191 117981 8๘. บนั ทกึ ผผลลหหลลงั งั สสออนน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอุปสรรค ............................................................................................................................. ............................................. ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. .............................................. ลงช่ือ ......................................ผ้สู อน (.......................................................) วันท่.ี .........เดือน..........พ.ศ............. 9๙. ควาามมคคดิ ิดเเหห็น็น//ขขอ้ ้อเสเสนนออแแนนะะขขอองผงผ้บู ้บูรหิริหาราหรรหือรผือูท้ ผี่ไ้ทู ดไี่ ้รดับร้ มับอมบอหบมหามยาย ............................................................................................................................. .............................................. ลงชอ่ื ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................) วนั ที่..........เดอื น..........พ.ศ........
วนั วสิ าขบูชา วันมาฆบูชา วันอาสาฬหบชู า วันเข้าพรรษา วนั ออกพรรษา 192 เหตกุ ำรณส์ ำคัญ วนั อัฐมีบูชา วนั ทีเ่ กดิ เหตกุ ำรณ์ วันเทโวโรหณะ วนั ธรรม เรียนร้เู รือ่ งวนั สำคญั กำรปฏบิ ัตศิ ำสนพิธี ขอ้ คิดท่ไี ดจ้ ำกวันสำคัญ 179 192
๑๙๓ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 31 เรือ่ ง ศาสนพิธี เวลา 1 ชัว่ โมง หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 5 เร่อื ง ศาสนพธิ แี ละวันสาคัญทางพระพทุ ธศาสนา ช้ันมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม รายวิชา สังคมศึกษา สอ่ื /แหล่งเรียนรู้ 1. หนังสอื เรยี นพระพทุ ธศาสนา ตัวชว้ี ดั กิจกรรมการเรยี นรู้ โดยใช้การเรียนการสอนแบบวิธสี าธติ 2. โต๊ะหมูบ่ ชู า ส 1.2 ม.1/4 จดั พธิ กี รรมและ ข้ันนา 3. ภาพโต๊ะหมบู่ ูชาแบบหมู่4๔หหมม5ู่ ู่ ๕หหมมู่7ู่ ๗ 1. ครูถามนักเรียน นักเรียนรู้หรือไม่ โตะ๊ หมู่บชู ามีกี่แบบ และหมู่9๙ ปฏบิ ตั ติ นในศาสนพิธี พิธีกรรมไดถ้ ูกต้อง 2. ครูนาภาพโต๊ะหมู่บูชาแบบหมู่4๕หหมมู5่ ู่ ๕หมแู่7ละแหลมะู่ ห๙มใู่9ห้นใหกั ้นเรักยี เนรยีศนึกษศกึาษา ภาระงาน/ชน้ิ งาน สาระสาคญั แลว้ ตอบคาถาม จากภาพเป็นโตะ๊ หมู่บูชาแบบใด สาธิตการปฏิบัตศิ าสนพิธีและการจัดโต๊ะ หมบู่ ชู า พิธีกรรมทางศาสนาเปน็ แบบแผน - โตะ๊ หมบู่ ูชาแบบหมู่ 4 ทพ่ี งึ ปฏบิ ัตขิ องศาสนกิ ชนเพื่อแสดงความ ทท่ีมม่ี าา ::hhtttpp:/://wwwwww.d.dmmcc.t.tvv//imimaaggeess//0000- - เลอื่ มใส ศรัทธาต่อศาสนา iimimaaggee//TToormrmuu-2-2.jp.jpgg ขอบเขตเนอ้ื หา 1. การจัดโต๊ะหม่บู ชู า แบบ หมู่ 4 หมู่ 5 - โต๊ะหมู่บชู าแบบหมู่ 5 หมู่ 7 หมู่ 9 2. การจดุ ธูปเทยี น การจดั เครอื่ งประกอบ โตะ๊ หมบู่ ชู า 3. คาอาราธนาตา่ ง ๆ ทท่มี ม่ี าา ::hhtttppss:/://bbitit.l.yly//22RRNN33sAsXAX 118903
194 แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 31 เรอ่ื ง ศาสนพิธี เวลา 1 ชั่วโมง หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 5 เร่ือง ศาสนพธิ ีและวันสาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม รายวิชา สังคมศกึ ษา จุดประสงค์การเรียนรู้ ด้านความรู้ - โต๊ะหมบู่ ูชาแบบหมู่ 7 1. อธิบายเกยี่ วกับพิธกี รรมทางศาสนา ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ 2. จัดโต๊ะหม่บู ูชาและจดุ ธปู เทยี นบูชา ทท่ีม่ีมาา ::hhtttptps:s/:/b/biti.tl.yl/y2/2AKAJKgJWgWWW พระรตั นตรัยได้อย่างถูกต้อง - โตะ๊ หมู่บูชาแบบหมู่ 9 3. วิเคราะหบ์ ทสวดมนตแ์ ละกลา่ วคา อาราธนาศีล อาราธนาธรรม และ อาราธนาพระปรติ ร ด้านคณุ ลกั ษณะ 4. ปฏิบตั ติ นในพิธีกรรมทางศาสนา ที่มทาี่ม า: h:tthptst:p/s/:b/i/tb.liyt./l2yC/2l9Cplv99pv9 3. ครูเฉลยคาตอบและตง้ั คาถาม ดงั นี้ ๑) นกั เรยี นจะพบเห็นโต๊ะหมู่บูชาในสถานท่ใี ดได้บา้ ง (แนวคาตอบ : เชน่ ในวดั พบในงานพธิ ีตา่ ง ๆ ในบ้านหรอื ตามสถานท่ี ราชการ เช่น ในโรงเรียน เปน็ ตน้ ) 118914
หกหกลนลนุม่วุ่่มว่ สยสยากากราราะระรกเกเรารายี รียรนเนเรรรียรู้ทียู้ทนน่ี ่ีร5ร5ู้ ู้สสเังเงัรครคอื่ ื่อมมงงศศศกึศึกาษาษสสาานนศพศพาิธาธิสีแสีแนลนลาะาะแวแวลนัลแ4แคข๒(พนั ะแแค4ข(พ๒แสะแลบอืน้ัสร).วบลนือน้ัร).วานะะพบคัฒาสนะะพบวคคัฒสนโรวครรใอักโรคตนรรญัใอัตักหคตสูะนญััตนหเาูสะะ๊นธนเรา้ปน๊ะาทธนตร้นปหาทรียตธตหกัญัรยีาธอตกัญัรมนิตาอรรมเนงติบรมญเรู่งยักคบมญพรู่9ยักคยีพ9าาิดีย:าาริดอน:รธคดเรอวนใเรธคดเะทวนัใจแเปูฟพหะทุอณา่ันจแูปฟพพหุอณ่ายีดัไผพโก้นงัอ่ืยีดัไผโดก้นงัตหือ่นทุโดนตหพไเนุทักโนต้แพไเะ๊ักสมมธต้แ๊ะกสมมเรธห๊ะกหกรเร้ราศหะ๊กหะาร้ราศหหม่ิมะายยีมหาหม่ิมรกยยีพมามรกามพสถนู่บสจมามรสถนู่บสรจยารรงึบู่ดรนยชูณุดัารงึู่บะดนชูยถณุดัา้ะูชูยถาา้กากพชููงพาถาึงกากพมางพาถึงาาคคมาุทึงาารคแคพุทีไรึงรรแวพุณไีร(อ้รวธบวบณุพเ(อ้แวธราบบพเ้เรแรรมาแบะเ้รูชรพมนมรแูปบะยีชูพมนรอปูลธยีะาโเอวื่อลธะนาโเวปธ่ืตอรพะสนกหปธตรรจพะสกหบิรรรจะ๊น็พงริบราาร๊ะมุดน็พงร้ทูมาาเมดุาฆะสรูท้มรยเาฆดปาะสรรยยคี่ดปา์สอพะริยควยี่่ียอส์พะริรวคยา่ียิมาธป3รุทิคชาถมิวะาธป3สทุิชถววิบวะงสรว1วึงาธิบสงรัง่าก1ึงาคธสโิสาั่งากคคโงสิสามตพคขสลยงสมทุตเพคขุณสลยอทุเแ๊ะรคุอณรใังอแ๊ะรธอใ์รใงั:นนอ่ืหตธะ์ใคทงด:นนอ่ืหิคตะคทงดโคิงพทกบสมมง้ัโงพทณุกบตสมมง้ัณุตตมัู่่ีเรรศศตัมะู๊่เ่ีรร3ห4ศศะิเะ๊่าม3ห4กึาะหิเวา่มมึกงาหพวามสงษขพณโมาขสือษขณโสมตทุขือนอสตทุา่บูอนนพอัมาะ๊บู่อธนพงัมพ๊ะงธูชงแพิหธพเงพชูแโิหธพเพจาิธีแโสตจมุทาธิรแีสตแมาุ้ทีรลงแา้ะู๊่ีะธลง)๊ะบู่ะส5ธะ)หบพส5เะหพเบวจเมบวจเทุปโา่มา้ทุหปโา่ต้าู่บหธงน็ตู่บธงม็น๊ะเชูมสะ๊เูชจู่สหจาู่ห่งิ4า้างิ่4แมา้แแมแตู่ทตู่ท7่ล7น่ลนะะ 119955 ชช้ันั้นมเมเววัธธัลยลยามามศศ1ึก1กึ ษชษชา่ัวา่ัวปโปโมีทมีทง่ีงี่ 11 iทiทiimmีม่ มี่ าaาag :g:e/ehh/T/tTtoTttopropmr:r:/m/m/u/wuw-u2-w-w2.2jwp.wj.pjg.p.ddggmmcc..ttvv//iimmaaggeess//000000--- ตดพ((ท(ทพตด(ททแทวา้ัิธไ่ีต่ีวัา้มี่ธิ่ีมนนมบีกีม่นบวักีาาเ่วหนาาบป หนากรน::สนร็นน:สมาhhดุา้มพสhรุด้าาวttาอธวิุดtกวtากวtีาppธางpาวงนาบิssงพนsงพรา::พาา//:าพมาง/าโ/ยานโพา/ตานbbนตbกพน๊ะา:iiพะ๊พttiนมุ่มพโtน..มมุ่ตl่มุl.พาl่มุyyำาแ�y๊ะดปโแ//่มุดปต/ลหอ22รลดอ2ระ๊ะมsะกsะอะกมsrเกrไบู่เชSกrกไSามชอSมชู9ิงปอ9ไ้งิ9บเมา้zทรบเทzทแZทzช้ะใ่โีZชทียใี่โZบชตกุด)ยี ชตดุ)นี่โอ้ส)๊ะบในตส้๊ะใหบดาหหสดา๊ะสหมช้าหมม่วด้าว่นด่เุรนน่เู่ร้าพนบัใพข๔ับนกขหยีกพา้ียรขพ้ามงใงรงิธะงชา้เ่ธิะพที4ถ2ง้สที4ถ2ยีาาำ๒าา�ตตบงงหตตบงธวัวัญุธ๔รวัตัวุญปู ปูับปวัสทปวตสทวพร่วีบ่าวสัรว่บี่าะนธิงะ้าน่วงปด้าทีทโนดนทโนตษิรำ่โีตษิโ�โ่ีะต๊ะทบฐตต๊ะทฐดต๊ะาีท่ญุะ๊ต๊ะาษที่ิตวันตตัวานทฐลาัวพงลัวัวพาง่บี่าราลร่ารนางอรน้าะงอ่านสพะงนสงพงดุลทพรสดุลทุทะทา่ไี่ทุดุ่าีไ่พมงธ่ีทมงธสรทุ่เสำร่เปุดปู�ปธงุดูปน็รทาน็ทปูน่ี ่ี 182 191595
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 31 เร่อื ง ศาสนพิธี ๑๙๖ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 5 เรอ่ื ง ศาสนพิธแี ละวนั สาคัญทางพระพุทธศาสนา เวลา 1 ชั่วโมง กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา สงั คมศกึ ษา ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 - โตะ๊ หมูบ่ ชู าแบบหมู่ 5 ทที่มาีม่ า: h:tthpt:t/p/p:/ro/pvirnocvei.nmc-ec.umltu-creu.lgtou.trhe11/.gk//a0o0m88.t.h.ppp/hddkaffanmgpphheat/nsegpcshtieotn/9se/scesctsiotionn99(4(4)/)/99-1-1-- ใชส้ าหรบั พิธีทาบุญทบ่ี ้าน ท่ีทางาน ทไ่ี ม่เป็นพธิ กี ารมากนัก ประดษิ ฐาน พระพทุ ธรูปท่ีโต๊ะตัวบนสุด วางพานดอกไมท้ ่ีโต๊ะกลางลา่ งและดา้ นข้าง 2 ตวั ส่วนตวั ลา่ งสุดเป็นโต๊ะยาวตลอด วางกระถางธปู เชิงเทยี น และพานพมุ่ ท้งั 2 ข้าง ทีม่ า : http://udn.onab.go.th/index/php?option=com_conten&view=article&id h=t1tp67:/:/2u0d0n9.o-0n4ab-0.g8o-.0th8/-i0n2d-e1x8.p&hcpa?toidp=ti6o2n:=2c0o0m9-_0c4o-n0t8e-n0t7&-v4i5e-w1=2a&rItticelme&idid==211627:2009- 04-08-08-02-18&catid=62:2009-04-08-07-45-12&Itemid=212 181936
แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 31 เร่ือง ศาสนพิธี ๑๙๗ หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 5 เร่ือง ศาสนพิธีและวนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา เวลา 1 ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม รายวิชา สงั คมศึกษา ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 - โต๊ะหมูบ่ ูชาแบบหมู่ 7 ททมี่ม่ี าา ::hhtttptp:/://p/rporvoinvcine.cme-.cmu-ltcuurelt.ugore.th.g/oka.tmh/pkhaamngpphhaent/gspehcsetito/nse9c/sseticosntio9n(49)(/49)-/19--1- 11/0088..ppdf ใช้สาหรับจดั เป็นพระประธาน ในศาสนพิธสี งฆ์ ที่เปน็ ทางการ เชน่ พระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ วหิ าร ประดิษฐานพระพุทธรูปทีโ่ ต๊ะตัวบนสดุ วางพานพุ่มดอกไม้ที่ โต๊ะตัวรองตรงกลาง และทัง้ 2 ข้าง วางแจกนั ดอกไมท้ โี่ ต๊ะตวั บนสดุ ดา้ นข้างอีก 1 คู่ ตัวลา่ งสุดด้านหน้าวางกระถางธูป เชงิ เทยี น ตกแตง่ ดว้ ยเชงิ เทยี น ทีม่ ุมโต๊ะทกุ ตวั ท่วี าง พานพุ่ม hทtม่ี tาp://udn.onab.go.th/index.php?option=com_content&view=ariticle&id= 1h6tt7p:2//0u0d-n/.0o4n-a0b8.g-0o8.th-0/i2n-d1e8x&.pchapt?ido=pt6io2n:2=0c0o9m-0_4co-0n8te-0n7t&-4vi5e-w1=2a&rItticelme&iidd=211627:200 9-04-08-08-02-18&catid=62:2009-04-08-07-45-12&Itemid=212 118947
แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 31 เรือ่ ง ศาสนพธิ ี 198 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 5 เร่ือง ศาสนพิธแี ละวันสาคญั ทางพระพุทธศาสนา เวลา 1 ช่ัวโมง กล่มุ สาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม รายวิชา สงั คมศกึ ษา ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 - โต๊ะหมบู่ ูชาแบบหมู่ 9 ท่ีมา : hhttptp:/:/p/rporvoinvcinec.me-.mcu-lctuurlet.ugore.t.hg/ok.atmh/pkhaamngpphhaent/gspehcsettio.sne9c/steiocsnti9o(n49)9(4-1)/-9-1- 11//0088.p.pdf ใชส้ าหรบั จดั เป็นพระประธาน ในศาสนพิธีสงฆ์ ท่เี ปน็ พธิ กี ารใหญ่ เช่น พระ อโุ บสถ ศาลาการเปรยี ญ วิหาร ประดิษฐานพระพทุ ธรูปทโ่ี ต๊ะตวั บนสุด วางพานพ่มุ ดอกไมท้ ีโ่ ต๊ะตวั รองด้านขา้ งๆละ 3 พุ่ม และตัวรองตรงกลางอกี 1 พาน วางแจกัน ดอกไมท้ ี่มมุ โต๊ะตวั บน หลังพานพุ่มข้างละ 2 แจกนั ส่วนตัวล่างสุดวางกระถางธปู เชิง เชทิงียเนทียปนระปดรบัะเดชับิงเชทิงยี เนททยี น่ีมทุมโี่มตุม๊ะโตท๊ะกุ ตทวักุ วตาัวงวพาางนพพานุ่มพดอมุ่ กดไอมก้ ไม้ ท่ีมา : http://udn.onab.go.th/index.php?option=com_content&view= ahrttipc:l/e/u&didn=.o1n6a7b:.2go0.0th9/-in0d4e-0x8.p-h0p8?-o0p2t-i1o8n&=coamtid_=co6n2t:e2n0t0&9v-ie0w4-=0a8rt-i0cl7e-&4i5d-=167:20 1029&-0It4e-m08id-=0281-022-18&catid=62:2009-04-08-07-45-12&Itemid=212 185 198
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 31 เรื่อง ศาสนพธิ ี 199 199 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 5 เร่ือง ศาสนพิธีและวนั สาคัญทางพระแพผุทนธกศาารสจนัดาการเรียนรู้ท่ี 31 เร่ือง ศาสนพธิ ี เวลา 1 ชั่วโมง หกลนุ่มวสยากราะรกเรายี รนเรรยี ู้ทน่ี ร5ู้ สเงั รคือ่ มงศศึกาษสานศพาิธสแี นลาะแวลนั ะสวาัฒคนัญธทรารงมพระพทุ ธศาสนา รายวิชา สังคมศกึ ษา ช้นั มเวัธลยามศ1กึ ษชาั่วปโมีทงี่ 1 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนา5แ.ลจะาวกัฒนนั้ ใธหรน้รมักเรียนผลัดกันทดลองจดั โรตา๊ะยหวมิช่บู าชู สาแังบคมบศตกึ่างษาๆ ตามแบบท่ีครูสาธิต ช้ันมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 ห5า. กจมากขี น้อสน้ั งใสหัยน้ ใักหเ้ศรยีึกนษผาลคัดวากมันรทเู้ พดลิม่ อเตงมิจจดั าโตก๊ะหหนมงั สู่บือูชเารแยี บนบหตรา่ ืองสๆอตบาถมาแมบจาบกทค่ีครรู สู าธิต ห6า. กคมรีขใู ห้อ้นสักงสเรยั ยี ในหรศ้ ว่ ึกมษกานั คจวาลมอรงเู้ พสถิม่ าเตนมิ กจาารกณห์กนาังรสปือฏเิบรยีตั นศิ าหสรนอื พสธิ อี บ(กถาารมจจดั าโกตคะ๊ รหู ม่บู ชู า 6แล. ะคจรดุใู หธูน้ปักเทเรียยี นนบรชู ่วามพกรนั ะจราัตลนอตงรสัยถากนากรการลณา่ ว์กคาารอปาฏรบิาธัตนศิ าศสีลนพอธิาีร(ากธานราจธัดรโรตมะ๊ หแมลบู่ะชู า แอลาระาจธุดนธาูปพเทระยี ปนรบติ ชู รา)พระรตั นตรัย การกล่าวคาอาราธนาศลี อาราธนาธรรม และ อ(แานรวากธนาราปพฏระบิ ปตั ริ :ิตร) (แนวการ1ป)ฏสบิ มัตมิ :ตนิ ักเรียน 1 คนเปน็ ประธานในพิธี ต้ังโตะ๊ หมบู่ ูชาหรือส่งิ แทนโต๊ะหมู่ บูชาไว้เบ1ื้อ)งหสนมา้มชตัน้ นิ เกัรเยี รนยี น 1 คนเปน็ ประธานในพิธี ตั้งโต๊ะหมู่บชู าหรือสง่ิ แทนโตะ๊ หมู่ บูชาไว้เบ2ือ้ )งหใหนต้าชัวแน้ั ทเรนียนนักเรยี นสมมติจุดธูปเทยี น โดยเร่มิ จากจุดเทียนดา้ นขวาของ พระพุทธ2รปู) กให่อ้ตนัว(หแทรือนดน้าักนเซรียา้ นยขสอมงมผตจู้ จิ ดุ ุดเธทูปยี เนท)ยี แนล้วโดจยุดเธรูปิม่ ทจั้งาก3จุดดเอทกยี ตน่อดไ้าปนขวาของ พระพุทธ3รปู) กจ่อากนน(หั้นรใือหด้น้าักนเรซียา้ นยขในอชงั้นผจู้เรดุ ียเนทรยี ว่นม)กแันลกว้ ลจา่ดุ วธอปู าทรั้งาธ3นาดศอีลกต(ม่อะไยปัง ภนั เต...) อาราธนา3ธ)รรจมาก(นพ้ันรหใหมน้ มักาเรจยีะนโลในกาช.้ัน..)เรแยี ลนะรอว่ ามรกานัธนกลาพ่าวรอะาปรราิตธรนา(วศปิ ลี ตั (ตมปิ ะะยฏังพิ ภาันหเาตย..ะ.)...) อ7า.รคารธูทนบาทธรวรนมคว(พามรหรูแ้มลมะาลจาะดโับลขก้นัา.ต..อ) นแจลนะกอวารา่ านธักนเรายีพนรจะะปเรขิต้ารใจ(วแิปลตั ะตเปิ ดิะโฏอพิ กาาหสาใยหะ้ ...) 7นกั. เครรยี ทู นบคทนวอนนื่ คๆวาไมดร้ลู้แอลงะปลฏาิบดับติดข้วนั ยตอนจนกวา่ นกั เรยี นจะเขา้ ใจ และเปิดโอกาสให้ นขั้นกเสรรียุปนคนอืน่ ๆ ไดล้ องปฏิบตั ดิ ว้ ย แ๘บบ8ขใใ8ลหห.น้ั.ูชูชะคคคถ้้ถสาาลรรกููกรรพพำูใ�ปุ หดใใููตตรรหหบัน้ ้้ออะะกัก้้นนงงรราเกัักรออตััตรยี เเปีกีกนนนรรฏคคียยีรตตบิ ว่รรนนรรตัมง้ัั้งยยััรริศกว่ว่านั แแสมมอนลลธกกพะะิบนัันธิาลลีทออยาากีไ่ธธดดดาบิิบ้รบบััร่วจาากกมดัยยาากโกกตรรนั าาะ๊ปปปหรรฏฏฏมจจบิ ิบิบบู่ััดดตั ชูตตััโโิใาตตหศิิศแถ้๊ะ๊ะาาลกู หหสสะตจมมนน้อุดงูบู่บ่พพธอปูชชููธิิธกี เาาีทีทคทแแรียไี่่ีไง้ัลลดดนะะบร้้รวว่่ชูจจามมดุุดพกกธธรูปูปนัันะรเเปปัตททฏฏนยยีี ติบบิ นนรัตตั ยั ิิ 186 199199
200 210807 ส่งิ ที่ต้องการวัด/ประเมิน วธิ ีการ เครือ่ งมือที่ใช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ นกั เรียนอธบิ ายและตอบ คาถามเกย่ี วกับพิธกี รรม ดี : อธิบายเกยี่ วกับพธิ ีกรรม 1. อธบิ ายเกยี่ วกับพิธกี รรม คาถาม ทางศาสนา ทางศาสนาไดอ้ ย่างถูกต้อง ทางศาสนาไดอ้ ย่างถูกต้อง เหมาะสม ครบถว้ น สมบรู ณ์ พอใช้ : อธบิ ายเกีย่ วกับ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ แบบประเมนิ การปฏิบตั ิ พธิ ีกรรมทางศาสนาได้แตย่ ัง 2. จดั โตะ๊ หม่บู ูชาและจดุ ธูป ประเมนิ การปฏิบัติ แบบประเมินการปฏิบัติ ไม่ครบถ้วน เทยี นบชู าพระรัตนตรัยได้ ปรบั ปรุง : ไมส่ ามารถ อย่างถูกต้อง อธิบายเก่ียวกับพิธีกรรมทาง 3. สวดมนต์และกลา่ วคา ศาสนาได้ อาราธนาศลี อาราธนาธรรม ดี : สามารถจัดโต๊ะหมูบ่ ูชา และอาราธนาพระปรติ รได้ และสวดมนต์ได้อย่างถกู ต้อง อย่างถูกต้อง สมบรู ณ์ ด้านคุณลกั ษณะ พอใช้ : สามารถจดั โต๊ะหมู่ 4. ปฏบิ ัตติ นในพิธกี รรม ประเมนิ การปฏิบตั ิ บูชา และสวดมนต์ไดแ้ ต่ยัง ทางศาสนาไดอ้ ย่างถูกตอ้ ง ไม่ครบถว้ น ปรับปรงุ : ไมส่ ามารถจดั โตะ๊ หมู่บชู า และสวดมนต์ได้ ดดี ี::ปปฏฏบิ ิบตั ติัตนิตในพในิธกีพริธรีกมรรม ททาางงศศาาสสนนาไาดไอ้ดย้อา่ ยง่าถงูกถตูกอ้ ตง้อง พทปตสไสพพปปมนารอิธฏรงับบใอใมีกศนัิชบบรูป่รใาพ้ณัตรรส:ปชมธิงุมิ์ตนปส้กีรทน:าฏรุ:งาไไริบใดปงมนมมตัศ:แ้ส่บทพฏติาตไาูาิสินมมย่ธบงบนีใังก่าศสันไรตูารามพาถไิสรรตด่สปมิธนมรม้แกีนฏาาทบตริบไรใ่ยราูรดณณตันถมณังง้ ิ ์์ ์ ศาสนาได้
201 128081 8. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอุปสรรค .......................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ...................................................................................................... ..................................................................... ลงช่อื ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วันท่ี..........เดอื น..........พ.ศ............. 9๙. คววาามมคคดิ ิดเเหห็นน็ //ขข้ออ้ เสเสนนออแแนนะะขขอองผง้บูผู้บรหิ ราหิ ราหรรหือรผือูท้ ผี่ไูท้ ด่ไีร้ ดบั ้รมับอมบอหบมหามยาย .................................................................................................. ......................................................................... ลงชอื่ ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................) วนั ท.่ี .........เดือน..........พ.ศ........
๒๐๒ แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 32 เร่อื ง อานาปานสติ เวลา 1 ช่วั โมง หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 5 เร่ือง ศาสนพิธแี ละวนั สาคัญทางพระพทุ ธศาสนา กล่มุ สาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา สงั คมศกึ ษา ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 1 ตัวชว้ี ดั กิจกรรมการเรยี นรู้ โดยใชก้ ารเรียนการสอนแบบวธิ สี าธิต ส่อื /แหลง่ เรยี นรู้ ส 1.2 ม.1/4 จดั พธิ กี รรมและ ข้ันนา 1. ภาพคนนัง่ สมาธิ 1. ครูใหน้ กั เรยี นดภู าพคนนั่งสมาธิ แลว้ ถามนักเรยี นในประเด็นดังต่อไปนี้ 2. ภาพการนง่ั สมาธริ าบ ปฏบิ ัติตนในศาสนพธิ ี พิธีกรรมไดถ้ ูกต้อง 3. ภาพการกาหนดลมหายใจเขา้ – ออก สาระสาคัญ 4. หนังสือเรียนพระพทุ ธศาสนา ภาระงาน/ชน้ิ งาน พิธกี รรมทางศาสนาเป็นแบบแผนที่ ปฏบิ ตั ิสมาธิเบ้ืองตน้ ตามหลกั อานาปานสติ พึงปฏิบตั ขิ องศาสนิกชนเพื่อแสดงความ เลื่อมใสศรัทธาต่อศาสนา ขอบเขตเนอ้ื หา วธิ ปี ฏบิ ตั ิและประโยชน์ของการ บรหิ ารจติ และเจริญปัญญา การฝึกบริหารจติ และเจริญปัญญาตามหลกั สติปัฎฐาน เน้นอา ท่มี า : เมธิณี สมมติ ร(2561) นเนาน้ ปอาานนสาตปิ านสติ ๑) จากภาพ นกั เรยี นคิดวา่ การน่ังสมาธิมีประโยชนต์ ่อเราในเรื่องใดบ้าง จุดประสงค์การเรยี นรู้ (แนวคาตอบ : การทาสมาธทิ าใหจ้ ิตใจของผ้ปู ฏิบตั ิมคี วามสงบ มีสมาธอิ ยู่กับ ดา้ นความรู้ ตัวและมีโอกาสพิจารณาสง่ิ ตา่ ง ๆ ซ่ึงมีประโยชนใ์ นการเรยี นของนักเรียน ทา ทให�ำม้ใหสี ้มมสี ามธาใิ นธิใกนากราเรยีเรนยี แนลแะลกะากราทราทง�ำางนานตา่ตง่างๆๆทท่ีไดีไ่ ด้ร้รับบั มมออบบหหมมาายยจจติ ติ ใใจจผผ่อ่องงใใสสไม่ 1. อธบิ ายวิธีการเบ้อื งตน้ ของการทาสมาธิ โกรธง่ายและมีสุขภาพจติ ท่ดี ี) ตามหลักอานาปานสติ ๒) เราสามารถทาสมาธิได้ในเวลาใดบ้าง อานาปานสตใิ นชีวติ ประจาวัน (แนวคาตอบ : เช่น ก่อนนอน ในเวลาวา่ ง ในเวลาทเี่ ราต้องการสมาธิในการ ใเรนยี กนารแเลระยี แนกแป้ลัญะแหกา้ปตญั า่ งหาๆต)า่ ง ๆ 128092
๒๐๓ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 32 เร่อื ง อานาปานสติ เวลา 1 ช่ัวโมง หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 เรอื่ ง ศาสนพิธแี ละวันสาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา สงั คมศกึ ษา ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ดา้ นทักษะและกระบวนการ จากนน้ั ครสู รุปคาตอบของนักเรยี น และอธบิ ายว่า การทาสมาธิใน 2. นงั่ สมาธเิ บือ้ งตน้ ตามหลักอานาปานสติ พระพทุ ธศาสนาเปน็ วิธีการฝึกจติ และปญั ญา ทาให้เรามคี วามสงบและมีสติ ดา้ นคณุ ลักษณะ เมื่อมสี ติแลว้ ก็จะสามารถทาสิ่งต่าง ๆ ได้อยา่ งมีประสทิ ธิภาพ ใชป้ ญั ญาใน 3. เห็นประโยชนข์ องการทาสมาธิตามหลกั การดาเนนิ ชวี ติ และตดั สนิ ใจไดอ้ ย่างไมผ่ ิดพลาด โดยการฝึกสมาธิใน พระพุทธศาสนาจะใชห้ ลักอานาปานสติ ขน้ั สอน 2. ครใู ห้นกั เรยี นเตรยี มสถานท่ี โดยจดั โต๊ะเก้าอชี้ ดิ มมุ ห้องเรยี นและให้ นักเรยี นนัง่ เปน็ แถว (ถา้ เป็นสถานที่เช่น ห้องจรยิ ธรรม หอ้ งพระ ที่นักเรียน สามารถนัง่ ที่พ้นื ได้เลย แต่ถา้ ไมม่ ีพ้ืนที่หรอื ไม่สะดวก ครใู ห้นักเรยี นนง่ั บน เก้าอเ้ี พื่อทาสมาธ)ิ 3. ครูและนักเรยี นน่งั ขัดบลั ลงั ก์ คอื ขัดสมาธริ าบ โดยเท้าขวาทับเท้าซา้ ย และมือขวาทับมอื ซ้าย หลงั ตงั้ ตรงไม่งอแต่ไมเ่ กร็งจนเกินไป ถา้ นักเรยี นนัง่ บน เกา้ อ้ีใหน้ ง่ั หลงั ตรง มือขวาทับมือซ้าย ขาทงั้ สองวางชดิ กนั ไมเ่ กรง็ จากน้ันครูสรุปคาตอบของนักเรียน และอธบิ ายวา่ การทาสมาธิใน พระพทุ ธศาสนาเปน็ วิธีการฝึกจติ และปัญญา ทาให้เรามคี วามสงบและมสี ติ เมอื่ มีสติแลว้ ก็จะสามารถทาส่ิงตา่ ง ๆ ได้อย่างมีประสิทธภิ าพ ใชป้ ัญญาใน การดาเนินชีวิตและตดั สินใจได้อย่างไมผ่ ิดพลาด โดยการฝกึ สมาธใิ น พระพุทธศาสนาจะใชห้ ลักอานาปานสติ 129003
๒๐๔ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 32 เรอ่ื ง อานาปานสติ หน่วยการเรยี นรู้ที่ 5 เร่ือง ศาสนพิธีและวันสาคัญทางพระพุทธศาสนา เวลา 1 ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา สงั คมศึกษา ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ดา้ นทักษะและกระบวนการ ขัน้ สอน 2. นงั่ สมาธเิ บอื้ งตน้ ตามหลักอานาปานสติ 2. ครใู ห้นักเรยี นเตรยี มสถานท่ี โดยจดั โตะ๊ เกา้ อี้ชิดมมุ ห้องเรียนและให้ ดา้ นคณุ ลกั ษณะ นักเรียนนั่งเปน็ แถว (ถ้าเปน็ สถานท่ีเช่น หอ้ งจริยธรรม หอ้ งพระ ที่นักเรียน 3. เห็นประโยชนข์ องการทาสมาธิตามหลัก สามารถนง่ั ที่พ้ืนไดเ้ ลย แตถ่ า้ ไม่มีพนื้ ทห่ี รือไม่สะดวก ครูให้นกั เรียนน่ังบน เกา้ อเี้ พื่อทาสมาธิ) 3. ครูและนักเรียนนัง่ ขัดบัลลังก์ คอื ขดั สมาธริ าบ โดยเทา้ ขวาทับเท้าซ้าย และมือขวาทับมือซ้าย หลังตงั้ ตรงไม่งอแต่ไมเ่ กร็งจนเกนิ ไป ถ้านกั เรียนนัง่ บน เกา้ อี้ให้น่งั หลังตรง มือขวาทับมือซา้ ย ขาทง้ั สองวางชดิ กันไมเ่ กร็ง ทที่ม่มี าา ::hhtttpp::////wwwwww..mmaaddcchhiimmaa..nneett//imimaaggeess//999999_P_DPDVDVD_0_2052.j5p.gjpg 129014
๒๐๕ แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 32 เรื่อง อานาปานสติ เวลา 1 ชั่วโมง หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 5 เรอื่ ง ศาสนพิธีและวนั สาคัญทางพระพุทธศาสนา กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา สงั คมศกึ ษา ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 4. จากนั้นครูอธบิ ายหลกั การทาสมาธิตามหลกั อานาปานสติ ดังนี้ อานาปานสติ หมายถงึ การระลกึ ถึงลมหายใจเข้า – ออก โดยกาหนดจติ ผา่ น การหายใจเขา้ – ออก ซ่งึ สามารถใช้การภาวนาผา่ นลมหายใจเข้า – ออก โดยหายใจเข้าภาวนาว่า “เข้า หรือ พุทธ” หายใจออกภาวนาว่า “ออก หรอื โธ” ข้นึ อยกู่ บั ความถนัดของนักเรียน ทม่ี าี ::http::///mmmmf2f2uu.o.orgr/gw/pw-cpo-cnotenntte/unpt/louapdlso/a9d4s7/9-34070-3x0205x82.5jp8e.gjpg จากนน้ั ใหน้ ักเรยี นต้ังสติแลว้ คอ่ ยๆๆหหลับลับตาตากกาำ� หหนนดดลลมมหหาายยใใจจเเขข้า้า –- ออกพร้อมกับภาวนา ถ้าจติ ฟุ้งซา่ นไปท่ีอื่นให้กาหนดรู้ แล้วกาหนดสตใิ ห้อยู่ กับลมหายใจอีกคร้ัง” โดยครูปฏบิ ัตใิ หน้ กั เรยี นดเู ป็นแบบอย่าง แล้วให้ นกั เรียนปฏบิ ตั ิตามในเวลาพอสมควร ประมาณ 3 - 5 นาที 129025
๒๐๖ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 32 เรอ่ื ง อานาปานสติ เวลา 1 ชั่วโมง หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 5 เร่อื ง ศาสนพิธีและวนั สาคัญทางพระพทุ ธศาสนา ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา สงั คมศึกษา ขน้ั สรปุ 5. เมอื่ นักเรียนทาสมาธแิ ลว้ ครใู ห้นกั เรยี นแสดงความคิดเหน็ หรือความรู้สกึ หลงั จากการทาสมาธิ ใหน้ กั เรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นภายในห้องเรยี น ครูสรุปความรแู้ ละช้นี าใหน้ ักเรยี นเห็นประโยชน์ของการทาสมาธิ (แนวการอธิบาย : การทาสมาธิสามารถทาได้ในทุกท่ี ทุกเวลาและทุกวยั ถา้ ถนา้ ักนเรักยีเรนียนน่ังนส่ังมสามธาเิ ปธิเ็นปปน็ รปะรจะาจก�ำ็จกะจ็ชะว่ ชย่วใหยใส้ หม้สามธาิดธีขดิ น้ึ ีขน้ึไมไ่ฟมุ้งฟ่ ซงุ้่าซน่านไมไ่วมอว่ กอแกวแกวก สุขภาพจิตดี สามารถอดทนต่อความโกรธได้และมีสติปัญญาในการวเิ คราะห์ พิจารณาหาทางออกในการแก้ปัญหาหรือการเรียนไดม้ ากขึ้น) 193
207 210974 สิ่งท่ตี ้องการวดั /ประเมิน วิธกี าร เครอื่ งมือทีใ่ ช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ ประเมินการปฏิบตั ิ แบบประเมินการปฏบิ ัติ ดี : อธิบายวิธีการทาสมาธิ 1. อธิบายวิธีการเบอ้ื งต้น ตามหลกั อานาปานสติได้อยา่ ง ของการทาสมาธิตามหลัก แบบประเมินการปฏบิ ตั ิ ครบถ้วน สมบูรณ์ อานาปานสติ พอใช้ : อธบิ ายวิธีการทา คาถามเกย่ี วกบั ประโยชน์ สมาธติ ามหลกั อานาปานสติ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ ของการฝึกสมาธิ ไดแ้ ตย่ ังขาดไปบางประเดน็ 2. ปฏบิ ตั ิสมาธเิ บื้องต้นตาม ประเมนิ การปฏิบตั ิ ปรบั ปรุง : ไมส่ ามารถอธบิ าย หลกั อานาปานสติ วิธีการทาสมาธติ ามหลกั อานา ปานสติได้ ดา้ นคณุ ลักษณะ ดี : ปฏิบตั สิ มาธิเบือ้ งต้นตาม 3. เหน็ คณุ ค่าของการทา ครูตงั้ คาถาม หลกั อานาปานสติได้ถูกต้อง สมาธติ ามหลกั อานาปานสติ ครบถ้วน ในชีวิตประจาวนั พอใช้ : ปฏิบัตสิ มาธิเบอ้ื งตน้ ตามหลักอานาปานสติได้แต่ ยงั ขาดไปบางประการ ปรบั ปรุง : ไม่สามารถปฏิบัติ สมาธิเบ้ืองต้นตามหลักอานา ปานสตไิ ด้ ดี : แสดงออกถงึ เห็นคุณค่า ของการทาสมาธิตามหลกั อา นาปานสติในชวี ิตประจาวันได้ อย่างชัดเจน พอใช้ : แสดงออกถึงเหน็ คุณค่าของการทาสมาธติ าม หลกั อานาปานสติใน ชีวติ ประจาวนั ไดแ้ ต่ยังขาดไป บางประการ ปรับปรงุ : ไม่เหน็ คณุ ค่าของ การทาสมาธิตามหลักอานา ปานสติในชีวิตประจาวัน
208 129058 8. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................................................................. ปญั หาและอุปสรรค .................................................................................................................... ...................................................... ขอ้ เสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. .............................................. ลงช่อื ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วนั ท่.ี .........เดือน..........พ.ศ............. 9๙. คววาามมคคดิ ิดเเหหน็ ็น//ขข้ออ้ เสเสนนออแแนนะะขขอองผงูบ้ผ้บูริหราหิ ราหรรหือรผือ้ทู ผี่ไทู้ ดี่ไร้ ดับ้รมับอมบอหบมหามยาย ............................................................................................................................. .............................................. ลงชอื่ ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................) วนั ท.่ี .........เดือน..........พ.ศ........
๒๐๙ แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 33 เรอ่ื ง บทสวดมนตพ์ ฒั นาสมาธิ เวลา 1 ชว่ั โมง หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 5 เรื่อง ศาสนพิธีและวันสาคญั ทางพระพุทธศาสนา กลุม่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา สงั คมศกึ ษา ชนั้ มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ตวั ช้ีวดั กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อ/แหลง่ เรยี นรู้ ส 1.2 ม.1/4 จดั พิธกี รรมและปฏบิ ตั ติ น ขัน้ นา 1. วดี ิทศั น์บทสวดมนต์บท 1. ครใู หน้ ักเรยี นศึกษาวีดิทัศน์บทสวดมนตบ์ ทสรรเสรญิ พระรัตนตรยั เปน็ สรรเสริญพระรตั นตรยั ในศาสนพิธี พิธกี รรมได้ถกู ต้อง เวลาประมาณ 2 นาที 2. ภาพพทุ ธศาสนสภุ าษิต “จิตตฺ สาระสาคัญ ทนตฺ สุขาวห จิตท่ีฝกึ ดีแลว้ นาสขุ มาให้” พธิ ีกรรมทางศาสนาเปน็ แบบแผนทพี่ ึง ปฏบิ ตั ขิ องศาสนกิ ชนเพ่ือแสดงความเลอ่ื มใส 3. วัสดุ อปุ กรณ์ ศรทั ธาตอ่ ศาสนา ภาระงาน/ช้ินงาน ขอบเขตเนอื้ หา 1. สวดมนต์แปลและแผ่เมตตา บทสวดมนต์แปลและแผเ่ มตตา 2. แปลความหมายของบทสวด - บทสวดมนตไ์ หวพ้ ระ มนตแ์ ละแผเ่ มตตา - บทนมัสการพระพุทธ - บทสรรเสรญิ คณุ พระรัตนตรัย ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=tegVTxaBUjQ - บทแผ่เมตตา จากนน้ั ครูต้ังคาถามกับนักเรยี นดงั นี้ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ บทสวดมนต์บทน้ี เรียกวา่ อะไร ดา้ นความรู้ (แนวคาตอบ : บทสรรเสริญพระรตั นตรัย) 1. อธบิ ายความหมายของบทสวดมนต์แปลและบท แผเ่ มตตา ๑) บทสวดมนตส์ รรเสริญพระรัตนตรัยมีความหมายถงึ เรื่องใด ด้านทักษะและกระบวนการ (แนวคาตอบ : เปน็ บทสวดเพื่อสรรเสริญคณุ ของพระพทุ ธ พระธรรมและ 2. สวดมนต์แปลและแผ่เมตตา พระสงฆ์ ด้านคณุ ลกั ษณะ 3. เห็นประโยชน์ของการสวดมนต์แปลและแผ่เมตตา คุณพระพทุ ธ คือ ทรงเป็นพระอรหันต์ ตรัสรชู้ อบไดโ้ ดยพระองค์เอง คณุ พระธรรม คือ เป็นธรรมที่พระพทุ ธเจ้าทรงตรัสไว้ชอบแลว้ คณุ พระสงฆ์ คือ เป็นพระสาวกของพระพุทธเจา้ ทีป่ ฏิบัติดีแลว้ ) 129069
210 แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 33 เร่ือง บทสวดมนต์พฒั นาสมาธิ เวลา 1 ชั่วโมง หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 5 เร่อื ง ศาสนพธิ แี ละวนั สาคญั ทางพระพุทธศาสนา กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา สงั คมศึกษา ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 2. ครแู ละนกั เรยี นสรปุ คาตอบของนักเรียนแลว้ ให้นกั เรียนร่วมกนั สวดมนต์ บทสรรเสรญิ พระรัตนตรัยพร้อมกับวีดิทัศน์ ขั้นสอน 3. ครนู าสวดมนต์แปล และแผเ่ มตตา (กลา่ วคานมสั การพระรตั นตรัย คา คนำ�อนบอนบอ้ นม้อพมรพะรพะุทพธทุ เจธเ้าจ้าบ ทบสทรสรรเรสเรสญิ รญิพพระรพะพทุ ทุธคธคุณณุ บบททสสรรรเสเสรรญิ ญิ พพรระะ ธรรมคุณ บทสรรเสรญิ พระสงั ฆคุณ และแผ่เมตตาให้นักเรยี นกล่าวตามจน เขา้ ใจ 4. จากน้ันใหน้ ักเรยี นสวดมนตแ์ ปล และแผ่เมตตา (กล่าวคานมสั การพระ รตั นตรยั คานอบน้อมพระพทุ ธเจ้า บทสรรเสริญพระพุทธคุณ บทสรรเสริญ พระธรรมคุณ บทสรรเสรญิ พระสงั ฆคุณ และแผ่เมตตาโดยพร้อมเพรียงกัน 5. ครแู บง่ กลุ่มนักเรยี นออกเปน็ 6 กลุ่ม จากนั้นครแู จกกระดาษ A4 กลุ่ม ลกละมุ่ 1ละแผ๑น่ แแผตน่ ่ละแกตล่ลุ่มะศกึกลษ่มุ ศาตึกาษมาหตาัวมขหอ้ ัวดขังอ้นด้ี งั นี้ - กลุม่ ที่ 1 แปลความหมายบทนมัสการพระรัตนตรยั - กลุม่ ท่ี 2 แปลความหมายบทนอบน้อมพระพุทธเจา้ - กลุม่ ที่ 3 แปลความหมายบทสรรเสริญพระพุทธคุณ - กลมุ่ ท่ี 4 แปลความหมายบทสรรเสริญพระธรรมคณุ - กลุม่ ที่ 5 แปลความหมายบทสรรเสรญิ พระสังฆคุณ - กลมุ่ ท่ี 6 แปลความหมายบทแผ่เมตตา 129170
211 แผนการจดั การเรยี นร้ทู ี่ 33 เรอื่ ง บทสวดมนตพ์ ฒั นาสมาธิ เวลา 1 ช่วั โมง หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 5 เรือ่ ง ศาสนพิธแี ละวนั สาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม รายวิชา สงั คมศึกษา ชั้นมธั ยมศึกษาปีท่ี 1 6. ครูให้นกั เรียนแปลความหมายบทสวดมนตต์ ามท่กี ลุ่มได้รับแลว้ สรปุ ความหมายของบทสวดมนต์น้ันตามความเข้าใจของนักเรยี น นักเรยี น สามารถศึกษาข้อมูลจากหนงั สอื เรยี นพระพุทธศาสนาหรือในแหล่งเรยี นรู้ อื่น ๆ เช่น อนิ เตอร์เน็ต ให้เวลาในการทางานกลุม่ ประมาณ 20 นาที โดยมี รโดูปยแมบรีบูปชแิ้นบงบานชด้ินังนาน้ี ดังนี้ (บทสวดมนต)์ (บทสวดมนตแ์ ละคำแปล) สรปุ ควำมหมำย ......................................................................................................... ................................................................................................. ......................................................................................................... ................................................................................................. 7. จากนัน้ ครูใหน้ ักเรียนตัวแทนกลุม่ นาเสนอผลงานกลมุ่ หนา้ ช้นั เรยี น ให้ ใเวหล้เวาลในากในากรนารานเสำ� นเสอนกอลกมุ่ ลลุม่ ะลไมะ่เไกมิน่เก3นิ ๓นานทาี ที 129181
