๒๔๙ ชั้น ตวั ช้วี ัด สาระการเรยี นรู้ ๖. ระบุปัจจยั ท่จี าเป็นในการสังเคราะห์ • ปัจจัยทีจ่ าเปน็ ในการสงั เคราะห์ด๎วยแสง ดว๎ ยแสง และผลผลิตท่เี กดิ ขึน้ จาก •ผลผลติ ทีไ่ ดจ๎ าก การสังเคราะหด์ ๎วยแสง ไดแ๎ กํ การสังเคราะห์ด๎วยแสง โดยใช๎ น้าตาลและ แก๏สออกซิเจน หลักฐานเชิงประจักษ์ ม.๑ ๗.อธบิ ายความสาคัญของการ • ความสาคัญของการสังเคราะหด์ ว๎ ยแสง ของพชื ตํอ (ตํอ) สังเคราะหด์ ๎วยแสง ของพืชตํอ สงิ่ มชี วี ิตและส่ิงแวดล๎อม สิง่ มชี ีวิตและสงิ่ แวดลอ๎ ม ๘. ตระหนักในคุณคําของพืชทม่ี ีตํอ - ประโยชนข์ องปุาไม๎ ตํอส่ิงมีชวี ิตและส่ิงแวดลอ๎ ม สิง่ มชี ีวติ และ ส่งิ แวดลอ๎ ม โดยการ •การรวํ มกันปลูกและดูแลรกั ษา ต๎นไม๎ในโรงเรียน รํวมกนั ปลกู และดแู ลรักษา ตน๎ ไม๎ใน และชมุ ชน โรงเรียนและชุมชน ๙. บรรยายลกั ษณะและหนา๎ ทขี่ อง • ลักษณะและหน๎าท่ีของไซเล็มและ โฟลเอ็ม ไซเล็มและ โฟลเอ็ม •ทิศทาง การลาเลียงนา้ และเกลอื แรํในไซเล็มของพชื ๑๐. เขยี นแผนภาพท่ีบรรยาย - ทิศทาง การลาเลียงอาหารในโฟลเอม็ ของพชื ทศิ ทาง การลาเลยี งสารใน ไซเล็มและโฟลเอ็ม ของพชื ๑๑. อธบิ ายการสืบพันธ์ุแบบ • การสืบพันธุแ์ บบอาศัยเพศ และ ไมํอาศยั เพศของ อาศยั เพศ และ ไมํอาศัยเพศ พืชดอก ของพชื ดอก • ลักษณะโครงสร๎างของดอกทมี่ ีสํวน ทาให๎เกดิ การ ๑๒. อธิบายลกั ษณะโครงสร๎างของดอก ถาํ ยเรณู ทม่ี ีสวํ น ทาใหเ๎ กดิ การถํายเรณู •การปฏิสนธิของพชื ดอก การเกิดผลและเมลด็ รวมทั้งบรรยาย การปฏสิ นธขิ องพชื •การกระจายเมลด็ และการงอกของเมล็ด ดอก การเกดิ ผลและเมลด็ การ - การพฒั นาของเอม็ บรโิ อหลังมีการปฏสิ นธิ กระจายเมลด็ และการงอกของ เมล็ด •ความสาคัญของสตั ว์ที่ชวํ ยในการ ถาํ ยเรณูของพชื ดอก ๑๓. ตระหนกั ถึงความสาคัญของสตั วท์ ่ี ชํวยในการ ถาํ ยเรณูของพืชดอก โดยการไมทํ าลายชีวิต ของสตั วท์ ี่ ชํวยในการถาํ ยเรณู
๒๕๐ ชัน้ ตัวช้ีวดั สาระการเรยี นรู้ ๑๔. อธิบายความสาคัญของธาตอุ าหาร • ความสาคัญของธาตอุ าหาร บางชนดิ ที่มี บางชนดิ ท่มี ีผลตํอการเจรญิ เติบโต และ ผลตํอการเจริญเติบโต และการดารงชวี ิต การดารงชีวิตของพืช ของพืช ๑๕. เลือกใชป๎ ๋ยุ ท่ีมธี าตุอาหาร • การเลอื กใช๎ปยุ๋ ท่ีมีธาตุอาหารท่ีเหมาะสมกับพืชใน เหมาะสมกบั พืชใน สถานการณท์ ่ี สถานการณ์ที่กาหนด กาหนด ม.๑ ๑๖. เลือกวธิ ีการขยายพันธ์พุ ืชให๎ • การขยายพนั ธุ์พืช แบบอาศัยเพศและไมํอาศัยเพศ (ตอํ ) เหมาะสมกับ ความต๎องการ - การใชเ๎ มล็ด ของมนุษย์ โดยใช๎ความรู๎ - การตอนกง่ิ เกย่ี วกบั การสืบพนั ธขุ์ องพชื - การปกั ชา - การตํอกงิ่ - การติดตา - การทาบก่งิ - การเพาะเลี้ยงเนื้อเย่ือ ๑๗. อธิบายความสาคัญของ •ความสาคัญของเทคโนโลยี การเพาะเลีย้ งเนอ้ื เย่ือ เทคโนโลยี การเพาะเลย้ี งเน้ือเยื่อ พชื ในการใช๎ประโยชน์ ดา๎ นตําง ๆ พชื ในการใชป๎ ระโยชน์ ด๎านตําง ๆ ๑๘. ตระหนักถงึ ประโยชน์ของการ •ประโยชน์ของการขยายพนั ธ์ุพชื และการนาความรู๎ไป ขยายพนั ธ์ุพืช โดยการนาความร๎ู ใช๎ในชวี ิตประจาวนั ไปใชใ๎ นชวี ิตประจาวัน
๒๕๑ สาระที่ ๒ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๑ เข้าใจสมบัติของสสารองค์ประกอบของสสารความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติ ของสสารกบั โครงสร้างและแรงยดึ เหนี่ยวระหวา่ งอนุภาคหลักและธรรมชาติของการเปลยี่ นแปลงสถานะ ของสสาร การเกดิ สารละลายและการเกดิ ปฏกิ ิริยาเคมี ชั้น ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรู้ ม.๑ ๑. อธิบายสมบตั ิทางกายภาพบาง • สมบัติทางกายภาพบางประการของ ธาตุโลหะ ประการของ ธาตโุ ลหะ อโลหะ และกึง่ อโลหะ และกึ่งโลหะ โลหะ โดยใช๎หลกั ฐานเชงิ ประจกั ษท์ ่ีได๎ •การจัดกลํมุ ธาตุเปน็ โลหะ อโลหะ และ ก่ึงโลหะ จากการสังเกตและการทดสอบ และใช๎ สารสนเทศทีไ่ ดจ๎ ากแหลํงขอ๎ มูลตําง ๆ รวมท้ังจัดกลํมุ ธาตุเป็นโลหะ อโลหะ และ ก่งึ โลหะ ๒. วิเคราะห์ผลจากการใชธ๎ าตโุ ลหะ • ประโยชน์และโทษของการใช๎ธาตโุ ลหะ อโลหะ กง่ึ อโลหะ กํงึ โลหะ และธาตกุ มั มันตรังสี ท่ี โลหะ ธาตุกมั มันตรงั สี ที่สงํ ผลกระทบตํอสงิ่ มีชวี ติ มตี ํอส่งิ มชี ีวติ ส่งิ แวดล๎อม เศรษฐกิจ สง่ิ แวดล๎อม เศรษฐกิจ และสังคม และสังคม จากข๎อมลู ท่รี วบรวมได๎ ๓. ตระหนกั ถึงคุณคาํ ของการใชธ๎ าตุ • แนวทางการใชธ๎ าตุโลหะ อโลหะ กง่ึ โลหะ ธาตุ โลหะ อโลหะ กงึ่ โลหะ ธาตุ กมั มนั ตรังสี อยํางปลอดภยั ค๎ุมคาํ กัมมันตรังสี โดยเสนอแนวทาง การ ใชธ๎ าตอุ ยาํ งปลอดภยั คมุ๎ คํา • สารบรสิ ทุ ธิ์ สารผสม • จุดเดอื ด จดุ หลอมเหลวของสารบริสุทธ์ิ และสารผสม ๔. เปรยี บเทยี บจดุ เดือด จดุ หลอมเหลวของ สารบริสทุ ธ์ิ และสารผสม โดยการวดั • ความหนาแนํนของ สารบริสทุ ธิ์และสารผสม อุณหภูมิ เขยี นกราฟ แปลความหมาย ขอ๎ มูลจากกราฟ หรอื สารสนเทศ • การใชเ๎ คร่อื งมือเพื่อวดั มวลและปริมาตรของ สาร บรสิ ทุ ธแิ์ ละสารผสม ๕. อธบิ ายและเปรียบเทียบความ หนาแนนํ ของ สารบรสิ ุทธ์แิ ละสาร ผสม ๖. ใช๎เคร่อื งมอื เพ่ือวดั มวลและ ปริมาตรของ สารบริสทุ ธ์ิและ สารผสม
๒๕๒ ชนั้ ตวั ชีว้ ดั สาระการเรียนรู้ ม.๑ ๗. อธิบายเก่ยี วกบั ความสัมพันธ์ • ความสัมพันธร์ ะหวาํ งอะตอม ธาตุ และสารประกอบ (ตอํ ) ระหวํางอะตอม ธาตุ และสาร •การสร๎างแบบจาลองความสัมพันธร์ ะหวาํ งอะตอม ประกอบ โดยใชแ๎ บบจาลอง และ ธาตุ และสารประกอบ สารสนเทศ ๘. อธิบายโครงสร๎างอะตอมที่ • โครงสรา๎ งของอะตอม ประกอบดว๎ ย โปรตอน นวิ ตรอน - สมบตั ิทางไฟฟูาของโปรตรอน นวิ ตรอน และ และอเิ ล็กตรอน โดยใช๎ อิเล็กตรอน แบบจาลอง •การสร๎างแบบจาลองโครงสร๎างของอะตอม - อนุภาคมูลฐานในอะตอม ๙. อธบิ ายและเปรียบเทยี บการจัดเรียง • การจดั เรยี งอนุภาค แรงยดึ เหนยี่ วระหวํางอนุภาค อนภุ าค แรงยดึ เหนี่ยวระหวํางอนุภาค และการเคลอ่ื นที่ ของอนุภาคของสสารชนดิ และการเคลือ่ นที่ ของอนภุ าคของ เดียวกนั ในสถานะ ของแข็ง ของเหลว และแกส๏ สสารชนดิ เดียวกนั ในสถานะ ของแขง็ •การสร๎างแบบจาลองการยดึ เหนยี่ วระหวาํ งอนภุ าค ของเหลว และแกส๏ โดยใช๎แบบจาลอง ของสสารท่ีมีสถานะของแขง็ ของเหลว และแก๏ส ๑๐. อธบิ ายความสมั พนั ธ์ระหวําง • ความสมั พนั ธร์ ะหวาํ ง พลงั งานความร๎อนกบั การ พลงั งานความร๎อนกบั การเปล่ียน เปล่ียนสถานะของสสาร สถานะของสสาร โดยใชห๎ ลักฐาน •การสร๎างแบบจาลองความสัมพันธร์ ะหวาํ ง พลังงาน เชิงประจกั ษแ์ ละ แบบจาลอง ความร๎อนกับการเปล่ยี นสถานะของสสาร
๒๕๓ สาระท่ี ๒วทิ ยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๒ เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจาวันผลของแรงทก่ี ระทาต่อวัตถุ ลกั ษณะการเคล่อื นที่แบบต่าง ๆ ของวตั ถุ รวมท้งั นาความร้ไู ปใช้ประโยชน์ ชนั้ ตัวชี้วดั สาระการเรยี นรู้ ม. ๑. สรา๎ งแบบจาลองที่อธิบาย • ความดันอากาศ ๑ ความสมั พันธ์ระหวําง ความดันอากาศ • ความสมั พันธร์ ะหวําง ความดันอากาศกบั ความ กับความสูงจากพน้ื โลก สูง สาระท่ี ๒ วิทยาศาสตรก์ ายภาพ มาตรฐาน ว ๒.๓ เข้าใจความหมายของพลังงานการเปล่ยี นแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสัมพันธ์ระหวา่ งสสารและพลังงานพลังงานในชีวิตประจาวันธรรมชาตขิ องคลน่ื ปรากฏการณ์ท่ี เกี่ยวข้องกับเสยี งแสงและคลน่ื แม่เหลก็ ไฟฟ้ารวมท้ังนาความรู้ไปใช้ประโยชน์ ชั้น ตวั ชี้วัด สาระการเรียนรู้ ม ๑ ๑. วเิ คราะห์ แปลความหมายข๎อมูล • สสารไดร๎ บั หรอื สูญเสียความรอ๎ นอาจทาให๎ สสาร และคานวณ ปริมาณความร๎อนทีท่ า เปล่ยี นอุณหภูมิ เปล่ียนสถานะ หรือเปล่ยี น รูปราํ ง ให๎สสารเปลย่ี นอณุ หภมู ิ และเปล่ียน • ปรมิ าณความร๎อนที่ทาใหส๎ สารเปลยี่ นอุณหภมู ิ สถานะโดยใช๎สมการ ขนึ้ กบั มวล ความร๎อนจาเพาะ และอุณหภูมิ ที่ Q = msΔt และ Q = mL เปล่ยี นไป • ปริมาณความร๎อนทท่ี าให๎สสารเปลยี่ นสถานะ ข้นึ กบั มวลและความร๎อนแฝงจาเพาะ โดยขณะที่ สสารเปลยี่ นสถานะ อุณหภูมิจะไมํเปล่ยี นแปลง ๒. ใช๎เทอร์มอมิเตอร์ในการวัดอุณหภมู ิ •การใชเ๎ ทอร์มอมิเตอรว์ ดั อณุ หภมู ขิ องสสาร ของสสาร ๓. สร๎างแบบจาลองทอ่ี ธิบายการขยายตวั • การขยายตัวหรือหดตัวของสสารเม่อื จากไดร๎ ับหรือ หรอื หดตัวของสสารเน่ืองจากไดร๎ ับหรือ สญู เสยี ความร๎อน สูญเสยี ความรอ๎ น ๔. ตระหนกั ถึงประโยชนข์ องความร๎ขู อง • การนาความรเ๎ู รอื่ งการหด และขยายตัวของสสาร การหด และขยายตวั ของสสารเน่ืองจาก เน่ืองจากความร๎อนมาใช๎ประโยชนไ์ ดด๎ ๎านตํางๆ เชํน ความรอ๎ น โดยวิเคราะหส์ ถานการณ์ การสร๎างถนน การสรา๎ งรางรถไฟ การทาเทอร์มอ ปญั หา และเสนอแนะ วิธกี ารนาความรมู๎ า มิเตอร์ ฯลฯ แกป๎ ญั หาในชีวติ ประจาวนั ๕. วิเคราะห์สถานการณ์การถํายโอน • การถํายโอนความร๎อนของสสาร ความร๎อน และคานวณปริมาณความรอ๎ น • การคานวณปรมิ าณความร๎อนทถี่ าํ ยโอน ระหวําง ทถี่ ํายโอน ระหวาํ งสสารจนเกิดสมดุล สสารจนเกดิ สมดลุ ความรอ๎ นโดยใชส๎ มการ Q ความรอ๎ นโดยใชส๎ มการ Q สญู เสีย = Q สูญเสยี = Q ไดร๎ บั ไดร๎ ับ
๒๕๔ ชั้น ตัวช้ีวัด สาระการเรียนรู้ ม.๑ ๖. สรา๎ งแบบจาลองทีอ่ ธบิ ายการถํายโอน • การถํายโอนความร๎อน (ตอํ ) ความร๎อน โดยการนาความร๎อน การพา - การนาความร๎อน - การพาความรอ๎ น ความร๎อน การแผํรังสคี วามร๎อน - การแผํรังสคี วามรอ๎ น ๗. ออกแบบ เลือกใช๎ และสรา๎ ง • การนาความรเ๎ู กยี่ วกับการถํายโอนความร๎อนมาใช๎ อุปกรณ์ เพื่อแก๎ ปัญหาใน ประโยชนใ์ นชวี ติ ประจาวัน เชนํ การเลอื กใชว๎ สั ดเุ พื่อ ชวี ิตประจาวันโดยใชค๎ วามร๎เู กีย่ วกับ นามาทาภาชนะบรรจุอาหาร เพ่อื เก็บความร๎อน หรือ การถํายโอนความร๎อน การออกแบบระบบ ระบายความรอ๎ นในอาคาร สาระที่ ๓ วิทยาศาสตร์โลก และอวกาศ มาตรฐาน ว ๓.๒ เขา้ ใจองค์ประกอบและความสัมพนั ธข์ องระบบโลกกระบวนการเปล่ียนแปลง ภายในโลกและบนผวิ โลกธรณีพิบัตภิ ัยกระบวนการเปล่ียนแปลงลมฟา้ อากาศและภมู ิอากาศและภมู ิอากาศ โลก รวมทั้งผลต่อสงิ่ มีชีวิตและสง่ิ แวดล้อม ชน้ั ตวั ชีว้ ัด สาระการเรยี นรู้ ม.๑ ๑. สรา๎ งแบบจาลองทอี่ ธิบายการแบํงช้ัน • ช้นั บรรยากาศของโลก บรรยากาศ และเปรียบเทียบ - ชน้ั โทรโพสเฟียร์ ประโยชนข์ องบรรยากาศแตํละชน้ั - ชั้นสตราโตสเฟียร์ - ช้นั มีโซสเฟยี ร์ - ช้นั เทอร์โมสเฟียร์ - ชนั้ เอกโซสเฟยี ร์ • ประโยชนข์ องบรรยากาศแตํละชนั้ ตอํ สิ่งมีชีวติ ๒. อธบิ ายปจั จัยทีม่ ีผลตอํ การ • การเปลยี่ นแปลงของลมฟ๎าอากาศ เปลยี่ นแปลง องค์ประกอบของ •ปัจจยั ทมี่ ผี ลตํอการเปล่ียนแปลงของลมฟา๎ อากาศ ลมฟูาอากาศ จากข๎อมลู ที่ ไดแ๎ กํ อณุ หภมู ิอากาศ ความกดอากาศ ลม รวบรวมได๎ ความชน้ื เมฆ และหยาดน้าฟูา - ปริมาณรงั สีของดวงอาทติ ย์ และลักษณะพืน้ ผวิ ของ โลกท่ีสํงผลตํออุณหภูมิของอากาศ - ปรมิ าณไอน้าท่ีสงํ ผลตอํ ความชื้น ความกดอากาศ สํงผลตอํ ลม ความช้นื และลมสงํ ตอํ ตอํ ลมและเมฆ ๓. เปรยี บเทยี บกระบวนการเกิดพายุ • กระบวนการเกิดพายุ ฝนฟูาคะนอง และพายหุ มุน ฝนฟาู คะนอง และพายุหมนุ เขตร๎อน เขตรอ๎ น และผลทีม่ ีตํอสิ่งมีชวี ิต และ •การเกดิ พายุ ฝนฟาู คะนอง และพายุหมนุ เขตรอ๎ น ที่ สงิ่ แวดล๎อม รวมทั้งนาเสนอแนว มีผลตํอส่ิงมชี ีวิตและส่งิ แวดล๎อม ทางการ ปฏบิ ตั ติ นให๎เหมาะสมและ •แนวทางการปฏิบตั ิตนให๎เหมาะสมและปลอดภัยตํอ ปลอดภยั การเกดิ พายุ ฝนฟูาคะนอง และพายหุ มนุ เขตรอ๎ น
๔. อธบิ ายการพยากรณอ์ ากาศ ๒๕๕ และพยากรณ์ อากาศอยํางงาํ ย จากข๎อมูลทีร่ วบรวมได๎ • การพยากรณ์อากาศ - วิเคราะหข์ อ๎ มลู จากแผนท่ีอากาศ และสร๎างคา ๕. ตระหนกั ถงึ คุณคาํ ของการ พยากรณอ์ ากาศ พยากรณอ์ ากาศ โดยนาเสนอแนว • แนวทางการปฏิบตั ิตนและการใช๎ ประโยชนจ์ ากคา ทางการปฏิบัตติ นและการใช๎ พยากรณ์อากาศ ในดา๎ นตาํ งๆในชีวิตประจาวนั เชํน ประโยชนจ์ ากคาพยากรณอ์ ากาศ การคมนาคม การเกษตร การปูองกนั และเฝูาระวัง ภยั พิบตั ิ ทางธรรมชาติ
๒๕๖ ช้นั ตัวชว้ี ดั สาระการเรียนรู้ ม.๑ ๖. อธิบายสถานการณแ์ ละผลกระทบการ • ผลกระทบที่เกิดจากการเปล่ียนแปลงภูมิอากาศ (ตํอ) เปล่ียนแปลง ภมู ิอากาศโลกจาก โลก ขอ๎ มลู ทร่ี วบรวมได๎ - การเปลยี่ นแปลงของสภาพภูมอิ ากาศโลกจาก อทิ ธพิ ลของธรรมชาติ ๗. ตระหนักถึงผลกระทบของการ • แนวทางการปฏิบัติตน ภายใตก๎ ารเปล่ยี นแปลง เปลี่ยนแปลง ภูมิอากาศโลก โดย ภมู ิอากาศโลก นาเสนอแนวทางการปฏิบัตติ น ภายใต๎ - การเปลีย่ นแปลงของสถาพภมู อิ ากาศโลกตอํ การเปลี่ยนแปลงภมู ิอากาศโลก ส่ิงมีชีวิตและสง่ิ แวดลอ๎ ม สาระที่ ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๑ เข้าใจแนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยีเพ่ือการดารงชีวิตในสังคมท่ีมีการเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็วใช้ความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์คณิตศาสตรแ์ ละศาสตร์อื่นๆเพ่ือแก้ปัญหาหรือ พัฒนางานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ด้วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมเลือกใช้เทคโนโลยีอย่าง เหมาะสม โดยคานึงถึงผลกระทบต่อชวี ิต สงั คม และส่ิงแวดล้อม ช้ัน ตัวชี้วัด สาระการเรยี นรู้ ม.๑ ๑. อธิบายแนวคดิ หลกั ของเทคโนโลยใี น • แนวคิดหลักของเทคโนโลยีในชีวติ ประจาวัน ชีวิตประจาวัน และวิเคราะหส์ าเหตุหรือ • การเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยีตง้ั แตอํ ดีต จนถึง ปจั จยั ท่สี ํงผลตอํ การเปลี่ยนแปลงของ ปจั จุบัน มสี าเหตุมาจากหลายด๎าน เชนํ ปัญหา ความ เทคโนโลยี ตอ๎ งการ ความก๎าวหน๎า ของศาสตร์ตําง ๆ เศรษฐกิจ สงั คม • สํวนประกอบของเทคโนโลยีและการทางานรํวมกนั ของสวํ นประกอบนนั้ ๒. ระบุปญั หาหรือความต๎องการใน • ปญั หาหรือความต๎องการในชีวิตประจาวนั พบได๎ ชวี ิตประจาวนั รวบรวม วิเคราะห์ข๎อมลู และ จากหลายบรบิ ทข้นึ กบั สถานการณ์ทป่ี ระสบเชํน แนวคิดท่ีเกยี่ วข๎อง กับปัญหา การเกษตร การอาหาร • การแก๎ปัญหาจาเป็นตอ๎ งสืบค๎น รวบรวมขอ๎ มูล ความร๎ูจากศาสตรต์ ําง ๆ ทเี่ ก่ียวข๎อง เพ่ือนาไปสํู การออกแบบแนวทางการแก๎ปัญหา ๓. ออกแบบวธิ ีการแก๎ปัญหา โดย • การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ และตดั สนิ ใจเลือกข๎อมูล วิเคราะห์ เปรียบเทียบ และตัดสินใจ ทจี่ าเปน็ โดยคานึงถึงเงอื่ นไข และทรัพยากร ทีํมีอยูํ เลอื กข๎อมูลทจ่ี าเป็น นาเสนอแนวทาง ชวํ ยให๎ไดแ๎ นวทางการแก๎ปัญหาทเํี หมาะสม การแกป๎ ัญหาใหผ๎ ๎อู ื่นเข๎าใจ วางแผน • การออกแบบแนวทางการแก๎ปญั หาทาได๎ และดาเนนิ การแกป๎ ัญหา หลากหลายวิธี เชนํ การรํางภาพ การเขียนแผนภาพ การเขยี นผังงาน
๒๕๗ ช้นั ตัวชว้ี ัด สาระการเรียนรู้ ม.๑ • การกาหนดขั้นตอนและระยะเวลาในการทางาน (ตอํ ) กํอนดาเนนิ การแกป๎ ญั หาจะชํวยให๎ทางานสาเรจ็ ได๎ ตามเปูาหมายและลดข๎อผิดพลาด ของการทางานท่ี อาจเกิดข้นึ ๔. ทดสอบ ประเมินผล และระบุ • การทดสอบ และประเมนิ ผลเป็นการตรวจสอบ ขอ๎ บกพรํอง ทเี่ กดิ ขึน้ พร๎อมทั้งหาแนว ชนิ้ งานหรือวิธีการวําสามารถแกป๎ ัญหาได๎ตาม ทางการปรับปรงุ แก๎ไข และนาเสนอผลการ วัตถปุ ระสงคภ์ ายใต๎กรอบของปญั หา เพ่ือหา แกป๎ ัญหา ขอ๎ บกพรํอง และดาเนินการปรับปรุง โดยอาจ ทดสอบซา้ เพ่ือให๎สามารถแก๎ปญั หาได๎ • การนาเสนอผลงานเปน็ การถํายทอดแนวคดิ เพอื่ ให๎ผอู๎ น่ื เขา๎ ใจเกี่ยวกบั กระบวนการทางาน และ ชนิ้ งานหรือวธิ กี ารทไี่ ด๎ ซ่ึงสามารถทาได๎ หลายวิธี เชนํ การเขียนรายงาน การทาแผนํ นาเสนอ ผลงาน การจัดนทิ รรศการ การนาเสนอผาํ น สอ่ื ออนไลน์ ๕. ใชค๎ วามร๎ูและทกั ษะเก่ียวกับวสั ดุ • วสั ดุแตํละประเภทมสี มบตั ิแตกตาํ งกัน เชํน ไม๎ อปุ กรณ์ เครือ่ งมือ กลไก ไฟฟูา หรอื โลหะ พลาสติก จงึ ตอ๎ งมีการวิเคราะห์สมบัติ เพื่อ อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ เพือ่ แกป๎ ญั หาได๎อยํางถูกต๎อง เลอื กใช๎ใหเ๎ หมาะสมกับลกั ษณะของงาน เหมาะสม และปลอดภัย • การสรา๎ งชน้ิ งานอาจใชค๎ วามรู๎ เรอ่ื งกลไก ไฟฟูา อิเลก็ ทรอนกิ ส์ เชนํ LED บัซเซอร์ มอเตอร์ วงจรไฟฟูา • อุปกรณแ์ ละเคร่ืองมือในการสรา๎ งชิ้นงานหรือ พฒั นาวิธกี ารมหี ลายประเภท ตอ๎ งเลอื กใช๎ ให๎ ถูกต๎อง เหมาะสม และปลอดภัย รวมท้ัง รจ๎ู กั เกบ็ รกั ษา
๒๕๘ คาอธิบายรายวิชาเพ่ิมเติม รายวิชาวิทยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี ๑ รหสั วชิ า ว ๒๑๒๐๑ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ ภาคเรียนท่ี ๑ เวลา ๒๐ ชั่วโมง จานวน ๐.๕ หน่วยกติ เข๎าใจแนวคิดหลักของเทคโนโลยีเพื่อการดารงชีวติ ในสังคมทมี่ ีการเปลี่ยนแปลงอยํางรวดเร็ว ใช๎ความร๎ู และทักษะทางด๎านวิทยาศาสตรค์ ณิตศาสตร์และศาสตร์อ่ืนๆ เพอื่ แก๎ปัญหาหรือพัฒนางานอยํางมี ความคิดสร๎างสรรคด์ ๎วยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรมเลือกใช๎เทคโนโลยีอยํางเหมาะสม โดยคานงึ ถึง ผลกระทบตํอชวี ติ สังคม และสิ่งแวดลอ๎ ม สามารถราํ งภาพ เขยี นแผนภาพ ผงั งาน กาหนดขนั้ ตอนและ ระยะเวลาในการทางานได๎ตามวตั ถุประสงคภ์ ายใต๎กรอบของปัญหา เพ่อื หาขอ๎ บกพรํอง และดาเนินการ ปรบั ปรงุ สามารถรํางภาพ เขียนแผนภาพ ผงั งาน โดยถาํ ยทอดแนวคิด เพื่อให๎ผู๎อ่ืนเข๎าใจเกย่ี วกบั กระบวนการ ทางาน ทัง้ ในรปู การเขยี นรายงาน การทาแผนํ นาเสนอ ผลงาน การจัดนทิ รรศการ การนาเสนอผาํ น สอื่ ออนไลน์ วิเคราะหส์ มบตั ิของวสั ดุแตลํ ะประเภท เพือ่ เลือกใชใ๎ ห๎เหมาะสมกบั ลกั ษณะของงาน สรา๎ งช้นิ งานโดย ใช๎ความร๎ู เรื่อง กลไก ไฟฟาู อเิ ลก็ ทรอนิกส์ โดยพัฒนาเครื่องมือในการสรา๎ งชนิ้ งานหรือพฒั นาวธิ ีการให๎ถูกตอ๎ ง เหมาะสมและปลอดภยั รวมทัง้ รูจ๎ กั เก็บรักษา ตัวชีว้ ดั ว ๔.๑ ม๑/๑ ม๑/๒ ม๑/๓ ม๑/๔ ม๑/๕ สมรรถนะ ๑. ความสามารถในการสื่อสาร ๒. ความสามารถในการแก๎ปัญหา ๓. ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ ๔. ความสามารถในการใช๎เทคโนโลยี ๕. ความสามารถในการใช๎ทักษะชีวิต คุณลักษณะท่พี ึงประสงค์ ๑. รักชาติ ศาสน์ กษตั รยิ ์ ๒. ซือ่ สตั ย์สจุ ริต ๓. มีวนิ ยั ๔. ใฝุเรียนร๎ู ๕. อยูํอยํางพอเพยี ง ๖. มงํุ มั่นในการทางาน ๗. รักความเปน็ ไทย ๘. มจี ิตสาธารณะ
๒๕๙ โครงสร้างรายวิชา วิทยาศาสตร์ รายวชิ าวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี รหัสวชิ า ว ๒๑๒๐๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๒๐ ช่ัวโมง มาตรฐานการ เวลา ท่ี ช่ือหน่วยการเรียนรู้ เรียนร้/ู สาระสาคญั (ชั่วโมง) ตวั ชว้ี ดั ๑ เทคโนโลยใี น ว ๔.๑ • แนวคิดหลักของเทคโนโลยใี นชีวติ ประจาวัน ๓ ชีวิตประจาวนั ม.๑/๑ การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีตง้ั แตอํ ดีต จนถึงปจั จุบนั • ปญั หา ความต๎องการ ความก๎าวหน๎า ของ ศาสตรต์ าํ ง ๆ เศรษฐกจิ สังคม • สวํ นประกอบของเทคโนโลยีและการ ทางานรํวมกันของสํวนประกอบนนั้ ๒ การออกแบบการ ว ๔.๑ • ปญั หาหรอื ความต๎องการในชีวิตประจาวัน ๗ แก๎ปญั หาโดยใช๎ ม.๑/๒, ม.๑/๓ • การแก๎ปญั หาจาเปน็ ต๎องสืบค๎น รวบรวม เทคโนโลยี ข๎อมูล • การวเิ คราะห์ เปรียบเทียบ และตดั สินใจ เลือกข๎อมูล • การออกแบบแนวทางการแก๎ปัญหา โดย แผนภาพ แผนผงั และการกาหนดข้นั ตอน และระยะเวลาในการทางาน ๓ ขั้นตอนการทดสอบ ว ๔.๑ • การทดสอบ และประเมินผลเปน็ การ ๖ เคร่ืองมือ และ ม.๑/๔, ตรวจสอบ ชิ้นงานหรอื วิธกี ารวําสามารถ ประเมนิ ผล แก๎ปญั หาไดต๎ าม วัตถุประสงค์ภายใต๎กรอบ ของปญั หา • การนาเสนอผลงานเป็นการถาํ ยทอด แนวคิด ๔ ความรู๎และทักษะ ว ๔.๑ • คณุ สมบตั ขิ องวสั ดุอุปกรณ์ ๔ เกี่ยวกบั วัสดุ อุปกรณ์ ม.๑/๕ • การสรา๎ งชิ้นงาน เครอ่ื งมอื กลไก ไฟฟูา • อปุ กรณแ์ ละเคร่ืองมือในการสร๎างชน้ิ งาน หรืออเิ ล็กทรอนิกส์ รวมตลอดปี / ภาค ๒๐
๒๖๐ คาอธิบายรายวชิ าเพ่ิมเตมิ รายวชิ าวิทยาศาสตรเ์ ทคโนโลยี ๒ รหัสวชิ า ว ๒๑๒๐๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๑ ภาคเรยี นที่ ๒ เวลา ๒๐ ช่ัวโมง จานวน ๐.๕ หน่วยกิต ศึกษาแนวคิดเชิงนามธรรม การคัดเลือกคุณลักษณะท่ีจาเป็นตํอการแก๎ปัญหา ข้ันตอนการแก๎ปัญหา การเขียนรหสั ลาลองและผงั งาน การเขียนออกแบบและเขียนโปรแกรมอยํางงํายที่มีการใช๎งานตัวแปร เง่ือนไข และการวนซ้า เพ่ือแก๎ปัญหาทางคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์การรวบรวมข๎อมูลปฐมภูมิ การประมวลผล ขอ๎ มูล การสร๎างทางเลือกและประเมินผลเพื่อตัดสินใจซอฟต์แวร์และบริการบนอินเทอร์เน็ตที่ใช๎ในการจัดการ ขอ๎ มลู แนวทางการใชง๎ านเทคโนโลยีสารสนเทศให๎ปลอดภยั การจัดการอัตลกั ษณ์ การพจิ ารณาความเหมาะสม ของเนอ้ื หา ข๎อตกลงและข๎อกาหนดการใช๎สอ่ื และแหลงํ ข๎อมลู นาแนวคิดเชิงนามธรรมและขั้นตอนการแก๎ปัญหา ไปประยุกต์ใช๎ในการเขียนโปรแกรม หรือการ แก๎ปัญหาในชีวิตจริง รวบรวมข๎อมูลและสร๎างทางเลือก ในการตัดสินใจได๎อยํางประสิทธิภาพและตระหนักถึง การใช๎งานเทคโนโลยีสารสนเทศอยํางปลอดภัย เกิดประโยชน์ตํอการเรียนร๎ู และไมํสร๎างความเสียหายให๎แกํ ผู๎อ่นื ตัวช้ีวัด ว ๔.๒ ม๑/๑ ม๑/๒ ม๑/๓ ม๑/๔ สมรรถนะ ๑. ความสามารถในการส่ือสาร ๒. ความสามารถในการแกป๎ ัญหา ๓. ความสามารถในการคิดวเิ คราะห์ ๔. ความสามารถในการใชเ๎ ทคโนโลยี ๕. ความสามารถในการใช๎ทกั ษะชีวิต คุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ ๑. รกั ชาติ ศาสน์ กษัตรยิ ์ ๒. ซื่อสตั ยส์ ุจริต ๓. มวี ินัย ๔. ใฝเุ รียนรู๎ ๕. อยูํอยาํ งพอเพียง ๖. มุงํ ม่ันในการทางาน ๗. รักความเป็นไทย ๘. มจี ิตสาธารณะ
๒๖๑ รายวิชาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี โครงสร้างรายวิชา วิทยาศาสตร์ ระดบั มัธยมศึกษาปีที่ ๑ รหัสวิชา ว ๒๑๒๐๒ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ภาคเรียนที่ ๒ เวลา ๒๐ ชัว่ โมง มาตรฐานการ สาระสาคัญ เวลา ที่ ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ เรียนร/ู้ (ชัว่ โมง) ตวั ชี้วดั ๑ ออกแบบอัลกอริทมึ ท่ี ว ๔.๒ • แนวคดิ เชงิ นามธรรม ๓ ใช๎แนวคิดเชงิ นามธรรม ม.๑/๑ • การแยกแยะสวํ นทเี่ ป็น สาระสาคญั ออกจากสํวนที่ เพ่ือแก๎ปญั หา ไมใํ ชํสาระสาคัญ ๒ การออกแบบและเขยี น ว ๔.๒ • การออกแบบและเขยี นโปรแกรม ๗ โปรแกรมอยํางงาํ ย ม.๑/๒ • การออกแบบอลั กอรทิ มึ เพื่อแก๎ปัญหา ทาง ๗ เพื่อแก๎ปัญหาทาง คณติ ศาสตร์ วิทยาศาสตรอ์ ยํางงาํ ย ๓ คณิตศาสตรห์ รือ • การแก๎ปัญหาอยํางเปน็ ขัน๎ ตอน วิทยาศาสตร์ • ซอฟต์แวร์ทีํใช๎ในการเขยี นโปรแกรม เชนํ Scratch,python, java, c ๓ การประมวลผล ว ๔.๒ • ตัวอยาํ งโปรแกรม เชนํ โปรแกรมสมการ ประเมินผล นาเสนอ ม.๑/๓ การเคลอื่ นท่ี โปรแกรมคานวณหาพ้ืนที่ โปรแกรมคานวณดชั นมี วลกาย ข๎อมูล และสารสนเทศ • การรวบรวมขอ๎ มลู จากแหลงํ ขอ๎ มูลปฐมภมู ิ ๔ การใช๎เทคโนโลยี ว ๔.๒ ประมวลผล สรา๎ งทางเลือก สารสนเทศอยาํ ง ม.๑/๔ • การประมวลผลเป็นการกระทากบั ข๎อมลู เพอ่ื ให๎ ได๎ ปลอดภัย และการใช๎ ผลลพั ธท์ ่มี คี วามหมายและมปี ระโยชน์ แหลงํ ข๎อมูลตาม • การใชซ๎ อฟต์แวร์หรือบริการบนอนิ เทอรเ์ น็ต ขอ๎ กาหนดและ • การประมวลผล สรา๎ งทางเลือก ประเมนิ ผล ข๎อตกลง นาเสนอ จะชํวยใหเ๎ พื่อชํวยในการแกป๎ ัญหา • ใชเ๎ ทคโนโลยีสารสนเทศอยาํ งปลอดภัย • การจัดการอตั ลักษณ์ และการปกปอู งขอ๎ มูลสวํ นตวั • การพจิ ารณาความเหมาะสมของเนื้อหาทาง คอมพิวเตอร์และการเผยแพรํ • ข๎อตกลง ข๎อกาหนดในการใช๎ส่อื หรอื แหลงํ ข๎อมลู ตําง ๆ เชนํ Creative commons
๒๖๒ สาระท่ี ๔ เทคโนโลยี มาตรฐาน ว ๔.๒ เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคานวณในการแก้ปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเป็น ขั้นตอนและเป็นระบบใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารในการเรียนรู้การทางานและการแก้ปัญหาได้ อย่างมปี ระสทิ ธภิ าพรู้เท่าทันและมจี ริยธรรม ชน้ั ตัวชีว้ ดั สาระการเรยี นรู้ ม.๑ ๑. ออกแบบอัลกอรทิ มึ ที่ใชแ๎ นวคิดเชงิ • แนวคิดเชงิ นามธรรม เป็นการประเมนิ ความสาคัญ นามธรรม เพอ่ื แก๎ปญั หาหรอื อธบิ ายการ ของรายละเอยี ดของปัญหา แยกแยะสํวนที่เป็น ทางานที่พบใน ชวี ติ จริง สาระสาคญั ออกจากสวํ นที่ไมํใชํสาระสาคัญ ๒. ออกแบบและเขียนโปรแกรมอยํางงําย • ตวั อยํางปัญหา เชํน ตอ๎ งการปูหญา๎ ในสนาม ตาม เพ่อื แก๎ปญั หาทางคณิตศาสตรห์ รือ พืน้ ที่ท่ีกาหนด โดยหญา๎ หนง่ึ ผืนมีความกวา๎ ง ๕๐ วิทยาศาสตร์ เซนตเิ มตร ยาว ๕๐ เซนตเิ มตร จะใช๎หญา๎ ท้งั หมดก่ี ผนื ๓. รวบรวมขอ๎ มูลปฐมภูมิ ประมวลผล ประเมินผล นาเสนอขอ๎ มูล และสารสนเทศ • การออกแบบและเขียนโปรแกรมที่มกี ารใช๎ตวั แปร ตามวัตถุประสงค์ โดยใชซ๎ อฟต์แวร์ หรือ เงือ่ นไข วนซ้า บรกิ ารบนอนิ เทอร์เนต็ ท่หี ลากหลาย • การออกแบบอลั กอรทิ ึม เพ่ือแก๎ปัญหา ทาง คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์อยํางงําย อาจใช๎ แนวคดิ เชงิ นามธรรมในการออกแบบ เพื่อให๎ การแก๎ปัญหามีประสิทธิภาพ • การแก๎ปัญหาอยาํ งเปน็ ขัน๎ ตอนจะชํวยให๎แก๎ปัญหา ไดอ๎ ยํางมปี ระสิทธิภาพ • ซอฟต์แวร์ทํใี ช๎ในการเขียนโปรแกรม เชนํ Scratch, python, java, c • ตัวอยํางโปรแกรม เชนํ โปรแกรมสมการ การเคล่อื นท่ี โปรแกรมคานวณหาพ้ืนที่ โปรแกรมคานวณดัชนีมวลกาย • การรวบรวมข๎อมลู จากแหลงํ ข๎อมูลปฐมภูมิ ประมวลผล สรา๎ งทางเลอื ก ประเมินผล จะทาให๎ ได๎สารสนเทศเพื่อใช๎ในการแก๎ปัญหาหรอื การ ตดั สินใจได๎อยาํ งมีประสิทธภิ าพ
๒๖๓ ชน้ั ตัวชีว้ ดั สาระการเรียนรู้ ม.๑ • การประมวลผลเป็นการกระทากับข๎อมลู เพื่อให๎ (ต่อ) ได๎ผลลัพธ์ทมี่ ีความหมายและมปี ระโยชนต์ ํอ การ ๔. ใช๎เทคโนโลยีสารสนเทศอยํางปลอดภัย นาไปใช๎งาน สามารถทาได๎หลายวธิ ี เชํน คานวณ ใชส๎ ือ่ และแหลงํ ข๎อมูลตามข๎อกาหนดและ อตั ราสวํ น คานวณคาํ เฉล่ยี ขอ๎ ตกลง • การใช๎ซอฟต์แวร์หรือบริการบนอนิ เทอร์เนต็ ที่ หลากหลายในการรวบรวม ประมวลผล สรา๎ ง ทางเลือก ประเมนิ ผล นาเสนอ จะชํวยให๎ แก๎ปญั หาไดอ๎ ยาํ งรวดเร็ว ถกู ต๎อง และแมํนยา • ตัวอยํางปญั หา เนน๎ การบูรณาการกับวชิ าอนื่ เชนํ ตม๎ ไขํใหต๎ รงกบั พฤติกรรมการบริโภค คําดัชนี มวลกายของคนในทอ๎ งถ่ิน การสรา๎ งกราฟ ผลการทดลองและวเิ คราะหแ์ นวโน๎ม • ใช๎เทคโนโลยสี ารสนเทศอยาํ งปลอดภยั เชนํ การปกปูองความเปน็ สวํ นตัวและอตั ลักษณ์ • การจัดการอตั ลักษณ์ เชํน การตั้งรหัสผําน การปกปูองข๎อมลู สํวนตัว • การพิจารณาความเหมาะสมของเน้ือหา เชนํ ละเมดิ ความเป็นสํวนตวั ผ๎อู น่ื อนาจาร วิจารณ์ ผ๎อู นื่ อยํางหยาบคาย • ขอ๎ ตกลง ข๎อกาหนดในการใช๎สอ่ื หรือแหลํงข๎อมูล ตาํ ง ๆ เชํน Creative commons
๒๖๔ รายวิชาวิทยาศาสตร คาอธิบายรายวชิ า ชั้นมธั ยมศึกษาปท่ี ๒ รหสั วชิ า ว ๒๒๑๐๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ภาคเรียนท่ี ๑ เวลา ๖๐ ชั่วโมง จานวน 1.5 หนว่ ยกิต ศึกษา วิเคราะห์ และอภิปรายการทางานของระบบยํอยอาหาร ระบบหมุนเวียนเลือด ระบบ หายใจ ระบบขับถําย ระบบสืบพันธข์ุ องมนุษย์และสัตว์ รวมทง้ั ระบบประสาทของมนุษย์ ความสัมพันธ์ของ ระบบตําง ๆ ของมนษุ ย์ และนาความรไ๎ู ปใชป๎ ระโยชน์ พฤตกิ รรมของมนุษย์ และสัตว์ทีต่ อบสนองตํอส่งิ เร๎าภายนอกและภายใน หลักการและผลการใช๎เทคโนโลยีชีวภาพในการขยายพันธ์ุ และเพ่ิมผลผลิตของสัตว์ สารอาหารในอาหารมีปริมาณพลังงานและสัดสํวนท่ีเหมาะสมกับเพศและวัย ผล ของสารเสพติดตํอระบบตําง ๆ ของรํางกายและแนวทางในการปูองกันตนเองจากสารเสพติด องค์ประกอบ สมบัติของธาตุและสารประกอบ สมบัติของธาตุโลหะ ธาตุอโลหะ ธาตุกึ่งโลหะ และธาตุกัมมันต รังสี หลักการแยกสารด๎วยวิธีการกรอง การตกผลึก การสกัด การกลั่นและโครมาโทกราฟี การเปล่ียนแปลง สมบัติ มวล และพลังงาน เม่อื สารเกิดปฏิกิริยาเคมี ปจั จยั ทม่ี ผี ลตอํ อัตราการเกดิ ปฏิกริ ิยาเคมี เขียนสมการ เคมีของปฏิกิริยาของสารตําง ๆ ผลของสารเคมี ปฏิกิริยาเคมีตํอสิ่งมีชีวิตและส่ิงแวดล๎อม การใช๎สารเคมี อยํางถูกต๎อง ปลอดภัย วิธีปอู งกัน และแกไ๎ ขอนั ตราย ที่เกิดขน้ึ จากการใช๎สารเคมี โดยใชก้ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การ สืบคน้ ข้อมูลและการอภปิ ราย เพื่อให้เกิดการเรยี นรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถสื่อสารสงิ่ ท่ีเรยี นรู้ มีความสามารถในการ ตัดสนิ ใจ นาความรไู้ ปใชใ้ นชีวิตประจาวัน มีจิตวทิ ยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และค่านิยมทเี่ หมาะสม รหัสตวั ชี้วดั ว 1.1 ม.2 /1, ว 1.1 ม.2/2, ว 1.1 ม.2/3, ว 1.1 ม.2/4, ว 1.1 ม.2/5, ว 1.1 ม.2/6 ว 3.1 ม.2/1, ว 3.1 ม.2/2, ว 3.1 ม.2/3 ว 3.2 ม.2 /1, ว 3.2 ม.2/2, ว 3.2 ม.2/3, ว 3.2 ม.2/4 ว 8.1 ม.2/1, ว 8.1 ม.2/2, ว 8.1 ม.2/3, ว 8.1 ม.2/4, ว 8.1 ม.2/5, ว 8.1 ม. 2/6, ว 8.1 ม.2/7, ว 8.1 ม.2/8, ว 8.1 ม.2/9 รวมท้ังหมด 22 ตัวช้วี ดั
๒๖๕ โครงสรา้ งรายวชิ า วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว ๒๒๑๐๑ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ระดบั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๖๐ ช่วั โมง ที่ ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ สาระสาคัญ เวลา น้าหนัก ตัวชีว้ ดั (ชั่วโมง) คะแนน 1 อาหารกับการดารงชีวิต ว 1.1 ม.2/5 -แปง้ น้าตาล ไขมนั โปรตีน 18 15 ว 1.1 ม.2/6 วิตามินซี เป็นสารอาหารและ ว 8.1 ม.2/1 สามารถทดสอบได้ ว 8.1 ม.2/6 - การบรโิ ภคอาหาร ว 8.1 ม.2/7 จาเป็นตอ้ งให้ได้สารอาหาร ท่ี ว 8.1 ม.2/8 ครบถว้ นในสัดส่วนท่ี ว 8.1 ม.2/9 เหมาะสมกบั เพศ และวัย และ ได้รับปรมิ าณพลังงานที่ เพยี งพอกับความต้องการของ รา่ งกาย - สารเสพติดแต่ละประเภทมี ผลต่อระบบ ต่างๆ ของ รา่ งกาย ทาให้ระบบเหลา่ น้ัน ทา หนา้ ทีผิด ปกติ ดงั น้นั จึง ตอ้ งหลกี เล่ยี งการใช้สารเสพ ตดิ และหาแนวทางในการ ปอ้ งกนั ตนเองจากสารเสพติด 2 กลไกลของส่ิงมชี ีวติ ว 1.1 ม.2/1 -ระบบย่อยอาหาร ระบบ 18 20 ว 1.1 ม.2/2 หมนุ เวียนเลอื ด ระบบหายใจ ว 1.1 ม.2/3 ระบบขับถา่ ย ระบบสบื พนั ธุ์ ว 1.1 ม.2/4 และระบบประสาทของมนุษย์ ว 8.1 ม.2/1 ในแต่ละระบบ ประกอบด้วย ว 8.1 ม.2/2 อวัยวะหลายชนดิ ทีท่ างาน อย่าง เป็นระบบ
๒๖๖ โครงสร้างรายวิชา วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว ๒๒๑๐๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ระดับมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๖๐ ชั่วโมง ท่ี ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก ตัวชีว้ ดั (ชัว่ โมง) คะแนน 2 (ตอ่ ) แต่ละระบบมีการทางานที่ สัมพนั ธก์ นั ทาให้มนษุ ย์ ดารงชวี ิตอยู่ได้อย่างปกติ ถา้ ระบบใดระบบหนึ่งทางาน ผดิ ปกติ ย่อมสง่ ผลกระทบตอ่ ระบบอ่นื ๆ ดังนั้นจงึ ต้องมีการ ดแู ลรักษาสุขภาพ- แสง อณุ หภูมิ และการสมั ผสั จดั เป็นสิง่ เรา้ ภายนอกส่วน การเปลีย่ นแปลงระดบั สารใน รา่ งกาย เช่น ฮอร์โมน จัดเปน็ สงิ่ เร้าภายใน ซง่ึ ท้งั สงิ่ เรา้ ภายนอกและสิ่งเรา้ ภายในมี ผลต่อมนุษย์และสัตว์ ทาให้ แสดงพฤติกรรมต่าง ๆ เทคโนโลยีชีวภาพเป็นการใช้ เทคโนโลยีเพ่ือให้สิง่ มีชีวิต หรอื องค์ประกอบของ สง่ิ มชี วี ิตมสี มบตั ติ ามต้องการ การผสมเทียม การถ่ายฝากตวั อ่อน การโคลน เปน็ การใช้ เทคโนโลยี ชีวภาพในการ ขยายพันธ์ุ ปรับปรงุ พันธุ์ และ เพ่มิ ผลผลติ ของสัตว์
๒๖๗ โครงสร้างรายวิชา วิทยาศาสตร์ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว ๒๒๑๐๑ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ระดบั มัธยมศึกษาปีท่ี ๒ ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๖๐ ช่วั โมง ท่ี ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ 3 สมบตั ขิ องสารและการ มาตรฐาน/ตัวชีว้ ัด สาระสาคัญ เวลา (ชวั่ โมง) เปล่ยี นแปลง ว 3.1 ม.2/1 -ธาตุ เป็นสารบรสิ ทุ ธท์ิ ี่ประกอบด้วย ว 3.1 ม.2/2 อะตอมชนิดเดยี วกันและไมส่ ามารถ 18 ว 3.1 ม.2/3 แยกสลายเป็นสารอื่นได้อีกโดย ว 8.1 ม.2/1 วธิ กี ารทางเคมีประกอบเป็นสาร ว 8.1 ม.2/3 บริสุทธ์ทิ ป่ี ระกอบด้วยธาตุ ว 8.1 ม.2/4 ตง้ั แตส่ องธาตุข้ึนไป รวมตวั ว 8.1 ม.2/5 กันด้วยอตั ราสว่ นโดยมวลคงที่ และมีสมบตั ิ แตกต่างจากสมบัติเดิมของธาตทุ ี่เปน็ องค์ประกอบธาตแุ ตล่ ะชนิดมีสมบัติบาง ประการที่คลา้ ยกนั และแตกต่างกัน จึงสามารถ จาแนกกลุ่มธาตุตามสมบตั ิของธาตเุ ปน็ ธาตุ โลหะ กึ่งโลหะ อโลหะ และธาตุกัมมนั ตรงั สี -การกรอง การตกผลึก การสกัด การกล่นั และโค มาโทก-ราฟี เป็นวิธีการแยกสาร ท่ีมหี ลักการ แตกตา่ งกนั และสามารถนาไป ประยุกตใ์ ชใ้ น ชวี ิตประจาวัน
๒๖๘ โครงสร้างรายวชิ า วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว ๒๒๑๐๑ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ระดบั มธั ยมศกึ ษาปีที่ ๒ ภาคเรียนท่ี ๑ เวลา ๖๐ ชั่วโมง ท่ี ชอื่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั ตัวชวี้ ัด (ชวั่ โมง) คะแนน 3 (ต่อ) -เม่ือเกดิ ปฏกิ ิรยิ าเคมจี ะมี พลังงานเข้ามา เก่ยี วข้อง ซึ่ง เปน็ การดดู พลังงานความร้อน และคายพลงั งานความร้อน -อุณหภมู ิ ความเข้มขน้ ธรรมชาตขิ องสารและตัวเรง่ ปฏกิ ริ ิยามผี ลต่อการ เกดิ ปฏิกริ ิยาเคมขี องสาร -สมการเคมีใชเ้ ขียนแสดงการ เกิดปฏกิ ิริยา เคมีของสาร ซ่ึง มที ัง้ สารต้ังตน้ และผลติ ภณั ฑ์ -ปฏกิ ริ ยิ าระหว่าง โลหะกบั ออกซเิ จน โลหะกับน้า โลหะ กบั กรด กรดกับเบส และกรด กบั คาร์บอเนตเป็นปฏกิ ริ ิยา เคมีท่ีพบท่ัวไป -การเลอื กใชว้ ัสดุและสาร รอบตวั ในชวี ติ ประจาวนั ได้ อย่างเหมาะสมและปลอดภยั โดย คานึงถึงปฏิกริ ยิ าที่ เกดิ ข้นึ
๒๖๙ โครงสรา้ งรายวิชา วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว ๒๒๑๐๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดบั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๖๐ ชว่ั โมง ท่ี ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ สาระสาคัญ เวลา น้าหนัก ตัวชี้วัด (ชวั่ โมง) คะแนน 3 สมบัติของสารและการ (ต่อ) เปลย่ี นแปลง ว 3.2 -สารเคมแี ละปฏิกริ ิยาเคมีมี ม.2/3 ว 3.2 ทง้ั ประโยชน์และโทษตอ่ ม.2/4 ว 8.1 ม.2/1 สิง่ มชี วี ิตและส่งิ แวดลอ้ มทงั้ ว 8.1 ม.2/9 ทางตรงและทางอ้อม -การใช้สารเคมตี ้องมีความ ระมัดระวังป้องกนั ไมใ่ หเ้ กิด อันตรายต่อตนเองและผู้อนื่ โดยใชใ้ หถ้ ูกต้องปลอดภยั และ คุ้มคา่ -ผูใ้ ช้สารเคมีควรรู้จัก สญั ลักษณ์เตือนภัยบนฉลาก และรู้วิธกี ารแก้ไขและการ ปฐมพยาบาลเบ้ืองต้นเม่ือ ไดร้ ับอันตรายจากสารเคมี ๔ เทคโนโลยีใน ว ๔.๑ • แนวคดิ หลักของเทคโนโลยใี น ชวี ิตประจาวนั ม.๒/๑ ชีวิตประจาวัน การเปลี่ยนแปลงของ การออกแบบการ ว ๔.๑ เทคโนโลยีตั้งแต่อดีต จนถงึ แก้ปัญหาโดยใช้ ม.๒/๒, ม.๒/ ปจั จุบัน เทคโนโลยี ๓ • ปัญหา ความต้องการ ความก้าวหน้า ของศาสตรต์ า่ ง ๆ เศรษฐกจิ สังคม • ส่วนประกอบของเทคโนโลยี และการทางานรว่ มกันของ ส่วนประกอบนั้น • ปญั หาหรือความต้องการใน ชีวติ ประจาวัน • การแกป้ ัญหาจาเปน็ ต้อง สืบค้น รวบรวมข้อมลู • การวเิ คราะห์ เปรียบเทียบ และตัดสินใจเลือกข้อมูล
สอบกลางภาค • การออกแบบแนวทางการ 3 ๒๗๐ 2/4, แก้ปญั หา โดยแผนภาพ 3 แผนผัง และการกาหนด 60 20 สอบปลายภาค ขน้ั ตอนและระยะเวลาในการ 30 ทางาน 100 ม.2/4 ว 1.1 ม.2 /1, ว 1.1 ม.2/2, ว 1.1 ม.2/3, ว 1.1 ม. ว 1.1 ม.2/5, ว 1.1 ม.2/6 ว 3.1 ม.2/1, ว 3.1 ม.2/2, ว 3.1 ม.2/3 ว 3.2 ม.2 /1, ว 3.2 ม.2/2, ว 3.2 ม.2/3, ว 3.2 รวม
๒๗๑ คาอธบิ ายรายวิชา รายวชิ าวิทยาศาสตร รหสั วิชา ว ๒๒๑๐๒ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ชัน้ มัธยมศึกษาปท่ี ๒ ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๖๐ ชั่วโมง จานวน 1.5 หน่วยกติ ศกึ ษา วิเคราะห์ และอภปิ รายการหาแรงลพั ธข์ องแรงหลายแรงในระนาบเดียวกันที่กระทาตํอวัตถุ แรงลัพธ์ท่ีกระทาตํอวัตถุที่หยุดนิ่งหรือวัตถุเคลื่อนท่ีด๎วยความเร็วคงตัว การสะท๎อนของแสง การหักเหของ แสง ผลของความสวํางท่ีมีตํอมนุษย์ส่ิงมีชีวิตอื่น ๆ การดูดกลืนแสงสี การมองเห็นสีของวัตถุ ลักษณะของ ชั้นหน๎าตัดดิน สมบัติของดินและกระบวนการเกิดดิน การใช๎ประโยชน์และการปรับปรุงคุณภาพดิน กระบวนการเกิดและลักษณะองค์ประกอบของหนิ องคป์ ระกอบและสมบัติของหิน ลักษณะทางกายภาพของ แร่ กระบวนการเกิด ลกั ษณะและองค์ประกอบและสมบัติของปิโตรเลียม ถ่านหิน หินน้ามัน ลักษณะแหล่ง น้าธรรมชาติ การใช้ประโยชน์และการอนุรักษ์แหล่งน้าในท้องถิ่น การเกิดแหล่งน้าบนดินแหล่งน้าใต้ดิน กระบวนการผุพังอยู่กับที่ การกร่อน การพัดพา การทับถม การตกผลึก และผลของกระบวนการดังกล่าว ต่อโครงสรา้ งและองคป์ ระกอบของโลก โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู้ การสารวจตรวจสอบ การสืบค้น ขอ้ มลู และการอภปิ ราย เพอื่ ให้เกิดการเรียนรู้ ความคิด ความเข้าใจ สามารถส่ือสารสิ่งที่เรียนรู้ มีความสามารถในการ ตัดสนิ ใจ นาความรู้ไปใชใ้ นชีวติ ประจาวัน มจี ติ วิทยาศาสตร์ จริยธรรม คณุ ธรรม และคา่ นยิ มทเ่ี หมาะสม รหสั ตัวชี้วดั ว 4.1 ม.2/1, ว 4.1 ม.2/2 ว 5.1 ม.2/1, ว 5.1 ม.2/2, ว 5.1 ม.2/3 ว 6.1 ม.2/1, ว 6.1 ม.2/2, ว 6.1 ม.2/3, ว 6.1 ม.2/4, ว 6.1 ม.2/5, ว 6.1 ม.2/6, ว 6.1 ม.2/7, ว 6.1 ม.2/8, ว 6.1 ม.2/9, ว 6.1 ม.2/10 ว 8.1 ม.2/1, ว 8.1 ม.2/2, ว 8.1 ม.2/3, ว 8.1 ม.2/4, ว 8.1 ม.2/5, ว 8.1 ม.2/6, ว 8.1 ม.2/7, ว 8.1 ม.2/8, ว 8.1 ม.2/9 รวมทั้งหมด 24 ตัวชีว้ ัด
๒๗๒ โครงสรา้ งรายวิชา วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว ๒๒๑๐๒ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ระดับมธั ยมศึกษาปีที่ ๒ ภาคเรียนที่ ๒ เวลา ๖๐ ชวั่ โมง ท่ี ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ สาระสาคัญ เวลา น้าหนัก ตัวช้วี ัด (ชัว่ โมง) คะแนน 1 แรงและการเคล่ือนท่ี ว 4.1 ม.2/1 -แรงเป็นปริมาณเวกเตอร์ เม่ือ 8 10 ว 4.1 ม.2/2 มีแรงหลายแรงในระนาบ ว 8.1 ม.2/1 เดยี วกันกระทาต่อวัตถุ ว 8.1 ม.2/4 เดยี วกนั สามารถหาแรงลัพธ์ ไดโ้ ดยใชห้ ลักการรวม เวกเตอร์ -เมอ่ื แรงลัพธ์มคี า่ เป็นศนู ย์ กระทาต่อวตั ถุทีห่ ยุดน่งิ วัตถุ นัน้ ก็จะหยุดนงิ่ ตลอดไป แต่ ถ้าวัตถเุ คลื่อนที่ด้วยความเร็ว คงตวั กจ็ ะเคลื่อนที่ดว้ ย ความเรว็ คงตัวตลอดไป 2 แสงและการมองเหน็ ว 5.1 ม.2/1 - เมอื่ แสงตกกระทบผวิ วัตถุ 18 15 ว 5.1 ม.2/2 หรือตวั กลางอีกตวั กลางหน่ึง ว 5.1 ม.2/3 แสงจะเปลย่ี นทิศทางการ ว 8.1 ม.2/2 เคลื่อนทโี่ ดยการสะท้อนของ ว 8.1 ม.2/3 แสงหรอื การหักเหของแสง ว 8.1 ม.2/4 -การนาความรูเ้ ก่ียวกับการ ว 8.1 ม.2/7 สะทอ้ นของแสง และการหกั เหของแสงไปใช้อธิบายแว่นตา ทัศนูปกรณ์ กระจก เสน้ ใยนาแสง
๒๗๓ โครงสรา้ งรายวชิ า วิทยาศาสตร์ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว ๒๒๑๐๒ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษาปีท่ี ๒ ภาคเรยี นที่ ๒ เวลา ๖๐ ชว่ั โมง ที่ ชอื่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั ตัวชี้วัด (ชวั่ โมง) คะแนน 2 (ต่อ) - นัยนต์ าของคนเราเป็น อวยั วะใชม้ องดูสิง่ ต่างๆ นยั นต์ ามอี งค์ประกอบสาคัญ หลายอยา่ ง -ความสวา่ งของแสงมผี ลต่อ นยั นต์ ามนษุ ย์ จงึ มีการนา ความรู้เรื่องความสว่างมาช่วย ในการจัดความ สว่างของแสง ทเ่ี หมาะสมกบั กาทางาน -ออกแบบวิธีการตรวจสอบ ความสวา่ งมีผลต่อสงิ่ มีชีวติ -เมอื่ แสงตกกระทบวตั ถุทบึ แสง วตั ถจุ ะดดู กลนื แสงสีบาง สีไว้ และสะท้อนแสงที่เหลือ ออกมาทาให้เรามองเหน็ วตั ถุ เป็นสตี า่ งๆ -การนาความรู้เก่ียวกบั การ ดูดกลนื แสงสีและ การ มองเหน็ สีของวัตถุไปใช้ ประโยชน์ในการถา่ ยรูปและ การแสดง
๒๗๔ โครงสร้างรายวชิ า วิทยาศาสตร์ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว ๒๒๑๐๒ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ระดับมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๒ ภาคเรยี นที่ ๒ เวลา ๖๐ ช่ัวโมง ที่ ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ สาระสาคญั เวลา น้าหนัก ตวั ช้ีวัด (ชัว่ โมง) คะแนน 3 โลกของเรา ว 6.1 ม.2/1 -ดนิ มีลกั ษณะและสมบตั ิ 28 25 ว 6.1 ม.2/2 แตกต่างกันตามวตั ถุต้นกาเนิด ว 6.1 ม.2/3 ดิน ลกั ษณะภูมอิ ากาศ ว 8.1 ม.2/5 ลกั ษณะภมู ิประเทศพชื พรรณ ว 8.1 ม.2/6 ส่ิงมชี ีวติ และระยะเวลาใน การเกดิ ดนิ และตรวจสอบ สมบัติบางประการของดนิ -ช้ันหน้าตดั ดนิ แต่ละชัน้ แตล่ ะ พน้ื ที่มลี ักษณะ สมบตั ิ และ องค์ประกอบแตกต่างกนั -ดินในแต่ละท้องถิ่นมลี กั ษณะ และสมบตั ิต่างกันตามสภาพ ของดนิ จึงนาไปใช้ประโยชน์ ต่างกนั -การปรับปรงุ คณุ ภาพดิน ขน้ึ อยู่กับสภาพของดินเพอื่ ทา ให้ดนิ มีความเหมาะสมต่อการ ใช้ประโยชน์ -กระบวนการเปลยี่ นแปลง ทางธรณีวทิ ยาทง้ั บนและใต้ พื้นผิวโลก ทาให้เกดิ หินท่ีมี ลกั ษณะองค์ประกอบแตกตา่ ง กันทงั้ ทางดา้ นกายภาพและ ทางเคมี
๒๗๕ โครงสรา้ งรายวิชา วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว ๒๒๑๐๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษาปีท่ี ๒ ภาคเรียนท่ี ๒ เวลา ๖๐ ชัว่ โมง ท่ี ชอื่ หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนกั โลกของเรา ตัวช้วี ัด (ชัว่ โมง) คะแนน -หินแบ่งเปน็ หนิ อัคนี หินแปร 3 ว 6.1 ม.2/4 และหนิ ตะกอน หนิ แต่ละ (ตอ่ ) ว 6.1 ม.2/5 ประเภทมีความสัมพนั ธ์กัน ว 6.1 ม.2/6 และนาไปใชป้ ระโยชนใ์ นทาง ว 6.1 ม.2/7 อตุ สาหกรรม การก่อสรา้ ง ว 8.1 ม.2/1 และอื่นๆ ว 8.1 ม.2/8 -เมือ่ สภาวะแวดล้อม ว 8.1 ม.2/9 ธรรมชาตทิ ่ีอย่ภู ายใต้อณุ หภูมิ และความดนั ท่เี หมาะสมธาตุ และสารประกอบจะตกผลึก เป็นแร่ที่มีลักษณะและสมบัติ ต่างกันซ่งึ ต้องใชว้ ธิ ตี รวจสอบ สมบัติแต่ละอยา่ งแตกตา่ งกนั ไป -แร่ทส่ี ารวจพบในประเทศ ไทยมีหลายชนดิ แตล่ ะชนดิ ตรวจสอบทางกายภาพได้ จากรูปผลกึ ความถ่วงจาเพาะ ความแขง็ ความวาว แนวแตก เรียบ สแี ละสีผง ของแร่ และ นาไปใชป้ ระโยชนต์ ่างกนั เช่น ใช้ทาเครอ่ื งประดบั ใช้ในด้าน อุตสาหกรรม
๒๗๖ โครงสร้างรายวิชา วิทยาศาสตร์ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว ๒๒๑๐๒ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ระดับมธั ยมศกึ ษาปีที่ ๒ ภาคเรียนที่ ๒ เวลา ๖๐ ชัว่ โมง ท่ี ชอื่ หน่วยการ มาตรฐาน/ สาระสาคญั เวลา นา้ หนกั เรียนรู้ ตัวชวี้ ัด (ช่วั โมง) คะแนน -ปิโตรเลียม ถา่ นหนิ หินน้ามนั เป็น 3 ว 6.1 เช้ือเพลิงธรรมชาติทเ่ี กิดจากกระบวนการ (ต่อ) ม.2/8 เปล่ยี นแปลงทางธรณีวิทยาซ่ึงแตล่ ะชนิด ว 6.1 จะมีลกั ษณะ สมบตั ิและวธิ กี ารนาไปใช้ 3 โลกของเรา ม.2/9 ประโยชน์แตกต่างกนั (ต่อ) ว 6.1 -แหล่งนา้ บนโลก มีทงั้ น้าจดื นา้ เคม็ โดย ม.2/10 แหล่งน้าจืดมอี ยู่ทง้ั บนดนิ ใต้ดนิ และใน ว 8.1 บรรยากาศ ม.2/8 -การใช้ประโยชนข์ องแหลง่ น้า ต้องมีการ ว 8.1 วางแผนการใช้ การอนุรกั ษ์ การปอ้ งกนั ม.2/9 การแก้ไข และผลกระทบด้วยวธิ กี ารท่ี เหมาะสม -แหลง่ น้าบนดนิ มหี ลายลกั ษณะขึ้นอยู่กับ ลกั ษณะภมู ิประเทศ ลกั ษณะทางน้าและ ความเร็วของกระแสนา้ ในแต่ละฤดูกาล -นา้ บนดนิ บางสว่ นจะไหลขึน้ ส่ใู ตผ้ วิ ดินถกู กกั เก็บไวใ้ น
๒๗๗ โครงสร้างรายวิชา วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว ๒๒๑๐๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๒ ภาคเรียนที่ ๒ เวลา ๖๐ ชว่ั โมง ที่ ชื่อหน่วยการ มาตรฐาน/ สาระสาคญั เวลา น้าหนกั เรยี นรู้ ตวั ช้วี ดั (ชัว่ โมง) คะแนน ชั้นดนิ และหนิ เกิดเป็นนา้ ใต้ ดิน ซง่ึ สว่ นหนึง่ จะซึมอยู่ ตามชอ่ งวา่ งระหว่างเมด็ ตะกอน เรยี กว่า น้าในดนิ อีกส่วนหนึ่งจะไหลซึมลกึ ลง ไปจนถกู กกั เกบ็ ไวต้ าม ชอ่ งว่างระหวา่ งเม็ดตะกอน ตามรพู รนุ หรือตามรอย แตกของหนิ หรือชั้นหิน เรยี กวา่ น้าบาดาล 3 -สมบัติของนา้ บาดาลข้นึ อยู่ (ตอ่ ) กับชนดิ ของดิน แหลง่ แร่ และหินท่ีเป็นแหล่งกักเกบ็ น้าบาดาลและชน้ั หินอุ้มนา้ -การผพุ งั อยู่กบั ท่ี การกร่อน การพัดพา การทับถมและ การตกผลกึ เป็นกระบวนการ สาคญั ที่ทาให้พนื้ ผิวโลกเกิด การเปล่ยี นแปลงเปน็ ภมู ิ ลกั ษณะต่างๆ โดยมีลม นา้ ธารนา้ แข็ง คลนื่ และแรง โนม้ ถ่วงของโลกเป็นตัวการ สาคัญ
๒๗๘ โครงสร้างรายวชิ า วิทยาศาสตร์ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว ๒๒๑๐๒ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษาปีท่ี ๒ ภาคเรียนท่ี ๒ เวลา ๖๐ ช่วั โมง ที่ ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ สาระสาคัญ เวลา น้าหนัก ตัวช้วี ัด (ช่วั โมง) คะแนน -โครงสรา้ งของโลก ประกอบดว้ ย ชน้ั 3 เปลือกโลก ชน้ั เนื้อโลก และช้ันแกน่ (ตอ่ ) โลก โครงสรา้ งแต่ละชนั้ จะมีลักษณะ และส่วนประกอบแตกตา่ งกัน ๑ ออกแบบอลั กอรทิ มึ ท่ี ว ๔.๒ • แนวคิดเชงิ นามธรรม ใช้แนวคดิ เชิงนามธรรม ม.๒/๑ • การแยกแยะสว่ นทีเ่ ปน็ สาระสาคญั เพอ่ื แกป้ ัญหา ออกจากสว่ นที่ไม่ใชส่ าระสาคัญ • การออกแบบและเขียนโปรแกรม ๒ การออกแบบและเขียน ว ๔.๒ • การออกแบบอัลกอรทิ ึม เพ่ือ โปรแกรมอยา่ งงา่ ย ม.๒/๒ แก้ปัญหา ทางคณิตศาสตร์ เพ่ือแก้ปัญหาทาง วิทยาศาสตรอ์ ย่างง่าย คณติ ศาสตร์หรือ • การแก้ปัญหาอย่างเปน็ ขั้นตอน วทิ ยาศาสตร์ • ซอฟต์แวร์ท่ีใชใ้ นการเขยี นโปรแกรม เชน่ Scratch,python, java, c ๓ การประมวลผล ว ๔.๒ • ตวั อยา่ งโปรแกรม เช่น โปรแกรม สมการ ประเมนิ ผล นาเสนอ ม.๒/๓ การเคลอื่ นที่ โปรแกรมคานวณหา ข้อมูล และสารสนเทศ พื้นท่ี โปรแกรมคานวณดชั นีมวลกาย • การรวบรวมข้อมลู จากแหล่งข้อมลู ปฐมภูมิ ประมวลผล สร้างทางเลือก • การประมวลผลเปน็ การกระทากับ ข้อมูล เพื่อให้ ไดผ้ ลลพั ธท์ มี่ ี ความหมายและมีประโยชน์ • การใช้ซอฟต์แวรห์ รอื บริการบน อินเทอร์เน็ต • การประมวลผล สร้างทางเลือก ประเมนิ ผล นาเสนอ จะช่วยให้เพือ่ ชว่ ยในการแกป้ ัญหา
๔ การใชเ้ ทคโนโลยี ว ๔.๒ • ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศอยา่ ง ๒๗๙ สารสนเทศอยา่ ง ม.๑/๔ ปลอดภัย 3 30 60 100 ปลอดภัย และการใช้ • การจดั การอตั ลักษณ์ และการ แหลง่ ขอ้ มลู ตาม ปกปอ้ งข้อมูลสว่ นตัว ขอ้ กาหนดและข้อตกลง • การพจิ ารณาความเหมาะสมของ เนื้อหาทางคอมพวิ เตอรแ์ ละการ เผยแพร่ • ข้อตกลง ข้อกาหนดในการใชส้ อ่ื หรือแหล่งข้อมูล ต่าง ๆ เชน่ Creative commons สอบปลายภาค ว 6.1 ม.2/3, ว 6.1 ม.2/4, ว 6.1 ม.2/5, ว 6.1 ม.2/6, ว 6.1 ม. 2/7, ว 6.1 ม.2/8, ว 6.1 ม.2/9, ว 6.1 ม.2/10 รวม
๒๘๐ คาอธิบายรายวชิ า รายวิชาวิทยาศาสตร รหสั วชิ า ว ๒๓๑๐๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ช้ันมัธยมศกึ ษาปที่ ๓ ภาคเรียนท่ี ๑ เวลา ๖๐ ชั่วโมง จานวน 1.5 หนว่ ยกติ ศึกษา วิเคราะห์ ทดลอง และอภิปราย ลักษณะของโครโมโซม หนํวยพันธุกรรม (ยีน) ความสาคญั ของสารพนั ธุกรรม การถํายทอดลักษณะทางพันธุกรรม โรคทางพันธุกรรมและนาความรู๎เรื่องโรค ทางพันธุกรรมไปใช๎ประโยชน์ ความหลากหลายทางชีวภาพในท๎องถิ่น ความหลากหลายทางชีวภาพที่มีตํอ มนุษย์ สัตว์ พืช และส่ิงแวดล๎อม ผลของเทคโนโลยีชีวภาพตํอการดารงชีวิตของมนุษย์และส่ิงแวดล๎อม ระบบนิเวศในท๎องถิ่น ความสัมพันธ์ขององค์ประกอบภายในระบบนิเวศ หํวงโซํอาหาร สายใยอาหาร วัฏ จักรน้า วัฏจักรคาร์บอน การเปล่ียนแปลงขนาดของประชากรในระบบนิเวศ ปัญหาและการแก๎ไขปัญหา ส่ิงแวดล๎อม ทรัพยากรธรรมชาติในท๎องถิ่น การรักษาสมดุลของระบบนิเวศ การใช๎ทรัพยากรธรรมชาติอยําง ย่ังยืน การใช๎ทรัพยากรธรรมชาติตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ปัญหาสิ่งแวดล๎อม การแก๎ปัญหาส่ิงแวดล๎อม การดแู ลและอนรุ กั ษ์ส่ิงแวดล๎อมในท๎องถนิ่ อยํางยั่งยืน โดยใช๎กระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสบื เสาะหาความร๎ู การคดิ วิเคราะห์ การสารวจตรวจสอบ การสังเกต การทดลอง อธิบาย อภิปราย ความสามารถในการใช๎เทคโนโลยี และ นาความร๎ไู ปใช๎ประโยชน์ เพื่อให๎เกิดความร๎ู ความคิด ความเข๎าใจ สามารถส่อื สารสิ่งทเี่ รยี นร๎ู มีความสามารถในการตัดสนิ ใจ นาความรูไ๎ ปใช๎ในชีวิตประจาวัน มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คณุ ธรรม และคํานยิ มที่เหมาะสม รหสั ตวั ช้ีวดั ว.1.2 ม.3/1,ม.3/2, ม.3/3, ม.3/4, ม.3/5, ม.3/6 ว.2.1 ม.3/1,ม.3/2, ม.3/3, ม.3/4 ว.2.2 ม.3/1,ม.3/2, ม.3/3, ม.3/4, ม.3/5, ม.3/6 ว.8.1 ม.3/1,ม.3/2, ม.3/3, ม.3/4, ม.3/5, ม.3/6, ม.3/7, ม.3/8, ม.3/9 รวมท้ังหมด 25 ตวั ชี้วัด
๒๘๑ โครงสรา้ งรายวิชา วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว ๒๓๑๐๑ กลมุ่ สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ระดบั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๓ ภาคเรียนท่ี ๑ เวลา ๖๐ ชวั่ โมง ท่ี ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก ตวั ชวี้ ัด (ช่ัวโมง) คะแนน 1 พันธกุ รรม ว 1.2 ม. เมอื่ มองเซลลผ์ า่ นกล้อง 12 12 3/1 จุลทรรศนจ์ ะเห็นเสน้ ใยเลก็ ๆ พนั ว 1.2 ม. กันอยูใ่ นนวิ เคลียส 3/2 เมอื่ เกิดการแบ่ง เซลล์ เสน้ ใยเหล่าน้ี ว 1.2 ม. จะขดสั้นเขา้ จนมีลักษณะเป็นทอ่ น 3/3 ส้ัน เรียกวา่ โครโมโซม โครโมโซม ว 8.1 ม. ประกอบ ด้วยดีเอ็นเอและโปรตนี 3/1 ยีนหรือหน่วยพนั ธกุ รรมเปน็ ส่วน ว 8.1 ม. หนงึ่ ทอี่ ยูบ่ นดีเอน็ เอ 3/3 เซลลห์ รอื ส่ิงมีชีวิต มีสาร ว 8.1 ม. พนั ธกุ รรมหรือ ดีเอ็นเอ ที่ควบคมุ 3/4 ลกั ษณะของการแสดงออก ว 8.1 ม. ลักษณะทางพนั ธุกรรมที่ควบคมุ 3/5 ด้วยยีนจากพ่อและแมส่ ามารถ ถา่ ยทอดสู่ลกู ผ่านทางเซลล์สืบพันธุ์ และการปฏสิ นธิ โรคธาลัสซเี มีย ตาบอดสี เป็น โรคทางพนั ธุกรรม ท่เี กิดจากความ ผิดปกติของยนี กลุ่มอาการดาวน์ เป็นความผิดปกติของร่างกาย ซง่ึ เกิด จากการท่ีมจี านวนโครโมโซมเกินมา ความร้เู กยี่ วกับโรคทางพนั ธุกรรม สามารถนาไปใชใ้ นการป้องกันโรค ดูแลผู้ปว่ ยและวางแผนครอบครัว
๒๘๒ โครงสรา้ งรายวชิ า วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว ๒๓๑๐๑ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดบั มธั ยมศึกษาปีท่ี ๓ ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๖๐ ช่ัวโมง ที่ ชอื่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก ตัวชี้วัด (ช่วั โมง) คะแนน 2 ความหลากหลาย ว 1.2 ม. ความหลากหลายทางชีวภาพท่ี 11 10 ทางชีวภาพ 3/4 ทาให้สิ่งมีชีวติ อยู่อย่างสมดลุ ว 1.2 ม. ข้ึนอยกู่ ับความหลากหลายของ 3/5 ระบบนเิ วศ ความหลากหลาย ว 1.2 ม. ของชนดิ สิง่ มีชวี ิต และความ 3/6 หลากหลายทางพนั ธกุ รรม ว 8.1 ม. การตัดไมท้ าลายปา่ เปน็ สาเหตุ 3/1 หน่งึ ทีท่ าให้เกิดการสูญเสียความ ว 8.1 ม. หลากหลายทางชีวภาพ ซง่ึ สง่ ผล 3/3 กระทบต่อการดารงชีวติ ของ ว 8.1 ม. มนุษย์ สตั ว์ พืชและสิง่ แวดลอ้ ม 3/4 การใช้สารเคมีในการกาจัดศตั รูพืช ว 8.1 ม. และสตั ว์ ส่งผลกระทบต่อสิง่ มีชีวติ 3/8 ทัง้ มนุษย์ สัตวแ์ ละพืช ทาให้เกดิ การเปล่ยี นแปลงความหลากหลาย ทางชีวภาพและสง่ ผลกระทบตอ่ สง่ิ แวดล้อม ผลของเทคโนโลยีชีวภาพ มี ประโยชนต์ ่อมนุษย์ ทั้งด้าน การแพทย์ การเกษตรและ อุตสาหกรรม
๒๘๓ โครงสร้างรายวิชา วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว ๒๓๑๐๑ กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษาปีท่ี ๓ ภาคเรยี นที่ ๑ เวลา ๖๐ ชั่วโมง ท่ี ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนัก ตัวชว้ี ัด (ชั่วโมง) คะแนน 3 ระบบนิเวศ ว 2.1 ม. ระบบนิเวศในแตล่ ะท้องถนิ่ 15 13 3/1 ประกอบดว้ ยองค์ประกอบทาง ว 2.1 ม. กายภาพ และองค์ประกอบทาง 3/2 ชวี ภาพเฉพาะถนิ่ ซึง่ มีความ ว 2.1 ม. เกย่ี วขอ้ งสัมพันธ์กนั 3/3 ส่ิงมีชวี ติ มีความเกยี่ วข้อง ว 2.1 ม. สัมพนั ธ์กนั โดยมีการถ่ายทอด 3/4 พลังงานในรูปของโซ่อาหารและ ว 8.1 ม. สายใยอาหาร 3/2 นา้ และคารบ์ อนเปน็ ว 8.1 ม. องคป์ ระกอบในสิ่งมีชีวิตและ 3/3 สง่ิ ไม่มีชีวติ มีการหมุนเวียน ว 8.1 ม. เป็นวฏั จกั รในระบบนิเวศ ทาให้ 3/4 ส่ิงมีชีวิตในระบบนเิ วศนาไปใช้ ว 8.1 ม. ประโยชนไ์ ด้ 3/5 อตั ราการเกดิ อตั ราการตาย ว 8.1 ม. อัตราการอพยพเขา้ และอตั ราการ 3/6 อพยพออกของสิง่ มีชีวิต มผี ลต่อ การเปลย่ี นแปลงขนาดของ ประชากรในระบบนิเวศ
๒๘๔ โครงสรา้ งรายวิชา วิทยาศาสตร์ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว ๒๓๑๐๑ กล่มุ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ภาคเรยี นท่ี ๑ เวลา ๖๐ ชว่ั โมง ท่ี ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ สาระสาคัญ เวลา น้าหนัก ตัวช้วี ดั (ชัว่ โมง) คะแนน 4 ทรัพยากร ว 2.2 ม. สภาพปัญหาสิ่งแวดล้อมและ 17 15 ธรรมชาติ และ 3/1 ทรัพยากร ธรรมชาติในท้องถ่นิ เกดิ สิง่ แวดลอ้ มใน ว 2.2 ม. จากการกระทาของธรรมชาติและ ท้องถิน่ 3/2 มนษุ ย์ ปัญหาท่ีเกิดขน้ึ ควรมี ว 2.2 ม. แนวทางในการดูแลรักษาและ 3/3 ป้องกนั ว 2.2 ม. ระบบนิเวศจะสมดุลได้จะต้องมี 3/4 การควบคมุ จานวนผู้ผลิต ว 2.2 ม. ผบู้ ริโภค ผูส้ ลายสารอนิ ทรยี ์ ให้มี 3/5 ปรมิ าณ สัดส่วน และการกระจาย ว 2.2 ม. ทเี่ หมาะสม การใช้ 3/6 ทรัพยากรธรรมชาติอยา่ งย่งั ยืน ว 8.1 ม. และการดูแลรกั ษาสภาพแวดล้อม 3/3 เปน็ การรกั ษาสมดลุ ของระบบ ว 8.1 ม. นเิ วศ 3/4 การนาทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ ว 8.1 ม. อย่างคุ้มคา่ ด้วยการใชซ้ า้ นา 3/7 กลับมาใช้ใหม่ ลดการใช้ ว 8.1 ม. ผลติ ภณั ฑ์ ใชผ้ ลติ ภัณฑ์ชนิดเดิม 3/8 ซอ่ มแซมสิ่งของเครอ่ื งใช้ เปน็ ว 8.1 ม. วธิ ีการใชท้ รัพยากร ธรรมชาติอยา่ ง 3/9 ยงั่ ยืน
๒๘๕ โครงสรา้ งรายวิชา วิทยาศาสตร์ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว ๒๓๑๐๑ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ระดับมธั ยมศึกษาปีที่ ๓ ภาคเรียนที่ ๑ เวลา ๖๐ ชั่วโมง ท่ี ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนัก ตวั ชวี้ ดั (ชว่ั โมง) คะแนน (4) การใชท๎ รัพยากรธรรมชาติควร ตอ่ คานึงถงึ ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง บนพืน้ ฐานของทางสายกลาง และ ความไมํประมาท โดยคานึงถงึ ความ พอประมาณ ความมเี หตุผล และ การเตรียมตัวให๎พรอ๎ มท่ีจะรบั ผลกระทบและการเปลีย่ นแปลงที่ เกิดข้นึ ปญั หาสิ่งแวดล๎อม อาจเกิดจาก มลพิษทางน้า มลพิษทางเสียง มลพษิ ทางอากาศ มลพิษทางดินแนว ทางการแกป๎ ัญหามีหลายวธิ ี เริม่ จากศึกษาแหลํงทมี่ าของปัญหา เสาะหากระบวนการในการ แก๎ปัญหา และทุกคนมสี ํวนรํวมใน การปฏบิ ตั เิ พ่อื แกป๎ ญั หาน้นั การดูแลและอนรุ กั ษ์สิง่ แวดล๎อม ในทอ๎ งถน่ิ ใหย๎ ่งั ยืน ควรได๎รับความ รํวมมอื จากทุกฝุายและต๎องเป็น ความรบั ผิดชอบของทุกคน ๕ เทคโนโลยีใน ว ๔.๑ • แนวคดิ หลักของเทคโนโลยีใน ชวี ิตประจาวนั ม.๓/๑ ชีวิตประจาวัน การเปล่ียนแปลงของเทคโนโลยี ตั้งแตํอดีต จนถึงปจั จบุ ัน • ปญั หา ความต๎องการ ความก๎าวหน๎า ของศาสตร์ตําง ๆ เศรษฐกิจ สงั คม • สวํ นประกอบของเทคโนโลยีและ การทางานรวํ มกันของ สวํ นประกอบน้ัน
การออกแบบการ ว ๔.๑ • ปญั หาหรอื ความต๎องการใน ๒๘๖ แก๎ปัญหาโดยใช๎ ม.๓/๒, ม. ชวี ติ ประจาวัน เทคโนโลยี ๒/๓ • การแก๎ปญั หาจาเป็นตอ๎ งสืบคน๎ 54 50 3 20 วัดผลประเมินผลกลางภาค รวบรวมข๎อมูล 3 30 วัดผลประเมนิ ผลปลายภาค • การวิเคราะห์ เปรียบเทียบ และ 60 100 ตดั สินใจเลือกข๎อมูล • การออกแบบแนวทางการ แก๎ปัญหา โดยแผนภาพ แผนผงั และการกาหนดขน้ั ตอนและ ระยะเวลาในการทางาน รวม ว1.2 ม.3/1,ม.3/2,ม.3/3,ม.3/4,ม.3/5, ม.3/6 ว2.1 ม.3/1,ม.3/2 ว2.1 ม.3/3,ม.3/4 ว2.2 ม.3/1,ม.3/2,ม.3/3,ม.3/4,ม.3/5, ม.3/6 รวมทั้งหมด
๒๘๗ คาอธบิ ายรายวิชา รายวิชาวิทยาศาสตร รหัสวชิ า ว ๒๓๑๐๒ กลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท่ี ๓ ภาคเรียนที่ ๒ เวลา ๖๐ ชั่วโมง จานวน 1.5 หนว่ ยกิต ศึกษา วิเคราะห์ ทดลอง อภิปราย ความเรํง และผลของแรงลัพธ์ท่ีทาตํอวัตถุ แรงกิริยาและแรง ปฏิกิริยาระหวํางวัตถุ แรงพยุงของของเหลวที่กระทาตํอวัตถุ แรงเสียดทาน โมเมนต์ของแรง การเคล่ือนท่ี ของวัตถุในแนวตรง การเคล่ือนท่ีของวัตถุในแนวโค๎ง พลังงานจลน์ พลังงานศักย์โน๎มถํวง กฎการอนุรักษ์ พลังงาน ความสัมพันธ์ระหวํางความตํางศักย์ไฟฟูา กระแสไฟฟูาและความต๎านทานไฟฟูา กฎของโอห์ม การคานวณพลังงานไฟฟูา การประหยัดพลังงานไฟฟูา วงจรไฟฟูาในบ๎าน อุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ วงจร อเิ ลคทรอนิกส์ ความสัมพันธ์ระหวํางดวงอาทิตย์ โลก ดวงจันทร์ และดาวเคราะห์ อิทธิพลของดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ทม่ี ีตํอโลก เอกภพ กาแลกซี ระบบสุริยะ ดาวฤกษ์ การอํานแผนที่ดาว เทคโนโลยีอวกาศ การเดนิ ทางสูอํ วกาศ การสารวจอวกาศ โดยใชก๎ ระบวนการทางวทิ ยาศาสตร์ การสืบเสาะหาความรู๎ การคิดวิเคราะห์ การสารวจตรวจสอบ การสังเกต การทดลอง อธิบาย อภปิ ราย ความสามารถในการใช๎เทคโนโลยี และ นาความรู๎ไปใชป๎ ระโยชน์ เพ่ือใหเ้ กิดความรู้ ความคดิ ความเข้าใจ สามารถสื่อสารส่ิงที่เรยี นรู้ มีความสามารถในการตัดสินใจ นาความรูไ้ ปใชใ้ นชวี ิตประจาวัน มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ จรยิ ธรรม คุณธรรม และค่านิยมท่เี หมาะสม รหัสตวั ชี้วดั ว.4.1ม.3/1,ม.3/2, ม.3/3 ว.4.2ม.3/1,ม.3/2, ม.3/3 ว.5.1ม.3/1,ม.3/2, ม.3/3, ม.3/4, ม.3/5 ว.7.1ม.3/1,ม.3/2, ม.3/3 ว.7.2ม.3/1 ว.8.1ม.3/1,ม.3/2, ม.3/3, ม.3/4, ม.3/5, ม.3/6, ม.3/7, ม.3/8, ม.3/9 รวมทั้งหมด 24 ตัวช้ีวัด
๒๘๘ โครงสรา้ งรายวชิ า วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว ๒๓๑๐๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ระดบั มัธยมศึกษาปีท่ี ๓ ภาคเรียนท่ี ๒ เวลา ๖๐ ช่วั โมง ท่ี ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนัก ตวั ชีว้ ดั (ช่ัวโมง) คะแนน 1 แรงและการเคลื่อนที่ ว 4.1 ม.3/1 วตั ถุเคลือ่ นท่ีดว้ ยความเรว็ 14 13 ว 4.1 ม.3/2 ทีเ่ ปลยี่ นแปลง เป็นการ ว 4.1 ม.3/3 เคลื่อนท่ดี ้วยความเร่ง เม่ือ ว 4.2 ม.3/1 แรงลพั ธ์มคี า่ ไมเ่ ท่ากับศนู ย์ ว 4.2 ม.3/2 กระทาตอ่ วตั ถุวตั ถุจะเคล่อื นท่ี ว 4.2 ม.3/3 ด้วยความเรง่ ซึ่งมีทิศทาง ว 8.1 ม.3/2 เดียวกบั แรงลพั ธ์ ว 8.1 ม.3/4 ทกุ แรงกิริยาจะมีแรง ว 8.1 ม.3/7 ปฏิกิริยาโตต้ อบด้วยขนาดของ ว 8.1 ม.3/8 แรงเท่ากนั แต่มที ิศทางตรง ข้ามการนาความรูเ้ รือ่ งแรง กิริยาและแรงปฏกิ ริ ิยาไปใช้ อธบิ าย เชน่ การชกั เย่อ การ จุดบัง้ ไฟ แรงพยงุ คอื แรงที่ ของเหลวกระทาต่อวตั ถุมีค่า เทา่ กับน้าหนักของของเหลวท่ี มีปรมิ าตรเทา่ กบั สว่ นทจี่ มของ วัตถุ ของเหลวทีม่ ีความ หนาแน่นมากจะมีแรงพยงุ มาก วัตถุทล่ี อยไดใ้ น ของเหลวจะมคี วามหนาแน่น นอ้ ยกว่าความหนาแน่นของ ของเหลว
๒๘๙ โครงสร้างรายวิชา วิทยาศาสตร์ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว ๒๓๑๐๒ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ระดบั มัธยมศกึ ษาปีท่ี ๓ ภาคเรยี นที่ ๒ เวลา ๖๐ ชั่วโมง ที่ ชอ่ื หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก ตวั ชี้วดั (ชัว่ โมง) คะแนน (1) แรงและการเคลื่อนที่ แรงเสียดทานสถิตเป็น ตอ่ ว 4.1 ม.3/1 แรงเสยี ดทานท่ีกระทาตอ่ วตั ถุ ว 4.1 ม.3/2 ขณะหยดุ นิ่ง สว่ นแรงเสียด ว 4.1 ม.3/3 ทานจลน์เปน็ แรงเสยี ดทานท่ี ว 4.2 ม.3/1 กระทาต่อวัตถุขณะเคลอ่ื นที่ ว 4.2 ม.3/2 การเพ่ิมแรงเสียดทาน เช่น ว 4.2 ม.3/3 การออกแบบพืน้ รองเท้าเพื่อ ว 8.1 ม.3/2 กันลื่น การลดแรงเสียดทานเช่น ว 8.1 ม.3/4 การใช้นา้ มนั หล่อลื่นท่ี จุดหมนุ ว 8.1 ม.3/7 เมื่อมแี รงท่ีกระทาต่อวัตถุ ว 8.1 ม.3/8 แลว้ ทาใหเ้ กิดโมเมนตข์ องแรง รอบจุดหมุน วตั ถจุ ะเปล่ยี น สภาพการหมุนการวเิ คราะห์ โมเมนต์ของแรงในสถานการณ์ ต่าง ๆ การเคลื่อนท่ีของวตั ถุมที ้ัง การเคล่ือนท่ใี นแนวตรง เช่น การตกแบบเสรี และการ เคลอื่ นท่ีในแนวโค้ง เชน่ การเคลือ่ นทแ่ี บบโพรเจกไทล์ ของลกู บาสเกตบอลในอากาศ การเคลื่อนทีแ่ บบวงกลมของ วัตถุทผ่ี ูกเชอื กแล้วแกวง่ เป็น ตน้
๒๙๐ โครงสร้างรายวิชา วิทยาศาสตร์ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว ๒๓๑๐๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ระดบั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๓ ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๖๐ ช่ัวโมง ท่ี ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ สาระสาคญั เวลา นา้ หนัก ตัวชว้ี ัด (ช่วั โมง) คะแนน 2 งานและพลงั งาน ว 5.1 ม.3/1 การใหง้ านแก่วัตถุเป็นการ 5 5 ว 8.1 ม.3/2 ถ่ายโอนพลังงานให้วตั ถุ ว 8.1 ม.3/4 พลงั งานนีเ้ ปน็ พลงั งานกลซงึ่ ว 8.1 ม.3/8 ประกอบด้วยพลังงานศักย์ และพลังงานจลน์ พลังงาน จลน์เป็นพลงั งานของวัตถุ ขณะวตั ถเุ คลือ่ นที่ สว่ น พลงั งานศักย์โน้มถว่ งของวตั ถุ เปน็ พลงั งานของวตั ถทุ อี่ ยสู่ งู จากพน้ื โลก กฎการอนรุ กั ษ์ พลังงานกลา่ ววา่ พลงั งานรวม ของวัตถุไม่สญู หาย แต่ สามารถเปล่ียนจากรูปหนงึ่ ไป เป็นอีกรูปหน่ึงได้ การนากฎ การอนุรักษ์พลงั งานไปใช้ ประโยชนใ์ นการอธบิ าย ปรากฏการณ์ เช่น พลังงาน น้าเหนือเขื่อนเปล่ียนรปู จาก พลังงานศักย์โน้มถว่ งเป็น พลงั งานจลน์, ป้นั จ่นั ตอก เสาเข็ม
๒๙๑ โครงสร้างรายวิชา วิทยาศาสตร์ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว ๒๓๑๐๒ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ระดบั มัธยมศกึ ษาปีที่ ๓ ภาคเรยี นที่ ๒ เวลา ๖๐ ชั่วโมง ที่ ชอ่ื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนัก ตวั ชี้วัด (ชั่วโมง) คะแนน 3 พลงั งานไฟฟ้า ว 5.1 ม.3/2 ความต่างศกั ย์ กระแสไฟฟ้า 19 17 ว 5.1 ม.3/3 และความต้านทานมี ว 5.1 ม.3/4 ความสมั พันธ์กันตามกฎของ ว 8.1 ม.3/1 โอหม์ การนากฎของโอห์มไป ว 8.1 ม.3/2 ใชว้ เิ คราะห์วงจรไฟฟ้าอย่าง ว 8.1 ม.3/3 งา่ ย ว 8.1 ม.3/8 การคานวณพลงั งานไฟฟา้ ของเครอ่ื งใช้ไฟฟา้ เปน็ สว่ น หนึ่งของการคดิ ค่าไฟฟา้ และ เป็นแนวทางในการประหยัด พลังงานไฟฟา้ ในบา้ น การต่อวงจรไฟฟ้าในบ้าน ตอ้ งออกแบบวงจร ตดิ ตง้ั เครอ่ื งใช้ไฟฟา้ อุปกรณ์ไฟฟ้า อย่างถูกต้อง โดยการต่อสวติ ช์ แบบอนกุ รม ตอ่ เตา้ รับแบบ ขนาน และเพ่ือความปลอดภัย ต้องต่อสายดนิ และฟิวส์ รวมท้ังต้องคานงึ ถึงการใช้ ไฟฟา้ อย่างประหยัด
๒๙๒ โครงสรา้ งรายวชิ า วิทยาศาสตร์ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว ๒๓๑๐๒ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ ระดับมธั ยมศกึ ษาปีท่ี ๓ ภาคเรยี นที่ ๒ เวลา ๖๐ ชัว่ โมง ท่ี ช่อื หน่วยการเรยี นรู้ มาตรฐาน/ สาระสาคัญ เวลา น้าหนัก ตวั ช้วี ัด (ชั่วโมง) คะแนน 4 อเิ ล็กทรอนกิ ส์เบ้ืองต้น ว 5.1 ม.3/5 ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น 6 5 ว 8.1 ม.3/1 ตวั ตา้ นทาน ไดโอด ว 8.1 ม.3/4 ทรานซิสเตอร์ มสี มบตั ิทาง ว 8.1 ม.3/8 ไฟฟ้าแตกต่างกัน ตัวต้านทาน ทาหนา้ ท่ีจากัดกระแสไฟฟ้าใน วงจร ไดโอดมีสมบัติให้ กระแสไฟฟา้ ผา่ นได้ทศิ ทาง เดียวและทรานซิสเตอร์ทา หน้าทเี่ ปน็ สวิตซป์ ิด-เปดิ วงจร การประกอบวงจร อเิ ลก็ ทรอนิกสเ์ บ้ืองต้นทีม่ ี ทรานซิสเตอร์ 1 ตัวทาหนา้ ที่ เปน็ สวติ ซ์
๒๙๓ โครงสร้างรายวชิ า วิทยาศาสตร์ รายวิชาวิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว ๒๓๑๐๒ กลุ่มสาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์ ระดบั มัธยมศึกษาปีที่ ๓ ภาคเรียนที่ ๒ เวลา ๖๐ ชัว่ โมง ชื่อ สาระสาคัญ เวลา นา้ หนั หนว่ มาตรฐา (ชว่ั โม ก ที่ ยการ น/ เรยี น ตัวชว้ี ัด ง) คะแน รู้ น 5 ดารา ว 7.1 ม. ดวงอาทิตย์ โลก และดวงจนั ทรอ์ ยู่เป็นระบบได้ภายใต้แรงโนม้ 10 10 ศาสต 3/1 ถ่วง ร์และ ว 7.1 ม. แรงโนม้ ถว่ งระหว่างโลกกับดวงจันทร์ ทาใหด้ วงจันทรโ์ คจรรอบ อวกา 3/2 โลก แรงโน้มถว่ งระหว่างดวงอาทิตย์กบั บริวาร ทาให้บรวิ ารเคลื่อน ศ ว 7.1 ม. รอบดวงอาทิตยก์ ลายเปน็ ระบบสรุ ยิ ะ แรงโน้มถว่ งทีด่ วงจนั ทร์ 3/3 ดวงอาทิตย์กระทาตอ่ โลกทาใหเ้ กดิ ปรากฏการณน์ ้าข้นึ น้าลง ซงึ่ ว 7.2 ม. สง่ ผลตอ่ สง่ิ แวดลอ้ มและสิ่งมีชีวิตบนโลก 3/1 เอกภพประกอบดว้ ยกาแล็กซมี ากมายนับแสนล้านแห่ง แตล่ ะ ว 8.1 ม. กาแล็กซีประกอบดว้ ยดาวฤกษจ์ านวนมาก ที่อยูเ่ ปน็ ระบบด้วย 3/4 แรงโนม้ ถ่วง กาแล็กซีทางช้างเผอื กมรี ะบบสุริยะอยู่ทแี่ ขนของ ว 8.1 ม. กาแลก็ ซดี ้านกลุ่มดาวนายพราน 3/5 ว 8.1 ม. 3/6 ว 8.1 ม. 3/7 ว 8.1 ม. 3/8
๒๙๔ โครงสรา้ งรายวิชา วิทยาศาสตร์ รายวชิ าวิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว ๒๓๑๐๒ กลุ่มสาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ ระดบั มธั ยมศึกษาปีที่ ๓ ภาคเรยี นท่ี ๒ เวลา ๖๐ ชั่วโมง ที่ ชือ่ หน่วยการเรียนรู้ มาตรฐาน/ สาระสาคัญ เวลา น้าหนกั ตัวชี้วดั (ชว่ั โมง) คะแนน (5) ดาราศาสตร์และ กล่มุ ดาวฤกษป์ ระกอบด้วยดาว ตอ่ อวกาศ ฤกษ์หลายดวงท่ีปรากฏอยู่ในขอบเขต แคบๆ และเรียงเปน็ รูปตา่ งๆกันบน ๑ ออกแบบอัลกอรทิ มึ ที่ ว ๔.๒ ทรงกลมฟ้า โดยดาวฤกษ์ที่อยู่ในกล่มุ ใชแ้ นวคดิ เชิงนามธรรม ม.๒/๑ เดยี วกนั ไมจ่ าเป็นต้องอย่ใู กลก้ ัน เพื่อแกป้ ัญหา อย่างทตี่ าเห็น แต่มีตาแหน่งที่แน่นอน บนทรงกลมฟา้ จงึ ใชบ้ อกทิศและเวลา ๒ การออกแบบและเขยี น ว ๔.๒ ได้ โปรแกรมอยา่ งง่าย ม.๒/๒ เพ่ือแก้ปญั หาทาง มนุษย์ใช้กลอ้ งโทรทรรศน์ จรวด คณติ ศาสตร์หรือ ดาวเทียม ยานอวกาศ สารวจ วิทยาศาสตร์ อวกาศ วตั ถทุ ้องฟา้ สภาวะอากาศ ทรพั ยากรธรรมชาติ การเกษตรและ ๓ การประมวลผล ว ๔.๒ ใช้ในการสอ่ื สาร • แนวคิดเชงิ นามธรรม ประเมินผล นาเสนอ ม.๒/๓ • การแยกแยะส่วนที่เป็น สาระสาคญั ออกจากสว่ นที่ไม่ใชส่ าระสาคัญ ขอ้ มลู และสารสนเทศ • การออกแบบและเขยี นโปรแกรม • การออกแบบอลั กอริทึม เพื่อ แก้ปัญหา ทางคณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์อยา่ งงา่ ย • การแก้ปญั หาอย่างเปน็ ขัน้ ตอน • ซอฟต์แวร์ท่ีใชใ้ นการเขยี นโปรแกรม เชน่ Scratch,python, java, c • ตวั อย่างโปรแกรม เชน่ โปรแกรม สมการ การเคล่ือนที่ โปรแกรมคานวณหา พ้นื ท่ี โปรแกรมคานวณดัชนีมวลกาย • การรวบรวมขอ้ มลู จากแหล่งข้อมลู ปฐมภูมิ ประมวลผล สร้างทางเลือก • การประมวลผลเป็นการกระทากับ ขอ้ มลู เพ่ือให้ ได้ผลลพั ธท์ ี่มี
๒๙๕ ความหมายและมีประโยชน์ • การใชซ้ อฟต์แวร์หรือบริการบน อนิ เทอร์เน็ต • การประมวลผล สร้างทางเลือก ประเมนิ ผล นาเสนอ จะช่วยให้เพอื่ ช่วยในการแกป้ ัญหา ๔ การใช้เทคโนโลยี ว ๔.๒ • ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่าง สารสนเทศอย่าง ม.๑/๔ ปลอดภยั ปลอดภัย และการใช้ • การจัดการอตั ลักษณ์ และการ แหล่งขอ้ มูลตาม ปกปอ้ งข้อมูลส่วนตวั ข้อกาหนดและ • การพจิ ารณาความเหมาะสมของ ขอ้ ตกลง เนือ้ หาทางคอมพวิ เตอรแ์ ละการ เผยแพร่ • ข้อตกลง ข้อกาหนดในการใชส้ ื่อ หรือแหล่งข้อมูล ต่าง ๆ เช่น Creative commons วัดผลประเมินผลกลางภาค ว4.1 ม.3/1,ม.3/2,ม.3/3 3 20 ว4.2 ม.3/1,ม.3/2,ม.3/3 ว5.1 ม.3/1 วัดผลประเมนิ ผลปลายภาค ว5.1 ม.3/2,ม.3/3,ม.3/4,.3/5 3 30 ว7.1 ม.3/1,ม.3/2,ม.3/3 ว7.2 ม.3/1 รวมทั้งหมด 60 100
๒๙๖ อภิธานศพั ท์ ศัพทท์ เ่ี กย่ี วข้องกับตัวช้ีวัดกลมุ่ สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ที่ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ความหมาย ๑. กาหนดปัญหา define problem ระบุคาถาม ประเด็นหรือ สถานการณ์ทีเ่ ปน็ ข๎อสงสัยเพ่ือ นาไปสูกํ ารแกป๎ ัญหาหรืออภปิ ราย รวํ มกนั ๒. แกป๎ ญั หา solve problem หาคาตอบของปญั หาทย่ี ังไมรํ ู๎วิธกี าร มากํอน ทั้งปญั หาท่เี กยี่ วข๎องกับ วิทยาศาสตรโ์ ดยตรงและปัญหาใน ชีวติ ประจาวนั โดยใชเ๎ ทคนิคและ วธิ กี ารตําง ๆ ๓. เขยี นแผนผัง/วาดภาพ construct diagram/ illustrate นาเสนอข๎อมูลหรอื ผลการสารวจ ตรวจสอบด๎วยแผนผงั กราฟหรอื ภาพวาด ๔. คาดคะเน predict คาดการณผ์ ลทีจ่ ะเกดิ ขนึ้ ในอนาคต โดยอาศัยข๎อมูลท่สี งั เกตได๎และ ประสบการณ์ทม่ี ี ๕. คานวณ calculate หาผลลัพธ์จากขอ๎ มลู โดยใช๎หลักการ ทฤษฎี หรือวิธกี ารทางคณิตศาสตร์ ๖. จาแนก classify จัดกลมํุ ของสง่ิ ตาํ ง ๆ โดยอาศัย ลกั ษณะท่เี หมือนกันเปน็ เกณฑ์ ๗. ต้ังคาถาม ask question พดู หรอื เขียนประโยค หรือวลีเพ่ือให๎ ไดม๎ าซ่ึงการคน๎ หาคาตอบทีต่ ๎องการ ๘. ทดลอง conduct/experiment ปฏิบตั ิการเพื่อหาคาตอบของคาถาม หรือปญั หาในการทดลอง โดย ตง้ั สมมติฐานเพื่อเปน็ แนวทางในการ กาหนดตัวแปรและวางแผน ดาเนนิ การเพอื่ ตรวจสอบสมมตฐิ าน ๙. นาเสนอ present แสดงข๎อมูล เร่ืองราว หรอื ความคดิ เพ่อื ใหผ๎ ู๎อืน่ รบั ร๎ูหรอื พจิ ารณา
ที่ ภาษาไทย ภาษาองั กฤษ ๒๙๗ ๑๐. บรรยาย describe ความหมาย ๑๑. บอก tell ให๎รายละเอียดของเหตกุ ารณ์หรอื ๑๒. บนั ทึก record ปรากฏการณ์ทเ่ี กิดข้ึนให๎ผอ๎ู ่นื ไดร๎ ับรู๎ ๑๓. เปรียบเทยี บ compare ดว๎ ยการบอกหรือเขยี น ๑๔. แปลความหมาย interpret ให๎ขอ๎ มูล ขอ๎ เท็จจรงิ แกผํ ๎ูอ่ืนด๎วยการ ๑๕. ยกตัวอยาํ ง give examples พดู หรือเขยี น ๑๖. ระบุ identify เขยี นข๎อมูลทไ่ี ด๎จากการสงั เกตเพอ่ื ๑๗. เลือกใช๎ select ชํวยจา หรือเพ่ือเป็นหลกั ฐาน บอกความเหมือน และ/หรอื ความ ๑๘. วดั measure แตกตาํ ง ของสง่ิ ท่ีเทยี บเคยี งกัน ๑๙. วิเคราะห์ analyze แสดงความหมายของข๎อมลู จาก หลักฐานที่ปรากฏ เพอื่ ลงข๎อสรปุ ๒๐. สรา๎ งแบบจาลอง construct model ใหข๎ ๎อมูลเหตุการณ์ หรอื สถานการณ์ เพื่อแสดงความเข๎าใจในสงิ่ ทีไ่ ดเ๎ รียนร๎ู ๒๑. สงั เกต observe ชบ้ี อกส่ิงตาํ ง ๆ โดยใช๎ข๎อมลู ๒๒. สารวจ explore ประกอบอยํางเพียงพอ พจิ ารณา และตัดสนิ ใจนาวสั ดุสิ่งของ อปุ กรณ์ หรือวิธกี ารมาใช๎ไดอ๎ ยาํ ง เหมาะสม หาขนาด หรอื ปรมิ าณ ของส่งิ ตาํ ง ๆ โดยใชเ๎ ครอื่ งมือ ทีเ่ หมาะสม แยกแยะ จัดระบบ เปรียบเทียบ จดั ลาดับ จัดจาแนก หรอื เชอื่ มโยง ข๎อมลู นาเสนอแนวคดิ หรอื เหตกุ ารณ์ในรูป ของแผนภาพ ชน้ิ งานสมการ ข๎อความ คาพูดและ/หรือใช๎ แบบจาลองเพือ่ อธิบายความคดิ วตั ถุ หรอื เหตุการณต์ ําง ๆ หาข๎อมลู ดว๎ ยการใช๎ประสาทสัมผัส ท้ังหา๎ ทเี่ หมาะสมตามข๎อเท็จจริงที่ ปรากฏ โดยไมํใช๎ ประสบการณ์เดิม ของผส๎ู งั เกต หาข๎อมลู เกี่ยวกบั สงิ่ ตําง ๆ โดยใช๎วธี ี การและเทคนคิ ท่เี หมาะสม เพอื่ นา ข๎อมูลมาใช๎ตามวัตถุประสงค์ท่ี กาหนดไว๎
ที่ ภาษาไทย ภาษาองั กฤษ ๒๙๘ ๒๓. สบื คน๎ ข๎อมลู search ความหมาย ๒๔. สอ่ื สาร communicate หาขอ๎ มลู หรือขอ๎ สนเทศท่ีมีผ๎ู ๒๕. อธิบาย explain รวบรวมไว๎แล๎วจากแหลํงตําง ๆมาใช๎ ประโยชน์ ๒๖. อภิปราย discuss นาเสนอ และแลกเปล่ยี นความคดิ ขอ๎ มูล หรอื ผลจากการสารวจ ๒๗. ออกแบบการทดลอง design experiment ตรวจสอบ ด๎วยวธิ ที ี่เหมาะสม กลาํ วถงึ เรอ่ื งราวตําง ๆ อยาํ งมี เหตุผล และมีข๎อมูล หรอื ประจกั ษ์ พยานอ๎างอิง แสดงความคดิ เห็นตอํ ประเดน็ หรอื คาถามอยํางมเี หตผุ ลโดยอาศัย ความรู๎และประสบการณ์ ของผู๎ อภิปรายและข๎อมูลประกอบ กาหนด และวางแผนวิธกี ารทดลอง ใหส๎ อดคล๎องกบั สมมตฐิ านและตัว แปรตําง ๆ รวมทั้งการบนั ทึกข๎อมูล
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435