397 หนูไมช่ ่วยกดั สายธนูนายพราน นายพรานไม่ชว่ ยยิงกา กากินถ่ัวกินงาเจด็ เมลด็ เจ็ดทะนานยายมายายดา่ ตามาตาตี ไม้ค้อนตอบวา่ “ไม่ใชก่ งการอะไรของข้า” หลานจึงไปหาไฟใหช้ ่วยไหมไ้ ม้คอ้ น ไม้คอ้ นไม่ช่วย ยอ้ นหวั หมา หมาไม่ชว่ ยกัดแมว แมวไม่ช่วยกดั หนู หนไู ม่ช่วยกดั สายธนูนายพราน นายพรานไมช่ ว่ ยยงิ กา กากินถั่วกินงาเจ็ดเมล็ดเจ็ดทะนานยายมายายด่า ตามาตาตี ไฟตอบวา่ “ไมใ่ ชก่ งการอะไรของข้า” หลานจึง ไปหานาํ้ ให้ชว่ ยดับไฟ ไฟไม่ชว่ ยไหม้ไม้ค้อน ไมค้ ้อนไมช่ ่วยยอ้ นหวั หมา หมาไม่ช่วยกดั แมว แมวไม่ช่วยกัดหนู หนไู ม่ช่วยกดั สายธนูนายพราน นายพรานไมช่ ่วยยิงกา กากินถ่ัวกนิ งาเจด็ เมลด็ เจ็ดทะนานยายมายายดา่ ตามาตาตี น้าํ ตอบว่า “ไม่ใชก่ งการอะไรของขา้ ” หลานจึงไปหาตลงิ่ ให้ชว่ ยพังทบั น้ํานํ้าไมช่ ่วยดบั ไฟ ไฟไม่ ช่วยไหม้ไม้ค้อน ไมค้ ้อนไม่ชว่ ยยอ้ นหัวหมา หมาไมช่ ่วยกัดแมว แมวไม่ช่วยกดั หนู หนไู มช่ ่วยกัดสายธนู นายพราน นายพรานไม่ชว่ ยยิงกา กากินถั่วกนิ งาเจ็ดเมลด็ เจด็ ทะนานยายมายายดา่ ตามาตาตี ตลงิ่ ตอบ ว่า “ไมใ่ ช่กงการอะไรของข้า” หลานจงึ ไปหาชา้ งใหช้ ว่ ยถล่มตล่ิง ตลง่ิ ไมช่ ่วยพงั ทบั นาํ้ นํา้ ไมช่ ่วยดบั ไฟ ไฟ ไมช่ ่วยไหม้ไมค้ อ้ น ไมค้ อ้ นไม่ชว่ ยย้อนหวั หมา หมาไม่ช่วยกดั แมว แมวไมช่ ว่ ยกัดหนู หนไู มช่ ่วยกดั สายธนู นายพราน นายพรานไม่ชว่ ยยิงกา กากนิ ถัว่ กนิ งาเจ็ดเมลด็ เจด็ ทะนานยายมายายดา่ ตามาตาตี ชา้ งตอบ วา่ “ไม่ใชก่ งการอะไรของขา้ ” หลานจึงไปหาแมลงหวใี่ หช้ ่วยตอมตาชา้ ง ช้างไมช่ ่วยถลม่ ตล่งิ ตลงิ่ ไม่ชว่ ยพัง ทบั นา้ํ นา้ํ ไม่ชว่ ยดับไฟ ไฟไมช่ ่วยไหม้ไมค้ อ้ น ไม้คอ้ นไมช่ ่วยยอ้ นหัวหมา หมาไม่ช่วยกดั แมวแมวไมช่ ว่ ยกัด หนู หนูไม่ช่วยกดั สายธนูนายพราน นายพรานไมช่ ่วยยงิ กา กากนิ ถั่วกินงาเจ็ดเมล็ดเจด็ ทะนานยายมายาย ด่า ตามาตาตี แมลงหวต่ี อบว่า “ขา้ จะชว่ ยตอมตาช้างใหต้ าเน่าท้งั สองขา้ ง” ชา้ งตกใจจึงรีบไปช่วยถลม่ ตลง่ิ ตล่งิ จึงรีบไปช่วยพังทับน้าํ นํ้าจึงรบี ไปชว่ ยดบั ไฟ ไฟจึงรีบไปช่วยไหมไ้ ม้ค้อน ไม้ค้อนจึงรีบไปชว่ ยย้อนหวั หมา หมาจึงรีบไปชว่ ยกัดแมว แมวจึงรบี ไปชว่ ยกัดหนู หนจู งึ รบี ไปชว่ ยกดั สายธนูของนายพราน นายพรานจึงรีบ ไปช่วยยิงกา กาจึงเอาถั่วเอางาเจด็ เมลด็ เจด็ ทะนานมาคืนหลาน หลานเอาถว่ั เอางาไปใหแ้ กย่ ายกะตา ยายกะตากเ็ ลิกด่าเลกิ ตีหลานแต่นน้ั มา นิทานเรอ่ื งน้สี อนให้รูว้ ่า ๑. นิทานยายกะตา ให้ความรู้เกี่ยวกับสังคมไทย ดา้ นเกษตรกรรมทดี่ ี ข้าว ถ่วั งา เปน็ อาหารหลัก แสดงดว้ ยความรักหว่ งใย ของปุยู ่า ตายาย ซง่ึ เป็นผู้สงู อายทุ ่ีมตี ่อหลาน ๒. แสดงถงึ การอบรมสง่ั สอนให้หลานเช่อื ฟง๎ คําสง่ั ของตายาย ๓. สง่ั สอนใหค้ นไทยเอาใจใส่ธรุ ะของผู้อนื่ อยา่ ดูดาย เม่อื ใครมาขอความชว่ ยเหลอื ควรชว่ ยเหลอื ทันที ไมค่ วรคดิ วา่ ธรุ ะไม่ใช่ หรอื ไมใ่ ช่ธรุ ะของตน นนั่ คือมีความเออื้ อาทร ชว่ ยเหลือทกุ ข์ของผูอ้ ื่น และ เฉลยี่ ความสุข เผือ่ แผไ่ ปในสังคม อนั เปน็ คุณธรรมของสังคมไทยมายาวนาน
398 ใบงาน ชือ่ -สกุล........................................................................................ช้นั .................เลขท่ี................... คําส่ัง ให้นักเรยี นเขียนเรื่องจากภาพท่ีกาํ หนดให้ โดยใหม้ เี น้อื เรอ่ื งทแี่ สดงถงึ ความเอ้อื อาทร พร้อมตงั้ ชือ่ เร่อื ง เรอ่ื ง …………………………………………………………….. ....................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................... ............................................................................................................................................................................................................. ....................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................... ....................................................................................................................................................................................................... .............................................................................................................................................................................................................
399 เกณฑ์การให้คะแนนการเขยี นเรือ่ งจากภาพ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ใชเ้ กณฑว์ ัดความสามารถในการเขียนตามระดบั คะแนน (Rubric Scores) ดงั น้ี (คะแนนเต็ม ๒๐ คะแนน) รายการประเมนิ ระดบั คะแนน ๑. การต้ังช่อื เร่ือง ๕ ๔ ๓๒ ๑ ๑. ช่อื เรือ่ ง ปฏิบัติได้ ๑ ข้อ สอดคล้อง ปฏบิ ัตไิ ด้ ๒ ขอ้ เขยี นไมต่ รง กบั ภาพ ตามเกณฑ์ ที่กาหนด ๒. ส่ือ เขยี นไม่ตรง ตามเกณฑ์ ความหมาย ท่ีกาหนด ปฏบิ ตั ิได้ ๑ ข้อ ไดค้ รอบคลุม รายละเอยี ด ของภาพ ๓. ขอ้ ความ/ ประโยค/วลี ถูกตอ้ งตาม หลักการใช้ ภาษา ปฏิบตั ไิ ด้ ๓ ข้อ ปฏิบัติได้ ๒ ข้อ ๒. การเขียนเรื่อง ๑. สอดคล้องกบั ภาพ ปฏิบัติได้ ๑ ขอ้ เชงิ จินตนาการ ๒. ตรงประเด็น ปฏิบัตไิ ด้ ๓ ข้อ ปฏบิ ตั ิได้ ๒ ข้อ ปฏิบัตไิ ด้ ๑ ขอ้ ๓. มคี วามสมั พันธก์ นั ปฏบิ ัติได้ ๔ ข้อ ปฏิบัตไิ ด้ ๓ ข้อ ปฏบิ ตั ิได้ ๒ ขอ้ ๓. สาระท่เี กิดจาก ๔. มเี น้อื หาทแ่ี สดง จินตนาการ จินตนาการ ๔. การใชภ้ าษา ๑. ได้สาระ ๒. มคี วามตอ่ เนื่อง ๓. มคี วามคิดเชิงบวก ๔. มีความเปน็ ไปได้ ๑. การเลอื กใชค้ าํ ไดถ้ ูกตอ้ งตาม กาลเทศะ ๒. เรียงลาํ ดับเหตกุ ารณ์ ไดถ้ ูกตอ้ ง ๓. เขียนเวน้ วรรคตอน ได้ถกู ตอ้ ง ๔. ใชค้ าํ สภุ าพ ๕. ไม่ใชภ้ าษาพดู หรือภาษาถน่ิ ๕. การเขยี นสะกดคํา เขียนถกู ตอ้ ง มคี าํ ท่ีเขยี นผิด ทุกคาํ
แบบบนั ทกึ คะแนนการเขีย โรงเรยี น …………………....................................... ท่ี ช่อื - สกลุ ๑. การตั้งชือ่ เรือ่ ง ๒. กา เรอ่ื งเ ๑. (คะแนนเต็ม ๓ คะแนน) ๒. (คะแนน ๓. ๔. ๕. ๖. ๗. ๘. ๙. ๑๐. ๑๑. ๑๒. ๑๓. ๑๔. ๑๕. คะแนนรวม**
400 ยนเรอื่ งจากภาพตามจินตนาการ ..................…………………… ชัน้ …………………………… ารเขยี น ผลการประเมนิ ๔. การใชภ้ าษา ๕. การเขยี นสะกดคํา รวมคะแนน* เชงิ จินตนาการ ๓. สาระทเี่ กิดจาก (คะแนนเต็ม ๕ คะแนน) (คะแนนเต็ม ๒ คะแนน) นเต็ม ๕ คะแนน) จินตนาการ (คะแนนเตม็ ๕ คะแนน)
401 หนว่ ยท่ี ๔ พลเมืองกับความรับผดิ ชอบต่อสังคม
402 แผนการจดั การเรยี นรู้ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี ๖ เวลา ๒ ชัว่ โมง หนว่ ยที่ ๔ ช่อื หนว่ ย พลเมืองกบั ความรับผดิ ชอบต่อสงั คม แผนการจดั การเรียนรูท้ ่ี ๑ เร่ือง การเคารพสทิ ธิหน้าท่ตี ่อตนเองและผอู้ นื่ ทีม่ ตี อ่ ประเทศชาติ ๑. ผลการเรียนรู้ ๑.๑ มคี วามรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ เกยี่ วกับพลเมอื งและมีความรบั ผิดชอบตอ่ สังคม ๑.๒ ปฏบิ ตั ติ นตามหน้าทแ่ี ละมคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ สังคม ๒. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ๒.๑ นกั เรียนบอกแนวปฏบิ ตั ใิ นการเคารพสทิ ธิหน้าทตี่ ่อตนเองและผอู้ ่ืนทมี่ ตี อ่ ประเทศชาตไิ ด้ ๒.๒ นกั เรียนอธบิ ายผลทไ่ี ดร้ ับจากการเคารพสิทธิหน้าท่ตี ่อตนเองและผู้อืน่ ทม่ี ตี อ่ ประเทศชาติได้ ๓. สาระการเรยี นรู้ ๓.๑ ความรู้ การเคารพสทิ ธิของตนเองและผ้อู น่ื ที่มตี อ่ ประเทศชาติ ได้แก่ ๑) สทิ ธใิ นการมีสว่ นรว่ ม ในที่นี้ หมายถึง สทิ ธิการมสี ว่ นร่วมในกระบวนการพจิ ารณาของ เจา้ หนา้ ที่รัฐเกยี่ วกับการปฏบิ ัตริ าชการดา้ นการปกครอง อันมีผลกระทบต่อสิทธิและเสรภี าพของคนในสังคม โดยตรง ๒) สทิ ธิท่ีจะฟูองร้องหน่อยราชการ หนว่ ยงานของรฐั รฐั วสิ าหกิจ ราชการสว่ นทอ้ งถนิ่ เชน่ เทศบาล องคก์ ารบรหิ ารสว่ นตําบล องค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั หรอื องคก์ รของรฐั ท่ีเป็นนติ บิ คุ คล ประชาชนมี สทิ ธทิ จ่ี ะฟอู งรอ้ งหนว่ ยงานตา่ ง ๆเหลา่ นีใ้ หร้ ับผดิ ชอบ หากการกระทาํ ใด ๆหรือการละเว้นการกระทาํ ใด ๆของ ขา้ ราชการ พนักงาน หรอื ลูกจ้างของหนว่ ยงานน้ัน ส่งผลกระทบตอ่ การดําเนนิ ชวี ิตของประชาชนต่อศาล ปกครอง ๓) สทิ ธิทีจ่ ะตอ่ ต้านโดยสนั ติวิธี การกระทาํ ใดจะทเ่ี ป็นไปเพอ่ื ใหไ้ ดม้ าซึ่งอํานาจในการปกครอง ประเทศ โดยวิธีการซึ่งมไิ ดเ้ ป็นไปตามวิถีทางท่ีบญั ญัตไิ ดใ้ นรัฐธรรมนญู เช่นการตอ่ ต้านการทําปฏิวตั ิ รัฐประหาร เป็นส่ิงที่ประชาชนมีสทิ ธทิ ี่จะออกมาตอ่ ตา้ น แตต่ อ้ งเป็นไปโดยสันติวิธี ๓.๒ ทักษะ / กระบวนการ ( สมรรถนะทเ่ี กิด ) ๑. นกั เรียนมที ักษะการส่ือสาร ๒. นกั เรียนมที กั ษะการคิด ๓. นักเรยี นมคี วามสามารถในการใช้เทคโนโลยี ๔. นักเรียนมคี วามสามารถในการใชท้ ักษะชีวติ ๓.๓ คุณลักษณะทีพ่ งึ ประสงค์ / คา่ นิยม ๑. ใฝเุ รยี นรู้ ๒. ม่งุ มน่ั ในการทาํ งาน ๓. รักความเปน็ ไทย
403 ๔. กิจกรรมการเรียนรู้ ๔.๑ ข้นั ตอนการเรยี น ชัว่ โมงที่ ๑ ๑) นกั เรยี นดูภาพการเลอื กตั้งสมาชิกสภาผูแ้ ทนราษฎรทคี่ รูนาํ มาให้ดู ๒) นกั เรียนรว่ มกันตอบคําถามตอ่ ไปน้ี - นกั เรยี นเคยเข้าคหู า เลอื กต้งั หรอื ไม่ เลอื กตง้ั ใคร ทไ่ี หน - ในภาพนเ้ี ปน็ การเลือกต้งั อะไร - บุคคลท่ีไดร้ บั การเลือกตง้ั มีหน้าทอ่ี ย่างไร ๓) นักเรยี นอา่ นใบความรู้ เร่ืองการคารพสิทธขิ องตนเองและผู้อนื่ ทมี่ ตี ่อประเทศชาติ แลว้ ครูอธบิ ายเพมิ่ เตมิ แลว้ สมุ่ ถามนกั เรยี น ๔) นกั เรียนจับคู่อภปิ รายแสดงความคิดเหน็ สืบคน้ ขอ้ มลู ตามหวั ข้อในใบงาน เร่อื งการ เคารพสิทธิหนา้ ทตี่ ่อตนเองและผอู้ ่นื ท่มี ีตอ่ ประเทศชาติ ข้อ ๑ แนวปฏิบตั ิการเคารพสทิ ธิหน้าทตี่ ่อตนเองและผู้อ่ืนที่มตี ่อประเทศชาติ ขอ้ ๒ ผลทไี่ ดร้ บั จากการเคารพสทิ ธิหน้าท่ขี องตนเองและผอู้ ื่นท่ีมตี อ่ ประเทศชาติ ชว่ั โมงที่ ๒ ๑) นกั เรียนนาํ ใบงานไปตดิ ทปี่ ูายนเิ ทศ หรอื กระดานดาํ หน้าหอ้ ง เพอ่ื ใหเ้ พือ่ นได้ศกึ ษา และแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ ๒) นักเรยี นนําความรทู้ ั้งสองหัวข้อทแี่ ลกเปล่ียนเรยี นร้มู าสรปุ เป็น Mind Mapping ลง ในสมดุ ๓) ครูอธิบายเพ่มิ เตมิ ใหส้ มบรู ณ์ ๔) รว่ มกันร้องเพลง หนา้ ที่พลเมอื งดี จากวดี ิทัศน์ ๔.๒ สอ่ื การเรียนรู้ / แหลง่ การเรยี นรู้ ๑) ภาพการเลอื กตงั้ สมาชิกสภาผ้แู ทนราษฎร ๒) ใบความรูเ้ รอ่ื ง การเคารพสทิ ธิของตนเองและผูอ้ ่ืนที่มตี อ่ ประเทศชาติ ๓) ใบงานที่ ๑ การเคารพสิทธิหน้าทตี่ ่อตนเองและผู้อน่ื ทม่ี ตี อ่ ประเทศชาติ ๔) เพลง หนา้ ทพ่ี ลเมืองดี จาก https : //m.youtube.com ๕. การประเมินผลการเรียนรู้ ๕.๑ วธิ กี ารประเมิน แบบสงั เกตพฤติกรรมการทาํ งาน ๕.๒ เคร่อื งมอื ทใ่ี ช้ในการประเมิน แบบสังเกตพฤตกิ รรม ๕.๓ เกณฑ์การตดั สิน นักเรยี นผ่านเกณฑ์การประเมนิ รอ้ ยละ ๘๐ ขึ้นไป ๖. บนั ทกึ หลังการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงช่ือ.......................................ครผู ู้สอน (.........................................) ๗. ความคดิ เหน็ ผบู้ รหิ าร ........................................................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ.....................................ผู้บรหิ าร (นายกุศล ชุมปัญญา) ผอู้ านวยการโรงเรยี นบา้ นศรีวชิ า “ครุ ุราษฎรอ์ ทุ ิศ”
404 ภาพการเลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผู้แทนราษฎร 8. ภาคผนวก
405 ใบความรู้ เร่ือง การเคารพสทิ ธขิ องตนเองและผู้อ่นื ท่ีมตี อ่ ประเทศชาติ ๑) สิทธใิ นการมสี ่วนร่วม ในทน่ี ้ี หมายถงึ สทิ ธิการมสี ่วนรว่ มในกระบวนการพจิ ารณาของเจา้ หนา้ ท่ี รฐั เกีย่ วกับการปฏบิ ัติ ราชการด้านการปกครอง อันมีผลกระทบตอ่ สิทธิและเสรภี าพของคนในสังคมโดยตรง ๒) สทิ ธิทีจ่ ะฟอู งร้องหนอ่ ยราชการ หนว่ ยงานของรัฐ รัฐวิสาหกจิ ราชการส่วนท้องถ่นิ เช่น เทศบาล องค์การบรหิ ารสว่ นตาํ บล องค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั หรอื องค์กรของรัฐท่ีเป็นนติ ิบคุ คล ประชาชนมี สิทธิทจี่ ะฟอู งรอ้ งหน่วยงานตา่ ง ๆเหล่าน้ีใหร้ ับผดิ ชอบ หากการกระทาํ ใด ๆหรือการละเวน้ การกระทาํ ใดๆของ ข้าราชการ พนกั งาน หรอื ลูกจ้างของหนว่ ยงานน้ัน สง่ ผลกระทบตอ่ การดําเนินชีวิตของประชาชนตอ่ ศาล ปกครอง ๓) สทิ ธิที่จะต่อตา้ นโดยสันตวิ ิธี การกระทาํ ใดจะทีเ่ ปน็ ไปเพ่ือใหไ้ ดม้ าซึ่งอาํ นาจในการปกครอง ประเทศ โดยวธิ ีการซ่งึ มไิ ดเ้ ป็นไปตามวิถีทางทบี่ ญั ญตั ไิ ดใ้ นรฐั ธรรมนูญ เชน่ การตอ่ ตา้ นการทาํ ปฏิวตั ิ รฐั ประหาร เปน็ สิง่ ทปี่ ระชาชนมสี ทิ ธิทจี่ ะออกมาต่อตา้ น แตต่ ้องเป็นไปโดยสนั ตวิ ธิ ี
406 ใบงาน เร่อื ง การคารพสทิ ธหิ น้าท่ีตอ่ ตนเองและผู้อ่ืนท่มี ตี ่อประเทศชาติ สมาชิก ๑............................................................................. เลขท่ี ........................ ช้นั ................................. ๒............................................................................. เลขที่ ........................ ชั้น................................. คําช้แี จง ให้นักเรยี นตอบคําถามตอ่ ไปนี้ ๑. แนวทางการปฏบิ ตั ิตนในการเคารพสทิ ธิหน้าท่ีตอ่ ตนเองและผู้อนื่ ท่มี ีต่อประเทศชาติ ( ๑๐ คะแนน ) ๒. ผลท่ไี ดร้ ับจากากรเคารพสทิ ธิหน้าทต่ี อ่ ตนเองและผู้อน่ื ที่มีต่อประเทศชาติ ( ๑๐ คะแนน )
407 แบบสังเกตพฤตกิ รรมการทํางาน ชัน้ ....................กลุม่ ท.่ี .................. ที่ พฤติกรรม เนอื้ หาที่ตอบ ปฏิบตั ิตาม ความรับผิดชอบ เสรจ็ ทันเวลา รวม ชือ่ ถกู ตอ้ ง ข้อตกลง ทก่ี ําหนด ๑๖ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ ๔ ๓ ๒ ๑ คะแนน เกณฑ์การประเมิน ให้คะแนนระดับคณุ ภาพของแต่ละพฤตกิ รรม ดงั น้ี ดีเยีย่ ม เทา่ กับ ๔ คะแนนคดิ เป็นรอ้ ยละ ๙๐ – ๑๐๐ ดี เทา่ กับ ๓ คะแนนคดิ เป็นร้อยละ ๗๐ – ๘๙ ปานกลาง เทา่ กบั ๒ คะแนนคดิ เป็นร้อยละ ๕๐ – ๖๙ ปรบั ปรงุ เทา่ กบั ๑ คะแนนคดิ เป็นรอ้ ยละ ๕๐ หรอื ไม่ปฏบิ ตั เิ ลย ( ลงช่ือ ).........................................................ผู้ประเมนิ (.....................................................) .............../................./....................
แผนการจดั การเรียนรู้ 408 หน่วยท่ี ๔ชอื่ หนว่ ย พลเมืองกบั ความรบั ผดิ ชอบต่อสังคม ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ ๖ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ ๒ เรื่อง ระเบยี บ กฎ กติกา กฎหมาย เวลา ๒ ชัว่ โมง ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มคี วามรู้ ความเข้าใจเกยี่ วกบั พลเมอื งและมคี วามรับผดิ ชอบตอ่ สงั คม ๒. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๒.๑ นกั เรียนสามารถบอกความหมายของ ระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย ขององคก์ รหรือหนว่ ยงานตา่ งๆ ได้ ๒.๒ นักเรียนสามารถแสวงหาขอ้ มลู เกย่ี วกับ ระเบยี บ กฎ กติกา กฎหมาย ขององค์กรหรือหนว่ ยงานตา่ งๆ ได้ ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ กฎ คือ ข้อบังคับ ทอ่ี ยู่ในความเป็นจริง เพือ่ ไมใ่ หเ้ กิดความเสยี หายตอ่ ทรพั ยส์ ินและ ชวี ิต ระเบยี บ วินยั นนั้ เปน็ สิง่ ซ่ึงมีความสําคญั ยงิ่ โดยเฉพาะกับนักเรียนหรอื เยาวชน อันจะเปน็ กาลงั อย่างมากในการพฒั นา ประเทศระเบยี บวนิ ยั คอื คุณสมบตั ิท่ีสาํ คัญในการดําเนนิ ชีวิต ความสามารถของบคุ คลในการควบคมุ อารมณ์ และพฤตกิ รรมของตนเอง ให้เปน็ ไปตามท่ีมุ่งหวงั โดยเกดิ จากการสานึก ซง่ึ ต้องไม่กระทาํ การใดๆ อนั เป็นผล ทําใหเ้ กดิ ความยุ่งยากแกต่ นเองในอนาคต หากแตต่ ้องเปน็ ส่ิงท่ีก่อใหเ้ กดิ ความเจรญิ ร่งุ เรืองแก่ตนเองและผ้อู ่นื โดยกติกา คือ กฎเกณฑ์ ขอ้ ตกลง หรอื ขอ้ กาํ หนด ท่ีบคุ คลต้ังแต่ ๒ ฝาุ ยขน้ึ ไปใช้เปน็ หลักปฏบิ ตั เิ พื่อใหเ้ กิด ความเปน็ ธรรมแก่ทุกฝาุ ย กฎหมาย คอื กฎทส่ี ถาบัน หรอื ผู้มีอํานาจสงู สุดในรฐั ตราขึน้ หรอื ที่เกิดข้นึ จากจารตี ประเพณีอนั เปน็ ที่ ยอมรบั นบั ถอื เพอื่ ใชใ้ นการบริหารประเทศ เพอ่ื ใช้บงั คบั บคุ คลใหป้ ฏิบัติตาม ๓.๒ สมรรถนะสําคญั ของผเู้ รยี น ๑) ความสามารถในการสอ่ื สาร ๒) ความสามารถในการคดิ ๓) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี ๓.๓ คณุ ลักษณะทพ่ี งึ ประสงค์ ซ่อื สตั ยส์ ุจรติ ๔. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ๔.๑ ขัน้ ตอนการเรียนรู้ ช่ัวโมงท่ี ๑ ๑) ครูแบง่ นักเรียนเปน็ ๔ กลุ่ม ใหน้ ักเรยี นศกึ ษาใบความรู้ เร่อื งระเบียบ กฎ กติกาของ องคก์ รหรือหน่วยงานตา่ งๆ และสรุปความรเู้ ปน็ แผนผงั ความคิด ดังนี้ กลุ่มท่ี ๑ เรือ่ ง ระเบยี บ กลุ่มที่ ๒ เรอ่ื ง กฎ กลมุ่ ท่ี ๓ เรื่อง กติกา กลุ่มที่ ๔ เร่อื ง กฎหมาย ๒) ครูให้นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ นําเสนอผลงานแผนผงั ความคิดหนา้ ชัน้ เรียน ๓) ครูติดแผนภมู กิ ติกาในห้องเรยี นแลว้ ให้นักเรียนช่วยกนั บอกวา่ มีข้อตกลง กติกา อะไรบา้ ง
409 ๔) ครูใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลุม่ คน้ คว้าเกีย่ วกับระเบียบ กฎ กติกา กฎหมายขององคก์ รหรอื หนว่ ยงานตา่ ง ๆ แลว้ สรปุ เพอื่ นําเสนอหนา้ ช้นั เรียนในชัว่ โมงต่อไป ดังนี้ กลมุ่ ที่ ๑ เรือ่ ง กฎ / ระเบยี บการใช้ห้องสมุด กลุ่มที่ ๒ เรอ่ื ง กฎ / ระเบยี บการใชส้ นามเดก็ เล่น กลมุ่ ที่ ๓ เรอ่ื ง กฎ / ระเบียบของสถานทีร่ าชการ กลมุ่ ท่ี ๔ เร่ือง กฎ / ระเบยี บการใช้พน้ื ทส่ี ว่ นสาธารณะ ช่ัวโมงที่ ๒ ๑) ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุม่ นาํ เสนอผลงานท่ไี ปค้นคว้ามาที่หน้าชนั้ เรยี น พรอ้ มท้งั บอก ผลดีของการปฏิบตั ิตามกฎระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย และบอกผลเสียของการไม่ ปฏบิ ตั ิตามระเบยี บ กฎ กติกา กฎหมาย ๒) ครูแบง่ นกั เรียนเป็น ๒ กลมุ่ ดงั น้ี กลุม่ ท่ี ๑ ให้บอกผลดีของการปฏิบัตติ ามกฎ ระเบยี บ กติกา กฎหมาย แล้วจัดทาํ เปน็ แผนภมู ิ กลุ่มท่ี ๒ ใหบ้ อกผลเสียของการปฏิบตั ิตามกฎ ระเบยี บ กตกิ า กฎหมาย แล้วจัดทาํ เป็นแผนภมู ิ ๓) ใหน้ ักเรยี นนาํ เสนอผลงาน ๔) ครูและนกั เรียนร่วมกันสรปุ ว่า การปฏิบัตติ นตามระเบยี บ กฎ กติกา กฎหมาย ของ สงั คมจะทําให้คนเป็นคนดี มีระเบียบ สงั คมก็จะสงบสุข และประเทศชาตจิ ะสามารถพัฒนาได้รวดเร็ว ก้าวทนั อารยประเทศ ส่วนการไม่ปฏิบตั ติ นตามระเบียบ กฎ กติกา กฎหมายของสงั คม จะทําใหเ้ ปน็ คนไมม่ ีระเบยี บวนิ ยั สงั คมจะเดือดรอ้ น ว่นุ วาย เกดิ ปญ๎ หามากมาย ทาํ ให้ประเทศชาตพิ ัฒนาไดไ้ มไ่ กล ลา้ หลงั ไมท่ ันอารยประเทศ ๕) ครูใหน้ ักเรียนนาํ แผนภมู ไิ ปตดิ ปาู ยนเิ ทศภายในบรเิ วณโรงเรียน ๔.๒ ส่ือการเรยี นรู้ / แหลง่ เรียนรู้ ๑) ใบความรู้ เร่อื ง ระเบียบ กฎ กติกา กฎหมายขององคก์ รหรอื หน่วยงานตา่ ง ๆ ๒) แผนภูมกิ ติกาของหอ้ งเรียน ๕. การประเมินผลการเรยี นรู้ ๕.๑ วิธกี ารประเมิน ตรวจผลงานการทําแผนภมู ิเกยี่ วกับ ระเบยี บ กฎ กติกา กฎหมายขององคก์ รหรอื หนว่ ยงานต่าง ๆ a. เคร่ืองมือทใ่ี ชใ้ นการประเมนิ ๑) แบบให้คะแนนการตรวจผลงานการทาํ แผนภูมเิ กีย่ วกับ ระเบยี บ กฎ กติกา กฎหมายขององค์กร หรอื หนว่ ยงานตา่ ง ๆ ๒) แบบสงั เกตพฤติกรรม เรือ่ ง ซ่อื สัตย์ สจุ รติ ๕.๓ เกณฑ์การตัดสิน นักเรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมนิ รอ้ ยละ ๘๐ ข้ึนไป ๖. บนั ทึกหลงั การจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชอ่ื .......................................ครผู ู้สอน (.........................................) ๗. ความคดิ เห็นผูบ้ ริหาร ........................................................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................................................................................... ลงชือ่ .....................................ผูบ้ ริหาร (นายกุศล ชุมปญั ญา) ผ้อู านวยการโรงเรยี นบา้ นศรวี ชิ า “ครุ รุ าษฎรอ์ ทุ ศิ ”
410 8. ภาคผนวก แผนภูมิกติกาของหอ้ งเรียน ข้อตกลงในห้องเรยี น ๑.การแต่งกายถูกต้องตามระเบียบ ๒.ขออนุญาตครกู ่อนออกจากหอ้ งเรยี น ๓.ไมน่ ําอาหารมารบั ประทํานในห้องเรียน ๔.ไมว่ ง่ิ หยอกล้อกันในห้องเรียน ๕.ไมข่ ีดเขยี นตามโต๊ะและฝาผนงั ๖.ไม่ลักขโมยส่งิ ของของผู้อ่นื ๗.ไมต่ ะโกนสง่ เสยี งดังในหอ้ งเรียน ๘.ทุกคนตอ้ งชว่ ยกันทําความสะอาด ใบความรู้
411 เร่ือง ระเบียบ กฎ กติกา กฎหมาย ระเบียบวนิ ยั คอื คุณสมบตั ทิ ่สี าํ คญั ในการดาํ เนินชวี ิต ความสามารถของบุคคลในการควบคมุ อารมณ์ และพฤติกรรม ของตนเอง ใหเ้ ปน็ ไปตามท่มี งุ่ หวัง โดยเกิดจากการสํานึก ซ่งึ ต้องไมก่ ระทาํ การใดๆ อันเป็นผลทําใหเ้ กดิ ความยงุ่ ยากแก่ ตนเองในอนาคต หากแต่ต้องเป็นส่ิงที่ก่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรอื งแก่ตนเองและผู้อื่นดว้ ย กฎ คอื ข้อบังคับ ท่อี ยใู่ นความเปน็ จริง เพอื่ ไม่ใหเ้ กดิ ความเสยี หายต่อทรพั ย์สนิ และ ชวี ติ ระเบยี บวินยั นั้นเป็นส่ิงซงึ่ มีความสาํ คญั ย่ิง โดยเฉพาะกับนักเรยี นหรอื เยาวชน อนั จะเปน็ กาลงั อยา่ งมากในการพฒั นาประเทศ กตกิ า คือ กฎเกณฑ์ ข้อตกลง หรือขอ้ กาํ หนด ทีบ่ ุคคลตั้งแต่ ๒ ฝาุ ยขึ้นไปใช้เป็นหลกั ปฏิบัติเพื่อใหเ้ กดิ ความเปน็ ธรรมแก่ทุกฝาุ ย กฎหมาย คอื กฎที่สถาบัน หรือผ้มู ีอาํ นาจสูงสดุ ในรัฐตราขึน้ หรือทเี่ กดิ ขึ้นจากจารตี ประเพณีอนั เปน็ ท่ี ยอมรับนบั ถือ เพือ่ ใชใ้ นการบรหิ ารประเทศ เพอ่ื ใช้บงั คับบุคคลให้ปฏบิ ตั ิตาม
412 แบบสังเกตพฤตกิ รรม เร่อื ง ซ่อื สตั ย์ สุจรติ คําช้ีแจง การบันทกึ ใหท้ ําเครอ่ื งหมาย ลงในชอ่ งทตี่ รงกับพฤตกิ รรมท่เี กดิ ข้นึ จรงิ รายการ รู้จกั เลขท่ี ชอ่ื - สกุล พูด ตรงไป ทาํ ตัว แยกแยะ สรปุ ผล ความ นา่ เชอ่ื ถอื ประโยชน์ การประเมนิ จรงิ ไม่ลกั ตรงมา สว่ นตน ขโมย กับ ประโยชน์ ส่วนรวม ผ่าน ไมผ่ า่ น เกณฑ์การประเมิน ๓ รายการ ถอื ว่า ผ่าน ๒ รายการ ถอื ว่า ไมผ่ า่ น ผ่านต้ังแต่ ผา่ น ลงชอ่ื ผปู้ ระเมนิ ( ) ///
413 แผนการจดั การเรียนรู้ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี ๖ เวลา ๓ ชัว่ โมง หน่วยท่ี ๔ ช่อื หน่วย พลเมอื งกบั ความรับผดิ ชอบต่อสงั คม แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ ๓ เรอื่ ง ความรับผิดชอบ (ต่อประเทศชาต)ิ 1. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับความรบั ผดิ ชอบต่อสังคม ๑.๒ ปฏบิ ัตติ นตามหน้าทพี่ ลเมอื งและมคี วามรับผดิ ชอบต่อสงั คม 2. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ๒.๑ นกั เรยี นสามารถบอกผลดขี องการมีความรับผดิ ชอบและบอกผลเสยี จากการขาดของความรบั ผดิ ชอบได้ 3. สาระการเรยี นรู้ ๓.๑ ความรู้ การปฏบิ ัติตนเป็นผมู้ คี วามรบั ผดิ ชอบคือ การปฏบิ ัติหนา้ ทีท่ ีต่ นไดร้ บั มอบหมายในฐานะนักเรยี น และการเป็น บตุ รในครอบครัวดว้ ยความตัง้ ใจได้เปน็ อยา่ งดี เชน่ - การต้ังใจเรยี นหนงั สอื - ดแู ลตนเองในกจิ วัตรประจาํ วัน - เชอื่ ฟง๎ คําส่งั สอนของพอ่ แม่ - มาโรงเรยี นใหท้ นั เวลา - ชว่ ยพอ่ แม่ทาํ งานบ้าน ๓.๒ ทักษะ / กระบวนการ (สมรรถนะทเ่ี กดิ ) ๑) ความสามารถในการคิด ๒) การส่อื สาร ๓.๓ คุณลักษณะท่พี ึงประสงค์ / ค่านิยม ๑) คํานงึ ถงึ ผลประโยชนข์ องส่วนรวม และของชาตมิ ากกว่าผลประโยชนข์ องตนเอง 4. กิจกรรมการเรียนรู้ ๔.๑ ข้นั ตอนการเรยี นรู้ ช่ัวโมงที่ ๑ ๑) นกั เรียนดู วีดทิ ศั น์ เร่ืองรูจ้ ักหนา้ ที่ แลว้ ช่วยกันวิเคราะหว์ ่า ตวั ละครในเร่อื งดงั กล่าวมีการกระทาํ ใดท่ี แสดงออกถึงการมีความรบั ผดิ ชอบหรือไม่รับผิดชอบ และส่งผลกระทบตอ่ สงิ่ ใดบา้ ง ๒) ใหน้ ักเรยี นเขา้ กลุม่ ละ ๗ ถงึ ๑๐ คน จากน้ันครูแจกเน้ือเร่อื งนิทานให้แต่ละกลมุ่ ไดอ้ า่ นทําความเขา้ ใจ และวางแผนวางตัวละครเพอื่ แสดงหนา้ ช้นั เรยี น พร้อมทําการวเิ คราะหล์ กั ษณะของตัวละครแตล่ ะตวั แลว้ ฝกึ ซอ้ มการแสดงเพอ่ื แสดงบทบาทสมมตุ ใิ นชว่ั โมงถัดไป ชว่ั โมงที่ ๒ ๑) นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ แสดงบทบาทสมมตุ ใิ นเร่ืองทก่ี ลุม่ ตัวเองได้รับมอบหมาย ๒) นักเรียนช่วยกนั วจิ ารณก์ ารกระทาํ ของตัวละครในเรอื่ งทเี่ พ่ือนกล่มุ อื่นแสดงวา่ บุคคลใดมีการทาํ ที่ แสดงถงึ ความรับผดิ ชอบเรอ่ื งใดแลว้ ถ้าเกดิ ขาดความรบั ผดิ ชอบจะสง่ ผลอะไรต่อใครบ้าง ๓) ครูและนกั เรียนรว่ มกันสรปุ การปฏิบัตติ นใหเ้ ปน็ ผู้มคี วามรับผดิ ชอบต่อโรงเรยี นและตอ่ สงั คม ชวั่ โมงท่ี ๓ ๑) ครใู หน้ ักเรียนวาดภาพระบายสี “ความรบั ผิดชอบของฉัน”แลว้ เขยี นบรรยายภาพ
414 ๒) ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรุปหน้าท่ีและความรับผิดชอบ “การปฏิบตั ิตนตามความรับผิดชอบ เปน็ การ ปฏิบตั ิหน้าท่ีทต่ี นได้รับมอบหมายในฐานะนักเรยี น และการเป็นบตุ รในครอบครวั ดว้ ยความต้งั ใจได้ เป็นอยา่ งดี เชน่ - การตง้ั ใจเรยี นหนงั สือ - ดแู ลตนเองในกิจวตั รประจาํ วัน - เชือ่ ฟ๎งคําส่งั สอนของพ่อแม่ - มาโรงเรยี นให้ทนั เวลา - ช่วยพ่อแม่ทํางานบ้าน ฯลฯ 4.๒ สอ่ื การเรียนรู้ / แหล่งการเรยี นรู้ ๑) วดี ีทัศน์ เรอื่ งรู้จกั หนา้ ท่ี https://www.youtube.com/watch?v=GATjrfppBBA ๒) เน้อื เรอื่ งนิทาํ น ๓) แผนภาพความคิดเรือ่ ง ความรบั ผดิ ชอบตอ่ โรงเรยี น และตอ่ สังคม 5. การประเมินผลการเรยี นรู้ ๕.๑ วธิ กี ารประเมนิ ๑) ประเมนิ การแสดงบทบาทสมมตุ ิ ๒) ตรวจเขยี นบรรยายภาพ ๕.๒ เคร่ืองมือท่ใี ช้ในการประเมิน ๑) แบบประเมนิ การแสดงบทบาทสมมตุ ิ ๒) แบบประเมนิ การเขียนบรรยายภาพ ๕.๓ เกณฑ์การตดั สนิ ๑) นักเรยี นผา่ นเกณฑ์การประเมินระดบั ดขี ึน้ ไป ๖. บันทกึ หลงั การจดั การเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชือ่ .......................................ครผู ู้สอน (.........................................) ๗. ความคดิ เห็นผูบ้ รหิ าร ........................................................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................................................................................... ลงช่ือ.....................................ผู้บริหาร (นายกุศล ชุมปญั ญา) ผอู้ านวยการโรงเรยี นบ้านศรวี ชิ า “คุรุราษฎร์อทุ ศิ ”
415 8. ภาคผนวก ใบงาน เรื่องความรับผดิ ชอบของฉัน คําชแ้ี จง ใหน้ กั เรียนวาดภาพระบายสีในหวั ขอ้ ความรับผิดชอบของฉนั พร้อมเขียนบรรยายใตภ้ าพและตอบ คําถาม ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. จงตอบคําถามต่อไปน้ี ๑) จงบอกผลดขี องการมคี วามรับผดิ ชอบ .................................................................................................................................................. ............................ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ๒) จงบอกผลเสยี จากการขาดความรบั ผิดชอบ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. .................................................
416 แบบประเมินการเขยี นบรรยายใตภ้ าพ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ระดบั คะแนน ๓ตรงจดุ ประสงค์ เขยี นบรรยายสอดคลอ้ งกบั ภาพ มคี วามคิดสร้างสรรค์ ภาพวาดมี ความครบถ้วนสมบรู ณส์ วยงาม ตอบคําถามถกู ตอ้ งครอบคลุม ระดบั คะแนน ๒ ตรงจุดประสงค์ เขยี นบรรยายสอดคลอ้ งกับภาพ ภาพวาดมีความครบถ้วน ตอบ คําถามถกู ต้อง ระดับคะแนน ๑ ตรงจดุ ประสงค์ เขยี นบรรยายสอดคลอ้ งกับภาพไดบ้ างสว่ น ตอบคาํ ถามถูกตอ้ ง เขยี น สรุป ภาพวาด บรรยาย ตอบ ชือ่ - ตรง ครบถว้ น สอดคลอ้ ง คําถาม ใชภ้ าษา ท่ี ไม่ สกลุ จุดประสงค์ สวยงาม กบั ภาพ ถกู ตอ้ ง ถูกตอ้ ง รวม ๑๕ ผ่าน ผ่าน (๓) (๓) (๓) (๓) (๓) คะแนน เกณฑ์การประเมนิ คะแนน ๑๓-๑๕ ระดบั ดีเยย่ี ม คะแนน ๑๑-๑๒ ระดบั ดี คะแนน ๘-๑๐ ระดบั พอใช้ คะแนนตาํ่ กวา่ ๘ ระดับ ปรับปรงุ เกณฑ์การตดั สนิ นกั เรยี นได้คะแนนระดบั ดขี ึ้นไปถอื ว่า ผ่าน
417 แผนการจดั การเรียนรู้ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๖ เวลา ๓ ชัว่ โมง หน่วยที่ ๔ ชือ่ หน่วย พลเมอื งกับความรับผดิ ชอบต่อสงั คม แผนการจดั การเรียนรู้ที่ ๔ เรื่อง ความเป็นพลเมอื ง ๑. ผลการเรยี นรู้ ๑.๑ มคี วามรู้ ความเข้าใจเก่ยี วกับพลเมอื งและมคี วามรบั ผดิ ชอบตอ่ สงั คม ๑.๒ ปฏิบตั ติ นตามหน้าที่พลเมอื งและมีความรบั ผดิ ชอบตอ่ สังคม ๒. จุดประสงค์การเรียนรู้ นกั เรยี นสามารถ ๒.๑ บอกความหมายของการเป็นผลเมืองดีได้ ๒.๒ ยกตวั อย่างการปฏบิ ตั ิใหเ้ ป็นพลเมืองท่ีดี ๒.๓ บอกผลเสยี ทเ่ี กดิ จากการไมป่ ฏบิ ัตติ นตามหน้าทขี่ องพลเมืองทีด่ ไี ด้ ๓. สาระการเรียนรู้ ๓.๑ ความรู้ ความหมายของพลเมืองท่ดี ี พลเมอื งดี หมายถึง ผทู้ ปี่ ฏบิ ตั หิ น้าท่ีพลเมอื งได้ครบถว้ น ทง้ั กจิ ที่ต้อง ทํา และกิจท่ีควรทําหน้าท่ี หมายถึง กิจที่ตอ้ งทาํ หรอื ควรทํา เป็นสงิ่ ทกี่ าํ หนดใหท้ าํ หรือห้ามมใิ ห้กระทาํ ถา้ ทาํ ก็จะก่อใหเ้ กิดผลดี เกิดประโยชนต์ อ่ ตนเอง ครอบครัว หรอื สงั คมสว่ นรวมแล้วแต่กรณี ถ้าไม่ทาํ หรอื ไมล่ ะเว้นการกระทาํ ตามทก่ี าํ หนดจะไดร้ ับผลเสียโดยตรง คือ ได้รบั โทษ หรือถกู บังคบั เช่น ปรับ จาํ คุก หรอื ประหารชีวติ เปน็ ต้น โดยท่ัวไปสิ่งท่ีระบุกจิ ที่ตอ้ งทาํ ไดแ้ ก่ กฎหมาย เปน็ ต้น ๓.๒ ทักษะ / กระบวนการ (สมรรถนะทเี่ กดิ ) ๑) ความสามารถในการคดิ ๒) ความสามารถในการสอื่ สาร ๓.๓ คุณลกั ษณะท่ีพึงประสงค์ / ค่านิยม คํานงึ ถึงผลประโยชน์ของสว่ นรวม และของชาตมิ ากกว่าผลประโยชน์ของตนเอง ๔. กิจกรรมการเรียนรู้ ๔.๑ ขนั้ ตอนการเรียนรู้ ชัว่ โมงท่ี ๑ ๑) นกั เรยี นดวู ดี ทิ ัศน์ เรือ่ งหกั เหลีย่ มคอรร์ ัปชั่น เรมิ่ ท่คี ณุ ...จบท่คี ณุ นกั เรยี นช่วยกนั วเิ คราะห์วา่ ตวั ละครในเรือ่ งดงั กลา่ วมกี ารกระทําใดที่แสดงออกถึงการเป็นพลเมืองดี การกระทําใดทแ่ี สดงว่า เปน็ พลเมืองไม่ดี และการเป็นพลเมืองไมด่ ี มผี ลกระทบตอ่ สงั คมอยา่ งไร ๒) นักเรียนดภู าพกิจกรรมต่างๆ ที่แสดงถงึ การมสี ว่ นร่วมในสงั คม เช่น ๑. ภาพการปลกู ปุา ๒. ภาพการเลอื กตั้ง ๓. ภาพการตดั ไม้ แลว้ ให้นักเรยี นเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ตามประเดน็ ทกี่ าํ หนดในใบงานเรอ่ื ง เขาทําอะไร ? ๓) ครูและนักเรียนสรุปความหมายของพลเมืองที่ดี หมายถงึ “ ผทู้ ป่ี ฏบิ ตั ิหน้าทีพ่ ลเมืองไดค้ รบถ้วน ทงั้ กจิ ที่ตอ้ งทํา และกิจท่ีควรทาํ หน้าที่ หมายถึง กจิ ทีต่ อ้ งทาํ หรือควรทํา เปน็ สิง่ ทก่ี าํ หนดใหท้ ํา หรอื ห้ามมิใหก้ ระทาํ ถ้าทําก็จะก่อให้เกดิ ผลดี เกดิ ประโยชนต์ ่อตนเอง ครอบครัว หรือสังคม สว่ นรวมแลว้ แต่กรณี ถา้ ไม่ทาํ หรือไมล่ ะเวน้ การกระทาํ ตามทกี่ ําหนดจะได้รบั ผลเสยี โดยตรง คือ
418 ไดร้ ับโทษ หรือถกู บงั คับ เช่น ปรับ จาํ คุก หรือประหารชีวติ เปน็ ต้น โดยทว่ั ไปส่ิงท่รี ะบกุ จิ ที่ต้อง ทาํ ไดแ้ ก่ กฎหมาย เป็นตน้ ” ชัว่ โมงท่ี ๒ ๑) นักเรียนจบั กลมุ่ ๕ – ๗ คน ทาํ ใบงานเร่อื ง บทบาทหน้าทพ่ี ลเมืองท่ีดี ๒) นักเรยี นยกตวั อย่างการปฏิบตั ติ นให้เปน็ พลเมอื งทดี่ ี วา่ ตอ้ งปฏบิ ัตอิ ยา่ งไรบา้ งโดยให้นกั เรียนไป คน้ คว้าจากแหลง่ เรียนรตู้ า่ งๆ ๓) ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลมุ่ เขยี นภาพการกระทําของพลเมอื งดแี ล้วอธบิ ายถึงผลดจี ากการปฏบิ ัตแิ ละ ผลเสียทเ่ี กดิ จากการไมป่ ฏิบัติตามหน้าท่ีพลเมืองดี ในกระดาษโปสเตอรเ์ ปน็ ปาู ยนิเทศเพื่อแสดง ผลงานของกล่มุ ๔) นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ รว่ มกนั นาํ เสนอผลงานกลมุ่ ในช้ันเรยี นโดยครูชว่ ยแนะนาํ เพมิ่ เตมิ ในแนว ทางการปฏิบตั ติ นตามบทบาทหน้าท่ผี ลเมอื งทดี่ ี ๕) ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรุปการปฏิบัตติ นให้เป็นพลเมอื งดี ชว่ั โมงที่ ๓ ๑) ครใู ห้นกั เรยี นเขียนเรยี งความเรื่อง “พลเมืองทด่ี ”ี โดยให้นักเรยี นแตล่ ะกลุ่มเขียนภาพการกระทํา ของพลเมอื งดแี ล้วอธิบายถงึ ผลดีจากการปฏิบตั ิและผลเสยี ทเี่ กิดจากการไม่ปฏบิ ัติตามหน้าที่ พลเมืองดี ในกระดาษโปสเตอรเ์ ป็นปาู ยนเิ ทศเพื่อแสดงผลงานของกลุ่ม ๒) ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรปุ ความเปน็ พลเมอื งดวี ่า “บุคคลจะเป็นพลเมอื งดขี องสังคมนนั้ ตอ้ ง ตระหนกั ถงึ บทบาทหน้าท่ี ที่จะตอ้ งปฏบิ ตั ิ และมุง่ ม่นั เพ่ือใหบ้ รรลเุ ปูาหมาย ดว้ ยความรบั ผดิ ชอบ อย่างเตม็ ที่ สอดคล้องกบั หลักธรรม วฒั นธรรมประเพณี และรฐั ธรรมนญู ที่กาํ หนดไว้ รวมทง้ั บทบาททางสงั คมทีต่ นดาํ รงอยู่ เพื่อใหเ้ กดิ ประสิทธภิ าพสงู สุด และไดป้ ระสทิ ธผิ ลทั้งในส่วนตน และสงั คม เม่อื สามารถปฏบิ ตั ิหนา้ ทไ่ี ดอ้ ย่างถูกต้องสมบูรณย์ อ่ มเกดิ ความภาคภูมใิ จและเกดิ ผลดี ทัง้ ต่อตนเองและสงั คม ดว้ ยการเป็นพลเมอื งดีท่ีเคารพกฎหมาย เคารพสิทธิเสรีภาพของผอู้ ่นื มี ความกระตือรอื ร้นท่จี ะเขา้ มามสี ว่ นร่วมในการแกป้ ญ๎ หาของชุมชนและสังคม มคี ณุ ธรรมและ จริยธรรมเปน็ หลักในการดาํ เนินชวี ติ อยา่ งผาสุก” ๔.๒ สือ่ การเรียนรู้ / แหล่งการเรยี นรู้ ๑) วีดีทศั น์ เรือ่ งหักเหลย่ี มคอรร์ ัปชั่น เรมิ่ ทค่ี ณุ ...จบทค่ี ณุ https://www.youtube.com/watch?v=ihrlY๖zniZw ๒) ภาพกจิ กรรมการมสี ่วนรม่ ในสังคม ๓) ใบงานเรื่อง เขาทาํ อะไร ? ๔) ใบงานเร่ือง บทบาทหน้าทีพ่ ลเมืองดี ๕) เรยี งความ เรอ่ื ง พลเมอื งดี ๕. การประเมินผลการเรยี นรู้ ๕.๑ วิธกี ารประเมนิ ๑) ตรวจใบงานเรอื่ ง เขาทาํ อะไร ? ๒) ตรวจใบงานเรอ่ื ง บทบาทหนา้ ที่พลเมอื งดี ๓) ตรวจเรียงความ เร่อื ง พลเมืองดี ๕.๒ เครือ่ งมือทใี่ ชใ้ นการประเมนิ ๑) ใบงานเร่อื ง เขาทาํ อะไร ?
419 ๒) ใบงานเร่อื ง บทบาทหนา้ ทพี่ ลเมอื งดี ๓) เรยี งความ เรอ่ื ง พลเมอื งดี ๕.๓ เกณฑก์ ารตัดสนิ ๑) นักเรยี นผ่านเกณฑ์การประเมนิ รอ้ ยละ๘๐ ขึ้นไป ๖. บันทกึ หลงั การจดั การเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. ลงชอ่ื .......................................ครผู ู้สอน (.........................................) ๗. ความคดิ เห็นผบู้ รหิ าร ........................................................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................................................................................... ลงชอื่ .....................................ผบู้ ริหาร (นายกศุ ล ชมุ ปัญญา) ผู้อานวยการโรงเรยี นบา้ นศรีวิชา “คุรรุ าษฎร์อทุ ศิ ”
420 8. ภาคผนวก ใบงาน เรอ่ื ง เขาทาํ อะไร ? ชอ่ื -สกุล...............................................................................................ชั้น..............เลขท่.ี ................ คําชี้แจง ใหน้ ักเรียนเขียนแสดงความรู้สึกใตภ้ าพและเขียนบรรยายผลกระทบที่เกดิ ข้ึนตอ่ สงั คมอย่างไร ภาพท่ี ๑ กิจกรรมในภาพเปน็ การกระทาํ ใด........................................................................................................................ บุคลในภาพเปน็ คนอย่างไร…………………………………………………………………………………………………………………… การกระทําดังกล่าวสง่ ผลต่อสังคมและประเทศชาติอยา่ งไร................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................ ภาพที่ ๒ กิจกรรมในภาพเป็นการกระทาํ ใด........................................................................................................................ บุคลในภาพเปน็ คนอยา่ งไร…………………………………………………………………………………………………………………… การกระทาํ ดงั กล่าวส่งผลต่อสงั คมและประเทศชาตอิ ย่างไร................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................ ภาพที่ ๓ กิจกรรมในภาพเปน็ การกระทาํ ใด........................................................................................................................ บคุ ลในภาพเป็นคนอยา่ งไร…………………………………………………………………………………………………………………… การกระทําดงั กล่าวสง่ ผลต่อสังคมและประเทศชาติอยา่ งไร................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................
421 ใบงาน เร่ือง บทบาทหนา้ ทพ่ี ลเมอื งดี คําช้ีแจง ให้นกั เรียนเขียนผงั มโนทศั น์แสดงถึงบทบาทหนา้ ทพ่ี ลเมอื งดีต่อสงั คมและประเทศชาติ บทบาทหนา้ ที่ พลเมืองดีต่อสงั คม และประเทศชาติ
422 ใบงาน คําช้แี จง ให้นักเรียนเขียนเรียงความ เร่ืองพลเมอื งดี ตวั บรรจงคร่งึ บรรทดั ความยาว ๒๐-๒๕ บรรทัด เรยี งความ เรื่องพลเมืองดี ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................. ....................................
423 เกณฑ์การให้คะแนน แบบตรวจใบงานการเขียนเรยี งความ ระดับคะแนน ๓ ตรงจดุ ประสงค์ เขยี นเรยี งลําดับขน้ั ตอนครบถว้ น คดิ วิเคราะห์ และ มคี วามคิด สรา้ งสรรค์ ใชภ้ าษาถกู ต้องเหมาะสม ผลงานมีความละเอยี ดเรียบรอ้ ย ระดับคะแนน ๒ ตรงจุดประสงค์ เขยี นเรยี งลําดบั ขน้ั ตอน ใชภ้ าษาถกู ต้อง ผลงานมคี วามเรยี บรอ้ ย ระดบั คะแนน ๑ ตรงจุดประสงค์ ใช้ภาษาถูกตอ้ ง วิเคราะห์ สรุป เขยี น ข้อมลู และ ท่ี ชือ่ - ตรง เรียงลําดับ มีความคิด ใช้ภาษา ละเอียด รวม ๑๕ ผา่ น ไม่ สกุล จดุ ประสงค์ ขน้ั ตอน สรา้ งสรรค์ ถกู ต้อง เรียบรอ้ ย คะแนน ผ่าน (๓) (๓) (๓) (๓) (๓) เกณฑ์การประเมนิ คะแนน ๑๓-๑๕ ระดับ ดีเยยี่ ม คะแนน ๑๑-๑๒ ระดับ ดี คะแนน ๘-๑๐ ระดับ พอใช้ คะแนนตํา่ กวา่ ๘ ระดบั ปรบั ปรงุ เกณฑ์การตัดสิน นักเรยี นไดค้ ะแนนระดบั ดีข้ึนไปถอื ว่า ผา่ น
424 เอกสารอา้ งอิง สาํ นกั งานคณะกรรมการปูองกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาต.ิ (๒๕๖๑). แผนการจัดประสบการณ์ “รายวชิ าเพ่ิมเติม การปูองกนั การทุจรติ ”ระดบั ปฐมวัย. ชุดหลักสตู รต้านทจุ รติ ศึกษา (Anti - Corruption Education). สํานักงานคณะกรรมการปูองกันและปราบปรามการทจุ รติ แหง่ ชาติ. (๒๕๖๑). หลักสตู รรายวิชาเพม่ิ เติม “การปูองกนั การทุจรติ”ชดุ หลักสตู รตา้ นทจุ รติ ศึกษา (Anti - Corruption Education). สาํ นักงานคณะกรรมการปูองกนั และปราบปรามการทุจรติ แห่งชาติ (๒๕๖๑). หลกั สตู รตา้ นทจุ รติ ศกึ ษา. (Online). Available : https://www.nacc.go.th/ewt_news.php?nid=๑๘๓๘๔
425 คําสัง่ โรงเรียนบา้ นศรีวชิ า “คุรุราษฎรอ์ ุทิศ” ที่ 34/๒๕๖๒ เร่อื ง แตง่ ตั้งคณะกรรมการจัดทาํ หลักสูตรต้านทุจรติ ศกึ ษา ปีการศกึ ษา ๒๕๖5 (Anti - Corruption Education) ************************************* สาํ นักงาน ป.ป.ช. ในการประชุมคร้งั ท่ี ๘๕๕-๒๖/๒๕๖๐ เมอื่ วันที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๐ ได้มีมตเิ หน็ ชอบ ให้แต่งต้งั คณะอนุกรรมการจดั ทาํ หลักสตู ร หรือชดุ การเรียนรู้และส่ือประกอบการเรียนรู้ ดา้ นการปอู งกันการ ทจุ รติ เพอ่ื ดําเนนิ การจดั ทาํ หลักสูตร หรอื ชดุ การเรียนรแู้ ละส่ือประกอบการเรียนรู้ ดา้ นการปอู งกันการทุจรติ สําหรับใช้เปน็ เนือ้ หามาตรฐานกลางให้สถาบันการศกึ ษาหรอื หนว่ ยงานทีเ่ ก่ียวข้องนําไปพิจารณาปรับใช้ในการเรยี น การสอนให้กับกลุม่ เปาู หมายครอบคลุมทุกระดับชั้นเรียน เพอื่ ปลกู ฝ๎งจติ สํานกึ ในการแยกแยะประโยชน์ส่วนตนและ ประโยชน์ส่วนรวม จิตพอเพียง และสรา้ งพฤตกิ รรมที่ไมย่ อมรบั และไมท่ นตอ่ การทจุ รติ อนั เป็นการดาํ เนินงานตาม ยทุ ธศาสตรช์ าติว่าด้วยการปอู งกนั และปราบปรามการทจุ รติ ระยะท่ี ๓ (พ.ศ. ๒๕๖๐ – ๒๕๖๔) ยทุ ธศาสตร์ที่ ๑ “สร้างสงั คมไมท่ นต่อการทจุ ริต” กลยุทธ์ท่ี ๑ ปรับฐานความคดิ ทกุ ช่วงวัย ตั้งแตป่ ฐมวัยใหส้ ํามารถแยกระหวา่ ง ผลประโยชน์สว่ นตนและผลประโยชนส์ ว่ นรวม และกลยุทธท์ ่ี ๓ ประยุกต์หลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งเป็น เครื่องมือตา้ นทุจริต ฉะนน้ั เพื่อใหเ้ ปน็ ไปตามนโยบายดงั กล่าว โรงเรยี นบา้ นศรีวิชา “ครุ รุ าษฎรอ์ ุทศิ ”จึงขอแต่งตั้งคณะกรรมการ จัดทาํ หลักสูตรตา้ นทุจรติ ศึกษา (Anti - Corruption Education) ระดับสถานศกึ ษา เพ่ือนาํ หลกั สตู รไปจดั การ เรียนการสอนในปีการศึกษา ๒๕๖5 ดังน้ี คณะกรรมการทีป่ รกึ ษา ผ้อู ํานวยการโรงเรียน ประธานกรรมการ ๑. นายกศุ ล ชุมป๎ญญา ๒. นางสาวสุพัตรา สะตะ หัวหนา้ กลุ่มงานวชิ าการ กรรมการ ๓. นางพชั รนิ ทร์ วิญญาสุข ๔. นางกาญจนา เทพเสนา หัวหนา้ กลุ่มงานบคุ คล กรรมการ ๕. นางไพรตั น์ ชาพลดอน ๖. นางสาวคนงึ นิตย์ เฉลมิ พงษ์ หัวหนา้ กลมุ่ งานแผนและงบประมาณ กรรมการ หวั หนา้ กลุ่มงานบรหิ ารท่ัวไป กรรมการ ครู กรรมการและเลขานุการ คณะทาํ งานหลกั สูตรต้านทุจริตศกึ ษาระดบั ปฐมวัย ประธานกรรมการ ๑. นางวิจติ รา มชั ฉมิ พงษ์ ครชู ํานาญการพิเศษ กรรมการ/เลขานุการ ๒. นางสาวณฐั ธดิ า โทษาธรรม ครผู ชู้ ว่ ย กรรมการ/เลขานุการ 3. นางสาวพชั ริดา วญิ ญาสขุ ครูธุรการ คณะทาํ งานหลักสูตรต้านทุจริตศึกษาระดบั ประถมศึกษาตอนตน้ ๑. นางกาญจนา เทพเสนา ครชู าํ นาญการพเิ ศษ ประธานกรรมการ กรรมการ ๒. นางฤดี อปุ รนิ ทร์ ครู กรรมการ กรรมการ/เลขานุการ ๓. นางรตั ตกิ านต์ ผาลพี ฒั น์ ครูชาํ นาญการ 4. นางสาวจรี นันท์ ผมนอ้ ย ครอู ัตราจ้าง
426 คณะทํางานหลกั สตู รต้านทจุ ริตศกึ ษาระดบั ประถมศึกษาตอนปลาย ๑. นางไพรัตน์ ชาพลดอน ครูชํานาญการพิเศษ ประธานกรรมการ ๒. นางสาวปิยะพร บุญมงั่ ครชู ํานาญการ กรรมการ 3. นายเด่นชัย ถงึ นามลี ครูอตั ราจ้าง กรรมการ 4. นางสาวคนงึ นติ ย์ เฉลมิ พงษ์ ครู กรรมการ/เลขานุการ โดยคณะกรรมการฯ มีหนา้ ท่ี ดงั นี้ ๑. ศึกษา วเิ คราะห์ และรวบรวมข้อมูลที่เกีย่ วข้องกับการจัดทาํ หลกั สูตรต้านทุจริตศึกษา ๒. กาํ หนดแนวทางและขอบเขตในการจดั ทาํ หลกั สูตร ๓. พิจารณาจัดทําเน้อื หาหลกั สตู ร โดยกาํ หนดโครงสรา้ งหลกั สูตร วตั ถุประสงคข์ องหลักสตู ร จดุ ประสงค์ของรายวชิ า เนอื้ หาสาํ ระ จดั ระเบียบ/ลําดับของเนอ้ื หาสาํ ระ วธิ ีการประเมินผลการเรยี นรู้ รวมท้ังอืน่ ๆ ท่ีเกี่ยวขอ้ ง ๔. พิจารณาใหค้ วามเห็นเพ่ิมเตมิ เก่ยี วกบั การจดั ทําหลกั สตู รหลกั สูตรตา้ นทุจริตศกึ ษา เพ่ือให้ มเี น้ือหาที่ครอบคลุมและสมบูรณ์ พร้อมท้ังนาํ เสนอผู้บังคบั บัญชา พิจารณาให้ความเหน็ ชอบ ทั้งนี้ ใหด้ าํ เนนิ การแลว้ เสรจ็ ภายในกอ่ นเปิดภาคเรยี นที่ ๑ ปกี ารศกึ ษา ๒๕๖5 ๕. กําหนดแผนหรือแนวทางการนําหลกั สูตรต้านทจุ ริตศึกษา ไปใช้ในหน่วยงานทีเ่ ก่ยี วขอ้ ง ๖. ดําเนนิ การอ่นื ๆ ตามท่ผี ้บู ังคบั บัญชามอบหมาย ทั้งนี้ ต้งั แต่บัดนี้เปน็ ต้นไป สงั่ ณ วันท่ี 30 เดือน เมษายน พ.ศ. ๒๕๖5 (นายกศุ ล ชมุ ปญ๎ ญา) ผอู้ ํานวยการโรงเรยี นบา้ นศรีวิชา “คุรรุ าษฎร์อุทศิ ”
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431