Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 64-08-06-คู่มือครู คณิต ป.5 หน่วยที่ 2

64-08-06-คู่มือครู คณิต ป.5 หน่วยที่ 2

Published by elibraryraja33, 2021-08-06 04:01:01

Description: 64-08-06-คู่มือครู คณิต ป.5 หน่วยที่ 2

Search

Read the Text Version

โครงการสวนพระองคส มเด็จพระกนิษฐาธริ าชเจา กรมสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มูลนธิ ิการศกึ ษาทางไกลผานดาวเทียม ในพระบรมราชปู ถัมภ สาํ นักงานคณะกรรมการการศกึ ษาขนั พืน ฐาน สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี

ชุดเอกสารสื่อ ๖๐ พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ลิขสิทธิ์ของ สํานักงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี สํานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พิมพครั้งที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๖๒ จํานวน ๒๒,๐๐๐ เลม จัดพิมพโดย โรงพิมพชุมนุมสหกรณการเกษตรแหงประเทศไทย จํากัด ๗๙ ถนนงามวงศวาน แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ๑๐๙๐๐ โทร. ๐-๒๕๖๑-๔๕๖๗ โทรสาร ๐-๒๕๗๙-๕๑๐๑ นายโชคดี ออสุวรรณ ผูพิมพผูโฆษณา

คำานำา ตามท่ี สํานักงานโครงการสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ไดจัดทําชุดการเรียนรู สําหรับใชในโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กที่ขาดครู มีครูไมครบช้ันหรืออยูในพื้นที่หางไกลทุรกันดารซ่ึงประกอบดวย ชุดการจดั กิจกรรมการเรียนรู (สําหรบั ครูผสู อน) และชุดกิจกรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั นักเรยี น) หลงั จากทมี่ ีการนําไปใช พบวา ส่อื ดงั กลา วชว ยพัฒนาคุณภาพการศกึ ษาของโรงเรียนขนาดเลก็ ไดเ ปน อยางดี สาํ นักงานคณะกรรมการการศกึ ษา ขั้นพ้ืนฐาน จึงเห็นควรมีการนาํ เอาสื่อดงั กลา ว มาใชใ นโรงเรยี นประถมศกึ ษาขนาดเลก็ และโรงเรียนขยายโอกาสทกุ โรง เพอื่ ชว ยพฒั นาคณุ ภาพการศกึ ษาระดบั ประถมศกึ ษาใหด ยี งิ่ ขน้ึ ประกอบกบั กระทรวงศกึ ษาธกิ าร ไดป ระกาศใชม าตรฐาน การเรียนรู และตัวช้ีวัดกลุมสาระการเรียนรูคณิตศาสตร วิทยาศาสตร และสาระภูมิศาสตร ในกลุมสาระการเรียนรู สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ ตามคําสั่ง กระทรวงศึกษาธิการ ท่ี สพฐ.๑๒๓๙/๒๕๖๐ ลงวนั ท่ี ๗ สงิ หาคม ๒๕๖๐ สาํ นกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน จึงไดปรบั ปรุงชุดการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู ูสอน) เพื่อใหสอดคลองกับการประกาศใชมาตรฐานการเรียนรูและตัวชี้วัด และเพ่ือใหสะดวกตอการนําไปใช โดยจัดแยก เปน รายชัน้ (ประถมศึกษาปท ่ี ๑ - ๖) และเปนรายภาค (ภาคเรียนท่ี ๑ และ ๒) ทง้ั ๕ กลมุ ประกอบดว ย - ชดุ การจดั กิจกรรมการเรียนรู (สําหรบั ครูผูสอน) กลุมสาระการเรียนรภู าษาไทย ประถมศึกษาปท ี่ ๑ - ๖ ภาคเรยี นท่ี ๑ และ ๒ - ชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครูผสู อน) กลุมสาระการเรยี นรูวิทยาศาสตร ประถมศกึ ษาปท่ี ๑ - ๖ ภาคเรยี นที่ ๑ และ ๒ - ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู (สําหรบั ครผู สู อน) กลุมสาระการเรยี นรูคณิตศาสตร ประถมศึกษาปท ี่ ๑ - ๖ ภาคเรียนที่ ๑ และ ๒ - ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู (สําหรับครูผสู อน) กลุมสาระการเรยี นรภู าษาตา งประเทศ (ภาษาองั กฤษ) ประถมศึกษาปท่ี ๑ - ๖ ภาคเรยี นที่ ๑ และ ๒ - ชุดการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรับครผู ูสอน) กลมุ บูรณาการ ประถมศึกษาปท ี่ ๑ - ๖ ภาคเรยี นท่ี ๑ และ ๒ การนําชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรูไปใช ครูผูสอนตองศึกษาเอกสาร คูมือการใชชุดการจัดกิจกรรม การเรยี นรู และศกึ ษาคาํ ชแ้ี จงในเอกสาร ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) ใหเ ขา ใจเพราะจะทาํ ใหท ราบ ถึงแนวคิดการจัดกระบวนการจัดกิจกรรมการเรียนรู การเตรียมตัวของผูสอน ส่ือการจัดกิจกรรมการเรียนรู ลักษณะ ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู แผนการจัดการเรียนรู สัญลักษณที่ใช แนวทางการวัดและประเมินผลของแตละ หนวยการเรียนรู หวังวาชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู (สําหรับครูผูสอน) และชุดกิจกรรมการเรียนรู (สําหรับนักเรียน) ฉบับปรับปรุงน้ี จะเปนประโยชนตอการจัดกิจกรรมการเรียนรูของผูสอน อันจะสงผลตอการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ระดบั ประถมศึกษาตอ ไป ขอขอบคุณ ผูทรงคุณวุฒิ ผูบริหารสถานศึกษา ศึกษานิเทศก ครู อาจารย และทุกทานที่มีสวนเก่ียวของกับ การปรับปรงุ และจัดทําเอกสารมา ณ โอกาสนี้ สํานกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน



คำาช้แี จง ชุดการจัดกจิ กรรมการเรยี นรู (สําหรับครผู สู อน) หนวยที่ ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคูณ การหาร ทศนยิ ม เลม น้ี เปน ๑ ใน ๖ เลม ของชดุ การจดั กิจกรรมการเรยี นรกู ลมุ สาระการเรียนรคู ณติ ศาสตร ใชก บั นักเรยี น ชั้นประถมศึกษาปที่ ๕ ซึ่งผานการวิเคราะหตัวช้ีวัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง กลุมสาระการเรียนรูคณิตศาสตร (ฉบับปรบั ปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพนื้ ฐาน พุทธศกั ราช ๒๕๕๑ เม่ือสอนครบทง้ั ๖ เลม นักเรียนจะไดเ รียนรูครบถวนครอบคลมุ ทุกตวั ช้วี ดั ของหลักสตู ร ชดุ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู (สําหรับครผู ูสอน) หนว ยท่ี ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคณู การหาร ทศนิยม เลมน้ี เปนเอกสารท่ีนําเสนอแนวทางในการจัดการเรียนรูคณิตศาสตร เรื่องทศนิยม ใหกับนักเรียนช้ัน ประถมศึกษาปท ี่ ๕ ประกอบดวย (๑) คําแนะนาํ สําหรบั ผสู อน (๒) โครงสรางชุดการจดั กิจกรรมการเรยี นรู (๓) กําหนดการสอนคณิตศาสตร ช้นั ประถมศกึ ษาปท่ี ๕ (๔) โครงสรา งหนว ยการเรียนรู หนวยท่ี ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนิยม (๕) มาตรฐานการเรยี นรแู ละตัวชว้ี ดั ของหนวยการเรียนรู หนว ยท่ี ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนิยม (๖) แผนการจัดการเรียนรู จํานวน ๓๓ แผน (๗) เฉลยแบบฝก หดั ของนกั เรยี น (๘) แบบประเมินทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร กอ นการสอนเรื่องทศนิยม ผูสอนควรศกึ ษาแผนการจดั การเรยี นรจู ากเอกสารเลมนอ้ี ยา งละเอยี ด จะทําใหรูวา ตองสอนแตละเน้อื หาอยา งไร และตองเตรียมสอ่ื /อปุ กรณประกอบการสอนอะไรบาง ซึ่งจะทาํ ใหการจดั การเรียนรูของ ผูสอนมปี ระสทิ ธภิ าพ สงผลใหน กั เรียนมคี วามรูความเขา ใจในเนอ้ื หาที่สอน คณะผูจัดทําหวังเปนอยางย่ิงวา ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู (สําหรับครูผูสอน) หนวยที่ ๒ ทศนิยม และ การบวก การลบ การคูณ การหารทศนิยม เลม นี้ จะเปนประโยชนต อผสู อน ในการนําไปใชจดั การเรยี นรู เรอ่ื งทศนิยม ใหกบั นกั เรียนชน้ั ประถมศึกษาปท ่ี ๕ เพอ่ื เพม่ิ ประสทิ ธิภาพการจัดการเรียนรูของผูส อนและการเรียนรูของนักเรียนให สูงข้นึ ตอไป สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธิการ



สารบัญ • คําแนะนาํ สาํ หรบั ผสู อน ๑ • โครงสรางชดุ การจัดกิจกรรมการเรียนรู ๕ • กําหนดเวลาการสอนคณิตศาสตร ชั้นประถมศกึ ษาปที่ ๕ ๖ • โครงสรา งหนว ยการเรยี นรูที่ ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนิยม ๗ • มาตรฐานการเรยี นรูแ ละตัวชีว้ ดั ของหนวยการเรยี นรู หนวยที่ ๒ ทศนยิ ม และการบวก ๘ การลบ การคณู การหารทศนิยม ๙ • แผนการจดั การเรยี นรู ๑๑ ๑๘ แผนการจดั การเรียนรูท่ี ๑ ๒๕ แผนการจดั การเรียนรูท ่ี ๒ ๓๐ แผนการจดั การเรียนรทู ่ี ๓ ๓๖ แผนการจดั การเรียนรูท่ี ๔ ๔๒ แผนการจัดการเรยี นรทู ่ี ๕ ๔๗ แผนการจดั การเรยี นรทู ี่ ๖ ๕๒ แผนการจดั การเรียนรูท่ี ๗ ๕๙ แผนการจดั การเรยี นรูที่ ๘ ๖๕ แผนการจัดการเรยี นรทู ่ี ๙ ๗๕ แผนการจดั การเรียนรูที่ ๑๐ ๘๑ แผนการจัดการเรียนรูท่ี ๑๑ ๘๖ แผนการจดั การเรียนรทู ี่ ๑๒ ๙๒ แผนการจดั การเรยี นรูท ี่ ๑๓ ๙๘ แผนการจดั การเรยี นรทู ่ี ๑๔ แผนการจดั การเรยี นรูที่ ๑๕

แผนการจดั การเรยี นรทู ่ี ๑๖ ๑๐๓ แผนการจดั การเรยี นรูท่ี ๑๗ ๑๑๑ แผนการจัดการเรียนรูที่ ๑๘ ๑๑๘ แผนการจัดการเรียนรทู ่ี ๑๙ ๑๒๔ แผนการจดั การเรียนรูท่ี ๒๐ ๑๓๓ แผนการจดั การเรียนรูท่ี ๒๑ ๑๔๒ แผนการจัดการเรียนรูท่ี ๒๒ ๑๔๘ แผนการจดั การเรียนรทู ี่ ๒๓ ๑๕๓ แผนการจัดการเรียนรทู ี่ ๒๔ ๑๕๙ แผนการจดั การเรยี นรูที่ ๒๕ ๑๖๗ แผนการจัดการเรียนรูที่ ๒๖ ๑๗๔ แผนการจดั การเรยี นรทู ่ี ๒๗ ๑๘๐ แผนการจัดการเรียนรทู ่ี ๒๘ ๑๙๑ แผนการจดั การเรยี นรูท่ี ๒๙ ๑๙๘ แผนการจัดการเรียนรทู ี่ ๓๐ ๒๐๖ แผนการจดั การเรยี นรูที่ ๓๑ ๒๑๕ แผนการจัดการเรยี นรูที่ ๓๒ ๒๒๕ แผนการจดั การเรียนรูท่ี ๓๓ ๒๓๒ • ภาคผนวก ๒๓๙ ภาคผนวก ก เฉลยแบบฝกหัด ๒๔๑ ภาคผนวก ข แบบประเมินทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร ๓๔๗

1 6 5 7 90 22 22 คำาแนะนำาสาำ หรบั ผสู อน ๑. แนวคดิ หลัก การจัดการเรียนการสอนคณิตศาสตรมุงใหนักเรียนมีความสามารถดานการส่ือสารและการคิดอยางเปนระบบ สามารถตงั้ ขอ สนั นษิ ฐาน สบื เสาะและเลอื กสรรสารสนเทศ ใหเ หตผุ ล แกป ญ หาโดยเลอื กใชย ทุ ธวธิ ตี า ง ๆ การจดั กจิ กรรม จึงควรเนนการเรียนรูรวมกนั เปน กลมุ ซ่ึงเปน การเปดโอกาสใหน ักเรยี นได รวมกนั คดิ ปรึกษาหารอื อภิปราย แกป ญหา แสดงความคิดเหน็ และสะทอนความคดิ (reflective thinking) ชว ยใหนกั เรียนไดพ ัฒนาความรู ทักษะและกระบวนการ ทางคณิตศาสตร และคุณธรรม จริยธรรม ในการจัดกลุม อาจจัดเปนกลุม ๒ คน หรือกลุม ๓ - ๔ คน หรืออาจ จดั กิจกรรมรว มกันทงั้ ชนั้ ทัง้ นี้ขึน้ อยกู บั วัตถุประสงคข องการจัดกิจกรรมการเรยี นรูนั้น ๆ ในการดาํ เนนิ กจิ กรรมการเรยี นการสอนคณติ ศาสตร สงิ่ สาํ คญั ทผ่ี สู อนควรคาํ นงึ ถงึ เปน อนั ดบั แรกคอื ความรู พ้นื ฐานของนักเรยี น ผสู อนอาจทบทวนโดยใชคาํ ถามหรือยุทธวธิ ีตา ง ๆ เพอ่ื นําไปสกู ารเรยี นรูเนื้อหาใหม ขน้ั การสอน เน้ือหาใหม ผูสอนอาจกําหนดสถานการณท่ีเชื่อมโยงกับเร่ืองราวในขั้นทบทวนความรู และใชยุทธวิธีตาง ๆ ท่ีชวยให นกั เรยี นสามารถสรปุ หรอื เขา ใจหลักการ แนวคดิ กฎ สตู ร สัจพจน ทฤษฎีบท หรอื บทนิยามดวยตนเอง ในขณะท่ี นกั เรียนปฏบิ ัติกิจกรรม ผสู อนควรใหอสิ ระทางความคดิ กับนักเรยี น โดยผสู อนคอยสังเกต ตรวจสอบความเขา ใจและ ใหคําแนะนําอยางใกลช ิด ในการจดั กจิ กรรมการเรียนการสอน ผสู อนควรใหน ักเรียนแตล ะคนหรือแตละกลมุ ไดนําเสนอแนวคดิ เพราะ นักเรยี นมโี อกาสแสดงแนวคดิ เพ่ิมเตมิ รวมกนั ซักถาม อภปิ รายขอ ขดั แยง ดว ยเหตุและผล ผูส อนมโี อกาสเสริมความรู ขยายความรหู รือสรุปประเด็นสําคัญของสาระที่นาํ เสนอนนั้ ทาํ ใหการเรยี นรูขยายวงกวางและลึกมากขึน้ สามารถนาํ ไปประยุกตใ ชในชวี ิตจรงิ ได นอกจากนย้ี ังทําใหน กั เรียนเกิดเจตคติที่ดี มีความภมู ิใจในผลงาน เกดิ ความรสู ึกอยากทาํ กลาแสดงออก และจดจาํ สาระทีต่ นเองไดออกมานาํ เสนอไดนาน รวมทง้ั ฝก การเปนผูนาํ ผูตาม รบั ฟง ความคิดเหน็ ของ ผอู ืน่ การจัดกจิ กรรมการเรยี นรสู ําหรบั ชน้ั ประถมศึกษา ผูสอนควรใหน กั เรยี นไดเรยี นรูจากการปฏิบตั ิ ฝก ทกั ษะ การสังเกต ฝกใหเหตุผลและหาขอสรุปจากส่ือรูปธรรมหรือแบบจําลองตาง ๆ กอน แลวขยายวง ความรูสูนามธรรม ตามความสามารถของนักเรียน สําหรับบางเนื้อหาที่ยากตอการทําความเขาใจของนักเรียนบางคน ผูสอนควรหา ยทุ ธวิธีตาง ๆ ท่ีเหมาะสมกับนักเรียนในการอธิบาย เชน ใชวิธีลดรูปของปญหา หรือเลือกใชสื่อ เทคโนโลยีท่ีเหมาะสม เพอ่ื ชว ยใหก ารเรยี นรงู า ยขน้ึ และเพอ่ื ใหน กั เรยี นตระหนกั ในคณุ คา ของคณติ ศาสตร ผสู อนควรใชส ถานการณท เ่ี กยี่ วขอ ง กบั ชีวิตจรงิ เปน ตวั อยา งในการจัดกจิ กรรมการเรียนรู 1 6 5 4 7 9 0ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๑

01 9 5 47 22 ๒. กระบวนการจดั การเรียนรู การนําชดุ การจัดกจิ กรรมการเรียนรูไ ปใช ผสู อนควรเตรยี มตวั ลวงหนา ดงั น้ี ๑. ศึกษาโครงสรางชุดการจดั กิจกรรมการเรยี นรู เพ่อื ใหทราบวา ตลอดทัง้ ปก ารศึกษา นกั เรยี นตอ งเรียนรู ท้ังหมดกหี่ นว ย แตละหนวยมีหนวยยอ ยอะไรบาง ใชเ วลาสอนกชี่ ั่วโมง และมีกแี่ ผน ๒. ศึกษาโครงสรางหนว ยการเรียนรู วา แตละหนวยการเรียนรมู ีเนื้อหาอะไรบาง เน้ือหาละกช่ี วั่ โมง ซง่ึ จะ ชวยใหผสู อนมองเหน็ ภาพรวมของการสอนในหนว ยดังกลาวไดอยางชดั เจน ๓. ศกึ ษาแนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู ซงึ่ อยหู นา แผนแตล ะแผน เปน การสรปุ แนวการจดั กจิ กรรมในแตล ะ ขั้นตอนการสอน ทาํ ใหผ ูสอนมองเห็นภาพรวมของการจัดการเรียนรูในช่วั โมงนัน้ ๆ ๔. ศกึ ษาแผนการจัดการเรยี นรู ตามหวั ขอ ตอไปน้ี ๔.๑ ขอบเขตเนอ้ื หา เปนเน้ือหาทนี่ กั เรียนตอ งเรยี นรูในแผนทกี่ ําลงั ศกึ ษา ๔.๒ สาระสําคัญ เปนความคิดรวบยอดหรือหลักการที่นักเรียนควรจะไดหลังจากไดเรียนรูตาม แผนที่กาํ หนด ๔.๓ จุดประสงคการเรียนรู แบง เปนดา นความรู และดา นทักษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร ๔.๔ กจิ กรรมการเรยี นรู แบง เปน ขน้ั นาํ ขน้ั สอน และขน้ั สรปุ ซงึ่ แตล ะขนั้ ผสู อนควรศกึ ษาทาํ ความเขา ใจ อยางละเอยี ด นอกจากนผี้ ูสอนควรพิจารณาดวยวา ในแตล ะขน้ั ตอนการสอน ผูสอนจะตองศึกษาวามี ส่อื /อปุ กรณ อะไรบาง ๔.๕ สอ่ื /แหลง เรยี นรู เปน การบอกรายการส่ือ อปุ กรณ และแหลงเรยี นรทู ่ีตอ งใชใ นการจัดกจิ กรรม การเรียนรูในชั่วโมงน้ัน ๔.๖ การประเมนิ เปน การบอกทง้ั วธิ กี าร เครอื่ งมอื และเกณฑก ารประเมนิ สาํ หรบั เครอ่ื งมอื การประเมนิ ในชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรฯู น้ี ไดจดั เตรยี มไวใ หผสู อนเรยี บรอ ยแลว ๓. สอื่ การจดั การเรยี นรู กลมุ่ สาระการเรียนรูคณิตศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปท ่ี ๕ สอ่ื การจดั การเรยี นรู กลุมสาระการเรยี นรูค ณติ ศาสตร ช้นั ประถมศึกษาปท ่ี ๕ ประกอบดว ย ๓.๑ แผนการจัดการเรียนรู สาํ หรับผสู อนใชเ ปน แนวทางการจดั กิจกรรมการเรยี นรูใ หก บั นกั เรียน ๓.๒ แบบฝก หดั สําหรับนกั เรียนใชฝก ทกั ษะหลังจากทําความเขา ใจบทเรยี น แนวคดิ และความคดิ รวบยอด ทสี่ าํ คัญในบทเรยี นเร่อื งนั้น ๆ ไปแลว ๓.๓ ใบกิจกรรม สําหรบั นกั เรียนใชฝก ทักษะปฏบิ ตั ิ หรอื สรางความคดิ รวบยอดในบทเรยี น ๓.๔ แบบทดสอบ เปน การวัดความรูค วามเขา ใจตามตวั ชว้ี ดั ท่ีกาํ หนดไวในหลักสตู ร แบบฝกหัด ใบกิจกรรมและแบบทดสอบของนักเรียนช้ันประถมศึกษาปท่ี ๕ ไดมีการกําหนดสัญลักษณ รปู ดาว ๕ แฉกจํานวน ๕ ดวง และแถบสีฟา โดย 1 6 5 4 7 9 0๒ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

1 65 7 90 ฝ. หมายถึง แบบฝก หัด ก. หมายถงึ ใบกจิ กรรม ท. หมายถึง แบบทดสอบ ผ. หมายถึง แผนการจดั การเรียนรู เชน 22 22ฝ.๑.๖ / ผ.๔เปน แบบฝกหดั หนว ยท่ี ๑ ลาํ ดับท่ี ๖ อยใู นแผนการจดั การเรยี นรทู ี่ ๔ ฝ.๓.๗ / ผ.๖ เปน แบบฝกหดั หนว ยที่ ๓ ลําดบั ที่ ๗ อยูในแผนการจดั การเรยี นรูที่ ๖ ก.๒.๑ / ผ.๓ เปน ใบกจิ กรรมหนว ยที่ ๒ ลาํ ดบั ที่ ๑ อยใู นแผนการจดั การเรียนรทู ่ี ๓ ท.๑.๒ / ผ.๖ เปน แบบทดสอบหนว ยท่ี ๑ ลําดับที่ ๒ อยใู นแผนการจดั การเรียนรทู ่ี ๖ หมายเหตุ ลําดับที่ของแบบฝกหัด ใบกิจกรรม และแบบทดสอบจะเรียงตอกันจนครบทุกแผนในแตละหนวย เมือ่ ขน้ึ หนว ยใหมล าํ ดับท่ีของแบบฝกหดั ใบกิจกรรม และแบบทดสอบจะเริม่ ตนใหม ๔. ลักษณะชดุ การจดั กจิ กรรมการเรียนรู กลมุ่ สาระการเรยี นรคู ณิตศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที่ ๕ ชุดการจัดกิจกรรมการเรียนรู กลุมสาระการเรียนรูคณิตศาสตร ชั้นประถมศึกษาปท่ี ๕ จัดทําเปนหนวย การเรียนรู (Learning Unit) โดยผานการวิเคราะหตัวชี้วัดและสาระการเรียนรูแกนกลาง กลุมสาระการเรียนรู คณติ ศาสตร (ฉบบั ปรบั ปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พนื้ ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ มาจดั ทาํ เปน หนว ยการเรียนรูในแตล ะภาคเรยี น ดังนี้ ภาคเรียนท่ี ๑ ประกอบดว ย หนว ยการเรียนรู ๓ หนวย ดงั น้ี หนวยท่ี ๑ เศษสวน และการบวก การลบ การคณู การหารเศษสวน หนว ยที่ ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนยิ ม หนว ยท่ี ๓ สถติ ิและความนาจะเปน เบอื้ งตน ภาคเรียนที่ ๒ ประกอบดวย ๓ หนวย ดงั น้ี หนว ยที่ ๔ รอ ยละ หนวยยอยที่ ๔.๑ บัญญัตไิ ตรยางศ หนวยยอยที่ ๔.๒ รอ ยละ 1 6 5 4 7 9 0ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๓

01 9 5 47 22 หนว ยท่ี ๕ เรขาคณติ สองมิติ หนว ยยอยที่ ๕.๑ เสน ขนาน หนวยยอ ยที่ ๕.๒ รปู สเ่ี หล่ียม หนว ยที่ ๖ รูปเรขาคณิตสามมิตแิ ละปรมิ าตรของทรงสเ่ี หลีย่ มมุมฉาก ๕. แผนการจดั การเรียนรู กลุ่มสาระการเรียนรูคณิตศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปท ่ี ๕ การจัดทําแผนการจัดการเรียนรู กลุมสาระการเรียนรูคณิตศาสตร ช้ันประถมศึกษาปท่ี ๕ กําหนดให สอดคลอ งกบั หนวยการเรยี นรู แตละหนวยการเรยี นรปู ระกอบดวยแผนการจดั การเรียนรูห ลายแผน แผนละ ๑ ช่ัวโมง โดยมีองคป ระกอบของแผนการจัดการเรยี นรคู ือ ขอบเขตเนือ้ หา สาระสําคัญ จุดประสงคการเรียนรูซง่ึ มีท้งั ดา นความรู และดานทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร กิจกรรมการเรียนรู ส่ือ/แหลงเรียนรู และการประเมิน สําหรับ แผนการจัดการเรียนรูทุกแผนจะมีแนวการจัดกิจกรรมการเรียนรูอยูหนาแผนทุกแผนซึ่งเปนการสรุปภาพรวมของ การจดั กจิ กรรมการเรียนรูในชั่วโมงนนั้ ๆ ในทกุ ขนั้ ตอนการสอนตั้งแตข ้ันนาํ ข้ันสอน ข้นั สรุป และการประเมนิ ผล 1 6 5 4 7 9 0๔ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

1 6 5 7 90 22 22โครงสรางชดุ การจัดกิจกรรมการเรยี นรู กลุม่ สาระการเรยี นรูค ณติ ศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปท ่ี ๕ หน่วยท่ี ๑ เศษสว่ น หน่วยท่ี ๒ ทศนยิ ม หนว่ ยที่ ๓ สถิตแิ ละ และการบวก การลบ และการบวก การลบ ความน่าจะเปน เบื้องตน การคณู การหารเศษส่วน การคณู การหารทศนยิ ม (๑๐ ช่วั โมง) (๓๑ ช่วั โมง) (๓๓ ชั่วโมง) ป.๕ ๑๖๐ ชม./ป หน่วยท่ี ๖ รูปเรขาคณติ หนว่ ยที่ ๔ รอ ยละ สามมติ แิ ละปริมาตร (๒๗ ชั่วโมง) ของทรงสีเ่ หลย่ี มมุมฉาก (๑๒ ช่วั โมง) หน่วยท่ี ๕ เรขาคณติ สองมิติ (๓๑ ชวั่ โมง) หมายเหตุ เวลารวมของทกุ หนว ยเปน ๑๔๔ ชม. รวมกับการวัดผลประเมินผล และกจิ กรรมเสริมการเรยี นรคู ณิตศาสตรเ ปน ๑๖๐ ชม./ป 1 6 5 4 7 9 0ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๕

01 9 5 47 22 กำาหนดเวลาการสอนคณติ ศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปท่ี ๕ ภาคเรียนที่ ๑ ภาคเรยี นที่ ๒ หนว่ ยการเรียนรู หน่วยที่ ๑ เศษสว่ น และการบวก จาำ นวน หน่วยการเรียนรู จำานวน การลบ การคณู การหารเศษส่วน ชั่วโมง ช่ัวโมง ๒๗ หน่วยที่ ๒ ทศนยิ ม และการบวก ๓๑ หน่วยที่ ๔ รอ ยละ การลบ การคณู การหารทศนิยม ๓๑ หนว ยยอยท่ี ๔.๑ บัญญัตไิ ตรยางศ หน่วยท่ี ๓ สถติ แิ ละความนา่ จะเปน เบ้ืองตน หนว ยยอ ยท่ี ๔.๒ รอยละ กจิ กรรมเพ่มิ เติมสาำ หรบั โรงเรียน ๓๓ หน่วยที่ ๕ เรขาคณิตสองมติ ิ หนวยยอ ยที่ ๕.๑ เสน ขนาน ๑๐ หนวยยอยท่ี ๕.๒ รปู สเ่ี หล่ียม ๖ หน่วยที่ ๖ รปู เรขาคณติ สามมติ ิ ๑๒ และปริมาตรของทรงสีเ่ หล่ยี ม มุมฉาก กิจกรรมเพมิ เติมสำาหรับโรงเรียน ๑๐ รวม ๘๐ รวม ๘๐ 1 6 5 4 7 9 0๖ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

1 6 5 7 90 โครงสรางหน่วยการเรยี นรู หนว่ ยที่ ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนยิ ม กลมุ่ สาระการเรียนรคู ณติ ศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปท ี่ ๕ 22 22การเขียนเศษส่วนการหาคา่ ประมาณการคณู ทศนิยม ในรปู ทศนยิ ม (๓ ชัว่ โมง) (๘ ชวั่ โมง) (๔ ชั่วโมง) หนว่ ยที่ ๒ การหารทศนิยม โจทย์ปญ หาการบวก ทศนิยม และการบวก (๗ ช่วั โมง) การลบ การคณู การหารทศนยิ ม การลบ การคณู (๗ ช่ัวโมง) การหารทศนยิ ม (๓๓ ชว่ั โมง) ทศนิยมกับการวัด (๔ ชวั่ โมง) 1 6 5 4 7 9 0ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๗

01 9 5 47 22 มาตรฐานการเรียนรแู ละตัวชว้ี ดั ของหนว่ ยการเรียนรู หน่วยท่ี ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนิยม กลุม่ สาระการเรียนรูคณติ ศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ สาระที่ ๑ จาำ นวนและพชี คณติ มาตรฐาน ค ๑.๑ เขาใจความหลากหลายของการแสดงจาำ นวนระบบจำานวน การดาำ เนินการของจำานวน ผลที่ เกดิ ขนึ้ จากการดาำ เนนิ การ สมบตั ขิ องการดาำ เนนิ การและนาำ ไปใช ตวั ชวี้ ดั ค ๑.๑ ป.๕/๑ เขยี นเศษสว นทมี่ ตี วั สว นเปน ตวั ประกอบของ ๑๐ ๑๐๐ หรอื ๑๐๐๐ ในรปู ทศนยิ ม ค ๑.๑ ป.๕/๖ หาผลคณู ของทศนยิ มทผ่ี ลคณู เปน ทศนยิ มไมเ กนิ ๓ ตาํ แหนง ค ๑.๑ ป.๕/๗ หาผลหารทต่ี วั ตง้ั เปน จาํ นวนนบั หรอื ทศนยิ มไมเ กนิ ๓ ตาํ แหนง และตวั หารเปน จาํ นวนนบั ผลหารเปน ทศนยิ มไมเ กนิ ๓ ตาํ แหนง ค ๑.๑ ป.๕/๘ แสดงวธิ หี าคาํ ตอบของโจทยป ญ หาการบวก การลบ การคณู การหารทศนยิ ม ๒ ขน้ั ตอน สาระที่ ๒ การวดั และเรขาคณติ มาตรฐาน ค ๒.๑ เขา ใจพน้ื ฐานเกยี่ วกบั การวดั วดั และคาดคะเนขนาดของสง่ิ ทต่ี อ งการวดั และนาำ ไปใช ตวั ชว้ี ดั ค ๒.๑ ป.๕/๑ แสดงวิธีหาคําตอบของโจทยปญหาเก่ียวกับความยาวที่มีการเปล่ียนหนวยและเขียนในรูป ทศนยิ ม ค ๒.๑ ป.๕/๒ แสดงวิธีหาคําตอบของโจทยปญหาเกี่ยวกับน้ําหนักท่ีมีการเปล่ียนหนวยและเขียนในรูป ทศนยิ ม ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร์ ๑. การแกป ญ หา ๒. การสอื่ สารและการสอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร ๓. การเชอ่ื มโยง ๔. การใหเ หตผุ ล 1 6 5 4 7 9 0๘ ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ (ฉบบั ปรบั ปรงุ )

22 1 6 5 7 90 22 แผนการจดั การเรยี นรู หนว่ ยท่ี ๒ ทศนยิ ม และ การบวก การลบ การคณู การหารทศนิยม 1 6 5 4 7 9 0ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ (ฉบบั ปรบั ปรงุ ) ๙



1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ )22 แผนการจัดการเรยี นรูที่ ๑ แนวการจัดกิจกรรมการเรยี นรู 1 6 5 7 90 ขั้นนาำ ทบทวนการคณู และการหารจาํ นวนนับ ขน้ั สอน สอนตัวประกอบของจํานวนนบั ทําแบบฝกหดั 2.1 ขน้ั สรปุ รวมกันสรุปเก่ียวกับตวั ประกอบของจํานวนนับ 2 การวัดและประเมนิ ผล - ประเมนิ จากการตอบคาํ ถาม การทาํ ใบกจิ กรรม และการทาํ แบบฝกหดั 2 - ประเมินทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตรด า นการใหเหตุผล และการส่อื สาร การส่อื ความหมายทางคณติ ศาสตร ๑๑

๑๒ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุ่มสาระการเรียนรคู ณติ ศาสตร์ แผนการจัดการเรยี นรูที่ ๑ ชน้ั ป.๕01 9 เวลา ๑ ช่วั โมง หน่วยท่ี ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนยิ ม ขอบเขตเน้อื หา กจิ กรรมการเรยี นรู ส่ือ/แหล่งเรยี นรู ตัวประกอบของจาํ นวนนับ ขน้ั นาำ 1. กระดาษขาวขนาด A4 1 แผน 1. ครจู ัดนักเรยี น กลมุ ละ 3 - 4 คน แตล ะกลมุ ครูแจกกระดาษ A4 และแผนโฟมรปู สีเ่ หล่ียมจัตรุ สั 2. แบบฝก หดั 2.1 สาระสำาคญั ขนาด 1 ✕ 1 ตารางหนวย 4 แผน 5 แผน 6 แผน 7 แผน 8 แผน หรือ 12 แผน (แตละกลมุ ไดแ ผนโฟม ตวั ประกอบของจาํ นวนนบั ใดๆ จํานวนไมเทากัน) แลวใหแตละกลุมจัดแผนโฟมที่ไดเปนรูปสี่เหลี่ยมมุมฉากท่ีแตกตางกันไดกี่แบบ การประเมนิ คือจํานวนนับท่ีหารจํานวนนับนั้น แลว เขยี นรปู แตล ะแบบครา ว ๆ ในกระดาษ A4 1. วิธีการ ไดลงตัว 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู ข้ันสอน 1.2 ตรวจแบบฝก หัด 5 47 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู 2. เครอ่ื งมือ ดา นความรู 2. ใหนักเรียนแตละกลุมนําเสนอ พรอมติดกระดาษที่เขียนรูปคราว ๆ พรอมบอกจํานวนแบบของ 2.1 แบบประเมินทักษะและ รปู สเี่ หล่ยี มมมุ ฉาก ครูชแ้ี นะใหจ ัดลําดับของรปู จากรูปที่มีความสงู จากนอ ยไปมาก ซงึ่ จะไดดังนี้ เพอ่ื ใหน กั เรยี นสามารถ กระบวนการทางคณติ ศาสตร กลุ่มท่ี 1 ไดแผ่นโฟม 4 แผ่น จัดเปนรปู สีเ่ หลี่ยมมมุ ฉาก ดังรปู 1. หาตวั ประกอบของจาํ นวน14 2 4 จัดได 3 แบบ 2.2 แบบฝกหัด 2.1 นบั 2 1 2. บอกไดวาจํานวนท่ีกําหนด เปนตัวประกอบของจํานวนนับ 2 2ใดบาง - ครูถามวา รูปส่เี หล่ยี มมุมฉากแตล ะรปู มพี ้นื ทเ่ี ทาใด (4 ตร.หนว ย) - หาพนื้ ที่ไดอ ยา งไร (ใชสูตรพนื้ ทีข่ องรปู สี่เหลีย่ มมมุ ฉาก = ความสูง ✕ ความยาวฐาน ซงึ่ จะได 1 ✕ 4 = 4 และ 2 ✕ 2 = 4 และ 4 ✕ 1 = 4)

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ )2 แผนการจัดการเรียนรูท่ี ๑ 2 กลุ่มสาระการเรยี นรูค ณิตศาสตร์ ช้นั ป.๕ หนว่ ยท่ี ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนยิ ม เวลา ๑ ชวั่ โมง 3. เกณฑ์ ทกั ษะและกระบวนการ กลมุ่ ท่ี 2 ไดแ ผน โฟม 5 แผน จัดเปน รปู ส่เี หลย่ี มมุมฉาก ดงั รูป 3.1 คะแนนรวมดานทักษะ 1 6 5 7 90 ทางคณิตศาสตร์ และกระบวนการทางคณติ ศาสตร 15 5 จดั ได 2 แบบ ไมน อ ยกวารอ ยละ 60 เพ่อื ใหนักเรียนสามารถ 3.2 ผลงนถกู ตอ งไมน อ ยกวา 1. ใหเ หตุผล 1 รอยละ 80 2. สื่อสาร ส่ือความหมาย ทางคณิตศาสตร 2 - ครถู ามวา รูปสเี่ หลี่ยมมมุ ฉากมีพื้นท่ีเทา ใด (5 ตร.หนวย) - หาพนื้ ท่ไี ดอ ยา งไร (ความสูง ✕ ความยาว จะได 1 ✕ 5 = 5 และ 5 x 1 = 5 ตร.หนว ย) กล่มุ ท่ี 3 ไดแผน่ โฟม 6 แผ่น จดั เปนรูปสเ่ี หลยี่ มมมุ ฉาก ดังรูป 16 23 6 32 1 2 จดั ได 4 แบบ ๑๓ - ครูถามวา รปู สเี่ หล่ียมมุมฉากแตล ะรปู มพี ื้นที่เทา ใด (6 ตร.หนวย) - หาพนื้ ทขี่ องแตล ะรปู ไดอ ยา งไร (ความสงู ✕ ความยาวฐาน จะได 1✕ 6 = 6 2✕ 3 = 6 3✕ 2 = 6 และ 6✕ 1 = 6)

๑๔ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กล่มุ สาระการเรียนรูคณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรทู ่ี ๑ ชั้น ป.๕01 9 เวลา ๑ ชว่ั โมง หน่วยที่ ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนิยม 2 กลุ่มท่ี 4 ไดแผ่นโฟม 7 แผน่ จดั เปน รูปสเ่ี หลย่ี มมมุ ฉาก ดังรปู 17 7 จดั ได 2 แบบ 1 5 47 - หาพน้ื ทรี่ ูปที่ได 7 ตร.หนว ย โดยหาไดจากความสงู ✕ ความยาวฐาน จะได 1 ✕ 7 = 7 และ 7 ✕ 1 = 7 กลุม่ ท่ี 5 ไดแ ผน่ โฟม 8 แผน่ จัดเปนรปู ส่เี หล่ียมมมุ ฉากได ดังรูป 2 18 2 48 4 2 จดั ได 4 แบบ 1 - หาพื้นที่ของแตละรูปได 8 ตร.หนวย โดยหาไดจ ากความสงู ✕ ความยาวฐาน จะได 1 ✕ 8 = 8 2 ✕ 4 = 8 4 ✕ 2 = 8 และ 8 ✕ 1 = 8

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ )2 แผนการจดั การเรยี นรูท ี่ ๑ 2 กล่มุ สาระการเรยี นรูคณิตศาสตร์ ชนั้ ป.๕ หนว่ ยท่ี ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนยิ ม เวลา ๑ ชว่ั โมง กลมุ่ ที่ 6 ไดแผ่นโฟม 12 แผ่น จัดเปนรปู สเ่ี หล่ยี มมุมฉากได ดังนี้ 2 1 6 5 7 90 1 12 2 3 6 4 4 6 12 32 1 2 จัดได 6 แบบ - หาพื้นที่ไดจ ากความสูง ✕ ความยาวฐาน จะได 1 ✕ 12 = 12 2 ✕ 6 = 12 3 ✕ 4 = 12 4 ✕ 3 = 12 6 ✕ 2 = 12 และ 12 ✕ 1 = 12 ๑๕

๑๖ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรียนรคู ณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรทู ่ี ๑ ชน้ั ป.๕01 9 เวลา ๑ ชัว่ โมง หนว่ ยท่ี ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนยิ ม 2 3. เมื่อนักเรียนนําเสนอครบทุกกลุม ครูใหนักเรียนสังเกตพ้ืนท่ีของรูปสี่เหลี่ยมมุมฉากของแตละกลุม และจาํ นวนแบบ แลว ใชก ารถาม – ตอบ และเขยี นการหาพื้นที่ของแตละรปู บนกระดาน ดังน้ี กลมุ่ ท่ี 1 กลุ่มท่ี 2 กลมุ่ ท่ี 3 กลมุ่ ท่ี 4 กลมุ่ ที่ 5 กล่มุ ท่ี 6 4=1✕4 5=1✕5 6 =1✕6 7=1✕7 8=1✕8 12 = 1 ✕ 12 4=2✕2 5=5✕1 6 =2✕3 7=7✕1 8=2✕4 12 = 2 ✕ 6 4=4✕1 6 =3✕2 8=4✕2 12 = 3 ✕ 4 6 =6✕1 8=8✕1 12 = 4 ✕ 3 12 = 6 ✕ 2 5 47 12 = 12 ✕ 1 - ความกวา งของแตละรูป หารพ้นื ทีข่ องรปู ไดลงตวั หรอื ไม (ลงตัว) เชน กลมุ่ ท่ี 1 กลุ่มท่ี 2 กลมุ่ ท่ี 3 กล่มุ ท่ี 4 กลุ่มท่ี 5 กลุ่มที่ 6 4 ÷ 1 = 4 5 ÷ 1 = 5 4 ÷ 1 = 4 7 ÷ 1 = 7 8 ÷ 1 = 8 12 ÷ 1 = 12 2 4 ÷ 2 = 2 5 ÷ 5 = 1 4 ÷ 2 = 2 7 ÷ 7 = 1 8 ÷ 2 = 4 12 ÷ 2 = 6 4÷4=1 4÷4=1 8 ÷ 4 = 2 12 ÷ 3 = 4 8 ÷ 8 = 1 12 ÷ 4 = 3 12 ÷ 6 = 2 12 ÷ 12 = 1

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 กล่มุ สาระการเรียนรูคณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรยี นรทู ี่ ๑ 2 2 หน่วยที่ ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนยิ ม ชั้น ป.๕ เวลา ๑ ชั่วโมง - ครูแนะนาํ วา ตวั ประกอบของจํานวนนบั ใด คอื จํานวนนบั ทหี่ ารจํานวนนับน้ันไดลงตวั 1 6 5 7 90 เชน 1 เปนตวั ประกอบของ 4 เพราะ 1 หาร 4 ไดลงตัว (หรอื 4 หารดวย 1 ไดลงตวั ) 2 2 เปนตวั ประกอบของ 4 เพราะ 2 หาร 4 ไดล งตวั (หรอื 4 หารดวย 2 ไดล งตัว) ๑๗ 4 เปนตัวประกอบของ 4 เพราะ 4 หาร 4 ไดลงตัว (หรือ 4 หารดว ย 4 ไดล งตัว) - จากการจัดแผน โฟม กลุมที่ 1 4 มตี วั ประกอบอะไรบา ง (1 2 และ 4) - กลุมท่ี 2 ตวั ประกอบของ 5 ไดแกจาํ นวนนับใดบาง (1 กับ 5) - กลุมท่ี 3 ตัวประกอบของ 6 ไดแ กจ ํานวนนับใดบาง (1, 2, 3 และ 6) - กลมุ ที่ 4 ตวั ประกอบของ 7 ไดแ กจาํ นวนนบั ใดบาง (1 กับ 7) - กลมุ ท่ี 5 ตัวประกอบของ 8 ไดแ กจาํ นวนนบั ใดบา ง (1, 2, 4 และ 8) - กลุมท่ี 6 ตวั ประกอบของ 12 ไดแ กจ ํานวนนบั ใดบา ง (1, 2, 3, 4, 6 และ 12) - ครูถามวา ตัวประกอบท้ังหมดของ 16 มกี ี่จาํ นวน ไดแก จาํ นวนนบั ใดบาง (5 จาํ นวน ไดแ ก 1, 2, 4, 8 และ 16) - ครถู ามวา ตัวประกอบทัง้ หมดของ 18 มกี ี่จํานวน ไดแก จาํ นวนนบั ใดบา ง (6 จํานวน ไดแก 1, 2, 3, 6, 9 และ 18) 4. ใหน กั เรยี นทาํ แบบฝก หัด 2.1 เปนการบา น ขน้ั สรุป 5. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปวา ตัวประกอบของจํานวนนับใด คือ จํานวนนับที่หารจํานวนนับน้ัน ไดลงตัว

๑๘ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจัดการเรยี นรทู ่ี ๒ 01 9 แนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู ขนั้ นำา ทบทวนตัวประกอบของจาํ นวนนบั และการเขียนเศษสว นท่ีมีตัวสวนเปน 10 100 หรือ 1,000 ในรูปทศนิยม ขั้นสอน สอนการเขียนเศษสว นที่ตวั สวนเปนตัวประกอบของ 10 100 หรือ 1,000 ในรปู ทศนิยม 5 47 ทําแบบฝก หัด 2.2 ขน้ั สรุป ครูและนักเรียนรวมกันสรปุ เก่ียวกบั การเขยี นเศษสวนทตี่ วั สวนเปน ตวั ประกอบของ 10 100 หรือ 1,000 ในรูปทศนยิ ม 2 การวัดและประเมนิ ผล - ประเมนิ จากการตอบคําถาม และการทําแบบฝก หดั 2 - ประเมินทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร ดานการใหเหตผุ ลและการสอื่ สาร การสอื่ ความหมายทางคณิตศาสตร

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 กลุม่ สาระการเรยี นรูคณติ ศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรูท่ี ๒ 2 2 หน่วยที่ ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนยิ ม ชน้ั ป.๕ เวลา ๑ ชวั่ โมง ขอบเขตเน้ือหา กจิ กรรมการเรยี นรู ส่ือ/แหล่งเรยี นรู 1 6 5 7 902 ขนั้ นำา การเขียนเศษสวนที่ตัวสวน แบบฝก หดั 2.2 เปนตัวประกอบของ 10 100 1. ครูสนทนากบั นักเรยี นเก่ยี วกับตัวประกอบของจํานวนนบั ทีเ่ รียนมาแลว โดยการถามวา หรือ 1,000 ในรูปทศนิยม - ตัวประกอบทงั้ หมดของ 4 ไดแกจ ํานวนใดบาง (1, 2, 4) การประเมนิ - 9 เปน ตวั ประกอบของ 27 หรือไม เพราะเหตใุ ด (เปน เพราะ 27 หารดวย 9 ไดล งตวั ) สาระสาำ คัญ - 1 เปน ตัวประกอบของจาํ นวนนบั ใดบาง (ทุกจาํ นวน) 1. วธิ ีการ 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู การเขียนเศษสวนที่ตัวเศษ ข้ันสอน 1.2 ตรวจแบบฝกหัด เปนจํานวนนับ ตัวสวนเปน ตัวประกอบของ 10 100 หรือ 2. ครถู ามนักเรยี นโดยเลือกนกั เรียนตอบเปนรายบคุ คล พรอมเขยี นบนกระดาน 2. เครอ่ื งมอื 1,000 ในรูปทศนิยม อาจหา - ตวั ประกอบของ 8 มีจํานวนนับใดบาง และมกี จ่ี ํานวน 2.1 แบบประเมินทักษะและ ตวั ประกอบของ 10 100 หรอื - นกั เรียนชว ยกันบอกจาํ นวนนับท่เี ปน ตวั ประกอบของ 8 คนละ 1 จํานวน แลวนบั วามีทง้ั หมดกี่จํานวน 1,000 มาคูณท้ัง ตัวเศษและ ( จํานวนนบั ทเี่ ปนตัวประกอบของ 8 มี 4 จํานวน ไดแก 1, 2, 4 และ 8 ) กระบวนการทางคณติ ศาสตร ตัวสวนของเศษสวนนั้น จะได 2.2 แบบฝกหดั 2.2 เศษสวนจํานวนใหมที่เทากับ 3. ครใู ชการถาม – ตอบ พรอ มเขยี นบนกระดาน ดงั น้ี เศษสว นจาํ นวนเดมิ แตม ตี วั สว น - ตัวประกอบทง้ั หมดของ 10 ไดแ กจ าํ นวนนับใดบาง (1, 2, 5, 10) 3. เกณฑ์ เปน 10 100 หรอื 1,000 แลว - ตัวประกอบทั้งหมดของ 100 ไดแกจํานวนนับใดบา ง และมีทั้งหมดก่ีจํานวน 3.1 คะแนนรวมดานทักษะ จึงเขียนเปนทศนยิ ม 1 ตําแหนง (1, 2, 4, 5, 10, 20, 25, 50 และ 100 มีท้งั หมด 9 จํานวน) 2 ตําแหนง 3 ตําแหนง ตาม - ตัวประกอบท้งั หมดของ 1,000 ไดแกจ ํานวนนบั ใดบาง และมีกจี่ าํ นวน และกระบวนการทางคณิตศาสตร ลาํ ดับ (1, 2, 4, 5, 8, 10, 20, 25, 40, 50, 100, 125, 200, 250, 500 และ 1,000 ไมนอยกวา รอยละ 60 มีท้ังหมด 16 จาํ นวน) 3.2 ผลงานถูกตองไมนอยกวา รอ ยละ 80 ๑๙

๒๐ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรยี นรคู ณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรทู ่ี ๒ ชั้น ป.๕01 9 เวลา ๑ ชว่ั โมง หนว่ ยท่ี ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนิยม 2 จุดประสงค์การเรียนรู 4. ค-- รเเขขูเขียียยี นนน1111039000700บบนบนกนกรกะรระดะดาดนาานนแแแลลลววถว ถถาามามมววาวาา เขียน 11310109007ใ00นรใในูปนรทรูปูปศททนศศยิ นมนยิ ไยิ ดมมอไไดยดอาอ ยงยไาารงงไไร(ร0.(3(00)..0091)7) ดา นความรู เขียน เขยี น เพื่อใหน ักเรยี นสามารถเขียน เศษสวนที่ตัวเศษเปนจํานวนนับ - ครใู หน ักเรียนสังเกตวา เศษสวนทีต่ ัวเศษเปนจาํ นวนนับและตวั สวนเปน 10 100 หรือ 1,000 ตัวสวนเปนตัวประกอบของ 10 เม่ือเขียนในรูปทศนยิ ม จะไดท ศนิยมกี่ตําแหนง (1 ตาํ แหนง 2 ตําแหนง และ 3 ตาํ แหนง ตามลาํ ดับ) 100 หรอื 1,000 ในรปู ทศนยิ ม (ทาํ --เปคคนรรเููใ1ขห0ยี น 0นัก12เหร55ียรบอืนนส1กัง,เ0รกะ0ตด0วาาไนดแ21) 55ลว ทถาํามใหวาเ ปเขนยี เศนษ12ส55ว ในนทรต่ีปู ัวทสศว นนยิ เมปไนดอ 1ย0า งไร10(น0กั เรหยี รนอือา1จ,ต0อ0บ0ไดหไดรอืหไรมือไ ไดม)  5 47 - ครถู ามวา ทําอยางไร (ทําตัวสว นเปน 100 หรือ 1000 กอน) ดา นทกั ษะและกระบวนการ ทางคณติ ศาสตร์ เพ่ือใหน กั เรยี นสามารถ - นกั เรียนอาจตอบวา 1. ใหเหตุผล 2. ส่ือสาร สื่อความหมาย - คูณทงั้ ตวั เศษและตัวสว นดว ย 4 หรือคณู ทงั้ ตวั เศษและตวั สวนดว ย 40 - ครใู หน กั เรยี นชวยกันเขียนตามทน่ี กั เรยี นบอก ซ่ึงจะไดด ังนี้ ทางคณติ ศาสตร 2155 2155 44 หรือ 1255 2155 4400 = ✕ = ✕ 2 ✕ ✕ = 16000 = 1600000 - ครูถามวา 16000 และ 1600000 เขยี นในรปู ทศนิยมไดอยา งไร (0.60 และ 0.600 ตามลําดบั ) อยา -งตคํ่ารกถู อามนวาโด21ย55นทําํา5ใหไเ ปปหนาเศรทษ้งัสตวัวนเทศ่ีตษวัแสลว ะนตเัวปสน วน10จไดะไหดร ือ12ไม55อ=ยา21ง55ไร÷÷ (ทําไดโ ดยทําใหเ ปนเศษสว น 55 = 35 )

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 กลมุ่ สาระการเรยี นรคู ณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรทู ี่ ๒ 2 2 หนว่ ยท่ี ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนิยม ช้นั ป.๕ เวลา ๑ ชวั่ โมง - ครถู ามวา ทํา 53 ใหเปน เศษสว นทตี่ ัวสวนเปน 10 ไดอยางไร (นาํ 2 คูณทง้ั ตวั เศษและตัวสวน 1 6 5 7 90 53 53 22 = 160 ) 2 ซ่งึ จะได = ✕ ✕ - 160 เขยี นในรูปทศนิยมไดอ ยา งไร (0.6) - ครูเขยี นบนกระดานดังนี้ ใหนกั เรียนสงั เกต 1255 = 2155 ÷÷ 55 (เขียนในรูปเศษสว นอยางตา่ํ ) = 35 (เศษสวนอยางตา่ํ ของ 2155 = 53 ) 53 22 ( เขยี น 35 ใหเปน เศษสวนทตี่ ัวเศษเปน จํานวนนบั และตวั สวนเปน 10) = ✕ ✕ = 160 ( เศษสวนท่ีเทา กับ 35 แตม ตี วั สวนเปน 10 ) = 0.6 ( เขยี น 160 ในรูปทศนยิ ม ) - ครแู นะนาํ วา การเขยี น 2155 ในรูปทศนิยม อาจทําไดด งั ขา งตน นี้ ซง่ึ จะได 2155 = 0.6 ๒๑ ดังนั้น 2155 = 0.6 = 0.60 = 0.600

๒๒ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุ่มสาระการเรยี นรูคณติ ศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรูที่ ๒ ชัน้ ป.๕01 9 เวลา ๑ ช่วั โมง หน่วยท่ี ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนยิ ม 2 5. ครูเขยี น 112150 บนกระดาน - ครูถามวา เขียน 112150 ใหเปนเศษสวนท่ีมีตัวสวนเปน 1,000 ไดอยางไร โดยใหนักเรียน ใชเครื่องคิดเลข ดงั น้ี 1000 ÷ 125 ไดเทาไร (8) 125 ✕ 8 ไดเ ทา ไร (1000) - เเใขปหียนนนัก1เ11ร,210ีย050น0ชใหวซเยปึ่งกจน ันะเไศบดษอด สกงั วนวนิธี้ ทีเข่ตี ียวั นเศษ11เ21ป50นจใาํ หนเวปนนนเบัศแษลสะวตนวั ทสี่มว ีนตัเวปเศน ษ1เ0ป0น0จไําดนหวรนือนไมับ แ(ไลดะ) ตัวสวน 5 47 - 111250 = 110 ✕ 8 125 ✕ 8 = 1808000 2 = 0.880 ดงั นนั้ 111250 = 0.880

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 กลุ่มสาระการเรยี นรูคณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรทู ่ี ๒ 2 2 หนว่ ยที่ ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนยิ ม ชนั้ ป.๕ เวลา ๑ ชว่ั โมง จากนนั้ ใหน กั เรยี นชว ยกนั บอกวธิ เี ขยี น 111205 ใหเ ปน เศษสว นทมี่ ตี วั สว นเปน 100 แลว เขยี นในรปู ทศนยิ ม 1 6 5 7 90 ซง่ึ จะได 2 112150 = 110 ÷ 5 125 ÷ 5 = 2225 2252 44 = ✕ ✕ = 18080 = 0.88 เพร-าะคร22ูถ52ามเปวนาเศเขษียสนวน11อ21ย05างตให่าํ ขเปอนงเ11ศ12ษ50สวแนลทะ่ีไมมีตมัวจี สําวนนวเนปนนบั ใ1ด0ท่ีคไดณู หกรบั ือไ2ม5ไดแลเวพไดรา 1ะ0เห)ตุใด (ไมได 6. ครูใหน กั เรียนฝกการเขียนเศษสวนที่มีตัวสวนเปนตัวประกอบของ 10 100 หรือ 1,000 เพม่ิ เติม โดยเขียน 92 2275 และ 22570 บนกระดาน ใหนกั เรียนชว ยกันบอกวิธเี ขยี นในรูปทศนยิ ม ซึ่งจะได 92 29 55 = 4105 = ✕ = 4.5 ✕ 2257 = 2257 ✕ 44 = 110080 = 1.08 ✕ 22570 = 27 ✕ 4 = 1100080 = 0.108 250 ✕ 4 ๒๓

๒๔ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรียนรูคณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรูที่ ๒ ช้นั ป.๕01 9 เวลา ๑ ชวั่ โมง หน่วยท่ี ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนยิ ม 7. ใหน ักเรยี นทําแบบฝกหดั 2.2 5 47 ขัน้ สรปุ 8. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปวา การเขียนเศษสวนที่ตัวเศษเปนจํานวนนับ ตัวสวนเปนตัวประกอบ ของ 10 100 หรือ 1,000 ในรูปทศนิยม อาจหาตัวประกอบของ 10 100 หรือ 1,000 มาคูณ ท้ังตัวเศษและตัวสวนของเศษสวนน้ัน จะไดเศษสวนจํานวนใหมที่เทากับเศษสวนจํานวนเดิม แตม ตี ัวสว นเปน 10 100 หรอื 1,000 แลวจงึ เขยี นเปน ทศนิยม 1 ตาํ แหนง 2 ตาํ แหนง 3 ตําแหนง ตามลําดบั 22

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 2 2 แผนการจดั การเรยี นรูท่ี ๓ 1 6 5 7 90 แนวการจดั กจิ กรรมการเรียนรู ขั้นนำา ครสู นทนากบั นักเรยี นเก่ียวกบั การเขยี นเศษสว นทตี่ วั สวนไมเ ปน ตัวประกอบของ ขั้นสอน 10 100 หรอื 1,000 ในรูปทศนยิ ม ขั้นสรุป การวดั และประเมนิ ผล สอนการเขียนเศษสวนทต่ี วั สวนไมเปน ตวั ประกอบของ 10 100 หรอื 1,000 ในรปู ทศนยิ ม ทาํ แบบฝกหดั 2.3 ครูและนกั เรียนรว มกันสรุปเกี่ยวกบั การเขียนเศษสวนทตี่ วั สวนไมเ ปนตัวประกอบของ 2 10 100 หรอื 1,000 ในรูปทศนยิ ม - ประเมนิ จากการตอบคาํ ถาม และการทาํ แบบฝก หัด - ประเมินทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร ดา นการใหเหตผุ ลและการส่อื สาร การสอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร ๒๕

๒๖ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุม่ สาระการเรียนรูคณติ ศาสตร์ แผนการจัดการเรยี นรทู ี่ ๓ ชนั้ ป.๕01 9 เวลา ๑ ชัว่ โมง หน่วยท่ี ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนยิ ม ขอบเขตเน้ือหา กจิ กรรมการเรียนรู สื่อ/แหลง่ เรียนรู การเขียนเศษสวนท่ีตัวสวน ข้ันนาำ แบบฝกหดั 2.3 ไมเ ปน ตวั ประกอบของ 10 100 หรือ 1,000 ในรูปทศนิยม 1. ครูใหนักเรียนสาํ รวจเศษสวน 174 , 2184 , 164 และ 32 วา เศษสว นใด เมอื่ ทาํ ใหเปนเศษสว นอยา งตํ่าแลว การประเมิน ตัวสวนเปนตัวประกอบของ 10 100 หรือ 1,000 ซึ่งจะไดวา 164 และ 62 เมื่อทําใหเปนเศษสวน สาระสำาคญั 1. วิธีการ 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู การเขียนเศษสวนท่ีมีตัวเศษ เปนจํานวนนับและตัวสวนไมเปน 1.2 ตรวจแบบฝก หัด ตัวประกอบของ 10 100 หรือ 2. เคร่อื งมือ 1,000 แตมีจํานวนนับท่ีหารทั้ง ตวั เศษและตวั สว นไดล งตวั ทาํ ให 2.1 แบบประเมินทักษะและ เศษสวนจํานวนใหมมีตัวสวน เปนตัวประกอบของ 10 100 กระบวนการทางคณิตศาสตร หรือ 1000 สามารถเขียนในรูป 2.2 แบบฝก หัด 2.3 2 2ทศนยิ มได โดยนาํ จาํ นวนนับมา 3. เกณฑ์ อยางต่ําแลว ตัวสว นไมเ ปนตัวประกอบของ 10 100 หรือ 1,000 3.1 คะแนนรวมดานทักษะ ขน้ั สอน 5 47 และกระบวนการทางคณิตศาสตร 2. ครูใชก ารถาม - ตอบ และเขียนบนกระดาน - ทํา 174 และ 1284 ใหเปน เศษสวนอยา งต่าํ ไดเศษสว นใด ( 21 และ 34 ) - 12 และ 43 มีตัวสวนเปนตัวประกอบของ 10 100 หรอื 1,000 หรือไม (เปน) - นกั เรียนสามารถเขียน 12 และ 43 ในรปู ทศนิยมไดห รอื ไม (ได) คณู ทงั้ ตวั เศษและตวั สว น เพอื่ ให ไมนอยกวา รอยละ 60 ไดเศษสวนที่มีตัวสวนเปน 10 3.2 ผลงานถูกตองไมนอยกวา 100 หรือ 1,000 รอยละ 80

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 กลมุ่ สาระการเรียนรูค ณติ ศาสตร์ แผนการจัดการเรยี นรูท่ี ๓ 2 2 หน่วยท่ี ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนยิ ม ชน้ั ป.๕ 1 6 5 7 90 เวลา ๑ ชวั่ โมง จดุ ประสงค์การเรียนรู - ครูเขียนแสดงวธิ ีทาํ ตามที่นักเรยี นบอก บนกระดานดงั น้ี 43211347480✕✕50÷÷226655 ดานความรู 174 1211251704✕✕÷÷5577 1243 2 = = เพ่ือใหนักเรียนสามารถเขียน = = เศษสว นทตี่ วั สว นไมเ ปน ตวั ประกอบ = = ของ 10 100 หรือ 1,000 ในรูป = = ทศนยิ ม ตอบ ๐.๕ = 0.5 ตอบ ๐.๗๕ = 0.75 ดา นทกั ษะและกระบวนการ ทางคณติ ศาสตร์ หมายเหตุ เไคศดรษทูใ--สหสศํานวใในหหหนักิยรนนอเมับรัยกักใยี ดาเเนร1รง6ใียีย4ตชนาํ่นเ ขคทแสอรลํัาง่อืงเะกง16ค26ต4ดิ62วเแาลคลขคอื ะ37หรอูา31วา62แจาลจเะดัป73กนจิ31เกแศรลษมระสีตมวัวเสน31สรอวิมนยเดขาทงั ียง่ีไนตนมี้่ําใเนปซรนึู่ปงตจทัวะศปไนดริยเะศมกษอโสดบวยขนหออางจยาา1กง0ต่ํา31ข÷0อ07ง เพ่อื ใหนักเรียนสามารถ 164 คือ 37 1. ใหเหตุผล 2. สื่อสาร ส่ือความหมาย หรือ 1000 ทางคณิตศาสตร และ 1 ÷ 3 ๒๗ ซึ่ง(เปน7313ทศน==ยิ ม00ซ..34ํ้า3238แ…5ล7ะ1จ4ะ2ไ8ด5เร7ีย1น..ใ.)นชนั้ ที่สูงขึน้ )

๒๘ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุ่มสาระการเรยี นรูคณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรูท่ี ๓ ชน้ั ป.๕01 9 เวลา ๑ ช่วั โมง หนว่ ยท่ี ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนยิ ม 2 3. ครแู บง นกั เรยี นกลุม ละ 4 คน แลวแจกกระดาษ กลุม ละ 1 แผน แลวสงตวั แทนกลมุ ออกมาสมุ เลอื ก ขอ ทตี่ องทาํ โดยครูเขยี นโจทยบนกระดาน ดงั น้ี เขยี นเศษสวนตอไปนใ้ี นรปู ทศนยิ ม 1) 3540 2) 4242 3) 34755 4) 6804 เม่อื ทาํ เสรจ็ แลว ใหตัวแทนแตล ะกลุมนําเสนอบนกระดาน เพอ่ื นกลุมอ่ืนชว ยกนั ตรวจสอบความถูกตอ ง ซง่ึ อาจจะไดดงั น้ี 1) 5304 = 3504 ÷÷ 33 2) 2442 = 2442 ÷÷ 66 5 47 = 1108 = 47 = 1.8 = 47 ✕ 2255 ✕ 2 = 117050 = 1.75 ตอบ ๑.๘ ตอบ ๑.๗๕

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 กลุม่ สาระการเรียนรูค ณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรยี นรูท่ี ๓ 2 2 หนว่ ยที่ ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนิยม ชนั้ ป.๕ เวลา ๑ ช่วั โมง 3) 34755 = 45 ÷ 15 4) 6804 = 6840 ÷÷ 1166 1 6 5 7 90 375 ÷ 15 2 = 235 = 45 = 235✕✕44 = 45 ✕ 2255 ✕ = 11020 = 112050 = 0.12 = 1.25 ตอบ ๐.๑๒ ตอบ ๑.๒๕ ๒๙ 4. ครใู หน กั เรยี นทาํ แบบฝก หดั 2.3 เปนการบาน ขนั้ สรปุ 5. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปวา การเขียนเศษสวนท่ีมีตัวเศษเปนจํานวนนับและตัวสวนไมเปน ตัวประกอบของ 10 100 หรือ 1,000 แตมีจํานวนนับที่หารท้ังตัวเศษและตัวสวนไดลงตัว ทําใหเศษสวนจํานวนใหมมีตัวสวนเปนตัวประกอบของ 10 100 หรือ 1,000 สามารถเขียน ในรูปทศนิยมได โดยนําจํานวนนับมาคูณท้ังตัวเศษและตัวสวน เพื่อใหไดเศษสวนที่มีตัวสวน เปน 10 100 หรอื 1,000

๓๐ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจัดการเรียนรูที่ ๔ 01 9 แนวการจัดกิจกรรมการเรยี นรู ข้นั นาำ ทบทวนการเขียนจํานวนคละในรปู เศษสวน ขัน้ สอน สอนการเขยี นจํานวนคละในรปู ทศนิยม 5 47 ทาํ แบบฝกหัด 2.4 ขั้นสรปุ ครแู ละนักเรียนรวมกันสรุปเกีย่ วกับการเขียนจาํ นวนคละในรูปทศนยิ ม 2 การวัดและประเมินผล - ประเมนิ จากการตอบคําถาม และการทาํ แบบฝก หัด 2 - ประเมนิ ทกั ษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตรด านการใหเ หตผุ ล และการสอ่ื สาร การสอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 กลมุ่ สาระการเรียนรคู ณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรยี นรทู ่ี ๔ 2 2 หน่วยท่ี ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนิยม ชน้ั ป.๕ เวลา ๑ ชว่ั โมง ขอบเขตเนือ้ หา กิจกรรมการเรียนรู ส่ือ/แหล่งเรยี นรู 1 6 5 7 90 ขัน้ นาำ การเขียนจํานวนคละในรูป แบบฝก หดั 2.4 ทศนยิ ม เ1ศ.ษค-สรวคูทนรบถูใดทาบมวววนากเรก่ือเันขงยี จน(ําน33วกนับ45คล45ใะนร)โปูดเยศเษขียสนว น3ได54อ ยาบงนไรกรนะกั ดเารนยี นแบลอวกถวาธิ มเี ขวยีาน3แล54ะคไรดเู ขจยี านกตจาํามนทวนนี่ นกั เับรกยี ับน บอกบนกระดาน ซ่งึ จะได การประเมนิ สาระสำาคญั 3 54 = 3 + 54 1. วธิ กี าร การเขียนจํานวนคละในรูป 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู ทศนิยม อาจเขียนจํานวนคละ = 31 + 45 ( 3 เขยี นในรปู เศษสวนได 13 ) 1.2 ตรวจแบบฝก หัด ในรปู เศษสว นกอ น แลว จงึ เขยี น ( ทาํ ตวั สว นใหเ ทา กนั คอื 5 ) เศษสวนในรูปทศนยิ ม หรืออาจ = 13 ✕ 55 + 54 2. เคร่ืองมือ เขยี นจาํ นวนคละในรปู ผลบวกของ ✕ ( ตัวสว นเทากัน นาํ ตัวเศษบวกกนั ตวั สวนคงเดิม ) 2.1 แบบประเมินทักษะและ จาํ นวนนบั กบั เศษสว นกอ น จากนนั้ 2 เขยี นเศษสว นในรปู ทศนยิ ม แลว = 155 + 45 กระบวนการทางคณิตศาสตร นําไปบวกกบั จาํ นวนนบั 2.2 แบบฝก หดั 2.4 = 159 จุดประสงค์การเรียนรู 3. เกณฑ์ ดานความรู 3.1 คะแนนรวมดานทักษะ เพ่อื ใหนักเรยี นสามารถเขียน และกระบวนการทางคณิตศาสตร จาํ นวนคละในรปู ทศนยิ ม ไมนอยกวารอยละ 60 3.2 ผลงานถูกตองไมนอยกวา รอยละ 80 ๓๑

๓๒ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กล่มุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร์ แผนการจัดการเรยี นรทู ี่ ๔ ชั้น ป.๕01 9 เวลา ๑ ชัว่ โมง หน่วยที่ ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนิยม 2 ดา นทกั ษะและกระบวนการ - ครเู ขียน 5 38 บนกระดาน แลวถามวา 5 38 ไดจ ากจํานวนนับและเศษสว นใดบวกกัน ทางคณติ ศาสตร์ (5 กบั 38 ) เพ่อื ใหนกั เรยี นสามารถ - จะเขียน 5 83 ในรูปเศษสว นไดอ ยางไร 1. ใหเหตุผล 2. ส่ือสาร ส่ือความหมาย 5 83 = 5 + 38 ทางคณิตศาสตร = 51 + 83 5 47 = 15 ✕ 88 + 38 ✕ = 480 + 83 = 483 ข้นั สอน 2 2. ครูใชก ารถาม – ตอบ และเขยี นกระดาน ดังน้ี - เขยี น 3 45 ในรปู ทศนยิ มไดห รือไม (ได) - ทราบไดอ ยางไร (เพราะตวั สว นคอื 5 ซง่ึ เปน ตวั ประกอบของ 10) - มวี ธิ ีการอยางไร (เขียนจาํ นวนคละในรปู เศษสวนกอน แลวจึงเขียนเศษสว นน้นั ในรูปทศนยิ ม) - บอกวิธคี ิดไดห รอื ไม (ได)

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 กลุ่มสาระการเรียนรูค ณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรยี นรูที่ ๔ 2 2 หน่วยที่ ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนยิ ม ช้นั ป.๕ เวลา ๑ ชั่วโมง ครเู ขยี นตามที่นักเรียนบอกบนกระดาน ดงั นี้ 1 6 5 7 90 3 45 (3 ✕ 5)+4 2 = 159 5 = = 159✕✕22 = 1308 ตอบ ๓.๘ = 3.8 - คจมะรวี ถูเธิ ขีคายี มิดนวอานื่ ใ33น+ก45าร54เขเขใยี นียนรนปู ใ3นทรศ45ูปนจิยาํ ใมนนไวรดนปูอนทยับาศงกนไบัยิรมเศ(หเษขรสยีือวนไนมบ45(วอกใานกจันรตปูไอดทบอ ศไยนมาิยไงดมไ)ร (3 + 45 ) 3) - แลวนาํ ไปบวกกบั - ซง่ึ จะไดด งั น้ี 3 54 = 3 + 54 = 3 + 54 22 ✕ ✕ = 3 + 180 = 3 + 0.8 ๓๓ = 3.8 ตอบ ๓.๘

๓๔ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กล่มุ สาระการเรียนรูคณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรยี นรทู ่ี ๔ ชนั้ ป.๕01 9 เวลา ๑ ชว่ั โมง หน่วยท่ี ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนิยม 2 - ใหนักเรียนชว ยกนั เขียน 5 83 และ 11 14 ในรูปทศนยิ ม โดยแสดงวธิ ีทําท้งั สองวธิ ี ซ่ึงจะไดด งั นี้ เขยี น 5 38 ในรูปทศนยิ มไดด งั นี้ วิธที ่ี 1 5 38 = (5 ✕ 8)+3 วิธีที่ 2 5 38 = 5 + 38 8 = 483 = 5 + 3 ✕ 125 8 ✕ 125 5 47 = 43 ✕ 125 = 5 + 1307050 8 ✕ 125 = 15037005 = 5 + 0.375 = 5.375 = 5.375 2 ตอบ ๕.๓๗๕ ตอบ ๕.๓๗๕

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 กลุ่มสาระการเรียนรูคณติ ศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรูที่ ๔ 2 2 หนว่ ยที่ ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนิยม ชนั้ ป.๕ เวลา ๑ ชวั่ โมง เขยี น 11 14 ในรปู ทศนิยมไดด งั นี้ 1 6 5 7 90 11 41 (11 ✕ 4)+1 วธิ ีท่ี 2 11 14 = 11 + 41 2 วิธที ี่ 1 = 4 = 445 = 11 + 1 ✕ 25 4 ✕ 25 = 45 ✕ 25 = 11 + 12050 4 ✕ 25 = 1110205 = 11 + 0.25 = 11.25 = 11.25 ตอบ ๑๑.๒๕ ตอบ ๑๑.๒๕ ๓๕ 3. ครูใหนักเรียนสังเกตจํานวนคละท่ีสามารถเขียนเปนทศนิยมไดจะมีเศษสวนท่ีตัวสวนเปน ตัวประกอบของ 10 100 หรอื 1,000 4. ใหน กั เรียนทาํ แบบฝก หดั 2.4 ข้ันสรุป 5. ครแู ละนกั เรยี นชว ยกนั สรปุ เกย่ี วกบั การเขยี นจาํ นวนคละในรปู ทศนยิ มไดว า การเขยี นจาํ นวนคละ ในรปู ทศนยิ ม อาจเขยี นจาํ นวนคละในรปู เศษสว นกอ น จากนนั้ จงึ เขยี นเศษสว นนน้ั ในรปู ทศนยิ ม หรอื อาจเขียนจํานวนคละในรูปผลบวกของจํานวนนับกับเศษสวน จากนั้นเขียนเศษสวนในรูปทศนิยม แลวนําไปบวกกบั จํานวนนับ

๓๖ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจัดการเรียนรทู ่ี ๕ 01 9 แนวการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู ขน้ั นำา 5 47 ขน้ั สอน ทบทวนการหาคา ประมาณของจํานวนนับ เปน จํานวนเตม็ สบิ จาํ นวนเตม็ รอ ย จาํ นวนเตม็ พัน จํานวนเตม็ หมน่ื จํานวนเตม็ แสน สอนการหาคาประมาณ การหาคา ประมาณ เปนจํานวนเต็มหนวย ทาํ แบบฝก หดั 2.5 ข้นั สรุป ครูและนกั เรียนรว มกนั สรุปเกีย่ วกบั การหาคา ประมาณเปนจํานวนเต็มหนว ยของทศนยิ ม 2 การวดั และประเมนิ ผล - ประเมนิ จากการตอบคําถาม และการทาํ แบบฝกหัด 2 - ประเมนิ ทกั ษะและกระบวนการทางคณิตศาสตรดานการใหเหตผุ ลและการสื่อสาร การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 กลมุ่ สาระการเรยี นรูคณิตศาสตร์ แผนการจดั การเรียนรทู ี่ ๕ 2 2 หนว่ ยท่ี ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคูณ การหารทศนิยม ชัน้ ป.๕ เวลา ๑ ช่วั โมง ขอบเขตเนอื้ หา กจิ กรรมการเรียนรู ส่ือ/แหล่งเรยี นรู 1 6 5 7 902 ขัน้ นาำ การหาคาประมาณของ แบบฝก หดั 2.5 ทศนิยมเปนจาํ นวนเต็มหนว ย 1. ครูทบทวนการหาคา ประมาณเปน จาํ นวนเต็มสิบ จาํ นวนเต็มรอย โดยจดั กจิ กรรมดงั นี้ - ครูเขียน 103 107 และ 105 มีคาประมาณเปนจํานวนเต็มสิบใด บนกระดาน แลวถามวา การประเมนิ สาระสาำ คญั 103 อยรู ะหวา งจํานวนเตม็ สบิ ใด เพราะเหตใุ ด (100 กับ 110) 1. วธิ ีการ การหาคาประมาณเปน - ครูเขียนเสน จาํ นวน ดงั น้ี 1.1 สงั เกตพฤตกิ รรมการเรยี นรู จํานวนเต็มหนวยของทศนิยม 1.2 ตรวจแบบฝก หัด อาจทําไดโดยพิจารณาเลขโดด 100 105 110 ในหลักสวนสิบของทศนิยมน้ัน 2. เคร่ืองมอื ถาเปน 5 ถงึ 9 ใหป ระมาณเปน - จํานวนเตม็ สิบที่อยกู ึง่ กลางระหวา ง 100 กบั 110 คอื จาํ นวนใด (105) 2.1 แบบประเมินทักษะและ จาํ นวนเตม็ หนว ยทใ่ี กลเ คยี งทสี่ ดุ - ครเู ขียนตําแหนง ของ 105 บนเสนจาํ นวน ซ่งึ มากกวา ถาเปน 0 ถงึ 4 ให - ครถู ามวา ระหวาง 100 กับ 110 103 อยูใกลจ าํ นวนใดมากกวา (100) กระบวนการทางคณติ ศาสตร ประมาณเปนจํานวนเต็มหนวย - คา ประมาณเปน จํานวนเต็มสิบของ 103 คอื จํานวนใด (100) 2.2 แบบฝกหดั 2.5 ใกลเคียงท่ีสุดซึ่งท่ีนอยกวา - ครถู ามวา ระหวาง 100 กบั 110 107 อยใู กลจ าํ นวนใดมากกวา (110) ทศนยิ มนน้ั - คา ประมาณเปนจํานวนเต็มสิบของ 107 คอื จํานวนใด (110) 3. เกณฑ์ - คา ประมาณเปนจาํ นวนเต็มสบิ ของ 105 คือจาํ นวนใด (110) 3.1 คะแนนรวมดานทักษะ - เพราะเหตใุ ด (เปน ขอตกลงของนักคณิตศาสตรว า ถาจาํ นวนที่ตอ งการประมาณอยหู า งระหวาง สองจํานวนเทากันใหคา ประมาณเปนจาํ นวนท่มี ากกวา และ 105 อยูกึ่งกลางระหวาง 100 กับ 110 และกระบวนการทางคณติ ศาสตร ดังนน้ั คาประมาณเปนจาํ นวนเตม็ หนวยของ 105 คอื 110) ไมนอ ยกวา รอ ยละ 60 3.2 ผลงานถกู ตอ งไมน อ ยกวา รอยละ 80 ๓๗

๓๘ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลุ่มสาระการเรียนรคู ณิตศาสตร์ แผนการจัดการเรียนรทู ี่ ๕ ช้นั ป.๕01 9 เวลา ๑ ช่ัวโมง หนว่ ยท่ี ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนยิ ม 2 จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู ข้ันสอน 3 5 47 ดา นความรู 2. ครเู ขียนทศนิยม 2.4 2.7 และ 2.5 บนกระดาน เพ่อื ใหน กั เรยี นสามารถบอก - ครูถามวา 2.4 อยูระหวา งจาํ นวนเต็มหนว ยใด (2 กับ 3) คาประมาณเปนจํานวนเต็มหนวย - ครูเขยี นเสนจํานวนบนกระดาน 23 == 32..00 ของทศนยิ ม 2 2.4 2.5 ดา นทกั ษะและกระบวนการ ทางคณติ ศาสตร์ เพ่อื ใหนกั เรียนสามารถ 1. ใหเหตุผล - ครถู ามวา จาํ นวนท่อี ยูกึง่ กลางระหวาง 2 กบั 3 คือจํานวนใด (2.5) 2. ส่อื สาร สอ่ื ความหมาย - ครถู ามวา ระยะหา งจาก 2.5 ถึง 3 เทา กับระยะหา งจาก 2.5 ถึง 2 หรือไม (เทากัน) ทางคณติ ศาสตร - ครเู ขียน 2.5 บนเสน จาํ นวน - ครถู ามวา 2.4 อยใู กล 2 หรอื 3 มากกวา เพราะเหตใุ ด (2.4 อยใู กล 2 มากกวา เพราะระยะหา ง ระหวาง 2.4 กับ 2 นอยกวาระยะหา งระหวาง 2.4 กบั 3) 2 - คา่ ประมาณเปนจำานวนเต็มหน่วยของ 2.4 คือจาำ นวนใด (2) - ครูถามวา 2.7 อยรู ะหวางจํานวนเต็มหนว ยใด (2 และ 3) - ครูถามวา 2.7 อยูใกล 2 หรือ 3 มากกวา เพราะเหตใุ ด (2.7 อยูใกล 3 มากกวา เพราะระยะหา ง ระหวา ง 2.7 กบั 3 นอยกวาระยะหา งระหวาง 2.7 กับ 2) - คา่ ประมาณเปนจาำ นวนเต็มหน่วยของ 2.7 คอื จาำ นวนใด (3)

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) 2 กลุ่มสาระการเรยี นรูคณติ ศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรทู ่ี ๕ 2 2 หนว่ ยที่ ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนิยม ช้ัน ป.๕ เวลา ๑ ชวั่ โมง - ครูถามวา 2.5 อยูระหวางจาํ นวนเตม็ หนวยใด (2 กับ 3) 1 6 5 7 90 - ครูถามวา 2.5 อยูใกล 2 หรือ 3 มากกวา (เทา กัน) 2 - คา ประมาณเปน จํานวนเต็มหนวยของ 2.5 คอื จาํ นวนใด เพราะเหตใุ ด ( 3 เพราะ 2.5 อยกู ่งึ กลาง ระหวา ง 2 กับ 3 ซงึ่ เปน ขอตกลงของนกั คณติ ศาสตรใหป ระมาณเปนจํานวนท่ีมากกวา ) 3. ครเู ขียน 3.42 3.64 และ 3.50 บนกระดาน เพ่อื ใหน ักเรียนบอกคา ประมาณเปน จํานวนเต็มหนว ย - ครถู ามวา 3.42 อยรู ะหวางจํานวนเต็มหนวยใด (3 กบั 4) - ครูเขยี นเสน จาํ นวนบนกระดานและเขียน 43 == 34..0000 ใกลเสนจํานวน 3 3.5 4 ๓๙ - ครถู ามวา จํานวนที่อยูก่ึงกลางระหวาง 3 กับ 4 คือจํานวนใด (3.5) - ครเู ขียนจุดแสดงจาํ นวน 3.5 บนเสนจาํ นวน - ครถู ามวา 3.42 อยูใ กลจ ํานวนจาํ นวนเต็มหนวยใดมากท่สี ดุ (3) - คา่ ประมาณเปน จำานวนเต็มหนว่ ยของ 3.42 คอื จำานวนใด (3) - ครูถามวา 3.64 อยใู กลจ ํานวนจํานวนเต็มหนวยใดมากที่สดุ (4) - คา่ ประมาณเปน จำานวนเตม็ หนว่ ยของ 3.64 คือจาำ นวนใด (4) - ครถู ามวา 3.50 อยูใกลเ คยี ง 3 หรือ 4 มากทสี่ ดุ (เทากัน) - คา ประมาณเปนจํานวนเต็มหนว ยของ 3.50 คอื จาํ นวนใด (4)

๔๐ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) กลมุ่ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร์ แผนการจดั การเรยี นรทู ่ี ๕ ชนั้ ป.๕01 9 เวลา ๑ ชวั่ โมง หนว่ ยที่ ๒ ทศนยิ ม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนิยม 2 4. ครูเขยี น 7.183 , 7.504 และ 7.500 บนกระดาน เพือ่ ใหนกั เรยี นบอกคา ประมาณเปนจาํ นวน เต็มหนวย - ครูถามวา 7.183 อยูระหวา งจํานวนเตม็ หนวยใด (7 กับ 8) - ครูเขยี นเสนจาํ นวนบนกระดานและเขยี น 7.785 === 787...050000000 ใกลเ สน จาํ นวน 7 7.5 8 5 47 - จํานวนทอี่ ยกู ึ่งกลางระหวาง 7 กบั 8 คือจาํ นวนใด (7.5) - ครูเขยี นจุดแสดงจาํ นวน 7.5 บนเสน จาํ นวน - ครถู ามวา 7.183 อยูใกลจาํ นวนจํานวนเตม็ หนวยใดมากทส่ี ุด (7) - คา่ ประมาณเปน จาำ นวนเตม็ หนว่ ยของ 7.183 คอื จำานวนใด (7) 2 - ครถู ามวา 7.504 อยูใ กลจํานวนจํานวนเต็มหนว ยใดมากท่ีสดุ (8) - ค่าประมาณเปน จาำ นวนเตม็ หนว่ ยของ 7.504 คอื จำานวนใด (8) - ครูถามวา 7.500 อยูใ กล 7 หรือ 8 มากกวา (เทากนั ) - คา่ ประมาณเปน จาำ นวนเตม็ หน่วยของ 7.500 คอื จำานวนใด (8)

1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู (สาํ หรบั ครผู สู อน) 6 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร ภาคเรยี นท่ี ๑ 4 7ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 9 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ )2 แผนการจัดการเรียนรูท ี่ ๕ 2 กลุม่ สาระการเรยี นรูคณิตศาสตร์ ชัน้ ป.๕ หน่วยที่ ๒ ทศนิยม และการบวก การลบ การคณู การหารทศนยิ ม เวลา ๑ ชั่วโมง 5. ครูใหน กั เรยี นสงั เกตคาประมาณเปนจํานวนเตม็ หนว ยจากกจิ กรรมขอ 2, 3 และ 4 ซง่ึ จะพบวา 2 1 6 5 7 90 1) ทศนิยม 1 ตําแหนง (เชน 2.4 2.7 2.5) - ถาเลขโดดในหลักสวนสิบเปน 0, 1, 2, 3 หรือ 4 คาประมาณเปนจํานวนเต็มหนวยคือ จํานวนเตม็ ท่ใี กลเคียงทส่ี ุด ซึ่งนอ ยกวาทศนยิ มนัน้ 2) ทศนยิ ม 2 ตําแหนง (เชน 3.42 3.64 3.50) พบขอสงั เกตเชน เดยี วกับทศนิยม 1 ตาํ แหนง 3) ทศนยิ ม 3 ตาํ แหนง (เชน 7.183 7.504 7.500) พบขอ สงั เกตเชน เดยี วกบั ทศนยิ ม 1 ตาํ แหนง 6. ใหน ักเรียนทาํ แบบฝก หัด 2.5 ข้นั สรปุ 7. ครูและนกั เรียนรวมกนั สรุปวา การหาคา ประมาณเปนจํานวนเต็มหนวยของทศนยิ มไดว า การหาคา ประมาณเปน จาํ นวนเตม็ หนว ยของทศนยิ ม อาจทาํ ไดโ ดยพจิ ารณาเลขโดดในหลกั สว นสบิ ของทศนิยมนั้น ถาเปน 5 ถึง 9 ใหประมาณเปนจํานวนเต็มหนวยที่ใกลเคียงท่ีสุดซ่ึงมากกวา ทศนยิ มนน้ั ถา เปน 0 ถึง 4 ใหประมาณเปน จํานวนเตม็ หนวยทใี่ กลเ คียงทีส่ ุดซ่ึงนอ ยกวา ทศนยิ มน้ัน 2 ๔๑

๔๒ 1ชดุ การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู 6(สาํ หรบั ครผู สู อน) 5กลมุ สาระการเรยี นรคู ณติ ศาสตร 4ภาคเรยี นท่ี7๑ 9ชน้ั ประถมศกึ ษาปท ่ี ๕ 0(ฉบบั ปรบั ปรงุ ) แผนการจดั การเรยี นรทู ่ี ๖ 01 9 แนวการจัดกิจกรรมการเรยี นรู ข้นั นาำ ครูทบทวนการหาคาประมาณเปน จาํ นวนเต็มหนว ยของทศนิยม ขัน้ สอน สอนการหาคา ประมาณเปนทศนิยม 1 ตาํ แหนง 5 47 ทาํ แบบฝก หดั 2.6 ข้ันสรปุ ครูและนักเรียนชวยกันสรุปเกีย่ วกับการหาคา ประมาณของทศนยิ มเปน ทศนยิ ม 1 ตาํ แหนง 2 การวดั และประเมินผล - ประเมินจากการตอบคําถาม และการทําแบบฝก หัด 2 - ประเมนิ ทกั ษะและกระบวนการดา นการใหเหตุผลและการสือ่ สาร การสอ่ื ความหมาย ทางคณติ ศาสตร


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook