347 แบบสังเกตพฤติกรรม เรื่อง ซอ่ื สัตย์ สจุ รติ ในการทาํ ขอ้ สอบ คําชแ้ี จง การบันทกึ ใหท้ าํ เครื่องหมาย ลงในชอ่ งทีต่ รงกับพฤติกรรมทเ่ี กิดขนึ้ จริง รายการ เลขที่ ชอ่ื - สกุล ไมล่ อก ไมน่ าํ ไม่จด ไม่ยมื ทํา สรุปผล ข้อสอบ เคร่ืองมือ คาํ ตอบ อุปกรณ์ ขอ้ สอบ การประเมนิ ผอู้ น่ื สอื่ สารเขา้ เข้าห้องสอบ เสรจ็ หอ้ งสอบ ภายใน ผ่าน ไมผ่ า่ น ผอู้ ่นื เวลาท่ี กําหนด เกณฑก์ ารประเมนิ ๓ รายการ ถือว่า ผา่ น ๒ รายการ ถือว่า ไมผ่ ่าน ผ่านตง้ั แต่ ผา่ น ลงชื่อ ผู้ประเมิน ( ) ///
348 แผนการจดั การเรยี นรู้ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๖ เวลา ๒ ช่ัวโมง หนว่ ยที่ ๒ ชื่อหน่วย ความละอายและความไม่ทนต่อการทจุ รติ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๔ เร่ือง การแตง่ กาย ๑. ผลการเรียนรู้ ๑.๑ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั ความละอายและความไม่ทนตอ่ การทุจรติ ๑.๒ ปฏบิ ตั ติ นเป็นผู้ละอายและไมท่ นต่อการทุจรติ ทุกรูปแบบ ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นักเรียนสามารถบอกลักษณะของการแต่งกายทเี่ หมาะสมถกู ต้องตามกาลเทศะได้ ๒.๒ นกั เรยี นสามารถบอกลกั ษณะของการแตง่ กายที่ถกู ตอ้ งตามระเบียบของสถานศึกษาได้ ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ การแต่งกายตามกาลเทศะ การแตง่ กายเปน็ มารยาททว่ั ๆ ไปซึ่งทกุ คนตอ้ งปฏิบตั เิ หมือนกนั ตามแต่ โอกาสทเ่ี หมาะสม เชน่ แตง่ กายไปทํางาน, ไปวัด, ทาํ บญุ , ไปเลน่ กฬี า และงานพิธีตา่ ง ๆ หรือการแตง่ กายทอี่ ยู่ในเครื่องแบบของนักเรียน นกั ศกึ ษา ทหาร ตํารวจ บริษทั หา้ งรา้ นท่ีกําหนดใหพ้ นกั งานแตง่ กาย เปน็ ตน้ หากบคุ คลใดสามารถปฏบิ ตั ไิ ด้ ตามกฎระเบยี บทก่ี าํ หนดถือวา่ เป็นผูม้ มี ารยาทในการแต่งกายที่ดี การแตง่ กายตามระเบยี บของสถานศึกษา นักเรียนต้องประพฤตติ นอยูใ่ นระเบยี บวินยั ของโรงเรยี นหรือสถานศกึ ษาที่ตนสังกดั อยู่ รวมทง้ั ตอ้ งไม่ แตง่ กายหรือประพฤตติ นไมเ่ หมาะสมแกส่ ภาพนกั เรียน โดยแต่งกายตามระเบยี บกระทรวงศกึ ษาธิการว่าด้วย เครอ่ื งแบบนกั เรียน พ.ศ. ๒๕๕๑ ๓.๒ สมรรถนะสําคญั ของผเู้ รยี น ๑) ความสามารถในการสอื่ สาร ๒) ความสามารถในการคดิ ๓) ความสามารถในการใช้ทกั ษะชวี ติ ๓.๓ คุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ ๑) ความมวี ินัย ๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๔.๑ ขั้นตอนการเรียนรู้ ชว่ั โมงที่ ๑ ๑) ครแู ละนักเรียนสนทนาเกี่ยวกบั การแตง่ กายของคนในสงั คม เชน่ การแต่งกายไปทาํ งาน การแตง่ กายไปรว่ มกจิ กรรมทางสังคม เป็นต้น ๒) ครใู ห้นกั เรยี นศึกษาใบความรทู้ ี่ ๑ เรื่อง การแตง่ กายทเ่ี หมาะสม ๓) ใหน้ กั เรยี นดรู ูปภาพการแตง่ กายทีเ่ หมาะสมในทส่ี าธารณะและสถานทร่ี าชการแล้วช่วยกันบอก ลักษณะของการแต่งกายทเ่ี หมาะสมถกู ต้องตามกาลเทศะ เชน่ แตง่ กายไปทาํ บุญควรใส่ สขี าวหรอื สอี อ่ น ผหู้ ญิงสว่ นมากจะน่งุ ผ้าไทย เป็นตน้ ๔) ครูใหน้ ักเรยี นดูขา่ ว เร่ือง “จับแทก็ ซ่ีท่แี ต่งกายไมส่ ภุ าพ” เกยี่ วกับการแต่งกายไมเ่ หมาะสม
349 ๕) ครูแบง่ นักเรยี นเป็น ๕ กล่มุ แล้วใหน้ ักเรยี นเขยี นวิพากษว์ จิ ารณพ์ ร้อมทัง้ นําเสนอหนา้ ช้นั เรียน ตามประเด็นต่อไปนี้ - การแต่งกาย - สถานที่ - ความเหมาะสม ๖) ครูถามนักเรยี นว่าถ้านักเรียนเป็นคนขับแท็กซใี่ นข่าว นกั เรียนจะรู้สึกอยา่ งไร และจะทําอยา่ ง คนขับแท็กซ่ีในขา่ วหรอื ไม่ เพราะเหตุใด ๗) ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรปุ เกีย่ วกบั การแต่งกายเหมาะสมในท่สี าธารณะ เช่น การแต่งกายไป สถานทรี่ าชการ ผู้หญิงต้องแต่งกายดว้ ยกระโปรง ไม่สวมรองเท้าแตะ เป็นต้น ชัว่ โมงท่ี ๒ ๑) ครูใหน้ กั เรยี นศกึ ษาใบความรทู้ ่ี ๒ เรือ่ ง การแตง่ การทถ่ี กู ตอ้ งตามระเบียบของโรงเรียน และให้ นกั เรียนท่ีแตง่ กายเรยี บรอ้ ยถกู ต้องตามระเบียบของโรงเรียน (เครอ่ื งแบบนักเรียน/เครอ่ื งแบบ ลูกเสือ-เนตรนารี) ออกมายืนที่หนา้ ชั้นเรียน แล้วแนะนําการแต่งกายทถ่ี ูกต้องว่ามอี ะไรบ้าง ๒) ครูให้นกั เรยี นท่แี ตง่ กายเคร่ืองแบบไมค่ รบออกมายืนท่ีหน้าชัน้ เรยี น แลว้ ใหน้ ักเรยี นคนอืน่ ช่วยกัน บอกวา่ ขาดเครอื่ งหมายอะไรบ้าง ๓) ครชู ้ีแนะให้ นักเรยี นเห็นถงึ ความสาํ คญั ของการแต่งกายท่ีถูกตอ้ งตามระเบยี บของโรงเรยี น วา่ นักเรียนชายแต่งกายอยา่ งไร และนกั เรยี นหญิงแต่งกายอย่างไร ๔) ครูสมั ภาษณ์นักเรยี นท่แี ต่งกายด้วยเครอ่ื งแบบที่ถูกตอ้ งว่ามีความรสู้ กึ อย่างไรและมีผลดอี ย่างไรตอ่ ตนเองและส่วนรวม ๕) ครสู มั ภาษณ์นักเรยี นทแี่ ต่งกายดว้ ยเครื่องแบบที่ไม่ถกู ต้องว่ามคี วามรสู้ ึกอยา่ งไรและมผี ลเสยี อย่างไรตอ่ ตนเองและสว่ นรวม ๖) ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรุปเรือ่ งการแต่งกายที่ถกู ระเบยี บของโรงเรยี น ๔.๒ สอื่ การเรยี นรู้ ๑) ภาพการแต่งกายของบุคคลต่างๆ ๒) ใบความรทู้ ่ี ๑ เร่อื ง การแตง่ กายที่เหมาะสม ๓) ใบความรู้ท่ี ๒ เรอ่ื ง การแตง่ กายทถี่ กู ตอ้ งตามระเบยี บของโรงเรียน ๔) ข่าว “จบั แท็กซีท่ ่ีแตง่ กายไมส่ ภุ าพ” ๕. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๕.๑ วิธกี ารประเมนิ สงั เกตพฤติกรรมความมีวนิ ัย ๕.๒ เครื่องมอื ทใ่ี ชใ้ นการประเมนิ แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ความมวี ินัย ๕.๓ เกณฑ์การตดั สนิ นักเรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมนิ ร้อยละ ๘๐ ขนึ้ ไป
350 ๖. บันทกึ หลงั การจัดการเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชือ่ .......................................ครผู สู้ อน (.........................................) ๗. ความคดิ เหน็ ผู้บรหิ าร ........................................................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื .....................................ผูบ้ รหิ าร (นายกุศล ชมุ ปัญญา) ผู้อานวยการโรงเรียนบ้านศรีวิชา “ครุ รุ าษฎร์อุทศิ ”
351 8. ภาคผนวก รปู ภาพการแต่งกายของบุคคลตา่ ง ๆ
352
353
354 ขา่ ว เรอ่ื ง “จับแทก็ ซี่แต่งกายไมส่ ุภาพ ปรบั สงู สดุ หนึ่งพนั บาท คสช.สง่ั ตาํ รวจกวดขนั รวม ๘ ขอ้ หา
355 ใบความรูท้ ่ี ๑ เรื่อง การแต่งกายทเ่ี หมาะสม การแตง่ กายเป็นมารยาททว่ั ๆ ไปซ่งึ ทกุ คนตอ้ งปฏิบัตเิ หมอื นกนั ตามแตโ่ อกาสทเ่ี หมาะสม เชน่ แตง่ กายไปทาํ งาน, ไปวดั ทําบญุ ,ไปเล่นกีฬา และงานพธิ ีตา่ ง ๆ หรือการแต่งกายที่อยู่ในเคร่ืองแบบของนกั เรียน นกั ศึกษา ทหาร ตาํ รวจ บริษัทหา้ งร้านท่ีกาํ หนดใหพ้ นกั งานแตง่ กาย เปน็ ต้น หากบคุ คลใดสามารถปฏิบตั ิได้ ตามกฎระเบยี บทกี่ าํ หนดถือวา่ เปน็ ผ้มู ีมารยาทในการแตง่ กายท่ีดี การแตง่ กายไปวัด ๑. เสอื้ ผ้า ควรใชส้ ขี าวหรือสอี ่อน ๒. เนือ้ ผ้า ไม่โปรง่ บางเกินไป ไมห่ รูหราแพงเกินไป ๓. เสื้อผ้าไม่รดั รดั รปู แตห่ ลวมพอสมควร สาหรบั ผหู้ ญงิ ไม่ควรนงุ่ กระโปรงสนั้ แต่ควรนงุ่ กระโปรงยาว พอสมควร ๔. ทรงผม ผู้ชาย ตัดใหส้ น้ั ถ้าไวย้ าวกห็ วใี หเ้ รียบ ผหู้ ญงิ อยา่ แต่งผมเกนิ งาม ผูพ้ บเหน็ จะได้ไม่เกดิ ความคิดฟูุงซา่ น ๕. นํา้ มนั ใส่ผม หรือน้ําหอม ควรเป็นชนดิ กล่ินออ่ นทส่ี ุด จะได้ไมร่ บกวนผ้อู นื่ ๖. การแตง่ หน้า เขยี นควิ้ ทาํ ปาก ทาํ เลบ็ ฯลฯ จนเกินงามไมค่ วรกระทาํ ๗. เครอื่ งประดับราคําแพง เช่น แหวนเพชร นาฬิกาเรอื นทอง หรอื สรอ้ ยทองคําเสน้ โตๆ ฯลฯ ควร เวน้ เด็ดขาด การแตง่ กายไปงานแตง่ งาน การแตง่ กายไปงานแตง่ งานเป็นการแสดงถงึ การให้ความยินดกี บั เจา้ ภาพจึงเป็นการแตง่ กายในชดุ ที่ดู สวยงาม และการแตง่ กายไปงานเราควรคํานึงถงึ การใหเ้ กยี รตเิ จา้ ภาพด้วยเชน่ เจ้าภาพอาจจะกาํ หนดการแต่ง กายมาเรากค็ วรปฏิบตั ิตามเพ่ือเปน็ การใหเ้ กยี รตแิ ละเพ่อื แสดงความยนิ ดี เชน่ แตง่ กายในชุดสีขาว สชี มพหู รือ เสื้อผ้าสีออ่ นๆดสู วยงาม เปน็ ตน้ การแตง่ กายไปงานอวมงคล งานอวมงคล คอื การทาํ บุญเล้ยี งพระท่ีเกี่ยวกับเรอ่ื งการตาย นิยมทาํ กนั อยู่ ๒ อยา่ งคือทําบุญ หน้า ศพ เรียกว่าทาํ บญุ ๗ วัน ๕๐ วนั หรอื ๑๐๐ วนั และทาํ บุญอฐั ใิ นวนั คลา้ ยวันตายของผลู้ ว่ งลบั - ถ้าเปน็ งานศพควรเปน็ สีขาวหรอื สีดํา - ถ้าเป็นวนั ทาํ บุญอฐั ควรแตง่ กายเรียบรอ้ ย สเี รียบ ๆ ไมม่ ลี วดลายหรอื ฉดู ฉาด จนเกนิ ควร เหมาะสม กบั งานไม่ใส่เคร่ืองประดับหรหู ราฟุมเฟือยจนเกินพอดี มารยาทการแตง่ กายท่ีพึงประสงค์ เปน็ การแตง่ กายทจี่ ะต้องคํานึงถึงความสภุ าพเรียบร้อย สะอาด ตัง้ แต่ศรี ษะจรดปลายเท้า เม่ือมผี พู้ บเหน็ จะรสู้ ึกทนั ทีวา่ ผูท้ ่แี ตง่ กายดถี กู ตอ้ งตามกาลเทศะ คือ คนที่ควรไดร้ ับ การชมเชย จากสงั คมและผปู้ ฏสิ ัมพนั ธ์ด้วย ในมมุ กลับกนั หากแต่งกายไมส่ ภุ าพเรยี บรอ้ ย กจ็ ะเกดิ คําตาํ หนิ ติ เตียน จากผู้ทพ่ี บเหน็ ทาํ ให้เสื่อมเสยี ทง้ั ตนเอง สถานบนั ครอบครวั และสถานศึกษา
356 ใบความรู้ที่ ๒ เรอื่ ง การแตง่ กายท่ถี ูกต้องตามระเบยี บของโรงเรียน ระเบียบกระทรวงศึกษาธกิ ารว่าดว้ ยเครอื่ งแบบนักเรยี น นกั เรยี นหรอื นักศกึ ษาตอ้ งประพฤตติ นอยู่ในระเบยี บวินยั ของโรงเรยี นหรอื สถานศึกษาทต่ี นสังกัดอยู่ และแต่งกายหรอื แต่งเครอื่ งแบบตามระเบียบข้อบังคับของโรงเรยี น รวมท้ังตอ้ งไม่แต่งกายหรอื ประพฤติตนไม่ เหมาะสมแกส่ ภาพของนักเรยี นหรอื นักศึกษาตามทก่ี าํ หนดในกระทรวง เครื่องแบบนักเรยี นระดบั ประถมศกึ ษา ๑. นกั เรยี นชาย ๒. เสื้อ ผ้าสีขาว แบบคอเชิ้ต หรอื คอปกกลม แขนส้ัน เครอื่ งหมาย ใชช้ ื่ออักษรย่อของสถานศึกษาป๎กที่อกเสอ้ื เบอ้ื งขวา บนเน้อื ผา้ ดว้ ยด้านหรอื ไหม โดยสถานศกึ ษารฐั ใชส้ ีนา้ํ เงิน สถานศึกษาเอกชนใชส้ แี ดง ๓. กางเกง ผา้ สีดํา สนี ํ้าเงิน สกี รมท่า หรอื สแี ดง ขาสั้น ๔. รองเท้า หนังหรอื ผา้ ใบสดี ํา แบบหุม้ ส้นปลายเท้า ชนดิ ผูกหรือมสี ายรัดหลังเท้า ๕. ถงุ เท้าสั้น สีขาว นกั เรียนหญิง ๑. เส้อื ผา้ สขี าว แบบคอเชิ้ต คอบัว หรอื คอปกกลาสผี ูกดว้ ยฟูาผกู คอชายสามเหลย่ี มเง่อื นกลาสี สดี ําหรอื สี กรมท่า แขนส้ัน ๒. เครอื่ งหมาย ชื่ออกั ษรย่อของสถานศกึ ษาปก๎ ท่อี กเส้อื เบอ้ื งขวา บนเนื้อผา้ ดว้ ยดา้ ยหรือไหม โดยสถานศกึ ษา รัฐบาลใช้สีนํ้าเงนิ สถานศกึ ษาเอกชนใช้สีแดง ๓. กระโปรง ผ้าดํา สนี ้ําเงนิ สกี รมทา่ หรือสีแดง แบบจบี รดู รอบตวั หรือยาวเพยี งใตเ้ ขา่ แบบจีบทบรอบเอว หรือ พับเปน็ จีบ ขา้ งละสามจบี ทั้งดา้ นหน้าและดา้ นหลงั เมอ่ื สวมแลว้ ชายกระโปรงคลมุ เข่า ๔. รองเท้า หนงั หรือผ้าใบสดี ํา แบบหุ้มส้นหมุ้ สันเทา้ ชนดิ ผูกหรอื มสี ายรดั หลงั เทา้ ๕. ถงุ เท้าสน้ั สขี าว
357 แบบสงั เกตพฤติกรรม เรอื่ ง ความมีวนิ ยั คําชแ้ี จง การบนั ทกึ ใหท้ าํ เครอื่ งหมาย ลงในชอ่ งท่ีตรงกบั พฤติกรรมทเ่ี กดิ ขน้ึ จริง รายการ เลขท่ี ช่ือ - สกุล แต่งกาย แต่งกาย ปฏบิ ตั ิตาม สรปุ ผล ถูกต้องตาม เหมาะสม ข้อตกลง การประเมนิ ระเบยี บ ตาม ของ ของ กาลเทศะ สถานศึกษา ผ่าน ไมผ่ า่ น โรงเรยี น เกณฑ์การประเมิน ๒ รายการ ถอื วา่ ผ่าน ๑ รายการ ถอื วา่ ไมผ่ ่าน ผ่านต้ังแต่ ผ่าน ลงชอื่ ผ้ปู ระเมนิ ( ) ///
358 แผนการจดั การเรยี นรู้ หน่วยที่ ๒ ชอื่ หน่วย ความละอายและความไม่ทนตอ่ การทจุ รติ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี ๖ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๕ เร่อื ง กจิ กรรมนกั เรยี น เวลา ๒ ช่ัวโมง ๑. ผลการเรยี นรู้ มีความรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั กิจกรรมนกั เรยี น และความไมท่ นและความละอายต่อการทจุ รติ ๒. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ นักเรียนสามารถ ๒.๑ บอกความสําคญั ของกจิ กรรมนกั เรียนได้ ๒.๒ อธบิ ายความหมายของกจิ กรรมนกั เรียนได้ ๒.๓ ปฏบิ ัตติ ามกฎระเบียบไมท่ จุ รติ ต่อกิจกรรมทท่ี าํ ๒.๔ ระบปุ ระโยชนข์ องกิจกรรมนักเรยี นได้ ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ ความสาํ คัญของกิจกรรมนกั เรียนน้นั เปน็ การเสรมิ ใหก้ ารจดั การเรยี นการสอนบรรลุตามจุดม่งุ หมาย ของการศึกษา โดยจะช่วยเสริมในด้านการเรยี นรู้ทางดา้ นทศั นคติ คา่ นยิ ม ความสนใจ ความซาบซ้งึ และเกดิ ทักษะประสบการณ์และสามารถไปอยใู่ นสังคมอยา่ งเป็นสขุ ถา้ ปฏบิ ตั ิตามกฎระเบียบ ๓.๒ ทกั ษะ / กระบวนการ (สมรรถนะทเ่ี กิด) ความสามารถในการคดิ ๓.๓ คณุ ลักษณะทพี่ งึ ประสงค์ / คา่ นิยม - มวี ินยั - มุ่งม่นั ในการทํางาน ๔. กิจกรรมการเรียนรู้ ๔.๑ ขั้นตอนการเรียนรู้ ช่ัวโมงท่ี ๑ ๑) ครสู นทนาและซกั ถามนักเรยี นเกยี่ วกบั กจิ กรรมนักเรยี นวา่ มคี วามสําคญั อย่างไร ๒) ครอู ธบิ ายความสาํ คญั ของกจิ กรรมนักเรียนนั้นเป็นการเสรมิ ให้การจัดการเรยี นการสอนบรรลตุ าม จดุ ม่งุ หมายของการศกึ ษา โดยจะช่วยเสริมในดา้ นการเรียนรู้ทางดา้ นทัศนคติ คา่ นยิ ม ความสนใจ ความ ซาบซงึ้ ความไมท่ นและความละอายต่อการทุจรติ ตอ่ กจิ กรรมนน้ั ๆ ตลอดจนทกั ษะในการเคลื่อนไหวและ การใช้อวยั วะต่างๆ ของรา่ งการ ๓) ครใู หน้ ักเรียนทํา ใบงานที่๑ ชอบหรอื ไมช่ อบ ๔) ครสู รปุ ใบงานท่ีนักเรยี นทําว่าสว่ นใหญ่ชอบหรือไม่ชอบเพราะเหตใุ ด แล้วนําไปจัดปูายนเิ ทศ ๕) ครอู ธบิ ายความหมายของกจิ กรรมนกั เรยี น ป๎จจบุ นั กิจกรรมนกั เรียนอาจจะแบ่งออกเปน็ ๓ ส่วนใหญๆ่ - กิจกรรมการเรยี นการสอน หมายถงึ กจิ กรรมท่ีครผู ู้สอนและผู้ทเี่ ก่ียวข้องจดั ข้ึนเพื่อส่งเสรมิ ให้ ผู้เรียนเกดิ การเรยี นรู้และเข้าใจเนื้อหาของบทเรียนวิชาต่างๆใหด้ ียง่ิ ข้นึ กิจกรรมลกั ษณะนี้อาจจะจดั ขน้ึ ใน ห้องเรียนหรอื นอกห้องเรียนกไ็ ด้ - กจิ กรรมนกั เรียน หมายถึง กจิ กรรมที่จดั ขนึ้ นอกเวลาเรียนปกตหิ รอื นอกเหนอื จากตารางสอนวชิ า ต่างๆ เพอ่ื สนองความสนใจความสามารถและความถนดั ของนกั เรยี นอันเปน็ การสง่ เสริมให้นักเรียนมีโอกาส แสวงหาความรูใ้ หแ้ ตกฉานยิ่งข้นึ
359 - กจิ กรรมอ่ืนๆ เชน่ กจิ กรรมแนะแนว กิจกรรมโฮมรมู ซงึ่ เป็นกจิ กรรมทีม่ ีจดุ มุ่งหมายเฉพาะเก่ยี วกบั การแนะหรือการปกครองนักเรยี นซ่งึ โดยปกตคิ รูจะมบี ทบาทในการดาํ เนินงานเสยี เอง ๖) ครูแบง่ กลุ่มนกั เรียนประมาน ๔-๖ คน แล้วให้นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มทาํ ใบงานที่ ๒ เรอ่ื งปฏบิ ัตติ น อยา่ งไรกจิ กรรมจะสําเรจ็ ๗) ครูให้นกั เรยี นแต่ละกลุ่มนาํ เสนอใบงาน ๘) ครสู รปุ เรื่องท่ีนักเรยี นนาํ เสนอ ดังน้ี - กจิ กรรมนักเรยี นทกุ กจิ กรรมซึง่ มีประโยชน์ กิจกรรมจะสรา้ งให้นกั เรียนอยรู่ ่วมกันในสงั คมอย่างมคี วามสุข ถา้ หากนักเรียนทาํ ตามกฎระเบียบในแต่ละกจิ กรรมตง้ั ไว้ และฝกึ ให้นกั เรยี นมีทักษะต่างๆในแตล่ ะกจิ กรรมที่ ปฏบิ ตั ิ อีกอยา่ งท่ีสาํ คัญถา้ นักเรยี นอย่ใู นสงั คมท่ีกว้างข้ึนถ้านกั เรยี นไม่ทุจรติ แล้วทาํ ตามกฎระเบียบในสงั คม นักเรียนกจ็ ะอยูใ่ นสงั คมอยา่ งมคี วามสุข ๙) ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรุปประโยชนข์ องกจิ กรรมนักเรยี นท่ไี ด้ - การจดั กจิ กรรมนกั เรยี นนบั ว่าเปน็ งานสําคญั อย่างหนึง่ กิจกรรมนกั เรียนเป็นกจิ กรรมท่ีทาง โรงเรยี นจดั ข้ึน เพือ่ เสรมิ ทกั ษะประสบการณ์ของนกั เรียนให้กวา้ งขวางและสมบรู ณ์ ชว่ ยเสริมในด้านการเรยี นรู้ ทางด้านทัศนคติ ค่านยิ ม ความสนใจ ตลอดจนให้ดาํ ลงชวี ิตอย่ใู นสงั คมอยา่ งมคี วามสุข ๔.๒ ส่อื การเรยี นรู้ / แหล่งการเรยี นรู้ ๑) ใบงานที่ ๑ เร่ืองชอบหรอื ไมช่ อบ ๒) ใบงานท่ี ๒ เรอ่ื งปฏบิ ัติตนอย่างไรกิจกรรมจึงจะสาํ เรจ็ ๕. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๕.๑ วิธกี ารประเมิน ๑) ตรวจใบงานท่ี ๑ เรอ่ื งชอบหรอื ไม่ชอบ ๒) ตรวจใบงานท่ี ๒ เรอ่ื งปฏบิ ัตติ นอยา่ งไรกจิ กรรมจึงจะสาเรจ็ ๕.๒ เคร่ืองมอื ทใี่ ช้ในการประเมิน แบบประเมินผลงาน ๕.๓ เกณฑ์การตดั สนิ นกั เรยี นผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดบั ดีขน้ึ ไป ๖. บันทกึ หลังการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ.......................................ครผู สู้ อน (.........................................) ๗. ความคดิ เหน็ ผบู้ รหิ าร ........................................................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................................................................................... ลงชือ่ .....................................ผู้บริหาร (นายกศุ ล ชมุ ปัญญา) ผ้อู านวยการโรงเรยี นบา้ นศรวี ิชา “คุรรุ าษฎร์อุทิศ”
360 8. ภาคผนวก ใบงานที่ ๑ เรื่องชอบหรอื ไม่ชอบ ช่ือ-สกลุ ...........................................................................................ชน้ั .............เลขที่........................ ให้นกั เรยี นอธบิ ายชอบหรือไมช่ อบกิจกรรมท่ีกําหนดใหเ้ พราะเหตุใด ลาํ ดับท่ี กจิ กรรม ชอบหรือไมช่ อบเพราะเหตใุ ด ๑ ๒ กจิ กรรมลกู เสอื ๓ กจิ กรรมทศั นศึกษา ๔ กจิ กรรมสหกรณร์ า้ นคา้ ในโรงเรียน ๕ กจิ กรรมกีฬาสภี ายในโรงเรียน ๖ กจิ กรรมสง่ เสรมิ วัฒนธรรมไทย ๗ กิจกรรมทางศาสนา ๘ กจิ กรรมใช้หอ้ งสมดุ กิจกรรมส่งเสริมวชิ าการตา่ งๆในหลกั สูตร
361 ใบงานท่ี ๒ เร่อื ง ปฏบิ ตั ิตนอยา่ งไรกิจกรรมจงึ จะสําเร็จ ช่อื -สกลุ .............................................................................................ช้ัน.............เลขที.่ ....................... คําสง่ั ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกล่มุ บอกวธิ ีการปฏิบัตอิ ยา่ งไรกจิ กรรมจึงจะสาํ เรจ็ อย่างนอ้ ย ๕ ข้อ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………….…………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….……………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
362 แผนการจดั การเรยี นรู้ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๖ เวลา ๒ ชัว่ โมง หน่วยที่ ๒ ช่อื หน่วย ความละอายและความไม่ทนต่อการทุจรติ แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ ๖ เรอื่ ง การเข้าแถว ๑. ผลการเรียนรู้ มีความรู้ ความเขา้ ใจเกี่ยวกับความละอายและความไม่ทนตอ่ การทุจรติ ๒. จุดประสงค์การเรยี นรู้ นกั เรยี นสามารถ ๒.๒ บอกความหมายคําวา่ มารยาทในสังคมได้ ๒.๓ ปฏิบัตติ นอย่างมมี ารยาทในสงั คม ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ มารยาท หมายถึง กริ ิยาวาจาท่ีถอื ว่าสภุ าพเรียบรอ้ ย ถูกกาลเทศะ มารยาท คือ สงิ่ สาํ คญั ประการหนึ่งท่ที ุกคนควรมีตดิ ตัวไปตลอด เพราะจะทาํ ใหอ้ ยู่รว่ มกบั ผูอ้ น่ื ใน สงั คมอยา่ งมคี วามสุข ๓.๒ ทกั ษะ / กระบวนการ (สมรรถนะทเี่ กิด) - ความสามารถในการคิด ๓.๓ คณุ ลกั ษณะที่พึงประสงค์ / ค่านยิ ม - มวี นิ ัย ๔. กิจกรรมการเรียนรู้ ๔.๑ ข้ันตอนการเรียนรู้ ช่ัวโมงที่ ๑ ๑) ครูให้นักเรียนดวู ีดทิ ัศน์ เรอื่ งการเข้าแถวรบั บริการ เพอื่ ให้นักเรียนรถู้ งึ มารยาทในสังคม ๒) ใหน้ กั เรยี นอ่านความหมายของคําว่า มารยาทในสงั คม ในใบความรู้ แลว้ ครูสรุปความรเู้ พ่อื ให้ นกั เรียนทราบวา่ หากนักเรียนไมม่ มี ารยาทในการทําส่ิงตา่ งๆ เช่นการเข้าแถว นกึ อยากจะทําอะไรกท็ ําไม่มี วนิ ยั ครอบครัว คนรอบขา้ ง และสงั คมก็จะสับสนวุ่นวายได้ ๓) ครูสมุ่ เรยี กนกั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ และสรุปเกยี่ วกบั มารยาทและวินยั ในการเข้าแถวใน บัตร ภาพ ที่กาํ หนดให้ ๔) ครูเนน้ ยา้ํ ใหน้ ักเรยี นตระหนกั ถงึ ความสําคญั และมารยาทและวินัยทีด่ ใี นการเขา้ แถว เชน่ - เข้าแถวหนา้ เสาธง - เขา้ แถวรับประทานอาหาร เป็นตน้ ถ้านกั เรียนปฏิบตั เิ ปน็ ประจําจนเกิดเปน็ นิสยั มีมารยาทก็จะทําให้นกั เรียนอยูใ่ นสงั คมอย่างเป็นสขุ ๕) นกั เรยี นและครูร่วมกันสนทนาเกย่ี วกับการใชส้ ถานทส่ี าธารณะในชวี ติ ประจําวนั ของนกั เรียนวา่ มี สถานท่ใี ดบา้ งที่นกั เรียนจะตอ้ งเขา้ ไปใช้บริการและควรเข้าแถวอยา่ งเปน็ ระเบยี บ เช่น ห้องเรียน หอ้ งสมุด ห้องนํา้ สาธารณะ โรงอาหาร ห้างสรรพสนิ คา้ เปน็ ตน้ ชว่ั โมงท่ี ๒ ๑) ใหน้ ักเรยี นบอกวธิ กี ารปฏิบัตติ นเม่ือเขา้ ไปใชบ้ ริการจากสถานท่ีสาธารณะ เช่น มสี ถานที่ไหนบา้ ง เพราะอะไร จงอธิบาย สถานที่ เชน่ โรงอาหาร ห้างสรรพสนิ คา้ หอ้ งเรยี น ห้องน้าํ เปน็ ต้น - เขา้ แถวอย่างเปน็ ระเบยี บ
363 - ไม่ส่งเสียงดังรบกวนผอู้ ืน่ - ไม่ขดี เขียนผนงั โต๊ะ เกา้ อ้ี - รกั ษาความสะอาดของสถานท่ี ๒) ครอู ธิบายให้นกั เรียนทราบวา่ การใชส้ ถานทสี่ าธารณะจะต้องคํานงึ ถงึ มารยาทและวนิ ัยที่ดที ี่ควร ปฏบิ ัติอยูก่ บั คนหม่มู ากตอ้ งรูจ้ กั มารยาท เช่น ตอ้ งเข้าแถวเวลาซอื้ ของจะได้มคี วามเป็นระเบยี บเรียบรอ้ ย เขา้ ห้องนาํ้ สาธารณะกค็ วรเข้าคิว เปน็ ต้น ๓) ครูใหน้ ักเรยี นเสนอแนะวิธีการเข้าแถวเพ่ิมเติม เพ่ือใหน้ กั เรียนตระหนกั ถงึ การปฏิบัตทิ ่ี ถูกตอ้ ง และอยู่ในสงั คมอย่างมคี วามสขุ ๔) ครูให้นกั เรียนทาํ ใบงานเรอื่ งรู้สกึ อยา่ งไร ๕) ครสู รุปความรแู้ ละข้อควรปฏิบตั ิท่ีแสดงถึงมารยาทที่ดีในการเขา้ แถว แล้วเนน้ ย้าํ ให้นกั เรยี นปฏิบตั ิ จนเปน็ นสิ ยั เพ่ือให้อย่ใู นสังคมอย่างมีความสขุ ๔.๒ สอ่ื การเรยี นรู้ / แหลง่ การเรียนรู้ ๑. วดี ทิ ศั น์ เรอ่ื งการเขา้ แถวรบั บริการ สืบคน้ จาก https://www.youtube.com/watch?v=CQm๐h๙-b๙p๔ ๒. ใบความร้เู รอื่ งมารยาท ๓. บตั รภาพ ๔. ใบงานเร่อื ง รู้สกึ อย่างไร ๕. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๕.๑ วิธกี ารประเมนิ - ตรวจผลงาน ๕.๒ เคร่ืองมอื ท่ใี ชใ้ นการประเมิน - แบบประเมนิ ผลงาน ๕.๓ เกณฑ์การตดั สิน นักเรียนผ่านเกณฑ์การประเมนิ ร้อยละ ๘๐ ๖. บนั ทึกหลงั การจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชื่อ.......................................ครผู ูส้ อน (.........................................) ๗. ความคดิ เห็นผ้บู รหิ าร ........................................................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื .....................................ผูบ้ รหิ าร (นายกศุ ล ชมุ ปัญญา) ผอู้ านวยการโรงเรียนบา้ นศรีวิชา “คุรุราษฎร์อทุ ศิ ”
364 8. ภาคผนวก ใบความรู้ เรอื่ ง มารยาท บคุ ลิกภาพของบุคคลนอกจากจะแสดงออกทางการแต่งกายแล้ว ยงั สามารถเหน็ ไดโ้ ดย ท่วงทีกรยิ ามารยาทอกี ด้วย บุคคลทีม่ ีกรยิ ามารยาทดีจะมีโอกาสไดร้ ับความนิยมชมชอบและ ชนื่ ชมจากบคุ คลรอบข้าง คําวา่ มารยาทหมายถงึ กรยิ าวาจาท่เี รียบร้อยเทยี บกับคําภาษาอังกฤษไดว้ ่า Etiquette ซงึ่ หมายรวมถงึ การแสดงออกทางกาย วาจาและใจ ถา้ ไปในทางทส่ี ุภาพเรยี บร้อย กถ็ ือว่ามีมารยาทดี การมีมารยาทดีเปรยี บเสมือนมีอาภรณ์ประดบั กายที่งดงาม เป็นท่ชี ืน่ ชน และยอมรับของบคุ คลรอบขา้ ง ผูท้ ี่มมี ารยาทดีมกั ประสบความสําเร็จในชีวิตและหนา้ ทกี่ ารงาน เนือ่ งจากไดร้ ับการยอมรบั และเช่ือถือทางสังคม การมีมารยาทดีจึงเปรยี บเสมือนในเบิกทาง ไปสคู่ วามสาํ เรจ็ บุคคลท่วั ไปจงึ ควรเรยี นรูค้ วามมมี ารยาท เพื่อให้สามารถดาํ รงชวี ติ ในสงั คม ได้อยา่ งมีความสุข
365 ใบงานเร่อื ง ชือ่ -สกุล...................................................................................ช้นั ..............เลขที.่ ............................... คําสงั่ ให้นกั เรียนเขียนความรู้สกึ ของตนเองระหวา่ งภาพท่ี๑ และ ภาพที่๒ อยา่ งละเอียด ภาพที่ ๑ ภาพท่ี ๒ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………
366 บตั รภาพ ๑๒ ๓๔ ๕
367 หน่วยท่ี ๓ STRONG / จิตพอเพยี งต่อต้านการทจุ รติ
368 แผนการจดั การเรยี นรู้ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี ๖ เวลา ๑ ชว่ั โมง หน่วยท่ี ๓ ช่อื หน่วย STRONG / จติ พอเพียงตอ่ ตา้ นการทจุ รติ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี ๑ เรือ่ ง การสร้างจิตสานึกความพอเพียงตอ่ ตา้ นการทุจรติ ๑. ผลการเรียนรู้ ๑.๑ มคี วามรู้ ความเข้าใจเกยี่ วกับ STRONG / จิตพอเพยี งตอ่ ตา้ นการทจุ รติ ๑.๒ ปฏบิ ตั ติ นเป็นผูท้ ่ี STRONG / จิตพอเพยี งตอ่ ตา้ นการทจุ รติ ๒. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ นักเรียนสามารถแสดงบทบาทสมมตุ ิการสรา้ งจิตสานกึ ความพอเพยี งต่อตา้ นการทุจรติ ได้ ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ หลักการสรา้ งจิตสานึกความพอเพียงตอ่ ต้านการทจุ รติ ๑) ยดึ ความประหยดั ตัดทอนคา่ ใช้จ่ายในทกุ ด้าน ลด ละ ความฟุมเฟือยในการใชช้ ีวติ ๒) ยดึ ถือการประกอบอาํ ชีพด้วยความถกู ต้อง ซอ่ื สตั ยส์ จุ ริต ๓) ละ เลิก การแก่งแย่งผลประโยชน์และการแขง่ ขันในทางการคา้ แบบต่อสู้กนั อย่างรนุ แรง ๔) ไม่หยดุ นิ่งที่จะหาทางใหช้ วี ติ หลดุ พน้ จากความทุกข์ยากด้วยการขวนขวายใฝหุ าความรู้ใหเ้ พิ่มพนู ขึน้ ๕) ปฏบิ ัตติ นในแนวทางที่ดี ลด ละ สิ่งช่ัว ประพฤตติ นตามหลกั ศาสนา ๓.๒ ทกั ษะ / กระบวนการ ( สมรรถนะทเ่ี กดิ ) ๑) นักเรียนมีทักษะการส่ือสาร ๒) นกั เรียนมที ักษะการคิด ๓) นักเรียนมีทกั ษะการแกป้ ญ๎ หา ๔) นักเรียนมคี วามสามารถในการใช้ทักษะชีวิต ๕) นกั เรียนมีทกั ษะกระบวนการในการใช้เทคโนโลยี ๓.๓ คุณลักษณะที่พงึ ประสงค์ / ค่านยิ ม ๑) มีวนิ ัย ๒) อย่อู ย่างพอเพียง ๔. กิจกรรมการเรียนรู้ ๔.๑ ขน้ั ตอนการเรียนรู้ ๑) นักเรียนดวู ีดทิ ศั นเ์ รอื่ ง เศรษฐกิจพอเพยี ง โดยนกั เรยี นชน้ั ป.๔ / ๑ โรงเรียนวัฒนา วทิ ยาลยั แลว้ ร่วมกันอภิปราย ๒) แจกแถบกระดาษให้นกั เรยี นคนละ ๑ แผ่น เขยี นความรทู้ ไี่ ดจ้ ากการชมวดี ทิ ศั นค์ นละ ๑ – ๓ ข้อ สมุ่ ใหน้ กั เรียนอ่านให้เพือ่ นฟ๎ง ทุกคนนาํ แถบกระดาษไปตดิ หนา้ กระดานดํา เพือ่ แลกเปลยี่ นเรยี นรู้
369 ๓) ให้นักเรียนแบง่ กลมุ่ เป็น ๓ กลุ่ม มอบหมายให้แสดงบทบาทสมมุตเิ รอ่ื ง การสร้างจิตสํานึกความ พอเพยี งต่อตา้ นการทจุ รติ ใช้เวลาแสดงกลมุ่ ละประมาณ ๑๐ นาํ ทโี ดยดําเนินการดังน้ี ๓.๑ เลือกประธาน รองประธาน เลขานุการ ๓.๒ ปรึกษาหารือ วางแผน เขยี นบท ๓.๓ เตรยี ม จัดหา วสั ดุ อปุ กรณ์ ๓.๔ ฝกึ ซ้อม ๔) แต่ละกล่มุ แสดงบทบาทสมมตุ ิตามลาํ ดบั และเวลาทกี่ าํ หนด ๕) นักเรียนและครรู ว่ มกันสรปุ ดงั นี้ “คนเราตอ้ งมีความพอเพยี ง เมื่อพอเพยี งก็จะไมเ่ กิดความโลภ เม่อื ไมม่ คี วามโลภ ก็จะไมม่ ีการทจุ ริตเกิดขนึ้ ” ๔.๒ ส่อื การเรียนรู้ / แหล่งการเรยี นรู้ ๑) วีดิทัศน์เรอ่ื งเศรษฐกจิ พอเพยี งโดยนักเรยี นชน้ั ป. ๔/๑ โรงเรยี นวัฒนาวทิ ยาลยั ๒) แถบกระดาษเปลา่ ๓) สถานทีแ่ สดงพรอ้ มอปุ กรณ์การแสดง ๕. การประเมินผลการเรียนรู้ ๕.๑ วธิ กี ารประเมิน ประเมินการแสดงบทบาทสมมตุ ิ ๕.๒ เครอื่ งมอื ท่ีใชใ้ นการประเมิน แบบประเมินการแสดงบทบาทสมมตุ ิ ๕.๓ เกณฑ์การตดั สนิ ผลการประเมินระดบั ดขี ึน้ ไปถอื วา่ ผา่ น ๖. บันทกึ หลังการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงช่อื .......................................ครผู ูส้ อน (.........................................) ๗. ความคดิ เหน็ ผู้บริหาร ........................................................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ.....................................ผ้บู ริหาร (นายกุศล ชุมปัญญา) ผู้อานวยการโรงเรยี นบา้ นศรีวิชา “ครุ รุ าษฎร์อทุ ิศ”
370 8. ภาคผนวก แบบประเมนิ การแสดงบทบาทสมมตุ ิ กล่มุ ท่ี ............... เรือง....................................................................................... ชัน้ ......... คําชแี้ จง ใหน้ ักเรยี นประเมนิ โดยกาเครือ่ งหมาย / ลงในช่องระดบั คะแนนใหต้ รงกับความเปน็ จรงิ มากที่สดุ รายการประเมิน ระดับคะแนน หมายเหตุ ๓๒ ๑ ๑. ความเหมาะสมของเนื้อเรอ่ื ง ๒. ความถูกตอ้ งข้อมูล / ความรู้ ๓. ความคดิ ริเร่มิ สรา้ งสรรค์ / อปุ กรณ์การนําเสนอ ๔. ความเหมาะสมของบทบาทผ้แู สดง ๕. ความพร้อมของกลมุ่ ๖. การสร้างจิตสานึกความพอเพยี ง รวมคะแนน สรปุ ระดบั คณุ ภาพ......................................... ไมผ่ า่ น ผ่าน (ลงชอ่ื ) ผู้ประเมิน (......................................................)
371 เกณฑ์การประเมิน เกณฑ์การให้คะแนน / ระดบั คุณภาพ ๓ ประเด็นการประเมิน ๑ ๑. ความถกู ตอ้ งข้อมูล / ความรู้ เน้อื หาสาระถกู ต้อง ๒ เนอื้ หาสาระถกู ต้อง ๒.ความถกู ตอ้ งของเน้ือเร่อื ง ครบถ้วน เปน็ สว่ นน้อย เนอื้ เร่อื งมีความ เน้ือหาสาระถูก้อง เน้ือเรอ่ื งมคี วาม ๓. ความคดิ ริเร่ิมสร้างสรรค์ / อุปกรณ์การ เหมาะสม ตรงตาม เปน็ ส่วนมาก เหมาะสมนอ้ ยมาก นําเสนอ จุดประสงค์มากทสี่ ุด เน้อื เรอื่ งมคี วาม เหมาะสมปานกลาง ๔.ความเหมาะสมของบทบาทผแู้ สดง มกี ารนําอุปกรณม์ า มีการนําอปุ กรณม์ า มกี ารนําอปุ กรณม์ า ๕.ความพรอ้ มของกล่มุ ประกอบการนําเสนอ ประกอบการนาํ เสนอ ประกอบการนาํ เสนอ ๖. การสร้างจิตสานกึ ความพอเพียง ดีมาก ปานกลาง คอ่ นข้างนอ้ ย แสดงสมบทบาท กล้า แสดงสมบทบาท แสดงสมบทบาท แสดงออกมีความ กลา้ แสดงออก มี กลา้ แสดงออก มี เช่อื ม่ันดีมาก ความเชือ่ มัน่ ปาน กลาง ความเชอ่ื มัน่ ค่อนข้าง น้อย มคี วามพรอ้ มมากที่สุด มีความพร้อมปาน มคี วามพรอ้ ม กลาง คอ่ นขา้ งนอ้ ย กระตนุ้ สร้างจติ สานกึ กระตนุ้ สรา้ งจติ สานึก กระตุ้นสรา้ งจิตสานึก ความพอเพยี งไดม้ าก ความพอเพยี งได้ปาน ความพอเพยี งได้ ท่สี ุด กลาง คอ่ นขา้ งนอ้ ย ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ๑๕ – ๑๘ ดเี ยย่ี ม ๑๐ – ๑๔ ดี ๖–๙ พอใช้ ๑–๕ ปรบั ปรุง
แผนการจดั การเรยี นรู้ 372 หน่วยที่ ๓ ชอ่ื หน่วย STRONG / จติ พอเพียงต่อตา้ นการทจุ ริต ชั้นประถมศึกษาปที ่ี ๖ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี ๒ เรอ่ื ง ความโปรง่ ใส เวลา ๑ ชว่ั โมง ๑. ผลการเรียนรู้ ๑.๑ มคี วามรู้ ความเข้าใจเกีย่ วกับ STRONG / จิตพอเพยี งตอ่ ต้านการทุจริต ๑.๒ ปฏิบัตติ นเปน็ ผทู้ ่ี STRONG / จิตพอเพียงตอ่ ตา้ นการทุจริต ๒. จุดประสงค์การเรยี นรู้ นกั เรยี นสามารถ ๒.๑ นกั เรยี นมีความรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั STRONG / จติ พอเพยี งตอ่ ตา้ นการทจุ รติ ๒.๒ นกั เรียนปฏบิ ตั ติ นเปน็ ผ้ทู ่ี STRONG / จิตพอเพยี งตอ่ ต้านการทจุ ริตได้ ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ ความโปร่งใส คือ การกระทาํ การใดๆทส่ี ามารถมองเหน็ ได้ คาดเดาได้ และเข้าใจได้ การมี ระบบงาน และข้ันตอนการทาํ งานท่ชี ัดเจน ถูกตอ้ ง อยา่ งตรงไป ตรงมา ๓.๒ ทักษะ / กระบวนการ ( สมรรถนะทเี่ กดิ ) ๑) ความสามารถในการสอ่ื สาร ๒) ความสามารถในการคดิ ๓) ความสามารถในการคดิ วิเคราะห์ ๓.๓ คณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ / ค่านยิ ม ๑) ซื่อสตั ยส์ ุจรติ ๔. กิจกรรมการเรยี นรู้ ๔.๑ ข้ันตอนการเรียนรู้ ๑) ครูนําภาพการประกอบอาชีพตา่ ง ๆ มาใหน้ ักเรยี นดู และรว่ มกนั อภิปรายถึงลกั ษณะ การประกอบ อาชพี ต่าง ๆ เหลา่ นน้ั เชน่ อาชพี คา้ ขาย มีการค้าขายอะไรบ้างท่ีสจุ รติ ไมผ่ ดิ กฎหมาย ๒) ครูอธิบายเพ่ิมเตมิ ให้นักเรียนทราบถึงพื้นฐานของความซ่อื สัตย์ ความโปรง่ ใสในการประกอบ อาชีพว่า มาจากการทาํ การกระทาํ การใดๆทส่ี ามารถมองเห็นได้ คาดเดาได้ และเข้าใจได้ การมรี ะบบงาน และ ข้ันตอนการทํางานทชี่ ัดเจน ถกู ตอ้ ง อยา่ งตรงไป ตรงมา นัน้ ก็คือหลกั ของความโปร่งใส ซง่ึ จะสง่ เสริมให้การ ประกอบอาชพี นนั้ เกิดความมั่นคง และไดร้ บั ความเชือ่ ถือ ศรทั ธา และความไวว้ างใจจากบุคคลอน่ื ๓) นกั เรยี นและครรู ว่ มกันอภปิ รายถงึ ความหมายของคําวา่ “ โปร่งใส ” ๔) ครยู กตัวอย่างให้นักเรยี นเห็นถงึ การปฏบิ ตั ิหน้าท่ี ทไี่ ดร้ บั มอบหมาย ดว้ ยความโปรง่ ใส และไม่ โปร่งใส ดงั นี้
373 ตัวอยา่ ง “ความโปรง่ ใส” ๕) ครแู ละนักเรยี นร่วมกันอภปิ รายแนวปฏิบตั ิท่บี ่งชีถ้ ึงการกระทําทโ่ี ปร่งใส และไมโ่ ปรง่ ใส ๖) นักเรียนแบ่งออกเปน็ กลุ่ม ๔ กล่มุ ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ออกมาจบั สลากภาพเลือกอาชพี ๗) ครูแจกใบงานให้แตล่ ะกลมุ่ นักเรียนแตล่ ะกลุม่ รว่ มกนั วิเคราะห์ถงึ แนวทางความโปรง่ ใส ในการ ประกอบอาชพี และแนวทางพฤตกิ รรมการประกอบอาชพี ทไี่ มโ่ ปร่งใส ลงในใบงาน ๘) แตล่ ะกลมุ่ นาํ เสนอใบงานหน้าช้ันเรียนและรว่ มกันสรุปถึงประโยชนท์ ี่จะได้รับจากการปฏิบัตติ น ดว้ ยความโปร่งใสในอาชีพตา่ ง ๆ ๔.๒ สือ่ การเรยี นรู้ / แหล่งการเรยี นรู้ ๑) ภาพอาชีพต่าง ๆ เช่น ค้าขาย ครู ตํารวจ ทหาร
374 ๒) แผนภมู ิตวั อยา่ งความโปรง่ ใส ๓) ใบงาน เร่อื งความโปร่งใสและไมโ่ ปร่งใส ๕. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๕.๑ วิธกี ารประเมนิ ๑) สงั เกตพฤติกรรมของนกั เรยี น ๒) ตรวจผลงานจากใบงาน ๕.๒ เคร่ืองมือท่ีใช้ในการประเมิน ๑) แบบสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียน ๒) แบบประเมนิ ผลงาน ๕.๓ เกณฑ์การตัดสนิ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ ระดบั ดีขึน้ ไป ๖. บนั ทกึ หลังการจัดการเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงช่อื .......................................ครผู สู้ อน (.........................................) ๗. ความคดิ เหน็ ผูบ้ รหิ าร ........................................................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.....................................ผ้บู ริหาร (นายกุศล ชมุ ปัญญา) ผอู้ านวยการโรงเรียนบ้านศรวี ิชา “คุรุราษฎรอ์ ุทิศ”
375 8. ภาคผนวก ภาพการประกอบ อาชีพ
376
377 แผนภมู ติ ัวอย่างความโปร่งใส
378 ใบงาน ท่ี ๑ เรอ่ื งความโปรง่ ใสและไมโ่ ปร่งใส กลุ่มที่ .......................................................................................................ชั้น................. คําชี้แจง ให้นักเรยี นวธิ ีแนวปฏิบัตทิ ี่บง่ บอกถงึ ความโปร่งใสในอาชพี และความไม่โปรง่ ใสในอาชพี ท่ี นกั เรียน ได้รับมอบหมาย อาชีพ........................................... แนวปฏบิ ัติในอาชพี ทโี่ ปร่งใส แนวปฏบิ ัตใิ นอาชีพทีไ่ ม่โปร่งใส
379 แบบประเมนิ ผลงาน ท่ี พฤตกิ รรม ตรงจดุ ประสงคท์ ่ี ผลงานมคี วาม การนาํ เสนอ เสรจ็ ทนั เวลาท่ี รวม ชือ่ กําหนด ถกู ต้องสมบรู ณ์ ผลงาน กําหนด ๑๖ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔๓ ๒๑ ๔ ๓๒ ๑ ๔๓ ๒ ๑ เกณฑ์การวดั ผล ใหค้ ะแนนระดบั คณุ ภาพของแตล่ ะกล่มุ ดังน้ี ดีเย่ยี ม เท่ากบั ๔ คะแนนคดิ เปน็ รอ้ ยละ ๙๐ – ๑๐๐ ดี เทา่ กับ ๓ คะแนนคดิ เป็นรอ้ ยละ ๗๐ – ๘๙ ปานกลาง เท่ากบั ๒ คะแนนคดิ เป็นร้อยละ ๕๐ – ๖๙ ปรับปรงุ เท่ากับ ๑ คะแนนคดิ เปน็ ร้อยละ ๕๐ ( ลงชอื่ )..........................................................ผู้ประเมิน (.....................................................) .............../................./....................
380 แบบสงั เกตพฤติกรรมการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ท่ี พฤติกรรม ความสนใจ การแสดงความ การตอบคําถาม การยอมรับฟ๎ง การทาํ งานท่ี หมาย ชือ่ คิดเห็น ความคดิ เห็น ได้รับมอบหมาย เหตุ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ เกณฑ์การวดั ผล ใหค้ ะแนนระดับคุณภาพของแตล่ ะกลมุ่ ดงั นี้ ดีเย่ียม เทา่ กบั ๔ คะแนนคดิ เปน็ รอ้ ยละ ๙๐ – ๑๐๐ ดี เท่ากบั ๓ คะแนนคดิ เป็นร้อยละ ๗๐ – ๘๙ ปานกลาง เทา่ กับ ๒ คะแนนคดิ เป็นรอ้ ยละ ๕๐ – ๖๙ ปรับปรุง เท่ากับ ๑ คะแนนคดิ เปน็ รอ้ ยละ ๕๐ ( ลงชอ่ื )..........................................................ผู้ประเมนิ (.....................................................) .............../................./....................
แผนการจดั การเรยี นรู้ 381 หนว่ ยที่ ๓ ชอ่ื หน่วย STRONG / จติ พอเพยี งตอ่ ต้านการทุจรติ ช้ันประถมศึกษาปที ่ี ๖ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๓ เรือ่ ง ความต่นื รู้ / ความรู้ เวลา ๑ ชั่วโมง ๑. ผลการเรียนรู้ ๑.๑ มีความรู้ ความเข้าใจเกีย่ วกับ STRONG / จิตพอเพยี งต่อตา้ นการทุจรติ ๑.๒ ปฏิบตั ติ นเปน็ ผทู้ ี่ STRONG / จติ พอเพียงตอ่ ต้านการทุจริต ๑.๓ ตระหนักและเหน็ ความสาํ คญั ของการต่อต้านและปูองกันการทุจริต ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นกั เรยี นสามารถบอกความหมายของการทุจรติ ได้ ๒.๒ นักเรียนสามารถบอกลกั ษณะของบุคคลทม่ี ีความตืน่ รใู้ นเร่อื งการทจุ ริตได้ ๒.๓ ตระหนักและเหน็ ความสาํ คัญของการต่อต้านและปูองกนั การทุจริต ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ ความตน่ื รู้ ความตน่ื รู้ หมายถงึ การจัดการความเป็นไปได้ใหมข่ องชีวติ โดยทมี่ สี ติอยูก่ บั ส่งิ ท่ีเกดิ ขนึ้ รู้ ความจรงิ ของชีวติ ทีเ่ ปน็ ส่ิงไม่แน่นอน เทา่ ทันเหตุการณ์ ๓.๒ สมรรถนะสาํ คญั ของผ้เู รยี น ๑) ความสามารถในการสอ่ื สาร ๒) ความสามารถในการคดิ ๓) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชวี ติ ๓.๓ คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ ๑) ซอื่ สตั ยส์ ุจรติ ๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๔.๑ ขัน้ ตอนการเรยี นรู้ ๑) ใหน้ ักเรียนชมวดี ทิ ัศนเ์ รื่อง “คอร์รปั ชัน คืออะไร” เป็นเรือ่ งเกย่ี วกบั ความหมายของการทุจริตทกุ รปู แบบ เชน่ การรบั สนิ บน การอปุ ถัมภพ์ วกพ้องเพ่อื ใหเ้ ขา้ ทาํ งาน เป็นต้น ๒) ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรุปเรอ่ื งทช่ี มวา่ การทุจรติ มหี ลายรปู แบบ เชน่ การคดโกงการจดั ซือ้ จดั จา้ ง การทุจรติ ตอ่ หนา้ ที่ เปน็ ตน้ ๓) ครเู ล่าข่าวเรือ่ ง “ซอ้ นแผนจบั ผอ.กองช่าง เรียกรับเงินผรู้ บั เหมา” แลว้ ซักถามนกั เรยี นวา่ ใครรขู้ ่าว เรอ่ื งน้ีบ้าง และใครไมร่ ขู้ า่ วเรื่องนบ้ี า้ ง ๔) ครสู รปุ นักเรยี นท่รี ู้ขา่ วเรื่องน้ี แสดงว่านักเรยี นเปน็ ผตู้ นื่ รู้ ๕) ครอู ธบิ ายความหมายของคําว่าตน่ื รู้ ๖) ครใู หน้ ักเรยี นช่วยกนั บอกลกั ษณะของบุคคลทีต่ น่ื รู้ ในเรอื่ งการทจุ รติ เช่น กลมุ่ ชาวบ้านประทว้ งเรือ่ ง การทจุ รติ การรบั จานําข้าวของรฐั บาล แสดงว่ากลุ่มชาวบ้านกลมุ่ นเ้ี ปน็ ผตู้ นื่ รู้ในเรอ่ื งการทจุ ริต ๗) ครใู ห้ นักเรยี นรวบรวมขา่ วทีเ่ กยี่ วกบั การทจุ รติ รปู แบบตา่ ง ๆ พรอ้ มวิเคราะห์ แสดงความคิดเหน็ เก่ียวกับข่าวการทจุ ริตต่างๆ ๘) ครใู ห้นักเรยี นนําเสนอข่าวหนา้ ชัน้ เรยี นแล้วนําไปจดั ปูายนิเทศภายในบริเวณโรงเรยี น
382 ๔.๒ ส่อื การเรียนรู้ / แหล่งเรยี นรู้ ๑) วดี ที ศั น์ เร่อื ง “คอร์รปั ชัน คืออะไร”เงินผู้รบั เงินผรู้ บั เหมา ๒) ขา่ วจากหนังสอื พมิ พ์ เรอื่ งซอ้ นแผนจับ ผอ.กองช่างรับ ๓) หอ้ งสมุด ๔) อนิ เทอร์เน็ต ๕. การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ๕.๑ วิธกี ารประเมนิ ๑) ตรวจผลงานการวเิ คราะหข์ ่าว ๕.๒ เคร่อื งมือทีใ่ ช้ในการประเมิน ๑) แบบให้คะแนนการตรวจผลงานการวเิ คราะหข์ ่าว ๒) แบบสงั เกตพฤตกิ รรม เร่ือง ซอ่ื สตั ย์ สจุ ริต ๕.๓ เกณฑ์การตดั สิน นักเรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมินรอ้ ยละ ๘๐ ขึน้ ไป ๖. บันทึกหลงั การจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงช่ือ.......................................ครผู สู้ อน (.........................................) ๗. ความคดิ เหน็ ผู้บรหิ าร ........................................................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................................................................................... ลงชื่อ.....................................ผบู้ รหิ าร (นายกุศล ชุมปัญญา) ผอู้ านวยการโรงเรยี นบ้านศรีวิชา “คุรรุ าษฎรอ์ ทุ ิศ”
383 8. ภาคผนวก แบบประเมินการเขยี นวเิ คราะหข์ า่ ว เลขท่ี ชอ่ื - สกลุ รายการ เขยี นได้ตรง เขียนแยกแยะ เขียนมีเหตุผล การใชภ้ าษาได้ การลําดับ สรุปผล ประเด็น ประเด็นได้ ประกอบอยา่ ง เหมาะสม ความคิด การประเมนิ ชัดเจน เหมาะสม เหตุการณ์อยา่ ง ต่อเน่อื ง ผา่ น ไม่ผ่าน ๑๒๑ ๒ ๑ ๒ ๑ ๒ ๑๒ เกณฑ์การประเมนิ นักเรยี นผ่านเกณฑ์การประเมินรอ้ ยละ ๘๐ ขน้ึ ไป ลงชอื่ ผู้ประเมนิ ( ) ///
384 แบบสงั เกตพฤตกิ รรม เรอ่ื ง ซอ่ื สัตย์ สจุ รติ คําชีแ้ จง การบันทกึ ใหท้ ําเคร่ืองหมาย ลงในช่องท่ตี รงกับพฤตกิ รรมที่เกดิ ข้นึ จริง รายการ รู้จัก แยกแยะ สรปุ ผล การประเมนิ เลขที่ ชือ่ - สกลุ พดู ตรงไป ทาํ ตัว ประโยชน์ ความ น่าเชือ่ ถอื ส่วนตน ผ่าน ไมผ่ า่ น จรงิ ไมล่ กั ตรงมา กับ ขโมย ประโยชน์ สว่ นรวม เกณฑ์การประเมนิ ๓ รายการ ถอื วา่ ผ่าน ผ่านตง้ั แต่ ๒ รายการ ถอื วา่ ไมผ่ า่ น ผ่าน ลงช่ือ ผ้ปู ระเมนิ ( ) ///
แผนการจดั การเรียนรู้ 385 หน่วยท่ี ๓ ชอื่ หนว่ ย STRONG / จติ พอเพยี งต่อต้านการทุจรติ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี ๖ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๔ เรอ่ื ง ตอ่ ตา้ นทจุ รติ เวลา ๑ ช่วั โมง ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มคี วามรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกบั STRONG / จิตพอเพยี งต่อตา้ นการทจุ ริต ๑.๒ ปฏิบตั ติ นเป็นผ้ทู ี่ STRONG / จติ พอเพยี งตอ่ ต้านการทุจรติ ๑.๓ ตระหนกั และเห็นความสาํ คญั ของการต่อตา้ นและปอู งกันการทุจริต ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นกั เรียนสามารถบอกผลเสยี ของการทจุ รติ ได้ ๒.๒ นักเรียนสามารถบอกการกระทําทีเ่ ปน็ การต่อตา้ นการทุจรติ ได้ ๒.๓ นกั เรยี นตระหนักและเห็นความสําคญั ของการต่อตา้ นและปอู งกันการทุจรติ ได้ ๓. สาระการเรยี นรู้ ๓.๑ ความรู้ ความหมายของการต่อตา้ นการทุจริต การตอ่ ต้านการทุจริต หมายถึง การไม่สนับสนุนกจิ การของกลมุ่ หรอื บคุ คลท่ีกระทาํ การโดยมชิ อบใน การแสวงหาผลประโยชน์ ๓.๒ สมรรถนะสาํ คญั ของผู้เรยี น ๑) ความสามารถในการสอ่ื สาร ๒) ความสามารถในการคดิ ๓.๓ คุณลกั ษณะทพ่ี ึงประสงค์ ๑) ซอ่ื สัตยส์ จุ รติ ๔. กิจกรรมการเรยี นรู้ ๔.๑ ข้นั ตอนการเรยี นรู้ ๑) ครเู ลา่ ขา่ วเกี่ยวกบั ปญ๎ หาการทุจริต เรื่อง “ทจุ ริตจานําข้าว” แลว้ ถามนกั เรยี น ดงั น้ี - ผลเสยี ของการทจุ ริตมอี ะไรบา้ ง - ถา้ นกั เรยี นเป็นข้าราชการ ๔ คนนี้ นกั เรียนจะทุจรติ หรอื ไม่ เพราะเหตใุ ด ๒) ครใู ห้นักเรยี นศกึ ษาใบความรู้ เร่ือง “รปู แบบการทจุ รติ ” แล้วทาํ แผนผังความคิด ๓) ครอู ธบิ ายความหมายของการตอ่ ต้านการทจุ รติ และยกตัว อย่างการกระทําที่แสดงถึงการ ต่อต้านการทจุ ริตทุกรูปแบบ ๔) ครแู บง่ นักเรยี นออกเปน็ ๔ กลมุ่ ใหแ้ สดงบทบาทสมมติ เรอ่ื ง การตอ่ ต้านการทุจรติ รปู แบบ ตา่ ง ๆ ดงั นี้ กลุ่มท่ี ๑ เนอ้ื หาเกยี่ วกับการตอ่ ตา้ นการทุจรติ ในการจดั ซอื้ จดั จ้าง กลุ่มท่ี ๒ เนอ้ื หาเก่ียวกบั การตอ่ ต้านการทจุ รติ การเลือกตงั้ สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร กลมุ่ ท่ี ๓ เนอ้ื หาเกีย่ วกบั การตอ่ ต้านการทจุ รติ โครงการตา่ ง ๆ เชน่ โครงการทาํ ถนนหลวง เป็นตน้
386 กลมุ่ ท่ี ๔ เนือ้ หาเกย่ี วกบั การตอ่ ต้านการทจุ ริต การใช้อาํ นาจหน้าทแี่ สวงหาผลประโยชน์ เช่น เจ้าหน้าท่ี ตํารวจต้งั ด่านรดี ไถเงนิ จากประชาชน ๕) ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรปุ เกย่ี วกับลกั ษณะการกระทําทแ่ี สดงออกให้เหน็ ถึงการต่อต้านการ ทจุ รติ เช่น นกั เรยี นเห็นเจา้ หนา้ ทตี่ าํ รวจจราจรกาลงั รบั เงินจากคนขบั รถฝุาไฟแดง นกั เรยี นโทรแจ้ง ๑๙๑ หรือบอกผ้ปู กครอง ผูใ้ หญ่ หรอื ทใ่ี ห้การช่วยเหลือได้ เป็นตน้ ๖) ครใู หน้ ักเรยี นทาํ ใบงาน เรื่อง ผลเสยี ของการทจุ ริตและการกระทาํ ท่เี ปน็ การตอ่ ต้านทุจริต แล้วนําไปจัดปาู ยนเิ ทศ ๔.๒ สอื่ การเรียนรู้ ๑) ขา่ ว “ทจุ รติ จํานําข้าว” ๒) ใบความรู้ เรือ่ งรปู แบบของการทุจรติ ๕. การประเมินผลการเรียนรู้ ๕.๑ วิธกี ารประเมิน ๑) ตรวจใบงาน เรอื่ ง ผลเสยี ของการทุจรติ และการกระทําทเี่ ป็นการตอ่ ตา้ นทจุ รติ ๒) สังเกตการแสดงบทบาทสมมติ ๓) สงั เกตพฤติกรรมการซื่อสตั ยส์ ุจริต ๕.๒ เครอื่ งมอื ทใี่ ช้ในการประเมิน ๑) แบบให้คะแนนการตรวจใบงาน เรอื่ ง ผลเสยี ของการทุจริตและการกระทาํ ทเ่ี ปน็ การต่อตา้ น ทจุ ริต ๒) แบบสังเกตพฤติกรรมซอ่ื สตั ยส์ ุจรติ ๕.๓ เกณฑ์การตดั สนิ นกั เรยี นผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ ร้อยละ ๘๐ ข้นึ ไป ๖. บันทกึ หลงั การจัดการเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชอ่ื .......................................ครผู สู้ อน (.........................................) ๗. ความคดิ เห็นผบู้ รหิ าร ........................................................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ.....................................ผบู้ รหิ าร (นายกศุ ล ชมุ ปัญญา) ผู้อานวยการโรงเรียนบา้ นศรีวชิ า “คุรรุ าษฎรอ์ ทุ ศิ ”
387 8. ภาคผนวก ขา่ ว เร่อื ง “ทุจริตจํานําขา้ ว”
388 ใบงาน เรอ่ื ง ผลเสียของการทุจริตและการกระทําท่เี ปน็ การต่อต้านการทจุ ริต ช่อื -สกลุ ..................................................................................................ช้นั ..........................เลขท.่ี ................. คําชแ้ี จง ให้นักเรียนตอบคําถามตอ่ ไปน้ี ๑. จงบอกผลเสียของการทจุ รติอยา่ งนอ้ ย ๕ ขอ้ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ๒. จงบอกวิธีการหรือการกระทําทเี่ ป็นการต่อตา้ นการทจุ รติ อย่างน้อย ๕ ขอ้ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________ ________________________________________________________________________________
389 แบบสังเกตพฤตกิ รรม เร่อื ง ซ่อื สตั ย์ สุจรติ คําช้ีแจง การบันทกึ ใหท้ ําเครอ่ื งหมาย ลงในชอ่ งทตี่ รงกับพฤตกิ รรมท่เี กดิ ข้นึ จรงิ รายการ รู้จกั เลขท่ี ชอ่ื - สกุล พูด ตรงไป ทาํ ตัว แยกแยะ สรปุ ผล ความ นา่ เชอ่ื ถอื ประโยชน์ การประเมนิ จรงิ ไม่ลกั ตรงมา สว่ นตน ขโมย กับ ประโยชน์ ส่วนรวม ผ่าน ไมผ่ า่ น เกณฑ์การประเมิน ๓ รายการ ถอื ว่า ผ่าน ๒ รายการ ถอื ว่า ไมผ่ า่ น ผ่านต้ังแต่ ผา่ น ลงชอ่ื ผปู้ ระเมนิ ( ) ///
แผนการจดั การเรียนรู้ 390 หน่วยท่ี ๓ ชื่อหนว่ ย STRONG /จติ พอเพียงตอ่ ตา้ นการทุจรติ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี ๕ เร่ือง ม่งุ ไปขา้ งหน้า เวลา ๑ ชัว่ โมง ๑. ผลการเรยี นรู้ มคี วามรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกับ STRONG / จติ พอเพียงตอ่ ตา้ นการทจุ รติ ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ นักเรยี นสามารถ ๒.๑ นักเรยี นยกตัวอย่างบคุ คลท่ีดาํ รงชีวิตอยู่อย่างพอเพยี งได้ ๒.๒ ใหน้ กั เรียนปฏิบัตติ นโดยดาํ รงชีวิตอย่อู ย่างพอเพียง ๓. สาระการเรยี นรู้ ๓.๑ ความรู้ การม่งุ ไปข้างหน้า หมายถึง การพฒั นาตอ่ ยอดเร่อื งการตอ่ ตา้ นการทุจริต โดยใชช้ ีวิตอยูอ่ ยา่ ง พอเพยี งการมองไปขา้ งหนา้ เปน็ สิ่งทท่ี กุ คนทํา แต่การมองไปข้างหน้าของแต่ละคนมมี ุมมองต่างกันตรงที่ ความคดิ ส่งิ สําคญั ของการมุ่งไปข้างหนา้ ต้องมเี ปาู หมาย และเปูาหมายทจ่ี ะไปตอ้ งชดั เจน เพราะถ้าไม่ ชัดเจนกจ็ ะลม้ เหลว ไม่ประสบความสาํ เร็จดังท่ตี ั้งใจไว้ ตวั อยา่ งบคุ คลทเ่ี สยี สละความสขุ สว่ นตัวเพอ่ื ประโยชน์ ส่วนรวมสิ่งที่ทาํ กจ็ ะทาํ อยา่ งดี และสนุกกับสงิ่ ทไี่ ด้ทํา แม้จะเหน่ือยมากๆ แต่ไมห่ ยดุ ทีจ่ ะ ทํา แมจ้ ะเจอกับอปุ สรรคบา้ งก็ไม่ละความพยายาม ๓.๒ ทักษะ / กระบวนการ (สมรรถนะทเี่ กดิ ) ๑) ความสามารถในการสื่อสาร ๒) ความสามารถในการคดิ ๓.๓ คณุ ลกั ษณะท่ีพงึ ประสงค์ / ค่านิยม อยอู่ ย่างพอเพยี ง ๔. กิจกรรมการเรยี นรู้ ๔.๑ ข้ันตอนการเรียนรู้ ๑) ครใู หน้ กั เรยี นดภู าพการวิ่งของ โครงการกา้ วคนละก้าว ตนู บอด้ีแสลม ๒) สนทนาซักถามว่านักเรยี นมคี วามรสู้ กึ อยา่ งไรกบั การท่พี ี่ตนู วิง่ จากใตส้ ุดขน้ึ เหนือสดุ ๓) ให้นักเรยี นระดมความคดิ ว่าพ่ีตูนบอดีแ้ สลม เขามคี วามมุ่งมัน่ มุง่ ไปขา้ งหนา้ เพือ่ อะไรมี เปาู หมายใด เขาตอ้ งใชค้ ณุ ธรรมใดจึงจะประสบความสาํ เร็จ และเปน็ ส่งิ ท่ีดีหรือไม่ดีเพราะอะไร (เสยี สละ ความสุขสว่ นตัว ยอมเหนด็ เหนอ่ื ยเพอื่ ประโยชนส์ ่วนรวมโดยมีเปาู หมายการรบั บรจิ าคเงินใหโ้ รงพยาบาล) ๔) ครสู นทนาซกั ถามว่าถ้าเปน็ นกั เรยี น นกั เรยี นคิดวา่ จะมุ่งมน่ั ทาํ สง่ิ ใดบา้ งในวยั ของนกั เรียน เพอ่ื ทาํ ประโยชน์ใหก้ ับสว่ นรวม ๕) ใหน้ ักเรยี นดูภาพการตดั ไม้ทําลายปุา แล้ว ใหน้ กั เรียนแสดงความคดิ เห็นวา่ เปน็ การกระทําท่ี ถูกต้องหรือไม่ (เปน็ การกระทาํ ทไี่ ม่ถูกตอ้ ง หาประโยชนใ์ หต้ นเองแต่เกิดผลเสยี แกส่ งิ่ แวดล้อมและประเทศชาติ ๖) ใหน้ ักเรียนร่วมกันสรุปความคิดจากภาพเหตุการณ์ ทง้ั สองเหตุการณ์ ว่ามีความม่งุ ไปขา้ งหนา้ เหมือนกัน แตผ่ ลลพั ธท์ ไ่ี ด้ตา่ งกนั อยา่ งไร เราควรจะม่งุ ไปทางใดเปรยี บเทยี บสองเหตุการณ์ (ใครสจุ ริต ใคร ทุจริต) ๗) ใหน้ กั เรียนทาํ ใบงาน เรือ่ งคิดอยา่ งไร
391 ๔.๒ สื่อการเรียนรู้ / แหลง่ การเรียนรู้ ๑) ภาพการวง่ิ โครงการกา้ วคนละกา้ ว ตูน บอด้แี สลม ๒) ภาพการตัดไม้ทาํ ลายปาุ ๓) ใบงาน เรอ่ื งคดิ อย่างไร ๕. การประเมินผลการเรียนรู้ ๕.๑ วธิ กี ารประเมนิ ๑) สงั เกตจาก - การแสดงความคดิ เหน็ - การปฏบิ ตั ติ นเป็นผูท้ อ่ี ยอู่ ย่างพอเพยี ง ๒) ตรวจผลงาน ๕.๒ เคร่ืองมอื ทใี่ ช้ในการประเมนิ ๑) แบบสงั เกตการแสดงความคดิ เห็น ๒) แบบใหค้ ะแนนการทาํ ใบงาน ๕.๓ เกณฑ์การตดั สิน นักเรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมินร้อยละ ๘๐ ขนึ้ ไปถือว่าผา่ น ๖. บันทึกหลังการจัดการเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชอื่ .......................................ครผู สู้ อน (.........................................) ๗. ความคดิ เห็นผบู้ รหิ าร ........................................................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ.....................................ผูบ้ ริหาร (นายกุศล ชมุ ปญั ญา) ผู้อานวยการโรงเรียนบ้านศรวี ิชา “ครุ ุราษฎร์อุทิศ”
392 8. ภาคผนวก ภาพ โครงการกา้ วคนละก้าว ตนู บอดแี้ สลม ภาพ การตัดไม้ทําลายปาุ
393 ใบงาน เร่อื งคดิ อยา่ งไร ชือ่ -นามสกลุ ..................................................................................................ชน้ั ............เลขที่ ............ คําสัง่ ใหน้ ักเรยี นดภู าพเหตุการณท์ ก่ี ําหนดแล้วแสดงความคดิ เห็น ภาพเหตุการณ์ แสดงความคดิ เหน็ เพอ่ื อะไร ภาพโรงงานปลอ่ ยนา้ํ เสยี ทํา - เปน็ การลดคา่ ใชจ้ า่ ย ให้ปลาตายเป็นจานวนมาก เกย่ี วกับการบาํ บดั น้าํ เสยี เพ่ือผลประโยชนส์ ว่ นตัว - เกิดผลเสยี กบั สงิ่ แวดล้อม และประเทศชาติ
แผนการจดั การเรียนรู้ 394 หน่วยที่ ๓ ช่อื หนว่ ย STRONG /จติ พอเพยี งต่อตา้ นการทจุ รติ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ ๖ เร่ือง ความเอื้ออาทร เวลา ๑ ชัว่ โมง ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มจี ิตพอเพยี งตอ่ ต้านการทุจรติ มคี วามตระหนักในการปฏบิ ตั ิตนเปน็ ผมู้ ีความเออื้ อาทรใน ชวี ติ ประจําวนั ๒. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ๒.๑ นักเรยี นสามารถปฏบิ ตั ติ นเป็นผทู้ ี่ STRONG / จติ พอเพียงต่อต้านการทุจริตได้ ๒.๒ นกั เรียนสามารถเขยี นเรอ่ื งจากภาพท่เี กยี่ วกบั ความเออื้ อาทรได้ ๓. สาระการเรยี นรู้ ๓.๑ ความรู้ - ความเอือ้ อาทรหมายถงึ ความเอื้อเฟอ้ื ความเออ้ื อารี ความมีนาํ้ ใจ และการปฏบิ ัตติ น เปน็ ผูม้ คี วามเอื้ออาทร - การตระหนกั และเห็นคุณคา่ ของการต่อตา้ นการทุจริต แตไ่ ม่ควรเอ้ือเฟ้อื ชว่ ยเหลอื ในสง่ิ ทไี่ ม่ถกู ต้อง โดยหวังผลประโยชนส์ ว่ นตน ๓.๒ ทักษะ / กระบวนการ (สมรรถนะท่ีเกดิ ) ๑) ความสามารถในการส่อื สาร ๒) ความสามารถในการคิด ๓.๓ คุณลกั ษณะทีพ่ งึ ประสงค์ / คา่ นยิ ม ๑) มุ่งมน่ั ในการทาํ งาน ๒) มีจติ สาธารณะ ๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๔.๑ ข้ันตอนการเรยี นรู้ ๑) ใหน้ กั เรยี นอา่ นนิทานเร่อื งยายกับตา ๒) ให้นกั เรยี นจบั คชู่ ว่ ยกันเขยี นแผนผังลําดับเหตุการณ์ตัง้ แตต่ ้นจนจบ แล้วนาํ เสนอหนา้ ชน้ั เรียน ช่วยกันตรวจสอบว่าของใครลําดบั เหตุการณไ์ ดถ้ กู ตอ้ งทส่ี ดุ ๓) ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรปุ ถึงขอ้ คิดทไี่ ด้จากการอา่ นนทิ าน และเราสามารถนาํ ไปใช้ ในชีวิตประจาํ วนั ไดอ้ ยา่ งไร เช่น เมื่อมผี ู้เดอื ดร้อนเราต้องให้การชว่ ยเหลือ ๔) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปถงึ ความตระหนักในการปฏิบัตติ นเปน็ ผู้มคี วามเอ้ืออาทร ใน ชีวติ ประจาํ วนั ว่า ถ้าคนเราเอื้ออาทรชว่ ยเหลอื กนั จะทาํ ใหส้ ังคมนา่ อยู่ ๕) ให้นกั เรยี นทาํ ใบงานการเขียน เร่ืองจากภาพพร้อมตง้ั ชื่อเรอ่ื ง โดยเน้ือเร่อื งให้แสดงถึง ความเอ้อื อาทร ๖) ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั คดั เลือกผลงานท่ีมคี ณุ ภาพอยูใ่ นเกณฑ์ดี ออกมานาํ เสนอผลงาน ทหี่ น้าชั้นเรียน และนาํ ผลงานมาจัดปูายนเิ ทศแสดงผลงานของนักเรียน ๗) ครูมอบหมายใหน้ ักเรียนบันทึกการปฏิบตั ติ นเก่ยี วกับความเอ้อื อาทรทต่ี นเองไดป้ ฏบิ ตั ิใน ชีวติ ประจําวนั ลงในสมดุ บนั ทึกความดี
395 ๔.๒ สื่อการเรยี นรู้ / แหลง่ การเรียนรู้ ๑) ใบความรู้ นิทานเร่อื ง ยายกับตา ๒) ใบงาน เรื่องการเขยี นเร่ืองจากภาพ ๕. การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ๕.๑ วธิ กี ารประเมิน ๑) สังเกตพฤติกรรม - การตอบคําถาม - การยกตัวอย่างความเออื้ อาทร - การปฏิบัตติ นเป็นผู้มคี วามเออื้ อาทรในโรงเรยี น ๒) ตรวจผลงานการเขียนเรอื่ งจากภาพ ๕.๒ เคร่อื งมือท่ใี ช้ในการประเมนิ ๑) แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ๒) แบบให้คะแนนการเขยี นเร่อื งจากภาพ ๕.๓ เกณฑ์การตดั สนิ นักเรียนผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ร้อยละ ๘๐ ขนึ้ ไป ๖. บนั ทึกหลงั การจัดการเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชือ่ .......................................ครผู ู้สอน (.........................................) ๗. ความคดิ เห็นผู้บริหาร ........................................................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................................................................................... ลงช่อื .....................................ผ้บู รหิ าร (นายกศุ ล ชุมปัญญา) ผู้อานวยการโรงเรียนบา้ นศรีวชิ า “ครุ รุ าษฎรอ์ ทุ ศิ ”
396 8. ภาคผนวก ใบความรู้ นิทานเรอ่ื ง ยายกะตา นิทานยายกะตา หรือนทิ านยายกบั ตา เปน็ นทิ านเรอ่ื งเล่าสบื ต่อกนั มา เพื่อความบนั เทิงและคติ สอนใจ และสะท้อนสภาพสังคมวถิ ชี ีวิต และความเชือ่ ของสังคมนั้น นิทานยายกะตา เปน็ ตัวอย่างนิทานไทย ทม่ี ีความเป็นเอกลกั ษณแ์ ละแสดงถึงความเปน็ ไทยในดา้ นสงั คมเกษตรกรรม การเน้นความกตญั ํู และการ เคารพอาวโุ สได้เปน็ อยา่ งดี เป็นนทิ านลกู โซ่ซึ่งมลี ักษณะท่พี เิ ศษคือ เปน็ เร่อื งทเี่ ลา่ ต่อเน่อื งดว้ ยวธิ ีการทวน เร่อื งซํา้ ไปซาํ้ มาผูกตอ่ กันเปน็ ลกู โซ่ ส่วนใหญ่เรอ่ื งจะวนกลบั มาทเี่ ดมิ แตบ่ างครั้งอาจต่อเน่ืองซํา้ ๆ จนพบ จดุ จบ และนิทานลูกโซเ่ รื่องยายกะตาเหมาะสาํ หรบั เด็กเร่ิมเรียน เพอื่ ใช้ฝึกการอา่ นไดเ้ ปน็ อย่างดี นิทาน ยายกะตา เปน็ นทิ านเกา่ สบื ประวตั เิ ทา่ ทห่ี ลักฐานได้ในสมยั รชั กาลที่ ๓ เนอื่ งจากปรากฏเปน็ ภาพวาดไว้ เชิงบานหนา้ ต่างในพระอุโบสถวัดพระเชตพุ น มเี นือ้ เร่อื งดงั น้ี ยายกะตาปลกู ถวั่ ปลกู งาใหห้ ลานเฝาู หลานไม่เฝาู กามากินถ่ัวกินงาเจ็ดเมล็ดเจด็ ทะนานของ ยายกะตา ยายมายายด่า ตามาตาตี หลานร้องไหไ้ ปหานายพราน ขอใหช้ ว่ ยยิงกา กากนิ ถวั่ กินงาเจด็ เมล็ดเจ็ด ทะนาน ยายมายายก็ดา่ ตามาตากต็ ี นายพรานตอบวา่ “ไม่ใช่กงการอะไรของข้า” หลานจึงไปหาหนู ขอให้ ช่วยกัดสายธนนู ายพราน นายพรานไมช่ ว่ ยยงิ กา กากนิ ถัว่ กนิ งาเจ็ดเมล็ดเจ็ดทะนานยายมายายดา่ ตามาตา ตี หนูตอบว่า “ไม่ใชก่ งการอะไรของขา้ ” หลานจงึ ไปหาแมว ขอใหแ้ มวชว่ ยกดั หนู หนไู มช่ ่วยกดั สายธนู นายพราน นายพรานไม่ช่วยยิงกา กากนิ ถัว่ กนิ งาเจ็ดเมลด็ เจ็ดทะนานยายมายายด่า ตามาตาตี แมวตอบ ว่า “ไมใ่ ชก่ งการอะไรของข้า” หลานจงึ ไปหาหมา ขอให้ชว่ ยกดั แมว แมวไม่ชว่ ยกัดหนู หนไู ม่ช่วยกัดสายธนู นายพราน นายพรานไม่ช่วยยิงกา กากินถั่วกินงาเจ็ดเมล็ดเจด็ ทะนานยายมายายดา่ ตามาตาตี หมาตอบ วา่ “ไมใ่ ชก่ งการอะไรของขา้ ” หลานจึงไปหาไม้ค้อนให้ย้อนหวั หมา หมาไมช่ ่วยกัดแมว แมวไม่ชว่ ยกดั หนู
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431