอันตรายมักใหด้ าวนโ์ หลด โปรแกรม หรอื เปดิ เวบ็ ไซต์ จากน้ันก็จะมกี ารตดิ ตั้งโปรแกรมเลก็ ๆ เอาไวส้ อดแนมการทางานของผู้ใชง้ านพร้อมเปิดดเู อกสารของผู้ใช้งานอันนี้ต้อง ระวงั เป็นอย่างยิ่ง 3) ไม่ใช้คอมพิวเตอรเ์ พื่อการโจรกรรมข้อมูลข่าวสาร ในกรณขี องแฮกเกอรห์ รือนักเจาะระบบเม่ือเขา้ ไปได้กม็ ักจะเข้าไปขโมยขอ้ มลู ของ
ผใู้ ชง้ าน เชน่ หมายเลขบตั รเครดติ หมายเลขบตั รประชาชน อนั น้ีไมส่ มควรอยา่ งย่ิง 4) ไม่รบกวนการทางานของผู้อ่ืน เช่น มีการส่งคา่ บางอย่างไปทาให้เน็ตเวริ ก์ ทางานช้าลง หรอื เครอ่ื งคอมพิวเตอรท์ างานชา้ ลงจนถึงหยดุ ทางาน 5) ไม่ก็อบป้โี ปรแกรมของผู้อ่ืนทมี่ ีลิขสิทธิ์ ไมว่ า่ จะเปน็ การกอ็ บปี้โปรแกรมเถ่ือน ทง้ั เพลง เกม และภาพยนตร์ เพ่ือนาออกขายซึง่ จะทา ให้เกิดการเสยี หาย 6) ไม่ใชค้ อมพวิ เตอร์สรา้ งหลักฐานท่ีเปน็ เท็จ คอมพิวเตอร์สามารถใช้สร้างอะไรไดม้ ากมาย จนบางคร้ังอาจใชไ้ ปในทางทผี่ ิด เช่น การทา สาเนาธนบัตรปลอมเพ่ือนาไปใช้จา่ ยในสถานที่มดื ท่ีไมส่ ามารถสงั เกตเหน็ ธนบตั รได้ชดั เจน ทาใหเ้ กดิ ความเสยี หายกบั ผคู้ ้าขาย 7) ไมน่ าเอาผลงานของผู้อน่ื มาเปน็ ของตน ในบางเวบ็ ไซต์มีการแอบอ้างนารูปภาพของผู้อ่นื ไปวางบนเว็บไซต์แลว้ บอกวา่ เปน็ ฝีมอื ถ่ายภาพของตนเอง อนั นถี้ ือว่าไม่ใหเ้ กียรติเจา้ ของภาพ หากมีการนาผลงานมาใช้งานก็ควรมีการอ้างถึงเจ้าของ 8) ไมล่ ะเมดิ การใช้ทรัพยากรคอมพวิ เตอรโ์ ดยที่ตนเองไม่มีสทิ ธิใ์ นบางคร้งั ท่ีเราใชง้ านเครอ่ื งคอมพิวเตอร์โดยเปิดเคร่ืองเอาไว้ อาจมี โปรแกรมแฝงเพ่ือเขา้ มาใช้งานเครอ่ื งคอมพวิ เตอร์ของเรา โดยอาจใช้เพื่อเป็นเครือ่ งสง่ ไวรัสไปยังเครื่องอนื่ ซ่งึ เจา้ ของเคร่อื งอาจไมร่ ูต้ วั เสียด้วยซ้า 9) ใชค้ อมพวิ เตอรโ์ ดยเคารพกฎระเบียบ กติกา และมีมารยาท ในการใชง้ านคอมพิวเตอรต์ ้องมีกฎระเบียบแตกต่างกันไป เช่น อาจให้ใช้ งานได้เพยี ง 30 นาทีเทา่ นั้น หรือมกี ฎห้ามไม่ใหน้ าอาหารเคร่ืองด่ืมมารบั ประทานขณะใช้งานคอมพิวเตอร์กค็ วรปฏิบัตติ าม ในบางแห่งห้ามดาวน์ โหลดตดิ ตั้งอะไรลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์กค็ วรจะปฏบิ ตั ติ าม 10) คำนึงถงึ สิง่ ที่จะเกิดขึ้นกับสงั คมอันติดตามมาจากการกระทาของท่าน ในการใชง้ านอินเทอร์เนต็ บางครง้ั อาจมีการโพสต์ภาพ โพสต์ ข้อความทใี่ หเ้ กิดความวนุ่ วายได้ เพราะฉะนน้ั ควรมคี วามรับผิดชอบในการโพสต์ท่ีไมท่ ารา้ ยสงั คมและโดยรวม ใบความรู้ ครง้ั ที่ 15 รายวชิ า สค 0200035 คุณธรรมในการใชส้ ่อื สงั คมออนไลน์ เรือ่ ง กฎหมายน่ารู้เกยี่ วกับคอมพิวเตอรแ์ ละการกระทำความผดิ ทางคอมพิวเตอร์ พรบ.คอมพิวเตอรแ์ ก้ไขล่าสุด น้ไี ดม้ กี ารแก้ไขทงั้ หมด 21 มาตรา ในท่นี จี้ ะกล่าวถงึ ข้อกำหนดในสว่ นของบคุ คลทว่ั ไปควรระวงั ในการใช้ คอมพวิ เตอร์ ดงั ตอ่ ไปนี้ การแฮ็กเฟซบุ๊ก (มาตรา 5-8) การปลอ่ ยไวรัส หรือมลั แวร์เขา้ คอมพวิ เตอร์คนอน่ื เพือ่ ขโมยข้อมูล โดยท่ีเจ้าของไมอ่ นุญาต (ละเมิด Privacy) มี โทษฐานผดิ พรบ.คอมพวิ เตอร์ เข้าถึงระบบคอมพวิ เตอร์ จำคุกไมเ่ กนิ 6 เดือน ปรบั ไม่เกนิ 1 หมื่นบาท เข้าถึงข้อมลู คอมพวิ เตอร์ จำคุกไม่เกนิ 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท นำมาตรการป้องกันระบบไปเผยแพร่ จำคกุ ไม่เกิน 1 ปี ปรับไมเ่ กนิ 2 หมนื่ บาท ดักรบั ข้อมลู คอมพิวเตอร์ จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรบั ไม่เกิน 4 หม่ืนบาท หรือท้ังจำทง้ั ปรับ!! การแก้ไข ดดั แปลงข้อมลู (มาตรา 9-10) การเข้าไปขดั ขวาง ทำร้ายระบบ รวมท้งั เข้าไปดดั แปลง หรือทำลายขอ้ มลู ทำใหข้ ้อมูลของฝ่ายตรงข้าม เสยี หายผิด พรบ.คอมพวิ เตอร์ มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไมเ่ กิน 1 แสนบาท หรอื ทั้งจำท้งั ปรบั การฝากร้านใน Facebook และ IG ไม่สามารถทำได้ (มาตรา 11) สำหรับบคุ คลที่เปน็ พ่อค้าแม่ขายบนโลกออนไลน์ เร่อื งการสง่ อีเมลขายของ โดยท่ลี ูกค้าไม่ยนิ ดที ่ีจะรับนัน้ ถอื เปน็ การสแปม หรือแมแ้ ต่การฝากรา้ นตาม Facebook และ Instagram ก็ตามมโี ทษตาม พรบ.คอมพวิ เตอร์ โดย ปรับไมเ่ กนิ 1 แสนบาท จำคุกไมเ่ กิน 2 ปี หรือทั้งจำท้ังปรบั การเข้าระบบของหน่วยงานภาครฐั โดยไมไ่ ดร้ ับอนุญาต (มาตรา 12) การเข้าถึงระบบ หรือข้อมลู ดา้ นความมนั่ คงรวมถงึ การโพสตเ์ นื้อหาท่สี ่งผล ต่อความม่ันคงต่อประเทศบนโลกออนไลนท์ เ่ี ข้าขา่ ยข้อมลู เท็จที่ทำให้ประชาชนเกดิ อาการตนื่ ตระหนก มีโทษแบง่ ตาม พรบ. คอมพวิ เตอร์เปน็ กรณดี งั นี้ กรณไี มเ่ กิดความเสยี หาย จำคุก 1-7 ปี และปรบั 2 หม่ืน – 1.4 แสนบาท
กรณเี กดิ ความเสยี หาย จำคุก 1-10 ปี และปรับ 2 – 2 แสนบาท กรณีเปน็ เหตุใหผ้ ู้อ่ืนถงึ แกค่ วามตาย จำคุก 5 – 20 ปี และปรบั 1 แสน – 4 แสนบาท การโพสตข์ า่ วปลอม (มาตรา 14) การโพสตห์ รอื จัดทำเนื้อหาว่าด้วยความผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ เรมิ่ จากการโพสต์ ข่าวปลอม ธุรกจิ ลูกโซ่ ที่ ต้องการจะหลอกเอาเงินจากลูกคา้ โพสตเ์ ก่ยี วกับความมนั่ คงปลอดภยั รวมทั้งการก่อการร้าย โพสตข์ อ้ มูลลามก โดยถ้าเกิดวา่ สง่ ผลถึงประชาชน จะตอ้ งจำคกุ ไม่เกนิ 5 ปี ปรบั ไม่เกนิ 1 แสนบาท หรอื ท้งั จำท้งั ปรบั สว่ นถ้าสง่ ผลต่อบุคคลใดบุคคลหนึง่ จำคุกไมเ่ กิน 3 ปี ปรีบไมเ่ กิน 6 แสนบาท หรือทง้ั จำท้ังปรับ ความผดิ ในการแสดงความคิดเหน็ ในขา่ วปลอม (มาตรา 15) การทบ่ี คุ คลเขา้ ไปแสดงความคดิ เหน็ ในโพสต์ท่มี ีเนื้อหาผิดกฎหมายกจ็ ะกระทำ ผิด พรบ.คอมพิวเตอร์ ถา้ ไม่ยอมลบจะได้รบั โทษเดยี วกนั กบั มาตรา 14 เหมอื นกันกับผโู้ พสต์แตถ่ ้าหากว่าลบออกไปแลว้ ถอื ว่าพ้นผิด การตัดต่อรปู ภาพมีความผิด (มาตรา 16) การตัดต่อ ดัดแปลงภาพท่ีทำให้ผอู้ ื่นเสียชื่อเสยี ง และเกิดความเสยี หาย รวมท้งั โพสต์ภาพผเู้ สยี ชวี ติ ท่ี ทำให้พ่อ – แม่ คสู่ มรส หรอื บุตรของผู้ตายเสียช่ือเสียง ดูหม่ินเกลียดชงั หรอื ได้รบั ความอบั อาย จะต้องจำคกุ ไมเ่ กิน 3 ปี และปรบั ไม่เกนิ 2 แสน บาท กด Share ถอื เปน็ การเผยแพร่ หากขอ้ มูลท่แี ชรม์ ีผลกระทบต่อผ้อู ่นื อาจเขา้ ข่ายความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะที่กระทบตอ่ บุคคลที่ 3 พบข้อมลู ผดิ กฎหมายอยู่ในระบบคอมพวิ เตอรข์ องเรา แต่ไม่ใช่สิ่งท่เี จ้าของคอมพวิ เตอรก์ ระทำเอง สามารถแจ้งไปยงั หน่วยงานท่รี ับผดิ ชอบได้ หากแจง้ แล้วลบข้อมูลออกเจ้าของกจ็ ะไม่มีความผดิ ตามกฎหมาย เช่น ความเหน็ ในเว็บไซต์ต่าง ๆ รวมไปถงึ เฟซบ๊กุ ที่ใหแ้ สดงความคิดเห็น หาก พบว่าการแสดงความเหน็ ผดิ กฎหมาย เมื่อแจง้ ไปทห่ี น่วยงานท่ีรับผดิ ชอบเพื่อลบได้ทันที เจา้ ของระบบเว็บไซต์จะไมม่ ีความผิด สำหรบั แอดมนิ เพจ ที่เปดิ ให้มีการแสดงความเหน็ เม่ือพบข้อความทผ่ี ดิ พรบ.คอมพิวเตอร์ เมื่อลบออกจากพื้นที่ท่ตี นดแู ลแล้ว จะถือเป็นผู้พน้ ผดิ การโพสต์เกยี่ วกับเด็ก เยาวชน ต้องปดิ บังใบหน้า ยกเว้นเม่ือเป็นการเชิดชู ชืน่ ชม อย่างให้เกียรติ กรณีศึกษา กรณีที่ 1: การ Copy รปู ภาพ/ข้อความบนเว็บไซต์ของผู้อน่ื มาใช้ เปน็ การละเมิดลิขสิทธ์ทิ ุกกรณีหรือ เปลา่ ? หากตอ้ งทำการ copy รูปภาพหรอื ข้อความบนเวบ็ ไซตข์ องผู้อื่นมาใชง้ าน จำเป็นต้องขออนุญาตเจา้ ของ เสยี ก่อน เพราะหากนำมาใชโ้ ดยไม่ไดร้ บั อนญุ าตจะถอื ว่าละเมิด ลขิ สิทธ์ิผิดกฎหมาย หากนำไปใช้เพือ่ การคา้ อาจถูก ฟ้องเป็นคดีแพ่งหรือคดีอาญาได้ อยา่ งไรก็ตามก็มีข้อยกเว้นสำหรับกรณีเพ่ือการศึกษา โดย ต้องมีการอ้างอิงและขอ อนญุ าตเจา้ ของลขิ สทิ ธิ์
แบบทดสอบ คร้งั ท่ี 15 รายวชิ า สค 0200035 คณุ ธรรมในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ คำชแ้ี จง ใหผ้ ูเ้ รียนเลือกคำตอบทถี่ ูกท่ีสุดเพียงข้อเดยี วแล้วทำเครือ่ งหมาย x ลงในกระดาษคำตอบ 1. การใช้กลอ้ งวงจรปิดเพือ่ ตรวจสอบการปฏิบัติงานของพนักงานโดยไม่ไดร้ บั อนุญาต เป็นการกระทำทผี่ ิดจริยธรรมในลกั ษณะใด ก. ความถกู ต้อง ข. การเขา้ ถงึ ข้อมลู ค. ความเป็นส่วนตัว ง. ความเปน็ เจา้ ของ 2. คำว่า shareware หมายความวา่ อย่างไร ก. ใหท้ ดลองใช้ไดก้ ่อนท่ีจะตัดสนิ ใจซื้อ ข. ใหใ้ ช้งานไดฟ้ รี คดั ลอก และเผยแพร่ให้ผอู้ ืน่ ได้ ค. ซ้อื ลิขสทิ ธ์ิ และมีสทิ ธ์ใิ ช้ ง. เปน็ โปรแกรมหรือข้อมลู ท่ีมีคนส่งมาให้ 3.จากข้อความ คอมพิวเตอรเ์ ป็นทงั้ เครื่องมือและเป้าหมายของอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ ข้อใดเปน็ ตวั อยา่ งของคอมพิวเตอรใ์ นฐานะท่ีเป็น เป้าหมายของการก่ออาชญากรรม ก. การโจรกรรมข้อมูล ข. การฟอกเงนิ ค. การถอดรหสั โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ ง. การกอ่ กวนระบบของผู้อื่น 4.\"นางสาวกุ๊กไก่ เปน็ แฟนเพลงทชี่ ่นื ชอบในผลงานของพเี่ บิรด์ อยา่ งมาก จงึ ซื้อแผน่ ซดี เี พลงของพ่เี บิรด์ มา และด้วยความช่ืนชอบอย่างมาก จงึ ต้องการใหเ้ พ่ือนที่อยตู่ า่ งประเทศฟังด้วย จงึ ทำสำเนา (copy) ซดี ีเพลงแล้งส่งไปให้เพือ่ นทางไปรษณีย์\" จากที่กล่าวมาข้างตน้ นางสาวกุ๊กไก่ ทำ ผดิ เก่ยี วกับทรัพยส์ ินทางปัญญาในข้อใด ก. ความลบั ทางการคา้ ข. สิทธบิ ตั ร ค. ลิขสทิ ธ์ิ ง. ท้ังความลับทางการค้าและสทิ ธบิ ัตร 5.สมชายส่งั ซ้ือหนังสือผ่านเครือข่ายอนิ เตอรเ์ น็ต และทางบริษทั ได้รับขอ้ มูลสง่ั ซอื้ ของสมชายแลว้ ถา้ มีการกระทำผิดใดๆ เกดิ ขึ้น จะใชก้ ฎหมาย ตวั ใดมาควบคุมและสร้างความนา่ เชื่อถือให้กับทง้ั สองฝา่ ย ก.กฎหมายเกยี่ วกบั อาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ข.กฎหมายเกยี่ วกบั ธรุ กรรมทางอิเล็กทรอนกิ ส์ ค.กฎหมายเกี่ยวกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสารสนเทศให้ทัว่ ถึงและเท่าเทยี มกัน ง.กฎหมายเก่ยี วกับการโอนเงินทางอเิ ลก็ ทรอนิกส์ 6. ข้อใดเปน็ การกระทำทผ่ี ดิ จรยิ ธรรมของคอมพิวเตอร์ ก. การละเมดิ ลิขสทิ ธิ์ซอฟแวร์ ข. การเขา้ ถงึ ข้อมูลหรือคอมพวิ เตอร์ผู้อ่ืนโดยไม่ได้รับอนญุ าติ ค. สร้างโปรแกรม Virus Computer ทกี่ ่อให้เกิดความเสยี หายแกผ่ อู้ นื่ ง. ถกู ทุกข้อ
7. พระราชบัญญัตวิ า่ ด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนกิ ส์ พ.ศ. 2544 มผี ลบังคับใชเ้ มื่อใด ก. วนั ที่ 1 เมษายน 2545 ข. วนั ท่ี 2 เมษายน 2545 ค. วันที่ 3 เมษายน 2545 ง. วันท่ี 4 เมษายน 2545 8. พระราชบัญญัติว่าดว้ ยธรุ กรรมทางอิเล็กทรอนกิ ส์ พ.ศ. 2544 รองรบั สถานะทางกฏหมายของข้อมลู อิเล็กทรอนกิ ส์ ในเรอ่ื งใด ก. การรับส่งขอ้ มลู ทางอิเล็กทรอนิกส์ ข. การใชล้ ายมอื ชื่ออิเล็กทรอนิกส์ ค. การรบั ฟังพยานหลกั ฐานท่เี ป็นอเิ ลก็ ทรอนิกส์ ง. ถกู ทกุ ข้อ 9. ข้อใดเปน็ การก่ออาชญากรรมของอาชญากรคอมพิวเตอร์ ที่ท่ัวโลกไดจ้ ดั ออกเปน็ 9 ประเภท ก. การมีภาพลามกของตนเอง เก็บไว้ดูสว่ นตัว ข. การแพร่ภาพ เสียง ลามก อนาจาร และข้อมลู ท่ีไม่เหมาะสม ค. การสรา้ งซอฟต์แวร์ (Software) จากโปรแกรมลขิ สิทธ์ิ ไวใ้ ช้ส่วนตวั มิได้เผยแพร่แกผ่ ู้อ่ืน ง. ข้อ 1 และ ขอ้ 3 ถูกต้อง 10. ขอ้ ใดไม่เปน็ การป้องกันการเข้าถึงขอ้ มลู ของอาชญากรคอมพวิ เตอร์ ก. ใชร้ หสั ผู้ใช้ (Username) และรหัสผา่ น (Password) ข. ใช้บตั รแมเ่ หลก็ หรอื กุญแจ เพอ่ื เข้าส่รู ะบบ ค. ปิดการทำงานระบบ Firewall ทุกครง้ั ที่เปิดคอมพิวเตอร์ ง. ใชร้ ะบบอา่ นลายนิ้วมือก่อนเขา้ สู่ระบบคอมพิวเตอร์ เฉลย 1.ค 2.ก 3.ง 4.ค 5.ข 6.ง 7.ค 8.ง 9.ข 10.ค บันทึกผลหลงั การจดั กระบวนการเรยี นรู้ คร้งั ที.่ ....... วนั ที่.......เดือน............................พ.ศ............... ผลการใช้แผนการจดั กระบวนการเรียนรู้ 1. จำนวนเนื้อหากบั จำนวนเวลา เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
2. การเรียงลำดับเนื้อหากบั ความเข้าใจของผู้เรียน เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การนำเข้าสบู่ ทเรยี นกับเน้อื หาแตล่ ะหัวข้อ เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบุเหตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. วิธกี ารจดั กจิ กรรมการเรยี นร้กู บั เนื้อหาในแต่ละข้อ เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบุเหตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. การประเมินผลกับตัวชีว้ ัดในแตล่ ะเน้ือหา เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบเุ หตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการเรยี นรขู้ องผูเ้ รยี น …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการจดั กระบวนการเรียนรูข้ องครู …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข้อเสนอแนะ
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………… ลงชอื่ ................................................ ผู้บันทกึ () ครู กศน.ตำบล ความเห็นของผู้อำนวยการสถานศกึ ษา ............................................................................................................................. ........................................................................................................ ............................................................................................................................. ........................................................................................................ ................................................................ ลงช่อื .................................................. (นางมาลี เพง็ ดี) ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอหนองไผ่ แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรขู้ องผู้เรียน ช่อื โครงการ/กจิ กรรม........................................................................................................................ ช่ือโรงเรยี น/สถานศกึ ษา …………………………………………………………………………………………………….. ชื่อหวั หน้าโครงการ/กิจกรรม............................................................................................................. คำชี้แจง ให้ผปู้ ระเมินทำเคร่อื งหมายถูก () ลงในช่องระดับพฤติกรรมของผ้เู รียน โดยมีเกณฑ์ระดบั คณุ ภาพการประเมนิ ดังนี้ 5 มีพฤติกรรมการเรยี นรู้ มากทส่ี ุด 4 มพี ฤติกรรมการเรยี นรู้ มาก 3 มีพฤติกรรมการเรยี นรู้ ปานกลาง 2 มีพฤติกรรมการเรียนรู้ นอ้ ย 1 มีพฤติกรรมการเรยี นรู้ นอ้ ยที่สดุ เกณฑ์การพิจารณาระดับคณุ ภาพ คะแนนเฉล่ียรอ้ ยละ 0 - 50 ระดบั คณุ ภาพ ปรับปรุง คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 50 - 69 ระดับคุณภาพ พอใช้ คะแนนเฉลีย่ รอ้ ยละ 70 – 79 ระดับคุณภาพ ดี คะแนนเฉลย่ี รอ้ ยละ 80 – 89 ระดับคณุ ภาพ ดมี าก คะแนนเฉล่ียรอ้ ยละ 90 - 100 ระดบั คุณภาพ ดีเยย่ี ม พฤติกรรมการเรยี นรู้ ระดบั พฤติกรรม 1 5432 1. ความต้ังใจในการทำงาน
2. ความรับผดิ ชอบ 3. ความกระตอื รอื ร้น 4. การตรงตอ่ เวลา 5. ผลสำเรจ็ ของงาน 6. การทำงานรว่ มกบั ผ้อู ื่น 7. มีความคดิ รเิ ร่ิมสรา้ งสรรค์ 8. มีการวางแผนในการทำงาน 9. การมสี ่วนร่วมในการแสดงความคดิ เห็นในกลมุ่ 10. การมีส่วนรว่ มในการแก้ไขปญั หาในกล่มุ ลงชือ่ ......................................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.............................../..................... แผนการจัดการเรยี นรรู้ ายภาค คร้งั ท่ี 16 เรือ่ ง การรเู้ ทา่ ทันข่าว และบทลงโทษการ นำเข้าข้อมูล อันเปน็ เท็จในโลกสังคมออนไลน์ เวลาเรียน 6 ชวั่ โมง แนวคดิ ในปัจจุบันพฤติกรรมการบริโภคข่าวสารของผู้อ่านได้เปลี่ยนไปอย่างมาก เนื่องจากสื่อและเทคโนโลยี ได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว มีการบริโภค ขา่ วสารผ่านทางส่ือสังคมออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก ทวติ เตอร์ หรือ ไลน์ มากข้ึน และในสือ่ โซเชยี ลผู้ใชง้ านอินเทอร์เน็ตท่ัวไปยังสามารถแสดงบทบาท เป็นผู้นำเสนอข่าว เองได้ โดยมีผู้อ่านจำนวนไม่น้อยให้ความสนใจและคอยติดตาม เนื่องจากนำเสนอข่าวท่ีรวดเร็ว แปลกใหม่ หวือหวาและเร้า อารมณ์ ถึงแม้ว่าความรวดเร็วในการรายงานข่าวทางออนไลน์จะช่วยทำให้ผู้อ่านรับข้อมูลข่าวสารอย่าง ทันท่วงที แต่ปัญหาท่ีเกิดขึ้นคือข่าว ออนไลน์บางส่วนไม่ได้รับการกล่ันกรองคุณภาพและความถกู ต้อง เนอื่ งจากเปน็ สื่อทเ่ี ปิดกวา้ ง และไมไ่ ด้ถูกจำกดั ว่าเปน็ ข่าวนำเสนอจากสื่อมวลชน กระแสหลักแต่เพียง อย่างเดยี วอีกต่อไป นอกจากน้ี ขา่ วท่ีนำเสนอผ่านทางหน้านิวส์ฟีดของโซเชยี ลมีเดียยงั สามารถ ถูกส่งต่อหรือแบ่งปันให้ผู้อื่น อา่ นตอ่ ไดใ้ นวงกวา้ ง ซงึ่ สง่ ผลทำให้เกดิ การแพร่กระจายของข่าวสาร อย่างรวดเร็วและสรา้ งอทิ ธิพลต่อความคิดของคนในสังคมเป็นอย่างมาก ด้วย เหตุนีจ้ งึ เป็นการเปดิ โอกาสให้ผไู้ ม่หวงั ดีสร้างขา่ วปลอมเข้ามาปะปนกับข่าวอนื่ ๆ บนโลกออนไลน์ จนทำให้ผอู้ ่านหลงเชื่อ ข่าวปลอม ขา่ วลอื หรือ ข่าวบิดเบอื นเพราะไม่รู้เท่าทนั ส่อื เหล่านี้ ตัวชว้ี ดั 1. บอกความหมายของการรเู้ ท่าทัน ข่าวได้
2. วิเคราะหว์ ตั ถปุ ระสงคก์ ารสรา้ ง ขา่ วปลอม (Fake News) ได้ 3. วิเคราะห์สาเหตุของการเช่ือข่าว ปลอม (Fake News) รูปแบบต่าง ๆ ที่ เกิดขึ้นในปัจจุบันและ คิดสร้างสรรค์แนวทาง การป้องกัน ตนเองใหร้ ูเ้ ทา่ ทันขา่ วปลอม (Fake News) ได้ 4. อธิบายลักษณะและรูปแบบของ เนอ้ื หาขา่ วปลอม (Fake News) ได้ 5. สามารถจัดการรบั มือกบั ขา่ ว ปลอม (Fake News) ได้ 6. อธบิ ายบทลงโทษ ที่เกิดข้นึ จากการนำเขา้ ขอ้ มูลอนั เป็นเทจ็ ในสังคมออนไลน์ในแตล่ ะ กรณีได้ 7. วิเคราะห์กรณีศกึ ษา : การรเู้ ท่า ทันขา่ วปลอม (Fake News) ได้ 8. เข้าใจการรบั มือกับ ข่าวปลอม (Fake News) ที่เกิดขน้ึ และตระหนักถึงปัญหาท่ี เกิดข้ึนในสงั คม จากข่าวปลอม (Fake News) ทเี่ กดิ ขึ้น ในปจั จุบัน เนือ้ หา 1. การรู้เทา่ ทนั ขา่ วปลอม (Fake News) 1.1 ความหมายของการ ร้เู ทา่ ทันขา่ ว 1.2 วตั ถุประสงค์ของการสรา้ งข่าวปลอม (Fake News) 1.3 สาเหตุของการเช่ือ ขา่ วปลอม (Fake News) 1.4 การสร้างทกั ษะรูเ้ ทา่ ทนั ข่าว 2. การรับมอื กับข่าวปลอม (Fake News) 2.1 ลักษณะและรปู แบบเนื้อหาของขา่ ว ปลอม (Fake News) 2.2 การจดั การข่าวปลอม (Fake News) 3. บทลงโทษการนำเข้าข้อมลู อนั เปน็ เทจ็ ในโลกสังคมออนไลน์ 3.1 การนำเขา้ ขอ้ มูลบดิ เบือนหลอกลวง 3.2 การนำเข้าขอ้ มูลอันเป็นความผดิ เกยี่ วกับความม่ันคงหรอื การก่อการรา้ ย 3.3 การนำเขา้ ภาพตัดต่อ 3.4 การใหค้ วามรว่ มมือ ยินยอม รู้เห็น เป็นใจในการนำเขา้ ขอ้ มลู อันเปน็ เท็จ 3.5 การทำลายข้อมลู เท็จ 4. กรณศี กึ ษา : การรเู้ ทา่ ทนั ข่าวปลอม (Fake News) ข้นั ตอนการจดั กระบวนการเรยี นรู้
ขน้ั ตอนท่ี 1 การสร้างแรงบนั ดาล (Passion : P) 1. ครูทักทายผู้เรียน พร้อมทั้งแนะนำตนเอง และแผนการจดั การเรียนรู้ ซงึ่ การจดั การเรียนรู้ท่ผี ู้เรยี นจะต้องเรียนรรู้ ่วมกนั ในครั้งน้ี คือ เร่ือง “การรู้เท่าทันข่าว และบทลงโทษการ นำเข้าข้อมูล อันเป็นเท็จใน โลกสังคม ออนไลน์” และชวนคิดชวนคุยเก่ยี วกบั เรื่องท่ีจะเรยี นรู้เพื่อกระตุ้นให้ ผู้เรียนเกิดความสนใจและมีความกระตือรือร้นในการเช่ือมโยงและสร้างความพร้อมท่ีจะเรียนรู้หรือทำกิจกรรมการเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ คร้ังนี้ 2. ครูช้ีแจงวัตถุประสงค์ เน้ือหา กิจกรรม การวัดและประเมินผลของการเรียนรู้ในครั้งนี้ ท่ีสอดคล้องกับตัวช้ีวัดตามแผนการจัดการเรียนรู้ คร้งั น้ี เพ่ือใหผ้ ู้เรยี นเข้าใจอย่างชดั เจนวา่ ผู้เรียนจะต้องเรยี นร้ใู หบ้ รรลุตัวชวี้ ดั ทีก่ ำหนดตามแผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี 3. ให้ผเู้ รียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน จำนวน 10 ขอ้ โดยใช้เวลา 10 นาที 4. ครูใหผ้ ู้เรียนศกึ ษา ใบความรู้ นอกจากนี้ ในการพบกลุ่มแต่ละคร้ังน้ัน ครูจะมอบหมายงานให้ผู้เรียนไปเรียนรู้ด้วยวิธีการเรียนรู้ด้วยตนเอง ซึ่งวิธีการเรียนรู้ด้วยตนเอง จะต้องเกิดข้ึนในทุก ๆ ตัวช้ีวัดและเน้ือหาที่กำหนดโดยผู้เรียนจะต้องปฏิบัติกิจกรรมที่กำหนดให้ด้วยวิธีเรียนรู้ออนไลน์ และศึกษาจากเอกสาร ประกอบการเรียน ดังนน้ั ครูจะตอ้ งเช่ือมโยงรายละเอียดดังกล่าวข้างต้นให้ผเู้ รยี นได้เกดิ ความเข้าใจและเกดิ แรงบันดาลใจในการเรียนรทู้ ี่จะเกิดขึ้น เพราะ การมอบหมายงานให้ผู้เรียนไปเรียนรู้ด้วยวิธีเรียนรู้ด้วยตนเองนั้น ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ออนไลน์ผ่านอินเทอร์เน็ต และศึกษาเอกสาร ประกอบการเรยี น 5. ครูชวนคิดชวนคุยเกี่ยวกับประสบการณ์เดิมของครูในเร่ืองท่ีจะเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้นี้ โดยครูสุ่มผู้เรียนตามความสมัคร ใจ จำนวน 4-5 คน ให้ยกตัวอย่างผลกระทบจากการอ่านขา่ วท้งั ท่เี ปน็ ผลดแี ละผลเสยี ข้ันตอนที่ 2 การนำไปใช้ประโยชน์ (Utilization : U) 1. ครูให้ผู้เรียนแลกเปล่ียนเรียนรู้ โดยแบ่งผู้เรียนออกเป็น 2 กลุ่ม ๆ กลุ่มละ 4 - 5 คน ดำเนินกิจกรรมตามใบงานเป็นรายกลุ่ม โดยกลุ่มที่ 1 ศึกษาใบความรู้เรอ่ื ง “การร้เู ทา่ ทันข่าว” กลมุ่ ท่ี 2 ศกึ ษาใบความรเู้ รื่อง “บทลงโทษการ นำเขา้ ขอ้ มูล อันเปน็ เทจ็ ใน โลกสังคม ออนไลน์” 2. ครูแนะนำแหล่งเรียนรู้ให้กับผู้เรียนเพ่ือใช้เป็นเคร่ืองมือในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง อาทิ ห้องสมุด แหล่งเรียนรู้ในชุมชน หน่วยงาน สถานศึกษาต่าง ๆ รวมท้ังการใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อการเรียนรูด้ ว้ ยตนเอง เปน็ ตน้ 3. ครูดำเนินการทำหน้าที่นำการอภิปราย โดยให้ผู้เรียนกลุ่มใหญ่ร่วมกันแสดงความคิดเห็น คิดวิเคราะห์ อภิปราย และวิเคราะห์ให้ ข้อมูลเพิ่มเติมในเน้ือหาหรือประเด็นที่ยังไม่ชัดเจนตามรายละเอียดที่ผู้เรียนได้แลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกัน หากผู้เรียนกลุ่มใหญ่หรื อครูเห็นว่ายัง ไม่สมบูรณ์ มีความต้องการในการเรียนรู้เพิ่มเติม ครูจะช่วยเติมเต็มความรู้ให้กับผู้เรียน หลังจากนั้นครูและผู้เรียนสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ในภาพรวม ทง้ั หมดแล้วให้ผู้เรยี นสรุปส่งิ ที่ได้เรยี นรลู้ งในสมุดบนั ทึกการเรียนร้ขู องตน หมายเหตุ : ในการดำเนินกิจกรรมกลุ่ม ครูชี้แจงบทบาทหน้าที่ในการทำงานให้ผู้เรียนได้มีความรับผิดชอบร่วมกันในการทำงาน ซึ่งมอบหมายให้ ผู้เรียนดำเนินการแต่งตั้งประธานหรือผู้นำในการอภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการมอบหมายให้มีผู้รับผิดชอบในภารกิจต่าง ๆ รวมถึงการ แต่งตั้งเลขานุการของกลุ่มเป็นผู้จดบันทึกและผู้รักษาเวลา เพื่อปฏิบัติงานของกลุ่มใหญ่ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ และพิจารณาว่าสมาชิก ลุ่มทุกคนควรมีความเข้าใจตรงกนั ว่า ตนมบี ทบาทหน้าทท่ี ่ีจะต้องช่วยให้กลุ่มทำงานได้สำเรจ็ ครคู วรให้คำแนะนำถึงความสำคัญของการให้สมาชิก
ทกุ คนในกลุ่มมีส่วนร่วมในการอภปิ รายอย่างท่ัวถึง ไม่ให้มีการผกู ขาดการอภิปรายโดยผู้ใดผู้หนึ่ง และควรมกี ารจำกดั เวลาของการอภปิ รายแต่ละ ประเดน็ ในระหว่างการทำกิจกรรมของผู้เรียน ครูมีบทบาทในการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน คอยกระตุ้นผู้เรียนให้เกิดความ กระตือรือร้นในการเรียนรู้ โดยบันทึกลงในแบบบันทึกพฤติกรรมการเรียนรู้ของผ้เู รยี น และเครื่องมอื ประเมินการสงั เกตแบบประมาณค่า 4. ครูเปิดโอกาสให้ผู้เรียนท้ังกลุ่มร่วมกันสนทนา เพ่ือให้ผู้เรียนมีทักษะในการฟัง พูด คิดวิเคราะห์ การทำงานร่วมกับผู้อื่น การคิด สร้างสรรค์ ความรับผิดชอบ และการนำความรู้ในเนื้อหามาใช้โดยครูบูรณาการเนื้อหาการเรียนรู้ มีการใช้ส่ือเทคโนโลยีที่เป็นคลิปวิดีโอจาก youtube ทสี่ ัมพนั ธก์ ับเนื้อหา ท้ังน้ีครูเชื่อมโยงสง่ิ ทไี่ ด้เรียนรู้ตามขน้ั ตอนที่ 1 ในการนำความรไู้ ปส่กู ารปฏบิ ัติและประยุกตใ์ ช้ หลงั จากน้นั ครูดำเนินการ ดังน้ี (1) ครบู รรยายเน้ือหาตามใบความรู้ เพือ่ ใช้สำหรับประกอบกจิ กรรมการเรียนรู้ (2) ครูเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แลกเปล่ียนเรียนรู้ โดยให้ผู้เรียนต้ังประเด็นข้อสงสัยหรือส่ิงท่ีต้องการเรียนรู้ในกระบวนการของการสาธิต และเชอ่ื มโยงสู่การนำไปใชใ้ นชีวิตจริงของผเู้ รียนตอ่ ไป 5. ครแู ละผู้เรยี นอภิปรายและสรุปผลการเรยี นรรู้ ว่ มกัน ขนั้ ตอนที่ 3 การสะท้อนความคิดจากการเรยี นรู้ (Reflection : R) 1. โดยแบง่ ผู้เรียนออกเปน็ 2 กลมุ่ ๆ กลุ่มละ 4 - 5 คน ดำเนินกิจกรรมตามใบงานเปน็ รายกล่มุ โดยกลุม่ ที่ 1 ศกึ ษาใบความรู้เร่ือง “การรู้เท่า ทันขา่ ว” กลุ่มที่ 2 ศึกษาใบความรูเ้ รือ่ ง “บทลงโทษการ นำเข้าข้อมูล อันเป็นเท็จใน โลกสงั คม ออนไลน์” 2. ให้ผเู้ รียนแต่ละกลุ่ม ปฏบิ ัติกจิ กรรมตามใบงาน 3. ใหผ้ ู้เรยี นแต่ละกลมุ่ นำเสนอผลการทำกิจกรรมกลุม่ 4. ครูให้ผู้เรียนสะท้อนความคิดในการเรียนรู้ท่ีได้จากการเรียนรู้และการปฏิบัติการ 5. ครูและผู้เรียนอภิปรายและสรุปผลการเรียนรรู้ ่วมกนั ขนั้ ตอนที่ 4 การการติดตามประเมินและแก้ไข (Action : A) 1. ครแู ละผูเ้ รยี นอภปิ รายและสรุปผลการเรยี นรู้ 3. ใหผ้ เู้ รียนทำแบบทดสอบหลงั เรียน จำนวน 10 ข้อ โดยใชเ้ วลา 10 นาที 4. ครแู ละผเู้ รียนสรุปภาพรวมสง่ิ ทีไ่ ด้เรียนรู้รว่ มกนั นอกจากน้ี ในตอนท้ายของการพบกลุม่ หลังจากเสรจ็ สนิ้ ขน้ั ตอนที่ 3 ครูมอบหมายงานให้ผู้เรียน เรียนรู้ดว้ ยตนเอง สอื่ วสั ดุ อปุ กรณ์ และแหล่งการเรยี นรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรียน 2. ใบความรูส้ ำหรบั ผ้เู รยี น 3. .ใบงาน
การวดั และประเมินผล 1. สังเกตพฤติกรรมการมีสว่ นรว่ ม ความต้ังใจ และความสนใจของผเู้ รยี น 2. ผลการทดสอบก่อนและหลงั เรยี น 3. ผลการออกแบบและสรา้ งสรรค์นวัตกรรมและสงิ่ ท่ตี อ้ งการพัฒนา/ชิ้นงาน/ผลงาน 4. ผลการประเมินความพงึ พอใจของผู้เรยี น ใบความรู้ ครง้ั ที่ 16 รายวิชา สค 0200036 รูท้ นั ข่าวและ Fake News การรูเ้ ท่าทันข่าว 1. การรูเ้ ท่าทนั ข่าวปลอม (Fake News) ส่ือและเทคโนโลยที เี่ ปลีย่ นแปลง ในปจั จบุ นั พฤติกรรมการบริโภคข่าวสารของผ้อู า่ นตอ้ ง เปลี่ยนไปอยา่ งมาก เนื่องจากส่ือและเทคโนโลยีได้พฒั นาอย่างรวดเรว็ มกี ารบริโภคข่าวสารผ่านทางสอื่ สงั คมออนไลน์ เช่น เฟซบ๊กุ ทวิต เตอร์ หรือไลน์ มากขนึ้ และในสอื่ โซเชยี ลผ้ใู ช้งานอินเทอรเ์ นต็ ท่ัวไปยังสามารถแสดงบทบาทเปน็ ผู้นำเสนอขา่ วเองได้ โดยมผี ู้อ่านจำนวนไมน่ ้อย ให้ความสนใจและคอยติดตาม เนอ่ื งจากนำเสนอขา่ วท่รี วดเรว็ แปลกใหม่ หวอื หวาและเรา้ อารมณ์ ถึงแม้ว่าความรวดเร็วในการรายงานข่าวทางออนไลน์จะช่วยทำให้ผอู้ ่านรับข้อมลู ข่าวสาร อย่างทนั ทว่ งที แตป่ ัญหาทเ่ี กิดข้นึ คือข่าวออนไลนบ์ างส่วนไมไ่ ดร้ ับการกล่นั กรองคุณภาพและความถูกต้องเนอ่ื งจากเป็นสอื่ ท่เี ปิดกว้าง และไม่ได้ ถูกจำกัดว่าเปน็ ข่าวนำเสนอจากส่อื มวลซนกระแสหลกั แต่เพียงอย่างเดียวอีกตอ่ ไป นอกจากนี้ ข่าวทน่ี ำเสนอผา่ นทางหน้านิวสฟ์ ติ ของโซเชียล มเี ดียยังสามารถถูกส่งตอ่ หรือแบ่งปันใหผ้ ู้อนื่ อ่านต่อได้ในวงกวา้ ง ซ่ึงส่งผลทำใหเ้ กิดการแพรก่ ระจายของข่าวสารอย่างรวดเร็วและสร้างอทิ ธิพล ตอ่ ความคดิ ของคนในสังคมเป็นอย่างมาก ดว้ ยเหตุนจ้ี งึ เปน็ การเปิดโอกาสใหผ้ ้ไู มห่ วงั ดสี ร้างข่าวปลอมเข้ามาปะปนกับข่าวอนื่ ๆ บนโลกออนไลน์ จน ทำใหผ้ อู้ ่านหลงเชื่อข่าวปลอม ขา่ วลอื หรือ ขา่ วบิดเบอื นเพราะไม่รู้เท่าทนั ส่อื เหล่าน้ี พลเมืองดจิ ทิ ลั จงึ ควรมีทักษะในการรู้เท่าทนั ขา่ ว มวี ิจารณญาณยกแยะไดว้ ่าข่าวใดเป็นข่าว
ปลอมมีทักษะในการวิเคราะห์และตรวจสอบ เพื่อที่จะได้ข้อมูลที่ถูกต้องในการแสดงความคิดเห็น รู้จักประเมินและเลือกใช้ข้อมูลได้อย่ างมี ประสิทธิภาพ เพื่อสร้างการเปล่ียนแปลงให้เกิดสังคมประชาธิปไตยท่ีผู้คนแลกเปล่ียนข้อมูลข่าวสารและแสดงความคิดเห็นบนข้อเท็จจริงและ เหตุผล 1.1 ความหมายของการรูเ้ ท่าทนั ข่าว การรเู้ ท่าทนั ขา่ ว คือ ทกั ษะในการคดิ วิเคราะหข์ า่ วสารเพือ่ ทจี่ ะตรวจสอบและประเมิน ความน่าเชื่อถือของขา่ วสารและข้อมูล รู้ว่าข่าวนั้นน่าเช่ือถือหรือไม่ รูว้ ่าข่าวนั้นเขียนขึน้ ด้วยจุดประสงค์การแยกแยะข้อเท็จจริงออกจากความ คิดเห็นและการช้ีนำของผู้สร้างและเขียนข่าว ไม่ใช้อคติในการรับข่าวสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งรู้จักการตรวจสอบข่าวปลอมท่ีมักเผยแพร่ทา งส่ีอ อินเทอร์เน็ต เพ่ือได้ไม่ตกเป็นเหย่ือของผู้ไม่หวังดีพฤติกรรมการใช้ส่ือสังคมออนไลน์ในการรับรู้และเช่ือข่าวสาร โดยขาดทักษะการรู้ เท่าทันข่าว นัน้ เป็น เร่ืองสำคัญท่ีไม่สมควรจะมองข้ามข่าวสารที่ไม่มีความจริงหรือท่ีเรียกว่าข่าวปลอม (Fakenews) ที่เผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์น้ัน สามารถจะ ส่งผลกระทบต่อสังคมโดยรวมได้เน่ืองจากข่าวปลอมมีการบิดเบือน ใส่ร้าย และชี้นำ จนอาจทำให้ประชาชนเกิดความสับ สน และขัดแย้งจนอาจ ส่งผลใหเ้ กิดความวุ่นวายในสังคมได้ ปัจจบุ ันยงั ไมม่ ีคำจำกัดความทีแ่ นน่ อนของข่าวปลอม (Fake news) ผู้ใหค้ ำนิยามกต็ ี ตคี วามหมายของขา่ วปลอมแตกตา่ งกนั ออกไป อยา่ งไรก็ตามความหมายกวา้ งๆ ของข่าวปลอมคือ \" ข่าวท่ี ไมจ่ ริง \" เนอ้ื หาของข่าวปลอมอาจ มีข้อเท็จจริงเพียงเล็กน้อยหรือเพียงบางส่วนแต่ขาดบริบทของรายละเอียดหรืออาจเป็นข่าวท่ีไม่มีมูลความจริงเลย เน้ือหาของข่าวเป็นเรื่ องท่ีกุ ขน้ึ มาหรือไม่มีข้อเท็จจริง ไม่มีแหล่งข่าวหรือคำพูดท่ีตรวจสอบได้ ข่าวปลอมบางประเภทก็อาจมเี น้ือข่าวท่ีตรวจสอบได้จริง แต่มลี ักษณะการเขียน ด้วยอคติ จงใจให้ร้าย หรือไม่ใส่รายละเฮียดท่ีสำคัญต่อเหตุการณ์ลงใน เนื้อข่าวหรือนำเสนอจากมุมมองด้านเดียว บางคร้ังข่าวปลอมก็เ ป็น โฆษณาชวนเช่ือทจี่ งใจเขียนขนึ้ มาเพ่อื ชีน้ ำคนอา่ น โดยมีแรงจูงใจทางการเมอื ง หรืออาจเป็นเพียงแค่ \" พาดหวั ยว่ั ใหค้ ลิก \" (Clickbait) ที่เขียนล่อ ใหค้ นเขา้ มาอา่ นเพอ่ื เพ่ิมยอดววิ โดยมีแรงจงู ใจทางการเงนิ อยูเ่ บ้อื งหลงั 1.2 วตั ถุประสงคข์ องการสร้างข่าวปลอม (Fake News) ปัจจุบันขา่ วปลอมถูกสร้างโดยใครก็ได้ทส่ี ามารถเข้าถึงอินเทอร์เนต็ เน่ืองจากเทศโนโลยี ปัจจุบันทำให้การสร้างข่าวที่ดูเหมือนจริงทำได้งา่ ยย่ิงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อภาพ ทำวิดีโอ สร้างเว็บไซต์หรือแพลตฟอรม์ ท่ีดูเห มือนข่าวจริงๆ และข่าวเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบความถูกต้องหรือกล่ันกรอง จากกองบรรณาธิการย่ิงไปกว่าน้ันความเป็นนิรนามของ ส่ือออนไลน์ทำให้คนเหล่านี้ปกปิดตัวตนที่แท้จริงได้ และเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตยังทำให้ข่าวปลอมง่ายต่อการเข้าถึง และแพร่สะพัดได้อย่ าง รวดเร็วและเป็นวงกว้าง เรื่องที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าใครเป็นคนสร้างข่าว คือ แรงจูงใจของพวกเขา การสร้างข่าวปลอมของนักสร้างข่าวเกิด จากหตุผลและแรงจูงใจได้มากมาย เช่น ความเกลียดชังคับแค้นใจ เผยแพร่อุดมการณ์ ใส่ร้ายคู่แข่ง ขายสินค้าและบริการอย่างไรก็ตาม แรงจงู ใจหลักของการสร้างข่าวปลอมมี 3 อยา่ ง คือ 1. ล้อเลยี นเสียดสี ผสู้ ร้างขา่ วปลอมตอ้ งการให้เกิดความขบชัน โดยการล้อเลยี นหรอื เสียดสผี มู้ ี อำนาจ คนท่ีมีชื่อเสียง หรือเหตุการณ์ปัจจุบัน เน่ืองจากเป็นการง่ายกว่าท่ีทำให้ผู้อ่านสนใจท่ีตัวบุคคล แทนท่ีจะเป็นการเสนอความ เห็นหรือ อภปิ รายเรื่องนโยบายท่ีขับชอ้ น เช่น ข่าวลอ้ เลยี นในหนังสอื พมิ พผ์ ู้จัดกวน 2. สร้างอิทธิพลต่อความคดิ ความเช่ือ ผสู้ ร้างข่าวปลอมอาจมีอคติ หรือมที ัศนคติทีเ่ อนเอียงเลือกข้าง จึงต้องการช้ีนำผ้อู ่านให้คล้อยตาม โดนการบิดเบอื นข้อมูลเน้ือหาขา่ วอาจจะเป็นการชื่นชมบุคคลหรือฝา่ ยที่ตนเองชอบเกินจริง หรือใสร่ ้ายฝ่ายตรงข้าม เช่น การพาดหัวข่าวที่ใส่ \" ความเห็นส่วนตัว \" ลงไปในลกั ษณะ ชน้ี ำผอู้ า่ น ถงึ แม้เนื้อหาของขา่ วนั้นจะมีความจรงิ อยู่บา้ ง 3. สร้างรายได้ ท่ีสำคัญข่าวปลอมสามารถสร้างรายได้ให้คนทำได้ ในการแช่งขันทางการเมืองหรือทางธุรกิจ อาจมีผู้ว่าจ้ างให้คนทำข่าว ปลอมเพ่ือสร้างรายได้ใส่ร้ายฝ่ายตรงข้ามด้วยการบิดเบือนข้อมูลและเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ในโลกอินเทอร์เน็ต ข่าวท่ีมีคนเข้าไปอ่านมากจ ะทำ
รายได้จากโฆษณา ยิ่งคนเขา้ ไปอ่านขา่ วมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพ่ิมโอกาสที่โมษณาในหนา้ น้ันจะถูกเหน็ และทำให้ผู้ดแู ลเวบ็ ไชต์น้ันๆ มีรายได้ ผู้ดูแลจึง มักใชพ้ าดหัวข่าวในลกั ษณะคลิกเบทนบางกรณี ผู้สร้างขา่ วปลอมหลอกให้ผู้อา่ นชมคลปิ ข่าวปลอมเป็นจำนวนหลัก หมื่น แล้วเว็บไซต์เหล่าน้ีได้ควบคุมบัญชีเฟซบุ๊กของผู้หลงเข้าไป เพ่ือไปใช้ประโยชน์ทางการค้าพอกดดูคลิป ก็จะต้องลงชื่อเข้าใช้เฟซบุ๊ก พอกด อนุญาตในเฟซบุ๊ก คนสร้างเว็บปลอมน้ันก็จะใช้เฟซบุ๊กของเหยื่อเป็นบอท (หุ่นยนต์) และนำไปเป็นใช้เป็นส่วนหน่ึงของกองทัพไลค์ของเขา เพ่ือ ขายไลคอ์ กี ต่อหน่งึ 1.3 สาเหตขุ องการเชอื่ มขา่ วปลอม ( Fake News) มเี หตผุ ลมากมายที่ผูอ้ ่านหลงเชื่อข่าวปลอม ส่วนใหญ่มักจะลมื ต้งั คำถามท่สี ำคัญเมือ่ กำลัง อา่ นขา่ ว อกี ทงั้ ขา่ วปลอมยังถูกสร้างได้แนบเนียนจนเราไม่ผดิ สงั เกตผู้อ่านขา่ วที่ 1. ตกหลุมพราง ผอู้ ่านมีแนวโน้มทีจ่ ะแชร์ข่าวปลอมท่ีตรงกบั ความคิดความเชื่อของตนเอง อยู่แล้วคนสร้างข่าวปลอมตั้งใจแต่แรกท่ีจะหลอกผู้อ่านข่าว พวกเขาจึงสร้างข่าวปลอมท่ีเร้าอารมณีตึงความสนใจกลุ่มเป้าหมายเพ่ือให้เกิด ความรู้สึกร่วมไปกับการชน้ี ำของผสู้ รา้ ง ผู้อ่านที่มีประสบการณร์ ่วมพร้อมที่จะเชื่อและแชร์ตอ่ โดยเฉพาะเมอื่ เป็นข่าวทีต่ รงข้ามกับชว่ั ตรงขา้ มของ ตน พวกเขารู้สึกว่าต้องมีปฏิกิริยาตอบกลับอย่างใดอย่างหนึ่ง ต่อประเด็นเน้ือหาที่ข่าวนำเสนอด้วยการกดชอบ/ ไม่ชอบ ส่งต่อ แซร์ หรื อแสดง ความเห็นตอ่ ขา่ วน้ัน ทำให้ข่าวปลอมได้รับความสนใจมากขึ้น 2. ไมส่ ามารถแยกแยะขา่ วบนหน้าเวบ็ จากท่ีเมอ่ื กอ่ นขา่ วสารไดก้ ารเผยแพร่ผ่านสอื่ ด้ังเดิม อย่างหนังสือพิมพ์ วิทยุ หรือโทรทัศน์ซึ่งมีกระบวนการการคัดกรองข่าวอยู่แล้ว และผู้รับสารมักจะคุ้นเคยกับส่ือเหล่านี้เป็นอย่างตึ จึงพอจะ แยกแยะไดว้ ่าข่าวใดเป็นข่าวปลอมหรือไม่ใส่ใจมากนัก แต่ในปัจจุบันท่ีผู้อา่ นข่าวสว่ นใหญร่ ับข้อมูลข่าวสารผ่านส่ือออนไลน์ ซึ่งเป็นส่ือที่ข่าวปลอม ถูกทำให้กลมกลิ่นกับข่าวจริง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการจัดหน้า หรือการแอบอ้างเป็นแหล่งข่าว จึงทำให้ผู้อ่านสับสนและยากที่จะแยกแยะข่า ว ปลอม 3. เปน็ กลไกของความเชื่อ เม่อื มเี พอ่ื นหรอื คนในครอบครวั ส่งต่อข่าวมาให้อา่ นผ่านทางสอ่ื สังคมออนไลน์ ผู้อ่านมักจะไม่ตระหนกั หรอื ใช้วจิ ารณญาณในการตรวจสอบขา่ วน้นั ๆ กอ่ น เพราะคิดว่าผู้สง่ คงกลน่ั กรองมาเรียบรอ้ ยแลว้ ในกรณี ข่าวท่ี เขียนโดยคอลัมนิสต์จากสำนักข่าว บล็อกเกอร์ หรือผู้ดูแลแฟนเพจรายงานข่าวในเฟซบุ๊กก็เช่นเดียวกัน หากเป็นบุคคลท่ีผู้อ่านข่ าวชื่นชม และติดตาม พวกเขาก็จะพร้อมท่ีจะเชื่อข่าวท่ีนำเสนอมาได้อย่างง่ายดาย หากข่าวนั้นตรงกันกับความคิดความเช่ือของพวกเขา เช่น ข่าวท่ี นำเสนอผา่ นแฟนเพจ Drama Addict หรอื CSI LA 4. ขา่ วปลอมเล่นกบั ความร้สู ึก ผสู้ รา้ งขา่ วปลอมฉลาดที่จะเล่นกบั ความรูส้ ึกของผอู้ ่าน ดว้ ย การเนน้ พาดหัวท่ีหวือหวา เนื้อข่าวทเ่ี ร้าอารมณ์ เชน่ ความไม่ยตุ ธิ รรมในสังคม การเอาเปรียบทางชนช้นั ข่าวลับลวงพราง พวกเขารูว้ ่าคนอ่าน จะถกู กระตนุ้ อารมณใ์ หม้ ปี ฏกิ ิริยาต่อข่าวน้นั ๆ เชน่ การกดเขา้ ไปอา่ น กดไลค์ แสดงความเหน็ และช่วยแชร์ข่าวออกไป 5. ผู้อ่านมีช่วงความสนใจส้ัน อกี หนงึ่ กลวิธที ใี่ ช้ในการเผยแพร่ข่าวปลอมหรือขา่ วที่มี คุณภาพต่ำคือ การหาผลประโยชน์จากพฤติกรรม “ นักอา่ นเวลานอ้ ย ” เน่ืองจากข้อมูลข่าวสารทเ่ี ราได้รบั ในแต่ละวนั มจี ำนวนมหาศาล ผู้คน จงึ มักใช้เวลาอ่านเพยี งพาดหัวขา่ วหรือข้อความในย่อหนา้ แรกกอ่ นแชรเ์ รื่องราวนั้นต่อ ผู้ประสงคร์ ้ายจึงฉวยโอกาสน้ีดว้ ยการเขียนพาดหัวข่าวและ ย่อหนา้ แรกที่ตรงไปตรงมาและประกอบด้วยขอ้ เท็จจริง โดยเร่อื งราวสว่ นทเี่ หลือเปน็ ขา่ วปสอมและขอ้ มลู ท่ีไม่เป็นความจริง 1.4 การสรา้ งทักษะการรเู้ ท่าทนั ถงึ แมว้ ่าปัญหาขา่ วปลอมจะได้รบั การดแู ลและจดั การจากภาคสว่ นตา่ ง ๆ เช่น การใช้ วิจารณญาณในการรับข่าวสาร เปิดรับแหล่งข่าวที่สามารถแยกแยะข้อเท็จจริงกับความคิดเห็นลงโทษของภาครัฐ การกำกับดูแลกันเองของ ภาคอุตสาหกรรม การให้ความรู้และข้อเท็จจริงของ เมื่อผู้รับข่าวสารเท่ทันข่าว ก็จะทำให้ตดจำนวนภาคประชาสังคมและสื่อมวลชนท่ีเป็นมือ อาชีพ การแชร์และแพร่กระและการวางเผยแพร่เน้ือหาในสื่อสังคมออนไลน์ นโยบายการใช้งานของกระจายของข่าวปลอมได้ แตส่ ิ่งท่ีน่ากังวลคือ ความไม่รู้เท่าหัน เฟซบุ๊ก ประเทศไทย ร่วมกับ คณะนิเทศศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต),
หลุมพรางของผู้สร้างข่าวปลอม กระทรวงดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและสังคม ดังน้ันผู้รับข่าวสารเอง ควรมีทักษะ (ดีอี และศูนย์ชัวร์ก่อนแช ร์ สำนัก ข่าวไทย อสมห, ได้ให้คำแนะนำผู้ใชง้ านอินเตอร์เน็ต ในการเรยี นรูว้ ธิ สี ังเกตข่าวปลอม ดังต่อไปน้ี 1. ตรวจสอบวันทขี่ ่าวปลอมอาจมสี ำดบั เหตกุ ารณท์ ไี่ มส่ มเหตุสมผลหรอื มีการทเี่ นื้อพาถูกท่ี พิมพ์ เพราะเรามกั พบเห็นผู้คนแชร์ 'ข่าว' เก่าอย่บู อ่ ยครง้ั บนโซเชียลมีเดีย 2. ตรวจสอบหลักฐานตรวจสอบแหลง่ ขอ้ มูลของผเู้ ขยี นเพื่อยนื ยนั วา่ แหลง่ ข้อมลู นั้นถูกต้อง ขา่ วท่ไี ม่มีหลกั ฐานหรอื อ้างองิ ผู้เชีย่ วชาญทไ่ี มร่ ะบุชอื่ อาจชใ้ี หเ้ หน็ วา่ ขา่ วตงั กลา่ วเปน็ ข่าว 3. สงั เกตสิง่ ทผ่ี ดิ ปกติเวบ็ ไซตข์ ่าวปลอมหลายแหง่ มักสะกดคำผดิ หรอื มกี ารจัดวางรปู แบบที่ ดไู ม่เปน็ มืออาชีพ หากเหน็ ลกั ษณะเหลา่ นค้ี วรอ่านข่าวอยา่ งระมัดระวงั 4. อยา่ หลงเชอ่ื หวั ข้อขา่ วข่าวปลอมมักมขี ้อความพาดหวั ทสี่ ะดุดตาทใ่ี ชต้ ัวหนาและ เครื่องหมายอัศเจรีย์ 1) หากหัวข้อข่าวฟังดูหวือหวาและไม่น่าเป็นไปได้ ข่าวนั้นก็น่าจะเป็นข่าวปลอม ข่าวปลอมและข่าวท่ีมีคุณภาพต่ำมักมีการ พาดหัวขา่ วท่ีกระตุ้นความรสู้ ึกเพอื่ ใหเ้ กิดจำนวนการคลกิ มากท่ีสดุ เท่าทจ่ี ะเป็นไปได้ 5. พจิ ารณารูปภาพข่าวปลอมมักมีรปู ภาพหรอื วดี ีโอทถี่ ูกบิดเบอื น บางครัง้ รูปภาพอาจเป็น รปู จรงิ แต่ไม่เกยี่ วขอ้ งกับบรบิ ทของเร่ืองขา่ วเราสามารถคันหารปู ภาพนั้นเพื่อตรวจสอบยนื ยนั แหลง่ ที่มาของรปู ภาพได้ 6. ขา่ วน้นั เป็นมกุ ตลกหรือไม่บางครั้งเรากแ็ ยกข่าวปลอมออกจากมุกตลกหรือข่าวเสยี ดสีได้ ยากตรวจสอบดูว่าเรื่องน้ันมาจากแหล่งท่ีมาที่ขึ้นชื่อเร่ืองล้อเลียนและเสียดสีข่าวหรอื ไม่ และพิจารณาว่ารายละเอยี ด ตลอดจนน้ำเสียงในการเล่า เรอื่ งพังดเู ป็นไปเพือ่ ความสนกุ สนานหรอื ไม่ 7. ตรวจสอบขอ้ มูลสนบั สนนุ ตรวจสอบเสมอว่าข้อมลู ประกอบในบทความ สนบั สนนุ เนอื้ หา หลักของเรอื่ งราวอย่างสมเหตุสมผลหรอื ไม่ ท้ังน้ีต้องระวังข้อมูลท่ีไม่สมบูรณ์หรือข้อมูลที่ถูกหยิบมาเพียงแค่บางสว่ นหรือออกนอกบริบทสามารถ นำมาเป็นเครื่องมือเพ่อื บิดเบือนข้อเท็จจริงไดน้ อกจากน้ี เน้ือหาของขา่ วปลอมมักประกอบด้วยภาษาทกี่ ระตุ้นอารมณ์และ บางครั้งอาจเป็นภาษา ที่ใชค้ ำรนุ แรงรวมถงึ ใชว้ ิธีการเขียนทผี่ ิดหลักภาษาและมีการสะกดคำผดิ 8. ตรวจสอบแหล่งขา่ ว ตรวจสอบใหแ้ น่ใจว่าเรอื่ งราวน้นั เขียนขน้ึ โดยแหล่งขา่ วที่นา่ เช่ือถอื และมีชื่อเสียงด้านการให้ข้อมูลทถี่ ูกต้อง หากเรอ่ื งราวนั้นมาจากแหล่งข่าวที่เราไม่รจู้ ักใหต้ รวจสอบท่ีส่วน \" เก่ียวกับ \" ของเพจแหล่งข่าวน้ัน เพื่อเรยี นรูเ้ พมิ่ เตมิ ตรวจสอบเนอ้ื หาอืน่ ๆท่ถี ูกนำเสนออยู่บนเวบ็ ไซต์ แงม่ ุมในการนำเสนอขา่ ว และรายละเอยี ดตดิ ตอ่ อื่นๆ ท่ปี รากฏบนเวบ็ ไชต์ 9. ตรวจสอบขอ้ มูลเกี่ยวกบั ผเู้ ขยี นศึกษาขอ้ มลู เบอื้ งต้นเกย่ี วกับผเู้ ขยี นว่าเป็นบุคคลท่ีน่าเชอื่ หรือมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ และเป็นบุคลากรท่ีอยู่ในแวดวงการรายงานข่าวมาเป็นระยะเวลามากน้อยอย่างไร ลองอ่านเรื่องราวอื่นๆ ท่ีเขี ยนโดย ผู้เขยี นคนเดียวกัน 10. เปรียบเทยี บขา่ วจากแหลง่ อน่ื ๆหากไมม่ ีแหล่งข่าวอน่ื ท่ีรายงานเรอื่ งเดียวกนั ก็อาจเปน็ สัญญาณบ่งชีว้ า่ ขา่ วน้นั อาจเปน็ ข่าวปลอม ถ้าขา่ วน้ันมกี ารรายงานจากหลายแหลง่ ขา่ วทีน่ า่ เชอื่ ถือ ก็เปน็ ไปได้วา่ ขา่ วน้ันจะเป็นข่าวจรงิ 11. พจิ ารณาลงิ ก์อย่างถี่ถว้ นระวังเว็บไชต์ปลอมท่ีแสร้งว่าเป็นองค์กรข่าวท่ดี ูน่าเชอื่ ถอื ข่าวปลอมจำนวนมากเลยี นแบบรูปลกั ษณข์ องแหล่งข่าวหรือมีตวั สะกดที่ตดั แปลงให้คล้ายกับเว็บไซตข์ า่ วหลกั ควรไปท่ีเวบ็ ไซตแ์ ละเปรยี บเทยี บลงิ ก์นั้นกับลิงก์ของแหลง่ ข่าวท่ีไดร้ บั การยอมรบั และนา่ เชอ่ื ถือได้ 12. อย่าใชอ้ คตคิ นเรามีแนวโนม้ ทีจ่ ะเชอื่ ขอ้ มูลซึ่งสอดคลอ้ งกับความเชอ่ื ส่วนตัวของเรา ก่อนที่จะตัดสินว่าเร่ืองราวใดๆ “ ไม่เป็นความจริง ” ควรไตร่ตรองให้ดีวา่ อคติส่วนตัวของเราไมไ่ ด้เข้ามามีอิทธพิ ลต่อการพิจารณาเนื้อหาดังกล่าว ในขณะนั้น 13. บางเรือ่ งกจ็ งใจสรา้ งขนึ้ ใหเ้ ป็นขา่ วปลอมควรแชร์ข่าวทม่ี ่ันใจวา่ เปน็ ข่าวท่ีเชือ่ ถือได้ เท่าน้ันด้วยการคิดวเิ คราะห์และพิจารณาบรบิ ทอย่างละเอียดถ่ีถว้ นการรูจ้ ักสังเกดส่ิงผิดปกตทิ ี่รูปแบบข่าวปลอมมักใช้จะช่วยให้เรารเู้ ท่าทนั และมี วิจารณญาณในการรับข่าวสาร
2. การรบั มอื กบั ข่าวปลอม (Fake News) ข่าวจริง * มาจากแหล่งข่าวท่ีน่าเชอื่ ถอื * พาดหวั มีทิศทางเดยี วกับเนอ้ื ขา่ ว * มชี ่อื ผูร้ ับผดิ ชอบหรือผู้เขยี นขา่ ว ㆍ บอกวนั ท่ที ลี่ งขา่ ว ㆍURL เขา้ กันได้กบั แหลง่ ขา่ ว * เมือ่ กคเข้าไปดูสิงค์อน่ื ( สามารถยอ้ นไปทแี่ หลง่ ข่าวต้นสงั กดั ได้ ขา่ วปลอม * มาจากเว็บไซตท์ ี่ไม่ค้นุ ชอ่ื * พาดหวั เร้าอารมณ์หรอื ไมไ่ ปทางเตียวกบั เนอื้ ขา่ วไม่มชี ่ือผูเ้ ชยี นข่าว ㆍUAL ดูแปลก ๆ หรอื เข้ากันไม่ได้กับแหล่งข่าวอาจลงวันที่เก่า ๆ หรือไม่ได้บอกเลย ไมส่ ามารถกลง้ิ คย์ อ้ นไปหาแหลง่ ขา่ วตน้ สังกดั ได้ ทักษะการรู้เท่าทันข่าว เป็นเร่ืองสำคัญท่ีพลเมืองดิจิทัลควรได้รับการเรียนรู้และฝึกฝนเพราะว่าในยุคข้อมูลข่าวสาร ผู้รับข่าวต้องรู้ จัก ประเมินได้ว่าอะไรจริงหรอื ไม่จริงแสะรจู้ ักวเิ คราะห์ข้อมูลข่าวสารท่ีได้รับมาอย่างระมัดระวัง รู้จักแยกแยะข้อเท็จจริงออกจากความคิดเห็น และ รู้จักตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับมาจาก หลาย ๆ แหล่ง เพ่ือท่ีจะได้กล่ันกรองข้อมูลท่ีน่าเชื่อถือและหลากหลายในการประกอบการคิด ตัดสิ นใจ และแสตงออกทางความคดิ เหน็ ในฐานะพลเมืองในสงั คมประชาธิปไตย 2.1 ลกั ษณะและรูปแบบเน้ือหาของข่าวปลอม (Fake News) สำหรับลักษณะเนอ้ื หาของข่าวปลอมนัน้ First Draft News ซึง่ เป็นองคก์ รทีต่ ั้งขึน้ มาเพตื่ อ่ สู้ กับข่าวปลอม ร่วมกับโซเซียลมีเดีย และ Publisher อีกกว่า 30 ราย รวมถึง เฟซบุ๊ก, ทวิตเตอร์,New York Times หรือ BuzzFeed ได้ จดั รปู แบบเน้ือหาของขา่ วปลอมไว้ 7 แบบโดยเรยี งตามระดบั ความรนุ แรงจากนอ้ ยไปหามาก ดงั นี้ เนอ้ื หาลอ้ เลียนเสยี ดสี (Satire or Parody)ขา่ วลอ้ เลียน ไมไ่ ดม้ ีเจตนาในการสร้างควาเข้าใจ ผิดหรือต้องการให้ผู้อ่านหลงเชื่อ แต่ต้องการล้อเลียน หรือทำให้ขบขัน มักเป็นการล้อเลียนเหตุการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน หรือล้อเลีย นคนมี ชอ่ื เสยี ง โดยมักมีการจัดหนา้ เลียนแบบหรอื รูปแบบให้เหมอื นข่าวจริง จนบางครง้ั ผ้อู ่านหลงเช่ือว่าเปน็ ข่าวจริงได้ เช่น บทความใน “ ผู้จัดกวน ” หรือในเว็บไชต์ “ ข่าวปด ” จริง ๆ ขา่ วลอ้ เลียนไมใ่ ช่ขา่ วปลอม แต่การท่ีผู้อ่านอาจขาดความรูค้ วามเข้าใจ จึงทำให้ข่าวล้อเลียนมีคุณลักษณะถูก จัดวา่ เปน็ ขา่ วปลอมไดเ้ ช่นกัน ชาวประเภทนมี้ ีระดับความรุนแรงนอ้ ยทีส่ ดุ เน้อื หาไมต่ รงพาดหัว (False connection)เรียกอีกอยา่ งว่า พาดหวั ย่วั ใหค้ ลิก(Clickbait) คือ ข่าวมีการเช่ือมโยงเน้ือหาที่ผิด พาดหัวข่าวรูปภาพ หรือคำบรรยาย ไม่ได้เชื่อมโยงกับเนื้อหาข่าวจริงๆ เป็นการโยงสองสิ่งไม่ได้ เกี่ยวข้องกัน เลยแต่ถูกนำมากล่าวถึงในข่าวเดียวกันหรือทำให้มาเช่ือมโยงกัน โดยพาดหัวมักจะเป็นการเร้าอารณ์ตึงตูดให้คนเข้ามาอ่าน เนื่องจากปัจจุบัน ผอู้ ่านมักจะมีช่วงความสนใจที่ส้ันลงจงึ ทำให้สำนักข่าวออนไลน์ เน้นพาดหวั ขา่ วให้หวอื หวา หรือใช้รูปที่ไม่ใด้เกีย่ วข้องโดยตรงกับข่าวเพ่ือดึงความ สนใจให้คนกดเขา้ มาอา่ น เนือ้ หาช้นี ำ (Misleading) เปน็ ขา่ วทม่ี ีเนื้อหาขอ้ เท็จจรงิ แต่จงใจบิดเบือนเรอ่ื งราวหรือใส่
ร้ายผู้อน่ื ให้เข้าใจผิดโดยการชี้นำไปในทางใดทางหนึ่ง เป็นการเขียนชา่ วโตยใช้อคติของผู้เขยี น เช่น ข่าวรัฐบาลปลดลอ็ กกัญชาเสรที ี่นักขา่ วเจตนา ชี้นำให้คนอ่านเข้าใจผิดว่ารัฐบาลจะทำให้การเสพกัญชาถูกกฎหมายท้ังท่ีในคว ามจริงเป็นการเปิดโอกาสให้สามารถนำกัญซาไปใช้ประโยชน์ทาง การแพทย์ เนอื้ หาที่ผิดบริมท (False Context) เป็นข่าวท่ีมีเนือ้ หาขอ้ มูลจรงิ แตน่ ำบรบิ ทอ่นื ท่ไี ม่ เก่ียวกับเนอื้ หานั้นมาเช่ือมโยงทำใหค้ นตีความผดิ เชน่ เน้ือหาของขา่ วเปน็ เรื่องจริงแตน่ ำภาพประกอบจากแหลง่ อ่ืนมาประกอบ เช่น ข่าวกู้ภยั จบั งู เหลือมเข้าบ้าน เนื้อช่าวเป็นเร่ืองจริง แต่นำภาพประกอบงูอนาคอนดาจากภาพยนตร์มาประกอบ ซ่ึงทำให้คนเข้าใจผิดว่างูเหลือมที่ถูกจับนั้ นตัว ใหญ่มาก เนอื้ หาแอบอา้ ง (Impostor) คอื ข่าวที่มีการแอบอา้ งบคุ คล แหล่งขอ้ มูลหรือแหล่งข่าวทีไ่ ม่ จริง หรืออ้างตัวเป็นแหล่งข่าวท่ีน่าเชื่อถือ ข่าวปลอมประเภทน้ีมักเป็นข่าวออนไลน์ท่ีสร้างรูปแบบให้เหมือนสำนักข่าวจริง ๆ หรือแอบอ้ างช่ือ สำนักข่าวที่มชี ื่อเสยี ง ซ่ึงทำความสับสนใหผ้ ู้อา่ นอย่างมาก เช่นแอบอ้างเป็นสำนักข่าว (NN โดยใช้รูปแบบและชื่อโดเมนท่ีใกลเ้ คียงกับของเวบ็ ไซต์ ของ CNN เน้อื หาหลอกลวง (Manipulated) คอื ข่าวตัดต่อหรอื ขา่ วทม่ี เี น้อื หาข้อมลู หรือภาพขา่ วจรงิ ๆ แต่ถกู ตดั แปลงด้วยการปลอมหรือตัดตอ่ เพื่อสร้างเรอ่ื งหลอกลวง เช่น ภาพซอง อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ George W. Bush อา่ นนิทานกับเด็กใน โรงเรยี นแห่งหนงึ่ แต่เขากลับถอื หนงั สอื กลับหัว แตค่ วามจริงแลว้ มันเปน็ ภาพตัดต่อท่ีสรา้ งขึ้นมา และในภาพจรงิ น้ันเขาถือหนังสอื เน้ือหากขุ ้ึนมา (Fabricated ) คอื ข่าวท่ีกเุ รอ่ื งข้ึนมาท้ังหมด เปน็ ข้อมลู เท็จ 100% มีเจตนา ที่จะหลอกลวงหรือใส่รา้ ยข่าวถูกสร้างข้ึนมาโดยผไู้ ม่หวังดี โดยอาจจะทำเองหรือจ่ายเงินจา้ งให้ผู้อ่ืนทำเพ่ือหวงั ผลให้เกิดความเข้าใจผิดในวงกว้าง เช่น การนำเสนอข่าววา่ ผมู้ ีชื่อเสียงบางคนได้เสยี ชวี ิตแลว้ ทง้ั ท่เี จา้ ตัวยงั มชี ีวติ อยู่ สว่ นใหญ่ข่าวกมุ กั มเี นื้อหาเก่ยี วกับการเมือง เชน่ ข่าวรัฐมนตรดี ื่ม กาแฟแกว้ ละหมนื่ สองพนั บาท ขา่ วประเภทนมี้ รี ะดบั ความรนุ แรงมากทส่ี ดุ 2.2 การจัดการขา่ วปลอม (Fake News) ทางภาครัฐก็ได้ตระหนักถึงผลร้ายของข่าวปลอม จึงได้ออกมาตรการบังคับทางกฎหมายเพื่อลงโทษผู้กระทำผิด และได้ให้ความรู้ความ เขา้ ใจต้านกฎหมายเพือ่ ที่จะเตือนไมใ่ ห้ผใู้ ชง้ านอินเทอร์เน็ตตกเปน็ เหยือ่ ของผู้ไมห่ วังดี เนื่องจากการนำขอ้ มลู ปลอม ข่าวปลอม ไม่วา่ จะเป็นการ ปลอมท้งั หมด หรอื แค่บางส่วน หรือข้อมูลอนั เป็นเท็จ เขา้ ส่รู ะบบคอมพิวเตอร์หรือแมน้ แต่การแชร์ หรือส่งต่อข้อมูลอันเป็นเท็จเหล่านนั้ ล้วน มีความผิด ตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นความผิดท่ีไม่สามารถยอมความได้ส่ือสังคมออนไลน์ เช่น เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และไลน์ อยู่ในส ถานะผู้ เผยแพร่เนื้อหาดจิ ิทัล จากการศึกษาพบว่าข่าวปล่อมถูกเผยแพร่ผ่านสื่อเหล่าน้ีเป็นอย่างมาก บา้ นสมเด็จโพลรายงานวา่ ระบุผ้ใู ชง้ านอินเทอรเ์ น็ต ในกรุงเทพมหานครเจอข่าวปลอมจากส่ือเฟซบุ๊กมากที่สุด คือ ร้อยละ 54.2 เพ่ือลดจำนวนการแพร่กระจายข่าวปลอม ผู้ให้บริการส่ือสังคม ออนไลน์จึงได้มีแนวปฏิบัติต่าง ๆ เพ่ือผู้ใช้งานจะได้รับข้อมูลท่ีมีคุณภาพ เช่น เฟซบุ๊กลดจำนวนการเข้าถึงเนื้อหาท่ีเป็นข่าวปลอมและคลิกเบท ทวติ เตอร์มีการลบทวตี ท่ีพสิ จู น์ใดว้ า่ เป็นฝมี อื บอทรวมถงึ การลบแฮคเคานทป์ ลอม อกี หนง่ึ วธิ ีในการจัดการกับขา่ วปลอมและป้องกนั ความสบั สนในช้อมูลข่าวสารทม่ี ีอยู่มากมายบนโลกอนิ เทอร์เนต็ คือการเสนอข้อมลู ขา่ วสารทปี่ ระกอบด้วยข้อเทจ็ จรงิ ผา่ นการตรวจสอบแล้วเพื่อตอบโต้ข้อมลู เทจ็ ทก่ี ำลังเผยแพรอ่ ยู่ในชว่ งเวลานน้ั ๆ ปัจจุบนั ภาครฐั และเอกชนได้ พยายามเสนอข้อมลู ขา่ วสารท่ีชือ่ ไต้ เพ่ือลดความสับสนท่เี กิดจากการนำเสนอของข่าวปลอมและเปดิ โอกาสให้ประชาชนสอบถาม ตรวจสอบข่าวท่ี กำลงั เผยแพร่อยู่ในโลกออนไลน์ เชน่ ศูนย์ชวั ร์กอ่ นแชร์ ของสำนกั ขา่ วไทย อสมท.
บทลงโทษการนำเขา้ ข้อมูลอนั เป็นเทจ็ ในโลกสงั คมออนไลน์ 1.1 การนำเข้าข้อมูลบิดเบือนหลอกลวง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกย่ี วกับคอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2560 มาตรา 14 ระบุว่า ผใู้ ดกระทําความผดิ ทร่ี ะบุไวด้ ังตอ่ ไปน้ี ตอ้ งระวางโทษจําคุกไม่เกนิ ห้าปี หรอื ปรบั ไมเ่ กนิ หนง่ึ แสนบาท หรอื ทงั้ จาํ ทงั้ ปรับ (1) โดยทุจรติ หรือโดยหลอกลวง นําเขา้ สรู่ ะบบคอมพิวเตอร์ซง่ึ ข้อมลู คอมพิวเตอร์ทบ่ี ดิ เบือนหรือปลอมไมว่ ่าท้ังหมดหรือ บางส่วน หรือข้อมลู คอมพวิ เตอร์อนั เปน็ เท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแกป่ ระชาชน อันมิใช่การกระทําความผดิ ฐานหม่นิ ประมาทตาม ประมวลกฎหมายอาญา ผู้โพสต์ข้อความที่จะมคี วามผิดตามมาตรา 14 (1) ต่อเมื่อสิง่ ท่ีนำเสนอนนั้ เป็น ‘ความเทจ็ ’ โดยมีเจตนา ‘ทจุ ริตหรือหลวงลวง’ ซ่งึ ข้อมูลนั้นอาจกอ่ ใหเ้ กดิ ความเสยี หายแกป่ ระชาชน หมายความวา่ ผู้โพสตข์ ้อความจะต้องรูอ้ ยู่แลว้ วา่ สิ่งทตี่ วั เองโพสต์น้ันเปน็ ความเทจ็ ไม่ใช่ความจริง นอกจากน้ี คำว่า \"โดยทุจริต\" มคี ำนิยามอยใู่ นมาตรา 2 ของประมวลกฎหมายอาญา หมายถงึ \"เพ่ือแสวงหาประโยชน์ทม่ี ิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือ ผ้อู ่ืน\" ดังน้นั หากข้อความท่ีโพสต์เป็นความจริง ก็ไมถ่ ือว่ามีความผิด หรอื ต่อให้ข้อความดังกล่าวเปน็ ความเท็จ แต่ถา้ ผู้โพสต์ข้อความหรือแสดง ความคดิ เหน็ ไม่ไดม้ เี จตนาทุจรติ แต่แรก ก็ไมเ่ ป็นความผดิ ตาม มาตรา 14(1) ได้เลย เนอ่ื งจากขาดองคป์ ระกอบความผิดเรือ่ งเจตนา อีกท้ัง กฎหมายยงั ตกี รอบไม่ให้ใชใ้ นลกั ษณะเดยี วกับความผิดฐานหมนิ่ ประมาทอีกด้วย (2) นําเข้าสูร่ ะบบคอมพวิ เตอรซ์ ง่ึ ข้อมลู คอมพวิ เตอร์อันเป็นเทจ็ โดยประการทน่ี า่ จะเกิดความเสียหายต่อการรกั ษาความม่ันคง ปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความม่นั คงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสรา้ งพื้นฐานอนั เป็นประโยชนส์ าธารณะของ ประเทศ หรอื ก่อใหเ้ กิดความตน่ื ตระหนกแกป่ ระชาชนผโู้ พสตข์ ้อความทจี่ ะมีความผดิ ตามมาตรา 14(2) นัน้ จะต้องเปน็ กรณที ่ีขอ้ ความหรอื ข้อมลู นัน้ เป็น ‘ความเท็จ’ และข้อมูลน้นั จะตอ้ งก่อให้เกิดความเสยี หายตอ่ การรักษาความมนั่ คงปลอดภยั ทงั้ ในทางสาธารณะ เศรษฐกิจ หรอื จะต้อง ก่อให้เกดิ ความตน่ื ตระหนกแกป่ ระชาชน หากการแสดงความคดิ เหน็ หรือนำเสนอขอ้ มูลไม่ไดก้ ่อใหเ้ กิดผลทว่ี า่ แม้เปน็ ความเทจ็ ก็ไม่อาจเป็น ความผดิ ได้ เน่ืองจากขาดองค์ประกอบความผดิ
สรปุ คือการโพสต์หรือแชร์ “ขอ้ มลู อันเปน็ เทจ็ ” ทจี่ ะทำใหบ้ ุคคลมีความผดิ ตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอรฯ์ ไมว่ า่ จะเปน็ มาตรา 14 (1)(2) นน้ั คนทโี่ พสต์จะต้องมเี จตนา ร้อู ยู่แลว้ ว่าขอ้ มูลเหล่านน้ั เป็นเท็จ แต่ก็ยังโพสตไ์ ปเชน่ น้นั ถ้าหากข้อมลู ทโี่ พสต์ไปน้ันเป็นความจรงิ เชน่ คลปิ วีดีโอท่ีถา่ ยจากเหตกุ ารณจ์ รงิ หรือเป็นความคิดเหน็ เช่น การติชมรัฐบาล การวิพากษ์วิจารณโ์ ดยสจุ ริต ก็ไม่เข้าองค์ประกอบ \"ข้อมลู อนั เป็น เท็จ\" และไม่อาจเอาผิดตามมาตรา 14 (1) (2) ได้ (3) นาํ เขา้ ส่รู ะบบคอมพิวเตอร์ซ่งึ ขอ้ มลู คอมพิวเตอรใ์ ดๆ อันเปน็ ความผิดเก่ยี วกบั ความม่ันคงแหง่ ราชอาณาจกั รหรือความผดิ เก่ียวกบั การกอ่ การร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา ผโู้ พสต์ข้อความจะมีความผิดตามมาตรา 14(3) ตอ่ เม่อื ข้อความดงั กล่าวเปน็ ความผดิ ทีเ่ กี่ยวกับความม่นั คงแห่งราชอาณาจักร มาตรา 107-135 หรอื เป็นความผดิ ท่ีเกี่ยวกับการกอ่ การรา้ ย มาตรา 135/1-135/4 ตามประมวลกฎหมายอาญา (4) นาํ เข้าสูร่ ะบบคอมพวิ เตอรซ์ งึ่ ข้อมูลคอมพวิ เตอรใ์ ดๆ ทีม่ ลี ักษณะอันลามกและข้อมลู คอมพิวเตอรน์ ้ันประชาชนท่วั ไปอาจ เขา้ ถงึ ได้ ผ้โู พสต์ข้อความทจ่ี ะมคี วามผิดตามมาตรา 14(3) ต่อเมื่อข้อความดงั กลา่ วมเี นื้อหาลามก อนาจาร และประชาชนทวั่ ไปสามารถเข้าถงึ เน้ือหาทว่ี ่า นนั้ ได้ (5) เผยแพรห่ รือสง่ ต่อซึ่งข้อมูลคอมพวิ เตอร์โดยรอู้ ยู่แลว้ ว่าเปน็ ข้อมลู คอมพิวเตอร์ตาม (1) (2) (3) หรือ (4) ประการสดุ ท้าย บุคคลที่จะมีความผิดตามมาตรา 14(5) จะต้องกระทำความผดิ ครบองค์ประกอบสองอย่าง คือ หนง่ึ เผยแพร หรือส่งต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ และสอง ‘โดยรอู้ ยู่แลว้ ’ วา่ เปน็ ขอ้ มลู คอมพิวเตอร์ตาม (1) (2) (3) หรอื (4) หมายความว่าในการดำเนนิ การเอาผดิ คนทโี่ พสตห์ รือแชร์ขอ้ ความตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จะตอ้ งพิสูจนใ์ หไ้ ด้ก่อนวา่ เปน็ ข้อมูลทว่ี ่าเปน็ ความผิดตามมาตรา 14 (1) (2) (3) หรอื (4) เสียกอ่ น และต้องพิสูจน\"์ เจตนา\" ของผู้กระทำความผดิ ให้ได้ คอื ต้องพสิ ูจนใ์ ห้ไดว้ ่า ร้อู ยู่แลว้ ว่าเป็นความผิดแตก่ ย็ งั แชร์ เนือ่ งจากบางครงั้ การแชร โพสต์จากแฟนเพจตา่ งๆ ผู้แชร์อาจจะเช่อื โดยบริสทุ ธใ์ิ จว่าสิ่งท่ีแชรไ์ ม่ใชข่ ้อมลู เท็จท่เี ป็นความผิดตามองค์ประกอบอ่ืนๆ ของมาตรา 14 (1) (2) (3) และ (4) และหากพิสูจน์ไดว้ ่าไมร่ ้จู รงิ ๆ ก็อาจจะไม่มคี วามผิดตามมาตรานี้ เนื่องจากขาดเจตนา แทจ้ ริงแลว้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ควรมงุ่ เอาผิดการกระทำต่อ ‘ระบบ’ ไมใ่ ช่ ‘เน้ือหา’
ถา้ ย้อนดเู จตนารมณ์และท่ีมาของ พ.ร.บ.คอมพวิ เตอรฯ์ จะพบวา่ กฎหมายดังกล่าวมรี ากฐานมาจากอนุสญั ญาว่าด้วย อาชญากรรมบนอนิ เตอรเ์ นต็ (Convention on Cybercrime) ที่ต้องการป้องกันการกอ่ อาชญกรรมโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์ แตด่ ้วยการตรา บทบัญญตั ิท่ีขาดความชัดเจนและถูกต้อง จึงทำให้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ทัง้ ในปี 2550 และ 2560 ถกู ตีความมาใช้ฟอ้ งร้องดำเนินคดเี อาผิดกับ \"เนอื้ หา\" บนโลกออนไลน์ โดยสิง่ แรกที่ตอ้ งทำความเขา้ ใจคือความหมายของคำว่า \"ขอ้ มลู คอมพิวเตอร์อันเป็นเทจ็ \" โดยแทจ้ ริงแล้วหมายถงึ \"ข้อมูลคอมพวิ เตอร์ท่ีถูกปลอมแปลงข้นึ มา\" เชน่ เดยี วกับการปลอมแปลงเอกสาร กล่าวคือ การพิจารณาวา่ ขอ้ มูลคอมพวิ เตอร์ใดเป็น ขอ้ มูลคอมพิวเตอรอ์ นั เป็นเท็จ ให้พจิ ารณาในฐานะ \"วตั ถ\"ุ ว่ามนั ถกู ปลอมแปลงขึน้ หรือไม่ เช่นการปลอมแปลงหน้าเวบ็ ไซตเ์ พื่อหลอกลวงเอา
ขอ้ มูลสว่ นบุคคล เปน็ ตน้ แต่เมื่อกฎหมายเลอื กใช้คำวา่ ข้อมลู อันเปน็ เทจ็ แทนคำวา่ \"ข้อมลู คอมพวิ เตอรท์ ี่ถูกทำปลอมข้นึ \" จงึ ทำให้กฎหมายถูก นำมาใช้จบั ผิดการแสดงความคดิ เห็นบนโลกออนไลนว์ า่ เป็นเร่ืองเทจ็ หรือเปน็ เรือ่ งจริง ทง้ั นี้ หากย้อนดูข้อเสนอของภาคประชาชนในนามกลุม่ 'เครอื ขา่ ยพลเมอื งเน็ต' จะพบว่า ทผ่ี า่ นมา ประชาชนเคยเสนอใหแ้ ก้ไข มาตรา 14 โดยมุง่ หมายให้ใช้เฉพาะความผดิ ในเชิงระบบ เพือ่ ป้องกนั การใชเ้ พ่ือดำเนินคดีปิดก้ันการแสดงความคดิ เห็นบนโลกออนไลน์ โดยมี ขอ้ เสนอให้แก้ไของคป์ ระกอบความผิดใหมใ่ ห้มีลกั ษณะเฉพาะเจาะจงมากข้ึน โดยใหย้ กเลิกมาตรา 14 ของ พ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ฯ ปี 2560 ทัง้ มาตรา และให้ใช้ข้อความต่อไปนีแ้ ทน \"ผใู้ ดโดยทจุ รติ หลอกลวงผู้อ่ืนด้วยการนำขอ้ มลู เขา้ สู่ระบบคอมพวิ เตอร์ เผยแพร่ หรือส่งตอ่ ข้อมูลคอมพวิ เตอร์ โดยรอู้ ยู่แล้ววา่ เป็นข้อมลู คอมพวิ เตอรท์ ที่ ำปลอมข้นึ ทั้งหมดหรือแตส่ ่วนหนึ่งส่วนใด ถา้ ไดก้ ระทำไปเพื่อใหผ้ หู้ นึ่งผูใ้ ดหลงเช่อื ว่าเป็นข้อมูลคอมพวิ เตอรท์ แ่ี ทจ้ ริง เพอ่ื ใหไ้ ด้ไปซึ่งทรัพย์สนิ จากผู้ถูกหลอกลวงหรอื บุคคลทส่ี าม หรอื เพ่ือใหผ้ ูถ้ ูกหลอกลวงหรือบุคคลท่ีสาม ทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสทิ ธิ ผนู้ ั้น กระทำความผดิ ฐานปลอมข้อมูลคอมพวิ เตอร์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกนิ ห้าปี หรือปรบั ไมเ่ กินหน่งึ แสนบาท หรือท้งั จำท้ังปรบั \" จากบทบญั ญัตขิ า้ งตน้ มีการยกเลิกข้อความทเ่ี ป็นปญั หาทเี่ ปดิ ชอ่ งใหต้ คี วามได้กว้างขวาง อยา่ ง \"ข้อมลู คอมพวิ เตอรอ์ ันเปน็ เทจ็ \" และให้ใช้คำวา่ \"ข้อมลู คอมพิวเตอร์ที่ทำปลอมข้ึน\" เพื่อใหต้ รงกับความหมายคำว่าของ \"forgery\" หรือ \"การปลอม\" ในอนุสัญญาว่าดว้ ย อาชญากรรมบนอนิ เตอรเ์ นต็ นอกจากนี้ ยงั มีการเพิ่มขอ้ ความวา่ \"เพื่อให้ไดไ้ ปซ่งึ ทรัพย์สินจากผู้ถกู หลอกลวงหรือบุคคลท่ีสาม\" และ \" เพ่อื ให้ผถู้ ูกหลอกลวง หรอื บุคคลทส่ี าม ทำ ถอน หรอื ทำลายเอกสารสทิ ธิ\" เข้าไปเป็นองค์ประกอบความผิด แทนข้อความวา่ \"นา่ จะเกดิ ความเสยี หายแก่ผอู้ ืน่ หรือ ประชาชน\" หรือ \"น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ\" ทำใหก้ ารกระทำความผิดตามมาตรา 14 ของพ.ร.บ.คอมพิวเตอรฯ์ จำกดั อยู่ ท่ีการปลอมแปลงข้อมูลเพ่อื ใหไ้ ดท้ รัพยส์ นิ หรือสทิ ธิของบุคคลอืน่ ไม่เกี่ยวกับการแสดงความคดิ เหน็ บนโลกออนไลน์ อย่างไรก็ดี ตอ่ ให้มกี ารแก้ไขมาตรา 14 ให้เอาผิดเฉพาะการปลอมแปลงข้อมูล แต่ก็ไม่ใช่ว่า ผคู้ นจะโพสตข์ ้อความทเี่ ป็นการ ละเมิดต่อบุคคลอื่นอย่างไรก็ไดโ้ ดยไมม่ ีกฎหมายมาจำกัดกรอบ ผู้เสยี หายยงั คงสามารถดำเนนิ คดีกบั ผู้กระทำความผดิ ได้ โดยอาศัยกฎหมายอาญา ฐานหม่ินประมาทโดยการโฆษณาตามมาตรา 328 หรอื ฟ้องรอ้ งเอาผดิ ทางแพ่งเพ่ือเรียกร้องค่าเสยี หายได้ ซง่ึ การแสดงความคิดเห็นภายใต้ กฎหมายอาญาและกฎหมายแพง่ จะได้รับการคุ้มครองถา้ เปน็ การแสดงความคดิ เห็นในลักษณะติชมด้วยความสจุ รติ เปน็ ความจริง และเปน็ การ วพิ ากษ์วจิ ารณ์ทเี่ ป็นประโยชน์สาธารณะ วันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560 สมเด็จพระเจา้ อย่หู ัวมหาวชิราลงกรณ บดนิ ทรเทพยวรางกรู มีพระราชโองการโปรดเกลา้ ฯ ใหป้ ระกาศใช้ กฎหมาย ว่าด้วยการกระทำความผดิ เก่ียวกบั คอมพวิ เตอร์ ดังต่อไปน้ี มาตรา 1 พระราชบญั ญตั ินเ้ี รียกวา่ “พระราชบัญญัติวา่ ดว้ ยการกระทำความผิดเก่ยี วกบั คอมพิวเตอร์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2560” มาตรา 2 พระราชบญั ญตั นิ ใ้ี ห้ใชบ้ ังคบั เมื่อพ้นกำหนดหนงึ่ ร้อยยี่สบิ วันนับแตว่ นั ประกาศในราชกจิ จานเุ บกษา เปน็ ต้นไป มาตรา 3 ใหย้ กเลกิ ความในมาตรา 4 แห่งพระราชบญั ญตั ิว่าด้วยการกระทำความผดิ เกย่ี วกับคอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550 และให้ใช้ ความต่อไปน้ีแทน “มาตรา 4 ให้รฐั มนตรีวา่ การกระทรวงดจิ ิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและสังคมรักษาการตามพระราชบญั ญตั ิน้ี และให้มีอำนาจแตง่ ตง้ั พนกั งานเจ้าหน้าทีก่ ับออกกฎกระทรวงและประกาศเพ่ือปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตนิ ี้กฎกระทรวงและประกาศนน้ั เม่อื ไดป้ ระกาศในราชกจิ จา นุเบกษาแล้วให้ใชบ้ ังคบั ได้” มาตรา 4 ให้เพ่ิมความตอ่ ไปนี้เปน็ วรรคสองและวรรคสามของมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญตั วิ า่ ด้วยการกระทำความผดิ เก่ียวกบั คอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550 “ผใู้ ดส่งข้อมลู คอมพวิ เตอรห์ รือจดหมายอเิ ลก็ ทรอนิกสแ์ กบ่ ุคคลอ่นื อนั มีลักษณะเปน็ การก่อใหเ้ กดิ ความเดือดร้อนรำคาญแกผ่ ู้รับ ขอ้ มลู คอมพวิ เตอรห์ รือจดหมายอิเลก็ ทรอนกิ ส์ โดยไม่เปิดโอกาสใหผ้ รู้ บั สามารถบอกเลกิ หรอื แจง้ ความประสงคเ์ พ่ือปฏเิ สธการตอบรบั ได้โดยง่าย ตอ้ งระวางโทษปรบั ไม่เกินสองแสนบาท
ใหร้ ัฐมนตรีออกประกาศกำหนดลกั ษณะและวิธีการสง่ รวมทัง้ ลักษณะและปรมิ าณของข้อมูลคอมพวิ เตอรห์ รือจดหมาย อิเลก็ ทรอนกิ ส์ ซงึ่ ไม่เป็นการก่อให้เกดิ ความเดอื ดร้อนรำคาญแกผ่ ู้รบั และลักษณะอันเปน็ การบอกเลิกหรือแจ้งความประสงคเ์ พ่ือปฏิเสธการตอบ รบั ไดโ้ ดยง่าย” มาตรา 5 ใหย้ กเลิกความในมาตรา 12 แห่งพระราชบญั ญัตวิ า่ ดว้ ยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550 และให้ ใชค้ วามต่อไปนแี้ ทน “มาตรา 12 ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 8 หรือมาตรา 11 เปน็ การกระทำต่อ ข้อมลู คอมพิวเตอร์หรอื ระบบคอมพิวเตอร์ท่ีเกี่ยวกบั การรกั ษาความมั่นคงปลอดภยั ของประเทศ ความปลอดภยั สาธารณะ ความมน่ั คงในทาง เศรษฐกิจของประเทศหรือโครงสร้างพน้ื ฐานอันเปน็ ประโยชน์สาธารณะ ตอ้ งระวางโทษจำคุกต้งั แต่หนงึ่ ปถี ึงเจ็ดปี และปรับต้งั แตส่ องหมน่ื บาทถึง หนง่ึ แสนส่หี ม่ืนบาท ถา้ การกระทำความผดิ ตามวรรคหนง่ึ เป็นเหตุใหเ้ กดิ ความเสียหายต่อข้อมูลคอมพวิ เตอรห์ รือระบบคอมพิวเตอร์ดงั กล่าว ต้อง ระวางโทษจำคุกตั้งแต่หน่ึงปีถึงสบิ ปี และปรับต้ังแตส่ องหม่ืนบาทถงึ สองแสนบาท ถา้ การกระทำความผิดตามมาตรา 9 หรือมาตรา 10 เปน็ การกระทำต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพวิ เตอร์ตามวรรคหนง่ึ ต้องระวางโทษ จำคุกตงั้ แต่สามปีถึงสิบหา้ ปี และปรับตงั้ แต่หกหมน่ื บาทถึงสามแสนบาท ถา้ การกระทำความผดิ ตามวรรคหน่งึ หรือวรรคสามโดยมไิ ดม้ ีเจตนาฆา่ แตเ่ ป็นเหตุให้บคุ คลอน่ื ถึงแก่ความตาย ตอ้ งระวางโทษจำคุกตงั้ แต่หา้ ปีถึงยส่ี ิบปี และปรับตั้งแตห่ น่ึงแสนบาทถงึ สแ่ี สนบาท” มาตรา 6 ใหเ้ พิ่มความต่อไปนี้เปน็ มาตรา 12/1 แหง่ พระราชบญั ญัตวิ า่ ด้วยการกระทำความผดิ เก่ยี วกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 “มาตรา 12/1 ถา้ การกระทำความผิดตามมาตรา 9 หรอื มาตรา 10 เป็นเหตใุ หเ้ กดิ อันตรายแก่บคุ คลอื่นหรือทรพั ยส์ ินของผู้อืน่ ตอ้ งระวางโทษจำคุกไม่เกนิ สิบปี และปรบั ไม่เกินสองแสนบาทถา้ การกระทำความผิดตามมาตรา ๙ หรอื มาตรา 10 โดยมิได้มีเจตนาฆ่า แตเ่ ป็นเหต ให้บคุ คลอน่ื ถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตง้ั แต่ห้าปีถงึ ย่สี ิบปี และปรับต้งั แต่หนึง่ แสนบาทถึงสี่แสนบาท” มาตรา 7 ใหเ้ พ่ิมความตอ่ ไปนเ้ี ป็นวรรคสอง วรรคสาม วรรคสี่ และวรรคห้าของมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัตวิ ่าด้วยการ กระทำความผดิ เกย่ี วกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 “ผใู้ ดจำหนา่ ยหรือเผยแพรช่ ดุ คำส่ังท่ีจดั ทำขนึ้ โดยเฉพาะเพ่ือนำไปใช้เป็นเครอ่ื งมือในการกระทำความผดิ ตามมาตรา 12 วรรค หนึง่ หรือวรรคสาม ตอ้ งระวางโทษจำคกุ ไมเ่ กินสองปี หรือปรับไม่เกินสีห่ มื่นบาทหรือท้งั จำท้งั ปรบั ผู้ใดจำหน่ายหรือเผยแพร่ชดุ คำสัง่ ทจ่ี ดั ทำขึ้นโดยเฉพาะเพอ่ื นำไปใช้เปน็ เคร่ืองมือในการกระทำความผดิ ตามมาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 8 มาตรา 9 มาตรา 10 หรอื มาตรา 11 หากผ้นู ำไปใช้ได้กระทำความผิดตามมาตรา 12 วรรคหน่ึงหรอื วรรคสาม หรือต้องรบั ผดิ ตามมาตรา 12 วรรคสอง หรือวรรคสี่ หรอื มาตรา 12/1 ผู้จำหน่ายหรอื เผยแพรช่ ุดคำสง่ั ดังกลา่ วจะต้องรับผดิ ทางอาญาตามความผิดทม่ี ีกำหนด โทษสงู ขนึ้ ดว้ ย ก็เฉพาะเมื่อตนได้รหู้ รอื อาจเล็งเห็นไดว้ า่ จะเกิดผลเช่นทีเ่ กิดขึ้นนั้น ผูใ้ ดจำหนา่ ยหรือเผยแพร่ชุดคำสัง่ ทจี่ ัดทำข้นึ โดยเฉพาะเพ่ือนำไปใช้เปน็ เคร่ืองมือในการกระทำความผิดตามมาตรา 12 วรรค หนึ่งหรือวรรคสาม หากผนู้ ำไปใชไ้ ด้กระทำความผิดตามมาตรา 12 วรรคหนงึ่ หรอื วรรคสาม หรือตอ้ งรับผิดตามมาตรา 12 วรรคสอง หรือวรรคส่ี หรือมาตรา 12/1 ผู้จำหนา่ ยหรือเผยแพร่ชุดคำสง่ั ดังกล่าวตอ้ งรับผดิ ทางอาญาตามความผดิ ทีม่ ีกำหนดโทษสูงขน้ึ น้ันด้วย ในกรณีท่ีผู้จำหนา่ ยหรือเผยแพร่ชุดคำส่งั ผูใ้ ดต้องรบั ผดิ ตามวรรคหนึง่ หรอื วรรคสอง และตามวรรคสามหรือวรรคส่ีดว้ ย ให้ผนู้ ั้น ตอ้ งรับโทษท่มี ีอัตราโทษสงู ที่สดุ แตก่ ระทงเดียว” มาตรา 8 ให้ยกเลิกความในมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติวา่ ดว้ ยการกระทำความผิดเก่ยี วกบั คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และให้ ใช้ความต่อไปน้แี ทน “มาตรา 14 ผู้ใดกระทำความผิดทร่ี ะบุไวด้ งั ต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหา้ ปีหรือปรับไม่เกินหนงึ่ แสนบาท หรอื ทั้งจำทั้ง ปรบั (1) โดยทุจริต หรอื โดยหลอกลวง นำเขา้ สู่ระบบคอมพวิ เตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพวิ เตอรท์ บี่ ิดเบือนหรือปลอมไมว่ ่าทั้งหมดหรอื บางส่วน หรอื ข้อมูลคอมพิวเตอร์อนั เป็นเทจ็ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสยี หายแกป่ ระชาชน อันมิใช่การกระทำความผดิ ฐานหมน่ิ ประมาทตาม ประมวลกฎหมายอาญา
(2) นำเข้าสู่ระบบคอมพวิ เตอร์ซง่ึ ข้อมลู คอมพิวเตอร์อันเป็นเทจ็ โดยประการที่นา่ จะเกิดความเสยี หายตอ่ การรกั ษาความมั่นคง ปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมัน่ คงในทางเศรษฐกจิ ของประเทศ หรอื โครงสร้างพน้ื ฐานอนั เปน็ ประโยชนส์ าธารณะของ ประเทศ หรือก่อให้เกิดความต่ืนตระหนกแกป่ ระชาชน (3) นำเขา้ ส่รู ะบบคอมพวิ เตอรซ์ ึง่ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผดิ เกยี่ วกับความมน่ั คงแห่งราชอาณาจกั รหรอื ความผดิ เกยี่ วกบั การกอ่ การร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา (4) นำเข้าสูร่ ะบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ทีม่ ลี กั ษณะอนั ลามกและข้อมูลคอมพวิ เตอรน์ ้นั ประชาชนทัว่ ไปอาจ เขา้ ถึงได้ (5) เผยแพรห่ รือสง่ ต่อซึ่งข้อมูลคอมพวิ เตอรโ์ ดยรอู้ ยู่แลว้ ว่าเปน็ ข้อมลู คอมพวิ เตอร์ตาม (1) (2) (3) หรือ (4) ถา้ การกระทำความผดิ ตามวรรคหน่ึง (1) มิได้กระทำต่อประชาชน แต่เป็นการกระทำต่อบคุ คลใดบุคคลหนงึ่ ผู้กระทำ ผู้เผยแพร่ หรอื สง่ ตอ่ ซ่ึงข้อมลู คอมพวิ เตอรด์ งั กลา่ วต้องระวางโทษจำคุกไม่เกนิ สามปีหรือปรบั ไม่เกินหกหมื่นบาท หรือท้งั จำท้งั ปรบั และใหเ้ ป็นความผดิ อัน ยอมความได้” มาตรา 9 ใหย้ กเลิกความในมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัตวิ า่ ดว้ ยการกระทำความผิดเกยี่ วกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และให้ ใช้ความต่อไปนแ้ี ทน “มาตรา 15 ผ้ใู หบ้ ริการผใู้ ดใหค้ วามรว่ มมือ ยินยอม หรอื รู้เหน็ เปน็ ใจให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา 14 ในระบบ คอมพวิ เตอร์ท่ีอยู่ในความควบคมุ ของตน ต้องระวางโทษเช่นเดยี วกับผูก้ ระทำความผดิ ตามมาตรา 14 ให้รัฐมนตรีออกประกาศกำหนดขั้นตอนการแจ้งเตือน การระงับการทำใหแ้ พร่หลายของข้อมูลคอมพวิ เตอร์ และการนำ ข้อมูลคอมพิวเตอร์นน้ั ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ถา้ ผู้ใหบ้ ริการพิสจู น์ได้วา่ ตนได้ปฏิบตั ิตามประกาศของรัฐมนตรที ่ีออกตามวรรคสอง ผูน้ ้ันไม่ตอ้ ง รับโทษ” มาตรา 10 ให้ยกเลิกความในมาตรา 16 แห่งพระราชบญั ญัติวา่ ดว้ ยการกระทำความผดิ เก่ียวกบั คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และให้ ใช้ความตอ่ ไปนี้แทน “มาตรา 16 ผ้ใู ดนำเขา้ สรู่ ะบบคอมพิวเตอร์ทป่ี ระชาชนทัว่ ไปอาจเขา้ ถึงไดซ้ ึ่งข้อมูลคอมพิวเตอรท์ ่ีปรากฏเป็นภาพของผ้อู ื่น และ ภาพนั้นเป็นภาพทเี่ กดิ จากการสรา้ งขึน้ ตัดต่อ เติม หรอื ดดั แปลงดว้ ยวธิ กี ารทางอิเล็กทรอนกิ ส์หรอื วิธีการอืน่ ใด โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อ่ืนนน้ั เสยี ชื่อเสียง ถกู ดูหม่นิ ถูกเกลียดชงั หรอื ไดร้ ับความอับอาย ตอ้ งระวางโทษจำคุกไม่เกนิ สามปี และปรบั ไม่เกินสองแสนบาท ถ้าการกระทำตามวรรคหนึง่ เปน็ การกระทำต่อภาพของผูต้ าย และการกระทำนนั้ นา่ จะทำใหบ้ ิดามารดา คู่สมรส หรือบตุ รของ ผู้ตายเสียชื่อเสียง ถูกดหู ม่นิ หรอื ถกู เกลยี ดชัง หรอื ไดร้ บั ความอับอายผูก้ ระทำต้องระวางโทษดงั ทีบ่ ญั ญัติไวใ้ นวรรคหนึ่ง ถา้ การกระทำตามวรรคหน่งึ หรือวรรคสอง เปน็ การนำเขา้ สู่ระบบคอมพิวเตอรโ์ ดยสุจรติ อันเปน็ การตชิ มด้วยความเป็นธรรม ซ่ึง บุคคลหรือสิ่งใดอนั เป็นวิสัยของประชาชนยอ่ มกระทำ ผกู้ ระทำไมม่ ีความผิดความผิดตามวรรคหน่ึงและวรรคสองเป็นความผดิ อันยอมความได้ ถ้าผ้เู สยี หายในความผิดตามวรรคหนึง่ หรอื วรรคสองตายเสียกอ่ นร้องทุกข์ ใหบ้ ิดา มารดา ค่สู มรสหรือบุตรของผเู้ สยี หายรอ้ ง ทกุ ข์ได้ และให้ถือวา่ เปน็ ผเู้ สียหาย” มาตรา 11 ให้เพม่ิ ความตอ่ ไปนเี้ ป็นมาตรา 16/1 และมาตรา 16/2 แหง่ พระราชบัญญตั วิ า่ ด้วยการกระทำความผิดเกีย่ วกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 “มาตรา 16/1 ในคดีความผิดตามมาตรา 14 หรือมาตรา 16 ซงึ่ มคี ำพิพากษาวา่ จำเลยมีความผดิ ศาลอาจส่ัง (1) ให้ทำลายข้อมลู ตามมาตราดงั กล่าว (2) ให้โฆษณาหรอื เผยแพร่คำพิพากษาทง้ั หมดหรือแต่บางสว่ นในสือ่ อิเล็กทรอนิกส์ วิทยุกระจายเสยี ง วทิ ยโุ ทรทศั น์ หนังสือพมิ พ์ หรือสื่ออน่ื ใด ตามทศ่ี าลเหน็ สมควร โดยใหจ้ ำเลยเป็นผ้ชู ำระค่าโฆษณาหรือเผยแพร่ (3) ใหด้ ำเนนิ การอืน่ ตามที่ศาลเห็นสมควรเพื่อบรรเทาความเสยี หายทีเ่ กดิ ขน้ึ จากการกระทำความผดิ นนั้
มาตรา 16/2 ผู้ใดรู้วา่ ข้อมูลคอมพวิ เตอรใ์ นความครอบครองของตนเปน็ ขอ้ มลู ทศ่ี าลสั่งให้ทำลายตามมาตรา 16/1 ผนู้ ้นั ตอ้ ง ทำลายขอ้ มูลดงั กลา่ ว หากฝ่าฝืนตอ้ งระวางโทษกึ่งหนึ่งของโทษท่ีบญั ญตั ิไวใ้ นมาตรา 14 หรอื มาตรา 16 แล้วแตก่ รณี” มาตรา 12 ใหเ้ พมิ่ ความต่อไปน้เี ปน็ มาตรา 17/1 ในหมวด 1 ความผิดเกี่ยวกับคอมพวิ เตอรแ์ ห่งพระราชบญั ญตั วิ ่าด้วยการ กระทำความผดิ เก่ยี วกบั คอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550 “มาตรา 17/1 ความผดิ ตามมาตรา 5 มาตรา 6 มาตรา 7 มาตรา 11 มาตรา 13 วรรคหน่งึ มาตรา 16/2 มาตรา 23 มาตรา 24 และมาตรา 27 ใหค้ ณะกรรมการเปรยี บเทยี บท่ีรฐั มนตรแี ต่งต้งั มีอำนาจเปรียบเทียบได้ คณะกรรมการเปรยี บเทียบที่รฐั มนตรีแตง่ ตั้งตามวรรคหนงึ่ ใหม้ จี ำนวนสามคนซงึ่ คนหนึง่ ตอ้ งเปน็ พนกั งานสอบสวนตามประมวล กฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา เมอื่ คณะกรรมการเปรยี บเทียบได้ทำการเปรยี บเทยี บกรณีใดและผู้ตอ้ งหาได้ชำระเงนิ คา่ ปรบั ตามคำเปรยี บเทยี บภายใน ระยะเวลาที่คณะกรรมการเปรยี บเทียบกำหนดแลว้ ให้ถือว่าคดีน้นั เปน็ อันเลิกกนั ตามประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา ในกรณที ่ผี ู้ต้องหาไม่ชำระเงินคา่ ปรับภายในระยะเวลาทีก่ ำหนด ให้เรมิ่ นบั อายุความในการฟอ้ งคดใี หมน่ บั ต้ังแตว่ นั ที่ครบกำหนด ระยะเวลาดงั กลา่ ว” มาตรา 13 ใหย้ กเลกิ ความในมาตรา 18 และมาตรา 19 แหง่ พระราชบญั ญตั ิว่าดว้ ยการกระทำความผิดเก่ยี วกบั คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และให้ใชค้ วามต่อไปนี้แทน “มาตรา 18 ภายใตบ้ ังคับมาตรา 19 เพื่อประโยชนใ์ นการสืบสวนและสอบสวนในกรณที ่มี ีเหตอุ นั ควรเชอ่ื ได้วา่ มีการกระทำ ความผิดตามพระราชบญั ญัตินี้ หรอื ในกรณที มี่ ีการร้องขอตามวรรคสองให้พนกั งานเจา้ หน้าที่มอี ำนาจอยา่ งหนงึ่ อย่างใด ดงั ต่อไปน้ี เฉพาะท่ีจำเป็น เพอื่ ประโยชนใ์ นการใช้เปน็ หลกั ฐานเกีย่ วกบั การกระทำความผิดและหาตัวผู้กระทำความผิด (1) มีหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลท่ีเกยี่ วข้องกบั การกระทำความผิดมาเพอื่ ใหถ้ อ้ ยคำสง่ คำชแี้ จงเป็นหนังสือ หรือสง่ เอกสาร ขอ้ มลู หรอื หลักฐานอืน่ ใดที่อย่ใู นรูปแบบทสี่ ามารถเขา้ ใจได้ (2) เรยี กข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์จากผ้ใู หบ้ ริการเกี่ยวกับการตดิ ต่อส่ือสารผา่ นระบบคอมพวิ เตอรห์ รือจากบคุ คลอ่นื ที่ เก่ียวข้อง (3) สง่ั ใหผ้ ูใ้ หบ้ ริการสง่ มอบข้อมูลเก่ียวกับผู้ใช้บรกิ ารทต่ี ้องเก็บตามมาตรา 26 หรอื ที่อย่ใู นความครอบครองหรอื ควบคมุ ของผู้ ให้บรกิ ารใหแ้ กพ่ นักงานเจ้าหนา้ ท่ีหรอื ให้เก็บข้อมูลดังกล่าวไวก้ อ่ น (4) ทำสำเนาข้อมลู คอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพวิ เตอร์จากระบบคอมพวิ เตอรท์ ่ีมีเหตุอันควรเชอื่ ไดว้ ่ามีการกระทำ ความผิด ในกรณีท่รี ะบบคอมพวิ เตอรน์ ั้นยังมไิ ด้อยูใ่ นความครอบครองของพนักงานเจา้ หน้าท่ี (5) สง่ั ใหบ้ คุ คลซ่งึ ครอบครองหรอื ควบคมุ ข้อมูลคอมพวิ เตอร์ หรืออุปกรณ์ท่ใี ช้เกบ็ ขอ้ มลู คอมพวิ เตอร์ส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออปุ กรณ์ดงั กลา่ วให้แก่พนักงานเจา้ หนา้ ท่ี (6) ตรวจสอบหรือเข้าถงึ ระบบคอมพวิ เตอร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพวิ เตอรห์ รอื อปุ กรณ์ทใ่ี ช้เก็บ ขอ้ มูลคอมพิวเตอรข์ องบคุ คลใด อนั เปน็ หลักฐานหรืออาจใชเ้ ป็นหลกั ฐานเกยี่ วกบั การกระทำความผิด หรอื เพื่อสืบสวนหาตวั ผ้กู ระทำความผิดและ ส่งั ใหบ้ คุ คลน้ันสง่ ข้อมลู คอมพิวเตอร์ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ท่เี กีย่ วข้องเท่าท่ีจำเป็นให้ด้วยก็ได้ (7) ถอดรหสั ลบั ของข้อมลู คอมพิวเตอรข์ องบุคคลใด หรอื สั่งให้บุคคลทเี่ ก่ยี วข้องกบั การเขา้ รหสั ลับของขอ้ มลู คอมพิวเตอร์ ทำ การถอดรหสั ลับ หรือใหค้ วามรว่ มมอื กบั พนักงานเจา้ หน้าท่ีในการถอดรหสั ลับดังกล่าว (8) ยดึ หรอื อายดั ระบบคอมพิวเตอรเ์ ท่าทจี่ ำเป็นเฉพาะเพอื่ ประโยชน์ในการทราบรายละเอยี ดแห่งความผิดและผู้กระทำความผิด เพ่ือประโยชน์ในการสบื สวนและสอบสวนของพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา ในบรรดา ความผดิ อาญาต่อกฎหมายอน่ื ซ่ึงได้ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ขอ้ มลู คอมพวิ เตอรห์ รอื อุปกรณท์ ีใ่ ชเ้ ก็บข้อมลู คอมพิวเตอร์เป็นองคป์ ระกอบหรอื เป็น สว่ นหนง่ึ ในการกระทำความผิดหรอื มีข้อมูลคอมพวิ เตอรท์ ี่เกีย่ วข้องกับการกระทำความผิดอาญาตามกฎหมายอื่น พนักงานสอบสวนอาจรอ้ งขอให้ พนักงานเจ้าหนา้ ที่ตามวรรคหนึง่ ดำเนนิ การตามวรรคหนึ่งก็ได้ หรอื หากปรากฏข้อเทจ็ จริงดังกล่าวต่อพนักงานเจ้าหนา้ ทีเ่ นอื่ งจากการปฏบิ ัต หน้าที่ตามพระราชบญั ญัตินี้ ใหพ้ นักงานเจา้ หน้าท่รี บี รวบรวมข้อเทจ็ จริงและหลักฐานแล้วแจง้ ไปยังเจ้าหนา้ ที่ท่ีเก่ยี วข้องเพ่ือดำเนนิ การต่อไป
ให้ผ้ไู ดร้ ับการร้องขอจากพนักงานเจา้ หน้าทีต่ ามวรรคหน่งึ (1) (2) และ (3) ดำเนินการตามคำร้องขอโดยไม่ชักช้า แต่ตอ้ งไม่เกิน เจด็ วนั นับแตว่ ันท่ีได้รับคำร้องขอ หรือภายในระยะเวลาท่ีพนกั งานเจ้าหน้าที่กำหนดซึง่ ต้องไม่นอ้ ยกวา่ เจด็ วนั และไมเ่ กินสิบห้าวนั เวน้ แตใ่ นกรณีที่ มเี หตสุ มควร ตอ้ งได้รับอนุญาตจากพนักงานเจา้ หนา้ ท่ี ทั้งนี้ รฐั มนตรอี าจประกาศในราชกิจจานเุ บกษากำหนดระยะเวลาทตี่ ้องดำเนนิ การท่ี เหมาะสมกบั ประเภทของผใู้ ห้บริการก็ได้ มาตรา 19 การใชอ้ ำนาจของพนักงานเจ้าหนา้ ท่ีตามมาตรา 18 (4) (5) (6) (7) และ (8)ให้พนกั งานเจ้าหน้าท่ยี ืน่ คำร้องตอ่ ศาลท มีเขตอำนาจเพ่ือมีคำส่งั อนุญาตให้พนกั งานเจา้ หนา้ ท่ดี ำเนินการตามคำรอ้ ง ท้ังน้ี คำรอ้ งตอ้ งระบุเหตอุ ันควรเชอ่ื ได้ว่าบุคคลใดกระทำหรอื กำลังจะ กระทำการอย่างหนึ่งอยา่ งใดอนั เป็นความผิด เหตุท่ตี ้องใช้อำนาจ ลักษณะของการกระทำความผิด รายละเอียดเก่ยี วกับอุปกรณ์ท่ีใชใ้ นการกระทำ ความผดิ และผ้กู ระทำความผิด เทา่ ทีส่ ามารถจะระบไุ ด้ ประกอบคำร้องด้วย ในการพจิ ารณาคำร้องใหศ้ าลพจิ ารณาคำรอ้ งดังกลา่ วโดยเรว็ เมือ่ ศาลมคี ำส่งั อนญุ าตแล้ว ก่อนดำเนินการตามคำสง่ั ของศาล ให้พนักงานเจ้าหน้าทีส่ ง่ สำเนาบนั ทึกเหตุอนั ควรเช่อื ที่ทำใหต้ อ้ ง ใชอ้ ำนาจตามมาตรา 18 (4) (5) (6) (7) และ (8) มอบให้เจา้ ของหรือผู้ครอบครองระบบคอมพวิ เตอรน์ น้ั ไวเ้ ปน็ หลักฐาน แตถ่ า้ ไม่มีเจ้าของหรอื ผู้ ครอบครองเคร่อื งคอมพิวเตอรอ์ ยู่ ณ ทน่ี ้นั ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งมอบสำเนาบนั ทึกนั้นให้แก่เจา้ ของหรือผู้ครอบครองดังกลา่ วในทนั ทีท่ีกระทำ ได้ ใหพ้ นักงานเจ้าหน้าทีผ่ ู้เปน็ หัวหนา้ ในการดำเนนิ การตามมาตรา 18 (4) (5) (6) (7) และ (8) ส่งสำเนาบันทึกรายละเอียดการ ดำเนินการและเหตุผลแหง่ การดำเนนิ การใหศ้ าลทมี่ ีเขตอำนาจภายในสส่ี ิบแปดช่ัวโมงนับแตเ่ วลาลงมือดำเนินการ เพื่อเป็นหลกั ฐาน การทำสำเนาขอ้ มูลคอมพิวเตอร์ตามมาตรา 18 (4) ใหก้ ระทำได้เฉพาะเม่ือมีเหตุอนั ควรเช่ือได้ว่ามีการกระทำความผดิ และต้อง ไมเ่ ปน็ อุปสรรคในการดำเนินกจิ การของเจา้ ของหรือผคู้ รอบครองข้อมลู คอมพิวเตอรน์ ั้นเกินความจำเปน็ การยึดหรืออายัดตามมาตรา 18 (8) นอกจากจะตอ้ งส่งมอบสำเนาหนังสอื แสดงการยึดหรอื อายัดมอบใหเ้ จ้าของหรือผู้ ครอบครองระบบคอมพวิ เตอร์นัน้ ไวเ้ ป็นหลกั ฐานแล้ว พนักงานเจา้ หน้าทจ่ี ะส่งั ยดึ หรืออายดั ไวเ้ กนิ สามสบิ วนั มไิ ด้ ในกรณีจำเป็นท่ตี อ้ งยดึ หรอื อายดั ไวน้ านกวา่ น้ัน ให้ยื่นคำรอ้ งตอ่ ศาลทมี่ ีเขตอำนาจเพือ่ ขอขยายเวลายึดหรอื อายดั ได้ แต่ศาลจะอนุญาตให้ขยายเวลาคร้งั เดยี ว หรอื หลายครั้ง รวมกนั ได้อีกไม่เกนิ หกสิบวนั เมอื่ หมดความจำเป็นที่จะยดึ หรอื อายัดหรือครบกำหนดเวลาดงั กลา่ วแลว้ พนักงานเจา้ หน้าท่ตี อ้ งส่งคนื ระบบ คอมพิวเตอร์ทีย่ ดึ หรือถอนการอายดั โดยพลัน หนังสือแสดงการยดึ หรอื อายัดตามวรรคหา้ ใหเ้ ปน็ ไปตามท่ีกำหนดในกฎกระทรวง” มาตรา 14 ใหย้ กเลิกความในมาตรา 20 แห่งพระราชบญั ญัตวิ า่ ด้วยการกระทำความผดิ เกยี่ วกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และให้ ใชค้ วามต่อไปนแ้ี ทน “มาตรา 20 ในกรณที ี่มีการทำให้แพรห่ ลายซ่งึ ข้อมลู คอมพวิ เตอร์ ดังต่อไปน้ี พนกั งานเจ้าหนา้ ทโี่ ดยไดร้ ับความเห็นชอบจาก รฐั มนตรอี าจยนื่ คำร้องพร้อมแสดงพยานหลกั ฐานต่อศาลท่ีมเี ขตอำนาจขอให้มีคำสัง่ ระงับการทำให้แพรห่ ลายหรอื ลบข้อมลู คอมพวิ เตอรน์ ้ันออก จากระบบคอมพวิ เตอร์ได้ (1) ข้อมลู คอมพวิ เตอร์ที่เปน็ ความผิดตามพระราชบัญญัติน้ี (2) ข้อมลู คอมพวิ เตอรท์ อี่ าจกระทบกระเทือนตอ่ ความม่ันคงแห่งราชอาณาจกั รตามที่กำหนดไวใ้ นภาค 2 ลักษณะ 1 หรอื ลกั ษณะ 1/1 แห่งประมวลกฎหมายอาญา (3) ข้อมลู คอมพิวเตอร์ที่เป็นความผดิ อาญาตามกฎหมายเกย่ี วกบั ทรัพย์สินทางปญั ญาหรอื กฎหมายอ่ืนซ่ึงขอ้ มูลคอมพวิ เตอรน์ น้ั มลี ักษณะขัดตอ่ ความสงบเรยี บร้อย หรอื ศีลธรรมอนั ดีของประชาชนและเจา้ หนา้ ที่ตามกฎหมายนั้นหรือพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมาย วิธีพจิ ารณาความอาญาไดร้ ้องขอ ในกรณีท่ีมกี ารทำให้แพร่หลายซ่งึ ข้อมูลคอมพวิ เตอร์ที่มลี กั ษณะขดั ต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอนั ดีของประชาชน รฐั มนตรีโดยความเหน็ ชอบของคณะกรรมการกลนั่ กรองขอ้ มลู คอมพิวเตอรจ์ ะมอบหมายใหพ้ นกั งานเจ้าหนา้ ท่ีย่ืนคำรอ้ งพร้อมแสดง พยานหลกั ฐานต่อศาลที่มีเขตอำนาจขอใหม้ ีคำส่งั ระงับการทำใหแ้ พร่หลายหรอื ลบซึง่ ข้อมูลคอมพวิ เตอร์นน้ั ออกจากระบบคอมพิวเตอร์ได้ ทง้ั น้ี ให้
นำบทบญั ญตั ิว่าด้วยคณะกรรมการท่ีมอี ำนาจดำเนินการพจิ ารณาทางปกครองตามกฎหมายว่าดว้ ยวิธีปฏบิ ตั ิราชการทางปกครองมาใชบ้ ังคับกบั การประชมุ ของคณะกรรมการกลั่นกรองขอ้ มูลคอมพวิ เตอร์โดยอนโุ ลม ใหร้ ฐั มนตรีแตง่ ตง้ั คณะกรรมการกลั่นกรองข้อมูลคอมพิวเตอรต์ ามวรรคสองขน้ึ คณะหนึ่งหรือหลายคณะ แต่ละคณะใหม้ ี กรรมการจำนวนเกา้ คนซง่ึ สามในเก้าคนตอ้ งมาจากผแู้ ทนภาคเอกชนดา้ นสทิ ธิมนษุ ยชน ดา้ นสอ่ื สารมวลชน ด้านเทคโนโลยสี ารสนเทศ หรือด้าน อื่นท่เี กีย่ วขอ้ ง และให้กรรมการได้รับคา่ ตอบแทนตามหลักเกณฑ์ทรี่ ฐั มนตรกี ำหนดโดยได้รบั ความเหน็ ชอบจากกระทรวงการคลงั การดำเนินการของศาลตามวรรคหนง่ึ และวรรคสอง ใหน้ ำประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญามาใช้บงั คับโดยอนุโลม ใน กรณที ี่ศาลมีคำสง่ั ให้ระงบั การทำใหแ้ พรห่ ลายหรอื ลบข้อมลู คอมพวิ เตอร์ตามวรรคหนงึ่ หรือวรรคสอง พนกั งานเจ้าหนา้ ทจี่ ะทำการระงับการทำให้ แพร่หลาย หรอื ลบข้อมลู คอมพวิ เตอร์น้ันเอง หรือจะสง่ั ใหผ้ ู้ใหบ้ รกิ ารระงับการทำให้แพร่หลายหรอื ลบข้อมลู คอมพวิ เตอร์นน้ั ก็ได้ ทั้งน้ี ให้รฐั มนตร ประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ ระยะเวลา และวธิ ีการปฏบิ ัติสำหรบั การระงบั การทำใหแ้ พรห่ ลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอรข์ องพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือผใู้ ห้บริการใหเ้ ป็นไปในแนวทางเดยี วกนั โดยคำนงึ ถงึ พัฒนาการทางเทคโนโลยีทเ่ี ปล่ยี นแปลงไป เวน้ แตศ่ าลจะมีคำสัง่ เปน็ อยา่ งอน่ื ในกรณที ี่มเี หตุจำเปน็ เรง่ ดว่ น พนกั งานเจ้าหนา้ ทจี่ ะยนื่ คำร้องตามวรรคหน่งึ ไปก่อนท่ีจะได้รับความเหน็ ชอบจากรัฐมนตรีหรอื พนกั งานเจ้าหน้าท่ีโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการกลัน่ กรองข้อมูลคอมพิวเตอรจ์ ะยื่นคำรอ้ งตามวรรคสองไปกอ่ นทรี่ ัฐมนตรจี ะมอบหมายก็ ไดแ้ ตท่ ้ังนีต้ ้องรายงานให้รัฐมนตรีทราบโดยเรว็ ” มาตรา 15 ให้ยกเลกิ ความในวรรคสองของมาตรา 21 แหง่ พระราชบญั ญตั วิ า่ ด้วยการกระทำความผิดเกย่ี วกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และให้ใช้ความต่อไปน้ีแทน “ชดุ คำส่ังไมพ่ ึงประสงค์ตามวรรคหนงึ่ หมายถงึ ชุดคำสงั่ ท่ีมีผลทำให้ขอ้ มูลคอมพิวเตอรห์ รือระบบคอมพิวเตอรห์ รอื ชุดคำสง่ั อืน่ เกดิ ความเสยี หาย ถูกทำลาย ถูกแก้ไขเปลีย่ นแปลงหรือเพิ่มเตมิ ขดั ข้องหรอื ปฏิบตั ิงานไม่ตรงตามคำสงั่ หรือโดยประการอ่ืนตามทีก่ ำหนดใน กฎกระทรวง เว้นแต่เปน็ ชดุ คำสงั่ ไม่พึงประสงค์ทอี่ าจนำมาใชเ้ พ่ือป้องกันหรือแกไ้ ขชดุ คำส่ังดงั กล่าวข้างตน้ ทั้งน้ี รัฐมนตรีอาจประกาศในราช กจิ จานเุ บกษากำหนดรายช่ือ ลักษณะ หรือรายละเอยี ดของชดุ คำสง่ั ไมพ่ งึ ประสงค์ซ่ึงอาจนำมาใช้เพ่ือปอ้ งกันหรือแกไ้ ขชุดคำสงั่ ไม่พึงประสงคก์ ได”้ มาตรา 16 ให้ยกเลิกความในมาตรา 22 มาตรา 23 มาตรา 24 และมาตรา 25 แห่งพระราชบญั ญัติวา่ ดว้ ยการกระทำความผิด เกีย่ วกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และใหใ้ ชค้ วามต่อไปนี้แทน “มาตรา 22 หา้ มมใิ หพ้ นักงานเจา้ หน้าที่และพนกั งานสอบสวนในกรณีตามมาตรา 18 วรรคสองเปิดเผยหรอื ส่งมอบ ขอ้ มลู คอมพวิ เตอร์ ขอ้ มลู จราจรทางคอมพวิ เตอร์ หรอื ข้อมูลของผูใ้ ช้บริการท่ไี ด้มาตามมาตรา 18 ให้แก่บุคคลใด ความในวรรคหน่ึงมิให้ใช้บงั คับกบั การกระทำเพ่ือประโยชน์ในการดำเนนิ คดกี บั ผู้กระทำความผดิ ตามพระราชบญั ญตั ิน้ีหรอื ผกู้ ระทำความผดิ ตามกฎหมายอน่ื ในกรณีตามมาตรา 18 วรรคสองหรอื เพื่อประโยชนใ์ นการดำเนินคดีกับพนกั งานเจ้าหน้าที่เก่ียวกบั การใชอ้ ำนาจ หน้าท่ีโดยมิชอบ หรือกับพนักงานสอบสวนในสว่ นที่เกย่ี วกับการปฏบิ ัติหน้าที่ตามมาตรา 18 วรรคสอง โดยมิชอบหรอื เปน็ การกระทำตามคำสง่ั หรอื ท่ีได้รบั อนญุ าตจากศาล พนักงานเจ้าหน้าทห่ี รือพนกั งานสอบสวนผู้ใดฝา่ ฝืนวรรคหนง่ึ ตอ้ งระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรบั ไม่เกินหก หมืน่ บาท หรอื ทั้งจำท้งั ปรับ มาตรา 23 พนักงานเจ้าหน้าทีห่ รือพนกั งานสอบสวนในกรณีตามมาตรา 18 วรรคสองผใู้ ดกระทำโดยประมาทเปน็ เหตุใหผ้ ู้อ่นื ลว่ งรู้ขอ้ มลู คอมพวิ เตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพวิ เตอร์ หรือข้อมลู ของผูใ้ ชบ้ รกิ าร ท่ไี ด้มาตามมาตรา 18 ต้องระวางโทษจำคุกไมเ่ กินหนึง่ ปี หรือ ปรับไมเ่ กินสองหมนื่ บาทหรือทัง้ จำท้งั ปรับ มาตรา 24 ผูใ้ ดลว่ งรู้ขอ้ มูลคอมพวิ เตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพวิ เตอร์ หรือข้อมลู ของผู้ใชบ้ ริการที่พนักงานเจ้าหน้าท่หี รือ พนกั งานสอบสวนไดม้ าตามมาตรา 18 และเปดิ เผยข้อมลู น้ันตอ่ ผูห้ นงึ่ ผใู้ ด ตอ้ งระวางโทษจำคุกไมเ่ กินสองปี หรือปรบั ไม่เกินส่ีหมนื่ บาท หรือท้งั จำ ท้งั ปรับ มาตรา 25 ขอ้ มูล ข้อมูลคอมพิวเตอร์หรอื ข้อมลู จราจรทางคอมพิวเตอร์ที่พนกั งานเจ้าหน้าทไี่ ด้มาตามพระราชบญั ญัตนิ ้ีหรอื ท่ี พนกั งานสอบสวนไดม้ าตามมาตรา 18 วรรคสอง ให้อ้างและรบั ฟังเปน็ พยานหลักฐานตามบทบญั ญัติแห่งประมวลกฎหมายวธิ พี จิ ารณาความ
อาญาหรือกฎหมายอ่นื อันวา่ ด้วยการสืบพยานได้ แตต่ ้องเป็นชนดิ ท่ีมิไดเ้ กิดขน้ึ จากการจงู ใจ มคี ำม่ันสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง หรือโดยมิชอบ ประการอ่ืน” มาตรา 17 ให้ยกเลิกความในวรรคหนึ่งของมาตรา 26 แหง่ พระราชบัญญัตวิ ่าด้วยการกระทำความผดิ เกีย่ วกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และให้ใชค้ วามต่อไปน้ีแทน “มาตรา 26 ผใู้ ห้บริการตอ้ งเก็บรักษาข้อมลู จราจรทางคอมพิวเตอรไ์ ว้ไม่นอ้ ยกวา่ เกา้ สบิ วนั นับแต่วันที่ข้อมลู นนั้ เขา้ สรู่ ะบบ คอมพิวเตอร์ แต่ในกรณจี ำเปน็ พนักงานเจ้าหน้าทจี่ ะส่งั ให้ผู้ให้บรกิ ารผใู้ ดเก็บรักษาข้อมลู จราจรทางคอมพวิ เตอรไ์ ว้เกินเกา้ สิบวันแต่ไมเ่ กินสองปี เปน็ กรณีพิเศษเฉพาะรายและเฉพาะคราวก็ได้” มาตรา 18 ใหเ้ พ่มิ ความต่อไปนีเ้ ปน็ วรรคสองและวรรคสามของมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัตวิ า่ ด้วยการกระทำความผิด เก่ียวกบั คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 “ผทู้ ่ีได้รับการแต่งต้ังเปน็ พนักงานเจ้าหนา้ ท่ตี ามพระราชบัญญตั ินี้ อาจได้รบั ค่าตอบแทนพเิ ศษตามที่รฐั มนตรีกำหนดโดยได้รบั ความเหน็ ชอบจากกระทรวงการคลัง ในการกำหนดใหไ้ ดร้ ับคา่ ตอบแทนพิเศษต้องคำนึงถงึ ภาระหน้าที่ ความรู้ความเชี่ยวชาญความขาดแคลนในการหาผูม้ าปฏบิ ัติ หน้าทีห่ รือมีการสูญเสยี ผ้ปู ฏบิ ัติงานออกจากระบบราชการเป็นจำนวนมากคุณภาพของงาน และการดำรงตนอยู่ในความยุตธิ รรมโดยเปรียบเทยี บ คา่ ตอบแทนของผปู้ ฏบิ ตั ิงานอ่ืนในกระบวนการยุตธิ รรมดว้ ย” มาตรา 19 ให้เพมิ่ ความตอ่ ไปนเี้ ปน็ มาตรา 31 แหง่ พระราชบัญญัติวา่ ดว้ ยการกระทำความผดิ เกย่ี วกบั คอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550 “มาตรา 31 ค่าใชจ้ ่ายในเรื่องดังตอ่ ไปน้ี รวมทั้งวิธกี ารเบิกจ่ายให้เป็นไปตามระเบยี บท่ีรัฐมนตรีกำหนดโดยได้รบั ความเห็นชอบ จากกระทรวงการคลงั (1) การสืบสวน การแสวงหาข้อมลู และรวบรวมพยานหลักฐานในคดีความผดิ ตามพระราชบัญญตั นิ ี้ (2) การดำเนนิ การตามมาตรา 18 วรรคหนง่ึ (4) (5) (6) (7) และ (8) และมาตรา 20 (3) การดำเนินการอื่นใดอนั จำเปน็ แก่การปอ้ งกันและปราบปรามการกระทำความผิดตามพระราชบัญญตั นิ ้ี” มาตรา 20 บรรดาระเบียบหรือประกาศที่ออกตามพระราชบญั ญตั ิว่าดว้ ยการกระทำความผิดเก่ียวกับคอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550 ท ใชบ้ ังคบั อยู่ในวันก่อนวันที่พระราชบญั ญัตนิ ี้ใชบ้ ังคบั ใหย้ ังคงใชบ้ ังคับตอ่ ไปเท่าทไี่ มข่ ัดหรือแยง้ กับบทบญั ญัตแิ ห่งพระราชบญั ญตั วิ า่ ด้วยการ กระทำความผดิ เกยี่ วกบั คอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550 ซง่ึ แก้ไขเพม่ิ เติมโดยพระราชบัญญตั นิ ้ี จนกวา่ จะมีระเบียบหรอื ประกาศทีต่ ้องออกตาม พระราชบญั ญตั วิ า่ ดว้ ยการกระทำความผดิ เก่ยี วกบั คอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550 ซึง่ แก้ไขเพมิ่ เติมโดยพระราชบญั ญตั นิ ี้ ใช้บงั คับ การดำเนนิ การออกระเบียบหรอื ประกาศตามวรรคหนง่ึ ให้ดำเนนิ การให้แล้วเสรจ็ ภายในหกสบิ วนั นบั แต่วนั ท่ีพระราชบัญญัตนิ ี้ ใชบ้ ังคับ หากไมส่ ามารถดำเนนิ การไดใ้ ห้รฐั มนตรวี า่ การกระทรวงดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและสังคม รายงานเหตุผลทไี่ ม่อาจดำเนินการไดต้ ่อ คณะรัฐมนตรเี พื่อทราบมาตรา 21 ให้รัฐมนตรวี า่ การกระทรวงดจิ ทิ ลั เพือ่ เศรษฐกิจและสังคมรกั ษาการตามพระราชบัญญตั นิ ้ี 1.1 การนำเขา้ ขอ้ มูลบดิ เบือนหลอกลวง การท่องโลกออนไลน์ ทำให้เราพบเจอข่าวสารเร่ืองราวต่าง ๆ มากมาย หลายเรื่องก็กระตุกต่อมคดิ หลายเรื่องก็กระตุกต่อมให้ อยากรูต้ ่อ หรือทำให้อดไมไ่ ด้ท่จี ะกระโดดเข้าไปมสี ่วนรว่ ม เราสามารถแชรห์ รือส่งตอ่ ข่าวสารขอ้ มูลนัน้ ออกไป เพราะอยากให้คนอนื่ ๆ รู้ดว้ ย บางครัง้ เราดาวน์โหลดภาพหรอื คลิปวิดีโอมาเกบ็ ไว้ หลายคร้งั ที่เราเข้าร่วมวงสนทนาออนไลน์ วิพากษว์ ิจารณเ์ ร่อื งราวอยา่ งออกรสประหน่ึงว่าเรา เปน็ ผู้ร่วมประสบเหตุ เปน็ ญาติ หรอื แม้แตเ่ ปน็ ผูเ้ สียหายเอง โดยขาดความตระหนักว่าการแชร์ การแท็ก การโพสตแ์ สดงความคดิ เห็นน้นั จะมีผล ต่อใคร อย่างไรต่อไป
โลกออนไลน์เปน็ โลกท่จี ะแสดงความคิดเหน็ โพสต์หรือส่งต่อข้อมูลขา่ วสารตา่ ง ๆ ได้อยา่ งอิสระ แต่ความเปน็ อิสระนี้ก็ใช่วา่ จะไร้ กรอบกตกิ า เน่อื งจากคนบนโลกออนไลน์นัน้ มตี ัวตนอยู่จริง เป็นคนเหมอื น ๆ กัน ทม่ี คี วามคดิ ความเชอื่ ความรสู้ ึก ทอ่ี าจจะเหมอื นเรา คลา้ ยเรา หรือแตกต่างจากเรา การโพสต์โดยไม่คดิ ไตร่ตรอง อาจสง่ ผลให้เขาได้รับผลกระทบจากเนอ้ื หาเรื่องราว ข้อคิดเหน็ หรอื คำด่าทอเสียดสีตา่ ง ๆ จะดว้ ยความ ตง้ั ใจหรือไมต่ ้ังใจของผโู้ พสต์ ผแู้ ชร์ หรอื ผรู้ ่วมแสดงความคิดเหน็ หรือคอมเมนต์กต็ าม นอกจากนี้ การโพสต์หรือสง่ ตอ่ ข้อมูลขา่ วสารบางอย่างนน้ั ผิดกฎหมาย เช่น ส่อื ลามกอนาจาร การพนนั ข่าวปลอม หมนิ่ ประมาท เน้ือหาข้อมลู เท็จทีก่ ระทบต่อเศรษฐกจิ สงั คม หรอื ความม่ันคงปลอดภยั แมแ้ ตก่ ารโฆษณาขายสนิ คา้ ที่สร้างความเดือดร้อนรำคาญใหแ้ ก่ผคู้ นในวงกว้าง ฯลฯ การโพสต์ด้วยคึกคะนองวา่ ตนเปน็ คนวางระเบดิ หนา้ ห้างสรรพสินคา้ ปลอ่ ยข่าวดาวหางกำลังจะพุ่งชนโลก เขอื่ นกำลังจะแตก หุ้นตัวนัน้ จะขน้ึ ตวั นี้จะลงใหร้ ีบวางแผนทำกำไร โรงไฟฟา้ ปิดซ่อมบำรุงจะทำใหไ้ ฟดับทัง้ เมือง ใช้สบูเ่ หลวทำให้ตายเรว็ กวา่ สบกู่ อ้ น ฯลฯ ถ้าไม่เป็น ความจริงกเ็ ข้าขา่ ยการส่งข้อมูลขา่ วสารปลอมหรอื บดิ เบอื นขอ้ มูลเท็จ ท่ที ำใหเ้ กิดความตื่นตระหนก เสยี หาย กระทบต่อความปลอดภยั ของ ประชาชน ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ โครงสรา้ งพื้นฐาน ความมั่นคงของประเทศ การก่อการร้าย หรือการโพสต์ขอ้ มูลทมี่ ลี ักษณะลามกอนาจารท่ี ประชาชนทัว่ ไปเขา้ ถงึ ได้ เหล่านี้มีความผดิ ตามมาตรา 142 วงเล็บ 1-4 ของ พ.ร.บ.คอม มีโทษจาํ คกุ ไม่เกินหา้ ปี หรอื ปรับไมเ่ กินหนึง่ แสนบาท หรือทงั้ จําทั้งปรบั 1.2 การนำเขา้ ข้อมูลอนั เป็นความผดิ เกยี่ วกับความมั่นคงหรือการกอ่ การร้าย การนำเข้าสู่ระบบคอมพวิ เตอรซ์ ึง่ ขอ้ มลู คอมพวิ เตอร์อันเป็นเทจ็ โดยประการทน่ี ่าจะเกิดความเสียหายตอ่ การรักษาความม่นั คงปลอดภัย ของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมัน่ คงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรอื โครงสร้างพื้นฐานอนั เปน็ ประโยชนส์ าธารณะของประเทศ หรอื ก่อให้เกดิ ความตน่ื ตระหนกแก่ประชาชน กรณกี ระทำต่อข้อมูลคอมพวิ เตอร์หรอื ระบบคอมพิวเตอร์ทีเ่ ก่ยี วกบั การรักษาความมนั่ คงปลอดภยั ของประเทศ ความปลอดภยั สาธารณะความม่นั คงในทางเศรษฐกจิ ของประเทศ หรอื โครงสรา้ งพ้นื ฐานอนั เป็นประโยชน์สาธารณะ เพิ่มโทษการเจาะระบบการทำลายระบบที่ เก่ียวกับความมั่นคงของประเทศ ถ้าการกระทาความผิดตามมาตรา 5 ,6 ,7 , 8 หรือ 11 เป็นการกระทำต่อข้อมูล/ระบบคอมพิวเตอร์ท่ีเก่ียวกับการรกั ษาความมั่นคงปลอดภยั ของ ประเทศฯ ถา้ การกระทำความผดิ ตามวรรคหนง่ึ เปน็ เหตุให้เกิดความเสียหายตอ่ ข้อมูล/ระบบคอมพวิ เตอร์ดงั กลา่ ว (ตอ้ งระวางโทษจาคุก ตง้ั แตห่ นง่ึ ปีถึงสิบปี และปรับตงั้ แต่สองหมน่ื บาทถึงสองแสนบาท) ถา้ การกระทำความผดิ ตามมาตรา 9 หรอื 10 เป็นการกระทำตอ่ ขอ้ มูล/ระบบคอมพวิ เตอรต์ ามวรรคหนงึ่ (ตอ้ งระวางโทษจาคุก ต้งั แต่ 3ถงึ 5 ปปี รบั 6 หมื่นถึง 3แสนบาท) ถา้ การกระทำความผดิ ตามวรรคหนึง่ ถึงสามถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา 9 หรอื 10 โดยมิได้มเี จตนาฆ่าแต่เป็นเหตุให้ บุคคลอ่นื ถึงแกค่ วามตาย(ต้องระวางโทษจำคุกตัง้ แตห่ ้าปถี ึงยี่สิบปี และปรบั ตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงส่ีแสนบาท”)เพมิ่ เติม 12/1 ถ้าการกระทา ความผิดตามมาตรา 9 หรอื 10 เปน็ เหตใุ หเ้ กิดอันตราย/ทรพั ย์สินผูอ้ นื่ และการกระทำนนั้ โดยมิไดม้ เี จตนาฆา่ แต่เป็นเหตใุ หบ้ คุ คลอืน่ ถงึ แก่ความ ตาย (ระวางโทษ 5 ถงึ 20 ปี/ปรบั 1 ถงึ 4 แสนบาท) มาตรา ความผิด อตั ราโทษ ม. 12 * เม่ือการแฮ็กข้อมลู หรอื ระบบ, ดักรบั , Spam, *เมือ่ แก้ไขเปลยี่ นแปลงข้อมูล,ขัดขวางหรอื เปิดเผยมาตรการป้องกัน ทำต่อโครงสร้างสำคัญ ชะลอการทำงานระบบ ทำต่อโครงสรา้ งสำคญั เชน่ ไฟฟา้ ประปา เชน่ ไฟฟ้า ประปา หากเกิดความเสียหายตามมาดว้ ย ไมเ่ จตนา แต่ทำใหค้ นตาย *เมอื่ แกไ้ ขเปลี่ยนแปลงข้อมูล,ขัดขวางหรอื ชะลอ โทษ 1-7 ปี ปรับ 10,000 –140,000 บาท
การทำงานระบบ ทำต่อโครงสรา้ งสำคญั เช่น โทษ 1-10 ปี ปรบั 20,000 –200,000 บาท ไฟฟา้ ประปา โทษ 3-15 ปี ปรบั 60,000 –300,000 บาท ไมเจตนา แตทำใหค้ นตาย โทษ 5-20 ปี ปรบั 100,000 –400,000 บาท 1.3 การนำเขา้ ภาพตัดต่อ โลกแหง่ เทคโนโลยใี นปัจจบุ นั มกี ารพฒั นา Software ท่ีใชง้ านไดง้ า่ ย แมแ้ ต่คนที่ไมถ่ นดั ดา้ นคอมพิวเตอร์กราฟฟคิ ก็สามารถ เรยี นร้แู ละใชโ้ ปรแกรมจำพวกตัดต่อภาพ/ คลปิ วีดีโอ/ เสียง ได้อยา่ งง่ายๆ แตบ่ างคร้ังการใชโ้ ปรแกรมตา่ งๆ ในการตัดต่อรูปภาพ/ คลิปของบุคคล อน่ื และสง่ ผลใหบ้ ุคคลน้ันไดร้ ับความเดือดรอ้ น อบั อายหรอื เสยี หาย กถ็ ูกควบคุมโดย พรบ.ว่าดว้ ยการกระทำความผดิ เก่ียวกบั คอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2550 ตวั อย่างการตดั ต่อภาพท่ีสร้างความเสียหายให้กบั บคุ คลอื่นมใี หเ้ ห็นอยูบ่ ่อยคร้ังด้วยกัน เชน่ กรณีที่มขี า่ วเม่ือก่อนของดาราสาว คนหนง่ึ ซ่งึ ถูกชาวตา่ งชาตินำภาพใบหน้าไปตัดตอ่ เปน็ ภาพเปลอื ยหนา้ อกแลว้ นำไปเผยแพร่ในอินเทอรเ์ น็ต สง่ ผลกระทบใหเ้ สยี หายตอ่ ภาพลกั ษณ์ ของเธอเป็นอย่างมาก ยังผลกระทบต่อความมัน่ คงระหว่างประเทศอกี ดว้ ย หรือแม้แต่บางประเทศทน่ี ำภาพใบหน้าของดาราไทยมากมายไปตัดต่อ เปน็ ภาพเปลอื ยเพอื่ โฆษณาสถานบรกิ ารทางเพศ โพสหรือเผยแพร่ภาพเปลือย ภาพลามกอนาจารของคนรู้จกั หรอื คนรกั เก่า อันเป็นเหตุให้ผ้อู น่ื ได้รับความอบั อาย หรอื เสยี หาย กรณีที่เป็นการนำรปู ของบุคคลอนื่ ไปตัดตอ่ ทำภาพและนำออกเผยแพร่เพ่ือกลั่นแกล้งให้อับอาย เสยี ชื่อเสียง เช่น ตัดตอ่ ภาพ ใบหนา้ บนรูปร่างทมี่ ลี ักษณะนา่ เกลยี ด หรือการตัดตอ่ ภาพ คลิปวีดโี อ เพอื่ ผลติ เป็นส่อื ลามก ออกจำหนา่ ยหาผลกำไรจากความเดือดร้อนของผู้อื่น ดงั กรณีท่ีกล่าวมา ถือว่ามคี วามผดิ ตามพระราชบัญญตวิ า่ ด้วยการกระทำผดิ เก่ียวกับคอมพวิ เตอร์พ.ศ. 2550 มาตรา16 ซงึ่ กลา่ วไว้ว่า ผใู้ ดนำเข้าสู่ระบบคอมพวิ เตอรท์ ี่ประชาชนทว่ั ไปอาจเขา้ ถึงได้ซึง่ ข้อมลู คอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อน่ื และภาพนั้นเปน็ ภาพที่เกิดจากการสรา้ งขึ้น ตดั ตอ่ เติมหรือดัดแปลงด้วยวธิ ีการทางอิเล็กทรอนิกสห์ รอื วธิ กี ารอน่ื ใด ท้งั น้ี โดยประการทีน่ า่ จะทำให้ผู้อื่นน้ันเสยี ช่อื เสียง ถูกดหู มนิ่ ถูกเกลียดชงั หรือ ไดร้ บั ความอบั อาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกนิ สามปี หรือปรับไม่เกนิ หกหม่ืนบาท หรอื ท้ังจำท้ังปรบั กรณีท่ี มกี ารเผยแพรผ่ า่ นอินเทอร์เน็ต หากภาพมีลกั ษณะเป็นภาพลามกอนาจาร ก็สามารถเข้าขา่ ยผดิ กฎหมายการเผยแพร่สอื่ ลามกได้ นอกจากก็นี้ยงั มี กฎหมายอาญาเรือ่ งการหมิน่ ประมาทเข้ามาเกีย่ วข้อง โดยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 ได้กล่าวไว้ว่า ถ้าความผดิ ฐานหม่ินประมาทได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพหรอื ตวั อักษรท่ีทำใหป้ รากฏด้วยวิธีใด แผ่นเสียง หรอื ส่งิ บนทกึ เสยี งอยา่ งอื่น กระทำโดยการกระจายเสยี ง หรือโดยการกระทำการปา่ วประกาศด้วยวธิ ีอืน่ ใด ผู้กระทำตอ้ งระวางโทษจำคุกไมเ่ กินสองปี หรือปรบั ไมเ่ กินสองแสนบาท
การใชเ้ ทคโนโลยี และสื่ออินเทอร์เนต็ ในการทผ่ี ดิ สร้างความเดอื ดร้อนและเสยี หายใหก้ ับบคุ คลอื่น เปน็ การกระทำทีผ่ ิดกฎหมาย และยงั ขาดสามญั สำนึกทดี่ ี ดังนนั้ ในฐานะของพลเมอื งท่ีดีเม่ือพบเหน็ เวบ็ ไซด์ หรอื การโพสต์ข้อความทไี่ มเ่ หมาะสมชว่ ยกนั แจ้งที่ www.thaihotline.org เพื่อประสานงานลบเน้ือหาไมเ่ หมาะสม และช่วยเหลอื ผเู้ สียหาย มาตรา 16 ผูใ้ ดนำเข้าสรู่ ะบบคอมพวิ เตอร์ท่ปี ระชาชน ทั่วไปอาจเข้าถึงไดซ้ ึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ท่ีปรากฏเป็นภาพของผู้อน่ื และภาพน้ันเป็นภาพทเ่ี กิดจากการสรา้ งขึน้ ตัดต่อ เตมิ หรือดัดแปลงด้วย วธิ ีการทางอเิ ล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอนื่ ใด โดยประการทีน่ ่าจะทำใหผ้ ู้อื่นนนั้ เสยี ชอ่ื เสียง ถกู ดหู มนิ่ ถูกเกลยี ดชัง หรือได้รับความอับอาย ถา้ การ กระทำตามวรรคหนึ่งเปน็ การกระทำต่อภาพของผูต้ าย และการกระทำน้ันนา่ จะทำใหบ้ ิดา มารดา คสู่ มรส หรือบุตรของผตู้ ายเสียช่อื เสียง ถูกดู หมิ่น หรือถูกเกลียดชงั หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจาํ คุกไมเ่ กินสามปี หรือปรับไมเ่ กินสองแสนบาท หรอื ทั้งจําทงั้ ปรับ โดยทผ่ี า่ นมา ได้มีการใช้มาตรา 14 และมาตรา 15 และมาตรา 16 จัดการกับปัญหา ผ้กู ระทำความผดิ ทางคอมพวิ เตอร์ มาแล้ว หลายคดี เชน่ การกดแชร์ข้อมลู ที่มเี นอ้ื หาเข้าข่ายความผดิ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ การตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงดว้ ยวธิ ีทางอิเลก็ ทรอนกิ ส์ โดยมี เจตนาทำให้ผอู้ นื่ น้ันเสียหายก็มีความผิดเช่นเดยี วกัน แตก่ ็มีข้อสังเกตบางประการวา่ กฎหมายไทยกย็ งั ไม่ได้ใหอ้ ำนาจเจา้ หนา้ ท่ีในการลบหรือสั่งให ลบ หรอื จัดการกบั ขอ้ มลู อันเป็นเท็จน้นั ๆ เหมือนกฎหมายในตา่ งประเทศ นายพทุ ธิพงษ์ กลา่ ววา่ ความผดิ ใน พ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ฯ ตามมาตรา 14 และ 15 กับความผดิ ในประมวลกฎหมายอาญาวา่ ดว้ ย ความผดิ ลักษณะหม่ินประมาท มีความคล้ายคลงึ กนั แต่ก็บงั คบั ใชก้ บั กรณที ่ีต่างกัน โดยความผดิ ใน พ.ร.บ. คอมพวิ เตอร์ฯ จะครอบคลุมถงึ เพยี ง การใชข้ อ้ มูลอนั เป็นเท็จในการก่อใหเ้ กิดความเสียหายต่อประชาชน ไม่รวมไปถงึ ขอ้ มลู ที่เป็นจรงิ แตม่ ลี กั ษณะเปน็ การให้ร้ายบคุ คลอื่นแต่อยา่ งใด ในขณะท่ีความผดิ ฐานหมิ่นประมาทนั้นจะรวมถึงการใชข้ ้อมูลทเ่ี ปน็ ความจริงและเท็จอันก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผอู้ ่ืน และทส่ี ำคญั เมอ่ื สง่ ผู้ให้บรกิ ารอนิ เทอร์เนต็ ตามมาตรา 27 ผ้ใู ดไม่ปฏบิ ตั ิตามคำสั่งของศาลหรือพนกั งานเจ้าหน้าที่ท่ีส่งั ตามมาตรา 18 หรือมาตรา 20 หรือไมป่ ฏิบตั ิตามคำส่ังของศาลตามมาตรา 21 ต้องระวางโทษปรบั ไม่เกนิ สองแสนบาทและปรบั เปน็ รายวนั อกี ไม่เกนิ วนั ละห้า พันบาทจนกว่าจะปฏิบตั ใิ หถ้ ูกต้อง มาตรา ความผิด อตั ราโทษ 5,14,16 การตัดต่อภาพใหผ้ ู้อนื่ เสยี หายทำใหเ้ กดิ ความ ปรับ 10,000-100,000 บาท จำคุก 6 เดือน - เขา้ ใจผิดหรือหม่ินเบอื้ งสูง 5 ปี กรณีศึกษา
ชายหนุม่ คนหนึ่งถา่ ยรปู ตึกที่มลี กั ษณะเอนๆ พรอ้ มโพสต์ ข้อความประมาณวา่ ตึกทรุดตัว ลงบน Facebook เลยทำใหเ้ กดิ เปน็ ประเดน็ ท่หี ลายเอาตกอกตกใจไปกันใหญ่ แต่ต่อมาก็มีการเปดิ เผยว่า ตึกท่เี ห็นน้นั เป็นเพียงดไี ซน์ของตึกท่ตี ้ังใจจะให้เอนแบบน้ันอยู่แล้ว เลยทำให้ เจ้าของโพสต์ ถูกตำรวจเรียกสอบสวน เพราะเข้าขา่ ยความผิด พ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ ม.14 (2) นำข้อความเทจ็ เขา้ ระบบคอมพิวเตอร์ อนั เปน็ เท็จ กอ่ ให้เกดิ ความตื่นตระหนก 1.4 การให้ความรว่ มมือ ยินยอม ร้เู ห็นเป็นใจในการนำเข้าข้อมูลอนั เป็นเท็จ ผใู้ ห้บริการผู้ใดให้ความรว่ มมือ ยนิ ยอม หรอื รเู้ ห็นเปน็ ใจใหม้ กี ารกระทำความผิดตามมาตรา 14 ในระบบคอมพวิ เตอร์ที่อยู่ใน ความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกบั ผกู้ ระทำความผดิ ตามมาตรา 14 ให้รฐั มนตรีออกประกาศกำหนดขั้นตอนการแจ้งเตอื น การระงับ การทำให้แพร่หลายของข้อมูลคอมพิวเตอร์ และการนำข้อมูลคอมพวิ เตอร์น้ันออกจากระบบคอมพวิ เตอร์ ถ้าผ้ใู หบ้ ริการพิสจู นไ์ ด้วา่ ตนได้ปฏบิ ัติ ตามประกาศของรัฐมนตรีท่ีออกตามวรรคสอง ผนู้ ั้นไม่ต้องรับโทษ กรณีนถ้ี ้าเทียบใหเ้ ห็นภาพชัดๆ กเ็ ชน่ เพจต่างๆ ที่เปิดให้มกี ารแสดงความคดิ เห็น แลว้ มีความคิดเห็นที่มเี นื้อหาผิดกฎหมายกม็ ี ความผิด แตถ่ า้ หากแอดมินเพจตรวจสอบแล้วพบเจอ และลบออก จะถือวา่ เปน็ ผทู้ ีพ่ ้นความผดิ แตถ่ ้าไมย่ อมลบออกต้องได้รับโทษ ถือว่าเป็น ผู้กระทำความผดิ ตามมาตร 14 ตอ้ งได้รบั โทษเชน่ เดียวกันผโู้ พสต์ หรอื แสดงความคิดเห็นทางออนไลน์ แตถ่ า้ ผดู้ แู ลระบบพิสจู นไ์ ดว้ ่า ตนไดป้ ฏิบตั ิ ตามขัน้ ตอนการแจง้ เตือนแลว้ ไม่ต้องรบั โทษ 1.5 การทำลายข้อมูลเท็จ การนำเขา้ เป็นภาพของผู้อ่ืน และภาพนัน้ เป็นภาพทีเ่ กดิ จากการสรา้ งขน้ึ ฯ ถ้าการกระทำตามนีเ้ ป็นการกระทำต่อภาพของผ้ตู าย และการ กระทำนน้ั น่าจะทำให้บิดา มารดา คสู่ มรส หรอื บุตรของผ้ตู ายเสียชอื่ เสียง ถกู ดหู มนิ่ หรือถกู เกลียดชัง หรอื ไดร้ ับความอับอาย ต้องไดร้ ับโทษ การ นำเข้าสู่ระบบคอมพวิ เตอร์โดยสจุ ริต อันเปน็ การตชิ มดว้ ยความเปน็ ธรรม ซง่ึ บคุ คลหรือสิ่งใดอนั เปน็ วิสัยของประชาชนยอ่ มกระทำ ผกู้ ระทำไมม่ ี ความผิด ความผดิ ตามวรรคหน่งึ และวรรคสองเปน็ ความผิดอันยอมความได้ เพิ่ม มาตรา 16/1 ในคดีความผิดตามมาตรา 14 หรือมาตรา 16 ซงึ่ มคี าพิพากษาว่าจำเลยมคี วามผดิ ศาลอาจสง่ั (1) ใหท้ ำลายข้อมลู (2) ใหโ้ ฆษณาหรือเผยแพรค่ ำพพิ ากษาทั้งหมดหรอื แต่บางสว่ นในสื่อ อิเลก็ ทรอนิกส์ ฯ (3) ให้ดำเนินการอน่ื ตามที่ศาลเห็นสมควรเพือ่ บรรเทาความเสยี หายท่ีเกดิ ขน้ึ จากการกระทำนนั้ 16/2 ข้อมลู คอมพวิ เตอร์ในความครอบครองของตนเปน็ ข้อมูลท่ศี าลสัง่ ใหท้ ำตามมาตรา 16/1 ผู้นน้ั ต้องทำลายข้อมูลดังกลา่ ว หากฝา่ ฝืนต้องระวางโทษ
ใหพ้ นักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพจิ ารณาความอาญา อาจร้องขอให้พนักงาน เจา้ หน้าที่ตามพระราชบญั ญตั นิ ฯ้ี ดำเนินการตาม พระราชบัญญตั ิในบรรดาความผดิ อาญาตอ่ กฎหมายอืน่ ซึ่งไดใ้ ชร้ ะบบคอมพิวเตอร์ข้อมลู คอมพวิ เตอร์หรอื อปุ กรณ์ทใ่ี ชเ้ กบ็ ขอ้ มลู คอมพิวเตอรเ์ ปน็ องคป์ ระกอบหรอื เปน็ ส่วนหนงึ่ ในการกระทำความผิดและให้ผไู้ ด้รบั การร้องขอ จากพนักงานเจ้าหนา้ ทด่ี าเนินการตามคำ รอ้ งขอโดยไมช่ ักช้า ใหผ้ ู้ได้รบั การร้องขอจากพนักงานเจ้าหนา้ ทต่ี ามวรรคหนึ่ง (1) (2) (3) (4) (5) (6) (7ป หรือ(8) ดำเนนิ การตามคำร้องขอโดยไม่ชักช้า แตต่ อ้ งไม่เกิน เจ็ดวนั นบั แตว่ นั ท่ไี ด้รบั คำร้องขอ หรือภายในระยะเวลาที่พนักงานเจ้าหน้าที่กำหนด ซ่งึ ต้องไม่น้อยกวา่ เจด็ วันและไมเ่ กินสบิ หา้ วัน เวน้ แต่ในกรณที ่ี มเี หตสุ มควร ต้องไดร้ บั อนญุ าตจากพนักงานเจา้ หนา้ ที่ 2.การรเู้ ท่าทนั ขา่ วปลอม (Fake News) ในปัจจุบนั สือ่ โซเชียลมเี ดยี มีการเขา้ ถึงได้งา่ ย การเสพขา่ วสารทีไ่ มม่ ีข้อเท็จจริงอาจเกิดขึ้นได้ และมีการส่งต่อหรือแชร์กนั เป็น จำนวนมาก ทำให้เกดิ ปัญหาและส่งผลกระทบต่าง ๆ เป็นวงกวา้ งตามมา ดังน้นั จงึ ต้องมีการเรียนรู้เทา่ ทันและป้องกันตัวเองจากข่าวปลอม (Fake News) ขา่ วปลอม (Fake News) คือ เนอื้ หาข้อมลู ท่เี ป็นเทจ็ หลอกลวง หรือขา่ วที่สร้างสถานการณ์ รวมถงึ การเขยี นหรอื การนำเสนอขา่ วท่ีได้รับ การสนบั สนุนอย่างปิดบังหรอื แอบแฝง โดยมีความประสงค์เพือ่ ชกั นำบุคคลอ่ืนให้มีความเชือ่ ในทางท่ผี ิด บิดเบือน และส่งผลให้เกิดความเสียหาย ตอ่ บุคคล หรือหน่วยงาน ข่าวปลอม มีการแพร่กระจายอย่างรวดเรว็ ในสงั คมออนไลน์ ทำใหม้ ผี ลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง ส่งผลกระทบตอ่ ชวี ติ และทรัพย์สินต่อประชาชนโดยตรง หากไดร้ บั ข่าวหรือข้อมูลอย่าเชอ่ื ง่าย ใหส้ งสัยไว้ก่อน จะสง่ ต่อใหด้ ำเนนิ การตรวจสอบ และก่อนแชร์ข้อมูล ข่าวสารต้องแน่ใจวา่ ขอ้ มูลนน้ั เป็นจรงิ และเปน็ ประโยชน์ หลงั สงครามโลกครัง้ ท่สี องมีการใช้ข้อมูลข่าวสารท่สี รา้ งขนึ้ เพ่ือโจมตีซ่ึงกนั และกัน ประเทศไทยก็ได้รับผลจากสงครามเยน็ ในชว่ งการตอ่ ตา้ นลัทธคิ อมมิวนสิ ต์ ในสมยั น้นั เรยี กวา่ การลา้ งสมอง การโฆษณาชวนเชอื่ โดยการเมืองโลกแบ่งออกเป็นสองฝ่ายอยา่ งชดั เจน ม การต้ังสถานีวทิ ยุกระจายข่าวโฆษณาชวนเช่อื การสร้างข่าวลวง โจมตีซ่ึงกันและกัน ข่าวปลอมจึงไม่ใชเ่ ป็นเรื่องใหม่ เป็นกระบวนการท่ีทำกนั มา นาน และทำมาโดยตลอด การโฆษณาชวนเช่ือ จึงเปน็ คำท่ใี ชใ้ นทางลบ จากตวั อย่างในอดตี เป็นการใช้เพอ่ื สรา้ งความกลัวและความเกลยี ดชงั โดยเฉพาะอยา่ งย่ิงการกระตุ้นความรูส้ ึกของประชาชนให้เกลยี ดชงั ฝ่ายตรงขา้ ม ในการใชช้ ีวติ วิถใี หมจ่ ึงต้องรู้เท่าทัน เพราะวิถีชวี ติ ใหม่อยูบ่ นสงิ่ แวดลอ้ มทางด้านข้อมลู ขา่ วสารทางดจิ ิทัล ที่มมี ากมาย มีการเผยแพรแ่ ละกระจาย ข่าวได้เรว็ มกี ารสร้างขา่ วปลอม หรือทีเ่ รยี กว่า Fake News ข่าวลวง ขา่ วที่ไม่น่าเช่ือถือ ทั้งโดยเจตนา หรอื บางคร้ังนำเสนอในความเชอื่ ของ ตนเองทีผ่ ดิ แตค่ ิดวา่ ถูก หรือ เช่อื เชน่ น้ันจึงนำมาแชรต์ อ่ ๆกนั ข้อมูลบนโลกโซเซียลจึงมีข้อมลู ข่าวสาร สารสนเทศทไ่ี ม่ผา่ นการคัดกรอง การ บริโภคขา่ วสารจงึ รับในเรอื่ งความคดิ เห็น ความร้สู ึก มากกวา่ ความจรงิ หรือ มีการรบั ข่าวเร่ืองหลอกลวงที่ทำข้ึนอย่างจงใจ ผู้ทำข่าวปลอมมคี วาม ประสงค์เพอ่ื ชกั นำบคุ คลในทางทผ่ี ดิ หรือ ชักจงู นำพาเพ่อื สร้างความสนใจเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า ทางการเมือง หรือเพื่อสรา้ งความชวนเชื่อ ใหค้ ล้อยตาม หรอื ทำใหเ้ สยี หายต่อบุคคล หน่วยงาน องค์กร สถาบนั หรือต้องการให้ได้ผลประโยชนท์ างใดทางหน่ึง ยิ่งในปจั จบุ ันมีเรอ่ื งเพ่ือชักจูง ในแนวคิดทางการเมืองทีท่ ำกันมาก มเี ว็บข่าวหลายแหง่ ที่พบกนั บ่อย ๆ ต้องการไดร้ ายได้จากการท่ีมีคนเขา้ มาเยีย่ มชมเวบ็ จงึ เปน็ ผู้สร้างข่าวปลอมเพื่อจงู ใจคน มัก ใชข้ อ้ ความพาดหัวในลักษณะเรา้ อารมณ์ หลอกลวง หรือกุขน้ึ ท้งั หมดเพื่อดงึ ดดู ให้คลิกเข้ามาอ่าน เข้ามาแชร์ตอ่ โดยเน้นรายได้จากการนับจำนวน คลกิ บนหน้าขา่ ว ดังเราจะเห็นขอ้ มูลบนเวบ็ เป็นจำนวนมากพาดหวั ข้อข่าวกับเน้ือเร่ืองภายในไม่ตรงกนั เพราะการสร้างเร่อื งเรา้ อารมณ์ เพื่อหลอก ให้คนคลกิ ทำให้มีรายไดจ้ ากการโฆษณา โดยไมส่ นใจว่าเรื่องที่พมิ พ์นั้นจะถกู ต้องหรือไม่ ปัจจบุ นั ย่งิ ในการสร้างทัศนคตทิ างการเมือง ความนยิ มชมชอบ มีการใช้ความจริงเพยี งบางส่วนมาใชเ้ ป็นประเด็นเพ่อื ชักจูง ความคดิ ให้คลอ้ ยตาม การสร้างและเผยแพร่ข่าวลกั ษณะน้ีมกี ารปฏบิ ัติการอย่างเปน็ ระบบ ที่เรยี กว่า IO-Information Operation เพื่อหวังผลใน การสร้างความเช่ือ และใชเ้ ทคนิคบิดเบอื นหรือใช้กระบวนการทางวิชาการและจติ วทิ ยาในการโน้มน้าวใจคนโดยให้ความจรงิ บางส่วนทเ่ี หลือคือ แตง่ ขน้ึ เพื่อให้ผ้รู ับข่าวสารเกิดความคลอ้ ยตาม
ปจั จยั หลายอยา่ งทีท่ ำใหเ้ กิดการแพร่ระบาดของข่าวปลอม เช่น การผลติ เนอ้ื หาเพื่อเรียกโฆษณาและเรตต้ิง การเข้าถงึ รายได้ โฆษณาออนไลน์อย่างง่าย ยิ่งปัจจุบนั ผผู้ ลติ แพลตฟอร์มสอื่ สงั คม ใชเ้ อไอในการวเิ คราะห์การใช้ การกดไลก์ กดแชร์ การคลกิ ดู เพอ่ื ดรู สนิยม ความ ต้องการดูสือ่ จึงปอ้ นสื่อหรอื โฆษณาทเ่ี ข้าทางมาให้เพิ่มขึน้ แนวโน้มทส่ี งู ขึ้นของการแบ่งแยกขัว้ ทางการเมอื ง คนนิยมพรรคไหน ทศั นคตเิ ปน็ อยา่ งไร ก็จะส่งข่าวสารทางนั้นมาให้ เป็นการเลอื กข้างหนักข้ึน จงึ มักจะเชื่อข่าวลวงที่ตรงตามแนวทางทีต่ นเองชอบ และแชรก์ ระจายต่อให้อีก เปน็ หนทางทำใหส้ งั คมแตกแยก ปัญหาของขา่ วปลอมจึงมีมาก แต่เนือ่ งจากทุกคนเป็นทั้งผู้สือ่ ข่าว และบรโิ ภคข่าว การแยกแยะดว้ ยตนเอง และ การเข้าใจ เปดิ รบั ความคิดเห็น แต่คดิ วิเคราะหห์ ลายมุมได้ การมวี จิ ารณญาณในการรับข่าวท่ีดี จะเปน็ หนทางลดปญั หาข่าวลวงลงได้ วิธีที่ดวี ิธีหนึ่ง คอื การเรยี นรู้ แยกแยะ สังเกตและตรวจสอบข่าวปลอม ข่าวลวง ข่าวเท็จ ไดด้ ว้ ยตนเอง โดยมีขอ้ น่าสังเกตสำหรบั ขา่ วลวงดงั น้ี เมื่อต้องการความแน่ใจควรตรวจดวู ่าใครเป็นผเู้ ขียนขา่ ว แหลง่ ขา่ ว มคี วามนา่ เช่ือถือแคไ่ หน แหลง่ ขา่ วมาจากกลุ่มท่เี ลือกขา้ ง ชัดเจนหรือไม่ หากมาจากองค์กรท่ีชื่อไม่คุ้นเคย ใหต้ รวจสอบหาข้อมูลเพม่ิ เตมิ ดูการเขียนขา่ ววา่ ใช้ความคดิ เห็นสว่ นตวั วิเคราะห์ ขา่ วปลอม มักมี การตดั ต่อ หรือเปล่ียนแปลง บางครง้ั รปู ภาพอาจเป็นรปู จรงิ แตไ่ ม่เกี่ยวกบั บริบทของเร่ืองราว โดยบางครงั้ อาจนำภาพเก่า หรือภาพจากท่ีอ่ืนมา ประกอบเรื่องใหด้ สู มจริง เราสามารถตรวจสอบรูปภาพจากการสอบคน้ หารูปภาพด้วยกูเกิลได้ บางครง้ั นำข่าวเกา่ มานำเสนอแบบไม่สมเหตสุ มผล เปลีย่ นแปลงวันเวลาของเหตุการณ์ใหเ้ ขา้ กบั สถานการณค์ วามสนใจ จงึ อยากให้ใชห้ ลักวิทยาศาสตรท์ ี่ไดเ้ รยี นมา คือ การสงั เกต ตรวจสอบแหลง่ ขอ้ มูลของผเู้ ขียนเพ่ือยนื ยนั ว่าถูกต้อง ดเู หตุดูผล หากไม่มหี ลักฐานหรอื ความน่าเชอื่ ถอื หรือมีผู้เชยี่ วชาญท่นี ่าเช่อื ถือยืนยัน ย่อมไม่นา่ เช่ือถือ ดงั นนั้ จึงต้องดูแหลง่ ท่ีมาของขา่ ว ไมไ่ ช่แชร์ต่อ ๆ กนั มา ควรใช้วิจารณญาณเพอ่ื คิดวิเคราะหเ์ รอ่ื งราวทอ่ี ่าน และแชรเ์ ฉพาะขา่ วที่แนใ่ จวา่ เชื่อถือไดเ้ ทา่ นัน้ คำถามทา้ ยบทเรียน 1. มูลเหตุทม่ี กี ารสรา้ งข่าวลวง ข่าวปลอมข้ึนมามาก และเผยแพรใ่ นสอ่ื สังคม ให้มกี ารกดไลก์ แชร์ออกไปในวงกวา้ ง น่าจะมาจากสาเหตุใดมาก ท่ีสุด 2. ชีวติ วถิ ีใหม่ ต้องอยู่กับสงิ่ แวดล้อมทางดา้ นข้อมลู ข่าวสาร จำนวนมาก หนทางท่ีจะแยกแยะขา่ วลวงออกจากข่าวจริง เปน็ สิ่งทพี่ งึ กระทำ อย่างมี สติ ไม่เช่ืออะไรงา่ ยๆ ทั้งนคี้ วรอาศัยหลักการเรื่องใด
แบบทดสอบ คร้งั ที่ 16 รายวิชา สค 0200036 รู้ทันขา่ วและ Fake News เร่ือง ขา่ วและ ข่าวปลอม (Fake News) คำชี้แจง แบบทดสอบแบบปรนยั มจี ำนวนทัง้ หมด 10 ข้อ คำสงั่ จงทำเคร่ืองหมายกากบาท (X) หน้าข้อทถี่ ูกต้องท่สี ุด เพียงข้อเดียว 1. จากผลสำรวจของ EDTA ในปี 2565 ผู้ใช้งานคนไทยใชง้ านอินเตอร์เน็ต โดยมีชั่วโมงการใช้งานโดยเฉลี่ยสูงสดุ กีช่ ่ัวโมงตอ่ วนั ก. 10 ช่วั โมง 5 นาที ข. 8 ชวั่ โมง ค. 5 ชว่ั โมง ง. 3 ช่ัวโมง 2. ข่าวจริง คือข้อใด ก. มาจากแหล่งข่าวทีน่ ่าเช่อื ถือ ข. พาดหวั มที ิศทางเดียวกบั เนอ้ื ข่าว ค. มีชื่อผูร้ บั ผดิ ชอบหรือผเู้ ขยี นขา่ ว ง. ถูกทกุ ข้อ 3. เฟคนิวส์ (Fake New) คอื ขอ้ ใด ก. ข่าวปลอม ข. ข่าวลวง ค. ข่าวไม่จริง ง. ถูกทกุ ข้อ 4. โครงสร้างของขา่ วและการใชภ้ าษา ประกอบไปด้วยกี่สว่ น ก. 1 สว่ น ข. 2 สว่ น ค. 3 ส่วน ง. 4 ส่วน 5. ข่าวปลอม มีก่ีประเภท ก. 1 ประเภท ข. 2ประเภท ค. 3 ประเภท ง. 4 ประเภท
6. ข่าวปลอม คอข้อใด ก. มาจากแว็บไซต์ทไี่ ม่คนุ้ ชอื่ ข. พาดหัวเร้าอารมณ์หรือไม่ไปทางเดยี วกับเน้ือข่าว ค. ไมส่ ามารถกดลิ้งคย์ ้อนไปหาแหลง่ ขา่ วตน้ สงั กัด ง. ถูกทั้ง ก.ข.และค. 7. ลักษณะและรูปแปบเนื้อหาของขา่ วปลอมมกี ่แี บบ ก. 3 ประเภท ข. 5 ประเภท ค. 7 ประเภท ง. 9 ประเภท 8. ลักษณะของขา่ วปลอมมีกี่ประเภท ก. 2 ประเภท ข. 4 ประเภท ค. 6 ประเภท ง. 8 ประเภท 9. ปัจจยั ที่ทำให้หลงเชอ่ื ขา่ วปลอมมีก่ปี ระเภท ก. 2 ประเภท ข. 3 ประเภท ค. 4 ประเภท ง. 5 ประเภท 10. แรงจงู ใจการสร้างขา่ วปลอมมีก่ปี ระเภท ก. 1 ข. 2 ค. 3 ง. 4 เฉลย 1. ก. 2. ง. 3. ง 4. ง. 5. ค. 6. ง. 7. ค. 8. ค. 9. ง. 10. ค. บันทกึ ผลหลงั การจัดกระบวนการเรียนรู้ ครั้งท.่ี ....... วนั ที่.......เดอื น............................พ.ศ...............
ผลการใช้แผนการจัดกระบวนการเรยี นรู้ 1. จำนวนเน้ือหากับจำนวนเวลา เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบุเหตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. การเรยี งลำดบั เน้อื หากับความเขา้ ใจของผ้เู รียน เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบเุ หตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การนำเขา้ สู่บทเรียนกบั เนื้อหาแต่ละหัวข้อ เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบุเหตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. วธิ กี ารจดั กิจกรรมการเรียนรู้กับเนอื้ หาในแตล่ ะขอ้ เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบเุ หตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. การประเมนิ ผลกบั ตวั ชวี้ ัดในแตล่ ะเน้อื หา เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบุเหตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการเรยี นรขู้ องผู้เรยี น …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการจัดกระบวนการเรยี นรู้ของครู
…………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………… ลงชือ่ ................................................ ผู้บันทึก () ครู กศน.ตำบล ความเห็นของผู้อำนวยการสถานศกึ ษา ....................................................................................................................... .............................................................................................................. ............................................................................................................................. ........................................................................................................ ................................................................ ลงชอื่ .................................................. (นางมาลี เพง็ ดี) ผอู้ ำนวยการ กศน.อำเภอหนองไผ่ แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรยี นร้ขู องผู้เรียน ชือ่ โครงการ/กิจกรรม........................................................................................................................ ชอ่ื โรงเรยี น/สถานศกึ ษา …………………………………………………………………………………………………….. ชอื่ หัวหนา้ โครงการ/กิจกรรม............................................................................................................. คำชีแ้ จง ใหผ้ ู้ประเมินทำเคร่ืองหมายถูก () ลงในช่องระดับพฤติกรรมของผู้เรียน โดยมเี กณฑร์ ะดับคุณภาพการประเมินดงั นี้ 5 มีพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ มากทสี่ ุด 4 มพี ฤตกิ รรมการเรยี นรู้ มาก 3 มพี ฤตกิ รรมการเรียนรู้ ปานกลาง 2 มพี ฤติกรรมการเรยี นรู้ นอ้ ย 1 มพี ฤตกิ รรมการเรียนรู้ น้อยท่ีสดุ เกณฑ์การพิจารณาระดับคณุ ภาพ คะแนนเฉลยี่ รอ้ ยละ 0 - 50 ระดับคณุ ภาพ ปรับปรุง คะแนนเฉลย่ี ร้อยละ 50 - 69 ระดบั คณุ ภาพ พอใช้
คะแนนเฉลีย่ รอ้ ยละ 70 – 79 ระดับคณุ ภาพ ดี คะแนนเฉล่ียร้อยละ 80 – 89 ระดับคุณภาพ ดมี าก คะแนนเฉลี่ยรอ้ ยละ 90 - 100 ระดับคณุ ภาพ ดเี ย่ียม พฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดับพฤติกรรม 54321 1. ความต้ังใจในการทำงาน 2. ความรับผิดชอบ 3. ความกระตือรือรน้ 4. การตรงต่อเวลา 5. ผลสำเรจ็ ของงาน 6. การทำงานรว่ มกบั ผู้อื่น 7. มคี วามคิดรเิ ริม่ สร้างสรรค์ 8. มกี ารวางแผนในการทำงาน 9. การมีส่วนร่วมในการแสดงความคดิ เห็นในกลุม่ 10. การมีสว่ นร่วมในการแก้ไขปัญหาในกลุม่ ลงช่อื ......................................................................ผปู้ ระเมิน ............../.............................../..................... แผนการจดั การเรยี นรรู้ ายภาค ครั้งท่ี 17 เร่อื ง การปอ้ งกนั ตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์ (เวลาเรยี น 6 ชว่ั โมง) แนวคิด อาชญากรรมออนไลน์ ความหมาย ประเภทของอาชญากรรมออนไลน์อาชญากรรมไซเบอร์(Hacker) สาเหตุของปัญหาอาชญากรรมออนไลน์และแนวทางกา ป้องกัน วิธีการเจาะหรือทำลายระบบคอมพิวเตอร์และการป้องกัน บทลงโทษการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 การละเม ทรัพย์สินทางปญั ญา และรูปแบบการเกิดการคกุ คามทางเพศออนไลน์ (Cyber Sexual Harassment) การป้องกันตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลนก์ ารป้องกันอาชญากรรมออนไลน์ ความแตกต่างของสื่อออนไลน์ที่จริงและปลอม แล วธิ ีการป้องกนั การถูกหลอกจากช่องทางตา่ ง ๆ บนโลกออนไลน์ กรณีศกึ ษา : อาชญากรรมบนโลกออนไลน์ศึกษาวเิ คราะห์กรณีศกึ ษา : อาชญากรรมบนโลกออนไลน์ ตวั ชวี้ ัด 1. อธิบายวิธีการป้องกัน อาชญากรรมออนไลน์ขั้นตอนใน การบริหารจัดการในระบบสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ และการป้องกัน อาชญากรออนไลน์ ได้
2. วิเคราะหค์ วามแตกต่างของสอ่ื ออนไลนท์ ี่จริงและปลอมได้ 3. อธิบายวิธีการปอ้ งกนั ตนเองจาก การถกู หลอกจากชอ่ งทางตา่ ง ๆ บนโลกออนไลนไ์ ด้ 4. วิเคราะหก์ ารเกดิ อาชญากรรมบน โลกออนไลนต์ า่ ง ๆ ได้ และ ตระหนักถึงผลทีเ่ กดิ ขนึ้ จากการเกิด อาชญากรรมบนโลกออนไลน์ เนอ้ื หา 1. การปอ้ งกันอาชญากรรม ออนไลน์ 1.1 วิธีการปอ้ งกัน อาชญากรรมออนไลน์ 1.2 ขั้นตอนในการ บริหารจดั การในระบบ สารสนเทศอย่างมี ประสิทธภิ าพ 1.3 การปอ้ งกนั อาชญา กรออนไลน์ 2. ความแตกต่างของสอ่ื ออนไลนท์ จ่ี ริงและปลอม 2.1 การรเู้ ทา่ ทันสื่อบน โลกออนไลน์ 2.2 วธิ กี ารการสังเกต ความแตกต่างของสื่อทจี่ รงิ และปลอม 3. วธิ กี ารปอ้ งกันการถูก หลอกจากชอ่ งทาง ตา่ ง ๆ บนโลกออนไลน์ 3.1 วธิ ีซ้อื -ขายผา่ น ช่องทางออนไลน์อยา่ ง ปลอดภัย 3.2 วธิ กี ารทำธรุ กรรม ออนไลนอ์ ย่างปลอดภยั 3.3 วิธีการใชอ้ เี มลอย่าง ปลอดภัย 3.4 วธิ กี ารจดั การ Cyber Bully 3.5 วิธกี ารจัดการ Scammer 3.6 วิธีการป้องกันตนเอง จากการคกุ คามทางเพศ ออนไลน์(Cyber Sexual Harassment) 4. กรณีศกึ ษา : อาชญากรรมบนโลก ออนไลน์ ขน้ั ตอนการจดั กระบวนการเรียนรู้ ขน้ั ตอนท่ี 1 การสร้างแรงบันดาลใจ ( Passion : P ) 1. ครทู ักทายผู้เรียน พร้อมทั้งแนะนำตนเองและแผนการจัดการเรียนรู้ซึ่งการจดั การเรียนรู้ที่ผู้เรียนจะต้องเรียนรรู้ ่วมกันในครั้งนี้ คือ เรือ่ “การป้องกันตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์” และชวนคิดชวนคุยเกี่ยวกับเร่อื งท่ีจะเรียนรู้เพ่ือกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจและมีควา กระตอื รอื รน้ ในการเชอ่ื มโยงและสร้างความพร้อมท่ีจะเรียนร้หู รือทำกิจกรรมการเรียนร้ตู ามแผนการจดั การเรียนรู้ครั้งน้ี 2. ให้ผูเ้ รยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียนเรอ่ื ง “การป้องกนั ตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์” โดยใช้เวลา 10 นาที 3. ครูช้ีแจงวตั ถุประสงค์ เน้อื หา กิจกรรม การวัดและประเมินผลของการเรียนรู้ในคร้งั นี้ ท่ีสอดคล้องกับตัวชี้วัดตามแผนการจัดการเรยี น ครั้งน้ี เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ให้บรรลุตัวชี้วัด ท่ีกำหนดตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง “การป้องกันตนเอ จากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์”ในครัง้ นี้ โดยให้นกั ศึกษาทำใบงานท่ี 1 จำนวน 2 ข้อ อธิบายวธิ ีการป้องกนั ของอาชญากรรมบนโลกออนไลน์ 4. ครูให้ผู้เรียนศึกษา เร่ือง “การป้องกันตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์” พร้อมทั้งแนะนำแหล่งศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมจาก อนิ เทอร์เน็ต ซึ่งผู้เรยี นสามารถไปเรยี นรู้ได้ด้วยตนเองและทำกิจกรรมตามท่ีได้รบั มอบหมายด้วย ท้ังนี้ครูควรจะช้ีแจงให้ผู้เรียนทราบว่าในการพบ กลมุ่ ตามแผนการจดั การเรยี นรู้ครั้งน้ี ผู้เรยี นจะตอ้ งเรียนรู้และทำกิจกรรมที่สอดคล้องกับเนอื้ หาท่เี รียน โดยปฏิบัตกิ ิจกรรมต่าง ๆ ไดแ้ ก่ การศึกษา คลปิ วดิ โี อใน Youtube หรือ สื่อออนไลน์อ่นื ๆ ขนั้ ตอนที่ 2 การนำไปใช้ประโยชน์ (Utilization : U) 1. ครูให้ผู้เรียนแลกเปล่ียนเรียนรู้ โดยแบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ กลุ่มละ 4 – 5 คน ดำเนินกิจกรรมเป็นรายกลุ่ม ศึกษาเน้ือหา เร่ือง “การป้องกันตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์” โดยค้นหาจากสือ่ ออนไลนต์ า่ ง ๆ 1) เร่อื งการปอ้ งกนั ตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์
2) เรือ่ งความแตกต่างของสอ่ื ออนไลน์ที่จริงและปลอม 3) เรอ่ื งวิธกี ารปอ้ งกนั การถูกหลอกจากช่องทางต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ ให้แต่ละกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และส่งผแู้ ทนนำเสนอตอ่ กลมุ่ ใหญ่ครูและผู้เรียนสรปุ ผลการเรยี นรรู้ ่วมกนั และให้ผูเ้ รยี นสรปุ สง่ิ ที่ไดเ้ รียนรู้ลง ในสมดุ บันทึกผลการเรียนรู้ของตน 2. ครูแนะนำแหล่งเรียนรู้ให้กับผู้เรียนเพ่ือใช้เป็นเคร่ืองมือในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง อาทิ ห้องสมุด แหล่งเรียนรู้ในชุมชน หน่วยงาน สถานศกึ ษาตา่ ง ๆ รวมท้ังการใชอ้ ินเตอร์เนต็ เพอ่ื การเรียนร้ดู ้วยตนเอง เปน็ ตน้ 3. ครูดำเนินการทำหน้าที่นำการอภิปราย โดยให้ผู้เรียนกลุ่มใหญ่ร่วมกันแสดงความคิดเห็น คิดวิเคราะห์ อภิปราย และ วเิ คราะห์ให้ข้อมูลเพ่ิมเติมในเน้ือหาหรือประเด็นที่ยังไมช่ ัดเจน ตามรายละเอยี ดที่ผู้เรียนได้แลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกัน หากผู้เรียนกลุ่มใหญ่หรือครู เห็นว่ายังไม่สมบูรณ์ มีความต้องการในการเรียนรู้เพ่ิมเติม ครูจะช่วยเติมเต็มความรู้ให้กับผู้เรียน หลังจากน้ันครูและผู้เรียนสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ใน ภาพรวมท้ังหมดแลว้ ให้ผูเ้ รยี นสรปุ ส่งิ ท่ไี ด้เรยี นรูล้ งในสมุดบันทึกการเรยี นรขู้ องตน หมายเหตุ : ในการดำเนินกิจกรรมกลุ่ม ครูช้ีแจงบทบาทหน้าที่ในการทำงานให้ผู้เรียนได้มีความรับผิดชอบร่วมกันในการทำงาน ซึ่งมอบหมายให้ ผเู้ รียนดำเนนิ การแต่งต้ังประธานหรือผู้นำในการอภิปรายแลกเปล่ียนเรียนรู้ และการมอบหมายใหม้ ีผู้รบั ผิดชอบในภารกจิ ต่างๆ รวมถงึ การแต่งตั้ง เลขานุการของกลุม่ เปน็ ผู้จดบันทกึ และผู้รกั ษาเวลา เพ่ือปฏบิ ัตงิ านของกลมุ่ ใหญ่ใหบ้ รรลตุ ามวัตถุประสงค์ท่ตี ั้งไว้ และพิจารณาวา่ สมาชิกลุ่มทกุ คน ควรมคี วามเขา้ ใจตรงกนั ว่า ตนมีบทบาทหนา้ ทีท่ ่ีจะต้องช่วยให้กลุ่มทำงานได้สำเรจ็ ครูควรให้คำแนะนำถึงความสำคัญของการใหส้ มาชกิ ทุกคนใน กล่มุ มสี ่วนร่วมในการอภิปรายอยา่ งท่วั ถึง ไมใ่ หม้ กี ารผกู ขาดการอภิปรายโดยผ้ใู ดผู้หนึ่ง และควรมีการจำกดั เวลาของการอภปิ รายแต่ละประเด็น ในระหว่างการทำกิจกรรมของผู้เรียน ครูมีบทบาทในการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน คอยกระตุ้นผู้เรียนให้เกิดความ กระตอื รอื รน้ ในการเรียนรโู้ ดยบนั ทึกลงในแบบบันทกึ พฤติกรรมการเรียนรู้ของผเู้ รยี น และเคร่ืองมอื ประเมินการสงั เกตแบบประมาณคา่ ขั้นตอนท่ี 3 การสะท้อนความคิดจากการเรียนรู้ ( Reflection : R ) 1. ให้ผู้เรยี นแต่ละกลมุ่ นำเสนอ 1) เรอ่ื งการปอ้ งกันตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์ 2) เร่อื งความแตกตา่ งของสอ่ื ออนไลน์ท่จี ริงและปลอม 3) เรือ่ งวธิ ีการป้องกันการถูกหลอกจากช่องทางต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ ตามใบกิจกรรมของผู้เรยี น 4) กรณีศึกษา : อาชญากรรมบนโลก ออนไลน์ 2. ครูเปิดโอกาสให้ผู้เรียนทั้งกลุ่มร่วมกันสนทนา เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะในการฟัง พูด คิดวิเคราะห์ การทำงานร่วมกับผู้อ่ืน การคิ ด สร้างสรรค์ ความรับผิดชอบ และการนำความรู้ในเน้ือหามาใช้ โดยครูบูรณาการเนื้อหาการเรียนรู้ มีการใช้สื่อเทคโนโลยีที่เป็นคลิปวิดีโ อจาก youtube และ TikTok ท่ีสัมพันธ์กับเน้ือหา ท้ังนี้ครูเชื่อมโยงสิ่งท่ีได้เรียนรู้ตามขั้นตอนท่ี 1 ในการนำความรู้ไปสู่การปฏิบัติและประยุกต์ใช้ผ่าน ค ลิ ป วิ ดี โ อ โ ด ย ค รู เ ปิ ด ค ลิ ป วิ ดี โ อ “เ รื่ อ ง ก า ร ป้ อ ง กั น ต น เ อ ง จ า ก อ า ช ญ า ก ร ร ม บ น โ ล ก อ อ น ไ ล น์ ” จ า ก https://www.youtube.com/watch?v=BfCVcCthmRc เวลา 8.33 นาที “เรื่องความแตกต่างของสื่อออนไลน์ท่ีจริงและปลอม ” https://www.youtube.com/watch?v=p-PtKBqXKZI เวลา 12.14 นาที และ “เร่ืองวิธีการป้องกันการถูกหลอกจากช่องทางต่าง ๆ บนโลก ออนไลน์” https://www.youtube.com/watch?v=uqUrek4C74Q เวลา 5.28 นาที หลงั จากน้ันครดู ำเนนิ การ ดังน้ี (1) ครูบรรยายเน้ือหาตามใบความรู้สำหรับครู “เรื่องการป้องกันตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์” เพ่ือใช้สำหรับ ประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ “เรื่องความหมายประเภทและอาชญากรรมออนไลน์” ในส่วนของผู้เรียนให้ศึกษาใบความรู้สำหรับผู้เรียน ประกอบการบรรยายของครูตามใบความรสู้ ำหรบั ผู้เรยี น “เรอื่ งความหมายประเภทและอาชญากรรมออนไลน์” (2) ครูอธิบาย “เรื่องความแตกต่างของสื่อออนไลน์ท่ีจริงและปลอม” พร้อมท้ังให้ผู้เรียนได้แลกเปล่ียนเรียนรู้ โดยให้ผู้เรียนต้ัง ประเดน็ ข้อสงสยั หรอื สงิ่ ท่ีตอ้ งการเรยี นรู้ และเชื่อมโยงสู่การนำไปใชใ้ นชวี ติ จริงของผู้เรยี นตอ่ ไป
(3) ครอู ธิบาย “เร่อื งวธิ กี ารป้องกนั การถูกหลอกจากช่องทางต่าง ๆ บนโลกออนไลน์” พรอ้ มทง้ั ใหผ้ ้เู รยี นไดแ้ ลกเปลยี่ นเรียนรู้ โดยให้ ผเู้ รยี นต้งั ประเด็นข้อสงสัย หรอื ส่งิ ท่ตี ้องการเรียนรู้ และเชอื่ มโยงสู่การนำไปใช้ในชวี ติ จรงิ ของผ้เู รยี นตอ่ ไป 3. ครใู ห้ผ้เู รียนสะท้อนความคิดในการเรยี นรู้ท่ไี ด้จากการเรียนรู้ จากขน้ั ตอนที่ 1 ถึง ข้ันตอนที่ 3 น้ี ข้ันตอนที่ 4 การตดิ ตามประเมนิ และแกไ้ ข (Action : A) 1. ใหผ้ ู้เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียน จำนวน 10 ขอ้ โดยใชเ้ วลา 15 นาที 1) เรอ่ื งการป้องกันตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์ 2) เรอ่ื งความแตกตา่ งของสอ่ื ออนไลน์ทจ่ี รงิ และปลอม 3) เร่ืองวธิ กี ารป้องกันการถูกหลอกจากชอ่ งทางตา่ ง ๆ บนโลกออนไลน์ 2. ครแู ละผเู้ รยี นสรุปภาพรวมส่ิงท่ไี ด้เรียนรรู้ ่วมกนั นอกจากนี้ ในตอนทา้ ยของการพบกลมุ่ หลงั จากเสรจ็ สิ้นขนั้ ตอนที่ 3 ครูการมอบหมายงานให้เรียนรูด้ ว้ ยตนเอง รายละเอียดดงั นี้ การมอบหมายงานใหเ้ รียนร้ดู ว้ ยตนเอง 1. ครูช้ีแจงให้ผู้เรียนทราบว่า ในการพบกลุ่มแต่ละคร้ังผู้เรียนจะได้รับมอบหมายงานให้ไปเรียนรู้ด้วยวิธีเรียนรู้ด้วยตนเองในลักษณะที่ ครูจะ มอบหมายงานให้ผูเ้ รียนไปศกึ ษาจากส่ือต่าง ๆ “เร่ืองการป้องกันตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์” “เร่ืองความแตกต่างของสอ่ื ออนไลน์ที่ จรงิ และปลอม” “เร่ืองวธิ กี ารป้องกนั การถูกหลอกจากช่องทางตา่ ง ๆ บนโลกออนไลน์” หมายเหตุ : ใหผ้ ู้เรียนลงมือปฏิบตั ิกิจกรรมด้วยตนเอง ซึ่งการให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเองน้ันอาจมีความแตกต่างกันบ้างใน ข้ันตอน โดยพิจารณาจากพ้ืนฐานของผู้เรียน ในกรณีที่ผู้เรียนมีพื้นฐานน้อยหรือไม่มีพ้ืนฐานมาก่อนก็ควรจัดการเรียนรู้พ้ืนฐานที่จำเป็นและ พอเพียงกับผู้เรียน หลังจากนั้นให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติด้วยตนเองในช่วงระยะหน่ึงแล้วจึงค่อยให้ผู้เรียนคิดหัวข้อท่ีอยากจะทำ หรือถ้าผู้เรียนมีพื้น ความรู้มาก่อนแลว้ ใหค้ ิดหวั ข้อทีส่ นใจจะทำและใหล้ งมือปฏิบัติได้ สื่อวสั ดอุ ปุ กรณ์ และแหล่งการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรียน 1) เรือ่ งการปอ้ งกนั ตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์ 2) เรอ่ื งความแตกต่างของสอื่ ออนไลน์ทจ่ี ริงและปลอม 3) เรอ่ื งวธิ กี ารป้องกันการถกู หลอกจากช่องทางตา่ ง ๆ บนโลกออนไลน์ 2. คลปิ วิดีโอ “เรอ่ื งการป้องกนั ตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์” https://www.youtube.com/watch?v=BfCVcCthmRc เวลา 8.33 นาที “เร่ืองความแตกตา่ งของสื่อออนไลน์ท่ีจริงและปลอม” https://www.youtube.com/watch?v=p-PtKBqXKZI เวลา 12.14 นาที “เร่ืองวธิ กี ารปอ้ งกันการถูกหลอกจากชอ่ งทางตา่ ง ๆ บนโลกออนไลน์” https://www.youtube.com/watch?v=uqUrek4C74Q เวลา 5.28 นาที 3. ใบความรูส้ ำหรับผเู้ รียน 1) เรื่องการปอ้ งกันตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์ 2) เรอ่ื งความแตกตา่ งของสอ่ื ออนไลน์ท่จี รงิ และปลอม 3) เรื่องวธิ กี ารปอ้ งกันการถูกหลอกจากช่องทางตา่ ง ๆ บนโลกออนไลน์ 4. PowerPoint สำหรบั ครู 1) เรือ่ งการปอ้ งกันตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์
2) เร่ืองความแตกตา่ งของสอื่ ออนไลน์ทีจ่ ริงและปลอม 3) เรอ่ื งวิธีการปอ้ งกนั การถกู หลอกจากชอ่ งทางตา่ ง ๆ บนโลกออนไลน์ 5. แบบทดสอบหลังเรยี น 1) เรอ่ื งการป้องกันตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์ 2) เร่อื งความแตกต่างของส่อื ออนไลน์ทีจ่ ริงและปลอม 3) เร่ืองวธิ กี ารปอ้ งกันการถกู หลอกจากช่องทางต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ แบบประเมินความพงึ พอใจของนักเรยี นตอ่ การจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน การวัดและประเมินผล 1. สังเกตพฤติกรรมการมสี ่วนร่วม ความตง้ั ใจ และความสนใจของผูเ้ รียน 2. ผลการทดสอบก่อนและหลังเรียน 3. ผลการประเมนิ ความพึงพอใจของผู้เรยี น ใบความรู้ เรื่อง การป้องกนั ตนเองจากอาชญากรรมบนโลกออนไลน์ การป้องกนั อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ การป้องกันอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ (Preventing computer crime) จากการเรียนรู้เทคนิคการเจาะข้อมูลของนักก่อกวน คอมพวิ เตอร์ (Hacker) ทั้งหลาย องคก์ รตา่ งๆ สามารถหาวิธที ่เี หมาะสมเปน็ การปอ้ งกนั อาชญากรรมทางคอมพวิ เตอร์ได้ 1. การว่าจ้างอย่างรอบคอบและระมัดระวัง (Hirecarefully) ดังท่ีได้เคยกล่าวไว้แล้วว่าปัญหาอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่มาจาก พนกั งานภายในองคก์ ร ดังน้ันในกระบวนการจ้างคนเขา้ ทำงานต้องดคู นที่ซือ่ สัตย์สจุ ริต มีความรับผิดชอบ เปน็ การยากทีจ่ ะสรรหาคนดังกล่าว แต เราสามารถสอบถามดูข้อมูลอ้างอิงเก่าๆ ของเขาได้ หรือดูนิสัยส่วนตัวว่าดื่มสุรา สูบบุหร่ี และเล่นการพนันหรือไม่ สิ่งเหล่าน้ีประกอบกันเข้าจะ เป็นส่ิงบง่ ชนี้ ิสัยของคนได้ 2. ระวังพวกที่ไม่พอใจ (Beware of malcontents) ปัญหาหลักในการป้องกันอาชญากรคอมพิวเตอร์ก็คือพนักงานในองค์กรนั้นเอง พนักงานเหล่าน้ันมีความรู้และความเชียวชาญในระบบคอมพิวเตอร์แต่ไม่พอใจการบริหารงานของผู้บังคับบัญ ชาเน่ืองจากไม่ได้รับการเล่ือน ตำแหน่งหน้าท่ี บางครั้งถูกให้ออกจากงาน และเกิดความแค้นเคือง ทำให้มีการขโมย การทำลาย หรือการเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่สำคัญภายใน องค์กร 3. การแยกหนา้ ที่รับผดิ ชอบของพนักงาน (Separate employee function) ในกลุ่มคนท่ีทำงานรว่ มกันเรากำหนดและบ่งบอกว่าใครคน ใดคนหนึ่งเป็นอาชญากรทางคอมพิวเตอร์น้ันคงยาก มีวิธีการใดบ้างท่ีจะแก้ปัญหาถ้าหากมีคนไม่ดีซึ่งประสงค์ร้ายต่อข้อมูลขององค์กร ได้มีหลาย บริษัททีเดียวที่พยายามจัดรูปแบบการทำงานของพนักงานท่ีคาดว่าน่าจะล่อแหล่มต่อการก่ออาชญากรรมข้อมูล เป็นต้นว่า คนท่ีมีหน้าท่ีจ่ายเช็ค (Check) ในองคก์ รก็ไม่ได้รบั มอบหมายให้มหี น้าที่ปรับข้อมูลเกยี่ วกับอัตราเงนิ เดือน หรือแม้แต่ในบางธนาคารก็จะกนั พ้ืนที่จำเพาะบางส่วนในเช็ค ไวใ้ หเ้ ป็นพ้ืนทส่ี ำหรับเจ้าของเชค็ ได้ทำการเซ็นชือ่ 4. การจำกัดการใช้งานในระบบ (Restrict system use) คนในองค์กรน่าที่จะมีสิทธิในการใช้ทรัพยากรข้อมูลเท่าที่เหมาะสมกับหน้าที่ งานของเขาเท่านั้น แต่ก็ยากท่ีจะบ่งชี้ชัดแบบน้ี องค์กรเองต้องหาข้ันตอนวิธีใหม่ในการควบคุมข้อมูลที่สำคัญขององค์การ เราอาจจะไม่อนญุ าตให้ พนักงานมีการดึงหรือเรียกใช้ข้อมูลเกินลักษณะงานที่เขาควรจะเรยี นรู้ โดยซอฟต์แวร์หรืออุปกรณ์ฮาร์ดแวร์สามารถควบคุมการใช้ข้อมูลดงั กล่าว ได้ ยิ่งกว่าน้ันเราควรกำหนดข้ันตอนการทำงานและลักษณะการใช้งานของข้อมูลไว้ด้วย ซ่ึงต้องข้ึนอยู่กับชนิดของข้อมูล และลักษณะเฉพาะของ องคก์ รน้ันๆ เองด้วย
5. การป้องกันทรัพยากรข้อมูลด้วยรหัสผ่านหรือการตรวจสอบการมีสิทธิใช้งานของผู้ใช้ (Protect resources with passwords or other user authorization cheeks a password) รหัสผ่าน (Password) เป็นกลุ่มข้อมลู ทีป่ ระกอบไปด้วยตัวอักษร ตัวเลข หรือสัญลักษณ์อื่นๆ ท่ีประกอบกันเข้า และใช้สำหรับป้อยเข้าในระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อเราสามารถท่ีจะใช้งานซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ได้อย่างถูกต้อง และจำกัดอยู่ เฉพาะกลุ่มคนท่ีมีรหสั ผ่านเทา่ นนั้ เชน่ การใชง้ านคอมพวิ เตอรข์ นาดใหญ่ (Mainframe) และการใช้งานระบบเครือขา่ ยคอมพวิ เตอร์นน้ั จำเป็นต้อง ใช้รหัสผ่าน เพราะระบบดังกล่าวออกแบบมาสำหรับผู้ใช้หลายๆ คน และใช้ในเวลาเดียวกันได้ดว้ ยอย่างไรก็ตามรหัสผ่านต้องได้รับการเปลี่ยนอยู่ เรื่อยๆ ในชว่ งเวลากำหนด ทงั้ นี้เพอ่ื ป้องกันและลดการล่วงรูไ้ ปถึงผู้อน่ื ใหน้ ้อยทสี่ ุด 6. การเข้ารหัสข้อมูลโปรแกรม (Encrypt data and programs) การเข้ารหัสข้อมูลเป้นกระบวนในการซ้อนหรือเปล่ียนรูปข้อมูลและ โปรแกรมให้อยู่ในรูปของรหัสชนิดใดชนิดหน่ึง เพื่อไม่ให้คนอื่นทราบว่าข้อมูลจริงคืออะไร ข้อมูลข่าวสารที่สำคัญขององค์กรจำเป็นต้องเข้ารหัส กอ่ นการส่งไปยังผ้รู ับซ่ึงอาจจะจัดหาโปรแกรมการเข้ารหัสท่ีมีอยู่ในปัจจุบันหรอื จะพัฒนาข้ึนมาใหม่เองก็ได้ ในปี ค.ศ 1988 วิธีการเข้ารหัสข้อมูล ได้รบั การพฒั นาขึ้นจากสำนักกำหนดมาตรฐานในสหรฐั อเมรกิ า และธนาคารก็ไดใ้ ช้ในการทำธุรกิจของตนเอง และการติดตอ่ กับกรมธนารักษด์ ว้ ย 7. การเฝ้าดูการเคล่ือนไหวของระบบข้อมูล (Monitor system transactions) ในการเฝ้าดูการเคล่ือนไหวของระบบข้อมูลเคล่ือนไหว หรือระบบจัดทำรายการต่างๆ นั้นจะมีโปรแกรมชว่ ยงานดา้ นน้ีโดยเฉพาะโดยโปรแกรมจะคอยบันทึกวา่ มใี ครเข้ามาใช้ระบบบ้าง เวลาเท่าใด ณ ท แหง่ ใดของขอ้ มลู และวกลบั ออกไปเวลาใดแฟ้มขอ้ มูลใดที่ดงึ ไปใช้ปรบั ปรุงข้อมลู เป็นต้นวา่ ลบ เพ่ิม เปลย่ี นแปลงอน่ื ๆ นั้นทำท่ขี ้อมูลชดุ ใด 8. การตรวจสอบระบบอย่างสม่ำเสมอ (Conduct frequent audit) อาชญากรคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่จะถูกเปิดเผยและถูกจับได้โดย ความบังเอิญ บางครั้งก็ใช้เวลานานทีเดียวกว่าจะจับได้ ในกรณีตัวอย่างของนาย M. Buss และ Lynn salerno ได้ใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลใน การลักลอบดึงข้อมูลหมายเลขบัตรเครดิตจากสำนักงานเครดิตและใช้บัตรดังกล่าวซ้ือสินค้าคิดเป็นค่าใช้จ่ายจำนวน 50,000 เหรียญสหรัฐฯ และ ในทีส่ ุดถูกจบั ไดเ้ ม่ือบรุ ุษไปรษณีย์ เกิดความสงสัยว่าทำไมถึงมีจดหมายและพัสดุตา่ งๆ 9. การให้ความรผู้ ู้รว่ มงานในเรือ่ งระบบความปลอดภัยของขอ้ มลู (Educate people in security measures) พนักงานทุกคนควรต้องรู้ ระบบความปลอดภัยของข้อมูลในองค์กรเป็นอย่างดี ในกรณีตัวอย่างของพนักงานไม่พอใจผู้บริหารอาจเน่ืองมาจากการท่ีไม่ได้รับเลื่อนตำแหน่ง หน้าท่ี หรือเร่อื งอ่ืนๆ พนักงานในลักษณะนมี้ ีแนวโน้มที่จะคุกคามระบบความปลอดภัยข้อมูลขององค์กร โดยพยายามทเ่ี ข้าไปดขู ้อมลู ที่สำคัญของ องคก์ ร และสอบถามขอ้ มูลทีส่ ำคญั ทเ่ี ก่ยี วข้องกับระบบความปลอดภัยซ่งึ ไม่ใชภ่ ารกจิ หรือหนา้ ท่ีของพนักงานคนดังกลา่ วที่จะต้องทำเชน่ นั้น แบบทดสอบ ครัง้ ที่ 17 สค0200037 วชิ าอาชญากรรมบนโลกออนไลน์ คำชแ้ี จง ใหผ้ ู้เรยี นเลอื กคำตอบท่ีถูกทีส่ ดุ เพยี งขอ้ เดยี วแล้วทำเครื่องหมาย x ลงในกระดาษคำตอบ 1. ขอ้ ใดคือคำทีป่ ระกอบกันแล้วมคี วามหมายเหมือนคำว่า “ไอท”ี ก.ขอ้ มูล สารสนเทศ ข. เทคโนโลยี สารสนเทศ ค. การประมวลผล เทคโนโลยี
ง. ขอ้ มลู การประมวลผล สารสนเทศ 2. ข้อใดไมใ่ ช่ผลกระบททางด้านบวกของเทคโนโลยีสารสนเทศทส่ี ่งผลตอ่ คุณภาพชวี ิต ก. ส่งเสริมการเรียนรู้ ข. ชว่ ยรักษาสภาพแวดลอ้ ม ค. เพิ่มรายได้ใหแ้ ก่ประชาชน ง. สรา้ งความเสมอภาคในสงั คม 3. ขอ้ ใดคือผลกระทบทางดา้ นบวกจากการใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศท่มี ีต่อสงั คม ก. ลดปัญหาการละเมิดลขิ สทิ ธิ์ ข. ลดปญั หาอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ค. ทำให้เข้าถึงข้อมลู ของผู้อืน่ โดยไมต่ ้องไดร้ ับอนุญาต ง. ทำใหร้ บั รู้ข่าวสารและตดิ ต่อสอื่ สารกนั ได้สะดวกยง่ิ ข้ึน 4. ไวรัสคอมพิวเตอรส์ ง่ ผลกระทบอย่างไรตอ่ สงั คม ก. เกดิ ความไม่เสมอภาค ข. เพิ่มปัญหาสิ่งแวดล้อม ค. เกดิ ความเสยี หายแกข่ ้อมลู ง. เพิม่ จำนวนผู้ใชค้ อมพิวเตอร์ 5. ขอ้ ใดไมใ่ ชร่ ูปแบบการป้องกนั ภัยคกุ คาม ก. ตรวจสอบจากสิง่ ที่ผู้ใชร้ ู้ ข. ตรวจสอบจากส่งิ ทีผ่ ใู้ ชม้ ี ค. ตรวจสอบจากส่งิ ท่ีเป็นสว่ นหนึง่ ของผูใ้ ช้ ง. ตรวจสอบจากสิ่งทผี่ ู้ใช้ทำ 6. ขอ้ ใดไม่ใช่ผลกระทบทางลบของอินเตอร์เน็ต ก. การพฒั นาประสิทธภิ าพการทำงาน ข. เกิดการแลกเปลย่ี นวัฒนธรรมจากสังคมหน่งึ ไปสู่อีกสังคมหน่งึ ค. เกิดชอ่ งว่างระหวา่ งคนในสังคม ง. ก่อให้เปดิ ความเครยี ดของคนในสังคม 7. ขอ้ ใดไมใ่ ช่มารยาทในการใช้อินเตอรเ์ น็ต ก. ไม่ใช้ข้อความหยาบคายในการส่งข้อความ ข. ไมใ่ ช้ภาพท่ีไม่เหมาะสม ค. ไม่ควรใชต้ ัวอักษรตัวพิมพใ์ หญ่ทง้ั หมด ง. ควรเคารพในสทิ ธิสว่ นบคุ คลของผ้อู น่ื 8. ขอ้ ใดกลา่ วถึงโทษของอินเตอรเ์ นต็ ถูกต้อง ก. สามารถตดิ ต่อส่อื สารกนั ได้ท่ัวถึง ข. สะดวกสบาย ค. แลกเปลี่ยนเรยี นร้กู บั ผอู้ ืน่ ได้ ง. เกดิ ปญั หาของลิขสิทธ์ิ 9. ปัญหาการหมกมุน่ ของเยาวชนทีเ่ ขา้ ไปในเว็บไซต์ เรยี กว่า ก. ค้นหาขอ้ มลู
ข. เศรษฐกิจในระดบั ประเทศรุ่งเรอื ง ค. ก่อใหเ้ กิดการรับวัฒนธรรม ง. เกิดความบนั เทงิ 10. บุคคลใดปฏิบัติถูกต้องเกี่ยวกบั การใชอ้ ินเตอร์เนต็ ก. โป้งใชอ้ ินเตอรเ์ น็ตขายสนิ ค้าผิดกฎหมาย ข. กลางให้อนิ เตอรเ์ นต็ ติดตอ่ ส่อื สารกบั เพ่ือน ค. นางใช้อนิ เตอรเ์ นต็ โหลดเพลงมาขาย ง. ก้อยใชอ้ ินเตอรเ์ น็ตล่อลวงบุคคลอนื่ เฉลย 1. ข 2. ข 3. ง 4. ค 5. ง 6. ก 7. ค 8. ง 9. ค 10. ข บนั ทกึ ผลหลงั การจดั กระบวนการเรยี นรู้ ครั้งที.่ ....... วันท.่ี ......เดอื น............................พ.ศ............... ผลการใชแ้ ผนการจดั กระบวนการเรียนรู้ 1. จำนวนเนื้อหากับจำนวนเวลา เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบุเหตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. การเรียงลำดับเน้อื หากับความเข้าใจของผ้เู รยี น เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบุเหตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
3. การนำเข้าสูบ่ ทเรียนกบั เนอื้ หาแตล่ ะหัวขอ้ เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบุเหตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. วิธีการจดั กิจกรรมการเรียนรกู้ ับเนื้อหาในแตล่ ะขอ้ เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. การประเมินผลกบั ตวั ชวี้ ัดในแตล่ ะเน้อื หา เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบเุ หตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการเรียนรู้ของผเู้ รยี น …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการจัดกระบวนการเรียนรูข้ องครู …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………… ลงช่ือ................................................ ผูบ้ ันทกึ () ครู กศน.ตำบล
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370