212 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 33 เร่ือง บทสวดมนต์พัฒนาสมาธิ เวลา 1 ช่ัวโมง หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 5 เรือ่ ง ศาสนพิธีและวันสาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา สงั คมศกึ ษา ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ขั้นสรุป 8. ครูตง้ั ประเดน็ คาถามให้นักเรยี นอภปิ รายร่วมกันวา่ “การทาสมาธิและสวดมนต์แผ่เมตตา มปี ระโยชน์ต่อการดารงชีวิต ของนักเรยี นอยา่ งไร” นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็น (แนวคาตอบ : การสวดมนตแ์ ละแผ่เมตตาทาใหจ้ ิตใจเราสงบ มสี มาธมิ าก ขน้ึ การแผ่เมตตาทาใหเ้ รามจี ิตใจที่เปน็ สุขเพราะได้เผื่อแผ่ความสุขใหก้ บั ผู้อน่ื ,เสรมิ สร้างกาลังใจให้ผสู้ วดมนต์เม่อื พบความทุกข์ ,ทาให้เราได้เรยี นรู้ หลักธรรมคาสอนของพระพุทธเจา้ ผา่ นการสวดมนต์ เปน็ ต้น) 9. จากนั้นครูให้นักเรยี นดภู าพพุทธศาสนสภุ าษิต “จิตตฺ ทนตฺ สขุ าวห จิตท่ี ฝึกดีแล้วนาสขุ มาให้” ทีม่ า :: http://img.painaidii.com/images/20131212_3_1386828258 _h6tt6p5:/4/i0m1g..jpaginaidii.com/images/20131212_3_1386828258 _665401.jpg 129192
212312313 แผนกแาผรจนดั กกาารจรเัดรกกียานารรเเรู้ทรียี่ยนน3รร3ู้ทู้ท่ี ี่เร33อ่ื 33ง เบรเร่อืทือ่ งสงวบบดททมสสนววตดด์พมมนัฒนตนตพ์ าพ์ ฒัสัฒมนานธสาิมสามธาิธิ เวลาเวเลว1าลชา1วั่ โ1ชม่ัวงชโมั่วโงมง หนว่ ยหกหานรนว่ เ่วยรยกี กนาารรเทู้ รเร่ีย5ยี นนรรเู้ทรูท้ ี่อื ี่55ง ศเเรารื่อสือ่ งนงพศศาธิาสแีสนลนพะพวิธันแี สลาะควญันสทาาคงญัพทระาพงพุทรธะศพาุทสทธนธศาศาาสสนนาา กลุ่มสการกละลมุ่ กุ่มสาสารารเระะียกกนาารรเู้ รเสรยี งัียนคนรมรู้ ศู้สสึกงั งั คษคมามศศกึ ึกาษษสานาาศศแาลสะนวาฒัแลนะธวรฒัรมนธรรม รายวริชราายยวสวิชังิชคาามสศสงั ึกงัคคษมมาศศึกึกษษาา ช้ันมชธั น้ั ชยมน้ัมัธศมยึกธั มยษศมาึกศปษกึีทาษี่ปา1ีทป่ี ีท1่ี 1 10. ค1รูแ0ล. ะคนรกัแู ลเระียนนกักรเเว่รรมียียนกนนัรร่วสว่ มรมกปุกนั จันสาสรกรปุ คุปจาจาถากากคมคาดาถงั ถานามี้มดดงั นังน้ี ี้ ๑) จาก๑ภ) าจพากนภี้ นาักพเนร้ียนนนักักคเเริดรยี วียน่านคชคดิาดิ ยววสา่ า่ ชอชางายคยสนสอใองนงคภคนานใพนในมภีคภาวาพาพมมมคี แคีวตาวกมาตมแา่ตแงกตกตกัน่าตอง่ากยงนัา่กงอันไยอร่ายงา่ ไงรไร (แนวค(าแตนอวบคา:ตชอาบยค: นชชาทายยีน่ คค่ังนดนท้าทน่ี นี่ ง่ัหัง่ ดลดา้ งั้านไนมหหส่ลลาังงัมไมไาม่สร่สาถามทมานารตรถถ่อททอนานตกต่อา่อศอารกา้อากนศาไรศดอ้ รเ้ น้อพไนรดไาเ้ดะพเ้ยรพังารไะมายะ่ไงั ดยไ้งัมไ่ไมด่ไ้ ด้ ฝกึ จิตใฝหกึ ้ดจี ิตแใตหกด้ ตี แ่างตกกกับตตช่า่างางกยกับทบั ชี่นชางั่ายดยทา้ที่นี่น่ังหง่ัดนดา้ า้นทนหส่ีหนาน้าม้าทาที่สร่ีสาถามทมาาราสถรมถทาทาธสาไิ สมดมาอ้ ธายิไธา่ดิไง้อดดย้อโี ่ายดง่ายดงไีโดมดโี่ยดไยมไ่ ม่ หวั่นไหหววตั่น่อไสหภวตาพ่อสอภาภกาาพาพศออาานกกน่ั าาศเศพนรนาั่น่นั ะเเพมพรกี ราาะระมฝมกีึ ีกาจาริตรฝใฝกึหึกจน้ จิตงิ่ ติใแหใลหน้ ะน้่งิ เแงิ่ปแล็นละสเะปมเป็นาธ็สนิดมสแี ามลธาดิว้ ธ)แีดิ ลีแ้วล)้ว) ๒) เรา๒จ)ะมเรีวาิธจฝี ะึกมจวี ิตธิ ีฝใฝหึกึกเ้จจปิตติน็ ใใหสหม้เเ้ปปาน็ธ็นสิเสหมมาาอืธธิเนหเิ หกมับมอื อืชนนากยกับทบั ช่นีชาั่งายดยท้าทีน่ น่ีนังหด่ังนด้าน้าไนหดหน้อน้ายไ้า่าดไงอ้ดไย้อร่ายง่าไงรไร (แนวค(าแตนอวบคา:ตไอดบโ้ ด:ยไไกดดาโ้ โ้ รดดสยยวกกดาารมรสนสวตวดด์แมผมนเ่นมตตแ์ตแ์ ผตผ่เามเ่ มแตตลตตะาากแาแลรละนะก่ังกาสรามนราน่ังธส่ังติ มสาามมธาหิตธลาติ มกัาหอมลาหนักลอาักปาอนาานานปาาปนาน สต)ิ สต)ิ ๓) จาก๓น) ้นัจคากรนสู รัน้ ุปคครสูวสารรมุปปุ รคคู้โววดาายมมชรร้ีแโู ู้โดนดยะยชใชีแ้หีแ้ นเ้ นหะะน็ใหใปหเ้ รหเ้ หะ็นโน็ ปยปชรระนะโ์ขยโอยชงชนกนข์ าข์อรองทกงาากสรามทราทธสาแิ มสลามะธาสิแธลวิแดะลสะวสดวด สมวนดตม์แนผมต่เนแ์ มตผต์แเ่ ตมผาต่เมตตาตา 2 200 22
214 221041 สิ่งทต่ี ้องการวดั /ประเมิน วธิ กี าร เครอื่ งมือที่ใช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ แบบประเมินผลงานกลุม่ ดี : อธิบายความหมายของบท 1. อธบิ ายความหมายของ ประเมนิ งานกลมุ่ สวดมนต์แปลและบทแผ่เมตตา บทสวดมนตแ์ ปลและบทแผ่ ได้อย่างถูกต้อง เหมาะสม เมตตา พอใช้ : อธบิ ายความหมายของ บทสวดมนตแ์ ปลและบทแผ่ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ สงั เกตการสวดมนต์ บทสวดมนตแ์ ละแผเ่ มตตา เมตตาได้แตย่ ังไม่ครบถว้ น 2. สวดมนต์แปลและแผ่ และแผเ่ มตตา ปรบั ปรงุ : ไม่สามารถอธบิ าย เมตตา ความหมายของบทสวดมนต์ แปลและบทแผเ่ มตตาได้ ด้านคณุ ลกั ษณะ คาถามเกย่ี วกับประโยชน์ ดี : สามารถสวดมนตแ์ ปลและ 3.เห็นประโยชนข์ องการ ครตู ้งั คาถาม ของการสวดมนตแ์ ละแผ่ แผ่เมตตาได้อยา่ งถกู ตอ้ ง กสาวรดสมวนดตม์แนปตลแ์ แปลละแแลผะเ่ มตตา เมตตา พอใช้ : สามารถสวดมนตแ์ ปล แผ่เมตตา และแผ่เมตตาได้แตย่ ังไมถ่ ูกต้อง ปรบั ปรุง : ไมส่ ามารถสวดมนต์ แปลและแผเ่ มตตาได้ ดี : ระบปุ ระโยชน์ของการสวด มนต์แปลและแผเ่ มตตาได้ 2 ประเด็นขนึ้ ไป พอใช้ : ระบุประโยชน์ของการ กสวารดสมวนดตม์แนปตล์แแปลละแลผะ่เมแตผต่เมาตไดต้ า ไเพดเ้ียพงีย1ง ๑ปรปะรเดะ็นเดน็ ปรับปรุง : ไม่เหน็ ประโยชน์ของ การสวดมนตแ์ ปลและแผ่เมตตา
215 220125 8. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ .......................................................................................................... ................................................................... ปัญหาและอุปสรรค ............................................................................................................................. ............................................. ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. .............................................. ลงช่อื ......................................ผ้สู อน (.......................................................) วันที.่ .........เดือน..........พ.ศ............. 9๙. ควาามมคคดิ ิดเเหหน็ น็ //ขข้อ้อเสเสนนออแแนนะะขขอองผงผบู้ บู้รหิรหิาราหรรหอื รผือทู้ ผี่ไู้ทด่ไี ้รดบั ้รมบั อมบอหบมหามยาย ............................................................................................................................. .............................................. ลงช่อื ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................) วันท.่ี .........เดือน..........พ.ศ........
๒๑๖ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 34 เรื่อง การเจรญิ ปัญญา เวลา 1 ช่ัวโมง หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 5 เรอ่ื ง ศาสนพิธแี ละวันสาคญั ทางพระพุทธศาสนา กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา สงั คมศกึ ษา ชน้ั มัธยมศกึ ษาปีที่ 1 ตัวชีว้ ดั กิจกรรมการเรยี นรู้ โดยใชร้ ูปแบบการสอนแบบสบื เสาะหาความรู้ 5 ขน้ั ส่ือ/แหล่งเรียนรู้ ส 2.1 ม.1/6 เห็นคณุ คา่ ของการพัฒนา ขั้นสรา้ งความสนใจ 1. ภาพโทรศัพทม์ ือถือ 1. ครูใหน้ กั เรียนในชน้ั เรยี นที่ไดค้ ะแนนจากการสอบมากท่ีสดุ หรือไดร้ างวัล 2. วดิ ที ศั น์ขา่ ว เร่ือง “เดก็ ติด จิต เพอ่ื การเรียนรแู้ ละการดาเนนิ ชวี ติ ดว้ ยวธิ ีคดิ จากการแขง่ กิจกรรม ออกมาเลา่ วธิ กี ารพัฒนาตนเองจนประสบความสาเร็จให้ เกมอสอ์ นอไนลไนลห์นน์หีอนอีอกอจกาจกาบกา้ บน้าน แบบโยนิโสมนสกิ ารคือวิธีคดิ แบบคุณค่าแท้ – เพอื่ นร่วมช้นั เรียนฟงั เปิดโอกาสให้นกั เรียนซกั ถามแลกเปลี่ยนความคดิ เหน็ 17 วนั ” คณุ คา่ เทยี ม และวิธคี ิดแบบคุณ – โทษ และ ระหวา่ งกนั ภาระงาน/ชิน้ งาน ทางออก หรือการพฒั นาจิตตามแนวทางของ 2. ครชู ีแ้ นะใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจ เราสามารถพฒั นาตนเองให้ประสบความสาเร็จ 1. การอธบิ ายความหมายและ ศาสนาที่ตนนบั ถือ ไดเ้ น่อื งจากพัฒนาปญั ญา ซึ่งสามารถ ทาได้ 3 ทาง คือ ยกตัวอยา่ งวธิ ีคิดแบบคุณค่าแท้- คุณคา่ เทียม และวิธีคิดแบบคุณ- ส 2.1 ม.1/7 สวดมนต์ แผ่เมตตา บริหาร 1) สุตมยปญั ญา : ปัญญาเกิดจากการฟงั โทษ และทางออก จิตเจรญิ ปญั ญาด้วนยอานาปานสติ หรอื ตามแนวทาง 2) จนิ ตามยปัญญา : ปัญญาเกิดจากการคิด ของศาสนาที่ตนนบั ถือ 3) ภาวนามยปัญญา : ปัญญาเกิดจากการลงมือทา ขอบเขตเนอ้ื หา ข้นั สารวจและค้นหา 1. การบรหิ ารจติ เจริญปญั ญา 3. ครูให้นักเรยี นดูภาพโทรศัพท์มือถือ แลว้ ต้งั ประเด็นคาถามใหน้ ักเรียน ร่วมกันตอบดังนี้ 2. โยนโิ สมนสกิ าร ททม่ี าา : http:///iimmgg.t.tssoooodd.c.coomm/l/alragreg/etn/tenwesw_1s_4184180108855336699_25011..jjppgg 220136
217 แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 34 เร่อื ง การเจริญปัญญา เวลา 1 ชั่วโมง หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 5 เร่ือง ศาสนพิธแี ละวนั สาคญั ทางพระพุทธศาสนา ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กล่มุ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม รายวิชา สงั คมศึกษา จุดประสงค์การเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ 1. อธิบายความหมายของวธิ ีคดิ ตามหลกั โยนโิ สมนสิการ ด้านทกั ษะและกระบวนการ 2. ยกตัวอยา่ งวิธีคิดแบบคุณค่าแท้-คุณคา่ เทียม และวธิ คี ดิ แบบคณุ -โทษ และทางออก https://bit.ly/22DDaaIIxxzzAA ได้ 1) นักเรียนคดิ ว่า โทรศัพท์มือถือสองรปู นี้มคี วามเหมือนหรอื ดา้ นคณุ ลักษณะ แตกต่างกันอย่างไร (แนวคาตอบ : ความเหมือนคอื ท้ังสองสามารถใชโ้ ทรได้ 3. เห็นคุณคา่ ของวิธีคดิ แบบโยนโิ สมนสิการ ความต่างคือ โทรศัพท์ในภาพแรกไมส่ ามารถถ่ายรปู หรือเล่น นาไปใช้ในการดาเนนิ ชีวิตได้ อนิ เตอร์เน็ต และไมท่ นั สมัยเหมือนโทรศัพท์ในภาพทสี่ อง สาหรบั โทรศพั ท์ในภาพท่ีสองกาลงั เป็นท่ีนิยมในสมยั ปัจจบุ ันแต่มี ราคาแพงมากกวา่ โทรศัพทใ์ นภาพแรก) 2) ในตอนน้ีนกั เรียนคิดวา่ ตนเองนา่ จะเหมาะสมกับโทรศัพทใ์ น ภาพใด (แนวคาตอบ : ขน้ึ อยู่กับแนวคิดของนักเรยี น) 4. ครูและนกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายและสรปุ บทเรียน ดังน้ี “โทรศัพทท์ ั้งสอง แบบมีประโยชน์ทแ่ี ทจ้ ริงคือการใช้เป็นเครอื่ งมือสื่อสาร ถ้าเราใชเ้ พอ่ื ตดิ ต่อสอื่ สารก็ไม่จาเป็นต้องใช้โทรศพั ทท์ ่ีมีราคาแพงมาก เพราะในปจั จบุ นั ค่านิยมของคนในสงั คมให้ความสาคัญกบั ราคาและความหรูหราทันสมัย มากกวา่ การมองถึงการใชป้ ระโยชน์ทแ่ี ท้จริง ซงึ่ อาจสง่ ผลใหเ้ กดิ การกอ่ หน้ีสินเพอ่ื ซื้อสง่ิ เหลา่ น้ี” 220147
222111888 หหหกกกลลลนนนุมุุ่่ม่มวว่่วสสสยยยาาากกกรรราาาะะะรรรกกกเเเรรราาายีียยี รรรนนนเเเรรรรรรยยียีี ูท้้้ทููทนนนี่่ีี่ รรร555ููู้้้ สสสเเเังังงั รรรคคคอ่ืืื่ออ่ มมมงงงศศศศศศกกึึึกาาาษษษสสสาาานนนศศศพพพาาาิธธธิิ สสสีแแีีแนนนลลลาาาะะะแแแวววลลลันันนั ะะะสสสเยขตคค6น65พพขข5นวเ5วเพนเค6ขวตทหหตทขททขหทตทกกเกกเเกวววปนนนปปปาาาธิิธิธออ้า้ออ้าเิเาิาิเัฒัฒัฒาาาณณุุณุั้ั้นนัน้้้นันั้ันาาางง้ง้งั้ัั้ังั้ง้ัรรร......คคคลลลน็นน้้้นนน็็น็คคีีีคมรรรมมมดหดหดหมเทททเเะะะคคจจจคตตตอออนนนสัญญญััสสสสสวใใใใใใดดิิดิคทททา้้า้าพพพรลลล–––าาาาาารรรรรรธธธชชช222หหหยียียีเเเธิธธธนนนแแแับวงงงกกกทททาาาี่สส่ีส่ีออููอูงงงขขขุทุททุบบิิิบ้ส้ส้สมีม้ม้้มรรรโโโอออาบบบกกยยกยดดดคนนนง่ิง่ิง่ิแธธธา้า้้าแแปปปาาาทททธธอออาาารรรออออมอออนนนตตตบับัับีีีมมม11122บบ2ิิบบบิวลงงงแแแลล้นน้ั้ันศศศรรรยยยมมมษษษยยยดดดงงงงเกกกาาาาพพพันน้ั้้นัาาาหหหะคคคาาาะะะะะผผผ))))))าาปคคคคคคสหหหถถถแแแาา้้้ามมมมใใใคคคยยยทสสสเเเๆๆๆททุณุณุณลลลรรรนนนววววววรรรน็งิ่นนวววงึึงงึหหหรรรลลลภภภคคคจรรรคคคนนนะะะธธิเิเิธเูููธธิิิธทอออาปปปักักักาาืืออือกกกาาาจเเเะะะหห้้ห้คคคปปปทททอออรววววววพพพงีคสสคีีคสีคคีคีงงธธธาาากกกั้งมมมรรรบบบาาารททท่่่าาาิงลลลาาาบบบแ็นน็น็แแาาาใใใีียยียิบบบิิิิดดดิหิดิดิดะะะาาาทุทุทุงิรรรรรรตตตตแแแรรรมมมาาานนนดุดุดุมมมกกกงงงอออรรรทแแแแแแโโโจจจาาาลููู้้้โิโิิโธธธงงงทททาาาาจจจเเเาายยยรรรหหหรรร้ไไไ้้คคคยยยภภภยยยบบบบบบปปปาััดัดดั้งอออมมมมศศศขขขจจจุดุดดุอออ้้้---้้เููเู้เชชชัวัวัวททูู่่ทู่ิิดดดิดเเเยคคคกกกคคคบบบบบบอออกกกน็น็น็ทชชชหาาาติติติชชชอออดดดนนนขขขแแแตาุุุ้กกกยยี่่ี่ียุณณุุณกกกสสสาาาคคครรรนนนจจจส่ีาใใใอ่่อือื่ื่่่อออปปปเเเอ้้ออ้์ส์สส์นบบบาแแแจจจวววคู้คู้คู้รรรปปปทนนนุณุณณุรรรดดิิดิง่ิมมมนนนคคคลลลงููงงูมดกกกงงงเเเบบบแแแณุณุุณิงิงินววว็นน็็น(((าขขขาาาโโโรรรสสส่า่า่าอออ่่่ทททแแแคีออับับบัลลลโโยยยโธธิิิธงจจจนั้---วววียีียยอออเเเดดุุดดุคคคดดดยยยนนนวกุกุุกีีีกกทททอ้้ววว้คีคีคีหหหงงงุุุดดดิธธิิธนนนงงงโโโ้ามมม่่่าาาพพพนนนาๆมมวววมชชชวววแแแอทททิิิดดดีีียยยีีคคีคคคคลลลแแแนแแรรรมาาา่าา่่ากกกิโิโิโ้นน้น้กัักกับบบมุุมมุกมมมแแแษษษดิิดดิวววขขขักักักเูททู้้ทู้ทททกกกเสสสเาาาปจจจสจจจเเเใบบบบบบาาาปกกกงง็็ง็แแแกกกแแแกกกมมมพพ้้พ้ี่ี่่ีรรรหซซซููงงูงมมมาาายีน็–––หหหบบาาาบบบบาาา็นลลลรรรวววอออนนนพพพื่ื่ื่ง่งึ่ึึ่งอออ333้หกกกตตตรรรรรรอาาานนนะะะา่่าา่บบบคคคจเเเธธธจสสสคคคใใใขขขฤฤฤมมมลคคค444ปปปออ้้้อยกกกยยยทททหหหุณณุณุริบิบิบงึง่ึ่ง่ึสสสุดกกิิกิณุณุณุออ้้อ้ตตตุดอออดิดิิดงงงู่ท็นน็็นาาาวววงิาาากกกรร้้ร้าาอาาาเเเเเเคคคกกกบบบิิิกกงงงรอแแแรรรคคคิิิชชชงงงหหหกุนนนรรรูแูแ้้้แูยยยััดดดัรรรอ่ถถถอาาาา่่าา่มมมรรรกกกบบบอออีกา่่าา่่อือ่ืื่อแาาาลลลใใใลลล้้นนน้หหหนรรรแแแงึงงึึรรด:::อออเเเพพพนนนอออแบบบงงงงะะะัักกักปปปทททกกกมมมรรรทททสสสปงงงบกกกท่คคคทททรรรจโโโเเเกกกืืือออาาายยีีรรรยีตตตกกกททท้้้ขขขงังังั---ยยยล่่่อออืืือออบุกาาาดุรรรคคคาาะะะบบบมมมคคค่่่คคคาาาอออาา้้า้ี่ี่ี่คคคนนนองงงงงงศศศมแรรรหโโโุณุณุณรรรรรรใใใไไไอืือือมมมตตตพพพวววโิิโิโดยยยคคคขึึึกกกหหหุมจจจปปปเเเนรรรสสสาาา่่าา่าศศศคคคจจจรรรพชชชิิดดดิ็งถถมมมถษษษเเเเรรรึง่มมมมมมงงงะะะพทททึึึกกก่าา่่ารรรคคคนนนเเเน้ืออืือกููกกูอออาาาๆๆๆนนนตตตพพพเเเพพญิญิิญเษษษาาา่ือณุุณุณ์ท์ทท์กกกแแแตตตทททจงงงน้้้อออสสสตตตอืื่่อ่ืุุทททุใเเเใใใาาาลลลาาาแ่่ีี่แแีา้ออ้้อปปปีียยยีคคคน้ปปปหงงงหหหิกกิิกัััณณณลลลธธธรรรกะะะทททงงงมมมกกก่่่ัััญญญาาากน็น็น็าาาร้้้้คคคะะะพพพศศศตตตขยยยหหหนนน้้้จจจาาารรราู้แวววกกกรรรญญญแแแาาาาาิิจจาจิอ้อออรรรรรราาาใใใรจ้จี้ีี้จลธธิิธิบบบสสสเิเิเิมมมลลลาาานนนบมมเเเงงิงิิศลลลาาาาาาีมมีีมะพพพตตตนนนทททรรรขขขคคคะะะทททรรรแแแกกึสสสเอออณณณัดดััดยีียยีาาาอออ้งัง้ัั้งวววขบบััับนนนพาาาษตตตวววงงงใใใขขขทททงงงาาางงงา้งงงาาาคคคกกกธิธิิธนนณณัันณัสสสราอออมมมสสส้้้อออใาาาเเเวววีคคีีคอ่แไไไง่ิิง่งิ่จหหหกกกยยยง่ิ่ิิงง่เเเดดดงงงหหหดดดาาาปปิิดดดิปงลถตตตี่่ยีย่ยีไไไวััวัวา่า่่าีีีมมมาาา้้้ตมมมแแแะูก็น็น็นงงงขขข่่่าาาวววโโโจจจ่าเเเใ่่ใใ่บบบงงงดดดตกกก้ออ้้อจจจดดดหหหงรรรบบบยยยบับับัอ้รรรๆๆๆิิิยียงงียีง้้้ๆิงิงงิงววว ชชชนนัน้้ัั้ มมมเเเวววัธธัธั ลลลยยยาาามมมศศศ111กึกึกึ ษษษชชชาาา่ััั่่วววปปปโโโมมมีีีทททงงงี่่ี่ี 111 212812281058
219 แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 34 เร่ือง การเจรญิ ปัญญา เวลา 1 ชั่วโมง หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 5 เร่ือง ศาสนพธิ แี ละวนั สาคัญทางพระพทุ ธศาสนา ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา สังคมศึกษา - คุณคา่ แท้ หมายถงึ ประโยชนข์ องส่ิงทส่ี นองความต้องการของชวี ิตโดยตรง คณุ คา่ น้ีอาศัยปญั ญาเป็นเครือ่ งตคี ่า เช่น อาหาร มีคุณค่าเป็นประโยชน์ สาหรับหลอ่ เลีย้ งรา่ งกายให้ดารงชีวิตอยูต่ อ่ ไปได้ เปน็ ต้น - คุณคา่ เทียม หมายถึง ประโยชน์ของส่ิงที่มนษุ ย์พกให้แก่ส่ิงน้นั เพือ่ ปรนเปรอการเสพเสวยเวทนา คณุ คา่ น้ีอาศัยตัณหาเปน็ เคร่ืองตีค่า เช่น อาหาร มีคุณคา่ อยู่ท่ีความเอร็ดอร่อย เสริมความสนุกสนาน เปน็ ต้น วิธีคดิ แบบนี้ มงุ่ ให้เข้าใจและเลอื กเสพคณุ ค่าแท้ทเี่ ปน็ ประโยชนต์ ่อชีวติ อยา่ ง แท้จริง) (http://oknation.nationtv.tv/blog/Duplex/22000088/0/30/30/50/5en/etrnyt-r1y)-1) ขัน้ ขยายความเข้าใจ 7. ครใู ห้นักเรยี นดูวิดีทศั น์ข่าว เรอ่ื ง “เดก็ ตดิ เกมส์ออนไลนห์ นีออกจากบ้าน 17 วัน” เป็นเวลาประมาณ 2 นาที และใชค้ าถาม ดังน้ี hhtttptps:s/:/w/wwwww.y.oyouututubbee.c.ocomm/w/waatcthch?v?v==UUYYLLkqkqmmQQPPeeJ0J0 220169
220 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 34 เร่ือง การเจริญปญั ญา เวลา 1 ชั่วโมง หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 5 เร่อื ง ศาสนพธิ ีและวันสาคัญทางพระพทุ ธศาสนา ชั้นมัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวฒั นธรรม รายวิชา สงั คมศกึ ษา 1) จากเหตุการณใ์ นขา่ ว นกั เรยี นคดิ ว่าเกกมมส์มีประโยชน์และโทษ อย่างไร (แนวคาตอบ : ประโยชน์ของเกกมมส์ คอื ชว่ ยฝึกการคดิ วางแผนการ แก้ปัญหา ,ชว่ ยฝึกภาษาอังกฤษ ,ทาใหเ้ กดิ ความเพลดิ เพลนิ เป็นต้น ส่วนโทษ ของเกกมมส์ คือ ถ้าเป็นเกมสท์ ่ีมีเน้ือหารุนแรงหรืออนาจาร อาจไมเ่ หมาะสมกับ เดก็ และอาจทาใหเ้ กดิ พฤติกรรมเลยี นแบบท่ไี ม่เหมาะสมได)้ 2) นักเรยี นจะมีวธิ กี ารเล่นเกกมมส์อย่างไรไม่ใหเ้ กิดปัญหาอย่างในข่าว (แนวคาตอบ : เชน่ แบง่ เวลาการเลน่ ใหเ้ หมาะสม ,เล่นเฉพาะหลงั เวลาเรยี น หรอื ทาการบ้านเสร็จ ,เลือกเล่นเกกมมสท์ ี่ไมม่ เี นื้อหารุนแรงหรืออนาจาร ,ไม่เล่น เกกมมสใ์ นรา้ นอินเตอรเ์ น็ตนานเกนิ ไปเพราะทาให้เสยี เงินเปน็ จานวนมาก เปน็ เตปน้ ็น)ต้น) 8. ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สรุปบทเรยี น ดังนี้ “ทุกส่งิ ในโลกลว้ นมีสองดา้ น เสมอคือดา้ นท่ีดีและด้านที่ไม่ดี ดังน้ันนกั เรยี นสามารถนาหลักการคดิ แบบ คุณ-โทษ และทางออก ไปใชใ้ นการตัดสินใจและแก้ไขปญั หาต่าง ๆ โดยมอง ให้รอบดา้ น” ข้ันสรุปผล 9. ครใู หน้ กั เรียนยกตัวอย่างวธิ ีคิดแบบคุณค่าแท้-คณุ ค่าเทียม และวิธีคิดแบบ คุณ-โทษ และทางออก ที่สอดคล้องกับเร่อื งราวในชวี ิตประจาวันและผลที่ เกิดขนึ้ จากการนาหลักการคิดแบบคุณค่าแท้-คณุ ค่าเทียม และวธิ ีคิดแบบ คณุ -โทษ และทางออกไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั 207220
221 222018 ส่งิ ที่ต้องการวดั /ประเมิน วิธกี าร เครอื่ งมอื ทใ่ี ช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ การอธิบาย 1. อธบิ ายความหมายของ คาถามเกยี่ วกับความหมายของ ดี : บอกความหมายของวธิ ีคิด วิธีคดิ ตามหลักโยนิโส - วิธคี ิดตามหลกั โยนิโสมนสิการ ตามหลกั โยนโิ สมนสกิ ารได้ มนสกิ าร พอใช้ : บอกความหมายของ วธิ ีคดิ ตามหลกั โยนิโสมนสกิ าร ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ ได้ แตไ่ ม่ครบถว้ น 2. ยกตัวอยา่ งวธิ คี ิดแบบ การตอบคาถาม ปรับปรุง : ไม่สามารถบอก คณุ ค่าแท้-คุณคา่ เทียม และ ความหมายของวิธีคิดตาม วธิ ีคดิ แบบคณุ -โทษ และ หลกั โยนิโสมนสิการ ทางออกได้ คาถามเกย่ี วกบั วิธคี ิดแบบ ดี : ระบวุ ธิ คี ดิ แบบคุณคา่ แท้- โยนโิ สมนสกิ าร คุณค่าเทียม และวธิ คี ิดแบบ คุณ-โทษ และทางออกได้ ด้านคุณลักษณะ พอใช้ : ระบุยกตัวอย่างวิธคี ิด 3. เหน็ คณุ ค่าของวิธีคดิ การสงั เกต แบบคณุ คา่ แท้-คุณค่าเทียม แบบโยนิโสมนสกิ ารนาไปใช้ พฤติกรรม และวธิ คี ิดแบบคุณ-โทษ และ ในการดาเนินชีวติ ได้ ทางออกได้ แต่ไม่ สมเหตุสมผล ปรับปรงุ : ไมส่ ามารถระบุ ยกตัวอยา่ งวิธีคิดแบบคณุ ค่า แท้-คณุ ค่าเทียม และวิธคี ดิ แบบคณุ -โทษ และทางออกได้ แบบสงั เกตพฤติกรรม ดี : นาวิธคี ิดแบบโยนโิ ส มนสิการนาไปใชใ้ นการดาเนิน ชีวติ ได้ พอใช้ : นาวิธีคดิ แบบโยนโิ ส มนสกิ ารนาไปใชใ้ นการดาเนิน ชีวติ ได้ แต่ไมส่ มเหตุสมผล ปรับปรุง : ไม่สามารถนาวิธี คิ ด แ บ บ โย นิ โส ม น สิ ก า ร นาไปใชใ้ นการดาเนินชวี ติ ได้
222 220292 8. บนั ทึกผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ...................................................................................................................................................... ....................... ปัญหาและอุปสรรค .......................................................................................................................................................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. .............................................. ลงชอื่ ......................................ผูส้ อน (.......................................................) วันท.่ี .........เดือน..........พ.ศ............. 9๙. ควาามมคคิดิดเเหหน็ น็ //ขข้ออ้ เสเสนนออแแนนะะขขอองผงผบู้ ู้บรหิรหิาราหรรหือรผือู้ทผ่ีไทู้ ด่ีไ้รดบั ้รมับอมบอหบมหามยาย ............................................................................................................................. .............................................. ลงช่ือ ......................................ผู้ตรวจ (.......................................................) วันท.่ี .........เดอื น..........พ.ศ........
๒๒๓ แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 35 เร่ือง โยนโิ สมนสิการ เวลา 1 ชวั่ โมง หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 5 เรอื่ ง ศาสนพิธีและวนั สาคัญทางพระพทุ ธศาสนา กล่มุ สาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา สังคมศึกษา ชัน้ มัธยมศกึ ษาปีท่ี 1 ตัวชี้วดั กจิ กรรมการเรียนรู้ สื่อ/แหลง่ เรยี นรู้ ส 2.1 ม.1/6 เหน็ คณุ ค่าของการพฒั นา ขั้นนา 1. วดี ทิ ศั น์ เรอ่ื ง 6 วิธีคดิ แบบ 1. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันทบทวนความรเู้ รื่องการพัฒนาจติ และหลกั การคดิ เหน็ คณุ โทษและทางออก จติ เพอ่ื การเรยี นรแู้ ละการดาเนินชีวติ ดว้ ยวธิ ีคดิ ตามหลักโยนิโสมนสิการ โดยให้นกั เรยี นตอบคาถามในประเด็นต่อไปน้ี 2. วัสดุ อุปกรณ์ แบบโยนิโสมนสิการคือวิธีคิดแบบคณุ ค่าแท้ – ภาระงาน/ชน้ิ งาน คณุ คา่ เทยี ม และวิธีคดิ แบบคุณ – โทษ และ 1) เราใชก้ ารคิดแบบคณุ คา่ แท้-คณุ ค่าเทียมเพื่อประโยชนใ์ นเร่อื งใด 1. แผนผังความคิดแสดงการคิด ทางออก หรือการพัฒนาจิตตามแนวทางของ (แนวคาตอบ : เพือ่ พจิ ารณาเกีย่ วกบั การใชส้ อยหรอื บริโภค เปน็ วธิ คี ดิ แบบ แบบคณุ ค่าแท้-คณุ ค่าเทยี ม และ ศาสนาที่ตนนบั ถือ สกดั หรอื บรรเทาตณั หาไม่ให้เกดิ ความอยากได้อยากมมี ากจนเกนิ ไป) การคิดแบบคุณ-โทษ และ สาระสาคัญ ทางออก 2) เราใช้การคดิ แบบคณุ – โทษและทางออกเพื่อประโยชน์เร่อื งใด การดาเนินชีวิตโดยใช้ปัญ ญ าในการ (แนวคาตอบ : เพื่อมองให้เห็นท้ังสองดา้ นของสิง่ ตา่ ง ๆทท้ังด้ังด้า้านนดดแี แีลละะไมไมด่ ่ดี ี พิจารณาอย่างลึกซ้ึงถึงประโยชน์ของส่ิงต่าง ๆ เพ่ือ รวมทั้งการแก้ปัญหาหรือทางออก และนาไปใช้ในการตัดสินใจและแกไ้ ข เมพอื่องมใหอง้เหเห็น็นถถึงึงด้านท่ีมีคณุ ณปปรระะโโยยชชนน์แ์แลละดะ้าดน้าทน่เี ทปี่เ็นป็น ปัญหาตา่ ง ๆโดโยดมยอมงอใงหใร้หอ้รบอดบ้าดน้า)น โทษ ทาให้บุคคลสามารถตัดสินใจเลือกใช้ในส่ิงท่ี 2. ครูสรุปคาตอบของนกั เรยี นและอธบิ ายถงึ การนาแนวคิดแบบโยนิโส - เปน็ ประโยชน์แก่ตนเอง นาไปสกู่ ารหาทางออก มนสกิ ารท้งั 2 แบบไปปรับใช้ในชวี ิตประจาวันใหเ้ หมาะสม เชน่ การเลือกซ้ือ สิง่ ของต่าง ๆ โดยเนน้ ที่ประโยชนใ์ ชส้ อยมากกวา่ คา่ นิยมความหรูหรา หรือ ขอบเขตเน้อื หา สาหรบั การแก้ปญั หาดา้ นการเรยี น เป็นต้น 1. วธิ ีคิดแบบคณุ คา่ แท้ – คุณคา่ เทยี ม ขน้ั สอน 2. วธิ ีคิดแบบคณุ - โทษและทางออก จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 3. ครแู บง่ นักเรยี นเป็นกล่มุ ๆ ละ 4 – 5 คน หลังจากนนั้ ให้สมาชิกแตล่ ะกลุม่ ด้านความรู้ สนทนาแลกเปล่ยี นความรูเ้ กี่ยวกบั การคดิ แบบคุณคา่ แท้-คุณคา่ เทียม และ 1. อธบิ ายประโยชน์ของวธิ ีคิดแบบคุณคา่ แท้-คณุ ค่า การคิดแบบคุณ-โทษ และทางออก ในประเดน็ ตอ่ ไปนี้ 1) ความหมาย เทียมและวธิ ีคิดแบบคุณ-โทษ และทางออกได้ 2) ตัวอยา่ งวิธีคดิ 221023
๒๒๔ ๒๒๔ แผนกาแรผจนัดกกาารรจเรัดียกนารู้ทเรี่ ีย3น5รทู้ เ่ี รอื่3ง5โเยรน่อื ิโงสโมยนนสโิ กิสามรนสกิ าร เวลา เ1วลชาว่ั โ1มงชั่วโมง หนว่ ยกหานรว่ เรยยีกนาร้ทูเรี่ ยี 5นรเู้ทรอ่ืี 5ง ศเารสื่อนง พศธิาแีสลนะพวิธนั แี สลาะควัญันสทาคงพัญรทะาพงทุพธรศะาพสทุ นธาศาสนา กลุ่มสากรละ่มุ กสาารรเระียกนารู้เรสยีงั นคมรู้ศสึกงั ษคามศศกึ าษสานาศแาลสะนวาัฒแนละธวรรัฒมนธรรม รายวิชราายสวงั ิคชมาศสึกังษคามศึกษา ช้นั มธั ยชมน้ั ศมึกธั ษยามปศีทึกี่ษ1าปีท่ี 1 ดา้ นทักดษา้ นะแทลักะษกะรแะลบะวกนรกะาบรวนการ 3) ประ3โ)ยปชนระแ์ โลยะชคนว์แาลมะสคาวคาัญมขสอางคกัญาขรอนงากไปารปนราะไยปุกปตรใ์ ะชย้ ุกตใ์ ช้ 2. ปฏบิ2ัต. ติปนฏติบาัตมิตวนิธตกี ามรวคิธดีกแาบรบคคดิ ณุแบคบ่าแคทุณ้-คา่ แท4้-. ครใู 4ห.น้ คักรเรูใหยี ้นักแเตรล่ ียะนกแลตมุ่ ล่ สะรกปุ ลคมุ่ วสารมุปรคตู้ วาามมปรร้ตู ะาเมดป็นทระ่ีกเาดห็นนทด่ีกใาหห้ลนงดในใหล้ งใน คุณค่าเคทุณียคมา่แเลทะียวมิธแีคลิดะแวบธิ บคี คดิ ุณแบ-โบทคษุณแ-โลทะษ และกระดากษรฟะลดปิ าชษาฟรลท์ ิปใชนารรูป์ทแใบนบรแปู ผแนบผบังแคผวนาผมงัคคดิ วาโดมยคใิดหเ้โวดลยาใใหน้เวกลาราทในากงานรทางาน ทางออทกาตงาอมอหกลตกั าโมยหนลโิ สักมโยนนสโิ ิกสามรนสกิ าร ประมาปณระ2ม0าณนา2ท0ี นาที ดา้ นคุณด้าลนกั คษุณณละกั ษณะ 5. ครูส5ุ่ม.ตคัวรแสู ทุ่มนตกวั ลแ่มุทนนากเลสมุ่นนอาผเลสงนาอนผหลนงา้ าชน้นั หเนรยี้าชนน้ั โเดรยี ในห้เโวดลยาใใหนเ้ กวลาราในการ 3. ยอม3ร.ับยคอวมารมบั คคิดวเาหมน็ คขิดอเงหส็นมขาอชงิกสใมนากชลิกุ่มในกลน่มุ าเสนนอาปเรสะนมอาปณรกะลมุ่มาณละกล3มุ่ นลาะท3ี นนักาเรทยี ี นกัทเ่ี รหียลนือทรเ่ีวหมลกือนั รอว่ ภมปิกรันาอยภแิปสรดางยแสดง เสียงส่วเสนยี ใหงสญ่วโ่นดใยหไญมม่โดขี ย้อไขมัดม่ แขี ย้อง้ ขดั แย้ง ความคคิดวเาหมน็ คเพิดเิ่มหเตน็ ิมเพม่ิ เติม ขั้นสรุปขั้นสรปุ 6. ครูใ6ห.น้ คักรเรูใหีย้นักดเูวริดยี ีทนัศดนวู เ์ิดรีทื่อัศงน“เ์ 6รื่อวงิธ“คี 6ิดแวบธิ บคี เดิ หแน็ บคบุณเหโทน็ ษคแุณลโะททษาแงลอะอทกา”งออก” เป็นเวลเปาป็นรเวะลมาาปณระ8มานณาท8ี นาที httph:/t/tbpits.:lh/y/t/bt2pitTs.lU:y/l/Pb24iTtB.Ulyl/P24TBUlP4B 224 224 211
๒๒๒๒๕๕ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 35 เรอ่ื ง โยนโิ สมนสกิ าร แผแนผกนากราจรดัจดักากราหเรรเนียรว่ยีนยนรกร้ทู าทู้ ี่ ร่ี 3เร35ยี 5นเรเร่ือู้ท่ือง่ี ง5โโยยนเนริโิโอ่ืสสงมมนศนสาสสิกกิ นารพธิ แี ละวันสาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา หนว่หยนก่วายรกเารรียเนรรยี ทู้น่ีร5้ทู ี่ 5เรื่อเงรื่อศงาศสานสพนธิ พีแธิ ลแี ะลวะนั วสันาสคาญั คัญทาทงาพงพระรพะพทุ ุทธศธาศสาสนกนาลาุม่ สาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เเววลลาา 11ชชั่วั่วโโมมงง รายวิชา สังคมศกึ ษา กลุม่ กสลามุ่ รสะากราะรกเารรียเนรยีรู้นสรังู้ คสมงั คศมึกศษึกาษศาาศสานสานแาลแะลวะัฒวัฒนธนรธรรมรม รราายยววิชิชาาสสังงั คคมมศศึกึกษษาา 7. ครูถามชน้ันกัมมเัธธัรยียมนมศใศนกึ ึกษปษาราปะปเีทดีที่ น็ ี่ 1ต1่อไปนี้ “ถา้ นกั เรยี นสอบตกและถู 7.7ค.รคูถราถู มานมกันเกั รเียรนียในนในปประรเะดเดน็ น็ตตอ่ อ่ไปไปนนี้ “้ี “ถถ้า้านนกั กั เรเรียยี นนสสออบบตตกกแและถกู แม่ดุ นกั เรียนจะทาเหมอื นกับเด็กชายในวิดีทัศนห์ รอื ไม่อย่างไร” (แน นักนเกัรยีเรนียจนะจทะาทเาหเมหอืมนอื นกับกับเดเด็ก็กชชายายในในววดิ ดิ ีทที ัศัศนน์ห์หรรืออื ไไมม่อ่อยยา่ า่ งงไไรร”” (แนวคาตอบ: ไม่ทา เพราะการคดิ ฆ่าตวั ตายน้นั เป็นบาปในทางพระพุทธศาส : ไ:มไ่ทมา่ทาเพเรพาระากะากราครดิคฆดิ ฆ่าต่าตัวตัวตายายนนัน้ ้นั เปเปน็ น็ บบาาปปใในนททาางงพพรระะพพทุ ทุ ธธศาสนาและ เป็นการกระทาที่ไม่มีประโยชน์อะไรนอกจากทาให้พอ่ แม่ต้องเสยี เปเ็นปก็นากรากรรกะรทะาททาี่ไทมี่ไ่มีป่มปีระรโะยโยชชนน์ออ์ะะไรไรนนออกกจจาากกททาาใใหห้พ้พ่ออ่ แแมม่ต่ต้อ้องเสยี ใจและ เปน็ ทกุ ข์) เปเน็ ปทน็ กุ ทขกุ ์)ข์) 8. ครแู ละนักเรยี นรว่ มกนั สรุปบทเรยี น ดังน้ี “เราสามารถแก้ปั 8.8ค.รคแู รลูแะลนะกันเกั รเียรนยี รน่วรม่วมกกันนัสสรุปรุปบบททเรเรียยีนนดดงั ังนนี้ ี้““เเรราาสสาามมาารรถถแแกป้ ญั หาตา่ ง ๆ ได้โดยการมองใหร้ อบดา้ น คานงึ ถึงผลดีผลเสยี ของการตัดสนิ ใ ๆ ๆไดไโ้ ดดโ้ ยดกยากรามรอมงอใงหให้รอ้รบอบดด้านา้ นคคานานึงถงึ ถึงงึผผลลดดีผผี ลลเสเสียียขขอองงกกาารรตตัดัดสนิ ใจ ถ้า แก้ปญั หาด้วยการฆ่าตัวตายน้ันไม่มีผลดเี ลย จงึ เปน็ การแก้ปญั หา แกแป้ กญั ้ปหัญาหดา้วดย้วกยากราฆรา่ฆต่าัวตตัวตายายนนั้นั้นไมไมม่ ่มผี ีผลลดดเี ลีเลยยจจึงึงเเปปน็ ็นกกาารรแแกก้ป้ปญั หาที่ไมม่ ี ประโยชน์ ดงั นัน้ ถา้ เราตอ้ งการแกป้ ัญหาเรื่องการสอบตก ก็ตอ้ ง ปรปะรโะยโชยนช์นด์ ังดนงั ั้นถ้นั า้ถเา้ รเารตาต้อ้องกงการาแรแกกป้ ้ปญั ัญหหาาเรเร่ือ่ืองงกกาารรสสออบบตตกก กก็ต้องหาสาเหตขุ องปัญหาใหไ้ ด้ ซึ่งอาจเกดิ จากการไม่อา่ นหนังสอื ไม่ใสใ่ จในกา ขอขงอปงญั ปญัหาหใาหใ้ไหดไ้ ้ดซ้ ่ึงซอ่ึงาอจาเจกเกิดิดจจากากกาารรไมไม่อ่อา่ ่านนหหนนังังสสือือไไมมใ่ ใ่ สสใ่ ใ่ จจใในการเรียน เท่าที่ควร เปน็ ต้น เมื่อเราทราบสาเหตุแล้วกต็ อ้ งยอมรบั และปรั เทเา่ ทท่า่คี ทวีค่ รวรเปเน็ปตน็ ้นต้นเมเื่อมเื่อรเารทาทรารบาบสสาาเหเหตตแุ ุแลลว้ ้วกก็ต็ต้ออ้ งงยยออมมรรบั ับแแลละะปรบั ปรุง ตนเองใหมใ่ หด้ ีข้นึ ปัญหานัน้ จึงจะหมดไปในทส่ี ดุ ” ตนตเนอเงอใงหใมหใ่มหใ่ ด้หขี้ด้นึีขน้ึ ปปญั ัญหหานาน้ั ้นัจจึงจงึ จะะหหมมดดไปไปใในนทท่สี ่ีสดุ ุด”” 212 222255
226 226 213 สิ่งท่ีต้องการวัด/ประเมิน วิธกี าร เคร่ืองมอื ทใี่ ช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ ดี : บอกประโยชนข์ องวิธีคิด 1. อธิบายประโยชนข์ องวิธี - การอธบิ าย - คาถาม แบบคณุ ค่าแท้-คุณค่าเทยี ม คิดแบบคุณคา่ แท้-คณุ ค่า - การตอบคาถาม - แบบประเมนิ ผลงานกลุ่ม และวิธคี ดิ แบบคุณ-โทษ เทยี มและวธิ ีคิดแบบคุณ- - ประเมนิ ผลงานกลุม่ และทางออกได้ โทษ และทางออกได้ พอใช้ : บอกประโยชน์ของ วิธคี ดิ แบบคณุ ค่าแท้-คณุ คา่ ด้านทักษะ/กระบวนการ การสังเกตพฤติกรรม แบบสงั เกตพฤติกรรม เทียมและวธิ คี ิดแบบคุณ- 2. ปฏบิ ัตติ นตามวธิ กี ารคิด โทษ และทางออกได้ แตไ่ ม่ แบบคณุ คา่ แท้-คณุ ค่าเทยี ม สมเหตุสมผล และวธิ คี ิดแบบคุณ-โทษ ปรับปรงุ : ไมส่ ามารถบอก และทางออกตามหลัก ประโยชนข์ องวิธีคดิ แบบ โยนโิ สมนสกิ าร คณุ คา่ แท้-คุณค่าเทยี มและ วิธคี ิดแบบคณุ -โทษ และ ทางออกได้ ดี : แสดงออกตามวธิ ีการคิด แบบคณุ ค่าแท้-คณุ ค่าเทียม และวธิ ีคิดแบบคุณ-โทษ และทางออกตามหลกั โยนิโส มนสกิ าร พอใช้ : แสดงออกตาม วิธกี ารคดิ แบบคุณค่าแท้- คณุ ค่าเทียมและวิธีคิดแบบ คณุ -โทษ และทางออกตาม หลกั โยนโิ สมนสกิ าร แต่ไม่ สมเหตุสมผล ปรบั ปรุง : ไมส่ ามารถ แสดงออกตามวธิ ีการคิด แบบคณุ คา่ แท้-คณุ ค่าเทยี ม และวิธีคิดแบบคุณ-โทษ และทางออกตามหลักโยนิโส มนสกิ าร
227 227 214 สิง่ ท่ตี ้องการวัด/ประเมิน วิธีการ เคร่อื งมือท่ีใช้ เกณฑ์ ด้านคณุ ลักษณะ สงั เกตพฤตกิ รรมการ แบบสงั เกตพฤติกรรม ดี : มหี ลักประชาธิปไตย รบั ฟัง 3. ยอมรับความคดิ เห็นของ ทางานกล่มุ การทางานกลุ่ม ความคิดเห็นบนความหลากหลาย สมาชิกในกล่มุ เสยี งส่วน ของสมาชิกในกลุ่มได้อย่าง ใหญ่โดยไม่มีข้อขัดแย้ง เหมาะสม พอใช้ : มีหลักประชาธปิ ไตย รับ รฟับงั คฟวงั าคมวคามิดคเหดิ น็ เหบน็ บคนวาคมวาม หลากหลายของสมาชิกในกลุ่มได้ บางประเด็น ปรับปรุง : ไม่สามารถทางาน ร่วมกันและไม่รับฟังความคิดเห็น ของสมาชกิ ในกลมุ่ 8. บนั ทึกผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปญั หาและอปุ สรรค ............................................................................................................................. ............................................. ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข .................................................................................................................................................................. ......... ลงช่ือ ......................................ผสู้ อน (.......................................................) วันที.่ .........เดือน..........พ.ศ............. 9. ความคดิ เห็น/ข้อเสนอแนะของผ้บู ริหารหรือผูท้ ่ีได้รบั มอบหมาย .............................................................................................................................................................. ............. ลงช่อื ......................................ผูต้ รวจ (.......................................................) วันท.่ี .........เดอื น..........พ.ศ........
๒๒๘ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 36 เร่อื ง พทุ ธศาสนากับความพอเพียง เวลา 1 ชั่วโมง หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 เรือ่ ง ศาสนพิธีและวันสาคญั ทางพระพทุ ธศาสนา กล่มุ สาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม รายวิชา สงั คมศกึ ษา ชัน้ มธั ยมศึกษาปีที่ 1 ตัวชวี้ ดั กิจกรรมการเรียนรู้ วิธกี ารสอนแบบสืบสอบ 5 ขน้ั ตอน สอ่ื /แหลง่ เรียนรู้ ส 1.1 ม.1/8 วิเคราะหแ์ ละปฏบิ ตั ิตนตาม ขั้นนา 1. วิดที ศั น์เรื่อง “ร่นื รมยเ์ พราะ 1. ครูใหน้ กั เรียนชมวดี ีทัศนเ์ รื่อง “รื่นรมยเ์ พราะพอเพยี ง” พอเพียง” หลกั ธรรมทางศาสนาทีต่ นนับถือ ในการดารงชีวติ แบบพอเพียง และดูแลรักษาส่งิ แวดลอ้ มเพ่ือการอยู่ 2. Power Point เรอ่ื ง “พทุ ธ รว่ มกันได้อยา่ งสนั ตสิ ขุ ศาสนากบั ความพอเพยี ง” สาระสาคญั การทบ่ี ุคคลกระทาสิ่งต่าง ๆ อย่างพอดี ทีม่ า : https://www.youtube.com/watch?v=UeMkAejqjlE 3. แผนภาพ “พทุ ธศาสนากับ ๒.แลว้ ถามคาถามเก่ียวกับวีดีทศั น์ท่ีนักเรียนได้ชม โดยใช้แนวคาถาม ความพอเพยี ง” พอเหมาะแก่ตน มีเหตผุ ลของสิ่งทกี่ ระทาและ ดงั ตอ่ ไปน้ี 4. ใบงานเรื่อง “พุทธศาสนากบั กระทาอย่างไม่ประมาท โดยอยใู่ นกรอบของความรู้ ความพอเพียง” ทีด่ ีและความประพฤติทเ่ี หมาะสม จะทาใหบ้ คุ คลมี - จากวีดโี อที่นักเรียนได้รับชมไปนนั้ แสดงให้เห็นการดาเนินชวี ติ แบบ ภาระงาน/ชนิ้ งาน มชีชวิตีวิตทท่สี สี่มมดดุลุลมมัน่ ัน่คคงแงแลละะยย่ังยั่งยืนนืไดได้ ้ 1. การเขยี นแนวทางการใช้ ขอบเขตเนื้อหา ทรัพยากรตา่ ง ๆ ตามหลัก 1. หลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียง ปรัชญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 2. หลักธรรมท่ีสอดคลอ้ งกับหลักปรชั ญาเศรษฐกิจ ใด (แนวคาตอบ การดาเนินชีวติ แบบพอเพียง) และระบุหลักธรรมท่เี กยี่ วข้อง ใน พอเพียง - หลกั การดาเนนิ ชวี ิตแบบพอเพียงหมายถึงอะไร (แนวคาตอบ การ ในบใงบางนาเนรือ่เรงื่อ“งพ“ุทพธทุ ศธาศสานสานกาับกบั จดุ ประสงค์การเรียนรู้ กดารเนดนิำ� เชนีวนิ ิตชแีวบติ บแพบอบปพรอะปมราะณมาอณยา่ องมย่าีเหงมตเีุผหลตแผุ ลละแรลอะบรคออบบคภอาบยภใตายค้ ใวตาค้มวราูแ้ มลระ้แู ละ ความพอเพยี ง” ด้านความรู้ คุณธรรม) 1. เขยี นแนวทางการใชท้ รัพยากรตามหลักปรชั ญา - แล้วครอบครวั ของนักเรียนมกี ารดาเนนิ ชวี ติ แบบพอเพียงหรือไม่ ของเศรษฐกจิ พอเพยี งได้อยา่ งเหมาะสม อย่างไร (แนวคาตอบ มี คือการประหยดั อดออมใชจ้ า่ ยอยา่ งพอดี) 3. ครูอธิบายความหมายและองค์ประกอบของหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกิจ 221258
แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 36 เร่อื ง พทุ ธศาสนากบั ความพอเพียง 229 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 5 เรื่อง ศาสนพธิ ีและวนั สาคัญทางพระพทุ ธศาสนา เวลา 1 ชั่วโมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา สังคมศึกษา ช้นั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 1 ด้านทกั ษะและกระบวนการ พอเพยี งโดยใช้ Power Point เรือ่ ง “พุทธศาสนากบั ความพอเพยี ง” 2. ระบุหลกั ธรรมทส่ี อดคล้องกับ ประกอบการอธิบาย องค์ประกอบของหลกั ปรัชญาเศรษฐกิจ 4. ครกู ล่าวนาเข้าสู่บทเรยี น “วันนี้เราจะรว่ มกนั พิจารณาองค์ประกอบของ พอเพียง (ความพอประมาณ ความมี หลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งสอดคล้องกับหลักธรรมทางพุทธศาสนา เหตุผล ความมีภูมคิ ุ้มกนั ) ได้อยา่ ง อยา่ งไรบ้าง” ถูกต้อง ข้ันสร้างองคค์ วามรู้ ด้านคณุ ลกั ษณะ 5. ครูถามนักเรยี นถึงความสอดคล้องกันระหว่างหลักปรัชญาของเศรษฐกิจ 3. อภิปรายคณุ คา่ ของหลกั ปรชั ญา พอเพยี งกับหลักธรรมทางพทุ ธศาสนา โดยใชแ้ นวคาถามดังตอ่ ไปนี้ เศรษฐกจิ พอเพียงที่มีตอ่ ตนเองและ - นกั เรยี นคิดว่ามีพุทธศาสนามหี ลักธรรมทส่ี อนเร่ืองความพอเพยี ง สังคมได้อยา่ งมีเหตผุ ล หรือไม่ อยา่ งไร (มัชฌิมาปฏปิ ทา การเดินทางสายกลาง) - องค์ประกอบตา่ ง ๆ ของหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพียงสอดคล- ้อง กอับงคหป์ลรักะธกรอรมบอตะ่าไงรๆบ้าขงอ(งคหวลาักมปพรอัชปญระาเมศารณษฐกกบั ิจพมอัชเฌพิมยี มงสปอฏดปิ คทลา้อ)งกบั ๖ห.ลคักรธูแรจรมกอใบะงไรานบเ้ารงอ่ื (งคว“าพมุทพธอศปาสระนมาากณบั คกวบั ามมพชั อฌเพิมียาปง”ฏปิ ทา ๗6. ครูแอจธกิบใาบยงเารน่ืองเรื่อคงวา“มพสุทอธดศคาลส้อนงากกันบั รคะวหาวม่าพงอหเลพักียปงร”ัชญาของเศรษฐกิจพอ เ7พ.ียคงรกอู ับธหบิ ลาักยธเรรอื่ รงมทควางาพมสุทอธดศคาสล้อนงาก นัพรระ้อหมวใา่หง้นหักลเกัรปียนรัชทญ�ำใาบขงอางนเศเรร่ือษงฐก“จิ พุทธ ศหแ“พาลพผอสกันุทเนพธภธารียศากรงพามบักสเกบัครนบัื่อวหางาคลกมวักหบั พาธลคมอรกัวพรเาธพมอมรียทเรพพงมาอ”ียงกเพงพับตทุ ปียอคธงรนวศ”ะาทามกต่ีสพอ๑อนบอนารกเทพะาพี่หยีร1รวองอ้ ่าธรปมงบิะใรกหาหะายวน้กร”า่ออกั งธบเกริบกายี ารานยรอทโอธดาธิบยใิบาบใยาชงยแ้าโนผดเนยรใภื่อชาง้ พเรอ่ื ง 221269
แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 36 เรอื่ ง พุทธศาสนากบั ความพอเพยี ง 230 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 5 เรื่อง ศาสนพธิ ีและวนั สาคญั ทางพระพุทธศาสนา เวลา 1 ช่ัวโมง กลุม่ สาระการเรยี นรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา สังคมศึกษา ช้นั มธั ยมศึกษาปีที่ 1 แผนภาพ พทุ ธศาสนากับความพอเพยี ง ท่มี า : https://bit.ly/2FAAWWSSXXNN 8. ครูใหน้ กั เรยี นทาใบงานเรอ่ื ง “พทุ ธศาสนากบั ความพอเพยี ง” ตอนที่ 2 โดยให้ เขียนถงึ แนวทางการใชท้ รัพยากรตา่ ง ๆ ตามหลักปรชั ญาของเศรษฐกิจพอเพยี ง และระบุหลกั ธรรมที่สอดคลอ้ งกัน โดยมีทรพั ยากรที่ระบไุ ว้ดงั ตอ่ ไปนี้ - นา้ และการใชน้ ้า - การรับประทานอาหาร - ป่าไม้ - การใช้จา่ ยเงนิ - การใชไ้ ฟฟ้า 221370
231 231 แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 36 เรอ่ื ง พทุ ธศาสนากบั ความพอเพียง หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 5 เรือ่ ง ศาสนพิธีและวันสแาผคนัญกทาารงจพัดรกะาพรเทุ รธียศนารสู้ทน่ี า36 เรอ่ื ง พุทธศาสนากบั ความพอเพยี ง เวลา 1 ช่ัวโมง กหลนุ่มวสยากราะรกเรายี รนเรรยี ้ทู น่ี ร5ู้ สเงั รคื่อมงศศกึ าษสานศพาธิ สแี นลาะแวลันะสวาฒั คนัญธทรารงมพระพทุ ธศาสนา รายวิชา สงั คมศึกษา ชั้นมเวธั ลยามศ1กึ ษชาั่วปโมีทง่ี 1 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม รายวิชา สังคมศกึ ษา ช้ันมธั ยมศึกษาปีที่ 1 ข้นั สรปุ ความคดิ รวบยอด ข9้นั. คสรูถุปาคมวคาามถคาดิมรสวรบุปยโอดดยใช้แนวคาถามดังตอ่ ไปน้ี 9. ครูถาม- คหาลถกั าคมวสารมปุ พอโดเพยใียชง้แมนีควคามาถสามคดญั ังแตล่อะไมปีคนุณี้ ค่าต่อการดาเนินชีวิตในสังคม ปัจจุบันห-รหือลไมัก่ คอวยา่ามงพไรอ(เจพายี เงปม็นคี เวพารมาสะาคควญัามแพลอะเมพีคยี ุณงทคา่ ใตห่อม้ กีคาวราดมาเนปิน็ ชอีวยิตู่ทใีย่ นั่งสยงัืนคม มป่ันจจคุบงภนั าหปยรัจใือตจไุบ้คมวัน่ าอหมยรเ่าอืปงไลไมร่ีย่ อน(จยแาา่ปเงปลไ็นงรขเ(พอจรงำ� สาเปะังค็นมวเพาเมรศาพระอษคเฐวพกายี จิมงพทสอาง่ิ แใเพหวยีม้ดงีคลทวอ้ �ำามใมแหเลปม้ ะน็ีคววอฒั ายมนู่ทเธยี่ปรง่ัน็รยอมืนย) ู่ท่ี ม่นั คงภายยงั่ ใยตืน้คมวนั่ามคเงปภลา่ยี นใตแค้ปวลางมขเอปงลสี่ยังนคแมปเลศงรขษอฐงกสจิ งั คสม่ิงแเวศดษลฐ้อกมิจแสลิ่งะแววฒั ดนล-ธอ้นรมักรแเมรล)ียะน นสกัามเรายี รนถสวปาฒั ฏมนบิารธัตถริตปรามฏม)บิแตันติ วาทมาแงนขวอทงหางลขกั อคงวหาลมกั พคอวเาพมียพงอไเดพ้อยี ยง่าไดงไอ้ รยแา่ ลงะไรผแลลขะอผงลก-ขานอรกังกเรายีรน ปสาฏมบิ าตั รจิถะ-ปเนฏปักิบ็นเตัอริตยี า่นมงสไแารนม(วากทรรถาะปงทขฏาอิบสงงิ่ัตหตติ ลา่ าักงมคๆแวนาอวมยทพา่ างองพเขพออียดงงีพหไดอล้อเักหยคมา่วางาะไมรแพแกอล่ตะเนพผยีลมงขเี ไหอดตงอ้ กุผยาลา่ รขงไอรงแสลิง่ ะ ปทปปทรรฏก่ี่กี ะะรรบิ พพะะตั ททฤฤิจาาตตะผยทแแทิิทเงั่ลี่ดปลลยเ่ีีเ่ขแีหหะะ็นนือลกกมมอไงะรราาดยสคะะะ้า่่ิงวททสสงทาไมมาา่ีกรมออรจจปยย(ะกะะร่าา่ ทททระงงะำ�ไไพาามมแทใใฤหห่ป่ปลาตะ้้บบสรริทกะะิ่งุคุค่ีเตมมรคคหะา่าลลมงททมมาำ�ๆะชีชีโโอดดสวีวี อยยยมิติตย่าออททงา่จยยปส่ีสี่งะูู่่ใใพมมรทนนะดดอ�ำกกมุลุลดใรราหพีออมมท้บอบบน่ัั่นคุเโขขคคหดคอองงมยลงงแแาอมคคลละยชีววะะแู่ใาาวียยนกมมิตัง่ัง่ ต่กรรทยยรนู้ทูท้ ืนืนีส่ อด่ี่ีดมไไมบดดแีแี ดีเข้้))ลลหุลอะะตงมคคุผควว่ันลวาาคขามมงอมแงรลสู้ ะงิ่ 232123118
232 223129 สิง่ ท่ีต้องการวดั /ประเมิน วธิ ีการ เคร่อื งมือท่ีใช้ เกณฑ์ ด้านความรู้ - คาถาม - คาถาม ดี : เขยี นแนวทางในการ 1. เขยี นแนวทางการใช้ - การทาใบงานเรื่อง - แบบประเมินสมรรถนะสาคัญ ใชท้ รพั ยากรตามหลัก ทรพั ยากรตามหลักปรชั ญา “พทุ ธศาสนากับความ ของนักเรียน ปรัชญาเศรษฐกิจ ของเศรษฐกจิ พอเพียงได้ พอเพยี ง” - แบบประเมินผลงาน พอเพยี งได้อย่าง อย่างเหมาะสม เหมาะสม ชัดเจนและถกู ด้านทักษะ/กระบวนการ - การสังเกตพฤติกรรม - แบบประเมินผลงานกลุ่ม แนวทาง 2. ระบหุ ลกั ธรรมท่ี - การทาใบงานเรื่อง พอใช้ : เขียนแนวทางใน สอดคลอ้ งกบั องคป์ ระกอบ “พระพุทธศาสนากับ การใชท้ รพั ยากรตาม ของหลักปรัชญาเศรษฐกิจ ความพอเพียง” หลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี ง(ความพอประมาณ พอเพียงไดอ้ ยา่ ง ความมีเหตผุ ล ความมี เหมาะสม ชดั เจน ภมู คิ ุม้ กัน) ได้อย่างถูกต้อง ปรับปรุง : เขียน แนวทางในการใช้ ทรพั ยากรตามหลัก ปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งได้ ดี : ระบุหลักธรรมที่ สอดคล้องกบั องค์ประกอบของหลกั ปรชั ญาเศรษฐกจิ พอเพยี งได้ถูกต้องและ ครบทกุ ข้อ พอใช้ : ระบุหลกั ธรรมท่ี สอดคล้องกับ องคป์ ระกอบของหลกั ปรชั ญาเศรษฐกิจ พอเพียงได้ 4 ขอ้ ปรับปรุง : ระบุ หลักธรรมท่สี อดคล้อง กบั องคป์ ระกอบของ หลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพยี งได้น้อยกว่า 3 ข้อ
233 223230 สิง่ ท่ตี ้องการวดั /ประเมนิ วิธกี าร เครือ่ งมอื ทีใ่ ช้ เกณฑ์ ดา้ นคณุ ลกั ษณะ - การสงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกตพฤติกรรม ดี : บอกคุณค่าของหลกั ปรชั ญา 3. อภปิ รายคุณค่าของหลัก เศรษฐกจิ พอเพียงท่ีมีตอ่ ตนเอง ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพยี งท่ี และสังคมได้อย่างมเี หตผุ ล มตี ่อตนเองและสังคมได้ พอใช้ : บอกคุณคา่ ของหลัก อยา่ งมเี หตผุ ล ปรชั ญาเศรษฐกิจพอเพียงที่มีตอ่ ตนเองและสังคมได้อย่างมี เหตุผลแต่ยังขาดเหตุผลบาง ประการ ปรับปรุง : ไมส่ ามารถบอกได้ คุณคา่ ของหลกั ปรชั ญา เศรษฐกิจพอเพยี งท่ีมีตอ่ ตนเอง และสงั คมได้ 8. บนั ทกึ ผลหลังสอน ผลการเรยี นรู้ ................................................................................................................... .......................................................... ปญั หาและอปุ สรรค ............................................................................................................................. ............................................. ข้อเสนอแนะและแนวทางแก้ไข ............................................................................................................................. .............................................. ลงชอ่ื ......................................ผ้สู อน (.......................................................) วันท.่ี .........เดือน..........พ.ศ............. ๙9. ความมคคิดิดเเหหน็ ็น//ขข้ออ้ เสเสนนออแแนนะะขขอองผงผู้บู้บริหริหาราหรรหือรผือูท้ผี่ไทู้ ดีไ่ ้รดบั ร้ มบั อมบอหบมหามยาย ............................................................................................................................. .............................................. ลงชื่อ ......................................ผูต้ รวจ (.......................................................) วันท่.ี .........เดอื น..........พ.ศ........
๒๓๔ 222314 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 6 ชื่อหน่วยการเรยี นรู้ ศาสนาสาคัญ รหัสวิชา ส21101 รายวิชา สังคมศึกษา กลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที ี่ 1 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 256๒ เวลา 2 ชวั่ โมง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………….. 1. มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชว้ี ดั สาระ ศาสนาศลี ธรรม และจริยธรรม มาตรฐานการเรยี นรู้ ส 1.1 รู้ และเขา้ ใจประวัติ ความสาคญั ศาสดา หลักธรรมของพระพทุ ธศาสนาหรือ ศาสนาท่ีตนนบั ถือและศาสนาอืน่ มีศรทั ธาทถ่ี ูกต้อง ยึดม่นั และปฏิบัติตามหลกั ธรรม เพื่ออยูร่ ว่ มกันอย่างสนั ติ สนัุขติสขุ ตัวชว้ี ดั ส 1.1 ม.1/9 วิเคราะหเ์ หตุผลความจาเป็นทท่ี ุกคนตอ้ งศกึ ษาศาสนาอื่นๆๆ ส 1.1 ม.1/10 ปฏบิ ตั ิตนต่อศาสนิกชนอนื่ ในสถานการณต์ ่าง ๆ ได้อย่างเหมาะสม ส 1.1 ม.1/11 วเิ คราะหก์ ารกระทาของบคุ คลทเี่ ปน็ แบบอยา่ งด้านศาสนสัมพันธ์ และนาเสนอแนวทางการปฏิบตั ิของ ตนเอง 2 .สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด ในสังคมประกอบไปด้วยศาสนาตา่ ง ๆ หลากหลาย จึงควรทจี่ ะต้องทาความเขา้ ใจถงึ การประพฤติ ปฏิบัตติ น วิถีชวี ิตของศาสนกิ ชนต่างศาสนา และหลักธรรมคาสอนเพอื่ ใหเ้ กิดความเขา้ ใจที่ตรงกันและอยู่ รว่ มกันอยา่ งสนั ตสิ ุข 3. สาระการเรียนรู้ ความรู้ 1) อธบิ ายหลักความเชื่อและคาสอนของศาสนาอิสลาม คริสต์ พราหมณ์-ฮนิ ดู สกิ ข์ ทกั ษะ/กระบวนการ 2) อภิปรายแนวทางการปฏิบัติตนตามศาสนาอสิ ลาม คริสต์ พราหมณ-์ ฮินดู สกิ ข์ได้อย่าง เหมาะสม 3) ผู้เรยี นสามารถนาเสนอแนวทางในการอยู่รว่ มกับศาสนกิ ชนของศาสนาอืน่ ได้อย่างสนั ติสุข เจตคติ 5) อภปิ รายประโยชนท์ ีจ่ ากการศึกษาศาสนาอ่ืน ๆ ได้อยา่ งมีเหตผุ ล 4. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคดิ 3) ความสามารถในการแก้ปัญหา
๒๓๕ 232522 5. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1) มวี นิ ยั 2) ใฝเ่ รียนรู้ 3) มุ่งมนั่ ในการทางาน 6. การประเมินผลรวบยอด ชนื้ งานหรือภาระงาน 1) กิจกรรม “โรงเรียนสนั ตสิ ุข” ใหน้ ักเรียนแตล่ ะกลุ่มออกแบบโรงเรียนประจาซงึ มนี กั เรียน หลากหลายศาสนาโดย ต้องออกแบบพน้ื ที่และกิจกรรมให้สอดคล้องกบั การอย่รู ่วมกนั อย่างสนั ตสิ ขุ เกณฑก์ ารประเมินผลชิ้นงานหรือภาระงาน ประเด็นการประเมนิ ระดบั คุณภาพ 4 (ดมี าก) 3 (ดี) 2 (พอใช้) 1 (ปรบั ปรุง) 1. ออกแบบพ้นื ท่ีใน ออกแบบพืน้ ท่ีและ ออกแบบพ้นื ทแี่ ละ ออกแบบพ้นื ที่และ ไมส่ ามารถออกแบบ โรงเรียนไดส้ อดคล้องกับ กจิ กรรมได้สอดคลอ้ ง กจิ กรรมไดส้ อดคลอ้ ง กิจกรรมของศาสนาต่างๆๆ ต่อการอยู่ร่วมกันของ ต่อการอยู่รว่ มกันได้ กจิ กรรมได้ พน้ื ท่ีและกิจกรรมได้ สอดคลอ้ งต่อการอยู่ สอดคล้องตอ่ การอยู่ ทุกศาสนาได้อยา่ งสนั ติ สามศาสนาขึ้นไป ร่วมกนั นอ้ ยกวา่ lสาม รว่ มกันของแตล่ ะ สขุ ศาสนา ศาสนาอยา่ งสนั ตสิ ขุ 2. การเสนอแนวทางการ เสนอแนวทางการ เสนอแนวทางการ เสนอแนวทางการ ไม่สามารถเสนอแนว ปฏิบตั ติ นอยา่ งเหมาะสม กปาฏรบิ ปตั ฏติ ิบนัตอิตยา่นงอยา่ ง ต่อศาสนกิ ชนต่างศาสนา กปาฏริบปัตฏิตบินตัอติยา่นงอยา่ ง เหมาะสมต่อ กปาฏรบิ ปตั ฏิติบนตัอิตยา่นงอย่าง ทางการอยู่รว่ มกับ เหมาะสมต่อ เหมาะสมต่อ ศาสนิกชนตา่ ง ศาสนิกชนตา่ งศาสนา ศาสนิกชนตา่ งศาสนา ศาสนิกชนตา่ ง ศาสนา ได้อย่างเหมาะสม ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ศาสนาไดส้ อดคล้อง เป็นไปไดส้ อดคลอ้ งกบั เป็นไปไดส้ อดคล้องกบั กับวิถปี ฏิบตั ขิ อง วถิ ีปฏบิ ตั ขิ อง วถิ ปี ฏบิ ตั ขิ อง ศาสนิกชนแต่ละ ศาสนิกชนแตล่ ะ ศาสนกิ ชนแตล่ ะ ศาสนา ศาสนา และส่งเสริม ศาสนา การอย่รู ว่ มกันอย่าง สันติสุข เกณฑก์ ารตดั สิน คะแนน 12 - 10 หมายถึง ดมี าก คะแนน 9 – 7 หมายถงึ ดี คะแนน 6 – 4 หมายถงึ พอใช้ คะแนน 3 – 1 หมายถึง ปรบั ปรงุ เกณฑก์ ารผา่ น ต้ังแต่ระดับ ดี
๒๓๖ หนว่ ยการเรยี นรูท้ ี่ 6 เรือ่ ง ศาสนาสาคัญ แผนการจดั การเรียนรูท้ ี่ 37 เรือ่ ง หลักศาสนาสาคัญ เวลา 1 ชวั่ โมง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สงั คมศกึ ษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา สงั คมศกึ ษา ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 1 ตัวชว้ี ัด กิจกรรมการเรียนรู้ สื่อ/แหล่งเรียนรู้ ส 1.1 ม.1/9 วเิ คราะห์เหตุผลความ ขน้ั นา 1. สอ่ื นาเสอน Power Point จาเปน็ ท่ที กุ คนต้องศึกษาเรยี นรศู้ าสนาอ่ืน ๆ 1. ผเู้ รียนรว่ มกนั พิจารณาภาพท่ีเก่ียวขอ้ งกบั ศาสนิกชนในศาสนาตา่ ง ๆ เรอ่ื ง ศาสนาสาคัญในประเทศไทย ส 1.1 ม.1/10 ปฏิบตั ติ นต่อศาสนกิ ชน จากนน้ั ร่วมกันอภิปรายเพ่ือนาเข้าส่บู ทเรียนตามแนวคาถามตอ่ ไปน้ี ๒ไท. ยหนังสอื เรยี นพระพุทธศาสนา 2. หนงั สือเรยี นพระพุทธศาสนา อื่นในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อยา่ งเหมาะสม “จากภาพนักเรียนเห็นศาสนิกชนของศาสนาอะไรบ้าง” (แนวคาตอบ ภาระงาน/ช้ินงาน ส 1.1 ม.1/11 วิเคราะห์การกระทาของ : ครสิ ต์ อสิ ลาม พรามหณ์-ฮินดู) ๑. วเิ คราะห์ปญั หาความขดั แยง้ ท่ี เกิดขน้ึ จากความขดั แยง้ ทาง บคุ คลที่เปน็ แบบอย่างดา้ นศาสนสมั พนั ธ์ และ “ศาสนาแต่ละศาสนามีรูปแบบลักษณะเหมือนหรอื แตกตา่ งกนั ศาสนาและเสนอแนวทาง นาเสนอแนวทางการปฏบิ ตั ิของตนเอง อยา่ งไร” (แนวคาตอบ : ทุกศาสนาสอนใหค้ นเป็นคนดี หลักปฏิบัตติ ขิ องแต่ละ แกป้ ัญหาโดยใช้หลกั ธรรมของ สาระสาคญั ศาสนาตา่ งกนั ) ศาสนาต่าง ๆ 2. ครสู ารวจนกั เรยี นในชัน้ เรียนวา่ นับถอื ศาสนาใดบ้าง แล้วร่วมกนั บอกวา่ ใน ในสังคมประกอบไปดว้ ยศาสนาต่าง ๆ ประเทศไทยมศี าสนาใดบา้ งท่ีคนไทยนบั ถือ หลากหลาย จงึ ควรทจ่ี ะต้องทาความเขา้ ใจถงึ การ ขน้ั สอน กปารระปพรฤะตพิปฤฏตบิปัตฏติ ิบนัติตวนถิ ชี วีวถิ ติ ีชขีวอิตงขศอางสศนากิ สชนนิกตช่านงตา่ ง 3. ผ้สู อนบรรยายประกอบการซักถามเรื่อง “ศาสนาสาคัญในประเทศไทย” ศาสนา และหลักธรรมคาสอนเพอื่ ให้เกดิ ความ โดยใช้ Power Point เรอื่ ง “ศาสนาสาคัญในประเทศไทย” โดยมแี นวคาถาม เข้าใจท่ีตรงกันและอยู่ร่วมกนั อยา่ งสันตสิ ขุ ดงั น้ี ปฏิบัตติ นมาเป็นแบบอยา่ งในการดารงชวี ติ “นักเรียนทราบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกบั ศาสนาดังกลา่ วหรอื ไม่” “คาสงั่ สอนของศาสนาดังกล่าวเหมือนหรอื แตกตา่ งจากคาสอนของ ศาสนาพทุ ธอยา่ งไร” 4. ผู้สอนให้ผู้เรียนพจิ ารณาข่าวเหตกุ ารณ์ความขดั แย้งทางศาสนาจากน้ัน ผเู้ รียนรว่ มกนั วเิ คราะห์ถึงสาเหตขุ องปัญหาความขดั แยง้ ท่เี กิดขน้ึ และมี 2236
๒๓๗ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 6 เรื่อง ศาสนาสาคญั แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 37 เรอ่ื ง หลักศาสนาสาคัญ เวลา 1 ช่ัวโมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ สังคมศกึ ษา ศาสนาและวฒั นธรรม รายวิชา สังคมศึกษา ช้ันมัธยมศึกษาปที ่ี 1 หลักธรรมใดในแต่ศาสนาทสี่ ามารถแกป้ ัญหาความขดั แย้งนี้ได้ ขอบเขตเนอ้ื หา 1. ศาสนกิ ชนของศาสนาต่าง ๆๆมกีมากี ราปรรปะรพะฤพตฤิติ ปฏิบตั ิตนและวิถกี ารดาเนินชวี ติ แตกตา่ งกันตาม ขั้นสรปุ หลักความเชือ่ และคาสอน ของศาสนาทีต่ นนบั ถือ 5. ผูเ้ รยี นรว่ มกันอภิปรายเพื่อสรุปความคดิ รวบยอดตามแนวคาถามต่อไปน้ีครแู ละ 2. 2. การปฏบิ ตั อิ ยา่ งเหมาะสมตอ่ ศาสนิกชนอื่น คนรักแู เรลยี ะนรัก่วเรมียกนั รอ่วภมิปกรนั าอยภสปิรปุราโดยยสใรชปุ ้แโนดยวคใชาแ้ถนามวคดำงั �ถตา่อมไปดนังต้ี อ่ ไปนี้ ในสถานการณ์ต่างๆๆ 3. ตัวอย่างบคุ คลในท้องถ่ินหรอื ประเทศทป่ี ฏิบตั ิ - นักเรยี นจะนาความรจู้ ากการศึกษาศาสนาอ่ืน ๆ นาไปใช่ใหเ้ กิด ตนเป็นแบบอย่างด้านศาสนสัมพันธห์ รือมีผลงาน ประโยชนอ์ ย่างไร ดา้ นศาสนสมั พนั ธ์ (แนวคาตอบ : นาไปอธบิ ายให้ผู้อื่นมคี วามเขา้ ใจที่ถูกต้อง) จดุ ประสงค์การเรียนรู้ ดา้ นความรู้ - การเรยี นรู้ศาสนาอ่ืน ๆ มีประโยชน์อย่างไรต่อตวั นักเรยี น 1. อธิบายหลักธรรมของศาสนาพทุ ธ คริสต์ (แนวคาตอบ : ทาให้มคี วามรู้ความเข้าใจทีถ่ ูกตอ้ ง สงั คมเกิดควา่ มสงบสขุ ) อสิ ลาม และฮินดู ได้โดยสงั เขป - การเรยี นรศู้ าสนาอ่ืน ๆ มีประโยชนอ์ ย่างไรต่อสงั คม ดา้ นทกั ษะและกระบวนการ (แนวคาตอบ : ในสงั คมประกอบไปดว้ ยศาสนาต่าง ๆ หลากหลาย จึงควรท่ี 2. ผู้เรยี นสามารถนาเสนอแนวทางในการอยู่ จะตอ้ งทาความเข้าใจถึงการประพฤติปฏบิ ัติตน วถิ ชี วี ิตของศาสนิกชนต่าง ศาสนา และหลกั ธรรมคาสอนเพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจทตี่ รงกันและอยู่รว่ มกัน อยา่ งสนั ติสขุ ) ร่วมกบั ศาสนิกชนของศาสนาอื่นได้อยา่ งสันติสุข ดา้ นคณุ ลกั ษณะ 3. อภิปรายประโยชนท์ จ่ี ากการศกึ ษาศาสนาอ่นื ๆ ไดอ้ ยา่ งมเี หตผุ ล 224 237
238 223285 สงิ่ ที่ต้องการวดั /ประเมิน วธิ ีการ เครื่องมือทใ่ี ช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ - ประเมนิ ผลงานกลมุ่ - แบบประเมินผล ดี : อธิบายหลกั ความเชื่อและคาสอน 1. อธบิ ายหลกั ความเช่อื ของศาสนาอิสลาม ครสิ ต์ พราหมณ์- และคาสอนของศาสนา งานกลุ่ม ฮินดู สิกข์ได้อย่างถูกต้อง อสิ ลาม คริสต์ พราหมณ์- พอใช้ : อธบิ ายหลักความเช่ือและคา ฮนิ ดู สิกข์ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสังเกต สอนของศาสนาอิสลาม คริสต์ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ นกั เรียน พฤติกรรมนกั เรยี น พราหมณ์-ฮินดู สกิ ข์ได้อย่างถูกต้องแต่ 2. อภิปรายแนวทางการ - ประเมินผลงานกลมุ่ - แบบประเมินผล ไม่ครบทุกศาสนา ปฏบิ ัตติ นตามหลกั ศาสนา งานกล่มุ ปรับปรงุ : ไมส่ ามารถอธบิ ายหลกั อิสลาม ครสิ ต์ พราหมณ์- ความเชือ่ และคาสอนของศาสนา ฮินดู สิกข์ อสิ ลาม คริสต์ พราหมณ์-ฮนิ ดู สกิ ขไ์ ด้ ดี : อภปิ รายแนวทางการปฏิบัติตน ตามหลักศาสนาอิสลาม ครสิ ต์ พราหมณ์-ฮินดู สกิ ข์ได้อยา่ งมีเหตผุ ล พอใช้ : อภิปรายแนวทางการปฏบิ ัติ ตนตามหลักศาสนาอิสลาม ครสิ ต์ พราหมณ์-ฮนิ ดู สกิ ข์ได้อย่างมีเหตผุ ล แตไ่ ม่ครบทกุ ศาสนา ปรบั ปรงุ : ไมส่ ามารถอภิปรายแนว ทางการปฏบิ ัติตนตามหลกั ศาสนา อิสลาม ครสิ ต์ พราหมณ์-ฮินดู สิกข์ ด้านคณุ ลกั ษณะ - สงั เกตพฤติกรรม - แบบสงั เกต ดี : อธบิ ายแนวทางปฏิบัตติ นต่อ 3. อธบิ ายแนวทางปฏบิ ัติ นกั เรยี น พฤติกรรมนกั เรียน ศาสนกิ ชนในศาสนาอืน่ ไดอ้ ย่างมี ตนต่อศาสนิกชนในศาสนา เหตผุ ล อนื่ พอใช้ : อธิบายแนวทางปฏบิ ัตติ น ต่อศาสนิกชนในศาสนาอน่ื ได้อยา่ งมี เหตุผลแต่ไม่ครบทกุ ประเด็น ปรับปรงุ : ไม่สามารถอธบิ ายแนวทาง ปฏิบตั ติ นตอ่ ศาสนิกชนในศาสนาอ่นื ได้ อยา่ งมเี หตผุ ล
239 222369 8. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการเรียนรู้ ............................................................................................................................. ................................................ ปัญหาและอปุ สรรค ................................................................................................................................. ......................................... ข้อเสนอแนะและแนวทางแกไ้ ข ........................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ......................................ผู้สอน (.......................................................) วันท.ี่ .........เดือน..........พ.ศ............. ๙9. ความคคดิ ิดเเหห็น็น//ขข้อ้อเสเสนนออแแนนะะขขอองผงผบู้ ู้บรหิริหาราหรรหือรผอื ู้ทผ่ีไู้ทด่ไี ้รดับ้รมับอมบอหบมหามยาย ........................................................................................................................................................................... ลงชอ่ื ......................................ผตู้ รวจ (.......................................................) วันที.่ .........เดือน..........พ.ศ........
๒๔๐ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 38 เรือ่ ง การปฏบิ ัตติ นอยา่ งเหมาะสมตอ่ บุคคลตา่ งศาสนา หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 6 เร่ือง ศาสนาสาคญั เวลา 1 ชวั่ โมง กลมุ่ สาระการเรยี นรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม รายวิชา สงั คมศกึ ษา ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 1 มาตรฐานการเรยี นรู้ กิจกรรมการเรยี นรู้ สื่อ/แหล่งเรียนรู้ ส 1.1 ม.1/9 วิเคราะห์เหตุผลความ ขน้ั นา 1. สมดุ จดบันทกึ 1. ครูใหน้ ักเรยี นดภู าพขา่ วขัดแยง้ ระหวา่ งศาสนาแลว้ ใชค้ าถามดังต่อไปน้ถี าม 2. หนงั สือเรียนพระพทุ ธศาสนา จาเป็นท่ที ุกคนต้องศึกษาเรียนรูศ้ าสนาอน่ื ๆ นักเรยี น ภาระงาน/ช้นิ งาน ส 1.1 ม.1/10 ปฏิบัติตนต่อศาสนิกชน 1. นาเสนอแนวทางในการอยู่ - ความขัดแยง้ ท่ีเกิดขนึ้ นา่ จะเกิดจากอะไร (แนวคาตอบ : การเข้าใจผดิ รว่ มกนั อยา่ งสนั ติและเหมาะสม อ่นื ในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อยา่ งเหมาะสม ตอ่ กนั ระหวา่ งศาสนา) กขนัองขคอนงคตนา่ งตศ่าางสศนาสานา ส 1.1. ม.1/11 วเิ คราะห์การกระทา - นกั เรยี นจะมีแนวทางอย่างไรใหศ้ าสนิกชนตา่ งศาสนาสามารถอยู่ ของบุคคลทีเ่ ปน็ แบบอย่างด้านศาสนสมั พันธ์ และ ร่วมกนั ได้ (แนวคาตอบ : ปฏบิ ัตติ ่อกนั อย่างเข้าใจกนั ไมด่ ูถกู เหยียดหยาม นาเสนอแนวทางการปฏบิ ัตขิ องตนเอง ระหวา่ งกนั ) สาระสาคญั ครกู ลา่ วเข้าสบู่ ทเรยี น “ในวนั น้ีเราจะมาพิจารณาแนวทางการปฏิบตั ิ ในสงั คมประกอบไปด้วยศาสนาต่าง ๆ ต่อศาสนิกชนอ่นื อย่างเหมาะสมกนั เพื่อเป็นแนวทางในการอย่รู ว่ มกันอย่างสนั ติ หลากหลาย จึงควรทีจ่ ะต้องทาความเขา้ ใจถงึ การ สุข” ประพฤติปฏบิ ตั ติ น วถิ ชี วี ิตของศาสนกิ ชนตา่ ง ข้ันสอน ศาสนา และหลกั ธรรมคาสอนเพือ่ ใหเ้ กิดความ 2. ครูใหน้ ักเรยี นทากจิ กรรม “โรงเรียนสนั ตสิ ุข” โดยกาหนดสถานการณ์ให้ เขา้ ใจที่ตรงกันและอยรู่ ่วมกันอย่างสนั ติสุข นักเรียนเป็นผ้บู รหิ ารโรงเรยี นประจาอยู่แหง่ หน่งึ ึ่ึงมผี อู้ ยู่อาศยั เป็นศาสนิกชน ตา่ งศาสนากนั อยู่ 4 ศาสนาได้แก่ 1) ชาวครสิ ต์ 2) ชาวอสิ ลาม 3) ชาวสกิ ข์ 4) ชาวฮนิ ดู โดยครูถามทบทวนนกั เรยี นเก่ียวกบั ความรูเ้ ร่อื งความเช่ือหรือหลัก 222740
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 606
Pages: