Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้รายภาค ประถมศึกษา 1-65

แผนการจัดการเรียนรู้รายภาค ประถมศึกษา 1-65

Published by suckseedeua_20325, 2022-08-22 19:29:04

Description: แผนการจัดการเรียนรู้รายภาค ประถมศึกษา 1-65

Search

Read the Text Version

ขัน้ ตอนที่ 2 การนำไปใช้ประโยชน์ (Utilization : U) 1. ครูให้ผู้เรียนแลกเปล่ียนเรียนรู้ โดยแบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ กลุ่มละ 4 – 8 คน ดำเนินกิจกรรม เป็นรายกลุ่ม ศึกษาเนอ้ื หาในหนังสือเรียนรายวิชาสังคมศึกษา สค 11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560 ) เรื่องลักษณะทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทย ลักษณะ ทําเล ที่ตั้งของประเทศไทย หนา้ 5 ถึง 8 ดังน้ี ลกั ษณะทางภูมศิ าสตรก์ ายภาพของประเทศไทย (หนา้ 5 ถึง 8 ) 1) ลกั ษณะทําเลท่ีตัง้ ของประเทศไทย 2) ลกั ษณะภูมิอากาศ ประเทศไทย 3) สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติมีอทิ ธพิ ลต่อการดําเนนิ ชวี ติ ของทอ้ งถิน่ และสง่ ผู้แทนนำเสนอตอ่ กลุ่มใหญ่ ใน 3 ประเดน็ ประเดน็ ท่ี 1 ลักษณะทําเลทตี่ ง้ั ของประเทศไทย ประเด็นท่ี 2 ลักษณะภูมอิ ากาศ ประเทศไทย ประเด็นท่ี 3 ส่ิงแวดล้อมทางธรรมชาติมอี ิทธิพลต่อการดําเนินชีวิตของท้องถิ่นให้แต่ละกลุ่มแลกเปล่ียน เรียนรู้ครูและผู้เรียนสรุปผลการเรียนรู้ร่วมกัน และให้ผู้เรียนสรุปส่ิงท่ีได้เรียนรู้ลงในสมุดบันทึกผลการเรียนรู้ ของตน 2. ครูแนะนำแหล่งเรียนรู้ให้กับผู้เรียนเพื่อใช้เป็นเคร่ืองมือในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง อาทิ ห้องสมุด แหล่งเรียนรู้ในชุมชน หน่วยงาน สถานศึกษาต่าง ๆ รวมท้ังการใช้อินเตอร์เน็ตเพ่ือการเรียนรู้ด้วย ตนเอง เป็นต้น และให้ผู้เรียนเป็นรายบุคคลศึกษาเนื้อหา ใน หนังสือเรียนรายวิชาสังคมศึกษา สค 11001 ระดบั ประถมศึกษา (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560 ) เรอ่ื ง ลักษณะทางภูมิศาสตรข์ องประเทศไทย ลกั ษณะ ทําเล ทต่ี ้งั ของประเทศไทย หนา้ 5 ถงึ 8 3. ครูดำเนินการทำหน้าที่นำการอภิปราย โดยให้ผู้เรียนกลุ่มใหญ่ร่วมกันแสดงความคิดเห็น คิดวิเคราะห์ อภิปราย และวิเคราะห์ให้ข้อมูลเพ่ิมเติมในเน้ือหาหรือประเด็นที่ยังไม่ชัดเจน ตามรายละเอียดที่ ผู้เรียนได้แลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกัน หากผู้เรียนกลุ่มใหญ่หรือครูเห็นว่ายังไม่สมบูรณ์ มีความต้องการใน การเรียนรู้เพิ่มเติม ครูจะช่วยเติมเต็มความรู้ให้กับผู้เรียน หลังจากน้ันครูและผู้เรียนสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ใน ภาพรวมทัง้ หมดแลว้ ใหผ้ เู้ รียนสรุปส่ิงทไี่ ดเ้ รยี นร้ลู งในสมดุ บันทึกการเรยี นรู้ของตน หมายเหตุ : ในการดำเนินกิจกรรมกลุ่ม ครูชี้แจงบทบาทหน้าที่ในการทำงานให้ผเู้ รียนได้มีความรับผดิ ชอบร่วมกัน ในการทำงาน ซ่ึงมอบหมายให้ผู้เรียนดำเนินการแต่งต้ังประธานหรือผู้นำในการอภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการมอบหมายให้มีผู้รับผิดชอบในภารกิจต่าง ๆ รวมถึงการแต่งต้ังเลขานุการของกลุ่มเป็นผู้จดบันทึกและ ผู้รักษาเวลา เพื่อปฏิบัติงานของกลุ่มใหญ่ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ และพิจารณาว่าสมาชิกลุ่มทุกคน ควรมีความเข้าใจตรงกันว่า ตนมีบทบาทหน้าที่ท่ีจะต้องช่วยให้กลุ่มทำงานได้สำเร็จ ครูควรให้คำแนะนำถึง ความสำคัญของการให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มมีส่วนร่วมในการอภิปรายอย่างทั่วถึง ไม่ให้มีการผูกขาดการ อภปิ รายโดยผู้ใดผหู้ นงึ่ และควรมีการจำกดั เวลาของการอภปิ รายแตล่ ะประเด็น

ในระหว่างการทำกิจกรรมของผู้เรียน ครูมีบทบาทในการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน คอยกระตุน้ ผู้เรียนให้เกดิ ความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ โดยบันทึกลงในแบบบันทึกพฤติกรรมการเรยี นรู้ของ ผูเ้ รยี น และเครื่องมอื ประเมินการสงั เกตแบบประมาณคา่ 4. ครูเปดิ โอกาสใหผ้ เู้ รยี นทั้งกลุ่มรว่ มกันสนทนา เพ่ือใหผ้ ู้เรียนมีทักษะในการฟงั พูด คดิ วเิ คราะห์ การทำงานร่วมกบั ผ้อู ื่น การคิดสร้างสรรค์ ความรับผิดชอบ และการนำความรูใ้ นเน้ือหามาใช้ โดยครบู รู ณาการ เนื้อหาการเรียนรู้ มีการใช้สอื่ เทคโนโลยที ่ีเปน็ คลิปวิดโี อจาก youtube และ TikTok ทส่ี ัมพนั ธ์กบั เน้อื หา ท้งั น้ี ครเู ช่อื มโยงสิง่ ท่ีไดเ้ รยี นรูต้ ามขัน้ ตอนท่ี 1 ในการนำความรไู้ ปส่กู ารปฏิบตั ิ และประยุกต์ใช้ผ่านคลิปวิดีโอ โดย ครูเปดิ คลปิ วดิ โี อ เรื่อง “เรื่องลักษณะทางภมู ิศาสตรข์ องประเทศไทย ลักษณะ ทาํ เล ทต่ี ั้งของประเทศไทย” จาก https://www.youtube.com/watch?v=C873MImZpaQ ชว่ งเวลา 1.00 – 9.57 นาที https://www.youtube.com/watch?v=4VrN_DvMLR4 ช่วงเวลา 1.00 – 21.02 นาที หลังจากน้ัน ครูดำเนนิ การ ดงั นี้ (1) ครูบรรยายเนื้อหาตามใบความรูส้ ำหรับครู เรอ่ื ง “ ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทย ลักษณะ ทําเล ที่ต้ังของประเทศไทย” เพื่อใช้สำหรับประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ เร่ือง “ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของ ประเทศไทย ลกั ษณะ ทําเล ทตี่ ้ังของประเทศไทย” ในส่วนของผู้เรียนให้ศึกษาใบความรู้สำหรับผู้เรยี น ประกอบการบรรยายของครูตามใบความรู้สำหรับ ผู้เรยี น เรือ่ ง “ลักษณะทางภมู ศิ าสตรข์ องประเทศไทย ลักษณะ ทําเล ทต่ี ัง้ ของประเทศไทย” (2) ครูอธิบาย เรื่อง “ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทย ลักษณะ ทําเล ท่ีตั้งของประเทศไทย” ตามใบกิจกรรมสำหรับครู เร่ือง “ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทย ลักษณะ ทําเล ท่ีต้ังของประเทศ ไทย” พร้อมทัง้ ให้ผู้เรียนร่วมปฏิบัติในการสาธิตของครูด้วย ท้ังนเี้ ปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดย ให้ผู้เรียนตั้งประเด็นข้อสงสัย หรือสิ่งที่ต้องการเรียนรู้ในการดูยูทูป เรื่อง ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของประเทศ ไทย ลักษณะ ทาํ เล ที่ต้ังของประเทศไทย และเชอื่ มโยงสูก่ ารนำไปใช้ในชีวิตจริงของผเู้ รยี นตอ่ ไป 5. ครแู ละผู้เรยี นอภิปรายและสรุปผลการเรยี นรรู้ ่วมกนั ข้นั ตอนที่ 3 การสะทอ้ นความคดิ จากการเรียนรู้ (Reflection : R) 1. ครูแบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 4 - 8 คน ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มศึกษาและแสดงแผนที่ทาง ความคิด โดยผู้เรียนแตล่ ะกลุม่ วางแผนและดำเนินการเก่ียวกับการศึกษาเอกสาร ในหนงั สือเรียนรายวชิ าสังคม ศกึ ษา ระดับประถมศึกษา สค11001 หน้า 5-8 เร่ือง “ ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทย ลักษณะ ทําเล ที่ต้ังของประเทศไทย” ตามใบกิจกรรมของผู้เรียน เร่ือง “ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทย ลักษณะ ทําเล ท่ีตั้งของประเทศไทย”ทั้งน้ี ครูเตรยี มหนังสือเรียน อุปกรณ์ กระดาษมฟู ปากกาเม จิก ใหก้ ับผู้เรียนในการคน้ คว้า เรอื่ ง “ลักษณะทางภมู ิศาสตร์ของประเทศไทย ลักษณะ ทําเล ที่ต้งั ของประเทศ ไทย” ตามใบกิจกรรมสำหรับครู เร่ือง “การลักษณะทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทย ลักษณะ ทําเล ที่ต้ังของ ประเทศไทย”

2. ให้ผู้เรียนแตล่ ะกลมุ่ ทำตามขอ้ 2 ปฏิบัติกจิ กรรมตามใบกิจกรรม เร่อื ง “ลักษณะทางภมู ิศาสตร์ของ ประเทศไทย ลักษณะ ทําเล ท่ีต้ังของประเทศไทย ท้ังน้ี ครูจะต้องกำกับการปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียนจน กิจกรรมแล้วเสร็จ ตามใบกิจกรรมสำหรับครู เร่ือง “ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทย ลักษณะ ทําเล ท่ตี งั้ ของประเทศไทย” 3. ให้ผู้เรยี นแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการค้นคว้า เร่ือง “ลักษณะทางภมู ิศาสตรข์ องประเทศไทย ลักษณะ ทําเล ที่ตั้งของประเทศไทย” ตามใบกิจกรรมของผู้เรียน เรื่อง “ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทย ลักษณะ ทาํ เล ที่ตัง้ ของประเทศไทย” 4. ครูให้ผู้เรียนสะท้อนความคิดในการเรียนรู้ที่ได้จากการเรียนรู้และการปฏิบัติการค้นคว้า และ นำเสนอเป็น แผนทีท่ างความคดิ 5. ครูและผู้เรยี นอภิปรายและสรปุ ผลการเรยี นรู้ร่วมกนั ขั้นตอนท่ี 4 การติดตามประเมนิ แกไ้ ข (Action : A) 1. ครูสนทนากับผู้เรียนเกี่ยวกับเร่ืองท่ีได้เรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้น้ี โดยครูสุ่มผู้เรียนตาม ความสมัครใจจำนวน 2 – 3 คน ให้ตอบคำถามในประเด็น ตอ่ ไปน้ี ประเด็น “จากที่ท่านได้เรียนเรื่อง ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทย ลักษณะ ทําเล ที่ตั้งของ ประเทศไทยท่านจะนำไปใช้ประโยชนไ์ ด้อย่างไรบา้ ง แนวคำตอบ ผเู้ รียนสามารถนำความรู้ที่ไดร้ ับจากการเรียนรเู้ รอ่ื ง ลักษณะทางภูมิศาสตรข์ องประเทศ ไทย ลักษณะ ทําเล ท่ตี ง้ั ของประเทศไทยไปใชป้ ระโยชนไ์ ด้ดงั นี้ ดังนี้ (1) ทำใหส้ ามารถวิเคราะหถ์ ึงสาเหตทุ ท่ี ำให้เกดิ การเปลย่ี นแปลงทางธรรมชาติในภมู ภิ าค ตา่ งๆของโลกและสามารถคาดการณป์ รากฏการตา่ งๆได้ (2) เป็นพน้ื ฐานความรู้ความเขา้ ใจเก่ยี วกับสิง่ แวดล้อมทางธรรมชาติ (3) ช่วยลดปัญหาที่เกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติเช่น การเผา หญ้า ฟางข้าวในนาโดยเข้าใจว่าเถ้าถ่านที่ถูกเผาไหม้จะเป็นปุ๋ยอย่างดี แต่กลับเป็นการทำลายความอุดม สมบรู ณ์ของหน้าดนิ โดยรู้เท่าไม่ถงึ การณ์ เปน็ ตน้ (4) ทำใหม้ นุษย์สามารถปรบั ตัวเขา้ กบั สภาพแวดล้อมทางธรรมชาติได้อยา่ งเหมาะสม 2. ครูและผู้เรียนอภิปรายและสรุปผลการเรียนรู้ร่วมกัน ตาม PowerPoint สำหรับครู เรื่อง การสรุปผลการเรียนรู้ “ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทย ลักษณะ ทําเล ท่ีตั้งของประเทศไทย” เพื่อ เปน็ การสรปุ ภาพรวมของกิจกรรมการเรียนรู้ ซ่ึงจะทำใหผ้ ู้เรยี นเกิดความเข้าใจในกิจกรรมการเรยี นร้มู ากย่ิงขึน้ 3. ให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง “ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทย ลักษณะ ทําเล ท่ีตั้งของประเทศไทย” จำนวน 10 ข้อ โดยใชเ้ วลา 10 นาที 4. ครแู ละผเู้ รียนสรุปภาพรวมส่ิงทไ่ี ดเ้ รียนรู้รว่ มกนั นอกจากน้ี ในตอนท้ายของการพบกลุ่ม หลังจากเสร็จส้ินขั้นตอนที่ 3 ครูได้มอบหมายงานให้ผู้เรียนรู้ ด้วยตนเอง รายละเอยี ดดงั นี้

1. ครูชี้แจงให้ผู้เรียนทราบว่า ในการพบกลุ่มแต่ละครั้งผู้เรียนจะได้รับมอบหมายงานให้ไปเรียนรู้ด้วย วิธีเรียนรู้ด้วยตนเองในลักษณะที่ครูจะมอบหมายงานให้ผู้เรียนไปศึกษา “หนังสือเรียนรายวิชา สังคมศึกษา ระดับประถมศึกษา สค11001ระดับประถมศึกษา (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560 ) เรื่อง ลักษณะทางภูมิศาสตร์ ของประเทศไทย ลักษณะ ทาํ เล ทต่ี ้ังของประเทศไทย หน้า 5 ถงึ 8 ทัง้ ภาคทฤษฎีและปฏบิ ัติ โดยใหศ้ ึกษาเนอ้ื หาและปฏบิ ัตกิ จิ กรรมทา้ ยเร่ือง รายละเอียดของเน้อื หา แบ่งออกเป็น 2 สว่ น ดงั นี้ ส่วนที่ 1 เน้อื หาการเรียนรู้ตามแผนการจดั การเรียนรู้ครัง้ นี้ ส่วนท่ี 2 เนื้อหาการเรียนรเู้ พมิ่ เติมในหนงั สอื เรยี นเรียนดงั กลา่ ว 2. ครูมอบหมายงานให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยให้ไปศึกษา “หนังสือเรียนหนังสือเรียน รายวิชา สังคมศึกษา สค 11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560 ) เรื่อง ลักษณะทาง ภูมิศาสตรข์ องประเทศไทย ลกั ษณะ ทําเล ที่ตง้ั ของประเทศไทยหนา้ .....1...ถึง.....20. รายละเอียดของกิจกรรมที่ผ้เู รยี นจะตอ้ งปฏบิ ตั ิ แบ่งออกเป็น 2 สว่ น ดังน้ี ส่วนที่ 1 เน้ือหาการเรยี นรูต้ ามแผนการจดั การเรียนรูค้ ร้งั นี้ ได้แกร่ ายวิชาสงั คมศึกษา สค 11001 ระดบั ประถมศึกษา (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560 ) เรื่อง ลักษณะทางภูมิศาสตรข์ องประเทศไทย ลกั ษณะ ทําเล ที่ตั้งของประเทศไทย (หนงั สือเรียน หน้า 5 – 8 ) (กิจกรรมท้ายเรื่องในหนังสือเรียน 8 ) สอ่ื วสั ดุ อุปกรณ์ และแหล่งการเรยี นรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรียน เร่ือง “ ลักษณะทางภูมศิ าสตร์ของประเทศไทย ลักษณะ ทําเล ทต่ี ัง้ ของ ประเทศไทย” 2. ใบความร้สู ำหรับผเู้ รียน เร่อื ง “ ลักษณะทางภูมิศาสตรข์ องประเทศไทย ลกั ษณะ ทําเล ทต่ี ้ังของ ประเทศไทย” 3. คลปิ วดิ โี อใหผ้ เู้ รยี นชม เรือ่ งลักษณะทางภูมศิ าสตรข์ องประเทศไทย ลักษณะ ทาํ เล ท่ีตั้งของ ประเทศไทย” จาก https://www.youtube.com/watch?v=C873MImZpaQ ช่วงเวลา 1.00 – 9.57 นาที https://www.youtube.com/watch?v=4VrN_DvMLR4 ชว่ งเวลา 1.00 – 21.02 นาที 4. ใบความรสู้ ำหรบั ครู เรอื่ ง “ลกั ษณะทางภูมศิ าสตร์ของประเทศไทย ลักษณะ ทําเล ทีต่ ้ังของ ประเทศไทย” 5. ใบกิจกรรมสำหรับครู เรื่อง “ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทย ลักษณะ ทําเล ทต่ี ัง้ ของประเทศ ไทย” 6. ใบกิจกรรมของผ้เู รยี น เร่ือง “ลกั ษณะทางภมู ศิ าสตร์ของประเทศไทย ลักษณะ ทาํ เล ทต่ี ัง้ ของ ประเทศไทย”

7. วัสดุ อุปกรณ์ในการค้นควา้ เร่อื ง “ลกั ษณะทางภมู ิศาสตร์ของประเทศไทย ลักษณะ ทําเล ที่ต้ังของ ประเทศไทย” 8. PowerPoint สำหรับครู เรอ่ื ง การสรุปผลการเรียนรู้ “ลักษณะทางภมู ิศาสตรข์ องประเทศไทย ลักษณะ ทําเล ทต่ี ้งั ของประเทศไทย” 9. บทสรปุ ประกอบ PowerPoint สำหรับครู เร่อื ง การสรุปผลการเรียนรู้ “ลกั ษณะทางภมู ศิ าสตร์ ของประเทศไทย ลักษณะ ทาํ เล ท่ีตง้ั ของประเทศไทย” 10. แบบทดสอบหลังเรยี น เร่ือง “ลกั ษณะทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทย ลกั ษณะ ทาํ เล ที่ต้งั ของ ประเทศไทย” 11. แบบประเมนิ ความพงึ พอใจสำหรบั ผ้เู รยี นในการเขา้ รว่ มกจิ กรรมการเรียนรู้ เร่ือง“ลักษณะทางภมู ิศาสตร์ของประเทศไทย ลักษณะ ทําเล ที่ตั้งของประเทศไทย” การวัดและประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมการมสี ่วนร่วม ความต้งั ใจ และความสนใจของผูเ้ รียน 2. ผลการทดสอบก่อนและหลงั เรียน 3. ผลการออกแบบและสรา้ งสรรค์นวตั กรรมและส่ิงทต่ี อ้ งการพฒั นา/ช้ินงาน/ผลงาน 4. ผลการประเมินความพงึ พอใจของผู้เรียน บนั ทกึ ผลหลังการจัดกระบวนการเรียนรู้ ผลการใชแ้ ผนการจดั กระบวนการเรียนรู้ 1. จำนวนเนอื้ หากบั จำนวนเวลา  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม ระบเุ หตผุ ล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. การเรียงลำดบั เนอ้ื หากบั ความเข้าใจของผเู้ รียน  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม ระบุเหตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การนำเขา้ ส่บู ทเรียนกับเน้อื หาแต่ละหวั ข้อ  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม ระบุเหตผุ ล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. วิธีการจัดกิจกรรมการเรียนรกู้ บั เนือ้ หาในแต่ละข้อ  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม ระบุเหตผุ ล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. การประเมนิ ผลกบั ตวั ช้วี ัดในแตล่ ะเนื้อหา  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม ระบุเหตุผล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการเรยี นรู้ของผเู้ รยี น ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….............. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….............. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………….................................................. ผลการจดั กระบวนการเรียนรขู้ องครู ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….............. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….............. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………….................................................. ข้อเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….............. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….............. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… รายละเอียดสือ่ วสั ดุ อปุ กรณ์ และแหล่งการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น เร่ือง “ลักษณะทางภมู ิศาสตร์ของประเทศไทย ลักษณะ ทาํ เล ท่ตี ้งั ของ ประเทศไทย” 2. ใบความรู้สำหรบั ผูเ้ รยี น เรอ่ื ง “ลกั ษณะทางภูมิศาสตรข์ องประเทศไทย ลักษณะ ทําเล ที่ตงั้ ของ ประเทศไทย” 3. คลิปวิดีโอ เรื่อง “ลกั ษณะทางภูมศิ าสตรข์ องประเทศไทย ลกั ษณะ ทาํ เล ท่ีตั้งของประเทศไทย” จาก https://www.youtube.com/watch?v=C873MImZpaQ ชว่ งเวลา 1.00 – 9.57 นาที 4. คลปิ วิดโี ดเรอื่ ง “ ลกั ษณะทางกายภาพของประเทศไทย” https://www.youtube.com/watch?v=4VrN_DvMLR4 ช่วงเวลา 1.00 – 21.02 นาที 5. ใบความร้สู ำหรบั ครู เรื่อง “ลักษณะทางภมู ิศาสตร์ของประเทศไทย ลกั ษณะ ทําเล ท่ีต้ังของ ประเทศไทย”

6. ใบกิจกรรมสำหรบั ครู เร่ือง “ลักษณะทางภูมศิ าสตรข์ องประเทศไทย ลกั ษณะ ทําเล ทตี่ ้ังของประเทศ ไทย” 7. ใบกิจกรรมของผเู้ รยี น เร่ือง “ลกั ษณะทางภมู ศิ าสตร์ของประเทศไทย ลักษณะ ทาํ เล ทต่ี ง้ั ของ ประเทศไทย” 8. วัสดุ อปุ กรณใ์ นการทดลอง เร่อื ง “ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทย ลักษณะ ทําเล ที่ตั้ง ของประเทศไทย” 9. PowerPoint สำหรบั ครู เรื่อง การสรุปผลการเรียนรู้ “ลักษณะทางภมู ิศาสตรข์ องประเทศไทย ลกั ษณะ ทําเล ที่ตง้ั ของประเทศไทย” 10. บทสรุปประกอบ PowerPoint สำหรับครู เร่ือง การสรุปผลการเรียนรู้ “ลกั ษณะทางภมู ศิ าสตร์ ของประเทศไทย ลักษณะ ทําเล ท่ีตง้ั ของประเทศไทย” 11. แบบทดสอบหลงั เรยี น เร่ือง “ลกั ษณะทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทย ลกั ษณะ ทําเล ท่ตี ้งั ของ ประเทศไทย”

แบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรอ่ื ง ลกั ษณะทางภมู ิศาสตร์ของประเทศไทย ลักษณะ ทาํ เล ทตี่ ้ังของประเทศไทย คำช้ีแจง แบบทดสอบก่อนเรียน แบบปรนยั จำนวน 10 ข้อ คำสงั่ จงทำเครื่องหมายกากบาท (X) หน้าข้อทถ่ี ูกต้องทส่ี ุด เพยี งข้อเดยี ว 1. ขอ้ ใดกลา่ วได้ถูกต้องเกย่ี วกบั ท่ีตงั้ ของประเทศไทย ก. ต้ังอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวนั ออก ข. ตง้ั อยู่ในภูมภิ าคเอเชียตะวนั ออกเฉยี งใต้ ค. มพี น้ื ที่บางสว่ นของประเทศอย่ใู นซกี โลกใต้ ง. มพี ืน้ ทปี่ ระเทศอยูใ่ นซกี โลกตะวันตกทง้ั หมด 2. แนวเขตแดนใดก้ันระหว่างประเทศไทยกับกัมพชู า ก. ทิวเขาแดนลาว ข. ทวิ เขาถนนธงชัย ค. ทวิ เขาพนมดงรกั ง. ทวิ เขาสันกะลาครี ี 3. ประเทศเพ่ือนบ้านใดมีพรมแดนทางบกติดต่อกับประเทศไทยเปน็ ระยะทางน้อยที่สุด ก. ประเทศลาว ข. ประเทศเมยี นมา ค. ประเทศกัมพชู า ง. ประเทศมาเลเซยี 4. “ฉนวนไทย” หมายถึงพน้ื ทบี่ ริเวณใด ก. ท่รี าบภาคตะวันออกของประเทศไทยท่ีตดิ ต่อกับประเทศกมั พูชา ข. ช่องเขาบริเวณทวิ เขาพนมดงรักท่ีใช้เดนิ ทางตดิ ต่อกับประเทศกมั พูชา ค. แนวพรมแดนของประเทศไทย ประเทศเมยี นมาและลาว บริเวณสบรวก ง. ปากแมน่ ้ำกระบุรีซ่ึงเป็นพรมแดนธรรมชาติระหว่างประเทศไทยกบั ประเทศเมียนมา 5. ทิวเขาสูงต่างๆ ในภาคเหนือมีความสำคญั ต่อสภาพภูมิศาสตรข์ องภาคอย่างไร ก. เป็นแหล่งตน้ น้ำลำธารท่ีสำคัญของภาค ข. เขตที่ประชากรต้ังถิน่ ฐานกนั อยู่อยา่ งหนาแนน่ ค. เป็นแนวพรมแดนธรรมชาติกน้ั ระหว่างภาคเหนือกบั ภาคอื่นๆ ง. ปัจจัยทางธรรมชาติทีท่ ำให้ภาคเหนือมีปริมาณน้ำฝนเฉล่ยี ตอ่ ปีสงู

6. เพราะเหตใุ ด บรเิ วณภาคกลางตอนล่างสภาพดินจึงอดุ มสมบูรณ์เหมาะต่อการเพาะปลูก ก. พืน้ ที่ท่ีมีความสงู จากระดบั ทะเลปานกลางไมม่ ากนกั ข. ดนิ เกดิ จากตะกอนที่แม่นำ้ สายต่างๆ พัดพามาทับถม ค. เปน็ ภาคท่มี ปี รมิ าณน้ำฝนเฉลี่ยตอ่ ปีมากท่ีสดุ ในประเทศ ง. เป็นดินรว่ นทม่ี ีแรธ่ าตทุ ่ีจำเปน็ ต่อการเจริญเติบโตของพชื 7. ปจั จัยสำคัญข้อใดท่สี ่งเสรมิ ให้ประชากรไทยมีอาชีพเกษตรกรรม ก. มพี ้นื ท่จี ำนวนมาก ข. สืบทอดจากบรรพบุรุษ ค. สภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศเหมาะสม ง. เป็นอาชพี ที่คนไทยมคี วามเชีย่ วชาญมากทีส่ ดุ เฉลยี่ ต่อปีสงู 8. ในชว่ งอิทธิพลลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนอื ลักษณะอากาศของภาคใดที่แตกต่ำงจากภาคอื่นๆ ใน ประเทศ ก. ภาคเหนือ ข. ภาคกลาง ค. ภาคใตฝ้ ั่งอ่าวไทย ง. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 9. ประเทศไทยมีฝนตกชุกทวั่ ประเทศในประมาณกลางเดือนกรกฎาคมน้นั เนื่องจากไดร้ ับอิทธพิ ลของลม อะไร ก. ลมพายุหมนุ ไซโคลน ข. ลมพายุหมนุ ในทะเลจีน ค. ลมมรสมุ ตะวนั ตกเฉียงใต้ ง. ลมมรสมุ ตะวันตกเฉียงเหนือ 10. เขตภูมิอากาศแบบสะวันนาจะปรากฏในพื้นที่ของประเทศไทยตอนใด ก. ตอนบน ข. ตอนลา่ ง ค. ตอนกลาง ง. ตะวนั ออก เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น 1. ข 2. ค 3. ง 4. ก 5. ก 6.ข 7.ค 8. ก 9.ค 10 ก

ใบความรสู้ ำหรับผเู้ รยี น เร่ือง ลักษณะทางภมู ศิ าสตรข์ องประเทศไทย ลักษณะ ทาํ เล ท่ตี งั้ ของประเทศไทย ประเทศไทย ประเทศไทยตั้งอยู่ในแหลมอินโดจีน การทีเ่ รียกว่าแหลมอินโดจนี เพราะถือว่าอยู่ระหว่างประเทศ อินเดยี กับประเทศจนี ซ่ึงเป็นการถือเอาประเทศใหญ่เปน็ จุดอ้าง แต่ถ้าถือเอาสภาพทางภูมิศาสตร์ เป็นจดุ อา้ ง ก็น่าจะเรยี กว่าอินโด - แปซฟิ ิค เพราะเป็นแหลมท่ีแบง่ นา่ นน้ำออกเป็นมหาสมทุ รอินเดีย และมหาสมุทรแป ซฟิ ิค มีพิกัดทางภมู ิศาสตร์ ดงั น้ี - ทศิ เหนือ จดเส้นรุ้ง 20 องศา 25 ลิบดา 30 พิลิบดา เหนือ ทกี่ ่ิงอำเภอแมส่ าย จงั หวดั เชยี งราย - ทิศใต้ จดเสน้ ร้งุ 5 องศา 37 ลบิ ดา ที่ก่ิงอำเภอเบตง จังหวัดยะลา - ทศิ ตะวันออก จดเส้นแวง 105 องศา 37 ลิบดา 30 พลิ บิ ดา ท่ีอำเภอพิบูลมงั สาหาร จังหวัดอุบลราชธานี - ทศิ ตะวันตก จดเส้นแวง 97 องศา 22 ลิบดา ตะวันออก ที่อำเภอแม่ลานอ้ ย จงั หวัดแมฮ่ ่องสอน สภาพธรรมชาติในเขตรอ้ นโดยเฉพาะอย่างยิง่ ในแถบตะวันออก - ใตข้ องทวปี เอเซยี มีอณุ หภูมสิ งู มที ะเลลมและฝนเป็นปัจจยั ให้เกิดป่าดง ประกอบไปด้วยพันธ์ุไมเ้ ขตร้อน และสัตว์ปา่ นานาชนดิ ทีม่ ปี รมิ าณ มากกว่าอกี หลายสว่ นของโลก นับว่าเปน็ ย่านอันอุดมสมบูรณด์ ว้ ยอาหาร และทรพั ยากรที่สำคญั แหง่ หนง่ึ ของ ทวีปเอเซีย การท่เี ส้นแวง 101 องศา ตะวันออกซึ่งเป็นเส้นผ่านกลางพน้ื ทีป่ ระเทศไทย การคดิ เวลาของประเทศ ไทยจึงควรใชเ้ ส้นแวงเส้นนเี้ ป็นตวั กำหนด แต่เนือ่ งจากว่าเพอื่ ใหส้ ะดวกในกิจการรถไฟ ซึ่งเชื่อมต่อไปยังแหลม มลายู ได้มเี วลาตรงกันท้งั ไทย และมลายู (มาเลเซยี ) ไทยจึงตกลงใช้เสน้ แวง 105 องศาตะวนั ออก ซง่ึ เปน็ เส้น ศนู ย์เทีย่ งทางภูมิศาสตร์ของมลายู และเปน็ เส้นศนู ย์เทย่ี งของอนิ โดจนี ด้วย เป็นเสน้ ศูนยเ์ ท่ียงของไทยดว้ ยจงึ ทำให้เวลาทแ่ี ท้จรงิ ของไทยเร็วไป 18 นาทขี องที่ควรจะเป็น ภูมิรฐั ศาสตร์ ประเทศไทยต้ังอยู่ใจกลางของผนื แผ่นดนิ ในเอเซียตะวนั ออกเฉียงใต้ ซงึ่ มีพรมแดนธรรมชาตทิ ่ี เหมาะสมในแงภ่ ูมิศาสตร์ โดยมเี ทือกเขาขนาดใหญ่ และทุรกนั ดารทอดตัวเป็นแนวยาวจากเหนอื มาใต้ ดงั นี้ ด้านทศิ ตะวนั ตก มีเทอื กเขาอารกันโยมา อันเป็นสาขาของเทือกเขาหิมาลัย ทำใหเ้ กดิ ปา่ ดงดิบทบึ เปน็ การแยกประเทศพมา่ ออกจากประเทศอินเดยี โดยสิ้นเชงิ ไม่มปี ัญหาเร่ืองการมีสายนำ้ ร่วมกัน ในสงคราม มหาเอเชยี บูรพา กองทัพญ่ปี ุ่นได้รกุ ไปทางตะวันตกผ่านไทย ผา่ นพมา่ มงุ่ สู่อินเดยี ก็มาส้ินสดุ ทแี่ นวเทอื กเขา แห่งนเ้ี ท่าน้นั

ด้านทิศเหนือ เป็นเทือกเขาขนาดใหญบ่ นทรี่ าบสูง ยนู นานของประเทศจนี ตอนใต้ เป็นสาขาปลาย ตะวนั ออกของเทอื กเขาหิมาลัย ท่ผี ่านไปสปู่ ระเทศจีน เป็นยา่ นทรุ กันดารเป็นปา่ เขายากแก่การคมนาคม ทางบก ดา้ นทิศตะวันออก เป็นทะเลจีนใต้อนั เป็นส่วนหนง่ึ ของมหาสมุทรแปซฟิ ิก อันเปน็ พรมแดนทาง ธรรมชาตอิ ย่างแทจ้ ริงในทางภูมริ ัฐศาสตร์ ดา้ นทศิ ใต้ เป็นทะเลในดา้ นอ่าวไทย และมหาสมุทรอินเดยี จงึ มสี ภาพพรมแดนทางธรรมชาติ เชน่ เดยี วกบั ด้านทิศตะวันออก ดว้ ยสภาพทางภมู ิศาสตร์ ดงั กลา่ วมาแล้วทำให้ภูมิภาคเอเซยี ตะวนั ออกเฉียงใต้ ในส่วนทีเ่ ป็นผนื แผน่ ดินใหญ่ อนั ประกอบดว้ ย พมา่ ไทย ลาว เวยี ดนาม กมั พูชา และมาเลเซยี มีปราการทาง ธรรมชาติ ทีเ่ ก้ือกลู ตอ่ ความปลอดภยั รว่ มกันไดเ้ ป็นอย่างดี ขนาดของประเทศไทย จากหลกั ฐานของกรมแผนท่ที หาร ประเทศไทยมีพ้ืนที่ ประมาณ 511,937 ตารางกโิ ลเมตร ตวั เลขน้ี เปน็ ตัวเลขท่ีเป็นมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2483 จนถึงปจั จุบนั ในระหว่างกรณพี ิพาทอนิ โดจีน ประเทศไทยได้พืน้ ท่เี ดิมท่ี เสยี ใหแ้ ก่ฝรั่งเศส ในพื้นทีส่ ี่จังหวัดทางภาคตะวนั ออกของไทย คอื จังหวัดพระตะบอง (เขมร) เสียมราฐ (เขมร) นครจำปาศักดิ์ (ลาว) ลา้ นช้าง (ลาว) เป็นพ้นื ทป่ี ระมาณ 69,029 ตารางกิโลเมตร และในสงครามมหาเอเชีย บูรพา ประเทศไทยได้รับดนิ แดนคนื จากทเ่ี สยี ใหแ้ ก่องั กฤษ คอื สหรฐั ไทยเดิม เป็นพ้ืนท่ปี ระมาณ 39,855 ตารางกโิ ลเมตร และ 4 รฐั มาลยั คอื รัฐกลันตนั ตรงั กานู ไทรบุรี (เคดาร์) และปะลิส เป็นพน้ื ท่ีประมาณ 33,245 ตารางกิโลเมตร เมอื่ สงครามมหาเอเชยี บูรพายุตลิ ง ไทยจำต้องคืนดนิ แดนที่ไดก้ ลับคืนมาคืนกลบั ไปให้ ฝรั่งเศส และองั กฤษเม่ือเปรยี บเทยี บกับประเทศ ทม่ี ีขนาดใหญ่กวา่ ประเทศไทยแล้ว จะไดด้ ังน้ี - เลก็ กวา่ ประเทศพม่าอยู่ 61,461 ตารางไมล์ - เลก็ กว่า ประเทศอินเดยี 7 เทา่ - เลก็ กว่า ประเทศจีน 10 เท่า - เลก็ กว่า ประเทศตุรกี 1/3 เท่า - เล็กกว่า ประเทศฝร่ังเศสเล็กนอ้ ย - เลก็ กว่า ประเทศสหรัฐอเมริกา 13 เทา่ รปู รา่ งของประเทศไทย ประเทศไทยมีความยาวท่ีสุด จากเหนือ จดใต้ ประมาณ 1,833 กโิ ลเมตร มีความกวา้ งทสี่ ุดจาก ตะวนั ออก ไปตะวนั ตกตามแนวเสน้ รงุ้ ท่ผี า่ นจงั หวัดอบุ ล ฯ - อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมาไปทางตะวันตก ประมาณ 850 กิโลเมตร ส่วนทแ่ี คบทสี่ ดุ อยูท่ ่ตี ำบลห้วยยาง จังหวัดประจวบครี ีขันธ์ มคี วามกว้าง ประมาณ 12 กิโลเมตร และตอนแคบท่ีสุดของแหลมมลายอู ยู่ท่ตี รงคอคอดกระ กว้างประมาณ 64 กโิ ลเมตร รปู รา่ งของ ประเทศไทยท่กี ลา่ วกันไว้มอี ยู่สามภาพดว้ ยกนั คือ เปน็ รูปกระบวยตักนำ้ เปน็ รปู ขวานโบราณ และเป็นรูปหวั ชา้ งมีงวงทอดลงไปในทะเลใต้ สรปุ แลว้ ประเทศไทยมีส่วนยาวเปน็ สองเท่าของสว่ นกว้าง และครึ่งหน่งึ ของส่วน ยาวเป็นส่วนแคบ ๆ ทอดยาวลงไปทางใต้ เราอาจแบ่งรูปรา่ งของประเทศไทยออกอย่างกว้าง ๆ เปน็ สองส่วน คอื

ส่วนบน มรี ปู รา่ งค่อนขา้ งจะเปน็ รปู ส่เี หลีย่ มท่มี ีความเวา้ แหว่งอยมู่ าก หอ้ งภมู ปิ ระเทศทีเ่ กดิ จากแนว เทือกเขาท่ีทอดตวั จากเหนือไปใต้ ทำใหเ้ กิดสว่ นแคบขึ้นสองแนวคอื แนวจังหวดั ตาก - อุตรดิตถ์ และแนว อำเภอวัฒนานคร จังหวัดสระแกว้ - อำเภอเชยี งคาน จงั หวัดเลย ส่วนล่าง มีรูปรา่ งแคบและยาวมาก มีทะเลขนาบอยู่สองดา้ น พรมแดนไทย พรมแดนของไทยทีเ่ ปน็ อยใู่ นปัจจุบนั กำหนดขึ้นด้วยสญั ญาระหวา่ งประเทศ กับประเทศอังกฤษ และ ประเทศฝร่ังเศส ในสมัยที่ประเทศทั้งสองมีอาณานิคมอยตู่ ิดกบั ประเทศไทยในทุกดา้ น ดังนี้ - สนธิสญั ญา ปี พ.ศ. 2435 - 36 ระหวา่ งไทยกับอังกฤษ กำหนดพรมแดนไทยกับพม่า - สนธิสญั ญา เมือ่ 3 ตุลาคม 2473 (ร.ศ.116) ระหวา่ งไทยกับฝรั่งเศส - สนธิสญั ญา เมื่อ 7 ตุลาคม 2445 ระหว่างไทยกบั ฝรัง่ เศส - สนธสิ ญั ญา เม่อื 13 กมุ ภาพันธ์ 2447 ระหวา่ งไทยกับฝร่ังเศส - สนธสิ ญั ญา เมอื่ ปี พ.ศ. 2455 ระหวา่ งไทยกบั อังกฤษ พรมแดนไทยกบั พมา่ เร่ิมต้นจากจังหวดั ระนอง ทล่ี ำนำ้ กระ (เส้นรุ้ง 10 ลิบดา เหนือ) เป็นแนวเสน้ เขตแดนตอ่ ไปทางเหนือ ตามแนวสันเขาตะนาวศรี สันเขาถนนธงชยั สันเขาแดนลาว ไปจดแมน่ ำ้ โขง ทจ่ี ดุ เส้นร้งุ 25 องศา 5 ลบิ ดา เหนอื ทีก่ ง่ิ อำเภอเชยี งแสน จังหวดั เชยี งราย แนวพรมแดนดา้ นนย้ี าว ประมาณ 1,450 กิโลเมตร ไม่ส้คู ดโค้ง มากนักสว่ นใหญเ่ ป็นทิวเขาสงู ใหญ่ พรมแดนไทยกับลาว เร่ิมจากบ้านใหม่ (เส้นรงุ้ 20 องศา 15 ลิบดา เหนือ) มลี ำนำ้ โขงเป็นแนวเส้นเขตแดน แลว้ วกเข้าหาทวิ เขาหลวงพระบาง ลงมาทางใต้ แล้ววกไปหาแมน่ ำ้ โขงไปจนจดปากน้ำมูล จงั หวดั อบุ ลราชธานี ช่วงนย้ี าว ประมาณ 1,200 กิโลเมตร พรมแดนไทยกับกัมพูชา เรม่ิ จากปากแมน่ ำ้ มลู แนวพรมแดนเปน็ สนั เขาพนมดงรกั ซ่งึ โค้งมาทางตะวนั ตก จนถงึ จงั หวัดบรุ รี ัมย์ เป็นระยะทาง ประมาณ 320 กิโลเมตร จากนน้ั แนวเส้นเขตแดนจะเป็นทร่ี าบจนจดทะเลท่อี ่าวไทย พรมแดนไทยกบั มาเลเซีย เรมิ่ ทล่ี ำน้ำนราธวิ าสทางอา่ วไทยไหลไปทางทิศตะวันตกเฉียงใตเ้ ล็กนอ้ ย แลว้ ใช้สันเขาสันกาลาครี ี เป็นแนวเขตแดนไปจนจดมหาสมุทรอินเดยี ท่จี ังหวดั สตลู นอกจากนีไ้ ทยยังมพี รมแดนทเ่ี ปน็ ฝ่ังทะเล คือ ดา้ นอ่าวไทย จากจังหวดั ตราด ถึง นราธวิ าส มีความ ยาวประมาณ 1,870 กิโลเมตร และด้านมหาสมุทรอนิ เดีย จากจังหวัดระนอง ถึงจงั หวดั สตลู ยาวประมาณ 740 กโิ ลเมตร ลักษณะภูมิประเทศ ลักษณะภูมปิ ระเทศของไทย แบ่งออกไดเ้ ป็น 4 ลกั ษณะคือ พนื้ ทีร่ าบอันกว้างใหญ่ภาคกลาง แบง่ ออกไดเ้ ป็นสองประเภท คือท่รี าบดนิ ตะกอนและที่ราบซึ่งเกือบ

ไม่มีดนิ ตะกอนเลย ทรี่ าบใหญ่ภาคกลาง มีขนาดกวา้ ง ประมาณ 50-150 กโิ ลเมตร ยาวประมาณ 300 กิโลเมตร แบง่ ออกได้เป็น 2 ตอนด้วยกนั คือ ตอนบน เปน็ พ้ืนทร่ี าบ ซง่ึ มีลกั ษณะเปน็ ลุ่มแอ่งนอ้ ย ๆ ตัง้ อยูใ่ นระหว่างยา่ นภเู ขาทางเหนือ มีทวิ เขา ถนนธงชัยอย่ทู างด้านทิศตะวันตก และทวิ เขาเพชรบรู ณ์อยู่ทางดา้ นทิศตะวนั ออก พืน้ ทต่ี อนกลางระหว่างทิว เขาทงั้ สองเป็นทีล่ ุ่ม มีระดบั สูงประมาณ 3 - 4 เมตร จากระดับนำ้ ทะเล แตท่ างตอนใต้บริเวณ จงั หวดั ชัยนาท เป็นท่ีค่อนข้างดอน มีความสูงประมาณ 18 เมตร จากระดบั น้ำทะเล ตอนล่าง เป็นพ้นื ที่ราบ ซงึ่ มคี วามลาดจาก จงั หวดั ชยั นาทลงไปทางใต้ ลงสทู่ ะเลที่อ่าวไทยพน้ื ที่ต่ำสดุ อยู่ ตอนกลาง ซึ่งเป็นรางของลำน้ำ พน้ื ที่ทางดา้ นทิศตะวันออก และทศิ ตะวนั ตก จะมคี วามลาดลงมาน้อยๆ จาก แนวทิวเขา มีระดบั สูง 18 เมตร ทช่ี ยั นาท 4 เมตรที่อยธุ ยา และ 1.8 เมตรที่กรุงเทพฯ ที่ราบลุ่มแม่นำ้ ป่าสกั เป็นทีร่ าบแคบๆ ในภาคกลาง คน่ั อยูร่ ะหว่างทร่ี าบใหญภ่ าคกลาง กบั ที่ราบสูง ภาคตะวนั ออกเฉียงเหนือ เป็นที่ราบแคบๆ และยาวอยู่ระหวา่ งหบุ เขาของทวิ เขาเพชรบูรณ์ กบั ทิวเขาเลย ที่ราบภาคตะวันออก เปน็ ทรี่ าบซ่ึงคนั่ ระหวา่ งภาคกลางของไทยกับประเทศเขมร แบ่งออกได้เปน็ 2 สว่ นคอื ตอนบน คอื ที่ราบปราจีนบุรี เป็นท่ีราบลุ่มนำ้ บางปะกง มลี กั ษณะเป็นชานของที่ราบสูงภาค ตะวันออกเฉียงเหนอื จึงค่อนข้างจะเปน็ ที่ดอนเล็กนอ้ ย อยู่ระหวา่ งทวิ เขาสันกำแพง ทิวเขาพนมดงรัก กับทวิ เขาบรรทดั ตอนแคบทสี่ ุดกว้างประมาณ 30 กโิ ลเมตร ทชี่ ่องวัฒนา ตอนลา่ ง เปน็ ทรี่ าบชายฝ่ังทะเลตะวนั ออก เป็นทีร่ าบแคบ ๆ อยรู่ ะหว่างทวิ เขาบรรทดั กบั ฝ่ังทะเล เป็นที่ ราบท่ลี าดลงสฝู่ ั่งทะเล ในเขตสจ่ี ังหวดั คือ ชลบรุ ี จันทบรุ ี ระยอง และตราด ทร่ี าบล่มุ นำ้ แม่กลองและแม่น้ำเพชรบุรี เป็นทรี่ าบทางตะวันตกเฉียงใต้ของภาคกลาง ทางดา้ นทิศ ตะวันตกมีภเู ขาตะนาวศรี ทางด้านทิศตะวนั ออก ตอนจังหวัดนครปฐมถึงอำเภออู่ทอง จังหวัดสพุ รรณบุรี เป็น เนินกับระหว่างทร่ี าบใหญ่ภาคกลางกับทีร่ าบลุ่มแม่กลอง ทร่ี าบในย่านภูเขาภาคเหนอื ประกอบด้วยท่ีราบหลายผืน เปน็ ทร่ี าบระหว่างทวิ เขา ทำให้มีพ้นื ทไ่ี มต่ ดิ ต่อ ถงึ กัน ทีส่ ำคญั ได้แก่ - ที่ราบเชียงใหม่ มคี วามสูงประมาณ 300 เมตร - ท่รี าบเชียงราย มีความสงู ประมาณ 400 เมตร - ที่ราบแพร่ มีความสงู ประมาณ 200 เมตร - ท่ีราบนา่ น มีความสงู ประมาณ 200 เมตร ทรี่ าบสูงตะวันออกเฉียงเหนอื มคี วามสงู ประมาณ 200 - 300 เมตร อย่ใู นวงล้อมของทวิ เขาเป็นที่ราบ อันกวา้ งใหญ่อีกผนื หน่งึ มีพืน้ ท่ีประมาณ 154,000 ตารางกิโลเมตร แบ่งออกไดเ้ ป็นสองตอนคือ ตอนบน ได้แก่พืน้ ท่ีราบล่มุ แมน่ ำ้ โขง ตอนลา่ ง ไดแ้ ก่พ้ืนทร่ี าบลมุ่ แมน่ ำ้ มูล ทร่ี าบภาคใต้ ภาคใต้อย่บู นแหลมแคบๆ ท่ีมคี วามกว้างทส่ี ดุ ไม่เกนิ 200 กิโลเมตร และส่วนท่แี คบทีส่ ดุ ประมาณ 60 กโิ ลเมตร ตอนกลางของแหลมเปน็ ทวิ เขาโดยตลอด จึงมีที่ราบชายฝั่งทะเลผืนแคบๆ เป็นตอนๆ

ไม่ติดต่อกนั ทส่ี ำคัญได้แก่ ท่รี าบบ้านดอน ทรี่ าบพัทลงุ ท่รี าบตานี นอกจากน้กี ็เปน็ ท่รี าบแคบๆ ริมฝ่งั ทะเลดา้ น อ่าวไทย และด้านทะเลอนั ดามัน ภูเขาและทวิ เขา ลักษณะของทวิ เขาเกือบจะขนานกัน สว่ นใหญ่มแี นวจากทิศเหนือลงใตแ้ บบเดยี วกนั ทุกภาค ภูเขาในประเทศไทยมีอย่ไู มห่ นาแน่นมากนัก ทีม่ ที ิศทางขวางกม็ ีอยบู่ ้างแตไ่ ม่มากนกั ภเู ขาหนิ มีอย่ทู ว่ั ไป มีลกั ษณะติดต่อกันเป็นทิวใหญ่ เช่นทวิ เขาถนนธงชยั ทิวเขาตะนาวศรี ภูเขาหนิ แบง่ ออกเปน็ สองชนดิ คือ ชนดิ หนิ แกรนิต เป็นหนิ แข็งแกรง่ มกั มีลกั ษณะยอดไมใ่ คร่แหลมชลดู มีลาดไมช่ นั นัก มี น้ำอยทู่ ่ัวไปจงึ มปี ่าไม้ขนาดสูงขนึ้ ปกคลุม ทิวเขาชนิดน้มี ีอยู่ในภาคเหนือและภาคใต้เป็นส่วนมาก สว่ นภเู ขา ชนดิ หินปนู เปน็ หินทีไ่ มเ่ หนียวและไมแ่ กร่ง จึงมักถูกธรรมชาติกดั เซาะจนมีลกั ษณะเปน็ ยอดแหลมสงู มีผาชัน หานำ้ ได้ยาก จงึ มีแต่ป่าไม้เล็ก ๆ ขน้ึ ปกคลุม หรือบางส่วนก็จะไม่มตี น้ ไม้เลย บริเวณเชงิ เขามักมเี นนิ ดนิ สีเทา ๆ อนั เกิดจากหินปนู ท่ีแตกสลายลงมา มีลกั ษณะร่วนซุยเมื่อถูกฝนจะกลายเปน็ เปือกตม เขาหินปูนสว่ นใหญอ่ ย่ใู น ภาคกลาง และภาคใต้ตอนบน เชน่ เขาในเขตจังหวัดลพบุรี สระบุรี ราชบรุ ี เพชรบุรี (เขาหลวง) และ ประจวบคีรขี นั ธ์ (เขาสามร้อยยอด) ภเู ขาดิน ประกอบดว้ ยดนิ ร่วน หรือหินลกู รงั ปนกับหินก้อนขนาดยอ่ ม เป็นภเู ขาสงู ปานกลาง ส่วนใหญ่ มลี ักษณะเป็นเนนิ เต้ีย ท่ีทางภาคใตเ้ รียกวา่ ควน ลาดเขามีลกั ษณะเป็นลาดโคง้ บนเชงิ เขา โดยรอบมักเปน็ พื้น ราบกวา้ งขวาง เช่น บรเิ วณตอนใตข้ องเขาสามมุก จังหวดั ชลบรุ ี หรือในภาคใต้ตงั้ แตส่ ถานีรถไฟมาบอัมฤทธิ์ถงึ สถานหี ว้ ยสกั เปน็ ต้น ภเู ขาไฟ ภูเขาไฟในประเทศไทย เปน็ ภูเขาไฟท่ีดับสนิทมานานแลว้ เชน่ ท่ภี ูเขาหลวง จงั หวัดสุโขทัย ซง่ึ ปรากฎมียอดเป็นปากปล่องภูเขาไฟและมหี ินตะกรนั อยู่โดยรอบ ในทรี่ าบสูงภาคอสิ านเปน็ พน้ื ทภี่ ายในปาก ปลอ่ งภเู ขาไฟใหญใ่ นอดตี ซึง่ ดับไปแล้ว และก่อให้เกดิ ทรี่ าบสงู อนั กวา้ งใหญ่ขึ้นมาแทน ภเู ขาไฟที่ยงั ไม่ดบั และ อยใู่ กล้ประเทศไทยเท่าท่ีสำรวจพบมีอยู่ 2 แห่งคือ ภเู ขาไฟโปป๊ า่ ในพมา่ และภูเขาไฟใหญ่กบั ภูเขาไฟน้อยใน ลา้ นช้าง มีความสงู ประมาณ 65 เมตร ปากปล่องเปน็ รูปไข่กวา้ งประมาณ 80 เมตร ยาวประมาณ 200 เมตร พน้ื ทีย่ ่านภูเขา คือบรเิ วณทมี่ ที วิ เขาอยูเ่ ปน็ จำนวนมาก เป็นพ้นื ท่ีต่อเนื่องมาจากที่ราบสูงยนู นาน ทางด้านทิศเหนือ ทิวเขาสว่ นมากมีทิศทางจากเหนือทอดลงมาทางใต้ ทิวเขาเหลา่ น้ีกอ่ ใหเ้ กิดพนื้ ท่ีราบระหว่าง หบุ เขา ใหญ่บา้ ง เลก็ บ้าง เป็นชว่ งๆ มลี กั ษณะพ้นื ทต่ี า่ งกับพนื้ ทแี่ ถบอน่ื ๆ และมีทีต่ ้ังอยูล่ ำพงั ทางสว่ นเหนอื สุด ของประเทศไทย ทวิ เขาทส่ี ำคัญไดแ้ ก่ ทิวเขาแถบตะวนั ตกของประไทย เปน็ ทิวเขาต่อจากชายตะวนั ตกของภาคเหนือ ต่อเน่ืองลงไปทางใต้ จนถงึ ภาคใตต้ ลอดผืนแผน่ ดินที่เปน็ แหลม ทวิ เขาทส่ี ำคัญได้แก่ ทวิ เขาถนนธงชัย และทวิ เขาตะนาวศรี ซึ่ง เชือ่ มตอ่ กนั เปน็ ปมที่บรเิ วณชายแดนดา้ นตะวนั ตกของจังหวัดกาญจนบรุ ี มีลักษณะเปน็ ย่านภเู ขาน้อย ๆ แผ่ อาณาบริเวณเข้าไปในประเทศพม่า และเข้ามาในประเทศไทยเปน็ ส่วนใหญ่ ทิวเขาตอนใจกลางของประเทศ ไดแ้ กท่ ิวเขาซึ่งเปน็ เทือกเดียวกบั ทวิ เขาทางดา้ นทิศตะวนั ออกของ ภาคเหนือของไทย มแี นวทอดลงมาทางทิศใต้ ขนานกับอกี ทิวเขาหน่งึ ทางดา้ นทศิ ตะวันออก พนื้ ท่รี ะหวา่ งทวิ เขาทัง้ สองนี้เปน็ หุบเขาแคบๆ อย่ตู อนใจกลางของประเทศ ได้แก่ทีร่ าบสงู เพชรบรู ณ์ ทวิ เขาบนที่ราบสงู ตะวนั ออกเฉยี งเหนือ ประกอบด้วยทวิ เขาหลายทวิ ซงึ่ กัน้ เป็นขอบของทรี่ าบสงู แห่ง

น้ี มแี นวทิศทางการทอดตวั อยสู่ องแนวคือ ทางด้านตะวันตกแนวหนึง่ กับทางด้านใต้อีกแนวหนึ่ง ทวิ เขา ดงั กลา่ วนี้จะกนั เอาท่รี าบสูงออกไปตา่ งหากจากท่ีราบภาคกลาง เปน็ ทิวเขาท่สี ูงใหญ่พอสมควร ถ้าดจู ากท่ีราบ ภาคกลาง แตถ่ ้าดจู ากทรี่ าบสูงแล้วจะเหน็ เปน็ ทิวเขาเตีย้ ๆ เทา่ นนั้ ทวิ เขาแถบฝ่งั ทะเลด้านตะวนั ออกของอา่ วไทย เป็นทวิ เขาท่มี ีแนวเกือบขนานกับฝ่ังทะเล เมื่อทิวเขา ออกพ้นเขตแดนไทยเข้าไปในกมั พูชา เปน็ ทวิ เขาทเี่ กา่ แกท่ ิวเขาหนึ่ง ทางนำ้ เน่ืองจากประเทศไทยตงั้ อยู่ในยา่ นมรสมุ มฝี นตกชกุ ในฤดูฝนท่ีค่อนข้างยาวนานถงึ 6 เดือน โดยเฉล่ีย จงึ ก่อใหเ้ กิดลำนำ้ มากมาย แตล่ ำน้ำท่สี ำคญั และมปี ระโยชน์มีอยู่ไม่มากนกั ลำน้ำโดยท่ัวไปจะเป็นลำนำ้ สาย สน้ั ๆ มนี ำ้ เฉพาะในฤดฝู น เม่ือแบง่ ลำน้ำออกเป็นพวกๆ ตามลกั ษณะของพ้นื ท่แี ละตามกำเนิดของลำน้ำพอจะ แบ่งออกได้เป็นสก่ี ลมุ่ ดังนี้ ลำนำ้ ในภาคเหนอื นอกจากลำน้ำใหญส่ องสายคือ ลำน้ำสาละวนิ ซง่ึ ไหลผา่ นชายแดนดา้ นตะวนั ตก และลำน้ำโขง ซงึ่ ไหล ผ่านชายแดนดา้ นตะวันออกเฉียงเหนอื แล้วลำนำ้ ในภาคเหนือมีอยู่หลายสาย และมตี ้นน้ำท่เี กิดจากพนื้ ทย่ี ่าน ภเู ขาในภาคเหนือเองแทบท้ังสิน้ ไดแ้ ก่ สาขาของลำนำ้ สาละวนิ ได้แก่ ลำน้ำปาย เกิดจากเทือกเขาถนนธงชยั และเทือกเขาแดนลาวไหลผ่าน จงั หวดั แม่ฮ่องสอน ลงส่แู ม่น้ำสาละวิน ลำน้ำเมย เกดิ จากเทือกเขาถนนธงชัย ไหลไปตามซอกเขาที่ก้นั เขตแดนไทยกับพม่า ลงสแู่ มน่ ำ้ สาละวิน ลำน้ำยวม เกดิ จากทวิ เขาถนนธงชยั ผา่ น อำเภอขนุ ยวม จังหวัดแมฮ่ ่องสอน แลว้ ไปบรรจบกบั ลำนำ้ เมย ลำน้ำสาละวิน เกิดจากบริเวณประเทศธเิ บต ไหลผา่ นประเทศไทย ตามแนวเสน้ กนั้ เขตแดนไทยกบั พม่า ในเขตจังหวดั แม่ฮ่องสอนแล้วไหลผ่านพม่าไปลง อ่าวเมาะตะมะ สาขาของแมน่ ำ้ โขง ไดแ้ ก่ ลำน้ำแมก่ ก เกดิ จากภเู ขาในรัฐฉาน ไหลผา่ นเมืองสาด เข้าเขตไทยใน จังหวดั เชยี งราย แล้วไหลไปบรรจบลำน้ำโขงในเขต อำเภอเชยี งแสน จังหวัดเชยี งราย ลำน้ำฝาง เกดิ จากทวิ เขา แดนลาวและทวิ เขาผีปันน้ำ ไหลไปบรรจบแม่น้ำกก ในเขตตำบลปางเดมิ ลำนำ้ แมส่ าย เกดิ จากทวิ เขาในรฐั ฉาน เปน็ แนวเขตแดนระหวา่ งไทยกับรัฐฉาน แล้วไหลไปบรรจบลำน้ำรวกท่ีสบสาย ลำนำ้ รวก เกดิ จากทิวเขา ในรัฐฉาน ไหลไปบรรจบลำน้ำโขงทส่ี บรวก ลำนำ้ แมจ่ นั เกิดจากดอยสามเส้าในทวิ เขาผปี นั น้ำ ไหลไปบรรจบ ลำน้ำโขง ในเขตอำเภอเชยี งแสน จงั หวดั เชยี งราย ลำนำ้ แมอ่ ิง เกิดจากทวิ เขาผปี นั น้ำ ในเขตจงั หวดั เชียงราย ไหลไปบรรจบลำน้ำโขง ในเขตอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย ลำน้ำโขง มตี น้ น้ำอยู่ในธเิ บตไหลผา่ นไทยทาง ภาคเหนือ ในเขตอำเภอเชยี งแสน จงั หวดั เชยี งราย และไหลผ่านภาคตะวนั ออกเฉยี งเหนือ เป็นเส้นเขตแดน ไทยกบั ลาวโดยตลอดตง้ั แต่ อำเภอเชยี งคานจงั หวัดเลย ไปจนถงึ อำเภอโขงเจยี ม จังหวดั อบุ ลราชธานี แลว้ ไหล ผ่านประเทศลาว กัมพูชา เวยี ดนามลงสู่ทะเลจนี ในเวยี ดนาม สาขาของลำนำ้ เจ้าพระยา ได้แก่ ลำนำ้ ปิง ยาวประมาณ 775 กโิ ลเมตร เกิดจากทิวเขาแดนลาว ไหล เลาะไปตามทิวเขาถนนธงชัยผา่ นจังหวัดเชยี งใหม่ ลำพนู ตาก กำแพงเพชร ไปบรรจบกับสาขาอ่นื ของลำน้ำ เจ้าพระยา ในเขตตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ลำนำ้ วงั ยาวประมาณ 300 กโิ ลเมตร เกดิ

จากทวิ เขาผปี นั นำ้ และเทือกเขาขุนตาล ในเขตจังหวัดลำปาง ไหลผา่ นจงั หวดั กำแพงเพชร ไปบรรจบลำน้ำปงิ ในเขตอำเภอบา้ นตาก จังหวัดตาก ลำน้ำยม ยาวประมาณ 500 กิโลเมตร เกดิ จากทวิ เขาผีปนั นำ้ ไหลผา่ น จังหวดั สโุ ขทยั ไปบรรจบลำนำ้ นา่ น ในเขตอำเภอชุมแสง จังหวดั นครสวรรค์ ลำนำ้ นา่ น ยาวประมาณ 600 กิโลเมตร เกิดจากทวิ เขาหลวงพระบาง ไหลขนานกบั ลำน้ำยมลมาทางใต้ ผ่านจงั หวดั นา่ น อตุ รดติ ถ์ พษิ ณโุ ลก พจิ ติ ร แลว้ ไหลไปบรรจบกับสาขาอืน่ ของลำน้ำเจ้าพระยา ในเขตตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมือง ฯ จังหวดั นครสวรรค์ ลำน้ำในภาคกลาง สายนำ้ ทีส่ ำคัญคือ ลำนำ้ เจา้ พระยา ซงึ่ กเ็ ปน็ ลำน้ำสายสำคญั ที่สุดของประเทศไทย เนือ่ งจากเปน็ ลำน้ำ ขนาดใหญ่ ไหลผา่ นทีร่ าบลมุ่ ภาคกลางของประเทศ ส่วนลำน้ำสายอ่นื ๆ กม็ ีความสำคัญรองลงไป ลำนำ้ ที่ สำคญั ในภาคกลางได้แก่ ลำน้ำเจ้าพระยา ยาวประมาณ 700 กโิ ลเมตร เปน็ แมน่ ้ำสายใหญท่ ส่ี ุดนับเปน็ เส้นโลหติ ใหญ่ของ ประเทศ เร่ิมตน้ จากตำบลปากนำ้ โพ อำเภอเมือง จังหวดั นครสวรรค์ ไหลผ่านจังหวัดอุทัยธานี ชัยนาท สงิ ห์บรุ ี อา่ งทอง อยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี กรุงเทพฯ และสมุทรปราการ ไหลลงสอู่ ่าวไทยท่ีอำเภอเมือง จังหวัด สมุทรปราการ ลำน้ำปา่ สกั ยาวประมาณ 450 กโิ ลเมตร เกดิ จากทิวเขาเพชรบรู ณ์ ในเขตจังหวดั เพชรบรู ณ์ ไหลผ่านท่ี ราบในหบุ เขาเพชรบรู ณ์ ผ่านจงั หวัดลพบรุ ี สระบรุ ี ไปบรรจบลำน้ำเจา้ พระยา ในเขตจังหวัดอยธุ ยา ลำน้ำท่าจีน ยาวประมาณ 230 กิโลเมตร เป็นสาขาแยกจากลำนำ้ เจ้าพระยาท่ีจงั หวัดอุทยั ธานี แล้ว ไหลขนานกบั แมน่ ำ้ เจ้าพระยา ทางด้านตะวันตก ลงสู่อ่าวไทยท่จี งั หวดั สมทุ รสาคร ลำน้ำลพบรุ ี เป็นสาขาแยกจากแมน่ ้ำเจา้ พระยาทบี่ างพทุ รา จังหวดั สงิ หบ์ รุ ี ไหลผา่ นจังหวัดลพบุรี แล้ว ไหลไปบรรจบ ลำน้ำเจา้ พระยาในเขตจังหวดั อยธุ ยา นอกจากนี้ยังมสี าขาแยกเล็ก ๆ อกี หลายสาย เช่น ลำนำ้ สะแกกรงั ในเขตจังหวัดอุทัยธานี ลำนำ้ โผงเผง ในเขตจงั หวดั อา่ งทอง และลำนำ้ บางบาน ในเขตจงั หวัด อยุธยา ลำนำ้ ทีไ่ หลลงสู่อา่ วไทยดา้ นตะวันออก ทส่ี ำคญั ไดแ้ ก่ ลำน้ำบางปะกง ยาวประมาณ 300 กโิ ลเมตร เกิดจากทวิ เขาพนมดงรัก แล้วไหลไปทางตะวันตก ผา่ น จังหวัดปราจนี บรุ ี นครนายก ลงสู่อา่ วไทยในเขตจงั หวดั ฉะเชงิ เทรา ลำนำ้ สายนีม้ ชี อ่ื เรยี กตา่ งกนั ตามทอ้ งถิน่ ที่ ลำน้ำไหลผา่ น เชน่ ลำนำ้ พระปรง ลำน้ำประจนี ลำน้ำระยอง ยาว 30 กโิ ลเมตร เกิดจากภูเขาในเขตจงั หวัดระยองไหลลงสูท่ ะเลในเขตจงั หวัดระยอง ลำน้ำประแส ยาว 27 กิโลเมตร ลำน้ำจนั ทบรุ ยี าว 86 กิโลเมตร เกิดจากทิวเขาจนั ทบุรี ไหลลงสทู่ ะเลท่ีอำเภอ ท่าแฉลบ จังหวดั จนั ทบรุ ี ลำน้ำเวฬ ยาว 64 กิโลเมตร เกดิ จากทวิ เขาจนั ทบรุ ี ไหลลงสู่ทะเลที่อำเภอขลงุ จังหวัดจนั ทบุรี ลำนำ้ ตราด เกดิ จากทิวเขาจันทบุรี และทวิ เขาบรรทัด ไหลลงสู่ทะเลท่ีอำเภอ แหลมงอบ จงั หวดั ตราด

ลำนำ้ ท่ีไหลลงสู่อา่ วไทยด้านตะวันตก ลำน้ำแมก่ ลอง ยาว 300 กโิ ลเมตร ประกอบดว้ ย แควน้อย และแควใหญ่ แควใหญ่ ยาว 300 กิโลเมตร ไหลไปบรรจบลำนำ้ แมก่ ลองที่อำเภอปากแพรก จังหวัดกาญจนบุรี แควน้อย ยาว 227 กโิ ลเมตร ไหลไปบรรจบลำน้ำแม่กลองทอี่ ำเภอเมอื ง จังหวดั กาญจนบุรี ลำนำ้ เพชรบุรี ยาว 100 กิโลเมตร เกิดจากทิว เขาตะนาวศรี ไหลลงสูท่ ะเลท่ีอำเภอบา้ นแหลม จงั หวัดเพชรบรุ ี ลำนำ้ ในภาคตะวันออกเฉยี งเหนอื ลำนำ้ มลู ยาว 620 กิโลเมตร เกดิ จากทวิ เขาสนั กำแพง ไหลขนานกบั ทิวเขาพนมดงรักไปทางทศิ ตะวันออก ไปบรรจบลำนำ้ โขงที่อำเภอโขงเจยี ม จังหวัดอุบลราชธานี ลำน้ำชี ยาว 600 กิโลเมตร เกิดจากทวิ เขาเพชรบูรณ์ และทิวเขาเก้าลูก ไหลลงไปทางทิศตะวนั ออกเฉียงใต้ ไป บรรจบลำน้ำมูลท่ีอำเภอเมือง ฯ จังหวดั อบุ ลราชธานี นอกจากน้ีก็มี ลำน้ำเลย และลำน้ำสงคราม ลำน้ำในภาคใต้ ลำนำ้ ท่ีไหลลงสอู่ า่ วไทย มีอยู่ 7 สายด้วยกนั ได้แก่ ลำนำ้ ชุมพร ยาว 100 กิโลเมตร เกดิ จากแคว 2 แควจากทิวเขาตะนาวศรี และทวิ เขาระนอง แล้วไหลไปรวมกนั ท่ี อำเภอท่าแซะ จงั หวัดชมุ พร คลองชุมพร อยู่ ทางตะวันออกของลำนำ้ ชมุ พร ลำน้ำหลังสวน เกดิ จากทิวเขาระนอง ไหลลงสู่ทะเลท่ี อำเภอหลงั สวน จังหวัด ชุมพร ลำน้ำตาปี ยาว 300 กิโลเมตร เกิดจากทิวเขาภูเก็ต และทวิ เขานครศรีธรรมราช ไหลลงสู่อา่ วไทยที่ อำเภอบ้านดอน เปน็ ลำน้ำทีเ่ กิดจากแควคีรีรัฐ และแควนำ้ หลวง ลำนำ้ ปตั ตานี เกิดจากทวิ เขาสนั กาลาคีรี ไหล ขนึ้ มาทางเหนือ ลงสู่อ่าวไทยทจ่ี งั หวัดปัตตานี ลำนำ้ สายบรุ ี ยาว 170 กโิ ลเมตร เกิดจากทวิ เขาสนั กาลาครี ี ไหล ลงสทู่ ะเลท่ีอำเภอสายบุรี จงั หวัดปตั ตานี ลำนำ้ โกลก เกดิ จากทิวเขาสันกาลาคีรี เป็นแนวเขตแดนไทยกบั มาเลเซยี ลำนำ้ ท่ีไหลลงมหาสมุทรอินเดยี มีอยู่ 2 สายคือ ลำน้ำปากจนั่ หรอื ลำน้ำกระ ยาว 123 กิโลเมตร เกิดจากเทอื กเขาตะนาวศรี ไหลไปทางทิศตะวนั ตกเฉียงใต้ ไหลออกสทู่ ะเลที่อา่ วระนอง จังหวัดระนอง ลำน้ำ ตรัง ยาว 137 กโิ ลเมตร เกิดจากทิวเขานครศรีธรรมราช ไหลไปทางทิศใต้ลงสู่ทะเลที่อำเภอกนั ตงั จังหวัดตรัง ทะเลสาบ บึงและหนอง ทะเลสาบ มีอยเู่ พยี ง 2 แห่งคอื ทะเลสาบสงขลา และทะเลน้อย บงึ และหนอง มกี ระจายอย่ทู ัว่ ไปท้งั ประเทศทส่ี ำคญั ในแต่ละภาคมดี งั นี้ ภาคเหนอื มหี นองเล้งทราย ในเขตบ้านแม่โจ้ อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย กว๊านพะเยา อยู่ในเขต อำเภอเมือง ฯ จงั หวดั พะเยา หนองหล่ม อยู่ในเขตอำเภอเชียงแสน จงั หวัดเชียงราย ภาคกลาง มบี งึ บรเพ็ด อยู่ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ บึงสีไฟ อยใู่ นเขตอำเภอทา่ หลวง จงั หวัดพจิ ติ ร บึงราชนก ในเขตอำเภอวังทอง จงั หวดั พิษณโุ ลก บงึ จอมบงึ อยใู่ นเขตอำเภอจอมบงึ จังหวดั ราชบรุ ี บึงสระสี่มุม อยทู่ างฝัง่ ขวาของลำนำ้ ไทรโยค จังหวัดกาญจนบรุ ี ภาคตะวันออกเฉียงเหนอื มหี นองระหาร อยู่ในเขตจังหวัดสกลนคร หนองหารอยใู่ นเขตอำเภอกุม ภวาปี จงั หวดั อุดรธานี หนองพนั สัก อยู่ในเขตจงั หวัดมหาสารคาม

แบบทดสอบก่อนเรียน เรอ่ื ง ลกั ษณะทางภมู ศิ าสตรข์ องประเทศไทย ลกั ษณะ ทําเล ทตี่ ้งั ของประเทศไทย คำช้ีแจง แบบทดสอบหลังเรียน แบบปรนัย จำนวน 10 ขอ้ คำส่งั จงทำเคร่ืองหมายกากบาท (X) หน้าข้อทถ่ี ูกต้องทสี่ ดุ เพยี งข้อเดยี ว 1. แนวเขตแดนใดกัน้ ระหว่างประเทศไทยกบั กัมพชู า ก. ทิวเขาแดนลาว ข. ทิวเขาถนนธงชัย ค. ทิวเขาพนมดงรัก ง. ทิวเขาสันกะลาคีรี 2. ประเทศเพื่อนบ้านใดมีพรมแดนทางบกติดต่อกับประเทศไทยเปน็ ระยะทางน้อยทส่ี ุด ก. ประเทศลาว ข. ประเทศเมียนมา ค. ประเทศกมั พูชา ง. ประเทศมาเลเซยี 3. ประเทศไทยมฝี นตกชกุ ทั่วประเทศในประมาณกลางเดอื นกรกฎาคมน้นั เนื่องจากได้รับอทิ ธพิ ลของลม อะไร ก. ลมพายุหมนุ ไซโคลน ข. ลมพายหุ มุนในทะเลจีน ค. ลมมรสมุ ตะวันตกเฉยี งใต้ ง. ลมมรสุมตะวันตกเฉียงเหนอื

4. ทวิ เขาสงู ต่างๆ ในภาคเหนือมีความสำคญั ต่อสภาพภมู ิศาสตรข์ องภาคอยา่ งไร ก. เปน็ แหล่งตน้ น้ำลำธารทสี่ ำคัญของภาค ข. เขตทีป่ ระชากรตง้ั ถิ่นฐานกันอยู่อยา่ งหนาแน่น ค. เปน็ แนวพรมแดนธรรมชาติก้ันระหว่างภาคเหนือกบั ภาคอนื่ ๆ ง. ปจั จัยทางธรรมชาตทิ ี่ทำใหภ้ าคเหนือมปี ริมาณน้ำฝนเฉลยี่ ตอ่ ปีสูง 5. “ฉนวนไทย” หมายถึงพน้ื ทบ่ี ริเวณใด ก. ทีร่ าบภาคตะวันออกของประเทศไทยที่ติดต่อกับประเทศกัมพชู า ข. แนวพรมแดนของประเทศไทย ประเทศเมยี นมาและลาว บริเวณสบรวก ค. ช่องเขาบรเิ วณทิวเขาพนมดงรกั ทใ่ี ชเ้ ดนิ ทางติดตอ่ กบั ประเทศกมั พชู า ง. ปากแม่น้ำกระบรุ ีซ่ึงเป็นพรมแดนธรรมชาติระหว่างประเทศไทยกับประเทศเมียนมา 6. ปัจจยั สำคัญข้อใดท่ีสง่ เสริมให้ประชากรไทยมีอาชีพเกษตรกรรม ก. มีพ้นื ท่จี ำนวนมาก ข. สบื ทอดจากบรรพบรุ ษุ ค. สภาพภมู ปิ ระเทศและภูมิอากาศเหมาะสม ง. เปน็ อาชพี ทค่ี นไทยมคี วามเช่ียวชาญมากที่สุดเฉลี่ยตอ่ ปีสงู 7. เพราะเหตใุ ด บรเิ วณภาคกลางตอนลา่ งสภาพดนิ จึงอดุ มสมบรู ณ์เหมาะต่อการเพาะปลูก ก. พื้นทที่ ี่มคี วามสงู จากระดบั ทะเลปานกลางไมม่ ากนัก ข. ดินเกิดจากตะกอนทแ่ี มน่ ้ำสายต่างๆ พดั พามาทับถม ค. เป็นภาคที่มปี ริมาณนำ้ ฝนเฉลย่ี ต่อปีมากทส่ี ุดในประเทศ ง. เปน็ ดินรว่ นทีม่ แี รธ่ าตทุ จ่ี าเป็นตอ่ การเจรญิ เติบโตของพืช 8. เขตภมู ิอากาศแบบสะวนั นาจะปรากฏในพ้นื ทข่ี องประเทศไทยตอนใด ก. ตอนบน ข. ตอนลา่ ง ค. ตอนกลาง ง. ตะวันออก 9. ขอ้ ใดกลา่ วได้ถูกตอ้ งเกีย่ วกบั ที่ต้ังของประเทศไทย ก. ต้งั อยู่ในภมู ภิ าคเอเชียตะวันออก ข. ตง้ั อย่ใู นภูมภิ าคเอเชยี ตะวนั ออกเฉยี งใต้ ค. มีพ้ืนทีบ่ างสว่ นของประเทศอยู่ในซกี โลกใต้ ง. มพี ื้นทป่ี ระเทศอยูใ่ นซกี โลกตะวันตกท้ังหมด

10. ในช่วงอิทธิพลลมมรสุมตะวนั ออกเฉยี งเหนือลักษณะอากาศของภาคใดท่ีแตกต่ำงจากภาคอนื่ ๆ ใน ประเทศ ก. ภาคเหนอื ข. ภาคกลาง ค. ภาคใตฝ้ ง่ั อ่าวไทย ง. ภาคตะวันออกเฉยี งเหนือ เฉลยแบบทดสอบหลงั เรยี น 1. ค 2. ง 3. ค 4. ก 5. ก 6.ค 7.ข 8. ก 9.ข 10 ก วิธีการวัดผลประเมนิ ผล/เครื่องมอื /เกณฑ์การประเมนิ วิธกี าร เคร่อื งมือ เกณฑ์การประเมิน สังเกตพฤตกิ รรมรายกล่มุ แบบสงั เกตพฤติกรรม ผ่านการประเมินระดบั ดีขน้ึ ไป รายกล่มุ ทดสอบหลังเรียน แบบทดสอบหลังเรยี น ผ่านการประเมินร้อยละ 70 ขึ้นไป ประเมินผลงาน/ชน้ิ งาน แบบประเมินผลงาน/ ผา่ นการประเมินร้อยละ 70 ขึ้นไป ช้นิ งาน สอบถามความพึงพอใจ แบบสอบถามความ ผา่ นการประเมินระดบั ดีขนึ้ ไป พงึ พอใจ เกณฑ์การประเมินชนิ้ งาน/ภาระงาน ระดบั คะแนน รายการประเมนิ 4 32 1 ผลงาน 1. ความถูกต้อง มีความถูกตอ้ ง ผลงานสว่ นใหญ่ ผลงาน มีความถูกตอ้ ง เป็นส่วนใหญ่ ชดั เจนสมบูรณ์ ถูกต้องครบถว้ น มคี วามถูกตอ้ งเปน็ ผลงาน สว่ นใหญ่ ครบถว้ น บางสว่ น ไมส่ ะอาด ไม่เรียบรอ้ ย 2. ความสะอาด ผลงานสะอาด ผลงานสะอาด ผลงาน เรียบรอ้ ย เรียบร้อย สวยงาม เรียบรอ้ ย บางส่วน สวยงาม ไมม่ รี อยขีดลบ มีรอยขดี ลบน้อย ไม่สะอาด ไมเ่ รยี บร้อย

รายการประเมนิ 4 ระดับคะแนน 1 32 ส่งงานช้า 3.ตรงต่อเวลา ส่งงานตรงเวลา สง่ งานชา้ กอ่ นหมด ส่งงานชา้ กอ่ นหมด ต้องมีการ เวลา 10 นาที เวลา 5 นาที เรง่ และทวง ท่กี ำหนด คิดแปลกใหม่ เชอื่ มโยงสัมพันธ์ 4.การเช่อื มโยง คิดแปลกใหม่ คดิ แปลกใหม่ คิดแปลกใหม่ ส่งิ ต่าง ๆ ได้ และความคดิ เชอื่ มโยงสัมพันธ์ เชอ่ื มโยงสัมพนั ธ์ เชอ่ื มโยงสมั พันธ์ อยา่ งถูกต้อง สร้างสรรค์ สิง่ ตา่ ง ๆ ได้ สงิ่ ตา่ ง ๆ ได้ ส่ิงต่าง ๆ ได้ เปน็ ส่วนน้อย อย่างถูกต้อง อยา่ งถูกต้อง อย่างถูกต้อง เป็นส่วนใหญ่ เปน็ บางส่วน

แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรขู้ องผเู้ รียน ช่ือโครงการ/กิจกรรม........................................................................................................................ ชอ่ื โรงเรียน/สถานศึกษา …………………………………………………………………………………………………….. คำช้ีแจง ให้ผู้ประเมินทำเครื่องหมายถูก () ลงในช่องระดับพฤติกรรมของผู้เรียน โดยมีเกณฑ์ระดับ คุณภาพการประเมนิ ดังน้ี 5 มีพฤตกิ รรมการเรียนรู้ มากทีส่ ุด 4 มพี ฤติกรรมการเรยี นรู้ มาก 3 มีพฤติกรรมการเรยี นรู้ ปานกลาง 2 มีพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ นอ้ ย 1 มีพฤติกรรมการเรียนรู้ นอ้ ยท่สี ุด เกณฑ์การพิจารณาระดบั คณุ ภาพ คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 0 - 50 ระดับคุณภาพ ปรับปรงุ คะแนนเฉลยี่ รอ้ ยละ 50 - 69 ระดับคณุ ภาพ พอใช้ คะแนนเฉลี่ยรอ้ ยละ 70 – 79 ระดับคณุ ภาพ ดี คะแนนเฉลย่ี ร้อยละ 80 – 89 ระดบั คุณภาพ ดมี าก คะแนนเฉลี่ยรอ้ ยละ 90 - 100 ระดบั คุณภาพ ดีเย่ียม พฤติกรรมการเรยี นรู้ ระดบั พฤตกิ รรม 54321 1. ความต้งั ใจในการทำงาน 2. ความรบั ผิดชอบ 3. ความกระตือรอื ร้น 4. การตรงต่อเวลา 5. ผลสำเรจ็ ของงาน 6. การทำงานรว่ มกบั ผู้อน่ื 7. มคี วามคดิ ริเรม่ิ สร้างสรรค์ 8. มีการวางแผนในการทำงาน 9. การมสี ว่ นรว่ มในการแสดงความคดิ เหน็ ในกลุ่ม 10. การมสี ว่ นร่วมในการแกไ้ ขปัญหาในกลุ่ม ลงชอ่ื ......................................................................ผู้ประเมนิ ............../.............................../....................

แผนการจัดการเรียนรรู้ ายภาค ครัง้ ที่ 5 เร่ือง ประวตั ศิ าสตรช์ าติไทย เวลาเรียน 6 ชว่ั โมง แนวคิด ชาติไทยมบี รรพบุรุษท่ีเสี่ยสละเลอื ดเนอื้ เพอ่ื สร้างอาณาจักรให้ คนไทยไดม้ ีท่ีอยู่อาศยั มีทีท่ ำกนิ อดุ ม สมบูรณและมีศักดิ์ศรีของความเป็นชาติไทยถึงปัจจุบัน นาน 700 ป โดยมี พระมหากษัตริย์ที่มีความสามารถ ท้ังด้านการรบ การปกครอง และการพัฒนาด้านต่างๆ ท่ีคนไทยทุกคนต้องตระหนัก และร่วมกันรักษา ประเทศชาติ ให้ อยู่อยา่ งม่นั คง รม่ เย็นเปน็ สุข ตลอดไป ตวั ช้ีวดั 1. มคี วามรู้ความเขา้ ใจ และอธิบายข้อมูลเก่ยี วกับหลักฐานประวัตศิ าสตร์ได 2. เกิดความตระหนกั และสามารถนำความรูเก่ยี วกับประวัตศิ าสตร์ไปประยกุ ต์ใหท้ นั กับสภาพการ เปลย่ี นแปลงกบั สภาพชุมชน สงั คมและความมั่นคงของประเทศชาติได เนื้อหา ประวตั ศิ าสตรช์ าตไิ ทย 1 ความหมายความสำคญั ของประวัติศาสตร์ 2 ขอ้ มลู หลักฐานทางประวัติศาสตร์ ข้ันตอนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ขน้ั ตอนที่ 1 การสร้างแรงบันดาลใจ (Passion : P) 1. ครูทกั ทายผเู้ รยี น พรอ้ มท้งั แนะนำตนเอง และแผนการจัดการเรียนรู้ ซึง่ การจดั การเรียนรูท้ ผ่ี ้เู รยี น จะต้องเรียนรู้ร่วมกันในครัง้ นี้ คือ เร่ือง ประวตั ิศาสตรช์ าติไทย และชวนคดิ ชวนคยุ เกีย่ วกับเร่อื งทจ่ี ะเรยี นรู้เพ่ือ กระตนุ้ ให้ผ้เู รียนเกิดความสนใจและมีความกระตือรือร้นในการเชื่อมโยงและสรา้ งความพรอ้ มที่จะเรยี นร้หู รือ ทำกจิ กรรมการเรียนรู้ตามแผนการจดั การเรยี นรู้คร้ังนี้ 2. ครูชีแ้ จงวัตถุประสงค์ เนื้อหา กจิ กรรม การวดั และประเมนิ ผลของการเรยี นรู้ในครงั้ น้ี ท่สี อดคล้องกบั ตวั ชี้วดั ตามแผนการจดั การเรียนร้คู รัง้ นี้ เพื่อใหผ้ เู้ รียนเข้าใจอย่างชดั เจนว่า ผเู้ รยี นจะตอ้ งเรียนรูใ้ หบ้ รรลุตวั ชี้วดั ท่กี ำหนดตามแผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 1 เร่ือง ประวตั ิศาสตร์ชาตไิ ทย ในคร้ังนี้ ซึง่ มจี ำนวน 2 ขอ้ ดงั นี้ 1) ความหมาย ความสำคญั ของประวัติศาสตร์ 2) ขอ้ มลู หลกั ฐานทางประวัตศิ าสตร์ 3. ให้ผเู้ รียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี น เรอ่ื ง ประวตั ิศาสตรช์ าติไทย จำนวน 10 ข้อ โดยใช้เวลา 10 นาที

4. ครูให้ผู้เรียนศึกษาหนังสือเรียนรายวิชาสังคมศึกษา สค 11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560 ) เรื่อง ประวัติศาสตร์ชาติไทย หน้า 22 ถึง หน้า 23 พร้อมทั้งแนะนำแหล่งศึกษาค้นคว้า เพ่ิมเติมจากอินเทอร์เนต็ ซ่ึงผู้เรียนสามารถไปเรียนรู้ไดด้ ้วยตนเอง ทำกิจกรรมตามที่ได้รับมอบหมายดว้ ย ทงั้ น้ี ครคู วรจะชี้แจงให้ผู้เรียนทราบว่าในการพบกลุ่มตามแผน การจัดการเรียนรู้ครั้งนี้ ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้และทำ กิจกรรมที่สอดคล้องกับเนื้อหาท่ีเรียน โดยปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ การศึกษาคลิปวิดีโอ และการ แลกเปลีย่ นเรียนรู้โดยการอภิปรายร่วมกับเพ่ือนในกลุ่ม รวมทงั้ มกี ารทดสอบหลงั เรียนดว้ ย นอกจากนี้ ในการพบกลุ่มแต่ละครัง้ น้ัน ครูจะมอบหมายงานให้ผู้เรียนไปเรียนรดู้ ้วยวิธกี ารเรียนรู้ด้วย ตนเอง ซ่ึงวิธีการเรยี นรู้ด้วยตนเองจะต้องเกดิ ข้ึนในทุก ๆ ตวั ช้ีวดั และเนื้อหาท่ีกำหนด โดยผู้เรยี นจะต้องปฏิบัติ กจิ กรรมที่กำหนดให้ดว้ ยวธิ เี รยี นรู้ออนไลน์ และศกึ ษาจากเอกสารประกอบการเรยี น ดังนั้น ครูจะตอ้ งเชอื่ มโยง รายละเอียดดังกล่าวข้างต้นให้ผู้เรียนได้เกิดความเข้าใจและเกิดแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ที่จะเกิดข้ึน เพราะ การมอบหมายงานให้ผู้เรียนไปเรียนรู้ด้วยวิธีเรียนรู้ด้วยตนเองน้ัน ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ออนไลน์ผ่าน อินเทอรเ์ นต็ และศกึ ษาเอกสารประกอบการเรียน 5. ครูชวนคิดชวนคุยเกี่ยวกับประสบการณ์เดิมของครูในเร่ืองที่จะเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้นี้ โดยครสู มุ่ ผูเ้ รียนตามความสมคั รใจ จำนวน 4 – 5 คน ใหต้ อบคำถาม จำนวน 4 ประเด็น ดงั น้ี ประเด็นท่ี 1 “ท่านทราบหรอื ไมว่ ่า ภูมศิ าสตร์ หมายถึง อะไร” แนวคำตอบ ภูมิศาสตร์ คือ วิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับพ้ืนผิวโลกท่ีเกี่ยวกับภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ทรัพยากรธรรมชาติ ผลิตผล และคน รวมท้ังการกระจายของสิ่งตาง ๆ เหลานี้ คือ 6 วิชาท่ีศึกษาถึงความ สมั พนั ธระหวางโลกกบั มนุษย สิ่งแวดลอมกับมนุษย์ ประเดน็ ท่ี 2 “ทา่ นทราบหรอื ไมว่ ่า ประวตั ิศาสตร์ หมายถึง อะไร” แนวคำตอบ ประวัติศาสตร์ หมายถึง เรื่องราวหรือประสบการณในอดีตที่เกิดขนึ้ จากการกระทำ ของ มนุษย์ทั้งเร่ืองราวที่เก่ียวกับแนวคิด พฤติกรรม สิ่งประดิษฐ์ มีวิวฒั นาการท่ีมา ซ่ึงมี นักประวัติศาสตร์ไดศึกษา ค้นควา้ ให้รเู รือ่ งราวที่เกดิ ขนึ้ ตามวิธีการทางประวัติศาสตร์ ประเด็นที่ 3 “ทา่ นทราบหรอื ไม่ว่า ประวัติศาสตร์ มคี วามสำคญั อย่างไร” แนวคำตอบ ภูมิประเทศ หมายถึง การปฏิสัมพันธ์เกี่ยวกบั องค์ประกอบของแผน่ ดิน จำพวก หิน ดิน ความต่าง ระดับ ทำให้เกิดภาพลักษณ์รูปแบบต่าง ๆ เช่น พื้นที่แบบภูเขา พื้นท่ีแบบลาดเชิงเขา พื้นที่ราบ พืน้ ท่ลี ุม่ เป็นต้น ประเด็นท่ี 4 “ท่านทราบหรือไม่ว่าประวตั ศิ าสตร์มีความสำคัญมากกบั ชีวิตคนไทยอย่างไร แนวคำตอบ ประวัตศิ าสตร์มีความสำคัญมากกบั ชีวิตเราคนไทย นอกจากจะทำให้เราได้เรียนรู้ เร่อื งราวของตนเองว่าได้มีความเปน็ มาอยา่ งไร และมีเหตุการณใ์ ดเกดิ ข้นึ บา้ งในอดีต มพี ัฒนาการ หรอื ววิ ฒั นาการในแตล่ ะด้านมาอย่างไร 6. ครูและผเู้ รียนอภปิ รายและสรปุ ผลการเรียนรรู้ ว่ มกัน ขนั้ ตอนที่ 2 การนำไปใชป้ ระโยชน์ (Utilization : U)

1. ครูให้ผู้เรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยแบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ กลุ่มละ 4 – 8 คน ดำเนินกิจกรรม เป็นรายกลุ่ม ศึกษาเน้อื หาในหนังสือเรียนรายวิชาสังคมศึกษา สค 11001 ระดับประถมศกึ ษา (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560 ) เรื่องประวตั ิศาสตรช์ าตไิ ทย หน้า 22 ถึง 23 ดงั น้ี ประวัติศาสตร์ชาตไิ ทย (หนา้ 22 ถงึ 23 ) 1) ความหมาย ความสำคญั ของประวตั ิศาสตร์ 2) ข้อมูลหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ประเด็นท่ี 1 ความหมาย ความสำคัญของประวัติศาสตร์ ประเดน็ ที่ 2 ข้อมูลหลักฐานทางประวัติศาสตร์ 2. ครูแนะนำแหล่งเรียนรู้ให้กับผู้เรียนเพ่ือใช้เป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง อาทิ ห้องสมุด แหล่งเรียนรู้ในชุมชน หน่วยงาน สถานศึกษาต่าง ๆ รวมทั้งการใช้อินเตอร์เน็ตเพ่ือการเรียนรู้ด้วย ตนเอง เป็นต้น และให้ผู้เรียนเป็นรายบุคคลศึกษาเน้ือหา ใน หนังสือเรียนรายวิชาสังคมศึกษา สค 11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560 ) เรอ่ื ง ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทย ลักษณะ ทําเล ทีต่ ้งั ของประเทศไทย หน้า 22 ถึง 23 3. ครูดำเนินการทำหน้าที่นำการอภิปราย โดยให้ผู้เรียนกลุ่มใหญ่ร่วมกันแสดงความคิดเห็น คิดวิเคราะห์ อภิปราย และวิเคราะห์ให้ข้อมูลเพิ่มเติมในเนื้อหาหรือประเด็นที่ยังไม่ชัดเจน ตามรายละเอียดท่ี ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน หากผู้เรียนกลุ่มใหญ่หรือครูเห็นว่ายังไม่สมบูรณ์ มีความต้องการใน การเรียนรู้เพิ่มเติม ครูจะช่วยเติมเต็มความรู้ให้กับผู้เรียน หลังจากน้ันครูและผู้เรียนสรุปส่ิงท่ีได้เรียนรู้ใน ภาพรวมทง้ั หมดแลว้ ใหผ้ เู้ รียนสรปุ สิ่งทไ่ี ดเ้ รียนรลู้ งในสมดุ บนั ทกึ การเรียนร้ขู องตน หมายเหตุ : ในการดำเนินกิจกรรมกลุ่ม ครูช้ีแจงบทบาทหน้าท่ีในการทำงานให้ผู้เรียนได้มีความรับผิดชอบ ร่วมกันในการทำงาน ซ่ึงมอบหมายให้ผู้เรียนดำเนินการแต่งต้ังประธานหรือผู้นำในการอภิปรายแลกเปลี่ยน เรียนรู้ และการมอบหมายให้มีผู้รับผิดชอบในภารกิจต่าง ๆ รวมถึงการแต่งต้ังเลขานุการของกลุ่มเป็น ผู้จด บันทึกและผู้รักษาเวลา เพื่อปฏิบัติงานของกลุ่มใหญ่ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ท่ีตั้งไว้ และพิจารณาว่าสมาชิก ลุ่มทุกคนควรมีความเข้าใจตรงกันว่า ตนมีบทบาทหน้าที่ที่จะต้องช่วยให้กลุ่มทำงานได้สำเร็จ ครูควรให้ คำแนะนำถึงความสำคัญของการให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มมีส่วนร่วมในการอภิปรายอย่างท่ัวถึง ไม่ให้มีการ ผูกขาดการอภิปรายโดยผ้ใู ดผ้หู นึง่ และควรมีการจำกัดเวลาของการอภปิ รายแต่ละประเด็น ในระหว่างการทำกิจกรรมของผู้เรียน ครูมีบทบาทในการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน คอยกระต้นุ ผู้เรียนให้เกิดความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ โดยบันทึกลงในแบบบันทึกพฤติกรรมการเรียนรู้ของ ผู้เรียน และเคร่อื งมอื ประเมนิ การสังเกตแบบประมาณค่า 4. ครูเปิดโอกาสให้ผ้เู รยี นทั้งกลมุ่ รว่ มกนั สนทนา เพื่อใหผ้ ้เู รียนมีทักษะในการฟัง พดู คิดวเิ คราะห์ การทำงานรว่ มกบั ผอู้ ่นื การคิดสร้างสรรค์ ความรบั ผดิ ชอบ และการนำความรู้ในเนื้อหามาใช้ โดยครูบูรณาการ เนอ้ื หาการเรียนรู้ มีการใชส้ อื่ เทคโนโลยที เี่ ป็นคลปิ วดิ ีโอจาก youtube และ TikTok ทีส่ มั พันธก์ บั เนอ้ื หา ท้งั นี้ ครูเช่ือมโยงส่ิงท่ีได้เรยี นรูต้ ามขนั้ ตอนที่ 1 ในการนำความร้ไู ปสู่การปฏบิ ตั ิ

ครูบรรยายเนื้อหาตามใบความรู้สำหรับครู เร่ือง “ประวัติศาสตร์ชาติไทย” เพื่อใช้สำหรับประกอบ กิจกรรมการเรยี นรู้ เรอื่ ง “ประวัตศิ าสตรช์ าติไทย” ในส่วนของผู้เรียนให้ศึกษาใบความรู้สำหรับผู้เรยี น ประกอบการบรรยายของครตู ามใบความรู้สำหรับ ผเู้ รยี น เรื่อง “ประวตั ศิ าสตรช์ าติไทย” ครูอธิบาย เร่ือง “ประวัติศาสตร์ชาติไทย”ตามใบกิจกรรมสำหรับครู เร่ือง “ประวัติศาสตร์ชาติทย” พร้อมท้ังให้ผู้เรียนร่วมปฏิบัติในการสาธิตของครูด้วย ท้ังนี้เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แลกเปล่ียนเรียนรู้ โดยให้ ผู้เรียนตั้งประเด็นข้อสงสัย หรือสิ่งท่ีต้องการเรียนรู้ในการดูยูทูป เร่ือง ประวัติศาสตร์ชาติไทย และเช่ือมโยงสู่ การนำไปใช้ในชีวิตจรงิ ของผ้เู รียนตอ่ ไป 5. ครูและผู้เรยี นอภปิ รายและสรปุ ผลการเรยี นร้รู ว่ มกัน ขน้ั ตอนท่ี 3 การสะท้อนความคดิ จากการเรยี นรู้ (Reflection : R) 1. ครูแบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 4 - 8 คน ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มศึกษาและแสดงแผนท่ีทาง ความคดิ โดยผู้เรยี นแตล่ ะกลุม่ วางแผนและดำเนนิ การเกี่ยวกับการศกึ ษาเอกสาร ในหนังสือเรยี นรายวชิ าสังคม ศึกษา ระดับประถมศึกษา สค11001 หน้า 22-23 เรื่อง “ประวัติศาสตร์ชาติไทย” ตามใบกิจกรรมของ ผู้เรยี น เรื่อง “ประวัติศาสตร์ชาติไทย”ท้ังน้ี ครูเตรียมหนงั สือเรียน อุปกรณ์ กระดาษมฟู ปากกาเมจิก ให้กับ ผู้เรียนในการค้นคว้า เร่ือง “ประวัติศาสตร์ชาติไทย” ตามใบกิจกรรมสำหรับครู เรื่อง “ประวัติศาสตร์ชาติ ไทย” 2. ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มทำตามข้อ 2 ปฏิบัติกิจกรรมตามใบกิจกรรม เรื่อง “ประวัติศาสตร์ชาติไทย” ท้ังนี้ ครูจะต้องกำกับการปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียนจนกิจกรรมแล้วเสร็จ ตามใบกิจกรรมสำหรับครู เร่ือง “ประวัติศาสตร์ชาตไิ ทย” 3. ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการค้นคว้า เร่ือง “ประวัติศาสตร์ชาติไทย” ตามใบกิจกรรมของ ผเู้ รยี น เรื่อง “ประวัติศาสตร์ชาตไิ ทย” 4. ครูให้ผู้เรียนสะท้อนความคิดในการเรียนรู้ท่ีได้จากการเรียนรู้และการปฏิบัติการค้นคว้า และ นำเสนอเป็น แผนทที่ างความคดิ 5. ครูและผู้เรียนอภปิ รายและสรปุ ผลการเรียนรรู้ ว่ มกนั ขัน้ ตอนที่ 4 การตดิ ตามประเมินแก้ไข (Action : A) 1. ครูสนทนากับผู้เรียนเก่ียวกับเร่ืองท่ีได้เรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้น้ี โดยครูสุ่มผู้เรียนตาม ความสมคั รใจจำนวน 2 – 3 คน ให้ตอบคำถามในประเดน็ ตอ่ ไปน้ี ประเด็น “จากทีท่ า่ นไดเ้ รยี นเรื่อง ประวตั ิศาสตรช์ าติไทย ท่านจะนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไรบา้ ง แนวคำตอบ ผู้เรียนสามารถนำความรู้ท่ีได้รับจากการเรียนรู้เร่ือง ประวัติศาสตร์ชาติไทย ไปใช้ ประโยชนไ์ ดด้ งั น้ี ดังนี้ (1) ทำใหส้ ามารถวเิ คราะหถ์ ึงเรอ่ื งราวในอดตี

(2) เปน็ พนื้ ฐานความรคู้ วามเขา้ ใจเกย่ี วกับประวตั ศิ าสตรช์ าติไทย (3) ทำใหม้ นษุ ย์เราร้ถู งึ ความเปน็ มาสมยั อดตี ชาติ 2. ครูและผู้เรียนอภิปรายและสรุปผลการเรียนรู้ร่วมกัน ตาม PowerPoint สำหรับครู เรื่อง การสรุปผลการเรียนรู้ “ประวตั ิศาสตร์ชาติไทย” เพ่ือเป็นการสรุปภาพรวมของกิจกรรมการเรียนรู้ ซ่ึงจะทำให้ ผเู้ รียนเกิดความเขา้ ใจในกจิ กรรมการเรียนรมู้ ากยงิ่ ข้ึน 3. ให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน เร่ือง “ประวัติศาสตร์ชาติไทย” จำนวน 5 ข้อ โดยใช้เวลา 5 นาที 4. ครูและผูเ้ รยี นสรปุ ภาพรวมส่ิงทีไ่ ด้เรียนรรู้ ว่ มกัน นอกจากน้ี ในตอนท้ายของการพบกลุ่ม หลังจากเสร็จสิ้นข้ันตอนท่ี 3 ครูได้มอบหมายงานให้ผู้เรียนรู้ ดว้ ยตนเอง รายละเอียดดงั นี้ 1. ครูช้ีแจงให้ผู้เรียนทราบว่า ในการพบกลุ่มแต่ละคร้ังผู้เรียนจะได้รับมอบหมายงานให้ไปเรียนรู้ด้วย วิธีเรียนรู้ด้วยตนเองในลักษณะท่ีครูจะมอบหมายงานให้ผู้เรียนไปศึกษา “หนังสือเรียนรายวิชา สังคมศึกษา ระดับประถมศึกษา สค11001ระดับประถมศึกษา (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560 ) เร่ือง ประวัติศาสตร์ชาติไทย หนา้ 22 ถงึ 23 ท้งั ภาคทฤษฎีและปฏิบัติ โดยใหศ้ ึกษาเน้อื หาและปฏบิ ัติกจิ กรรมทา้ ยเรื่อง รายละเอยี ดของเนือ้ หา แบง่ ออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้ ส่วนที่ 1 เน้อื หาการเรยี นรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้ครง้ั นี้ สว่ นท่ี 2 เนอื้ หาการเรียนรเู้ พ่ิมเตมิ ในหนงั สือเรียนเรยี นดังกล่าว 2. ครูมอบหมายงานให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยให้ไปศึกษา “หนังสือเรียนหนังสือเรียน รายวิชา สังคมศึกษา สค 11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560 ) เร่ือง ประวัติศาสตร์ชาติ ไทย หนา้ .....22...ถึง.....23. รายละเอียดของกิจกรรมท่ีผู้เรียนจะต้องปฏบิ ัติ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ดังนี้ สว่ นที่ 1 เนื้อหาการเรียนรู้ตามแผนการจดั การเรียนรู้ครัง้ น้ี ได้แก่รายวิชาสังคมศึกษา สค 11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560 ) เรอื่ ง ประวตั ศิ าสตรช์ าตไิ ทย (หนังสือเรยี น หน้า 22 – 23 ) สอ่ื วสั ดุ อปุ กรณ์ และแหล่งการเรยี นรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น เร่ือง “ประวัตศิ าสตรช์ าติไทย” 2. ใบความร้สู ำหรับผเู้ รียน เร่ือง “ประวัตศิ าสตร์ชาติไทย” 3. ใบกจิ กรรมสำหรบั ครู เร่ือง “ลกั ษณะทางภูมศิ าสตรข์ องประเทศไทย ลกั ษณะ ทําเล ท่ีตงั้ ของประเทศ ไทย” 4. ใบกจิ กรรมของผเู้ รียน เร่ือง “ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทย ลักษณะ ทาํ เล ทตี่ ง้ั ของ ประเทศไทย”

5. วัสดุ อปุ กรณ์ในการคน้ คว้า เรอื่ ง “ลกั ษณะทางภมู ิศาสตร์ของประเทศไทย ลักษณะ ทําเล ที่ต้งั ของ ประเทศไทย” 6. บทสรุป สำหรบั ครู เรอ่ื ง การสรปุ ผลการเรยี นรู้ “ประวตั ิศาสตรช์ าตไิ ทย” 7. แบบทดสอบหลังเรียน เรอ่ื ง “ประวัติศาสตร์ชาติไทย” 11. แบบประเมนิ ความพึงพอใจสำหรับผู้เรยี นในการเข้ารว่ มกจิ กรรมการเรียนรู้ เรอ่ื ง“ประวตั ิศาสตร์ชาติไทย” การวดั และประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤติกรรมการมสี ว่ นรว่ ม ความตัง้ ใจ และความสนใจของผเู้ รียน 2. ผลการทดสอบกอ่ นและหลังเรยี น 3. ผลการออกแบบและสร้างสรรค์นวตั กรรมและสิ่งท่ตี อ้ งการพฒั นา/ชิน้ งาน/ผลงาน 4. ผลการประเมินความพงึ พอใจของผู้เรียน

บันทึกผลหลังการจดั กระบวนการเรยี นรู้ ผลการใช้แผนการจัดกระบวนการเรยี นรู้ 1. จำนวนเนอื้ หากับจำนวนเวลา  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม ระบเุ หตผุ ล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. การเรียงลำดับเนอ้ื หากับความเข้าใจของผ้เู รยี น  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม ระบุเหตผุ ล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การนำเขา้ สู่บทเรียนกับเนื้อหาแตล่ ะหัวข้อ  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม ระบเุ หตผุ ล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. วิธีการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้กบั เนอื้ หาในแตล่ ะขอ้  เหมาะสม  ไม่เหมาะสม ระบเุ หตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. การประเมนิ ผลกบั ตวั ชวี้ ดั ในแตล่ ะเน้ือหา  เหมาะสม  ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตุผล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการเรียนรู้ของผู้เรียน ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….............. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….............. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………….................................................. ผลการจดั กระบวนการเรียนรขู้ องครู ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….............. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….............. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………….................................................. ข้อเสนอแนะ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….............. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………..............

………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… รายละเอยี ดส่อื วัสดุ อปุ กรณ์ และแหลง่ การเรยี นรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรื่อง “ประวัตศิ าสตร์ชาติไทย” 2. ใบความรสู้ ำหรับผู้เรยี น เร่อื ง “ประวตั ศิ าสตรช์ าตไิ ทย” 3. ใบความรู้สำหรับครู เรือ่ ง “ประวตั ิศาสตร์ชาติไทย” 4. ใบกิจกรรมสำหรบั ครู เร่ือง “ประวตั ิศาสตรช์ าติไทย” 5. ใบกิจกรรมของผเู้ รยี น เร่ือง “ประวตั ิศาสตรช์ าติไทย” 6. วสั ดุ อุปกรณใ์ นการทดลอง เรอ่ื ง “ประวัตศิ าสตร์ชาตไิ ทย” 7. บทสรุป สำหรับครู เรอ่ื ง การสรุปผลการเรยี นรู้ “ประวตั ิศาสตรช์ าตไิ ทย” 8. แบบทดสอบหลังเรียน เรอ่ื ง “ประวัติศาสตรช์ าติไทย”

ใบความรู้สำหรบั ผ้เู รียน เรอื่ ง ประวัตศิ าสตร์ชาติไทย ความหมาย ความสำคญั ของประวัติศาสตร์ ความหมาย ประวตั ิศาสตร์หมายถึง เรือ่ งราวหรือประสบการณในอดีตทีเ่ กิดข้นึ จากการกระทำ ของ มนุษยท์ ัง้ เรื่องราวทีเ่ ก่ียวกับแนวคิด พฤติกรรม ส่งิ ประดิษฐ์มีวิวฒั นาการทมี่ า ซงึ่ มี นักประวัตศิ าสตรไ์ ดศกึ ษา ค้นคว้าให้รเู ร่ืองราวท่เี กิดขึ้นตามวธิ ีการทางประวัติศาสตร์ ตวั อย่าง ประวตั ศิ าสตร์ท่เี กี่ยวกบั แนวความคดิ ของ คนในอดีต เชน่ การฝังศพของ คนจนี ทีม่ กี ารฝงั คนเป็นไปพรอมกบั คนตาย เพราะเช่ือว่าผ้ตู ายจะมีคนคอยรบั ใช้หลงั การ ตาย การขดุ ค้นพบร้วั บริเวณที่ ฝงั ศพของคนโบราณมักพบอุปกรณ์เคร่ืองใชต้ ่างๆ ใกล้บรเิ วร นนั้ ๆ เพราะเกิดจากความเชือ่ วา่ ผตู้ ายจะไดมีของใช้เป็นต้น ตัวอยา่ ง ประวตั ศิ าสตร์เกีย่ วกบั พฤติกรรม เช่น ในสมยั ยุคดกึ ดำบรรพที่พบว่า คนสมัยนน้ั ยังชพี ด้วยการล่าสัตว์เป็นอาหาร เพราะพบอาวุธสำหรบั ลา่ สัตว์ในบรเิ วณท่ี เป็น ทีอ่ ยู่อาศัยของคนสมัยน้ัน ตวั อยา่ ง ประวัตศิ าสตร์ทเี่ ก่ียวกับส่ิงประดิษฐ์ เช่น อาวุธโบราณ เครื่องถ้วยชาม ภาพเขียน ตามผนังที่เปน็ การสะท้อนเรื่องราว วถิ ชี วี ติ ของคนสมยั ต่างๆ ความสาํ คัญ ประวัติศาสตร์มีความสำคัญมากกับชีวิตเราคนไทย นอกจะให้เราได เรียนร้เู ร่อื งราวของตนเองวาได้มี ความเป็นอยู่มาอย่างไร และมีเหตุการณ์ ใดเกดิ ขึ้นบ้างในอดตี มีพฒั นาการ หรอื วิวัฒนาการในแต่ละด้านมา อย่างไร ผูศ้ ึกษาประวัติศาสตร์ยังไดรับประโยชนดังนี้ 1. เป็นผู้มีเหตุมีผล เพราะการศกึ ษาประวัตศิ าสตร์ ต้องคิด และหาหลักฐานเหตุผลประกอบเพราะ อธิบายสง่ิ ทพี่ บอย่างสมเหตุสมผล 2. เปน็ ผทู้ ี่เหน็ คณุ ค่าของประวัติศาสตร์ เข้าใจเร่ืองราวตา่ งๆ ทง้ั ทเ่ี ปน็ ของ ประเทศไทยเรา หรือ ต่างประเทศได 3. เป็นคนท่ีละเอยี ดรอบคอบ เพราะการศึกษาประวตั ศิ าสตร์ต้องดทู ุกราบละเอยี ด ไมว่ ่าจะเปน็ หลกั ฐานรอ่ งรอยทีเ่ ป็นวตั ถุสภาพแวดล้อม หรือข้อมูลทางประวตั ศิ าสตร์ อน่ื ๆ ก่อนทีจ่ ะสรุปวา่ เกิดอะไรขนึ้ 4. ทำให้มคี วามเข้าใจเพ่ือนมนษุ ย์ เพราะจากการศึกษาเร่ืองราวของชนชาติต่างๆ ทำใหร้ ูและเขา้ ใจ กันอย่างลึกซง้ึ 5. เปน็ การถา่ ยทอดความรู้ท่ไี ด้ศึกษามาให้กบั ผู้ใกล้เคียงและคนรุน่ ต่อไปไดท้ ำให้ประวัตศิ าสตร์ไมสญู หายไป

ขอ้ มูลหลกั ฐานทางประวัติศาสตร์ หลักฐานทางประวัติศาสตร์มีการจัดแบง่ เป็นหลายลักษณะ ดงั นี้ 1. หลักฐานตามแหล่งข้อมูล เช่น เอกสาร เทปบนั ทึกการสัมภาษณ์วรรณกรรม 2. หลักฐานตามลักษณะการบันทึกข้อมลู เช่น การจารึก พงศาวดาร บันทึกสว่ นตวั จดหมายเหตุ สารานุกรม เงนิ ตรา โบราณสถาน โบราณวตั ถุและอนื่ ๆ 3. หลักฐานตามยุคสมัย เชน่ ยคุ กอ่ น ประวัตศาสตร์ ได้แก่ โครงกระดูก ซากโบราณ สถาน เครื่องมือ เคร่อื งใช้ ฯลฯ ยคุ ประวตั ิศาสตร์ เป็นสมัยที่มีการบนั ทกึ เรื่องราวในหนงั สัตว์ แผ่นศลิ า ดนิ เผา รวมถงึ เร่อื งราวท่ี มกี ารเล่า สบื ตอ่ กันในรปู แบบของตำนาน ศลิ าจารึก พงศาวดาร ฯลฯ 4. หลกั ฐานตามเจตนารมณ์ของผู้เกย่ี วข้องในเหตุการณ์ ทง้ั ทโี่ ดยเจตนาทีจ่ ะบันทกึ เรื่องราวไวและท่ีไม มเี จตนาบันทกึ ไว

ใบกิจกรรมสำหรบั ครู เรื่อง ประวตั ศิ าสตรช์ าติไทย คำช้ีแจง ให้ครูดำเนินการ ดังน้ี 1. อธิบายและการค้นคว้า เรื่อง “ประวัติศาสตร์ชาติไทย” ตามใบกิจกรรมสำหรับครู เรื่อง “ประวัติศาสตร์ชาติไทย”พร้อมทั้งให้ผู้เรียนร่วมปฏิบัติในการค้นคว้าของครูด้วย ทั้งนี้เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ แลกเปล่ียนเรียนรู้ โดยให้ผู้เรียนตั้งประเด็นข้อสงสัย หรือส่ิงที่ต้องการเรียนรู้ในกระบวนการของการค้นคว้า และเช่ือมโยงสกู่ ารนำไปใช้ในชวี ิตจรงิ ของผเู้ รียนต่อไป 2. แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 5 - 6 คน ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มลงมือปฏิบัติค้นคว้า โดยผู้เรียนแต่ละ กลุ่มวางแผนและดำเนินการเกี่ยวกับการค้นคว้า เร่ือง “ประวัติศาสตร์ชาติไทย” ตามใบกิจกรรมของผู้เรียน เรื่อง “ประวัติศาสตร์ชาติไทย”ท้ังนี้ ครูเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ให้กับผู้เรียนในการค้นคว้า เร่ือง “ประวัติศาสตร์ ชาติไทย”ตามใบกจิ กรรมสำหรบั ครู เรือ่ ง “ประวัติศาสตรช์ าตไิ ทย 3. ใหผ้ ู้เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ตามขอ้ 2 ปฏิบตั กิ ิจกรรมตามใบกจิ กรร เรอื่ ง “ประวตั ศิ าสตร์ชาตไิ ทย” ท้ังนี้ ครูจะต้องกำกับการปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียนจนกิจกรรม แล้วเสร็จ ตามใบกิจกรรมสำหรับครู เร่ือง “ประวัติศาสตร์ชาตไิ ทย” 4. ใหผ้ เู้ รียนแต่ละกลุ่มนำเสนอผลการค้นคว้า เรื่อง “ประวัติศาสตร์ชาติไทย” ตามใบกิจกรรมของผู้เรยี น เร่อื งประวตั ิศาสตร์ชาตไิ ทยและการนำเสนอผลการค้นควา้ เรื่อง ประวตั ิศาสตรช์ าตไิ ทย 5. ครแู ละผู้เรียนอภปิ รายและสรปุ ผลการเรียนรูร้ ว่ มกัน

แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง ประวตั ิศาสตร์ชาติไทย คำชแ้ี จง แบบทดสอบก่อนเรียน แบบปรนยั จำนวน 5 ข้อ คำสง่ั จงทำเครื่องหมายกากบาท (X) หนา้ ข้อที่ถูกต้องทีส่ ดุ เพียงข้อเดียว 1. หลักฐานทางประวัติศาสตร์มกี ารจัดแบงเป็นหลายลักษณะ ท้ังหมดม่ีก่ลี ักษณะ ก 1 ลกั ษณะ ข 2 ลกั ษณะ ค 3 ลักษณะ ง 4 ลักษณะ 2. หลักฐานตามแหล่งขอ้ มูล คอื อะไร ก การจารึก พงศาวดาร บนทักส่วนตัว จดหมายเหตุ ข เอกสาร เทปบันทกึ การสัมภาษณ์ วรรณกรรม ค โครงกระดูก ซากโบราณ สถานเครื่องมือเคร่ืองใช้ ฯลฯ ง บนั ทึกเรือ่ งราวไวและที่ไมมเี จตนาบันทกึ ไว 3. หลกั ฐานตามลกั ษณะการบนั ทกึ ข้อมูล คืออะไร ก การจารึก พงศาวดาร บนทักส่วนตัว จดหมายเหตุ ข เอกสาร เทปบนั ทึกการสัมภาษณ์ วรรณกรรม ค โครงกระดูก ซากโบราณ สถานเครื่องมือเครื่องใช้ ฯลฯ ง บันทึกเรอ่ื งราวไวและที่ไมมเี จตนาบันทกึ ไว 4. มอญ มีถน่ิ ฐานอยูบรเิ วณลุมแม่ชื่อวา่ อะไร ก บรเิ วณแมนำ้ โขง ข ลุมแมน้ำสาละวนิ และแมนำ้ อิรวด ค บริเวณลุ่มแมน่ ำ้ เจ้าพระยา ง บริเวรตน้ แมนำ้ แยงซเี กยี ง 5. อาณาจักรลงุ ต้ังอยูทางตอนเหนอื บรเิ วณตนแมนำ้ อะไร ก บริเวณตนแมนำ้ เหลือง (ฮวงโห) ข บรเิ วณพื้นทีท่ างเหลอื ของมณฑลเสฉวน ค บริเวรตน้ แมน้ำแยงซเี กียง ง บริเวรตน้ แมนำ้ อริ วด เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น

1. ง 2. ข 3. ก 4. ข 5. ก วธิ กี ารวดั ผลประเมินผล/เครอ่ื งมือ/เกณฑ์การประเมนิ วธิ กี าร เคร่ืองมือ เกณฑ์การประเมิน สังเกตพฤติกรรมรายกลุ่ม แบบสงั เกตพฤติกรรม ผา่ นการประเมินระดบั ดีขึน้ ไป รายกลุ่ม ทดสอบหลังเรียน แบบทดสอบหลงั เรียน ผ่านการประเมินรอ้ ยละ 70 ขึ้นไป ประเมนิ ผลงาน/ช้นิ งาน แบบประเมนิ ผลงาน/ ผ่านการประเมินร้อยละ 70 ขึ้นไป ชิ้นงาน สอบถามความพึงพอใจ แบบสอบถามความ ผ่านการประเมินระดบั ดีข้ึนไป พึงพอใจ เกณฑ์การประเมนิ ชิน้ งาน/ภาระงาน ระดบั คะแนน รายการประเมนิ 4 32 1 ผลงาน 1. ความถูกต้อง มีความถูกตอ้ ง ผลงานส่วนใหญ่ ผลงาน มคี วามถูกต้อง เปน็ สว่ นใหญ่ ชัดเจนสมบูรณ์ ถกู ต้องครบถ้วน มีความถูกต้องเปน็ ผลงาน สว่ นใหญ่ ครบถว้ น บางส่วน ไม่สะอาด ไมเ่ รยี บร้อย 2. ความสะอาด ผลงานสะอาด ผลงานสะอาด ผลงาน ส่งงานชา้ ต้องมีการ เรยี บรอ้ ย เรียบรอ้ ย สวยงาม เรยี บร้อย บางสว่ น เรง่ และทวง คิดแปลกใหม่ สวยงาม ไมม่ รี อยขีดลบ มรี อยขีดลบน้อย ไม่สะอาด เช่ือมโยงสัมพนั ธ์ ส่งิ ตา่ ง ๆ ได้ ไม่เรียบรอ้ ย อยา่ งถูกต้อง เป็นส่วนนอ้ ย 3.ตรงต่อเวลา ส่งงานตรงเวลา ส่งงานช้าก่อนหมด สง่ งานชา้ ก่อนหมด ทก่ี ำหนด เวลา 10 นาที เวลา 5 นาที 4.การเชือ่ มโยง คิดแปลกใหม่ คดิ แปลกใหม่ คิดแปลกใหม่ และความคิด เชือ่ มโยงสัมพันธ์ เช่อื มโยงสมั พันธ์ เช่อื มโยงสัมพันธ์ สรา้ งสรรค์ สงิ่ ตา่ ง ๆ ได้ ส่ิงต่าง ๆ ได้ สง่ิ ตา่ ง ๆ ได้ อย่างถูกต้อง อย่างถูกต้อง อยา่ งถูกต้อง เป็นสว่ นใหญ่ เปน็ บางสว่ น

แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรขู้ องผู้เรียน ช่ือโครงการ/กิจกรรม........................................................................................................................ ชื่อโรงเรียน/สถานศึกษา …………………………………………………………………………………………………….. คำช้ีแจง ให้ผู้ประเมินทำเครื่องหมายถูก () ลงในช่องระดับพฤติกรรมของผู้เรียน โดยมีเกณฑ์ระดับ คณุ ภาพการประเมินดงั นี้ 5 มีพฤติกรรมการเรียนรู้ มากทีส่ ุด 4 มพี ฤตกิ รรมการเรยี นรู้ มาก 3 มีพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ ปานกลาง 2 มีพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ นอ้ ย 1 มีพฤติกรรมการเรียนรู้ นอ้ ยท่สี ุด เกณฑ์การพิจารณาระดับคุณภาพ คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 0 - 50 ระดับคุณภาพ ปรับปรงุ คะแนนเฉล่ยี รอ้ ยละ 50 - 69 ระดับคณุ ภาพ พอใช้ คะแนนเฉลี่ยรอ้ ยละ 70 – 79 ระดับคณุ ภาพ ดี คะแนนเฉลี่ยรอ้ ยละ 80 – 89 ระดบั คุณภาพ ดมี าก คะแนนเฉล่ยี รอ้ ยละ 90 - 100 ระดบั คุณภาพ ดีเย่ียม พฤติกรรมการเรยี นรู้ ระดบั พฤตกิ รรม 54321 1. ความตงั้ ใจในการทำงาน 2. ความรบั ผิดชอบ 3. ความกระตือรอื ร้น 4. การตรงตอ่ เวลา 5. ผลสำเรจ็ ของงาน 6. การทำงานร่วมกบั ผ้อู น่ื 7. มคี วามคดิ รเิ ร่ิมสรา้ งสรรค์ 8. มีการวางแผนในการทำงาน 9. การมสี ่วนรว่ มในการแสดงความคดิ เหน็ ในกลุ่ม 10. การมีส่วนรว่ มในการแกไ้ ขปัญหาในกลุ่ม ลงชอ่ื ......................................................................ผู้ประเมนิ ............../.............................../....................

แผนการจัดการเรยี นรรู้ ายภาค ครั้งท่ี 6 เรอ่ื ง การส่ือสารในยคุ ดิจทิ ัล เวลาเรียน 6 ชว่ั โมง แนวคิด การสอื่ สารในยุคดิจทิ ลั หมายถึง กระบวนการทใี่ ช้ทักษะในการวเิ คราะหผ์ รู้ บั สารและสง่ สารให้มี ความเหมาะสมกกบ ระดบั ของการสอื่ สารของแตล่ ะบุคคล ผา่ นชอ่ งทางในการส่ือสารตา่ ง ๆ ในทนี่ คี้ ือ ส่อื ดจิ ิทัล ทำให้เกิดการแลกเปลย่ี นสาร เช่น ข้อความ ภาพ เสียง เป็นตน้ เพ่ือใหผ้ รู้ บั สารเข้าใจสาร ท่ตี าม จุดประสงค์ของผสู้ ่งสารตั้งใจ บคุ คลมีสมรรถนะในการเข้าถึง ค้นหาคัดกรอง วิเคราะห์ สังเคราะห์ จดั การ ประยุกตใ์ ช้ สื่อสาร สร้าง แบ่งปัน และติดตามข้อมูล (Data) สารสนเทศ (Information) และสาร (Content Media) ได้อย่างเหมาะสม ไม่ละเมิดสิทธิผ้อู ื่น มีความรับผิดสอบ ปลอดภยั มมี ารยาท ไม่ละเมิดกฎหมาย ตัวชี้วดั 1.บอกความหมาย องค์ประกอบและวตั ถุประสงคข์ องการสื่อสารได้ 2.บอกความหมายและรูปแบบของการสื่อสารในยุคดจิ ทิ ัลได้ 3.บอกความหมายและความสำคญั ของเครือขา่ ยตอ่ สงั คมออนไลน์ได้ 4.ตระหนักถึงความสำคัญของเครือข่ายสงั คมออนไลน์ 5.ระบุประเภทของเครือขา่ ยสังคมออนไลน์ท่ีนิยมใชป้ จั จุบนั เช่น FACEBOOK INSTARGRAM TWITTER เปน็ ตน้ 6.บอกประโยชนแ์ ละข้อจำกัดของเครือข่ายสงั คมออนไลน์ได้ 7.ตระหนกั ถึงประโยชนแ์ ละข้อจำกดั ของเครือข่ายสงั คมออนไลนแ์ ละสามารถปรบั ใชไ้ ด้อย่าง เหมาะสม 8.มีมารยาทและการสื่อสารในยคุ ดิจทิ ลั และประยุกตใ์ ชไ้ ด้ 9.วเิ คราะห์และอธบิ ายแนวโนม้ สือ่ ดิจิทลั ในอนาคตได้ 10.วิเคราะห์กรณีศกึ ษา : การใช้ประโยชน์การสื่อสารในยุคดิจทิ ลั ได้ เนือ้ หา 1.ความหมายองค์ประกอบและวตั ถปุ ระสงค์ของการสอ่ื สาร 2.ความหมายและรูปแบบของการสื่อสารในยุคดิจทิ ลั 3.เครอื ขา่ ยสังคมออนไลน(์ Social Network) 3.1ความหมายและความสำคัญของเครือขา่ ยสงั คมออนไลน์ 3.2ประเภทของเครือข่ายสังคมออนไลนท์ ีน่ ยิ มใชใ้ นปัจจุบนั

3.3ประโยชน์และข้อจำกัดของเครอื ข่ายสงั คมออนไลน์ 4.มารยาทการสื่อสารในยคุ ดิจทิ ลั 5.แนวโน้มส่อื ดิจิทลั ในอนาคต 6.กรณีศึกษา : การใช้ประโยชนก์ ารสอื่ ในยุคดิจิทัล ข้นั ตอนการจดั กระบวนการเรยี นรู้ ข้ันตอนท่ี 1 การสรา้ งแรงบันดาลใจ ( Passion : P ) 1. ครูทักทายผู้เรียน พร้อมท้ังแนะนำตนเองและแผนการจัดการเรียนรู้ซึ่งการจัดการเรียนรู้ที่ ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ร่วมกันในคร้ังนี้ คือ เรื่อง “การส่ือสารในยุคดิจิทัล ” และชวนคิดชวนคุยเกี่ยวกับเรื่องที่จะ เรียนรู้เพ่ือกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจและมีความกระตือรือร้นในการเชื่อมโยง และสร้างความพร้อมที่จะ เรียนร้หู รอื ทำกิจกรรมการเรียนรูต้ ามแผนการจดั การเรียนรคู้ รัง้ น้ี 2. ให้ผเู้ รียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี นเรื่อง “การส่อื สารในยุคดิจิทัล ” โดยใชเ้ วลา 10 นาที 3. ครูช้ีแจงวตั ถปุ ระสงค์ เน้อื หา กิจกรรม การวัดและประเมินผลของการเรียนรู้ในคร้ังน้ี ทส่ี อดคลอ้ งกับ ตัวชี้วัดตามแผนการจัดการเรียนรู้คร้ังนี้ เพ่ือให้ผู้เรียนเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ให้บรรลุตัวชี้วัด ทก่ี ำหนดตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 1 เรื่อง “การสื่อสารในยุคดจิ ิทัล ”ในคร้ังนี้ โดยใหน้ ักศึกษาทำใบงานท่ี 1 จำนวน 2 ข้อ อธิบายความสำคญั ความหมายและประเภท ของการส่ือสารในยุคดจิ ทิ ัล 4. ครูให้ผู้เรียนศึกษา เรื่อง “การสื่อสารในยุคดิจิทัล” พร้อมทั้งแนะนำแหล่งศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมจาก อินเทอร์เน็ต ซึ่งผู้เรียนสามารถไปเรียนรู้ได้ด้วยตนเองและทำกิจกรรมตามที่ได้รับมอบหมายด้วย ท้ังนี้ครูควรจะ ช้ีแจงให้ผู้เรียนทราบว่าในการพบกลุ่มตามแผนการจัดการเรียนรู้คร้ังน้ี ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้และทำกิจกรรมที่ สอดคลอ้ งกับเนอ้ื หาท่ีเรยี น โดยปฏิบตั ิกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่ การศึกษาคลิปวิดีโอใน Youtube หรือ สื่อออนไลน์ อ่นื ๆ ขัน้ ตอนที่ 2 การนำไปใช้ประโยชน์ (Utilization : U) 1. ครใู หผ้ ูเ้ รยี นแลกเปล่ยี นเรยี นรู้ โดยแบง่ ผเู้ รียนออกเปน็ กลุ่ม ๆ กลมุ่ ละ 4 – 5 คน ดำเนนิ กจิ กรรมเป็น รายกล่มุ ศกึ ษาเนื้อหา เรื่อง “การสอ่ื สารในยุคดจิ ิทลั ” โดยคน้ หาจากส่อื ออนไลนต์ ่าง ๆ 1) เร่ืองความหมายประเภทและการสื่อสารในยุคดจิ ิทัล 2) เร่อื งพ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ พ.ศ.2560 3) เรอ่ื งการละเมิดทรัพยส์ นิ ทางปัญญา ให้แต่ละกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และส่งผู้แทนนำเสนอต่อกลุ่มใหญ่ครูและผู้เรียนสรุปผลการเรียนรู้ รว่ มกัน และให้ผู้เรยี นสรปุ สง่ิ ท่ีไดเ้ รยี นรู้ลงในสมุดบันทกึ ผลการเรยี นรู้ของตน

2. ครูแนะนำแหล่งเรียนรู้ให้กับผู้เรียนเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง อาทิ ห้องสมุด แหล่งเรียนรู้ในชุมชน หน่วยงาน สถานศึกษาต่าง ๆ รวมท้ังการใช้อินเตอร์เน็ตเพ่ือการเรียนรู้ด้วย ตนเอง เป็นต้น 3. ครูดำเนินการทำหน้าท่ีนำการอภิปราย โดยให้ผู้เรียนกลุ่มใหญ่ร่วมกันแสดงความคิดเห็น คิดวิเคราะห์ อภิปราย และวิเคราะห์ให้ข้อมูลเพ่ิมเติมในเน้ือหาหรือประเด็นที่ยังไม่ชัดเจน ตาม รายละเอียดที่ผู้เรียนได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน หากผู้เรียนกลุ่มใหญ่หรือครูเห็นว่ายังไม่สมบูรณ์ มีความ ต้องการในการเรียนรู้เพิ่มเติม ครูจะช่วยเติมเต็มความรู้ให้กับผู้เรียน หลังจากนั้นครูและผู้เรียนสรุปสิ่งที่ได้ เรียนรใู้ นภาพรวมท้งั หมดแลว้ ใหผ้ ู้เรยี นสรปุ ส่ิงที่ได้เรียนรลู้ งในสมดุ บันทึกการเรียนรู้ของตน หมายเหตุ : ในการดำเนินกิจกรรมกลุม่ ครูชี้แจงบทบาทหน้าที่ในการทำงานให้ผ้เู รียนได้มีความรับผดิ ชอบรว่ มกัน ในการทำงาน ซึ่งมอบหมายให้ผู้เรียนดำเนินการแต่งต้ังประธานหรือผู้นำในการอภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการมอบหมายให้มีผู้รับผิดชอบในภารกิจต่างๆ รวมถึงการแต่งต้ังเลขานุการของกลุ่มเป็นผู้จดบันทึกและ ผู้รักษาเวลา เพื่อปฏิบัติงานของกลุ่มใหญ่ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ และพิจารณาว่าสมาชิกลุ่มทุกคน ควรมีความเข้าใจตรงกันว่า ตนมีบทบาทหน้าท่ีท่ีจะต้องช่วยให้กลุ่มทำงานได้สำเร็จ ครูควรให้คำแนะนำถึง ความสำคัญของการให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มมีส่วนร่วมในการอภิปรายอย่างท่ัวถึง ไม่ให้มีการผูกขาดการ อภิปรายโดยผใู้ ดผ้หู นงึ่ และควรมีการจำกดั เวลาของการอภิปรายแตล่ ะประเดน็ ในระหว่างการทำกิจกรรมของผู้เรียน ครูมีบทบาทในการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน คอย กระตุ้นผู้เรียนให้เกิดความกระตือรือร้นในการเรียนรู้โดยบันทึกล งในแบบบันทึกพฤติกรรมการเรียนรู้ของ ผเู้ รยี น และเครื่องมอื ประเมนิ การสงั เกตแบบประมาณคา่ ข้นั ตอนท่ี 3 การสะทอ้ นความคดิ จากการเรยี นรู้ ( Reflection : R ) 1. ใหผ้ ้เู รยี นแตล่ ะกลุ่มนำเสนอ 1) เรื่องความหมายประเภทและการสอ่ื สารในยุคดิจทิ ัล 2) เรอ่ื งพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 3) เรอ่ื งการละเมิดทรัพยส์ นิ ทางปัญญา 2. ครูเปิดโอกาสให้ผู้เรียนท้ังกลุ่มร่วมกันสนทนา เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะในการฟัง พูด คิดวิเคราะห์ การ ทำงานร่วมกับผู้อ่ืน การคิดสร้างสรรค์ ความรับผิดชอบ และการนำความรู้ในเนื้อหามาใช้ โดยครูบูรณ าการ เนอื้ หาการเรียนรู้ มกี ารใชส้ อ่ื เทคโนโลยที เ่ี ป็นคลิปวิดโี อจาก youtube และ TikTok ทส่ี ัมพันธก์ ับเนื้อหา ท้ังนค้ี รู

เช่อื มโยงสิ่งท่ไี ดเ้ รียนรู้ตามขั้นตอนท่ี 1 ในการนำความรู้ไปสู่การปฏิบัติและประยุกต์ใช้ผ่านคลิปวิดีโอ โดยครูเปิด คลปิ วดิ ีโอ “เร่ืองความหมายประเภทของสื่อสารในยุคดิจิทัล ” จาก https://youtu.be/Dat-vSofNVQ เวลา 1 นาที “เรื่องพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560” https://www.youtube.com/watch?v=-E8dPqCKa94 เวลา 4.34 นาที และ “เร่ืองการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา” https://www.youtube.com/watch?v=fXtkCDe1ui เวลา 4.34 นาที หลังจากนนั้ ครู ดำเนินการ ดังนี้ (1) ครูบรรยายเน้ือหาตามใบความรู้สำหรับครู “เรื่องความหมายประเภทของสื่อสารในยุค ดิจิทัล” เพ่ือใช้สำหรับประกอบกิจกรรมการเรยี นรู้ “เรื่องความหมายประเภทความหมายประเภทของสื่อสาร ในยุคดิจิทัล” ในส่วนของผู้เรียนให้ศึกษาใบความรู้สำหรับผู้เรียน ประกอบการบรรยายของครูตามใบความรู้ สำหรบั ผูเ้ รียน “เร่ืองความหมายประเภทความหมายประเภทของส่ือสารในยุคดจิ ทิ ลั ” (2) ครูอธิบาย “เร่อื งพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560” พร้อมท้ังให้ผเู้ รียนได้แลกเปล่ยี นเรียนรู้ โดยให้ผู้เรียนต้ังประเด็นข้อสงสัย หรือสิ่งท่ีต้องการเรียนรู้ และเช่ือมโยงสู่การนำไปใช้ในชีวิตจริงของผู้เรียน ตอ่ ไป (3) ครูอธิบาย “เร่ืองการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา” พร้อมทั้งให้ผู้เรียนได้แลกเปล่ียนเรียนรู้ โดยให้ผู้เรียนตั้งประเด็นข้อสงสัย หรือส่ิงที่ต้องการเรียนรู้ และเชื่อมโยงสู่การนำไปใช้ในชีวิตจริงของผู้เรียน ต่อไป 3.ครูให้ผู้เรียนสะทอ้ นความคิดในการเรยี นรู้ทไี่ ด้จากการเรียนรู้ จากขน้ั ตอนที่ 1 ถึงขั้นตอนท่ี 3 นี้ ขั้นตอนที่ 4 การตดิ ตามประเมินและแกไ้ ข (Action : A) 1. ใหผ้ ู้เรยี นทำแบบทดสอบหลังเรียน จำนวน 10 ข้อ โดยใช้เวลา 15 นาที 1) เรอ่ื งความหมายประเภทของสอื่ สารในยคุ ดจิ ทิ ลั 2) เรอ่ื งพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 3) เรอื่ งการละเมดิ ทรพั ยส์ นิ ทางปัญญา 2. ครูและผู้เรยี นสรปุ ภาพรวมสิ่งท่ีไดเ้ รยี นรู้ร่วมกัน นอกจากน้ี ในตอนท้ายของการพบกลุ่ม หลังจากเสร็จส้ินข้ันตอนท่ี 3 ครูการมอบหมายงานให้ เรียนรูด้ ้วยตนเอง รายละเอยี ดดงั น้ี การมอบหมายงานใหเ้ รียนรู้ดว้ ยตนเอง

1. ครูช้ีแจงให้ผู้เรียนทราบว่า ในการพบกลุ่มแต่ละครั้งผู้เรียนจะได้รบั มอบหมายงานให้ไปเรียนรู้ด้วยวิธีเรียนรู้ ดว้ ยตนเองในลักษณะท่ีครจู ะมอบหมายงานให้ผู้เรียนไปศึกษาจากสอื่ ต่าง ๆ “เรื่องประโยชน์และข้อจำกัดของ เครอื ขา่ ยสังคมออนไลน์ ” “เรือ่ งมารยาทการส่อื สารในยุคดจิ ทิ ลั ” “เรอ่ื งแนวโน้มสอื่ ดิจิทัลในอนาคต” หมายเหตุ : ให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเอง ซ่ึงการให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วย ตนเองน้ันอาจมคี วามแตกต่างกันบ้างในข้ันตอน โดยพิจารณาจากพ้นื ฐานของผูเ้ รียน ในกรณีท่ผี ู้เรียนมีพื้นฐาน น้อยหรือไมม่ พี ้นื ฐานมากอ่ นก็ควรจัดการเรียนรู้พื้นฐานที่จำเป็นและพอเพยี งกับผู้เรยี น หลังจากนน้ั ให้ผู้เรยี นได้ ปฏิบัติด้วยตนเองในช่วงระยะหนึ่งแล้วจึงค่อยให้ผู้เรียนคิดหัวข้อที่อยากจะทำ หรือถ้าผู้เรียนมีพื้นความรู้มา กอ่ นแลว้ ใหค้ ดิ หัวขอ้ ที่สนใจจะทำและให้ลงมอื ปฏบิ ตั ไิ ด้ สือ่ วัสดุอปุ กรณ์ และแหล่งการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น 1) เรอ่ื งความหมายประเภทของส่ือสารในยคุ ดจิ ิทลั 2) เรือ่ งพ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ พ.ศ.2560 3) เร่อื งการละเมิดทรพั ย์สนิ ทางปัญญา 2. คลิปวดิ ีโอ “เร่อื งความหมายประเภทของส่ือสารในยุคดจิ ิทลั ” จาก https://youtu.be/Dat-vSofNVQ เวลา 1 นาที “เรื่องพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560” https://www.youtube.com/watch?v=-E8dPqCKa94 เวลา 4.34 นาที “เรอ่ื งการละเมิดทรพั ย์สนิ ทางปัญญา” https://www.youtube.com/watch?v=fXtkCDe1ui เวลา 4.05 นาที 3. ใบความร้สู ำหรับผเู้ รยี น 1) เรือ่ งความหมายประเภทของสือ่ สารในยคุ ดิจทิ ัล 2) เร่ืองพ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ พ.ศ.2560 3) เรอ่ื งการละเมิดทรพั ยส์ ินทางปญั ญา 4. PowerPoint สำหรับครู

1) เรื่องความหมายประเภทของส่ือสารในยุคดิจทิ ลั 2) เรอื่ งพ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ พ.ศ.2560 3) เรอื่ งการละเมิดทรพั ย์สินทางปญั ญา 5. แบบทดสอบหลังเรียน 1) เรอื่ งความหมายประเภทของสอื่ สารในยุคดิจทิ ลั 2) เรอื่ งพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 3) เร่ืองการละเมิดทรพั ย์สินทางปัญญา 6. แบบประเมนิ ความพงึ พอใจของนักเรยี นตอ่ การจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน การวัดและประเมนิ ผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมการมสี ่วนร่วม ความต้งั ใจ และความสนใจของผู้เรยี น 2. ผลการทดสอบก่อนและหลงั เรียน 3. ผลการประเมินความพงึ พอใจของผ้เู รียน

ใบความรู้ ครง้ั ท่ี 6 รายวิชา สค 0200035 คุณธรรมในการใชส้ ือ่ สังคมออนไลน์ เรื่อง การสอื่ สารในยคุ ดจิ ิทัล การสอื่ สารในยุคดจิ ทิ ัล หมายถงึ กระบวนการทใ่ี ช้ทกั ษะในการวเิ คราะห์ผรู้ บั สารและส่งสารให้มี ความเหมาะสมกกบ ระดับของการสอ่ื สารของแต่ละบุคคล ผา่ นชอ่ งทางในการส่ือสารตา่ ง ๆ ในท่นี ้ีคือ สอื่ ดิจิทัล ทำใหเ้ กิดการแลกเปลย่ี นสาร เช่น ข้อความ ภาพ เสยี ง เปน็ ต้น เพ่ือใหผ้ ู้รบั สารเขา้ ใจสาร ท่ตี าม จุดประสงคข์ องผ้สู ง่ สารต้ังใจ บุคคลมีสมรรถนะในการเข้าถึง ค้นหาคดั กรอง วเิ คราะห์ สงั เคราะห์ จัดการ ประยกุ ต์ใช้ สอื่ สาร สร้าง แบ่งปนั และติดตามข้อมลู (Data) สารสนเทศ (Information) และสาร (Content Media) ได้อย่างเหมาะสม ไม่ละเมิดสทิ ธิผอู้ น่ื มีความรับผดิ สอบ ปลอดภยั มมี ารยาท ไม่ละเมิดกฎหมาย ดว้ ย เครอ่ื งมอื และเทคโนโลยีท่เี หมาะสมและหลากหลายประกอบด้วย9หน่วยสมรรถนะ 1.สิทธิความรบั ผดิ ชอบยคุ ดิจทิ ลั (DigitalRight) 2. ความปลอดภัยยุคดจิ ทิ ัล (Digital Safety) 3. สุขภาพดยี ุคดจิ ทิ ัล (Digital Health) 4. การเข้าถึงดจิ ิทลั (Digital Access) 5.การรู้เท่าทันสื่อและ สารสนเทศ (Media and Information Literacy) 6. ดจิ ทิ ลั คอมเมริ ซ์ (Digital Commerce) 7.การสอ่ื สารยุคดจิ ิทัล (Digital Communication ) 8.มารยาทในสังคมดจิ ทิ ลั (Digital Etiquette) 9. กฎหมายดิจิทลั (Digital Law) องคป์ ระกอบหลักของกระบวนการสอื่ สาร ประกอบดว้ ย 5 สว่ น 1. ผสู้ ่งสาร ผูเ้ ปน็ เจา้ ของสาร สารสนเทศ หรือข้อความ ทีจ่ ะต้องการส่งสาร ของ ตัวเองไปยงั ผ้รู ับสาร 2.สาร ผเู้ ป็นเจ้าของสาร สารสนเทศ หรือข้อความ ท่ีจะต้องการสง่ สาร ของ ตัวเองไปยังผู้รับสาร

3.ช่องทางการสื่อสาร ช่องทางที่นำสารไปยังผู้รับ สาร ช่องทางสื่อสารดั้งเดิม เช่น ส่ือบุคคล สื่อสิ่งพิมพ์ ส่ือโทรศัพท์สื่อวิทยุเป็นต้น ช่องทางสื่อดิจิทัล เช่น ส่ืออินเทอร์เนต สื่อ สังคมออนไลน์ส่ือชุมชน ออนไลน์เป็น ตน้ 4. ผรู้ บั สาร เปา้ หมายที่ผูส้ ่งสารต้อง สอื่ สารความหมายใหไ้ ปถงึ ซึง่ เปน็ บุคคลหรือกลุ่มคน 5. ปฏิกิริยาสะท้อนกลับ ปฏิกิริยาต่อสารท่ีผู้ส่งสาร ส่งมา โดยผู้รับสารสามารถ มีปฏิกิริยาทางบวก หรือทาง ลบ ได้หลงั จากไดร้ บั สารไป แลว้ เรอื่ ง พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 สรุป 13 ขอ้ สาระสำคญั จำง่ายๆ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ 2560 ถ้ายังจำกันได้ถึงการผลักด้น พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับ คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 ที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติให้ความเห็นชอบเม่ือเดือนธันวาคม เมื่อปี 2559 และได้ ประกาศลงราชกจิ จานุเบกษาเมื่อวันท่ี 24 มกราคม 2560 มผี ลบังคบั ใช้แลว้ ในวนั ท่ี 24 พ.ค.2560 เพ่ือการใช้ออนไลน์อย่างถูกกฎหมาย สำหรับสาระสำคัญที่หลายคนควรพึงระวังใน พ.ร.บ. ว่าด้วย กระทำความผดิ เก่ียวกับคอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2560 หรือ พ.ร.บ.คอมพวิ เตอร์ ฉบบั 2 มีสาระสำคญั จำง่ายๆ ดังน้ี 1. การฝากรา้ นใน Facebook, IG ถอื เปน็ สแปม ปรับ 200,000 บาท 2. ส่ง SMS โฆษณา โดยไม่รับความยินยอม ให้ผู้รับสามารถปฏิเสธข้อมูลนั้นได้ ไม่เช่นนั้นถือเป็นส แปม ปรบั 200,000 บาท 3. สง่ Email ขายของ ถอื เป็นสแปม ปรับ 200,000 บาท 4. กด Like ได้ไม่ผิด พ.ร.บ.คอมพ์ฯ ยกเว้นการกดไลค์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับสถาบัน เสี่ยงเข้าข่าย ความผิดมาตรา 112 หรือมีความผิดร่วม 5. กด Share ถือเป็นการเผยแพร่ หากข้อมูลท่ีแชร์มีผลกระทบต่อผู้อ่ืน อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพ์ฯ โดยเฉพาะทีก่ ระทบต่อบคุ คลท่ี 3 6. พบข้อมูลผิดกฎหมายอยู่ในระบบคอมพิวเตอรข์ องเรา แต่ไม่ใช่ส่ิงที่เจ้าของคอมพิวเตอร์กระทำเอง สามารถแจ้งไปยังหน่วยงานท่ีรับผิดชอบได้ หากแจ้งแล้วลบข้อมูลออกเจ้าของก็จะไม่มีความผิดตามกฎหมาย เช่น ความเห็นในเว็บไซต์ต่าง ๆ รวมไปถึงเฟซบุ๊ก ท่ีให้แสดงความคิดเห็น หากพบว่าการแสดงความเห็นผิด กฎหมาย เม่ือแจง้ ไปท่ีหนว่ ยงานท่รี ับผดิ ชอบเพอื่ ลบไดท้ ันที เจ้าของระบบเวบ็ ไซต์จะไมม่ ีความผิด 7.สำหรับ แอดมินเพจ ท่ีเปดิ ใหม้ ีการแสดงความเหน็ เมื่อพบขอ้ ความทผ่ี ิด พ.ร.บ.คอมพ์ฯ เม่ือลบออก จากพ้ืนทท่ี ต่ี นดูแลแลว้ จะถอื เปน็ ผูพ้ น้ ผดิ

8. ไมโ่ พสต์สิง่ ลามกอนาจาร ท่ที ำให้เกิดการเผยแพร่สปู่ ระชาชนได้ 9. การโพสเกี่ยวกบั เด็ก เยาวชน ต้องปิดบงั ใบหนา้ ยกเวน้ เมอื่ เปน็ การเชิดชู ช่ืนชม อยา่ งให้เกียรติ 10. การให้ข้อมูลเก่ียวกบั ผู้เสียชีวติ ต้องไม่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียเช่ือเสียง หรือถูกดูหม่ิน เกลียดชัง ญาติสามารถฟ้องรอ้ งไดต้ ามกฎหมาย 11. การโพสต์ด่าว่าผู้อ่ืน มกี ฏหมายอาญาอยู่แล้ว ไม่มีข้อมูลจรงิ หรือถูกตัดต่อ ผู้ถูกกลา่ วหา เอาผิดผู้ โพสต์ได้ และมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรบั ไม่เกิน 200,000 บาท 12. ไมท่ ำการละเมดิ ลขิ สิทธิ์ผใู้ ด ไมว่ า่ ขอ้ ความ เพลง รูปภาพ หรือวดิ โี อ 13. สง่ รูปภาพแชรข์ องผอู้ ืน่ เช่น สวสั ดี อวยพร ไมผ่ ิด ถ้าไมเ่ อาภาพไปใช้ในเชิงพาณิชย์ หารายได้ น่ีเป็นเพียงส่วนหน่ึงของ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่มีผลบังคับใช้แล้ว ซ่ึงยังมีอีกหลายประเด็นที่ส่งผล กระทบต่อการใช้งานสือ่ สังคมออนไลน์ ดังนั้นจึงควรรกู้ ฎกติกาการใชง้ านไว้กอ่ น ก็จะช่วยป้องกันไมใ่ ห้เราเสย่ี ง ตอ่ การทำผดิ กฎหมายได้ เรอ่ื ง การละเมดิ ทรัพย์สนิ ทางปัญญา การละเมิดลิขสิทธ์ิ หมายถึงการนําผลงานของผู้อ่ืนมาใช้ เผยแพร่ ดัดแปลง ทําซ้ำ โดยผู้เป็นเจ้าของ ผลงานไม่อนญุ าตหรอื ไม่ไดร้ บั ทราบ ปกติแลว้ กรรมสิทธ์ิ และลิขสทิ ธข์ิ องผ้สู รา้ งสรรคโ์ ดยปรยิ าย โดยหลัก ๆ ทรัพย์สินทางปัญญาจะเกี่ยวข้องเพียง 3 เร่ือง เท่านั้น ได้แก่ ลิขสิทธิ์สิทธิบัตร เครื่องหมายการค้า ส่วนพระราชบญั ญัติตา่ ง ๆ ท่ีเกี่ยวข้องกับแผนผังภูมิวงจรรวม ความลับทางการค้า สง่ิ บง่ ชี้ ภูมิศาสตร์ การคุ้มครองพันธุ์พืช จะไม่ได้สอนในวิชากฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา แต่มีพระราชบัญญัติการ ค้มุ ครองกฎหมายทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญาจะเกีย่ วข้องกับกฎหมายทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญาคอื 1. พระราชบญั ญตั ิเครื่องหมายการค้า (Trade Marks) เปน็ เรือ่ งเก่ียวกับเครื่องหมายการคา้ 2. พระราชบญั ญตั สิ ิทธิบตั ร (Patent) พระราชบัญญตั สิ ทิ ธิบตั รของไทยจะครอบคลมุ ถงึ สิทธบิ ตั รและ การออกแบบผลิตภัณฑ์ Design) ทาง WIPO ไดแ้ ยก Design ออกต่างหากและมีบางประเทศทแ่ี ยกกฎหมาย Design ออกตา่ งหากจากสิทธบิ ัตร แนวคิดการให้ความคุ้มครองทรัพย์สินทางปญั ญา 1. เพื่อตอบแทนความคดิ สรา้ งสรรค์ของบุคคล 2. เพือ่ สง่ เสรมิ และจูงใจให้สรา้ งสรรค์ผลงาน 3. เพื่อสง่ เสรมิ ใหส้ ง่ เสริมใหม้ ีการเปดิ เผยความรูส้ ่สู ังคม 4. เพอื่ ปอ้ งกนั การแข่งขนั ไม่เป็นธรรม 5. กระตุน้ การแขง่ ขันโดยเสรี 6. เพอ่ื ค้มุ ครองผ้บู ริโภค 7. เพือ่ รักษาผลประโยชนท์ างการค้าระหวา่ งประเทศ สทิ ธขิ องเจา้ ของทรพั ยส์ ินทางปญั ญา

ผู้ทรงสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญามีสิทธิที่จะหวงกันไม่ให้ผู้อื่นมาใช้ผลงานทางปัญญาที่ตนได้ สร้างสรรค์หรือพฒั นาขึน้ เรยี กว่า สิทธิเดด็ ขาด หรือ สิทธแิ ต่เพยี งผู้เดยี ว (Exclusive rights) มสี ิทธจิ ําหนา่ ยจ่ายโอนหรอื ทาํ ใหเ้ กดิ ภาระติดพันใด ๆ แก่ทรพั ยส์ นิ ทางปญั ญาของตน มีสิทธิทีจ่ ะฟ้องคดแี พ่งหรือระงบั การละเมดิ และเรยี กคา่ สินไหมทดแทน มีสทิ ธใิ นการดาํ เนนิ คดีอาญาตามพระราชบญั ญตั แิ ละประมวลกฎหมายอาญา 1. การกระทาํ อย่างใดอย่างหน่ึง ดงั ตอ่ ไปนี้ 1.1 ทําซํา้ หรอื ดดั แปลง ซงึ่ งานอนั มีลิขสทิ ธ์ิ 1.2 เผยแพร่ตอ่ สาธารณชน ซง่ึ งานอนั มีลขิ สิทธ์ิ 2. แก่งานอนั มีลิขสิทธิ์ 3. โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์ตามมาตรา 15 (5) ต้องระวางโทษปรับต้ังแต่20,000 ถึง 200,000 บาท (มาตรา 69) บทลงโทษ มคี วามผิดท้ังทางแพ่งและทางอาญา ผลกระทบของการละเมดิ ทรัพยส์ ินทางปัญญา - ทําใหเ้ กิดการฟ้องรอ้ งดําเนนิ คดีเพ่ือโต้แย้งสิทธิใ์ นความเปน็ เจา้ ของทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างกันขึน้ - ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจการส่งออกไทย ก่อให้เกิดความไม่น่าเช่ือถือแก่นานาชาติ เป็นเหตุให้ผู้ ส่งออกชาวไทยไม่สามารถส่งสินค้าไปจําหน่ายที่ต่างประเทศได้ ทําให้สูญเสียรายได้และลดการขยายตัวของ ตลาดสง่ ออก - ถูกกดดันจากต่างประเทศที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา ก่อให้เกิดความไม่มั่นใจแก่นักลงทุนในการ ลงทนุ ภายในประเทศ - ผู้สร้างสรรค์ขาดแรงจูงใจในการสร้างสรรค์งานใหม่เนื่องจากการถูกลอกเลียนแบบ ส่งผลให้ขาดการ พัฒนานวัตกรรม ต้องนําเข้าความรู้และเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ทําให้การพัฒนาเศรษฐกิจเป็นไปอย่าง ลา่ ช้า วิธกี ารปอ้ งกนั สทิ ธใิ นทรัพย์สินทางปัญญา - หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องหม่ันลงสํารวจพ้ืนท่ีเข้าข่ายที่จะมีการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา และ ดําเนินการปราบปรามการละเมิดหรือการกระทําท่ีผิดกฎหมายเก่ียวกับทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจัง- จัด มาตรการคุ้มครองสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา ณ จุดนําเข้า – ส่งออก ตัวอย่างเช่น สินค้าปลอมหรือเลียน เคร่ืองหมายการคา้ หรอื สนิ คา้ ทีท่ าํ ซาํ้ หรือดดั แปลงงานอันมีลขิ สิทธ์ิ เป็นต้น

- จัดอบรมให้ความรู้แก่เจ้าพนักงานตํารวจและเจ้าหน้าที่ กรมศุลกากรให้เข้าใจถึงสิทธิในทรัพย์สิน ทางปญั ญา - ประชาสัมพันธ์ให้สาธารณชนทราบถงึ การกระทําท่ีถือเป็นการละเมิดซ่ึงสิทธิในทรัพย์สนิ ทางปัญญา และโทษที่ได้รับ เช่น จัดพิธีทําลายของกลางคดีละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อมิให้เกิดการกระทําอันเป็น เย่ียงอย่าง เป็นตน้ - รณรงคใ์ หป้ ระชาชนไม่สนบั สนนุ สนิ ค้าหรอื ผลติ ภณั ฑ์ท่ีเกิดจากการละเมิดทรัพยส์ ินทางปญั ญา แบบทดสอบ ครง้ั ท่ี 6 รายวิชา สค 0200035 คณุ ธรรมในการใช้สอ่ื สงั คมออนไลน์ 1.ข้อใดคอื คำท่ีประกอบกันแล้วมคี วามหมายเหมือนคำวา่ “ไอท”ี ก.ขอ้ มูล สารสนเทศ ข. เทคโนโลยี สารสนเทศ ค. การประมวลผล เทคโนโลยี ง. ข้อมลู การประมวลผล สารสนเทศ 2. ข้อใดคือ เทคโนโลยสี ารสนเทศ ข. System technology ก. Technology System ง. Technology information ค. Information technology 3. พรบ.วา่ ดว้ ยการกระทำความผิดเกี่ยวกบั คอมพิวเตอร์ ฉบบั ท่ี 2 พ.ศ.2560 ใหไ้ ว้ ณ วันทเี่ ทา่ ไร่ ก. วันท่ี 24 มกราคม 2560 ข. วนั ที่ 24 มกราคม 2560 ค. วันท่ี 25 มกราคม 2560 ง. วนั ท่ี 26 มกราคม 2560 4.พรบ.ว่าดว้ ยการกระทำความผิดเกย่ี วกบั คอมพวิ เตอร์ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2560 บังคบั ใชเ้ มื่อพ้นกำหนดกีว่ ัน ก. 60 วัน ข. 120 วัน ค. 180 วนั ง. 200วนั

5. ผูท้ ก่ี ระทำผดิ กฎหมายโดยใช้เทคโนโลยีคอมพวิ เตอร์พวกใด คือผ้ทู ม่ี ีความรู้และทกั ษะทางคอมพวิ เตอร์เปน็ อยา่ งดี ก. Darnged Person ข. Com Artist ค. Cracker ง. Dreamer 6. ขอ้ ใดจดั เปน็ การละเมิดทรัพยส์ นิ ทางปญั ญา ก. แตงกวาฟังเพลงจากคลื่น FM 95 ข. ใบเตย ชมภาพยนตรเ์ รอ่ื ง เฮนรี่ พอร์ตเตอร์ ในโรงภาพยนตร์ ค. แสนดี ซื้อหนงั สอื ค่มู ือเตรียมสอบจากรา้ นดวงกมล ง. ข้าวฟา่ ง ดาวน์โหลดภาพยนตรจ์ ากอินเตอร์เน็ต 7.ขอ้ ใดไม่ถือเป็นการละเมิดจรรยาบรรณในการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ ก.ทำสำเนาซอฟต์แวรเ์ พื่อจำหนา่ ย ข.แอบเข้าไปอา่ นอีเมลผ์ อู้ ่ืน ค.ติดตง้ั โปรแกรมไวรัสใหก้ ับเคร่อื งผู้อ่นื ง.สนทนาออนไลนกับชาวตา่ งชาติเปน็ เวลานาน 8.การยื่นจดลขิ สทิ ธอ์ิ อนไลน์สามารถดำเนนิ การไดท้ ่ีเวบ็ ไซต์ใด ก.https://www.ipthailand.go.th ข.https://www.treasury.go.th ค.http://www.cgd.go.th ง.https://www.dopa.go.th 9.โพสตข์ อ้ ความวา่ รา้ ยเปดิ เผยความลับของผ้อู น่ื ลงใน Facebook ถือว่าผดิ มารยาทในการใช้อินเทอร์เน็ต หรอื ไม่ เพราะเหตุใด ก.ผิด เพราะเปน็ การใช้คอมพิวเตอรท์ ำร้าย หรอื ละเมดิ สทิ ธิผู้อนื่ ข.ผิด เพราะเปน็ การสรา้ งหลักฐานที่เปน็ เท็จ ค.ไม่ผดิ เพราะไมไ่ ด้เป็นการทำรา้ ยใคร ง.ไม่ผดิ เพราะถือเป็นสิทธิส่วนบคุ คล 10. ผู้ทกี่ ระทำความผดิ คกุ คามทางเพศออนไลน์จะได้รับโทษตามข้อใด(Cyber Sexual Harassment ) ก. ต้องรบั โทษจำคกุ ไมเ่ กนิ 1 ปี ปรับไม่เกนิ 10,000 บาท หรอื ท้ังจำท้ังปรบั ข. ต้องรบั โทษจำคกุ ไมเ่ กนิ 2 ปี ปรับไมเ่ กนิ 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook