Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 50 year proof 14 (2)

50 year proof 14 (2)

Published by nscras, 2017-10-31 04:37:50

Description: 50 year proof 14 (2)

Search

Read the Text Version

๕๐ปี ชวี ติ และงาน คณะสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่

๕๐คณะสงัปคมี ศชาวีสตติ รแ์ มลหาะวงทิ ายานลยั เชียงใหม่จดั พิมพโ์ ดย ศูนย์วิจยั และบรกิ ารวิชาการ คณะสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ ๒๓๙ ถนนห้วยแก้ว ตำ� บลสเุ ทพ อ�ำเภอเมอื ง จงั หวดั เชียงใหม่ ๕๐๒๐๐ โทรศัพท์ ๐ ๕๓๙๔ ๓๕๒๘บรรณาธกิ าร วสันต์ ปญั ญาแก้วทีมงานบรรณาธิการ เสาวรีย์ ชยั วรรณ, พงศกร สงวนศักด,ิ์ ณัฐินี สสั ด,ี นัฐพล สกุ ิจสุขสวสั ดิ์ติดต่อประสานงาน นฤมล น่วมอนงค,์ นงลกั ษณ์ เรอื นคำ�พมิ พค์ รงั้ ที่ ๑ พ.ศ.๒๕๕๘จำ� นวน ๑,๐๐๐ เลม่ออกแบบ/พิมพ์ท่ี วนิดาการพิมพ์ ๑๔/๒ หมู่ 5 ตำ� บลสนั ผีเสื้อ อำ� เภอเมือง จังหวัดเชยี งใหม่ ๕๐๓๐๐ โทรศัพท์ ๐ ๕๓๑๑ ๐๕๐๓ โทรสาร ๐ ๕๓๑๑ ๐๕๐๔ ตอ่ ๑๕ข้อมูลทางบรรณานุกรมของส�ำนกั หอสมุดแห่งชาติวสันต์ ปญั ญาแกว้ . ๕๐ ปี ชวี ิตและงาน คณะสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่.-- เชยี งใหม่ : ศนู ย์วิจัยและบรกิ ารวชิ าการ คณะสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม,่ ๒๕๕๘. ๓๖๒ หนา้ . ๑. มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม-่ -ประวตั .ิ I. ชอ่ื เรอื่ ง.๓๗๘.๐๕เลขมาตรฐานสากลประจำ� หนังสอื ๙๗๘-๙๗๔-๖๗๒-๙๓๓-๘

สารจากอธกิ ารบดีมหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่รนอางศยาแสตพราทจยารน์ย์ ิเวศน์ นนั ทจติ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของดินแดนล้านนา เกิดขึ้นจาก การเรียกร้องของประชาชนให้มีการขยายการศึกษาระดับอุดมศึกษาออกสู่ภูมิภาค เร่ิมเปิด ท�ำการเรียนการสอน เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๐๗ และเม่ือวันท่ี ๒๔ มกราคม พ.ศ.๒๕๐๘ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชด�ำเนินทรงเปิดมหาวิทยาลัยเชียงใหม่อย่างเป็นทางการ ดังนั้น มหาวิทยาลัยจึงได้ถือเอาวันท่ี ๒๔ มกราคมของทุกปี เปน็ วนั คลา้ ยวันสถาปนามหาวิทยาลัยเชยี งใหม่ ตลอด ๕ ทศวรรษที่ผ่านมา สถาบันการศึกษาแห่งน้ี เป็นแหล่งผลิตบัณฑิตและ งานวิจัยท่ีมีคุณภาพ เพื่อน�ำความรู้ความสามารถไปบริการชุมชน ให้เกิดประโยชน์กับ สงั คมไทยทกุ ภาคสว่ น ตามปณธิ านทต่ี ง้ั ไว้ ใหม้ หาวทิ ยาลยั เชยี งใหมเ่ ปน็ แหลง่ สะสม คน้ ควา้วิจัย และถ่ายทอดความรู้ ตามหลักแห่งเสรีภาพทางวิชาการ โดยยึดม่ันในสัจธรรม และคุณธรรม เพื่อความเป็นเลิศทางวิชาการ การประยุกต์ เผยแพร่ และการท�ำนุบ�ำรุง ศลิ ปวฒั นธรรม ในปี พ.ศ.๒๕๕๗ น้ี ถือว่าเป็นปีท่ี ๕๐ แห่งการก่อตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ คณะผู้บริหาร จึงก�ำหนดช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง ๕ ทศวรรษ แห่งการสถาปนามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยจะเร่ิมต้ังแต่เดือนมกราคม ๒๕๕๗ ถึงเดือนมกราคม ๒๕๕๘และในวันท่ี ๒๔ มกราคม ๒๕๕๘ จะมีงานฉลองวาระครบรอบ ๕๐ ปี แห่งการสถาปนามหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ “๕ ทศวรรษ มช. รวมพลังเพื่อแผน่ ดนิ ”รองศาสตราจารย์ นายแพทย์นเิ วศน์ นันทจติ อธกิ ารบดีมหาวิทยาลยั เชียงใหม่ 3

สารบัญ ๑ ๑๑๑ ความเปน็ มา ๒ ขคอ้ณคะดิสเงั กค่ียมวศกาับสตทริศใ์ นทอนาางคกต ารพฒั นา ๑๓ ๑๖ • รองศาสตราจารย์สมศกั ดิ์ เกีย่ วกิง่ แกว้ ๒๒ • รองศาสตราจารย์ ดร.จกั รพันธุ์ วงษบ์ ูรณาวาทย ์ ๒๘ • ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พงษ์อินทร์ รกั อริยะธรรม ๓๑ • รองศาสตราจารยเ์ ศกสิน ศรวี ฒั นานุกลู กจิ ๓๓ • อาจารย์ ดร.สิทธณิ ัฐ ประพทุ ธนติ ิสาร • รองศาสตราจารยพ์ วงเพชร์ ธนสิน ๓๗๓ ชขอีวงติคณแาลจาะรงยาอ์ านวโุ ส ๓๙ ๑๑๓ • ศาสตราจารย์ พนั เอก (พิเศษ) พนู พล อาสนะจนิ ดา ๒๑๗ • ศาสตราจารย์เกยี รตคิ ณุ ดร.วันเพ็ญ สุรฤกษ ์ ๒๒๙ • รองศาสตราจารย์สมหมาย เปรมจติ ต์ ๒๕๙ • ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.สเุ ทพ สุนทรเภสชั ๒๗๓ • ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.อุไรวรรณ ตันกมิ ยง ๒๘๕ • อาจารยฉ์ ลาดชาย รมติ านนท์ ๓๐๙ • ศาสตราจารย์เกยี รตคิ ุณ ดร.อานนั ท์ กาญจนพนั ธุ ์ ๓๓๑ • อาจารย์ ดร.ชยนั ต์ วรรธนะภูติ ๓๓๓๔ น๕๐าปนี คาณทะรสงัรคศมศนาะส ตร์ ๓๓๕ ๓๓๗ • ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ศุทธนิ ี ดนตรี ๓๔๐ • ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.ไพโรจน์ คงทวศี กั ด์ิ ๓๔๒ • อาจารย์ ดร.ประสทิ ธิ์ ลีปรชี า ๓๔๔ • อาจารย์ ดร.อรยิ า เศวตามร์ ๓๔๙ • Associate Professor Paul T. Cohen • Charles F. Keyes • บทสัมภาษณ์ ศาสตราจารย์เกียรตคิ ุณ ดร.อานนั ท์ กาญจนพันธ ์ุ

๑ ความเปน็ มา ของคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชียงใหม่



ความเป็นมาของคณะสังคมศาสตร์ ๑. ประวตั กิ ารกอ่ ตั้ง จากอดตี ถึงปัจจบุ ัน คณะสังคมศาสตร์ เป็นคณะหน่ึงใน ๓ คณะของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ได้เริ่มก่อต้ังขึ้นมาพร้อมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๗ โดยมี นายไกรศรี นิมมานเหมินท์ เป็นผู้ร่วมก่อตั้งในฐานะ “ผู้คัดเลือกบุคลากร ประจ�ำคณะสังคมศาสตร์” ตามค�ำส่ังที่ประชุม “คณะอนุกรรมการด�ำเนินงาน จดั ต้ังมหาวิทยาลยั เชียงใหม่” คร้ังท่ี ๔ วันท่ี ๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๐๖ คณะสังคมศาสตร์ เร่มิ เปดิ สอนครง้ั แรก เมื่อวนั ท่ี ๑๘ มถิ นุ ายน ๒๕๐๗ โดยมศี าสตราจารย์ ดร.หมอ่ มหลวงตยุ้ ชมุ สาย รกั ษาการในตำ� แหนง่ คณบดคี นแรก (ต้ังแต่วันท่ี ๒๔ เมษายน ๒๕๐๗ เป็นต้นไป ตามค�ำสั่งส�ำนักนายกรัฐมนตร ี ท่ี ๑๐๖/๒๕๐๗) มีนักศึกษา ๗๕ คน อาจารย์ ๑๕ คน การเรียนการสอน ในช่วงแรกคณะสังคมศาสตร์ยังไม่มีอาคารเรียนเป็นของตนเอง เพราะอยู่ใน ระหวา่ งกอ่ สร้าง ดังนนั้ จึงต้องอาศยั อาคารของภาควชิ าเคมี คณะวทิ ยาศาสตร์ และหอพักชาย อาคาร ๑ เป็นสถานท่เี รยี นชวั่ คราว จนกระท่ังในปี พ.ศ.๒๕๐๙ เม่ืออาคารเรียนหลังแรกก่อสร้างแล้วเสร็จจึงได้ย้ายสถานที่เรียนและสำ� นักงาน มาทีอ่ าคารหลังแรกของคณะสังคมศาสตรป์ จั จุบัน 3

๕๐ความเป็นมา ศ าม สสชงัต.ครปม์ ีของคณะสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ คณะสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ ในปี พ.ศ.๒๕๐๗ เรม่ิ เปดิ หลกั สตู รการเรยี น การสอนระดบั ปรญิ ญาตรี ๓ หลกั สตู รคอื (๑) หลกั สตู รวทิ ยาศาสตรบณั ฑติ สาขาวชิ าภมู ศิ าสตร์ (๒) หลกั สูตรเศรษฐศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ และ (๓) หลักสูตรวทิ ยาศาสตร บัณฑติ สาขาวชิ าสงั คมวทิ ยาและมานษุ ยวิทยา ทง้ั นโ้ี ดยมี ๓ ภาควชิ าส�ำคญั คอื ภาควชิ า ภูมิศาสตร์ (ก่อตั้งเป็นภาควิชาภูมิศาสตร์แห่งแรกของประเทศไทย) ภาควิชาสังคมวิทยา และมานุษยวทิ ยา และภาควิชาเศรษฐศาสตร์ ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๐๘ จงึ ได้กอ่ ต้ังภาควิชา บัญชี และภาควิชารัฐศาสตร์ และเปิดการเรียนการสอนหลักสูตรบัญชีบณั ฑติ สาขาวชิ า การบญั ชี และหลกั สตู รรฐั ศาสตรบณั ฑติ สาขาวชิ ารฐั ศาสตร์ ในปเี ดยี วกนั จากนน้ั ทางภาควชิ า บัญชีได้เปิดสอนหลักสูตรสาขาวิชาการบริหารธุรกิจเพิ่มขึ้นในปี ๒๕๑๑ จึงเรียกรวมว่า ภาควิชาบัญชีและการบริหารธุรกิจตั้งแต่น้ันมา น่ันคือ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัย เชียงใหม่ ได้ประกอบด้วย ๕ ภาควิชาส�ำคัญของการศึกษาทางด้านสังคมศาสตร์ ต่อมา ภาควชิ าและสาขาวชิ าตา่ งๆ ทเี่ ดมิ เคยอยภู่ ายใตส้ งั กดั คณะสงั คมศาสตร์ ไดแ้ ยกตวั ยกฐานะ เป็นคณะใหม่ของมหาวิทยาลยั เชียงใหม่ ตามล�ำดบั เวลาดังนค้ี ือในปี พ.ศ.๒๕๓๕ ภาควิชา บัญชีและการบริหารธุรกิจ เป็นคณะบริหารธุรกิจ และ ภาควิชาเศรษฐศาสตร์ เป็น คณะเศรษฐศาสตร์ เปน็ คณะที่ ๑๕ และ ๑๖ ตามล�ำดับ จากน้ันอีก ๑๓ ปี คือในปี พ.ศ.๒๕๔๘ เมื่อวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๔๘ ภาควิชา รัฐศาสตร์ จึงได้รับอนุมัติให้ จดั ตัง้ เป็น คณะรฐั ศาสตร์และ รัฐประศาสนศาสตร์ เปน็ คณะที่ ๑๙ และในปีถัดมา (พ.ศ.๒๕๔๙) โครงการจัดตัง้ สาขาวิชา นิติศาสตร์ที่อยู่ในภาควิชารัฐศาสตร์ก็ได้รับอนุมัติให้จัดตั้งเป็น คณะนิติศาสตร์ เมื่อวันที่ ๒๐ เมษายน ๒๕๔๙ นับเป็นคณะท่ี ๒๐ ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปัจจุบันคณะสังคมศาสตร์ ได้แบ่งภาควิชาและส่วนงาน ตามประกาศมหาวิทยาลัย เชียงใหม่ ออกเป็น ๖ ส่วนงานดังน้ี ๑) ส�ำนักงานคณะ ๒) ศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ ๓) ภาควิชาภูมศิ าสตร์ ๔) ภาควิชาสงั คมวิทยาและมานุษยวิทยา ๕) ภาควิชาสังคมศาสตร์ กับการพัฒนา และ ๖) ภาควิชาสตรีศึกษา ด้านการเรียนการสอน คณะสังคมศาสตร์ ไดเ้ ปดิ สอนในหลกั สตู รปรญิ ญาตรี ๕ หลกั สตู ร (ประกอบดว้ ยหลกั สตู ร ๑. วทิ ยาศาสตร บัณฑิต สาขาวิชาภูมิศาสตร์ ๒. วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ๓. วทิ ยาศาสตรบณั ฑติ สาขาวชิ าภมู สิ ารสนเทศศาสตร์ (หลกั สตู รนานาชาต)ิ ๔. ศลิ ปศาสตร 4

๕๐ ศ าม สสชังต.ครปม์คี วามเปน็ มา ของคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่บณั ฑติ สาขาวชิ าไทยศกึ ษา และ ๕. ศลิ ปศาสตรบณั ฑติ สาขาวชิ าสงั คมศาสตร์ (หลกั สตู รนานาชาติ) ระดับบัณฑิตศึกษา ๙ หลักสูตร แยกเป็นปริญญาโท ๖ หลักสูตร (ประกอบดว้ ยหลกั สตู ร ๑. วทิ ยาศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าภมู ศิ าสตรแ์ ละภมู สิ ารสนเทศ-ศาสตร์ ๒. วทิ ยาศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าการใชท้ ดี่ นิ และการจดั การทรพั ยากรธรรมชาต ิอยา่ งยัง่ ยืน ๓. ศลิ ปศาสตรมหาบัณฑติ สาขาวชิ าเศรษฐศาสตรก์ ารเมอื ง ๔. ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิ าสังคมวิทยาและมานุษยวทิ ยา ๕. ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิชาสังคมศาสตร์ และ ๖. ศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวชิ าสงั คมศาสตร์ (หลกั สตู รนานาชาต)ิ )และปรญิ ญาเอก ๓ หลักสตู ร (ประกอบด้วยหลกั สูตร ๑. ปรชั ญาดุษฎบี ัณฑติ สาขาวิชาสงั คมวิทยาและมานุษยวทิ ยา ๒. ปรัชญาดุษฎีบัณฑติ สาขาวิชาการใช้ท่ดี นิ และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างย่ังยนื ๓. ปรัชญาดษุ ฎบี ัณฑิต สาขาวชิ าสงั คมศาสตร์ (หลักสูตรนานาชาติ)) ด้านการวิจัย คณะสังคมศาสตร์มีศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ (Centre for Research and Academic Services : CRAS) เปน็ หน่วยงานที่ตง้ั ขึน้ มาเพอ่ื ประสานงาน ขบั เคลอ่ื น และบรู ณาการงานตา่ งๆ ของศนู ยแ์ ละโครงการในคณะอยา่ งมที ศิ ทาง โดยเฉพาะงานวิจัย บริการวิชาการแก่สังคม โครงการแลกเปล่ียนนักศึกษาและบุคลากรต่างชาติ รวมไปถงึ สนบั สนนุ งานและบคุ ลากรของคณะสงั คมศาสตร์ ไมว่ า่ จะเปน็ ศนู ย์ โครงการตา่ งๆและโครงการท่ีเป็นความร่วมมือกับต่างประเทศ อาทิ ศูนย์ภูมิภาคด้านสังคมศาสตร์และ การพฒั นาอยา่ งยง่ั ยนื (Regional Center for Social Science and Sustainable Development :RCSD) ศนู ย์ภมู ิภาคเทคโนโลยอี วกาศและภมู ิสารสนเทศ (ภาคเหนือ) (Geoinformatics andSpace Technology Centre Northern Region : GISTNORTH) ศูนย์การศกึ ษาการใช้ทด่ี นิ 5

๕๐ความเปน็ มา ศ าม สสชงัต.ครปม์ ีของคณะสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชียงใหม่ และการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน (Chiang Mai University-Sustainable Land Use and Natural Resource Management Academic Center : CMU-SLUSE) ศูนย์ศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพและภูมิปัญญาท้องถ่ินเพื่อการพัฒนาท่ียั่งยืน (Biodiversity and Indigenous Knowledge Research Center for Sustainable Development : BIRD) ศูนย์ศึกษาชาติพันธุ์และการพัฒนา (Center for Ethnic Studies and Development : CESD) ซง่ึ เปน็ ศนู ยค์ วามเปน็ เลศิ ทางวชิ าการของมหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ ที่บริหารจัดการโดยคณะสังคมศาสตร์ โครงการ Community Development and Civic Empowerment และหน่วยวิจัยสงั คมและส่งิ แวดล้อม (Unit for Social and Environmental Research : USER) เปน็ ตน้ วนั เกดิ ตามกฎหมายหรอื วนั ทม่ี หาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ มฐี านะเปน็ นติ บิ คุ คลโดยสมบรู ณ์ รวมท้ังคณะสังคมศาสตร์ คือวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๐๗ แต่มาเปิดสอนวันแรกใน ๑๘ มิถนุ ายน ปเี ดียวกนั ดงั น้ัน วนั ที่ ๑๘ มถิ นุ ายน พ.ศ.๒๕๕๗ จงึ เป็นวนั ครบรอบ ๕๐ ปี การเรียนการสอนของคณะสังคมศาสตร์ และวันที่ ๒๔ มกราคม ๒๕๕๘ ครบ ๕๐ ปี ของการท่ีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสดจ็ พระราชด�ำเนนิ มาทรงเปน็ ประธานการเปดิ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหมอ่ ย่างเป็นทางการ คณะสังคมศาสตร์มีปรัชญาในการมุ่งเป็นสถาบันการศึกษา การค้นคว้าวิจัยทาง สงั คมศาสตร์ เพอื่ ใหเ้ กดิ ประโยชนแ์ กท่ อ้ งถนิ่ ภาคเหนอื ประเทศชาติ และนานาชาตโิ ดยรวม และมปี ณธิ านในการมงุ่ สรา้ งความเปน็ เลศิ ทางวชิ าการในสาขาสงั คมศาสตรแ์ ละผลติ บณั ฑติ ให้มีความรอบรู้ มีคุณธรรม ตอบสนองต่อสังคมในระดับต่างๆ และหนึ่งในพันธกิจส�ำคัญ ไดแ้ ก่ การมงุ่ พฒั นาและขยายความสมั พนั ธแ์ ละความรว่ มมอื ทางวชิ าการกบั สถาบนั วชิ าการ ในภูมภิ าคอาเซยี นและในระดบั นานาประเทศใหด้ ียิง่ ๆ ขนึ้ ต่อไป ๒. รายนามผ้กู ่อตัง้ และคณบดีคณะสังคมศาสตร์ ต้ังแต่เริ่มก่อตั้งจนกระท่ังถึงปัจจุบัน คณะสังคมศาสตร์มีผู้มีส่วนก่อต้ัง รักษาการ คณบดแี ละคณบดรี วมทงั้ หมด ๑๕ ท่าน ดงั รายนามต่อไปนี้ ๑. นายไกรศรี นิมมานเหมินท์ (๒๕๐๖) เป็น “ผู้คัดเลือกบุคลากรประจ�ำคณะสังคมศาสตร์” ตามค�ำส่ังที่ประชุม “คณะอนุกรรมการด�ำเนินงานจัดตั้งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่” ครั้งท่ี ๔ วันท่ี ๒ ธนั วาคม พ.ศ.๒๕๐๖ ณ ตึกสช่ี ้ันคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ (ถึงแกก่ รรม) 6

๕๐ ศ าม สสชงัต.ครปม์คี วามเป็นมา ของคณะสังคมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่๒. ศาสตราจารย์ ดร.หม่อมหลวงต้ยุ ชุมสาย ณ อยุธยา (คณบดีคนท่ี ๑) มถิ ุนายน ๒๕๐๗ - สิงหาคม ๒๕๐๘ (ถึงแก่กรรม)๓. ศาสตราจารย์ ดร.ศกั ด์ิ ผาสกุ นริ นั ดร์ (คณบดีคนที่ ๒) สงิ หาคม ๒๕๐๘ - ๒๒ กันยายน ๒๕๑๐ (ถงึ แกก่ รรม)๔. ศาสตราจารย์ ดร.นพิ นธ์ ศศธิ ร (คณบดคี นที่ ๓) ๒๓ กนั ยายน ๒๕๑๐ - ๒๓ ธันวาคม ๒๕๑๖ (ถึงแกก่ รรม)๕. รองศาสตราจารย์ ประดิษฐ์ วชิ ยั ดิษฐ์ (คณบดคี นที่ ๔) ๒๔ ธันวาคม ๒๕๑๖ - ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๑๘ (ถึงแก่กรรม)๖. ศาสตราจารย์ พนั เอก (พเิ ศษ) พนู พล อาสนะจินดา (คณบดีคนที่ ๕) ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๑๘ - ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๒๒ (ถงึ แกก่ รรม)๗. รองศาสตราจารย์ ฤทธ์ิ ศิรมิ าตย์ (คณบดคี นที่ ๖) ๑๖ กรกฎาคม ๒๕๒๒ - ๕ ตุลาคม ๒๕๒๔๘. ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ โฉมเฉลา เรอื งพงษ์ (คณบดีคนท่ี ๗) ๖ ตลุ าคม ๒๕๒๔ - ๑ สงิ หาคม ๒๕๒๘ (ถงึ แก่กรรม)๙. รองศาสตราจารย์ สมศกั ด์ิ เกย่ี วกง่ิ แก้ว (คณบดีคนที่ ๘) ๒ สิงหาคม ๒๕๒๘ - ๑ สงิ หาคม ๒๕๓๒๑๐. รองศาสตราจารย์ ดร.จักรพันธ์ุ วงษ์บรู ณาวาทย์ (คณบดคี นท่ี ๙) ๒ สิงหาคม ๒๕๓๒ - ๑ สงิ หาคม ๒๕๔๐๑๑. ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.พงษ์อินทร์ รกั อรยิ ะธรรม (คณบดคี นท่ี ๑๐) ๒ สิงหาคม ๒๕๔๐ - ๒๓ ตุลาคม ๒๕๔๖ และ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๔๖ - ๒๓ เมษายน ๒๕๔๗๑๒. รองศาสตราจารย์ ดร.เสนห่ ์ ญาณสาร (รักษาการคณบดี) ๒๔ เมษายน ๒๕๔๗ - ๒๙ สงิ หาคม ๒๕๔๗ (ถงึ แกก่ รรม)๑๓. รองศาสตราจารย์ เศกสนิ ศรีวฒั นานุกลู กิจ (คณบดคี นท่ี ๑๑) ๓๐ สิงหาคม ๒๕๔๗ - ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๑ และ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๑ - ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๑๑๔. อาจารย์ ดร.สิทธณิ ฐั ประพุทธนิติสาร (คณบดีคนที่ ๑๒) ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๑ - ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕ และ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ - ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๕๑๕. รองศาสตราจารย์ พวงเพชร์ ธนสิน (คณบดีคนท่ี ๑๓) ๒๐ สงิ หาคม ๒๕๕๕ - ปัจจุบนั 7

๓. ปฏทิ ินโครงสรา้ ง ๕๐ ปี คณะสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ พ.ศ. พ.ศ. พ.ศ. ๒๕๐๗ ๒๕๓๖ ๒๕๔๐๑๘ มิถุนายน ๒๕๐๗ • เปิดหลักสตู รรฐั ประศาสน- • จดั ต้ังศนู ยศ์ ึกษาความ คณะสงั คมศาสตร์ เปดิ การเรยี น การสอนเปน็ วันแรก และถอื เปน็ ศาสตรมหาบัณฑิต สาขา หลากหลายทางชีวภาพและวนั สถาปนาคณะสงั คมศาสตร์ วชิ ารฐั ประศาสนศาสตร์ ภูมิปญั ญาทอ้ งถ่ินเพื่อการพฒั นา มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ • จดั ตง้ั ศูนยร์ โี มตเซนซง่ิ และระบบ ทีย่ ่งั ยืน• เปดิ หลกั สูตรวทิ ยาศาสตรบณั ฑติ สารสนเทศภมู ิศาสตร์ภาคเหนอื • จัดตง้ั โครงการเอเชยี ศึกษา พ.ศ. สาขาวชิ าสงั คมวทิ ยาและ มานุษยวทิ ยา พ.ศ. ๒๕๔๑• เปดิ หลักสตู รวิทยาศาสตรบณั ฑติ • จดั ต้ังศนู ย์ภูมภิ าคด้านสงั คมศาสตร์ สาขาวิชาภมู ศิ าสตร์ ๒๕๓๕• เปดิ หลกั สูตรเศรษฐศาสตรบัณฑิต • ภาควชิ าบญั ชีและบรหิ ารธุรกจิ และการพฒั นาอยา่ งยงั่ ยืน (RCSD) สาขาวชิ าเศรษฐศาสตร์ แยกออกไปจัดตั้งเป็น พ.ศ. พ.ศ. คณะบริหารธุรกจิ เป็นคณะที่ ๑๕ ของมหาวิทยาลัยเชยี งใหม่ ๒๕๔๒ ๒๕๐๘ • ภาควชิ าคณะเศรษฐศาสตร์ • เปิดหลักสูตรศิลปศาสตรมหาบณั ฑิต• เปดิ หลกั สูตรรฐั ศาสตรบัณฑติ แยกออกไปจดั ตง้ั เปน็ คณะเศรษฐศาสตร์ เป็นคณะที่ ๑๖ (นานาชาติ) สาขาวชิ าการพฒั นา สาขาวิชารฐั ศาสตร์ ของมหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ อย่างยั่งยนื• เปดิ หลักสูตรบัญชบี ัณฑิต • เปดิ หลักสูตรรฐั ประศาสนศาสตร พ.ศ. มหาบณั ฑิต สาขาวิชา สาขาวิชาการบัญชี รฐั ประศาสนศาสตร์ ภาคพิเศษ ๒๕๓๔ พ.ศ. พ.ศ. • เปดิ หลกั สูตรนิตศิ าสตรบัณฑติ ๒๕๑๑ สาขาวิชานติ ศิ าสตร์ ๒๕๔๓• เปิดหลักสูตรบริหารธุรกจิ บัณฑติ • จดั ต้งั ศูนยส์ ตรศี ึกษา • เปดิ หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารธุรกจิ สาขาวชิ าสตรศี ึกษา พ.ศ. พ.ศ. • เปดิ หลักสูตรนติ ิศาสตรบัณฑิต ๒๕๓๓ สาขาวิชานิตศิ าสตร์ ภาคพเิ ศษ ๒๕๒๕ • เปิดหลักสตู รรัฐศาสตรมหาบณั ฑิต• เปิดหลักสูตรวทิ ยาศาสตร พ.ศ. สาขาวชิ าการเมืองและการปกครอง มหาบัณฑติ แผน ๑ (วิทยานิพนธ์) ภาคพเิ ศษ ๒๕๔๔ สาขาวชิ าภมู ศิ าสตร์ • เปิดหลักสูตรศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑิต • เปิดหลกั สตู รศลิ ปศาสตรดุษฎีบัณฑติ• เปิดหลกั สูตรเศรษฐศาสตร สาขาวชิ าการพฒั นาสงั คม มหาบณั ฑิต สาขาวชิ าเศรษฐศาสตร์ สาขาวชิ าสงั คมศาสตร์ (นานาชาติ) พ.ศ. • เปดิ หลักสูตรศลิ ปศาสตรมหาบัณฑิต พ.ศ. ๒๕๓๑ สาขาวชิ าเศรษฐศาสตรก์ ารเมอื ง ๒๕๒๗ • เปิดหลักสตู รรฐั ศาสตรมหาบณั ฑติ ภาคพิเศษ • เปดิ หลกั สูตรวิทยาศาสตร • ศนู ยร์ โี มตเซนซง่ิ และระบบสารสนเทศ สาขาวชิ าการเมืองและการปกครอง ภาคเหนอื เปลยี่ นชอ่ื เปน็ ศนู ยภ์ มู ภิ าค มหาบัณฑติ แผน ๒ เทคโนโลยอี วกาศและภมู ิสารสนเทศ (การค้นคว้าแบบอสิ ระ) พ.ศ. (ภาคเหนอื ) สาขาวชิ าภูมศิ าสตร์ • เร่ิมโครงการ College Year ๒๕๒๙ In Thailand (CYIT) รว่ มกับ University of Wisconsin- • เปิดหลักสตู รรัฐประศาสนศาสตร บณั ฑติ สาขาวิชา 8 Madison รัฐประศาสนศาสตร์

พ.ศ.๒๕๔๙ • โครงการจัดตั้งสาขาวชิ า • ตัง้ ศนู ย์โบราณคดภี าคเหนอื พ.ศ. นิติศาสตร์ แยกออกไป ซงึ่ เป็นศนู ยค์ วามเปน็ เลิศทาง จดั ตั้งเป็นคณะนิตศิ าสตร์ วชิ าการของมหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ ๒๕๕๗ เป็นคณะที่ ๒๐ ของ มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ ท่ีดำ� เนนิ งานโดยคณะสังคมศาสตร์ • เริม่ ดำ� เนนิ โครงการ Community พ.ศ. Development and Civic Empower- ment (CDCE) ร่วมกบั Vahu ๒๕๔๘ Development Institute, U.S.A. • ภาควิชารัฐศาสตร์ แยกออกไป พ.ศ. ๑๘ มถิ ุนายน ๒๕๕๗ จดั ตั้งเป็นคณะรฐั ศาสตร์และ รฐั ประศาสนศาสตร์ เป็นคณะที่ ๑๙ ๒๕๕๐ ของมหาวิทยาลยั เชียงใหม่ ครบรอบ ๕๐ ปี คณะสังคมศาสตร์ • เปิดหลกั สตู รศิลปศาสตรบณั ฑติ • เปดิ หลักสตู รวทิ ยาศาสตรดุษฎบี ัณฑติ มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่ สาขาวชิ าไทยศกึ ษา สาขาวิชาการใช้ที่ดินและการจัดการ ทรพั ยากรธรรมชาตอิ ย่างยั่งยืน • เปดิ หลักสตู รศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ พ.ศ. สาขาวิชาสังคมศาสตรส์ ขุ ภาพ พ.ศ. ๒๕๕๖ พ.ศ. ๒๕๕๑ • เปิดหลกั สูตรวิทยาศาสตรบัณฑติ ๒๕๔๗ • มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปล่ียน สาขาวิชาภมู ิสารสนเทศ โครงสรา้ งเป็นมหาวทิ ยาลยั • เปิดหลกั สูตรศลิ ปศาสตรมหาบัณฑิต• เปดิ หลกั สูตรวทิ ยาศาสตรมหาบณั ฑติ ในก�ำกบั ของรฐั สาขาวชิ าภูมสิ ารสนเทศ ภาคพเิ ศษ สาขาวิชาสังคมวิทยาและ มานษุ ยวทิ ยา• เปดิ หลกั สูตรนติ ิศาสตรมหาบัณฑติ • เปิดหลักสูตรปรชั ญาดุษฎบี ัณฑิต สาขาวชิ านติ ิศาสตร์ ภาคพเิ ศษ พ.ศ. สาขาวิชาสงั คมวิทยาและ พ.ศ. ๒๕๕๒ ๒๕๔๖ • คณะสงั คมศาสตรป์ รับเปลีย่ น มานษุ ยวทิ ยา• เปดิ หลกั สูตรวิทยาศาสตรมหาบณั ฑติ โครงสร้างการบริหารใหม่ จดั ตง้ั พ.ศ. สาขาวชิ าการใช้ท่ดี นิ และการจดั การ ศนู ยว์ ิจัยและบริการวิชาการ และ ทรัพยากรธรรมชาตอิ ย่างยงั่ ยนื ๒๕๕๕ ภาคพเิ ศษ• เริ่มโครงการชนพ้ืนเมอื งศึกษาร่วมกับ ๒ ภาควชิ าใหมค่ อื ภาควชิ า • เปิดหลักสตู รศลิ ปศาสตรมหาบณั ฑติ Trent University ประเทศแคนาดา สงั คมศาสตรก์ ับการพฒั นา สาขาวชิ าสงั คมศาสตร์ และภาควชิ าสตรีศึกษา รวมกับ พ.ศ. ๒ ภาควิชาเกา่ แกค่ อื ภาควชิ า • เปิดหลักสูตรนานาชาติศิลปศาสตร ภูมิศาสตร์ และภาควิชาสงั คมวิทยา มหาบัณฑิต สาขาวชิ าสังคมศาสตร์ ๒๕๔๕ และมานษุ ยวทิ ยา เปน็ ทั้งหมด • จัดต้งั ศนู ยก์ ารศกึ ษาการใชท้ ด่ี นิ ๔ ภาควชิ า • เปิดหลกั สตู รปรชั ญาดษุ ฎีบัณฑติ สาขาวชิ าสงั คมศาสตร์ และการจดั การทรพั ยากรธรรมชาต ิ อย่างยั่งยนื • เปิดหลกั สูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต พ.ศ.• เปิดหลักสูตรวิทยาศาสตร สาขาวิชาการจัดการสาธารณภยั มหาบัณฑิต สาขาวชิ าการใชท้ ี่ดิน • เปิดศูนยศ์ ึกษาชาติพันธแุ์ ละการ ๒๕๕๔ และการจดั การทรัพยากร ธรรมชาตอิ ย่างยัง่ ยืน พฒั นา ซึ่งเป็นศนู ยค์ วามเปน็ เลศิ • เปิดหลักสตู รศิลปศาสตรบัณฑิต ทางวชิ าการของมหาวทิ ยาลัย สาขาวิชาสงั คมศาสตร์ เชียงใหม่ ท่ีด�ำเนนิ งาน (นานาชาต)ิ โดยคณะสงั คมศาสตร์ CMU9



๒ ทขอ้ ศิคดิ ทเกา่ยี วงกกับ ารพฒั นา คณะสงั คมศาสตร์ในอนาคต ของคณบดีคณะสงั คมศาสตร์ อดตี -ปัจจบุ ัน



๕๐ ศ าม สสชังต.ครขปม์ อี้ คดิ เกย่ี วกบั ทศิ ทางการพัฒนาคณะสงั คมศาสตรใ์ นอนาคต รองศาสตราจารย์สมศกั ดิ์ เกี่ยวกิง่ แกว้ สมศกั ด์ิ รเอกง่ยีศาวสกต่รงิ าแจการ้วย์ คณบดีคณะสังคมศาสตร์ คนที่ ๘ ๒ สิงหาคม ๒๕๒๘ - ๑ สิงหาคม ๒๕๓๒คณะสังคมศาสตร์ได้ก�ำเนิดขึ้นพร้อมๆ กับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในปี พ.ศ.๒๕๐๗ โดยมีบทบาทท่ีส�ำคัญคือผลิตบัณฑิตสายสังคมศาสตร ์และเปิดสอนวิชาทางสังคมศาสตร์เพื่อให้คณะต่างๆ ได้เรียนเป็นวิชาบังคับพื้นฐานทางสังคมศาสตร์จ�ำนวน ๖ หน่วยกิต การเปิดสอนหลักสูตรสายสังคมศาสตร์นั้น ในช่วง สองปีแรก คณะสังคมศาสตร์ได้เปิดสอนใน ๕ สาขาวิชาคือ สาขาวิชาภูมิศาสตร์ สาขา วิชาสังคมวิทยาและมานษุ ยวทิ ยา สาขาวิชาเศรษฐศาสตร์ สาขาวชิ าบญั ชีและบริหารธรุ กิจและสาขาวิชารัฐศาสตร์ และในแต่ละปีจะรับนักศึกษาประมาณสาขาวิชาละ ๓๐ ถึง ๕๐ คน เทา่ นั้น คณะสังคมศาสตร์ได้พัฒนาตัวเองมาโดยตลอดท้ังด้านวิชาการและบุคลากร โดยเฉพาะในเรื่องการเรียกช่ือวุฒิปริญญาให้เหมือนกับมหาวิทยาลัยอ่ืนในกรุงเทพฯ นั้น จะถือว่าเป็นพัฒนาการของคณะสังคมศาสตร์ก็ว่าได้ กล่าวคือเดิมทีผู้ส�ำเร็จการศึกษา ของคณะจะได้รับปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิตหรือวิทยาศาสตรบัณฑิต (Bachelor of Arts or Bachelor of Science) แล้วตามด้วยวงเล็บสาขาวิชาท่ีส�ำเร็จ ซึ่งใน คณะสังคมศาสตร์ก็มีการผลิตบัณฑิตทั้งสองสาขาวิชา คือผู้ส�ำเร็จจากภาควิชาภูมิศาสตร์ กับสังคมวิทยาฯ จะได้วิทยาศาสตรบัณฑิต ส่วนบัญชีและบริหารธุรกิจ เศรษฐศาสตร์ และรัฐศาสตร์ จะได้รับปริญญาทางศิลปศาสตรบัณฑิต ซึ่งก็เป็นไปตามหลักสากล และเป็นไปตามปรัชญาและเจตนารมณ์ในการกอ่ ตัง้ มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่ 13

๕๐ขอ้ คดิ เกย่ี วก บั ศ าม สสชังต.ครปม์ ีทศิ ทางการพัฒนาคณะสงั คมศาสตรใ์ นอนาคต รองศาสตราจารยส์ มศกั ดิ์ เก่ียวกิง่ แก้ว อย่างไรก็ตาม จากการเรียกช่ือปริญญาในลักษณะดังกล่าวย่อมมีลักษณะแตกต่าง ไปจากมหาวทิ ยาลยั เกา่ แกท่ เี่ ปดิ สอนในกรงุ เทพฯ ซงึ่ บณั ฑติ ทส่ี �ำเรจ็ ไปในระยะแรกๆ กไ็ มม่ ี ปญั หา แตใ่ นระยะหลงั สาขาวชิ าบางสาขาวชิ า นกั ศึกษาท่สี ำ� เรจ็ การศกึ ษาไดป้ ระสบปัญหา ในการสมัครสอบเข้าท�ำงานในกระทรวง ทบวงกรมต่างๆ ทั้งน้ีเน่ืองจากคณะสังคมศาสตร์ แม้จะผลิตบัณฑิตที่มีเน้ือหาหลักสูตรตรงกับมหาวิทยาลัยต่างๆ เช่น จุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร์และรามค�ำแหง ก็ตาม แตเ่ มือ่ ใชช้ ือ่ ปริญญาตา่ งกนั จงึ ไม่มสี ิทธิ สมคั รเขา้ สอบ เพราะหนว่ ยงานทร่ี บั สมคั รมกั จะอา้ งวา่ ไมต่ รงกบั เงอื่ นไขในการเปดิ รบั สมคั ร เป็นผลให้บัณฑิตที่ส�ำเร็จการศึกษาในระยะเวลาต่อมาเกิดความเดือดร้อนต้องร้องเรียน กลบั มายงั คณะ เพอ่ื ใหค้ ณะมหี นงั สอื ยนื ยนั วา่ ตนไดจ้ บในสาขาวชิ านน้ั จรงิ เพยี งแตเ่ รยี กชอ่ื ปริญญาไม่ตรงกันเท่านั้น เช่น เขาใช้ช่ือว่า “ปริญญาบัญชีบัณฑิตหรือรัฐศาสตรบัณฑิต” แตข่ องเราเรียกว่า “ศิลปศาสตรบัณฑติ (บัญช)ี หรือศิลปศาสตรบณั ฑติ (รัฐศาสตร)์ ” ดงั นั้น ในเวลาตอ่ มา คณะสงั คมศาสตรจ์ งึ ไดด้ ำ� เนนิ การขอแกไ้ ขชอื่ ปรญิ ญาเสยี ใหม่ เพอื่ ใหเ้ หมอื น กับทางมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ เพื่อช่วยไม่ให้บัณฑิตต้องตกงาน และป้องกันการกีดกัน ของมหาวทิ ยาลัยในกรงุ เทพฯ ปรากฏการณ์อีกสิ่งหนึ่งท่ีสืบเนื่องจากปัญหาแรกก็คือ เม่ือมีการประชุมสัมมนา ท่ีกรงุ เทพฯ ทางมหาวทิ ยาลยั ตา่ งๆ จะมีหนงั สือเชญิ มายงั มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่เพื่อขอให้ คณะส่งตัวแทนไปร่วมประชุมสัมมนา แต่เมื่อเรามีแต่คณบดีท่ีเรียกชื่อว่า “คณบดี คณะสังคมศาสตร”์ ไมม่ คี ณบดีคณะบัญชี คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ คณบดคี ณะรฐั ศาสตร์ แบบเดยี วกบั ทท่ี างกรงุ เทพฯ เขามกี นั จงึ ตอ้ งสง่ หวั หนา้ ภาควชิ าไปรว่ มสมั มนาและเมอ่ื มกี าร ทำ� ขอ้ ตกลงกนั ระหวา่ งคณะกจ็ ะตอ้ งนำ� กลบั มาใหค้ ณบดลี งนาม เมอื่ มปี ญั หาเชน่ นป้ี ระกอบ กบั จากการพฒั นาของแตล่ ะภาควชิ ากม็ ปี รมิ าณงานและจำ� นวนนกั ศกึ ษาทพี่ รอ้ มจะยกฐานะ ขึ้นเป็นคณะได้ ดงั นัน้ ในชว่ งปี ๒๕๒๙-๒๕๓๐ ภาควชิ าบญั ชแี ละบรหิ ารธรุ กจิ กบั ภาควิชา เศรษฐศาสตร์จึงได้ขอยกฐานะขึ้นเป็นคณะ ในขณะเดียวกันภาควิชารัฐศาสตร์ ซ่ึงเป็น ภาควิชาที่ใหญ่ที่สุดในขณะนั้นก็ได้ท�ำเรื่องขอยกฐานะข้ึนเป็นคณะบ้าง แต่ก็ถูกทาง มหาวิทยาลัยยับยั้งไว้ โดยให้ความเห็นว่า “หากยอมให้ภาควิชารัฐศาสตร์ยกฐานะขึ้น เป็นคณะไดแ้ ลว้ คณะสงั คมศาสตร์จะเหลอื อะไร” แมว้ า่ ภาควชิ ารฐั ศาสตรจ์ ะไมไ่ ดร้ บั อนมุ ตั ใิ หย้ กฐานะเปน็ คณะไดใ้ นขณะนนั้ อาจารย์ ศษิ ย์เก่าและศิษยป์ ัจจุบนั กม็ ไิ ดล้ ะความพยายามท่ีจะใชค้ วามพยายามใหไ้ ด้รับการยกฐานะ ข้ึนเป็นคณะ จนในที่สุดเม่ือเดือนเมษายน ๒๕๔๙ ภาควิชารัฐศาสตร์ก็ได้รับอนุมัติให้ ยกฐานะข้ึนเป็นคณะโดยชื่อว่า “คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์” ประกอบด้วย 14

๕๐ ศ าม สสชังต.ครขปม์ อี้ คดิ เกย่ี วกบั ทศิ ทางการพฒั นาคณะสังคมศาสตร์ในอนาคต รองศาสตราจารยส์ มศกั ด์ิ เก่ียวกงิ่ แกว้ภาควิชาการเมืองการปกครอง ภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์และภาควิชานิติศาสตร์ ซึ่งในเวลาต่อมาภาควิชานิติศาสตร์ก็ได้รับอนุมัติให้จัดตั้งเป็นคณะอีกคณะหนึ่ง จึงเห็นได้ว่า คณะสงั คมศาสตร์เป็นแหลง่ พฒั นาหรือเปน็ แหลง่ ก่อก�ำเนดิ ของคณะต่างๆ ถึง ๔ คณะ ทั้งหมดท่ีกล่าวมานี้ล้วนแล้วแต่เป็นเคร่ืองยืนยันให้เห็นถึงพัฒนาการของ คณะสังคมศาสตร์ท้ังสิ้น ปัจจุบันทราบว่าคณะสังคมศาสตร์ยังพัฒนาอยู่อย่างต่อเนื่อง จากการที่เหลือเพียงภาควิชาภูมิศาสตร์กับภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยาน้ัน คณะสังคมศาสตร์ได้ท�ำการเปิดหลักสูตรใหม่ๆ เพ่ิมข้ึนอีกคือ ภาควิชาสตรีศึกษา ภาควิชาสังคมศาสตร์กับการพัฒนา และยังมีศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ ซ่ึงเป็นผลให ้คณะสงั คมศาสตร์ยังคงมี ๕ หน่วยงานเทา่ เดิม แตท่ ่นี ่ายนิ ดีกค็ ือ ปจั จบุ ันคณะสงั คมศาสตร ์ได้เปิดสอนในระดับบัณฑิตศึกษาคือ ระดับมหาบัณฑิต ๖ สาขาวิชาและดุษฎีบัณฑิต อกี ๓ สาขาวชิ า ในโอกาสท่คี ณะสังคมศาสตร์ จะมอี ายคุ รบ ๕๐ ปี (ถา้ นบั จากวนั เปิดมหาวิทยาลัยเปน็ ทางการ เมอ่ื ๒๔ มกราคม ๒๕๐๘) ในเดอื นมกราคม ๒๕๕๘ น้ี ผมในฐานะอดตี คณบดีคณะสงั คมศาสตร์ ตอ้ งขอชนื่ ชมผบู้ รหิ าร คณาจารยท์ กุ ทา่ น ตลอดจนเจา้ หนา้ ทท่ี กุ คนทง้ั ในอดีตและปัจจุบันที่ได้ใช้ความรู้ความสามารถพัฒนาคณะของเราให้เป็นองค์ประกอบหน่ึง ของมหาวทิ ยาลัยท่มี ีชือ่ เสียงในระดับสามของประเทศ (รองจาก จฬุ าลงกรณ์มหาวิทยาลยัและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) และหวังว่าทั้งคณะและมหาวิทยาลัยจะเป็นที่ยอมรับของนานาชาติยิง่ ๆ ขึ้นไปอกี 15

๕๐ขอ้ คดิ เกย่ี วก บั ศ าม สสชังต.ครปม์ ีทศิ ทางการพฒั นาคณะสังคมศาสตร์ในอนาคต รองศาสตราจารย์ ดร.จักรพนั ธุ์ วงษ์บรู ณาวาทย์ รองศาสตราจารย์ ดร.จกั รพันธุ์ วงษบ์ ูรณาวาทย์ คณบดีคณะสังคมศาสตร์ คนท่ี ๙ ๒ สิงหาคม ๒๕๓๒ - ๑ สงิ หาคม ๒๕๔๐ ขอร�ำลึกถึงประสบการณ์ในการรับราชการที่คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัย เชียงใหม่ ต้ังแต่เร่ิมเป็นอาจารย์คร้ังแรกเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๒ จนกระทั่งเป็น คณบดีคณะสังคมศาสตร์ในช่วงปี พ.ศ.๒๕๓๒-๒๕๔๐ และเกษียณอายุราชการ จากคณะสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลัยเชยี งใหม่ ในกลางปี ๒๕๔๖ กบั ท้ังได้รบั การทาบทาม ให้ไปด�ำรงต�ำแหน่งเป็นคณบดีส�ำนักวิชาศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ในช่วงปี พ.ศ.๒๕๔๖-๒๕๕๔ และเม่ือด�ำรงต�ำแหน่งครบ ๒ วาระแล้วก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ อาจารยอ์ าวุโส ทีม่ หาวิทยาลยั แมฟ่ ้าหลวง จนถงึ ปัจจุบันนี้ ดังน้ันการบอกเล่าเร่ืองร�ำลึกถึงความหลังที่คณะสังคมศาสตร์ บางกิจกรรมอาจมี ความต่อเนื่อง จากคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มาถึงส�ำนักวิชาศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลยั แมฟ่ า้ หลวง บ้าง ซ่ึงในช่วงแรกๆ ของระยะเวลาการด�ำรงต�ำแหน่งคณบดีนั้น คณะสังคมศาสตร์ ประกอบดว้ ยภาควชิ าตา่ งๆ ๕ ภาควชิ า ได้แก่ • ภาควชิ ารฐั ศาสตร์ • ภาควิชาสังคมวิทยา และมานุษยวิทยา • ภาควชิ าภูมิศาสตร์ • ภาควชิ าเศรษฐศาสตร์ • ภาควิชาบรหิ ารธรุ กิจและการบัญชี 16

๕๐ ศ าม สสชังต.ครขปม์ อี้ คดิ เกย่ี วกบั ทศิ ทางการพัฒนาคณะสงั คมศาสตร์ในอนาคต รองศาสตราจารย์ ดร.จกั รพนั ธ์ุ วงษบ์ รู ณาวาทย์ ต่อมาได้มีการตั้งภาควิชานิติศาสตร์ และศูนย์สตรีศึกษา ซึ่งปัจจุบันเป็นภาควิชา สตรีศึกษา ในคณะสงั คมศาสตร์ เม่ือคราวเริม่ ตน้ เปน็ อาจารยใ์ นปี ๒๕๑๒ นน้ั นอกจากจะเปน็ อาจารยข์ องภาควิชารัฐศาสตร์แล้ว ยังท�ำหน้าที่เป็นเลขานุการให้ท่านคณบดีคณะสังคมศาสตร์ในขณะน้ันด้วย คอื ศาสตราจารย์ ดร.นพิ นธ์ ศศิธร ซงึ่ ทำ� ใหม้ ีโอกาสไดศ้ ึกษาวิธกี ารท�ำงานจากทา่ น ซ่งึ เป็นประโยชน์อยา่ งมากกบั ตวั ขา้ พเจ้าเอง และต่อคณะสงั คมศาสตร์อยา่ งยง่ิ อกี ดว้ ย ในช่วงที่ข้าพเจ้าเป็นคณบดีคณะสังคมศาสตร์ ระหว่างปี พ.ศ.๒๕๓๒-๒๕๔๐ นั้นถือว่าเป็นช่วงโลกาภิวัตน์ (Globalization) ซึ่งได้มีการด�ำเนินการ เพ่ือให้เกิดการพัฒนา และให้สอดคล้องกับยคุ สมัย โดยไดด้ �ำเนินการในส่ิงท่ีสำ� คัญๆ ดังต่อไปนี้ ๑. ด�ำเนินการปรับปรุงหลักสูตรของแต่ละภาควิชา เพื่อให้ทันสมัย และสอดคล้องกบั ความตอ้ งการของตลาดแรงงานทั้งภาครัฐ และเอกชนในประเทศ ๒. ได้ประสานขอรับการสนับสนุนจาก คุณธีระชัย เชมนะสิริ ซ่ึงเป็นชาวเชียงใหม่โดยก�ำเนิดเพื่อให้มาต่อเติมอาคารของคณะสังคมศาสตร์ และท�ำเป็นห้องสมุดของ คณะสงั คมศาสตร์ และเรยี กหอ้ งนัน้ ว่าห้อง “เชมนะสิร”ิ ในขณะน้นั ๓. ดำ� เนนิ การรว่ มมอื กบั มหาวทิ ยาลยั Wisconsin ท่ี Madison ตามโครงการ CollegeYear in Thailand ซ่ึงโครงการนไ้ี ด้ดำ� เนินการกอ่ นหน้าทข่ี า้ พเจ้ามาด�ำรงต�ำแหน่งเป็นคณบดีแล้ว แต่ได้มีการด�ำเนินงานเพ่ือกระชับความสัมพันธ์ระหว่างคณะสังคมศาสตร ์กับมหาวิทยาลัย Wisconsin ให้มีความสัมพันธ์กันอย่างเหนียวแน่นมากย่ิงขึ้น โดยได้ เดินทางไปเยี่ยมมหาวิทยาลัย Wisconsin และต้อนรับท่านอธิการบดีของมหาวิทยาลัยWisconsin ซ่งึ เดินทางมาเยือนคณะสังคมศาสตรอ์ กี ดว้ ย ๔. ไดต้ ดิ ตอ่ กบั มลู นธิ ิ Sasakawa ซงึ่ มลู นธิ นิ ม้ี นี โยบายสนบั สนนุ มหาวทิ ยาลยั ตา่ งๆทวั่ โลก โดยทางมลู นธิ จิ ะมอบเงนิ ๑ ลา้ นเหรยี ญสหรฐั แกส่ ถาบนั การศกึ ษาทท่ี างมลู นธิ เิ ลอื กและใหน้ ำ� เงนิ จำ� นวน ๑ ลา้ นเหรยี ญสหรฐั ฝากกบั ธนาคารในประเทศนน้ั ๆ และใหน้ ำ� ดอกเบย้ีของ ๑ ลา้ นเหรยี ญสหรัฐ มาสนบั สนุนการเรยี นการสอนของสถาบันทง้ั ในระดบั ปริญญาตรีและระดับบัณฑิตศึกษา ซึ่งมหาวิทยาลัยของไทยหลายแห่งในขณะน้ันได้เสนอขอ การสนับสนุน และโชคดีที่คณะกรรมการมูลนิธิได้เลือกที่จะให้ทุนสนับสนุนจ�ำนวน ๑ ล้านเหรียญ แก่คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และได้มีการน�ำรายได้ จากดอกเบ้ียไปสนับสนุนการเรียนการสอน โดยเฉพาะให้ทุนการศึกษาการเรียนในระดับปริญญาโท รวมทั้งสนับสนุนการเขียนวิทยานิพนธ์ และสารนิพนธ์ของสาขาวิชาต่างๆ 17

๕๐ขอ้ คดิ เกย่ี วก บั ศ าม สสชงัต.ครปม์ ีทิศทางการพัฒนาคณะสงั คมศาสตรใ์ นอนาคต รองศาสตราจารย์ ดร.จกั รพันธุ์ วงษ์บรู ณาวาทย์ ในคณะสังคมศาสตร์ ทุกสาขาวิชาในขณะน้ันด้วย ซึ่งเงินจ�ำนวนน้ีก็ยังคงอยู่ที่คณะ สงั คมศาสตรเ์ ตม็ จ�ำนวน ๑ ลา้ นเหรยี ญสหรฐั ถงึ แมว้ า่ จะมกี ารแยกภาควชิ าตา่ งๆ ไปตงั้ เปน็ คณะวชิ า เชน่ คณะเศรษฐศาสตร์ คณะบรหิ ารธรุ กจิ คณะรฐั ศาสตรแ์ ละรฐั ประศาสนศาสตร์ และคณะนิติศาสตร์ เป็นต้น และคาดว่าคณะสังคมศาสตร์ก็ยังคงจะได้ใช้ประโยชน์เพ่ือ พัฒนาการเรียนการสอนของคณะสังคมศาสตร์ได้อย่างเต็มที่ในปัจจุบัน จากผลประโยชน์ ของเงนิ กองทุนจำ� นวนดังกล่าวดว้ ย ๕. ได้ติดต่อขอการสนับสนุนในด้านพัฒนาการศึกษาและการวิจัยจากองค์กร นานาชาติต่างๆ ให้แก่คณาจารย์ของคณะสังคมศาสตร์ องค์กรต่างๆ ดังกล่าวน้ี รวมท้ัง มูลนิธิการศึกษาไทยอเมริกัน หรือ Fulbright มูลนิธิอาเซีย และมูลนิธิฟรีดิชเอแบรท (Friedrich Ebert Stiftrung) เปน็ ต้น การสนับสนนุ จากมูลนธิ ฟิ รีดชิ นีน้ อกจากจะได้รับเงนิ ทุน เพ่อื การจดั ทำ� โครงการสมั มนาทางวชิ าการ และการวิจยั แลว้ ยงั ได้รับการสนบั สนนุ รถยนต์ Peugeot 505 เพอ่ื เปน็ รถประจำ� ต�ำแหน่งของคณบดคี ณะสงั คมศาสตร์อีกด้วย รวมท้ังได้รับ การสนบั สนนุ จากมลู นธิ ฟิ อรด์ เพอื่ จดั สมั มนารว่ มกนั ระหวา่ งคณาจารยข์ องคณะสงั คมศาสตร์ และคณาจารย์ของมหาวิทยาลัยยูนนาน โดยหาหนทางแลกเปล่ียนอาจารย์ในแต่ละสาขา รวมทง้ั ทำ� วจิ ยั รว่ มกนั อกี ดว้ ย แตใ่ นขณะนน้ั ความสามารถในการใชภ้ าษาองั กฤษของอาจารย์ มหาวทิ ยาลยั ยนู นานท่อี าวโุ สค่อนขา้ งจะเปน็ ปัญหา จงึ ทำ� ใหโ้ ครงการน้ไี ม่คอ่ ยจะกา้ วหนา้ ตามท่ีต้องการเท่าไหร่นัก และหากคณะสังคมศาสตร์ในปัจจุบันจะริเร่ิมโครงการดังกล่าว ในลักษณะนี้กับมหาวิทยาลัยต่างๆ ของจีน รวมทั้งกับมหาวิทยาลัยในนานาประเทศ ในขณะนคี้ งจะไมเ่ ป็นปญั หา ท้ังนี้ อาจารย์รนุ่ ใหม่ๆ ของจนี และของประเทศต่างๆ มคี วาม สามารถในการใชภ้ าษาอังกฤษไดเ้ ปน็ อย่างดีแลว้ ๖. ได้ท�ำความร่วมมอื กบั มหาวทิ ยาลัย Gakushuin Tokyo ประเทศญี่ปุน่ ในการส่ง นักศึกษาของคณะสังคมศาสตร์เข้าร่วมท�ำกิจกรรมค่ายอาสาสมัครเพ่ือพัฒนาคุณภาพชีวิต ของชาวไทยภเู ขา โดยในระยะเรมิ่ แรกไดเ้ รม่ิ ทอ่ี ำ� เภอปางมะผา้ จงั หวดั แมฮ่ อ่ งสอน โครงการ ดังกล่าวน้ีได้ริเร่ิมและน�ำโดย Prof.Dr.Tatsuhiko KAWASHIMA โดยเรียกกลุ่มอาสาสมัคร ของเขาว่า GONGOVA ซึ่งย่อมาจาก Gakushuin Overseas NGO Volunteer Activities ท้ังนี้นักศึกษาฝ่ายไทยจากคณะสังคมศาสตร์ ได้เข้าร่วมค่ายอาสาสมัครในแต่ละป ี ครั้งละประมาณ ๒ สัปดาห์ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ท้ังสิ้น ทั้งยังได้เพ่ือนชาวญี่ปุ่นจาก มหาวิทยาลัย Gakushuin และมีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมท่ีอ่ืนๆ อีกด้วย ซึ่งโครงการน้ี ได้ด�ำเนินการอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ในปัจจุบัน โดยขยายความร่วมมือไปยังสำ� นัก วชิ าศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลยั แม่ฟา้ หลวง จนถึงปัจจบุ นั น้อี ีกด้วย 18

๕๐ ศ าม สสชังต.ครขปม์ อี้ คดิ เกย่ี วกบั ทิศทางการพฒั นาคณะสังคมศาสตรใ์ นอนาคต รองศาสตราจารย์ ดร.จกั รพันธุ์ วงษบ์ ูรณาวาทย์ ๗. ในช่วงปี ๒๕๓๓ มีปัญหาทางสังคมเกิดข้ึน โดยเฉพาะปัญหาโสเภณีเด็ก และ มีมากในจงั หวัดภาคเหนอื ตอนบน ไดแ้ ก่ จังหวดั เชยี งราย พะเยา ล�ำปาง และเชียงใหม่ ในฐานะที่เป็นคณบดี คณะสังคมศาสตร์ในขณะนั้นจึงได้ประชุมหารือกันเพื่อ ก่อต้ังโครงการผู้หญงิ ไทยในวนั พรงุ่ นี้ (Thai Woman of Tomorrow) เป็นโครงการดำ� เนินการภายในคณะสงั คมศาสตร์ โดยขา้ พเจ้าด�ำรงต�ำแหน่งเปน็ ผอู้ ำ� นวยการโครงการ เพื่อหาทางขจัดปัญหาโสเภณีเดก็ ให้หมดสิน้ ซึง่ ได้ด�ำเนินการและจดั ท�ำกจิ กรรมต่างๆ ๓ กิจกรรม คือ ๗.๑ การปรับเปล่ียนทัศนคติของเด็กนักเรียนหญิงในช้ันประถมศึกษาปีที่ ๕ และ ๖ รวมทง้ั ทศั นคตขิ องผปู้ กครองในชมุ ชนทเ่ี ปน็ แหลง่ ของปญั หาโสเภณี เด็ก โดยหาครูอาสาสมัครในโรงเรียนของชุมชนดังกล่าวเป็นผู้นำ� ในการ เปลยี่ นดา้ นทศั นคติทีส่ �ำคญั ๗.๒ จดั หาทนุ การศกึ ษาใหแ้ กเ่ ยาวสตรที ยี่ ากจน และอยใู่ นกลมุ่ เสย่ี งใหไ้ ดร้ บั ทนุ การศึกษาเพ่ือศึกษาต่อในชั้นมัธยมศึกษาปีท่ี ๑-๓ ทุนละ ๓,๐๐๐ บาท แกเ่ ยาวสตรใี น ๔ จังหวัดภาคเหนอื ดังกลา่ วข้างตน้ ในขณะนัน้ การศกึ ษา ภาคบงั คับของไทยกำ� หนดไวแ้ ค่ ๖ ปี เทา่ นน้ั ๗.๓ จัดท�ำโครงการเสริมสร้างรายได้ และเสริมทักษะให้แก่เยาวสตรีทั่วๆ ไป ในชมุ ชน ใหม้ ีความรูแ้ ละประสบการณใ์ นดา้ นต่างๆ เช่น การเยบ็ เสื้อผา้ เจียรนัยเพชรพลอย ตลอดจนเข้ารับการอบรมในหลักสูตรดูแลเด็กเล็ก และผู้ชรา เป็นต้น โดยเฉพาะแก่เยาวสตรีท่ีตัดสินใจไม่เรียนต่อแล้ว จะได้มีช่องทางในการหารายได้ ไม่ต้องเส่ียงต่อการถูกหลอกลวงให้ไปค้า ธรุ กจิ ทางเพศ ส่วนเด็กนักเรียนในโรงเรียนของโครงการก็จะได้รับทุนให้จัดท�ำโครงการเสริมสร้าง รายได้ โดยจะมอบทุนให้โรงเรียนละ ๓๐,๐๐๐-๔๐,๐๐๐ บาท จัดท�ำโครงการต่างๆ เช่นโครงการท�ำขนมไทย โครงการน้�ำปั่น โครงการปักฝีมือ เป็นต้น ทั้งนี้โครงการผู้หญิงไทย ในวนั พรงุ่ นี้ ไดด้ ำ� เนนิ การมาอยา่ งมีประสทิ ธิภาพ และมโี อกาสตอ้ นรบั ผ้มู ชี ื่อเสียงของโลกมาดงู านการดำ� เนินงานของโครงการ เช่น • Mrs.Hillary Rodham Clinton ไดม้ าเยีย่ มชมกจิ กรรมของโครงการท่อี �ำเภอแมจ่ นั จังหวัดเชียงราย เมื่อวันท่ี ๑๔ พฤศจิกายน ๒๕๓๙ ซ่ึงขณะน้ันเป็นสุภาพสตรี หมายเลขหน่ึงของสหรัฐอเมริกา ทั้งยังได้มากล่าวสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัย เชียงใหม่อีกดว้ ย 19

๕๐ขอ้ คดิ เกย่ี วก บั ศ าม สสชังต.ครปม์ ีทิศทางการพฒั นาคณะสงั คมศาสตรใ์ นอนาคต รองศาสตราจารย์ ดร.จกั รพนั ธ์ุ วงษ์บรู ณาวาทย์ • Mrs.Madeleine K. Albright รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของ สหรัฐอเมริกามาเย่ียมชมกิจกรรมการด�ำเนินงานของโครงการในเดือนมีนาคม ๒๕๔๒ • Mr.Frans Roselaers, Executive Director ของ ILO/IPEC ไดเ้ ดินทางมาเย่ียมชม โครงการและฟังบรรยายสรุป เมือ่ วันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๔๓ เป็นต้น ทุนในการด�ำเนินงานของโครงการผู้หญิงไทยในวนั พร่งุ น้ี (TWT) ได้รับการสนบั สนุน จากองคก์ รต่างๆ ไดแ้ ก่ USAID, ILO/IPEC, Small Grant Assistance จากสถานทูตญปี่ ่นุ ในประเทศไทย รวมทัง้ มลู นธิ ิโตโยตา้ ประเทศไทย เปน็ ตน้ หลังจากที่ครบวาระการด�ำรงต�ำแหน่งคณบดีท่ีสังคมศาสตร์แล้ว ข้าพเจ้าก็ยังมา ด�ำเนินโครงการ TWT ต่อไปอย่างต่อเน่ือง ที่คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จนถึงปี พ.ศ.๒๕๔๖ และเม่ือข้าพเจ้าได้รับการทาบทามให้ไปด�ำรงต�ำแหน่งคณบดีที่ ส�ำนักวิชาศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ในช่วง ๒๕๔๖-๒๕๕๔ ข้าพเจ้าได้น�ำ โครงการนี้ไปด�ำเนินการที่มหาวิทยาลยั แมฟ่ า้ หลวงด้วย ท้ังน้ี เพราะทางคณะสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลยั เชยี งใหม่ ไม่ประสงคท์ ่จี ะด�ำเนินการในโครงการนตี้ อ่ การด�ำเนินการโครงการน้ีท่ีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ได้ด�ำเนินการต้ังแต่ปี ๒๕๔๖ จนถงึ ปจั จุบนั และไดข้ ยายโครงการออกไปอยา่ งกว้างขวาง โดยเฉพาะในด้านทุนการศกึ ษา ทง้ั นโ้ี ดยการไดร้ บั การสนับสนนุ จากมูลนิธโิ ตโยต้า ประเทศไทย ปีละประมาณ ๔ ล้านบาท อยา่ งต่อเน่อื ง เพ่อื ให้ทุนการศกึ ษาแกน่ กั เรยี น นกั ศกึ ษาใน ๑๗ จังหวดั ภาคเหนือตอนบน ทัง้ นไี้ ด้เปลี่ยนช่ือโครงการเป็น โครงการเยาวชนไทยในวนั พรุ่งน้ี (Thai Youth of Tomorrow Project) ซึ่งให้ทุนการศึกษาแกเ่ ยาวชนชาย และหญงิ ดงั น้ี ๑. ทุนช้นั มธั ยมศกึ ษาตอนตน้ ม.๑-ม.๓ ทนุ ละ ๕,๐๐๐ บาท ปีละ ๒๐๐ ทุน ๒. ทนุ การศกึ ษาแก่นักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย ม.๔-ม.๖ ทุนละ ๕,๐๐๐ บาท ปลี ะ ๓๐๐ ทุน ๓. ทุนการศึกษาแก่นักเรียนผู้ท่ีสามารถเข้าศึกษาต่อท่ีมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงได้ จ�ำนวนปีละ ๑๐ ทุน และจะได้รับทุนจนจบการศึกษาระดับปริญญาตรี ทุนละ ๒๕,๐๐๐ บาท/ปี ขณะน้ีได้มอบทุนแก่นักศึกษาผู้ศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย แมฟ่ ้าหลวง ดงั กล่าวเปน็ จ�ำนวนทง้ั สิน้ ประมาณ ๘๐ ทุนการศกึ ษา 20

๕๐ ศ าม สสชงัต.ครขปม์ อี้ คดิ เกย่ี วกบั ทิศทางการพัฒนาคณะสังคมศาสตร์ในอนาคต รองศาสตราจารย์ ดร.จักรพนั ธุ์ วงษบ์ รู ณาวาทย์ ทั้งหมดเป็นกิจกรรมที่ได้เร่ิมด�ำเนินการในช่วงท่ีด�ำรงต�ำแหน่งคณบดีสังคมศาสตร ์ในช่วงเวลา ๘ ปี และบางกิจกรรม เช่น ทุนการศึกษา TYT และโครงการ GONGOVA ก็ได้ด�ำเนินการต่อเน่ืองจากท่ีด�ำเนินการมาท่ีคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม ่ใหแ้ ก่นกั เรียน นกั ศกึ ษา ในภาคเหนอื ซ่ึงผลประโยชนน์ ก้ี ็จะตกแกเ่ ยาวชนไทยท้งั สน้ิ ในยุค Globalization และในยุคที่ประเทศไทยก�ำลังจะก้าวเพ่ือเข้าร่วมเป็นสมาชิก AEC ในปลายปี ๒๕๕๘ นั้น นับว่าสถาบันการศึกษาจะมีบทบาทส�ำคัญโดยเฉพาะ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ น่าจะต้องมีการเตรียมความพร้อม เพ่ือให ้คณะสังคมศาสตร์ของเราพัฒนามากย่ิงขึ้น โดยเฉพาะในด้านคุณภาพวิชาการของ ภาควิชาต่างๆ ทเ่ี ปดิ ทำ� การสอน รวมทั้งเพิ่มเตมิ สาขาวชิ าใหม่ๆ เพ่ือรองรับนกั ศึกษาไทยและนกั ศกึ ษาจากนานาประเทศ ทง้ั ในเครอื ขา่ ยของประเทศอาเซยี น และจากประเทศตา่ งๆท่ัวโลก ให้ได้อีกด้วย ซ่ึงข้าพเจ้ามีความเช่ือมั่นว่า พัฒนาการของคณะสังคมศาสตร์ น่าจะพฒั นาไปในทิศทางน้ี และขา้ พเจ้าก็ยังมีความเช่อื ม่นั ว่า ด้วยศักยภาพของคณาจารย์และบุคลากรสายสนับสนุนวิชาการของคณะสังคมศาสตร์ จะมีความสามารถที่จะพัฒนา ใหไ้ ปถงึ จดุ นไี้ ดซ้ งึ่ เทา่ กบั วา่ คณะสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ จะสามารถชว่ ยพฒั นาทรัพยากรมนุษย์ของชาติ และของนานาชาติได้ และจะสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนา ในยคุ Globalization และยุค AEC ไดเ้ ป็นอย่างดีอีกดว้ ย 21

๕๐ขอ้ คดิ เกย่ี วก บั ศ าม สสชงัต.ครปม์ ีทิศทางการพฒั นาคณะสงั คมศาสตร์ในอนาคต ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. พงษอ์ นิ ทร์ รกั อริยะธรรม ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.พงษอ์ นิ ทร์ รกั อริยะธรรม คณบดคี ณะสงั คมศาสตร์ คนท่ี ๑๐ ๒ สงิ หาคม ๒๕๔๐ - ๒๓ ตุลาคม ๒๕๔๖ และ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๔๖ - ๒๓ เมษายน ๒๕๔๗ อธกิ ารบดีมหาวิทยาลัยเนช่ัน (ปจั จุบัน) คณะสงั คมศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ ไดด้ ำ� เนนิ งานในระดบั อดุ มศกึ ษา เปน็ ระยะเวลา ๕๐ ปี พรอ้ มกบั การกอ่ ตงั้ มหาวทิ ยาลยั การดำ� เนนิ งาน ในชว่ งเวลาทผี่ า่ นมา คณะสังคมศาสตร์ ไดเ้ ผชิญกับสถานการณ์การเปลย่ี นแปลงในรูปแบบ ตา่ งๆ ทง้ั จากนโยบายภาครฐั และการปรบั เปลยี่ นอนั เนอื่ งมาจากการพฒั นาดา้ นการศกึ ษา ของคณะและมหาวิทยาลัย การทุ่มเทของผู้บริหาร อาจารย์ และบุคลากรสายสนับสนุน วิชาการของคณะ ท�ำให้ผลงานเป็นท่ีประจักษ์ต่อสังคมและประเทศ สถานภาพแนวทาง การด�ำเนินงานของคณะในปัจจุบัน เป็นผลท่ีเกิดจากอดีต และเป็นส่วนท่ีจะชี้น�ำบทบาท การพัฒนาการศึกษาของคณะสงั คมศาสตร์ในอนาคต นบั เปน็ ชว่ งเวลา ๕๐ ปี ของการเปลย่ี นผา่ นประสบการณค์ วามหลากหลายของกระแส การเปลยี่ นแปลง ทงั้ จากนโยบายภาครฐั การเปลยี่ นแปลงจากการปรบั ตวั ในระดบั อดุ มศกึ ษา ของสากลประเทศ การเปลี่ยนแปลงอันเน่ืองมาจากการปรับเปลี่ยนแนวทางการบริหาร จัดการของคณะและมหาวิทยาลัย ความหลากหลายของสถานการณ์ และรูปแบบ การเปล่ียนแปลงด�ำเนินอยู่ภายใต้สถานการณ์ท่ีมีข้อจ�ำกัดอย่างยิ่งด้านทรัพยากร ทั้งด้าน งบประมาณและบุคลากร ซ่ึงได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐน้อยมาก เม่ือเปรียบเทียบกับ กลุ่มสาขาวิชาอื่น ท�ำให้เกิดผลกระทบในภาพรวมต่อการท�ำความเข้าใจด้านสังคมศาสตร์ ที่มีผลส�ำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ การพัฒนาประเทศ เกิดผลอย่างส�ำคัญ ตอ่ การยกระดบั ความรู้ และการทำ� ความรดู้ า้ นสงั คมศาสตร์ สนบั สนนุ นโยบายภาครฐั ในการ ก�ำหนดบทบาทของประเทศ เป็นศูนย์เช่ือมประสานความรู้ความเข้าใจในปัญหาสังคม 22

๕๐ ศ าม สสชงัต.ครขปม์ อี้ คดิ เกย่ี วกบั ทศิ ทางการพัฒนาคณะสงั คมศาสตรใ์ นอนาคต ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร. พงษ์อนิ ทร์ รกั อริยะธรรมเศรษฐกจิ และการเมือง ทั้งในระดับทอ้ งถิน่ ประเทศ ภมู ภิ าคและนานาชาติ อยา่ งไรกต็ ามภายใต้ข้อจ�ำกัดด้านทรัพยากรและท่ามกลางความหลากหลายของกระแสการเปล่ียนแปลงคณะสงั คมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่ ไดด้ �ำเนินการตามพนั ธกจิ ดา้ นการเรียนการสอนการวจิ ยั และการบรกิ ารชมุ ชนอยา่ งตอ่ เนอื่ ง เปน็ สว่ นงานทบี่ กุ เบกิ สรา้ งนวตั กรรมการศกึ ษาด้านสังคมศาสตร์ ทั้งในด้านการจัดการเรียนการสอน การเปิดหลักสูตรใหม่ท่ีตอบสนอง การพัฒนา แก้ไขปัญหาสังคมในระดับต่างๆ การยกระดับองค์ความรู้ท้ังด้านการสอน และการวจิ ัย รองรบั การเปน็ ศูนยก์ ารศึกษาดา้ นสังคมศาสตรใ์ นภูมิภาค เปน็ การด�ำเนนิ งาน ภายใต้การทุ่มเทรวมท้ังความร่วมมือและเสียสละ บุคลากรของคณะทุกระดับท้ังผู้บริหารคณาจารย์ และบุคลากรสายสนับสนุนวิชาการทั้งข้าราชการ พนักงาน และลูกจ้าง ท�ำให้ ผลงานทางวิชาการและการผลิตบัณฑิตปรากฏเป็นที่ยอมรับระหว่างสถาบันอุดมศึกษา ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในระยะแรกของการจัดการเรียนการสอนของคณะสังคมศาสตร์ ซึ่งเป็นส่วนงานที ่กอ่ ตงั้ ขนึ้ พรอ้ มกบั การจดั ตงั้ มหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ คณาจารยต์ อ้ งมกี ารปรบั ตวั เขา้ กบั ระบบการจัดการศึกษาในระบบสหวิทยาการ (Interdisciplinary System) โดยการจัดการเรียน การสอนให้นักศึกษาได้เรียนในกระบวนวิชา ซ่ึงกลุ่มสาขาวิชา หรือคณะท่ีผู้เช่ียวชาญเป็น ผู้ด�ำเนินการสอน ซ่ึงจัดเป็นระบบการจัดการศึกษาแนวใหม่ส�ำหรับประเทศไทยในขณะนั้นแมแ้ ตค่ �ำวา่ กระบวนวชิ า (Course) กเ็ ปน็ ค�ำใหมซ่ งึ่ คณาจารยแ์ ละบคุ ลากรตอ้ งท�ำความรจู้ กัให้คุ้นเคย เข้าใจว่าเป็นค�ำท่ีบัญญัติโดยท่านศาสตราจารย์ ดร.หม่อมหลวงตุ้ย ชุมสาย ซง่ึ เปน็ หนง่ึ ในผบู้ กุ เบกิ ในยคุ แรกของการจดั ตงั้ มหาวทิ ยาลยั และการจดั การเรยี นในกลมุ่ สาขามนษุ ยศาสตรแ์ ละสงั คมศาสตร์ ซ่ึงในปัจจบุ นั ทางคณะวชิ าตา่ งๆ ก็ยังคงใชค้ �ำนี้อยู่ในขณะที่มหาวิทยาลัยหรือสถาบันอุดมศึกษาอ่ืน รวมทั้งส�ำนักงานการอุดมศึกษา เรียกค�ำว่า Course นี้เป็น “รายวิชา” และเป็นครั้งแรกเช่นเดียวกันท่ีคณาจารย์และบุคลากรของ คณะและมหาวิทยาลัย ต้องเรียนรู้วิธีการวัดและประเมินผลการสอนในระบบการคิดเกรดเป็นล�ำดับขั้น (Grading System) ต้องเรียนรู้วิธีการตัดเกรด ตามท่ีก�ำหนดไว้ในข้อบังคับ ว่าด้วยการศึกษาระดบั ปริญญาตรีของมหาวทิ ยาลัย เร่ืองที่กล่าวข้างต้นเป็นภาพสน้ั ๆ ทม่ี องเหน็ ในชว่ งต้นของการเปดิ สอนสังคมศาสตร์ภาพที่เห็นต่อมาคือ ในคณะสังคมศาสตร์มีการจัดตั้งศูนย์วิจัยทางสังคมศาสตร์ นับเป็น หนว่ ยงานทม่ี บี ทบาทสำ� คญั ๒ ดา้ น ดา้ นหนง่ึ คอื การเปน็ หนว่ ยงานรากฐานในการขบั เคลอ่ื นปรบั เปลย่ี นไปเปน็ ความรดู้ า้ นสงั คมศาสตรร์ องรบั ยทุ ธศาสตรก์ ารพฒั นาประเทศ อกี ดา้ นหนง่ึเป็นภาพเครื่องคอมพิวเตอร์ท่ีศูนย์วิจัยทางสังคมศาสตร์ ซ่ึงคณะสังคมศาสตร์ใช้งานอยู ่ 23

๕๐ขอ้ คดิ เกย่ี วก บั ศ าม สสชงัต.ครปม์ ีทิศทางการพัฒนาคณะสังคมศาสตร์ในอนาคต ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ ดร. พงษอ์ ินทร์ รักอรยิ ะธรรม เป็นคอมพิวเตอร์เคร่ืองแรกของคณะและของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และเป็นส่วนหนึ่ง ในการเป็นฐานคิดการจัดตั้งส�ำนักบริการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในปัจจุบัน ซง่ึ เปน็ ส่วนงานสนับสนุนเทคโนโลยสี ารสนเทศในการบริการจดั การศกึ ษาใหก้ ับคณะ ส�ำนกั สถาบนั ตา่ งๆ ในมหาวทิ ยาลยั รวมทงั้ การเปน็ ศนู ย์ (Hub) ทใี่ หญท่ สี่ ดุ ในภาคเหนอื ทางดา้ น การสง่ ผา่ นขอ้ มลู ขา่ วสาร เอกสารวชิ าการหอ้ งสมดุ ของสถาบนั อดุ มศกึ ษา และมหาวทิ ยาลยั ในภาคเหนือตอนบนเชื่อมโยงกับศูนย์ข้อมูลกลางด้านการศึกษาและวิจัยของประเทศ (UNINET-UNIversity NETwork) ตั้งแต่ในช่วงเร่ิมต้นของการดำ� เนินงานในปี พ.ศ.๒๕๐๗ คณะสังคมศาสตร์ได้มีการ พัฒนาการจัดการเรียนการสอนประกอบด้วยภาควิชาต่างๆ ครอบคลุมสาขาวิชาทางด้าน ภมู ศิ าสตร์ รฐั ศาสตร์ การบญั ชแี ละบรหิ ารธรุ กจิ เศรษฐศาสตร์ สงั คมวทิ ยาและมานษุ ยวทิ ยา และนติ ศิ าสตร์ ในระยะเวลาตอ่ มาได้มีการพัฒนายกระดบั ภาควชิ าเป็นคณะ ประกอบดว้ ย คณะเศรษฐศาสตร์ คณะบริหารธุรกิจ คณะนิติศาสตร์ และคณะรัฐศาสตร์และ รัฐประศาสนศาสตร์ การยกระดับภาควิชาเป็นคณะ ท�ำให้ภาควิชาและหน่วยงานวิชาการ ท่ีคงอยู่ในคณะสังคมศาสตร์มีโอกาสในการที่จะเพิ่มพูนขยายศักยภาพทางวิชาการ และ สร้างนวัตกรรมการศึกษาด้านสังคมศาสตร์มากข้ึน ทั้งด้านระบบการจัดการเรียนการสอน และการเปิดหลักสูตรสาขาวิชาใหม่ รองรับการพัฒนาองค์ความรู้ท่ีจ�ำเป็นส�ำหรับท้องถิ่น ประเทศ และภูมภิ าค ไดม้ ีการจัดตัง้ ศนู ย์สตรศี กึ ษาในปี พ.ศ.๒๕๓๔ และปัจจบุ ันไดพ้ ัฒนา เกิดภาควิชาสตรีศึกษา เพ่ือรองรับการเรียนการสอนและการวิจัยทางด้านบทบาท ความเท่าเทียม และสิทธิของสตรีในสังคมไทยและภูมิภาค ได้มีการจัดต้ัง ศูนย์ภูมิภาค ด้านการศึกษาทางสังคมศาสตร์และการพัฒนาอย่างยั่งยืน (RCSD-Regional Center for Social Science and Sustainable Development) ในปี พ.ศ.๒๕๔๑ พัฒนาการเรียนและ การวิจัยในระดับปริญญาโทและปริญญาเอกหลักสูตรนานาชาติเพื่อมุ่งพัฒนาการศึกษาให้ แก่บัณฑิตไทยและนานาชาติ โดยเฉพาะในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในกลุ่มประเทศ อนุภูมิภาคลุ่มน�้ำโขง ครอบคลุม ๖ ประเทศ ประกอบด้วย จีนตอนใต้ ลาว พม่า ไทย เวียดนาม และกัมพูชา โดยมีระบบการบริหารจัดการศูนย์ในลักษณะนอกระบบราชการ ภายใต้คณะกรรมการอ�ำนวยการที่มีผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกคณะสังคมศาสตร์และ มหาวิทยาลัย ท่ีเป็นท่ียอมรับในแวดวงวิชาการ ในระดับสากลร่วมเป็นกรรมการบริหารใน รูปแบบคณะกรรมการอ�ำนวยการ และการบริหารระบบการเงินในลักษณะกองทุน ภายใต้ รูปแบบการเป็นศูนย์วิชาการท่ีมีลักษณะการด�ำเนินงานแบบหน่วยงานไม่หวังผลก�ำไร (Non-Profit Organization) นับเป็นการบริหารจัดการในรูปแบบใหม่ในขณะน้ันของ มหาวทิ ยาลยั ซง่ึ ยงั ไมไ่ ดอ้ ยใู่ นสภาพการเปน็ มหาวทิ ยาลยั ในกำ� กบั ของรฐั เชน่ ในปจั จบุ นั และ 24

๕๐ ศ าม สสชังต.ครขปม์ อี้ คดิ เกย่ี วกบั ทิศทางการพฒั นาคณะสังคมศาสตรใ์ นอนาคต ผ้ชู ว่ ยศาสตราจารย์ ดร. พงษ์อนิ ทร์ รกั อริยะธรรมเปน็ ชว่ งทมี่ หาวทิ ยาลยั เชยี งใหมเ่ รมิ่ ตน้ ทดลองใหม้ หี นว่ ยงานในกำ� กบั ของมหาวทิ ยาลยั เพอ่ืรองรับการออกนอกระบบราชการของมหาวิทยาลัย ผลการด�ำเนินงานของศูนย์สตรีศึกษาและศูนย์ภูมิภาคด้านการศึกษาทางสังคมศาสตร์และการพัฒนาอย่างย่ังยืนในช่วงเวลา ท่ีผ่านมาเป็นท่ีประจักษ์ และยอมรับของนักวิชาการในมหาวิทยาลัยทั้งในประเทศและ ในสากลประเทศ ซ่ึงจะเห็นได้จากจ�ำนวนนักศึกษาต่างประเทศที่สนใจสมัครเข้าศึกษา เป็นจ�ำนวนมากในแต่ละปี รวมท้ังทุนการศึกษาท่ีสนับสนุนโดยองค์กรหน่วยงานการกุศลหรอื หนว่ ยงานท่ไี ม่หวงั ผลก�ำไร เช่น มลู นธิ ฟิ อร์ด มลู นธิ ิรอ็ กก้ีเฟลเลอร์ และมูลนิธิอน่ื จากต่างประเทศ ปจั จบุ นั ศนู ยภ์ มู ภิ าคดา้ นการศกึ ษาทางสงั คมศาสตรแ์ ละการพฒั นาอยา่ งยงั่ ยนื คณะสังคมศาสตร์ ยังท�ำหน้าท่ีเป็นศูนย์ตัวแทนเช่ือมประสานพัฒนาการศึกษาระหว่าง ไทย-ลาว และกมั พชู า ภายใตก้ ารสนบั สนนุ ของสำ� นกั งานคณะกรรมการพฒั นาระบบราชการ(กพร.) ของประเทศไทย นอกจากนน้ั รปู แบบการบรหิ ารงานของศนู ยภ์ มู ภิ าคดา้ นการศกึ ษาทางสังคมศาสตร์และการพัฒนาอย่างย่ังยืน ยังนับเป็นแบบอย่างท่ีดีในการเป็นหน่วยงาน ในกำ� กับของคณะสังคมศาสตร์ และให้สถานะหน่วยงานในกำ� กับที่พ่ึงพาตนเอง โดยอัตราบุคลากรและงบประมาณด�ำเนินการของศูนย์ฯ มาจากความสามารถทางวิชาการของ ศูนยภ์ ูมภิ าคด้านการศึกษาทางสังคมศาสตรฯ์ ผบู้ รหิ าร คณาจารย์ และบุคลากรท่เี กยี่ วข้อง ภายใต้การบริหารการจัดการเพ่ือพัฒนาการศึกษา ในลักษณะพึ่งตนเองของ หน่วยงาน และบุคลากรในคณะสังคมศาสตร์ มีผลให้ภาควิชา คณาจารย์และบุคลากร สายสนบั สนนุ วชิ าการ ไดพ้ ฒั นาหลกั สตู รใหมๆ่ ใหก้ า้ วทนั กระแสการปรบั เปลยี่ นเทคโนโลยีของโลก เช่น ภาควชิ าภมู ิศาสตร์ ไดเ้ ปดิ สอนหลักสูตรภูมสิ ารสนเทศ ซงึ่ เปน็ หลกั สูตรที่ชนี้ ำ�ให้เห็นและก้าวทันความเปล่ียนแปลงด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศให้ก้าวทันโลกคณะสงั คมศาสตรไ์ ดเ้ ปดิ หลกั สตู รการใชท้ ด่ี นิ และการจดั การทรพั ยากรธรรมชาตอิ ยา่ งยง่ั ยนืเพือ่ ให้พัฒนาบุคลากรท่ที �ำงานในหนว่ ยงานทเี่ กย่ี วข้องกบั ด้านปา่ ไม้ ที่ดิน และการเกษตรได้มีความรู้ ความเข้าใจ เข้าถึงสภาพปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาด้านการใช้ท่ีดินการเกษตร และด้านส่ิงแวดล้อมของประเทศ คณาจารย์จากภาควิชาสังคมวิทยาฯ และภูมิศาสตร์ ได้ร่วมกันพัฒนาหลักสูตรสังคมศาสตร์สุขภาพเพื่อพัฒนาความรู้ความเข้าใจปัญหาด้านสุขภาพของประชากรท้ังในประเทศไทยและในภูมิภาค ประเทศเพื่อนบ้าน ใกล้เคียงในบริบทที่เก่ียวข้องด้านสังคม ซ่ึงนับวันจะทวีความรุนแรงและจ�ำเป็นต้องสร้าง ความรคู้ วามเข้าใจรองรับการด�ำเนินการป้องกนั แกไ้ ขปญั หาอยา่ งเร่งด่วน การเปิดหลักสูตรใหมเ่ พอ่ื พฒั นาบคุ ลากรในหนว่ ยงานทเ่ี กยี่ วขอ้ งภายใตข้ อ้ จ�ำกดั ดา้ นทรพั ยากรบคุ คล (อตั ราอาจารย์) และงบประมาณ ทำ� ให้คณะฯ คณาจารย์ และบคุ ลากร ไดร้ ่วมด�ำเนินการบรหิ ารจัดการในรูปแบบต่างๆ ในลักษณะท่ีเรียกเป็นหลักสูตรภาคพิเศษ หรือหลักสูตรนานาชาต ิ 25

๕๐ขอ้ คดิ เกย่ี วก บั ศ าม สสชังต.ครปม์ ีทศิ ทางการพัฒนาคณะสงั คมศาสตร์ในอนาคต ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. พงษอ์ นิ ทร์ รกั อริยะธรรม มีความร่วมมือจัดการเรียนการสอนระหว่างคณาจารย์ต่างสาขาวิชา ต่างคณะฯ และ ตา่ งสถาบนั ประสบการณท์ ไ่ี ดจ้ ากการบรหิ ารจดั การทำ� ใหเ้ กดิ ความรคู้ วามเขา้ ใจของบคุ ลากร ในหลกั ธรรมาภบิ าล เกดิ การเรยี นรคู้ วามเขา้ ใจในดา้ นการวดั ประเมนิ ภาระงานของบคุ ลากร ของคณะฯ นบั วา่ คณะสงั คมศาสตรจ์ ดั เปน็ คณะแรกๆ ของมหาวทิ ยาลยั ทจ่ี ดั ใหม้ กี ารบรหิ าร การจัดการแบบพ่ึงพาตนเอง ผ่านการจัดการเรียนการสอนภาคพิเศษ หลักสูตรนานาชาติ และการจัดการทรัพยากรบคุ คลรองรับโครงการในรปู แบบพนักงานวชิ าการเงินรายได้ ปัจจุบันภาพการปฏิรูปการศึกษาของรัฐ ทั้งในระดับการศึกษาพื้นฐาน ๑๒ ปี และ ในระดับอุดมศึกษาที่ครอบคลุมการจัดรวมหน่วยงานอุดมศึกษา และการศึกษาพื้นฐาน ให้อยู่ภายใต้กระทรวงศึกษาธิการ การยกระดับสถาบันราชภัฏสถาบันราชมงคลเป็น มหาวิทยาลัยเพ่ิมขยายจ�ำนวนสถาบันอุดมศึกษาในการให้บริการการศึกษาในระดับ อดุ มศกึ ษาในประเทศ กระแสความรว่ มมอื ทางวชิ าการระหวา่ งสถาบนั อดุ มศกึ ษาในภมู ภิ าค ASEAN+6 (๑๐ ประเทศสมาชกิ อาเซยี นกบั ๖ ประเทศ ประกอบดว้ ยประเทศ จีน ญี่ป่นุ เกาหลใี ต้ ออสเตรเลยี นวิ ซแี ลนด์ และอินเดีย) ผลของความร่วมมอื ในข้อตกลงเขตการค้า เสรอี าเซียน (FTA-Free Trade Area) ที่จะเร่ิมในปี พ.ศ.๒๕๕๘ พฒั นาการด้านมาตรฐาน การศึกษาที่เป็นผลจาก Bologna Accord ส่ิงต่างๆ เหล่านี้ ท�ำให้เกิดค�ำถามต่อทิศทาง การพัฒนาการศกึ ษาของคณะสังคมศาสตร์ท่ีจะด�ำเนินการจากนี้ตอ่ ไปขา้ งหน้า • บณั ฑติ ทีส่ ำ� เร็จการศึกษาจากสาขาวชิ าตา่ งๆ ในคณะสงั คมศาสตรค์ วรมคี ุณสมบตั ิ อยา่ งไร ความรู้ ความเขา้ ใจ เพ่อื สามารถทำ� งานรองรบั การพัฒนาทั้งในบรบิ ทของ ประเทศไทยและในภูมภิ าค • ความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนอาจารย์ หรือการจัดการเรียนการสอนร่วมกัน หรือการจัดหลักสูตรท่ีจะเกี่ยวข้องเช่ือมโยงกับการถ่าย/เทียบโอนหน่วยกิต ระหวา่ งสถาบนั ทงั้ ในและตา่ งประเทศจะมากขน้ึ และเกิดความหลากหลายในการ บรู ณาการวชิ าการ การจดั การเรยี นการสอนทใี่ หป้ รญิ ญารว่ มกนั หรอื แบบปรญิ ญา คู่ขนาน จะท�ำได้อยา่ งไร • คณุ ภาพการศกึ ษาของการเรยี นการสอนภายในสถาบนั และระหวา่ งสถาบนั จะทราบ และตรวจสอบได้อยา่ งไร • คณะสังคมศาสตร์จะพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้เป็นที่ยอมรับในระดับประเทศ และเป็นศูนย์ศึกษาสังคมศาสตร์ในภูมิภาคได้อย่างไร? เพื่อการพัฒนาทั้งใน ทอ้ งถิน่ ประเทศและภมู ภิ าค 26

๕๐ ศ าม สสชงัต.ครขปม์ อี้ คดิ เกย่ี วกบั ทศิ ทางการพฒั นาคณะสงั คมศาสตร์ในอนาคต ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร. พงษอ์ นิ ทร์ รักอรยิ ะธรรม • คณะสงั คมศาสตรจ์ ะสง่ เสรมิ พฒั นา ศกั ยภาพ ความพรอ้ มของภาควชิ า คณาจารย์ และบุคลากร รองรบั ทศิ ทางการพัฒนาการศกึ ษาในอนาคตไดอ้ ยา่ งไร • คณะสังคมศาสตร์จะมีวิธีการหรือแนวทางใดในการรับนักศึกษาท่ีมีคุณภาพ หรือ การจัดเตรยี มความพรอ้ มใหน้ กั ศกึ ษาก่อนการเรยี นอยา่ งไร • ภายใตท้ รพั ยากรบคุ ลากรสายวชิ าการทจ่ี �ำกดั และทา่ มกลางความหลากหลายของ การบูรณาการวิชาการด้านสังคมศาสตร์และด้านวิชาอ่ืน คณะสังคมศาสตร์จะมี แนวทางความร่วมมือระหว่างนักวิชาการ อาจารย์ ระหว่างส่วนงานภายในคณะ หรือระหว่างคณะ หรือต่างสถาบัน อย่างไรในการผลิตบัณฑิต หรือพัฒนา องค์ความรู้ให้ก้าวทันกระแสการเปลี่ยนแปลงและสภาพปัญหาท่ีเกิดข้ึนใน ระดบั ท้องถนิ่ ประเทศ และภมู ิภาค ประเด็นค�ำถามต่างๆ ข้างต้น หากพิจารณาจากภาพประสบการณ์ท่ีหลากหลาย ของผู้บริหาร คณาจารย์ และบุคลากรของคณะสังคมศาสตร์ ก็พอเป็นฐานคิดให้อุ่นใจว่าคณะสงั คมศาสตรจ์ ะสามารถปรบั เปลยี่ นองคก์ รสามารถก�ำหนดแนวทางทเ่ี หมาะสม ในการพฒั นาความรู้ คณุ ภาพการศกึ ษา ในดา้ นสงั คมศาสตร์ รองรบั สภาพปญั หาและแนวทางแกไ้ ขในทกุ ระดับ 27

๕๐ขอ้ คดิ เกย่ี วก บั ศ าม สสชงัต.ครปม์ ีทศิ ทางการพฒั นาคณะสงั คมศาสตรใ์ นอนาคต รองศาสตราจารย์เศกสนิ ศรวี ัฒนานกุ ลู กจิ รองศาสตราจารย์ เศกสนิ ศรวี ฒั นานกุ ลู กจิ คณบดีคณะสังคมศาสตร์ คนที่ ๑๑ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๔๗ - ๔ กรกฎาคม ๒๕๕๑ และ ๕ กรกฎาคม ๒๕๕๑ - ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๑ ในโอกาสที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ครบรอบครึ่งศตวรรษและคณะทำ� งานต้องการ ให้ข้าพเจ้าเขียนอะไรบางอย่างเพ่ือจัดท�ำหนังสือน้ัน ข้าพเจ้าขอขอบคุณ คณะท�ำงานอย่างมากท่ีให้เกียรติในครั้งน้ี แต่ปัญหาคือข้าพเจ้าไม่มีอะไรและอยากครอง สถานภาพของความไมม่ ีอะไรไปเรื่อยๆ จนช่ัวชีวติ ทุกคราวในเดือนมกราคมของทุกปี สาขาเศรษฐศาสตร์การเมืองจะมีการจัดเลี้ยง นำ้� ชาให้เป็นเกยี รตกิ บั มหาบัณฑติ ของสาขา เม่อื เหน็ เส้อื ครยุ ครัง้ ใดท�ำใหน้ ึกถึงอทิ ธิพลของ คริสตจักรท่ีเข้ามามีบทบาทต่อการศึกษา เพราะมหาวิทยาลัยท่ีเราเป็นอยู่ทุกวันน้ีต้ังข้ึนมา เพ่อื รองรับการขดั เกลาให้ชาวบา้ นยอมรับในศาสนา เสอ้ื ครยุ จึงเป็นแบบพระฝร่งั มาเรือ่ ยๆ จนวันหน่ึงดินแดนท่ีอยู่ห่างไกลจากวาติกันเริ่มไม่ยอมรับค�ำสอนของศาสนาในเรื่อง ของการค้นหาความจริง คนกลุ่มนี้คืออาจารย์ในมหาวิทยาลัยที่ตอนแรกพยายามอธิบาย ปรากฏการณ์ธรรมชาติโดยใช้ข้อเท็จจริงมากกว่าจะใช้ความเชื่อ ในตอนแรกๆ ก็ไม่กล้า ทา้ ทายครสิ ตจกั รมากนัก เพยี งแตบ่ อกวา่ ทุกสง่ิ เป็นความปรารถนาของพระเจ้า แต่ในฐานะ ของนักวิชาการจึงขอเพียงอธิบายสาเหตุของปรากฏการณ์น้ันๆ แต่ไม่ปฏิเสธอ�ำนาจของ พระเจ้า ดังนั้นอาจารย์มหาวิทยาลัยคือคนกลุ่มแรกๆ ที่พยายามเสนอความจริง และ จากแนวความคิดเรื่องอาจารย์มหาวิทยาลัยคือผู้พูดความจริง ดังน้ัน มหาวิทยาลัยจึงต้อง เปน็ อสิ ระจากการครอบงำ� ของอทิ ธพิ ลอน่ื ๆ ความเปน็ อสิ ระทางวชิ าการจงึ ไมเ่ กยี่ วกบั การท่ี มหาวิทยาลัยออกนอกระบบ และความเป็นอิสระนี้เองจึงเป็นท่ีมาของความเป็นเลิศทาง ความคิด แต่ไม่เกี่ยวกับการคิดฟงุ้ ซา่ นและไมม่ หี ลกั การคดิ 28

๕๐ ศ าม สสชังต.ครขปม์ อี้ คดิ เกย่ี วกบั ทศิ ทางการพัฒนาคณะสงั คมศาสตรใ์ นอนาคต รองศาสตราจารยเ์ ศกสนิ ศรีวัฒนานกุ ูลกจิ ต่อมาภายหลังเกิดการล่มสลายของอิทธิพลศาสนาคริสต์ จะด้วยเหตุอะไรก็แล้วแต่มหาวิทยาลัยกลับเข้มแข็งย่ิงขึ้นและเป็นศูนย์กลางของความจริง ดังน้ันประชาชนทุกคน ควรได้รับรู้และเรียนในเร่ืองความจริง เหตุน้ีการศึกษาในยุโรปจึงถือว่าเป็นสิทธิท่ีประชาชน ทุกคนควรเข้าถึงได้ อะไรท่ีเป็นสิทธิจะตามมาด้วยการเข้าถึงได้ (Assessable) เพราะการ ให้สิทธิแต่กีดกันด้วยสาเหตุอ่ืนย่อมไม่ใช่การให้สิทธิ การศึกษาในยุโรปหลายแห่งจึงไม่มี ค่าเลา่ เรยี นหรอื ค่าเลา่ เรยี นถูกมากถ้าเปน็ คนของชาตินั้น แต่ถ้าประชาชนไมม่ เี วลามาเรยี นก็ควรได้เรียนทางไปรษณีย์ หรือเป็นมหาวิทยาลัยเปิด วิชาที่เรียนก็จะมีไม่มากแต่จะเป็น วชิ าแกนเพยี งไม่ก่วี ชิ า แต่จะเรียนลกึ ลงไปในวชิ านัน้ ๆ และอะไรเปน็ สิทธิก็ตอ้ งมีมาตรฐานดังน้ัน ข้อสอบในมหาวิทยาลัยประจ�ำเมืองจะเหมือนกันทุกวิทยาลัย เพราะในหนึ่ง มหาวทิ ยาลยั จะประกอบดว้ ยวิทยาลยั ย่อยๆ หลายแห่งอยู่ในสังกดั ในอกี ซกี โลกหน่งึ การศกึ ษาถกู มองว่าคือสินคา้ และบริการ ในความเช่อื ท่ีตา่ งจะตามมาด้วยการปฏิบัติท่ีต่างออกไป กรณีของสหรัฐอเมริกานั้นมองว่าการศึกษาเหมือนบริการ ที่จัดจ�ำหน่ายให้กับผู้บริโภค อะไรท่ีเป็นสินค้าและบริการ หัวใจคือการตลาดและการจัดจำ� หนา่ ยได้ เหตนุ ้ีการศกึ ษาในระบบนจี้ งึ มคี วามหลากหลายและเอาใจผูบ้ รโิ ภค ผูใ้ หบ้ รกิ ารจงึ มกี ารวางตำ� แหนง่ (Positioning) บรกิ ารของตนแตกตา่ งกนั บางมหาวทิ ยาลยั วางตำ� แหนง่สนิ คา้ บรกิ ารของตนแบบ Brand Name จงึ มรี าคาแพงและจบยาก แตบ่ างแหง่ กว็ างตำ� แหนง่เพอ่ื ขายไดง้ า่ ยๆ ดงั นนั้ ถา้ ใครมาเรยี นกจ็ บงา่ ยๆ เชน่ กนั และเมอ่ื การศกึ ษาเปน็ สนิ คา้ บรกิ ารก็จะตามมาด้วยสินค้าปลอมแปลงยี่ห้อ การปลอมปริญญาหรือมหาวิทยาลัยจอมปลอม ก็เกิดข้นึ มากมายและแพรห่ ลายไปยังหลายประเทศ เมื่อการศึกษาเป็นสินค้าบริการ นักธุรกิจการศึกษาจึงเกิดข้ึนมากมาย การเปิดมหาวิทยาลัยโดยใช้ห้องแถวหรือเช่าโรงเรียนอนุบาลในจังหวัดต่างๆ จึงมีให้พบมากมาย ขอเพยี งจา่ ยใหค้ รบ เดยี๋ วจบเอง มหาวทิ ยาลยั แบบนใ้ี ชป้ รชั ญาการศกึ ษาแบบทำ� ไรเ่ ลอ่ื นลอย(Shifting Cultivation) กล่าวคือ พอลูกค้าหมดก็ย้ายสถาบันไปเร่ือยๆ บางมหาวิทยาลัย ถึงกับปล่อยให้เอกชนที่จังหวัดอ่ืนมาเปิดหลักสูตรแทนตน และมีข้อตกลงในเร่ือง ผลประโยชน์แก่มหาวิทยาลัยท่ีเป็นเจ้าของปริญญา แบบน้ีเราเรียกว่ามหาวิทยาลัยขาย เสอื้ วนิ มอเตอร์ไซค์ นอกจากนี้ ยงั ตามมาดว้ ยธรุ กจิ รับท�ำวทิ ยานิพนธ์โดยเรม่ิ ตง้ั แตก่ ารทำ� Proposal กันเลย เวลาสอบป้องกัน (Defend) จะสอบคร้ังละ ๒๐-๓๐ คน บางแห่งกจ็ ะท�ำ การตลาด (Marketing) โดยเอาดารามาเรยี นใหด้ ูดแี ต่ปญั ญาจะมีหรอื เปลา่ ยังสงสยั ภาวะน้ ีจึงเป็นช่วงโศกนาฏกรรมการศึกษา (Educational Tragedy) มหาวิทยาลัยบางแห่งส่งเสริมการขายโดยเอาใจนักการเมอื ง เอาชือ่ มาใส่และให้ปริญญากนั อยา่ งงา่ ยๆ แต่เจ้าตัวแทบไม่เคยมาเรียนเลย 29

๕๐ขอ้ คดิ เกย่ี วก บั ศ าม สสชงัต.ครปม์ ีทิศทางการพัฒนาคณะสังคมศาสตร์ในอนาคต รองศาสตราจารย์เศกสนิ ศรีวัฒนานกุ ูลกิจ ท่ามกลางมรสุมการศึกษาเช่นน้ีมหาวิทยาลัยดีๆ จะท�ำอย่างไร แม้ว่าส�ำนักงาน การอดุ มศกึ ษาจะพยายามเขา้ มาควบคมุ คณุ ภาพโดยใชห้ ลกั การเดยี วกบั อาหารและยา (อ.ย.) แต่จะท�ำได้เพยี งไร เชน่ มีการก�ำหนดอาจารยป์ ระจ�ำหลักสูตรว่าต้องมีจำ� นวนเท่านเี้ ท่านั้น มหาวทิ ยาลยั บางแหง่ กข็ อเอาชอ่ื อาจารยม์ หาวทิ ยาลยั ทเี่ กษยี ณแลว้ มาใสช่ อ่ื กนั เตม็ ไปหมด โดยยินดจี ่ายคา่ ใช้ช่อื เหมือนกบั ร้านขายยาทเ่ี อาช่อื เภสัชกรมาไว้ประจ�ำรา้ น มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จะต้องวางตำ� แหน่งตนเองให้ถูกต้องในภาวะของความสับสน ทางการศกึ ษา จะตอ้ งไมค่ ลอ้ ยตามกระแสของสนิ คา้ บรกิ ารแบบราคาถกู ๆ แตเ่ ปน็ การศกึ ษา แบบ Brand Name ทเ่ี ชอ่ื มน่ั ในเรอื่ งความรู้ การออกนอกระบบจะตอ้ งชว่ ยใหร้ ะบบการศกึ ษา ดขี ึ้น ไมใ่ ชห่ มายถงึ การมีอิสระในการออกระเบยี บมากขึ้น คณะทุกคณะตอ้ งมคี วามชดั เจน ในการบรหิ ารการศกึ ษาวา่ ตอ้ งการผลติ บณั ฑติ แบบใด และวธิ กี ารผลติ บณั ฑติ แตล่ ะหลกั สตู ร ไม่จ�ำเป็นต้องเป็นแบบเดียวกัน การตรวจสอบจะต้องตอบว่าควรท�ำอย่างไรให้ดีข้ึน ไม่ใช่ เทศกาลประจำ� ปี และมแี ตเ่ อกสารรายงานผลการตรวจสอบ สง่ิ หนงึ่ ทผี่ มใชใ้ นการบรหิ ารคอื “อะไรทไี่ ม่ชดั วดั กันทดี่ วง อะไรท่ีชดั วัดกันที่ฝีมอื ” 30

๕๐ ศ าม สสชงัต.ครขปม์ อี้ คดิ เกย่ี วกบั ทิศทางการพฒั นาคณะสังคมศาสตร์ในอนาคต อาจารย์ ดร.สิทธณิ ัฐ ประพุทธนติ สิ าร อาจารย์ดร.สิทธณิ ัฐ ประพุทธนติ สิ าร คณบดคี ณะสงั คมศาสตร์ คนที่ ๑๒ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๑ - ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๕ และ ๒๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ - ๑๙ สงิ หาคม ๒๕๕๕คณะสังคมศาสตร์ในรอบห้าทศวรรษนับต้ังแต่การสถาปนาได้มีการพัฒนา ด้านวิชาการและสร้างองค์ความรู้ในสาขาวิชาด้านสังคมศาสตร์ หลายสาขาวิชา เช่น ภูมิศาสตร์ และสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา จนได้รับการยอมรับ ทั้งจากในและต่างประเทศ จากผลงานวิชาการที่เป็นเอกสารวิชาการ ต�ำรา ผลการวิจัย การผลติ บณั ฑติ ระดบั ปรญิ ญาตรี โท และเอก การแลกเปลย่ี นและการท�ำวจิ ยั รว่ มกบั อาจารย์ และนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยในประเทศและต่างประเทศ ยิ่งไปกว่าน้ัน คณะสังคมศาสตร ์ ได้มีส่วนรับผิดชอบกับสังคมและชุมชนหลายระดับท้ังในนโยบาย ผ่านการน�ำผลการวิจัย เข้าสู่การร่างกฎหมาย การปรับเปล่ียนนโยบาย และโครงการต่างๆ ลงไปถึงระดับชุมชน ดว้ ยการรว่ มวจิ ัย และการให้บรกิ ารวชิ าการที่ได้ผล แตอ่ ย่างไรกต็ าม ใน ๑-๒ ทศวรรษทีผ่ ่านมาปรากฏวา่ สังคมไทยมีความสลบั ซับซอ้ น มากข้ึน และเผชิญกับปัญหาหลายด้าน นับตั้งแต่ด้านทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ดา้ นเศรษฐกิจ ด้านการเมอื ง การบรหิ าร ดา้ นสังคมและวฒั นธรรม ตลอดจนดา้ นคุณภาพ ชีวติ ของผู้คนหลายระดบั ตง้ั แต่คนในเมือง จนถงึ กลุม่ ผู้คนขายของที่อยใู่ นชนบท ในพน้ื ทีส่ ูง คณะสังคมศาสตรไ์ ดต้ ระหนักถงึ ปัญหาเหล่านเ้ี ปน็ อย่างดี ประกอบกับได้รบั การร้องขอจาก สังคมภายนอกมากขึ้น ว่า การแก้ปัญหาการพัฒนาท่ีผ่านมา ล้วนแต่ติดขัดกับปัจจัย เงื่อนไขทางสังคมเป็นส่วนใหญ่ หรือเป็นเรื่องของคนกับระบบสังคมท่ีเป็นสาเหตุหลัก คณะสังคมศาสตร์จ�ำเป็นต้องเข้ามามีส่วนในการสร้างและใช้ความรู้ทางสังคมศาสตร์ในการ จดั การกบั การพัฒนาท่ีซบั ซ้อน และไมส่ มดลุ ดงั กลา่ วมากข้นึ 31

๕๐ขอ้ คดิ เกย่ี วก บั ศ าม สสชังต.ครปม์ ีทิศทางการพฒั นาคณะสังคมศาสตรใ์ นอนาคต อาจารย์ ดร.สทิ ธณิ ัฐ ประพทุ ธนติ ิสาร ในฐานะที่เป็นหน่วยวิชาการที่มีความเช่ียวชาญและมีองค์ความรู้ด้านสังคมศาสตร์ คณะสงั คมศาสตร์ จงึ ไดเ้ รม่ิ เปดิ พรมแดนทางวชิ าการเพม่ิ เตมิ จากความเชย่ี วชาญและลมุ่ ลกึ ในสาขาวิชาเฉพาะที่ด�ำเนินการด้วยดีมาตลอด ในสาระส�ำคัญได้มีการบูรณาการสาขาวิชา ทางสงั คมศาสตร์ และสาขาวชิ าอนื่ ทเ่ี กยี่ วขอ้ ง มาทำ� ความเขา้ ใจกบั ความซบั ซอ้ นของปญั หา พร้อมกับการค้นหาองค์ความรู้ท่ีสอดคล้องกับเง่ือนไขและบริบทเชิงซ้อน เพื่อน�ำไปสู ่ การจดั การกบั ปญั หาใหไ้ ดผ้ ลและยงั่ ยนื มากขนึ้ ทงั้ หมดถอื วา่ เปน็ การเพม่ิ ในสว่ นของวชิ าการ สหวิชา (Multi Disciplines) มาเป็นทิศทางเพิม่ เติมของคณะสงั คมศาสตรม์ ากข้ึน ในรูปธรรมท่ีปรากฏ คณะสังคมศาสตร์ ได้พัฒนาวิชาการด้านการพัฒนาสังคม ได้บูรณาการวิชาการท่ีเป็นส่วนผสมของรัฐศาสตร์กับเศรษฐศาสตร์ ได้พัฒนาวิชาการ ด้านสตรีศึกษา และได้พัฒนาการสาขาท่ีบูรณาการระหว่างสังคมศาสตร์กับวิทยาศาสตร์ เพื่อน�ำไปสู่การตอบโจทย์ส�ำคัญท่ีท�ำให้มนุษย์กับทรัพยากรธรรมชาติสามารถอยู่ร่วมกัน อย่างยั่งยืนมากขึ้น พัฒนาการด้านสหสาขาวิชาเหล่าน้ี นับได้ว่าเป็นการสร้างองค์ความรู้ ทเี่ กาะตดิ กบั ปรากฏการณข์ องปญั หาทล่ี งตวั มากขน้ึ เปน็ ความรทู้ เี่ ขา้ กบั บรบิ ทของสงั คมไทย มากขึ้น หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นทฤษฎีของไทย และเป็นความรู้ที่ถือว่าเป็นการท�ำให้ คณะสังคมศาสตร์เป็นผู้สร้างงานวิชาการรับใช้สังคมมากขึ้น ซ่ึงสอดรับกับทิศทางใหม่ ของมหาวิทยาลยั คณะสังคมศาสตร์จึงมีความภูมิใจท่ีเป็นสถาบันที่ท้ังสร้างความเป็นเลิศ ทางวิชาการ และที่สร้างวิชาการเพ่ือรับใช้สังคม และคงจะต้องมุ่งม่ันด�ำเนินการ ในแนวทางท่จี ำ� เป็นเชน่ นต้ี อ่ ไป 32

๕๐ ศ าม สสชงัต.ครขปม์ อี้ คดิ เกย่ี วกบั ทิศทางการพฒั นาคณะสงั คมศาสตรใ์ นอนาคต รองศาสตราจารยพ์ วงเพชร์ ธนสนิ รองศาสตราจารย์ พวงเพชร์ ธนสนิ คณบดีคณะสังคมศาสตร์ คนที่ ๑๓ ๒๐ สงิ หาคม ๒๕๕๕ - ปัจจบุ ันคณะสงั คมศาสตรไ์ ดเ้ ปดิ ทำ� การเรยี นการสอนวนั แรกเมอ่ื วนั ท่ี ๑๘ มถิ นุ ายน พ.ศ.๒๕๐๗ นับมาถึงปี ๒๕๕๗ คณะสังคมศาสตร์ของพวกเราก็มี อายุครบกึ่งศตวรรษแล้ว หากเปรียบเป็นคนก็อยู่ในวัยกลางคน ดิฉันได้เร่ิมท�ำงานท่ี คณะสังคมศาสตร์ มาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๘ นับเนื่องมาจนถึงปัจจุบันก็เกือบ ๓ ทศวรรษ ได้เหน็ ความเปลีย่ นแปลงหลากหลายท่ไี ดเ้ กิดข้นึ ไมว่ ่าจะเปน็ ในเชงิ พ้ืนที่ อาคาร บคุ ลากรหลักสูตร และอ่นื ๆ ในอดตี น้ัน คณะสังคมศาสตร์ มกี ารเรียนการสอนใน ๕ สาขาวชิ า คอืบญั ชแี ละบรหิ ารธรุ กจิ รฐั ศาสตร์ สงั คมวทิ ยาและมานษุ ยวทิ ยา เศรษฐศาสตร์ และภมู ศิ าสตร์โดยในช่วงระหว่างปี พ.ศ.๒๕๓๕ ถึง ๒๕๔๙ สาขา ๓ สาขาแต่ด้ังเดิม ได้แยกตัวเติบโต ไปจดั ตงั้ เปน็ คณะใหม่ ในปจั จบุ นั นี้ คณะสงั คมศาสตรม์ อี ยู่ ๔ ภาควชิ า คอื ภาควชิ าภมู ศิ าสตร์ภาควิชาสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ภาควิชาสังคมศาสตร์กับการพัฒนา และภาควิชา สตรีศึกษา ภาควิชาท้ังสี่นี้ได้ดูแลรับผิดชอบหลักสูตรท้ังหมด ๒๑ หลักสูตรของ คณะสังคมศาสตร์ ประกอบไปด้วย หลักสูตรระดับปริญญาตรี ๕ หลักสูตร (หลักสูตรนานาชาติ ๑ หลักสูตร) หลักสูตรระดับปริญญาโท ๑๓ หลักสูตร (หลักสูตรนานาชาต ิ๑ หลักสตู ร) และหลักสูตรระดับปริญญาเอก ๓ หลักสตู ร (หลกั สตู รนานาชาติ ๑ หลักสูตร)นอกจากนยี้ งั มศี นู ยว์ จิ ยั และบรกิ ารวชิ าการ ทดี่ แู ลศนู ย์ ๕ ศนู ย์ และโครงการความรว่ มมอื ทั้งในและต่างประเทศอีก ๓ โครงการ ภายใต้ร่มเงาของสังคมศาสตร์ ปัจจุบัน คณะสังคมศาสตร์ มีบุคลากรทั้งหมด ๑๐๘ คน เป็นบุคลากรสายวิชาการ ๔๘ คน และบุคลากรสายปฏิบัตกิ าร ๖๐ คน 33

๕๐ขอ้ คดิ เกย่ี วก บั ศ าม สสชังต.ครปม์ ีทิศทางการพฒั นาคณะสังคมศาสตรใ์ นอนาคต รองศาสตราจารยพ์ วงเพชร์ ธนสิน คณะสังคมศาสตร์ได้มีการต้ังปณิธานไว้ว่า มุ่งสร้างความเป็นเลิศทางวิชาการ และ ผลติ บณั ฑติ ใหม้ คี วามรอบรู้ มคี ณุ ธรรม ตอบสนองสงั คมในระดบั ตา่ งๆ มคี ำ� ขวญั ประจำ� คณะ คอื “สงั คม เพอ่ื สงั คม” และไดม้ กี ารดำ� เนนิ การสอดคลอ้ งกบั พนั ธกจิ หลกั ของมหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่ ๖ ประการ คือ (๑) จัดการศึกษาอย่างมีคุณภาพ เพ่ือผลิตบัณฑิตให้เป็นคน ท่ีมีความรู้ความสามารถ มีทักษะ มีนิสัยใฝ่เรียนรู้ สามารถเรียนรู้ด้วยตนเองและแสวงหา ความรอู้ ยา่ งตอ่ เนอื่ งตลอดชวี ติ มคี วามสามารถในการสอ่ื สาร สามารถคดิ วเิ คราะห์ แกป้ ญั หา มคี วามคิดรเิ ริ่มสรา้ งสรรค์ มีจติ สาธารณะ มรี ะเบียบวนิ ยั มีคุณธรรม จรยิ ธรรม เปน็ คนดี ของสังคม (๒) สร้างผลงานวิจัยที่มีคุณภาพ เพ่ือสนับสนุนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็น มหาวทิ ยาลยั วจิ ยั และผลงานวจิ ยั สามารถน�ำไปใชเ้ ปน็ ฐานความรใู้ นการพฒั นาคณุ ภาพชวี ติ เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคมของท้องถิ่น ประเทศ และภูมิภาคอาเซียน (๓) บริการ วิชาการตามความต้องการของชุมชน น�ำความรู้สู่ชุมชนโดยชุมชนมีส่วนร่วม (๔) ท�ำนุบ�ำรุงศาสนา ศิลปวัฒนธรรม ประเพณีไทย ล้านนา ชาติพันธุ์ อนุรักษ์และ บรหิ ารจัดการสงิ่ แวดลอ้ มอย่างยง่ั ยืน โดยสนบั สนุนนโยบาย Green and Clean Campus และงดการใชโ้ ฟมของมหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่ (๕) พฒั นาความเปน็ นานาชาติ ดแู ลหลกั สตู ร นานาชาติของคณะสังคมศาสตร์ สร้างบรรยากาศความเป็นนานาชาติ และสร้างความ ร่วมมือทางวิชาการกับสถาบันวิชาการในภูมิภาคอาเซียน เอเชีย และนานาประเทศ (๖) พัฒนาระบบบริหารจัดการ ทั้งในด้านทรัพยากรบุคคล การเงิน และทรัพย์สิน ใหม้ ีประสิทธิภาพ มีความคลอ่ งตวั โปรง่ ใส และสามารถตรวจสอบไดต้ ามหลกั ธรรมาภิบาล และสามารถพง่ึ พาตนเองได้ตามแนวปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี ง คณะสงั คมศาสตรด์ ำ� รงยืนหยัดมาแล้ว ๕๐ ปี และจะยงั คงพฒั นายัง่ ยืนต่อไป โดย คณะสังคมศาสตร์ จะยังคงมีหน้าท่ีสนับสนุน ส่งเสริมงานของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ท่ีเป็นแหล่งสะสม ค้นคว้า วิจัย และถ่ายทอดความรู้ เพื่อความเป็นเลิศทางวิชาการ คณะสังคมศาสตร์จะยังคงมีการพัฒนาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีคุณภาพ มีคณาจารย์ท่ีเป็น คนเกง่ คนดี มคี วามตง้ั ใจท่ีจะถ่ายทอดความรูแ้ กศ่ ิษย์ ให้เปน็ บัณฑติ ทีเ่ ป็นผูร้ ้จู ริง คดิ เปน็ ปฏบิ ตั ไิ ด้ มจี ติ สำ� นกึ ตอ่ สงั คม มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม มคี ณุ ภาพทจ่ี ะชว่ ยเพมิ่ ขดี ความสามารถ ในการแข่งขนั ของประเทศและสนับสนนุ การพัฒนาทย่ี ั่งยืนของประเทศไทย ในปี พ.ศ.๒๕๕๘ ประเทศไทยจะก้าวสู่ประชาคมอาเซียน ซ่ึงจะส่งผลท�ำให้เกิด การเปล่ียนแปลงทั้งในระดับนานาชาติ ระดับชาติ ระดับภาค และระดับท้องถ่ิน จะเกิด การแข่งขันและปรับตัวมากมาย ซ่ึงการเรียนในระดับอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 34

๕๐ ศ าม สสชงัต.ครขปม์ อี้ คดิ เกย่ี วกบั ทิศทางการพฒั นาคณะสังคมศาสตร์ในอนาคต รองศาสตราจารยพ์ วงเพชร์ ธนสนิรวมทั้งคณะสังคมศาสตรเ์ องตอ้ งไดเ้ ผชญิ กับประเดน็ ท้าทายมากมาย ซึง่ คณะสงั คมศาสตร์และบุคลากรได้ตระเตรียมพร้อมรับมือกับความเปล่ียนแปลงท่ีจะเกิดขึ้น ให้สังคมศาสตร์ ของเราดำ� รงอยไู่ ดท้ ่ามกลางการเปล่ียนแปลงท่รี วดเรว็ และแปรผัน โดยไดม้ ีการแลกเปลีย่ นเรียนรู้ ทั้งในด้านการเรียนการสอน การวิจัย แลกเปล่ียนองค์ความรู้ เพื่อท่ีจะสามารถ ผลิตบัณฑิตให้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพ มีความพอเพียง มีความสุขท่ียั่งยืน และ เปน็ ทุนมนษุ ยเ์ พ่ือพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของชาติสืบไป 35



๓ ชวี ิตและงาน ของคณาจารย์อาวโุ ส

ชีวติ และงาน ของคณาจารยอ์ าวุโส

ศาสตราจารย์ พนั เอก (พิเศษ)พนู พล อาสนะจนิ ดา



ชีวิตและงาน มหาวิทยาลัยเชยี งใหม่ ศาสตราจพารนู ยพ์ ลพนั อเาอสกนะ(พจเินิ ศดษา)ผมู้ สี ว่ นสำ� คญั ในการบกุ เบกิ งานวชิ าการของมหาวทิ ยาลยั เชยี งใหม่นายกสมาคมภมู ศิ าสตรแ์ หง่ ประเทศไทยคนแรก : ๒๕๑๙ - ๒๕๒๒ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ชัน้ สายสะพายสงู สุด : ประถมาภรณช์ ้างเผอื ก ๑ตอน ความนำ�การสดุดผี ลงานและบทบาทของศาสตราจารย์ พันเอก (พเิ ศษ) พนู พล อาสนะจินดาในกรณตี ่อสูเ้ รื่องเขาพระวิหารท่ศี าลโลกณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ พ.ศ.๒๕๐๕ ขอพระราชทานพระราชานญุ าตอญั เชิญ “ค�ำไว้อาลยั ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี”ที่พระราชทานไว้ในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิงศพ “ศาสตราจารย์พันเอก (พิเศษ) พูนพล อาสนะจินดา ณ เมรุช่ัวคราว วัดสวนดอกวรวิหารจังหวัดเชียงใหม่ เม่ือวันเสาร์ที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๕” มากล่าวน�ำ สดุดีครู ผู้ได้รบั สมญาวา่ เปน็ “บดิ าแห่งนกั ภมู ิศาสตรไ์ ทย” และเปน็ ผู้มบี ทบาทส�ำคญัตามท่ีรัฐบาลมอบหมายให้รับผิดชอบ ด้านงานแผนท่ีในกรณีการต่อสู้เร่ือง เขาพระวิหารท่ศี าลโลก ณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอรแ์ ลนด์ ครบ ๕๐ ปแี ลว้ ท่ีงานแผนท่ีของท่านในครั้งนั้นได้กลับมาเป็นพยานหรือหลักฐานส�ำคัญในศาลโลก ท่ีทนายฝ่ายไทยปัจจุบัน (คุณอลินา มิรอง) ได้น�ำกลับมาอ้างอิง (Big Map)ในศาลโลกอกี ครัง้ หน่ึง เม่อื วันท่ี ๑๗ เมษายน พ.ศ.๒๕๕๖ ดังน้ีบทความนี้ ศาสตราจารยเ์ กยี รติคณุ ดร.วนั เพ็ญ สุรฤกษ์ เรียบเรียง 41

๕๐ชวี ิตและงาน ศ าม สสชงัต.ครปม์ ีของคณาจารยอ์ าวโุ ส ศาสตราจารย์ พันเอก (พิเศษ) พนู พล อาสนะจนิ ดา นักเรียนในรุ่นข้าพเจ้ารู้จักอาจารย์พูนพลทั้งนั้น เพราะอาจารย์นั้นเป็น ผู้เขียนแผนท่ีท่ีใช้ประกอบการศึกษาวิชาภูมิศาสตร์ ส�ำหรับข้าพเจ้าได้พบกับ อาจารย์พนู พล และคุณวิลาวณั ย์ เสมอ เวลาไปทเ่ี ชียงใหม่ ที่คณะอกั ษรศาสตร์ ก็ได้รู้จักกับแอน ลูกสาวอาจารย์ซึ่งเป็นรุ่นน้อง รวมความแล้วข้าพเจ้าก็เป็น ผ้หู น่งึ ท่ไี ดม้ โี อกาสรจู้ ักอาจารยด์ ีกว่าการรจู้ กั จากหนงั สือ อาจารยเ์ คยมาชว่ ยสอนขา้ พเจ้าที่พระตำ� หนกั ภพู ิงคราชนเิ วศน์ ในเรือ่ ง การแผนท่ี พาข้าพเจ้าไปดูงานที่ภาควิชาภูมิศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่ภายหลังข้าพเจ้าไปที่บ้านอาจารย์ฟังค�ำอธิบาย เกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ต่างๆ ท่ีอาจารย์เขียนขึ้นเองสองสามคร้ัง ได้ทราบว่าอาจารย์สอนนักศึกษาท่ีห้องคอมพิวเตอร์น้ีเช่นกัน ได้ทราบว่า สอนครั้งหน่ึงๆ ก็หลายชั่วโมง ตอนที่ข้าพเจ้าไปเที่ยวจังหวัดสุรินทร์และ ศรีสะเกษ อาจารยก์ ไ็ ปด้วย ในขณะนนั้ กย็ งั ดมู ีสุขภาพแข็งแรง เดนิ ขนึ้ เขาได้ อาจารย์ได้เขียนบทความต่างๆ ที่ข้าพเจ้าอยากจะทราบหลายครั้ง คร้ังท่ีส�ำคัญมากก็คือตอนท่ีเป็นบุคคลส�ำคัญท่านหน่ึงที่ร่วมในการท�ำหนังสือ “จากห้วงอวกาศสู่พ้ืนแผ่นดินไทย” (Thailand from Space) อันมีเน้ือหา เก่ียวกับการใช้ข้อมูลจากดาวเทียมสาขาวิชาต่างๆ ได้ทราบว่าอาจารย์ติดตาม ถามขา่ วความกา้ วหนา้ ของการจดั ท�ำหนงั สอื เลม่ น้ี จนกระทง่ั เจบ็ หนกั กอ่ นทจี่ ะ เสยี ชีวิต ศาสตราจารย์พันเอก พูนพล อาสนะจินดา ได้กระท�ำประโยชน ์ ตอ่ ทางราชการ ตอ่ วงการวิชาการมาชา้ นาน งานของท่านจึงเปน็ ทย่ี กยอ่ ง มีผู้ศึกษาและพร้อมท่ีจะสืบทอดต่อไป ขอแสดงความคารวะต่อท่าน ณ ทนี่ ้ี 42

๕๐ ศ าม สสชงัต.ครปม์ชี ีวติ และงาน ของคณาจารย์อาวโุ ส ศาสตราจารย์ พันเอก (พเิ ศษ) พูนพล อาสนะจนิ ดา พระพุทธพจนวราภรณ์ (จันทร์ กุสโล) อดีตเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวง คร้ังด�ำรงสมณศักดเิ์ ป็นท่ี พระเทพกวี ได้เขียนไว้อาลยั ในหนังสอื เลม่ เดียวกนั ความตอนหน่ึงวา่ -------“เกียรติสูงสุดท่ีหาได้ยาก ยากท่ีบุคคลท่ัวไปจะได้รับคือ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงยกย่องว่า “ศาสตราจารย์พันเอก (พิเศษ) พูนพล อาสนะจินดา เป็นครูของฉัน” อกี ขอ้ ความหนง่ึ ในลกั ษณะใกลเ้ คยี งกนั ทผ่ี เู้ ขยี นไดร้ บั ทราบจากค�ำบอกเลา่ ของภรรยาศาสตราจารยพ์ ูนพล โดยตรงวา่ “คุณพระพ่ีเลี้ยงที่ตามเสด็จ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ครั้งที่ เสด็จมาทรงพระอักษร (ทบทวนความรู้ ด้านโฟโตแกรมเมตตรี ท่ีเคยได้ ทรงเรยี นจากอาจารยแ์ ลว้ ครง้ั หนงึ่ กรณนี ส้ี มเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ ปรารภ กับผู้เขียนโดยตรง) กับอาจารยพ์ ูนพลในบ้านส่วนตวั ของอาจารย์ (เลขที่ ๑๔ ถนนนิมมานเหมินทร์ ซอย ๓ ต�ำบลสุเทพ อ�ำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ๕๐๒๐๐) เม่ือปี ๒๕๓๒ ไดพ้ ูดคยุ ถึงรับสง่ั ของสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ เกี่ยวกับอาจารย์พูนพล ว่า “สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ รับส่ังว่า เรียนกับใครก็ไม่เข้าใจแจ่มแจง้ เหมอื นเรียนกับอาจารย์พูนพล” ท่ีจริงข้อความหรือเรื่องเล่าท�ำนองเดียวกันน้ียังมีอีก แต่ผู้เขียนไม่สามารถน�ำมา อา้ งองิ ได้ เพราะไมไ่ ดบ้ ันทึกรายละเอยี ดที่อ้างอิงได้ นับเป็นทนี่ ่าเสยี ดายอย่างยงิ่ อย่างไรก็ตาม ประวัติการเป็นนักวิชาการที่ทรงคุณค่าของศาสตราจารย์ พันเอก(พิเศษ) พูนพล อาสนะจินดา ท่ีอุทิศตัวเพ่ือชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และการส่ังสอนอบรม ให้ความรู้เยาวชนไทย ตลอดชีวิตการท�ำงานของท่าน สามารถเรียนรู้ และยืนยันได้อย่างชัดเจน จากค�ำไว้อาลัยของบุคคลท่ีได้ร่วมงานกับท่านอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผลงาน ที่โดดเด่นช้ินหนึ่งในจ�ำนวนผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้ตัวท่านและให้ประเทศชาติ ทั้งระดับประเทศและระดับนานาประเทศมากมายมหาศาลจากฐานความรู้ด้านวิศวกรรมแผนท่ีภูมิศาสตร์แผนที่ และการท�ำแผนท่ีจากรูปถ่ายทางอากาศเป็นส�ำคัญ น่ันก็คือ การได้รับ มอบหมายให้รับผิดชอบงานราชการพิเศษในต่างประเทศ ระหว่างปี พ.ศ.๒๕๐๔-๒๕๐๕ (ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๐๒-๒๕๐๕ รัฐบาลได้มอบหมายให้ศาสตราจารย์พูนพลเป็นท่ีปรึกษาทางวิชาการแผนท่ีในการแก้คดีท่ีศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก ณ กรุงเฮกประเทศเนเธอรแ์ ลนด์ กรณเี ขาพระวหิ าร ๓ ครง้ั และไดเ้ ขยี นรายงานรฐั บาล คอื “ClassifiedResearches for Defending the Cambodian Claim of the Phra Viharn Temple, 43

๕๐ชีวิตและงาน ศ าม สสชงัต.ครปม์ ีของคณาจารยอ์ าวโุ ส ศาสตราจารย์ พนั เอก (พเิ ศษ) พนู พล อาสนะจนิ ดา the National Defense Counsel, Office of the Prime Minister, Bangkok, 1959-1962”-เอกสารลบั ) ดงั น้ี ------- “กรรมการผู้แทนกรมแผนที่ทหารฝ่ายวิชาการแผนที่ ใน คณะกรรมการเตรียมเรื่องเขาพระวิหารทางกฎหมาย และเดินทางไปปฏิบัติ ราชการต่างประเทศเก่ียวกบั คดนี ้ี ๓ ครั้ง คือ ครั้งที่ ๑ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ที่กรุงเฮก ประเทศ เนเธอร์แลนด์ และประเทศอังกฤษ ระหว่างวนั ท่ี ๕ เมษายน - ๓ พฤษภาคม ๒๕๐๔ ครั้งท่ี ๒ กรุงปารีส และกรุงลอนดอน ระหว่างวันที่ ๒๖ ธันวาคม - ๒๒ มกราคม ๒๕๐๕ คร้ังที่ ๓ กรงุ เฮก ระหวา่ งวันท่ี ๒๔ กมุ ภาพันธ์ - ๖ เมษายน ๒๕๐๕” (คดั จากหนงั สอื อนสุ รณง์ านพระราชทานเพลงิ ศพ ศาสตราจารย์ พนั เอก (พเิ ศษ) พนู พล อาสนะจินดา ป.ม, ป.ช. หนา้ ๕๓) เหตุการณ์ในคร้ังนี้ได้เวียนมาครบรอบ ๕๐ ปีแล้ว (พ.ศ.๒๕๕๕) ที่ปัจจุบัน (พ.ศ.๒๕๕๖) คณะผู้แทนฝ่ายไทยท่ีมี ท่านเอกอัครราชทูตไทยประจ�ำกรุงเฮก ประเทศ เนเธอรแ์ ลนด์ (ดร.วีรชัย พลาศรยั ) เปน็ หวั หน้าคณะสู้คดเี รือ่ งเขาพระวหิ าร ที่ศาลยุตธิ รรม ระหว่างประเทศ หรือศาลโลก ณ กรุงเฮก กับฝ่ายกัมพูชา อีกครั้ง ด้วยเป้าหมายที่เพ่ิม จากเดมิ ทกี่ มั พชู าชนะคดไี ดค้ รอบครองตวั ปราสาทพระวหิ ารเมอ่ื ๕๐ ปที แ่ี ลว้ (พ.ศ.๒๕๐๕) มาขอศาลตีความพื้นที่โดยรอบปราสาทเพ่ือประโยชน์ในการขอขึ้นทะเบียนปราสาท พระวิหารเป็นมรดกโลก ที่ทางไทยยังมีข้อโต้แย้งกรณีพ้ืนท่ีอาณาเขตใกล้เคียงโดยรอบ (vicinity) และครั้งนี้จ�ำเป็นต้องใช้หลักฐานข้อมูลทางแผนท่ีเป็นฐานพิจารณาส�ำคัญส�ำหรับ เส้นเขตแดนทย่ี อมรับกนั เปน็ สากลใหม้ ากขน้ึ กวา่ เดมิ (อาทิ การใชแ้ นวเสน้ สนั ปนั น้�ำ) และ ให้เป็นท่ียอมรับของศาลโลกให้ได้ในครั้งนี้ ซ่ึงที่จริงแล้วเม่ือ ๕๐ ปีที่แล้ว (พ.ศ.๒๕๐๕) ศาสตราจารย์พูนพล ตัวแทนประเทศไทยผู้รับผิดชอบเร่ืองแผนที่จากกรมแผนที่ทหารก็ได้ อุทศิ ชว่ งเวลาเกอื บ ๒ เดอื นเตม็ (ทเ่ี ชา่ บ้านพกั อยู่สองครอบครัวกับ ม.ร.ว. เสนีย์ ปราโมช หัวหน้าคณะทนายฝ่ายไทยท่ีคณะรัฐบาลไทยมอบหมาย) สร้างหรือจัดทำ� แผนท่ีท่ีรู้จักกันดี ในปจั จุบนั ว่า “Big Map” มาจนทกุ วันนี้ (ตามคำ� อ้างของทนายฝ่ายไทยทีช่ ี้แจงเรอ่ื งแผนที่ ในศาลโลกเมื่อ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๖ คือ คุณอลินา มีรอง) ด้วยลายมือและลายเส้น ของอาจารยค์ นเดยี วท้ังหมด อาจารย์ได้บนั ทึกไวห้ ลังภาพถา่ ยแผนที่ (Big Map) แผ่นนว้ี า่ 44

๕๐ ศ าม สสชงัต.ครปม์ชี ีวติ และงาน ของคณาจารย์อาวุโส ศาสตราจารย์ พนั เอก (พิเศษ) พนู พล อาสนะจินดา “แผนทฉ่ี บบั นมี้ นั ยาวมาก กนิ เนอ้ื ทเี่ กอื บหนง่ึ ในสามของหอ้ งฟงั คดี ของศาลยตุ ธิ รรมระหวา่ งประเทศ จนผเู้ ขยี นไดร้ บั สมญาวา่ เปน็ “โปรเฟสเซอร”์ จาก ม.ร.ว.เสนยี ์ ปราโมช และกโ็ ดยบังเอญิ ท่ี บรษิ ัทแมค็ มลิ แลนด์ ลอนดอน ขอให้ร่วมท�ำสมุดแผนที่เล่ม (แอตลาส) บริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะทย่ี งั ไมก่ ลบั จากศาลโลก เมอ่ื ประเทศไทยแพค้ ดี จงึ เหน็ วา่ ตอ้ งพยายาม เผยแพร่ความรู้ทางภูมิศาสตร์และแผนท่ีให้มาก มิฉะน้ันจะเสียเปรียบ เขาอกี ” สว่ นอกี ภาพหนงึ่ ทศี่ าสตราจารยพ์ นู พล ไดเ้ ขยี นอธบิ ายภาพ และพดู ถงึ “Big Map” คอื “ภาพคณะทนายฝ่ายไทยและผู้เข้าฟังค�ำแถลง ข้างหลังมีแผนท่ี ขนาดใหญ่ ซ่งึ ม.ร.ว.เสนยี ์ ปราโมช ให้ (ศ.พูนพล) ท�ำ เพอ่ื ใชป้ ระกอบ ค�ำแถลง ได้เขียนข้ึนเองโดยปัจจุบัน ใช้พ้ืนท่ีภายในบ้านพักท่ีค่อนข้าง จ�ำกัด แตแ่ ผนทมี่ นั ใหญ่จน ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช พดู ล้อวา่ “โปรเฟสเซอร์ ท�ำแผนท่ีได้ใหญ่โตมาก” ก็เป็นวาจาสิทธ์ิของท่าน เพราะภายหลังได้รับ โปรดเกล้าฯ แต่งต้ังเป็น “ศาสตราจารย์” เม่ือย้ายมาอยู่มหาวิทยาลัย เชยี งใหม่” รายละเอียดประกอบอ่ืนๆ เกี่ยวกับบทบาทของประเทศไทยกับของศาสตราจารย ์พูนพล ในคดีการต่อสู้เรื่องเขาพระวิหารในศาลโลกคร้ังแรกกับกัมพูชา ตลอดจนความรู ้ความสามารถเชิงวิชาการแผนทแี่ ละวชิ าการอนื่ ๆ ของศาสตราจารย์พนู พล (พนั โท พนู พลอาสนะจินดาในคร้ังนั้น) สามารถเรียนรู้และยืนยันได้จาก (๑) ภาพประวัติศาสตร์ต่างๆ ทนี่ �ำมาอา้ งอิง พรอ้ ม (๒) ค�ำ/ขอ้ เขียนไวอ้ าลยั ของบุคคลทไ่ี ด้ร่วมงานกบั ท่านอยา่ งใกล้ชิดในสถานะใดก็ตาม และ (๓) ตัวอย่างบทความทางวิชาการของท่านศาสตราจารย์พูนพล ที่เขียนถวายตามพระราชปรารภของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ผ่านทางศาสตราจารย์ดร.วนั เพ็ญ สรุ ฤกษ์ พอเป็นสงั เขป ดังน้ี 45

๕๐ชีวิตและงาน ศ าม สสชังต.ครปม์ ีของคณาจารย์อาวโุ ส ศาสตราจารย์ พันเอก (พิเศษ) พนู พล อาสนะจินดา ๑. ภาพประกอบคำ� บรรยายกรณตี อ่ สคู้ ดเี ขาพระวิหาร ทีศ่ าลโลก ณ กรงุ เฮก ประเทศเนเธอรแ์ ลนด์ (พ.ศ.๒๕๐๕) กลา่ วกนั วา่ นกั การทูต มีความสำ� คญั เก่ยี วกับ การเมอื งระหวา่ ง ประเทศด้วย พอหมอ่ มเจ้า วงษ์มหิป ชยางกูร ต้องยา้ ยจากต�ำแหน่ง เอกอัครราชทตู กัมพูชาไปประจ�ำท่อี น่ื เจ้านโรดมสีหนุ ก็ส่ังฟ้องประเทศไทย ในคดีเขาพระวหิ าร ท่ศี าลยตุ ธิ รรม ระหว่างประเทศ ว่า ปราสาทเขาพระวหิ าร เปน็ ของประเทศกมั พชู า (ในรูปปราสาทอยทู่ ่ี ยอดเขา ณ ท่สี ูงสุด) สหประชาชาติ ส่ง บารอนเบ็คฟรสี มาไกลเ่ กลยี่ ก็ไม่สำ� เรจ็ บารอน ตอ้ งเดินทางมาตรวจ ภมู ปิ ระเทศดว้ ยตนเอง โดยใช้เฮลคิ อปเตอร์ เปน็ พาหนะ 46


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook