บวรธรรมบพติ ร 1
บวรธรรมบพติ ร 2
เจา้ พระคณุ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก บวรธรรมบ ิพตร 3ไดท้ รงปฏบิ ตั ิพระศาสนกิจอาำ นวยประโยชน์เกอ้ื กลู แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตรยิ ์ และประชาชน ตลอดถึงชาวโลก มาเปน็ อเนกประการ พระจริยวัตร และพระศาสนกจิ ท่ีทรงปฏิบตั ิลว้ นสะทอ้ นพระปฏปิ ทา และพระคณุ ธรรมอันจะพงึ นอ้ มนาำ มาเปน็ เนตแิ บบอย่างทงั้ ในทางความคดิ และการกระทำาของคนท้ังหลายไดเ้ ป็นอย่างดยี ิง่ เพ่ือประกาศพระเกยี รตคิ ณุ ใหเ้ ปน็ ท่ปี รากฏแพรห่ ลาย เทดิ ทนู พระเมตตาธรรมใหป้ ระทับไว้ในจติ ใจของปวงชน แสดงพระปฏปิ ทาและพระจรยิ วัตรอันงดงามให้เป็นแบบอย่างอนั ดีแกอ่ นชุ นผมู้ าภายหลงั และเพือ่ เปน็ เครอ่ื งบาำ รุงศรัทธาและเสรมิ สร้างปสาทะในบวรพทุ ธศาสนาของสาธชุ นทัว่ ไป วัดบวรนิเวศวิหารจึงไดด้ าำ เนนิ การให้รวบรวมเรียบเรยี งพระประวตั ิเจ้าพระคณุ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายกฉบบั นี้ข้นึ ในวาระสำาคญั คอื พระราชพิธีพระราชทานเพลงิ พระศพ สมเด็จพระญาณสงั วรสมเด็จพระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายกพระองค์นั้น ขอให้หนังสือ บวรธรรมบพิตร ประมวลพระรปู เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสงั วร สมเด็จพระสงั ฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ฉบับนี้ จงเป็นเสมือนพระอนุสสรณียวตั ถใุ นเจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ พระองค์นัน้ ตลอดไป ( สมเดจ็ พระวันรัต ) ผรู้ ักษาการเจ้าอาวาสวดั บวรนเิ วศวิหาร ผรู้ ักษาการเจ้าคณะใหญค่ ณะธรรมยุต กรรมการมหาเถรสมาคม
บวรธรรมบพติ ร 4
สมเดจ็ พระญาณสงั วร บวรธรรมบ ิพตร 5 สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรณิ ายกDhammaintrend รว่ มเผยแพรแ่ ละแบง่ ปันเป็ นธรรมทาน
บวรธรรมบ ิพตร 6 บวรธรรมบพิตร คณะที่ปรึกษา สมเด็จพระวนั รตั (จุนท์ พฺรหฺมคตุ ฺโต) ประมวลพระรปู สมเด็จพระญาณสงั วร พระเทพปริยัติวิมล (แสวง ธมเฺ มสโก) สมเดจ็ พระสังฆราช สกลมหาสงั ฆปริณายก คณะบรรณาธกิ าร พระศากยวงศว์ ิสุทธ์ิ (อนลิ มาน ธมมฺ สากิโย) พมิ พโ์ ดยเสด็จพระราชกศุ ลในพระราชพธิ ี พระศรณั ย์ ปญญฺ ฺาพโล พระราชทานเพลิงพระศพ รองศาสตราจารยส์ เุ ชาวน์ พลอยชมุ สมเดจ็ พระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสงั ฆราช ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.เกศินี ประทมุ สุวรรณ สกลมหาสังฆปรณิ ายก ภาพถา่ ยประกอบ ณ พระเมรวุ ัดเทพศริ นิ ทราวาส สำ�นกั หอจดหมายเหตแุ ห่งชาติ กรมศลิ ปากร ๑๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ มูลนธิ ิมหามกุฏราชวทิ ยาลัย ในพระบรมราชปู ถมั ภ์ จำ�นวนการพมิ พ์ ๑๐๐,๐๐๐ เล่ม บรรณาธิการภาพถา่ ย ISBN : 978-616-406-199-6 กันต์ สุสงั กรกาญจน์ ขอ้ มลู บรรณานุกรมของสำ�นักหอสมดุ แห่งชาติ ออกแบบรูปเลม่ สตดู ิโอ ไดอะล็อก พระศากยวงศ์วิสทุ ธิ์. ภาพประกอบ พัทธธ์ รี า ผลประพฤติ บวรธรรมบพิตร ประมวลพระรูป พิสูจนอ์ ักษร เบญจวรรณ แก้วสว่าง สมเดจ็ พระญาณสงั วร สมเด็จพระสังฆราช อุปถมั ภก์ ารออกแบบ สกลมหาสงั ฆปริณายก คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ -- กรงุ เทพฯ : วดั บวรนิเวศวิหาร, ๒๕๕๘. สถาบนั เทคโนโลยพี ระจอมเกล้าเจ้าคณุ ทหารลาดกระบงั ๔๓๒. หน้า ผู้พิมพถ์ วาย ๑. พระศรณั ย์ ปญญฺ ฺาพโล คณุ ประชมุ มาลนี นท์ ๒. รองศาสตราจารยส์ ุเชาวน์ พลอยชุม สทั ธิวิหารกิ ในเจ้าพระคุณสมเด็จพระสงั ฆราช ๓. ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.เกศนิ ี ประทมุ สวุ รรณ ผจู้ ดั พมิ พ์ ‘บวรธรรมบพติ ร’ วดั บวรนเิ วศวหิ าร สรอ้ ยพระราชทนิ นามของ เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ในพระสพุ รรณบฏั ท่ีพระราชทานในพระราชพธิ ี หนงั สอื เล่มนพี้ ิมพโ์ ดยใช้ สถาปนาสมเด็จพระสังฆราช มคี วามหมายว่า กระดาษ: EcoFiber สนับสนุนโดย “ทรงเปน็ เจ้าทางพระธรรมอนั ประเสริฐ”
บวรธรรมบพติ ร 7
บวรธรรมบ ิพตร 8 ค�ำปรารภ เจา้ พระคณุ สมเดจ็ พระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหา สงั ฆปรณิ ายก (เจรญิ สวุ ฑฒฺ โน) สน้ิ พระชนมเ์ มอื่ วนั พฤหสั บดที ่ี ๒๔ ตลุ าคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๖ เวลา ๑ ๙ นาฬกิ า ๓๐ นาที ณ ตกึ วชริ ญาณ สามัคคพี ยาบาร โรงพยาบาล จฬุ าลงกรณ์ สภากาชาดไทย สิริพระชนมายไุ ด้ ๑๐๐ พรรษา ๒๑ วัน ครนั้ วนั ศกุ รท์ ่ี ๒๕ ตลุ าคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๖ เวลา ๑๓ นาฬกิ า ไดเ้ ชญิ พระ ศพมายงั พระต�ำหนกั เพช็ ร วดั บวรนเิ วศวหิ าร พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ไดท้ รง พระกรณุ าโปรดเกล้าโปรดกระหมอ่ มให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช ฯ สยามมกฎุ ราชกมุ าร เสด็จพระราชด�ำเนินแทนพระองคม์ าถวายน้ำ� สรงพระศพ และทรงพระ กรณุ าโปรดพระราชทานพระโกศกดุ น่ั ใหญป่ ระดษิ ฐานพระศพ พระโกศประดษิ ฐาน ภายใต้เศวตฉตั ร ๓ ชนั้ บนพระแท่นแวน่ ฟา้ ปิดทองประดับกระจก แวดล้อมด้วย ฉัตรเครอื่ งสงู ๓ คู่ ประดบั พุม่ ตาดทอง ดอกไมแ้ จกนั และเทยี นไฟฟา้ รายรอบ พระโกศบนพระแทน่ แวน่ ฟา้ ทั้งสองช้ัน เบือ้ งหนา้ ตั้งพานพระภษู าโยงซึ่งทอดมา จากปากพระโกศ เชื่อมกบั ดา้ ยสกุ �ำอนั ประชุมทเ่ี บ้อื งพระเศยี รของพระศพ พร ะบ าทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดให้มีพระพิธีธรรมสวด พระอภิธรรมถวายพระศพท้ังกลางวันกลางคืน และมปี ระโคมย�ำ่ ยามเปน็ เวลา ๗ วนั ทรงพระกรณุ าโปรดบ�ำเพญ็ พระราชกศุ ลสตั ตมวาร ปญั ญาสมวาร และสตมวาร ถวายพระศพมาโดยล�ำดบั นบั แตว่ นั ประดษิ ฐานพระโกศพระศพ ณ พระต�ำหนกั เพช็ ร วดั บวรนเิ วศวหิ าร เมอื่ วนั ท่ี ๒๕ ตลุ าคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เปน็ ตน้ มา ผนู้ �ำประเทศ ทตู านทุ ตู ผนู้ �ำองคก์ ร ศาสนา หนว่ ยราชการ ผ้นู �ำองคก์ รตา่ ง ๆ คณะสงฆแ์ ละพทุ ธศาสนกิ ชนท้ังภายใน ประเทศและตา่ งประเทศไดม้ าถวายสกั การะเคารพพระศพ และไดร้ ว่ มเปน็ เจา้ ภาพ บ�ำเพ็ญกศุ ลถวายพระศพอยา่ งต่อเนื่อง พระศพเจา้ พระคณุ สมเดจ็ พระญาณสังวร สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหา สงั ฆปริณายก ได้ประดษิ ฐาน ณ พระต�ำหนกั เพช็ ร วัดบวรนิเวศวิหาร แตว่ ันท่ี ๒๕ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ ถงึ วนั ที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ เปน็ เวลา ๗๘๒ วัน หรอื ๒ ปี กบั ๕๒ วนั พระบาทสมเดจ็ พระเจ้าอย่หู วั จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า โปรดกระหม่อมใหก้ �ำหนดการพระราชพิธพี ระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุ วดั เทพศริ นิ ทราวาส กรุงเทพมหานคร ในวันที่ ๑๕-๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ใน กา รพ ระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพคร้ังน้ี พระบาทสมเด็จ พระ เจ้า อยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดให้พิมพ์หนังสือพระราชทานถวายเป็นพระ อนุ สร ณ์ และถวายพระราชกุศลแด่เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จ พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก จ�ำนวน ๔ เลม่ คือ ๑. ธรรมบรรยายทางวทิ ยุ อ.ส. ระหวา่ งกาลทรงพระผนวช พระบาทสมเดจ็ พระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดลุ ยเดช ๒. พ ระ ไตรรตั นคุณ : พระธรรมบรรยายแนวฝึกหัดอบรมจิตท่ีสมเด็จ พระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสังฆปรณิ ายก ทรงแสดง ณ ตกึ สว ธรรมนิเวศ วดั บวรนเิ วศวหิ าร
๓. พระธรรมเทศนาในการทรงบ�ำเพญ็ พระราชกศุ ลการพระราชพธิ ถี วาย บวรธรรมบ ิพตร 9พระเพลงิ พระบรมศพ และการพระราชพธิ พี ระราชทานเพลงิ พระศพ ณ พระเมรมุ าศพระเมรุ ท้องสนามหลวง พุทธศักราช ๒๔๙๓-๒๕๕๕ ๔. โคลงสภุ าษติ ประจ�ำภาพในพระอโุ บสถ วดั พระศรรี ตั นศาสดาราม (ฉบบัถอดความ) ทร งตั้งพระราชหฤทัยอุทิศพระราชกุศลทั้งปวงอันจะพึงมีแต่วิทยาทานนี้ถวา ยสมเดจ็ พระญาณสังวร สมเด็จพระสงั ฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ผู้ทรงเป็ นคารวสถานปูชนยี เจดีย์แหง่ พระองค์ พระบรมวงศานวุ งศ์ พุทธบริษทั และอาณาประชาราษฎร์ทว่ั ไป เนื่องในการน้ี รัฐบาลได้พิมพ์หนังสือโดยเสด็จพระราชกุศลในพระราชพิธีพระ ราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรณิ ายก จ�ำนวน ๓ เลม่ คอื ๑. คมั ภรี ล์ ลติ วสิ ตระ พระพทุ ธประวตั ฝิ า่ ยมหายาน ภาษาสนั สกฤต ๒. คัมภรี ์ลลติ วิสตระ พระพุทธประวัติฝา่ ยมหายาน ภาษาไทย ๓. การบรหิ ารทางจติ ส�ำหรับผ้ใู หญ่ นอกจากน้ี คณะสงฆ์ องค์กร และบคุ คลต่าง ๆ ได้จัดพมิ พห์ นงั สือโดยเสดจ็พระราชกศุ ลนอ้ มถวายเปน็ พระอนสุ รณแ์ ละนอ้ มถวายพระกศุ ลอกี จ�ำนวนหนงึ่ วดั บวรนเิ วศวหิ ารขอพระราชทานถวายพระพรถวายพระราชกศุ ลแดส่ มเดจ็บรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ท่ีทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์ ในการท้ังปวงอันเนื่องด้วยการพระศพเจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกมาโดยตลอดต้ังแต่วันส้ินพระชนม์จนถึงการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพเปน็ ทสี่ ุด ขออนุโมทนาอ�ำนวยพรรัฐบาล คณะสงฆ์ องคก์ ร คณะบุคคล และเอกชนทง้ั ปวง ทไ่ี ดโ้ ดยเสดจ็ พระราชกศุ ลในการพระศพเจา้ พระคณุ สมเดจ็ พระญาณสงั วรสมเดจ็ พระสงั ฆราช สกลมหาสงั ฆปรณิ ายก มาตงั้ แตต่ น้ จนตลอดการพมิ พห์ นงั สอืโดยเสด็จพระราชกศุ ลในการพระราชพธิ ีพระราชทานเพลงิ พระศพ ขอพระราชกุศลท่ีสมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสรฐิ ตงั้ พระราชหฤทัย ทรงบ�ำเพ็ญพระราชทานอุทศิ ถวายในการคร้งั นี้ และขอกศุ ลบุญราศีที่รฐั บาล คณะสงฆ์ องคก์ ร คณะบุคคล และเอกชนทัง้ หลายท้ังปวง ได้ตั้งใจกระท�ำบ�ำเพ็ญน้อมอุทิศถวาย จงสัมฤทธิ์เป็นอดิเรกปุญญวิบากแด่เจา้ พระคณุ สมเดจ็ พระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายกตามควรแกพ่ ระคตวิ ิสยั จงทุกประการ เทอญ วัดบวรนิเวศวหิ าร ๑๕ ธนั วาคม ๒๕๕๘
สารบญั ๑๔ พระประวตั ิ ๑๑๔ ๑๔๐ เถรธรรม ๑ - รตั ตัญญู เถรธรรม ๒ - สลี วาบวรธรรมบ ิพตร 10 ๑๗๔ ๒๒๐ เถรธรรม ๓ - พหสุ สโุ ต เถรธรรม ๔ - สวาคตปาฏิโมกโข
๒๓๔ ๒๕๖เถรธรรม ๕ - เถรธรรม ๖ - ธมั มกาโมอธกิ รณสมปุ ปาทวูปสมกสุ โล๓๒๖ ๓๕๒เถรธรรม ๗ - สนั ตฏุ โฐ เถรธรรม ๘ - ปาสาทิโก๓๖๘ ๓๙๔ บวรธรรมบ ิพตร 11เถรธรรม ๙ - ฌานลาภี เถรธรรม ๑๐ - วมิ ุตโต
บวรธรรมบ ิพตร 12 ความนำ� หากจะหาคำ�สำ�คัญที่กล่าวถึงสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้ครอบคลุมในทุกเหตุการณ์ ทุกเรื่องราวตลอด พระชนมช์ ีพทีผ่ ่านมา คำ�น้ันกค็ งเป็นค�ำ ว่า ‘พระ’ ‘พระ’ คำ�สั้นๆ ท่ีใช้เรียกขานผู้ประพฤติปฏิบัติตนอย่างประเสริฐ คนไทยจึงเลือกใช้คำ�คำ�น้ีเรียกขานพระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า ทเ่ี ปน็ ผปู้ ฏบิ ตั ดิ ี เปน็ ผปู้ ฏบิ ตั ติ รง เปน็ ผปู้ ฏบิ ตั สิ มควร และเปน็ ผปู้ ฏบิ ตั ชิ อบแลว้ เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ จงึ ทรงเปน็ แบบอยา่ งของความเปน็ ‘พระแท’้ ทส่ี มบรู ณ์ ด้วยเหตุท่ีเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ทรงผูกพันกับความเป็น ‘พระ’ มาตั้งแต่เยาวว์ ยั จึงทำ�ใหท้ รงชอบเลน่ เป็น ‘พระ’ นบั แต่นั้น เมื่อก้าวสู่เส้นทางของ ‘พระ’ ก็ทรงมีศีลาจารวัตรงดงาม เจริญ พรอ้ มในทุกๆ ดา้ น ทง้ั การเปน็ ‘พระ’ มหาเปรยี ญผเู้ ชย่ี วชาญงานพระปรยิ ตั ิ ตามแบบ อย่างอันดีของ ‘พระบ้าน’ และทรงเคร่งครัดในพระธรรมวินัย ทรงดำ�รง พระองค์อย่างสังวรระวัง สมถะสันโดษในลาภที่ควรได้ ตามแบบอย่างของ ‘พระปา่ ’ ก็เจนจบช�ำ นิชำ�นาญเปน็ ท่ปี ระจกั ษ์ ดงั แสดงออกมาในพระนิพนธ์ และพระธรรมเทศนาอันหลากหลายที่บรรยายข้ออรรถข้อธรรมอย่างลุ่มลึก ทั้งในภาษาไทยและภาษาต่างประเทศ ทรงรับพระธุระในงานพระศาสนา ทั้งงานในวัด ตลอดจนงาน ด้านการคณะสงฆ์ จงึ ทรงเจริญด้วยสมณศกั ดิเ์ ปน็ ‘พระราชาคณะ’ ช้ันต่างๆ และด้วยสายพระเนตรอันยาวไกล จึงทรงวางรากฐานการศึกษาคณะสงฆ์ ในระดับอุดมศึกษาจนมีความเป็นปึกแผ่น การเผยแผ่พระพุทธศาสนาใน ตา่ งแดนโดยรเิ รมิ่ งานพระธรรมทตู การฟนื้ ฟคู ณะสงฆเ์ ถรวาทในตา่ งประเทศ โดยเฉพาะการบริหารคณะสงฆ์ในสังฆมณฑลก็บริบูรณ์เรียบร้อยเป็นอันดี เพราะทรงกอปรด้วยพระปรีชา เหตุน้ีพระเกียรติคุณจึงปรากฏแผ่ไพศาล ไปยงั เหลา่ พุทธบรษิ ัททว่ั โลก
ด้วยพระจริยวตั รตา่ งๆ ท�ำ ใหเ้ ห็นว่า แมจ้ ะทรงเปน็ ‘พระ’ แตก่ ็ บวรธรรมบ ิพตร 13สามารถประกอบกิจน้อยใหญ่อันเป็นสาระประโยชน์ เพื่อพระศาสนาประชาชน และชาติบ้านเมืองเป็นอเนกประการได้อย่างบริบูรณ์บริสุทธิ์ทงั้ ในฐานะของ ‘พระสาวก’ ของพระสัมมาสัมพุทธเจา้ และในฐานะ ‘พระสงั ฆราช’ และ ‘พระสงั ฆบิดร’ ของปวงพทุ ธศาสนิกชน คณุ สมบัตขิ องเจ้าพระคุณสมเด็จฯ ดังกล่าว สามารถประมวลลงได้ในพระพุทธพจน์ท่ีปรากฏในเถรสูตร ความว่า“ภิกษผุ เู้ ถระประกอบดว้ ยธรรม ๑๐ ประการ ยอ่ มอยสู่ ำ�ราญในทุกทศิ คือเปน็ รตั ตญั ญู รรู้ าตรนี าน, เป็นผู้มศี ีล, เปน็ พหูสตู ศกึ ษาเล่าเรียนมามาก,จ�ำ พระปาตโิ มกข์ได้คล่อง, ฉลาดในการระงบั อธิกรณท์ ี่เกิดขนึ้ , เป็นผใู้ คร่ในธรรม, สันโดษด้วยปัจจัย ๔ ตามมีตามได้, มีความประพฤติน่าเลื่อมใส,สามารถเข้าฌานได้ตามปรารถนา, บรรลุถึงความหลุดพ้นทางใจและทางปญั ญา” โดยนัยแห่งพระพุทธพจน์ข้างต้นนี้ ล้วนปรากฏเป็นท่ีประจักษ์ท้ังในความทรงจำ� ทั้งจากคำ�บอกเล่า และจากภาพบันทึกพระจริยวัตรและพระกรณยี กจิ ของเจา้ พระคณุ สมเดจ็ พระญาณสงั วร สมเดจ็ พระสงั ฆราชสกลมหาสังฆปริณายกพระองคน์ ้ัน ‘พระ’ ผู้ทรงเปน็ ‘พระ’ มาตลอดพระชนมช์ ีพ ‘พระ’ ท่ีทกุ ๆ คนสามารถกราบได้อย่างสนทิ ใจ ‘พระของประชาชน’
จากปฐมบท ถึงมัชฌมิ ยาม บวรธรรมบ ิพตร 15
บวรธรรมบ ิพตร 16 แรกก�ำเนิด บ้านปากแพรก ตำ�บลปากแพรก อำ�เภอเมือง จังหวัด กาญจนบุรี ดินแดนท่ีแม่นํ้าน้อย (แควน้อย) และแม่นํ้า ศรีสวัสดิ์ (แควใหญ)่ ไหลมาบรรจบกัน อันเปน็ ตน้ ก�ำ เนดิ ของแมน่ าํ้ แมก่ ลอง สถานทสี่ �ำ คญั ทป่ี ระวตั ศิ าสตรต์ อ้ งจารกึ ไว้วา่ เป็นบา้ นเกิดแห่ง ‘พระสงั ฆบิดร’ ของชาวพุทธโลก คืนวันศุกร์ที่ ๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๕๖ ณ บา้ นปากแพรก ในเวลาทย่ี ามสามลว่ งพน้ ไปเกอื บใกลร้ งุ่ ชีวติ นอ้ ยๆ ชีวติ หน่ึงไดถ้ อื ก�ำ เนดิ ขนึ้ ในครอบครัว ‘คชวัตร’ ด้วยความปีติยินดีย่ิงของนายน้อย และนางกิมน้อย (แดงแก้ว) รวมท้ังครอบครวั และญาติมิตร หากผู้ท่ียินดีเป็นท่ีสุด เห็นจะได้แก่ นางกิมเฮ้ง พ่ีสาวแท้ๆ ของนางกิมน้อย เน่ืองมาจากข้อตกลงกันว่า หากน้องสาวคลอดบุตรคนแรกเป็นชาย จะต้องยกให้นาง ไดเ้ ลี้ยงดอู ุ้มชูเปน็ บุตรบญุ ธรรม แลว้ สง่ิ ทต่ี ง้ั จติ อธษิ ฐานไว้ กก็ ลายเปน็ ความจรงิ ฤาจะเปน็ ดว้ ยเดก็ นอ้ ยคนนเ้ี กดิ มาเพอ่ื ยงั ความสขุ ความเจริญใหแ้ กพ่ อ่ แมแ่ ละครอบครวั พลันคดิ ได้เช่นนั้น นางจึงตง้ั ชอ่ื หลานรกั ว่า ‘เจรญิ ’
อยูก่ ับปา้ บวรธรรมบ ิพตร 17ในขณะที่ผู้เป็นแม่เฝ้าอุ้มท้อง อดเปรี้ยวอดหวานมานานถึงเก้าเดือน ลูกน้อยยังไม่ทันได้หย่านม ก็จำ�ต้องยกให้พ่ีสาวตามสัญญา มิใช่แม่จะไม่รัก หรืออยากจะผลักไสเจ้าไปให้ไกลอกดว้ ยสงสารกแ็ ตป่ า้ ของลกู อยเู่ พยี งล�ำ พงั ซาํ้ ตาบอดทงั้ สองขา้ งไมม่ ีใครให้ฝากผฝี ากไข้ นานวันไปเผ่อื จะได้เจ้าพ่งึ พา เด็กชายเจริญ จึงได้เข้ามาอยู่ในความอุปการะของ‘ปา้ เฮ้ง’ นบั แต่น้นั โดยมนี า้ ชายชอื่ ‘เสยี ม’ มาชว่ ยดแู ลอีกแรงหน่ึง ป้าเฮ้ง แม้จะตาบอด แต่ก็ยังทำ�งานต่างๆ ด้วยความกระฉับกระเฉง ขึ้นช่ือนักก็ในเรื่องการตามใจหลานน่ีเองหลายคนบ่นว่า เกรงจะเสียเด็กเพราะถูกตามใจจนเคยตัวแต่ปา้ กลับเถยี งคอเปน็ เอ็นทุกครัง้ ไปวา่ ‘ไม่มีทาง’ ในวยั เยาว์ หากเปน็ เดก็ ชายทวั่ ไปคงฝกั ใฝค่ วามสนกุ -สนาน ไม่โลดโผนโจนทะยาน แต่เด็กขี้อายอย่างหลานป้าเฮ้งกลบั มนี สิ ยั แปลกคน มกั เอาผา้ หม่ มาท�ำ เปน็ จวี ร สมมตติ นเปน็ภิกษุ ทำ�คัมภีร์เทศน์และตาลปัตรเป็นเครื่องเล่นพร้อมสรรพบางคราวเก็บก้อนหินมาก่อเรียงกัน แล้วจินตนาการว่านี่คือภูเขา เวิ้งนี้เป็นถ้ําน้อยใหญ่ ส่วนยอดบนสุดนั้น คือเจดีย์บางครั้งเล่นทอดกฐิน ทอดผ้าป่า บางคราเล่นท้ิงกระจาดตามทไ่ี ดเ้ คยเห็นมาจากวดั ญวนใกลบ้ า้ น
บวรธรรมบ ิพตร 18 มสี ุข หากกแ็ ฝงทุกข์สาหสั แม้จะมีความสุขด้วยความรักที่เต็มเปี่ยมจากผู้เป็นป้า หากก็ ไม่อาจกล่าวได้ว่า ชีวิตของเด็กชายเจริญเต็มไปด้วยความสุข ที่สมบูรณ์ เน่ืองจากสุขภาพท่ีอ่อนแอมาต้ังแต่กำ�เนิด จึงมัก เจ็บป่วยอยู่เสมอ จนคร้ังหนึ่งต้องแก้เคล็ดด้วยการนำ�รูปยมบาลที่ เด็กชายประดิษฐ์ขึ้นด้วยกระดาษตามแบบพิธีทิ้งกระจาดน้ัน ไปเผาทงิ้ เสีย ตามความเช่อื ของผใู้ หญ่ในบ้าน อีกคราวหนึ่งอาการหนักถึงขั้นท่ีเชื่อว่าไม่น่าจะรอด จึงได้ร้องขอต่อส่ิงศักดิ์สิทธ์ิทั้งหลายว่า หากเมตตาช่วยรักษา ให้หายป่วยไข้แลว้ จะให้เด็กนอ้ ยนบี้ วชแก้บน อทุ ศิ บุญกุศลให้ และจะเป็นดว้ ยเดชแห่งบญุ ใด ไม่มใี ครทราบ อาการปว่ ยของ เด็กชายกท็ ุเลาลงและดขี ้นึ เปน็ ล�ำ ดับ นอกจากจะมีความทุกข์จากอาการป่วยไข้ของตนเอง มาต้ังแต่เล็กแล้ว ครั้นเม่ือเติบใหญ่ในวัยใกล้จะครบสิบขวบ เด็กชายกต็ ้องพบกับการสญู เสียคร้งั ใหญ่เปน็ คร้งั แรกของชีวิต นายน้อย คชวัตร ปลัดอำ�เภออัมพวา จังหวัด สมุทรสงคราม ผูเ้ ปน็ บิดา ปว่ ยดว้ ยโรคเนือ้ งอกและไดก้ ลบั มา นอนรกั ษาตวั อยทู่ บี่ ้านกาญจนบุรี จนถงึ วาระสดุ ทา้ ยจึงได้จาก ไปดว้ ยอาการสงบในวยั เพยี ง ๓๘ ปี ปลอ่ ยภรรยาพรอ้ มลกู นอ้ ย สามคนไวเ้ บอื้ งหลงั เด็กชายเจรญิ จงึ ได้เรยี นรชู้ ีวติ ท้ังสุข ทุกข์ และคำ�ว่า ‘อนิจจัง’ มาตั้งแตค่ ร้ังกระน้ัน
ไมม่ ี ‘ทางแยก’ มแี ต่ ‘ทางตัน’ บวรธรรมบ ิพตร 19 เมอ่ื อายคุ รบขวบเกณฑก์ ารศกึ ษา เดก็ ชายเจรญิ คชวตั ร ไดเ้ ขา้ เรยี นชนั้ ประถม ณ โรงเรียนวัดเทวสังฆาราม จนจบชั้นสงู สุด คอื ประถม ๓ เพอ่ื นรุ่นเดยี วกนั หลายคนไปเรียนต่อชั้นมัธยม ที่โรงเรียนมัธยมวัดชัยชุมพลชนะสงคราม หรือวัดใต้ ซ่ึงเป็น โรงเรียนประจำ�จังหวัด แต่ถ้าจะเรียนในระดับที่สูงขึ้นไปก็ต้อง ไปเรียนตอ่ ท่โี รงเรียนในกรุงเทพฯเสน้ ทางนี้ ชัดเจนวา่ มหี นทางให ้เดินตอ่ ... หากดว้ ยธรรมชาตทิ ค่ี อ่ นขา้ งขลาดกลวั ตอ่ สงิ่ แวดลอ้ มทผี่ ดิ แผก ไปจากความคุ้นเคย อีกท้ังยังสูญเสียบิดาท่ีคอยให้คำ�ชี้แนะ เด็กชายจึงเลือกที่จะเรียนต่อในโรงเรียนเดิม ซ่ึงคุณครูได้ให้ สัญญาว่าจะเปิดต่อไปในช้นั ประถม ๔ และประถม ๕ ในระหว่างที่เป็นนักเรียน แม้ว่าพลานามัยจะไม่ได้ แข็งแรงสมบรู ณเ์ ฉกเชน่ เด็กท่วั ไป แต่เด็กชายกต็ ง้ั ใจ ใฝ่รู้ ท้ังมี จิตอาสา สมัครและเข้าเรียนในวิชาลูกเสือ จนสอบได้เป็น ‘ลูกเสือเอก’ แต่เม่ือเรียนจนจบช้ันประถมสูงสุดของโรงเรียน อีกครง้ั เดก็ ชายเจรญิ เรม่ิ ร้สู ึกราวกบั ว่าชีวิตไดถ้ ูกผลักใหม้ าถึง ‘ทางตัน’ ด้วยไม่มีเส้นทางใดท่ีจะให้มุ่งไปสู่ความงอกงาม นอกจากการศกึ ษาทสี่ ูงข้ึนเชน่ น้ันหรอื
บวรธรรมบ ิพตร 20 บวชแก้บน ต้นพรรษาปีพุทธศักราช ๒๔๖๙ นายแถมและนายทองดี ผเู้ ปน็ นา้ จะอปุ สมบทเปน็ พระภกิ ษทุ ว่ี ดั เทวสงั ฆาราม แมก่ มิ นอ้ ย และปา้ เฮง้ จงึ ชักชวนใหเ้ ด็กชายเจรญิ ในวยั ยา่ ง ๑๔ ปี ไดเ้ ขา้ บรรพชาเป็นสามเณรเสียในคราวเดียวกัน เพื่อจะได้ ‘แก้บน’ ให้แล้วเสร็จ ซ่ึงเด็กชายเจริญก็ตอบ ตกลง ด้วยดี แมจ้ ะเป็น นักเรียนโรงเรียนวัด หากก็ไม่อาจเรียกได้ว่าคุ้นเคยกับพระ หรือกับวัด จะไปวัดบ้างก็ในช่วงเทศกาลงานบุญ ที่ชอบที่สุด ก็เห็นจะเป็นตอนที่ป้าพาไปฟังเทศน์ตอนค่ํา ซ่ึงมีทุกคืนใน ระหวา่ งพรรษา เพราะตดิ ใจในนิทานชาดก ตะวันตกดินเมื่อใด กม็ กั รบเรา้ ใหป้ า้ พาไปวดั ถา้ คนื ใดพระธรรมเทศนาเนน้ ไปทเี่ รอื่ ง ธรรมะล้วนๆ กจ็ ะชวนป้าให้รีบกลบั เพราะฟังไมเ่ ข้าใจ การไปวดั จึงหมายถงึ การไปเรยี นหนงั สอื การรว่ ม งานบญุ หรอื ไปฟงั นทิ าน พรงุ่ นแี้ ลว้ สนิ ะ จะตอ้ งไปอยวู่ ดั ในฐานะ สามเณรใหม่ ถึงแมจ้ ะเปน็ ช่วงเวลาส้นั ๆ กต็ าม เดก็ หนมุ่ ไมเ่ คยจากบา้ น มเี พยี งบางครง้ั กแ็ คไ่ ปแรมคนื เข้าค่ายลูกเสือ จึงรู้สึกอาลัยอยู่ในหัวอก ก่อนจะหลับไปใน คนื นั้นเสยี งปา้ เฮ้งยังแว่วอย่ขู ้างหู “ลูกเอ๋ย คืนน้ีเป็นคืนสุดท้ายแล้วนะท่ีเราจะได้อยู่ ดว้ ยกนั ” ดง่ั ค�ำ พยากรณท์ แ่ี มน่ ย�ำ นบั แตน่ น้ั ชวี ติ ของคนทง้ั สอง กต็ ้องแยกจากกนั จนถึงวันสดุ ท้ายของผู้เปน็ ป้า
บวรธรรมบพติ ร 21
บวรธรรมบ ิพตร 22 ขึน้ ธรรมาสน์ เทศน์ปากเปลา่ พรรษาแรกของสามเณรเจรญิ เวลาในแตล่ ะวนั ล่วงถึงคืนวันพระคืนหนึ่ง สามเณร ถูกใช้ไปกับการท่องจำ�สามเณรสิกขา ทำ�วัตร เจริญ ได้มีโอกาสขึ้นธรรมาสน์เป็นคร้ังแรก สวดมนต์ แมย้ งั ไมไ่ ดเ้ รม่ิ ศกึ ษานกั ธรรม แตก่ าร จึงแสดงธรรมกณั ฑอ์ ริยทรัพย์ ๗ ประการแก่ ทำ�อุปัชฌายวัตรทุกคืนถวาย ‘หลวงพ่อดี’ พทุ ธบรษิ ทั ทม่ี านง่ั ฟงั กนั อยเู่ ตม็ ศาลา เปน็ การ หรอื ‘หลวงพอ่ วดั เหนอื ’ พระอปุ ชั ฌาย์ กเ็ ทา่ กบั เทศน์ปากเปล่า ว่าไปทีละวรรค ทีละตอน การได้ซึมซบั ท้ังปฏปิ ทาและขอ้ คดิ ขอ้ ธรรม ไม่มีติด ไม่มีขัด ยังความปลาบปลื้มใจให้แก่ หลวงพ่อได้ต่อเทศน์กัณฑ์อริยทรัพย์ โยมแม่และโยมปา้ ย่งิ นัก ๗ ประการให้แบบเดียวกับการต่อหนังสือ คนื วนั เคลอ่ื นคลอ้ ย... แตเ่ ดมิ เณรนอ้ ย โดยเรมิ่ จากการอา่ นน�ำ ใหฟ้ งั เปน็ ตอนๆ แลว้ ให้ ทค่ี ดิ วา่ จะแคบ่ วชแกบ้ น แตจ่ นออกพรรษาแลว้ ทอ่ งตามทลี ะวรรค คนื หนง่ึ กต็ อนหนง่ึ เสรจ็ กจิ กลบั ลมื คดิ เรือ่ งลาสกิ ขาเสียสน้ิ แล้วสามเณรก็จะกลับมาเขียนบันทึกเก็บไว้ คนื ละตอนเชน่ กนั ท�ำ อยเู่ ชน่ นน้ั จนจ�ำ ไดท้ ง้ั กณั ฑ์ อยา่ งแมน่ ยำ�
ไกลบา้ นออกไปทุกที บวรธรรมบ ิพตร 23 เม่อื ยงั ไมม่ ที ที ่าวา่ อยากจะกลับไปครองเรือน หลวงพ่อดีจงึ ชีแ้ นะ ใหไ้ ปเรียนภาษาบาลที ่ีวัดเสนหา จงั หวัดนครปฐม “เราจะสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรมเตรียมไว้ให้ ต่อไป เธอจะไดก้ ลบั มาสอนทวี่ ดั น”่ี แลว้ หลวงพอ่ ก็พาสามเณรไปฝากไว้ กับพระครสู งั วรวนิ ัย (อาจ ชุตินฺธโร) เจ้าอาวาสวัดเสนหา เพือ่ ให้ เรยี นพระปรยิ ตั ธิ รรม เรยี นอยทู่ ว่ี ดั เสนหาไดเ้ พยี งสองปเี ศษ ตง้ั แต่ เร่มิ ไวยากรณ์จนจบการแปลธรรมบทแล้ว หลวงพ่อก็พาไปกราบ เรียนฝากเจ้าประคุณสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ ให้เรียนต่อที่ วัดบวรนิเวศวิหาร โดยมิได้บวชแปลงใหม่เป็นเณรธรรมยุตตาม ธรรมเนียมปฏิบัติ เพราะต้ังใจไว้ว่าถ้าอายุครบอุปสมบทแล้ว กจ็ ะใหก้ ลบั ไปบวชทวี่ ดั เทวสงั ฆารามเพอื่ ชว่ ยสอนพระปรยิ ตั ธิ รรม ต่อไป เม่ือได้รับการตอบตกลงจากทางวัดบวรนิเวศวิหาร สามเณรจึงได้กลับจากวัดเสนหามาอยู่วัดเทวสังฆารามเป็นการ ชัว่ คราว เพอื่ เตรยี มตัวเข้าไปเรยี นตอ่ ในเมอื งกรุง คร้ันถึงวันเดินทาง ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๗๒ รถมารอรับอยู่จนเกือบถึงบันไดกุฏิ มีพระอาจารย์ เพ่ือนเณร ญาติโยม ท้ังน้องชายสองคน ก็มาคอยส่งด้วย... สามเณรเจริญ เดินลงมาจากกุฏิดว้ ยอาการสงบนิง่ ... หวั ใจเท่านัน้ คลา้ ยสนั่ หววิ “... แลดูรู้สึกคิดถึงวัด คือพวกพ้องมาก คร้ันท่านพระครูท่านให้ไปไหว้พระพุทธรูปในห้องท่าน จึงค่อยคลายไปทางหน้าบ้านผ่านบ้านป้า รู้สึกคิดถึงมาก... ตอนผ่านวัดเสนหา ทำ�ให้หวนนึกถึงเรื่องอันเปนไปแล้วในอดีต ให้รู้สึกสลดใจมาก ผา่ นโรงเรยี นไป เวลานน้ั เขาก�ำ ลงั เรยี นกนั เมอื่ กอ่ นเราเคยอยู่วดั เสนหา เวลาโน้นตอ้ งพลดั พลากกลับบ้าน เวลานี้กลบั พลดั บา้ นเข้ากรงุ เทพฯ อกี เปนของอนจิ ฺจํแท้ทเี ดยี ว ...
บวรธรรมบ ิพตร 24 สวุ ฑฺฒนภิกขฺ ุ ตามธรรมเนียมของวัดบวรนิเวศวิหาร สามเณรจะต้องท่อง สามเณรสกิ ขาและเสขยิ วตั รใหไ้ ด้เสยี ก่อน พระอปุ ชั ฌายจ์ งึ จะ ประทานนามฉายาเพื่อเป็นคำ�เรียกขานในช่วงเวลาของการ ทำ�วตั รเยน็ ค่ำ�วันหน่ึงของการทำ�วัตร สมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ ไดล้ งพระอโุ บสถดว้ ย เมอ่ื ทรงไดย้ นิ ค�ำ เรยี กขาน ‘สามเณรเจรญิ ’ จึงรับสั่งถามว่า ท่องสามเณรสิกขาและเสขิยวัตรได้หรือยัง สามเณรในครั้งนั้นท่ีเพ่ิงย้ายเข้ามาอยู่วัดได้ไม่ทันพ้นเดือน ก็ทูลตอบว่าท่องได้แล้ว พระองค์จึงรับสั่งถามต่อถึงช่ือสกุล แล้วจงึ ประทานนามฉายา ‘สุวฑฺฒโน’ ซงึ่ หมายถงึ ‘ผู้เจรญิ ดี’ พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๖ เปน็ ปที อ่ี ายคุ รบบวช สามเณรเจรญิ ไดก้ ลบั ไปอปุ สมบทสนองเจตนารมณข์ องหลวงพอ่ ดี ผมู้ พี ระคณุ ดจุ บดิ า ที่ช้ีแนะเส้นทางสายธรรม ท้ังยังได้อยู่จำ�พรรษาช่วยสอนพระ ปรยิ ตั ิธรรม ณ โรงเรยี นเทวานกุ ูล วัดเทวสงั ฆาราม ตลอดหนึง่ พรรษา เมอ่ื ออกพรรษาแลว้ จงึ ไดก้ ลบั มายงั วดั บวรนเิ วศวหิ าร อีกครัง้ พรอ้ มท้งั ท�ำ พิธที ัฬหีกรรม คือการบวชซํา้ เปน็ พระภกิ ษุ ในธรรมยุติกนิกาย โดยมีเจ้าประคุณสมเด็จพระวชิรญาณวงศ์ ซง่ึ ต่อมาคือ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ เปน็ พระอปุ ัชฌาย์ จากนั้น สุวัฑฒนภิกขุ ก็ได้เทียวไปมาระหว่างวัด บวรนิเวศวิหารกับวัดเทวสังฆารามอยู่อีกสองปี เพื่อช่วย หลวงพ่อดสี อนหนังสือ
สมเด็จพระสังฆราช องคท์ ี่ ๑๙ บวรธรรมบ ิพตร 25 ‘สุวฑฺฒนภิกฺขุ’ เจริญท้ังในทางโลกและทางธรรม เรอ่ื ยมาเปน็ ล�ำ ดบั พรอ้ มกบั หนา้ ทค่ี วามรบั ผดิ ชอบ การเผยแผธ่ รรม และการปกครองหมสู่ งฆท์ ส่ี งู ขน้ึ ตราบจนปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๓๒ พระบาท- สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรด สถาปนาขน้ึ ท่ี ‘สมเดจ็ พระสงั ฆราช’ พระองคท์ ่ี ๑๙ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ มีพระนามจารึกในพระ สุพรรณบัฏวา่สมเด็จพระญาณสังวร บรมนริศรธรรมนตี ภิ บิ าลอรยิ วงศาคตญาณวมิ ล สกลมหาสังฆปริณายก ตรีปฎิ กปรยิ ัตติธาดา วสิ ุทธจริยาธสิ มบตั ิ สุวัฑฒนภิธานสงฆวิสุต ปาวจนุตตมพิสาร สุขุมธรรมวธิ านธ�ำ รง วชิรญาณวงศววิ ฒัพุทธบรษิ ทั คารวสถาน วจิ ติ รปฏิภาณพฒั นคุณ วิบลุ สีลาจารวตั รสุนทร บวรธรรมบพติ ร สรรพคณิศรมหาปธานาธบิ ดี คามวาสี อรณั ยวาสี สมเดจ็ พระสงั ฆราช
หากถอดความหมายของพระนามแล้ว จะเห็น เป็นที่ประจักษ์ในคุณลักษณะและพระเกียรติคุณ แหง่ องคส์ มเดจ็ ฯ หลายประการ ดงั น้ีบวรธรรมบ ิพตร 26 สมเดจ็ พระญาณสังวร สมเดจ็ พระผูม้ ีธรรมเปน็ เครอื่ งระวัง อันประกอบดว้ ยพระปรชี าญาณ บรมนริศรธรรมนีติภิบาล ทรงเปน็ พระอภิบาล หรือพระพเ่ี ลี้ยงในการถวายแนะนำ� พระธรรมแด่พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยูห่ วั ผทู้ รงเป็นใหญ่อย่างยง่ิ ในหมู่นรชน อริยวงศาคตญาณวมิ ล ผบู้ ริสทุ ธิ์ปราศจากมลทนิ ด้วยพระญาณ อนั สืบมาแตว่ งศ์แหง่ พระอรยิ เจ้า สกลมหาสังฆปรณิ ายก ผนู้ ำ�แห่งสงั ฆะทัง้ ปวง ตรีปิฎกปริยตั ติธาดา ผทู้ รงไวซ้ งึ่ พระปริยตั ธิ รรม คอื พระไตรปิฎก วิสุทธจรยิ าธสิ มบตั ิ ทรงถงึ พรอ้ มอยา่ งยิง่ ด้วยพระจรยิ า คอื ความประพฤตอิ ันบริสุทธิ์วิเศษ สวุ ฑั ฒนภิธานสงฆวสิ ตุ ปรากฏพระนามหรอื พระฉายาในทางพระสงฆว์ า่ สวุ ฑั ฒนะ ปาวจนตุ ตมพิสาร ทรงพระปรีชากวา้ งขวางในพระอุดมปาพจน์ (คำ�อนั เป็นประธาน คือ พระธรรมวินัยอันสูงสุด) สุขมุ ธรรมวธิ านธำ�รง ผูท้ รงไวซ้ งึ่ ธรรมวิธอี นั ละเอียดออ่ น วชิรญาณวงศวิวัฒ ทรงเจรญิ รอยตามสมเด็จพระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ พทุ ธบรษิ ัทคารวสถาน เป็นท่ีตั้งแหง่ ความเคารพของพุทธบรษิ ทั วจิ ติ รปฏิภาณพัฒนคณุ ทรงพระคณุ อนั เจรญิ ดว้ ยพระปฏิภาณอันวิจิตร วบิ ลุ สีลาจารวตั รสนุ ทร งดงามด้วยพระศลี าจารวตั รอนั ไพบลู ย์ บวรธรรมบพิตร ผูเ้ ป็นใหญใ่ นพระธรรมอนั ประเสริฐ สรรพคณิศรมหาปธานาธิบดี ทรงเปน็ ประธานและอธบิ ดผี เู้ ปน็ ใหญ่ เปน็ อสิ ระแหง่ สงั ฆะทง้ั ปวง คามวาสี อรณั ยวาส ี ท้งั พระบ้าน และพระปา่
บวรธรรมบพติ ร บวรธรรมบ ิพตร 27บวร หมายถงึ ประเสรฐิ ล้ําเลิศ บริสทุ ธ์ิธรรม หมายถึง ธรรมะ คำ�สอนของพระสัมมาสัมพุทธเจา้บพิตร หมายถงึ ผูเ้ ป็นใหญ่ ประมขุ‘บวรธรรมบพติ ร’ จงึ หมายถึง พระผู้เปน็ ใหญใ่ นพระธรรมอันประเสรฐิ… คอื สมเด็จพระสงั ฆราช ที่ประทับ ณ วัด ‘บวร’ นเิ วศวิหาร... คอื พระผเู้ ชอื่ มร้อยการพฒั นา ‘บวร’ บา้ น วดั โรงเรยี น ด้วยพระธรรมอนั ประเสริฐ... คอื พระผเู้ ผยแผ่ ‘พระธรรมอันบริสุทธ์’ิ มายาวนานกวา่ ๘๖ ปี… คือ ‘องค์พระประมขุ สงู สดุ ’ ผูท้ รงธรรมอันลํา้ เลศิ แห่งพระพุทธศาสนาโลก
เม่ือปีพุทธศักราช ๒๕๕๕ ผู้นำ�ชาวพุทธโลกจาก ๓๒ ประเทศ ซ่ึงเป็นตัวแทนชาวพุทธ๓๗๐ ล้านคนทั่วโลก ได้มีฉันทานุมัติถวายพระเกียรติในตำ�แหน่ง ‘พระประมุขสูงสุดของพระพุทธศาสนาโลก’ แด่เจ้าพระคุณสมเด็จฯในฐานะทเี่ ปน็ ผทู้ รงธรรมอนั สงู สง่ เปน็ ผนู้ �ำ ทางจิตวิญญาณ เป็นสื่อธรรมท่ีหลอมรวมใจชาวพทุ ธทุกลทั ธิ ทุกนิกายท่วั โลกใหเ้ ป็นหนึ่งเดยี วเปรียบประหน่ึง ‘พระสังฆบิดร’ ของปวงพุทธประชา บวรธรรมบ ิพตร 29
แบบอยา่ งการเรียนรู้ ตลอดพระชนมช์ ีพ
เรียนทงั้ ธรรม เรยี นท้งั โลก บวรธรรมบ ิพตร 31เจ้าพระคุณสมเด็จพระญาณสังวรฯ เป็นผู้ที่มีความละเอียดลออและช่างสังเกตมาตั้งแต่ครั้งยังเป็นเด็ก ท้ังยังมีนิสัยชอบการขีดเขียนและบนั ทึก ทุกตัวอกั ษรท่จี ารจารึกไวใ้ นบนั ทึกส่วนพระองค์ล้วนคือประสบการณ์และการเรียนรู้ที่ผ่านการกล่ันกรองแล้วณ ปัจจบุ นั ขณะในเวลานนั้ การเดนิ ทางออกจากบ้านเกดิ มาสูโ่ ลกกวา้ ง... จากวัดเทวสังฆาราม มาสู่ วัดเสนหา และวัดบวรนเิ วศวหิ าร เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมน้ัน แท้จริงแล้วก็เท่ากับได้ศึกษา ‘ธรรม’ คือ‘ธรรมชาตขิ องมนษุ ย’์ จากคนรอบขา้ งไปพรอ้ มกนั ดว้ ย ดงั ตอนหนง่ึจากสมดุ บันทึกสว่ นพระองค์ ความวา่ข้าพเจ้าเร่ิมแปลกใจอีกท่ีไม่นึกมาแต่บ้านนอก ...ข้าพเจ้ายังไม่เคยพบเห็นอย่างนี้วา่ จะพบคำ�ว่า ‘พวก’ ในวัด จริงอยู่ กรุงเทพฯ เพราะบ้านนอกนับถือพรรษากันเปนประมาณเป็นสถานที่ไม่กล่อย วัดบ้านนอกรู้สึกว่าวัด อยู่มาอีก จึงได้ความรู้ใหม่ว่า ในกรุงเทพฯกล่อยกว่ากรุงเทพฯ การประชุมกันไหว้พระ พรรษาไมส่ เู้ ปน็ ประมาณ นอกจากบางครงั้ ยศสวดมนต์หรือพิธีสำ�คัญต่างๆ ในวันสำ�คัญ ประโยคที่มีหน้าที่ อำ�นาจเปนประมาณ เว้นแห่งพระพุทธศาสนา เปนไปพร้อมเพรียง ประมาณเหล่าน้ีเสีย เณร พระนวกะ พระเตม็ อกเต็มใจ ทั้งจำ�นวนพระเณรมาก เดก็ ทกุ มชั ฌมิ ะ พระมหลั ลกะ หรอื ปนู เถระ ดตู เี สมอกนัขนาดมาก รู้จักกันง่าย หมายความว่ารู้จัก มักโดยยกตนข้ึนไปบา้ ง ลดตนลงมาบา้ ง จะว่าพดู จากนั แตพ่ ระเณรโดยมาก หายอมสนทิ สนม เป็นความผิดของใครไมถ่ นดั มกั ยกใหโ้ ตเตม็ ที่โดยฐานเป็นกันเองง่ายๆ แลทั่วไปไม่ เมื่อ อยู่แต่สมเด็จฯ (หมายถึงสมเด็จพระสังฆราชข้าพเจ้าเริ่มมาอยู่นั้น มีความเข้าใจอย่าง เจ้าฯ) ยศทำ�เสียโดยไม่รู้สึก เพราะผู้ต้ังให้มีบ้านนอก เห็นว่าเมื่อเปนพระเณรแล้ว ควร อ�ำ นาจอดุ หนนุ อยูโ่ ดยฉะเพาะสนิทสนมกัน มีสีหน้า แลปากแลใจตรงกันการไปมาหาสู่รวางเพ่ือนร่วมวัดร่วมวัยร่วมเรียน โดยฐานเพื่อน ด้วยเจตนาบริสุทธิอยา่ งเดก็ ๆ ซอ่ื ๆ คอ่ นขา้ งโงข่ องขา้ พเจา้ จงึ มกัถูกต้อนรับด้วยอาการ แลสายตาชนิดเดียวกันกับข้าพเจ้าในบางพวกบางคน ได้รับตรงกันจากบางพวกบางคน...
บวรธรรมบ ิพตร 32 บทเรยี นจากความประมาท เป็นท่ีรับรู้กันท้ังในหมู่ครูบาอาจารย์และเพ่ือนร่วมช้ันว่า ‘เดก็ ชายเจรญิ ’ หรอื ‘สามเณรเจรญิ ’ ในเวลาตอ่ มา เปน็ นกั เรยี น ท่ีมีผลการเรียนดี ความก้าวหน้าจึงมีมาเป็นลำ�ดับสมกับช่ือ ท่โี ยมป้าตง้ั ให้ หากความก้าวหน้าคร้ังที่ยังความปลาบปล้ืมยินดี ใหแ้ กเ่ จา้ ตวั มากที่สดุ เห็นจะไดแ้ ก่ ตอนท่ีสอบไดเ้ ปรยี ญธรรม ๓ ประโยค คร้งั กระนั้นสามเณรหนุ่มถึงกับบนั ทึกไวว้ ่า “รู้สึกว่าเป็นสุขใจ สขุ กายมาก ไมม่ ีปใี ดในระวางปีท่ี กอ่ นอปุ สมบท หรอื อปุ สมบทแลว้ ได้ ๒ พรรษา หรอื จนถงึ เขยี น จ.ม. เหตนุ ี้ สง่ ความสขุ กายใจใหแ้ กข่ า้ พเจา้ มากเหมอื นในระยะ ที่สอบ ป.ธ. ๓ ได”้ ในปีต่อมา จึงเตรียมสอบเปรียญธรรม ๔ ประโยค ด้วยความมน่ั ใจ เก็งข้อสอบไว้อย่างดี ขอ้ ธรรมอันใดทว่ี า่ ยาก และหนักหนาแล้ว เห็นทีจะไม่มีคำ�ว่า ‘เหลือบ่ากว่าแรง’ ย่ิงเมื่อเห็นข้อสอบในมือ ใจก็นึกกระหย่ิม ช่างไม่สมภูมิเสียนี่ กระไร เพราะล้วนเปน็ เรอ่ื งดาดๆ พน้ื ๆ ทีด่ ไู มม่ ีสาระ ...ทวา่ อนิจจา กลบั สอบตกเสียไมเ่ ป็นท่า ใครๆ เกง็ กันวา่ ข้าพเจา้ ไม่สอบตก เปน็ เยยี่ มในพวก นักเรียนด้วยกัน ใจเกิดกำ�เริบไว้ใจ เสาะหาประโยคเก็งไว้ มากมาย ถึงคราวสอบหาออกประโยคเก็งไม่ ออกประโยค อมิ นิ า ทฺวาทสวิเธน ฯเปฯ สัณโดศ ประโยคนี้เคยผ่านมาสัก เดือนเศษ เวลาประชุม พลิกผ่านไปหมด เพราะเห็นว่าง่าย ไม่คอ่ ยมสี าระ ไมอ่ อกแน่ ... ครน้ั ออกมาแล้วยังนกึ เสียใจวา่ ออกประโยคไมส่ มภมู เิ ราเลย ประโยคเชน่ นี้ ถงึ ไดก้ ไ็ มม่ ชี อ่ื เสยี ง อะไร เพราะง่ายมาก เขยี นอยา่ งยิม้ เยย้ ประโยค ๔ อยู่ตลอด เวลา เสรจ็ ชมุ่ หวั ใจมาก โปรง่ มาก แตอ่ นจิ จา ขา้ พเจา้ ตกอยา่ ง ไมม่ คี ะแนนตดิ อยเู่ ลย ไดส้ ญู นี้แลเป็นผลของความประมาท บทเรียนในครั้งน้ี ทำ�ให้สามเณรตระหนักถึงความ ไมป่ ระมาทและเลกิ ทจ่ี ะเรยี นหนงั สอื แบบเกง็ ขอ้ สอบ แตห่ นั มา รํ่าเรียนด้วยการทำ�ความรู้ความเข้าใจในเน้ือหาให้ถึงแก่นแท้ แทน
บวรธรรมบพติ ร 33
บวรธรรมบ ิพตร 34 ใกล้ปราชญ์ กเ็ ป็นปราชญ์ ธรรมเนียมหน่ึงของวัดบวรนิเวศวิหารที่ยึดถือปฏิบัติเร่ือยมา จนถึงปัจจุบัน คือการที่เจ้าอาวาสต้องรับภาระการแสดง ธรรมเทศนาในวันธรรมสวนะ และวนั พระใหญ่ ในสมัยท่ียังทรงเป็น ‘พระมหาเจริญ’ เปรียญธรรม ๙ ประโยค อยู่น้ัน เมื่อลงพระอุโบสถฟังพระธรรมเทศนาของ สมเด็จพระสังฆราชเจ้าฯ คราวใด ก็จะบันทึกใจความสำ�คัญ ของเนอ้ื หาธรรมไวอ้ ยา่ งถว้ นทว่ั เสยี ทกุ คราวไป สน้ั บา้ ง ยาวบา้ ง สดุ แลว้ แตเ่ นือ้ ความแต่ละกณั ฑ์ ในบนั ทกึ แตล่ ะฉบบั กม็ กั แสดงการวเิ คราะหไ์ ปพรอ้ มกนั ดว้ ยว่า องค์แสดงธรรม ได้ทรงยกข้อธรรมใดใสเ่ ป็นบทอุเทศใน กณั ฑน์ น้ั ทรงอธบิ ายขยายขอ้ ธรรมนนั้ ๆ วา่ อยา่ งไร มกี ารแสดง ความเช่ือมโยงของธรรมแต่ละข้ออย่างไร และมีการตีความ ศพั ทธ์ รรมบางขอ้ บางเรอ่ื งไว้อยา่ งไร หากคราวใด ตอนใดทบ่ี าดลกึ หรือกนิ ใจ กจ็ ะใสอ่ ารมณ์ ความรูส้ กึ ในขณะนน้ั ลงไปด้วย ดังความตอนหน่ึง ๒๑ (มิถุนายน) เป็นวันพระ เช้าสมเด็จเทศน์เรื่อง ศรัทธากับปัญญา กับธรรมของพระอยู่ท่ีไหนกัน และจะต้อง แสวงหาทีไ่ หน ใช้เทศนป์ ฏภิ าณ ก็นับว่าท่านสุขมุ ดี แลแนะนำ� ให้ปฏิบัติธรรม แลแสดงคล้ายๆ กับว่า มีธรรมแล้วไม่ใช้ ประโยชน์ก็ไม่อาจจะเกิดผลได้ มีปัญญาเปรียบเหมือนมี กระจกเงา สามารถสอ่ งเหน็ เงาซง่ึ อยใู่ นตนได้ ดจุ ธรรมทม่ี ใี นตน ต้องมีปัญญาเป็นเครื่องส่อง ถ้าเราไม่ส่องแลไม่ลืมตามอง กไ็ ม่อาจจะเหน็ ได้ รู้สกึ ไพเราะมาก
บันทึกทไ่ี ด้จากการฟังพระธรรมเทศนาของสมเด็จพระสังฆราชเจ้าฯ บวรธรรมบ ิพตร 35ตลอดจนการคดิ วิเคราะห์ และการบนั ทกึ ไวอ้ ย่างเป็นลายลกั ษณอ์ ักษร นี้เอง นบั เปน็ สว่ นส�ำ คญั ท่ีทำ�ใหพ้ ระมหาหนุ่มได้เรยี นรู้ทง้ั แนวธรรมแนวเทศน์ และการพฒั นาตนเอง เปน็ ประโยชนอ์ ยา่ งย่งิ ต่อการแสดง พระธรรมเทศนา และงานนิพนธ์ต่างๆ ในเวลาตอ่ มา
บวรธรรมบพติ ร 36
เรียนภาษาอังกฤษแม้จะได้รับแรงบันดาลใจในการเรียนภาษา ด้วยตนเอง ท้ังยังสนใจและฝึกฝนการเรียนองั กฤษจากพระนวกะรปู หนง่ึ มาตง้ั แตส่ มยั เปน็ ภาษาต่างๆ เพ่ิมเตมิ เป็นการใหญ่สามเณร เมอ่ื ครง้ั ทเี่ ขา้ มาอยวู่ ดั บวรนเิ วศวหิ าร งานเขียนประเภทสารคดี รวมทั้งได้ใหม่ๆ แต่กว่าที่ภิกษุหนุ่มจะได้เรียนภาษา บทความ บทวิเคราะห์เกี่ยวกับความรู้ทั่วไปอังกฤษอย่างจริงจัง ก็ล่วงเข้าตอนท่ีเป็นพระ ทางสงั คมทปี่ รากฏอยใู่ นหนงั สอื พมิ พน์ ติ ยสารมหาเปรียญธรรม ๖ หรอื ๗ แลว้ ฉบบั ภาษาองั กฤษ เชน่ Bangkok Post, Time, ครูสอนภาษาอังกฤษคนแรก คือ Reader’s Digest, Life ล้วนเคยผ่านตาสวามีสัตยานันทปุรี นักบวชชาวฮินดู ผู้มี ผา่ นการไตร่ตรอง และใคร่ครวญบทบาทสำ�คัญต่อการเผยแพร่ความรู้ด้าน สว่ นต�ำ ราดา้ นพระพทุ ธศาสนา กเ็ ปดิปรัชญาและศาสนาแก่ชาวไทย ในระหว่างที่ รับอย่างไม่ปิดก้ัน ท้ังมหายานและเถรวาทสวามีพำ�นักอยู่ในประเทศไทย นอกจาก ท้ังภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ย่ิงถ้าเป็นกิจกรรมด้านการเผยแพร่ความรู้ด้านปรัชญา พระไตรปิฎกหรือหนังสือธรรมะและคำ�สอนและศาสนาผา่ นการแสดงปาฐกถาและขอ้ เขยี น ทางพระพุทธศาสนาด้วยแล้ว ก็จะอ่านอย่างในนิตยสาร ‘เสียงตะวันออก’ แล้ว ท่านก็ยัง พินิจพิเคราะห์และเปรียบเทียบข้อธรรมไปจัดสอนภาษาสันสกฤตและภาษาอังกฤษให้แก่ พรอ้ มกันทัง้ ฉบับภาษาบาลี ไทย และองั กฤษพระภิกษุและสามเณรท่ีวัดบวรนิเวศวิหาร หากพบข้อความที่ชวนสะดุดใจอกี ด้วย ไพเราะท้ังสำ�นวนและความหมายจากหนังสือ การเรียนภาษาอังกฤษของพระ ภาษาอังกฤษเล่มใดๆ ก็มกั จะบันทึกไวใ้ นสมุดมหาเจริญกับท่านสวามี ดำ�เนินไปอย่าง และในความทรงจำ� หลายครั้งยังได้เอ้ือเฟ้ือกระท่อนกระแท่นเต็มที เน่ืองจากการที่ท่าน แบ่งปันและให้ค�ำ แนะน�ำ แกผ่ อู้ นื่ ดว้ ยเมตตา บวรธรรมบ ิพตร 37เป็นครูสอนบาลีของสำ�นักเรียนวัดบวรนิเวศวิหาร เวลาสอนบาลีกับเวลาท่ีจะเรียนภาษาอังกฤษมักเป็นช่วงบ่ายตรงกัน ถึงกระน้ัน “เลม่ นี้ ส�ำนวนธรรมของเขาดีมากท่านก็ไม่ยอมลดละท้ังความใฝ่รู้และความ ท่ีน่ียังเคยจ�ำเอาไปใช้”รับผิดชอบตามหน้าท่ี แม้ท่านสวามีเลิกสอนไปแล้ว พระหนุ่มก็ยงั เรยี นภาษาองั กฤษต่อไป
บวรธรรมบ ิพตร 38 “หัดทำ�กรรมฐานเสยี บ้าง!!” การพัฒนาและฝึกฝนทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ และภาษาอื่นๆ จนถงึ ขน้ั ทเี่ รยี กวา่ ‘อา่ นออก เขยี นได’้ ท�ำ ใหภ้ กิ ษหุ นมุ่ เพลดิ เพลนิ กบั การแสวงหาความรทู้ ง้ั ทางโลกและทางธรรมมากขน้ึ ยงิ่ อา่ นมาก กใ็ หย้ ิง่ รู้สึกวา่ รนู้ ้อย เมอ่ื รู้นอ้ ย จงึ ต้องเรง่ อา่ นและศกึ ษาใหม้ าก จนกระทั่งวนั หนึ่ง สมเด็จพระสงั ฆราชเจา้ ฯ โปรดใหห้ า และรับสง่ั ว่า “กำ�ลงั เรียนใหญ่หรือ อยา่ บ้าเรยี น ให้มากนัก หัดทำ�กรรมฐานเสยี บ้าง”
ในมุมหนึ่ง เสมือนเป็นพระบัญชา อีกมุมหน่ึงเล่า คือการส่อง บวรธรรมบ ิพตร 39 สะท้อนให้ต้องมาย้อนคิดว่า ... เออหนอ เรานี้คงห่างไกลจาก วิปัสสนาธุระ มิได้ดำ�เนินรอยตามคตินิยมแห่งคณะสงฆ์ธรรมยุต ที่ว่า “เกง่ ปริยัติ เครง่ ครัดวินยั ใสใ่ จกรรมฐาน” นับแต่นั้นมาพระมหาเจริญ จึงถือเป็นหน้าที่ท่ีจะต้อง เรียนรู้และปฏิบัติกรรมฐานอย่างจริงจัง อาศัยการปฏิบัติตาม คำ�สอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า “แม้จะอยู่ในบ้านในเมือง ก็ให้ทำ� สญั ญา คอื ท�ำ ความรสู้ กึ ก�ำ หนดหมายในใจวา่ อยใู่ นปา่ อยใู่ นทว่ี า่ ง อย่ใู นทีส่ งบ กส็ ามารถทำ�จติ ใจให้วา่ ง ใหส้ งบได้” ภิกษุหนุ่มได้เปลี่ยนวิถีชีวิตและจริยวัตรมาต้ังแต่คร้ัง กระน้ัน ไม่เว้นแม้แต่ขณะท่ีทรงดำ�รงสมณศักด์ิเป็นสมเด็จพระ- สังฆราช โดยทรงตื่นบรรทมต้ังแต่ตีสาม ทรงไหว้พระสวดมนต์ ทบทวนพระปาตโิ มกขว์ นั ละตอนๆ ตอ่ ดว้ ยการท�ำ สมาธจิ นฟา้ แจง้ แล้วจึงเสดจ็ ออกบณิ ฑบาต เสวยม้อื เดียวในบาตรราว ๘ โมงเช้า และเสด็จจาริกไปประทบั ส�ำ นักวัดปา่ บา้ งตามโอกาส ส�ำ หรบั ความจรงิ จงั ในการปฏบิ ตั กิ รรมฐานน้ี เปน็ ทที่ ราบ กนั ดโี ดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในหมพู่ ระภกิ ษุ ดงั ท่ี พระธรรมวสิ ทุ ธมิ งคล หรอื หลวงตามหาบวั ได้เลา่ ไวว้ ่า... มาพกั อยกู่ บั เราทลี ะไมน่ อ้ ยกวา่ สบิ แหละ ทา่ นมาแตล่ ะครง้ั ๆเป็นอาทติ ยๆ์ ท่านมาเสมอ มาท่นี ่ี มาบ่อย ... ท่านไปพกั อยู่คนเดียวตลอด เอาจริงเอาจัง เวลาภาวนา เราก็ไม่ไปกวนจะคุยกนั เวลาท่ีควรคยุ เทา่ นั้น ... เวลาคยุ ธรรมน้ที ่านเอาจริงเอาจังมาก เฉพาะกับเราคุยกันสองต่อสอง ท่านชอบซักนั่นซักนี่เรื่องจิตตภาวนา เราเป็นผู้เล่าถวายท่าน หรือจะว่าแนะกไ็ มผ่ ดิ เพราะทา่ นตงั้ ใจศกึ ษากบั เราจรงิ ๆ ทางดา้ นจติ ตภาวนาเราก็ถวายอุบายต่างๆ ให้ท่านฟังตลอด ท่านหนักในทางจิตตภาวนาอานาปานสติ ... ด้วยเหตุดังกล่าวน้ี เจ้าพระคุณสมเด็จฯ จึงทรงถือว่า สมเดจ็ พระสงั ฆราชเจา้ กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ คอื ‘ครกู รรมฐาน’ พระองค์แรกของพระองค์
บวรธรรมบพติ ร 40
ฟนื้ ฟภู าษา พัฒนาการพูด การฟงั บวรธรรมบ ิพตร 41เมอื่ ปพี ทุ ธศกั ราช ๒๕๑๒ พระบาทสมเด็จพระเจา้ อยู่หัว ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ใหน้ างโยเซฟนี สแตนตนั ภรรยาของนายเอดวนิเอฟ สแตนตัน อดีตเอกอัครราชทูตอเมริกาประจำ�ประเทศไทยคนแรก สมยั หลังสงครามโลกครง้ั ที่ ๒ มาศกึ ษาพระพุทธศาสนากับเจ้าพระคุณสมเด็จฯ หรือเจ้าคุณสาสนโสภณ ในขณะนั้นโดยหวงั ให้ฝา่ ยหนง่ึ ไดเ้ รียนรหู้ ลักธรรมค�ำ สอน และใหอ้ ีกฝา่ ยหนึง่ไดฟ้ ้ืนฟกู ารใชภ้ าษาองั กฤษ นางสแตนตนั จงึ ไดแ้ วะเวยี นมาสนทนากบั ทา่ นดว้ ยภาษาอังกฤษ สัปดาห์ละ ๒-๓ วัน โดยในระยะแรกทรงพระกรุณาโปรดเกลา้ ฯ ใหท้ ่านผหู้ ญงิ สปุ ระภาดา เกษมสนั ต์ ตามมาเปน็ ล่ามดว้ ย แต่เพยี งเวลาไมน่ าน ‘ลา่ ม’ กห็ มดความหมาย ดว้ ยความมงุ่ มนั่ ทจ่ี ะฝกึ การสนทนาภาษาองั กฤษและดว้ ยความตง้ั ใจทจ่ี ะเผยแผธ่ รรมะของพระพทุ ธองค์ ทา่ นเจา้ คณุ จงึ ไดเ้ ปดิ‘ห้องเรียนธรรมะ ภาคภาษาอังกฤษ’ สอนกรรมฐานให้แก่ชาวตา่ งประเทศ ทุกวนั จนั ทร์ พุธ ศุกร์ ณ ต�ำ หนักที่ประทับ ในการนี้ทา่ นจงึ ตอ้ งเตรยี มการสอนเปน็ ภาษาองั กฤษ เตรยี มแลว้ กจ็ ะน�ำ มาซ้อมอ่านให้นางสแตนตันฟังเป็นเบื้องต้น เพ่ือความม่ันใจในการออกเสียงทั้งอักขระและสำ�เนยี ง จากนน้ั เรอ่ื ยมา การใชภ้ าษาทค่ี รบครนั ทกุ ทกั ษะ ทงั้ การฟงั พดู อ่านและเขียน กก็ ลายเปน็ เคร่อื งมือสำ�คัญของการเผยแผ่ธรรมไปโดยปริยาย ด้วยรูปแบบการแสดงธรรมที่เว้นจังหวะให้ผู้ฟังได้ค่อยๆ ใคร่ครวญและพิจารณาธรรมตาม ไม่ผลีผลามท่ีจะดว่ นสรปุ หรอื มงุ่ ใหเ้ ช่ือในทนั ที ความเพลิดเพลินในที่นี้ จึงอยู่ท่ีการได้ ‘ขบคิด’ ทั้ง‘รสคำ�’ ‘รสความ’ และ ‘รสธรรม’
รู้ สกั แตว่ ่ารู้ ในช่วงปลายทศวรรษ ๒๕๒๐ คอมพิวเตอร์ ขน้ึ ส�ำ เรจ็ เปน็ ครง้ั แรกของโลก เมอ่ื ปพี ทุ ธศกั ราช ได้เข้ามามบี ทบาทในสังคมไทยมากข้นึ หากก็ ๒๕๓๑ พระองค์ท่านก็สามารถใช้โปรแกรม ยงั จ�ำ กดั อยแู่ ตใ่ นเฉพาะกลมุ่ นกั วชิ าการเทา่ นน้ั ดังกล่าวสืบค้นพระไตรปิฎก ฉบับสยามรัฐ ทวา่ เจ้าพระคุณสมเดจ็ ฯ ในวัย ๗๐ ทมี่ มี ากกวา่ ๒๕ ลา้ นตวั อักษรได้อยา่ งสะดวก พรรษา กลับมิได้ทรงลังเลท่ีจะขวนขวาย ทั้งบางคร้ังยังทรงใช้คอมพิวเตอร์ร่างเอกสาร และเรยี นรู้ พระองค์ได้ใช้เวลาวนั ละอยา่ งนอ้ ย ด้วยพระองคเ์ องอีกด้วย ๑ ชว่ั โมงในชว่ งเยน็ ศกึ ษาวธิ กี ารใชค้ อมพวิ เตอร์ ชีวิตด้านการศึกษาและการเรียนรู้บวรธรรมบ ิพตร 42 และค�ำ สงั่ พน้ื ฐานโปรแกรม DOS เพยี งไมก่ คี่ รงั้ ของเจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ นบั เปน็ แบบอยา่ งของ ก็สามารถใช้การได้เป็นอย่างดี ท้ังนี้อาจด้วย การเรยี นรูต้ ลอดชวี ิต ‘ร.ู้ ..สักแต่ว่าร’ู้ และเมื่อ ทุนเดิมที่สะสมไว้ทั้งในเร่ืองการพิมพ์ดีดและ รู้แล้วก็ใช้ให้เกิดประโยชน์ มิใช่รู้แล้วลุ่มหลง ความร้ดู า้ นภาษาองั กฤษ และยดึ ตดิ ดังน้ันเมื่อมหาวิทยาลัยมหิดล ได้สร้างสรรค์โปรแกรมพระไตรปิฎก ฉบับ คอมพิวเตอร์ ภาษาบาลี อกั ษรไทย และโรมัน
งามด้วยพระศีลาจารวตั ร อนั ไพบลู ย์
บวรธรรมบ ิพตร 44 “ถ้าคุณมหาสกึ อีฉันจะผกู คอตาย” ล่วงเข้าพรรษาที่ ๔ หลังการอุปสมบท พระมหาเจริญ เปรยี ญธรรม ๗ ประโยค ในวัยเพยี ง ๒๔ ปี มีความคดิ ท่ีจะ ลาสิกขา จึงได้ทำ�หนังสือขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ท้ังยังได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตอย่างเป็น ลายลักษณอ์ ักษรแลว้ แต่เม่ือความน้ีได้ทราบไปถึงแม่กิมน้อย ผู้เป็นโยม มารดาก็ตัดสินใจโดยพลันเดินทางออกจากกาญจนบุรีมุ่งสู่ วัดบวรนิเวศวิหาร ด้วยความรุ่มร้อนในอก ถึงแล้วไม่รีรอ รบี เดนิ ข้ึนกุฏิพระลกู ชาย ถามหาความจรงิ พร้อมยนื่ คำ�ขาด ถา้ คณุ ม“คหณุาสมึกหาอจีฉะนั สจกึ ะหผรกู อื ค!อตาย” สีหน้าและแววตาของหญิงวัยกลางคนที่ปรากฏอยู่เบ้ืองหน้า ทำ�ให้พระมหาเจริญต้องน่ิงงัน เพราะทราบดีว่า โยมมารดา พูดจริง กท็ ำ�จริง นกึ ยอ้ นไปในวัยเด็ก แมจ้ ะไม่ได้ใกลช้ ดิ เฉกเชน่ แม่ลูก ทั่วไป แต่สายใยแห่งความผูกพันยังเป่ียมล้น ถ้าโยมมารดา เห็นวา่ เร่ืองนเ้ี ปน็ เรอ่ื งใหญ่ถึงชีวิตแล้ว ไฉนเราจะเพิกเฉยอยู่ได้ แผนการลาสกิ ขาจึงถกู ยกเลกิ ไปในนาทนี ้นั ดว้ ยเหตผุ ลสน้ั ๆ ทไ่ี ดแ้ จง้ ขอยกเลกิ พระบรมราชานญุ าต ใหล้ าสกิ ขาไปว่า “มีความจำ�เปน็ อยา่ งที่สดุ ทีจ่ ะลาสิกขาไมไ่ ด”้
อปุ ัฏฐากโยมมารดา บวรธรรมบ ิพตร 45ในขณะทีพ่ ระมหาเจรญิ เจริญกา้ วหนา้ ทางธรรม จากพระมหาเปรยี ญ มาเป็นพระราชาคณะที่พระโศภนคณาภรณ์ พระธรรมวราภรณ์ และพระสาสนโสภณโดยลำ�ดับนน้ั โยมมารดากร็ ว่ งโรยเข้าสู่วัยชราเปน็ ลำ�ดับเช่นกัน ดว้ ยความหว่ งใย ไมต่ อ้ งการใหไ้ กลหไู กลตา เกรงวา่ ผเู้ ปน็ แมจ่ ะเดยี วดายท่านเจ้าคุณโศภนคณาภรณ์จึงได้ขออนุญาตสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชริ ญาณวงศ์ ปลกู เรอื นหลงั เลก็ ไวข้ า้ ง ‘ต�ำ หนกั คอยทา่ ปราโมช’ ใหโ้ ยมมารดาไดพ้ กั พงิ เพอ่ื จะไดอ้ ปุ ฏั ฐากดแู ลใกลช้ ดิ ทง้ั ยงั เปน็ โอกาสทโี่ ยมมารดาจะไดร้ กั ษาศลี ฟังธรรม ทำ�บญุ สุนทานในวาระโอกาสตา่ งๆ โดยสะดวก อีกประการหน่ึง ระหวา่ งการพ�ำ นกั อยดู่ ว้ ยกนั ทว่ี ดั บวรนเิ วศวหิ ารน้ี กจิ วตั รทท่ี า่ นเจา้ คณุ ฯถือปฏิบตั ไิ ม่เคยวา่ งเว้น คือ การแวะเวยี นถามไถส่ ารทุกขส์ กุ ดบิ ไม่วา่ จะเปน็เวลาเชา้ สาย บา่ ยคลอ้ ย หรอื เยน็ คาํ่ กส็ ดุ แลว้ แตโ่ อกาสจะเออ้ื อ�ำ นวย ประโยคทค่ี นถาม มกั จะถามจนตดิ ปาก สว่ นคนฟังก็ฟงั จนคุ้นหู คอื “โยม! เปน็ ไงบา้ งวันน้ี พักบ้างหรอื เปลา่ หลับดีไหม ทำ�ภาวนาบ้างจะไดห้ ลบั สบาย” แม้เพียงน้อยนิดท่ีสดับว่ามารดามีเรื่องวุ่นวายระคายใจ ก็จะไต่ถามถึงที่มาท่ีไป และปลอบโยนด้วยข้อธรรมง่ายๆ ส้ันๆ ทว่าระมัดระวังอย่างย่ิงทีจ่ ะไม่ใหอ้ ีกฝ่ายหน่งึ รู้สกึ วา่ ‘กำ�ลังถกู สอน’ หากบางเร่อื งเหน็ ว่า นไี่ ม่ใช่สาระทโี่ ยมมารดาจะตอ้ งมา ‘หวั เสยี ’ กจ็ ะปลกุ ปลอบ ‘ชา่ งเถอะ! เรอ่ื งของเดก็ ๆ มนั ’หรอื ‘ปลอ่ ยวางเสยี บ้าง’ ทา่ นเจา้ คณุ ฯ เฝา้ อปุ ฏั ฐากดแู ลโยมมารดาเปน็ อยา่ งดี ทงั้ ยงั ตง้ั กองทนุ‘นธิ นิ อ้ ย คชวตั ร’ ขนึ้ เพอื่ เปน็ คา่ ใชจ้ า่ ยในการดแู ลตอ่ ไปในวนั ขา้ งหนา้ รวมเวลาท่ีอยู่ด้วยกันในช่วงน้ีได้ประมาณสิบปี จนถึงพุทธศักราช ๒๕๐๗ โยมป้าเฮ้งกถ็ งึ แกก่ รรม โยมมารดาไดก้ ลบั ไปงานศพ ณ บ้านทเ่ี มอื งกาญจน์ เมือ่ จดั การเรอ่ื งงานศพเปน็ ทเ่ี รยี บรอ้ ยแลว้ ลกู หลานไดข้ อรอ้ งใหพ้ กั อยทู่ น่ี น่ั สกั ระยะหนง่ึ กอ่ นระหว่างน้ันเอง นางกิมน้อย คชวัตร ก็ล้มป่วยลงและถึงแก่กรรมในปีถัดมาสริ อิ ายไุ ด้ ๗๙ ปี พระสาสนโสภณ ในขณะนั้น ได้ปลงธรรมสังเวชบุคคลผู้มีพระคุณในเวลาเกือบจะไลเ่ ล่ยี กัน
บวรธรรมบ ิพตร 46 อยอู่ ย่างพระผู้สันโดษ ในเร่ืองความสันโดษและสมถะของเจ้าพระคุณ สมเด็จฯ เป็นท่ีขึ้นชื่อมานานแล้ว ไม่ว่าจะทรง เป็นเพียงพระมหาเปรียญ พระลูกวัด หรือทรง สมณศกั ดชิ์ น้ั ‘เจ้าคุณ’ หรือ ‘สมเดจ็ ’ ความเป็นอยู่ที่เรียบง่ายปรากฏให้เห็น ทกุ ดา้ น นบั ตงั้ แตเ่ คร่อื งนุ่งหม่ คือ สบงหรือจีวร นน้ั มอี ยเู่ พยี งไมก่ ชี่ นิ้ ซงึ่ ถา้ ทรงใชเ้ สยี แลว้ กจ็ ะทรง ใช้จนเก่าคร่ํา ขอให้สะอาดเท่าน้ัน หากมีรอย
ฉีกขาด ก็จะทรงเย็บและชุนด้วยพระองค์เอง หรูหรา โคมไฟนกี่ เ็ กินจำ�เปน็ ไมค่ วรเอามาติดบางคราวก็ทรงชี้แนะให้ลูกศิษย์ทำ�ให้ จนเมื่อ ในท่ีอยู่อาศัยของพระ ควรร้ือเอาไปติดไว้ที่เห็นว่าครํ่าคร่าเกินไป ไม่เหมาะท่ีจะใช้แล้ว โบสถ์หรอื วิหาร”จงึ ไดท้ รงเปล่ียนเสยี สกั ครง้ั ซํ้ายังกำ�ชับอีกหลายคำ�... ร้ือออก ส่วนเสนาสนะท่ีอาศัย อีกทั้งสิ่งของ แลว้ เอาไปติดท่โี บสถ์หรือวหิ ารเคร่ืองใช้ส่วนพระองค์ท้ังหลาย ไม่โปรดเลย ในห้องที่ประทับส่วนพระองค์ จึงมีท่ีจะให้หรูหราหรือสวยงาม ด้วยทรงเห็นว่า เพียงเตียงขนาดเล็ก สูงจากพื้นข้ึนมาเพียง‘ไมเ่ หมาะสำ�หรับพระ’ ฟตุ เศษ ปดู ว้ ยผา้ ทซ่ี อ้ นทบั กนั บางๆ ไมม่ โี คมไฟ คราวหนงึ่ สมยั ทเ่ี จา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ไม่มีพรมปูลาดพ้ืน ไม่มีเคร่ืองแก้วเจียระไนยงั ทรงสมณศกั ดทิ์ ่ี พระสาสนโสภณ ไดเ้ ดนิ ทาง เครอ่ื งลายคราม ตทู้ องลายรดนา้ํ หรอื ของสะสมไปปฏบิ ตั สิ มาธิภาวนา ณ สำ�นักวัดปา่ ในแถบ อ่ืนใด นอกเสยี จากหนงั สอื และพระพุทธรปูภาคอีสานอยู่นานถึงเกือบเดือน คณะศิษยา- สำ�หรับพระพุทธรูปนั้น โดยมากมักนุศิษย์ได้ถือโอกาสน้ันทำ�การบูรณะชั้นล่าง เป็นของใหม่ที่มีผู้นำ�มาถวายในโอกาสต่างๆของต�ำ หนกั คอยท่า ปราโมชเสียใหม่ รอ้ื ห้อง บ้างก็นำ�มาเพ่ือให้ทรงบูชาหรือซื้อไว้ ซึ่งท่านเล็กๆ สองข้างท่ีขนาบห้องกลางอยู่ให้ทะลุ ก็ทรงรับไว้ด้วยเมตตา กระทั่งมีผู้ปรารถนาดีต่อกันกลายเป็นห้องโถงโล่งตลอดท้ังช้ัน บางคนมาทูลด้วยความเป็นห่วง “เกล้าฯพร้อมติดโคมไฟผนังและเพดาน ดูสวยงาม เกรงวา่ จะไม่ใชข่ องเก่านะกระหมอ่ ม”สว่างไสว กว้างขวาง เหมาะแก่การรับแขก เจ้าพระคณุ สมเด็จฯ ก็รับส่งั ตอบว่าทง้ั ผใู้ หญแ่ ละผนู้ อ้ ย โดยไมไ่ ดบ้ อกกลา่ วลว่ งหนา้ บวรธรรมบ ิพตร 47ใหท้ ราบกอ่ น ในทันทีที่ท่านเจ้าคุณฯ กลับมาถึงตำ�หนัก เห็น ‘ห้องรับแขกใหม่’ แทนที่จะ “ท่ีนีไ่ ม่ไดน้ ิยมของเกา่ปลาบปลื้มยินดี กลับบอกเสียงเรียบๆ แต่นิยมพทุ ธลักษณะเทา่ นั้น”“สวยงามเกินไป ที่อยู่อาศัยของพระไม่ควร
บวรธรรมบ ิพตร 48 รถยนต.์ .. กย็ งั นับวา่ ไม่เหมาะ ในการเดนิ ทางไปปฏบิ ตั ศิ าสนกจิ ตา่ งๆ เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ มกั ใชบ้ รกิ ารรถรบั จา้ ง สาธารณะ ด้วยไมโ่ ปรดทจี่ ะรบกวนผ้อู ืน่ หากเดินไปเองได้ กจ็ ะเดิน บ่อยคร้ังที่มีผู้มาอาราธนาไปบำ�เพ็ญกุศลที่บ้าน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัด มากนัก เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ก็จะตรัสแก่เจ้าภาพว่า “ไม่ต้องเอารถมารับนะ แล้วจะเดินไปเอง” เม่ือคราวที่ต้องไปปฏิบัติหน้าที่พระอุปัชฌาย์ประทานบรรพชา อปุ สมบทแก่กุลบุตร ณ วดั พทุ ธบูชา บางมด เปน็ ประจำ�ทุกปกี ่อนเขา้ พรรษา ก็โปรดที่จะเดินทางโดยรถแท็กซี่จากวัดบวรนิเวศวิหารต่อหนึ่ง แล้วไปลง เรอื หางยาวอกี ตอ่ หนึ่ง ลดั เลาะเรอ่ื ยไปตามคลอง จนถงึ วัดพทุ ธบชู า ด้วยเหตุนี้ ผู้เคารพนับถือหลายคนจึงพยายามที่จะถวายรถยนต์ ส�ำ หรับทรงใชส้ ว่ นพระองค์ แตก่ ็ได้รับการปฏิเสธ ดว้ ยเหตุผลง่ายๆ “ไม่ร้จู ะเอาไปเก็บไวท้ ไี่ หน” อีกคร้ังหนึ่ง คราวเกิดเหตุระเบิดขึ้นข้างตำ�หนัก ในช่วงบ่ายขณะท่ี เจา้ พระคณุ สมเดจ็ ฯ ก�ำ ลงั สนทนาธรรมอยกู่ บั นางโยเซฟนิ สแตนตนั ซง่ึ โชคดวี า่ ไมม่ ผี ใู้ ดไดร้ บั บาดเจบ็ แตเ่ หตรุ ะเบดิ ในครงั้ นนั้ ท�ำ ใหพ้ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้เจา้ หน้าทีต่ ำ�รวจมาถวายอารกั ขา วันละ ๑ นาย และโปรดใหร้ ถยนต์หลวง (รยล.) มาประจำ�ไว้ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร เพ่อื ถวาย ความสะดวกในการเสด็จไปปฏิบตั ิศาสนกิจยงั สถานทีต่ า่ งๆ สำ�หรับกรณีของรถยนต์หลวงนั้น เจ้าพระคุณสมเด็จฯ ได้รับส่ังกับ เจา้ หนา้ ที่ผู้รับรับสง่ั ส้นั ๆ เพียงวา่ “ไม่สมควร” เปน็ อนั วา่ ไมท่ รงรบั ไว้ เพยี งแตข่ อรบั พระราชทานใชเ้ ปน็ ครง้ั คราวเทา่ นน้ั
บวรธรรมบพติ ร 49
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434