Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้รายภาค ประถมศึกษา 1-65

แผนการจัดการเรียนรู้รายภาค ประถมศึกษา 1-65

Published by suckseedeua_20325, 2022-08-22 19:29:04

Description: แผนการจัดการเรียนรู้รายภาค ประถมศึกษา 1-65

Search

Read the Text Version

คำนำ แผนการจัดการเรียนรู้รายภาค ประจำภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2565 ของสำนักงาน ส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดเพชรบูรณ์ ฉบับน้ี จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็น แผนในการจดั การเรียนรู้ ตามหลักสูตรการศกึ ษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศกั ราช 2551 โดยใช้รูปแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้ ของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตาม อัธยาศัยจังหวัดเพชรบูรณ์ (PURA MODEL) ซ่ึงมี 4 ข้ันตอน ได้แก่ ขั้นตอนที่ 1 การสร้างแรงบันดาลใจ (Passion : P) ขั้นตอนท่ี 2 การนำไปใช้ประโยชน์ (Utilization : U) ข้ันตอนท่ี 3 การสะท้อนความคิด จากการเรียนรู้ (Reflection : R) และขั้นตอนท่ี 4 การติดตามประเมินและแก้ไข (Action : A) ซ่ึงมี รายละเอียดประกอบด้วย คำอธิบายรายวิชา ตารางวิเคราะห์เน้ือหา แผนการจัดการเรียนรู้รายวิชา ใบ ความรู้ ใบงาน และบนั ทกึ ผลหลังการจดั กระบวนการเรยี นรู้ ในการจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้รายภาค ประจำภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 ฉบับนี้ ได้รับความรว่ มมือจากผบู้ ริหาร ข้าราชการ และบุคลากรทางการศกึ ษา ร่วมกันแสดงความคิดเห็นแลกเปลย่ี น เรยี นรู้ จนเกิดกิจกรรมการเรียนรู้ครบถ้วนตรงตามหลกั สูตร ขอขอบคุณคณะผู้บริหาร ข้าราชการ และบคุ ลากรทางการศกึ ษา ที่ให้ความรู้ คำแนะนำ ทำให้ แผนการจัดการเรียนรู้รายภาค ประจำภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2565 คร้ังนี้ประสบความสำเร็จเป็น รูปเล่มสมบูรณ์ คณะผู้จัดทำหวังเป็นอย่างย่ิงว่าเอกสารเล่มน้ีจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้นำไปใช้ในการจัด กิจกรรมการเรียนรู้ได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพต่อไป คณะผ้จู ดั ทำ สำนกั งานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศยั จงั หวดั เพชรบูรณ์

สารบญั หนา้ คำนำ สารบญั แผนการจัดการเรยี นรู้รายภาค แผนการจดั การเรียนรรู้ ายภาคคร้ังท่ี 1 แผนการจัดการเรียนรรู้ ายภาคครง้ั ท่ี 2 แผนการจดั การเรยี นรรู้ ายภาคครั้งท่ี 3 แผนการจดั การเรยี นร้รู ายภาคครั้งท่ี 4 แผนการจัดการเรยี นรู้รายภาคครั้งที่ ถ แผนการจดั การเรยี นรู้รายภาคคร้งั ที่ 6 แผนการจัดการเรยี นรรู้ ายภาคครง้ั ที่ 7 แผนการจดั การเรียนรรู้ ายภาคคร้งั ที่ 8 แผนการจดั การเรียนรรู้ ายภาคครง้ั ท่ี 9 แผนการจัดการเรยี นรรู้ ายภาคครั้งท่ี 10 แผนการจดั การเรียนรู้รายภาคครั้งท่ี 11 แผนการจัดการเรียนรรู้ ายภาคครั้งท่ี 12 แผนการจัดการเรียนรรู้ ายภาคครง้ั ท่ี 13 แผนการจดั การเรียนรรู้ ายภาคครง้ั ท่ี 14 แผนการจัดการเรียนรู้รายภาคคร้ังที่ 15 แผนการจัดการเรยี นรู้รายภาคครั้งที่ 16 แผนการจดั การเรยี นรู้รายภาคครงั้ ที่ 17 แผนการจดั การเรยี นรรู้ ายภาคครงั้ ที่ 18 แหลง่ ทีม่ า/บรรณานุกรม คณะผู้จัดทำ

แผนการจดั การเรียนรรู้ ายภาค คร้งั ที่ 1 เร่อื ง การแยกตวั ประกอบ การหา ห.ร.ม.และ ค.ร.น. ของจำนวนนับ เวลาเรยี น 6 ชว่ั โมง แนวคดิ จำนวนและการดำเนินการ การอ่านและเขียนตัวเลขแทนจำนวน การเขียนในรูปการกระจาย การ เปรียบเทียบจำนวน การเรียงลำดับ การประมาณค่า สมบัติของจำนวน การบวก ลบ คูณ หาร การแก้โจทย์ ปญั หาตามสถานการณ์และตวั ประกอบของจำนวนนบั ตวั ชวี้ ดั 1. แยกตัวประกอบของจำนวนนบั ได้ 2. หา ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ของจำนวนนบั ทกี่ ำหนดให้ได้ เนอื้ หา 1. การแยกตวั ประกอบ 2. ห.ร.ม. และ ค.ร.น. ข้นั ตอนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ข้ันตอนท่ี 1 การสรา้ งแรงบันดาลใจ (Passion : P) 1. ครูทักทายผู้เรียน และชวนคิดชวนคุยเก่ียวกับเร่ืองที่จะเรียนรู้เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจ และมีความกระตือรือร้นในการเช่ือมโยงและสร้างความพร้อมท่ีจะเรียนรู้หรือทำกิจกรรมการเรียนรู้ตาม แผนการจดั การเรียนรคู้ ร้งั น้ี และเพอ่ื ทบทวนความรู้เดมิ ส่กู ารเตรยี มความพรอ้ มในการรับเน้ือหาใหม่ โดยครใู ห้ ผู้เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน เร่ือง การแยกตัวประกอบของจำนวนนับ จำนวน 10 ข้อ โดยใช้เวลา 10 นาที 2. ครชู แ้ี จงวัตถปุ ระสงค์ เนื้อหา กิจกรรม การวดั และประเมนิ ผลของการเรียนรู้ในคร้ังน้ี ท่ีสอดคล้อง กบั ตวั ชีว้ ดั ตามแผนการจัดการเรยี นรคู้ ร้ังน้ี เพ่ือใหผ้ ูเ้ รียนเข้าใจอย่างชัดเจนวา่ ผเู้ รียนจะตอ้ งเรยี นรู้ใหบ้ รรลุ ตวั ช้ีวัด ทกี่ ำหนดตามแผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 1 เรอ่ื ง การแยกตัวประกอบของจำนวนนบั พรอ้ มทงั้ แนะนำ แหล่งศกึ ษาคน้ คว้าเพม่ิ เติมจากอินเทอร์เน็ต ซึ่งผูเ้ รยี นสามารถไปเรยี นรไู้ ดด้ ้วยตนเองและทำกิจกรรมตามท่ี ไดร้ ับมอบหมายด้วย ท้งั น้ี ครูควรจะช้แี จงให้ผู้เรียนทราบว่าในการพบกลุ่มตามแผนการจดั การเรยี นรูค้ รัง้ นี้ ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้และทำกิจกรรมทสี่ อดคลอ้ งกับเน้ือหาที่เรียน โดยปฏิบัติกจิ กรรมตา่ ง ๆ ไดแ้ ก่ การศึกษา คลิปวดิ โี อ และการแลกเปล่ยี นเรยี นรโู้ ดยการอภิปรายรว่ มกับเพ่ือนในกล่มุ และให้ทำแบบทดสอบหลังเรียน นอกจากนี้ ในการพบกลุ่มแต่ละครั้งนั้น ครูจะมอบหมายงานให้ผู้เรียนไปศึกษาด้วยวิธีการเรียนรดู้ ้วย ตนเอง ซ่ึงวิธีการเรยี นรู้ด้วยตนเองจะต้องเกิดขึ้นในทกุ ๆ ตวั ชี้วัดและเนื้อหาท่ีกำหนด โดยผู้เรียนจะต้องปฏิบัติ กจิ กรรมท่ีกำหนดให้ด้วยวธิ เี รยี นร้อู อนไลน์ และศกึ ษาจากเอกสารประกอบการเรยี น ดังนน้ั ครูจะตอ้ งเชอ่ื มโยง

รายละเอียดดังกล่าวข้างต้นให้ผู้เรียนได้เกิดความเข้าใจและเกิดแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ท่ีจะเกิดขึ้น เพราะ การมอบหมายงานให้ผู้เรียนไปศึกษาด้วยวิธีเรียนรู้ด้วยตนเองน้ัน ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ออนไลน์ผ่าน อนิ เทอรเ์ นต็ และศกึ ษาเอกสารประกอบการเรยี น 3. ครูเปิดโอกาสให้ผู้เรียนร่วมกันสนทนา เพ่ือให้ผูเ้ รยี นมีทกั ษะในการฟัง พูด คิดวเิ คราะห์ การทำงาน ร่วมกับผู้อื่น ความคิดสร้างสรรค์ ความรับผิดชอบ และการนำความรู้ในเนื้อหามาใช้ โดยครูบูรณาการเนื้อหา การเรียนรู้ มีการใช้ส่ือเทคโนโลยที ี่เป็นคลิปวดิ โี อจาก Youtube ทสี่ มั พันธ์กับเน้อื หา จำนวน 2 เรื่อง ไดแ้ ก่ เรอ่ื งที่ 1 การแยกตวั ประกอบของจำนวนนับ คณติ ศาสตร์ ประถม (พค11001) ตอนท่ี 12 : การแยกตวั ประกอบของจำนวนนับ https://www.youtube.com/watch?v=IfYX2Mc-Cac ความยาวคลิป 6.43 นาที หลังจากท่ีได้ชมคลิปวิดีโอแลว้ ครูใหผ้ ูเ้ รียนตอบคำถามในประเดน็ “จากการศกึ ษาคลปิ ดงั กล่าว แยกตัวประกอบของจำนวนนบั ได้ อธบิ ายพอสงั เขป” เรอื่ งท่ี 2 การหา ห.ร.ม.และค.ร.น. ของจำนวนนบั คณติ ศาสตร์ ประถม (พค11001) ตอนที่ 13 :การหา ห.ร.ม. https://www.youtube.com/watch?v=9Q004-7ePb4&list=PLsSQCRM- FH4o0yZ53GhfBjn5CrbLCIzke&index=13 ความยาวคลิป 9.39 นาที คณติ ศาสตร์ ประถม (พค11001) ตอนที่ 14 : การหา ค ร น. https://www.youtube.com/watch?v=3jaEVT7f3G4&list=PLsSQCRM- FH4o0yZ53GhfBjn5CrbLCIzke&index=14 ความยาวคลิป 9.41 นาที หลังจากทไี่ ด้ชมคลปิ วดิ ีโอแลว้ ครูได้อธิบายตามเนื้อหาในบทเรยี น ประเด็นท่ี 1 การหา ห.ร.ม.ของจำนวนนับ ครูอธิบาย เรื่อง การหา ห.ร.ม. ของจำนวนนับ ตาม หนังสือเรียนรายวิชาคณิ ตศาสตร์ พค11001 ระดับประถมศกึ ษา (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) หนา้ 65 -69 ประเดน็ ท่ี 2 การหา ค.ร.น.ของจำนวนนบั ครูอธิบาย เรื่องการหา ค.ร.น.ของจำนวนนับ ตามหนังสือเรียนรายวิชาคณิ ตศาสตร์ พค11001 ระดบั ประถมศกึ ษา (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) หนา้ 70-73 ครใู หผ้ ู้เรยี นแลกเปล่ยี นเรียนรู้ เป็นรายบุคคลและรายกล่มุ หลงั จากน้ัน ครแู ละผเู้ รียนสรปุ ผลการเรยี นรู้ ร่วมกนั และใหผ้ เู้ รียนสรุปสิง่ ท่ไี ดเ้ รียนรูล้ งในสมดุ บันทกึ ผลการเรียนรู้ของตน 4. ครูให้ผู้เรียนศึกษา ตามหนังสือเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ พค11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับ ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) เพ่ิมเติม เรื่อง การหา ห.ร.ม.และค.ร.น. ของจำนวนนับ หน้า 63-73

5. ครเู ช่อื มโยงส่งิ ท่ไี ด้เรียนรจู้ ากการศึกษาคลิปวดิ โี อทั้ง 2 เรือ่ งคือ การหา ห.ร.ม.และค.ร.น. ของจำนวนนับ ใหผ้ ู้เรยี นตอบคำถามในเรอื่ ง การหา ห.ร.ม.และค.ร.น. ของจำนวนนับ โดยใหผ้ ้เู รียนฝกึ ทำ แบบฝกึ หัด เพื่อให้ได้คำตอบท่เี ปน็ ผลลัพธ์ของการเรยี นรูท้ ี่ตรงตามวตั ถปุ ระสงค์ของการเรยี นรใู้ นครงั้ นี้ ขนั้ ตอนที่ 2 การนำไปใชป้ ระโยชน์ (Utilization : U) 1. แบ่งผ้เู รยี นออกเปน็ 2 กลุ่ม ใหศ้ กึ ษานิยาม จากหนงั สอื เรียนรายวชิ าคณิตศาสตร์ พค11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560) หนา้ 63 - 73 เรื่อง การแยกตวั ประกอบ การหา ห.ร.ม. และค.ร.น. ของจำนวนนบั ท่ีกำหนดให้ ดังนี้ กล่มุ ที่ 1 การแยกตัวประกอบ กลุ่มที่ 2 การหา ห.ร.ม.และค.ร.น. โดยใหแ้ ตล่ ะกลุ่มแลกเปลีย่ นเรยี นรู้ และส่งตวั แทนนำเสนอใน 2 ประเด็น ประเดน็ ที่ 1 การแยกตวั ประกอบ ประเดน็ ที่ 2 การหา ห.ร.ม.และค.ร.น. ครูและผู้เรียนสรุปผลการเรียนรู้ร่วมกัน และให้ผู้เรียนสรุปส่ิงที่ได้เรียนรู้ลงในสมุดบันทึกผลการ เรยี นรูข้ องตน 2. ครูแนะนำแหล่งเรยี นรูใ้ ห้กับผเู้ รียนเพอื่ ใชเ้ ปน็ เครื่องมือในการแสวงหาความรู้ดว้ ยตนเอง อาทิ ห้องสมุด แหล่งเรียนรู้ในชมุ ชน หนว่ ยงาน สถานศกึ ษาต่าง ๆ รวมทั้งการใชอ้ ินเทอร์เน็ตเพอื่ การเรียนรูด้ ว้ ย ตนเอง เปน็ ตน้ และให้ผู้เรยี นเปน็ รายบคุ คลศึกษาเนื้อหา ในหนังสอื เรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ พค11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) หนา้ 63-73 เร่อื ง การแยกตวั ประกอบ การหา ห.ร.ม. และค.ร.น. ของจำนวนนบั 3. ครูดำเนนิ การทำหนา้ ทีน่ ำการอภิปราย โดยให้ผู้เรียนกลุ่มใหญ่รว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ คดิ วิเคราะห์ อภิปราย และวเิ คราะห์ใหข้ ้อมูลเพิ่มเติมในเนื้อหาหรือประเดน็ ทีย่ งั ไมช่ ัดเจน ตามรายละเอียดที่ ผู้เรียนไดแ้ ลกเปล่ยี นเรียนรูร้ ่วมกัน หากผู้เรียนกลุ่มใหญ่หรือครูเห็นว่ายังไม่สมบรู ณ์ มีความตอ้ งการในการ เรียนรูเ้ พม่ิ เติม ครูจะชว่ ยเตมิ เตม็ ความรใู้ ห้กบั ผู้เรียน หลงั จากน้ันครูและผ้เู รียนสรุปส่งิ ท่ีได้เรยี นร้ใู นภาพรวม ทั้งหมดแล้วให้ผู้เรยี นสรุปสงิ่ ท่ีได้เรยี นรูล้ งในสมดุ บันทกึ การเรียนรูข้ องตน หมายเหตุ : ในการดำเนินกิจกรรมกลมุ่ ครูช้ีแจงบทบาทหน้าท่ีในการทำงานให้ผ้เู รียนไดม้ ีความรับผดิ ชอบรว่ มกัน ในการทำงาน ซึ่งมอบหมายให้ผู้เรียนดำเนินการแต่งตั้งประธานหรือผู้นำในการอภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และการมอบหมายให้มีผู้รับผิดชอบในภารกิจต่าง ๆ รวมถึงการแต่งต้ังเลขานุการของกลุ่มเป็นผู้จดบันทึกและ ผู้รักษาเวลา เพื่อปฏิบัติงานของกลุ่มใหญ่ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ท่ีตั้งไว้ และพิจารณาว่าสมาชิกลุ่มทุกคน ควรมีความเข้าใจตรงกันว่า ตนมีบทบาทหน้าที่ที่จะต้องช่วยให้กลุ่มทำงานได้สำเร็จ ครูควรให้คำแนะนำถึง ความสำคัญของการให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มมีส่วนร่วมในการอภิปรายอย่างท่ัวถึง ไม่ให้มีการผูกขาดการ อภปิ รายโดยผใู้ ดผู้หนึ่ง และควรมีการจำกดั เวลาของการอภิปรายแต่ละประเด็น

ในระหว่างการทำกิจกรรมของผู้เรียน ครูมีบทบาทในการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน คอยกระตุ้นผู้เรียนให้เกดิ ความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ โดยบันทึกลงในแบบบันทึกพฤติกรรมการเรียนรูข้ อง ผู้เรียน และเคร่อื งมือประเมนิ การสังเกตแบบประมาณคา่ 4. ครูเปิดโอกาสให้ผู้เรียนท้ังกลุ่มร่วมกันสนทนา เพ่ือให้ผู้เรียนมีทักษะในการฟัง พูด คิดวิเคราะห์ การทำงานร่วมกับผู้อ่ืน ความคิดสร้างสรรค์ ความรับผิดชอบ และการนำความรู้ในเนื้อหามาใช้ โดยครูบูรณา การเน้ือหาการเรียนรู้ มีการใช้สื่อเทคโนโลยีที่เป็นคลิปวิดีโอจาก youtube ที่สัมพันธ์กับเน้ือหา ทั้งนี้ครู เชื่อมโยงสิ่งที่ได้เรียนรู้ตามข้ันตอนที่ 1 ในการนำความรู้ไปสู่การปฏิบัติ และประยุกต์ใช้ผ่านคลิปวิดีโอ โดยครู เปดิ คลปิ วิดโี อ ดงั นี้ (1) คณติ ศาสตร์ ประถม (พค11001) ตอนที่ 12 : การแยกตัวประกอบของจำนวนนบั https://www.youtube.com/watch?v=IfYX2Mc-Cac ความยาวคลิป 6.43 นาที (2) คณิตศาสตร์ ประถม (พค11001) ตอนท่ี 13 :การหา ห.ร.ม. https://www.youtube.com/watch?v=9Q004-7ePb4&list=PLsSQCRM- FH4o0yZ53GhfBjn5CrbLCIzke&index=13 ความยาวคลปิ 9.39 นาที (3) คณติ ศาสตร์ ประถม (พค11001) ตอนที่ 14 : การหา ค.ร.น. https://www.youtube.com/watch?v=3jaEVT7f3G4&list=PLsSQCRM- FH4o0yZ53GhfBjn5CrbLCIzke&index=14 ความยาวคลิป 9.41 นาที หลงั จากนน้ั ครดู ำเนินการ ดงั นี้ (1) ครูบรรยายเนื้อหาตามใบความรู้สำหรับครู เรื่อง “การแยกตัวประกอบ การหา ห.ร.ม. และค.ร.น. ของจำนวนนบั ” เพื่อใชส้ ำหรับประกอบกจิ กรรมการเรียนรู้ ในส่วนของผู้เรียนให้ศึกษาใบความรู้สำหรับผู้เรียน ประกอบการบรรยายของครูตามใบความรู้สำหรับ ผ้เู รยี น เรื่อง “การแยกตัวประกอบ การหา ห.ร.ม.และค.ร.น. ของจำนวนนับ” (2) ครูอธิบายและให้ผู้เรียนฝึกทำแบบฝึกหัดโจทย์ เรื่อง “การแยกตัวประกอบ การหา ห.ร. ม.และค.ร.น. ของจำนวนนับ” พร้อมทั้งให้ผู้เรียนร่วมปฏิบัติในการสาธิตของครูด้วย ทั้งน้ีเปิดโอกาสให้ผู้เรียน ได้แลกเปล่ียนเรียนรู้ โดยให้ผู้เรียนตั้งประเด็นข้อสงสัย หรือสิ่งท่ีต้องการเรียนรู้ในกระบวนการของการฝึกทำ แบบฝึกหดั 5. ครแู ละผเู้ รียนอภปิ รายและสรุปผลการเรยี นรู้ร่วมกัน ขน้ั ตอนที่ 3 การสะท้อนความคดิ จากการเรยี นรู้ (Reflection : R) 1. แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 4 - 8 คน ให้ผู้เรียนแต่ละกลมุ่ ลงมอื ฝึกแกโ้ จทย์ เรื่อง “การแยกตัว ประกอบ การหา ห.ร.ม.และค.ร.น. ของจำนวนนับ” ตามหนังสือเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ พค11001 ระดับ ประถมศึกษา (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) เร่ืองการแยกตัวประกอบ หน้า 64 แบบฝึกหัดท่ี 28 , หน้า 64 แบบฝกึ หัดท่ี 29 หนา้ 65 แบบฝกึ หัดที่ 30 เร่อื ง ห.ร.ม. หน้า 66 แบบฝกึ หดั ที่ 31 , หนา้ 66 แบบฝกึ หัดท่ี

32 ,หน้า 67 แบบฝึกหัดท่ี 33 เรือ่ ง ค.ร.น. หน้า 70 แบบฝึกหัดที่ 34 , หน้า 71 แบบฝกึ หัดที่ 35 ,หนา้ 72 แบบฝึกหดั ท่ี 36 ,หนา้ 73 แบบฝึกหดั ที่ 37 โดยผู้เรียนแต่ละคนฝึกทำแบบฝึกหัด เร่ือง “การแยกตัวประกอบ การหา ห.ร.ม.และค.ร.น. ของจำนวนนับ” ตามใบกจิ กรรมของผเู้ รยี น เรอื่ ง “การแยกตัวประกอบ การหา ห.ร.ม.และค.ร.น. ของจำนวนนบั ” 2. ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มตามข้อ 1 ทำแบบฝึกหัดตามใบกิจกรรม เรื่อง “การแยกตัวประกอบ การหา ห.ร.ม.และค.ร.น. ของจำนวนนบั ” ท้ังนี้ ครูจะต้องกำกับการปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียนจนกิจกรรมแล้วเสร็จ ตามใบกิจกรรมสำหรับครู เรอ่ื ง “การแยกตวั ประกอบ การหา ห.ร.ม.และค.ร.น. ของจำนวนนบั ” 3. ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอการแก้โจทย์ตาม ข้อที่ 1 เร่ือง “การแยกตัวประกอบ การหา ห.ร.ม. และค.ร.น. ของจำนวนนับ” ตามใบกิจกรรมของผู้เรียน เร่ือง “การแยกตัวประกอบ การหา ห.ร.ม.และค.ร.น. ของจำนวนนบั ” 4. ครูให้ผู้เรียนสะท้อนความคิดในการเรียนรู้ที่ได้จากการเรียนรู้และการปฏิบัติการ จากขั้นตอนที่ 1 ถึง ข้นั ตอนท่ี 3 น้ี 5. ครูและผูเ้ รยี นอภิปรายและสรปุ ผลการเรียนรรู้ ่วมกัน ขน้ั ตอนท่ี 4 การติดตามประเมินและแก้ไข (Action : A) 1. ครูสนทนากับผู้เรียนเกี่ยวกับเรื่องที่ได้เรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้นี้ โดยครูสุ่มผู้เรียนตาม ความสมคั รใจจำนวน 2 – 3 คน ให้ตอบคำถามในประเด็น ตอ่ ไปนี้ ประเดน็ ท่ี 1 “การแยกตัวประกอบ” แนวคำตอบ การเขียนจํานวนในรูปผลคณู ของตัวประกอบ ตวั ประกอบของ 12 คอื 1, 2, 3, 4, 5, 6 และ 12 เราสามารถเขยี นจํานวนในรูปผลคูณของตวั ประกอบของแตล่ ะจาํ นวนน้ันได้ เช่น 12 = 1 × 12 หรอื 12 = 2 × 6 หรือ 12 = 3 ×4 พจิ ารณาการเขยี น 12 ในรูปผลคณู ของตัวประกอบสองตวั ทีไ่ มมีตัวใดเปน 1 12 = 2 × 6 หรอื 12 = 3 × 4 เนอ่ื งจาก 6 และ 4 ไมเปนตัวประกอบเฉพาะ ดงั นน้ั เราสามารถเขยี น 6 และ 4 ในรปู ผลคูณของตัวประกอบ ตอไปไดอกี ดังน้ี 12 = 2 × 6 หรอื 12 = 3 × 4 =2×2×3 =3×2×2 เมอื่ เราเขียน 12 = 2 × 2 × 3 หรอื 12 = 3 × 2 × 2

จะเปนการเขยี น 12 ในรปู ผลคูณของตวั ประกอบเฉพาะ ประเด็น ที่ 2 “ห.ร.ม.และค.ร.น.” แนวคำตอบ ห.ร.ม. ตัวหารร่วม เราทราบแล้วว่าตัวประกอบของจำนวนใดๆ สามารถนำไปหารจำนวนนั้นได้ลงตัว เชน่ ตัวประกอบ ของ 12 คือ 1,2,3,4,6 และ 12 ทกุ ๆตัวสามารถนำไปหาร 12 ไดล้ งตวั ดังนน้ั เราอาจเรียกตัวประกอบของ 12 แตล่ ะตัวนวี้ า่ เปน็ ตัวหาร ของ 12 ลองพจิ ารณาตวั หารของ 8 และ 12 ตวั หารของ 8 คือ 1,2,4,8 ตวั หารของ 12 คือ 1,2,3,4,6,12 ตัวหารของ 8 และ 12 ทเี่ หมือนกนั คือ 1,2 และ 4 เราเรยี ก 1,2 และ 4 วา่ เป็นตัวหารร่วม หรอื ตวั ประกอบ ร่วมของ 8 และ 12 • จำนวนนบั ทห่ี ารจำนวนทงั้ สองจำนวนข้ึนไปลงตวั เรยี กวา่ ตวั หารร่วมของจำนวนเหลา่ นั้น แนวคำตอบ ค.ร.น. การหา ค.ร.น. ตวั คูณร่วม จำนวนทีม่ ี 4 เป็นตวั ประกอบ คือ 4,8,12,16,20,24,28,32,36,... จำนวนทีม่ ี 6 เปน็ ตวั ประกอบ คอื 6,12,18,24,30,36,42,48,54,... จำนวนทม่ี ที ้งั 4 และ 6 เป็นตัวประกอบ คือ 12,24,36,...เราเรยี กจำนวนท่มี ีท้ัง 4 และ 6 เป็นตัวประกอบวา่ ตวั คณู รว่ มของ 4 และ 6 • ตวั คณู ร่วมของจำนวนต้ังแต่สองจำนวนขึ้นไป หมายถงึ จำนวนนบั ทม่ี ีจำนวนเหล่านน้ั เป็นตัวประกอบ 2. ครูและผู้เรียนอภิปรายและสรุปผลการเรียนรู้ร่วมกัน ตาม PowerPoint สำหรับครู เร่ือง “การ แยกตัวประกอบ การหา ห.ร.ม.และค.ร.น. ของจำนวนนับ” เพื่อเป็นการสรุปภาพรวมของกิจกรรมการเรียนรู้ ซงึ่ จะทำให้ผเู้ รยี นเกิดความเข้าใจในกจิ กรรมการเรยี นรู้มากย่งิ ข้ึน 3. ให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน เร่ือง การแยกตัวประกอบ การหา ห.ร.ม.และค.ร.น. ของ จำนวนนบั จำนวน 5 ข้อ โดยใช้เวลา 10 นาที 4. ครแู ละผู้เรียนสรุปภาพรวมส่ิงทไ่ี ด้เรยี นรรู้ ว่ มกนั นอกจากนี้ ในตอนท้ายของการพบกลุ่ม หลังจากเสร็จส้ินข้ันตอนที่ 3 ครูการมอบหมายงานให้ เรยี นรู้ดว้ ยตนเอง รายละเอยี ดดงั นี้ การมอบหมายงานให้เรยี นรดู้ ้วยตนเอง

1. ครชู ้ีแจงใหผ้ ู้เรียนทราบวา่ ในการพบกลุม่ แต่ละคร้งั ผู้เรียนจะได้รบั มอบหมายงานให้ไปเรียนรู้ด้วย วธิ ีเรยี นรู้ดว้ ยตนเองในลกั ษณะทีค่ รูจะมอบหมายงานให้ผูเ้ รียนไปศึกษา “หนงั สือเรยี นรายวชิ าคณติ ศาสตร์ พค 11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)” เรอ่ื ง การแยกตัวประกอบ หน้า 63-65 เร่อื ง หรม. หน้า 65 - 69 เร่อื ง ครน. หน้า70 - 73 ท้ังภาคทฤษฎีและปฏิบตั ิ โดยให้ศึกษาเน้ือหาและปฏบิ ตั กิ ิจกรรมท้าย เรอื่ ง รายละเอียดของเนื้อหา แบง่ ออกเปน็ 2 สว่ น ดงั นี้ สว่ นท่ี 1 เน้อื หาการเรยี นร้ตู ามแผนการจดั การเรียนรคู้ รงั้ น้ี ส่วนที่ 2 เนือ้ หาการเรียนรเู้ พิม่ เติมในหนงั สอื เรียนเรยี นดงั กลา่ ว 2. ครูมอบหมายงานให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยให้ไปศึกษา “หนังสือเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ พค11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)” รายละเอียดของกิจกรรมที่ผู้เรียนจะต้องปฏิบัติ แบง่ ออกเป็น 2 ส่วน ดงั น้ี สว่ นท่ี 1 เนอื้ หาการเรยี นรตู้ ามแผนการจัดการเรียนรคู้ รัง้ น้ี ได้แก่ 1) เร่อื ง การแยกตัวประกอบ หน้า 63-65 2) เร่ือง หรม. หนา้ 65 - 69 3) เรอ่ื ง ครน. หน้า70 - 73 สว่ นท่ี 2 มอบหมายงานให้ผู้เรียนเรียนรดู้ ้วยตนเอง ซึง่ เนื้อหาการเรียนรู้เพิ่มเตมิ ใน “หนังสือเรียน รายวชิ าคณติ ศาสตร์ พค11001 ระดบั ประถมศึกษา (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)” ไดแ้ ก่ 1) เร่ือง การแยกตัวประกอบ หน้า 63-65 2) เรื่อง หรม. หน้า 65 - 69 3) เรื่อง ครน. หน้า70 - 73 หลงั จากน้ัน ครูและผู้เรียนมีการนัดหมายทบทวน ตรวจสอบ และแลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกัน ผ่านทาง สอื่ อเิ ลก็ ทรอนิกส์ ต่อไป หมายเหตุ : ให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเอง ซ่ึงการให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วย ตนเองนั้น อาจมีความแตกต่างกันบ้างในขั้นตอน โดยพิจารณาจากพ้ืนฐานของผู้เรียน ในกรณีท่ีผู้เรียนมี พ้ืนฐานน้อยหรือไม่มีพื้นฐานมาก่อนก็ควรจัดการเรียนรู้พื้นฐานที่จำเป็นและพอเพียงกับผู้เรียน หลังจากนั้นให้ ผู้เรียนได้ปฏิบัติด้วยตนเองในช่วงระยะหนึ่งแล้วจึงค่อยให้ผู้เรียนคิดหัวข้อที่อยากจะทำ หรือถ้าผู้เรียนมีพ้ืน ความรู้มาก่อนแล้ว ใหค้ ิดหวั ขอ้ ท่ีสนใจจะทำและใหล้ งมอื ปฏบิ ัติได้ สอื่ และแหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ พค11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) หน้า 63-73 2. https://www.youtube.com/watch?v=IfYX2Mc-Cac ความยาวคลิป 6.43 นาที 3. https://www.youtube.com/watch?v=9Q004-7ePb4&list=PLsSQCRM- FH4o0yZ53GhfBjn5CrbLCIzke&index=13 ความยาวคลิป 9.39 นาที

4. https://www.youtube.com/watch?v=3jaEVT7f3G4&list=PLsSQCRM- FH4o0yZ53GhfBjn5CrbLCIzke&index=14 ความยาวคลิป 9.41 นาที การวดั และประเมินผล 1. สังเกตพฤตกิ รรมการมสี ว่ นร่วม ความตง้ั ใจ และความสนใจของผ้เู รียน 2. ผลการทดสอบก่อนและหลังเรยี น 3. ผลการออกแบบและสรา้ งสรรค์นวัตกรรมและสิง่ ทต่ี ้องการพฒั นา/ชนิ้ งาน/ผลงาน 4. ผลการประเมินความพึงพอใจของผเู้ รียน รายละเอยี ดส่อื วสั ดุ อปุ กรณ์ และแหลง่ การเรียนรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรอ่ื ง “การแยกตัวประกอบ การหา ห.ร.ม.และค.ร.น. ของจำนวนนบั ” 2. ใบความรสู้ ำหรับผู้เรยี น เรือ่ ง “การแยกตัวประกอบ การหา ห.ร.ม.และค.ร.น. ของจำนวนนับ” 3. https://www.youtube.com/watch?v=IfYX2Mc-Cac ความยาวคลปิ 6.43 นาที 4. https://www.youtube.com/watch?v=9Q004-7ePb4&list=PLsSQCRM- FH4o0yZ53GhfBjn5CrbLCIzke&index=13 ความยาวคลปิ 9.39 นาที 5. https://www.youtube.com/watch?v=3jaEVT7f3G4&list=PLsSQCRM- FH4o0yZ53GhfBjn5CrbLCIzke&index=14 ความยาวคลปิ 9.41 นาที 6. แบบฝกึ หดั พรอ้ มเฉลย 7. PowerPoint สำหรบั ครู เรื่อง การแยกตวั ประกอบ การหา ห.ร.ม.และค.ร.น. ของจำนวนนับ 8. บทสรปุ ประกอบ PowerPoint สำหรับครู เร่ือง การแยกตัวประกอบ การหา ห.ร.ม.และค.ร.น. ของจำนวน นับ” 9. แบบทดสอบหลังเรยี น เรอื่ ง “การแยกตัวประกอบ การหา ห.ร.ม.และค.ร.น. ของจำนวนนับ”

แบบทดสอบกอ่ น-หลงั เรียน เร่ือง การแยกตวั ประกอบ การหา ห.ร.ม.และค.ร.น. ของจำนวนนับ คำชแ้ี จง แบบทดสอบก่อนเรียน มจี ำนวนทง้ั หมด 10 ข้อ ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- จงแยกตวั ประกอบของจำนวนต่อไปน้ี (1) 6 (2) 14 (3) 28 (4) 35 (5) 36 (6) 52 (7) 45 (8) 60 (9) 72 (10) 100 เฉลย 1. 2 x 3 2. 2 x 7 3. 2x14 4. 7 x 5 5. 6 x 6 6. 26 x 2 7. 9 x 5 8. 10 x 6 9. 9 x 8 10. 10 x 10

แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรูข้ องผ้เู รยี น ชอ่ื โครงการ/กิจกรรม........................................................................................................................ ช่อื โรงเรียน/สถานศึกษา …………………………………………………………………………………………………….. ชื่อหวั หนา้ โครงการ/กิจกรรม............................................................................................................. คำช้ีแจง ให้ผู้ประเมินทำเครื่องหมายถูก () ลงในช่องระดับพฤติกรรมของผู้เรียน โดยมีเกณฑ์ระดับ คณุ ภาพการประเมนิ ดงั นี้ 5 มีพฤติกรรมการเรยี นรู้ มากที่สุด 4 มีพฤติกรรมการเรยี นรู้ มาก 3 มพี ฤติกรรมการเรยี นรู้ ปานกลาง 2 มพี ฤติกรรมการเรยี นรู้ น้อย 1 มพี ฤตกิ รรมการเรียนรู้ น้อยทส่ี ดุ เกณฑ์การพจิ ารณาระดับคณุ ภาพ คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 0 - 50 ระดบั คุณภาพ ปรับปรุง คะแนนเฉล่ยี รอ้ ยละ 50 - 69 ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ คะแนนเฉลีย่ รอ้ ยละ 70 – 79 ระดับคณุ ภาพ ดี คะแนนเฉลยี่ ร้อยละ 80 – 89 ระดบั คณุ ภาพ ดมี าก คะแนนเฉลย่ี ร้อยละ 90 - 100 ระดับคุณภาพ ดเี ยย่ี ม พฤตกิ รรมการเรยี นรู้ ระดบั พฤตกิ รรม 54321 1. ความตง้ั ใจในการทำงาน 2. ความรับผดิ ชอบ 3. ความกระตือรือรน้ 4. การตรงตอ่ เวลา 5. ผลสำเร็จของงาน 6. การทำงานร่วมกับผู้อ่นื 7. มคี วามคิดริเรมิ่ สรา้ งสรรค์

8. มกี ารวางแผนในการทำงาน 9. การมีส่วนร่วมในการแสดงความคดิ เหน็ ในกลุ่ม 10. การมสี ่วนรว่ มในการแก้ไขปญั หาในกลุ่ม ลงช่ือ......................................................................ผ้ปู ระเมนิ ............../.............................../.....................

บันทกึ ผลหลังการจัดกระบวนการเรียนรู้ ผลการใช้แผนการจัดการเรยี นรู้ 1. จำนวนเนอื้ หากบั จำนวนเวลา เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตผุ ล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. การเรียงลำดับเน้ือหากบั ความเขา้ ใจของผูเ้ รียน เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตุผล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การนำเข้าสบู่ ทเรยี นกับเน้ือหาแตล่ ะหวั ข้อ เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตุผล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. วธิ กี ารจดั การเรยี นรู้กบั เน้ือหาในแตล่ ะข้อ เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบุเหตุผล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. การประเมนิ ผลกบั ตวั ช้วี ัดในแต่ละหนว่ ย เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบุเหตผุ ล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………

ผลการเรยี นของผ้เู รียน ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ผลการจดั การเรยี นรขู้ องครู ......................................................................................................... ..................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. .......................................................................................................................................... .................................... ขอ้ เสนอแนะ .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. .................................................

แผนการจดั การเรียนรรู้ ายภาค คร้งั ท่ี 2 เรื่อง การคูณ การหารเศษสว่ นและโจทย์ปญั หา เวลาเรยี น 6 ชว่ั โมง แนวคิด จำนวนและการดำเนินการ การอ่านและเขียนตัวเลขแทนจำนวน การเขียนในรูปการกระจาย การ เปรียบเทียบจำนวน การเรียงลำดับ การประมาณค่า สมบัติของจำนวน การบวก ลบ คูณ หาร การแก้โจทย์ ปัญหาตามสถานการณ์และตวั ประกอบของจำนวนนบั ตัวชว้ี ัด 1. คณู เศษส่วนและนำความรเู้ ก่ยี วกับการคณู เศษส่วน ไปใช้แก้โจทย์ปัญหา 2. หารเศษส่วนและนำความรู้เกี่ยวกบั การหารเศษสว่ นไปใชแ้ ก้โจทยป์ ญั หา เนื้อหา 1. การคณู เศษสว่ นและโจทย์ปัญหา 2. การหารเศษส่วนและโจทย์ปัญหา ขั้นตอนการจดั กระบวนการเรียนรู้ ข้นั ตอนท่ี 1 การสร้างแรงบันดาลใจ (Passion : P) 1. ครทู ักทายผเู้ รียน พร้อมทงั้ แนะนำตนเอง และแผนการจัดการเรยี นรู้ ซง่ึ การจดั การเรียนรู้ทผี่ ้เู รยี น จะตอ้ งเรียนรู้ร่วมกนั ในคร้งั นี้ คอื เรื่อง “การคูณ การหารเศษสว่ นและโจทย์ปัญหา” และชวนคดิ ชวนคยุ เกี่ยวกบั เรื่องทจ่ี ะเรยี นรู้เพื่อกระตุ้นใหผ้ ้เู รยี นเกดิ ความสนใจและมีความกระตอื รือร้นในการเชือ่ มโยงและ สร้างความพร้อมทจ่ี ะเรียนรหู้ รอื ทำกิจกรรมการเรยี นร้ตู ามแผนการจัดการเรียนรู้คร้ังนี้ 2. ครูช้ีแจงวัตถุประสงค์ เน้ือหา กิจกรรม การวัดและประเมินผลของการเรียนรู้ในครั้งนี้ ที่สอดคล้อง กับตัวชี้วัดตามแผนการจัดการเรียนรู้คร้ังนี้ เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ให้บรรลุ ตัวชี้วดั ท่ีกำหนดตามแผนการจัดการเรียนรู้ที่ 2 เรอ่ื ง “การคูณ การหารเศษส่วนและโจทย์ปัญหา” ในคร้ังนี้ ซ่งึ มจี ำนวน 2 ขอ้ ดงั น้ี 1. คูณเศษสว่ นและนำความรูเ้ กีย่ วกบั การคูณเศษส่วน ไปใช้แก้โจทย์ปญั หา 2. หารเศษส่วนและนำความรู้เก่ียวกับการหารเศษสว่ นไปใช้แกโ้ จทย์ปญั หา 3. ให้ผ้เู รยี นทำแบบฝกึ หดั ตวั อย่าง 1. เร่อื ง การคูณ เศษส่วนและโจทยป์ ญั หา ตามหนังสือแบบเรยี นรายวิชาคณติ ศาสตร์ พค 11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560 หนา้ ท่ี 90 จำนวน 2 ขอ้ ) 2. เร่ือง การหารเศษสว่ นและโจทยป์ ัญหา (อยใู่ นหนงั สือแบบเรยี นรายวชิ าคณิตศาสตร์ พค 11001 ระดับประถมศกึ ษา (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560 หน้าท่ี 92 จำนวน 3 ขอ้ )

4. ครใู หผ้ เู้ รียนศกึ ษาหนังสือเรยี นรายวิชาคณติ ศาสตร์ พค11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) เร่ืองการคูณ การหารเศษสว่ นและโจทย์ปัญหาหน้า 90-100 และใบความรู้ พรอ้ ม ทัง้ แนะนำแหล่งศึกษาคน้ ควา้ เพมิ่ เติมจากอนิ เทอร์เน็ต ซงึ่ ผู้เรยี นสามารถไปเรียนรู้ไดด้ ้วยตนเองและ ทำ กจิ กรรมตามท่ีได้รบั มอบหมายด้วย ทั้งนี้ ครคู วรจะช้แี จงให้ผเู้ รยี นทราบว่าในการพบกลุม่ ตามแผนการจัดการ เรียนรูค้ รั้งนี้ ผู้เรยี นจะตอ้ งเรียนรู้และทำกจิ กรรมที่สอดคล้องกับเน้ือหาทีเ่ รียน โดยปฏบิ ัตกิ จิ กรรมตา่ ง ๆ ได้แก่ การศกึ ษาคลิปวดิ โี อ และการแลกเปลยี่ นเรียนรู้โดยการอภิปรายร่วมกับเพื่อนในกลุ่ม รวมทัง้ มีการทดสอบหลงั เรียนด้วย ดูคลปิ การคูณ เศษสว่ นและโจทยป์ ัญหา คณิตศาสตร์ประถม (พค11001) ตอนที่ 22 : การคูณเศษสว่ น https://www.youtube.com/watch?v=ej05E0qM_vw&list=PLsSQCRM- FH4o0yZ53GhfBjn5CrbLCIzke&index=22 ความยาวคลิป 8.13 นาที การหาร เศษส่วนและโจทย์ปญั หา คณิตศาสตรป์ ระถม (พค11001) ตอนที่ 23 : การหารเศษส่วน https://www.youtube.com/watch?v=h1_tjabVomY&list=PLsSQCRM-FH4o0yZ53GhfBjn5CrbLCIzke&index=23 ความยาวคลปิ 8.59 นาที นอกจากนี้ ในการพบกลุ่มแต่ละคร้ังนั้น ครูจะมอบหมายงานให้ผู้เรียนไปเรียนร้ดู ้วยวิธีการเรียนรู้ด้วย ตนเอง ซ่ึงวิธกี ารเรยี นรู้ดว้ ยตนเองจะต้องเกดิ ขึ้นในทกุ ๆ ตัวชี้วัดและเน้ือหาท่ีกำหนด โดยผู้เรยี นจะตอ้ งปฏิบตั ิ กิจกรรมท่กี ำหนดให้ดว้ ยวิธีเรียนรอู้ อนไลน์ และศกึ ษาจากเอกสารประกอบการเรียน ดังนัน้ ครูจะต้องเช่อื มโยง รายละเอียดดังกล่าวข้างต้นให้ผู้เรียนได้เกิดความเข้าใจและเกิดแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ที่จะเกิดข้ึน เพราะ การมอบหมายงานให้ผู้เรียนไปเรียนรู้ด้วยวิธีเรียนรู้ด้วยตนเองน้ัน ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ออนไลน์ผ่าน อนิ เทอรเ์ นต็ และศึกษาเอกสารประกอบการเรียน 5. ครูชวนคิดชวนคุยเกี่ยวกับประสบการณ์เดิมของครูในเรื่องท่ีจะเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้น้ี โดยครูส่มุ ผ้เู รียนตามความสมคั รใจ จำนวน 4 – 5 คน ใหต้ อบคำถาม จำนวน 2 ประเดน็ ดังนี้ ประเด็นที่ 1 “การคณู การหาร เศษสว่ นและโจทยป์ ญั หา” แนวคำตอบ เปลีย่ นจำนวนคละเปน็ เศษเกินก่อนทจ่ี ะแกโ้ จทย์เศษสว่ น การจะทำเป็นจำนวนคละหรือเศษเกินนัน้ ขน้ึ อยู่กบั โจทยท์ ่ีคุณครกู ำหนด ให้ดูคำชี้แจงว่าต้องเปลีย่ น คำตอบทเ่ี ปน็ เศษเกนิ ให้เปน็ จำนวนคละหรอื เปล่า คำชีแ้ จงการแก้โจทยเ์ ศษส่วนอาจให้คงคำตอบเปน็ เศษเกินก็ ได้ ตวั อย่างเช่น โจทย์อาจให้ตอบเป็น 3 1/4 แทนตอบเปน็ 13/4 ถามคุณครูด้วยวา่ ต้องตอบเป็นเศษสว่ นอย่างต่ำหรือเปล่า ตวั อย่างเชน่ 2/5 เปน็ เศษส่วนอยา่ งตำ่ แต่ 16/40 นัน้ ไม่ใช่ 16/40 สามารถทำเป็นเศษสว่ นอย่างต่ำ ได้ 2/5 เพราะ 16 หารด้วย 8 ได้ 2 และ 40 หารด้วย 8 ได้ 5 ฉะนนั้ 8 เป็นตัวหารร่วมมากของ 16 และ 40

6. ครูยกตัวอยา่ งและสอนวิธกี ารทำ การคณู การหาร เศษส่วนและโจทย์ปญั หา หลังจากน้ัน ครใู ห้ผเู้ รยี น แบ่งกลุ่มหาคำตอบ จำนวน 1 ประเด็น ดงั น้ี ประเด็นที่ 1 ครูตั้งโจทย์เพ่ือให้ผู้เรียนหาคำตอบ เรื่อง การคูณ การหาร เศษส่วนและโจทย์ปัญหา (อยู่ในหนังสือแบบเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ พค11001 ระดบั ประถมศึกษา (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560 หนา้ ท่ี 90 จำนวน 5 ขอ้ ) แนว คำตอบ (อยู่ใน ห นั ง สื อ แ บ บ เ รี ย น ร า ย วิ ช า คณิตศาสตร์ พค 11001 ระดบั ประถมศึกษา (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560 หนา้ ท่ี 241 จำนวน 5 ขอ้ ) 7. ครแู ละผเู้ รียนอภปิ รายและสรปุ ผลการเรยี นรู้รว่ มกัน ขนั้ ตอนท่ี 2 การนำไปใชป้ ระโยชน์ (Utilization : U) 1. ครูใหผ้ ้เู รียนแลกเปล่ียนเรียนรู้ โดยแบ่งผู้เรียนออกเปน็ กลุ่ม ๆ กลุ่มละ 4 – 8 คน ดำเนนิ กิจกรรม เป็นรายกลุ่ม ศึกษาเนื้อหา ใน หนังสอื เรยี นรายวชิ าคณติ ศาสตร์ พค11001 ระดบั ประถมศกึ ษา (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) เรื่อง “การคูณ การหาร เศษสว่ นและโจทย์ปัญหา ”หน้า 90 - 100 ดังน้ี 1) การคณู เศษส่วนและโจทย์ปญั หา (หนา้ 90-91 ) 2) การหาร เศษส่วนและโจทยป์ ัญหา (หน้า 92-100 ) ใหแ้ ตล่ ะกล่มุ แลกเปลย่ี นเรยี นรู้ และส่งผแู้ ทนนำเสนอตอ่ กลุม่ ใหญ่ใน 2 ประเดน็ ประเด็นท่ี 1 การคณู เศษส่วนและโจทย์ปญั หา ประเดน็ ที่ 2 การหาร เศษส่วนและโจทยป์ ญั หา ครูและผู้เรียนสรุปผลการเรียนรู้รว่ มกัน และให้ผู้เรียนสรุปส่ิงที่ได้เรียนรู้ลงในสมุดบันทึกผลการเรียนรู้ของ ตน 2. ครแู นะนำแหล่งเรยี นรูใ้ ห้กับผู้เรียนเพอ่ื ใชเ้ ปน็ เครือ่ งมอื ในการแสวงหาความร้ดู ว้ ยตนเอง อาทิ หอ้ งสมุด แหล่งเรยี นรู้ในชมุ ชน หนว่ ยงาน สถานศกึ ษาต่าง ๆ รวมทง้ั การใชอ้ ินเตอร์เน็ตเพอื่ การเรยี นรดู้ ว้ ย

ตนเอง เปน็ ตน้ และใหผ้ เู้ รยี นเป็นรายบุคคลศึกษาเน้ือหา ในหนงั สือเรยี นรายวิชาคณติ ศาสตร์ พค11001 ระดบั ประถมศึกษา (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. 2560) เร่ือง “การคณู การหาร เศษสว่ นและโจทย์ปัญหา”หน้า 43 - 47 3. ครูดำเนินการทำหน้าท่ีนำการอภิปราย โดยให้ผู้เรียนกลุ่มใหญ่ร่วมกันแสดงความคิดเห็น คิด วิเคราะห์ อภิปราย และวิเคราะห์ให้ข้อมูลเพ่ิมเติมในเนื้อหาหรือประเด็นท่ียังไม่ชัดเจน ตามรายละเอียดท่ี ผู้เรียนได้แลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกัน หากผู้เรียนกลุ่มใหญ่หรือครูเห็นว่ายังไม่สมบูรณ์ มีความต้องการในการ เรียนรู้เพิ่มเติม ครูจะช่วยเติมเต็มความรู้ให้กับผู้เรียน หลังจากนั้นครูและผู้เรียนสรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้ในภาพรวม ทง้ั หมดแล้วใหผ้ เู้ รียนสรุปสิง่ ทีไ่ ด้เรยี นรูล้ งในสมดุ บันทกึ การเรยี นรู้ของตน หมายเหตุ : ในการดำเนินกิจกรรมกล่มุ ครูช้ีแจงบทบาทหน้าท่ีในการทำงานให้ผู้เรยี นได้มีความรับผิดชอบร่วมกัน ในการทำงาน ซึ่งมอบหมายให้ผู้เรียนดำเนินการแต่งต้ังประธานหรือผู้นำในการอภิปรายแลกเปล่ียนเรียนรู้ และการมอบหมายให้มีผู้รับผิดชอบในภารกิจต่าง ๆ รวมถึงการแต่งต้ังเลขานุการของกลุ่มเป็นผู้จดบันทึกและ ผู้รักษาเวลา เพ่ือปฏิบัติงานของกลุ่มใหญ่ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ต้ังไว้ และพิจารณาว่าสมาชิกลุ่มทุกคน ควรมีความเข้าใจตรงกันว่า ตนมีบทบาทหน้าที่ที่จะต้องช่วยให้กลุ่มทำงานได้สำเร็จ ครูควรให้คำแนะนำถึง ความสำคัญของการให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มมีส่วนร่วมในการอภิปรายอย่างท่ัวถึง ไม่ให้มีการผูกขาดการ อภิปรายโดยผ้ใู ดผูห้ นึ่ง และควรมกี ารจำกดั เวลาของการอภปิ รายแตล่ ะประเดน็ ในระหว่างการทำกิจกรรมของผู้เรยี น ครูมีบทบาทในการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียน คอย กระตุ้นผู้เรียนให้เกิดความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ โดยบันทึกลงในแบบบันทึกพฤติกรรมการเรียนรู้ของ ผ้เู รียน และเครื่องมือประเมนิ การสงั เกตแบบประมาณค่า 4. ครูเปดิ โอกาสใหผ้ ู้เรยี นทั้งกลุ่มรว่ มกนั สนทนา เพื่อใหผ้ เู้ รียนมีทักษะในการฟงั พูด คิดวิเคราะห์ การทำงานรว่ มกบั ผอู้ ื่น การคิดสรา้ งสรรค์ ความรับผิดชอบ และการนำความรใู้ นเนื้อหามาใช้ โดยครูบรู ณาการ เน้ือหาการเรยี นรู้ มีการใชส้ ่อื เทคโนโลยีท่ีเป็นคลปิ วิดโี อจาก youtube ท่ีสัมพนั ธก์ ับเนอ้ื หา ทั้งน้ีครูเชือ่ มโยง สิ่งทีไ่ ด้เรียนรตู้ ามขั้นตอนที่ 1 ในการนำความรู้ไปส่กู ารปฏิบตั ิ และประยุกตใ์ ช้ผ่านคลิปวดิ ีโอ โดยครเู ปดิ คลิป วดิ โี อ เรือ่ ง “การคณู การหาร เศษสว่ นและโจทยป์ ญั หา” จากการคูณ เศษสว่ นและโจทยป์ ญั หา คณติ ศาสตรป์ ระถม (พค11001) ตอนท่ี 22 : การคูณเศษสว่ น https://www.youtube.com/watch?v=ej05E0qM_vw&list=PLsSQCRM- FH4o0yZ53GhfBjn5CrbLCIzke&index=22 ความยาวคลปิ 8.13 นาที การหาร เศษสว่ นและโจทย์ปัญหา คณิตศาสตรป์ ระถม (พค11001) ตอนท่ี 23 : การหารเศษสว่ น https://www.youtube.com/watch?v=h1_tjabVomY&list=PLsSQCRM-FH4o0yZ53GhfBjn5CrbLCIzke&index=23 ความยาวคลปิ 8.59 นาที หลงั จากนน้ั ครูดำเนนิ การ ดังนี้

(1) ครูอธบิ ายเนื้อหาพรอ้ มยกตัวอยา่ ง และวธิ กี ารคิด ตามหนงั สอื เรยี นรายวิชาคณิตศาสตร์ พค11001 ระดบั ประถมศกึ ษา (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) เรอ่ื ง “การคูณ การหาร เศษส่วนและโจทย์ ปัญหา”หน้า 90 - 100 ในส่วนของผู้เรียนให้ศึกษาหนังสือเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ พค11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับ ปรับปรุง พ.ศ. 2560) เรื่อง “การคูณ การหาร เศษส่วนและโจทย์ปัญหา”หน้า 90 - 100 พร้อมทั้งให้ผู้เรียน รว่ มคิดไปกับครูด้วย ท้ังนี้เปิดโอกาสให้ผู้เรียนไดแ้ ลกเปล่ยี นเรียนรู้ โดยให้ผู้เรียนต้ังประเด็นข้อสงสัย หรือสิ่งท่ี ต้องการเรียนร้ใู นกระบวนการของการคิด และเชอ่ื มโยงสู่การนำไปใชใ้ นชวี ิตจริงของผูเ้ รยี นต่อไป 5. ครูและผู้เรียนอภิปรายและสรุปผลการเรียนรรู้ ว่ มกัน ขน้ั ตอนที่ 3 การสะท้อนความคดิ จากการเรยี นรู้ (Reflection : R) 1. แบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่ม ๆ ละ 4 - 5 คน ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มลงมือปฏิบัติจริง โดยผู้เรียนแต่ละ กลุ่มวางแผนและดำเนินการการคิดหาค่าของ เรื่อง “การคูณ การหาร เศษส่วนและโจทย์ปัญหา”ตามโจทย์ที่ ครตู ั้งให้ ท้งั น้ี ครรู ่วมสงั เกตการณแ์ ละใหค้ วามชว่ ยเหลือในการซักถามของผ้เู รียนระหว่างการทำกจิ กรรม 2. ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มตามข้อ 2 ปฏิบัติกิจกรรมตามใบกิจกรรม เรื่อง “การคูณ การหาร เศษส่วน และโจทย์ปัญหา” 1) ใบกิจกรรมเรื่อง การบวกและลบจำนวนจริงท่ีอยู่ในรูปกรณฑ์ ตามหนังสือเรียนรายวิชา คณิตศาสตร์ พค11001 ระดบั ประถมศึกษา (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) หน้า 90 - 100 ท้ังน้ี ครูจะต้องกำกับการปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียนจนกิจกรรมแล้วเสร็จ ตามใบกิจกรรมสำหรับ ครู เรอื่ ง “การคูณ การหาร เศษสว่ นและโจทย์ปญั หา” 3. ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มนำเสนอวิธีการทำและการคิด เรื่อง “การคูณ การหาร เศษส่วนและโจทย์ ปญั หา” ตามใบกจิ กรรมของผเู้ รียน เรื่อง “การคูณ การหาร เศษสว่ นและโจทยป์ ญั หา” 4. ครูให้ผู้เรียนสะท้อนความคิดในการเรียนรู้ท่ีได้จากการเรียนรู้และการปฏิบัติการ จากข้ันตอนท่ี 1 ถงึ ขนั้ ตอนท่ี 3 น้ี 5. ครูและผู้เรียนอภิปรายและสรปุ ผลการเรยี นร้รู ว่ มกนั ขนั้ ตอนที่ 4 การตดิ ตามประเมินและแก้ไข (Action : A) 1. ครูสนทนากับผู้เรียนเกี่ยวกับเร่ืองท่ีได้เรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้น้ี โดยครูสุ่มผู้เรียนตาม ความสมัครใจจำนวน 2 – 3 คน ใหต้ อบคำถามในประเด็น ต่อไปน้ี ประเด็น “ทา่ นจะนำความรเู้ ร่ือง “การคณู การหาร เศษส่วนและโจทย์ปัญหา”ไปประยุกต์ใช้ในการ แกป้ ัญหาหรอื ไปใช้ประโยชนใ์ นชีวติ จริงได้อยา่ งไร” แนวคำตอบ ผู้เรียนสามารถนำความรู้ท่ีได้รับจากการเรียนรู้เรื่อง “การคูณ การหาร เศษส่วนและ โจทยป์ ญั หา” ไปประยุกต์ใชใ้ นชวี ิตจริงได้ ดังนี้

ผลจากการเรียนรู้ สามารถนำความรู้มาใชป้ ระโยชน์ ในการแก้ไขปัญหาโจทย์ทางวิชาคณิตศาสตร์ใน เรอ่ื ง “การคูณ การหาร เศษส่วนและโจทย์ปัญหา”ทำใหม้ ีความรู้ความเข้าใจในเนือ้ หามากย่งิ ข้นึ และสามารถ นำความรทู้ ่ีได้ไปปรบั ใชใ้ นการเรียนตอ่ ในระดับท่สี ูงขนึ้ ได้ 2. ครูและผู้เรียนอภิปรายและสรุปผลการเรียนรู้ร่วมกัน ตาม PowerPoint สำหรับครู เรื่อง การ สรุปผลการเรียนรู้ “การคูณ การหาร เศษส่วนและโจทย์ปัญหา” เพื่อเป็นการสรุปภาพรวมของกิจกรรมการ เรยี นรู้ ซึ่งจะทำให้ผ้เู รียนเกดิ ความเขา้ ใจในกิจกรรมการเรียนรู้มากยง่ิ ขน้ึ 3. ใหผ้ ู้เรียนทำแบบฝกึ หัด เร่ือง “การคณู การหาร เศษส่วนและโจทยป์ ัญหา”จำนวน 10 ขอ้ โดยใช้ เวลา 10 นาที 4. ครูและผ้เู รียนสรปุ ภาพรวมสง่ิ ทีไ่ ด้เรยี นรู้ร่วมกัน นอกจากนี้ ในตอนท้ายของการพบกลุ่ม หลังจากเสร็จสิ้นข้ันตอนที่ 3 ครูมีการมอบหมายงานให้ เรียนรู้ด้วยตนเอง รายละเอยี ดดงั นี้ การมอบหมายงานให้เรยี นรู้ด้วยตนเอง 1. ครูช้ีแจงใหผ้ ู้เรียนทราบว่า ในการพบกลุม่ แต่ละครั้งผู้เรียนจะได้รับมอบหมายงานให้ไปเรียนรู้ด้วยวิธีเรยี นรู้ ดว้ ยตนเองในลักษณะท่ีครจู ะมอบหมายงานให้ผู้เรียนไปศกึ ษา “หนังสือเรียนรายวชิ าคณิตศาสตร์ พค11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560)” เร่อื ง “การคูณ การหาร เศษส่วนและโจทยป์ ญั หา”หนา้ 90 - 100 ทง้ั ภาคทฤษฎแี ละปฏิบัติ โดยใหศ้ ึกษาเนอื้ หาและปฏิบตั กิ ิจกรรมท้ายเรื่อง รายละเอียดของเนื้อหา แบ่งออกเปน็ 2 สว่ น ดงั นี้ ส่วนท่ี 1 เนื้อหาการเรียนร้ตู ามแผนการจัดการเรยี นรคู้ รั้งนี้ ส่วนที่ 2 เนอ้ื หาการเรียนรู้เพ่มิ เติมในหนงั สือเรียนเรียนดงั กล่าว 2. ครูมอบหมายงานให้ผู้เรยี นเรียนรูด้ ้วยตนเอง โดยใหไ้ ปศึกษา “หนังสือเรียนรายวิชารายวิชา คณติ ศาสตร์ พค11001 ระดับประถมศกึ ษา (ฉบับปรับปรงุ พ.ศ. 2560) เรื่อง “การคูณ การหาร เศษส่วนและ โจทยป์ ญั หา”หน้า 90 - 100 รายละเอียดของกจิ กรรมทผี่ เู้ รียนจะตอ้ งปฏิบัติ แบง่ ออกเป็น 2 สว่ น ดงั น้ี สว่ นที่ 1 เนือ้ หาการเรียนรตู้ ามแผนการจัดการเรยี นรู้ครงั้ น้ี ไดแ้ ก่ 1) การคณู การหาร เศษส่วนและโจทยป์ ัญหา หนังสือเรียนรายวิชารายวชิ าคณิตศาสตร์ พค 11001 ระดบั ประถมศึกษา (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) หน้า 90 - 100 (กิจกรรมท้ายเร่ืองในหนังสือเรียน รายวิชารายวิชาคณิตศาสตร์ พค11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) หน้า 90 - 100 ส่วนท่ี 2 มอบหมายงานให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง ซ่ึงเนื้อหาการเรียนรู้เพิ่มเติมใน “หนังสือเรียน รายวชิ าคณิตศาสตร์ พค11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) หน้า 90 - 100 ได้แก่ 1) การคณู การหาร เศษสว่ นและโจทย์ปัญหา หนงั สือเรยี นรายวิชารายวิชาคณติ ศาสตร์ พค 11001 ระดบั ประถมศึกษา (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) หน้า 90 - 100

(กิจกรรมท้ายเร่ืองในหนังสือเรียน รายวิชารายวิชาคณิตศาสตร์ พค11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. 2560) หนา้ 90 - 100 หลังจากนั้น ครูและผู้เรียนมีการนัดหมายทบทวน ตรวจสอบ และแลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกัน ผ่านทาง ส่อื อิเล็กทรอนิกส์ ตอ่ ไป หมายเหตุ : ให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเอง ซึ่งการให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วย ตนเองนั้น อาจมีความแตกต่างกันบ้างในข้ันตอน โดยพิจารณาจากพื้นฐานของผู้เรียน ในกรณีท่ีผู้เรียนมี พ้ืนฐานน้อยหรือไม่มีพ้ืนฐานมาก่อนก็ควรจัดการเรียนรพู้ ื้นฐานท่ีจำเป็นและพอเพียงกับผู้เรียน หลังจากนั้นให้ ผู้เรียนได้ปฏิบัติด้วยตนเองในช่วงระยะหนึ่งแล้วจึงค่อยให้ผู้เรียนคิดหัวข้อที่อยากจะทำ หรือถ้าผู้เรียนมีพ้ืน ความรู้มาก่อนแลว้ ใหค้ ดิ หวั ข้อที่สนใจจะทำและใหล้ งมอื ปฏิบตั ิได้ ส่อื วัสดุ อปุ กรณ์ และแหล่งการเรยี นรู้ 1. คลปิ วิดโี อ เรอื่ ง “การคูณ การหาร เศษส่วนและโจทย์ปัญหา” การคูณ เศษส่วนและโจทยป์ ัญหา คณิตศาสตรป์ ระถม (พค11001) ตอนที่ 22 : การคูณเศษสว่ น https://www.youtube.com/watch?v=ej05E0qM_vw&list=PLsSQCRM- FH4o0yZ53GhfBjn5CrbLCIzke&index=22 ความยาวคลิป 8.13 นาที การหาร เศษส่วนและโจทย์ปญั หา คณติ ศาสตร์ประถม (พค11001) ตอนท่ี 23 : การหารเศษส่วน https://www.youtube.com/watch?v=h1_tjabVomY&list=PLsSQCRM-FH4o0yZ53GhfBjn5CrbLCIzke&index=23 ความยาวคลปิ 8.59 นาที 2. ใบความร้สู ำหรับครู เรื่อง การคณู การหาร เศษส่วนและโจทยป์ ัญหา 3. PowerPoint สำหรับครู เร่อื ง การสรปุ ผลการเรียนรู้ “การคูณ การหาร เศษสว่ นและโจทย์ ปัญหา” 4. บทสรปุ ประกอบ PowerPoint สำหรับครู เร่ือง การสรุปผลการเรยี นรู้ “การคูณ การหาร เศษสว่ นและโจทย์ปัญหา” 5. แบบประเมนิ ความพงึ พอใจสำหรับผ้เู รียนในการเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ เร่อื ง“การคณู การ หาร เศษสว่ นและโจทยป์ ัญหา” การวัดและประเมินผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมการมสี ว่ นร่วม ความต้งั ใจ และความสนใจของผู้เรียน 2. ผลการทดสอบกอ่ นและหลงั เรยี น 3. ผลการออกแบบและสรา้ งสรรคน์ วัตกรรมและสงิ่ ทีต่ ้องการพัฒนา/ช้นิ งาน/ผลงาน 4. ผลการประเมินความพึงพอใจของผเู้ รียน

รายละเอียดส่อื วสั ดุ อปุ กรณ์ และแหล่งการเรยี นรู้ 1. ใบความรู้สำหรบั ผูเ้ รยี น เรอ่ื ง การคูณ การหาร เศษส่วนและโจทยป์ ญั หา 2. คลิปวิดีโอ เร่ือง “การคูณ การหาร เศษสว่ นและโจทย์ปญั หา” การคูณ เศษสว่ นและโจทย์ ปญั หา คณิตศาสตรป์ ระถม (พค11001) ตอนที่ 22 : การคูณเศษส่วน https://www.youtube.com/watch?v=ej05E0qM_vw&list=PLsSQCRM- FH4o0yZ53GhfBjn5CrbLCIzke&index=22 ความยาวคลปิ 8.13 นาที การหาร เศษสว่ นและโจทย์ปญั หา คณิตศาสตร์ประถม (พค11001) ตอนที่ 23 : การหารเศษส่วน https://www.youtube.com/watch?v=h1_tjabVomY&list=PLsSQCRM-FH4o0yZ53GhfBjn5CrbLCIzke&index=23 ความยาวคลปิ 8.59 นาที 3. PowerPoint สำหรับครู เรื่อง การสรุปผลการเรียนรู้ “การคูณ การหาร เศษส่วนและโจทย์ ปัญหา” 4. บทสรปุ ประกอบ PowerPoint สำหรบั ครู เร่อื ง การสรุปผลการเรยี นรู้ “การคูณ การหาร เศษส่วนและโจทย์ปัญหา” 5. แบบทดสอบหลงั เรยี น เรอ่ื ง “การคูณ การหาร เศษส่วนและโจทยป์ ัญหา” 6. แบบประเมนิ ความพงึ พอใจสำหรับผเู้ รยี นในการเข้ารว่ มกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง“การคณู การหาร เศษสว่ นและโจทย์ปญั หา”

แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรขู้ องผเู้ รียน ชอ่ื โครงการ/กิจกรรม........................................................................................................................ ช่อื โรงเรยี น/สถานศึกษา …………………………………………………………………………………………………….. ชื่อหวั หนา้ โครงการ/กิจกรรม............................................................................................................. คำช้ีแจง ให้ผู้ประเมินทำเคร่ืองหมายถูก () ลงในช่องระดับพฤติกรรมของผู้เรียน โดยมีเกณฑ์ระดับ คณุ ภาพการประเมนิ ดงั นี้ 5 มีพฤติกรรมการเรียนรู้ มากทส่ี ดุ 4 มีพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ มาก 3 มพี ฤตกิ รรมการเรยี นรู้ ปานกลาง 2 มีพฤตกิ รรมการเรียนรู้ นอ้ ย 1 มพี ฤตกิ รรมการเรยี นรู้ นอ้ ยท่สี ุด เกณฑ์การพจิ ารณาระดบั คณุ ภาพ คะแนนเฉลี่ยรอ้ ยละ 0 - 50 ระดบั คณุ ภาพ ปรบั ปรุง คะแนนเฉล่ยี ร้อยละ 50 - 69 ระดับคณุ ภาพ พอใช้ คะแนนเฉลีย่ รอ้ ยละ 70 – 79 ระดับคณุ ภาพ ดี คะแนนเฉลยี่ ร้อยละ 80 – 89 ระดับคณุ ภาพ ดีมาก คะแนนเฉลย่ี ร้อยละ 90 - 100 ระดบั คณุ ภาพ ดเี ยีย่ ม พฤติกรรมการเรยี นรู้ ระดบั พฤติกรรม 54321 1. ความตง้ั ใจในการทำงาน 2. ความรับผดิ ชอบ 3. ความกระตือรือร้น 4. การตรงตอ่ เวลา 5. ผลสำเร็จของงาน 6. การทำงานร่วมกับผู้อืน่ 7. มีความคิดริเรมิ่ สรา้ งสรรค์

8. มีการวางแผนในการทำงาน 9. การมสี ว่ นร่วมในการแสดงความคิดเห็นในกลมุ่ 10. การมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาในกลุม่ ลงชือ่ ......................................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.............................../..................... บนั ทกึ ผลหลังการจัดกระบวนการเรียนรู้ ผลการใช้แผนการจัดการเรียนรู้ 1. จำนวนเนือ้ หากบั จำนวนเวลา เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบุเหตุผล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. การเรยี งลำดับเนือ้ หากบั ความเขา้ ใจของผู้เรยี น เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบุเหตุผล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การนำเขา้ สู่บทเรียนกับเนื้อหาแตล่ ะหัวข้อ เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตผุ ล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. วิธกี ารจดั การเรียนร้กู ับเน้ือหาในแตล่ ะข้อ เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบุเหตุผล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. การประเมนิ ผลกบั ตวั ชี้วดั ในแตล่ ะหน่วย เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม

ระบุเหตผุ ล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการเรยี นของผู้เรียน ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ผลการจัดการเรียนรู้ของครู ............................................................................................................................. ................................................. ........................................................................................................................................................................ ...... ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................... ............................................................... ............................................................................................................................. .................................................

แผนการจดั การเรียนรรู้ ายภาค ครง้ั ที่ 3 เร่ือง ทศนิยม เวลาเรียน 6 ชว่ั โมง แนวคดิ การอ่านและเขียนทศนิยม การเขียนในรูปกระจาย การเปรียบเทียบทศนิยม การเรียงลําดับ การ ประมาณคา่ ความสัมพันธ์ระหวา่ งทศนิยมกับเศษสว่ น การบวก ลบ คูณ หาร ทศนิยม และการแก้โจทยป์ ัญหา ตามสถานการณ์ ตัวช้ีวดั 1. บวก ลบ ทศนยิ ม และนำความรูไ้ ปแก้โจทยป์ ัญหา 2. คณู หาร ทศนิยมและนำความรู้ไปใช้แก้โจทยป์ ัญหา เนือ้ หา 1. การบวก ลบ ทศนยิ ม และโจทย์ปญั หา 2. การคณู หาร ทศนิยมและโจทยป์ ญั หา ขน้ั ตอนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ข้ันตอนท่ี 1 การสรา้ งแรงบันดาลใจ (Passion : P) 1. ครูทักทายผู้เรียน และชวนคิดชวนคุยเกี่ยวกับเร่ืองท่ีจะเรียนรู้เพ่ือกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความสนใจ และมีความกระตือรือร้นในการเชื่อมโยงและสร้างความพร้อมที่จะเรียนรู้หรือทำกิจกรรมการเรียนรู้ตาม แผนการจดั การเรยี นรคู้ รง้ั นี้ และเพือ่ ทบทวนความรู้เดมิ สู่การเตรียมความพร้อมในการรบั เน้ือหาใหม่ โดยครใู ห้ ผู้เรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียน เร่ือง ทศนิยม จำนวน 10 ข้อ โดยใชเ้ วลา 10 นาที

2. ครูชแี้ จงวตั ถุประสงค์ เนื้อหา กจิ กรรม การวัดและประเมนิ ผลของการเรียนรู้ในคร้งั น้ี ทีส่ อดคล้อง กบั ตวั ช้ีวัดตามแผนการจดั การเรียนรู้คร้ังน้ี เพ่ือให้ผู้เรยี นเข้าใจอย่างชัดเจนวา่ ผู้เรยี นจะต้องเรยี นรใู้ ห้บรรลุ ตัวชีว้ ัด ที่กำหนดตามแผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 6 เรื่อง ทศนิยม พรอ้ มท้ังแนะนำแหลง่ ศึกษาค้นคว้าเพิม่ เติม จากอนิ เทอร์เน็ต ซ่ึงผูเ้ รียนสามารถไปเรียนรู้ได้ดว้ ยตนเองและทำกจิ กรรมตามทไ่ี ดร้ ับมอบหมายด้วย ทั้งนี้ ครู ควรจะชีแ้ จงให้ผเู้ รยี นทราบว่าในการพบกลุ่มตามแผนการจัดการเรียนร้คู ร้ังนี้ ผู้เรยี นจะตอ้ งเรียนร้แู ละทำ กจิ กรรมทีส่ อดคล้องกับเนอ้ื หาท่ีเรยี น โดยปฏิบัตกิ ิจกรรมต่าง ๆ ไดแ้ ก่ การศึกษาคลปิ วดิ โี อ และการ แลกเปลยี่ นเรียนรโู้ ดยการอภิปรายร่วมกับเพื่อนในกลุ่ม รวมท้ังมีการทดสอบหลังเรยี นด้วย นอกจากนี้ ในการพบกลุ่มแต่ละครง้ั นั้น ครูจะมอบหมายงานให้ผู้เรียนไปเรียนร้ดู ้วยวิธีการเรียนรู้ด้วย ตนเอง ซึ่งวิธีการเรยี นรู้ด้วยตนเองจะต้องเกดิ ข้ึนในทกุ ๆ ตวั ช้ีวดั และเน้ือหาที่กำหนด โดยผู้เรียนจะต้องปฏิบตั ิ กจิ กรรมท่ีกำหนดใหด้ ้วยวธิ ีเรียนรูอ้ อนไลน์ และศกึ ษาจากเอกสารประกอบการเรยี น ดังน้นั ครูจะต้องเช่อื มโยง รายละเอียดดังกล่าวข้างต้นให้ผู้เรียนได้เกิดความเข้าใจและเกิดแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ที่จะเกิดข้ึน เพราะ การมอบหมายงานให้ผู้เรียนไปเรียนรู้ด้วยวิธีเรียนรู้ด้วยตนเองนั้น ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ออนไลน์ผ่าน อินเทอร์เน็ต และศึกษาเอกสารประกอบการเรยี น 3. ครูเปิดโอกาสให้ผู้เรียนท้ังกลุ่มร่วมกันสนทนา เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะในการฟัง พูด คิดวิเคราะห์ การทำงานร่วมกับผอู้ ่ืน การคิดสรา้ งสรรค์ ความรบั ผิดชอบ และการนำความรู้ในเนื้อหามาใช้ โดยครบู รู ณาการ เน้ือหาการเรียนรู้ มีการใช้สื่อเทคโนโลยีท่ีเป็นคลิปวิดีโอจาก Youtube ท่ีสัมพันธ์กับเน้ือหา จำนวน 2 เรื่อง ไดแ้ ก่ เรื่องท่ี 1 การบวก ลบ ทศนิยม และโจทยป์ ัญหา 1.คณิตศาสตร์ เรือ่ ง การบวกทศนิยมไมเ่ กิน 2 ตำแหนง่ ทไ่ี มม่ กี ารทด https://proj14.ipst.ac.th/p4/p4-math-book2/math-p4b2-019/ ความยาวคลปิ /13.04 นาที 2.คณิตศาสตร์ ประถม (พค11001) เรื่อง การลบทศนยิ มไม่เกนิ 3 ตำแหนง่ ที่ไมม่ ีการกระจาย https://proj14.ipst.ac.th/p4/p4-math-book2/math-p4b2-027 ความยาวคลปิ 12.50 นาที หลงั จากท่ไี ด้ชมคลปิ วิดีโอแล้ว ครูใหผ้ เู้ รียนตอบคำถามในประเด็น “จากการศึกษาคลปิ ดงั กล่าว ผเู้ รยี นจะสามารถ บวก ลบ ทศนิยมได้ ” เรอื่ งที่ 2 การคณู หาร ทศนิยมและโจทยป์ ญั หา 1.คณิตศาสตร์ เรื่อง การหาผลคณู ของทศนิยมกบั จำนวนนับ โดยการตั้งคณู https://proj14.ipst.ac.th/p5/p5-math-book1/math-p5b1-039 ความยาวคลปิ /16.17 นาที “จากการศึกษาคลิปดังกล่าว ผู้เรียนจะสามารถคูณ ทศนิยมได้ ” 2.คณติ ศาสตร์ เรื่อง การหารทศนิยมดว้ ยจำนวนนบั โดยการตงั้ หาร https://proj14.ipst.ac.th/p5/p5-math-book1/math-p5b1-044 ความยาวคลิป /16.33 นาที

“จากการศึกษาคลปิ ดังกลา่ ว ผเู้ รียนจะสามารถหาร ทศนิยมได้ ” หลงั จากที่ไดช้ มคลปิ วิดีโอแล้ว ครูได้อธิบายตามเนื้อหาในบทเรียน ประเด็นที่ 1 การบวก ลบ ทศนยิ ม และโจทย์ปัญหา ครูอธิบาย เรื่อง การบวก ลบ ทศนิยม และโจทย์ปัญหา ตามหนังสือเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ พค 11001 ระดับประถมศกึ ษา (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560) หนา้ 111 - 113 ประเดน็ ท่ี 2 การคูณ หาร ทศนยิ มและโจทยป์ ัญหา ครูอธิบาย เร่ือง การคูณ หาร ทศนิยมและโจทย์ปัญหา ตามหนังสือเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ พค 11001 ระดบั ประถมศกึ ษา (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) หน้า 114 - 119 ครใู ห้ผเู้ รยี นแลกเปลีย่ นเรียนรู้ เป็นรายบคุ คลและรายกล่มุ หลังจากน้นั ครูและผ้เู รียนสรปุ ผลการเรยี นรู้ รว่ มกนั และให้ผเู้ รยี นสรปุ ส่งิ ท่ีได้เรียนรู้ลงในสมดุ บนั ทึกผลการเรียนรขู้ องตน 4. ครูให้ผู้เรียนศึกษา ตามหนังสือเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ พค11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับ ปรับปรุง พ.ศ. 2560) เพิ่มเติม เร่ือง การบวก ลบ ทศนิยม และโจทย์ปัญหา และ การคูณ หาร ทศนิยมและ โจทย์ปญั หา หนา้ 111 - 119 5. ครเู ชื่อมโยงสงิ่ ที่ได้เรียนรู้จากการศกึ ษาคลปิ วิดโี อท้ัง 2 ใหผ้ เู้ รียนรายบุคคลและรายกลุ่มตอบ คำถามในประเด็น การบวก ลบ คูณ หาร ทศนิทยม โดยใหผ้ ูเ้ รียนฝกึ ทำแบบฝึกหดั เพื่อให้ได้คำตอบท่เี ปน็ ผลลพั ธข์ องการเรียนรอู้ ันตรงตามวตั ถปุ ระสงค์ของการ เรยี นรใู้ นครง้ั น้ี ข้นั ตอนท่ี 2 การนำไปใชป้ ระโยชน์ (Utilization : U) 1. แบง่ ผเู้ รียนออกเป็น 2 กลุ่ม ใหศ้ กึ ษาการแก้โจทยป์ ัญหา บวก ลบ คูณ หาร ทศนยิ ม จากหนงั สือ เรียนรายวชิ าคณติ ศาสตร์ พค11001 ระดับประถมศกึ ษา (ฉบบั ปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) หนา้ 111-119 ที่ กำหนดให้ ดงั นี้ กลุ่มท่ี 1 การแก้โจทยป์ ัญหา บวก ลบ ทศนิยม กลุม่ ท่ี 2 การแกโ้ จทย์ปัญหา คณู หาร ทศนยิ ม โดยให้แตล่ ะกลมุ่ แลกเปลี่ยนเรยี นรู้ และส่งผแู้ ทนนำเสนอต่อกล่มุ ใหญใ่ น 2 ประเด็น ประเดน็ ที่ 1 การแกโ้ จทย์ปญั หา บวก ลบ ทศนยิ ม ประเดน็ ที่ 2 การแก้โจทย์ปัญหา คณู หาร ทศนิยม ครูและผู้เรียนสรุปผลการเรียนรู้ร่วมกัน และให้ผู้เรียนสรุปสิ่งท่ีได้เรียนรู้ลงในสมุดบันทึกผลการ เรยี นรขู้ องตน 2. ครแู นะนำแหลง่ เรียนรใู้ ห้กับผู้เรยี นเพื่อใชเ้ ป็นเครอ่ื งมือในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง อาทิ ห้องสมุด แหล่งเรียนรูใ้ นชุมชน หน่วยงาน สถานศึกษาต่าง ๆ รวมทงั้ การใช้อนิ เตอรเ์ น็ตเพื่อการเรียนร้ดู ้วย

ตนเอง เป็นตน้ และให้ผเู้ รียนเปน็ รายบคุ คลศึกษาเนื้อหา ในหนังสอื เรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ พค11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) หน้า 111-119 เรือ่ ง การบวก ลบ ทศนิยม และโจทยป์ ญั หา และ การคูณ หาร ทศนยิ มและโจทยป์ ัญหา 3. ครดู ำเนนิ การทำหน้าทีน่ ำการอภิปราย โดยให้ผเู้ รยี นกลุ่มใหญร่ ่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ คดิ วิเคราะห์ อภปิ ราย และวเิ คราะห์ให้ข้อมลู เพมิ่ เติมในเน้ือหาหรอื ประเดน็ ท่ยี งั ไมช่ ดั เจน ตามรายละเอยี ดที่ ผเู้ รียนได้แลกเปล่ียนเรียนรู้รว่ มกนั หากผู้เรยี นกลุ่มใหญห่ รือครเู หน็ ว่ายังไมส่ มบูรณ์ มีความตอ้ งการในการ เรยี นรเู้ พม่ิ เติม ครูจะช่วยเตมิ เต็มความรู้ให้กับผ้เู รียน หลงั จากนั้นครแู ละผู้เรยี นสรปุ สง่ิ ท่ีไดเ้ รยี นรู้ในภาพรวม ท้งั หมดแล้วใหผ้ ู้เรยี นสรุปสง่ิ ที่ไดเ้ รียนรู้ลงในสมดุ บนั ทึกการเรียนรขู้ องตน หมายเหตุ : ในการดำเนินกิจกรรมกลมุ่ ครูช้ีแจงบทบาทหน้าที่ในการทำงานให้ผู้เรยี นได้มีความรับผิดชอบร่วมกัน ในการทำงาน ซึ่งมอบหมายให้ผู้เรียนดำเนินการแต่งต้ังประธานหรือผู้นำในการอภิปรายแลกเปล่ียนเรียนรู้ และการมอบหมายให้มีผู้รับผิดชอบในภารกิจต่าง ๆ รวมถึงการแต่งตั้งเลขานุการของกลุ่มเป็นผู้จดบันทึกและ ผู้รักษาเวลา เพื่อปฏิบัติงานของกลุ่มใหญ่ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ท่ีต้ังไว้ และพิจารณาว่าสมาชิกลุ่มทุกคน ควรมีความเข้าใจตรงกันว่า ตนมีบทบาทหน้าท่ีที่จะต้องช่วยให้กลุ่มทำงานได้สำเร็จ ครูควรให้คำแนะนำถึง ความสำคัญของการให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มมีส่วนร่วมในการอภิปรายอย่างท่ัวถึง ไม่ให้มีการผูกขาดการ อภปิ รายโดยผ้ใู ดผ้หู น่งึ และควรมีการจำกัดเวลาของการอภิปรายแต่ละประเดน็ ในระหว่างการทำกิจกรรมของผู้เรียน ครูมีบทบาทในการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของผู้เรียนคอย กระตุ้นผู้เรียนให้เกิดความกระตือรือร้นในการเรียนรู้ โดยบันทึกลงในแบบบันทึกพฤติกรรมการเรียนรู้ของ ผ้เู รยี น และเครอื่ งมือประเมินการสงั เกตแบบประมาณคา่ 4. ครูเปิดโอกาสให้ผู้เรียนท้ังกลุ่มร่วมกันสนทนา เพ่ือให้ผู้เรียนมีทักษะในการฟัง พูด คิดวิเคราะห์ การทำงานร่วมกบั ผ้อู ่ืน การคิดสร้างสรรค์ ความรับผิดชอบ และการนำความรูใ้ นเนอ้ื หามาใช้ โดยครบู รู ณาการ เนื้อหาการเรียนรู้ มีการใช้ส่ือเทคโนโลยีที่เป็นคลิปวิดีโอจาก youtube ท่ีสัมพันธ์กับเน้ือหา ทั้งนี้ครูเช่ือมโยง สิ่งที่ได้เรียนรู้ตามขั้นตอนที่ 1 ในการนำความรู้ไปสู่การปฏิบัติ และประยุกต์ใช้ผ่านคลิปวิดีโอ โดยครูเปิดคลิป วดิ ีโอ ดังน้ี 1.คณิตศาสตร์ เรอื่ ง การบวกทศนิยมไม่เกิน 2 ตำแหน่งที่ไม่มีการทด https://proj14.ipst.ac.th/p4/p4-math-book2/math-p4b2-019/ ความยาวคลปิ /13.04 นาที 2.คณิตศาสตร์ ประถม (พค11001) เร่ือง การลบทศนิยมไม่เกิน 3 ตำแหน่งทีไ่ มม่ ีการกระจาย https://proj14.ipst.ac.th/p4/p4-math-book2/math-p4b2-027 ความยาวคลปิ 12.50 นาที 3.คณติ ศาสตร์ เร่ือง การหาผลคูณของทศนยิ มกับจำนวนนบั โดยการตัง้ คูณ https://proj14.ipst.ac.th/p5/p5-math-book1/math-p5b1-039 ความยาวคลิป /16.17 นาที 4.คณติ ศาสตร์ เร่ือง การหารทศนิยมด้วยจำนวนนับ โดยการต้งั หาร https://proj14.ipst.ac.th/p5/p5-math-book1/math-p5b1-044 ความยาวคลิป /16.33 นาที หลังจากน้ัน ครดู ำเนนิ การ ดังนี้

(1) ครบู รรยายเน้ือหาตามใบความรู้สำหรับครู เรอื่ ง “การบวก ลบ ทศนิยม และโจทย์ปัญหา และ เรื่อง การคูณ หาร ทศนิยมและโจทย์ปัญหา” เพ่ือใช้สำหรับประกอบกิจกรรมการเรียนรู้ในส่วนของ ผู้เรียนให้ศึกษาใบความรู้สำหรับผู้เรียน ประกอบการบรรยายของครูตามใบความรู้สำหรับผู้เรียน เรื่อง “การ บวก ลบ ทศนิยม และโจทย์ปญั หา และ เรอื่ ง การคูณ หาร ทศนยิ มและโจทย์ปญั หา” (2) ครูอธิบายและให้ผู้เรียนฝึกทำแบบฝึกหัดโจทย์ เรื่อง เร่ือง “การบวก ลบ ทศนิยม และ โจทย์ปัญหา และ เร่ือง การคูณ หาร ทศนิยมและโจทย์ปัญหา” ท้ังน้ีเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แลกเปล่ียน เรยี นรู้ โดยใหผ้ เู้ รยี นตง้ั ประเด็นข้อสงสยั หรอื สิง่ ท่ีต้องการเรียนรูใ้ นกระบวนการของการฝึกทำแบบฝกึ หัด 5. ครูและผูเ้ รยี นอภปิ รายและสรปุ ผลการเรยี นรรู้ ่วมกัน ขั้นตอนที่ 3 การสะท้อนความคิดจากการเรยี นรู้ (Reflection : R) 1. แบ่งผู้เรยี นออกเป็นกลมุ่ ๆ ละ 4 - 8 คน ให้ผ้เู รียนแตล่ ะกลุ่มลงมอื ฝกึ แก้โจทยป์ ญั หา 2. ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มตามข้อ 1 ทำแบบฝึกหัดเร่ือง “การบวก ลบ ทศนิยม และโจทย์ปัญหา หน้า 113 และ เรื่อง การคณู หาร ทศนิยมและโจทย์ปัญหา” หน้า 120 ตามหนังสือเรียนรายวชิ าคณิตศาสตร์ พค 11001 ระดบั ประถมศึกษา (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560) ทั้งนี้ ครูจะต้องกำกับการปฏิบัติกิจกรรมของผู้เรียนจนกิจกรรมแล้วเสร็จ ตามใบกิจกรรมสำหรับครู เรื่อง “การบวก ลบ ทศนิยม และโจทยป์ ัญหา” 3. ให้ผูเ้ รยี นแต่ละกลมุ่ นำเสนอการแกโ้ จทยป์ ัญหาตาม ข้อที่ 1 4. ครูให้ผู้เรียนสะท้อนความคิดในการเรียนรู้ที่ได้จากการเรียนรู้และการปฏิบัติการ จากข้ันตอนท่ี 1 ถงึ ขนั้ ตอนท่ี 3 นี้ 5. ครแู ละผู้เรยี นอภปิ รายและสรุปผลการเรยี นรรู้ ว่ มกัน ขัน้ ตอนที่ 4 การตดิ ตามประเมินและแกไ้ ข (Action : A) 1. ครูสนทนากับผู้เรียนเกี่ยวกับเรื่องท่ีได้เรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้นี้ โดยครูสุ่มผู้เรียนตาม ความสมคั รใจจำนวน 2 – 3 คน ให้ตอบคำถามในประเด็น ต่อไปนี้ ประเด็น ที่ 1 “การบวก ลบ ทศนิยม และโจทย์ปญั หา” แนวคำตอบ

ประเด็น ที่ 2 การบวก ลบ ทศนิยม และโจทยป์ ญั หา แนวคำตอบ การคูณ

การหาร 2. ครูและผู้เรียนอภิปรายและสรุปผลการเรียนรู้ร่วมกัน ตามหนังสือเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ พค 11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) เพื่อเป็นการสรุปภาพรวมของกิจกรรมการเรียนรู้ ซ่ึง จะทำใหผ้ ู้เรียนเกิดความเข้าใจในกจิ กรรมการเรียนรู้มากย่ิงขน้ึ 3. ให้ผเู้ รียนทำแบบทดสอบหลังเรยี น เร่ือง ทศนิยม จำนวน 10 ข้อ โดยใชเ้ วลา 10 นาที 4. ครูและผเู้ รียนสรปุ ภาพรวมสิง่ ที่ได้เรยี นรู้รว่ มกัน นอกจากน้ี ในตอนท้ายของการพบกลุ่ม หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนท่ี 3 ครูการมอบหมายงานให้ เรียนรูด้ ว้ ยตนเอง รายละเอยี ดดงั นี้ การมอบหมายงานใหเ้ รยี นรดู้ ว้ ยตนเอง

1. ครชู ้แี จงให้ผเู้ รยี นทราบวา่ ในการพบกล่มุ แต่ละครั้งผูเ้ รียนจะไดร้ ับมอบหมายงานให้ไปเรยี นรู้ด้วย วธิ ีเรยี นรู้ดว้ ยตนเองในลกั ษณะท่คี รจู ะมอบหมายงานใหผ้ ูเ้ รียนไปศึกษา “หนังสือเรียนรายวิชาคณติ ศาสตร์ พค 11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. 2560)” เร่อื ง โจทย์ปัญหาการ บวก ลบ ทศนิยม หนา้ ............... เรื่อง โจทยป์ ญั หา การคณู หาร ทศนิยม หน้า ............ 2. ครูมอบหมายงานให้ผู้เรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยให้ไปศึกษา “หนังสือเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ พค11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)” รายละเอียดของกิจกรรมที่ผู้เรียนจะต้องปฏิบัติ แบ่งออกเปน็ 2 สว่ น ดังน้ี ส่วนที่ 1 เนื้อหาการเรยี นร้ตู ามแผนการจัดการเรยี นรู้คร้งั น้ี ไดแ้ ก่ 1) เรือ่ ง การบวก ลบ ทศนยิ ม และโจทยป์ ญั หา หนา้ 111 - 113 2) เรือ่ ง การคณู หาร ทศนิยม และโจทย์ปญั หา หนา้ 114 - 119 สว่ นท่ี 2 มอบหมายงานให้ผูเ้ รยี นเรียนรู้ด้วยตนเอง ซ่ึงเนื้อหาการเรียนรู้เพิ่มเตมิ ใน “หนังสอื เรียน รายวิชาคณิตศาสตร์ พค11001 ระดบั ประถมศึกษา (ฉบับปรบั ปรงุ พ.ศ. 2560)” ได้แก่ 1) เร่ือง การแกโ้ จทย์ปัญหา การบวก ลบ ทศนิยม หน้า 113 2) เร่อื ง การแกโ้ จทย์ปัญหา การคณู หาร ทศนยิ ม หนา้ 119 หลังจากน้ัน ครูและผู้เรียนมีการนัดหมายทบทวน ตรวจสอบ และแลกเปล่ียนเรียนรู้ร่วมกัน ผ่านทางส่ือ อเิ ล็กทรอนิกส์ ต่อไป หมายเหตุ : ให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วยตนเอง ซ่ึงการให้ผู้เรียนลงมือปฏิบัติกิจกรรมด้วย ตนเองน้ัน อาจมีความแตกต่างกันบ้างในขั้นตอน โดยพิจารณาจากพ้ืนฐานของผู้เรียน ในกรณีท่ีผู้เรียนมี พ้ืนฐานน้อยหรือไม่มีพ้ืนฐานมาก่อนก็ควรจัดการเรียนรูพ้ ื้นฐานที่จำเป็นและพอเพียงกับผู้เรียน หลังจากน้ันให้ ผู้เรียนได้ปฏิบัติด้วยตนเองในช่วงระยะหนึ่งแล้วจึงค่อยให้ผู้เรียนคิดหัวข้อท่ีอยากจะทำ หรือถ้าผู้เรียนมีพื้น ความรูม้ ากอ่ นแล้ว ให้คิดหัวข้อทีส่ นใจจะทำและใหล้ งมอื ปฏิบัตไิ ด้ สอื่ และแหล่งการเรยี นรู้ 1.หนังสือเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ พค11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) หน้า 63-73 2. https://www.youtube.com/watch?v=IfYX2Mc-Cac ความยาวคลปิ 6.43 นาที 3. https://www.youtube.com/watch?v=9Q004-7ePb4&list=PLsSQCRM- FH4o0yZ53GhfBjn5CrbLCIzke&index=13 ความยาวคลปิ 9.39 นาที 4. https://www.youtube.com/watch?v=3jaEVT7f3G4&list=PLsSQCRM- FH4o0yZ53GhfBjn5CrbLCIzke&index=14 ความยาวคลปิ 9.41 นาที การวดั และประเมินผล 1. สงั เกตพฤตกิ รรมการมสี ่วนร่วม ความตั้งใจ และความสนใจของผเู้ รยี น

2. ผลการทดสอบก่อนและหลงั เรียน 3. ผลการออกแบบและสรา้ งสรรคน์ วัตกรรมและสงิ่ ท่ตี ้องการพัฒนา/ชิ้นงาน/ผลงาน 4. ผลการประเมนิ ความพึงพอใจของผู้เรยี น รายละเอียดสือ่ วสั ดุ อปุ กรณ์ และแหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรยี นรายวชิ าคณติ ศาสตร์ พค11001 ระดบั ประถมศึกษา (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) 2. คณิตศาสตร์ เร่อื ง การบวกทศนยิ มไมเ่ กิน 2 ตำแหน่งท่ีไมม่ ีการทด https://proj14.ipst.ac.th/p4/p4-math-book2/math-p4b2-019/ ความยาวคลิป /13.04 นาที 3. คณิตศาสตร์ ประถม (พค11001) เร่ือง การลบทศนยิ มไม่เกิน 3 ตำแหนง่ ทไ่ี ม่มกี ารกระจาย https://proj14.ipst.ac.th/p4/p4-math-book2/math-p4b2-027 ความยาวคลปิ 12.50 นาที 4. คณติ ศาสตร์ เรื่อง การหาผลคณู ของทศนยิ มกับจำนวนนบั โดยการตง้ั คูณ https://proj14.ipst.ac.th/p5/p5-math-book1/math-p5b1-039 ความยาวคลิป /16.17 นาที 5. คณติ ศาสตร์ เรื่อง การหารทศนยิ มด้วยจำนวนนับ โดยการต้ังหาร https://proj14.ipst.ac.th/p5/p5-math-book1/math-p5b1-044 ความยาวคลปิ /16.33 นาที 6. ใบความรู้ 7. แบบทดสอบ 8. แบบฝึกหัด แบบทดสอบกอ่ นเรยี น / หลังเรียน

คำอธบิ าย ทำเคร่อื งหมาย × ทบั ขอ้ ทีเ่ ป็นคำตอบที่ถูกต้อง 1. 1.5 + 2.3 = ก. 3.8 ข. 4.8 ค. 5.8 ง. 6.8 2. 63.5 + 62.9 = ก. 106.4 ข. 116.4 ค. 126.4 ง. 136.4 3. 0.36 + 0.89 = ก. 1.250 ข. 12.50 ค. 125.0 ง. 0.125 4. 2.8 – 0.69 = ก. 21.1 ข. 2.11 ค. 0.211 ง. 211.0 5. 6.9 – 2.8 = ก. 0.41 ข. 4.01 ค. 4.10 ง. 0.410 6. 45.96 – 44.96 = ก. 1 ข. 0.1 ค. 0.01 ง. 0.001 7. สมชายซ้อื ไก่สามตวั ตวั แรกชง่ั นำ้ หนักได้ 1.6 กโิ ลกรัม ตวั ที่สองหนัก 2.01 กิโลกรมั ตวั ที่สามหนัก 1.98 กโิ ลกรัม สมชายซ้อื ไก่น้ำหนักรวมเปน็ เทา่ ไร เขยี นเปน็ ประโยคสัญลกั ษณไ์ ด้อยา่ งไร

ก. 1.6 - 2.01 - 1.98 = ข. 1.6 + 2.01 - 1.98 = ค. 1.6 + 2.01 + 1.98 = ง. 1.6 - 2.01 + 1.98 = 8. จากข้อ 7 คำตอบคือข้อใด ก. 5.49 ข. 5.59 ค. 5.69 ง. 5.79 9. คุณพ่อสงู กวา่ คุณลงุ 5.2 ซม. คุณอาสูงกว่าคุณพ่อ 7.5 ซม. คณุ อาสูง 178 ซม. คุณลุงสงู เท่าไร เขียนเปน็ ประโยคสญั ลักษณ์ได้อยา่ งไร ก. 178 – 7.5 – 5.2 = ข. 178 + 7.5 – 5.2 = ค. 178 – 7.5 + 5.2 = ง. 178 + 7.5 + 5.2 = 10. จากข้อ 9 คำตอบคอื ขอ้ ใด ก. 163.3 ข. 164.3 ค. 165.3 ง. 166.3 เฉลยแบบทดสอบ 1. ก 2. ค 3. ก 4. ข 5. ค 6. ก 7. ค 8. ข 9. ก 10. ค แบบฝึกหัด

คำชแี้ จง: ให้นักเรยี นเตมิ คำตอบลงใน ….. เพือ่ ใหไ้ ดค้ ำตอบท่สี มบรู ณ์ 1. 0.25 + …….. = 1 2. ……..+ 0.009 = 1 3. 0.957 + ……. = 1.002 4. 0.9584 + …….. = 1.5 5. 0.369 + ……. = 1 6. …….. + 8.625 = 12.36 7. …….. + 0.658 = 3.05 8. 235.63 + ……. = 300 9. …….. + 8.79 = 9 10. ………. + 0.3254 = 1 11. 2.30 - ……… = 1 12. 3.2 - ……. = 1.5 13. 65.98 - ……. = 65 14. ……. - 362.84 = 100 15. ……..- 3.64 = 5 16. ……… - 6.54 = 6.12 17. 9.548 - ……… = 8 18. 0.563 - ……… = 0.3 19. 0.9 - ……… = 0.654 20. 153.67 - …… = 200 แบบฝกหดั

1. จงเติมคําตอบในชอง 1) 59 x 0.5 = 2) 3.21 x 1.1 = 3) 5.66 x 1.07 = 4) 8.45 x 0.009 = 2. รานคาขายกางเกงไป 123 ตัว ถาราคาขายตัวละ 87.50 บาท รานคาจะไดเงนิ เทาไร ตอบ _____________________________________________________________________ 3. แมคาขายมะมวงไปกิโลกรัมละ 55.85 บาท ขายไดจํานวน 403 กิโลกรมั แมคาจะไดรบั เงนิ เทาไร ตอบ _____________________________________________________________________ 4. ชาวนาขายขาวได ตนั ละ 1530 บาท ขายไปได 25.25 ตัน ชาวนาจะไดรบั เงินเทาไร ตอบ ____________________________________________________________________

ใบความรู้ 1. การบวกทศนิยม การ บวกทศนิยมใช้วธิ ตี ัง้ หลักและจดุ ทศนยิ มให้ตรงกัน แลว้ บวกตัวเลขท่ีอยู่ในหลักเดียวกนั ถา้ ผลบวกได้ เกนิ 9 ใหท้ ศไปยงั หลักขา้ งหน้าเหมอื นการบวกจำนวนนับ คณุ สมบตั สิ ลับทข่ี องการบวก เชน่ 5.3 + 4.6 = 4.6 + 5.3 = 9.9 คณุ สมบตั ิการเปลย่ี นกล่มุ ของการบวก เช่น ( 0.14+0.83)+0.13 = 0.14 + (0.83 + 0.13) = 1.1 การบวกทศนิยมทีเ่ ปน็ บวกด้วยทศนิยมท่ีเปน็ บวก ให้นำค่าสัมบูรณ์มาบวกกันแล้วตอบเปน็ จำนวนบวก ตัวอยา่ ง จงหาผลบวก 10.9 +21.05 วิธีทำ 10.9 + 21.05 = 10.90 + 21.05 10.90 + 21.05 31.95 ดังนัน้ 10.9 +21.05 = 31.95 ตอบ ๓๑.๙๕

การบวกทศนิยมทีเ่ ป็นลบด้วยทศนยิ มทีเ่ ป็นลบ 2. การลบทศนยิ ม การ ลบทศนยิ มใช้วธิ ีตั้งหลักและจดุ ทศนิยมให้ตรงกนั แลว้ ลบจำนวนทอ่ี ยู่ในหลกั เดียวกัน ถ้าตัวต้ังนอ้ ยกวา่ ตัวลบให้กระจายหลักขา้ งหนา้ มาเหมือนกับจำนวนนบั 3. โจทยป์ ัญหาการบวกและลบทศนยิ ม ข้ันตอนการทำโจทย์ปัญหาการบวกและลบทศนิยม มีดังน้ี 1.) ถา้ กำหนดจำนวนสิ่งของให้ และบอกจำนวนทเี่ พิ่มขึ้น ใชว้ ิธีบวก 2.) ถา้ กำหนดจำนวนสง่ิ ของให้ และบอกจำนวนที่ลดลง ใชว้ ธิ ลี บ ตัวอย่าง จ่ายค่าหนังสือเป็นเงิน 206.5 บาท จ่ายค่าสมุดเปน็ เงิน 150 บาท ใหธ้ นบตั รใบละ 500 บาท จะ ได้รบั เงินทอนกบ่ี าท ประโยคสัญลักษณ์ 500 - (206.5 + 150 ) = ? วธิ ีทำ จ่ายคา่ หนังสือเป็นเงิน 206.50 บาท จา่ ยคา่ สมดุ เปน็ เงิน 150.00 บาท จา่ ยเงนิ คา่ สมดุ และดนิ สอเปน็ เงิน 356.50 บาท ใหธ้ นบัตรใบละ 500.00 บาท จ่ายค่าหนงั สือและสมุด 356.50 บาท จะได้รบั เงนิ ทอน 143.50 บาท

การบวกทศนยิ มท่เี ป็นลบด้วยทศนยิ มที่เปน็ ลบ ให้นำคา่ สมั บูรณ์มาบวกกันแลว้ ตอบเปน็ จำนวนลบ ตัวอยา่ ง จงหาผลบวก (-0.37) + (-1.4) วิธที ำ (-0.37) + (-1.4) = (-0.37) + (-1.40) -0.37 + -1.40 -1.77 ดงั นน้ั (-0.37) + (-1.4) = -1.77 ตอบ -๑.๗๗ 4. การคณู ทศนิยมทีเ่ ปน็ ลบดว้ ยทศนิยมทเ่ี ป็นลบ ตวั อย่าง จงหาผลคณู (-1.08) x (-2.7) วธิ ที ำ 108 x 27 756 + 216 2916 ดังนน้ั (-1.08) x (-2.7) = 2.916 ตอบ ๒.๙๑๖ การคณู ทศนิยม ตัวอย่าง จงหาผลคณู 30.2 x (-6.81) วธิ ที ำ 302 x 681 302 + 2416 + 1812 205662 ดังน้นั 30.2 x (-6.81) = -205.662 ตอบ -๒o๕.๖๖๒

การคูณทศนิยมท่ีใชส้ มบตั ิการแจกแจง ตวั อย่าง จงหาผลลัพธ์ [(-6.3) x 17.45] + [(-6.3) x (-16.45)] วธิ ที ำ [(-6.3) x 17.45] + [(-6.3) x (-16.45)] = (-6.3) x [17.45 + (-16.45)] = (-6.3) x 1 = -6.3 ตอบ -๖.๓ 5. โจทยก์ ารปญั หาการคูณทศนิยม มหี ลกั ดงั น้ี ขน้ั ตอนการทำโจทย์การปัญหาการคูณทศนิยม 1.) อ่านโจทยใ์ หเ้ ขา้ ใจว่าโจทย์กำหนดสิ่งใดให้ และต้องการทราบอะไร 2.) พิจารณาวธิ หี าคำตอบโดยถา้ โจทย์กำหนดจำนวนสิง่ ของให้ และบอกวา่ เพม่ิ ขึน้ เป็นจำนวนเท่าจะใช้ วธิ กี ารคณู ตวั อยา่ ง ซือ้ ผ้าเชด็ หนา้ 1/2 โหล ราคาผืนละ 5.25 บาท ให้ธนบตั รใบละ100 บาท จะไดร้ บั เงนิ ทอนกี่บาท ประโยคสัญลกั ษณ์ 100 - (5.25x6) = ? วิธีทำ ซ้อื ผ้าเชด็ หน้าราคาผนื ละ 5.25 บาท ผา้ เชด็ หนา้ 1/2 โหลเท่ากับ 6 ผนื จา่ ยเงนิ คา่ ผ้าเชด็ หน้า 6x5.25 = 31.50 บาท ให้ธนบัตร 100 บาท จะได้รับเงนิ ทอน 100 - 31.50 = 63.50 บาท การหารทศนิยม การหารทศนยิ มมี 2 แบบ คือ 1. การหารทศนิยมด้วยจำนวนนบั

2. หารหารทศนิยมดว้ ยทศนยิ ม หลักเกณฑ์การหารทศนิยม นำคา่ สมั บรู ณ์ของตวั ตัง้ และค่าสัมบรู ณ์ของตัวหารมาหารกันแลว้ พจิ ารณา ดังนี้ 1. ถ้าทั้งตวั ตง้ั และตัวหารเป็นทศนยิ มท่เี ปน็ บวกทง้ั คู่หรอื ทศนิยมทเี่ ป็นลบทง้ั คู่ จะได้คำตอบเป็นทศนิยมที่ เป็นบวก

2. ถา้ ท้ังตวั ต้งั หรือตวั หารตัวใดตวั หนง่ึ เปน็ ทศนยิ มทเ่ี ปน็ ลบโดยที่อีกตัวหนงึ่ เป็นทศนิยมทเี่ ปน็ บวก จะได้ คำตอบเป็นทศนยิ มทเ่ี ป็นลบ แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรยี นรขู้ องผู้เรียน ชอื่ โครงการ/กจิ กรรม........................................................................................................................ ชื่อโรงเรียน/สถานศึกษา …………………………………………………………………………………………………….. ชื่อหัวหน้าโครงการ/กจิ กรรม............................................................................................................. คำช้ีแจง ให้ผู้ประเมินทำเครื่องหมายถูก () ลงในช่องระดับพฤติกรรมของผู้เรียน โดยมีเกณฑ์ระดับ คุณภาพการประเมนิ ดงั น้ี 5 มพี ฤตกิ รรมการเรียนรู้ มากที่สดุ 4 มพี ฤตกิ รรมการเรยี นรู้ มาก 3 มพี ฤตกิ รรมการเรยี นรู้ ปานกลาง 2 มพี ฤติกรรมการเรียนรู้ น้อย 1 มีพฤตกิ รรมการเรยี นรู้ นอ้ ยทสี่ ดุ เกณฑก์ ารพจิ ารณาระดบั คณุ ภาพ คะแนนเฉลี่ยร้อยละ 0 - 50 ระดบั คุณภาพ ปรับปรงุ คะแนนเฉล่ียรอ้ ยละ 50 - 69 ระดบั คุณภาพ พอใช้ คะแนนเฉลีย่ ร้อยละ 70 – 79 ระดบั คุณภาพ ดี คะแนนเฉล่ยี รอ้ ยละ 80 – 89 ระดบั คณุ ภาพ ดมี าก คะแนนเฉลย่ี ร้อยละ 90 - 100 ระดับคุณภาพ ดเี ยีย่ ม พฤติกรรมการเรียนรู้ ระดับพฤติกรรม 54321

1. ความตง้ั ใจในการทำงาน 2. ความรบั ผิดชอบ 3. ความกระตอื รือรน้ 4. การตรงตอ่ เวลา 5. ผลสำเรจ็ ของงาน 6. การทำงานรว่ มกับผู้อืน่ 7. มคี วามคดิ ริเริ่มสรา้ งสรรค์ 8. มกี ารวางแผนในการทำงาน 9. การมสี ว่ นรว่ มในการแสดงความคิดเหน็ ในกลุ่ม 10. การมีส่วนร่วมในการแก้ไขปญั หาในกล่มุ ลงชือ่ ......................................................................ผูป้ ระเมิน ............../.............................../..................... บันทึกผลหลังการจดั กระบวนการเรยี นรู้ ผลการใชแ้ ผนการจดั การเรยี นรู้ 1. จำนวนเน้อื หากบั จำนวนเวลา เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตุผล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. การเรียงลำดบั เนอื้ หากับความเขา้ ใจของผู้เรียน เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบุเหตผุ ล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การนำเขา้ สบู่ ทเรยี นกบั เน้ือหาแตล่ ะหัวข้อ เหมาะสม ไมเ่ หมาะสม ระบเุ หตผุ ล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. วธิ ีการจดั การเรียนรกู้ บั เนื้อหาในแต่ละข้อ เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบเุ หตุผล………………………………………………………………………………………………………………………………

……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 5. การประเมินผลกบั ตัวชว้ี ัดในแตล่ ะหนว่ ย เหมาะสม ไม่เหมาะสม ระบุเหตุผล……………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ผลการเรยี นของผู้เรียน ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ................................................................................ ............ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................ ผลการจัดการเรยี นรู้ของครู ......................................................................................................................................................................... ..... ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................. ............... ขอ้ เสนอแนะ ....................................................................................................... ....................................................................... ............................................................................................................................. ................................................. ....................................................................................................................................... ....................................... ............................................................................................ ..................................................................... ............

แผนการจดั การเรียนรรู้ ายภาค ครง้ั ที่ 4 เร่อื ง ลักษณะทางภมู ศิ าสตร์ของประเทศไทย ลกั ษณะ ทาํ เล ทตี่ ั้งของประเทศไทย เวลาเรยี น 6 ชวั่ โมง แนวคดิ การศึกษาองค์ประกอบของสภาพแวดล้อมทางกายภาพหรือปรากฏการณ์ทาง กายภาพที่เกิดขึ้นบนโลก เร่ิมขึน้ เมอื่ กลางคริสตศ์ ตวรรษที่ 18 ทใ่ี หท้ ราบว่า โลก มีกำเนิดมาแล้วประมาณ 4,600 ลา้ นปี นกั วิทยาศาสตร์ ใชส้ ารกัมมันตรังสี หาอายุของหนิ โดยอา้ งอิงจากการศึกษาธาตตุ ะกั่วท่ีเปล่ียนรูปเนื่องจากกัมมันตรังสี ทำให้มี การแบ่งยุคตามตารางธรณีกาลหรือมาตราธรณีกาล (geologic time scale) ลำดับเหตุการณ์และเวลาที่ เกิดขึ้นก่อน – หลังเพ่ือใช้แสดงประวัติศาสตร์ของโลก โดยศึกษาชั้นหินและฟอสซิล เรียงลำดับหินบนโลกตาม อายุเปรียบเทียบ มีการพบการเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิตได้นำมาใช้เป็นตัวกำหนดและสิ้นสุดของยุคหนึ่ง และ เป็นจุดเร่ิมต้นยุคใหม่ ชื่อยุคทางธรณีวิทยามาจากที่ต่างๆกันเช่นจูราสสิก มาจากภูเขาจูราในฝร่ังเศสท่ีเร่ิมต้น ศึกษาหนิ ของยคุ นี้ การศึกษาทางกายภาพจงึ พบปรากฏการณ์การเปลี่ยนในอดตี และปจั จุบันท่นี ่าพิศวงนน้ั ตัวช้ีวัด 1. มคี วามรู้ความเข้าใจ เกีย่ วกบั ภูมิศาสตร์กายภาพ ชมุ ชน ท้องถ่ิน และลักษณะทางภูมศิ าสตร์ของ ประเทศไทย ลกั ษณะ ทาํ เล ที่ตั้งของประเทศไทย 2. ตระหนกั ในความสำคญั เกีย่ วกบั ภูมิศาสตร์กายภาพชุมชน ทอ้ งถนิ่ และลกั ษณะทางภูมิศาสตร์ของ ประเทศไทย ลกั ษณะ ทาํ เล ทีต่ งั้ ของประเทศไทย

เนือ้ หา ลักษณะภมู ิศาสตร์กายภาพของประเทศไทย 1. ลักษณะทําเลทีต่ ง้ั ของประเทศไทย 2. ลักษณะภูมิอากาศ ประเทศไทย 3. สง่ิ แวดลอ้ มทางธรรมชาตมิ ีอทิ ธิพลต่อการดําเนินชีวติ ของท้องถ่นิ ข้นั ตอนการจัดกระบวนการเรียนรู้ ข้นั ตอนท่ี 1 การสร้างแรงบันดาลใจ (Passion : P) 1. ครูทกั ทายผเู้ รียน พร้อมทงั้ แนะนำตนเอง และแผนการจัดการเรยี นรู้ ซ่งึ การจัดการเรียนรูท้ ีผ่ ู้เรยี น จะต้องเรยี นรู้ร่วมกนั ในคร้งั น้ี คอื เรื่อง “ลักษณะทางภมู ิศาสตรข์ องประเทศไทย ลักษณะ ทําเล ทตี่ ัง้ ของ ประเทศไทย” และชวนคิดชวนคุยเก่ยี วกบั เร่ืองทีจ่ ะเรียนรู้เพอื่ กระตุน้ ให้ผูเ้ รยี นเกิดความสนใจและมคี วาม กระตือรือร้นในการเช่อื มโยงและสรา้ งความพรอ้ มทจ่ี ะเรียนรหู้ รอื ทำกจิ กรรมการเรียนรู้ตามแผนการจัดการ เรยี นรูค้ ร้ังนี้ 2. ครูชี้แจงวัตถปุ ระสงค์ เนื้อหา กจิ กรรม การวัดและประเมินผลของการเรียนรู้ในคร้งั นี้ ทส่ี อดคล้องกับ ตวั ช้ีวดั ตามแผนการจดั การเรียนรูค้ รั้งน้ี เพื่อใหผ้ ้เู รยี นเขา้ ใจอยา่ งชัดเจนว่า ผ้เู รยี นจะตอ้ งเรียนร้ใู หบ้ รรลตุ วั ชี้วดั ทกี่ ำหนดตามแผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 1 เร่ือง “ลักษณะทางภูมิศาสตรข์ องประเทศไทย ลักษณะ ทาํ เล ทตี่ ั้งของ ประเทศไทย” ในคร้งั น้ี ซ่งึ มีจำนวน 3 ข้อ ดังนี้ 1) ลักษณะทําเลทีต่ ง้ั ของประเทศไทย 2) ลกั ษณะภมู ิอากาศ ประเทศไทย 3) สิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติมีอทิ ธิพลต่อการดาํ เนินชีวิตของท้องถน่ิ 3. ใหผ้ ้เู รียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน เร่อื ง “ลักษณะทางภูมศิ าสตร์ของประเทศไทย ลักษณะ ทาํ เล ทต่ี ัง้ ของประเทศไทย” จำนวน 10 ข้อ โดยใช้เวลา 10 นาที 4. ครูให้ผู้เรียนศึกษาหนังสือเรยี นรายวิชาสังคมศึกษา สค 11001 ระดับประถมศึกษา (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560 ) เร่ือง ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของประเทศไทย ลักษณะ ทําเล ที่ต้ังของประเทศไทย หน้า 5 ถึง หน้า 8 พรอ้ มทั้งแนะนำแหลง่ ศึกษาค้นคว้าเพม่ิ เติมจากอินเทอรเ์ น็ต ซ่ึงผู้เรยี นสามารถไปเรียนรูไ้ ด้ดว้ ยตนเอง ทำกิจกรรมตามท่ีได้รับมอบหมายด้วย ทั้งนี้ ครูควรจะชี้แจงให้ผู้เรียนทราบว่าในการพบกลุ่มตามแผน การจัดการเรียนรู้คร้ังนี้ ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้และทำกิจกรรมที่สอดคล้องกับเนื้อหาท่ีเรียน โดยปฏิบัติกิจกรรม ต่าง ๆ ได้แก่ การศึกษาคลิปวิดีโอ และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้โดยการอภิปรายร่วมกับเพ่ือนในกลุ่ม รวมทั้งมี การทดสอบหลังเรียนดว้ ย นอกจากนี้ ในการพบกลุ่มแต่ละคร้งั น้ัน ครูจะมอบหมายงานให้ผู้เรียนไปเรียนรู้ด้วยวิธกี ารเรียนรู้ด้วย ตนเอง ซึ่งวิธีการเรียนรู้ดว้ ยตนเองจะต้องเกดิ ขึ้นในทกุ ๆ ตัวช้ีวัดและเนือ้ หาท่ีกำหนด โดยผู้เรียนจะต้องปฏิบัติ กิจกรรมท่ีกำหนดให้ดว้ ยวิธเี รียนรู้ออนไลน์ และศกึ ษาจากเอกสารประกอบการเรยี น ดังนั้น ครูจะต้องเชื่อมโยง รายละเอียดดังกล่าวข้างต้นให้ผู้เรียนได้เกิดความเข้าใจและเกิดแรงบันดาลใจในการเรียนรู้ท่ีจะเกิดข้ึน

เพราะ การมอบหมายงานให้ผู้เรียนไปเรียนรู้ด้วยวิธีเรียนรู้ด้วยตนเองน้ัน ผู้เรียนจะต้องเรียนรู้ออนไลน์ผ่าน อินเทอร์เนต็ และศึกษาเอกสารประกอบการเรยี น 5. ครูชวนคิดชวนคุยเกี่ยวกับประสบการณ์เดิมของครูในเรื่องที่จะเรียนรู้ตามแผนการจัดการเรียนรู้น้ี โดยครสู ุ่มผู้เรยี นตามความสมัครใจ จำนวน 4 – 5 คน ให้ตอบคำถาม จำนวน 4 ประเด็น ดังน้ี ประเด็นที่ 1 “ทา่ นทราบหรือไม่ว่า ภูมศิ าสตร์ หมายถงึ อะไร” แนวคำตอบ ภูมิศาสตร์ คือ วิชาท่ีศึกษาเก่ียวกับพ้ืนผิวโลกที่เกี่ยวกับภูมิประเทศ ภูมิอากาศ ทรัพยากรธรรมชาติ ผลิตผล และคน รวมทั้งการกระจายของสิ่งตาง ๆ เหลานี้ คือ 6 วิชาที่ศึกษาถึงความ สัมพันธระหวางโลกกับมนุษย สิ่งแวดลอมกบั มนุษย์ ประเด็นที่ 2 “ท่านทราบหรอื ไม่วา่ ภูมิอากาศ หมายถึง อะไร” แนวคำตอบ การปฏิสัมพันธเก่ียวกับองค์ประกอบของอุตุนิยมวิทยา รักษารูปแบบต่าง ๆ เช่น ภูมิอากาศแบบร้อนชื้น ภมู อิ ากาศแบบอบอุ่นช้นื ภูมอิ ากาศแบบร้อนแห้งแล้ง เป็นตน้ ประเด็นท่ี 3 “ทา่ นทราบหรือไมว่ ่า ภมู ปิ ระเทศ หมายถงึ อะไร” แนวคำตอบ ภูมิประเทศ หมายถึง การปฏสิ ัมพันธ์เกี่ยวกับองค์ประกอบของแผน่ ดิน จําพวก หิน ดิน ความต่าง ระดับ ทําให้เกิดภาพลักษณ์รูปแบบต่าง ๆ เช่น พื้นท่ีแบบภูเขา พ้ืนที่แบบลาดเชิงเขา พื้นที่ราบ พน้ื ทล่ี ุ่ม เปน็ ตน้ ประเด็นท่ี 4 “ท่านทราบหรือไมว่ า่ ส่ิงแวดลอ้ มทางธรรมชาตมิ ีอิทธพิ ลต่อการดําเนนิ ชีวิตของทอ้ งถนิ่ อยา่ งไร แนวคำตอบ เนื่องจากลักษณะภมู ิประเทศ และภูมอิ ากาศของแตละภาค ในประเทศไทยมีความแตก ตางกัน ดงั นนั้ จึงทําใหการดาํ เนินชวี ิตของประชากรในทองถ่ินจึงแตกตางกนั หลงั จากนัน้ ครเู ปดิ คลปิ วดิ โี อใหผ้ เู้ รยี นชม เรอ่ื งลกั ษณะทางภูมศิ าสตรข์ องประเทศไทย ลักษณะ ทาํ เล ทต่ี งั้ ของประเทศไทย” จาก https://www.youtube.com/watch?v=C873MImZpaQ ช่วงเวลา 1.00 – 9.57 นาที https://www.youtube.com/watch?v=4VrN_DvMLR4 ช่วงเวลา 1.00 – 21.02 นาที โดยครูส่มุ ผูเ้ รียนตามความสมคั รใจ จำนวน 4 – 5 คน ให้ตอบคำถาม จำนวน 2 ประเดน็ ดงั นี้ ประเด็นที่ 1 “ท่านไดเ้ รยี นรู้อะไรบา้ ง จากคลปิ วิดีโอน”ี้ แนวคำตอบ จากการทไี่ ด้เรยี นรู้ลักษณะทางภมู ิศาสตรข์ องประเทศไทย ลักษณะ ทําเล ที่ต้ังของ ประเทศไทยวา่ ตงั้ อยูในคาบสมุทรอนิ โดจนี และอยูทางทศิ ตะวันออกเฉียงใตของทวีปเอเชีย ท่ตี ัง้ ของ ประเทศ ไทย อยูแถบศูนยสตู ร จึงเปนบริเวณที่ไดรับพลังงานความรอนจากดวงอาทิตยมาก เปนประเทศท่ีอยูใน เขตรอน และมีอณุ หภมู ขิ องอากาศเฉล่ยี สูงตลอดท้ังป ประเด็นที่ 2 “ ท่านคดิ ว่าจากคลปิ ประเทศไทยต้ังอยูใ่ นทำเลที่เหมาะสมหรือไหม แนวคำตอบ เหมาะสมเพราะมสี ภาพอากาศทีเ่ อื้อต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนในแค่ละภาค อยา่ งมีความสมดลุ 6. ครูและผูเ้ รียนอภปิ รายและสรุปผลการเรียนรรู้ ว่ มกัน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook