ใบกิจกรรมสำหรับผูเ้ รยี น ชื่อ-สกลุ ...........................................................................รหสั นกั ศึกษา................................................ 1. การตลาด หมายถงึ .………………….………………………………………………………………………………………………………….……………..…………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………….………………… 2. ชนิดของตลาดในชมุ ชนมีอะไรบา้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ขน้ั ตอนการจดั ทำวจิ ยั การตลาด ประกอบด้วยขน้ั ตอนต่าง ๆ อะไรบา้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. ประโยชน์ของการทำฐานข้อมูลลกู ค้า คือ .......................................................................................................................... .................................................... ............................................................................................................................. ................................................. 5. การปรับตัวขององค์การธุรกิจเมือ่ ประสบปัญหาอุปสรรคในการประกอบธุรกจิ สามารถแยกเป็น 4 แนวทาง ประกอบด้วยอะไรบา้ ง ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. .................................................
(เฉลย) ใบกิจกรรม 1. การตลาด หมายถึง แนวตอบ การดำเนนิ กจิ กรรมตา่ ง ๆ ที่จะทำให้สนิ คา้ หรอื บริการจากผู้ผลิตไปสู่ผู้บริโภคหรอื ผู้ใช้โดยมี วัตถุประสงค์เพอ่ื ความพึงพอใจของผบู้ ริโภค 2. ชนดิ ของตลาดในชุมชนมีอะไรบา้ ง แนวตอบ 1. ตลาดทอ้ งถน่ิ 2. ตลาดเช้าในทอ้ งถิน่ 3. ตลาดนัดทอ้ งถน่ิ 4. ตลาดสดเทศบาล 5. ห้างสรรพสินค้า 3. ขนั้ ตอนการจัดทำวจิ ัยการตลาด ประกอบด้วยขน้ั ตอนต่าง ๆ อะไรบ้าง แนวตอบ 1. การกำหนดข้อมูลทต่ี ้องค้นหา 2. กำหนดวธิ ีการรวบรวมขอ้ มลู 3. กำหนดแบบฟอรม์ สำหรับการเก็บรวบรวมขอ้ มูล 4. กำหนดระเบียบวธิ กี ารสมุ่ ตัวอย่าง 5. กำหนดข้นั ตอน วธิ ีดำเนินการเก็บข้อมลู ต่าง ๆ 6. วางแผนพัฒนางานสำหรบั ประมวลข้อมูล 7. วางแผนพฒั นางานสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูล 8. กำหนดการจดั เตรียมรายงาน เพื่อนำเสนอผลการวิจัยตอ่ ฝา่ ยจัดการ 4. ประโยชน์ของการทำฐานข้อมูลลกู ค้า คือ แนวตอบ 1. ใชป้ รบั ปรงุ กลยุทธก์ ารตลาดโดยการวิเคราะห์ และออกแบบกลยุทธ์ได้ถูกต้องวา่ 2. สามารถมกี ลวธิ ีการเขา้ พบลูกค้าก่อนหลังด้วยวธิ ีตา่ งกัน 3. สามารถปรับส่วนประสมทางการตลาดทถ่ี กู ต้องได้ประสิทธิภาพหลายแงม่ มุ ยงิ่ ข้นึ โดยใช้ กลยุทธเ์ ชงิ รวมจึงได้ผลกวา่ 4. สามารถเพมิ่ คุณภาพของศลิ ปะการปฏิบัติตามผลการตลาด โดยเฉพาะ การโน้มน้าว ชกั จงู ใจ และการสร้างอิทธิพลเหนือผบู้ ริโภค
แบบทดสอบหลงั เรียน เรอื่ ง การจดั การการตลาด คำชี้แจง แบบทดสอบหลงั เรียน มีจำนวนท้งั หมด 10 ข้อ คำสั่ง จงทำเครื่องหมายกากบาท (X) หน้าข้อท่ีถกู ต้องที่สุดเพียงข้อเดียว 1. ขอ้ ใดไมใ่ ช่ชนดิ ของตลาดในชุมชน ก. ตลาดนัดท้องถ่ิน ข. ห้างสรรพสินค้า ค. ตลาดเชา้ โลตัส ง. ตลาดเชา้ ในท้องถนิ่ 2. กระบวนการท่ีเก่ยี วขอ้ งกับการส่งเสริมการตลาดในภาพรวม เพื่อใหเ้ ห็นถึงสว่ นของการตลาดท่ีแตกตา่ งกันเป็นการจดั การการตลาดในข้อใด ก. การวจิ ัยการตลาด ข. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ค. การส่งเสรมิ การขาย ง. การขยายชนิดผลติ ภัณฑ์ 3. การจดั การการตลาด ประกอบดว้ ยข้อใด ก. การโฆษณา ข. ห้างสรรพสนิ ค้า ค. การเจาะตลาด ง. การพัฒนาตลาด 4. ขอ้ ใดไม่ใช่ขัน้ ตอนการจัดทำวิจยั การตลาด ก. การทำฐานข้อมูลลูกค้า ข. กำหนดวิธีการรวบรวมข้อมลู ค. การการกำหนดข้อมูลที่ตอ้ งค้นหา ง. กำหนดข้นั ตอน วธิ ดี ำเนินการเก็บข้อมลู ต่าง ๆ 5. ข้อใดไมใ่ ช่การวางแผนกลยทุ ธท์ างการตลาด ก. การพัฒนาตลาด ข. การพฒั นาผลิตภณั ฑ์ ค. การทำฐานขอ้ มูลลูกคา้ ง. การขยายชนดิ ผลิตภัณฑ์ 6. ข้อใดเปน็ ประโยชนข์ องการทำฐานขอ้ มูลลูกค้า ก. เพื่อเพ่ิมยอดขายผลิตภัณฑ์ ข. เพอื่ การขยายตัวเขา้ สู่ธุรกจิ ด้านใหม่ ค. เปน็ การวางแผนงานและวเิ คราะห์ขอ้ มลู ง. ใช้ปรับปรุงกลยุทธ์การตลาดโดยการวเิ คราะหแ์ ละออกแบบกลยทุ ธ์ได้ถูกต้องกว่า 7. การดำเนินกจิ กรรมตา่ งๆ ท่จี ะทำใหส้ ินคา้ หรือบริการจากผ้ผู ลิตไปสผู่ ู้บรโิ ภคหรือผใู้ ชโ้ ดยวตั ถุประสงค์เพื่อความพึงพอใจของผูบ้ ริโภค มี ความหมายตรงขอ้ ใด ก. การตลาด ข. การโฆษณา ค. ตลาดทอ้ งถน่ิ ง. การเจาะตลาด 8. ดวงฤดีต้องการเพม่ิ ยอดขายโดยวิธกี ารพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่หรือปรับปรงุ ผลติ ภณั ฑ์เกา่ เปน็ การ วางแผนกลยุทธ์ทางการตลาด ในข้อใด ก. การเจาะตลาด ข. การพัฒนาตลาด ค. การพฒั นาผลิตภัณฑ์ ง. การขยายชนดิ ผลิตภัณฑ์
9. ข้นั ตอนการจดั ทำแผนการตลาด ข้อใดถูกต้อง ก. รัตนาพัฒนาผลิตภณั ฑใ์ หม่ ข. วทิ ยาเพ่มิ คุณภาพของสินคา้ ค. สุดใจศกึ ษาสภาพแวดล้อมขององค์กร ง. สดุ าพยายามเพมิ่ ยอดขายโดยการเจาะตลาด 10. การส่อื สารโดยการใชส้ ือ่ ต่างๆ ท่ีไมใ่ ช่ตัวบุคคล และมีค่าใช้จา่ ยในการโฆษณา สมั พันธก์ บั ข้อใด ก. การประชาสัมพนั ธ์ ข. การวิจยั การตลาดจดั การการตลาด ค. การจดั การการตลาด ง. การกำหนดข้อมูลการตลาด เฉลยแบบทดสอบหลังเรียน 1.ค 2.ค 3.ก 4.ก 5.ค 6.ง 7.ก 8.ค 9.ค 10.ก วธิ ีการวดั ผลประเมินผล/เครอ่ื งมือ/เกณฑ์การประเมิน วิธีการ เครอื่ งมอื เกณฑก์ ารประเมนิ สังเกตพฤตกิ รรมรายกลุม่ แบบสงั เกตพฤติกรรม ผา่ นการประเมินระดบั ดีข้ึนไป รายกลมุ่ ทดสอบหลงั เรยี น แบบทดสอบหลังเรยี น ผา่ นการประเมินร้อยละ 70 ข้ึนไป ประเมนิ ผลงาน/ช้นิ งาน แบบประเมนิ ผลงาน/ ผา่ นการประเมินร้อยละ 70 ขึ้นไป ชน้ิ งาน สอบถามความพงึ พอใจ แบบสอบถามความ ผา่ นการประเมินระดบั ดีขึ้นไป พึงพอใจ
เกณฑก์ ารประเมนิ ชิน้ งาน/ภาระงาน ระดับคะแนน รายการประเมนิ 4 321 1. ความถกู ต้อง มีความถูกต้องชดั เจน สมบรู ณ์ ครบถว้ น ผลงานส่วนใหญ่ถูกตอ้ ง ผลงาน ผลงาน ครบถ้วน มีความถูกตอ้ งเปน็ ส่วนใหญ่ มีความถูกต้อง เปน็ บางสว่ น 2. ความสะอาด ผลงานสะอาด เรยี บร้อย ผลงานสะอาด เรียบร้อย ผลงาน ผลงาน เรยี บรอ้ ย สวยงาม สวยงาม ไม่มรี อยขีดลบ มรี อยขดี ลบน้อย บางสว่ น สว่ นใหญ่ ไม่สะอาด ไมส่ ะอาด ไมเ่ รียบร้อย ไม่เรยี บร้อย 3.ตรงตอ่ เวลา ส่งงานตรงเวลา ส่งงานชา้ ก่อนหมดเวลา 10 ส่งงานช้าก่อนหมดเวลา 5 สง่ งานชา้ ท่กี ำหนด นาที นาที ตอ้ งมีการ เร่งและทวง 4.การเชอื่ มโยงและ คดิ แปลกใหม่เชอื่ มโยง คิดแปลกใหม่เชอ่ื มโยง คิดแปลกใหมเ่ ชือ่ มโยง คดิ แปลกใหมเ่ ชอ่ื มโยง ความคดิ สร้างสรรค์ สัมพนั ธ์ สง่ิ ตา่ ง ๆ ได้ สัมพนั ธ์ สัมพนั ธ์ สมั พันธ์ อย่างถูกต้อง ส่งิ ตา่ ง ๆ ได้ สง่ิ ต่าง ๆ ได้ สิ่งต่าง ๆ ได้ อย่างถูกต้อง อยา่ งถูกต้อง อย่างถูกต้อง เป็นสว่ นใหญ่ เป็นบางส่วน เป็นส่วนนอ้ ย
แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรขู้ องผูเ้ รยี น ชื่อโครงการ/กจิ กรรม........................................................................................................................ ช่ือโรงเรยี น/สถานศกึ ษา …………………………………………………………………………………………………….. ชอ่ื หวั หนา้ โครงการ/กจิ กรรม............................................................................................................. คำชแ้ี จง ให้ผู้ประเมนิ ทำเคร่อื งหมายถกู () ลงในชอ่ งระดบั พฤติกรรมของผู้เรยี น โดยมีเกณฑร์ ะดับคุณภาพการประเมินดังนี้ 5 มีพฤติกรรมการเรียนรู้ มากท่ีสุด 4 มีพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ มาก 3 มีพฤติกรรมการเรียนรู้ ปานกลาง 2 มพี ฤตกิ รรมการเรยี นรู้ นอ้ ย 1 มีพฤติกรรมการเรยี นรู้ น้อยทสี่ ุด เกณฑ์การพิจารณาระดับคณุ ภาพ คะแนนเฉลย่ี รอ้ ยละ 0 - 50 ระดับคุณภาพ ปรับปรุง คะแนนเฉลย่ี รอ้ ยละ 50 - 69 ระดับคณุ ภาพ พอใช้ คะแนนเฉลย่ี ร้อยละ 70 – 79 ระดบั คณุ ภาพ ดี คะแนนเฉลีย่ รอ้ ยละ 80 – 89 ระดับคณุ ภาพ ดมี าก คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 90 - 100 ระดับคุณภาพ ดเี ย่ยี ม พฤตกิ รรมการเรยี นรู้ ระดับพฤติกรรม 1 5432 1. ความตั้งใจในการทำงาน 2. ความรับผิดชอบ 3. ความกระตอื รือร้น 4. การตรงตอ่ เวลา 5. ผลสำเร็จของงาน 6. การทำงานร่วมกับผอู้ ื่น 7. มีความคดิ ริเรมิ่ สร้างสรรค์ 8. มกี ารวางแผนในการทำงาน 9. การมสี ว่ นร่วมในการแสดงความคิดเห็นในกลมุ่ 10. การมีสว่ นร่วมในการแกไ้ ขปัญหาในกล่มุ ลงชอ่ื ......................................................................ผปู้ ระเมิน ............../.............................../..................... แผนการจดั การเรียนรรู้ ายภาค คร้ังที่ 13 เรอ่ื ง เศรษฐศาสตรใ์ นครอบครัวและชุมชน เวลาเรยี น 6 ชว่ั โมง
แนวคดิ การศึกษาและทาํ ความเขาใจเก่ียวกับทรัพยากร ลักษณะอาชพี ปญหา และสาเหตกุ ารวางงานใน ทองถิน่ และผลกระทบที่เกิดข้ึนใน สังคม ตลอดจนระบบและสถาบนั ทางเศรษฐกิจตางๆ ความสัมพันธของระบบเศรษฐกจิ และความจําเปนของการรวมมือกันทางเศรษฐกิจในสังคม โลก จะทําใหผูเรียนสามารถบริหารจัดการทรัพยากรในการผลิตและการบริโภค การใชทรัพยากรที่มีอยูอยางจํากัดไดอยางมีประสิทธิภาพและ คุมคา ตวั ชว้ี ัด 1. รู้และเข้าใจ ความหมาย ความสำคญั ของเศรษฐศาสตร์ 2. นำหลักการทางเศรษฐศาสตร์ไปใช้ในครอบครัวและชุมชนได้ 3. เข้าใจ และเหน็ ความสำคัญของกิจกรรมทางเศรษฐกิจท่ีมีตอ่ ตนเอง ชุมชน เนอ้ื หา 1. ความหมาย และความสำคัญของเศรษฐศาสตร์ 2. กิจกรรมทางเศรษฐกจิ 2.1 การผลิต 2.2 ปจั จัยในการผลิตสนิ คา้ และบริการ 2.3 ปจั จัยในการเพมิ่ การผลติ สินคา้ และบริการ 2.4 แรงจงู ใจในการผลิตสนิ คา้ 2.5 การบริโภคและการบรกิ าร 2.6 สถาบนั การเงิน 2.7 สหกรณ์ 2.8 ภาษี 3. คณุ ธรรมของผผู้ ลติ และผู้บริโภค 3.1 ความหมายของผู้ผลิตและผู้บริโภค 3.2 คุณธรรมของผู้ผลิตและผบู้ ริโภค 4. ทรพั ยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมในท้องถ่นิ และชุมชน ขน้ั ตอนการจดั กระบวนการเรียนรู้ ขัน้ ตอนท่ี 1 การสร้างแรงบนั ดาลใจ (Passion : P) 1. ครูทักทายผู้เรียน พร้อมท้ังแนะนำตนเอง และแผนการจัดการเรียนรู้ ซึ่งการจัดการเรียนรู้ที่ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ร่วมกันในครั้งนี้ คือ เรื่อง “เศรษฐศาสตร์ในครอบครัวและชุมชน” และชวนคิดชวนคุยเก่ียวกับเรื่องที่จะเรียนรู้เพ่ือกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจและมีความ กระตอื รอื รน้ ในการเชือ่ มโยงและสรา้ งความพร้อมท่ีจะเรียนรหู้ รือทำกิจกรรมการเรียนรตู้ ามแผนการจดั การเรียนรู้คร้งั น้ี 2. ครูชี้แจงวัตถุประสงค์ เน้ือหา กิจกรรม การวัดและประเมินผลของการเรียนรู้ในครั้งน้ี ที่สอดคล้องกับตัวชี้วัดตามแผนการจัดการเรียน คร้ังน้ี เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ให้บรรลุตัวช้ีวัด ที่กำหนดตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 3 เร่ือง “เศรษฐศาสตร์ใ ครอบครวั และชุมชน” ในครัง้ น้ี ซ่งึ มีจำนวน 3 ข้อ ดงั นี้ (1) รแู้ ละเขา้ ใจ ความหมาย ความสำคัญของเศรษฐศาสตร์ (2) นำหลกั การทางเศรษฐศาสตรไ์ ปใช้ในครอบครวั และชมุ ชนได้
(3) เข้าใจ และเห็นความสำคัญของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทีม่ ตี ่อตนเอง ชมุ ชน 3. ให้ผ้เู รยี นทำแบบทดสอบก่อนเรยี น เรอ่ื ง “เศรษฐศาสตร์ในครอบครวั และชมุ ชน” จำนวน 10 ขอ้ โดยใช้เวลา 10 นาที 4. ครูให้ผู้เรียนศึกษาหนังสอื เรียนรายวิชาสังคมศึกษา สค11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) เรอ่ื ง เศรษฐศาสตร์ใน ครอบครวั และชุมชน หนา้ 75 – 90 พรอ้ มทั้งแนะนำแหล่งศึกษาค้นควา้ เพม่ิ เติมจากอนิ เทอรเ์ น็ต ซึ่งผู้เรยี นสามารถไปเรียนรไู้ ดด้ ้วยตนเองและ ทำ กิจกรรมตามที่ได้รับมอบหมายด้วย ท้ังน้ี ครูควรจะช้ีแจงให้ผู้เรียนทราบว่าในการพบกลุ่มตามแผนการจัดการเรียนรู้ครั้งนี้ ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ และทำกิจกรรมท่ีสอดคล้องกับเน้ือหาที่เรียน โดยปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ การศึกษาคลิปวิดีโอ และ การแลกเปล่ียน เรยี นรโู้ ดยการอภปิ รายร่วมกับเพือ่ นในกล่มุ รวมท้ังมีการทดสอบหลังเรยี นด้วย นอกจากนี้ ในการพบกลุ่มแต่ละครั้งนั้น ครูจะมอบหมายงานให้ผู้เรียนไปเรียนรู้ด้วยวิธีการเรียนรู้ด้วยตนเอง ซ่ึงวิธีการเรียนรู้ด้วยตนเอง จะต้องเกิดข้ึนในทุก ๆ ตัวช้ีวัดและเนื้อหาท่ีกำหนด โดยผู้เรียนจะต้องปฏิบัติกิจกรรมที่กำหนดให้ด้วยวิธีเรียนรู้ออนไลน์ และศึกษาจากเอกสาร ประกอบการเรียน ดังน้ัน ครูจะต้องเชื่อมโยงรายละเอียดดังกล่าวข้างต้นให้ผู้เรียนได้เกิดความเข้าใจและเกิดแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ที่จะ เกิดขึ้น เพราะ การมอบหมายงานให้ผู้เรียนไปเรียนรู้ด้วยวิธีเรียนรู้ด้วยตนเองน้ัน ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ออนไลน์ผ่านอินเทอร์เน็ต และศกึ ษาเอกสารประกอบการเรียน 5. ครูชวนคิดชวนคุยเกี่ยวกับประสบการณ์เดิมของครูในเรอื่ งท่ีจะเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้นี้ โดยครูสุ่มผู้เรียนตามความสมัครใจ จำนวน 4 – 5 คน ให้ตอบคำถาม จำนวน 2 ประเดน็ ดังน้ี ประเด็นที่ 1 “ทา่ นทราบหรือไมว่ ่า เศรษฐศาสตร์ คอื อะไร” แนวคำตอบ เศรษฐศาสตร์ คอื การศกึ ษาเกี่ยวกบั การท่ีมนุษยเ์ ลอื กใช้วิธกี ารต่างๆ ในการนําเอา ทรพั ยากรธรรมชาตทิ ่ีมอี ยู่มาใช้ในการผลิตสนิ ค้า และบรกิ ารให้มปี ระสิทธิภาพมากทส่ี ุด เพื่อสนองความ ตอ้ งการและหาวธิ กี ารกระจายสินค้า และการบรกิ ารไปสู่ประชาชนไดอ้ ย่างรวดเรว็ ประเดน็ ที่ 2 “ท่านทราบหรอื ไม่ว่า การผลติ คอื อะไร” แนวคำตอบ การผลิต หมายถงึ การทำใหเกดิ มขี น้ึ ตามความตองการ โดยแรงคนหรอื เครื่องจักร รวมถึงวิธกี าร หลังจากน้ัน ครูเปิดคลิปวิดีโอให้ผู้เรียนชม เรื่อง“เศรษฐศาสตร์คืออะไร และปัญ หาพ้ื นฐานทางเศรษฐศาสตร์” จาก https://www.youtube.com/watch?v=hwCrhJ7toFs โดยครสู ุ่มผู้เรียนตามความสมคั รใจ จำนวน 4 – 5 คน ให้ตอบคำถาม จำนวน 2 ประเด็น ดงั น้ี ประเด็นที่ 1 “ทา่ นไดเ้ รียนร้อู ะไรบ้าง จากคลิปวิดโี อน้ี” แนวคำตอบ ได้เรยี นรู้ความหมายเศรษฐศาสตร์ว่าเศรษฐศาสตร์ คอื อะไร เศรษฐศาสตร์ คือ การศึกษาเก่ียวกับการท่ีมนุษย์เลือกใช้วิธีการต่างๆ ในการนําเอาทรัพยากรธรรมชาติท่ีมีอยู่มาใช้ใน การผลิตสินค้า และบริการให้มีประสิทธิภาพมากท่ีสุด เพ่ือสนองความตองการและหาวิธีการกระจายสินค้า และการบริการไปสู่ประชาชนได้อย่า งรวดเรว็ เศรษฐศาสตร์มีความสาํ คญั ตอ่ มนุษยท์ ุกสถานภาพ เช่น ผผู้ ลติ ผู้บรโิ ภค เจาของการผลติ หรือรฐั บาล ผู้บริโภคที่มีความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ จะช่วยให้รู้ข้อมูลและเข้าใจสภาวะเศรษฐกิจของประเทศและของโลก สามารถปรับตัวและวางแผนทาง เศรษฐกจิ ของครอบครัวได้อย่างเหมาะสมและเกดิ ประโยชน เช่น การหารายได้ทสี่ มั พนั ธ์กับรายจ่าย การออมทรพั ย์ และการบรโิ ภค เป็นตน้ ประเด็นท่ี 2 “ท่านคิดว่าปจั จยั การผลติ มีอะไรบา้ ง ” แนวคำตอบ ส่งิ ท่ีมีความสําคญั ในการผลติ สนิ คา้ และบรกิ าร 4 ประการ ได้แก่ 1. ทรัพยากรธรรมชาติ หมายถึง สงิ่ ทมี่ ีค่าทเี่ กดิ ขน้ึ เองตามธรรมชาติ เช่น น้ำมนั แร่ธาตุ ทองคํา น้ำ ป่าไม และสมุนไพร เป็นต้น 2. ทุน หมายถึง เงินหรือทรัพย์สิน เช่น โรงงาน เคร่ืองจักรและอุปกรณ์ในการผลิตท่ีใช้ใน การดําเนินกิจกรรมเพื่อหา ผลประโยชน์
3. แรงงาน หมายถึง ความสามารถและกจิ กรรมท่คี นในวัยทํางานกระทาํ ในการทํางาน เพ่ือให้เกิดประโยชนใ์ นทางเศรษฐกจิ 4. การประกอบการ หมายถึง ความสามารถของผู้ประกอบการในการนาํ ทรพั ยากรธรรมชาติ ทนุ และแรงงานมารวมกันเพื่อผลติ สนิ ค้าและบรกิ าร โดยได้รับค่าตอบแทนเป็นกําไร 5. ครแู ละผเู้ รยี นอภิปรายและสรุปผลการเรียนรูร้ ว่ มกัน ขั้นตอนท่ี 2 การนำไปใชป้ ระโยชน์ (Utilization : U) 1. ครูให้ผู้เรียนแลกเปล่ียนเรียนรู้ โดยแบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ กลุ่มละ 4 – 8 คน ดำเนินกิจกรรมเป็นรายกลุ่ม ศึกษาเน้ือหา ใน หนังสอื เรยี นรายวชิ าสังคมศกึ ษา สค11001 ระดบั ประถมศึกษา (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) เรอื่ ง เศรษฐศาสตร์ในครอบครัวและชุมชน หน้า 75 - 90 ดังน้ี 1) ความหมาย และความสำคญั ของเศรษฐศาสตร์ 2) กิจกรรมทางเศรษฐกจิ 3) คณุ ธรรมของผผู้ ลิตและผูบ้ ริโภค 4) ทรพั ยากรธรรมชาติ ส่ิงแวดลอ้ มในทอ้ งถนิ่ และชุมชนให้แต่ละกลมุ่ แลกเปล่ยี นเรียนรู้ และสง่ ผ้แู ทนนำเสนอต่อกลมุ่ ใหญใ่ น 3 ประเด็น ประเดน็ ที่ 1 ความหมาย และความสำคญั ของเศรษฐศาสตร์ ประเดน็ ท่ี 2 กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ ประเดน็ ท่ี 3 ทรัพยากรธรรมชาติ สง่ิ แวดลอ้ มในทอ้ งถน่ิ และชมุ ชนใหแ้ ต่ละกลุม่ แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ ครูและผู้เรียนสรปุ ผลการเรยี นรรู้ ่วมกัน และใหผ้ ู้เรียนสรุปสิ่งท่ีไดเ้ รียนรลู้ งในสมุดบันทกึ ผลการเรยี นรู้ ของตน 2. ครูแนะนำแหลง่ เรียนรู้ให้กับผู้เรยี นเพ่ือใช้เป็นเครอ่ื งมือในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง อาทิ ห้องสมุด แหล่งเรียนรู้ ในชุมชน หน่วยงาน สถานศึกษาต่าง ๆ รวมทั้งการใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อการเรียนรู้ด้วยตนเอง เป็นต้น และให้ผู้เรียนเป็นรายบุคคลศึกษาเนื้อหาใน หนังสือเรียนรายวิชาสังคมศึกษา สค11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) เรอื่ ง เศรษฐศาสตร์ในครอบครัวและชุมชน หน้า 75 – 90 3. ครูดำเนินการทำหน้าท่ีนำการอภิปราย โดยให้ผู้เรียนกลุ่มใหญ่ร่วมกันแสดงความคิดเห็น คิดวิเคราะห์ อภิปราย และ วเิ คราะห์ให้ข้อมูลเพ่ิมเติมในเนื้อหาหรือประเด็นที่ยังไม่ชัดเจน ตามรายละเอียดท่ีผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนเรียนร้รู ่วมกัน หากผู้เรียนกลุ่มใหญ่หรือครู เหน็ วา่ ยังไมส่ มบูรณ์ มีความต้องการใน การเรียนรูเ้ พม่ิ เติม ครูจะช่วยเตมิ เตม็ ความรู้ให้กบั ผ้เู รยี น หลังจากน้ันครูและผเู้ รยี นสรปุ ส่ิงท่ี ไดเ้ รียนร้ใู นภาพรวมท้งั หมดแลว้ ใหผ้ เู้ รียนสรปุ สง่ิ ที่ไดเ้ รียนรู้ลงในสมุดบันทกึ การเรียนร้ขู องตน หมายเหตุ : ในการดำเนินกิจกรรมกลุ่ม ครูชี้แจงบทบาทหน้าท่ีในการทำงานให้ผู้เรียนได้มีความรับผิดชอบร่วมกันในการทำงาน ซ่ึงมอบหมายให้ ผู้เรียนดำเนินการแต่งตั้งประธานหรือผู้นำในการอภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการมอบหมายให้มีผู้รับผิดชอบในภารกิจต่าง ๆ รวมถึงการ แต่งต้ังเลขานุการของกลุ่มเป็นผู้จดบันทึกและผู้รักษาเวลา เพื่อปฏิบัติงานของกลุ่มใหญ่ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ และพิจารณาว่าสมาชิก ลมุ่ ทุกคนควรมีความเข้าใจตรงกนั ว่า ตนมบี ทบาทหน้าทที่ ่ีจะต้องช่วยให้กลุ่มทำงานได้สำเรจ็ ครคู วรใหค้ ำแนะนำถึงความสำคัญของการใหส้ มาชิก ทุกคนในกลุ่มมีส่วนร่วมในการอภิปรายอย่างท่ัวถึง ไม่ให้มีการผูกขาด การอภิปรายโดยผู้ใดผู้หนึ่ง และควรมีการจำกัดเวลาของการ อภิปรายแต่ละประเดน็ ในระหว่างการทำกิจกรรมของผู้เรียน ครูมีบทบาทในการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน คอยกระตุ้นผู้เรียนให้เกิดความ กระตือรือร้นในการเรยี นรู้ โดยบันทกึ ลงในแบบบันทึกพฤติกรรมการเรยี นรู้ของผู้เรียน และเคร่ืองมอื ประเมินการสังเกตแบบประมาณคา่ 4. ครูเปิดโอกาสให้ผู้เรียนท้ังกลุ่มร่วมกันสนทนา เพ่ือให้ผู้เรียนมีทักษะในการฟัง พูด คิดวิเคราะห์ การทำงานร่วมกับผู้อื่น การคิด สร้างสรรค์ ความรับผดิ ชอบ และการนำความรูใ้ นเน้อื หามาใช้ โดยครูบูรณา การเน้ือหาการเรยี นรู้ มีการใช้ส่ือเทคโนโลยีทเ่ี ปน็ คลิปวิดโี อ จาก youtube และ TikTok ท่ีสมั พันธ์กับเนื้อหา ทง้ั น้ีครูเช่ือมโยงส่ิงท่ีได้เรียนรู้ตามขั้นตอนท่ี 1 ในการนำความรู้ไปสู่การปฏบิ ัติ และ
ประยุกต์ใช้ผ่านคลิปวิดีโอ โดยครูเปิดคลิปวิดีโอ เร่ือง “เศรษฐศาสตร์คืออะไร และปัญ หาพ้ืนฐานทางเศรษฐศาสตร์ ” จาก https://www.youtube.com/watch?v=hwCrhJ7toFs หลังจากนน้ั ครูดำเนนิ การ ดังน้ี (1) ครูบรรยายเนื้อหาตามใบความรู้สำหรับครู เรื่อง “เศรษฐศาสตร์คืออะไร” เพ่ือใช้สำหรับประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง “เศรษฐศาสตรใ์ นครอบครัวและชุมชน” ในส่วนของผู้เรียนให้ศึกษาใบความรู้สำหรับผู้เรียน ประกอบการบรรยายของครูตามใบความรู้สำหรับผู้เรียน เร่ือง “เศรษฐศาสตร์คือ อะไร” (2) ครูอธิบายและสาธิตการทดลอง เร่ือง “เศรษฐศาสตร์ในครอบครัวและชุมชน”ตามใบกิจกรรมสำหรับครู เร่ือง “เศรษฐศาสตร์ใน ครอบครัวและชุมชน” พร้อมท้ังให้ผู้เรียนร่วมปฏิบัติในการสาธิตของครูด้วย ทั้งนี้เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แลกเปล่ียนเรียนรู้ โดยให้ผู้เรียนต้ัง ประเดน็ ข้อสงสัย หรอื สง่ิ ที่ต้องการเรยี นร้ใู นกระบวนการของการสาธิต และเช่ือมโยงสูก่ ารนำไปใชใ้ นชีวิตจรงิ ของผ้เู รียนต่อไป 5. ครแู ละผูเ้ รียนอภิปรายและสรุปผลการเรียนรูร้ ว่ มกัน ขั้นตอนที่ 3 การสะทอ้ นความคดิ จากการเรียนรู้ (Reflection : R) 1. แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 4 - 8 คน ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มลงมือปฏิบัติจริง โดยผู้เรียนแต่ละกลุ่มวางแผนและดำเนินการเกี่ยวกับ การนำเสนอ เร่ือง “เศรษฐศาสตร์ในครอบครัวและชุมชน” ตามใบกิจกรรมของผู้เรียน เรื่อง “เศรษฐศาสตร์ในครอบครัวและชุมชน”ท้ังน้ี ครู เตรียมวัสดุ อปุ กรณ์ให้กับผู้เรียนในการนำเสนอ เรื่อง “เศรษฐศาสตรใ์ นครอบครัวและชมุ ชน” ตามใบกิจกรรมสำหรบั ครู เรื่อง “เศรษฐศาสตร์ใน ครอบครัวและชุมชน” 2. ให้ผ้เู รยี นแต่ละกลุ่มตามข้อ 2 ปฏิบตั กิ ิจกรรมตามใบกิจกรรม เรื่อง “เศรษฐศาสตรใ์ นครอบครัวและชมุ ชน” ทั้งนี้ ครูจะต้องกำกับการปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียนจนกิจกรรมแล้วเสร็จ ตามใบกิจกรรมสำหรับครู เร่ือง “เศรษฐศาสตร์ในครอบครัว และชมุ ชน” 3. ให้ผเู้ รยี นแตล่ ะกลุ่มนำเสนอผลการทดลอง เรอ่ื ง “เศรษฐศาสตรใ์ นครอบครวั และชมุ ชน” ตามใบกจิ กรรมของผเู้ รยี น 4. ครใู ห้ผเู้ รียนสะทอ้ นความคิดในการเรยี นรู้ที่ได้จากการเรียนรแู้ ละการปฏิบตั ิการ จากขั้นตอนท่ี 1 ถึง ขน้ั ตอนที่ 3 น้ี 5. ครแู ละผ้เู รยี นอภิปรายและสรุปผลการเรียนรู้รว่ มกนั ขน้ั ตอนท่ี 4 การติดตามประเมินและแกไ้ ข (Action : A) 1. ครสู นทนากบั ผเู้ รียนเก่ียวกับเรอ่ื งที่ไดเ้ รยี นรู้ตามแผนการจดั การเรียนร้นู ี้ โดยครสู มุ่ ผูเ้ รียนตามความสมัครใจจำนวน 2 – 3 คน ให้ ตอบคำถามในประเดน็ ต่อไปนี้ ประเด็น “ทา่ นจะนำความรู้เรอ่ื ง เศรษฐศาสตร์ในครอบครัวและชุมชน ไปประยุกตใ์ ชใ้ นการแกป้ ัญหาหรือไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ิตจรงิ ได้ อย่างไร” แนวคำตอบ ผู้เรียนสามารถนำความรทู้ ่ีไดร้ ับจากการเรยี นรเู้ ร่ือง เศรษฐศาสตร์ในครอบครัวและชุมชน ไปประยกุ ต์ใช้ในชวี ิตจริงได้ เช่น การจดั ตง้ั สหกรณ์ การจา่ ยภาษี กองทนุ หม่บู ้าน เปน็ ตน้ 2. ครูและผู้เรียนอภิปรายและสรุปผลการเรียนรู้ร่วมกัน ตาม PowerPoint สำหรับครู เร่ือง การสรุปผลการเรียนรู้ “เศรษฐศาสตร์ในครอบครวั และชุมชน” เพือ่ เป็นการสรุปภาพรวมของกิจกรรมการเรียนรู้ ซึ่งจะทำให้ผเู้ รียนเกิดความเข้าใจในกิจกรรมการเรยี นร มากยงิ่ ขน้ึ 3. ให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน เร่ือง “เศรษฐศาสตร์ในครอบครัวและชุมชน” จำนวน 10 ข้อ โดยใช้เวลา 10 นาที 4. ครูและผเู้ รยี นสรปุ ภาพรวมส่งิ ทไ่ี ดเ้ รยี นรรู้ ่วมกนั นอกจากน้ี ในตอนทา้ ยของการพบกลมุ่ หลังจากเสร็จส้นิ ขั้นตอนท่ี 3 ครูการมอบหมายงานใหเ้ รียนรู้ด้วยตนเอง รายละเอยี ดดังนี้
การมอบหมายงานให้เรียนรดู้ ้วยตนเอง 1. ครูชี้แจงให้ผู้เรียนทราบวา่ ในการพบกลุ่มแตล่ ะครั้งผู้เรียนจะได้รบั มอบหมายงานให้ไปเรยี นรู้ด้วยวธิ ีเรียนรู้ด้วยตนเองในลักษณะท่ีครู จะมอบหมายงานให้ผู้เรียนไปศกึ ษา “หนังสือเรียนรายวิชาสังคมศกึ ษา สค11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) เรือ่ ง เศรษฐศาสตร์ในครอบครัวและชุมชน หน้า 75 – 90 ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ โดยให้ศกึ ษาเนื้อหาและปฏิบัติกิจกรรมท้ายเร่ือง รายละเอียดของ เนื้อหา แบง่ ออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้ สว่ นที่ 1 เนอื้ หาการเรยี นร้ตู ามแผนการจดั การเรยี นร้คู รั้งน้ี ส่วนท่ี 2 เนือ้ หาการเรียนร้เู พ่ิมเติมในหนงั สอื เรียนเรียนดังกลา่ ว 2. ครูมอบหมายงานให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยให้ไปศึกษา “หนังสือเรียนรายวิชาสังคมศึกษา สค11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)” รายละเอยี ดของกิจกรรมท่ผี ู้เรียนจะต้องปฏบิ ัติ แบง่ ออกเป็น 2 ส่วน ดังน้ี ส่วนท่ี 1 เนื้อหาการเรียนรตู้ ามแผนการจัดการเรียนรู้ครง้ั นี้ ไดแ้ ก่ หนังสือเรียนรายวิชาสังคมศึกษา สค11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) เร่ือง เศรษฐศาสตร์ในครอบครัว และชมุ ชน หน้า 75 (กจิ กรรมทา้ ยเรอ่ื งในหนงั สือเรยี น หน้า 75) สว่ นท่ี 2 มอบหมายงานให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง ซึ่งเน้ือหาการเรียนรู้เพ่ิมเติมใน “หนังสือเรียนรายวิชาสังคมศึกษา สค11001 ระดับ ประถมศึกษา (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)” ไดแ้ ก่ 1) หนังสอื เรยี นรายวิชาสงั คมศึกษา สค11001 ระดบั ประถมศกึ ษา (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.2560) เรื่อง กจิ กรรมทางเศรษฐกจิ หน้า 76 – 82 (กจิ กรรมทา้ ยเรื่องในหนงั สอื เรียน หน้า 82) 2) หนงั สือเรยี นรายวชิ าสังคมศึกษา สค11001 ระดับประถมศกึ ษา (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2560) เร่ือง คณุ ธรรมของผู้ผลติ และผ้บู ริโภค หนา้ 83 – 84 (กจิ กรรมท้ายเรื่องในหนังสอื เรียน หน้า 85) 3) หนังสือเรียนรายวิชาสังคมศึกษา สค11001 ระดบั ประถมศึกษา (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ.2560) เรอื่ ง ทรพั ยากรธรรมชาติ สงิ่ แวดลอมในทองถิ่นและชมุ ชน หน้า 85 – 90 (กจิ กรรมท้ายเรื่องในหนังสือเรยี น หน้า 90) หลังจากน้นั ครูและผู้เรียนมีการนัดหมายทบทวน ตรวจสอบ และแลกเปลี่ยนเรียนร้รู ่วมกนั ผา่ นทางส่ืออิเล็กทรอนิกส์ ต่อไป หมายเหตุ : ใหผ้ ้เู รียนลงมือปฏิบตั กิ จิ กรรมด้วยตนเอง ซึ่งการให้ผู้เรยี นลงมือปฏิบัตกิ ิจกรรมด้วยตนเองนัน้ อาจมคี วามแตกต่างกันบ้างใน ข้ันตอน โดยพิจารณาจากพ้ืนฐานของผู้เรียน ในกรณีท่ีผู้เรียนมีพื้นฐานน้อยหรือไม่มีพ้ืนฐานมาก่อนก็ควรจัดการเรียนรู้พ้ืนฐานที่จำเป็นและ พอเพียงกับผู้เรียน หลังจากน้ันให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติด้วยตนเองในช่วงระยะหนึ่งแล้วจึงค่อยให้ผู้เรียนคิดหัวข้อท่ีอยากจะทำ หรือถ้า ผู้เรียนมีพื้น ความรู้มากอ่ นแลว้ ใหค้ ิดหวั ขอ้ ท่สี นใจจะทำและใหล้ งมอื ปฏบิ ัติได้ ส่อื วสั ดุ อปุ กรณ์ และแหลง่ การเรียนรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น เร่ือง “เศรษฐศาสตร์ในครอบครวั และชมุ ชน” 2. ใบความรู้สำหรบั ผู้เรยี น เร่ือง “เศรษฐศาสตร์คืออะไร” 3. คลปิ วดิ ีโอ เรอ่ื ง“เศรษฐศาสตรค์ อื อะไร และปัญหาพ้ืนฐานทางเศรษฐศาสตร์” จาก https://www.youtube.com/watch?v=hwCrhJ7toFs 4. ใบความรู้สำหรับครู เรอื่ ง “เศรษฐศาสตร์ในครอบครัวและชุมชน” 5. ใบกิจกรรมสำหรบั ครู เร่ือง “เศรษฐศาสตร์ในครอบครัวและชุมชน” 6. ใบกิจกรรมของผเู้ รยี น เรื่อง “เศรษฐศาสตร์ในครอบครัวและชุมชน” 7. PowerPoint สำหรบั ครู เร่ือง การสรุปผลการเรยี นรู้ “เศรษฐศาสตร์ในครอบครวั และชุมชน” 8. บทสรุปประกอบ PowerPoint สำหรับครู เรอื่ ง การสรุปผลการเรียนรู้ “เศรษฐศาสตรใ์ นครอบครัวและชุมชน”
9. แบบทดสอบหลงั เรียน เรอื่ ง “เศรษฐศาสตร์ในครอบครวั และชุมชน” 10. แบบประเมนิ ความพงึ พอใจสำหรบั ผเู้ รียนในการเข้ารว่ มกจิ กรรมการเรียนรู้ เร่อื ง“เศรษฐศาสตรใ์ นครอบครวั และชุมชน” การวัดและประเมินผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมการมีสว่ นรว่ ม ความต้ังใจ และความสนใจของผูเ้ รยี น 2. ผลการทดสอบกอ่ นและหลังเรียน 3. ผลการออกแบบและสร้างสรรค์นวัตกรรมและส่ิงท่ตี อ้ งการพัฒนา/ช้ินงาน/ผลงาน 4. ผลการประเมนิ ความพงึ พอใจของผูเ้ รียน บันทกึ ผลหลังการจัดกระบวนการเรยี นรู้ ผลการใชแ้ ผนการจัดกระบวนการเรียนรู้ 1. จำนวนเน้อื หากบั จำนวนเวลา เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบุเหตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………............ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………............ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………............ 2. การเรยี งลำดบั เนอ้ื หากับความเข้าใจของผู้เรียน เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบุเหตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………............ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………............ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………............ 3. การนำเขา้ สู่บทเรยี นกับเนือ้ หาแต่ละหัวขอ้ เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบุเหตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………............ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………............
………………………………………………………………………………………………………………………………………………............ 4. วิธกี ารจดั กิจกรรมการเรยี นรู้กับเนอื้ หาในแต่ละข้อ เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………............ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………............ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………............ 5. การประเมนิ ผลกบั ตวั ช้วี ัดในแตล่ ะเน้ือหา เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบุเหตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………............ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………............ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………............ ผลการเรยี นรขู้ องผู้เรยี น ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….............. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….............................................. .... ผลการจัดกระบวนการเรยี นรูข้ องครู ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….............. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….............. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….............................................. .... ขอ้ เสนอแนะ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………............. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….............. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………
รายละเอียดส่ือ วัสดุ อปุ กรณ์ และแหล่งการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรื่อง “เศรษฐศาสตร์ในครอบครัวและชมุ ชน” 2. ใบความรสู้ ำหรบั ผูเ้ รียน เร่อื ง “เศรษฐศาสตร์คืออะไร” 3. คลิปวิดโี อ เร่อื ง“เศรษฐศาสตรค์ อื อะไร และปญั หาพ้นื ฐานทางเศรษฐศาสตร์” จาก https://www.youtube.com/watch?v=hwCrhJ7toFs 4. ใบความรสู้ ำหรับครู เร่อื ง “เศรษฐศาสตร์ในครอบครัวและชมุ ชน” 5. ใบกจิ กรรมสำหรบั ครู เร่ือง “เศรษฐศาสตรใ์ นครอบครวั และชุมชน” 6. ใบกจิ กรรมของผเู้ รยี น เร่ือง “เศรษฐศาสตร์ในครอบครวั และชมุ ชน” 7. PowerPoint สำหรบั ครู เรื่อง การสรุปผลการเรยี นรู้ “เศรษฐศาสตรใ์ นครอบครัวและชมุ ชน” 8. บทสรปุ ประกอบ PowerPoint สำหรับครู เรอื่ ง การสรุปผลการเรียนรู้ “เศรษฐศาสตรใ์ นครอบครวั และชุมชน” 9. แบบทดสอบหลังเรียน เรอ่ื ง “เศรษฐศาสตร์ในครอบครัวและชมุ ชน” 10. แบบประเมินความพงึ พอใจสำหรับผู้เรียนในการเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ เรือ่ ง“เศรษฐศาสตร์ในครอบครวั และชุมชน” แบบทดสอบกอ่ นเรียน
เรื่อง เศรษฐศาสตรใ์ นครอบครัวและชุมชน คำช้ีแจง แบบทดสอบก่อนเรยี น มจี ำนวนทั้งหมด 10 ข้อ แบ่งออกเป็น 2 ตอน ประกอบดว้ ย ตอนที่ 1 แบบปรนยั จำนวน 5 ขอ้ ตอนที่ 2 แบบเลือกตอบถูกผดิ จำนวน 5 ขอ้ ตอนที่ 1 แบบปรนยั จำนวน 5 ข้อ คำสง่ั จงทำเคร่ืองหมายกากบาท (X) หนา้ ข้อท่ีถกู ต้องทส่ี ุด เพยี งข้อเดียว 1. “เศรษฐศาสตร์” มีความหมายตรงตามขอ้ ใด ก. เป็นการศกึ ษาเกี่ยวกับการแสวงหาความม่ังค่งั ข. เป็นการศึกษาเกี่ยวกับการบำบดั ความต้องการของมนุษย์ ค. เปน็ การศกึ ษาเกยี่ วกบั การแลกเปล่ยี นเงนิ ตราระหวา่ งประเทศ ง. เปน็ การศกึ ษาเกี่ยวกบั การจัดสรรทรพั ยากรท่มี ีจำกัดให้เกดิ ประโยชนส์ ูงสดุ 2. ขอ้ ใดเรียงลำดบั ความสำคัญของปัญหาพน้ื ฐานทางเศรษฐกจิ ได้ถูกตอ้ ง ก. ผลติ อะไร ผลิตอย่างไร ผลิตเมือ่ ใด ข. ผลติ อะไร ผลติ อย่างไร ผลติ เพ่ือใคร ค. ผลิตอยา่ งไร ผลิตเทา่ ใด ผลติ ทำไม ง. ผลิตอย่างไร ผลิตเมอื่ ใด ผลติ เพื่อใคร 3. “สมาชกิ ต้งั แต่ 2 คนขึ้นไป มาอยูร่ ว่ มกนั ในครัวเรอื นเดียวกัน มคี วามสมั พนั ธท์ างสายโลหติ หรอื ทางกฎหมาย” มีความหมายตรงกบั ข้อใด ก. องค์กร ข. สงั คม ค. ชมุ ชน ง. ครอบครัว 4. ครอบครัวทมี่ วี งศาคณาญาติอยใู่ นบ้านเดียวกัน เป็นครอบครัวประเภทใด ก. ครอบครัวเดยี่ ว ข. ครอบครัวขยาย ค. ครอบครัวสงั คมเมือง ง. ครอบครัวสมยั ใหม่ 5. “การมปี ระสิทธิภาพในการจดั การทรพั ยากรของครอบครวั ใหเ้ กิดประโยชน์สูงสุดเพื่อสนองความต้องการของสมาชิกในครอบครัว” เป็น ความหมายของขอ้ ใด ก. ครอบครวั ข. เศรษฐศาสตร์ ค. เศรษฐศาสตรค์ รอบครวั ง. เศรษฐกิจ เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น (ตอนท่ี 1) 1. ง 2. ข 3. ง 4. ข 5. ค ตอนที่ 2 แบบเลือกตอบถกู ผิด จำนวน 5 ขอ้ คำส่ัง จงทำเครื่องหมายถูก (✓) หนา้ ขอ้ ท่ีถกู และทำเคร่ืองหมายผดิ (X) หน้าข้อทผี่ ดิ
............... 1. ทด่ี นิ หมายถึง ทรพั ยากรธรรมชาติท่ปี รากฏบนดิน หรือใต้ดนิ เช่น แรธ่ าตุ สัตว์ น้ำ ปา่ ไม้ ผลตอบแทนจากการใช้ดนิ คือ คา่ เช่า ............... 2. แรงงาน เป็นทรพั ยากรมนุษย์ทตี่ ้องใชท้ ั้งแรงกายและแรงความคดิ ผลตอบแทนอยู่ในรูป ของ ค่าจ้าง ............... 3. ทนุ หมายถงึ สงิ่ ปลูกสรา้ ง เช่น อาคาร โรงงาน และเครอื่ งมือ เครอ่ื งจักรท่ีใชใ้ นการผลิต ผลตอบแทนอยู่ในรูปของ ดอกเบ้ีย ............... 4. ผู้ประกอบการ เป็นทรพั ยากรมนษุ ย์ทีท่ ำหน้าท่รี วบรวมปจั จัยการผลิต มาผลิตเป็นสนิ ค้า และบริการเพอื่ สนองความต้องการ โดยคาดหวังทีจ่ ะไดผ้ ลตอบแทนในรูปของ กำไร ............... 5. ครอบครัวทีม่ ีวงศาคณาญาติอยู่ในบา้ นเดยี วกัน เปน็ ครอบครวั ประเภทครอบครวั เด่ียว เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน (ตอนที่ 2) 1. ✓ 2. X 3. ✓ 4. ✓ 5. X ใบความรสู้ ำหรับผู้เรียน เร่อื ง เศรษฐศาสตร์ในครอบครวั และชมุ ชน คนท่ัวไปมักจะเข้าใจกันว่า เศรษฐศาสตร์ หมายถึง การใชประโยชน์จากสินค้าและบริการใน การบําบัดความต้องการ หรือ ตอบสนองความพอใจของมนษุ ย์เทา่ นัน้ เป็นเรอ่ื งของความต้องการท่จี ะบรโิ ภค แตโ่ ดยทแ่ี ท้จริงแล้วการบาํ บัดความต้องการ เพ่ือใหไ้ ด้รบั ความพงึ พอใจต้องใหมผี ลตามมาโดยเกิดคุณภาพชีวติ ดังน้ัน การบริโภคต้องมีความหมายเพ่ือให้ได้คุณภาพชีวิตด้วยการเรียนรู้ เศรษฐศาสตร์เกี่ยวของกับการศึกษาพฤติกรรมมนุษย์ใน สังคมทางด้านกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การดํารงชีวิต และการศึกษาวิธีการนําเอาทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจํากัด เพื่อบําบัดหรือตอบสนองความต้อง การใหเ้ กดิ ประโยชน์และใหเกดิ ประสิทธภิ าพสูงสดุ ทง้ั ในปัจจบุ นั และอนาคต
ความหมายและความสําคัญของเศรษฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ หมายถงึ การศกึ ษาเกย่ี วกับการท่มี นุษย์เลือกใช้วิธีการต่าง ๆ ในการนําเอา ทรพั ยากรธรรมชาตทิ ่มี ีอยู่มาใช้ในการผลิตสนิ ค้า และบรกิ ารให้มปี ระสทิ ธิภาพมากท่สี ุด เพอ่ื สนองความ ตอ้ งการและหาวธิ ีการกระจายสินค้าและการบรกิ ารไปสู่ประชาชนได้อย่างรวดเรว็ ความสาํ คัญของเศรษฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร์มคี วามสาํ คญั ต่อมนษุ ย์ทกุ สถานภาพ เช่น ผู้ผลติ ผบู้ รโิ ภค เจา้ ของการผลติ หรอื รฐั บาล ผู้บริโภคที่มคี วามรู้ทาง เศรษฐศาสตร์ จะชว่ ยให้รู้ข้อมูลและเข้าใจสภาวะเศรษฐกิจของประเทศและ ของโลก สามารถปรบั ตัวและวางแผนทางเศรษฐกจิ ของครอบครวั ได้อย่างเหมาะสมและเกดิ ประโยชน เช่น การหารายได้ทสี่ มั พันธ์กับรายจ่าย การออมทรัพย์ และการบริโภค เป็นต้น การมีข้อมูลสาํ หรับการวเิ คราะห์ การวางแผน การผลิต การบริการสินคา้ รวมท้ังการจัดสรรสินคา้ ไปสู่กลมุ่ เปา้ หมายอย่างเปน็ ระบบ มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ซึง่ เป็นผลดีทัง้ ผู้ผลติ และผู้บรโิ ภค และสามารถพัฒนาสนิ ค้าให้เป็นท่ีตอ้ งการของผู้บรโิ ภคมากขึ้น ใบความรู้สำหรบั ครู เร่อื ง เศรษฐศาสตรใ์ นครอบครัวและชุมชน คนท่ัวไปมักจะเข้าใจกันวา เศรษฐศาสตร์ หมายถึง การใชประโยชน์จากสินค้าและบริการใน การบําบัดความต้องการ หรือ ตอบสนองความพอใจของมนุษย์เทา่ นนั้ เป็นเรื่องของความต้องการทจ่ี ะบรโิ ภค แตโ่ ดยท่ีแท้จริงแล้วการบําบดั ความต้องการ เพือ่ ใหไ้ ด้รบั ความพึงพอใจต้องใหมีผลตามมาโดยเกดิ คุณภาพชีวิต ดังน้ัน การบรโิ ภคต้องมีความหมายเพ่ือให้ได้คุณภาพชีวิตด้วยการเรียนรู้เศรษฐ์เก่ียวของกับการศึกษาพฤติกรรมมนุษย์ในสังคมทางด้าน กิจกรรมทางเศรษฐกิจ การดํารงชีวิต และการศึกษาวิธีการนําเอาทรัพยากรท่ีมีอยู่อย่างจํากัด เพ่ือบําบัดหรือตอบสนองความต้องการให้เกิด ประโยชน์และใหเกิดประสิทธภิ าพสูงสุดท้งั ในปัจจบุ นั และอนาคต ความหมายและความสาํ คัญของเศรษฐศาสตร์ เศรษฐศาสตร หมายถงึ การศกึ ษาเก่ยี วกบั การที่มนษุ ย์เลือกใช้วิธีการตา่ งๆ ในการนาํ เอา ทรพั ยากรธรรมชาตทิ ี่มอี ยู่มาใช้ในการผลิตสนิ ค้า และบริการให้มีประสทิ ธภิ าพมากที่สดุ เพื่อสนองความ ตอ้ งการและหาวธิ ีการกระจายสินค้าและการบรกิ ารไปสู่ประชาชนได้อย่างรวดเรว็ ความสาํ คัญของเศรษฐศาสตร์
เศรษฐศาสตร์มีความสําคัญต่อมนุษย์ทุกสถานภาพ เช่น ผู้ผลิต ผู้บริโภค เจ้าของการผลิตหรือรัฐบาล ผู้บริโภคที่มีความรู้ทาง เศรษฐศาสตร์ จะช่วยให้รู้ข้อมูลและเข้าใจสภาวะเศรษฐกิจของประเทศและของโลก สามารถปรับตัวและวางแผนทางเศรษฐกิจของครอบครัวได้ อย่างเหมาะสมและเกดิ ประโยชน เช่น การหารายได้ทส่ี ัมพนั ธ์กบั รายจ่าย การออมทรพั ย์ และการบรโิ ภค เป็นตน้ การมีข้อมูลสําหรับการวิเคราะห์ การวางแผน การผลิต การบริการสนิ ค้า รวมทงั้ การจดั สรรสินค้าไป สู่กลมุ่ เปา้ หมายอยา่ งเป็นระบบ มี คณุ ภาพและไดม้ าตรฐาน ซึง่ เป็นผลดีท้ังผู้ผลติ และผู้บรโิ ภค และสามารถพัฒนาสนิ ค้าใหเ้ ป็นท่ีตอ้ งการของผู้บรโิ ภคมากข้นึ ใบกจิ กรรมสำหรบั ครู เรื่อง เศรษฐศาสตร์ในครอบครัวและชุมชน คำช้แี จง ให้ครดู ำเนนิ การ ดังน้ี 1. อธบิ าย เร่อื ง “เศรษฐศาสตรใ์ นครอบครัวและชุมชน”ตามใบกจิ กรรมสำหรับครู เร่ือง “เศรษฐศาสตร์ในครอบครัวและชมุ ชน” พร้อม ทง้ั ให้ผู้เรียนรว่ มปฏิบัติในการสาธิตของครูด้วย ท้ังนี้เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แลกเปล่ียนเรยี นรู้ โดยให้ผู้เรียนตั้งประเด็นข้อสงสัย หรือส่ิงที่ต้องการ เรียนรู้ในกระบวนการของการสาธติ และเชื่อมโยงสกู่ ารนำไปใช้ในชีวิตจรงิ ของผู้เรยี นต่อไป 2. แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 5 - 6 คน ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มลงมือปฏิบัติจริง โดยผู้เรียนแต่ละกลุ่มวางแผนและดำเนินการเกี่ยวกับ การศึกษาเร่ือง “เศรษฐศาสตร์ในครอบครวั และชุมชน” ตามใบกิจกรรมของผู้เรียน เรื่อง “เศรษฐศาสตร์ในครอบครวั และชุมชน”ท้ังนี้ ครูเตรียม วสั ดุ อุปกรณ์ใหก้ ับผ้เู รยี นในการศกึ ษา เรื่อง “เศรษฐศาสตรใ์ นครอบครัวและชุมชน”ตามใบกจิ กรรมสำหรับครู เร่ือง “เศรษฐศาสตรใ์ นครอบครัว และชมุ ชน” 3. ให้ผเู้ รยี นแต่ละกลุม่ ตามข้อ 2 ปฏบิ ัติกจิ กรรมตามใบกิจกรรม เรอ่ื ง “เศรษฐศาสตร์ในครอบครัวและชุมชน” ทั้งน้ี ครูจะตอ้ งกำกบั การปฏบิ ัตกิ จิ กรรมของผู้เรียนจนกิจกรรมแลว้ เสร็จ ตามใบกิจกรรมสำหรับครู เรือ่ ง “เศรษฐศาสตรใ์ นครอบครัว และชุมชน” 4. ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการค้นคว้า เร่ือง “เศรษฐศาสตร์ในครอบครัวและชุมชน” ตามใบกิจกรรมของผู้เรียน เรื่อง “การ นำเสนอผลการศกึ ษาเศรษฐศาสตร์ในครอบครวั และชุมชน” 5. ครแู ละผูเ้ รียนอภปิ รายและสรปุ ผลการเรียนรูร้ ่วมกัน
ใบกิจกรรมสำหรับผู้เรยี น เรือ่ ง เศรษฐศาสตรใ์ นครอบครัวและชมุ ชน คำชแ้ี จง ให้ผเู้ รียนดำเนินการ ดงั นี้ 1. ผู้เรยี นรว่ มปฏบิ ัตใิ นการศึกษา เรอื่ ง “เศรษฐศาสตรใ์ นครอบครวั และชมุ ชน” ของครู 2. แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 5 - 6 คน ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มลงมือปฏิบัติจริง โดยผู้เรียนแต่ละกลุ่มวางแผนและดำเนินการเก่ียวกับ การศึกษา เรอื่ ง “เศรษฐศาสตรใ์ นครอบครวั และชมุ ชน” 3. ให้ผ้เู รียนแตล่ ะกลมุ่ ตามข้อ 2 ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตามใบกิจกรรม เรื่อง “เศรษฐศาสตร์ในครอบครวั และชุมชน” 4. ให้ผ้เู รียนแต่ละกลมุ่ นำเสนอผลการศึกษา เรอ่ื ง “เศรษฐศาสตร์ในครอบครัวและชมุ ชน” 5. ครแู ละผู้เรียนอภปิ รายและสรปุ ผลการเรียนรรู้ ว่ มกัน
การนำเสนอผลการศึกษา เรอ่ื ง เศรษฐศาสตร์ในครอบครวั และชมุ ชน ชือ่ กลุ่ม............................................................... โรงเรยี น/สถานศึกษา/หน่วยงาน...........................................................จังหวดั ..................................... 1. ช่ือ - นามสกุล……………………………………………………………………………………………………………………. 2. ชอ่ื - นามสกุล……………………………………………………………………………………………………………………. 3. ชอ่ื - นามสกุล……………………………………………………………………………………………………………………. 4. ชอ่ื - นามสกลุ ……………………………………………………………………………………………………………………. 5. ชื่อ - นามสกลุ ……………………………………………………………………………………………………………………. 6. ชื่อ - นามสกลุ ……………………………………………………………………………………………………………………. แผนผงั ความคดิ Mind Mapping แบบทดสอบหลังเรยี น
เร่ือง เศรษฐศาสตร์ในครอบครวั และชมุ ชน คำชแ้ี จง แบบทดสอบหลังเรียน มีจำนวนท้ังหมด 10 ข้อ แบ่งออกเปน็ 2 ตอน ประกอบดว้ ย ตอนท่ี 1 แบบปรนัย จำนวน 5 ข้อ ตอนที่ 2 แบบเลือกตอบถูกผดิ จำนวน 5 ข้อ ตอนที่ 1 แบบปรนัย จำนวน 5 ข้อ คำสงั่ จงทำเครื่องหมายกากบาท (X) หน้าข้อท่ีถกู ต้องทสี่ ุด เพยี งข้อเดยี ว 1. “สมาชกิ ตง้ั แต่ 2 คนขึ้นไป มาอยรู่ ว่ มกนั ในครัวเรือนเดยี วกัน มีความสมั พันธท์ างสายโลหิต หรือทางกฎหมาย” มีความหมายตรงกับขอ้ ใด ก. องค์กร ข. สงั คม ค. ชุมชน ง. ครอบครัว 2. “เศรษฐศาสตร”์ มคี วามหมายตรงตามข้อใด ก. เปน็ การศึกษาเกี่ยวกับการจดั สรรทรพั ยากรทีม่ ีจำกัดใหเ้ กดิ ประโยชน์สูงสดุ ข. เปน็ การศึกษาเกีย่ วกบั การแลกเปลี่ยนเงนิ ตราระหว่างประเทศ ค. เป็นการศกึ ษาเกี่ยวกับการบำบัดความต้องการของมนษุ ย์ ง. เปน็ การศึกษาเกี่ยวกับการแสวงหาความม่ังค่งั 3. ขอ้ ใดเรยี งลำดับความสำคัญของปัญหาพน้ื ฐานทางเศรษฐกิจได้ถูกตอ้ ง ก. ผลติ อะไร ผลิตอย่างไร ผลิตเม่อื ใด ข. ผลติ อะไร ผลติ อย่างไร ผลิตเพอื่ ใคร ค. ผลิตอยา่ งไร ผลิตเมื่อใด ผลติ เพอ่ื ใคร ง. ผลติ อยา่ งไร ผลติ เทา่ ใด ผลิตทำไม 4. “การมปี ระสิทธิภาพในการจดั การทรพั ยากรของครอบครวั ใหเ้ กดิ ประโยชนส์ งู สดุ เพื่อสนองความต้องการของสมาชิกในครอบครวั ” เป็น ความหมายของข้อใด ก. ครอบครวั ข. เศรษฐศาสตร์ ค. เศรษฐศาสตรค์ รอบครัว ง. เศรษฐกจิ 5. ครอบครวั ทม่ี วี งศาคณาญาติอยู่ในบา้ นเดยี วกนั เปน็ ครอบครวั ประเภทใด ก. ครอบครวั เดีย่ ว ข. ครอบครวั ขยาย ค. ครอบครัวสงั คมเมือง ง. ครอบครัวสมยั ใหม่ เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น (ตอนที่ 1) 1. ง 2. ก 3. ข 4. ค 5. ข ตอนท่ี 2 แบบเลือกตอบถกู ผิด จำนวน 5 ข้อ
คำส่ัง จงทำเคร่ืองหมายถูก (✓) หน้าขอ้ ที่ถูก และทำเครื่องหมายผดิ (X) หน้าข้อทผี่ ดิ ............... 1. แรงงาน เปน็ ทรพั ยากรมนุษย์ทีต่ ้องใชท้ ั้งแรงกายและแรงความคดิ ผลตอบแทนอยูใ่ นรูป ของ ค่าจ้าง ............... 2. ท่ดี ิน หมายถึง ทรัพยากรธรรมชาติทปี่ รากฏบนดิน หรอื ใต้ดิน เช่น แรธ่ าตุ สตั ว์ นำ้ ปา่ ไม้ ผลตอบแทนจากการใช้ดิน คือ คา่ เชา่ ............... 3. ผู้ประกอบการ เป็นทรัพยากรมนุษย์ท่ที ำหน้าท่รี วบรวมปัจจยั การผลติ มาผลิตเปน็ สินคา้ และบริการเพ่อื สนองความต้องการ โดยคาดหวงั ทจ่ี ะไดผ้ ลตอบแทนในรูปของ กำไร ............... 4. ครอบครวั ที่มวี งศาคณาญาติอยู่ในบา้ นเดยี วกัน เป็นครอบครวั ประเภทครอบครัวเดยี่ ว............... 5. ทุน หมายถึง ส่งิ ปลกู สร้าง เช่น อาคาร โรงงาน และเครื่องมือ เคร่ืองจักรท่ีใชใ้ น ผลิตผลตอบแทนอยู่ในรูปของ ดอกเบี้ย เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น (ตอนท่ี 2) 1. ✓ 2. X 3. ✓ 4. X 5. ✓ PowerPoint สำหรับครู เร่อื ง การสรุปผลการเรยี นรู้ “เศรษฐศาสตรใ์ นครอบครัวและชมุ ชน”
PowerPoint สำหรับครู เร่อื ง การสรปุ ผลการเรยี นรู้ “เศรษฐศาสตรใ์ นครอบครัวและชมุ ชน” PowerPoint สำหรับครู เรื่อง การสรปุ ผลการเรยี นรู้ “เศรษฐศาสตรใ์ นครอบครัวและชุมชน”
วิธกี ารวดั ผลประเมนิ ผล/เครอื่ งมือ/เกณฑ์การประเมิน วิธกี าร เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมิน เกณฑก์ ารประเมนิ ช้ินงาน/ สงั เกตพฤตกิ รรมรายกลุ่ม แบบสังเกตพฤติกรรม ผา่ นการประเมินระดบั ดีขน้ึ ไป ภาระงาน รายกลุม่ ทดสอบหลงั เรยี น แบบทดสอบหลังเรยี น ผา่ นการประเมินร้อยละ 70 ข้ึนไป ประเมินผลงาน/ชิ้นงาน แบบประเมนิ ผลงาน/ชนิ้ งาน ผา่ นการประเมินร้อยละ 70 ขึ้นไป สอบถามความพึงพอใจ แบบสอบถามความ ผ่านการประเมินระดบั ดีขน้ึ ไป พึงพอใจ รายการประเมนิ 1. ความถกู ต้อง ระดบั คะแนน 2. ความสะอาด 432 1 ผลงาน มีความถูกต้องชัดเจน ผลงานส่วนใหญถ่ กู ต้อง ผลงาน มีความถูกตอ้ ง สมบรู ณ์ ครบถว้ น เปน็ สว่ นใหญ่ ครบถ้วน มคี วามถูกตอ้ งเป็นบางสว่ น ผลงาน ผลงานสะอาด เรียบร้อย ผลงานสะอาด เรยี บร้อย ผลงาน
ระดับคะแนน รายการประเมิน 4 32 1 เรยี บรอ้ ย สวยงาม สว่ นใหญ่ สวยงาม มีรอยขดี ลบน้อย บางส่วน ไมส่ ะอาด ไมม่ ีรอยขดี ลบ ไมส่ ะอาด ไมเ่ รยี บรอ้ ย ไมเ่ รียบรอ้ ย สง่ งานชา้ ต้องมีการ 3.ตรงต่อเวลา สง่ งานตรงเวลา สง่ งานชา้ ก่อนหมดเวลา 10 ส่งงานชา้ กอ่ นหมดเวลา 5 เรง่ และทวง ท่กี ำหนด นาที นาที คดิ แปลกใหมเ่ ช่อื มโยง สัมพันธ์ 4.การเชอื่ มโยงและ คิดแปลกใหมเ่ ช่อื มโยง คดิ แปลกใหมเ่ ช่อื มโยง คิดแปลกใหมเ่ ชอ่ื มโยง สิง่ ตา่ ง ๆ ได้ ความคดิ สร้างสรรค์ สัมพันธ์ สัมพนั ธ์ สัมพนั ธ์ อยา่ งถูกต้อง สิ่งตา่ ง ๆ ได้ ส่งิ ต่าง ๆ ได้ สง่ิ ต่าง ๆ ได้ เปน็ ส่วนนอ้ ย อยา่ งถูกต้อง อย่างถูกต้อง อยา่ งถกู ต้อง เปน็ ส่วนใหญ่ เป็นบางสว่ น
แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรขู้ องผู้เรยี น ช่ือโครงการ/กจิ กรรม........................................................................................................................ ชื่อโรงเรยี น/สถานศกึ ษา …………………………………………………………………………………………………….. คำชี้แจง ใหผ้ ู้ประเมินทำเครอื่ งหมายถกู () ลงในช่องระดบั พฤตกิ รรมของผู้เรยี น โดยมเี กณฑร์ ะดบั คุณภาพการประเมนิ ดังน้ี 5 มพี ฤตกิ รรมการเรยี นรู้ มากทส่ี ดุ 4 มีพฤตกิ รรมการเรียนรู้ มาก 3 มีพฤติกรรมการเรียนรู้ ปานกลาง 2 มพี ฤติกรรมการเรยี นรู้ นอ้ ย 1 มีพฤตกิ รรมการเรียนรู้ นอ้ ยท่ีสุด เกณฑก์ ารพิจารณาระดบั คุณภาพ คะแนนเฉลีย่ รอ้ ยละ 0 - 50 ระดบั คุณภาพ ปรบั ปรุง คะแนนเฉลยี่ รอ้ ยละ 50 - 69 ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ คะแนนเฉล่ียรอ้ ยละ 70 – 79 ระดบั คณุ ภาพ ดี คะแนนเฉลี่ยรอ้ ยละ 80 – 89 ระดบั คุณภาพ ดีมาก คะแนนเฉลีย่ ร้อยละ 90 - 100 ระดับคณุ ภาพ ดีเยย่ี ม พฤติกรรมการเรยี นรู้ ระดบั พฤติกรรม 1 5432 1. ความต้ังใจในการทำงาน 2. ความรบั ผดิ ชอบ 3. ความกระตอื รอื ร้น 4. การตรงต่อเวลา 5. ผลสำเรจ็ ของงาน 6. การทำงานรว่ มกบั ผอู้ น่ื 7. มคี วามคิดรเิ รม่ิ สร้างสรรค์ 8. มีการวางแผนในการทำงาน 9. การมสี ่วนร่วมในการแสดงความคิดเหน็ ในกลมุ่ 10. การมีส่วนรว่ มในการแก้ไขปัญหาในกลุ่ม ลงชอื่ ......................................................................ผูป้ ระเมิน ............../.............................../.................... แผนการจัดการเรยี นรรู้ ายภาค ครั้งที่ 14 เรอ่ื ง การเมอื งการปกครอง เวลาเรยี น 6 ชว่ั โมง
แนวคิด การศึกษาและทําความเขาใจเก่ียวกับระบบการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมี พระมหากษัตริยเปนประมุข และรัฐธรรมนูญแหงราชอาณาจักรไทย จะทําใหผูเรียนสามารถปฏิบัติตนตาม หนาท่ีของพลเมืองดี ตามกฎหมาย ประเพณี วัฒนธรรม ไทยไดอยางถกู ตอง สงผลใหผูเรยี นดาํ รงชีวิตอยูรวมกนั ในชมุ ชน สงั คมไทย และสังคมโลกไดอยางเปนสขุ ตวั ช้ีวัด 1. อธบิ ายขอมลู เก่ยี วกับการเมอื ง การปกครองที่เกีย่ วของกบั ตนเอง ชมุ ชน ทองถ่ินและประเทศได 2. ปฏิบัติตนตามบทบาทหนาท่ีและรักษากฎระเบียบภายใตรัฐธรรมนูญไดเห็นคุณคาของตนเอง เคารพสิทธิเสรีภาพของตนเองและผูอ่ืน ไดอยางถกู ตองเหมาะสม เนอ้ื หา 1. ความหมายความสาํ คญั ของการเมืองการปกครอง 1.1 ความเปน็ มาของรัฐธรรมนญู 1.2 โครงสรา้ งของรฐั ธรรมนญู 2. โครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดนิ 2.1 แนวคดิ เร่อื งการปกครองส่วนท้องถิ่น 2.2 โครงสรา้ งของระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร 3. ความสัมพันธระหว่างอาํ นาจนติ ิบัญญตั ิ อาํ นาจบริหาร อํานาจตุลาการ 4. การมีส่วนรวมทางการเมอื ง การปกครองในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ ข้ันตอนการจดั กระบวนการเรียนรู้ ขั้นตอนท่ี 1 การสรา้ งแรงบันดาลใจ (Passion : P) 1. ครูทักทายผู้เรียน พรอ้ มทงั้ แนะนำตนเอง และแผนการจัดการเรยี นรู้ ซง่ึ การจดั การเรียนรู้ทีผ่ ู้เรียนจะต้องเรยี นรรู้ ่วมกนั ในครั้งน้ี คือ เร่อื ง “การเมืองการปกครอง” และชวนคดิ ชวนคยุ เก่ียวกบั เรื่องทีจ่ ะเรียนรู้เพ่ือกระตุ้นให้ผเู้ รยี นเกิดความสนใจและมคี วามกระตือรอื ร้นในการ เชอื่ มโยงและสร้างความพร้อมท่จี ะเรียนรหู้ รือทำกิจกรรมการเรยี นรู้ตามแผนการจัดการเรยี นรู้คร้ังนี้ 2. ครูช้ีแจงวัตถุประสงค์ เนื้อหา กิจกรรม การวัดและประเมินผลของการเรียนรู้ในคร้ังน้ี ที่สอดคล้องกับตัวชี้วัดตามแผนการจัดการเรียน คร้ังนี้ เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ให้บรรลุตัวชี้วัด ที่กำหนดตามแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 4 เร่ือง “การเมืองกา ปกครอง” ในคร้งั นี้ ซ่งึ มจี ำนวน 2 ข้อ ดังนี้ (1) อธิบายขอ้ มูลเกยี่ วกับการเมอื ง การปกครองท่เี กี่ยวขอ้ งกับตนเอง ชมุ ชน ท้องถิ่นและประเทศได้ (2) ปฏบิ ัตติ นตามบทบาทหนา้ ทีแ่ ละรกั ษากฎระเบียบภายใต้รฐั ธรรมนูญได้ 3. ให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรอ่ื ง “การเมอื งการปกครอง” จำนวน 10 ข้อ โดยใชเ้ วลา 10 นาที 4. ครูให้ผู้เรียนศึกษาหนังสือเรียนรายวิชาสังคมศึกษา สค11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) เร่ือง การเมืองการ ปกครอง หน้า 91 – 102 พร้อมท้ังแนะนำแหล่งศึกษาค้นคว้าเพ่ิมเติมจากอินเทอร์เน็ต ซึ่งผู้เรยี นสามารถไปเรียนรู้ได้ด้วยตนเองและ ทำกิจกรรม ตามที่ได้รับมอบหมายด้วย ท้ังน้ี ครูควรจะชี้แจงให้ผู้เรียนทราบว่าในการพบกลุ่มตามแผนการจัดการเรียนรู้คร้ังน้ี ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้และทำ กิจกรรมที่สอดคล้องกับเน้ือหาท่ีเรียน โดยปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ การศึกษาคลิปวิดีโอ และการแลกเปล่ียนเรียนรู้โดยการอภิปรายร่วมกับ เพอ่ื นในกลุ่ม รวมทง้ั มีการทดสอบหลงั เรียนด้วย นอกจากนี้ ในการพบกลุ่มแต่ละคร้ังน้ัน ครูจะมอบหมายงานให้ผู้เรียนไปเรียนรู้ด้วยวิธีการเรียนรู้ด้วยตนเอง ซึ่งวิธีการเรียนรู้ด้วยตนเอง จะต้องเกิดข้ึนในทุก ๆ ตัวชี้วัดและเน้ือหาท่ีกำหนด โดยผู้เรียนจะต้องปฏิบัติกิจกรรมท่ีกำหนดให้ด้วยวิธีเรียนรู้ออนไลน์ และศึกษาจากเอกสาร
ประกอบการเรียน ดังนั้น ครูจะต้องเช่ือมโยงรายละเอียดดังกล่าวข้างต้นให้ผู้เรียนได้เกิดความเข้าใจและเกิดแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ที่จะ เกิดขึ้น เพราะ การมอบหมายงานใหผ้ ้เู รยี นไปเรยี นรู้ด้วยวิธีเรยี นร้ดู ว้ ยตนเองนัน้ ผ้เู รยี นจะตอ้ งเรยี นรอู้ อนไลน์ผ่านอินเทอรเ์ นต็ และศึกษาเอกสาร ประกอบการเรยี น 5. ครูชวนคิดชวนคุยเกี่ยวกับประสบการณ์เดิมของครูในเรอื่ งท่ีจะเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้น้ี โดยครูสุ่มผู้เรียนตามความสมัครใจ จำนวน 4 – 5 คน ให้ตอบคำถาม จำนวน 2 ประเดน็ ดงั น้ี ประเด็นที่ 1 “ท่านทราบหรอื ไมว่ ่า รฐั ธรรมนูญ คอื อะไร” แนวคำตอบ รัฐธรรมนูญ เป็นกฎหมายสงู สุดหรือเป็นกฎหมายหลักของประเทศที่ออกโดย ฝ่ายนติ ิบัญญัติ คอื รัฐสภา อัน ประกอบด้วย ตวั แทนของประชาชน ดังน้นั รัฐธรรมนญู จึงเปน็ กฎหมายทีป่ ระชาชนส่วนใหญ่ให้ความเหน็ ชอบ ประเด็นที่ 2 “ทา่ นทราบหรือไมว่ ่า ความสาํ คัญของรัฐธรรมนูญ คืออะไร” แนวคำตอบ รัฐธรรมนูญ เป็นกฎหมายหลักที่สําคัญท่ีสุด เป็นเสมือนกฎหมายหรือกติกาที่ประชาชนในสังคมยอมรับใหเป็นหลักในการ ปกครองและการบริหารประเทศ ซึ่งการออกกฎหมายใดๆยอมต้องดําเนินการภายในกรอบของบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ กฎหมายใดท่ีขัดแย้งต่ อรัฐธรรมนญู จะไม่สามารถใช้บังคบั ได้ หลังจากน้ั น ครูเปิ ดคลิป วิดีโอให้ ผู้เรียน ชม เรื่อง “รัฐธรรมนูญ แห่ งราชอาณ าจักรไทย ” จาก https://www.youtube.com/watch?v=elZCrKt3zqE โดยครสู มุ่ ผู้เรียนตามความสมัครใจ จำนวน 4 – 5 คน ให้ตอบคำถาม จำนวน 2 ประเดน็ ดังนี้ ประเด็นท่ี 1 “ทา่ นไดเ้ รยี นรู้อะไรบา้ ง จากคลิปวิดีโอน้ี” แนวคำตอบ ได้เรียนรู้สาเหตุท่ีตอ้ งมีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย วา่ สาเหตุท่ีสําคัญมาจากการท่ีประเทศไทยเกิดการเปลยี่ นแปลง ทางการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชยมาเป็นระบอบประชาธปิ ไตย ซึ่งเร่ิมมีแนวคิดมาต้ังแต่รัชกาลท่ี 6 โดยกลุ่มบุคคล ท่ีเรียก ตนเองว่า “คณะราษฎร” ประกอบด้วย ข้าราชการ ทหาร พลเรือน ได้เขายึดอาํ นาจการปกครอง พระบาทสมเด็จพระปกเกลล้าเจา้ อยู่หวั จึงไดท้ รงลงพระปรมาภิไธยในร่าง รัฐธรรมนูญการปกครองแผ่นดิน ฉบับช่ัวคราวท่ีคณะราษฎรได้เตรียมไว นับว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกของไทย เมื่อวันท่ี 10 ธันวาคม 2475 ถือได้วา่ ประเทศไทยมีการเปล่ียนแปลงการปกครองจากระบอบสมบรู ณาญาสิทธริ าชย์มาเป็นการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยนับแต่นนั้ มาจนถึง ปัจจุบันได้มีการเปล่ียนแปลง แก้ไข และประกาศใช้รัฐธรรมนูญการปกครองหลายฉบับเพ่ือให้เหมาะสม สอดคล้องกับสภาวการณ์บ้านเมืองที่ผัน แปรเปล่ียนในแต่ละยุคสมัย โดยมีสาระสําคัญเหมือนกัน คือ ยึดมั่น ในหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข จะมีเน้ือหาแตกต่างกันก็เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ของบ้านเมืองในขณะน้ัน ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญมาแลว จํานวน 18 ฉบับ และ ปจั จบุ ันใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พุทธศกั ราช 2550 ประเดน็ ที่ 2 “ท่านคดิ วา่ โครงสร้างของรฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 อะไรบา้ ง ” แนวคำตอบ รฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช 2550 แบ่งโครงสร้างออกเป็น 15 หมวด และมี 1 บทเฉพาะกาล สรุป สาระสาํ คัญแตล่ ะหมวดดงั น้ี (1) หมวด 1 บททั่วไป (2) หมวด 2 พระมหากษตั ริย์ (3) หมวด 3 สทิ ธิและเสรภี าพของชนชาวไทย (4) หมวด 4 หนา้ ท่ขี องชนชาวไทย (5) หมวด 5 แนวนโยบายพ้ืนฐานแห่งรฐั (6) หมวด 6 รฐั สภา (7) หมวด 7 การมสี ว่ นร่วมทางการเมืองโดยตรงของประชาชน
(8) หมวด 8 การเงนิ การคลงั และงบประมาณ (9) หมวด 9 คณะรฐั มนตรี (10) หมวด 10 ศาล (11) หมวด 11 องคก์ รตามรฐั ธรรมนญู (12) หมวด 12 การตรวจสอบการใช้อาํ นาจรฐั (13) หมวด 13 จรยิ ธรรมของผดู้ าํ รงตาํ แหน่งทางการเมอื งและเจา้ หน้าทีข่ องรฐั (14) หมวด 14 การปกครองส่วนท้องถน่ิ (15) หมวด 15 การแกไ้ ขเพ่มิ เตมิ รัฐธรรมนูญ บทเฉพาะกาล 6. ครแู ละผู้เรียนอภิปรายและสรปุ ผลการเรยี นรรู้ ่วมกัน ขั้นตอนท่ี 2 การนำไปใชป้ ระโยชน์ (Utilization : U) 1. ครูให้ผู้เรียนแลกเปล่ียนเรียนรู้ โดยแบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ กลุ่มละ 4 – 8 คน ดำเนินกิจกรรมเป็นรายกลุ่ม ศึกษาเนื้อหา ใน หนงั สอื เรยี นรายวิชาสงั คมศกึ ษา สค11001 ระดบั ประถมศึกษา (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) เร่อื ง การเมืองการปกครองหน้า 91 - 102 ดงั นี้ 1. ความหมายความสาํ คญั ของการเมืองการปกครอง 2. โครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดิน 3. ความสมั พนั ธระหว่างอํานาจนติ ิบัญญัติ อํานาจบรหิ าร อํานาจตุลาการ 4. การมสี ว่ นรวมทางการเมอื ง การปกครองในระดบั ทอ้ งถ่ินและระดับประเทศและส่งผูแ้ ทนนำเสนอต่อกลุ่มใหญใ่ น 2 ประเดน็ ประเด็นท่ี 1 ความหมายความสาํ คัญของการเมืองการปกครอง ประเดน็ ท่ี 2 โครงสร้างการบรหิ ารราชการแผ่นดนิ ครแู ละผู้เรียนสรุปผลการเรียนร้รู ่วมกัน และใหผ้ เู้ รยี นสรปุ สง่ิ ท่ไี ดเ้ รียนรลู้ งในสมดุ บนั ทกึ ผลการเรยี นรู้ ของตน 2. ครูแนะนำแหล่งเรียนรู้ให้กับผู้เรียนเพ่ือใช้เป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง อาทิ ห้องสมุด แหล่งเรียนรู้ในชุมชน หน่วยงาน สถานศึกษาต่าง ๆ รวมท้ังการใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อการเรียนรู้ด้วยตนเอง เป็นต้น และให้ผู้เรียนเป็นรายบุคคลศึกษาเน้ือหา ใน หนังสือ เรียนรายวิชาสงั คมศกึ ษา สค11001 ระดบั ประถมศึกษา (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) เรอ่ื ง การเมืองการปกครองหนา้ 91 - 102 3. ครูดำเนินการทำหน้าท่ีนำการอภิปราย โดยให้ผู้เรียนกลุ่มใหญ่ร่วมกันแสดงความคิดเห็น คิดวิเคราะห์ อภิปราย และ วเิ คราะห์ให้ข้อมูลเพ่ิมเติมในเนื้อหาหรือประเด็นท่ียังไมช่ ัดเจน ตามรายละเอยี ดที่ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนเรียนรูร้ ่วมกัน หากผู้เรยี นกลุ่มใหญ่หรือครู เห็นว่ายังไม่สมบูรณ์ มีความต้องการในการเรียนรู้เพ่ิมเติม ครูจะช่วยเติมเต็มความรู้ให้กับผู้เรียน หลังจากนั้นครูและผู้เรียนสรุป ส่ิงท่ีได้เรียนรู้ใน ภาพรวมทั้งหมดแลว้ ใหผ้ ูเ้ รยี นสรุปสิง่ ทไ่ี ด้เรียนร้ลู งในสมุดบันทึกการเรียนร้ขู องตน หมายเหตุ : ในการดำเนินกิจกรรมกลุ่ม ครูช้ีแจงบทบาทหน้าท่ีในการทำงานให้ผู้เรียนได้มีความรับผิดชอบร่วมกันในการทำงาน ซึ่งมอบหมายให้ ผู้เรียนดำเนินการแต่งต้ังประธานหรือผู้นำในการอภิปรายแลกเปล่ียนเรียนรู้ และการมอบหมายให้มีผู้รับผิดชอบในภารกิจต่าง ๆ รวมถึงการ แต่งตั้งเลขานุการของกลุ่มเป็นผู้จดบันทึกและผู้รักษาเวลา เพื่อปฏิบัติงานของกลุ่มใหญ่ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ และพิจารณาว่าสมาชิก ลุม่ ทุกคนควรมีความเข้าใจตรงกันว่า ตนมบี ทบาทหน้าที่ที่จะต้องช่วยใหก้ ลุ่มทำงานได้สำเรจ็ ครคู วรใหค้ ำแนะนำถึงความสำคัญของการให้สมาชิก ทกุ คนในกลุ่มมีส่วนร่วมในการอภิปรายอย่างท่ัวถึง ไม่ให้มีการผกู ขาดการอภิปรายโดยผู้ใดผู้หน่ึง และควรมีการจำกัดเวลาของการอภปิ รายแต่ละ ประเด็น ในระหว่างการทำกิจกรรมของผู้เรียน ครูมีบทบาทในการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน คอยกระตุ้นผู้เรียนให้เกิดความ กระตือรือรน้ ในการเรียนรู้ โดยบนั ทึกลงในแบบบันทกึ พฤติกรรมการเรยี นร้ขู องผเู้ รียน และเคร่อื งมอื ประเมนิ การสงั เกตแบบประมาณค่า 4. ครูเปิดโอกาสให้ผู้เรียนทั้งกลุ่มร่วมกันสนทนา เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะในการฟัง พูด คิดวิเคราะห์ การทำงานร่วมกับผู้อ่ืน การคิด สร้างสรรค์ ความรับผิดชอบ และการนำความรู้ในเน้ือหามาใช้ โดยครูบูรณาการเน้ือหาการเรียนรู้ มีการใช้สื่อเทคโนโลยีท่ีเป็นคลิปวิดีโอจาก
youtube และ TikTok ท่ีสัมพันธ์กับเนื้อหา ท้ังน้ีครูเชื่อมโยงส่ิงที่ได้เรียนรู้ตามข้ันตอนท่ี 1 ในการนำความรู้ไปสู่การปฏิบัติ และประยุกต์ใช้ผ่าน คลิปวิดีโอ โดยครเู ปดิ คลปิ วิดโี อ เร่ือง “รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย” จากhttps://www.youtube.com/watch?v=elZCrKt3zqE หลงั จากนั้น ครดู ำเนินการ ดังน้ี (1) ครูบรรยายเน้ือหาตามใบความรู้สำหรับครู เร่ือง “เศรษฐศาสตร์คืออะไร” เพื่อใช้สำหรับประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง “เศรษฐศาสตรใ์ นครอบครวั และชุมชน” ในส่วนของผู้เรียนให้ศึกษาใบความรู้สำหรับผู้เรียน ประกอบการบรรยายของครูตามใบความรสู้ ำหรับผู้เรียน เรื่อง “รัฐธรรมนูญแห่งราช อาณาจักไทย” (2) ครูอธิบายและสาธิตการทดลอง เรื่อง “การเมืองการปกครอง”ตามใบกิจกรรมสำหรับครู เร่ือง “การเมืองการปกครอง” พร้อมท้ังให้ผู้เรียนร่วมปฏิบัติในการสาธิตของครูด้วย ท้ังน้ีเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยให้ผู้เรียนตั้งประเด็นข้อสงสัย หรือส่ิงท่ี ต้องการเรยี นรู้ในกระบวนการของการสาธติ และเชอื่ มโยงส่กู ารนำไปใช้ในชวี ิตจริงของผเู้ รียนตอ่ ไป 5. ครแู ละผูเ้ รยี นอภิปรายและสรปุ ผลการเรยี นรู้รว่ มกนั ข้นั ตอนท่ี 3 การสะทอ้ นความคิดจากการเรยี นรู้ (Reflection : R) 1. แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 4 - 8 คน ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มลงมือปฏิบัติจริง โดยผู้เรียนแต่ละกลุ่มวางแผนและดำเนินการเกี่ยวกับ การนำเสนอ เร่ือง “การเมืองการปกครอง” ตามใบกิจกรรมของผู้เรียน เรื่อง “การเมืองการปกครอง”ทั้งนี้ ครูเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ให้กับ ผเู้ รียนในการนำเสนอ เร่ือง “การเมอื งการปกครอง” ตามใบกจิ กรรมสำหรับครู เรื่อง “การเมอื งการปกครอง” 2. ให้ผู้เรียนแต่ละกลมุ่ ตามข้อ 2 ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตามใบกิจกรรม เร่ือง “การเมอื งการปกครอง” ทัง้ น้ี ครูจะต้องกำกบั การปฏบิ ตั กิ จิ กรรมของผู้เรียนจนกจิ กรรมแลว้ เสรจ็ ตามใบกจิ กรรมสำหรับครู เรือ่ ง “การเมอื งการปกครอง” 3. ให้ผเู้ รียนแตล่ ะกลุ่มนำเสนอผลการศกึ ษา เร่ือง “การเมืองการปกครอง” ตามใบกิจกรรมของผู้เรียน 4. ครูใหผ้ ้เู รียนสะทอ้ นความคดิ ในการเรียนรู้ทีไ่ ดจ้ ากการเรยี นรแู้ ละการปฏบิ ตั ิการ จากขนั้ ตอนท่ี 1 ถึง ขั้นตอนท่ี 3 น้ี 5. ครแู ละผเู้ รยี นอภิปรายและสรปุ ผลการเรียนรูร้ ว่ มกนั ข้ันตอนท่ี 4 การติดตามประเมนิ และแก้ไข (Action : A) 1. ครูสนทนากับผู้เรียนเก่ียวกับเร่ืองท่ีได้เรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้นี้ โดยครูสุ่มผู้เรียนตามความสมัครใจจำนวน 2 – 3 คน ให้ ตอบคำถามในประเดน็ ตอ่ ไปน้ี ประเดน็ “ท่านจะนำความรเู้ รอื่ ง การเมอื งการปกครอง ไปประยุกตใ์ ชใ้ นการแกป้ ญั หาหรือไปใชป้ ระโยชนใ์ นชวี ิตจรงิ ไดอ้ ย่างไร” แนวคำตอบ ผู้เรียนสามารถนำความรทู้ ่ีได้รับจากการเรียนรู้เร่ือง การเมืองการปกครอง ไปประยุกต์ใช้ในชวี ิตจริงได้ เชน่ การรู้เร่อื งการ ประพฤติปฏบิ ตั ติ นตามบทบาทหน้าท่ีของประชาชนชาวไทยท่รี ฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทยไดก้ ำหนดไว้ เปน็ ตน้ 2. ครูและผู้เรียนอภิปรายและสรุปผลการเรียนรู้ร่วมกัน ตาม PowerPoint สำหรับครู เรื่อง การสรุปผลการเรียนรู้ “การเมืองการ ปกครอง” เพอ่ื เปน็ การสรปุ ภาพรวมของกิจกรรมการเรียนรู้ ซง่ึ จะทำให้ผู้เรียนเกิดความเขา้ ใจในกจิ กรรมการเรยี นรู้มากยิ่งขึ้น 3. ให้ผ้เู รยี นทำแบบทดสอบหลงั เรียน เรื่อง “การเมืองการปกครอง” จำนวน 10 ข้อ โดยใช้เวลา 10 นาที 4. ครูและผเู้ รยี นสรุปภาพรวมส่งิ ที่ไดเ้ รียนรู้รว่ มกัน นอกจากน้ี ในตอนท้ายของการพบกลุ่ม หลังจากเสร็จสิ้นขัน้ ตอนที่ 3 ครกู ารมอบหมายงานใหเ้ รยี นร้ดู ้วยตนเอง รายละเอยี ดดงั นี้ การมอบหมายงานใหเ้ รยี นรดู้ ว้ ยตนเอง
1. ครชู ้ีแจงใหผ้ ู้เรียนทราบวา่ ในการพบกลุ่มแตล่ ะครงั้ ผู้เรียนจะได้รับมอบหมายงานให้ไปเรียนรู้ด้วยวิธีเรียนร้ดู ้วยตนเองในลักษณะท่ีครู จะมอบหมายงานให้ผู้เรียนไปศึกษา “หนังสือเรียนรายวิชาสังคมศึกษา สค11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) เรื่อง การเมืองการปกครอง หน้า 91 – 102 ท้ังภาคทฤษฎีและปฏิบัติ โดยให้ศึกษาเนื้อหาและปฏิบัติกิจกรรมท้ายเร่ือง รายละเอียดของเนอ้ื หา แบ่งออกเปน็ 2 ส่วน ดังน้ี ส่วนที่ 1 เนอื้ หาการเรยี นรูต้ ามแผนการจดั การเรียนรู้ครงั้ นี้ ส่วนท่ี 2 เนอ้ื หาการเรียนรู้เพม่ิ เติมในหนังสอื เรียนเรยี นดงั กลา่ ว 2. ครูมอบหมายงานให้ผเู้ รียนเรยี นร้ดู ้วยตนเอง โดยให้ไปศึกษา “หนังสือเรียนรายวชิ าสงั คมศึกษา สค11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับ ปรับปรุง พ.ศ. 2560)” รายละเอยี ดของกจิ กรรมทผ่ี ้เู รียนจะตอ้ งปฏบิ ัติ แบ่งออกเปน็ 2 สว่ น ดังน้ี ส่วนท่ี 1 เน้ือหาการเรียนรตู้ ามแผนการจัดการเรยี นรู้ครั้งน้ี ไดแ้ ก่ หนังสือเรียนรายวิชาสังคมศึกษา สค11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) เรื่อง ความหมายความสําคัญของ การเมืองการปกครอง หน้า 92 - 94 ส่วนที่ 2 มอบหมายงานให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง ซึ่งเนื้อหาการเรียนรู้เพิ่มเติมใน “หนังสือเรียนรายวิชาสังคมศึกษา สค11001 ระดับ ประถมศึกษา (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560)” ได้แก่ 1) หนงั สือเรียนรายวิชาสังคมศกึ ษา สค11001 ระดบั ประถมศกึ ษา (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ.2560) เร่ือง โครงสรางการบรหิ ารราชการแผนดนิ หนา้ 95 – 98 (กิจกรรมทา้ ยเร่ืองในหนงั สือเรยี น หนา้ 98) 2) หนงั สอื เรยี นรายวิชาสังคมศกึ ษา สค11001 ระดบั ประถมศกึ ษา (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ.2560) เรอื่ ง ความสัมพันธระหวางอาํ นาจนิติบญั ญัติ อาํ นาจบริหาร และอํานาจตุลาการระบบการเมอื งการปกครองของไทยในปจจุบัน หนา้ 98 – 100 3) หนังสอื เรียนรายวิชาสงั คมศกึ ษา สค11001 ระดบั ประถมศึกษา (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ.2560) เรือ่ ง การมสี วนรวมทางการเมอื งการปกครองในระดับทองถ่นิ ระดบั ประเทศ หนา้ 100 – 102 (กิจกรรมท้ายเรื่องในหนังสือเรยี น หนา้ 102) หลังจากนั้น ครูและผู้เรียนมีการนัดหมายทบทวน ตรวจสอบ และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ผ่านทางส่ืออิเล็กทรอนิกส์ ตอ่ ไป หมายเหตุ : ใหผ้ ู้เรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมดว้ ยตนเอง ซึ่งการให้ผู้เรยี นลงมือปฏิบัติกจิ กรรมดว้ ยตนเองนัน้ อาจมีความแตกต่างกัน บ้างในขั้นตอน โดยพจิ ารณาจากพื้นฐานของผู้เรียน ในกรณีที่ผเู้ รียนมีพื้นฐานน้อยหรือไมม่ ีพื้นฐานมากอ่ นก็ควรจัดการเรียนรพู้ ื้นฐานท่ีจำเป็นและ พอเพียงกับผู้เรียน หลังจากน้ันให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติด้วยตนเองในช่วงระยะหน่ึงแล้วจึงค่อยให้ผู้เรียนคิดหัวข้อท่ีอยากจะทำ หรือถ้า ผู้เรียนมีพ้ืน ความรู้มาก่อนแล้ว ใหค้ ดิ หวั ข้อท่สี นใจจะทำและให้ลงมอื ปฏิบตั ไิ ด้ สือ่ วสั ดุ อปุ กรณ์ และแหลง่ การเรยี นรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรียน เรื่อง “การเมืองการปกครอง” 2. ใบความรสู้ ำหรบั ผ้เู รียน เรอ่ื ง “การเมอื งการปกครอง” 3. คลิปวิดีโอ เรอื่ ง“รัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย” จาก https://www.youtube.com/watch?v=elZCrKt3zqE 4. ใบความรสู้ ำหรับครู เรอ่ื ง “การเมืองการปกครอง” 5. ใบกจิ กรรมสำหรบั ครู เรื่อง “การเมืองการปกครอง” 6. ใบกจิ กรรมของผู้เรียน เร่ือง “การเมืองการปกครอง” 7. PowerPoint สำหรับครู เร่อื ง การสรุปผลการเรียนรู้ “การเมืองการปกครอง” 8. บทสรุปประกอบ PowerPoint สำหรบั ครู เร่ือง การสรุปผลการเรียนรู้ “การเมืองการปกครอง” 9. แบบทดสอบหลงั เรยี น เรื่อง “การเมืองการปกครอง” 10. แบบประเมินความพึงพอใจสำหรบั ผ้เู รียนในการเข้ารว่ มกจิ กรรมการเรียนรู้ เร่ือง“การเมืองการปกครอง”
การวดั และประเมินผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมการมีสว่ นรว่ ม ความต้งั ใจ และความสนใจของผู้เรียน 2. ผลการทดสอบกอ่ นและหลงั เรียน 3. ผลการออกแบบและสร้างสรรคน์ วตั กรรมและส่งิ ทต่ี ้องการพัฒนา/ชิ้นงาน/ผลงาน 4. ผลการประเมนิ ความพึงพอใจของผู้เรียน บันทึกผลหลังการจัดกระบวนการเรยี นรู้ ผลการใชแ้ ผนการจดั กระบวนการเรยี นรู้ 1. จำนวนเนอื้ หากบั จำนวนเวลา เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบเุ หตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………............ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………............ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………............ 2. การเรยี งลำดับเนอ้ื หากับความเขา้ ใจของผ้เู รียน เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบเุ หตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………............ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………............ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………............ 3. การนำเขา้ สู่บทเรียนกบั เนอื้ หาแตล่ ะหวั ขอ้ เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………............ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………............ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………............ 4. วธิ ีการจัดกิจกรรมการเรยี นรูก้ ับเน้อื หาในแต่ละขอ้ เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตผุ ล………………………………………………………………………………………………………………………………............ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………............ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………............
5. การประเมินผลกบั ตัวชว้ี ัดในแตล่ ะเนอื้ หา เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบเุ หตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………............ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………............ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………............ ผลการเรยี นรขู้ องผเู้ รียน ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….............. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….............................................. .... ผลการจดั กระบวนการเรยี นร้ขู องครู ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….............. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….............. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….............................................. .... ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………… รายละเอียดสอ่ื วัสดุ อปุ กรณ์ และแหลง่ การเรยี นรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรยี น เรื่อง “การเมอื งการปกครอง” 2. ใบความรูส้ ำหรบั ผู้เรียน เรอื่ ง “การเมืองการปกครอง” 3. คลปิ วิดโี อ เร่อื ง“รฐั ธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจกั รไทย” จาก https://www.youtube.com/watch?v=elZCrKt3zqE
4. ใบความรสู้ ำหรบั ครู เรื่อง “การเมอื งการปกครอง” การปกครอง” 5. ใบกจิ กรรมสำหรับครู เร่อื ง “การเมืองการปกครอง” 6. ใบกจิ กรรมของผเู้ รยี น เรอ่ื ง “การเมืองการปกครอง” 7. PowerPoint สำหรบั ครู เร่อื ง การสรปุ ผลการเรียนรู้ “การเมอื งการปกครอง” 8. บทสรปุ ประกอบ PowerPoint สำหรับครู เร่อื ง การสรปุ ผลการเรยี นรู้ “การเมอื งการปกครอง” 9. แบบทดสอบหลังเรียน เร่อื ง “การเมอื งการปกครอง” 10. แบบประเมนิ ความพงึ พอใจสำหรบั ผเู้ รยี นในการเขา้ ร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ เรอื่ ง“การเมอื ง
แบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรอื่ ง การเมอื งการปกครอง คำช้แี จง แบบทดสอบก่อนเรยี น มีจำนวนทง้ั หมด 10 ข้อ แบ่งออกเปน็ 2 ตอน ประกอบด้วย ตอนที่ 1 แบบปรนยั จำนวน 5 ขอ้ ตอนที่ 2 แบบเลือกตอบถูกผดิ จำนวน 5 ข้อ ตอนท่ี 1 แบบปรนัย จำนวน 5 ขอ้ คำสง่ั จงทำเคร่ืองหมายกากบาท (X) หนา้ ข้อที่ถูกต้องท่สี ุด เพยี งข้อเดยี ว 1. ข้อใดเปน็ หน่วยงานย่อยที่สุดตามระเบียบการบริหารราชการส่วนกลาง ก. ทบวง ข. กอง ค. กรม ง. ฝ่าย 2. ใครเป็นผู้มีหน้าท่ีบรหิ ารกิจการเมอื งพัทยา ข. สภาเมอื งพัทยา ก. ปลัดเมืองพทั ยา ง. ปลัดกระทรวงมหาดไทย ค. นายกเมอื งพัทยา 3. ประเทศไทยมีการปกครองระบอบใด ข. เผดจ็ การ ก. สังคมนยิ ม ง. สาธารณรฐั ค. ประชาธปิ ไตย 4. อํานาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย หมายถงึ ข้อใด ก. ชนช้ันสูงมีอํานาจในการปกครอง ข. ประชาชนที่มีการศกึ ษาช่วยกนั ปกครอง ค. ประชาชนทกุ คนมสี ่วนร่วมในการปกครอง ง. อาํ นาจในการปกครองอยู่ท่ีบุคคลทมี่ ีความรู้ 5. การใช้อาํ นาจในการปกครองประเทศไทยอยูภายใตก้ รอบทกี่ ําหนดไว้ของส่ิงใด ก. กฎหมาย ข. รฐั ธรรมนญู ค. ความต้องการของรฐั ง. ความต้องการของประชาชน เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน (ตอนที่ 1) 1. ข 2. ค 3. ค 4. ค 5. ข ตอนท่ี 2 แบบเลอื กตอบถกู ผดิ จำนวน 5 ขอ้ คำสง่ั จงทำเครอ่ื งหมายถูก (✓) หน้าขอ้ ท่ีถูก และทำเครื่องหมายผดิ (X) หน้าข้อท่ผี ิด ............1. การบริหารราชการแผ่นดิน เป็นอาํ นาจหน้าทีข่ องรฐั บาล (นายกรัฐมนตรีและคณะรฐั มนตร)ี
............2. การบรหิ ารราชการสว่ นกลาง ได้แก การกาํ กับดูแลสํานกั นายกรฐั มนตรี กระทรวง ทบวง............3. การบรหิ ารราชการส่วน ภูมิภาค ได้แก จงั หวดั และอําเภอ โดยจังหวดั และอาํ เภอ รับคําส่งั จากสว่ นกลาง คือ กระทรวง ทบวง กรม ............4. การบริหารราชการส่วนท้องถน่ิ ไดแก องค์การบริหารส่วนจงั หวัด เทศบาล องค์การบริหารส่วนตาํ บล กรุงเทพมหานคร เมอื ง พทั ยา ............5. ปจจุบันประเทศไทยมอี งคการบรหิ ารสวนจังหวดั 77 แหง เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น (ตอนที่ 2) 1. ✓ 2. X 3. ✓ 4. ✓ 5. X ใบความรู้สำหรบั ผเู้ รียน เรือ่ ง การเมอื งการปกครอง ความเป็นมาของรฐั ธรรมนูญ ให้ความเห็นชอบ รฐั ธรรมนญู เป็นกฎหมายสงู สดุ หรอื เป็นกฎหมายหลักของประเทศทอี่ อกโดยฝ่ายนิติบญั ญัติ คอื รฐั สภาอันประกอบด้วย ตวั แทนของประชาชน ดังนน้ั รัฐธรรมนญู จงึ เป็นกฎหมายทปี่ ระชาชนส่วนใหญ่ ความสําคญั
รฐั ธรรมนูญเป็นกฎหมายหลักทส่ี ําคญั ทีส่ ุด เป็นเสมอื นกฎหมายหรือกติกาท่ีประชาชนในสังคมยอมรบั ให้เป็นหลักในการปกครองและการ บริหารประเทศ ซง่ึ การออกกฎหมายใด ๆ ต้องยอมดําเนินการภายในกรอบของบทบญั ญัติในรฐั ธรรมนญู กฎหมายใดทขี่ ดั แย้งต่อรัฐธรรมนูญจะไม่ สามารถใชบ้ ังคบั ได้ สาเหตทุ ม่ี ีรัฐธรรมนูญในประเทศไทย สาเหตุท่ีสําคัญมาจากการที่ประเทศไทยเกิดการเปล่ียนแปลงทางการป กครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบ ประชาธิปไตย ซึ่งเรมิ่ มแี นวคดิ มาตั้งแต่รัชกาลท่ี 6 โดยกลุมบคุ คล ท่ีเรียกตนเองวา “คณะราษฎร” ประกอบด้วย ขาราชการ ทหาร พลเรือน ได้เข ายึดอาํ นาจการปกครอง พระบาทสมเดจ็ พระปกเกล้าเจ้าอยู่หวั จงึ ไดท้ รงลงพระปรมาภไิ ธยในร่างรัฐธรรมนญู การปกครองแผ่นดินฉบับ- ชั่วคราว ที่คณะราษฎรไดเตรียมไว นับว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกของไทย เม่ือวันท่ี 10 ธันวาคม 2475 ถือได้ว่าประเทศไทยมีการ เปลี่ ยน แปล งการป กครองจ ากระบอบส มบู รณ าญ าสิทธิราชย มาเป็ น การป กครองระบ อบป ระชาธิป ไตยนั บแต่ น้ั นมาจน ถึงปั จจุบั นได้ มี การ เปลี่ยนแปลง แก้ไข และประกาศใชรัฐธรรมนูญการปกครองหลายฉบับเพอื่ ให้เหมาะสม สอดคลองกบั สภาวการณ์บ้านเมอื งท่ีผันแปรเปล่ียนในแต่ ละยุคสมยั โดยมีสาระสําคัญเหมือนกัน คือ ยึดมนั่ ในหลักการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมพี ระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข จะ มีเนื้อหาแตกต่างกันก็เพ่ือให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ของบ้านเมืองในขณะนั้น ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญมาแล้วจํานวน 18 ฉบับ และปัจจุบันใช้ รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 หลักการสาํ คัญของรฐั ธรรมนญู แห่งราชอาณาจักรไทย พทุ ธศกั ราช 2550 รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีหลักการและเจตนารมณ์ที่จะธาํ รงรักษาไวซง่ึ เอกราชและความม่ันคง ของชาติ เทดิ ทนู พระมหากษตั ริย ซึ่ง หลกั การสําคญั ของรัฐธรรมนญู พ.ศ. 2550 ได้ระบไุ วใ้ นหมวด 1 บททั่วไป สรปุ ไดด้ ังนี้ ประเทศไทย เป็นราชอาณาจักรอันหน่ึงอันเดียว จะแบ่งแยกมิได มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริยทรงเป็ นประมุข อํานาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาพของบุคคลต้องได้รับความคุ้มครอง ประชาชนชาวไทยทุกคน ไมแ่ ยกเพศ ศาสนา และย่อมได้รบั ความคุ้มครองเท่าเทยี มกนั โครงสร้างของรัฐธรรมนูญ รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศกั ราช 2550 แบ่งโครงสร้างออกเป็น 15 หมวด และมี บทเฉพาะกาล สรุปสาระสาํ คัญแต่ละหมวด ดงั นี้ หมวด 1 บททั่วไป ประเทศไทย เป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้ มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริยทรงเป็ นประมขุ พระมหากษัตริยทรงใช้อํานาจทางรฐั สภา คณะรัฐมนตรีและศาล หมวด 2 พระมหากษัตริย์ ทรงอยู่ในฐานะอันเป็นทีเ่ คารพ ผู้ใดจะละเมดิ มิได ทรงเลอื กและแต่งต้ังประธานองคมนตรีและองคมนตรีไม่เกิน 18 คน หมวด 3 สทิ ธิและเสรภี าพของชนชาวไทย การใช้อํานาจโดยองค์กรของรัฐ ต้องคาํ นึงถึงศักด์ิศรีความเป็นมนษุ ย์ สิทธแิ ละเสรีภาพของบุคคล ทง้ั ดา้ นการประกอบอาชีพ การ สื่อสาร การแสดงความคดิ เห็น ความเป็นธรรมด้านการศกึ ษา การสาธารณสขุ และสวัสดิการของรฐั เสรภี าพในการชุมชนทไ่ี ม่ละเมดิ สทิ ธผิ ู้อืน่ และ กฎหมาย หมวด 4 หน้าทขี่ องชนชาวไทย บคุ คลมีหนาที่พิทักษรักษาชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ และการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย อันมีพระมหากษัตริยทรงเปน็ ประมุข และมีหน้าท่ีป้องกนั รกั ษาผลประโยชนข์ องชาติ ปฏบิ ตั ิตามกฎหมายโดยเฉพาะหน้าท่ีไปใช้สิทธิเลือกตง้ั
หมวด 5 แนวนโยบายพ้นื ฐานแห่งรัฐ เน้นให้ประชาชนมีส่วนร่วม การกระจายอํานาจ การดําเนินงาน มุ๋งเน็นการพัฒนาคุณภาพ คุณธรรม มีประสิทธิภาพ โปร่งใสให้ความ คมุ้ ครองและพฒั นาเดก็ เยาวชน ส่งเสริมความรู้รกั สามัคคี หมวด 6 รัฐสภา รัฐสภามีหน้าที่บัญญัติกฎหมายและควบคุมการปฏิบัติงานของฝ่ายบริหาร ประกอบด้วย 2 สภา คือ สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และ วุฒสิ ภา (ส.ว.) หมวด 7 การมีส่วนร่วมทางการเมอื งโดยตรงของประชาชน ประชาชนมีผู้มีสิทธิเลือกตง้ั มีสทิ ธเิ ข้าช่อื ร้องขอตอ่ วุฒสิ ภาให้ถอดถอนบุคคลออกจาก ตาํ แหนง่ ไดเ้ พราะมีสิทธิออกเสียงประชามติ หมวด 8 การเงนิ การคลัง และงบประมาณ เพ่ือกําหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการจัดหารายได้ การกําหนดรายจ่าย การก่อหน้ีหรือการดําเนิน การท่ีผูกพันทรพั ย์สินของรัฐ หลักเกณฑ์การกําหนดวงเงินสาํ รองจ่าย เพ่ือกรณีฉุกเฉินหรอื จาํ เป็น ซึ่งเป็น กรอบในการกํากับการใช้จ่ายเงนิ ตามแนวทางการรักษาวินัยการเงิน การคลังและรักษาเสถียรภาพ ทางเศรษฐกิจอย่างยง่ั ยนื และเปน็ แนวทางในการจดั ทาํ งบประมาณรายจ่ายของแผ่นดนิ หมวด 9 คณะรฐั มนตรี รัฐธรรมนญู กําหนดให้มนี ายกรัฐมนตรี 1 คน และมรี ัฐมนตรีอน่ื อีกไมเกนิ 35 คน โดยไดรับการแตง่ ตัง้ จากพระมหากษตั ริย์ หมวด 10 ศาล กาํ หนดให้ศาลหรืออํานาจตุลาการ แบ่งเปน็ ทว่ั ไป ศาลรฐั ธรรมนูญ ศาลยตุ ธิ รรม ศาลปกครอง ศาลทหาร หมวด 11 องค์กรตามรฐั ธรรมนูญ กาํ หนดให้มีองค์กรทจ่ี ะดําเนินการตรวจสอบ ตดิ ตามการทํางานของบคุ คล คณะบุคคล และ หนว่ ยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชน ดังนี้ 1. องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย คณะกรรมการการเลือกต้ัง ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และคณะกรรมการตรวจเงนิ แผ่นดิน 2. องค์กรอันตามรฐั ธรรมนูญ ประกอบด้วย องคก์ รอัยการ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแหง่ ชาติ และสภาท่ีปรกึ ษาเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ หมวด 12 การตรวจสอบการใช้อาํ นาจรฐั กําหนดให้มีการตรวจสอบข้าราชการประจาํ และข้าราชการการเมือง หมวด 13 จริยธรรมของผู้ดาํ รงตาํ แหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าทขี่ องรฐั การพจิ ารณา สรรหา แต่งตัง้ บคุ คลเข้าสู่ตาํ แหน่ง ตอ้ งเป็นไปตามระบบคุณธรรมและคาํ นงึ ถึง พฤติกรรมทางจริยธรรมด้วย หมวด 14 การปกครองส่วนทองถนิ่ ใหความเปน็ อิสระแก่องคก์ รปกครองส่วนท้องถนิ่ มีสภาท้องถิ่นในการบริหารงานเน้น การกระจายอาํ นาจ ใหก้ ารสนับสนุน กําหนดนโยบายการบรหิ าร หมวด 15 การแก้ไขเพ่ิมเติมรัฐธรรมนญู มีการแกไ้ ขเพ่ิมเตมิ ได แตห่ า้ มแก้ไขท่มี ีผลต่อการเปลยี่ นแปลงการปกครองระบอบประชาธปิ ไตย อนั มีพระมหากษตั ริย์ทรงเปน็ ประมขุ หรอื เปลี่ยนแปลงรปู ของรัฐ บทเฉพาะกาล ให้องคมนตรดี ํารงตําแหน่งอยู่ในวันประกาศใช้รฐั ธรรมนูญ
ใบความรสู้ ำหรับครู ให้ความเห็นชอบ เรอ่ื ง การเมอื งการปกครอง ความเป็นมาของรฐั ธรรมนูญ รฐั ธรรมนูญ เป็นกฎหมายสูงสุดหรอื เป็นกฎหมายหลักของประเทศทีอ่ อกโดยฝ่ายนิติบัญญตั ิ คอื รฐั สภาอันประกอบด้วย ตวั แทนของประชาชน ดังนั้น รัฐธรรมนญู จึงเป็นกฎหมายทปี่ ระชาชนส่วนใหญ่ ความสาํ คัญ รฐั ธรรมนูญเป็นกฎหมายหลักทีส่ ําคญั ท่สี ุด เป็นเสมือนกฎหมายหรือกติกาท่ีประชาชนในสังคมยอมรบั ให้เป็นหลักในการปกครองและการ บรหิ ารประเทศ ซึง่ การออกกฎหมายใด ๆ ต้องยอมดาํ เนินการภายในกรอบของบทบัญญัตใิ นรัฐธรรมนญู กฎหมายใดทข่ี ดั แย้งต่อรัฐธรรมนญู จะไม่ สามารถใช้บงั คบั ได้ สาเหตุท่ีมีรัฐธรรมนูญในประเทศไทย สาเหตุท่ีสําคัญมาจากการท่ีประเทศไทยเกิดการเปล่ียนแปล งทางการป กครองจากระบอบสมบูรณ าญ าสิทธิราชย์ มาเป็ นระบอบ ประชาธิปไตย ซึ่งเรม่ิ มแี นวคดิ มาตั้งแต่รัชกาลที่ 6 โดยกลุมบคุ คล ทเี่ รยี กตนเองวา “คณะราษฎร” ประกอบด้วย ขาราชการ ทหาร พลเรอื น ได้เข ายึดอาํ นาจการปกครอง พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หวั จงึ ไดท้ รงลงพระปรมาภิไธยในร่างรัฐธรรมนูญการปกครองแผ่นดนิ ฉบบั - ชั่วคราว ที่คณะราษฎรไดเตรียมไว นับว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับแรกของไทย เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2475 ถือได้ว่าประเทศไทยมีการ เปล่ียนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณ าญ าสิทธิราชย มาเป็นการปกครองระบอบประชาธิปไตยนับแต่ น้ันมาจนถึงปั จจุบันได้มีการ เปล่ียนแปลง แก้ไข และประกาศใชรฐั ธรรมนูญการปกครองหลายฉบับเพื่อให้เหมาะสม สอดคลองกบั สภาวการณ์บ้านเมืองท่ีผนั แปรเปลยี่ นในแต่ ละยุคสมยั โดยมีสาระสําคัญเหมือนกัน คือ ยึดม่ันในหลักการปกครองระบอบประชาธปิ ไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข จะ มีเนื้อหาแตกต่างกันก็เพื่อให้เหมาะสมกับสภาวการณ์ของบ้านเมืองในขณะน้ัน ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญมาแล้วจํานวน 18 ฉบับ และปัจจุบันใช้ รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช 2550 หลกั การสาํ คญั ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจกั รไทย พทุ ธศักราช 2550 รัฐธรรมนูญฉบบั ปัจจบุ ันมีหลักการและเจตนารมณ์ที่จะธํารงรักษาไวซ่งึ เอกราชและความม่ันคง ของชาติ เทิดทูนพระมหากษัตรยิ ซ่ึง หลักการสาํ คัญของรฐั ธรรมนญู พ.ศ. 2550 ได้ระบุไวใ้ นหมวด 1 บททว่ั ไป สรุปไดด้ งั น้ี ประเทศไทย เป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริยทรงเป็ นประมุข อํานาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย ศักด์ิศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาพของบุคคลต้องได้รับความคุ้มครอง ประชาชนชาวไทยทุกคน ไมแ่ ยกเพศ ศาสนา และย่อมได้รับความคุ้มครองเท่าเทยี มกัน
โครงสร้างของรฐั ธรรมนญู รฐั ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช 2550 แบ่งโครงสร้างออกเป็น 15 หมวด และมี บทเฉพาะกาล สรุปสาระสาํ คญั แต่ละหมวด ดังน้ี หมวด 1 บทท่วั ไป ประเทศไทย เป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้ มีการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริยทรงเป็ นประมุข พระมหากษัตริยทรงใช้อํานาจทางรฐั สภา คณะรัฐมนตรีและศาล หมวด 2 พระมหากษัตรยิ ์ ทรงอยู่ในฐานะอันเป็นท่ีเคารพ ผู้ใดจะละเมดิ มิได ทรงเลือกและแตง่ ต้งั ประธานองคมนตรีและองคมนตรีไม่เกนิ 18 คน หมวด 3 สิทธแิ ละเสรีภาพของชนชาวไทย การใช้อํานาจโดยองค์กรของรัฐ ต้องคาํ นึงถึงศักด์ิศรีความเป็นมนษุ ย์ สทิ ธแิ ละเสรีภาพของบุคคล ท้ังดา้ นการประกอบอาชีพ การ ส่อื สาร การแสดงความคดิ เห็น ความเป็นธรรมด้านการศึกษา การสาธารณสขุ และสวสั ดิการของรัฐ เสรภี าพในการชุมชนที่ไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่นและ กฎหมาย หมวด 4 หน้าทีข่ องชนชาวไทย บคุ คลมีหนาท่ีพิทักษรักษาชาติ ศาสนา พระมหากษตั รยิ และการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริยทรงเปน็ ประมุข และมีหน้าทป่ี ้องกันรักษาผลประโยชนข์ องชาติ ปฏบิ ตั ิตามกฎหมายโดยเฉพาะหน้าทไ่ี ปใช้สิทธิเลอื กตั้ง หมวด 5 แนวนโยบายพ้ืนฐานแห่งรฐั เน้นให้ประชาชนมีส่วนร่วม การกระจายอํานาจ การดําเนินงาน มุ๋งเน็นการพัฒนาคุณภาพ คุณธรรม มีประสิทธิภาพ โปร่งใสให้ความ คมุ้ ครองและพัฒนาเด็ก เยาวชน ส่งเสริมความรู้รกั สามัคคี หมวด 6 รฐั สภา รัฐสภามีหน้าท่ีบัญญัติกฎหมายและควบคุมการปฏิบัติงานของฝ่ายบริหาร ประกอบด้วย 2 สภา คือ สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และ วุฒิสภา (ส.ว.) หมวด 7 การมีส่วนร่วมทางการเมอื งโดยตรงของประชาชน ประชาชนมีผู้มีสิทธิเลอื กต้งั มีสทิ ธเิ ข้าชอ่ื รอ้ งขอตอ่ วฒุ ิสภาให้ถอดถอนบคุ คลออกจาก ตาํ แหนง่ ไดเ้ พราะมีสทิ ธอิ อกเสยี งประชามติ หมวด 8 การเงนิ การคลัง และงบประมาณ เพ่ือกาํ หนดหลกั เกณฑ์เกี่ยวกับการจัดหารายได้ การกําหนดรายจ่าย การก่อหน้หี รือการดําเนิน การที่ผูกพันทรพั ย์สินของรัฐ หลักเกณฑ์การกําหนดวงเงนิ สํารองจ่าย เพื่อกรณฉี ุกเฉินหรือจาํ เป็น ซ่ึงเป็น กรอบในการกํากับการใช้จ่ายเงินตามแนวทางการรักษาวินยั การเงิน การคลังและรักษาเสถยี รภาพ ทางเศรษฐกิจอย่างย่งั ยืนและเปน็ แนวทางในการจดั ทํางบประมาณรายจ่ายของแผ่นดนิ หมวด 9 คณะรัฐมนตรี รัฐธรรมนญู กําหนดให้มีนายกรฐั มนตรี 1 คน และมีรัฐมนตรอี น่ื อีกไมเกิน 35 คน โดยไดรบั การแตง่ ตัง้ จากพระมหากษตั รยิ ์ หมวด 10 ศาล กําหนดให้ศาลหรืออาํ นาจตุลาการ แบ่งเปน็ ทวั่ ไป ศาลรฐั ธรรมนญู ศาลยตุ ิธรรม ศาลปกครอง ศาลทหาร หมวด 11 องค์กรตามรัฐธรรมนูญ กําหนดให้มีองค์กรท่จี ะดาํ เนินการตรวจสอบ ตดิ ตามการทํางานของบุคคล คณะบุคคล และ หนว่ ยงาน ทงั้ ภาครฐั และเอกชน ดงั นี้ 1. องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนญู ประกอบด้วย คณะกรรมการการเลือกต้ัง ผู้ตรวจการแผ่นดิน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ และคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
2. องค์กรอนั ตามรฐั ธรรมนูญ ประกอบด้วย องคก์ รอยั การ คณะกรรมการสทิ ธมิ นุษยชนแหง่ ชาติ และสภาท่ีปรกึ ษาเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ หมวด 12 การตรวจสอบการใช้อํานาจรฐั กาํ หนดให้มีการตรวจสอบข้าราชการประจาํ และขา้ ราชการการเมือง หมวด 13 จริยธรรมของผู้ดาํ รงตําแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าทขี่ องรัฐ การพจิ ารณา สรรหา แต่งต้ังบุคคลเข้าสู่ตาํ แหน่ง ตอ้ งเป็นไปตามระบบคุณธรรมและคาํ นึงถึง พฤติกรรมทางจริยธรรมด้วย หมวด 14 การปกครองส่วนทองถ่นิ ใหความเปน็ อสิ ระแก่องคก์ รปกครองส่วนท้องถิน่ มสี ภาท้องถิน่ ในการบริหารงานเนน้ การกระจายอาํ นาจ ใหก้ ารสนับสนุน กาํ หนดนโยบายการบริหาร หมวด 15 การแก้ไขเพิม่ เติมรัฐธรรมนูญ มกี ารแกไ้ ขเพิ่มเติมได แตห่ า้ มแก้ไขท่มี ีผลต่อการเปลย่ี นแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเปน็ ประมุข หรือเปลย่ี นแปลงรปู ของรัฐ บทเฉพาะกาล ให้องคมนตรดี ํารงตําแหน่งอยู่ในวนั ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ ใบกจิ กรรมสำหรับครู เรอ่ื ง การเมืองการปกครอง คำชแ้ี จง ให้ครดู ำเนินการ ดงั น้ี 1. อธิบาย เร่ือง “การเมืองการปกครอง” ตามใบกิจกรรมสำหรับครู เร่ือง “การเมืองการปกครอง” พร้อมทั้งให้ผู้เรียนรว่ มปฏิบัติในการ สาธติ ของครูด้วย ทั้งนี้เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยให้ผู้เรียนตั้งประเดน็ ข้อสงสยั หรือสิ่งท่ีต้องการเรยี นรใู้ นกระบวนการของการ สาธติ และเชื่อมโยงสูก่ ารนำไปใช้ในชวี ติ จรงิ ของผู้เรยี นต่อไป 2. แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 5 - 6 คน ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มลงมือปฏิบัติจริง โดยผู้เรียนแต่ละกลุ่มวางแผนและดำเนินการเกี่ยวกับ การศึกษาเร่ือง “การเมืองการปกครอง” ตามใบกิจกรรมของผู้เรียน เร่ือง “การเมืองการปกครอง”ทั้งน้ี ครูเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ ให้กับผเู้ รียนในการศึกษา เรอื่ ง “การเมอื งการปกครอง”ตามใบกจิ กรรมสำหรบั ครู เร่อื ง “การเมอื งการปกครอง”
3. ใหผ้ เู้ รยี นแตล่ ะกลุม่ ตามข้อ 2 ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตามใบกิจกรรม เรื่อง “การเมืองการปกครอง” ท้ังน้ี ครูจะตอ้ งกำกับการปฏบิ ตั ิกิจกรรมของผูเ้ รยี นจนกจิ กรรมแลว้ เสรจ็ ตามใบกิจกรรมสำหรบั ครู เรือ่ ง “การเมอื งการปกครอง” 4. ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการทดลอง เรื่อง “การเมืองการปกครอง” ตามใบกิจกรรมของผูเ้ รียน เรื่อง “การนำเสนอผลการศึกษา การเมืองการปกครอง” 5. ครแู ละผู้เรียนอภิปรายและสรปุ ผลการเรยี นรู้รว่ มกัน ใบกิจกรรมสำหรบั ผ้เู รยี น เรอื่ ง การเมอื งการปกครอง คำชีแ้ จง ใหผ้ ู้เรียนดำเนนิ การ ดงั น้ี 1. ผเู้ รยี นร่วมปฏบิ ตั ใิ นการศึกษา เรอื่ ง “การเมืองการปกครอง” ของครู 2. แบง่ ผู้เรยี นออกเป็นกลมุ่ ๆ ละ 5 - 6 คน ให้ผ้เู รยี นแต่ละกล่มุ ลงมือปฏบิ ัตจิ รงิ โดยผเู้ รียนแต่ละกล่มุ วางแผนและดำเนินการเกี่ยวกบั การศกึ ษา เร่อื ง “การเมืองการปกครอง” 3. ให้ผเู้ รียนแต่ละกลมุ่ ตามข้อ 2 ปฏบิ ัติกิจกรรมตามใบกจิ กรรม เร่ือง “การเมืองการปกครอง” 4. ให้ผู้เรยี นแต่ละกล่มุ นำเสนอผลการศึกษา เร่ือง “การเมืองการปกครอง” 5. ครแู ละผ้เู รยี นอภปิ รายและสรปุ ผลการเรียนรู้รว่ มกัน
การนำเสนอผลการศึกษา เรือ่ ง การเมืองการปกครอง ชื่อกลุ่ม............................................................... โรงเรยี น/สถานศึกษา/หนว่ ยงาน...........................................................จังหวัด..................................... 1. ช่ือ - นามสกุล……………………………………………………………………………………………………………………. 2. ช่ือ - นามสกลุ ……………………………………………………………………………………………………………………. 3. ชือ่ - นามสกุล……………………………………………………………………………………………………………………. 4. ชือ่ - นามสกลุ ……………………………………………………………………………………………………………………. 5. ช่อื - นามสกลุ ……………………………………………………………………………………………………………………. 6. ชอ่ื - นามสกุล……………………………………………………………………………………………………………………. แผนผังความคิด Mind Mapping
แบบทดสอบหลังเรียน เร่อื ง การเมอื งการปกครอง คำช้แี จง แบบทดสอบก่อนเรียน มจี ำนวนทงั้ หมด 10 ข้อ แบง่ ออกเป็น 2 ตอน ประกอบด้วย ตอนที่ 1 แบบปรนัย จำนวน 5 ขอ้ ตอนท่ี 2 แบบเลือกตอบถูกผิด จำนวน 5 ข้อ ตอนท่ี 1 แบบปรนัย จำนวน 5 ข้อ คำส่งั จงทำเครื่องหมายกากบาท (X) หน้าข้อท่ีถกู ต้องท่ีสุด เพยี งข้อเดยี ว 1. ข้อใดเปน็ หน่วยงานย่อยที่สดุ ตามระเบียบการบรหิ ารราชการส่วนกลาง ก. ทบวง ข. กอง ค. กรม ง. ฝ่าย 2. ใครเป็นผู้มีหนา้ ที่บรหิ ารกิจการเมอื งพัทยา ข. สภาเมืองพัทยา ก. ปลัดเมอื งพทั ยา ง. ปลดั กระทรวงมหาดไทย ค. นายกเมอื งพัทยา 3. ประเทศไทยมกี ารปกครองระบอบใด ข. เผด็จการ ก. สงั คมนยิ ม ง. สาธารณรัฐ ค. ประชาธปิ ไตย 4. อาํ นาจอธปิ ไตยเป็นของปวงชนชาวไทย หมายถงึ ข้อใด ก. ชนชนั้ สงู มอี าํ นาจในการปกครอง ข. ประชาชนที่มกี ารศึกษาช่วยกันปกครอง ค. ประชาชนทกุ คนมสี ่วนร่วมในการปกครอง ง. อํานาจในการปกครองอยู่ท่ีบคุ คลทีม่ ีความรู้ 5. การใช้อาํ นาจในการปกครองประเทศไทยอยูภายใตก้ รอบทก่ี าํ หนดไว้ของสิ่งใด
ก. กฎหมาย ข. รฐั ธรรมนญู ค. ความต้องการของรฐั ง. ความต้องการของประชาชน เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น (ตอนท่ี 1) 1. ข 2. ค 3. ค 4. ค 5. ข ตอนท่ี 2 แบบเลอื กตอบถกู ผิด จำนวน 5 ขอ้ คำสงั่ จงทำเคร่ืองหมายถูก (✓) หน้าขอ้ ท่ีถูก และทำเครื่องหมายผดิ (X) หนา้ ข้อทผี่ ดิ ............1. การบรหิ ารราชการแผ่นดนิ เป็นอํานาจหน้าทข่ี องรัฐบาล (นายกรฐั มนตรีและคณะรัฐมนตร)ี ............2. การบริหารราชการส่วนกลาง ได้แก การกํากับดแู ลสาํ นกั นายกรฐั มนตรี กระทรวง ทบวง............3. การบรหิ ารราชการส่วน ภูมิภาค ได้แก จงั หวดั และอําเภอ โดยจังหวัดและอําเภอรับคําสงั่ จากส่วนกลาง คอื กระทรวง ทบวง กรม ............4. การบรหิ ารราชการส่วนทอ้ งถนิ่ ได้แก่ องค์การบริหารสว่ นจังหวัด เทศบาล องค์การบริหารส่วนตาํ บล กรุงเทพมหานคร เมือง พัทยา ............5. ปจจุบันประเทศไทยมอี งคการบริหารสวนจงั หวัด 77 แหง เฉลยแบบทดสอบหลังเรยี น (ตอนที่ 2) 1. ✓ 2. X 3. ✓ 4. ✓ 5. X
PowerPoint สำหรบั ครู เรื่อง การสรุปผลการเรยี นรู้ “การเมืองการปกครอง” PowerPoint สำหรบั ครู
เรือ่ ง การสรุปผลการเรยี นรู้ “การเมอื งการปกครอง” PowerPoint สำหรบั ครู เรื่อง การสรุปผลการเรยี นรู้ “การเมอื งการปกครอง”
วธิ กี ารวดั ผลประเมนิ ผล/เคร่อื งมือ/เกณฑ์การประเมนิ วธิ ีการ เครื่องมือ เกณฑก์ ารประเมิน สงั เกตพฤตกิ รรมรายกลุ่ม แบบสงั เกตพฤติกรรม ผ่านการประเมินระดับดีขึ้นไป รายกลุ่ม ทดสอบหลงั เรียน แบบทดสอบหลงั เรียน ผา่ นการประเมินรอ้ ยละ 70 ข้ึนไป ประเมนิ ผลงาน/ชนิ้ งาน แบบประเมนิ ผลงาน/ช้นิ งาน ผา่ นการประเมินรอ้ ยละ 70 ขึ้นไป
สอบถามความพงึ พอใจ แบบสอบถามความ ผา่ นการประเมินระดับดีขึน้ ไป พงึ พอใจ เกณฑ์การประเมินชน้ิ งาน/ภาระงาน ระดับคะแนน รายการประเมนิ 4 321 1. ความถูกต้อง มคี วามถูกตอ้ งชดั เจน สมบูรณ์ ครบถ้วน ผลงานส่วนใหญ่ถกู ตอ้ ง ผลงาน ผลงาน ครบถว้ น มีความถูกต้องเป็นบางสว่ น มคี วามถูกตอ้ ง เปน็ ส่วนใหญ่ 2. ความสะอาด ผลงานสะอาด เรียบร้อย ผลงานสะอาด เรียบร้อย ผลงาน ผลงาน เรยี บร้อย สวยงาม สวยงาม ไมม่ ีรอยขีดลบ มรี อยขีดลบน้อย บางสว่ น ส่วนใหญ่ ไม่สะอาด ไมส่ ะอาด ไม่เรยี บร้อย ไม่เรยี บรอ้ ย 3.ตรงต่อเวลา สง่ งานตรงเวลา สง่ งานช้ากอ่ นหมดเวลา 10 สง่ งานช้าก่อนหมดเวลา 5 สง่ งานช้า ท่ีกำหนด นาที นาที ตอ้ งมีการ เรง่ และทวง 4.การเชอ่ื มโยงและ คิดแปลกใหม่เช่อื มโยง คิดแปลกใหมเ่ ชื่อมโยง คดิ แปลกใหม่เชอ่ื มโยง คิดแปลกใหมเ่ ชอ่ื มโยง ความคดิ สรา้ งสรรค์ สมั พันธ์ สง่ิ ตา่ ง ๆ ได้ สมั พันธ์ สมั พันธ์ สมั พันธ์ อยา่ งถูกต้อง ส่งิ ต่าง ๆ ได้ สงิ่ ตา่ ง ๆ ได้ ส่ิงตา่ ง ๆ ได้ อย่างถูกต้อง อยา่ งถูกต้อง อยา่ งถูกต้อง เป็นส่วนใหญ่ เป็นบางสว่ น เปน็ สว่ นนอ้ ย
แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรขู้ องผเู้ รยี น ชอื่ โครงการ/กจิ กรรม........................................................................................................................ ช่อื โรงเรียน/สถานศกึ ษา …………………………………………………………………………………………………….. คำชแี้ จง ใหผ้ ปู้ ระเมนิ ทำเครอื่ งหมายถกู () ลงในชอ่ งระดับพฤติกรรมของผู้เรยี น โดยมเี กณฑร์ ะดับคุณภาพการประเมนิ ดังน้ี 5 มีพฤติกรรมการเรยี นรู้ มากทสี่ ดุ 4 มพี ฤติกรรมการเรียนรู้ มาก 3 มีพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ ปานกลาง 2 มพี ฤตกิ รรมการเรยี นรู้ น้อย 1 มีพฤตกิ รรมการเรียนรู้ นอ้ ยท่ีสดุ เกณฑก์ ารพจิ ารณาระดบั คณุ ภาพ คะแนนเฉล่ียร้อยละ 0 - 50 ระดบั คณุ ภาพ ปรบั ปรงุ คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 50 - 69 ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ คะแนนเฉลี่ยรอ้ ยละ 70 – 79 ระดับคณุ ภาพ ดี คะแนนเฉลีย่ ร้อยละ 80 – 89 ระดบั คุณภาพ ดีมาก คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 90 - 100 ระดับคณุ ภาพ ดีเยย่ี ม พฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั พฤตกิ รรม 1 5432 1. ความตัง้ ใจในการทำงาน 2. ความรับผดิ ชอบ 3. ความกระตอื รือร้น 4. การตรงตอ่ เวลา 5. ผลสำเรจ็ ของงาน 6. การทำงานรว่ มกบั ผูอ้ น่ื 7. มคี วามคดิ รเิ ริม่ สรา้ งสรรค์ 8. มีการวางแผนในการทำงาน 9. การมีส่วนรว่ มในการแสดงความคิดเหน็ ในกลุ่ม 10. การมสี ว่ นรว่ มในการแกไ้ ขปญั หาในกล่มุ ลงช่ือ......................................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.............................../.................... แผนการจดั การเรียนรรู้ ายภาค ครัง้ ที่ 15 เรื่อง คุณธรรมและจรยิ ธรรมในการใช้ส่อื สงั คมออนไลน์ (เวลาเรยี น 6 ช่วั โมง) แนวคดิ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370