Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรสถานศึกษา รวม ไฟล์ 2565

หลักสูตรสถานศึกษา รวม ไฟล์ 2565

Published by Guset User, 2022-07-26 06:18:06

Description: หลักสูตรสถานศึกษา รวม ไฟล์ 2565

Search

Read the Text Version

๑๙๙ โครงสรา้ งรายวชิ า วิทยาศาสตร์ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว ๑๑๑๐๑ กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปท่ี ๑ เวลา ๑๐๐ ช่วั โมง/ปี หน่วย ช่อื หน่วยการเรียน มาตรฐานการ สาระการเรียนรู้ เวลา ที่ เรยี นร/ู้ ตัวชีว้ ัด (ช่วั โมง) ๑ วทิ ยาศาสตร์ ว ๑.๑ ป.๑/๑ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ ๓๕ ชีวภาพ ป.๑/๒ - พืชและสตั ว์ท่พี บเหน็ ในบริเวณ ๑๐ ว ๑.๒ ป.๑/๑ โรงเรียนหรอื ชมุ ชน ๙ - สภาพแวดล๎อมทเี่ หมาะสมเพื่อ ป.๑/๒ การอยูํอาศยั ของพืชและสตั ว์ - ความสาคญั ของสวํ นตํางๆของ ๗ รํางกาย - ลกั ษณะและหน๎าท่ีของสวํ นตาํ งๆ ๙ ของราํ งกายมนุษย์ พชื สัตว์ ๒ วิทยาศาสตร์ ว ๒.๑ ป.๑/๑ วทิ ยาศาสตร์กายภาพ ๒๕ กายภาพ ป.๑/๒ - สมบตั ิของวัสดแุ ตลํ ะชนดิ ๔ ว ๒.๓ ป.๑/๑ - ชนดิ ของวัสดุ ๓ - การจัดกลุํมวัสดุตามสมบัติที่ ๓ สงั เกตได๎ - วสั ดทุ ่ีใช๎ทาวตั ถุเป็นของเลํน ของ ๓ ใช๎ ๓ - การเกดิ เสียง ๕ - แหลํงกาเนิดเสยี งและชนดิ ของ แหลงํ กาเนิดเสยี ง ๔ - ทิศทางการเคลื่อนทข่ี องเสียง ๓ วิทยาศาสตร์ และ ว ๓.๑ ป.๑/๑ วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ ๒๐ อวกาศ ป.๑/๒ - ดาวทป่ี รากฏใหเ๎ ห็นในทอ๎ งฟูา ๖ ว ๓.๒ ป.๑/๑ เวลากลางวนั และกลางคืน ๖ - สาเหตุท่ีไมเํ ห็นดาวในเวลา ๘ กลางวัน - ลักษณะภายนอกของหินจาก ลกั ษณะเฉพาะตัวท่ีสงั เกตได๎

๒๐๐ หน่วย ช่อื หน่วยการเรียน มาตรฐานการ สาระการเรียนรู้ เวลา (ช่วั โมง) ท่ี เรยี นร้/ู ตวั ช้วี ัด เทคโนโลยี - การแกป๎ ญั หาโดยใช๎ข้ันตอนการ ๔๐ ๔ เทคโนโลยี ว ๔.๒ แกป๎ ัญหาอยํางงําย ๕ - การแสดงขั้นตอนการแกป๎ ญั หา ๕ ป.๑/๑ โดยการเขียน บอกเลาํ วาดภาพ หรอื ใชส๎ ญั ลักษณ์ ๑๐ ป.๑/๒ - การเขยี นโปรแกรมอยาํ งงํายโดย ๕ ใชซ๎ อฟต์แวรห์ รือสอ่ื ๕ ป.๑/๓ - การใช๎งานอปุ กรณ์เทคโนโลยี ๔ เบอื้ งต๎น ๕ ป.๑/๔ - การใชง๎ านซอฟตแ์ วรเ์ บื้องต๎น ป.๑/๕ การสรา๎ ง การจดั เกบ็ และเรียกใช๎ ๑๒๐ ไฟล์ตามวตั ถปุ ระสงค์ - การใช๎เทคโนโลยสี ารสนเทศอยาํ ง ปลอดภัย ขอ๎ ปฏบิ ัติในการใชง๎ าน และการดูแลรกั ษาอุปกรณ์ - การใชง๎ านเทคโนโลยสี ารสนเทศ อยํางเหมาะสม รวม

๒๐๑ สาระที่ ๑ วิทยาศาสตร์ชวี ภาพ มาตรฐาน ว ๑.๑ เข้าใจความหลากหลายของระบบนิเวศความสัมพันธ์ระหว่าง สง่ิ ไม่มีชีวิตกับสิ่งมีชีวิตและความสัมพนั ธ์ระหวา่ งส่ิงมีชีวิตกบั สงิ่ มีชีวติ ตา่ งๆในระบบนิเวศการถ่ายทอด พลังงานการเปล่ยี นแปลงแทนทใี่ นระบบนิเวศความหมายของประชากรปัญหาและผลกระทบทม่ี ีต่อ ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดลอ้ มแนวทางในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและการแก้ไขปัญหา สง่ิ แวดล้อมรวมทั้งนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ช้ัน ตัวช้วี ัด สาระการเรียนรู้ ป.๑ ๑. ระบุชือ่ พืชและสัตวท์ ่ีอาศยั อยูํ • พืชและสัตวท์ ่พี บเห็นในบริเวณโรงเรยี นหรอื ชุมชน • ความแตกตาํ งของแหลงํ ที่อยํูอาศยั ของพืชและสตั วท์ ่ี บริเวณตาํ ง ๆ จากขอ๎ มลู ทร่ี วบรวม พบเหน็ ได๎ • สภาพแวดล๎อมที่เหมาะสมกับการดารงชีวติ ของ ๒. บอกสภาพแวดล๎อมท่ีเหมาะสมกบั สตั ว์ การดารงชีวิต ของสัตว์ในบริเวณท่ี • สภาพแวดลอ๎ มในบริเวณท่ีพืชและสัตวอ์ าศัยอยูํ มี อาศัยอยํู การเปลยี่ นแปลง จะมผี ลตอํ การดารงชวี ติ ของ พืช และสตั ว์

๒๐๒ สาระที่ ๑ วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๒ เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชีวิตหน่วยพนื้ ฐานของส่ิงมีชีวิตการลาเลียงสารเข้า และออกจากเซลลค์ วามสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าทข่ี องระบบต่างๆของสตั วแ์ ละมนุษย์ที่ทางาน สมั พนั ธ์กันความสัมพนั ธ์ของโครงสร้างและหนา้ ที่ของอวัยวะตา่ งๆของพืชที่ทางานสัมพนั ธก์ ัน รวมท้ังนา ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ ชนั้ ตวั ชี้วดั สาระการเรยี นรู้ ป.๑ ๑. ระบุชอ่ื บรรยายลกั ษณะและ • อวยั วะภายนอกของราํ งกายมนุษย์และหน๎าทขี่ อง บอกหนา๎ ทีข่ อง สวํ นตําง ๆ ของ อวัยวะตํางๆ โดยสํวนตํางๆ ของราํ งกาย จะทา รํางกายมนุษย์ สัตว์ และพชื หนา๎ ที่รวํ มกันในการทากิจกรรม ในชีวิตประจาวนั รวมทัง้ บรรยายการทาหนา๎ ที่ • อวยั วะตาํ งๆของสตั ว์มีหลายชนิด แตลํ ะชนดิ มี ลักษณะ รวํ มกนั ของสํวนตํางๆของรํางกาย และหนา๎ ที่แตกตาํ งกัน เพื่อให๎เหมาะสม ในการ มนษุ ย์ในการทากิจกรรมตํางๆ ดารงชีวิต เชนํ ปลามีครบี เปน็ แผํน สวํ นกบ เตํา แมว มี จากข๎อมูลท่รี วบรวมได๎ ขา ๔ ขา เป็นตน๎ • สํวนประกอบของพชื มีลักษณะและหนา๎ ที่แตกตาํ งกัน เพ่ือให๎เหมาะสมในการดารงชีวติ เชนํ รากมี ลักษณะ เรียวยาว และแตกแขนงเปน็ รากเล็ก ๆ ทาหน๎าทด่ี ดู นา้ ลาต๎นมีลกั ษณะเป็นทรงกระบอก ตั้งตรงและมีกิ่งกา๎ น ทาหน๎าทชี่ กู ิ่งกา๎ น ใบ เป็นตน๎ ๒. ตระหนกั ถงึ ความสาคัญของสํวนตาํ ง • การปอู งกนั ดูแลรักษา สวํ นตาํ ง ๆ ของรํางกายอยาํ ง ๆ ของราํ งกายตนเอง โดยการดแู ลสวํ น ถูกต๎อง ปลอดภยั อยเูํ สมอ เชํน ใช๎ตามอง ตวั หนังสอื ใน ตาํ ง ๆ อยาํ งถกู ต๎อง ให๎ปลอดภยั และ ท่ีที่มแี สงสวาํ งเพียงพอ ดูแลตาให๎ ปลอดภัยจาก รักษาความสะอาดอยํเู สมอ อันตราย และรักษาความสะอาดตา อยํเู สมอ

๒๐๓ สาระท่ี ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสารองค์ประกอบของสสารความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของ สสารกบั โครงสรา้ งและแรงยึดเหนีย่ วระหวา่ งอนภุ าคหลกั และธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของ สสารการเกดิ สารละลายและการเกดิ ปฏกิ ริ ยิ าเคมี ป.๑ ๑. อธิบายสมบัติท่ีสงั เกตไดข๎ องวัสดุที่ • วัสดุแตํละชนดิ มสี มบตั ทิ ส่ี ังเกตได๎แตกตาํ ง ๆ ใช๎ทาวัตถุ ซึงํ ทาจากวสั ดุชนดิ เดียว เชํน สี นมํุ แข็ง ขรุขระ เรียบ ใส ขุํน ยดื หดได๎ หรือหลายชนิดประกอบกัน โดยใช๎ บดิ งอได๎ หลักฐานเชิงประจกั ษ์ • วัสดทุ ่ีใช๎ทาวตั ถเุ ปน็ ของเลํน ของใช๎ วตั ถบุ างชนิดใช๎ วัสดชุ นดิ เดียวหรอื หลายชนดิ ประกอบกัน ๒. ระบุชนิดของวสั ดุและจัด • ชนดิ ของวสั ดุตามสมบัติทส่ี งั เกตได๎ กลมุํ วสั ดุ ตามสมบัตทิ ่ี • การจาแนกวัสดุโดยใช๎เกณฑ์ตํางๆ สังเกตได๎ สาระท่ี ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลังงานการเปล่ียนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพนั ธร์ ะหวา่ งสสารและพลงั งานพลังงานในชีวิตประจาวันธรรมชาติของคลื่นปรากฏการณ์ท่ี เกี่ยวข้องกับเสียงแสงและคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้ารวมท้ังนาความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ ป.๑ ๑. บรรยายการเกิดเสยี งและทิศ • การเกิดเสียง ทางการเคล่อื นที่ ของเสียงจาก • แหลํงกาเนิดเสียงและชนดิ ของแหลงํ กาเนิดเสียง หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ • ลักษณะการเคล่ือนทขี่ องเสียง

๒๐๔ สาระท่ี ๓ วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๑ เข้าใจองค์ประกอบลักษณะกระบวนการเกิดและวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซีดาวฤกษ์และระบบสุริยะรวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวติ และการ ประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยอี วกาศ ป.๑ ๑. ระบุดาวทีป่ รากฏบนท๎องฟาู ใน • บนท๎องฟูามดี วงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาว ซง่ึ เวลากลางวัน และกลางคนื จาก ในเวลากลางวันจะมองเห็นดวงอาทิตย์ และอาจ ข๎อมลู ทร่ี วบรวมได๎ มองเห็นดวงจนั ทรบ์ างเวลาในบางวนั แตไํ มํ สามารถมองเห็นดาว ๒. อธิบายสาเหตทุ ีม่ องไมเํ หน็ ดาว • ในเวลากลางวนั มองไมเํ หน็ ดาวสํวนใหญํ เน่อื งจาก สวํ นใหญํ ในเวลากลางวนั จาก แสงอาทติ ยส์ วํางกวาํ จึงกลบแสงของดาว สวํ นใน หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ เวลากลางคนื จะมองเห็นดาวและมองเห็น ดวง จนั ทร์เกือบทกุ คนื สาระท่ี ๓ วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๒ เขา้ ใจองค์ประกอบและความสัมพนั ธ์ของระบบโลกกระบวนการเปลี่ยนแปลง ภายในโลกและบนผิวโลกธรณีพิบตั ภิ ัยกระบวนการเปล่ยี นแปลงลมฟ้าอากาศและภูมิอากาศโลก งลมฟา้ อากาศและภมู ิอากาศโลก รวมทั้งผลต่อสง่ิ มชี วี ิตและสงิ่ แวดลอ้ ม ป.๑ ๑. อธบิ ายลักษณะภายนอกของหิน • หนิ ทอี่ ยูํในธรรมชาตมิ ลี ักษณะภายนอกเฉพาะตัว ที่ จากลักษณะ เฉพาะตัวที่สังเกตได๎ สังเกตได๎ เชํน สี ลวดลาย น้าหนัก ความแขง็ และ เนือ้ หิน

๒๐๕ สาระท่ี ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๒ เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็น ข้ันตอนและเป็นระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรู้การทางานและการแก้ปญั หาได้ อยา่ งมีประสทิ ธิภาพรูเ้ ท่าทันและมจี ริยธรรม ป.๑ ๑. แกป๎ ัญหาอยาํ งงาํ ยโดยใช๎การลอง • การแกป๎ ัญหาให๎ประสบความสาเรจ็ ทาได๎โดยใช๎ ผดิ ลองถกู การเปรยี บเทยี บ ขน้ั ตอนการแก๎ปัญหา • ปัญหาอยาํ งงําย เชํน เกมเขาวงกต เกมหา จุด แตกตาํ งของภาพ การจัดหนังสอื ใสํกระเป๋า ๒. แสดงลาดบั ข้ันตอนการทางาน • การแสดงขัน้ ตอนการแก๎ปญั หา ทาได๎โดย การเขยี น หรอื การแก๎ปัญหาอยํางงํายโดยใช๎ บอกเลาํ วาดภาพหรอื ใชส๎ ัญลักษณ์ ภาพ สัญลกั ษณห์ รือข๎อความ ๓. เขียนโปรแกรมอยาํ งงํายโดยใช๎ • การเขียนโปรแกรมเปน็ การสร๎างลาดับของคาส่ังให๎ ซอฟตแ์ วรห์ รอื ส่อื คอมพิวเตอร์ทางาน • ตวั อยาํ งโปรแกรม เชํน เขยี นโปรแกรมสัง่ ให๎ตวั ละครยา๎ ยตาแหนํง ยอํ ขยายขนาด เปลย่ี นรปู รําง • ซอฟตแ์ วรห์ รือสื่อท่ีใชใ๎ นการเขยี นโปรแกรม เชนํ ใช๎ บตั รคาสงั่ แสดงการเขียนโปรแกรม, Code.org • การสร๎างช้นิ งาน ตัวอยํางเนื้อหาที่จะนามาสรา๎ ง ช้ินงาน ได๎แกํ เนื้อหาใน - สาระวิทยาศาสตร์ชวี ภาพ - สาระวทิ ยาศาสตร์กายภาพ - สาระวทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ ๔. ใช๎เทคโนโลยีในการสร๎าง จัดเกบ็ • การใช๎งานอปุ กรณเ์ ทคโนโลยีเบ้อื งต๎น เชนํ การใช๎ เรยี กใชข๎ ๎อมลู ตามวตั ถปุ ระสงค์ เมาส์ คยี บ์ อร์ด จอสมั ผสั การเปิด-ปดิ อุปกรณ์ เทคโนโลยี ๕. ใช๎เทคโนโลยสี ารสนเทศอยาํ ง • การใชเ๎ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยาํ งปลอดภัย เชํน ปลอดภยั ปฏิบตั ติ ามข๎อตกลงใน รจ๎ู ักข๎อมลู สํวนตวั ไมํบอกข๎อมูลสวํ นตวั กับบุคคลอืน่ การใช๎คอมพวิ เตอร์ รวํ มกันดูแล ยกเวน๎ ผปู๎ กครองหรือครู รกั ษาอปุ กรณเ์ บื้องต๎น ใช๎งานอยาํ ง • ข๎อปฏบิ ัติในการใชง๎ านและการดแู ลรกั ษาอปุ กรณ์ เหมาะสม เชํน ไมํขดี เขียนบนอุปกรณ์ ทาความสะอาด ใช๎ อปุ กรณ์อยํางถูกวธิ ีและใช๎งานอยาํ งเหมาะสม

๒๐๖ รายวิชาวิทยาศาสตร์ คาอธิบายรายวชิ า กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปที่ ๒ รหัสวิชา ว ๑๒๑๐๑ เวลา ๘๐ ชว่ั โมง/ปี ศึกษาวิเคราะห์ ทดลองและอธบิ ายอาหาร น้า แสง อากาศ เป็นปจั จยั ท่จี าเปน็ ตํอ การดารงชีวิตและการเจรญิ เติบโตของพืชและสตั วแ์ ละนาความรไู๎ ปใช๎ประโยชน์ พชื สัตวแ์ ละมนษุ ย์ มกี ารตอบสนองตํอแสง อุณหภูมิ และการสมั ผัส ปัจจยั ที่จาเป็นตอํ การดารงชีวติ และการเจริญเติบโต ของมนษุ ย์ ชนิดของวัสดุท่ีใชท๎ าของเลํนของใช๎ เปรยี บเทียบสมบัติของวัสดุทน่ี ามาของเลนํ ของใช๎ในชีวติ ประจาวัน แรงทเี่ กิดจากแมเํ หล็ก การนาแมํเหลก็ มาใช๎ประโยชน์ แรงไฟฟาู ท่เี กดิ จากการถูวัตถบุ างชนิด ไฟฟูาจาก แบตเตอร่ี พลังงานไฟฟาู เปลี่ยนเปน็ พลังงานอ่ืนได๎ประเภทของดนิ จาแนกประเภทของดนิ ความสาคัญของดวง อาทิตย์โดยใชส๎ มบัติทางกายภาพและนาความร๎ูไปใช๎ประโยชน์ โดยใช๎กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความรู๎ การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎น ขอ๎ มลู บนั ทึก การจัดกลมํุ ข๎อมลู และการอภิปรายเพ่ือใหเ๎ กิดความรู๎ ความคิด ความเขา๎ ใจ สามารถนาเสนอ สื่อสารส่งิ ทเี่ รียนร๎ู มีความสามารถในการตดั สนิ ใจ เหน็ คุณคาํ ของการนาความรู๎ไปใชป๎ ระโยชน์ในชวี ิตประจาวัน มีจิตวทิ ยาศาสตร์ มคี ุณธรรม จริยธรรม และคาํ นิยมท่ีเหมาะสม รหัสตวั ช้ีวดั ว๑.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔ , ป.๒/๕ ว๑.๒ ป.๒/๑, ว๓.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒ , ว๔.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓ ว๕.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒ ว๖.๑ ป.๒/๑, ว๗.๑ ป.๒/๑, ว๘.๑ ป.๒/๑, ป.๒/๒, ป.๒/๓, ป.๒/๔ , ป.๒/๕ ,ป.๒/๖, ป.๒/๗, ป.๒/๘ รวม ๒๓ ตัวช้ีวดั

๒๐๗ รายวิชาวิทยาการคานวณ คาอธบิ ายวิทยาการคานวณ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๒ รหสั วิชา ว ๑๒๑๐๒ กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ เวลา 40ชวั่ โมง ศึกษาและฝกึ ทกั ษะในการแก๎ปญั หาโดยใช๎การแสดงขน้ั ตอนการแก๎ปัญหาทาได๎โดยการเขยี น บอกเลาํ วาดภาพ หรือใชส๎ ญั ลักษณ์ ปัญหาอยํางงําย เชนํ เกมตวั ตํอ 6 - 12 ช้ิน การแตํงตัวมาโรงเรยี น เขยี นโปรแกรม สง่ั ให๎ตวั ละคร ทางานตามท่ีต๎องการ และตรวจสอบข๎อผดิ พลาดปรบั แกไ๎ ขให๎ไดผ๎ ลลพั ธ์ตามทีก่ าหนด การ ตรวจหาข๎อผิดพลาดทาได๎โดยตรวจสอบคาส่งั ทแี่ จง๎ ขอ๎ ผดิ พลาด หรอื หากผลลพั ธ์ไมํเปน็ ไปตามท่ตี ๎องการ ให๎ ตรวจสอบการทางานทลี ะคาสั่ง ซอฟต์แวรห์ รือสือ่ ท่ีใชใ๎ นการเขยี นโปรแกรม เชํนใช๎บตั รคาส่งั แสดงการเขียน โปรแกรม Code.org การใช๎งานซอฟตแ์ วร์เบ้ืองตน๎ การสรา๎ ง คัดลอก ยา๎ ย ลบ เปลย่ี นชอ่ื จัดหมวดหมไูํ ฟล์ และโฟลเดอร์อยาํ งเปน็ ระบบจะทาใหเ๎ รยี กใช๎ ค๎นหา ข๎อมลู ได๎งาํ ยและรวดเรว็ การการใชเ๎ ทคโนโลยีสารสนเทศอยาํ งปลอดภยั ปฏิบตั ใิ นการใช๎งานและการดูแล รกั ษาอุปกรณ์ ตัวชว้ี ดั ตัวช้วี ดั ว. 4.2 เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ๑.แสดงลาดับขนั้ ตอนตอนการทางาน หรอื การแกป๎ ัญหาอยาํ งงําย โดยใช๎ภาพ สญั ลกั ษณ์หรือข๎อความ ๒.เขยี นโปรแกรมอยาํ งงําย โดยใชซ๎ อฟต์แวร์หรอื สื่อและตรวจหาข๎อผดิ พลาด ของโปรแกรม ๓.ใชเ๎ ทคโนโลยใี นการสรา๎ ง จดั หมวดหมํู ค๎นหาจัดเกบ็ เรยี กใชข๎ อ๎ มลู ตามวตั ถปุ ระสงค์ ๔.ใชเ๎ ทคโนโลยสี ารสนเทศ อยํางปลอดภยั ปฏิบตั ติ าม ข๎อตกลงในการใช๎คอมพวิ เตอรร์ ํวมกนั ดูแล รักษาอปุ กรณ์ เบ้ืองต๎น ใช๎งานอยาํ ง เหมาะสม รวมท้ัง ๔ ตวั ชี้วัด

๒๐๘ โครงสร้างรายวิชา วิทยาศาสตร์ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว ๑๒๑๐๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที่ ๒ เวลา ๘๐ ชัว่ โมง/ปี ลาดบั ชื่อหน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั หรือหลกั การ เวลา น้าหนกั ท่ี การเรยี นรู้ เรยี นรู้/ สาคญั (Core concept ) (ชั่วโมง) คะแนน ๑ การเจรญิ เติบโตของ ตวั ช้ีวดั พชื และสัตว์ มฐ.ว๑.๑ พชื ตอ๎ งการนา้ และแสงใน ๑๐ ๘ ๒ การเจรญิ เตบิ โตของ มนษุ ย์ ป. ๒/๑, การเจริญเติบโตและการ ป.๒/๒ ดารงชีวติ พชื และสตั ว์ มฐ.ว๘.๑ ต๎องการอาหาร นา้ ป. ๒/๑ - ๘ อากาศ นาความรู๎ไปใช๎ ประโยชนใ์ นการดูแลพืช และสตั ว์ มฐ.ว๑.๑ มนุษยต์ ๎องการอาหาร น้า ๕ ๔ ป.๒/๕ อากาศ เพอ่ื การ มฐ.ว๘.๑ เจริญเติบโต และการ ป. ๒/๑ - ๘ ดารงชวี ติ ๓ การตอบสนองของ มฐ.ว ๑.๑ พืชและสัตวม์ ีการ ๑๐ ๘ ๖๘ ส่ิงมชี ีวิต ป.๒/๓, ตอบสนองตอํ แสง ป.๒/๔ อณุ หภูมิ และการสัมผสั มฐ.ว๘.๑ มนุษย์สามารถตอบสนอง ป. ๒/๑ - ๘ ตํอแสง อณุ หภูมิและการ สัมผสั ๔ ประโยชนข์ องพืชและ มฐ.ว๑.๒ พืชและสตั ว์มีประโยชนต์ อํ สตั ว์ ป.๒/๑ มนุษย์ มฐ.ว๘.๑ ป. ๒/๑ - ๘

๒๐๙ ลาดบั ช่อื หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคัญหรือหลกั การสาคญั (Core เวลา ที่ การเรยี นรู้ เรียนรู/้ concept ) (ชวั่ โมง) ตวั ชีว้ ัด ๑๐ ๕ ของเลํนของใน มฐ.ว ๓.๑ ของเลํน ของใชท๎ าจากวัสดุตํางๆกันจะ ชีวิตประจาวัน ป.๒/๑, มีสมบัติแตกตาํ งกันสามารถเลือก ป.๒/๒ วสั ดุตาํ งๆมาใชเ๎ พ่ือความเหมาะสมและ มฐ.ว๘.๑ ปลอดภัย ป. ๒/๑ - ๘ ๖ แรงแมํเหลก็ มฐ.ว ๔.๑ แมเํ หลก็ มีแรงดงึ ดดู หรือผลักระหวาํ ง ๘ ป.๒/๑, แทํงแมเํ หล็ก มฐ.ว๘.๑ มปี ระโยชน์ในการทาของเลนํ ของใชแ๎ ละ ป. ๒/๑ - ๘ นาไปแยกสารแมํเหล็กออกจากวัตถุอืน่ เมื่อนาวัตถุมาถูกันแล๎วเกดิ แรงไฟฟาู ๗ ประโยชนข์ องแรง มฐ.ว ๔.๑ ประโยชนข์ องแมเํ หลก็ มีแรงดึงดดู หรือ ๗ แมํเหลก็ ป.๒/๑ - ๓ ผลกั ระหวํางแทงํ แมเํ หล็ก มฐ.ว๘.๑ มีประโยชน์ในการทาของเลํนของใชแ๎ ละ ๘ ไฟฟาู และพลังงาน ป. ๒/๑ - ๘ นาไปแยกสารแมเํ หล็กออกจากวตั ถอุ น่ื เมื่อนาวตั ถุมาถูกนั แลว๎ เกดิ แรงไฟฟูา มฐ.ว ๕.๑ ไฟฟาู จากเซลลไ์ ฟฟูาหรือแบตเตอร่ี ๗ ป.๒/๑, สามารถทางานได๎ ไฟฟูาเป็นพลงั งาน ป.๒/๒ พลังงานไฟฟาู เปลีย่ นเปน็ มฐ.ว๘.๑ พลังงานอื่นได๎ ป. ๒/๑ - ๘

๒๑๐ ลาดับ ชอ่ื หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคัญหรือหลักการสาคัญ(Core เวลา ท่ี การเรียนรู้ เรียนรู้/ concept ) (ชว่ั โมง) ตัวชว้ี ดั ๗ ๙ ดนิ มฐ.ว๖.๑ ดินจาแนกออกเป็นประเภทตามลักษณะท่ี ป.๒/๑ แตกตํางกนั ซึง่ นาไปใชป๎ ระโยชน์ได๎ตํางกนั มฐ.ว๘.๑ ป. ๒/๑ - ๘ ดวงอาทิตย์ มฐ.ว๗.๑ ดวงอาทติ ย์เปน็ แหลงํ พลงั งานให๎พลังงาน ๗ ๑๐ ป.๒/๑ ความร๎อนและพลงั งานแสง มฐ.ว๘.๑ ๑๑ วิทยาการคานวน ป. ๒/๑ - ๘ มฐ.ว๔.๒ ว. 4.2 เทคโนโลยี (วิทยาการคานวณ) ๑๐ ๑.แสดงลาดับข้นั ตอนตอนการ ๑๐ ๑๐ ทางาน หรือการแกป๎ ัญหาอยํางงําย โดยใช๎ ภาพ สัญลกั ษณ์หรือข๎อความ ๒.เขยี นโปรแกรมอยาํ งงําย โดยใช๎ ซอฟต์แวรห์ รือส่อื และตรวจหาข๎อผดิ พลาด ของโปรแกรม ๓.ใชเ๎ ทคโนโลยีในการสร๎าง จัด หมวดหมํู คน๎ หาจดั เกบ็ เรียกใชข๎ ๎อมลู ตาม วัตถปุ ระสงค์ ๔.ใช๎เทคโนโลยสี ารสนเทศ อยําง ๑๐ ปลอดภัย ปฏิบตั ิตาม ข๎อตกลงในการใช๎ ๑๒๐ คอมพวิ เตอรร์ ํวมกนั ดแู ลรกั ษาอปุ กรณ์ เบอ้ื งต๎น ใช๎งานอยําง เหมาะสม รวมตลอดปี

๒๑๑ รายวิชาวิทยาศาสตร์ คาอธิบายรายวชิ า กลุม่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที่ ๓ รหัสวิชา ว ๑๓๑๐๑ เวลา ๘๐ ชั่วโมง/ปี ศึกษาวิเคราะห์ และอภิปรายลักษณะของส่ิงมีชีวิตใกล๎ตัว ลักษณะที่คล๎ายคลึงกันของพํอ แมํกับลูก การถํายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของพํอ แมํ กับลูกและนาความร๎ูไปใช๎ประโยชน์ สิ่งมีชีวิต บางชนิดท่ีสูญพันธ์ไปแล๎วและดารงพันธ์มาถึงปัจจุบัน สิ่งแวดล๎อมในท๎องถ่ิน ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตกับ สิ่งแวดล๎อม ทรัพยากรธรรมชาติ และการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถ่ิน ปัญหาส่ิงแวดล๎อมในท๎องถ่ิน การใช๎ทรัพยากรธรรมชาติอยํางประหยัดและคุ๎มคํา จาแนกชนิดของวัสดุ สมบัติของวัสดุท่ีเป็นสํวนประกอบ ของเลํนของใช๎และการนาไปใช๎ประโยชน์ ผลของการเปลี่ยนแปลงรูปรํางของวัสดุเมื่อถูกแรงกระทาหรือทา ให๎ร๎อนข้ึนหรือทาให๎เย็นลง ประโยชน์และอันตรายท่ีเกิดจากการเปล่ียนแปลงของวัสดุ ผลของการออกแรง กระทาตํอวัตถุ แรงโน๎มถํวงหรือแรงดึงดูดของโลกการผลิตไฟฟูาจากพลังงานธรรมชาติ ความสาคัญของ พลงั งานไฟฟาู และการใชไ๎ ฟฟูาอยาํ งประหยดั และปลอดภยั สมบัติทางกายภาพของน้าจากแหลํงน้าในท๎องถ่ิน และนาความร๎ูไปใชป๎ ระโยชน์ สํวนประกอบและความสาคัญของอากาศ ผลของการเคลือ่ นทขี่ องอากาศ การขนึ้ - ตก ของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ การเกดิ กลางวัน กลางคืน และการกาหนดทิศ โดยใช๎กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู๎ การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล บนั ทกึ การจัดกลมุํ ขอ๎ มูล และการอภิปรายเพ่อื ใหเ๎ กิดความรู๎ ความคดิ ความเข๎าใจ สามารถนาเสนอส่ือสารส่ิง ท่ีเรียนร๎ู มีความสามารถในการตัดสินใจ เห็นคุณคําของการนาความร๎ูไปใช๎ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน มีจิต วทิ ยาศาสตร์ มีคณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคํานิยมที่เหมาะสม ว๑.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป๓/๓, ป.๓/๔ ว๒.๑ ป.๓/๑ ว๒.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒ , ป.๓/๓ ว๓.๑ ป.๓/๑ , ป.๓/๒ ว๓.๒ ป.๓/๑, ป.๓/๒ ว๔.๑ ป..๓/๑, ป.๓/๒ ว๕.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒ ว๖.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒, ป.๓/๓ ว๗.๑ ป.๓/๑ ว๘.๑ ป.๓/๑, ป.๓/๒ ป.๓/๓, ป.๓/๔ , ป.๓/๕ ,ป.๓/๖, ป.๓/๗ , ป.๓/๘ รวม ๒๘ ตัวช้ีวัด คาอธบิ ายวิทยาการคานวณ

๒๑๒ รายวชิ าวิทยาการคานวณ รหัสวิชา ว ๑๓๑๐๒ กลุม่ สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ ๓ เวลา 40ชั่วโมง ศกึ ษาและฝึกทักษะเกยี่ วกบั การใช้อลั กอริทึมเป็นข้นั ตอนท่ีใชใ้ นการแกป้ ญั หา การแสดง อลั กอริทมึ ทาไดโ้ ดยการเขียน บอกเล่า วาดภาพหรือใชส้ ญั ลักษณ์ การเขียนโปรแกรมเป็นการสรา้ งลาดบั ของ คาสงั่ ให้ คอมพวิ เตอรท์ างาน การตรวจหาขอ้ ผดิ พลาดทาได้โดยตรวจสอบคาส่งั ท่ีแจ้ง ข้อผิดพลาด หรอื หาก ผลลัพธไ์ ม่เปน็ ไปตามที่ต้องการให้ ตรวจสอบการทางานทีละคาสงั่ ซอฟต์แวร์หรอื สือ่ ที่ใชใ้ นการเขยี น เวบ็ เบราวเ์ ซอร์เปน็ โปรแกรมสาหรับอา่ นเอกสารบนเว็บเพจ การสืบค้นขอ้ มูลบนอนิ เตอรเ์ น็ตทาได้โดยใชเ้ ว็บไซต์ สาหรบั สืบค้นและต้องกาหนดคาคน้ ท่ีเหมาะสมจงึ จะได้ข้อมูลตามต้องการ การใช้อนิ เตอร์เนต็ อยา่ งปลอดภัย ควรอยู่ในการดูแลของครู หรือผปู้ กครอง การรวบรวมข้อมูลทาไดโ้ ดยกาหนดหัวข้อทต่ี ้องการ เตรียมอปุ กรณ์ใน การจดบันทึก การประมวลผลอย่างงา่ ย การนาเสนอขอ้ มูลทาไดห้ ลายลกั ษณะตามความเหมาะสม การใช้ซอ้ ฟแวร์ทางานตาวัตถุประสงค์ การใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย ขอความช่วยเหลอื จากครูหรือ ผ้ปู กครองเม่อื เกิดปญั หาจาก การใช้งาน เม่ือพบขอ้ มูลหรือบุคคลทท่ี าใหไ้ มส่ บายใจ การปฏิบัติตามข้อตกลงใน การใช้อนิ เทอรเ์ น็ตจะทาให้ ไมเ่ กดิ ความเสยี หายต่อตนเองและผูอ้ ่ืน ข้อดีและข้อเสยี ในการใชเ้ ทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร ตัวชีว้ ัด ว. 4.2 เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ๑.แสดงอลั กอริทึมในการทางาน หรอื การแกป้ ญั หาอย่างงา่ ย โดยใช้ภาพ สญั ลักษณ์ หรือ ข้อความ ๒.เขียนโปรแกรมอย่างง่าย โดยใชซ้ อฟต์แวร์หรอื สอ่ื และตรวจหาข้อผดิ พลาด ของโปรแกรม ๓.ใชอ้ ินเทอร์เนต็ ค้นหาความรู้ ๔.รวบรวม ประมวลผล และ นาเสนอข้อมูล โดยใช้ ซอฟต์แวรต์ ามวตั ถุประสงค์ ๕.ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ อย่างปลอดภัย ปฏบิ ตั ิ ตามขอ้ ตกลงในการใช้ อินเทอรเ์ น็ต รวมทั้งหมด 5 ตัวชวี้ ัด

๒๑๓ โครงสรา้ งรายวชิ า วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว ๑๓๑๐๑ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที่ ๓ เวลา ๘๐ ชวั่ โมง/ปี ลาดับ ชื่อหน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั หรอื หลักการสาคญั เวลา ที่ การเรยี นรู้ เรยี นร/ู้ (Core concept ) (ชว่ั โมง) ๑ พนั ธกุ รรม ตวั ชวี้ ัด ๒ ส่งิ มชี วี ิตกับ มฐ.ว๑.๒ สง่ิ มีชวี ิตมลี กั ษณะแตกตํางกัน มี ๑๕ สงิ่ แวดล๎อม ป.๓/๑ - ๔ ลักษณะภายนอกคล๎ายคลงึ กับพอํ แมํ ๓ ทรพั ยากรในท๎องถ่ิน มฐ.ว๘.๑ เปน็ การถํายทอดทางพันธกุ รรม ป.๓/๑ - ๘ สามารถนาความร๎ูการถาํ ยทอด ลกั ษณะทางพนั ธกุ รรมมาใช๎ ประโยชนใ์ นการพัฒนาสายพันธุข์ อง พชื และสตั ว์ มฐ.ว๒.๑ สิ่งแวดล๎อมมที ั้งสงิ่ มีชีวติ และ ๕ ป.๓/๑ สง่ิ ไมมํ ชี วี ติ และมีความสัมพันธ์กนั มฐ.ว๘.๑ ส่ิงมชี วี ติ ทไ่ี มํสามารถปรบั ตวั ให๎ข๎ากบั ป.๓/๑ - ๘ สภาพแวดลอ๎ มที่เปล่ยี นแปลงไปได๎ จะสูญพนั ธ์ุ มฐ.ว๒.๒ ทรพั ยากรธรรมชาติมคี วามสาคัญ ๑๓ ป.๓/๑ นามาใชป๎ ระโยชน์ตอํ การดารงชวี ติ ป.๓/๒ กอํ ให๎เกิดปัญหาส่ิงแวดล๎อมใน ป.๓/๓ ทอ๎ งถิ่น มฐ.ว๘.๑ ตอ๎ งชวํ ยกนั ดแู ลรกั ษา ป.๓/๑ - ๘ ใช๎อยาํ งประหยัดและคุ๎มคํา

๒๑๔ ลาดับ ชือ่ หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคัญหรือหลักการสาคัญ เวลา ท่ี การเรียนรู้ เรยี นร/ู้ (Core concept ) (ช่ัวโมง) ตวั ช้วี ดั ๔ ของเลนํ ของใช๎ ๘ มฐ.ว๓.๑ ของเลนํ ของใช๎ ทาจากวัสดุหลาย ป.๓/๑ ชนิดมสี มบัติตาํ งกัน จงึ ใชป๎ ระโยชน์ ป.๓/๒ ได๎ตาํ งกัน มฐ.ว๘.๑ ป.๓/๑ - ๘ ๕ การเปลีย่ นแปลงของ มฐ.ว๓.๒ แรงมากระทา การทาใหร๎ ๎อนขน้ึ หรือ ๘ วัตถุ ป.๓/๑ ทาให๎เย็นลงจะทาใหว๎ สั ดเุ กิดการ ป.๓/๒ เปลยี่ นแปลงรปู รําง มฐ.ว๘.๑ อาจนามาใชป๎ ระโยชน์หรือ ป.๓/๑ - ๘ ทาให๎เกิดอันตรายได๎ ๖ แรงทกี่ ระทาตํอวตั ถุ มฐ.ว๔.๑ การออกแรงกระทาตํอวัตถทุ าใหว๎ ตั ถุ ๗ ป.๓/๑ เปลย่ี นแปลงการเคลื่อนท่ี ป.๓/๒ วตั ถุตกสพูํ ้นื เสมอเนื่องจากแรงโนม๎ มฐ.ว๘.๑ ถํวงของโลก ป.๓/๑ - ๘ ๗ พลังงาน มฐ.ว๕.๑ แหลํงพลงั งานธรรมชาติใชผ๎ ลิตไฟฟาู ๗ ป.๓/๑ แหลํงพลังงาน ป.๓/๒ ทม่ี จี ากัด บางแหลงํ เปน็ พลงั งาน มฐ.ว๘.๑ หมุนเวียน ป.๓/๑ - ๘ พลังงานไฟฟูามีความสาคัญจึงต๎องใช๎ อยาํ งประหยดั และปอดภัย ๘ สมบตั ขิ องน้า มฐ.ว๖.๑ สถานะของนา้ เปน็ ของเหลว 8 ป.๓/๑ ของแข็ง และแกส๏ น้าละลายสาร มฐ.ว๘.๑ บางอยาํ งได๎ เปล่ียนแปลงรูปราํ ง ป.๓/๑ - ๘ ตามภาชนะท่ีบรรจุ รักษาระดบั ในแนวราบ คณุ ภาพของน้า น้ามีความจาเปน็ ตํอชีวติ จงึ ต๎องใชอ๎ ยํางประหยัด

๒๑๕ ลาดับ ชื่อหน่วย มาตรฐานการ สาระสาคัญหรือหลกั การสาคัญ เวลา ท่ี การเรียนรู้ เรยี นรู้/ (Core concept ) (ชว่ั โมง) ๙ อากาศ ตัวชีว้ ดั ๗ ปรากฏการณบ์ น มฐ.ว๖.๑ อากาศประกอบด๎วยแกส๏ ไนโตรเจน ๑๐ ทอ๎ งฟูา ๕ ป.๓/๒ แก๏สออกซเิ จน ๑๑ ว. 4.2 เทคโนโลยี ๖ (วิทยาการคานวณ) มฐ.ว๘.๑ แก๏สคาร์บอนไดออกไซดแ์ ละอ่นื ๆ ๑๐ ๑๐ ป.๓/๑ - ๘ อากาศมีความสาคัญตํอการ ๑๐ ๔ ดารงชีวติ ของสิง่ มชี ีวติ และมี ๑๒๐ ประโยชนใ์ นดา๎ นอนื่ ๆ การเคลื่อนที่ของอากาศ ทม่ี ผี ลจากความแตกตํางของ อุณหภูมิ มฐ.ว๗.๑ โลกหมุนรอบตัวเองทาให๎ ป.๓/๑ เกดิ ปรากฎการณข์ ้ึน ตกของดวง มฐ.ว๘.๑ อาทติ ย์และดวงจนั ทร์ เกิด ป.๓/๑ - ๘ กลางวนั และกลางคืน กาหนด ทิศโดย สงั เกตจากการข้ึนตกของดวง อาทติ ย์ ๑.แสดงอลั กอริทึมในการทางาน หรอื การแกป๎ ัญหาอยํางงําย โดย ใชภ๎ าพ สัญลักษณ์ หรือ ขอ๎ ความ ๒.เขียนโปรแกรมอยํางงาํ ย โดยใช๎ ซอฟตแ์ วรห์ รือส่อื และตรวจหา ข๎อผิดพลาด ของโปรแกรม ๓.ใชอ๎ นิ เทอร์เน็ตค๎นหาความร๎ู ๔.รวบรวม ประมวลผล และ นาเสนอข๎อมลู โดยใช๎ ซอฟต์แวร์ ตามวตั ถปุ ระสงค์ ๕.ใช๎เทคโนโลยีสารสนเทศ อยําง ปลอดภยั ปฏิบัติ ตาม ข๎อตกลงในการใช๎ อินเทอร์เน็ต รวมตลอดปี

๒๑๖ คาอธบิ ายรายวิชา รายวชิ าวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว ๑๔๑๐๑ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที่ ๔ เวลา ๑๒๐ ชั่วโมง/ปี ศึกษา ค๎นคว๎า ทดลอง บรรยายหน๎าที่ของราก ลาต๎น ใบและดอกของพืชพืชดอกและพืชไมํมีดอก จาแนกสิ่งมีชีวิตโดยใช๎ความเหมือน และ ความแตกตํางของลักษณะของส่ิงมีชีวิต ออกเป็นกลํุมพืช กลุํมสัตว์ และกลมุํ ที่ไมใํ ชํพชื และสตั ว์ สตั ว์มกี ระดูกสันหลงั และสัตวไ์ มํมกี ระดูกสันหลงั ลักษณะเฉพาะท่ีสังเกตได๎ของสัตว์ มกี ระดกู สันหลังสถานะของสสารสมบัติทางกายภาพ ความแข็งความยืดหยุํนการนาความร๎อนและการนาไฟฟูา การวัดมวล และปรมิ าตรของสสารท้ัง ๓ สถานะ แรงโน๎มถํวงของโลกที่โลกกระทาตํอวัตถุผลของแรงโน๎มถํวงที่ มีตอํ วตั ถุการวัดน้าหนกั ของวตั ถผุ ลของมวลของวัตถุตํอการเปล่ียนแปลงการเคลื่อนท่ีตัวกลางของแสง และการ จาแนกตัวกลางของแสงการขน้ึ ตกของดวงจนั ทร์การเปล่ียนแปลงรูปรํางปรากฏของดวงจันทร์สร๎างแบบจาลอง องค์ประกอบ ตาแหนํงและลักษณะของดาวตาํ งๆในระบบสุรยิ ะการเกดิ เปน็ ดาวตกหรือผพี งุํ ไตแ๎ ละอุกกาบาต ท้งั น้โี ดยใชเหตุผลเชิงตรรกะในการแก๎ปัญหา การอธิบาย การทางาน การคาดการณ์ผลลัพธ์ออกแบบ และเขียนโปรแกรมอยํางงํายใช๎อินเทอร์เน็ตค๎นหาความร๎ู และประเมิน ความนําเช่ือถือของข๎อมูลรวบรวม ประเมิน นาเสนอขอ๎ มูลและสารสนเทศ โดยใช๎ซอฟต์แวร์ที่หลากหลาย เพ่ือแก๎ปัญหา ในชีวิตประจาวันใช๎ เทคโนโลยีสารสนเทศอยํางปลอดภัย เข๎าใจ สิทธิและหน๎าท่ีของตน เคารพในสิทธิของผ๎ูอื่น แจ๎งผ๎ูเกี่ยวข๎องเมื่อ พบขอ๎ มลู หรือบุคคลที่ ไมํเหมาะสม เพื่อใหเกิดความรูความคิดความเขาใจหลักการ ทฤษฎี และกฎที่เป็นพ้ืนฐานในวิชาวิทยาศาสตร์มี ทกั ษะทส่ี าคญั ในการศกึ ษาค๎นคว๎าและคิดคน๎ ทางเทคโนโลยนี าความรู๎ความเข๎าใจไปใช๎ให๎เกิดประโยชน์ตํอสังคม และการดารงชีวิตพัฒนากระบวนการคิดและจินตนาการ ความสามารถในการแก๎ปัญหาและการจัดการ ทักษะ ในการสื่อสาร และความสามารถในการตัดสินใจมีจิตวิทยาศาสตร์ มีคุณธรรม จริยธรรม และคํานิยมในการใช๎ วิทยาศาสตร์อยํางสรา๎ งสรรค์ วัดผลและประเมินผลตามสภาพจริง ด๎วยวิธีการที่หลากหลายและตํอเนื่อง ได๎แกํ การทดสอบ การ สัมภาษณ์ การตรวจชนิ้ งาน สงั เกตพฤตกิ รมและคณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ พร๎อมทั้งเจตคติในการทางาน ตวั ชีว้ ดั ว ๑.๒ ป.๔/๑ ว ๑.๓ ป.๔/๑, ป.๔/๒,ป.๔/๓, ป.๔/๔ ว ๒.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒,ป.๔/๓, ป.๔/๔ ว ๒.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒,ป.๔/๓ ว ๒.๓ ป.๔/๑ ว ๓.๑ ป.๔/๑, ป.๔/๒,ป.๔/๓ ว ๔.๒ ป.๔/๑, ป.๔/๒,ป.๔/๓, ป.๔/๔, ป.๔/๕ รวมทั้งหมด ๒๑ ตัวช้ีวดั สมรรถนะ ๑ ความสามารถในการสอ่ื สาร ๒ ความสามารถในการแก๎ปญั หา ๓ ความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ ๔ ความสามารถในการใช๎เทคโนโลยี

๒๑๗ ๕ ความสามารถในการใชท๎ ักษะชวี ติ คณุ ลักษณะทีพ่ ึงประสงค์ ๑ รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ๒ ซ่อื สัตย์สุจรติ ๓ มีวนิ ยั ๔ ใฝเุ รียนรู๎ ๕ อยอํู ยํางพอเพียง ๖ มงํุ มน่ั ในการทางาน ๗ รักความเป็นไทย ๘ มีจิตสาธารณะ

๒๑๘ คาอธิบายวิทยาการคานวณ รายวชิ าวิทยาการคานวณ รหสั วิชา ว ๑๔๑๐๒ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๔ เวลา 40ชัว่ โมง ศกึ ษาและฝึกทกั ษะเกยี่ วกบั การใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปัญหา การอธิบายการทางาน หรือการคาดการผลลพั ธ์จากปญั หาอยา่ งง่าย การออกแบบและเขยี นโปรแกรมอย่างง่าย การตรวจหา ข้อผิดพลาดในโปรแกรม การคน้ หาข้อมูลในอินเทอรเ์ นต็ และการใช้คาค้น การประเมนิ ความนา่ เช่ือถือ ของข้อมูล การรวบรวมขอ้ มูล การประมวลผลอยา่ งง่าย การวิเคราะหผ์ ลและสรา้ งทางเลือก การนาเสนอข้อมลู การสื่อสารอยา่ งมีมารยาทและรูก้ าลเทศะ การปกป้องข้อมลู ส่วนตัว ตัวชว้ี ัด ว. 4.2 เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) 1. ใชเ้ หตุผลเชิงตรรกะในการแก้ปญั หา การอธบิ ายการทางาน การคาดการณ์ผลลัพธ์ จากปญั หาอย่างงา่ ย 2. ออกแบบ และเขยี นโปรแกรมอยา่ งง่าย โดยใช้ซอฟต์แวรห์ รอื สือ่ และตรวจหาข้อผิดพลาด และแก้ไข 3. ใช้อนิ เทอร์เนต็ คน้ หาความรู้ และประเมนิ ความน่าเชื่อถือของข้อมลู 4. รวบรวม ประเมิน นาเสนอข้อมลู และสารสนเทศ โดยใช้ซอฟต์แวรท์ ่ีหลากหลาย เพ่ือแก้ปัญหาในชีวิตประจาวนั 5. ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศอยา่ งปลอดภัย เขา้ ใจสิทธแิ ละหน้าทข่ี องตน เคารพในสิทธขิ อง ผู้อ่ืนแจง้ ผเู้ ก่ยี วข้องเม่ือพบข้อมูลหรือบุคคลท่ไี ม่เหมาะสม รวมทั้งหมด 5 ตวั ชว้ี ัด

๒๑๙ โครงสร้างรายวชิ า วิทยาศาสตร์ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว ๑๔๑๐๑ กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที่ ๔ เวลา ๑๒๐ ช่ัวโมง/ปี หนว่ ย ชื่อหน่วยการ มาตรฐานการ สาระการเรียนรู้ เวลา ท่ี เรยี น เรยี นรู้/ตวั ช้วี ัด (ช่วั โมง) วทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ ๑ วทิ ยาศาสตร์ ว ๑.๒ ป.๔/๑ - หน๎าทข่ี องราก ลาต๎น ใบและ ๓๕ ชีวภาพ ว ๑.๓ ป.๔/๑ ดอกของพชื ๗ - ลักษณะของสิง่ มชี ีวิตกลมุํ พืช ป.๔/๒ สตั ว์และไมใํ ชํพืชและสัตว์ ๗ ป.๔/๓ - พชื ดอกและพชื ไมมํ ีดอก ป.๔/๔ - สัตว์มีกระดูกสันหลัง และสัตว์ ๕ ไมมํ ีกระดูกสนั หลัง - ลกั ษณะเฉพาะทีส่ ังเกตได๎ของ ๙ สัตว์มกี ระดูกสันหลงั ๗ ๒ วิทยาศาสตร์ ว ๒.๑ ป.๔/๑ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ ๓๕ กายภาพ ป.๔/๒ - สมบตั ิทางกายภาพ ความแข็ง ๑๒ ป.๔/๓ ความเหนียว ความยืดหยุํน การนา ป.๔/๔ ความรอ๎ นและการนาไฟฟาู ๓ - สถานะของสสาร ๕ ว ๒.๒ ป.๔/๑ - การวดั มวลและปริมาตรของสาร ป.๔/๒ ๓ ป.๔/๓ ท้ัง ๓ สถานะ ๓ ป.๔/๔ - ผลของแรงโน๎มถํวงท่ีมีตอํ วตั ถุ ๓ - การวัดนา้ หนกั ของวัตถุ ว ๒.๓ ป.๔/๑ - ผลของมวลของวัตถุตอํ การ ๖ เปลยี่ นแปลงการเคล่ือนท่ี - ตัวกลางของแสงและการจาแนก ตัวกลางของแส ๓ วทิ ยาศาสตร์ และ ว ๓.๑ ป.๔/๑ วทิ ยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ ๑๐ โลก ป.๔/๒ -แบบรปู การขนึ้ และตกของดวงจันทร์ ๒ ป.๔/๓ - แบบรปู การเปล่ยี นแปลงรูปราํ ง ๓ ปรากฏของดวงจนั ทร์ - องคป์ ระกอบ ตาแหนงํ และ ๕ ลกั ษณะของดาวตาํ งๆในระบบสุริยะ

๒๒๐ หน่วย ชอื่ หน่วยการ มาตรฐานการ สาระการเรยี นรู้ เวลา ที่ เรียน เรยี นรู้/ตัวชว้ี ัด (ช่วั โมง) เทคโนโลยี ๔ เทคโนโลยี ว ๔.๒ - การใช๎เหตผุ ลเชงิ ตรรกะในการ ๔๐ ป.๔/๑ แก๎ปญั หา ๓ - การอธิบายการทางานหรอื การ ๓ ป.๔/๒ คาดการณผ์ ลลัพธ์จากปัญหาอยาํ งงําย ๑๐ ป.๔/๓ - การออกแบบและการเขียนโปรแกรม ๓ อยาํ งงําย ๔ ป.๔/๔ - การตรวจหาข๎อผดิ พลาดในโปรแกรม ๓ - การคน๎ หาข๎อมูลในอินเทอร์เนตและ ๔ ป.๔/๕ การใชค๎ าค๎น ๓ - การประเมินความนําเชอ่ื ถือของ ๓ ๑๑ ว. 4.2 เทคโนโลยี ข๎อมูล ๒ (วิทยาการ - การรวบรวมข๎อมูล ๒ คานวณ) - การประมวลผลอยาํ งงําย ๖ - การวเิ คราะหผ์ ลและสรา๎ งทางเลอื ก การนาเสนอข๎อมูล ๑๐ - การสื่อสารอยาํ งมมี ารยาทและร๎ู กาลเทศะ ๑๐ - การปอู งกนั ข๎อมลู สํวนตัว ๑๐ ๑.แสดงอัลกอริทึมในการทางาน ๔ หรือการแก๎ปญั หาอยาํ งงาํ ย โดยใช๎ ภาพ สญั ลกั ษณ์ หรือ ข๎อความ ๑๒๐ ๒.เขียนโปรแกรมอยํางงําย โดยใช๎ ซอฟตแ์ วรห์ รอื สอ่ื และตรวจหา ข๎อผิดพลาด ของโปรแกรม ๓.ใช๎อนิ เทอรเ์ นต็ คน๎ หาความรู๎ ๔.รวบรวม ประมวลผล และ นาเสนอ ขอ๎ มลู โดยใช๎ ซอฟต์แวร์ตาม วตั ถปุ ระสงค์ ๕.ใช๎เทคโนโลยีสารสนเทศ อยําง ปลอดภยั ปฏบิ ัติ ตามข๎อตกลง ในการใช๎ อินเทอรเ์ น็ต รวม

๒๒๑ สาระที่ ๑ วิทยาศาสตรช์ วี ภาพ มาตรฐาน ว ๑.๒ เข้าใจสมบัติของสิ่งมีชีวิตหน่วยพน้ื ฐานของสิ่งมีชีวิตการลาเลียงสารเข้า และออกจากเซลลค์ วามสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าทขี่ องระบบต่างๆของสตั ว์และมนุษย์ที่ทางาน สมั พนั ธ์กันความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหนา้ ที่ของอวัยวะต่างๆของพชื ที่ทางานสัมพนั ธ์กัน รวมท้ังนา ความรู้ไปใช้ประโยชน์ ชัน้ ตวั ชว้ี ดั สาระการเรยี นรู้ ป.๔ ๑. บรรยายหนา๎ ท่ขี องราก ลาตน๎ • สวํ นตาํ ง ๆ ของพืชดอกทาหนา๎ ทีํแตกตํางกัน ใบ และดอก ของพชื ดอก โดย ไดแ๎ กํ รากลาต๎นใบดอกและสํวนประกอบของดอก ใช๎ขอ๎ มลู ท่รี วบรวมได๎ แตํละสํวนของดอกทาหนา๎ ทีแ่ ตกตํางกนั สาระที่ ๑ วิทยาศาสตร์ชีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๓ เข้าใจกระบวนการและความสาคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรมการเปล่ียนแปลงทางพนั ธุกรรมท่ีมีผลต่อสง่ิ มีชีวิตความหลากหลายทางชีวภาพและววิ ัฒนาการ ของสิ่งมีชวี ติ รวมท้ังนาความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ ช้ัน ตัวช้วี ดั สาระการเรยี นรู้ ป.๔ ๑. จาแนกสิ่งมชี ีวติ โดยใช๎ความ • การจาแนกสิ่งมีชวี ิต โดยใช๎ ความเหมือนและความ เหมือน และ ความแตกตํางของ แตกตาํ งของลกั ษณะตาํ ง ๆเชนํ กลมํุ พืชสรา๎ งอาหาร ลักษณะของสิ่งมีชีวิต ออกเป็น เองได๎ และเคล่ือนทดี่ ว๎ ยตนเองไมํได๎ กลมํุ สตั วก์ ิน กลุํมพืช กลุํมสัตว์ และกลํมุ ที่ สงิ่ มีชวี ติ อื่นเป็นอาหาร และเคลอ่ื นที่ได๎ กลํุมที่ไมํใชํ ไมใํ ชพํ ชื และสัตว์ พชื และสตั ว์ เชํน เหด็ รา จลุ นิ ทรยี ์ ๒. จาแนกพืชออกเป็นพชื ดอก • การจาแนกพชื โดยใชก๎ ารมดี อกเป็นเกณฑ์ ใน และพืชไมํมีดอก โดยใชก๎ ารมี การจาแนก ได๎เป็นพชื ดอกและพืชไมมํ ดี อก ดอกเปน็ เกณฑ์ โดยใช๎ข๎อมลู ที่ รวบรวมได๎ ๓. จาแนกสัตว์ออกเป็นสตั วม์ ีกระดูก • การจาแนกสตั ว์ สามารถใช๎การมีกระดูกสันหลงั เปน็ สันหลงั และ สัตวไ์ มํมีกระดูกสนั เกณฑ์ในการจาแนก ไดเ๎ ป็นสตั ว์มีกระดูกสันหลัง และ หลงั โดยใช๎การมีกระดูกสันหลัง สัตว์ไมมํ กี ระดกู สนั หลงั เปน็ เกณฑ์ โดยใชข๎ อ๎ มลู ท่ีรวบรวม ได๎ ชัน้ ตัวช้วี ัด สาระการเรียนรู้

๒๒๒ ๔. บรรยายลกั ษณะเฉพาะท่ีสังเกตได๎ • สัตวม์ ีกระดูกสนั หลงั มหี ลายกลุํม ได๎แกํ กลมุํ ปลา ของสัตว์ มกี ระดูกสันหลังในกลุมํ กลุํมสัตวส์ ะเทินนา้ สะเทินบก กลุํมสัตว์เลื้อยคลาน ปลา กลมุํ สัตวส์ ะเทนิ น้า สะเทิน กลุํมนก และกลุํมสัตว์เล้ียงลกู ด๎วยน้านม ซ่ึงแตํละกลํุม บก กลมุํ สัตว์เลอ้ื ยคลาน กลมํุ นก จะมีลกั ษณะเฉพาะทส่ี งั เกตได๎ และ กลํุมสตั วเ์ ลี้ยงลกู ดว๎ ยนา้ นม และยกตวั อยําง สง่ิ มชี ีวติ ในแตํละ กลมุํ สาระที่ ๒ วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสารองค์ประกอบของสสารความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติ ของสสารกับโครงสร้างและแรงยึดเหน่ยี วระหว่างอนุภาคหลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะ ของสสาร การเกดิ สารละลายและการเกิดปฏิกริ ยิ าเคมี ชนั้ ตัวชี้วัด สาระการเรยี นรู้ ป.๔ ๑. เปรียบเทียบสมบัตทิ างกายภาพ • สมบัติทางกายภาพทแ่ี ตกตํางกนั ในดา๎ น ความแขง็ ด๎านความแข็ง สภาพยืดหยํุน การ ความเหนียว ความยดื หยุํน การนาความร๎อนและ นาความร๎อน และการนาไฟฟ๎า ของ การนาไฟฟ๎า วัสดุโดยใชห๎ ลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ • การนาสมบัตติ ําง ๆ มาพิจารณาเพอํื ใช๎ใน จาก การทดลองและระบุการนา กระบวนการออกแบบชน้ิ งานเพ่อื ใชป๎ ระโยชน์ ใน สมบตั ิเรอ่ื งความแขง็ สภาพยืดหยุํน ชวี ติ ประจาวัน การนาความร๎อน และการนาไฟฟ๎า ของวัสดไุ ปใชใ๎ นชีวติ ประจาวันผาํ น กระบวนการ ออกแบบช้นิ งาน ๒. แลกเปลย่ี นความคิดกบั ผ๎ูอื่นโดย • การอภิปรายสมบัติทางกายภาพของวสั ดุ การอภปิ ราย เก่ียวกับสมบัตทิ าง กายภาพของวสั ดอุ ยํางมี เหตุผล • ความหมายของสสาร จากการทดลอง • สถานะของสสารท้ัง ๓ สถานะ ๓. เปรยี บเทียบสมบัติของสสารทง้ั ๓ - ของแข็ง ของเหลว แก๏ส สถานะ จาก ข๎อมูลท่ีได๎จากการ สงั เกตมวล การต๎องการที่อยํู • การหามวลของสสาร รูปรํางและปริมาตรของสสาร • การหาปรมิ าตรของสสาร ๔. ใชเ๎ คร่ืองมอื เพอ่ื วัดมวล - ใชส๎ ตู ร กวา๎ ง × ยาว ×สูง และปริมาตร ของสสารทั้ง - การแทนทนี่ ้า ๓ สถานะ

๒๒๓ สาระท่ี ๒วิทยาศาสตร์กายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวันผลของแรงทกี่ ระทาต่อวัตถุ ลักษณะการเคลอ่ื นท่แี บบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทัง้ นาความรู้ไปใช้ประโยชน์ ชน้ั ตัวชวี้ ดั สาระการเรยี นรู้ ป.๔ ๑. ระบผุ ลของแรงโน๎มถํวงทม่ี ีตอํ วัตถุจาก • แรงโน๎มถํวงของโลกที่โลกกระทาตํอ วตั ถุ มีทศิ หลักฐาน เชงิ ประจักษ์ ทางเข๎าสํูศนู ยก์ ลางโลก และเปน็ แรงไมํสมั ผสั แรงดึงดดู ทีโํ ลกกระทากบั วตั ถุหนึํงๆ ทาใหว๎ ตั ถุ ตกลงสูํพ้ืนโลก และทาให๎วตั ถุมีน้าหนัก ๒. ใชเ๎ ครื่องชัง่ สปริงในการวดั นา้ หนักของ • การวดั นา้ หนกั ของวัตถุโดยใชเ๎ คร่ืองชง่ั สปริง วตั ถุ • ความหมายของมวล ๓. บรรยายมวลของวัตถทุ ม่ี ีผลตอํ การ • ผลของมวลตอํ การเปลย่ี นแปลง การเคลอื่ นที่ เปลย่ี นแปลง การเคลื่อนทีข่ องวตั ถจุ าก ของวัตถุ หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ สาระที่ ๒ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลังงานการเปล่ยี นแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหวา่ งสสารและพลงั งานพลังงานในชีวิตประจาวันธรรมชาติของคล่ืนปรากฏการณ์ท่ี เก่ียวข้องกับเสียงแสงและคล่ืนแม่เหล็กไฟฟ้ารวมท้ังนาความรไู้ ปใช้ประโยชน์ ช้ัน ตัวชวี้ ัด สาระการเรยี นรู้ ป.๔ ๑. จาแนกวัตถุเป็นตัวกลางโปรงํ ใส ตัวกลาง • ชนดิ ของตวั กลาง โปรํงแสง และวัตถทุ ึบแสง จากลกั ษณะ • การจาแนกชนิดของตวั กลาง โดยใชก๎ าร การมองเห็นสิ่งตําง ๆ ผาํ นวัตถนุ นั้ เปน็ มองเห็นสิ่งตาํ ง ๆ ผํานวัตถนุ ้ันเป็นเกณฑ์ เกณฑ์ โดยใชห๎ ลักฐานเชิงประจักษ์

๒๒๔ สาระท่ี ๓ วิทยาศาสตรโ์ ลก และอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๑ เข้าใจองค์ประกอบลักษณะกระบวนการเกิดและวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซีดาวฤกษ์และระบบสุริยะรวมทง้ั ปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะท่ีส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตและการ ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอวกาศ ช้นั ตวั ชี้วดั สาระการเรยี นรู้ ป.๔ ๑. อธบิ ายแบบรปู เส๎นทางการขนึ้ และตก • การขึน้ ตกของดวงจันทร์ ของดวงจนั ทร์ โดยใชห๎ ลกั ฐานเชิง • การขึ้นตกของดวงอาทิตย์ ประจกั ษ์ ๒. สร๎างแบบจาลองทอ่ี ธิบายแบบรูป การ • การเกิดข๎างขึน้ ขา๎ งแรม เปลี่ยนแปลงรูปรํางปรากฏของดวงจนั ทร์ และพยากรณ์รปู รํางปรากฏของดวงจนั ทร์ ๓.สร๎างแบบจาลองแสดงองค์ประกอบของ • ระบบสุรยิ ะ ระบบสุริยะ และอธบิ ายเปรียบเทยี บคาบ • องค์ประกอบของระบบสุรยิ ะ การโคจร ของดาวเคราะหต์ ําง ๆ จาก - ดาวเคราะหแ์ ปดดวงและบรวิ าร แบบจาลอง - ดาวเคราะห์แคระ - ดาวเคราะห์นอ๎ ย - ดาวหางและวตั ถขุ นาดเลก็ อืน่ ๆ • การเกดิ เป็นดาวตกหรอื ผีพํุงไต๎และ อุกกาบาต

๒๒๕ สาระท่ี ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๒ เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงอย่างเป็น ขัน้ ตอนและเป็นระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรียนรู้การทางานและการแก้ปัญหา ได้อย่างมีประสิทธิภาพรู้เท่าทันและมีจริยธรรม ช้นั ตวั ชีว้ ดั สาระการเรยี นรู้ ป.๔ ๑. ใช๎เหตผุ ลเชิงตรรกะในการ • การใช๎เหตุผลเชิงตรรกะมาใช๎พิจารณาในการ แกป๎ ัญหา การอธบิ าย การทางาน แก๎ปญั หา การอธิบายการทางาน หรอื การ การคาดการณ์ผลลัพธ์ จากปัญหา คาดการณผ์ ลลพั ธ์ อยํางงาํ ย • สถานะเร่มิ ตน๎ ของการทางานทีแ่ ตกตาํ งกนั จะให๎ ผลลพั ธท์ ่ีแตกตํางกนั • ตัวอยํางปัญหา เชนํ เกม OX โปรแกรมท่มี ี การ คานวณ โปรแกรมท่ีมตี วั ละครหลายตวั และมีการ สัง่ งานทแี่ ตกตาํ งหรือมกี ารสื่อสาร ระหวาํ งกัน การ เดินทางไปโรงเรียน โดยวิธกี าร ตาํ ง ๆ • การสร๎างชน้ิ งาน ตัวอยํางเน้ือหาทีจ่ ะนามาสรา๎ ง ช้นิ งาน ไดแ๎ กํ เน้ือหาใน - สาระวทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ - สาระวทิ ยาศาสตร์กายภาพ - สาระวิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ ๒. ออกแบบ และเขยี นโปรแกรม • การออกแบบโปรแกรมอยํางงําย เชนํ การออกแบบ อยํางงาํ ย โดยใช๎ ซอฟต์แวร์หรอื โดยใช๎ storyboard หรือการออกแบบอลั กอริทึม สอ่ื และตรวจหาข๎อผดิ พลาด • การเขียนโปรแกรม ให๎คอมพวิ เตอรท์ างาน เพื่อให๎ และแก๎ไข ไดผ๎ ลลัพธ์ตาม ความต๎องการ หากมีข๎อผิดพลาดให๎ ตรวจสอบ การทางานทลี ะคาส่ัง เมื่อพบจุดทีท่ า ให๎ผลลพั ธ์ ไมถํ ูกตอ๎ ง ให๎ทาการแก๎ไขจนกวาํ จะได๎ ผลลพั ธ์ ท่ีถูกตอ๎ ง • ตวั อยาํ งโปรแกรมท่ีมีเร่อื งราว เชนํ นทิ านท่มี ี การ โตต๎ อบกบั ผ๎ูใช๎ การ์ตูนส้ัน เลาํ กจิ วัตรประจาวนั ภาพเคลอ่ื นไหว • การฝึกตรวจหาข๎อผิดพลาดจากโปรแกรมของผ๎ูอื่น จะชวํ ยพัฒนาทกั ษะการหาสาเหตุของปัญหาได๎ดี ยงิ่ ข้ึน • ซอฟต์แวร์ที่ใช๎ในการเขียนโปรแกรม เชนํ Scratch, logo • การสรา๎ งชิน้ งาน ตวั อยาํ งเน้ือหาท่ีจะนามาสรา๎ ง ชนิ้ งาน ไดแ๎ กํ เนื้อหาใน - สาระวทิ ยาศาสตรช์ ีวภาพ - สาระวทิ ยาศาสตร์กายภาพ - สาระวทิ ยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ

๒๒๖ ชนั้ ตวั ชว้ี ัด สาระการเรียนรู้ ๓. ใช๎อนิ เทอร์เน็ตค๎นหาความร๎ู • การใชค๎ าคน๎ ทีต่ รงประเดน็ กระชบั จะทาใหไ๎ ด๎ และประเมิน ความนาํ เช่อื ถอื ผลลัพธ์ทร่ี วดเรว็ และตรงตามความตอ๎ งการ ของขอ๎ มลู • การประเมินความนําเชอ่ื ถือของขอ๎ มูล เชนํ พิจารณาประเภทของเว็บไซต์ (หนํวยงานราชการ สานกั ขําว องคก์ ร) ผู๎เขียน วันทเี่ ผยแพรขํ ๎อมูล การ อา๎ งองิ • เมือ่ ได๎ขอ๎ มูลทีต่ ๎องการจากเว็บไซต์ตาํ ง ๆ จะต๎อง นาเนอ้ื หามาพิจารณา เปรียบเทยี บ แล๎วเลือก ข๎อมูลที่มคี วามสอดคล๎องและสัมพนั ธ์กัน • การทารายงานหรือการนาเสนอข๎อมูลจะต๎อง นา ขอ๎ มลู มาเรียบเรียง สรุป เป็นภาษาของตนเอง ที่ เหมาะสมกับกลมํุ เปูาหมายและวธิ กี ารนาเสนอ (บูรณาการกบั วชิ าภาษาไทย) ๔. รวบรวม ประเมนิ นาเสนอขอ๎ มลู • การรวบรวมขอ๎ มลู ทาได๎โดยกาหนดหัวข๎อ ที่ และสารสนเทศ โดยใช๎ซอฟต์แวร์ที่ ตอ๎ งการ เตรยี มอุปกรณ์ในการจดบันทกึ หลากหลาย เพอื่ แก๎ปญั หา ใน • การประมวลผลอยาํ งงาํ ย เชํน เปรียบเทียบ ชีวติ ประจาวนั จดั กลํุม เรียงลาดบั การหาผลรวม • วเิ คราะหผ์ ลและสร๎างทางเลือกทเ่ี ปน็ ไปได๎ ประเมินทางเลือก (เปรยี บเทียบ ตัดสิน) • การนาเสนอข๎อมลู ทาได๎หลายลกั ษณะตามความ เหมาะสม เชนํ การบอกเลํา เอกสารรายงาน โปสเตอร์ โปรแกรมนาเสนอ • การใชซ๎ อฟต์แวร์เพ่ือแกป๎ ัญหาใน ชวี ติ ประจาวัน เชํน การสารวจเมนูอาหาร กลางวันโดยใช๎ ซอฟต์แวร์สรา๎ งแบบสอบถาม และเกบ็ ข๎อมลู ใช๎ ซอฟต์แวร์ตารางทางานเพ่ือ ประมวลผลขอ๎ มลู รวบรวมข๎อมลู เกยี่ วกับ คณุ คาํ ทางโภชนาการและ สร๎างรายการ อาหารสาหรบั ๕ วนั ใชซ๎ อฟต์แวร์ นาเสนอผล การสารวจรายการอาหารทเ่ี ป็น ทางเลอื กและ ข๎อมลู ด๎านโภชนาการ • การสร๎างช้ินงาน ตวั อยาํ งเน้ือหาที่จะนามาสร๎าง ชิ้นงาน ได๎แกํ เนื้อหาใน - สาระวิทยาศาสตรช์ วี ภาพ - สาระวทิ ยาศาสตร์กายภาพ - สาระวทิ ยาศาสตร์โลกและอวกาศ

๒๒๗ ๕. ใชเ๎ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยาํ ง • การใช๎เทคโนโลยสี ารสนเทศอยํางปลอดภยั เขา๎ ใจ ปลอดภัย เข๎าใจ สิทธิและหน๎าท่ี สทิ ธแิ ละหน๎าทีข่ องตน เคารพในสทิ ธขิ องผู๎อนื่ ของตน เคารพในสทิ ธขิ องผู๎อื่น • การสื่อสารอยาํ งมมี ารยาทและรกู๎ าลเทศะ แจง๎ ผ๎ูเก่ยี วข๎องเม่ือพบข๎อมลู หรือ • การปกปูองข๎อมลู สวํ นตัว เชนํ การออกจากระบบ บุคคลที่ ไมํเหมาะสม เมือ่ เลกิ ใชง๎ าน ไมบํ อกรหัสผําน ไมบํ อกเลข ประจาตวั ประชาชน ป.๕ ๑. ใชเ๎ หตผุ ลเชิงตรรกะในการ •การใช๎เหตผุ ลเชิงตรรกะเปน็ การนากฎเกณฑ์ หรือ แก๎ปญั หา การอธิบาย การทางาน เง่อื นไขท่ีครอบคลุมทุกกรณีมาใช๎พจิ ารณาในการ การคาดการณผ์ ลลพั ธ์ จากปัญหา แกป๎ ัญหา การอธบิ ายการทางาน หรอื การ อยํางงาํ ย คาดการณ์ ผลลัพธ์ •สถานะเร่มิ ตน๎ ของการทางานทแ่ี ตกตํางกนั จะให๎ ผลลพั ธ์ที่แตกตํางกนั •ตวั อยาํ งปญั หา เชนํ เกม Sudoku โปรแกรม ทานายตวั เลข โปรแกรมสร๎างรปู เรขาคณติ ตามคํา ขอ๎ มลู เข๎า การจัดลาดบั การทางานบา๎ น ในชํวง วนั หยุด จัดวางของในครวั ๒ .ออกแบบ และเขียนโปรแกรมท่ีมี • การออกแบบโปรแกรมสามารถทาได๎โดยเขยี น การใช๎เหตุผล เชงิ ตรรกะอยํางงําย เปน็ ขอ๎ ความหรอื ผงั งาน ตรวจหาข๎อผดิ พลาด และแก๎ไข • การออกแบบและเขียนโปรแกรมท่ีมีการตรวจสอบ เง่ือนไขที่ครอบคลุมทุกกรณีเพอื่ ให๎ไดผ๎ ลลัพธ์ที่ถกู ต๎อง ตรงตามความต๎องการ • หากมขี ๎อผดิ พลาดให๎ตรวจสอบการทางาน ทลี ะ คาสั่ง เมอ่ื พบจดุ ท่ที าใหผ๎ ลลพั ธ์ไมํถูกต๎อง ให๎ทาการ แก๎ไขจนกวาํ จะไดผ๎ ลลพั ธ์ที่ถูกตอ๎ ง • การฝึกตรวจหาขอ๎ ผิดพลาดจากโปรแกรมของ ผ๎อู ่นื จะชํวยพัฒนาทักษะการหาสาเหตขุ อง ปัญหาได๎ ดียง่ิ ขนึ้ • ตัวอยาํ งโปรแกรม เชํน โปรแกรมตรวจสอบเลขคํู เลขค่ี โปรแกรมรับข๎อมลู นา้ หนักหรือสวํ นสงู แลว๎ แสดงผลความสมสํวนของราํ งกาย โปรแกรม ส่งั ใหต๎ ัว ละครทาตามเงื่อนไขที่กาหนด • ซอฟต์แวร์ทใ่ี ช๎ในการเขียนโปรแกรม เชํน Scratch, logo ๓.ใชอ๎ นิ เทอร์เนต็ ค๎นหาข๎อมูล • การค๎นหาข๎อมลู ในอินเทอร์เนต็ และการพจิ ารณา ติดตํอส่ือสาร และทางานรํวมกัน ผลการค๎นหา ประเมนิ ความนาํ เชื่อถือของข๎อมูล • การติดตอํ ส่ือสารผํานอินเทอรเ์ น็ต เชํน อีเมล บลอ็ กโปรแกรมสนทนา • การเขียนจดหมาย (บูรณาการกับวชิ าภาษาไทย)

๒๒๘ • การใชอ๎ ินเทอรเ์ น็ตในการตดิ ตอํ สอื่ สารและทางาน รวํ มกนั เชนํ ใช๎นัดหมายในการประชุมกลุํม ประชาสมั พันธ์กิจกรรมในห๎องเรยี น การแลกเปลีย่ น ความรู๎ ความคิดเห็นในการเรียน ภายใตก๎ ารดูแล ของ ครู • การประเมินความนาํ เชื่อถอื ของข๎อมลู เชํน เปรยี บเทยี บความสอดคล๎อง สมบรู ณ์ของข๎อมูล จาก หลายแหลํง แหลงํ ต๎นตอของข๎อมลู ผเู๎ ขียน วันท่ี เผยแพรขํ ๎อมูล • ขอ๎ มูลทด่ี ีต๎องมีรายละเอยี ดครบทุกดา๎ น เชํน ข๎อดี และข๎อเสีย ประโยชนแ์ ละโทษ ๔. ใช๎เทคโนโลยีสารสนเทศอยําง • อนั ตรายจากการใชง๎ านและอาชญากรรม ทาง ปลอดภัย มมี ารยาท เขา๎ ใจสทิ ธแิ ละ อินเทอร์เนต็ หนา๎ ทข่ี องตน เคารพในสิทธิของ ผ๎อู ื่น • มารยาทในการติดตํอส่ือสารผํานอินเทอร์เน็ต แจง๎ ผู๎เก่ียวข๎องเม่ือพบข๎อมลู หรือบุคคล (บรู ณาการกบั วิชาท่เี กยี่ วข๎อง) ท่ไี มํเหมาะสม ๕. ใช๎เทคโนโลยสี ารสนเทศอยาํ ง • การใชเ๎ ทคโนโลยีสารสนเทศอยาํ งปลอดภยั เขา๎ ใจ ปลอดภัย เขา๎ ใจ สิทธิและหน๎าที่ สิทธแิ ละหนา๎ ทข่ี องตน เคารพในสิทธขิ องผู๎อื่น ของตน เคารพในสทิ ธขิ องผู๎อื่น • การส่ือสารอยํางมมี ารยาทและร๎กู าลเทศะ แจง๎ ผเ๎ู ก่ียวข๎องเมอ่ื พบข๎อมูลหรอื • การปกปอู งข๎อมลู สํวนตวั เชนํ การออกจากระบบ บคุ คลท่ี ไมเํ หมาะสม เมือ่ เลกิ ใช๎งาน ไมบํ อกรหัสผําน ไมํบอกเลข ประจาตัวประชาชน

๒๒๙ คาอธิบายรายวิชา รายวชิ าวิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว ๑๕๑๐๑ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที่ ๕ เวลา ๘๐ ชัว่ โมง/ปี การศกึ ษาวิเคราะหเ์ ก่ยี วกับ สวํ นประกอบของดอก โครงสรา๎ งของดอก การสบื พันธ์ุ การขยายพนั ธุข์ องพชื ดอก วฎั จกั รชวี ติ ของพืชดอก จาแนกพชื ดอก จาแนกพืชไมํมีดอก ลักษณะของพืชใบ เล้ียงเดี่ยว ลกั ษณะของพืชใบเล้ยี งคูํ การสืบพนั ธ์ุของสตั ว์ การขยายพนั ธ์ขุ องสัตว์ วัฎจักรชวี ติ ของสตั ว์ การจาแนกสัตว์โดยใช๎ลักษณะภายในและลักษณะภายนอก การสารวจลักษณะของคนในครอบครัว การ เปรียบเทียบ การถํายทอดลักษณะทางพันธุกรรมของส่ิงมีชีวิต คุณสมบัติของวัสดุเก่ียวกับความยืดหยํุน ความแข็ง ความเหนียว การนาความร๎อน การนาไฟฟูา ความหนาแนํน การสืบค๎นข๎อมูล การอภิปราย การนาวสั ดุไปใชใ๎ นชวี ติ ประจาวัน การหาแรงลัพธ์ของแรงสองแรงท่ีกระทาตํอวัตถุ ความดันอากาศ ความดัน อากาศของของเหลว แรงพยุงของของเหลว การลอยตัวของวัตถุ การจมของวัตถุ แรงเสียดทาน การเกิด เสียง การเคลื่อนที่ของเสียง การเกิดเสียงสูงเสียงต่า เสียง ดังเสียงคํอย อันตรายที่เกิดจากเสียงดังมากๆ การเกิดเมฆ หมอก น้าค๎าง ฝน และลูกเห็บ การเกิดวัฎจักรของน้า การออกแบบสร๎างเครื่องมือใช๎วัด อุณหภูมิความชื้น และความกดอากาศ การเกิดลม การเกิดทิศ ปรากฏการณ์การข้ึน การตกของดวงดาว การใช๎แผนที่โดยใช๎กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ สืบเสาะหาความร๎ู การสารวจตรวจสอบการสืบค๎นข๎อมูล บันทึก จัดกลุํมข๎อมูล การอภิปรายเพ่ือให๎เกิดความร๎ู ความคิด ความเข๎าใจสามารถนาเสนอส่ือสารส่ิงที่ เรียนรู๎ มีความสามารถในการตัดสินใจ เห็นคุณคําของการนาไปใช๎ประโยชน์ ในชีวิตประจาวัน มีจิต วทิ ยาศาสตร์ คุณธรรมจริยธรรม และคาํ นยิ มทีเ่ หมาะสม การวดั ผลและการประเมินผล ใช๎วธิ ีการประเมนิ ผลตามสภาพจรงิ ในด๎านความรู๎ คุณธรรม และ ทกั ษะทต่ี ๎องการวัด การสังเกตพฤติกรรมในการปฏิบัติกจิ กรรม สมั ภาษณ์ การสอบถาม การประเมนิ ผลงาน แฟูมสะสมงานของนักเรียน รหสั ตวั ช้ีวัด ว.๑.๑ ป๕/๑, ป๕/๒, ป๕/๓, ป๕/๔, ป๕/๕ ว.๑.๒ ป๕/๑ ป๕/๒, ป๕/๓, ป๕/๔, ป๕/๕ ว.๓.๑ ป๕/๑, ป๕/๒ ว.๔.๑ ป๕/๑, ป๕/๒, ป๕/๒, ป๕/๔ ว.๔.๒ ป ๕/๑ ว.๕.๑ ป๕/๑, ป๕/๒, ป๕/๓, ป๕/๔ ว.๖.๑ ป๕/๑ ป๕/๒, ป๕/๓, ป๕/๔ ว.๗.๑ ป ๕/๑ ว. ๘.๑ ป๕/๑, ป๕/๒ ป๕/๓, ป๕/๔, ป๕/๕, ป๕/๖, ป๕/๗, ป๕/๘ รวม ๓๔ ตัวชี้วัด

๒๓๐ คาอธบิ ายวิทยาการคานวณ รายวิชาวิทยาการคานวณ รหัสวิชา ว ๑๕๑๐๒ กลุม่ สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๕ เวลา 40ชว่ั โมง ศกึ ษาและฝึกทักษะเกี่ยวกบั การใชเ๎ หตผุ ลเชิงตรรกะในการแกป๎ ญั หา การอธิบายการทางาน หรอื การคาดการผลลัพธจ์ ากปญั หาอยาํ งงําย การออกแบบและเขียนโปรแกรมอยํางงาํ ย การตรวจหา ข๎อผดิ พลาดในโปรแกรม การค๎นหาขอ๎ มูลในอินเทอรเ์ น็ตและการใช๎คาคน๎ การประเมนิ ความนาํ เชอ่ื ถือ ของขอ๎ มูล การรวบรวมขอ๎ มูล การประมวลผลอยาํ งงําย การวเิ คราะห์ผลและสร๎างทางเลือก การนาเสนอข๎อมูล การส่อื สารอยํางมมี ารยาทและรู๎กาลเทศะ การปกปูองข๎อมูลสวํ นตวั ตวั ชวี้ ัด ว. ๔.๒ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ๑.ใชเ๎ หตผุ ลเชิงตรรกะในการแกป๎ ัญหา การอธบิ าย การทางาน การคาดการณ์ ผลลพั ธ์ จากปัญหาอยํางงาํ ย ๒.ออกแบบและเขียนโปรแกรม ท่ีมกี ารใช๎เหตุผลเชิงตรรกะ อยาํ งงําย ตรวจหา ขอ๎ ผิดพลาด และแก๎ไข ๓.ใช๎อนิ เทอรเ์ นต็ ค๎นหาข๎อมลู ติดตํอส่ือสารและทางาน รวํ มกัน ประเมินความ นาํ เช่อื ถอื ของข๎อมลู ๔.รวบรวม ประเมนิ นาเสนอ ข๎อมลู และสารสนเทศตามวตั ถุประสงคโ์ ดยใช๎ ซอฟต์แวร์ หรือบรกิ ารบน อินเทอร์เน็ตที่หลากหลาย เพื่อแกป๎ ัญหาในชีวติ ประจาวนั ๕.ใชเ๎ ทคโนโลยสี ารสนเทศ อยาํ งปลอดภัย มีมารยาทเขา๎ ใจสิทธแิ ละหนา๎ ทีข่ องตน เคารพ ในสทิ ธขิ องผู๎อ่ืน แจง๎ ผ๎เู กยี่ วข๎องเมื่อพบขอ๎ มูล หรอื บคุ คลท่ีไมเํ หมาะสม

๒๓๑ โครงสร้างรายวิชา วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว ๑๕๑๐๑ กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปที่ ๕ เวลา ๘๐ ช่วั โมง/ปี ลาดั ช่อื หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั หรอื หลักการสาคัญ เวลา บ การเรียนรู้ เรยี นรู้/ (Core concept) ช่วั โมง ที่ ตัวช้วี ัด สิ่งท่มี ชี ีวิตเมอื่ เจริญเตบิ โตจะมีการสืบพันธ์ุ ๑๐ ๑ การสืบพนั ธข์ุ องพืช มฐ ว.๑.๑ ทาใหเ๎ กดิ การถาํ ยทอดลักษณะทางพนั ธุกรรม ป ๕/๑ - ๓ จากบรรพบุรุษไปสํูลูกหลาน สามารถ มฐ. ว ๘.๑ ขยายพันธุ์พชื และสตั ว์ไดท๎ ้ังแบบอาศยั เพศ ป ๕/๑ - ๘ แบบไมํอาศัยเพศตามวฎั จกั รชีวิตของพชื และ สตั ว์ การจาแนกพืชดอก พชื ไมํมดี อก พืชใบ เล้ยี งเด่ยี ว พืชใบเลีย้ งคูํ การจาแนกสัตว์ เปน็ สัตว์มกี ระดูกสนั หลงั สตั วไ์ มมํ กี ระดูกสนั หลงั สตั ว์คร่งึ น้า ครง่ึ บก สตั วเ์ ลอ้ื ยคลาน สัตว์ปกี สตั วเ์ ลีย้ งลูกดว๎ ยนา้ นม ๒ การสืบพันธ์ุของสตั ว์ มฐ ว.๑.๑ สิง่ แวดลอ๎ มมีท้ังสิง่ มีชวี ิตและส่งิ ไมมํ ชี ีวิต ๖ ป ๕/๔ - ๕ และมคี วามสมั พันธ์กนั มฐ. ว ๘.๑ สงิ่ มีชวี ติ ทไี่ มํสามารถปรบั ตวั ให๎ข๎ากบั ป ๕/๑ - ๘ สภาพแวดลอ๎ มทเ่ี ปล่ียนแปลงไปได๎จะสูญพนั ธุ์ ๓ พนั ธกุ รรม มฐ ว.๑.๒ สง่ิ มชี วี ติ มีลกั ษณะแตกตํางกัน มลี กั ษณะ ๖ ป ๕/๑ - ๒ ภายนอกคลา๎ ยคลงึ กบั พํอแมเํ ปน็ การถํายทอด มฐ. ว ๘.๑ ทางพันธุกรรม สามารถนาความรก๎ู าร ป ๕/๑ - ๘ ถาํ ยทอดลักษณะทางพนั ธกุ รรมมาใช๎ ประโยชนใ์ นการพฒั นาสายพันธข์ุ องพืชและ สตั ว์

๒๓๒ ลาดั ชือ่ หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั หรือ หลักการสาคัญ เวลา บ การเรยี นรู้ เรยี นรู/้ (Core concept) ช่ัวโมง ที่ ตัวชวี้ ดั ๑๐ ๔ การจาแนกพืชและ มฐ ว.๑.๒ ส่งิ มชี วี ติ มีลกั ษณะแตกตํางกัน มีลักษณะ ๖ ๑๕ สัตว์ ป ๕/๓ - ๕ ภายนอกคลา๎ ยคลึงกบั พํอแมเํ ปน็ การถาํ ยทอด ๑๒ มฐ. ว ๘.๑ ทางพันธกุ รรม สามารถนาความรูก๎ าร ป ๕/๑ - ๘ ถํายทอดลักษณะทางพันธกุ รรมมาใช๎ ประโยชนใ์ นการพฒั นาสายพันธข์ุ องพชื และ สัตว์ ๕ สมบตั ขิ องวัตถุ มฐ ว.๓.๑ ความยืดหยนํุ ความแข็ง ความเหนยี ว การ ๖ แรงและความดัน ป ๕/๑ - ๒ นาความร๎อน การนาไฟฟูา ความหนาแนํน มฐ. ว ๘.๑ เป็นสมบตั ิของวสั ดุน้นั ๆ ป ๕/๑ - ๘ มฐ ว.๔.๑ แรงลพั ธ์ของแรงสองแรงที่กระทาตํอวตั ถุ ป ๕/๑ – ๔ แรงท้งั สองอยใํู นแนวเดียวกนั เทํากบั ผลรวม ว.๔.๒ ของแรงท้งั สอง ความดนั อากาศมแี รงกระทา ป ๕/๑ ตอํ วตั ถุ ความดันของของเหลวมี มฐ. ว ๘.๑ ความสมั พันธก์ ับความลกึ มีแรงกระทาตอํ ป ๕/๑ - ๘ วัตถุทกุ ทิศทุกทางทขี่ องเหลวกระทาต้ังฉาก ของเหลวมีแรงพยงุ กระทาตํอวัตถุ แรง เสียดทานเป็นแรงต๎านการเคลือ่ นท่ีของวตั ถุ ๗ เสยี ง มฐ ว.๕.๑ เสยี ง แหลํงกาเนิดของเสยี ง การเคล่ือนที่ ป ๕/๑ – ๔ ของเสยี ง ต๎องอาศัยตัวกลาง ความถี่ตา่ จะเกิด มฐ. ว ๘.๑ เสยี งต่า ความสูงจะเกดิ เสยี งสงู เสยี งดัง ป ๕/๑ - ๘ เสียงคอํ ย เสียงดังมากจะเปน็ อันตรายเป็น มลพษิ ทางสยี ง ๘ วฎั จักรของน้า มฐ ว.๖.๑ การเกิดหมอก เมฆ ฝน วัฏจักรของนา้ ๖ ป ๕/๑ – ๒ อุณหภูมิ ความช้นื ความกดอากาศ มฐ. ว ๘.๑ การเกิดลม มวลอากาศจะจมตวั ลงและ ป ๕/๑ - ๘ เคล่ือนท่ีไปแทนที่

๒๓๓ ลาดั ชือ่ หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคญั หรอื หลกั การสาคัญ เวลา บ การเรยี นรู้ เรยี นรู้/ (Core concept) ชว่ั โมง ท่ี ตวั ช้ีวัด อากาศประกอบดว๎ ยแก๏สไนโตรเจน แก๏ส ๖ ๙ ความกดอากาศ มฐ ว.๖.๑ ออกซเิ จนแกส๏ คารบ์ อนไดออกไซด์และอนื่ ๆ ป ๕/๓ – ๔ อากาศมีความสาคญั ตํอการดารงชวี ิตของ ๔ ๑๐ ปรากฏการณ์บน มฐ. ว ๘.๑ สิ่งมชี วี ติ และมปี ระโยชนใ์ นด๎านอน่ื ๆ ทอ๎ งฟูา ป ๕/๑ - ๘ การเคลอ่ื นท่ีของอากาศท่มี ีผลจากความ แตกตาํ งของอุณหภูมิ มฐ ว.๗.๑ โลกหมุนรอบตวั เองทาให๎เกิดทิศ ป ๕/๑ ดวงดาว แผนทด่ี าว มฐ. ว ๘.๑ โลกหมนุ รอบตวั เองทาใหเ๎ กิดปรากฎการณ์ขึ้น ป ๕/๑ - ๘ ตกของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เกิด กลางวันและกลางคืน กาหนดทศิ โดย สงั เกตจากการขึ้นตกของดวงอาทิตย์ ๑๑ ว. ๔.๒ เทคโนโลยี ๑.แสดงอัลกอริทึมในการทางาน ๖ (วทิ ยาการคานวณ) หรือการแก๎ปัญหาอยํางงาํ ย โดยใช๎ ภาพ สญั ลกั ษณ์ หรือ ขอ๎ ความ ๑๐ ๒.เขียนโปรแกรมอยาํ งงําย โดยใชซ๎ อฟต์แวร์ ๑๐ หรอื สอื่ และตรวจหาข๎อผดิ พลาด ของ ๑๐ โปรแกรม ๔ ๓.ใชอ๎ นิ เทอรเ์ นต็ ค๎นหาความร๎ู ๔.รวบรวม ประมวลผล และ นาเสนอข๎อมูล โดยใช๎ ซอฟตแ์ วรต์ ามวตั ถปุ ระสงค์ ๕.ใชเ๎ ทคโนโลยสี ารสนเทศ อยาํ งปลอดภัย ปฏบิ ัติ ตามขอ๎ ตกลงในการใช๎ อนิ เทอรเ์ นต็ รวมตลอดปี ๘๐

๒๓๔ คาอธิบายรายวิชา รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว ๑๖๑๐๑ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที่ ๖ เวลา ๘๐ ชว่ั โมง/ปี ศึกษาวิเคราะห์ และอธิบายการเจริญเติบโตของมนุษย์จากวัยแรกเกิดจนถึงวัยผู๎ใหญํ การทางานที่ สัมพนั ธก์ นั ของระบบยํอยอาหาร ระบบหายใจ และระบบหมุนเวียนเลือดของมนุษย์ สารอาหารและความ จาเปน็ ทรี่ าํ งกายไดร๎ บั สารอาหารในสดั สวํ นทเี่ หมาะสมกับเพศและวยั ความสมั พนั ธข์ องกลํมุ ส่ิงมชี วี ิตในแหลํงท่ี อยํูตํางๆความสัมพันธ์ของส่ิงมีชีวิตกับส่ิงมีชีวิตในรูปของหํวงโซํอาหารและสายใยอาหาร ความสัมพันธ์ ระหวํางการดารงชีวิตของสิ่งมีชีวิตกับสภาพแวดล๎อมทรัพยากรธรรมชาติในท๎องถ่ินท่ีเป็นประโยชน์ตํอการ ดารงชีวิตผลของการเพิ่มขึน้ ของประชากรมนุษยต์ ํอการใชท๎ รพั ยากรธรรมชาติ การเปล่ียนแปลงของสิ่งแวดล๎อมที่เกิดจากการกระทาของธรรมชาติและมนุษย์ การดูแลรักษา ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล๎อมในท๎องถ่ินสมบัติของแข็ง ของเหลว และแก๏ส การจาแนกสารโดยใช๎ สถานะหรือสมบัติอื่นเป็นเกณฑ์ การแยกสารโดยการรํอน การตกตะกอน การกรอง การระเหิด การ ระเหยแห๎ง จาแนกสารท่ีใช๎ในชีวิตประจาวันโดยใช๎สมบัติและการใช๎ประโยชน์ การเลือกใช๎สารได๎อยําง ถกู ตอ๎ งปลอดภยั สมบตั ิของสาร การเปล่ียนแปลงทางเคมีของสารทาใหเ๎ กดิ สารใหมํ การเปล่ียนแปลงของ สารท่ีมีผลตํอสิ่งมีชีวิตและส่ิงแวดล๎อม การตํอวงจรไฟฟูาอยํางงําย ตัวนาไฟฟูา ฉนวนไฟฟูา การตํอ เซลล์ไฟฟูาแบบอนุกรมและนาความร๎ูไปใช๎ประโยชน์ การตํอหลอดไฟฟูาแบบอนุกรม แบบขนาน และนา ความรู๎ไปใช๎ประโยชน์ การเกิดสนามแมํเหล็กรอบสายไฟท่ีมีกระแสไฟฟูาไหลผํานและนาความร๎ูไปใช๎ ประโยชน์ จาแนกหินตามลักษณะที่สังเกต ลักษณะการเกิด สมบัติของหิน และนาความรู๎ไปใช๎ ประโยชน์ การเปล่ียนแปลงของหิน ธรณีพิบัติที่มีผลตํอมนุษย์และสภาพแวดล๎อม ในท๎องถิ่นการเกิดฤดู ข๎างขึ้น ข๎างแรม สุริยุปราคา จันทรุปราคา และนาความร๎ูไปใช๎ประโยชน์ ความก๎าวหน๎าและประโยชน์ ของเทคโนโลยอี วกาศ โดยใช๎กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู๎ การสารวจตรวจสอบ การสืบค๎นข๎อมูล บันทกึ การจัดกลมํุ ข๎อมูล และการอภปิ รายเพอ่ื ใหเ๎ กิดความร๎ู ความคิด ความเข๎าใจ สามารถนาเสนอส่ือสารสิ่ง ท่ีเรียนร๎ู มีความสามารถในการตัดสินใจ เห็นคุณคําของการนาความร๎ูไปใช๎ประโยชน์ในชีวิตประจาวัน มีจิต วิทยาศาสตร์ มคี ุณธรรม จริยธรรม และคํานิยมทีเ่ หมาะสม รหัสตัวชี้วดั ว๑.๑ ป๖/๑, ป๖/๒, ป๖/๓, ว๒.๑ ป๖/๑, ป๖/๒, ป๖/๓ ว ๒.๒ ป๖/๑, ป๖/๒, ป๖/๓, ป๖/๔ , ป๖/๕ ว๓.๑ ป๖/๑, ป๖/๒, ป๖/๓, ป๖/๔ , ป๖/๕ ว๓.๒ ป๖/๑, ป๖/๒, ป๖/๓, ว๕.๑ ป๖/๑, ป๖/๒, ป๖/๓ ป ๖/๔, ป ๖/๕ ว๖.๑ป๖/๑, ป๖/๒, ป๖/๓ ว๗.๑ ป๖/๑ ว๗.๒ ป๖/๑ ว๘.๑ ป๖/๑, ป๖/๒, ป๖/๓, ป๖/๔ , ป๖/๕, ป๖/๖, ป๖/๗ , ป๖/๘ รวม ๓๔ ตัวชีว้ ัด

๒๓๕ คาอธบิ ายวิทยาการคานวณ รายวิชาวิทยาการคานวณ รหัสวิชา ว ๑๖๑๐๒ กล่มุ สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ี่ ๖ เวลา 40ช่ัวโมง ศกึ ษาและฝึกทักษะเกี่ยวกบั การใชเ๎ หตผุ ลเชิงตรรกะในการแกป๎ ญั หา การอธิบายการทางาน หรอื การคาดการผลลัพธจ์ ากปญั หาอยํางงําย การออกแบบและเขียนโปรแกรมอยํางงาํ ย การตรวจหา ข๎อผดิ พลาดในโปรแกรม การค๎นหาข๎อมูลในอินเทอรเ์ น็ตและการใช๎คาคน๎ การประเมินความนาํ เชื่อถือ ของขอ๎ มูล การรวบรวมขอ๎ มูล การประมวลผลอยาํ งงําย การวเิ คราะห์ผลและสรา๎ งทางเลือก การนาเสนอข๎อมลู การส่ือสารอยํางมมี ารยาทและรู๎กาลเทศะ การปกปูองข๎อมูลสวํ นตวั ตวั ชวี้ ัด ว. ๔.๒ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ๑.ใชเ๎ หตผุ ลเชงิ ตรรกะในการแกป๎ ัญหา การอธบิ าย การทางาน การคาดการณ์ ผลลพั ธ์ จากปัญหาอยํางงาํ ย ๒.ออกแบบและเขียนโปรแกรม ท่ีมกี ารใช๎เหตุผลเชิงตรรกะ อยํางงําย ตรวจหา ขอ๎ ผิดพลาด และแก๎ไข ๓.ใช๎อนิ เทอรเ์ น็ตค๎นหาข๎อมลู ติดตํอส่ือสารและทางาน รวํ มกนั ประเมนิ ความ นาํ เช่อื ถอื ของข๎อมลู ๔.รวบรวม ประเมนิ นาเสนอ ข๎อมลู และสารสนเทศตามวตั ถุประสงค์โดยใช๎ ซอฟต์แวร์ หรือบรกิ ารบน อินเทอร์เน็ตที่หลากหลาย เพื่อแกป๎ ัญหาในชีวติ ประจาวัน ๕.ใชเ๎ ทคโนโลยีสารสนเทศ อยาํ งปลอดภัย มีมารยาทเขา๎ ใจสทิ ธิและหน๎าทข่ี องตน เคารพ ในสทิ ธขิ องผู๎อ่ืน แจง๎ ผ๎เู กยี่ วข๎องเมื่อพบขอ๎ มลู หรือบคุ คลท่ีไมเํ หมาะสม

๒๓๖ โครงสรา้ งรายวิชา วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว ๑๖๑๐๑ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปท่ี ๖ เวลา ๘๐ ช่วั โมง/ปี ลาดบั ช่ือหน่วย มาตรฐานการ สาระสาคัญ หรอื หลักการสาคญั เวลา น้าหนกั ท่ี การเรยี นรู้ เรยี นร/ู้ (Core concept) ช่ัวโมง คะแนน ตัวชว้ี ดั รํางการของเรา มฐ. ว.๑.๑ มนษุ ย์มีการเจริญเติบโตต้ังแตํแรกเกิดจนถงึ ๘ ๕ ป ๖/๑ - ๓ วยั ผ๎ใู หญํ ด๎วยสารอาหารท่ีจาเปน็ โปรตนี ๑ มฐ. ว๘.๑ คาร์โบไฮเดรต ไขมนั แรํธาตุ วิตามนิ นา้ ป ๖/๑ - ๘ ระบบยํอยอาหาร ระบบหายใจ ระบบ หมนุ เวยี นเลอื ดในการดารงชวี ติ ระบบนเิ วศ มฐ. ว.๒.๑ แหลํงอาหาร แหลํงท่ีอยูํ แหลํงเล้ยี งดลู กู อํอน ๘ ๕ ป ๖/๑ - ๓ ในรปู โซํอาหาร สายใยอาหาร การถาํ ยทอด มฐ. ว๘.๑ พลงั งาน ทรพั ยากรธรรมชาติในแตลํ ะ ๒ ป ๖/๑ - ๘ ทอ๎ งถิ่นและสง่ิ แวดล๎อมตํอการดารงชีวติ การ เพม่ิ ประชากรมนุษย์ ภัยพิบัตจิ ากธรรมชาติ การสรา๎ งจติ สานกึ ใน การอนรุ ักษเ์ ฝาู ระวงั ดูแลรกั ษาสิ่งแวดล๎อมในทอ๎ งถนิ่ ทรัพยากรในท๎องถิ่น มฐ. ว.๒.๒ ทรัพยากรธรรมชาติในแตลํ ะท๎องถ่นิ และ ๘๕ ป ๖/๑ - ๓ สง่ิ แวดล๎อมตํอการดารงชวี ติ การเพ่ิม ๓ มฐ. ว๘.๑ ประชากรมนุษย์ ภัยพบิ ตั ิจากธรรมชาติ การ ป ๖/๑ - ๘ สร๎างจติ สานกึ ใน การอนรุ ักษ์เฝูาระวังดูแล รกั ษาสงิ่ แวดล๎อมในท๎องถน่ิ การอนุรักษ์ มฐ. ว.๒.๒ ทรพั ยากรธรรมชาติในแตํละท๎องถ่นิ และ ๖๕ สง่ิ แวดลอ๎ มในท๎องถิน่ ป ๖/๔ - ๕ สิ่งแวดลอ๎ มตํอการดารงชวี ิต การเพิ่ม ๔ มฐ. ว๘.๑ ประชากรมนุษย์ ภัยพิบตั จิ ากธรรมชาติ การ ป ๖/๑ - ๘ สรา๎ งจติ สานกึ ใน การอนุรกั ษ์เฝูาระวงั ดูแล รกั ษาสิง่ แวดลอ๎ มในท๎องถน่ิ สถานะของสาร มฐ. ว.๓.๑ สมบัตขิ องสารมี 3 สถานะ ของแข็ง ของเหลว ๖ ๕ ป ๖/๑ - ๒ แก๏ส การจาแนกสาร การนาไฟฟูา การนา มฐ. ว๘.๑ ความรอ๎ น ป ๖/๑ - ๘ ๕

๒๓๗ ลาดบั ชอ่ื หน่วย มาตรฐานการ สาระสาคัญ หรือ หลักการสาคญั เวลา นา้ หนกั ท่ี การเรยี นรู้ เรียนรู/้ (Core concept) ช่วั โมง คะแนน ตัวช้ีวัด การแยกสารและการ มฐ. ว.๓.๑ วิธกี ารแยกสาร การตกตะกอน การกรอง ๖๕ ๖ จาแนกประเภทของ ป ๖/๓ - ๔ การระเหดิ การระเหยแห๎ง สาร มฐ. ว๘.๑ ป ๖/๑ - ๘ หลักการใชส๎ าร มฐ. ว.๓.๑ การจาแนกสารทใ่ี ชใ๎ นชวี ติ ประจาวนั สาร ๓๓ ๗ ป ๖/๕ ปรงุ แตงํ สอี าหาร สารทาความสะอาด สาร มฐ. ว๘.๑ กาจดั แมลงและศัตรู ตามวตั ถุประสงค์ ความ ป ๖/๑ - ๘ ปลอดภยั ตํอส่ิงมชี วี ิตและส่งิ แวดลอ๎ ม การเกดิ สารละลาย มฐ. ว.๓.๒ สมบตั ขิ องสารมี 3 สถานะ ของแข็ง ของเหลว ๙ ๑๐ และปฏกิ ิริยาเคมี ป ๖/๑ - ๓ แก๏ส การจาแนกสาร การนาไฟฟาู การนา มฐ. ว๘.๑ ความร๎อน การจาแนกสารที่ใช๎ใน ๘ ป ๖/๑ - ๘ ชวี ิตประจาวัน สารปรงุ แตํง สอี าหาร สาร ทาความสะอาด สารกาจัดแมลงและศัตรู ตามวัตถุประสงค์ ความปลอดภัยตอํ สงิ่ มีชีวิต และส่งิ แวดลอ๎ ม การตอํ วงจรไฟฟูา มฐ. ว.๕.๑ วงจรไฟฟูา แหลงํ กาเนิด ไฟฟาู อุปกรณ์ ๑๒ ๑๕ ป ๖/๑ - ๔ ไฟฟูา ฉนวนไฟฟูา การตํอเซลล์ไฟฟูา แบบ ๙ มฐ. ว๘.๑ อนุกรม แบบขนาน การเกดิ สนามแมํเหล็ก ป ๖/๑ - ๘ รอบสายไฟการนาความรู๎มาใชใ๎ น ชวี ติ ประจาวนั แมํเหล็กไฟฟูา มฐ. ว.๕.๑ การตอํ เซลลไ์ ฟฟูา แบบอนุกรม แบบขนาน ๓ ๓ ๑๐ ป ๖/๕ การเกดิ สนามแมเํ หล็กรอบสายไฟการนา มฐ. ว๘.๑ ความรู๎มาใช๎ในชวี ิตประจาวนั ป ๖/๑ - ๘ สมบตั แิ ละการ มฐ. ว.๖.๑ ลักษณะของหิน สี เน้ือหิน ความแขง็ ๘๖ เปลีย่ นแปลงของหนิ ป ๖/๑ - ๓ ความหนา ลกั ษณะการเกดิ หินอคั นี หิน มฐ. ว๘.๑ ตะกอน หินแปร การเปลย่ี นแปลงของหิน ป ๖/๑ - ๘ การผพุ งั การกรํอน การเกิดภยั พิบตั ิภายใน ทอ๎ งถนิ่ ๑๑

๒๓๘ ลาดับ ช่ือหน่วย มาตรฐานการ สาระสาคัญ หรือ หลักการสาคัญ เวลา นา้ หนกั ที่ การเรยี นรู้ เรยี นร/ู้ (Core concept) ชวั่ โมง คะแนน ตวั ช้วี ัด การเคลื่อนท่ีของโลก มฐ. ว.๗.๑ โลกหมนุ รอบตัวเองทาใหเ๎ กิดปรากฎการณ์ขึ้น ๓ ๓ และดวงจันทร์ ป ๖/๑ ตกของดวงอาทติ ยแ์ ละดวงจันทร์ เกดิ ๑๒ มฐ. ว๘.๑ กลางวันและกลางคนื กาหนดทศิ โดย ป ๖/๑ - ๘ สังเกตจากการขน้ึ ตกของดวงอาทิตย์ รวมตลอดปี ๘๐ ๑๐๐

๒๓๙ คาอธิบายรายวิชา รายวิชาวิทยาศาสตร รหัสวิชา ว ๒๑๑๐๑ กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศึกษาปท่ี 1 ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๖๐ ช่ัวโมง การศึกษาวิเคราะห์การเรียนร๎ูวิทยาศาสตร์ สมบัติของสารบริสุทธิ์ การจาแนกและองค์ประกอบของ สารบริสุทธ์ิ เซลล์ โดยใช๎กล๎องจุลทรรศน์ การลาเลียงสารเข๎าออกจากเซลล์ การสืบพันธ์ุและขยายพันธ์ุพืช ดอก การสงั เคราะห์ดว๎ ยแสง กรลาเลียงน้า ธาตุอาการ และอาหารของพืช ท้ังน้ีโดยใช๎ โดยใช๎การสืบเสาะหา ความรู๎ การสารวจตรวจสอบ ทักษะกระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ และทกั ษะการเรียนร๎ูในศตวรรษท่ี 21 การ สืบค๎นข๎อมูลและการอภิปราย และวิเคราะห์สาเหตุหรือปัจจัยที่สํงผลตํอ ปัญหาหรือความต๎องการ รวบรวม วเิ คราะห์ขอ๎ มูลและแนวคิดที่เกี่ยวขอ๎ ง กับปญั หา ออกแบบวธิ ีการแก๎ปัญหา โดยวิเคราะห์ เปรียบเทียบ และ ตัดสินใจเลือกข๎อมูลท่ีจาเป็น นาเสนอแนวทางการแก๎ปัญหาให๎ผ๎ูอื่นเข๎าใจ วางแผนและดาเนินการแก๎ปัญหา ทดสอบ ประเมินผล และระบุข๎อบกพรํอง ท่ีเกิดข้ึน พร๎อมท้ังหาแนวทางการปรับปรุงแก๎ไข เพื่อแก๎ปัญหา และใช๎เทคโนโลยีได๎อยํางถูกต๎อง เหมาะสม และปลอดภยั เพื่อให๎เกิดความรู๎ ความคิด ความเข๎าใจ สามารถสื่อสารสิ่งท่ีเรียนร๎ู มีความสามารถในการตัดสินใจ การแก๎ปัญหา การนาความรู๎ไปใช๎ในชีวิตประจาวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และคํานิยมที่ เหมาะสม ตวั ช้ีวัด ว ๑.๒ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔, ม.๑/๕, ม.๑/๖, ม.๑/๗, ม.๑/๘, ม.๑/๙, ม.๑/๑๐, ม.๑/๑๑, ม.๑/๑๒, ม.๑/๑๓, ม.๑/๑๔, ม.๑/๑๕, ม.๑/๑๖, ม.๑/๑๗, ม.๑/๑๘ ว ๒.๑ ม.๑/๑, ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔, ม.๑/๕, ม.๑/๖, ม.๑/๗, ม.๑/๘ ว ๔.๑ ม.๑/๒, ม.๑/๓, ม.๑/๔ ว ๔.๒ ม.๑/๓, ม.๑/๔ รวมตัวชวี้ ดั ๓๑ ตวั ชี้วัด

๒๔๐ สมรรถนะ ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ความสามารถในการแกป๎ ัญหา ๓. ความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ ๔. ความสามารถในการใช๎เทคโนโลยี ๕. ความสามารถในการใช๎ทกั ษะชีวติ คุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ ๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ๒. ซื่อสตั ยส์ ุจริต ๓. มีวินัย ๔. ใฝเุ รยี นรู๎ ๕. อยํูอยํางพอเพยี ง ๖. มํุงม่นั ในการทางาน ๗. รกั ความเป็นไทย ๘. มจี ิตสาธารณะ

รายวิชาวิทยาการคานวณ ๒๔๑ ชน้ั มัธยมศึกษาปที ่ี ๑ คาอธบิ ายวิทยาการคานวณ รหัสวชิ า ว๒๑๑๐๑ กลุ่มสาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ เวลา 40ชว่ั โมง ศึกษาแนวคดิ เชงิ นามธรรม การคัดเลอื กคุณลักษณะทจ่ี าเป็นตํอการแกป๎ ญั หา ข้ันตอน การแก๎ปัญหา การเขียนรหสั ลาลองและผงั งาน การเขียนออกแบบและเขยี นโปรแกรมอยาํ งงาํ ย ทีม่ ีการใช๎งานตัวแปร เง่ือนไข และการวนซา้ เพอ่ื แก๎ปญั หาทางคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ การรวบรวมขอ๎ มลู ปฐมภูมิ การประมวลผลข๎อมลู การสรา๎ งทางเลอื กและประเมนิ ผลเพ่ือตดั สินใจ ซอฟต์แวร์และบริการบนอินเทอร์เนต็ ที่ใช๎ในการจัดการข๎อมลู แนวทางการใช๎งานเทคโนโลยสี ารสนเทศให๎ ปลอดภัย การจดั การอัตลกั ษณ์ การพจิ ารณาความเหมาะสมของเนื้อหา ข๎อตกลง และข๎อกาหนดการใช๎สื่อและแหลงํ ข๎อมูลนาแนวคิดเชิงนามธรรมและขั้นตอนการแก๎ปัญหา ไปประยุกตใ์ ชใ๎ นการเขียนโปรแกรม หรอื การแกป๎ ัญหาในชีวติ จรงิ รวบรวมข๎อมูลและสร๎างทางเลือก ในการ ตัดสินใจได๎อยาํ งมปี ระสทิ ธภิ าพและตระหนักถงึ การใช๎งานเทคโนโลยีสารสนเทศอยาํ งปลอดภยั เกดิ ประโยชน์ ตํอการเรียนร๎ู และไมสํ ร๎างความเสียหายใหแ๎ กผํ ๎ูอื่น ตวั ชว้ี ดั ว. ๔.๒ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ๑. ออกแบบอลั กอริทมึ ที่ใชแ๎ นวคิดเชงิ นามธรรมเพื่อแกป๎ ัญหาหรอื อธบิ ายการทางานท่ีพบใน ชวี ติ จรงิ ๒. ออกแบบและเขียนโปรแกรมอยํางงําย เพ่ือแกป๎ ัญหาทางคณติ ศาสตรห์ รอื วทิ ยาศาสตร์ ๓. รวบรวมข๎อมูลปฐมภูมิ ประมวลผล ประเมนิ ผล นาเสนอข๎อมลู และสารสนเทศ ตาม วตั ถปุ ระสงค์โดยใช๎ซอฟต์แวร์หรอื บริการบนอนิ เทอรเ์ น็ตท่ีหลากหลาย ๔. ใชเ๎ ทคโนโลยีสารสนเทศอยํางปลอดภยั ใชส้ ่อื และแหล่งข้อมูลตามข้อกาหนดและข้อตกลงรวมท้ังหมด ๔ ตัวช้วี ดั หมายเหตุ : จานวนช่วั โมงและหนวํ ยกติ ท่ีระบุในเอกสารน้เี ปน็ จานวนข้นั ต่าทแ่ี นะนาเพอื่ ให๎สามารถจดั การ เรียนร๎ูได๎บรรลุตามตัวชวี ดั และนักเรียนเกดิ ความรู๎และทักษะตามเปูาหมายของหลกั สูตร ซ่ึงสถานศึกษาสามารถเพ่มิ หรือลดจานวนชัว่ โมงได๎ตามความพร๎อมและบรบิ ทของสถานศึกษา

๒๔๒ โครงสร้างรายวชิ า วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว ๒๑๑๐๑ กลุม่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ระดับมัธยมศกึ ษาปีที่ ๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๖๐ ช่ัวโมง หนว่ ย ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา ท่ี เรียนรู้/ (ชว่ั โมง) ตัวชี้วดั ๙ ๑ เราจะเรียนรู๎ ว ๔.๑ - ความสาคญั และความหมายของ ๑๘ วทิ ยาศาสตร์อยํางไร ม.๑/๒,๑/๓,๑/๔ วทิ ยาศาสตร์ ๑๒ ว ๔.๒ ม.๑/๓,๑/๔ - กระบวนการทางานของนักวทิ ยาศาสตร์ ๒๑ - ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ๒ ว๒.๑ - จดุ เดือดและจดุ หลอมเหลว สมบัติของสารและ ม.๑/๑,๑/๒,๑/๓ - ความหนาแนนํ ของสาร การจาแนกสาร ๑/๔, ๑/๕,๑/๖,๑/ - สมบัติของโลหะ และอโลหะ ๗ - การจาแนกสาร ๑/๘,๑/๙,๑/๑๐ - โครงสรา๎ งของอะตอม ๓ หนํวยพน้ื ฐานของ ว๑.๒ - การศึกษาเซลลพ์ ืชและเซลล์สตั ว์ด๎วย สิง่ มีชวี ิต ม.๑/๑,๑/๒ กลอ๎ งจลุ ทรรศน์ ๑/๔ - โครงสร๎างและหน๎าทขี่ องเซลล์ - การลาเลยี งสารผาํ นเซลลโ์ ดยการแพรํ และการออสโมซสี ๔ การดารงชวี ติ ของพชื ว๑.๒ ม. ๑/๕,๑/๖ - การสงั เคราะห์ดว๎ ยแสงและปจั จยั ในการ ๑/๗,๑/๘,๑/๙,๑/ สงั เคราะหด์ ๎วยแสง ๑๐, - การลาเลียงน้าและอาหารในพืช ๑/๑๑, ๑/๑๒, ๑/ - อาตอุ าหารทจี่ าเป็นตํอการเจริญเตบิ โต ๑๓, ของพชื ๑/๑๔, ๑/๑๕, ๑/ - การสืบพันธแุ์ บบอาศยั เพศ และไมอํ าศยั ๑๖, เพศของพชื ๑/๑๗, ๑/๑๘, - การขยายพันธ์ุพชื - เทคโนโลยีการเพาะเลีย้ งเน้ือเยือ่ และ การใชป๎ ระโยชน์

๒๔๓ หน่วย ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐานการ สาระสาคัญ เวลา ท่ี เรียนรู้/ (ชัว่ โมง) ตัวชวี้ ัด ๑. ออกแบบอลั กอริทึมท่ีใชแ้ นวคิดเชิง ๕ เทคโนโลยี นามธรรมเพ่อื แกป้ ัญหาหรืออธิบายการ (วทิ ยาการคานวณ) ว.๔.๒ ทางานที่พบในชีวติ จริง ๒. ออกแบบและเขียนโปรแกรมอยา่ ง ง่าย เพ่อื แกป้ ัญหาทางคณิตศาสตร์หรือ วทิ ยาศาสตร์ ๓. รวบรวมขอ้ มูลปฐมภูมิ ประมวลผล ๖๐ ประเมินผล นาเสนอขอ้ มูลและ สารสนเทศ ตามวตั ถุประสงคโ์ ดยใช้ ซอฟตแ์ วร์หรือบริการบนอินเทอร์เน็ตที่ หลากหลาย ๔. ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ ง ปลอดภยั รวมตลอดปี / ภาค

๒๔๔ คาอธิบายรายวชิ า รายวิชาวิทยาศาสตร รหัสวิชา ว ๒๑๑๐๒ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศึกษาปท่ี ๑ ภาคเรยี นที่ ๒ เวลา ๖๐ ช่วั โมง ศึกษาวิเคราะห์ความร๎อนกับการเปล่ียนแปลงของสสาร การถํายโอนความร๎อน ลมฟูาอากาศรอบตัว มนุษย์กับการเปล่ียนแปลงลมฟูาอากาศ ทั้งน้ีโดยใช๎ โดยใช๎การสืบเสาะหาความรู๎ การสารวจตรวจสอบ ทกั ษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และทักษะการเรียนรใู๎ นศตวรรษท่ี 21 การสืบค๎นข๎อมูลและการอภิปราย และวิเคราะห์สาเหตุหรือปัจจัยที่สํงผลตํอ ปัญหาหรือความต๎องการ รวบรวม วิเคราะห์ข๎อมูลและแนวคิดท่ี เกี่ยวขอ๎ ง กับปญั หา ออกแบบวิธีการแกป๎ ญั หา โดยวิเคราะห์ เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกข๎อมูลที่จาเป็น นาเสนอแนวทางการแก๎ปญั หาใหผ๎ ู๎อ่นื เขา๎ ใจ วางแผนและดาเนนิ การแกป๎ ัญหา ทดสอบ ประเมินผล และระบุ ขอ๎ บกพรอํ ง ที่เกดิ ข้ึน พรอ๎ มทัง้ หาแนวทางการปรับปรุงแก๎ไข เพื่อแก๎ปัญหา และใช๎เทคโนโลยีได๎อยํางถูกต๎อง เหมาะสม และปลอดภยั เพ่ือให๎เกิดความรู๎ ความคิด ความเข๎าใจ สามารถสื่อสารส่ิงที่เรียนร๎ู มีความสามารถในการตัดสินใจ การแก๎ปัญหา การนาความร๎ูไปใช๎ในชีวิตประจาวัน มีจิตวิทยาศาสตร์ จริยธรรม คุณธรรม และคํานิยมท่ี เหมาะสม ตัวชว้ี ัด ว ๒.๑ ม.๑/๙ ม.๑/๑๐ ว ๒.๒ ม.๑/๑ ว ๒.๓ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ม.๑/๕ ม.๑/๖ ม.๑/๗ ว ๓.๒ ม.๑/๑ ม.๑/๒ ม.๑/๓ ม.๑/๔ ม.๑/๕ ม.๑/๖ ม.๑/๗ ม.๑/๘ รวมตัวชว้ี ดั ๑๗ ตัวช้ีวดั

๒๔๕ คาอธบิ ายวทิ ยาการคานวณ รายวิชาวิทยาการคานวณ รหัสวชิ า ว๒๑๑๐๑ กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ี่ ๑ ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา 40ชัว่ โมง ศึกษาแนวคิดเชงิ นามธรรม การคดั เลอื กคณุ ลักษณะท่ีจาเป็นตอํ การแกป๎ ัญหา ข้นั ตอน การแกป๎ ัญหา การเขียนรหัสลาลองและผังงาน การเขยี นออกแบบและเขยี นโปรแกรมอยํางงําย ทม่ี ีการใช๎งานตัวแปร เง่อื นไข และการวนซา้ เพือ่ แก๎ปัญหาทางคณิตศาสตร์หรือวทิ ยาศาสตร์ การรวบรวมข๎อมลู ปฐมภูมิ การประมวลผลขอ๎ มูล การสร๎างทางเลือกและประเมินผลเพอ่ื ตัดสนิ ใจ ซอฟตแ์ วรแ์ ละบริการบนอินเทอรเ์ นต็ ที่ใช๎ในการจัดการข๎อมูล แนวทางการใช๎งานเทคโนโลยสี ารสนเทศให๎ ปลอดภยั การจดั การอัตลกั ษณ์ การพิจารณาความเหมาะสมของเน้อื หา ข๎อตกลง และข๎อกาหนดการใช๎สื่อและแหลงํ ขอ๎ มูลนาแนวคิดเชิงนามธรรมและข้นั ตอนการแก๎ปัญหา ไปประยุกตใ์ ช๎ในการเขยี นโปรแกรม หรือ การแกป๎ ัญหาในชีวติ จรงิ รวบรวมขอ๎ มูลและสร๎างทางเลือก ในการ ตดั สินใจได๎อยํางมีประสิทธิภาพและตระหนกั ถงึ การใช๎งานเทคโนโลยีสารสนเทศอยํางปลอดภัย เกดิ ประโยชน์ ตอํ การเรยี นร๎ู และไมสํ ร๎างความเสยี หายใหแ๎ กผํ ๎ูอน่ื ตัวชวี้ ดั ว. ๔.๒ เทคโนโลยี (วทิ ยาการคานวณ) ๑. ออกแบบอัลกอริทมึ ท่ใี ชแ๎ นวคดิ เชิงนามธรรมเพ่ือแกป๎ ัญหาหรืออธบิ ายการทางานท่ีพบใน ชีวิตจริง ๒. ออกแบบและเขยี นโปรแกรมอยํางงําย เพื่อแกป๎ ัญหาทางคณิตศาสตร์หรอื วิทยาศาสตร์ ๓. รวบรวมขอ๎ มลู ปฐมภูมิ ประมวลผล ประเมินผล นาเสนอข๎อมูลและสารสนเทศ ตาม วัตถุประสงค์โดยใชซ๎ อฟต์แวร์หรือบรกิ ารบนอินเทอรเ์ นต็ ท่ีหลากหลาย ๔. ใช๎เทคโนโลยสี ารสนเทศอยํางปลอดภัย ใชส้ ่ือและแหล่งข้อมูลตามข้อกาหนดและข้อตกลงรวมท้ังหมด ๔ ตวั ช้ีวดั หมายเหตุ : จานวนชว่ั โมงและหนวํ ยกิตทร่ี ะบใุ นเอกสารนี้เปน็ จานวนขั้นต่าท่แี นะนาเพือ่ ให๎สามารถจดั การ เรียนรไู๎ ด๎บรรลตุ ามตัวชีวัด และนกั เรียนเกดิ ความร๎ูและทักษะตามเปาู หมายของหลกั สตู ร ซงึ่ สถานศึกษาสามารถเพม่ิ หรือลดจานวนชัว่ โมงไดต๎ ามความพร๎อมและบริบทของสถานศึกษา

๒๔๖ สมรรถนะ ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ความสามารถในการแกป๎ ัญหา ๓. ความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ ๔. ความสามารถในการใช๎เทคโนโลยี ๕. ความสามารถในการใช๎ทกั ษะชีวติ คุณลกั ษณะที่พึงประสงค์ ๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ๒. ซื่อสตั ยส์ ุจริต ๓. มีวินัย ๔. ใฝเุ รยี นรู๎ ๕. อยํูอยํางพอเพยี ง ๖. มํุงม่นั ในการทางาน ๗. รกั ความเป็นไทย ๘. มจี ิตสาธารณะ

๒๔๗ โครงสร้างรายวิชา วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว ๒๑๑๐๒ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดบั มัธยมศึกษาปีที่ ๑ ภาคเรียนที่ ๒ เวลา ๖๐ ชวั่ โมง ท่ี ชอ่ื หน่วยการ มาตรฐานการ สาระสาคญั เวลา เรียนรู้ เรียนร/ู้ (ช่วั โมง) ตวั ช้วี ัด ๒๑ ๑ พลงั งานความ ว๒.๒ ม๑/๑ - การจดั เรียงอนภุ าค และแรงยึดเหน่ียว ๑๒ ร๎อนกบั การ ว๒.๓ ๑/๑, ๑/๒, ระหวํางอนภุ าคของสารในสถานะตาํ งๆ ๑๘ เปลีย่ นแปลงของ ๑/๓, ๑/๔, - การวัดอณุ หภมู สิ าร ๙ ๖๐ สาร - พลงั งานความร๎อนกบั การเปล่ยี นแปลง อุณหภมู ิของสาร - พลังงานความร๎อนกับการเปล่ียนสถานะ ของสาร - พลังงานความร๎อนกับการขยายตวั และ การหดตวั ของสาร ๒ การถาํ ยโอน ว ๒.๓ ๑/๕, ๑/๖, - การถาํ ยโอนพลังงานวามร๎อนของสารโดย พลังงานความ ๑/๗ วิธีตํางๆ รอ๎ น - สมดุลพลงั งานความร๎อน - การถาํ ยโอนความร๎อนในชวี ิตประจาวัน ๓ ลมฟาู อากาศ ว ๓.๒ ๑/๑, ๑/๒, - ชั้นบรรยากาศของเรา ๑/๔, - ปจั จัยในการเปล่ียนแปลงอุณหภมู ิของ อากาศ และการเปลย่ี นแปลงลมฟูาอากาศ - ความกดอากาศ และการเกิดลม - หมอก เมฆ นา้ ค๎าง และการเกิดฝน - การพยากรณ์อากาศ และการใชป๎ ระโยชน์ ๔ มนุษยก์ บั การ ว ๓.๒ ๑/๓, ๑/๕, - การเกดิ พายุชนดิ ตาํ งๆ เปลยี่ นแปลง ๑/๖, ๑/๗, - การเปล่ยี นแปลงสภาพอากาศโลก สภาพอากาศของ - การเฝาู ระวงั ภยั พบิ ตั ิ ทางธรรมชาติ โลก รวมตลอดปี / ภาค

๒๔๘ สาระที่ ๑ วิทยาศาสตรช์ ีวภาพ มาตรฐาน ว ๑.๒ เข้าใจสมบัติของส่ิงมีชีวิตหน่วยพน้ื ฐานของสิ่งมีชีวิตการลาเลียงสารเข้า และออกจากเซลลค์ วามสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าทขี่ องระบบต่างๆของสตั วแ์ ละมนษุ ย์ท่ีทางาน สมั พนั ธ์กันความสัมพนั ธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวยั วะต่างๆของพืชทีท่ างานสัมพันธก์ ัน รวมทั้งนา ความรู้ไปใช้ประโยชน์ ชั้น ตัวชี้วัด สาระการเรยี นรู้ ม.๑ ๑. เปรียบเทยี บรูปราํ ง ลกั ษณะ และ • เซลล์ โครงสร๎างของเซลล์พชื และเซลล์สตั ว์ • โครงสร๎างตําง ๆ ของเซลล์และหนา๎ ทํี รวมทัง้ บรรยายหน๎าท่ี ของผนังเซลล์ • ความแตกตํางระหวํางเซลล์พชื และเซลล์สัตว์ เย่ือหุ๎มเซลล์ ไซโทพลาซึม นวิ เคลียส แวคิวโอล ไมโทคอนเดรยี และคลอ โรพลาสต์ ๒. ใชก๎ ล๎องจุลทรรศน์ใชแ๎ สง • การใชก๎ ลอ๎ งจุลทรรศนศ์ ึกษาเซลล์ และโครงสรา๎ ง ศกึ ษาเซลลแ์ ละโครงสรา๎ ง ตาํ ง ๆ ภายในเซลล์ ตําง ๆ ภายในเซลล์ ๓. อธิบายความสมั พันธ์ • ความสมั พันธ์ระหวํางรูปรําง กับการทาหนา๎ ท่ีของ ระหวาํ งรูปรําง กับการทา เซลล์ หนา๎ ทข่ี องเซลล์ • การจดั ระบบของส่งิ มีชีวิต โดยเริ่มจาก เซลล์ ๔.อธบิ ายการจดั ระบบของสิง่ มีชีวติ เนอ้ื เยื่อ อวัยวะ ระบบอวัยวะ จนเป็น ส่ิงมชี ีวติ โดยเริม่ จาก เซลล์ เนื้อเย่อื อวัยวะ •การทางานรวํ มกนั ของระบบตํางๆ ระบบอวยั วะ จนเป็น ส่ิงมชี วี ิต ๕. อธบิ ายกระบวนการแพรํและ • กระบวนการแพรแํ ละออสโมซิส ออสโมซสิ จาก หลักฐานเชงิ •ตวั อยาํ งการแพรํ และออสโมซสิ ในชีวติ ประจาวนั ประจกั ษ์ และยกตวั อยํางการแพรํ และออสโมซิสในชีวิตประจาวัน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook