Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ศวช. ป4-6

หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ศวช. ป4-6

Published by Opor Kanuengnit Chaloempong, 2022-08-17 05:10:42

Description: หลักสูตรต้านทุจริตศึกษา ศวช. ป4-6

Search

Read the Text Version

197 ๖) ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรุป “การอยรู่ ว่ มกนั ในสังคมจาเป็นจะตอ้ งรู้หนา้ ทขี่ องตนเองและ การพึง่ พาอาศยั ซงึ่ กันและกัน” เชน่ การอย่ใู นหอ้ งเรียน นักเรยี นจาเปน็ จะตอ้ งดูแลรกั ษา จัดแบง่ เวรกนั เพ่อื ให้ หอ้ งเรยี นนา่ เรยี น ๔.๒ สือ่ การเรยี นรู้ ๑) วดี ีทัศน์ เรอ่ื ง นกั เรยี นไมย่ อมทาเวร คณุ ครูเลยจดั ให้ซะ ๒) ใบงานเรื่อง คุณครทู รี่ ัก ๕. การประเมินผลการเรียนรู้ ๕.๑ วธิ กี ารประเมิน ๑) สังเกตพฤติกรรมรายบคุ คล ๒) ตรวจใบงานเร่อื ง คณุ ครทู ีร่ กั ๕.๒ เครอ่ื งมือในการประเมิน ๑) แบบประเมินผลงานนกั เรียน ๒) แบบตรวจใบงาน เร่ือง คณุ ครูทร่ี ัก ๕.๓ เกณฑ์การตดั สนิ นกั เรียนผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดบั ดี ถอื วา่ ผ่าน ๖. บนั ทึกหลงั การจดั การเรียนรู้ …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…….................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………........ ลงชื่อ ................................................ ครูผสู้ อน (...............................................) ๗. ความคดิ เห็นผู้บรหิ าร ........................................................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.....................................ผู้บริหาร (นายกศุ ล ชุมปญั ญา) ผอู้ านวยการโรงเรยี นบ้านศรวี ิชา “ครุ รุ าษฎร์อุทศิ ”

198 ๗. ภาคผนวก แบบประเมินพฤตกิ รรมในการทางานเปน็ รายบคุ คล ผลงาน/กจิ กรรมท่ี ........ เร่ือง ............................................................................................ หน่วยการเรียนรู้ที่ ................................................................................................................ คาชี้แจง สงั เกตพฤติกรรมในการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมของนักเรยี น แล้วเขยี นเครื่องหมาย ลงในชอ่ งรายการ พฤติกรรมทีน่ ักเรยี นปฏบิ ตั ิ รายการพฤตกิ รรม ระดบั คุณภาพ ประเมิน ๔ ๓ ๒๑ และปรบั รบั ฟงั ให้ความ มุ่งมัน่ ปรงุ งาน เลขท่ี ชื่อ–สกุล สนใจ ตอบ เสนอ ความ ช่วย ทางาน ดว้ ยความ เคารพ ทาตาม พอใจ รวม คาถามตรงความ คิดเหน็ เหลอื ขอ้ หน้าท่ี กบั ความ คะแนน ๑ ในการ ประเดน็ คดิ เห็น ของผู้อืน่ ผ้อู ่ืน ให้ เต็มใจ ตกลง ทีไ่ ด้ สาเร็จ ๒ ทางาน สาเรจ็ เคารพขอ้ ของ รับ ของงาน ๓ ตกลงของ กลมุ่ มอบ ๔ ๕ กลมุ่ หมาย เกณฑ์การประเมิน ๑. การให้คะแนน ให้ ๑ คะแนน ๒. การสรปุ ผลการประเมนิ ใหเ้ ป็นระดับคณุ ภาพ ๔, ๓, ๒, ๑ กาหนดเกณฑ์ไดต้ ามความ เหมาะสมหรอื อาจใช้เกณฑด์ งั น้ี ๙–๑๐ คะแนน = ๔ (ดีมาก)๗–๘ คะแนน = ๓ (ดี) ๕–๖ คะแนน = ๒ (พอใช้)๐–๔ คะแนน = ๑ (ควรปรบั ปรุง)

199 ใบงาน เรื่อง คุณครูทรี่ กั คาช้ีแจง : ใหน้ ักเรยี นวเิ คราะหใ์ นประเดน็ ต่อไปน้ี ๑. ถ้าหากนักเรียนเป็นคณุ ครใู นเรอื่ งน้ี นกั เรียนจะแกป้ ัญหาจากการทน่ี กั เรียนไม่ทาเวรอยา่ งไร ............................................................................................................................. ........................................ ..................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................................ ............................................................................................................................. ........................................ ..................................................................................................................................................................... ๒. ถา้ หากไม่ตอ้ งการให้หอ้ งเรยี นสกปรก นักเรยี นมีวธิ ีการช่วยกันอย่างไร ............................................................................................................................. ........................................ ..................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ........................................ ........................................................................................................................................... .......................... .....................................................................................................................................................................

200 แผนการจดั การเรียนรู้ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ ๕ เวลา ๒ ชั่วโมง หน่วยที่ ๒ ช่อื หน่วย ความละอายและความไม่ทนตอ่ การทจุ รติ แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ ๓ เรือ่ ง การสอบ ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกี่ยวกับความละอายและความไมท่ นตอ่ การทจุ รติ ๑.๒ ปฏิบตั ติ นเป็นผูล้ ะอายและไม่ทนต่อการทุจริตทกุ รูปแบบ ๑.๓ ตระหนกั และเห็นความสาคญั ของการตอ่ ต้านและการปูองกนั การทจุ รติ ๒. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๒.๑ นักเรียนสามารถบอกกฎระเบยี บในการสอบได้ ๒.๒ นักเรียนสามารถบอกการกระทาทไี่ มเ่ หมาะสมในขณะทาการสอบได้ ๒.๓ นักเรียนสามารถบอกผลเสียของการทุจรติ ในการสอบได้ ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ - กฎระเบียบในการสอบ ผู้เขา้ สอบตอ้ งปฏบิ ัตดิ ังต่อไปนี้ ๑) การแต่งกาย ถา้ เป็นนกั เรียนหรือนักศกึ ษาต้องแต่งเครอ่ื งแบบนกั เรยี นหรอื นักศึกษาแลว้ แตก่ รณี ถ้าเปน็ ผู้สมัครสอบตอ้ งแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อยตามประเพณีนยิ ม ๒) ไปถึงสถานที่สอบก่อนเวลาเรม่ิ สอบตามสมควร ผู้ใดไปไมท่ ันเวลา ลงมือสอบวชิ าใด ไม่มสี ิทธิ เข้าสอบวิชานน้ั แต่สาหรบั การสอบวิชาแรกในตอนเช้าของ แต่ละวนั ผู้ใดเขา้ หอ้ งสอบหลังจากเวลาลงมอื สอบ แลว้ ๑๕ นาที จะไมไ่ ดร้ ับอนุญาตให้สอบวิชานั้น เวน้ แตม่ ีเหตคุ วามจาเป็นให้อยใู่ นดลุ ยพินิจ ของประธานดาเนินการสอบพิจารณาอนุญาต ๓) ไม่เขา้ ห้องสอบก่อนไดร้ ับอนญุ าต ๔) ไม่นาเอกสาร เคร่ืองอิเลก็ ทรอนิกสห์ รือเครอ่ื งสอ่ื สารใด เขา้ ไป ในหอ้ งสอบ ๕) นัง่ ตามทกี่ าหนดให้ จะเปลย่ี นทนี่ ั่งกอ่ นได้รบั อนญุ าตไม่ได้ ๖) ปฏิบตั ิตามระเบยี บเกีย่ วกบั การสอบ และคาส่งั ของผู้กากับการสอบ โดยไม่ทุจรติ ในการสอบ ๗) มิใหผ้ เู้ ข้าสอบคนอืน่ คัดลอกคาตอบของตน รวมทงั้ ไมพ่ ดู คยุ กับผใู้ ดในเวลาสอบ เมอ่ื มขี อ้ สงสยั หรอื มเี หตจุ าเป็นใหแ้ จง้ ต่อผกู้ ากบั การสอบ ๘) ประพฤตติ นเปน็ สภุ าพชน ๙) ผใู้ ดสอบเสรจ็ กอ่ น ผนู้ ั้นต้องออกไปห่างจากหอ้ งสอบ และไม่กระทาการใด อนั เปน็ การ รบกวนแกผ่ ู้ท่ยี ังสอบอยู่ แต่ทงั้ นผี้ เู้ ข้าสอบทกุ คนจะออกจากหอ้ งสอบกอ่ นเวลา ๒๐ นาที หลังจากเรมิ่ สอบวชิ า นน้ั ไมไ่ ด้ ๑๐) ไม่นากระดาษสาหรับเขียนคาตอบท่ผี ู้กากบั การสอบแจกใหอ้ อกไปจากหอ้ งสอบ ๓.๒ สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน ๑) ความสามารถในการสอ่ื สาร

201 ๒) ความสามารถในการคิด ๓) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ๓.๓ คณุ ลักษณะทพี่ ึงประสงค์ ซ่อื สัตย์สจุ ริต ๔. กิจกรรมการเรียนรู้ ๔.๑ ขนั้ ตอนการเรียนรู้ ๑) ช่วั โมงท่ี๑ ๑. ครสู นทนาเก่ียวกับการเรยี นการสอบของนกั เรยี น เชน่ ในการเรียนจะตอ้ งมีการทดสอบเพ่อื ให้ นักเรียนได้รคู้ วามสามารถของตนเอง การสอบมหี ลายคร้ัง ได้แก่ การสอบทา้ ยบทเรียน การสอบกลางภาคเรยี นเป็น ตน้ ๒. ครแู นะนาเรือ่ ง การทดสอบประเภทตา่ ง เช่น ๒.๑ การสอบภายในโรงเรียน ๒.๒ การสอบแขง่ ขันประเภทต่าง ๒.๓ การสอบเข้าทางาน ๓. ครูแนะนาเร่อื งกฎระเบยี บกติกาในการเขา้ ห้องสอบ ไดแ้ ก่ ไม่นาหนังสือเข้าหอ้ งสอบ ไม่สง่ เสยี งดงั เป็นต้น ๔. ครูให้นักเรยี นชมวดี ทิ ศั น์ เร่ือง ลอกขอ้ สอบ ๕. ครใู ห้นกั เรียนวพิ ากษ์วจิ ารณเ์ กีย่ วกบั เร่อื งลอกข้อสอบ ตามประเดน็ ดังตอ่ ไปน้ี - ทาไมนักเรียนชายจึงลอกขอ้ สอบ - ผลสุดทา้ ยของเรื่องลอกข้อสอบเป็นอยา่ งไร ๖. ครใู หน้ ักเรยี นชว่ ยกนั บอกพฤติกรรมทไี่ ม่เหมาะสมในขณะทาการสอบ เช่น เคาะโตะ๊ คยุ กนั เป็น ตน้ ๗. ครูใหน้ กั เรียนชว่ ยกนั บอกผลเสยี ของการทจุ รติ ในการสอบ เชน่ พกั การเรยี น เป็นต้น ๘. ใหน้ กั เรยี นทาใบงานที่ ๑ เรือ่ ง การสอบ ตามประเด็นดังตอ่ ไปนี้ ๘.๑ กฎระเบยี บในการสอบ ๘.๒ การกระทาที่ไมเ่ หมาะสมในการสอบ ๒) ชว่ั โมงท่ี ๒ ๑. ครูให้นกั เรียนแบง่ กลุม่ เปน็ ๕ กลุ่ม โดยใหศ้ ึกษาค้นควา้ จากหอ้ งสมุดและอนิ เทอร์เนต็ เกีย่ วกบั เรือ่ งการทจุ รติ ในการสอบประเภทต่าง ๒. ครใู ห้นักเรียนนาเสนอข่าว/เหตุการณจ์ ากการศึกษาคน้ คว้าหนา้ ช้ันเรียน แลว้ นาไปจัดปูายนเิ ทศ ภายในบรเิ วณโรงเรียน ๓. ครใู หน้ กั เรียนร้องเพลง “ความซ่อื สัตย”์ และสรุปใจความสาคญั ของเน้ือเพลง ๔. ใหน้ กั เรียนบอกผลเสยี ของการทจุ ริต โดยเขียนลงในใบงานที่ ๒ แล้วนาเสนอหนา้ ชัน้ เรียน ๕. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรปุ เกยี่ วกบั ผลเสยี ของการทจุ รติ ในการสอบ

202 ๔.๒ ส่อื การเรยี นรู้ ๑) เพลง ความซ่อื สตั ย์ ๒) วีดที ัศน์ เรอื่ ง ลอกขอ้ สอบ ๓) ใบงานท่ี ๑ เร่ือง การสอบ ๔) ใบงานท่ี ๒ เร่ือง ผลเสยี ของการทุจรติ ในการสอบ ๕. การประเมินผลการเรียนรู้ ๕.๑ วิธกี ารประเมนิ ๑) ตรวจผลงานใบงานที่ ๑ และใบงานท่ี ๒ ๒) สังเกตพฤติกรรม ซอื่ สัตยส์ จุ รติ ๕.๒ เครอื่ งมือท่ใี ชใ้ นการประเมนิ ๑) เกณฑ์การประเมนิ ผลงานใบงานที่ ๑ และใบงานท่ี ๒ ๒) แบบสังเกตพฤตกิ รรม ซื่อสัตยส์ ุจรติ ในการทาขอ้ สอบ ๕.๓ เกณฑ์การตัดสิน ๑) นกั เรียนผา่ นเกณฑ์การประเมินรอ้ ยละ ๘๐ ข้ึนไป ๒) นักเรยี นผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดบั ดี ขึ้นไป ถอื ว่า ผา่ น ๖. บันทึกหลังการจัดการเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………….................................................. ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….………........ ลงชอื่ ................................................ ครผู สู้ อน ๗. ความคดิ เหน็ ผบู้ รหิ าร (...............................................) ........................................................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................................................................................... ลงชอื่ .....................................ผู้บริหาร (นายกุศล ชมุ ปญั ญา) ผอู้ านวยการโรงเรยี นบ้านศรวี ชิ า “ครุ รุ าษฎร์อทุ ศิ ”

203 ๗. ภาคผนวก เพลง ความซื่อสตั ย์ ความซ่ือสตั ยเ์ ปน็ สมบตั ขิ องผู้ดี หากว่าใครไมม่ ชี าติน้ีเอาดีไมไ่ ด้ มคี วามรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอดถมไป คดโกงแลว้ ใครจะรบั ไวใ้ ห้ร่วมงานเอย จะรบั ไว้ใหร้ ่วมงานเอย ความซื่อสตั ย์เป็นสมบตั ขิ องผู้ดี หากวา่ ใครไม่มชี าติน้ีเอาดีไมไ่ ด้ มีความรู้ทว่ มหัว เอาตวั ไม่รอดถมไป คดโกงแล้วใครจะรับไวใ้ ห้ร่วมงานเอย จะรับไวใ้ หร้ ว่ มงานเอย

204 ใบงานท่ี ๑ เรื่อง กฎระเบียบในการสอบ ช่อื ..............................................................................................................ชัน้ ..........................เลขที.่ ................. คาชแ้ี จง ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามตอ่ ไปน้ี ๑. กฎระเบียบในการสอบมีอะไรบา้ ง (ตอบอย่างนอ้ ย ๕ ขอ้ ) ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ๒. การกระทาทไ่ี มเ่ หมาะสมในการสอบมีอะไรบา้ ง (ตอบอยา่ งน้อย ๕ ข้อ) ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________

205 ใบงาน ที่ ๒ เรื่อง ผลเสียของการทจุ รติ ในการสอบ ชือ่ ...........................................................................................................ช้นั ..........................เลขที่.................. คาชแี้ จง ให้นกั เรยี นบอกผลเสยี ของการทจุ ริตในการสอบ อยา่ งน้อย ๕ ข้อ _____________________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________________ _____________________________________________________________________________________________

206 แบบสงั เกตพฤตกิ รรม เรอ่ื ง ซ่ือสัตยส์ ุจรติ ในการทาขอ้ สอบ คาชแ้ี จง ให้นกั เรยี นเขยี นเคร่อื งหมาย ลงในช่องที่ตรงกบั พฤตกิ รรมที่เกดิ ขึ้นจริง เลขที่ ช่ือ - สกุล ไม่ลอก รายการ ทา สรุปผล ข้อสอบ ไมน่ า ไม่จด ไม่ยมื ขอ้ สอบ การประเมนิ ผ้อู น่ื เคร่อื งมือ คาตอบ อุปกรณ์ เสร็จ ส่ือสารเขา้ เขา้ ห้องสอบ ผู้อ่ืน ภายใน ผา่ น ไม่ผา่ น หอ้ งสอบ เวลาท่ี กาหนด เกณฑ์การประเมิน ๓ รายการ ถือว่า ผ่าน ๒ รายการ ถือวา่ ไมผ่ ่าน ผา่ นตง้ั แต่ ผา่ น ลงชื่อ ผ้ปู ระเมิน ( ) ///

207 เกณฑ์การประเมนิ ในงานท่ี ๑ และใบงานท่ี ๒ ประเดน็ ท่ปี ระเมนิ คะแนน ๑.ผลงานตรงกับจดุ ประสงค์ท่ี กาหนด ๔๓ ๒ ๑ ๒.ผลงานทม่ี คี วามสมบรู ณ์ ผลงานไม่ ผลงาน ผลงานสอดคลอ้ ง ผลงานสอดคล้อง สอดคล้องกบั ๓.ผลงานท่ีมคี วามคดิ สรา้ งสรรค์ สอดคล้องกบั กบั จุดประสงค์ กบั จุดประสงค์ จดุ ประสงค์ จุดประสงค์ทุก เปน็ สว่ นใหญ่ เปน็ บางประเด็น ๔. ผลงานท่มี คี วามเป็นระเบียบ เน้อื หาสาระของ ประเดน็ ผลงานถกู ตอ้ ง เปน็ บางประเด็น เน้อื หาสาระของ เนอ้ื หาสาระของ เนือ้ หาสาระ ของผลงานไม่ ผลงานถกู ต้อง ผลงานถกู ตอ้ ง ถูกตอ้ งเป็นส่วน ครบถว้ นเป็นส่วนใหญ่ ใหญ่ ผลงาน ผลงานมแี นว ผลงานมีความ ผลงานไม่แสดง แสดงออกถงึ แปลกใหม่แตย่ งั น่าสนใจ แตย่ งั ไม่ แนวคิดใหม่ ความคิด ไมเ่ ปน็ ระบบ มีแนวคิดแปลก สรา้ งสรรค์ ใหม่ แปลกใหมแ่ ละ เป็นระบบ ผลงานมคี วาม ผลงานส่วนใหญ่มี ผลงานมีความ ผลงานส่ววน เปน็ ระเบยี บ ความเปน็ ระเบยี บ เปน็ ระเบียบแตม่ ี ใหญไ่ มฃเ่ ป็น แสดงออกถึง แตย่ งั มีความ ขอ้ บกพรอ่ ง ระเบยี บและมี ความประณีต บกพรอ่ ง บางส่วน ขอ้ บกพร่อง เกณฑ์การประเมิน คะแนน ๑๔-๑๖ = ดมี าก คะแนน ๑๑-๑๓ = ดี คะแนน ๘-๑๐ = พอใช้ คะแนน ๑-๗ = ควรปรับปรุง

208 แผนการจดั การเรยี นรู้ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ ๕ เวลา ๒ ชั่วโมง หน่วยที่ ๒ ชอื่ หน่วย ความละอายและความไมท่ นตอ่ การทุจรติ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ๔ เรื่อง การแต่งกาย ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มคี วามรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ รติ ๑.๒ ปฏิบตั ติ นเป็นผลู้ ะอายและไมท่ นตอ่ การทจุ รติ ทุกรูปแบบ ๑.๓ ตระหนักและเหน็ ความสาคัญของการต่อตา้ นและปอู งกันการทจุ ริต ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นกั เรยี นสามารถบอกลกั ษณะของการแตง่ กายท่ีเหมาะสมถกู ตอ้ งตามกาลเทศะได้ ๒.๒ นกั เรยี นสามารถบอกลักษณะของการแต่งกายท่ีถกู ตอ้ งตามระเบยี บของสถานศกึ ษาได้ ๓. สาระการเรยี นรู้ ๓.๑ ความรู้ - การแตง่ กายตามกาลเทศะ การแต่งกายเป็นมารยาทท่วั ไปซ่ึงทุกคนตอ้ งปฏบิ ตั เิ หมอื นกันตามแต่โอกาสท่ีเหมาะสม เช่น แต่ง กายไปทางาน, ไปวัด, ทาบญุ , ไปเลน่ กีฬา และงานพธิ ีตา่ ง หรือการแตง่ กายท่อี ยใู่ นเครอื่ งแบบของนกั เรียน นกั ศกึ ษา ทหาร ตารวจ บริษทั ห้างรา้ นท่ีกาหนดให้พนักงานแต่งกาย เปน็ ตน้ หากบุคคลใดสามารถปฏบิ ัติได้ ตามกฎระเบยี บทกี่ าหนดถอื วา่ เปน็ ผมู้ ีมารยาทในการแตง่ กายทีด่ ี การแตง่ กายตามระเบียบของสถานศึกษา ๓.๒ สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน ๑) ความสามารถในการสอ่ื สาร ๒) ความสามารถในการคดิ ๓) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวติ ๓.๓ คุณลักษณะท่ีพงึ ประสงค์ ความมีวินัย ๔. กิจกรรมการเรียนรู้ ๔.๑ ขนั้ ตอนการเรียนรู้ ๑) ช่วั โมงท่ี ๑ ๑. ครู และนกั เรยี นสนทนาเกยี่ วกบั การแตง่ กายของคนในสังคม เช่น การแต่งกายไปทางาน การแต่งกายไปร่วมกิจกรรมทางสังคม เปน็ ต้น ๒. ครใู หน้ ักเรยี นศึกษาใบความรู้ท่ี ๑ เรอื่ ง การแต่งกายท่ีเหมาะสม ๓. ใหน้ ักเรยี นดรู ปู ภาพการแต่งกายท่เี หมาะสมในที่สาธารณะและสถานทร่ี าชการแลว้ ชว่ ยกนั บอก ลักษณะของการแตง่ กายท่ีเหมาะสมถกู ต้องตามกาลเทศะ เชน่ แตง่ กายไปทาบญุ ควรใสส่ ขี าวหรอื สอี ่อน ผหู้ ญิงสว่ นมากจะนุง่ ผา้ ไทย เป็นต้น

209 ๔. ครใู ห้นกั เรยี นดูขา่ ว เร่ือง “ปาู อยากดงั ” เก่ียวกับการแตง่ กายไมเ่ หมาะสม ๕. ครูแบ่งนักเรียนเปน็ ๕ กลุ่ม แลว้ ใหน้ ักเรียนเขยี นวิพากษว์ ิจารณพ์ รอ้ มทัง้ นาเสนอหน้าช้นั เรียนตาม ประเดน็ ต่อไปน้ี ๕.๑ การแตง่ กาย ๕.๒ สถานท่ี ๕.๓ ความเหมาะสม ๖. ครู ถามนัก เรียนวา่ ถ้านักเรยี นเปน็ ปาู ในข่าวนกั เรยี นจะรสู้ ึกอย่างไร และจะทาอยา่ งปาู ในขา่ วหรอื ไม่ เพราะเหตุใด ๗. ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรปุ เกี่ยวกบั การแตง่ กายเหมาะสมในที่สาธารณะ เช่น การแต่งกายไป สถานทรี่ าชการ ผู้หญงิ ตอ้ งแตง่ กายดว้ ยกระโปรง ไมส่ วมรองเทา้ แตะ เปน็ ต้น ๒) ช่วั โมงท่ี ๒ ๑. ครู ให้นกั เรียนศกึ ษาใบความรู้ท่ี ๒ และให้ นกั เรียนที่แตง่ กายเรยี บร้อยถกู ตอ้ งตามระเบยี บ ของโรงเรียน (เครือ่ งแบบนกั เรียน/เครอื่ งแบบลูกเสอื -เนตรนารี) ออกมายนื ท่ีหน้าชนั้ เรยี น แลว้ แนะนา การแตง่ กายทถ่ี ูกต้องว่ามอี ะไรบ้าง ๒. ครใู ห้นกั เรียนทีแ่ ต่งกายเครอ่ื งแบบไม่ครบออกมายนื ทห่ี น้าช้ันเรยี น แล้วใหน้ กั เรยี นคนอนื่ ช่วยกันบอกวา่ ขาดเคร่ืองหมายอะไรบา้ ง ๓. ครูชแ้ี นะให้นักเรยี นเห็นถึงความสาคญั ของการแต่งกายท่ถี ูกตอ้ งตามระเบยี บของโรงเรียน วา่ นักเรยี นชายแต่งกายอยา่ งไร และนักเรยี นหญงิ แต่งกายอย่างไร ๔. ครสู ัมภาษณน์ ักเรียนทีแ่ ต่งกายดว้ ยเคร่ืองแบบท่ถี กู ตอ้ งว่ามคี วามรสู้ กึ อยา่ งไรและมผี ลดอี ย่างไร ตอ่ ตนเองและส่วนรวม ๕. ครสู ัมภาษณน์ ักเรยี นทีแ่ ตง่ กายด้วยเคร่ืองแบบท่ไี มถ่ ูกต้องว่ามคี วามรสู้ กึ อย่างไรและมีผลเสยี อยา่ งไรตอ่ ตนเองและส่วนรวม ๖. ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรปุ เรือ่ งการแต่งกายท่ีถูกระเบยี บของโรงเรียน ๔.๒ สอ่ื การเรยี นรู้ ๑) ใบความรู้ท่ี ๑ เรอื่ ง การแต่งกายทเ่ี หมาะสม ๒) ใบความร้ทู ี่ ๒ เรอื่ ง การแต่งกายท่ถี ูกตอ้ งตามระเบยี บของโรงเรียน ๓) รปู ภาพการแตง่ กายของบุคคลต่าง ๔) ข่าว “ปูาอยากดงั ” ๕. การประเมินผลการเรยี นรู้ ๕.๑ วธิ กี ารประเมิน ๑) ทดสอบ ๒) สังเกตพฤติกรรมความมวี ินัย ๕.๒ เครอื่ งมอื ท่ใี ช้ในการประเมิน ๑) แบบทดสอบ ๒) แบบสังเกตพฤตกิ รรม ความมวี ินยั ๕.๓ เกณฑ์การตดั สนิ นักเรยี นผ่านเกณฑ์การประเมนิ ร้อยละ ๘๐ ขึ้นไป

210 ๖. บันทึกหลงั การจัดการเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………................................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……........ ลงชื่อ ................................................ ครูผสู้ อน ๗. ความคดิ เห็นผู้บริหาร (...............................................) ........................................................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................................................................................... ลงชอื่ .....................................ผู้บรหิ าร (นายกศุ ล ชุมปัญญา) ผู้อานวยการโรงเรยี นบ้านศรวี ชิ า “ครุ รุ าษฎรอ์ ทุ ศิ ”

211 ๗. ภาคผนวก ใบความรู้ท่ี ๑ เรอ่ื ง การแตง่ กายทเ่ี หมาะสม การแตง่ กายเปน็ มารยาททั่ว ไปซึ่งทกุ คนต้องปฏิบตั ิเหมอื นกันตามแตโ่ อกาสทเ่ี หมาะสม เชน่ แตง่ กายไปทางาน, ไปวัด ทาบญุ ,ไปเลน่ กฬี า และงานพิธีตา่ ง หรอื การแต่งกายท่อี ยูใ่ นเคร่อื งแบบของนกั เรยี น นักศกึ ษาทหาร ตารวจ บริษทั ห้างรา้ นท่ีกาหนดใหพ้ นักงานแต่งกาย เปน็ ตน้ หากบุคคลใดสามารถปฏบิ ัติได้ ตามกฎระเบยี บทกี่ าหนดถอื ว่าเปน็ ผมู้ ีมารยาทในการแต่งกายที่ดี การแตง่ กายไปวดั ๑. เส้ือผ้า ควรใชส้ ีขาวหรอื สีออ่ น ๒. เนอ้ื ผ้า ไม่โปร่งบางเกนิ ไป ไมห่ รหู ราแพงเกินไป ๓. เสือ้ ผา้ ไมร่ ดั รดั รูปแตห่ ลวมพอสมควร สาหรับผู้หญิงไม่ควรนุง่ กระโปรงสน้ั แตค่ วรนงุ่ กระโปรงยาว พอสมควร ๔. ทรงผม ผู้ชาย ตัดใหส้ ั้น ถา้ ไวย้ าวก็หวีให้เรียบ ผู้หญิง อยา่ แต่งผมเกินงาม ผู้พบเหน็ จะได้ไมเ่ กิด ความคดิ ฟูุงซา่ น ๕. นา้ มนั ใส่ผม หรือนา้ หอม ควรเปน็ ชนดิ กลิน่ อ่อนทส่ี ุด จะได้ไมร่ บกวนผู้อื่น ๖. การแต่งหน้า เขยี นคิ้ว ทาปาก ทาเล็บ ฯลฯ จนเกินงามไม่ควรกระทา ๗. เคร่ืองประดบั ราคาแพง เช่น แหวนเพชร นาฬิกาเรือนทอง หรอื สร้อยทองคาเส้นโต ฯลฯ ควรเวน้ เดด็ ขาด การแต่งกายไปงานแตง่ งาน การแตง่ กายไปงานแต่งงานเปน็ การแสดงถงึ การใหค้ วามยินดีกบั เจ้าภาพจงึ เปน็ การแตง่ กายในชุด ที่ดูสวยงาม และการแต่งกายไปงานเราควรคานึงถึงการใหเ้ กียรตเิ จา้ ภาพด้วย เชน่ เจา้ ภาพอาจจะกาหนด การแต่งกายมาเราก็ควรปฏบิ ตั ิตามเพ่อื เป็นการใหเ้ กียรตแิ ละเพอื่ แสดงความยนิ ดี เชน่ แต่งกายในชุดสขี าว สี ชมพูหรอื เส้อื ผา้ สีอ่อน ดสู วยงาม เป็นตน้ การแตง่ กายไปงานอวมงคล งานอวมงคล คอื การทาบุญเลี้ยงพระท่เี กยี่ วกบั เรือ่ งการตาย นิยมทากนั อยู่ ๒ อยา่ งคือทาบญุ หนา้ เรยี กว่าทาบุญ ๗ วนั ๕๐ วัน หรอื ๑๐๐ วัน และทาบญุ อัฐิในวนั คลา้ ยวนั ตายของผลู้ ว่ งลับ - ถ้าเป็นงานศพควรเปน็ สีขาวหรอื สีดา - ถา้ เปน็ วันทาบุญอฐั ควรแตง่ กายเรยี บรอ้ ย สเี รียบ ไม่มลี วดลายหรอื ฉูดฉาด จนเกนิ ควร เหมาะสมกบั งานไม่ใส่เครอ่ื งประดบั หรหู ราฟุมเฟอื ยจนเกนิ พอดี มารยาทการแตง่ กายท่พี ึงประสงค์ เป็นการแตง่ กายท่ีจะตอ้ งคานงึ ถึงความสภุ าพเรยี บรอ้ ย สะอาด ตั้งแตศ่ ีรษะจรดปลายเท้า เมื่อมผี พู้ บเห็นจะรสู้ ึกทันทวี ่าผทู้ แ่ี ต่งกายดีถูกต้องตามกาลเทศะ คอื คนทค่ี วรไดร้ บั การชมเชยจากสังคมและผปู้ ฏิสมั พันธด์ ้วย ในมุมกลับกันหากแต่งกายไมส่ ุภาพเรียบรอ้ ย ก็จะเกดิ คาตาหนิ ตเิ ตยี น จากผู้ท่ีพบเหน็ ทาใหเ้ สื่อมเสยี ทั้งตนเอง สถานบันครอบครัว และสถานศึกษา

212 ใบความรทู้ ่ี ๒ เรื่อง การแต่งกายทถี่ กู ต้องตามระเบียบของโรงเรียน ระเบียบกระทรวงศกึ ษาธิการวา่ ดว้ ยเครอ่ื งแบบนกั เรยี น นกั เรียนหรือนกั ศกึ ษาตอ้ งประพฤติตนอยูใ่ นระเบียบวินยั ของโรงเรียนหรอื สถานศึกษาท่ีตนสังกัดอยู่ และแตง่ กายหรือแต่งเครื่องแบบตามระเบียบข้อบงั คับของโรงเรยี น รวมทง้ั ต้องไม่แตง่ กายหรือประพฤตติ นไม่ เหมาะสมแกส่ ภาพของนักเรยี นหรอื นกั ศึกษาตามทก่ี าหนดในกระทรวง เครื่องแบบนกั เรยี นระดบั ประถมศกึ ษา นกั เรียนชาย ๑. เสอ้ื ผา้ สขี าว แบบคอเชิ้ต หรอื คอปกกลม แขนสน้ั ๒. เคร่ืองหมาย ใช้ช่ืออักษรยอ่ ของสถานศึกษาปกั ที่อกเสื้อเบ้ืองขวา บนเนือ้ ผา้ ดว้ ยด้านหรอื ไหม โดยสถานศึกษารฐั ใชส้ ีนา้ เงนิ สถานศกึ ษาเอกชนใช้สีแดง ๓. กางเกง ผา้ สีดา สนี ้าเงิน สีกรมท่า หรอื สีแดง ขาส้นั ๔. รองเท้า หนังหรอื ผ้าใบสดี า แบบหุ้มสน้ ปลายเท้า ชนดิ ผกู หรอื มสี ายรดั หลงั เทา้ ๕. ถุงเท้าสัน้ สขี าว นกั เรยี นหญิง ๑. เส้ือ ผา้ สีขาว แบบคอเชติ้ คอบัว หรือคอปกกลาสีผกู ด้วยฟาู ผกู คอชายสามเหลย่ี มเงือ่ นกลาสี สดี าหรอื สีกรมท่า แขนสัน้ ๒. เครือ่ งหมาย ชื่ออักษรย่อของสถานศกึ ษาปกั ทอี่ กเสือ้ เบ้ืองขวา บนเน้อื ผา้ ดว้ ยดา้ ยหรอื ไหม โดยสถานศึกษารฐั บาลใชส้ ีน้า เงนิ สถานศกึ ษาเอกชนใช้สแี ดง ๓. กระโปรง ผา้ ดา สนี า้ เงิน สกี รมท่าหรือสแี ดง แบบจบี รูดรอบตวั หรอื ยาวเพยี งใตเ้ ขา่ แบบจีบทบรอบเอว หรอื พบั เป็นจบี ขา้ งละสามจีบทั้งดา้ นหน้าและด้านหลัง เม่ือสวมแลว้ ชายกระโปรงคลมุ เข่า ๔. รองเทา้ หนงั หรือผ้าใบสดี า แบบหมุ้ ส้นหมุ้ ปลายเท้า ชนดิ ผกู หรือมสี ายรดั หลงั เทา้ ๕. ถงุ เท้าสั้น สขี าว

213 รูปภาพการแต่งกายของบุคคลตา่ ง ๆ

214

215

216 ข่าว เร่ือง “ปาู อยากดงั ” ผหู้ ญิงคนหนง่ึ ซึง่ เปน็ คนไทย เดินทางมาร่วมงานถวายอาลยั ที่สถานที่จัดงานแห่งหนงึ่ คาดว่าเป็น วัด ไทยทนี่ อร์ธ ฮอลลวี ูด แคลิฟอร์เนยี สหรัฐอเมริกา แต่กลบั สวมชดุ เดรสส้นั สีดา มีแถบลายดอกไม้สีแดง ปรากฏ วา่ ถูกเจ้าหนา้ ทห่ี ้ามไมใ่ ห้เข้าไปในบรเิ วณพธิ ี หญงิ สาวรายนยี้ กมือถอื ข้นึ มาถา่ ยแลว้ ถามเจ้าหน้าทค่ี นไทยว่า “คุณเปน็ ตารวจหรือเปลา่ ” ซงึ่ เจา้ หนา้ ทบ่ี อกวา่ ผมเปน็ หวั รกั ษาความปลอดภัย ผมมสี ิทธิ์เชญิ คณุ ออกได้ ผหู้ ญงิ คนดังกลา่ วกแ็ ย้งวา่ “ฉนั ไมไ่ ด้ทาผดิ ” เจ้าหนา้ ทพ่ี ยายามชี้แจงว่าวันนีข้ อให้ทุกคนแต่งกายชุดสีดา ผหู้ ญิงคนดงั กล่าวกถ็ ามว่า เส้ือผ้ามสี สี ันไมไ่ ด้ ผิดกฎหมายเหรอ เจา้ หน้าทก่ี แ็ จง้ วา่ ไม่ผดิ กฎหมาย แตค่ นไทย ทุกคนควรทาใหเ้ หมือนกนั แตผ่ หู้ ญิงรายนีก้ ลบั ยืนยนั ว่าทกุ คนมสี ิทธิ์ ประชาชนก็เข้าไปช้แี จงว่าทุกถงึ ความ เหมาะสมของการแตง่ กายจนสดุ ทา้ ยโดนประชาชนตะโกนขบั ไล่ออกไปจากบรเิ วณดังกล่าว คาชีแ้ จง ใหน้ กั เรยี นเขียนวิพากษ์วจิ ารณเ์ ก่ยี วกับข่าว ……………………………………………………………………………………………………………………………..…………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………..…………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………..………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………

217 แบบสังเกตพฤตกิ รรม เรอื่ ง ความมีวนิ ยั คาชแ้ี จง ให้นักเรียนเขียนเครือ่ งหมาย ลงในช่องทต่ี รงกบั พฤตกิ รรมท่เี กดิ ขน้ึ จริง เลขท่ี ช่ือ - สกุล แต่งกาย รายการ ปฏิบตั ิตาม สรปุ ผล ถูกต้องตาม ขอ้ ตกลง การประเมนิ ระเบยี บ แต่งกาย ของ ของ เหมาะสม สถานศกึ ษา ผ่าน ไมผ่ า่ น โรงเรียน ตาม กาลเทศะ เกณฑ์การประเมิน ๒ รายการ ถือว่า ผา่ น ๑ รายการ ถือวา่ ไม่ผา่ น ผ่านตงั้ แต่ ผา่ น ลงชื่อ ผูป้ ระเมนิ () ///

218 แผนการจดั การเรยี นรู้ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๕ เวลา ๒ ชวั่ โมง หนว่ ยท่ี ๒ ช่ือหนว่ ย ความละอายและความไม่ทนตอ่ การทจุ รติ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๕ เรอื่ ง กจิ กรรมนกั เรียน ๑. ผลการเรยี นรู้ มีความรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกับความละอาย และความไมท่ นต่อการทุจรติ ๒. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๒.๑ บอกความสาคัญของกจิ กรรมนกั เรยี นได้ ๒.๒ บอกประโยชน์ของกิจกรรมนกั เรยี นได้ ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ ความสาคัญของกจิ กรรมนกั เรียนนน้ั เปน็ การเสรมิ ให้การจดั การเรยี นการสอนบรรลุตามจดุ มุ่งหมาย ของการศึกษา โดยจะช่วยเสรมิ ในด้านการเรยี นรู้ทางดา้ นทัศนคติ คา่ นิยม ความสนใจ ความซาบซึง้ และเกดิ ทกั ษะประสบการณ์และสามารถไปอย่ใู นสงั คมอยา่ งเป็นสุขถา้ ปฏบิ ตั ิตามกฎระเบียบ การจัดกิจกรรมนักเรยี นนบั ว่าเป็นงานสาคญั อยา่ งหน่งึ กจิ กรรมนักเรยี นเป็นกิจกรรมท่ีทางโรงเรียน จัดขน้ึ เพ่ือเสรมิ ทกั ษะประสบการณข์ องนกั เรยี นใหก้ วา้ งขวางและสมบรู ณ์ ชว่ ยเสรมิ ในดา้ นการเรยี นรทู้ างด้าน ทัศนคติ ค่านยิ ม ความสนใจ ตลอดจนให้ดารงชวี ิตอยู่ในสังคมอย่างมคี วามสุข ๓.๒ สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น ความสามารถในการคิด ๓.๓ คณุ ลักษณะท่ีพึงประสงค์ / ค่านยิ ม ๓.๑ มีวนิ ัย ๓.๒ มุง่ ม่นั ในการทางาน ๔. กิจกรรมการเรียนรู้ ๔.๑ ขนั้ ตอนการเรียนรู้ ๑) ช่ัวโมงที่ ๑ ๑. ครูสนทนาและซกั ถามนกั เรียนเก่ียวกับกจิ กรรมนกั เรยี นวา่ มีอะไรบา้ ง เชน่ กิจกรรมเข้าค่าย กจิ กรรมชมรม เป็นตน้ ๒. ครอู ธิบายความสาคญั ของกจิ กรรมนักเรยี นว่าเป็นการเสรมิ ใหก้ ารจดั การเรยี นการสอนบรรลุ ตามจดุ มุ่งหมายของการศกึ ษา โดยจะช่วยเสริมในดา้ นการเรียนรู้ทางด้านทศั นคติ ค่านยิ ม ความสนใจ ความซาบซึง้ ความไมท่ นและความละอายตอ่ การทจุ รติ ตอ่ กิจกรรมน้นั ตลอดจนทักษะในการ เคลอื่ นไหวและการใช้อวัยวะต่าง ของรา่ งกาย ๓. ครูให้นักเรยี นทา ใบงานทเี่ ร่ือง ชอบหรือไมช่ อบ แลว้ สรปุ ว่าชอบหรอื ไม่ เพราะเหตุใด ๔. ครอู ธิบายเร่อื งกจิ กรรมนักเรยี น ปัจจุบนั กจิ กรรมนักเรียนอาจจะแบง่ ออกเป็น ๓ สว่ นใหญ่ ๕.๑ กจิ กรรมการเรียนการสอน หมายถึง กิจกรรมท่คี รผู ู้สอนและผทู้ เ่ี กย่ี วขอ้ งจดั ขึน้ เพอ่ื สง่ เสริมให้ผเู้ รยี นเกิดการเรยี นรู้และเข้าใจเนือ้ หาของบทเรยี นวิชาตา่ ง ใหด้ ียิ่งข้ึน กจิ กรรมลกั ษณะนี้อาจจะจดั ขึ้นในห้องเรยี นหรือนอกห้องเรยี นก็ได้

219 ๕.๒ กจิ กรรมนักเรยี น หมายถงึ กจิ กรรมที่จัดขน้ึ นอกเวลาเรยี นปกติหรือนอกเหนอื จาก ตารางสอนวชิ าตา่ ง เพือ่ สนองความสนใจความสามารถและความถนดั ของนกั เรยี นอนั เปน็ การสง่ เสรมิ ให้ นักเรียนมโี อกาสแสวงหาความรใู้ หแ้ ตกฉานยงิ่ ขึน้ ๕.๓ กจิ กรรมอื่น เชน่ กิจกรรมแนะแนว กิจกรรมโฮมรูม ซ่ึงเปน็ กจิ กรรมทม่ี จี ุดม่งุ หมาย เฉพาะเกย่ี วกับการแนะหรอื การปกครองนักเรยี นซงึ่ โดยปกติครูจะมบี ทบาทในการดาเนนิ งานเสยี เอง ๕. ครแู บง่ กลมุ่ นักเรยี นประมาณ ๔-๖ คน แล้วให้นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ทาใบงานที่ ๒ เร่ืองปฏิบตั ิ ตน อยา่ งไรกิจกรรมจะสาเรจ็ แล้วเตรียมนาเสนอตอ่ ไป ๒) ชั่วโมงท่ี ๒ ๑. ครูอธบิ ายดงั นี้ “กิจกรรมนกั เรยี นทกุ กจิ กรรมซงึ่ มปี ระโยชน์ กิจกรรมจะสร้างให้นักเรียนอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คม อยา่ งมีความสุขถ้าหากนกั เรียนทาตามกฎระเบยี บในแตล่ ะกิจกรรมต้ังไว้ และฝึกใหน้ กั เรยี นมีทกั ษะตา่ ง ในแต่ ละกจิ กรรมที่ปฏบิ ตั อิ กี อยา่ งท่สี าคญั ถ้านกั เรียนอยูใ่ นสงั คมที่กว้างขึน้ ถา้ นกั เรยี นไมท่ ุจรติ แลว้ ทาตาม กฎระเบยี บในสังคมนกั เรียนก็จะอยูใ่ นสงั คมอยา่ งมีความสขุ ” ๒. ครู ใหน้ กั เรยี นทาใบงานท่ี ๒ เรือ่ งประโยชน์ของกิจกรรม และร่วมกันสรปุ ประโยชนข์ อง กิจกรรมนักเรยี นทีไ่ ด้ ๔.๒ ส่อื การเรยี นรู้ / แหลง่ การเรยี นรู้ ๑) ใบงานที่ ๑ เรอ่ื งชอบหรอื ไม่ชอบ ๒) ใบงานท่ี ๒ เร่ืองประโยชนข์ องกิจกรรม ๕. การประเมินผลการเรียนรู้ ๕.๑ วธิ กี ารประเมิน ๑) ตรวจใบงานท่ี ๑ เรื่องชอบหรือไมช่ อบ ๒) ตรวจใบงานท่ี ๒ เร่ืองปฏบิ ัติตนอยา่ งไรกจิ กรรมจะสาเรจ็ ๕.๒ เครื่องมอื ที่ใชใ้ นการประเมนิ ๑) ใบงานที่ ๑ เรอ่ื งชอบหรอื ไม่ชอบ ๒) ใบงานท่ี ๒ เร่ืองปฏบิ ตั ิตนอย่างไรกจิ กรรมจะสาเร็จ ๕.๓ เกณฑ์การตดั สิน นักเรียนผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ร้อยละ ๘๐ ขนึ้ ไป ถอื ว่า ผา่ น ๖. บนั ทกึ หลงั การจดั การเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………………….................... ลงชอ่ื ................................................ ครผู สู้ อน ๗. ความคดิ เหน็ ผบู้ รหิ าร (...............................................) ........................................................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื .....................................ผู้บรหิ าร (นายกศุ ล ชมุ ปญั ญา) ผูอ้ านวยการโรงเรยี นบ้านศรีวชิ า “ครุ รุ าษฎรอ์ ุทิศ”

220 ๗. ภาคผนวก ใบงานที่ ๑ คาชแ้ี จง ให้นกั เรยี นบอก “ชอบ” หรือ “ไม่ชอบ” เกย่ี วกบั กิจกรรมทก่ี าหนดให้ พรอ้ มท้ังอธิบายเหตผุ ล ประกอบ ลาดับท่ี กจิ กรรม ชอบหรือไม่ชอบเพราะเหตใุ ด ๑ กิจกรรมลูกเสือ ๒ กิจกรรมทัศนศึกษา ๓ กิจกรรมสหกรณร์ ้านคา้ ในโรงเรียน ๔ กิจกรรมกีฬาสีภายในโรงเรียน ๕ กิจกรรมสง่ เสริมวัฒนธรรมไทย ๖ กจิ กรรมทางด้านศาสนา ๗ กจิ กรรมใช้บริการหอ้ งสมดุ ๘ กจิ กรรมสง่ เสรมิ วชิ าการต่าง ในหลักสตู ร

221 คาชีแ้ จง ใบงานที่ ๒ ให้นักเรยี นแต่ละกล่มุ เขียนประโยชน์ของกจิ กรรมต่อไปน้ี ประโยชน์ กิจกรรม ๑. กิจกรรมชมรม ๒. กจิ กรรมทัศนศึกษา ๓. กิจกรรมเข้าคา่ ยลูกเสือ

222 แผนการจดั การเรยี นรู้ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี ๕ หนว่ ยท่ี ๒ ชื่อหนว่ ย ความละอายและความไมท่ นตอ่ การทุจรติ เวลา ๒ ชว่ั โมง แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๖ เรอื่ ง การเข้าแถว ๑. ผลการเรียนรู้ มีความรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจริต ๒. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๒.๒ นักเรียนสามารถบอกความหมายคาวา่ มารยาทในสงั คมได้ ๒.๓ นกั เรยี นสามารถปฏบิ ตั ิตนเป็นผูท้ มี่ มี ารยาทดีงามในสงั คมได้ ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ มารยาท หมายถึง กริยาวาจาทีเ่ รียบร้อย เทียบกบั คาภาษาอังกฤษได้วา่ Ettiquette ซึ่งหมาย รวมถึงการแสดงออกทางกาย วาจาและใจ ถา้ ไปในทางที่สภุ าพเรยี บร้อย กถ็ ือว่ามมี ารยาทดี การมมี ารยาทดี เปรียบเสมอื นมีอาภรณป์ ระดบั กายท่ีงดงาม เป็นที่ชนื่ ชนและยอมรบั ของบคุ คลรอบข้าง ผู้ ทมี่ มี ารยาทดี มกั ประสบความสาเรจ็ ในชีวติ และหนา้ ท่กี ารงาน เนอ่ื งจากไดร้ ับการยอมรบั และเชือ่ ถอื ทางสังคม การมีมารยาทดจี งึ เปรียบเสมอื นในเบกิ ทางไปสู่ความสาเรจ็ บคุ คลท่ัวไปจึงควรเรยี นรูค้ วามมีมารยาทเพ่อื ให้ สามารถดารงชีวติ ในสงั คมได้อย่างมคี วามสุข ๓.๒ สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น - ความสามารถในการคดิ ๓.๓ คณุ ลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ - มวี นิ ัย ๔. กจิ กรรมการเรียนรู้ ๔.๑ ขั้นตอนการเรยี นรู้ ๑) ชว่ั โมงที่ ๑ ๑. ครใู หน้ กั เรยี นดูวีดทิ ัศน์ เร่ืองการเข้าแถวรบั บริการ แล้วซกั ถามนักเรียน ดงั น้ี ๑.๑ ทาไมผชู้ ายในเร่อื งถึงไม่ต่อแถว ๑.๒ ผลสดุ ทา้ ยผชู้ ายในเร่ืองเปน็ อย่างไร ๒. ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรุปดงั น้ี ๒.๒ มารยาท หมายถึง กรยิ าวาจาทีเ่ รยี บร้อย เทยี บกบั คาภาษาอังกฤษได้ว่า Ettiquette ซึง่ หมายรวมถึง การแสดงออกทางกาย วาจาและใจ ถ้าไปในทางทส่ี ภุ าพเรียบร้อยก็ถือว่า มีมารยาทดี การมี มารยาทดีเปรียบเสมือนมีอาภรณป์ ระดับกายท่ีงดงาม เปน็ ทช่ี น่ื ชนและยอมรบั ของบุคคลรอบขา้ ง ผู้ทมี่ ี มารยาทดมี กั ประสบความสาเรจ็ ในชวี ติ และหนา้ ท่ีการงานเนื่องจากไดร้ บั การยอมรบั และเชือ่ ถือทางสังคม การมีมารยาทดีจงึ เปรยี บเสมอื นในเบิกทางไปสูค่ วามสาเร็จบคุ คลท่ัวไปจงึ ควรเรยี นรคู้ วามมีมารยาท เพ่ือให้ สามารถดารงชีวิตในสงั คมได้อยา่ งมคี วามสุข ๓. ครยู กตัวอยา่ งสถานที่สาธารณะท่คี นไปใช้บริการแล้วซักถามเกยี่ วกับการใช้บริการนนั้ เช่น ๓.๑ สถานที่โรงพยาบาล ๓.๒ ไปเพื่อทาอะไร (ไปพบแพทย)์

223 ๓.๓ จะพบแพทยไ์ ดเ้ ลยหรอื ไม่ (ยังไมไ่ ด้) ๓.๔ เพราะอะไร (ตอ้ งตอ่ แถวจบั บัตรควิ ) ๓.๕ จบั บตั รควิ แลว้ ต้องทาอย่างไรต่อ(ไปต่อแถวเพื่อชัง่ น้าหนกั หรอื ไปตอ่ แถวเพ่อื วดั ส่วนสูง เปน็ ต้น ๔. ครสู รปุ ว่า ทุกสถานที่ท่เี ราจะไปใช้บริการจะตอ้ งเข้าแถวเพอื่ ให้เกดิ ความเรียบรอ้ ย ไมว่ นุ่ วาย และขณะเขา้ แถวตอ้ งมมี ารยาทด้วย เชน่ ไมส่ ่งเสียงดงั ไมเ่ รง่ คนอืน่ ให้ทาเรว็ เป็นตน้ ๕. ครูให้นกั เรยี นแบง่ กลุ่มเปน็ ๕ กลุม่ โดยใหน้ กั เรยี นศกึ ษาภาพการกระทาในรูปภาพวา่ เหมาะสม หรือไม่ เพราะเหตุใด แล้วนาเสนอหนา้ ชนั้ เรยี น ๖. ให้นกั เรียนทาใบงานท่ี ๑ เร่ือง การเขา้ แถว ๒) ชั่วโมงท่ี ๒ ๑. ครูแบง่ นักเรยี นเปน็ ๕ กลมุ่ ใหแ้ สดงบทบาทสมมติ ดงั น้ี กลมุ่ ท่ี ๑ การเขา้ แถวรบั ของแจกจากผแู้ จกส่ิงของ กลุ่มที่ ๒ การเข้าแถวซือ้ ของในโรงอาหาร กลุม่ ที่ ๓ การเขา้ แถวข้ึนรถมอเตอรไ์ ซค์ กลมุ่ ที่ ๔ การเขา้ แถวซ้ือบตั รเข้าชมสวนสตั ว์ กล่มุ ท่ี ๕ การเขา้ แถวขึน้ เคร่ืองเล่น ๒. ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ ๒.๑ การเข้าแถวไม่ว่าจะทากิจกรรมทโ่ี รงเรยี นหรอื สถานที่สาธารณะถา้ นักเรยี นปฏิบตั ิจน เกิดเปน็ นสิ ยั กจ็ ะเปน็ ผลดตี ่อตวั นกั เรยี นเองสามารถทาใหน้ ักเรยี นอยู่รว่ มกับผู้อ่นื ในสังคมอย่างมี ความสุขได้ ๔.๒ สอ่ื การเรียนรู้ / แหล่งการเรียนรู้ ๑) https://www.youtube.com/watch?v=CQm๐h๙-b๙p๔ ๒) ใบความร้เู รื่องมารยาท ๓) บัตรภาพ ๔) ใบงานที่ ๑ เร่อื ง การเข้าแถว ๕ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๕.๑ วธิ กี ารประเมนิ ตรวจใบงานที่ ๑ ๕.๒ เครอ่ื งมอื ท่ใี ช้ในการประเมนิ แบบทดสอบ ใบงานที่ ๑ ๕.๓ เกณฑ์การตดั สนิ นักเรียนผา่ นเกณฑ์การประเมินร้อยละ ๘๐ ขน้ึ ไป ถอื ว่า ผ่าน ๖. บนั ทึกหลังการจัดการเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..……… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…… ลงช่ือ ................................................ ครผู สู้ อน (...............................................) ๗. ความคดิ เหน็ ผู้บรหิ าร ........................................................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.....................................ผบู้ ริหาร (นายกศุ ล ชมุ ปัญญา) ผู้อานวยการโรงเรียนบ้านศรีวชิ า “ครุ รุ าษฎรอ์ ุทิศ”

224 ๗. ภาคผนวก ใบความรู้ บคุ ลิกภาพของบุคคลนอกจากจะแสดงออกทางการแตง่ กายแล้ว ยงั สามารถเห็นไดโ้ ดยทว่ งทีกริยา มารยาทอีกดว้ ย บุคคลที่มีกรยิ ามารยาทดีจะมโี อกาสไดร้ ับความนยิ มชมชอบและชืน่ ชมจากบคุ คลรอบขา้ ง คาว่ามารยาทหมายถงึ กรยิ าวาจาท่ีเรยี บรอ้ ย เทยี บกบั คาภาษาองั กฤษได้วา่ Ettiquette ซึง่ หมาย รวมถงึ การแสดงออกทางกาย วาจาและใจ ถา้ ไปในทางที่สภุ าพเรยี บร้อย กถ็ ือว่ามมี ารยาทดี การมีมารยาทดี เปรยี บเสมอื นมีอาภรณป์ ระดับกายท่งี ดงาม เป็นทีช่ ่ืนชนและยอมรบั ของบคุ คลรอบขา้ ง ผู้ ทีม่ ีมารยาทดีมัก ประสบความสาเรจ็ ในชวี ิตและหนา้ ท่กี ารงาน เน่ืองจากไดร้ บั การยอมรับและเช่ือถอื ทางสงั คม การมมี ารยาทดี จงึ เปรียบเสมอื นในเบกิ ทางไปสูค่ วามสาเร็จ บคุ คลทว่ั ไปจึงควรเรยี นรู้การมมี ารยาท เพอื่ ให้สามารถดารงชีวติ ในสงั คมไดอ้ ยา่ งมีความสุข

225 ใบงานที่ ๑ เร่อื ง การเขา้ แถว คาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นอธบิ ายชอบหรอื ไม่ชอบเพราะอะไร ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………

226 บัตรภาพ ๑๒ ๓๔ ๕

227 หน่วยท่ี ๓ STRONG / จิตพอเพยี งต่อต้านการทจุ รติ

228 แผนการจดั การเรียนรู้ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี ๕ หน่วยท่ี ๓ ช่ือหนว่ ย STRONG / จิตพอเพียงต่อตา้ นการทจุ รติ เวลา ๑ ช่ัวโมง แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี ๑ เรอ่ื ง ความพอเพยี ง ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกีย่ วกบั STRONG / จิตพอเพียงตอ่ ต้านการทจุ รติ ๑.๒ ปฏบิ ัตติ นเป็นผ้ทู ี่ STRONG / จิตพอเพียงต่อตา้ นการทจุ ริต ๒. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ นักเรียนสามารถ ๒.๑ นกั เรียนบอกพฤติกรรมการประยุกต์ใช้หลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งระดับ บคุ คล ชุมชน และสังคม ได้ ๒.๒ นักเรยี นยกตัวอยา่ งกจิ กรรมท่ปี ฏิบตั ิในชีวิตประจาวันทปี่ ระยุกตม์ าจากหลักปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพยี งได้ ๓. สาระการเรยี นรู้ ๓.๑ ความรู้ การประยกุ ตใ์ ช้หลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง เปน็ การเสรมิ สรา้ งให้มีการเรยี นรวู้ ิชาการและ ทักษะตา่ ง ที่จาเปน็ เพ่อื จะได้มคี วามเกรงกลัวและละอายตอ่ การประพฤติมชิ อบ ไม่ตระหนี่ เป็นผู้ให้ เกอื้ กูล แบง่ ปนั มสี ติย้งั คดิ พจิ ารณาอย่างรอบคอบกอ่ นทจ่ี ะตัดสนิ ใจหรอื กระทาการใด จนกระทง่ั เกิดเป็นภูมคิ มุ้ กนั ที่ ดีในการดารงชีวติ ๓.๒ ทักษะ / กระบวนการ ( สมรรถนะท่เี กิด ) ๑) นกั เรยี นมีทกั ษะการคิดวเิ คราะห์ ๒) นกั เรียนมที ักษะการคิดสร้างสรรค์ ๓) นักเรยี นมีทกั ษะการคดิ อย่างมีวจิ ารณญาณ ๔) นักเรยี นมคี วามสามารถในการใชท้ ักษะชวี ติ ในกระบวนการทางานกลุม่ ๕) นกั เรียนมีทักษะกระบวนการในการปฏิบตั ิงาน ๓.๓ คณุ ลักษณะทพี่ ึงประสงค์ / คา่ นยิ ม ๑) ใฝุเรยี นรู้ ๒) อยูอ่ ยา่ งพอเพยี ง ๓) มงุ่ มั่นในการทางาน ๔) มวี ินัย ๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้ / การจดั ประสบการณ์ ๔.๑ ข้ันตอนการเรียนรู้ / ขัน้ ตอนการจดั ประสบการณ์ ๑) ชั่วโมงที่ ๑ ๑. นักเรียนฟงั เพลง เศรษฐกิจพอเพียง ของน้องเดยี ร์ ทิพากร แปนู ประจุน

229 ๒. นักเรยี นและครรู ว่ มกันสนทนาส่งิ ที่ไดเ้ รียนรูจ้ ากเพลง ๓. นักเรยี นศกึ ษาแนวพระราชดารขิ องพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อย่หู ัว รัชกาลที่ ๙ ทางสายกลาง ของความพอดี ๕ ประการ จากใบความรู้ ครูอธบิ ายเพิ่มเตมิ ๔. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ ๓ กลมุ่ กล่มุ ละเท่า กนั รว่ มกันอภปิ รายแสดงความคดิ เหน็ คิดวเิ คราะห์ สบื ค้นขอ้ มูลตามหวั ขอ้ ทีม่ อบหมาย บนั ทึกขอ้ มลู ลงในกระดาษปรู๊ฟ กล่มุ ที่ ๑ พฤติกรรมการประยกุ ต์ใช้หลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี งระดับ บุคคล / ครอบครวั กลุ่มที่ ๒ พฤตกิ รรมการประยุกตใ์ ช้หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพยี ง ระดบั ชมุ ชน กลุ่มท่ี ๓ พฤตกิ รรมการประยุกต์ใชห้ ลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ระดับสงั คม ๕. แตล่ ะกลมุ่ ส่งตัวแทนนาเสนอหน้าชนั้ เรียน ๖. นกั เรียนยกตัว อยา่ งกิจกรรมทีป่ ฏิบัตใิ นชีวิตประจาวนั ทปี่ ระยุกตม์ าจากหลักปรชั ญาของ เศรษฐกิจพอเพยี ง ลงในแบบใบงาน แลว้ นาไปจดั ปูายนิเทศ ๔.๒ สือ่ การเรยี นรู้ / แหล่งการเรยี นรู้ ๑) เพลงเศรษฐกจิ พอเพยี งของน้องเดยี ร์ ทพิ ากร แปนู ประจนุ ๒) ใบความร้เู รื่อง ทางสายกลางของความดี ๕ ประการ ๓) กระดาษปรู๊ฟ ๔) ปากกาเคมี ๕) แบบใบงานเรอ่ื ง กิจกรรมท่ขี า้ พเจ้าปฏบิ ัตใิ นชวี ิตประจาวัน ๕. การประเมินผลการเรียนรู้ ๕.๑ วิธกี ารประเมนิ ๑) สงั เกตพฤตกิ รรม ๒) ประเมนิ ผลงาน ๕.๒ เครอ่ื งมือทีใ่ ชใ้ นการประเมิน ๑) แบบสังเกตพฤติกรรม ๒) แบบบนั ทกึ การประเมินผลงาน ๕.๓ เกณฑ์การตดั สิน ๑) การสงั เกตพฤตกิ รรม ร้อยละ ๘๐ ถอื ว่าผา่ น ๒)นกั เรียนผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ระดบั ดี ข้ึนไป ถือวา่ ผา่ น ๖. บนั ทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………..................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………........ ลงชือ่ ................................................ ครผู สู้ อน ๗. ความคดิ เห็นผู้บริหาร (...............................................) ........................................................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื .....................................ผบู้ ริหาร (นายกศุ ล ชุมปัญญา) ผ้อู านวยการโรงเรียนบ้านศรวี ิชา “ครุ รุ าษฎรอ์ ทุ ศิ ”

230 ๗. ภาคผนวก ใบความรู้ เร่อื ง ทางสายกลางของความดี ๕ ประการ ๑. ความพอดดี า้ นจติ ใจ : เข้มแข็งพง่ึ ตนเองได้ เอ้ืออาทร ประนปี ระนอม คานงึ ถงึ ผลประโยชน์ส่วนรวม ๒. ความพอดดี า้ นสงั คม : มีการชว่ ยเหลอื เก้อื กลู กนั สรา้ งความเข้มแขง็ ให้แกช่ ุมชน ร้จู ักผนกึ กาลัง และทส่ี าคญั มีกระบวนการเรยี นรู้ที่เกดิ จากฐานรากท่ีมนั่ คงและแขง็ แรง ๓. ความพอดดี า้ นทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสง่ิ แวดล้อม : รจู้ กั ใชแ้ ละจัดการอย่างฉลาด และรอบคอบ เพื่อให้เกิดความยั่งยืน สูงสดุ ใชท้ รัพยากรท่ีมอี ยใู่ นประเทศ เพื่อพฒั นาประเทศให้ มนั่ คงเป็น ขั้นตอนตอ่ ไปท่ี ๔. ความพอดดี า้ นเทคโนโลยี ; รจู้ กั ใช้เทคโนโลยีทีเ่ หมาะสมใหส้ อดคล้องกับความต้องการและควร พัฒนาเทคโนโลยจี ากภูมปิ ญั ญาชาวบา้ นของเราเองและสอดคล้องเปน็ ประโยชนต์ ่อสภาพแวดล้อม ของเราเอง ๕. ความพอดดี า้ นเศรษฐกิจ : เพ่ิมรายได้ ลดรายจา่ ย ดารงชีวติ อยา่ งพอสมควร พออยู่ พอกนิ ตามอตั ภาพและฐานะของตนเอง

231 แบบใบงาน เรอ่ื ง กิจกรรมทขี่ า้ พเจา้ ปฏิบตั ิในชวี ติ ประจาวนั ชื่อ............................................................................................... เลขท่ี ....................... ชนั ....................... คาชแ้ี จง ให้นักเรียนยกตวั อยา่ งกจิ กรรมท่ีปฏบิ ัตใิ นชีวติ ประจาวันซึง่ ประยุกตใ์ ช้หลักปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง ( ขอ้ ละ ๑ คะแนน ) หลกั ปฏบิ ตั ิ กจิ กรรมทป่ี ฏบิ ตั ิ ๑. ด้านเศรษฐกิจ ๑......................................................................................................... ๒......................................................................................................... ๒. ด้านจติ ใจ ๓. ดา้ นสังคม ๑......................................................................................................... ๔. ด้านทรพั ยากรธรรมชาติและสงิ่ แวดล้อม ๒......................................................................................................... ๑......................................................................................................... ๕. ดา้ นเทคโนโลยี ๒......................................................................................................... ๑......................................................................................................... ๒......................................................................................................... ๑......................................................................................................... ๒......................................................................................................... เกณฑ์การประเมนิ ถกู ต้อง ๙ – ๑๐ ข้อ ระดบั ดมี าก ๗ – ๘ ข้อ ระดับ ดี ๕ – ๖ ขอ้ ระดับ ปานกลาง ตา่ กวา่ ๕ ขอ้ ระดบั ปรับปรงุ

232 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมนักเรียน กลมุ่ ท่ี...................ชน้ั ......................... ท่ี พฤตกิ รรม ความรว่ มมอื การแสดงความ การตอบคาถาม การยอมรบั ฟัง การมีส่วนร่วมใน รวม ชื่อ คดิ เหน็ ความคิดเห็น การอภปิ ราย ๒๐ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ คะแนน เกณฑ์การวดั ผล ให้คะแนนระดับคณุ ภาพของแตล่ ะกลมุ่ ดังนี้ ได้คะแนน ๑๖ คะแนน ขนึ้ ไป = ผา่ น ไดค้ ะแนนตา่ กว่า ๑๖ คะแนน ขน้ึ ไป = ผา่ น ( ลงชอ่ื ) ผู้สังเกต (.....................................................) .............../................./...................

233 แผนการจดั การเรยี นรู้ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี ๕ เวลา ๑ ชัว่ โมง หน่วยที่ ๓ ชอื่ หน่วย STRONG / จติ พอเพียงต่อต้านการทจุ ริต แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๒ เรอื่ ง ความโปร่งใส ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกับ STRONG / จติ พอเพยี งต่อต้านการทจุ ริต ๑.๒ ปฏบิ ตั ติ นเปน็ ผูท้ ี่ STRONG / จิตพอเพยี งต่อต้านการทุจรติ ๒. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๒.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกี่ยวกับ STRONG / จิตพอเพยี งต่อต้านการทจุ ริต ๒.๒ ปฏิบัตติ นเปน็ ผทู้ ่ี STRONG / จติ พอเพียงตอ่ ต้านการทจุ ริต ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ ความโปรง่ ใส คือ การกระทาการใด ทส่ี ามารถมองเห็นได้ คาดเดาได้ และเข้าใจได้ การมี ระบบงาน และขัน้ ตอนการทางานทช่ี ัดเจน ถกู ต้อง อย่างตรงไป ตรงมา ๓.๒ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น ๑) ความสามารถในการสือ่ สาร ๒) ความสามารถในการคดิ ๓) ความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ ๓.๓ คณุ ลักษณะท่พี งึ ประสงค์ ๑)ใฝเุ รียนรู้ ๒) ซอื่ สตั ยส์ ุจรติ ๔. กจิ กรรมการเรียนรู้ / การจัดประสบการณ์ ๔.๑ ขน้ั ตอนการเรยี นรู้ / ขัน้ ตอนการจัดประสบการณ์ ๑. ครนู าเขา้ สบู่ ทเรยี นโดยใหน้ กั เรียนรว่ มกันร้องเพลง โตไปไมโ่ กง พรอ้ มกัน และรว่ มกัน สรปุ ความหมายของเพลง ๒. ให้นกั เรยี นแบง่ ออกเปน็ กลุ่ม ๔ กลมุ่ โดยให้ นกั เรยี นเขา้ แถวเรยี งตามลาดับ และนับเลข ๑ –๔ นกั เรียนทนี่ บั เลขเหมอื นกนั อยู่กลมุ่ เดยี วกัน ๓. ครูใหน้ ักเรยี นอ่านบตั รคา “ โปรง่ ใส ” และใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั อภิปรายถงึ ความหมายของคาว่า“ โปร่งใส ” ๔. แตล่ ะกลุม่ นาเสนอความหมายของคาวา่ “ โปร่งใส ”ที่ร่วมกันอภิปรายโดยส่งตวั แทนนาเสนอหน้า ชัน้ เรยี น ๕. ครแู ละนักเรียนสรปุ ความหมายร่วมกนั อีกครงั้ ๖. แต่ละกลุ่มคดิ บทละครสนั้ หรือสรา้ งสถานการณส์ ั้น ทส่ี ะทอ้ นถงึ ปญั หาทีเ่ กิดจากความไม่ “ โปร่งใส” ความยาวไมเ่ กนิ ๕ นาที

234 ๗. ให้แต่ละกลุม่ ซ้อมการแสดงเพือ่ นาเสนอ ๘. แตล่ ะกลมุ่ นาเสนอกลมุ่ ละ ๕ นาที ๙. รว่ มกนั อภิปรายถงึ สถานการณ์ / เรือ่ งทน่ี าเสนอวา่ ตวั แสดงในเรอื่ งมีใครบ้าง แตล่ ะตัวแสดงมี นสิ ัยอยา่ งไร เหตุการณใ์ ดทีแ่ สดงถงึ ความไม่โปรง่ ใส และจะก่อให้เกดิ ปัญหาใดจากความไม่โปร่งใสทีส่ ง่ ผลต่อ ตนเอง ต่อสังคม และประเทศชาติ ๑๐. รว่ มกันอภปิ รายขอ้ สรปุ ในการปอู งกันแก้ไขปัญหาความไม่โปร่งใส ๑๑. นักเรยี น รว่ มกันรอ้ งเพลง โตไปไมโ่ กง เปน็ การจบบทเรียนแลว้ สรปุ เน้อื หาจากเพลง ๔.๒ ส่อื การเรียนรู้ / แหลง่ การเรียนรู้ ๑) เพลงโตไปไมโ่ กง ๒) บัตรคา “ โปรง่ ใส ” ๓) บทละครสน้ั / สถานการณส์ ้ัน ทส่ี ะท้อนปญั หา ๕. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๕.๑ วธิ กี ารประเมนิ สังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรียน ๕.๒ เครือ่ งมอื ท่ีใชใ้ นการประเมนิ แบบสังเกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี น ๕.๓ เกณฑ์การตดั สนิ นักเรียนผา่ นเกณฑ์การประเมนิ รอ้ ยละ ๘๐ ขนึ้ ไป ถอื วา่ ผา่ น ๖. บนั ทึกหลังการจดั การเรียนรู้ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………................................................... …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…........ ลงชอ่ื ................................................ ครูผสู้ อน (...............................................) ๗. ความคดิ เหน็ ผบู้ ริหาร ........................................................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื .....................................ผู้บรหิ าร (นายกศุ ล ชุมปัญญา) ผ้อู านวยการโรงเรยี นบ้านศรวี ชิ า “คุรรุ าษฎรอ์ ุทศิ ”

235 ๗. ภาคผนวก เพลงโตไปไม่โกง จิตสานกึ ทเี่ ราตอ้ งมี เพื่อจะเป็นคนดี เม่ือเป็นผ้ใู หญ่ หา้ ขอ้ หา้ คา แคท่ าใหไ้ ด้ เป็นเร่อื งง่าย เทา่ นนั้ เอง *ข้อ ๑ ซอ่ื สตั ย์ ข้อ ๒ รบั ผดิ ชอบ ข้อ ๓ รกั ในความเป็นธรรม ขอ้ ๔ พอเพยี ง ขอ้ ๕ ทาเพ่ือ ส่วนรวม แค่น้ีทาง่ายไมย่ ากเลย **เป็นคนดี เราจะไมค่ ดโกง คนคดโกง เขาเป็นคนไมด่ ี เมือ่ เปน็ ผู้ใหญจ่ ะไมล่ ืมเรอ่ื งน้ี จะเป็นคนดี “ โตไปไม่โกง ” ( ซ้า * , **) *** ลา ลา้ ลา โตไปไมโ่ กง ( ซ้า ๔ คร้ัง )

236 ใบความรู้สาหรบั ครู ความโปร่งใส (Transparency) หมายถึง การกระทาการใด ทผี่ ้อู ่นื สามารถมองเห็นได้ คาดเดาได้ และ เข้าใจได้ การมรี ะบบงานและขน้ั ตอนการทางานท่ีชัดเจน (ซึง่ จะดไู ดจ้ าก กฎระเบียบ หรอื ประกาศ) การ เปิดเผยขอ้ มลู ขา่ วสารที่ถูกต้องอย่างตรงไปตรงมา ความโปรง่ ใสจึงเป็นเครอ่ื งมอื ท่ีสาคญั ในการตรวจสอบความ ถูกตอ้ ง และชว่ ยปอู งกันไม่ใหเ้ กดิ การทุจริต รวมทั้งนาไปสู่การสรา้ งความไว้วางใจซึ่งกนั และกัน

237 แบบสงั เกตพฤติกรรมการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมของนกั เรยี น เรื่อง........................................................... ที่ พฤตกิ รรม ความสนใจ แสดงความ การตอบคาถาม การยอมรับฟงั การทางานท่ี หมาย ช่อื คิดเห็น ความคดิ เห็น ไดร้ ับมอบหมาย เหตุ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓๒๑ ๔๓ ๒ ๑ ๔๓ ๒๑ ๔ ๓๒ ๑ เกณฑ์การวัดผล ใหค้ ะแนนระดับคุณภาพของแตล่ ะกลุ่ม ดังน้ี ได้คะแนน ๑๖ คะแนน ขน้ึ ไป = ผา่ น ได้คะแนนต่ากว่า ๑๖ คะแนน ขน้ึ ไป = ผ่าน ( ลงช่อื ) ผู้สงั เกต (.....................................................) .............../................./....................

238 แผนการจดั การเรยี นรู้ ชั้น ประถมศึกษาปที ่ี ๕ เวลา ๑ ชวั่ โมง หนว่ ยท่ี ๓ ชอ่ื หนว่ ย STRONG / จิตพอเพียงตอ่ ต้านการทจุ รติ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ ๓ เรือ่ ง ความต่ืนรู้ / ความรู้ ๑. ผลการเรียนรู้ ๑.๑ มีความรู้ ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั STRONG / จติ พอเพยี งต่อตา้ นการทจุ ริต ๑.๒ ปฏบิ ตั ติ นเป็นผ้ทู ่ี STRONG / จติ พอเพยี งตอ่ ตา้ นการทุจรติ ๑.๓ ตระหนกั และเหน็ ความสาคญั ของการต่อตา้ นและปูองกันการทจุ ริต ๒. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๒.๑ นกั เรยี นสามารถบอกความหมายของการทุจริตได้ ๒.๒ นักเรยี นสามารถบอกลกั ษณะของบุคคลท่ีมคี วามตน่ื รใู้ นเรอ่ื งการทุจริตได้ ๓. สาระการเรยี นรู้ ๓.๑ ความรู้ - ความตืน่ รู้ ความตื่นรู้ หมายถึง การจัดการความเปน็ ไปไดใ้ หมข่ องชวี ติ โดยทม่ี ีสตอิ ยกู่ บั ส่ิงท่เี กดิ ข้ึน รู้ความจรงิ ของชีวติ ทเ่ี ป็นส่ิงไม่แน่นอน เทา่ ทันเหตุการณ์ ๓.๒ สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน ๑) ความสามารถในการสอื่ สาร ๒) ความสามารถในการคิด ๓) ความสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ ๓.๓ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ซื่อสัตยส์ ุจรติ ๔. กิจกรรมการเรียนรู้ ๔.๑ ขั้นตอนการเรยี นรู้ ๑) ใหน้ ักเรียนชมวดี ทิ ัศน์ เรอ่ื ง “คอรร์ ัปชันไม่ใชเ่ รือ่ งไกลตัว ” เปน็ เรอ่ื งเก่ยี วกบั ความหมาย ของการทจุ รติ ทุกรปู แบบ เชน่ การรับสินบน การอปุ ถมั ภ์พวกพอ้ งเพอ่ื ใหเ้ ขา้ ทางาน เป็นต้น ๒) ครู และนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ เร่ืองทีช่ มวีดิทศั นว์ า่ การทจุ รติ มหี ลายรปู แบบ เชน่ การคดโกง การจดั ซอื้ จดั จ้าง การทุจรติ ตอ่ หนา้ ท่ี เป็นตน้ ๓) ครเู ล่าขา่ วเร่ือง “ผอ.สามเสนถกู สอบรับแปฺะเจยี๊ ะ” แลว้ ถามนกั เรียนว่าใครรูข้ ่าวเรื่องนบ้ี า้ งและ ใครไมร่ ูข้ ่าวเรือ่ งนบ้ี า้ ง ๔) ครสู รุปนกั เรยี นทีร่ ู้ขา่ วเร่ืองน้ี แสดงว่านกั เรยี นเป็นผตู้ ืน่ รู้ ๕) ครอู ธิบายความหมายของคาว่าตนื่ รู้ ๖) ครูให้นกั เรียนชว่ ยกันบอกลกั ษณะของบคุ คลที่ตนื่ รู้ ในเรื่องการทุจริต เชน่ กลุม่ ชาวบ้านประทว้ ง เรื่อง การทุจริตการรบั จานาข้าวของรัฐบาล แสดงวา่ กลุ่มชาวบา้ นกลมุ่ น้เี ป็นผู้ตืน่ รใู้ นเรอ่ื งการทุจรติ

239 ๗) ครูใหน้ ักเรยี นรวบรวมขา่ วที่เกยี่ วกบั การทจุ รติ รูปแบบตา่ ง พรอ้ มวิเคราะหแ์ สดงความคดิ เห็น เกี่ยวกับข่าวการทจุ รติ ๘) ครูใหน้ กั เรยี นนาเสนอข่าวหนา้ ช้นั เรียนแลว้ นาไปจัดปาู ยนิเทศบรเิ วณโรงเรียน ๔.๒ ส่ือการเรียนรู้ / แหล่งเรียน่รู้ ๑) ข่าวจากหนังสอื พมิ พ์ ๒) วดี ที ัศน์ เรอื่ ง “คอรร์ ปั ชนั ไมใ่ ชเ่ รื่องไกลตวั ” ๓) หอ้ งสมุด ๔) อนิ เทอร์เนต็ ๕. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๕.๑ วธิ กี ารประเมนิ ๑) ตรวจผลงานการวิเคราะห์ขา่ ว ๕.๒ เครอื่ งมอื ท่ใี ช้ในการประเมิน ๑) แบบให้คะแนนการตรวจผลงานการวเิ คราะหข์ า่ ว ๒) แบบสังเกตพฤติกรรม เรือ่ ง ซ่ือสัตยส์ ุจริต ๕.๓ เกณฑ์การตดั สิน นกั เรยี นผ่านเกณฑ์การประเมนิ ร้อยละ ๘๐ ข้นึ ไป ถือวา่ ผา่ น ๖. บันทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….…… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……… …………………………………………………………………………………………………………………………………………................................................... ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….......... ลงช่ือ ................................................ ครผู สู้ อน ๗. ความคดิ เหน็ ผูบ้ ริหาร (...............................................) ........................................................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................................................................................... ลงชือ่ .....................................ผบู้ ริหาร (นายกุศล ชุมปัญญา) ผู้อานวยการโรงเรยี นบา้ นศรวี ชิ า “คุรุราษฎร์อทุ ศิ ”

240 ๗. ภาคผนวก แบบประเมินการเขยี นวเิ คราะห์ขา่ ว รายการ เลขที่ ชอ่ื - สกลุ เขยี นได้ เขียน เขยี นมีเหตผุ ล การลาดับ สรปุ ผล ตรง แยกแยะ ประกอบอย่าง การใชภ้ าษา ความคิด การประเมิน ประเด็น ประเด็นได้ เหมาะสม ไดเ้ หมาะสม เหตุการณ์ ชดั เจน อยา่ ง ตอ่ เน่ือง ๑๒๑ ๒ ๑ ๒ ๑๒ ๑ ๒ ผา่ น ไม่ ผ่าน เกณฑ์การประเมิน ผู้ประเมนิ นักเรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมนิ รอ้ ยละ ๘๐ ขึ้นไป ถอื ว่า ผา่ น ) ลงชื่อ ( // /

241 แบบสังเกตพฤติกรรม เรอื่ ง ซ่ือสัตย์สุจรติ คาชีแ้ จง ใหน้ ักเรียนเขียนบนั ทึกเคร่ืองหมาย ลงในชอ่ งทตี่ รงกบั พฤตกิ รรมที่เกดิ ข้นึ จรงิ รายการ รูจ้ ัก สรปุ ผล แยกแยะ การประเมนิ ตรงไป ทาตวั ประโยชน์ เลขที่ ชือ่ - สกลุ พดู นา่ เชื่อถอื ความ ไม่ลกั ตรงมา สว่ นตน จรงิ ขโมย กับ ประโยชน์ ผา่ น ไมผ่ า่ น สว่ นรวม เกณฑ์การประเมิน ๓ รายการ ถอื ว่า ผา่ น ๒ รายการ ถือวา่ ไมผ่ ่าน ผ่านตง้ั แต่ ผ่าน ลงช่อื ผ้ปู ระเมนิ ( ) / //

242 แผนการจดั การเรยี นรู้ ชั้น ประถมศกึ ษาปีที่ ๕ เวลา ๑ ชั่วโมง หนว่ ยที่ ๓ ช่ือหนว่ ย STRONG / จิตพอเพยี งต่อตา้ นการทุจรติ แผนการจดั การเรยี นรูท้ ่ี ๔ เรื่อง ต่อต้านทจุ รติ ๑. ผลการเรียนรู้ ๑.๑ มีความรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั STRONG / จิตพอเพยี งตอ่ ตา้ นการทุจริต ๑.๒ ปฏิบตั ติ นเปน็ ผูท้ ี่ STRONG / จติ พอเพยี งตอ่ ต้านการทจุ รติ ๑.๓ ตระหนักและเหน็ ความสาคัญของการตอ่ ตา้ นและปอู งกนั การทจุ รติ ๒. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นักเรยี นสามารถบอกผลเสียของการทจุ ริตได้ ๒.๒ นักเรียนสามารถบอกการกระทาทเี่ ป็นการตอ่ ตา้ นการทจุ รติ ได้ ๓. สาระการเรยี นรู้ ๓.๑ ความรู้ - ความหมายของการตอ่ ต้านการทจุ รติ การต่อต้านการทุจรติ หมายถึง การไมส่ นับสนุนกิจการของกลุ่มหรือบคุ คลทก่ี ระทาการโดยมิ ชอบในการแสวงหาผลประโยชน์ ๓.๒ สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น ๑) ความสามารถในการสอื่ สาร ๒) ความสามารถในการคิด ๓.๓ คุณลักษณะท่พี งึ ประสงค์ ซอ่ื สัตย์สจุ รติ ๔. กิจกรรมการเรยี นรู้ ๔.๑ ขน้ั ตอนการเรยี นรู้ ๑) ครูเลา่ ขา่ วเก่ียวกับปญั หาการทุจรติ เรอ่ื ง “กทม.ไลอ่ อก ๔ ข้าราชการ พัวพันทจุ รติ ไฟประดบั ลาน คนเมอื ง” แล้วถามนกั เรยี น ดงั น้ี ๑. ผลเสยี ของการทจุ ริตมอี ะไรบา้ ง ๒. ถา้ นักเรยี นเปน็ ขา้ ราชการ ๔ คนน้ี นักเรยี นจะทจุ รติ หรอื ไม่ เพราะเหตุใด ๒) ครูใหน้ กั เรยี นศกึ ษาใบความรู้ เร่ือง “รปู แบบการทจุ รติ ” แลว้ ทาแผนผงั ความคิด ๓) ครอู ธบิ ายความหมายของการตอ่ ตา้ นการทุจรติ และยกตวั อยา่ งการกระทาทแี่ สดงถึงการตอ่ ตา้ นการ ทุจรติ ทกุ รูปแบบ ๔) ครูแบง่ นักเรยี นออกเปน็ ๔ กลมุ่ ใหแ้ สดงบทบาทสมมติ เร่อื ง การต่อตา้ นการทุจริตรูปแบบตา่ ง ดังนี้ กลมุ่ ท่ี ๑ เนอื้ หาเกีย่ วกับการต่อตา้ นการทุจรติ ในการจดั ซ้อื จดั จ้าง กล่มุ ที่ ๒ เนอื้ หาเก่ยี วกับการตอ่ ตา้ นการทจุ รติ การเลอื กตั้ง สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร

243 กลมุ่ ท่ี ๓ เนอ้ื หาเก่ยี วกบั การต่อตา้ นการทุจรติ โครงการต่าง เช่น โครงการทาถนนหลวง เปน็ ต้น กลุ่ม ที่ ๔ เน้ือ หาเกยี่ วกับการต่อต้านการทจุ รติ การใช้อานาจหน้าที่ แสวงหาผลประโยชน์ เช่น เจ้าหนา้ ทต่ี ารวจต้ังดา่ นรดี ไถเงินจากประชาชน ๕) ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรุปเกยี่ วกบั ลักษณะการกระทาทแ่ี สดงออกให้เห็นถึงการต่อตา้ นการทุจริต เช่น นกั เรยี นเหน็ เจ้าหนา้ ที่ตารวจจราจรกาลงั รับเงินจากคนขบั รถฝาุ ไฟแดง นักเรียนโทรแจ้ง ๑๙๑ หรือบอก ผ้ปู กครอง ผูใ้ หญ่ เปน็ ต้น ๖) ครูให้นักเรยี นทาใบงาน เรอ่ื ง ผลเสยี ของการทุจรติ และการกระทาทเ่ี ป็นการตอ่ ต้านทุจรติ แล้ว นาไปจดั ปาู ยนเิ ทศ ๔.๒ สอ่ื การเรยี นรู้ ข่าว “กทม. ไล่ออก ๔ ข้าราชการ พัวพันทจุ รติ ไฟประดบั ลานคนเมอื ง” ๕. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๕.๑ วธิ กี ารประเมิน ๑) ตรวจใบงาน เรื่อง ผลเสยี ของการทุจรติ และการกระทาทเ่ี ป็นการต่อตา้ นทจุ ริต ๒) สังเกตการแสดงบทบาทสมมติ ๓) สังเกตพฤติกรรมการซอื่ สัตยส์ จุ รติ ๕.๒ เครือ่ งมือทใ่ี ชใ้ นการประเมนิ ๑) แบบใหค้ ะแนนการตรวจใบงาน เร่อื ง ผลเสยี ของการทุจรติ และการกระทาทเี่ ป็นการตอ่ ตา้ นทจุ ริต ๒) แบบสังเกตพฤตกิ รรมซอื่ สัตยส์ ุจรติ ๕.๓ เกณฑ์การตดั สิน นกั เรียนผ่านเกณฑ์การประเมนิ รอ้ ยละ ๘๐ ข้ึนไป ถอื ว่า ผา่ น ๖. บนั ทกึ หลงั การจัดการเรยี นรู้ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……….................... ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………........ ลงชอ่ื ................................................ ครูผสู้ อน ๗. ความคดิ เห็นผ้บู รหิ าร (...............................................) ........................................................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................................................................................... ลงช่อื .....................................ผบู้ รหิ าร (นายกุศล ชมุ ปัญญา) ผูอ้ านวยการโรงเรยี นบ้านศรวี ิชา “คุรุราษฎรอ์ ุทศิ ”

244 ๗. ภาคผนวก ขา่ ว เรื่อง “ไล่ออก ๔ ข้าราชการ” เมื่อวนั ท่ี ๒๓ พ.ย.นางวรรณวไิ ล พรหมลกั ขโณ รองผู้วา่ ราชการกรงุ เทพมหานคร เป็นประธานการ ประชมุ คณะกรรมการขา้ ราชการกรงุ เทพมหานคร (ก.ก.) ซ่ึงมีการพจิ ารณามตขิ องคณะอนุกรรมการวสิ ามญั เก่ยี วกับวนิ ยั และการออกจากราชการทัง้ น้ี อ.ก.ก.วนิ ัย มีมตเิ ป็นเอกฉนั ทใ์ หไ้ ลอ่ อกข้าราชการ กทม.ทั้ง ๔ ราย ประกอบด้วย ๑.น.ส.ปราณี สตั ยประกอบ อดีตรองปลัด กทม.ตาแหนง่ ผู้อานวยการสานกั วฒั นธรรม กฬี า และ การท่องเทย่ี วในขณะน้นั ๒. นายธวัชชัย จนั ทร์งามรอง ผอ.สานกั วัฒนธรรม กีฬาและการท่องเทีย่ ว ตาแหนง่ ผอ. กองการท่องเท่ยี วในขณะนัน้ ๓. นายมรกต ภมู ิพานิช และ ๔. นายสิทธิโชค อภิบาล นกั พฒั นาการทอ่ งเที่ยว ปฏิบตั ิการ ตาแหน่งในขณะนั้นขณะทท่ี ี่ประชมุ คณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานครไดร้ ับรองมตดิ ังกล่าว และมอบหมายให้กรรมการดาเนนิ การตอ่ สง่ เร่ืองใหฝ้ ุายบรหิ าร ซ่ึงหากฝุายบรหิ ารลงนามในคาสั่ง กจ็ ะมีผล ทันที

245 ใบงาน เรอ่ื ง ผลเสียของการทจุ รติ และการกระทาที่เปน็ การต่อตา้ นการทุจรติ ชอื่ ..............................................................................................................ชั้น..........................เลขท.่ี ................. คาชีแ้ จง ให้นักเรยี นตอบคาถามตอ่ ไปนี้ ๑. จงบอกผลเสียของการทจุ ริตอยา่ งน้อย ๕ ข้อ ______________________________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________________________ ๒. จงบอกวธิ ีการหรือการกระทาท่เี ปน็ การต่อตา้ นการทุจรติ อยา่ งนอ้ ย ๕ ข้อ ______________________________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________________________ ______________________________________________________________________________________________

246 แบบสงั เกตพฤติกรรม เรอื่ ง ซ่ือสตั ยส์ ุจรติ คาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นเขียนบันทึกเครอ่ื งหมาย ลงในชอ่ งที่ตรงกับพฤตกิ รรมทเี่ กดิ ขน้ึ จริง เลขที่ ชื่อ - สกุล พูด ไมล่ กั รายการ รู้จกั สรปุ ผล ความ ขโมย แยกแยะ การประเมนิ จรงิ ตรงไป ทาตัว ประโยชน์ ตรงมา นา่ เชอื่ ถอื สว่ นตน ผ่าน ไมผ่ า่ น กับ ประโยชน์ ส่วนรวม เกณฑ์การประเมนิ ๓ รายการ ถือว่า ผ่าน ๒ รายการ ถอื ว่า ไมผ่ ่าน ผ่านต้ังแต่ ผา่ น ลงช่อื ผู้ประเมนิ ( ) / //


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook