Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อ.2 เทอม1

อ.2 เทอม1

Description: อ.2 เทอม1

Search

Read the Text Version

73 4.1.2 เด็กและครูร่วมกนั ร้องเพลง “แม่ไก่ออกไข่” โดยครูรอ้ งใหเ้ ด็กฟงั กอ่ น แลว้ จึงให้ ฝึกรอ้ งตามพร้อมกับทาท่าทางประกอบเพลงดว้ ย 4.1.3 ครใู ห้เด็กร้องเพลง “แม่ไก่ออกไข่” และทาท่าประกอบเพลงอย่างอสิ ระตาม จินตนาการของเด็ก 4.1.4 ใหเ้ ดก็ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมในขอ้ 4.1.3 นีซ้ ้าอีก 4.2 กจิ กรรมสร้ำงสรรค์และกิจกรรมเสรี (60 นำที) 4.2.1 เดก็ และครูช่วยกนั จัดโต๊ะเพ่ือปฏบิ ัตกิ ิจกรรมการปัน้ ดนิ น้ามัน เสร็จแล้วครูอธบิ าย ทบทวน ขั้นตอนการปฏิบตั ใิ หเ้ ด็กฟงั แลว้ ใหล้ งมือสรา้ งผลงานตามความคดิ และ จินตนาการของตนเอง อย่างอิสระ โดยครูคอยดแู ลอย่หู า่ ง ๆ 4.2.2 เด็กคนใดท่ปี ฏิบัติกิจกรรมเสร็จแล้วใหน้ าผลงานมาให้ครดู ูพร้อมกับเลา่ ใหค้ รูฟงั ถงึ ชอ่ื ผลงาน วธิ กี ารทา ครใู หค้ าชมเชย และให้กาลงั ใจ และแนะนาใหเ้ ด็กปฏิบัติ กจิ กรรมให้ครบท้ังสองกจิ กรรม และให้เก็บผลงานของตนเองไว้ในกลอ่ งสะสม ผลงานของตนเอง 4.2.3 เด็กทีป่ ฏิบัตกิ จิ กรรมเสรจ็ แล้ว หรอื รอโต๊ะว่างให้เลน่ ตามมุมอย่างอิสระรอเพื่อน ๆ 4.2.4 เมือ่ เด็กปฏบิ ัตกิ จิ กรรมเสรจ็ ครบทกุ คนแลว้ ใหช้ ว่ ยกันทาความสะอาดอปุ กรณ์ และ จัดเก็บสิ่งของตา่ ง ๆ เข้าที่ใหเ้ รียบร้อย 4.3 กจิ กรรมเสริมประสบกำรณ์ (15 นำที) 4.3.1 เด็กและครูสนทนาร่วมกันเกี่ยวกับของเล่นชนดิ ตา่ ง ๆ โดยครูนาของเล่นท่ีมใี นห้อง หรอื ในมมุ เคร่อื งเล่น มาให้เด็กดู และถามเดก็ วา่ ของเล่นเหลา่ นี้คอื อะไรบา้ ง 4.3.2 เดก็ และครูสนทนาร่วมกนั เกยี่ วกบั รปู ร่าง ขนาด ความยาว และน้าหนกั เสร็จแล้ว ช่วยกันแยกประเภทของเลน่ เปน็ กลมุ่ ดังน้ี - กลมุ่ ทรงกลม - กลุม่ ทรงสี่เหลย่ี ม - กลมุ่ ทรงสามเหล่ียม - กลมุ่ รปู ทรงอน่ื ๆ - กลมุ่ ทีม่ นี ้าหนักมาก - กลมุ่ ท่ีมนี า้ หนักเบา 4.3.3 เดก็ และครูสนทนารว่ มกันเกี่ยวกับของเลน่ แตล่ ะชนิดวา่ เลน่ อย่างไร และของเลน่ แบบใดท่ีเหมาะกบั ผ้หู ญิง หรือผูช้ าย และของเล่นชนดิ ใดทม่ี ีประโยชนแ์ ละควร นามาเล่น 4.3.4 เด็กและครรู ว่ มกันร้องเพลง “เกบ็ ของ” เสร็จแล้วสนทนาร่วมกันเกย่ี วกับเน้ือหา ของบทเพลง โดยครูอธบิ ายเพมิ่ เตมิ ว่า หลังจากเลกิ เล่นของเลน่ แลว้ ควรเก็บเข้าที่ ให้เรียบร้อย และกาหนดแนวทางสาหรับนาไปปฏิบัตใิ นชีวิตประจาวนั ต่อไป

74 4.4 กจิ กรรมกลำงแจง้ (45 นำที) 4.4.1 ให้เดก็ จัดแถวตอนเรียงหน่ึงเดินตบมอื เป็นจงั หวะ ลงสนามอยา่ งเปน็ ระเบียบ เม่ือถึง สนามแล้ว ใหเ้ ดก็ อบอนุ่ รา่ งกายดว้ ยการวิ่งเหยาะ ๆ อยกู่ บั ท่ี 2 – 3 นาที 4.4.2 เดก็ และครูสนทนารว่ มกนั เก่ยี วกับการเลน่ เดนิ ทนู หัวกลับตัวที่หมาย โดยครูแนะนา วธิ กี ารเลน่ ใหเ้ ด็กฟงั จนเข้าใจและสามารถเลน่ ได้ 4.4.3 ครูให้เด็กไดเ้ ล่นเกมท่ีแนะนา โดยครคู อยสงั เกตและดแู ลความปลอดภัยอย่างใกล้ชดิ 4.5 กิจกรรมเกมกำรศกึ ษำ (20 นำที) 4.5.1 เดก็ และครสู นทนาร่วมกันเก่ียวกบั เกมจับคู่ภาพกับเงา โดยครูแนะนาวธิ กี ารเล่นให้ เดก็ ฟัง 4.5.2 แบง่ เด็กเปน็ กลมุ่ ให้เล่นเกมชดุ ใหม่ หรอื เคร่ืองเล่นสัมผัส 4.5.3 เม่ือเด็กเลกิ เล่นเกมแล้วครแู นะนาใหช้ ่วยกนั เกบ็ ส่ิงของตา่ ง ๆ เขา้ ท่ใี ห้เรียบร้อย 5. สอ่ื กำรเรียนรู้ / แหล่งกำรเรียนรู้ 5.1 ดนิ น้ามนั แผ่นรองปัน้ 5.2 เพลงแม่ไก่ออกไข่ 5.3 เพลงเกบ็ ของ 5.4 เกมจับคภู่ าพกบั เงา 6. กำรวัดผลและประเมินผล 6.1 วิธีวดั ผลและประเมินผล 6.1.1 สังเกตการปฏิบัติตามสญั ญาณ และทาท่าทางประกอบเพลง 6.1.2 สงั เกตความกลา้ ในการแสดงความคดิ เหน็ และการตอบคาถาม 6.1.3 ตรวจผลงานการปัน้ 6.2 เคร่อื งมอื วดั ผล 6.2.1 แบบประเมินผลการจดั ประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการป้ัน 6.3 เกณฑ์กำรวดั และประเมินผล ระดับ 3 ดี ระดับ 2 พอใช้ ระดบั 1 ปรับปรุง

75 แผนกำรจดั ประสบกำรณ์ที่ 22 ชน้ั อนุบำลปีที่ 2 สำระทค่ี วรเรยี นรู้ท่ี 4 สงิ่ ต่ำง ๆ รอบตัวเดก็ หนว่ ย ของเล่น ของใช้ เรอ่ื ง การเลน่ นอกหอ้ งเรยี น สปั ดำห์ท่ี 5 ลำดับวนั ท่ี 22 ครผู ้สู อน คณุ ครูโชติกา เสือพิณ โรงเรยี น วัดท่าบุญมี สพป. ชบ. 2 1. สำระสำคัญ ของเลน่ ของใช้ รอบตัวเราจะมรี ูปรา่ งลักษณะและการใช้งานทแ่ี ตกต่างกนั ออกไป ซึง่ อาจ ทาจากวสั ดุหลายชนิด เช่น พลาสติก ไม้ ละผา้ กระดาษ แกว้ เราควรศกึ ษาวิธีการใชใ้ ห้เข้าใจ จะชว่ ยให้ สามารถใช้งานไดอ้ ยา่ งถูกต้องและปลอดภัย ของเล่น ของใช้มไี วส้ าหรับเด็กให้ไดเ้ รยี นรู้ ดังน้ันจงึ ควรเลอื กใช้ ให้เหมาะสม จงึ จะเลน่ ได้อย่างสนุกสนาน ปลอดภยั และมีอายกุ ารใช้งานท่ีนานด้วย 2. จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ 2.1 เพอ่ื ให้เด็กมีความรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกับการใช้ข้าวของเครือ่ งใชแ้ ละของเล่น สามารถนาไป ปฏิบัติในชวี ติ ประจาวันได้ 2.2 เพื่อใหเ้ ด็กสามารถปฏิบัติตามสัญญาณ และทาทา่ ทางประกอบเพลงได้ 2.3 เพอ่ื ใหเ้ ดก็ สามารถสร้างผลงานไดอ้ ย่างสร้างสรรค์ และเสรี 2.4เพ่อื ให้เดก็ สามารถแสดงความคดิ เหน็ และตอบคาถามเกี่ยวกับเร่อื งท่ีสนทนาได้ 2.5 เพอ่ื ให้เด็กสามารถปรับตัวในการเลน่ และเล่นรว่ มกับผู้อนื่ ได้อยา่ งสนุกสนาน 2.6 เพอื่ ใหเ้ ด็กสามารถนาภาพทเ่ี หมือนกันมาจัดเข้าคกู่ ันได้ 3. สำระกำรเรียนรู้ 3.1 ประเภทของเลน่ ของใช้ 3.2 ประสบกำรณ์สำคัญ 3.2.1 การสรา้ งแบบจาลองตา่ ง ๆ ด้วยดินเหนียว ดินน้ามัน แท่งไม้ ฯลฯ 3.2.2 การแสดงปฏกิ ิรยิ า โต้ตอบเสียงดนตรี 3.2.3 การสารวจและอธิบายความเหมือน ความตา่ งของสิ่งต่าง ๆ 3.2.4 การจดั การเปลยี่ นรูปทรงของวตั ถุสง่ิ ต่าง ๆ 4. กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ 4.1 กจิ กรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ (20 นำท)ี 4.1.1 กิจกรรมพ้นื ฐาน ให้เด็กเคลือ่ นไหวร่างกายไปท่วั ๆ บริเวณอย่างอสิ ระ เมื่อได้ยิน สญั ญาณหยดุ ใหห้ ยุดเคลื่อนไหวในท่าน้นั ทันที

76 4.1.2 เดก็ และครูรว่ มกันกาหนดมมุ ในหอ้ งเรียนเปน็ 3 มมุ เพื่อปฏบิ ัตกิ ิจกรรมคอื มุม ตุ๊กตา มุมไม้บลอ็ ก มมุ ลูกบอล 4.1.3 ให้เดก็ เคล่ือนไหวร่างกายไปท่ัวบรเิ วณอยา่ งอิสระ เม่ือได้ยินสญั ญาณหยุดใหห้ ยดุ และฟังคาส่ัง เชน่ ไปเลน่ ตกุ๊ ตา เด็กจะไปทมี่ ุมตกุ๊ ตา ไปเล่นบอล เดก็ จะไปที่มมุ เลน่ บอล 4.1.4 เดก็ และครูรว่ มกนั กาหนดคาสัง่ ข้ึนใหม่ และปฏิบัติกิจกรรมในข้อ 4.1.3 ซา้ อีก 4.2 กจิ กรรมสร้ำงสรรคแ์ ละกิจกรรมเสรี (60 นำที) 4.2.1 เด็กและครู ชว่ ยกันจัดโต๊ะเพื่อปฏบิ ตั ิกจิ กรรมการวาดภาพด้วยสีเทยี น เสร็จแลว้ ครู อธบิ ายขัน้ ตอนการปฏบิ ตั ิใหเ้ ด็กฟัง และแจกใบงานใหเ้ ด็กคนละ 1 แผน่ สนทนา รว่ มกันเกีย่ วกบั รายละเอยี ดในใบงาน เสรจ็ แลว้ ใหเ้ ดก็ ลงมือปฏบิ ัติกจิ กรรมตาม คาสง่ั ในใบงาน และสร้างผลงานตามความคดิ และจนิ ตนาการของตนเอง อย่าง อิสระ โดยครคู อยดแู ลอยหู่ ่าง ๆ 4.2.2 เดก็ คนใดท่ีปฏบิ ตั ิกจิ กรรมเสร็จแล้วใหน้ าผลงานมาให้ครดู ู พรอ้ มกับบอกชือ่ ผลงาน ข้ันตอนวิธีการทาใหค้ รูฟงั และแนะนาให้เดก็ เก็บผลงานไว้ในกล่องสะสมผลงาน ของตนเอง 4.2.3 เดก็ คนใดที่ปฏบิ ัติกจิ กรรมเสร็จแลว้ ใหเ้ ล่นตามมุมอย่างอสิ ระรอเพอื่ น ๆ 4.2.4 เม่ือเด็กปฏิบัติกจิ กรรมเสร็จครบทกุ คนแล้ว ใหช้ ่วยกนั ทาความสะอาดอุปกรณ์ และ จัดเกบ็ สง่ิ ของต่าง ๆ เข้าทใ่ี ห้เรียบร้อย 4.3 กิจกรรมเสรมิ ประสบกำรณ์ (15 นำที) 4.3.1 เด็กและครูปริศนาคาทาย ของใช้ โดยครูนาของเลน่ ทม่ี ีในห้องหรือในมมุ เครือ่ งเลน่ มาให้เด็กดู และถามเดก็ ว่าของเล่นเหล่านค้ี ืออะไรบ้าง 4.3.1 เดก็ และครสู นทนาร่วมกนั เกี่ยวกบั รปู รา่ ง ขนาด ความยาว และน้าหนกั เสรจ็ แล้ว ชว่ ยกนั แยกประเภทของเลน่ -ของใช้ เปน็ กลมุ่ ดังน้ี - กลมุ่ ทีข่ องทาจากพลาสติก เช่น รถ เปด็ - กลมุ่ ทที่ ามาจากผ้า เชน่ ตุก๊ ตา - กลมุ่ ท่ีทาจากไม้ - กลมุ่ ทที่ าจากกระดาษ 4.3.2 เด็กและครูสนทนารว่ มกันเกย่ี วกับของเล่นแตล่ ะชนิดวา่ เล่นอย่างไร และของเลน่ แบบใดที่ควรดแู ลรักษาอย่างไร และความปลอดภยั จากการเลน่ 4.3.3 เดก็ และครรู ว่ มกันร้องเพลง “เกบ็ ของ” เสร็จแลว้ สนทนาร่วมกนั เกย่ี วกับเน้ือหา ของบทเพลง โดยครูอธิบายเพิม่ เติมว่า หลังจากเลกิ เลน่ ของเล่นแล้วควรเก็บเข้าที่ ให้เรยี บร้อย และกาหนดแนวทางสาหรับนาไปปฏิบัตใิ นชีวติ ประจาวนั ตอ่ ไป

77 4.4 กิจกรรมกลำงแจง้ (45 นำท)ี 4.4.1 ให้เดก็ จัดแถวตอนเรยี งหนง่ึ เดินตบมือเปน็ จังหวะ ลงสนามอยา่ งเป็นระเบียบ เม่ือถึง สนามแล้ว ใหเ้ ดก็ อบอุ่นร่างกายดว้ ยการวิง่ เหยาะ ๆ อย่กู บั ท่ี 2 – 3 นาที 4.4.2 เดก็ และครูสนทนาร่วมกันเก่ยี วกบั การเลน่ รีรขี า้ วสาร โดยครูแนะนาวิธีการเล่นให้ เดก็ ฟงั จนเข้าใจและสามารถเล่นได้ 4.4.3 ครูใหเ้ ดก็ ได้เลน่ เกมที่แนะนา โดยครูคอยสงั เกตและดแู ลความปลอดภัยอย่างใกลช้ ดิ 4.4.4 เมื่อเล่นเกมท่คี รูแนะนาเสร็จแลว้ ครใู ห้เด็กได้เล่นอยา่ งอสิ ระ 5 – 10 นาที กอ่ นที่ จะใหเ้ ด็กไปทาความสะอาดร่างกาย ลา้ งหนา้ ลา้ งมอื และทาธุระส่วนตัว กลับ เขา้ หอ้ งเรียน เพอื่ เตรียมตัวไปรบั ประทานอาหารกลางวนั 4.5 กจิ กรรมเกมกำรศึกษำ (20 นำที) 4.5.1 เดก็ และครูสนทนารว่ มกนั เก่ียวกับกิจกรรมเกมจาแนกของเลน่ โดยครแู นะนา วธิ กี ารเล่นให้เด็กฟงั 4.5.2 แบ่งเดก็ เปน็ กล่มุ ใหเ้ ล่นเกมชุดใหม่ หรอื เคร่ืองเลน่ สมั ผสั 4.5.3 เมอื่ เด็กเลิกเลน่ เกมแล้วครูแนะนาใหช้ ว่ ยกนั เก็บส่งิ ของต่าง ๆ เข้าที่ใหเ้ รยี บร้อย 5. สอ่ื กำรเรียน / แหล่งกำรเรยี นรู้ 5.1 สเี ทียน 5.2 เพลงเลน่ กลางแจ้ง 5.3 เกมลอยตามลม 5.4 เกมโดมิโนรูปเลขาคณิต 6. กำรวัดผลและประเมินผล 6.1 วิธีวดั ผลและประเมินผล 6.1.1 สงั เกตการณ์ปฏิบัติตามสญั ญาณ และคาสัง่ 6.1.2 สังเกตการสนทนา และการตอบคาถาม 6.1.3 ตรวจผลงานวาดภาพ 6.2 เครอื่ งมือวดั ผล 6.2.1 แบบประเมนิ ผลการจัดประสบการณ์ 6.2.2 สังเกตการสนทนา และการตอบคาถาม 6.2.3 ตรวจผลงานวาดภาพ

78 6.3 เกณฑ์กำรวำดผลและประเมินผล ดี ระดบั 3 พอใช้ ระดบั 2 ปรับปรงุ ระดบั 1

79 แผนกำรจัดประสบกำรณท์ ี่ 23 ชั้นอนุบำลปีท่ี 2 สำระท่ีควรเรียนรทู้ ี่ 4 ส่งิ ต่ำง ๆ รอบตัวเด็ก หน่วย ของเล่น ของใช้ เร่ือง การดูแลรักษาของใช้ สปั ดำห์ที่ 5 ลำดับวันที่ 23 ครูผสู้ อน คณุ ครูโชติกา เสือพิณ โรงเรียน วดั ท่าบญุ มี สพป. ชบ. 2 1. สำระสำคัญ ของเลน่ ของใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั มีวธิ กี ารเก็บรกั ษาทแ่ี ตกต่างกัน เพราะบางสิ่งมีอนั ตราย ต้องเก็บให้มดิ ชิดและระมดั ระวงั เพอ่ื ความปลอดภัยและช่วยให้เรามขี องเลน่ ของใช้ให้ยาวนาน ดงั นั้นควร ปฏิบัตคิ อื เก็บสิง่ ของเคร่ืองใช้ทุกครัง้ ทเี่ ลิกใช้ 2. จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ 2.1 เพือ่ ใหเ้ ด็กมีความรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั การใช้ขา้ วของเคร่ืองใช้และของเล่น สามารถนาไป ปฏบิ ตั ใิ นชีวติ ประจาวันได้ 2.2 เพื่อให้เดก็ สามารถปฏบิ ัติตามสญั ญาณ และทาท่าทางประกอบเพลงได้ 2.3 เพอ่ื ให้เดก็ สามารถสร้างผลงานได้อย่างสรา้ งสรรค์ และเสรี 2.4เพ่ือให้เด็กสามารถแสดงความคดิ เหน็ และตอบคาถามเกี่ยวกับเรอ่ื งท่สี นทนาได้ 2.5 เพอ่ื ใหเ้ ดก็ สามารถปรบั ตัวในการเลน่ และเลน่ ร่วมกับผู้อนื่ ได้อยา่ งสนกุ สนาน 2.6 เพอื่ ให้เด็กสามารถนาภาพท่ีเหมือนกนั มาจดั เข้าคู่กนั ได้ 3. สำระกำรเรยี นรู้ 3.1 กำรเก็บรกั ษำของใช้ 3.2 ประสบกำรณ์สำคญั 3.2.1 การสารวจและอธิบายความเหมอื น ความตา่ งของส่ิงตา่ งๆ 3.2.2 การจับคู่ การจาแนก และการจัดกลุม่ 3.2.3 การใชห้ รอื อธบิ ายส่ิงต่างๆ ดว้ ยวิธกี ารท่ีหลากหลาย 4. กิจกรรมกำรเรยี นรู้ 4.1 กจิ กรรมเคล่ือนไหวและจังหวะ (20 นำท)ี 4.1.1 กจิ กรรมพ้ืนฐาน ให้เดก็ เคล่ือนไหวร่างกายไปทั่ว ๆ บริเวณอยา่ งอสิ ระ เมอื่ ได้ยิน สัญญาณหยุดใหห้ ยดุ เคล่อื นไหวในทา่ นน้ั ทันที 4.1.2 เดก็ และครสู นทนาร่วมกันเกย่ี วกับคาบรรยายทจ่ี ะใหป้ ฏิบตั ิกิจกรรม เชน่ โรงเรยี น เลิกแลว้ เดก็ ๆ เดินกลับบา้ น แตบ่ างคนกว็ ิง่ บางคนก็ปั่นจกั รยาน เมื่อถึงบ้าน แล้วสวัสดคี ุณแม่ รสู้ ึกรอ้ นกเ็ ดนิ ไปหยิบพดั ขั้นมาพัด เดินไปรินนา้ ดม่ื และกินขนม ทแ่ี มห่ ยิบให้

80 4.1.3 ให้เด็กเคล่ือนไหวร่างกายไปทั่ว ๆ บริเวณอยา่ งอิสระ เมอื่ ได้ยินสญั ญาณหยดุ ให้ หยดุ และปฏบิ ตั ติ ามคาบรรยายของครู 4.1.4 เด็กและครูร่วมกันกาหนดคาบรรยายขนึ้ ใหม่ และปฏบิ ตั ิกิจกรรมในข้อ 4.1.3 ซา้ อกี 4.2 กจิ กรรมสรำ้ งสรรคแ์ ละกจิ กรรมเสรี (60 นำที) 4.2.1 เดก็ และครู ช่วยกันจดั โต๊ะ เพื่อใช้ปฏิบตั กิ ิจกรรมการวาดภาพด้วยสีนา้ เหมอื นวันท่ี ผา่ นมา เสร็จแล้วครอู ธบิ ายข้ันตอนการทาให้เด็กดู และให้ลงมือปฏิบัติตาม ความคิด และจนิ ตนาการของตนเอง อยา่ งอิสระ โดยครูคอยดูแล ให้คาแนะนาอยู่ หา่ ง ๆ 4.2.2 เด็กคนใดปฏบิ ัติเสร็จแลว้ ให้นาผลงานมาใหค้ รดู ู พรอ้ มกับบอกช่ือ ผลงาน ขนั้ ตอน วธิ กี ารทาใหค้ รูฟัง ครูแนะนาใหเ้ กบ็ ผลงานไว้ในกล่องสะสมผลงานของตนเอง 4.2.3 เดก็ คนใดปฏิบตั กิ จิ กรรมเสรจ็ แล้วหรอื กาลังรอโต๊ะวา่ ง ให้เลน่ ตามมมุ อิสระรอเพื่อน 4.2.4 เมอ่ื เด็กปฏบิ ัติกิจกรรมครบทุกคนแล้ว ครูแนะนาให้ชว่ ยกันทาความสะอาดบรเิ วณ และเก็บสิ่งของเข้าที่ใหเ้ รียบรอย 4.3 กิจกรรมเสริมประสบกำรณ์ (15 นำที) 4.3.1 เดก็ และครูสนทนารว่ มกันเกยี่ วกบั ของใชช้ นดิ ตา่ ง ๆ โดยครูนาภาพหรือของจริงมา ให้เดก็ ดูประกอบการสนทนา เช่น จาน ช้อน ส้อม มีด กรรไกร โดยครูตั้ง คาถามใหเ้ ด็กตอบ ดงั น้ี -- ของใชแ้ ตล่ ะชนิดมรี ปู ร่างเหมอื นกันหรือแตกต่างกัน -- ของใช้เหล่านีม้ โี ทษหรอื ไม่ 4.3.2 เด็กและครูสนทนาร่วมกันเกี่ยวกบั การใช้และการดแู ลรักษาของใช้เหล่าน้ีอยา่ งถูกวธิ ี และปลอดภัย โดยร่วมกันหาอาสาสมคั รออกมาสาธติ วธิ ีการใชแ้ ละการดแู ลรักษา ของใช้ เสร็จแลว้ ให้เดก็ วาดภาพของใชใ้ นบา้ นชนิดตา่ ง ๆ และระบายสีใหส้ วยงาม 4.3.3 เดก็ และครสู นทนา สรุปรว่ มกันเกย่ี วกบั การใชแ้ ละการดแู ลรักษาของใชอ้ ย่างถูกวธิ ี พรอ้ มทง้ั กาหนดแนวทางในการปฏิบตั เิ พื่อนาไปใช้ในชวี ิตประจาวนั 4.4 กิจกรรมกลำงแจง้ (45 นำท)ี 4.4.1 ให้เดก็ จัดแถวตอนเรยี งสองจงู มอื กนั วิง่ ลงสนามเปน็ คู่ ๆ (เด็กทไ่ี ม่มคี ู่ให้จูงมือกับครู) เมอ่ื ถึงสนามแลว้ ใหเ้ ด็กอบอุ่นร่างกายด้วยการวิ่งเหยาะๆ อยูก่ ับที่ 2 – 3 นาที 4.4.2 เด็กและครูสนทนารว่ มกนั เก่ยี วกับการเลน่ เกมชักคะเย่อ โดยครอู ธบิ ายวธิ กี ารเลน่ ใหเ้ ดก็ ฟังจนเด็กเข้าใจและสามารถเล่นได้ 4.4.3 แบ่งกลมุ่ เด็กเป็น 2 กล่มุ ใหเ้ ลน่ เกมชกั คะเยอ่ แขง่ กนั จนรู้ผลแพ้ชนะ 4.4.4 ครปู ลอ่ ยใหเ้ ด็กไดเ้ ลน่ อย่างอิสระ 5 – 10 นาที ก่อนทจ่ี ะให้เดก็ ไปทาความสะอาด ร่างกาย ทาธรุ ะส่วนตวั กลับเขา้ หอ้ งเรียนเพ่ือเตรียมตัวรับประทานอาหารกลางวัน

81 4.5 กิจกรรมเกมกำรศึกษำ (20 นำท)ี 4.5.1 เด็กและครูสนทนาร่วมกันเกี่ยวกบั เกมปรศิ นาของใช้ โดยครูอธิบายวิธการเล่นให้ เด็กฟงั 4.5.2 ครแู บง่ เด็กเป็นกลมุ่ ตามความเหมาะสม เพอ่ื ใหเ้ ลน่ เกมชุดใหม่ และเกมทเี่ คยเลน่ มาแลว้ หรอื เครอื่ งเลน่ สัมผัสตา่ ง ๆ โดยผลัดเปลยี่ นกันเล่นเกม ฝกึ การแบ่งปนั และการรอคอยโอกาส 4.5.3 เมื่อเด็กเลิกเล่นเกมเสร็จแล้วใหช้ ว่ ยกันเกบ็ สิง่ ของต่าง ๆ เข้าทใี่ หเ้ รียบร้อย 5. สือ่ กำรเรยี น / แหล่งกำรเรยี นรู้ 5.1 สนี ้า พู่กัน 5.2 เกมชักคะเย่อ 5.3 เกมเรยี งลาดบั เชือกสัน้ ยาว 6. กำรวัดผลและประเมินผล 6.1 วธิ ีวดั ผลและประเมนิ ผล 6.1.1 สังเกตความการปฏิบัตติ ามสัญญาณ และคาบรรยาย 6.1.2 สงั เกตการแสดงความคิดเห็น และการตอบคาถาม 6.1.3 ตรวจผลงานวาดภาพ 6.2 เคร่ืองมือวัดผล 6.2.1 แบบประเมินผลการจัดประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการวาดภาพ 6.3 เกณฑก์ ำรวำดผลและประเมินผล ระดับ 3 ดี ระดับ 2 พอใช้ ระดบั 1 ปรบั ปรงุ

82 แผนกำรจัดประสบกำรณท์ ่ี 24 ชั้นอนบุ ำลปีท่ี 2 สำระทค่ี วรเรยี นรูท้ ี่ 4 ส่งิ ต่ำง ๆ รอบตัวเด็ก หนว่ ย ของเล่น ของใช้ เรอ่ื ง ระวังอันตราย ลำดบั วันที่ 24 สัปดำหท์ ี่ 5 ครูผสู้ อน คณุ ครูโชติกา เสือพิณ โรงเรยี น วดั ท่าบญุ มี สพป. ชบ. 2 1. สำระสำคญั ของเลน่ ของใชอ้ าจทาให้เกดิ อันตรายได้ดงั นน้ั เราควรศกึ ษาวิธกี ารใชส้ ่ิงของตา่ งๆ อย่าง ระมัดระวงั เพื่อไม่เกิดอันตราย 2. จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 2. จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ 2.1 เพื่อใหเ้ ดก็ มีความรู้ ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั การใชข้ ้าวของเครอื่ งใชแ้ ละของเลน่ สามารถนาไป ปฏบิ ัตใิ นชวี ติ ประจาวนั ได้ 2.2 เพ่ือให้เดก็ สามารถปฏบิ ตั ิตามสญั ญาณ และทาท่าทางประกอบเพลงได้ 2.3 เพอ่ื ใหเ้ ด็กสามารถสรา้ งผลงานไดอ้ ย่างสรา้ งสรรค์ และเสรี 2.4เพอื่ ใหเ้ ดก็ สามารถแสดงความคดิ เห็นและตอบคาถามเก่ียวกบั เรื่องที่สนทนาได้ 2.5 เพอื่ ให้เด็กสามารถปรับตัวในการเลน่ และเลน่ รว่ มกบั ผู้อ่นื ได้อยา่ งสนกุ สนาน 2.6 เพอ่ื ให้เด็กสามารถนาภาพทีเ่ หมือนกันมาจดั เข้าคู่กนั ได้ 3. สำระกำรเรียนรู้ 3.1 อันตรำยจำกของเลน่ ของใช้ 3.2 ประสบกำรณส์ ำคัญ 3.2.1 การสารวจและอธบิ ายความเหมอื น ความตา่ งของสง่ิ ตา่ ง ๆ 3.2.2 การจับคู่ การจาแนก และการจัดกลมุ่ 3.2.3 การใช้หรืออธบิ ายสงิ่ ต่าง ๆ ด้วยวธิ ีการท่ีหลากหลาย 3.2.4 การจัด การเปล่ียนรปู ทรงของวตั ถุสงิ่ ต่าง ๆ 4. กิจกรรมกำรเรยี นรู้ 4.1 กจิ กรรมเคล่อื นไหวและจังหวะ (20 นำที) 4.1.1 กจิ กรรมพื้นฐาน ให้เด็กเคลือ่ นไหวร่างกายไปท่วั ๆ บริเวณอยา่ งอสิ ระ เมื่อได้ยนิ สัญญาณหยดุ ให้หยดุ ในทา่ นั้นทนั ที 4.1.2 เด็กและครรู ่วมกันแบ่งกลุม่ เป็น 3 กลุ่ม และกาหนดข้อตกลง สาหรบั ปฏบิ ตั ิ กิจกรรมดังน้ี

83 - กลมุ่ ที่ 1 ทาท่าทางเล่นดนตรี - กล่มุ ที่ 2 ทาทา่ ทางประกอบเพลง - กล่มุ ท่ี 3 ร้องเพลง “เก็บของ” 4.1.3 ใหเ้ ดก็ เคลื่อนไหวรา่ งกายอย่างอสิ ระ เมื่อได้ยินสญั ญาณหยุดใหห้ ยดุ และปฏิบัติตา มาขอ้ ตกลงท่ีได้กาหนดรว่ มกันไว้อย่างพรอ้ มเพรียงกนั 4.1.4 เดก็ และครรู ่วมกันกาหนดข้อตกลงข้นึ ใหมแ่ ละปฏบิ ตั ิกจิ กรรมในข้อง 4.1.3 ซา้ อีก 4.2 กิจกรรมสรำ้ งสรรคแ์ ละกิจกรรมเสรี (60 นำที) 4.2.1 เด็กและครูช่วยกนั จดั โตะ๊ เพื่อปฏิบตั ิกิจกรรมการเปา่ การสี เสร็จแลว้ ครอู ธิบาย ขน้ั ตอนการปฏบิ ัติให้เด็กดู แล้วให้ลงมอื ปฏิบัติกิจกรรมตามความคดิ และ จินตนาการของตนเอง อย่างอสิ ระโดยครคู อยดูแลอยหู่ า่ ง ๆ 4.2.2 เด็กคนใดปฏบิ ัตเิ สร็จแล้วให้นาผลงานมาใหค้ รูดู พร้อมกับบอกชือ่ ผลงาน ขัน้ ตอน วิธกี ารทาใหค้ รูฟังด้วย แลว้ ใหเ้ ล่นตามมุมอยา่ งอสิ ระ รอเพอ่ื น ๆ 4.2.3 ครูนาผลงานของเด็กไปจัดแสดงไวใ้ นมมุ ผลงานของฉัน และแนะนาให้เดก็ เกบ็ ผลงานเหลา่ นไี้ วใ้ นกลอ่ งผลงานของตนเองเมอ่ื จัดแสดงเสร็จแลว้ 4.2.4 เมอื่ เด็กปฏบิ ัตกิ จิ กรรมครบทุกคนแลว้ ครแู นะนาให้เด็ก ๆ ชว่ ยกันทาความสะอาด บรเิ วณ และเก็บส่งิ ของเข้าที่ให้เรยี บร้อย 4.3 กจิ กรรมเสรมิ ประสบกำรณ์ (15 นำที) 4.3.1 เดก็ และครูร่วมกนั ท่องคาคล้องจอง “ของใช้” โดยครูทอ่ งใหเ้ ดก็ ฟงั ก่อน แล้วจึงให้ ทอ่ งตาม เสร็จแลว้ สนทนารว่ มกนั เก่ียวกับเนอ้ื หาของคาคล้องจอง 4.3.2 เดก็ และครูสนทนารว่ มกนั เกยี่ วกบั อนั ตรายทเี่ กิดจากของเล่นและของใช้ เชน่ มีด บาดมือ หรอื ลูกแกว้ ลงคอ เปน็ ตน้ เสรจ็ แลว้ ครูตัง้ คาถามใหเ้ ดก็ ตอบ ดงั น้ี - เด็ก ๆ คดิ ว่าของเลน่ ของใช้ อะไรท่ีมีอันตรายมากท่สี ดุ - ถา้ เด็ก ๆ โดยมีดบาดจะทาอย่างไร - ถ้ามีของเลน่ หลน่ อยูบ่ นพื้นแล้วเดก็ ไมเ่ ก็บจะเกิดอะไรข้ึนถ้าเดนิ ไปเหยยี บ เป็น ตน้ 4.3.3 เด็กและครรู ่วมกันแยกประเภทของเล่นของใช้ โดยครนู าบตั รภาพของเลน่ ของใช้ ชนิดต่าง ๆ มาให้เดก็ ปฏิบัตกิ ิจกรรม โดยอาจจะให้แยกเป็นกลุ่มของใชท้ ่มี ีคม หรอื ของใชท้ ี่เป็นเคร่ืองไฟฟา้ เป็นตน้ 4.3.4 เดก็ และครูสนทนารว่ มกันเกี่ยวกบั อันตรายทีเ่ กดิ จากของเล่นของใช้ 4.4 กจิ กรรมกลำงแจ้ง (45 นำท)ี 4.4.1 เดก็ จดั แถวตอนเรียงสองจูงมือกนั เดนิ ลงสนามเปน็ คู่ ๆ อย่างเป็นระเบยี บ (เด็กที่ไม่ มีค่ใู ห้จงู มือครู) เม่ือถึงสนามแลว้ ให้เด็กอบอนุ่ ร่างกายดว้ ยการวิง่ เหยาะ ๆ อย่กู ับท่ี 2 – 3 นาที

84 4.4.2 เด็กและครูสนทนาร่วมกันเก่ยี วกบั การเล่นเกมลิงชิงบอล โดยครูอธบิ ายวธิ ีการเลน่ ให้เด็กฟัง จนสามารถเลน่ ได้ 4.4.3 ครูใหเ้ ดก็ ไดเ้ ล่นเกมทคี่ รูแนะนา และเล่นอย่างอิสระ จนได้เวลาพอสมควร ครูจงึ ใหเ้ ด็กไปทาความสะอาดรา่ งกาย ลา้ งหน้า ลา้ งมือ ทาธุระสว่ นตวั กลับเขา้ หอ้ งเรยี นเพ่ือเตรยี มตัวไปรบั ประทานอาหารกลางวัน 4.5 กจิ กรรมเกมกำรศึกษำ (20 นำที) 4.5.1 เดก็ และครสู นทนาร่วมกนั เกีย่ วกบั เกมจัดหมวดหมูก่ บั ภาพสัญลกั ษณ์ โดยครู อธบิ ายวิธีการเลน่ ใหเ้ ด็กฟงั 4.5.2 แบง่ เดก็ เปน็ กล่มุ ให้เลน่ เกมท่ีเคยเล่นมาแลว้ หรือเคร่ืองเล่นสมั ผสั ตา่ ง ๆ ตามความ สนใจของเด็ก โดยผลัดเปลี่ยนกันเล่น ฝกึ การรอคอยโอกาส การแบง่ ปนั กนั 4.5.3 เม่ือเล่นเสร็จแลว้ ครแู นะนาใหเ้ ดก็ ชว่ ยกันเก็บของเขา้ ท่ใี หเ้ รียบรอ้ ย 5. สอื่ กำรเรียน / แหล่งกำรเรียนรู้ 5.1 สนี า้ หลอดกาแฟ 5.2 เพลงเกบ็ ของ 5.3 คาคล้องจองของใช้ 5.4 เกมลิงชิงบอล 5.5 เกมจัดหมวดหมู่กบั ภาพสญั ลักษณ์ 6. กำรวดั ผลและประเมนิ ผล 6.1 วิธวี ัดผลและประเมินผล 6.1.1 สังเกตการปฏิบัติตามสญั ญาณ และข้อตกลง 6.1.2 สงั เกตการพูดแสดงความคดิ เห็น และการตอบคาถาม 6.1.3 ตรวจผลงานการเปา่ สี 6.2 เครื่องมือวัดผล 6.2.1 แบบประเมนิ ผลการจัดประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการเปา่ สี 6.3 เกณฑก์ ำรวำดผลและประเมินผล ระดับ 3 ดี ระดับ 2 พอใช้ ระดบั 1 ปรบั ปรงุ

85 แผนกำรจัดประสบกำรณ์ท่ี 25 ชน้ั อนบุ ำลปีที่ 2 สำระที่ควรเรยี นร้ทู ่ี 4 ส่ิงต่ำง ๆ รอบตัวเดก็ หน่วย ของเลน่ ของใช้ เร่ือง นกั ประดิษฐ์ตวั นอ้ ย สปั ดำหท์ ี่ 5 ลำดบั วนั ที่ 25 ครูผู้สอน คณุ ครโู ชตกิ า เสอื พิณ โรงเรียน วัดทา่ บุญมี สพป. ชบ. 2 1. สำระสำคญั การประดิษฐ์ของเคร่อื งใชข้ ึน้ ใหม่ หรือการซ่อมแซมสงิ่ ของที่สกึ หรอใหก้ ลับมาใช้งานได้อีก เปน็ การฝึกความคดิ สร้างสรรค์ และช่วยกนั ประหยดั คา่ ใช้จา่ ยใหค้ รอบครวั ดว้ ย 2. จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ 2.1 เพือ่ ใหเ้ ด็กมีความรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั การใชข้ ้าวของเครอ่ื งใช้และของเล่น สามารถนาไป ปฏบิ ตั ใิ นชีวติ ประจาวันได้ 2.2 เพอ่ื ใหเ้ ด็กสามารถปฏบิ ตั ิตามสัญญาณ และทาท่าทางประกอบเพลงได้ 2.3 เพือ่ ใหเ้ ดก็ สามารถสร้างผลงานได้อย่างสรา้ งสรรค์ และเสรี 2.4เพื่อให้เด็กสามารถแสดงความคิดเห็นและตอบคาถามเก่ียวกับเรอื่ งที่สนทนาได้ 2.5 เพื่อให้เด็กสามารถปรับตัวในการเลน่ และเล่นร่วมกบั ผู้อื่นได้อยา่ งสนกุ สนาน 2.6 เพื่อให้เดก็ สามารถนาภาพท่ีเหมือนกนั มาจัดเข้าคู่กันได้ 3. สำระกำรเรยี นรู้ 3.1 กำรประดษิ ฐ์ ซ่อมแซมของเลน่ 3.2 ประสบกำรณ์สำคัญ 3.2.1 การสรา้ งแบบจาลองต่าง ๆ ด้วยดินเหนยี ว ดินน้ามนั แทง่ ไม้ ฯลฯ 3.2.2 การแก้ปัญหาในการเลน่ 3.2.3 การสารวจและอธบิ ายความเหมือน ความตา่ งของส่ิงต่าง ๆ 4. กิจกรรมกำรเรยี นรู้ 4.1 กจิ กรรมเคลอ่ื นไหวและจังหวะ (20 นำท)ี 4.1.1 กจิ กรรมพนื้ ฐาน ครใู ห้เด็กเคล่ือนไหวร่างกายไปทว่ั ๆ บรเิ วณอย่างอิสระ เมื่อได้ ยินสญั ญาณหยุด ให้หยุดในท่าน้นั ทันที 4.1.2 เด็กและครูรว่ มกนั แบ่งกลมุ่ เป็น 3 กลมุ่ แต่ละกลุ่มคัดเลือกตวั แทนเพ่อื ออกมาเปน็ ผ้นู าในการทาใบ้ท่าทาง และใหเ้ พ่อื นทาย 4.1.3 เดก็ และครูรว่ มกนั จับฉลากเพ่ือเรียงลาดับในการปฏิบตั ิ 4.1.4 ครใู หเ้ ด็กเคลือ่ นไหวรา่ งกายอย่างอสิ ระ เมื่อได้ยนิ สัญญาณหยุดใหก้ ลุ่มท่ีไดล้ าดบั ท่ี 1 สง่ ตวั แทนมาทาท่าใบใ้ ห้เพื่อนทาย

86 4.1.5 หมุนเวียนเด็กคนอ่ืนๆ ออกมาทาท่าทางตามจนิ ตนาการและใหเ้ พื่อนทาย จนครบ ทกุ คนหรือจนสมควรแกเ่ วลา 4.2 กิจกรรมสร้ำงสรรคแ์ ละกจิ กรรมเสรี (60 นำที) 4.2.1 เดก็ และครชู ว่ ยกนั จัดโตะ๊ เพือ่ ฝึกปฏบิ ตั กิ จิ กรรมการประดิษฐ์เศษวัสดุ เสร็จแลว้ ครู อธิบายข้นั ตอนการปฏิบตั ใิ ห้เดก็ ดู แล้วใหล้ งมอื ปฏิบัตติ ามความคดิ และ จนิ ตนาการของตนเอง อย่างอิสระโดยครูคอยให้คาแนะนาอย่หู า่ ง ๆ 4.2.2 เด็กคนใดปฏิบัตเิ สร็จแลว้ ให้นาผลงานมาให้ครดู ู พร้อมกับบอกชอื่ ผลงาน ขัน้ ตอนวธิ ีการทาใหค้ รูฟังด้วย 4.2.3 ครูแนะนาใหเ้ ดก็ เก็บผลงานไว้ในกลอ่ งสะสมผลงานของตนเอง เสรจ็ แลว้ ใหเ้ ล่นตาม มมุ อยา่ งอสิ ระ รอเพ่ือน ๆ 4.2.4 เมอ่ื เด็กปฏบิ ตั ิกจิ กรรมครบทุกคนแลว้ ครแู นะนาใหเ้ ดก็ ๆ ช่วยกนั ทาความสะอาด บริเวณ และเกบ็ ส่ิงของเข้าที่ให้เรยี บรอ้ ย 4.3 กจิ กรรมเสริมประสบกำรณ์ (15 นำท)ี 4.3.1 เดก็ และครูสนทนารว่ มกนั เกย่ี วกับสงิ่ ของเครอื่ งใช้ หรอื ของเล่นชนดิ ต่าง ๆ วา่ เมื่อ ใชไ้ ปนาน ๆ ก็อาจจะชารุดเสียหายได้ แตถ่ า้ หากเรารู้จกั ประดิษฐข์ ึน้ เองหรือ ซอ่ มแซมเองได้ก็อาจจะใชส้ ง่ิ ของเหล่านั้นไดน้ าน 4.3.2 เดก็ และครสู นทนาร่วมกนั เก่ียวกบั ของเล่นชนดิ ต่าง ๆ ว่าเด็ก ๆ สามารถทาได้เอง หรอื ไม่ และถ้าทาไดเ้ องเด็ก ๆ ทาอะไรบา้ ง 4.3.3 ครูเล่านิทานเรือง “รถไม้ ของขวญั ” ใหเ้ ดก็ ๆ ฟัง และให้เดก็ ๆ วาด ภาพประกอบเร่ืองในนิทาน แลว้ ระบายสใี หส้ วยงาม 4.3.4 เดก็ และครูรว่ มกนั ประดิษฐ์ของเล่นอยา่ งงา่ ย ๆ สัก 1 ชนิด แล้วสนทนาสรุป รว่ มกนั เกย่ี วกับการประดิษฐข์ องเลน่ และการซ่อมแซมหากเกดิ การชารดุ พร้อมท้ัง กาหนดแนวทางสาหรับนาไปปฏบิ ตั ิในชวี ิตประจาวัน 4.4 กิจกรรมกลำงแจ้ง (45 นำที) 4.4.1 ให้เด็กวง่ิ ลงสนามอย่างอสิ ระ เมอื่ ถงึ สนามแลว้ ใหเ้ ดก็ อบอุ่นร่างกายด้วยการวิ่ง เหยาะ ๆ อยู่กบั ท่ี 2- 3 นาที 4.4.2 เดก็ และครูสนทนารว่ มกันเกยี่ วกบั การเลน่ กลางแจง้ อยา่ งอิสระ โดยครูแนะนาให้ เดก็ ได้เลน่ อยา่ งระมดั ระวังเพื่อไม่ใหเ้ กดิ อนั ตรายในการเลน่ 4.4.3 ครปู ล่อยให้เด็กได้เล่นอย่างอิสระ โดยครคู อยดูแลความปลอดภยั อยา่ งใกลช้ ิด 4.4.4 เมอื่ ไดเ้ วลาพอสมควรครูใหเ้ ด็กไปทาความสะอาดรา่ งกาย ลา้ งหนา้ ลา้ งมอื ทาธรุ ะ สว่ นตวั กลับเขา้ ห้องเรยี นเพ่ือเตรียมตัวไปรบั ประทานอาหารกลางวนั

87 4.5 กิจกรรมเกมกำรศกึ ษำ (20 นำท)ี 4.5.1 เดก็ และครสู นทนาร่วมกนั เก่ียวกบั เกมสังเกตรายละเอยี ดภาพสัตว์ โดยครอู ธิบาย วิธกี ารเล่นให้เดก็ ฟงั 4.5.2 แบง่ เด็กเป็นกลุ่ม ให้เล่นเกมที่เตรยี มไว้ เกมท่ีเคยเลน่ มาแล้ว หรอื เคร่ืองเล่นสมั ผัส 4.5.3 เมอ่ื เด็กเลน่ เกมเสรจ็ แลว้ ครูแนะนาใหช้ ว่ ยกนั เกบ็ สง่ิ ของต่าง ๆ เข้าท่ใี หเ้ รยี บร้อย 5. ส่ือกำรเรียน / แหล่งกำรเรยี นรู้ 5.1 เศษวสั ดตุ า่ ง ๆ 5.2 นิทานเรื่อง รถไม้ของขวัญ 5.3 เกมสงั เกตรายละเอียดภาพสัตว์ 6. กำรวดั ผลและประเมนิ ผล 6.1 วธิ วี ัดผลและประเมินผล 6.1.1 สงั เกตการปฏบิ ัติตามสัญญาณ และข้อตกลง 6.1.2 สังเกตความกลา้ ในการแสดงออก 6.1.3 การสนทนา และการตอบคาถาม 6.1.4 ตรวจผลงานการประดิษฐเ์ ศษวสั ดุ 6.2 เครอ่ื งมอื วดั ผล 6.2.1 แบบประเมินผลการจัดประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการประดิษฐเ์ ศษวสั ดุ 6.3 เกณฑก์ ำรวดั ผลและประเมนิ ผล ระดับ 3 ดี ระดบั 2 พอใช้ ระดบั 1 ปรับปรุง

88 ภาคผนวก ไขว่ ันละฟอง ไข่วนั ละฟอง เพลงแมไ่ ก่ออกไข่ หนึ่งวันไข่ได้หน่ึงฟอง (ศรีนวล รัตนสวุ รรณ) แม่ไก่ออกไขว่ ันละฟอง แมไ่ ก่ของฉันไขท่ ุกวนั (หมายเหตุ นับเพิ่มจนถงึ 10) เพลงเกบ็ ของ เก็บดดี อี ย่าวิง่ ซุกซน (กญั ญำ เกตกุ ล่ำ) มาชว่ ยกนั เกบ็ ทุกคน ช่วยกนั ช่วยกันคนดี เกบ็ ของไวใ้ ห้ถกู ที่ มาช่วยกนั เกบ็ ทุกคน เดก็ เด็กทุกคนช่วยกนั คนดี เพลงเล่นกลำงแจง้ (คณุ หญิงเบญจำ แสงมลิ) เล่นกลางแจ้งเราแข็งแรงและเป็นสขุ แสนสนกุ มีเพื่อนเล่นอยู่มากหลาย ชิงช้า ม้าหมนุ บาร์ บอ่ ทราย เรือโลพ้ าย ไม้กระดก หกเคยี งราว คำคลอ้ งจองของใช้ ชอ้ นสอ้ มใหม่ใหม่ (ฐะปะนยี ์ นำครทรรพ) ตง้ั ไวบ้ นโต๊ะตัวนี้ กินข้าวไดเ้ ลย ฉันมชี ามขา้ วใหญ่ ถ้วยแก้วก็มี แล้วนงั่ เก้าอี้ ปรศิ นำคำทำย ของใช้ (นรำธปิ จนั ทรเนตร) อะไรเอย่ มีปากกลม ๆ ลาตวั ใส ๆ ใส่นา้ กินได้ มีไวท้ กุ บ้าน (แก้วน้า) อะไรเอย่ จบั หางตักของ ลองจ่อใกลป้ าก อ้าอา้ แลว้ งับ ได้กินเพราะมนั (ช้อน) อะไรเอย่ มปี ากกวา้ งใหญ่ แตไ่ ร้ฟันฟาง กนิ ข้าวแต่ละครงั้ ไดม้ ากกว่าคน (หมอ้ หงุ ข้าว) อะไรเอ่ย อย่กู นั เปน็ คู่ ใช้กันเป็นคูด่ ูดเี หมาะสม มหี างยาวจับได้ ใช้ตกั ข้าวต้ม ใส่ปากชืน่ ชมกินได้ อร่อยดี (ช้อนส้อม) อะไรเอ่ย ก้นแบน ปากกว้าง ใส่ข้าวทีละคราว ไดห้ มื่นแสนเมด็ (จาน)

89 นทิ ำนเรื่องรถไมข้ องขวญั (อิทธพิ ล วำทะวัฒนะ) ยามเชา้ ช่างสดใส เดินไปกบั หลวงตา ตามบา้ นย่านร้านค้า ท่ีศรทั ธาหมนั่ ทาบญุ เดินตามไปทุกกา้ ว หวงั กับขา้ วพอคา้ จุน หลวงตาผ้กู ารุณย์ แบ่งเจอื จนุ พอประทงั กบั ข้าวเหลือกับบ้าน ขนมหวานอร่อยจงั ฝากนอ้ งสมใจหวัง รีบแต่งตวั ไปโรงเรยี น พบครูสวัสดี ใจล้นปรีห่ มนั่ พากเพยี ร ฝกึ อา่ นและฝึกเขียนกบั เพอื่ นพ้องคิดท่องจา บา่ ยบ่ายเลิกเรียนแลว้ ผา่ นบ้านแกว้ ลูกปา้ คา แกเป็นคนรวยลา้ ในละแวกหลงั วดั นี้ ปรน๊ิ ปรนิ๊ เสยี งลอดรว้ั ดังระรวั เมือ่ ตะก้ี เรยี กขวญั หยดุ ทนั ที เกาะริมรัว้ เฝา้ แอบมอง แก้วเหลอื บมองเห็นขวญั หยดุ รถพลันตวาดก้อง ชะชา้ มาเมยี งมอง อยากเล่นของฉนั หรอื ไร มาได้ทุกวนั วี บะ๊ เจ้านีช่ ักกวนใจ คนจนที่ยากไร้ เช่นตัวเจ้าหา้ มเขา้ มา เพอ่ื น เพอ่ื นคล้อยตามแก้ว ได้ฟงั แลว้ ชว่ ยกันวา่ ออกไปให้ไกลตา เจ้าน่ันน่าไปกนิ ดนิ ขวัญรีบเดินออกมา ด้วยนา้ ตาทไี่ หลริน ไม่โกรธท่ีเขาหมน่ิ แตโ่ กรธตนไมเ่ จยี มตวั คนื น้นั ขวัญฝนั ไป พบรถไม้ในภาพมัว แมฝ้ ันจะสลัว แตจ่ ดจาภาพไดด้ ี ตนื่ เช้าไมล่ า้ งหน้า ขวญั รบี ควา้ ดนิ สอสี รา่ งภาพพอเขา้ ที สาเรจ็ แน่รถไม้เรา นกึ ได้หนา้ นา้ ท่วม ขวัญรวบรวมเศษไมเ้ บา ที่ลอยตามนา้ เน่า ขวญั จะเอามาลองทา ล้อรถเราก็มี เก็บได้ทีบ่ ้านลงุ อ่า ยา้ ยไปตอนหวั ค่า เมือ่ วานซืนขมีขมัน เรง่ รุดให้เสรจ็ พลัน แรงสรา้ งสรรค์พลงั น้อย มินานเจา้ รถไม้ ก็วิ่งได้สมใจคอย ความฝันใชล่ อ่ งลอย ไมท่ ้อถอยย่อมได้มา ขี่รถผา่ นบา้ นแกว้ ไมม่ องแล้วรถไฟฟา้ เดก็ เด็กวง่ิ ออกมา ดูรถไม้ขวัญคันงาม ผูใ้ หญ่เฝ้ามองจ้อง ต่างยกย่องอยากทราบนาม

90 เด็กเด็กเข้าไต่ถาม รถไมง้ ามได้จากใคร เอาไหมฉันให้ล้อ เอามาต่อแทนล้อไม้ ขวญั ตอบไมเ่ ป็นไร แก้วนารถไฟฟ้า ขวญั จะใหน้ ่ังรถกัน นั่งรถฉนั สขิ วญั นั้นออกมาเพอ่ื แบ่งปนั เดก็ เด็กต่างสขุ สนั ต์ แลว้ ให้กันน่ังรถเธอ บัดนี้ต่างเสนอ สญั ญากนั เป็นเพือ่ นเกลอ สิ่งสร้างสรรค์ของตนเอง ***************************************************************

91 เรือ่ ง ใบงำน จุดประสงค์ ของเลน่ ของใช้ 1. เพ่ือใหเ้ ด็กรจู้ ักของเล่นกลางแจง้ ชนิดตา่ ง ๆ คำสง่ั 2. เพื่อฝกึ ทักษะในการวาดภาพ ระบายสี 3. เพื่อให้เด็กพัฒนาความคิดสร้างสรคค์ และจินตนาการ ให้เดก็ วาดภาพของเลน่ กลางแจ้งตามความคิด และจนิ ตนาการของเด็กเอง และระบายสใี ห้ สวยงาม ผปู้ ระเมิน ครู ผู้ประเมนิ ผปู้ กครอง เกณฑก์ ำรประเมิน เกณฑก์ ำรประเมนิ ดี ดี พอใช้ พอใช้ ปรับปรุง ปรบั ปรุง ผู้ประเมนิ ตนเอง ผ้ปู ระเมนิ เพ่อื น เกณฑ์กำรประเมนิ เกณฑ์กำรประเมิน ดี ดี พอใช้ พอใช้ ปรบั ปรงุ ปรับปรงุ

92 แผนกำรจัดประสบกำรณ์ท่ี 26 ชน้ั อนุบำลปีท่ี 2 สำระทค่ี วรเรียนรทู้ ี่ 3 ธรรมชำติรอบตวั หน่วย สตั วโ์ ลกนา่ รกั เรอ่ื ง ประเภทของสตั ว์ สปั ดำหท์ ่ี 6 ลำดับวันที่ 26 ครผู ้สู อน คุณครูโชตกิ า เสือพิณ โรงเรยี น วัดทา่ บญุ มี สพป. ชบ. 2 1. สำระสำคญั สตั วร์ อบตัวเรามมี ากมายหลายชนดิ แบ่งตามท่ีอยู่อาศัย ได้แก่สตั วท์ ี่เลยี้ งไวใ้ นบา้ นและสตั ว์ ที่อาศัยในธรรมชาติ สัตว์ท่อี ยู่บนโลกมีความสมั พนั ธ์กับสิ่งแวดล้อมและที่อยู่อาศัยเราจึงควรมีเมตตาต่อสัตว์ ไม่รังแกสัตว์หรอื ทาร้าย เพื่อใหอ้ ย่รู ่วมกันอย่างมีความสุข 2. จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ 2.1 เพ่อื ใหเ้ ดก็ มีความรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั ประเภทของสัตวท์ ม่ี ีอยบู่ นโลก สามารถอธิบายใหค้ น อืน่ เข้าใจได้ 2.2 เพื่อใหเ้ ดก็ สามารถปฏบิ ัติตามสญั ญาณ และข้อตกลงได้ 2.3 เพอ่ื ให้เดก็ สามารถสร้างผลงานไดอ้ ย่างสญั ญาณ และเสรี 2.4 เพอ่ื ให้เดก็ สามารถแสดงความคดิ เหน็ และตอบคาถามเกย่ี วกับเร่ืองทส่ี นทนาได้ 2.5 เพอื่ ใหเ้ ดก็ สามารถปรบั ตัวในการเลน่ และเลน่ ร่วมกับผู้อ่นื ได้อยา่ งสนุกสนานเพ่ือใหเ้ ด็กสามารถ เลน่ เกมท่ีกาหนดให้ได้ 3. สำระกำรเรยี นรู้ 3.1 ประเภทของสัตวโ์ ลก 3.2 ประสบกำรณ์สำคญั 3.2.1 การสร้างแบบจาลองต่าง ๆ ด้วยดนิ เหนียว ดนิ นา้ มัน แทง่ ไม้ ฯลฯ 3.2.2 การเชือ่ มโยงภาพ ภาพถ่ายและรูปแบบต่าง ๆ กบั ส่ิงของหรือสถานทจ่ี รงิ 3.2.3 การอธบิ ายเก่ียวกับสงิ่ ของ เหตกุ ารณ์ และความสัมพันธข์ องสิ่งต่าง ๆ 3.2.4 การสารวจและอธิบายความเหมอื น ความต่างของสง่ิ ตา่ ง ๆ 4. กจิ กรรมกำรเรียนรู้ 4.1 กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ (20 นำที) 4.1.1 กิจกรรมพ้นื ฐาน ให้เดก็ เคลือ่ นไหวรา่ งกายไปทั่ว ๆ บริเวณอย่างอสิ ระ เมอ่ื ได้ยนิ สญั ญาณหยุดให้หยดุ เคลอ่ื นไหวในท่านนั้ ทันที 4.1.2 เด็กและครสู นทนาและกาหนดขอ้ ตกลงร่วมกัน สาหรบั ปฏิบัติกจิ กรรมเช่น - ทาทา่ เลียนแบบสตั ว์ทีช่ อบ

93 - ส่งเสยี งเลยี นแบบสัตวท์ ต่ี นเองชอบ - ทาเสียงรอ้ งของมา้ ฯลฯ 4.1.3 ให้เด็กเคลื่อนไหวร่างกายอย่างอสิ ระ เม่ือได้ยนิ สัญญาณหยุด ใหห้ ยดุ การ เคลอ่ื นไหว ฟังและปฏิบตั ติ ามขอ้ ตกลงที่กาหนดรว่ มกนั ไว้ 4.1.4 เดก็ และครรู ่วมกันกาหนดข้อตกลงขนึ้ ใหม่ แลว้ ปฏิบตั ิกิจกรรมในข้อ 4.1.3 นซี้ า้ อีก 4.2 กจิ กรรมสรำ้ งสรรคแ์ ละกจิ กรรมเสรี (60 นำที) 4.2.1 เดก็ และครูชว่ ยกันจัดโตะ๊ เพ่ือปฏิบตั ิกิจกรรมการปัน้ ดินน้ามันรูปรา่ งสตั ว์ เสรจ็ แล้ว ครอู ธิบายทบทวน ขั้นตอนการปฏบิ ัติให้เดก็ ฟัง แลว้ ใหล้ งมือสรา้ งผลงานตาม ความคิดและจติ นาการของตนเอง อยา่ งอสิ ระ โดยครูคอยดแู ลอย่หู ่าง ๆ 4.2.2 เดก็ คนใดท่ีปฏิบตั กิ ิจกรรมเสร็จแล้วใหน้ าผลงานให้ครูดูแลพร้อมกับเล่าให้ครูฟังถึง ช่อื ผลงาน วธิ ีการทา ครูให้คาชมเชย และใหก้ าลงั ใจ และแนะนาใหเ้ ด็กปฏบิ ตั ิ กจิ กรรมให้ครบทัง้ สองกจิ กรรม และให้เกบ็ ผลงานของตนเองไว้ในกล่องสะสม ผลงานของตนเอง 4.2.3 เดก็ ทปี่ ฏิบตั ิกจิ กรรมเสรจ็ แล้ว หรอื รอโต๊ะว่าง ให้เลน่ ตามมุมอย่างอสิ ระรอเพอ่ื น ๆ 4.2.4 เม่ือเด็กปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเสรจ็ ครบทุกคนแล้ว ให้ช่วยกนั ทาความสะอาดอปุ กรณ์ และ จดั เกบ็ สงิ่ ของต่าง ๆ เขา้ ท่ใี ห้เรียบรอ้ ย 4.3 กจิ กรรมเสริมประสบกำรณ์ (15 นำท)ี 4.3.1 เดก็ และครูสนทนารว่ มกันเกีย่ วกับสตั ว์โลกประเภทต่าง ๆ โดยครใู ห้เดก็ ชว่ ยกนั บอก ช่อื สัตว์ทตี่ นเองชอบ เสรจ็ แล้วครอู ธิบายและจาแนกสตั ว์ทเี่ ด็ก ๆ บอกให้เปน็ ประเภทตา่ ง ๆ เชน่ สตั วป์ ่า สตั วเ์ ลี้ยง สัตวบ์ ก สัตวน์ ้า เป็นต้น 4.3.2 ครนู าภาพสตั ว์ประเภทต่าง ๆ มาใหเ้ ด็กดูและสนทนาร่วมกันเกยี่ วกับภาพว่าเด็ก ๆ เคยเหน็ ตัวจริงของสัตวใ์ นภาพใดบา้ ง และมีความรูส้ ึกอย่างไรเมือได้พบตวั จริง เสรจ็ แลว้ ครใู ห้เดก็ วาดภาพสตั วต์ ามภาพที่เด็กเห็น 4.3.3 เดก็ และครูรว่ มกันร้องเพลง “สตั วบ์ ก สตั วน์ ้า” โดยครรู ้องให้เด็กฟังก่อน แลว้ จงึ ให้รอ้ งตาม เสรจ็ แล้วสนทนารว่ มกันเกยี่ วกบั เน้ือหาของบทเพลง 4.3.4 เดก็ และครูสนทนาสรปุ รว่ มกันเก่ียวกบั ประเภทของสัตวโ์ ลกต่าง ๆ โดยครใู ห้เด็ก ลองจาแนกประเภทตามภาพประกอบที่ครนู ามาใหด้ เู ปน็ ตัวอยา่ ง 4.4 กิจกรรมกลำงแจง้ (45 นำที) 4.4.1 ครแู บ่งเด็กเปน็ 2 กลุม่ คือกลุ่มเด็กเชาย และกลมุ่ เด็กหญิง ใหเ้ ดินจบั ไหล่กนั ลง สนามอย่างเป็นระเบียบ 4.4.2 เด็กและครรู ่วมกันเล่นการละเล่น “กาฟักไข”่ แลว้ ครอู ธบิ ายวิธกี ารเลน่ ให้เด็กและเลน่ ในสนาม

94 4.4.3 ครูใหเ้ ด็กไดเ้ ล่นในสนาม จนได้เวลาพอสมควร ครูใหเ้ ด็กไปทาความสะอาดรา่ งกาย ทาธรุ ะสว่ นตัว กลับเขา้ ห้องเรียน เพ่อื เตรยี มตัวไปรับประทานอาหารกลางวนั 4.5 กจิ กรรมเกมกำรศึกษำ (20 นำท)ี 4.5.1 เดก็ และครสู นทนาร่วมกันเกีย่ วกบั เกมสตั ว์ทห่ี นูอยากเลยี้ ง โดยครูแนะนาวธิ กี ารให้ เด็กฟงั 4.5.2 แบง่ เด็กเป็นกลุ่ม ให้เล่นเกมชุดใหมท่ ค่ี รูแนะนา เกมที่เคยเลน่ มาแลว้ หรือเครอ่ื ง เล่นสัมผสั 4.5.3 เมื่อเด็กเลิกเลน่ เกมแล้วครแู นะนาให้ช่วยกันเกบ็ ส่งิ ของตา่ ง ๆ เขา้ ท่ใี หเ้ รียบร้อย 5. ส่อื กำรเรยี น / แหล่งกำรเรยี นรู้ 5.1 ดินน้ามนั แผ่นรองปั้น 5.2 เพลงสัตวบ์ ก สตั ว์น้า 5.3 เพลงว่ิงเหยาะ ๆ 5.4 เกมสัตวท์ หี่ นูอยากเลี้ยง 6. กำรวัดผลและประเมนิ ผล 6.1 วธิ ีวัดผลและประเมินผล 6.1.1 สงั เกตการปฏิบตั ิตามสัญญาณ และข้อตกลง 6.1.2 สงั เกตความกลา้ ในการแสดงความคิดเหน็ และการตอบคาถาม 6.1.3 ตรวจผลงานการปัน้ 6.2 เคร่ืองมือวัดผล 6.2.1 แบบประเมนิ ผลการจดั ประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการป้นั 6.3 เกณฑก์ ำรวดั ผลและประเมนิ ผล ระดบั 3 ดี ระดบั 2 พอใช้ ระดับ 1 ปรับปรงุ

95 แผนกำรจัดประสบกำรณท์ ี่ 27 ชนั้ อนบุ ำลปีท่ี 2 สำระท่คี วรเรียนรทู้ ่ี 3 ธรรมชำติรอบตัว หนว่ ย สัตว์โลกน่ารัก เรอ่ื ง ชวี ิตของสตั ว์ ลำดบั วันท่ี 27 สปั ดำหท์ ่ี 6 ครูผู้สอน คณุ ครโู ชตกิ า เสอื พิณ โรงเรยี น วัดทา่ บุญมี สพป. ชบ. 2 1. สาระสาคญั ชวี ิตของสัตวแ์ ต่ละประเภทมีความเป็นอยู่ท่ีแตกต่างกนั เช่น การหากิน และแหลง่ ทอ่ี ยู่ อาศัยกแ็ ตกต่างกนั เราควรศึกษาและทาความเขา้ ใจชวี ิตของสัตวต์ า่ ง ๆ เพราะสตั วเ์ หล่านนั้ มคี วามสมั พนั ธก์ ับ มนุษยแ์ ละสิง่ แวดล้อมอ่นื ๆ 2. จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ 2.1 เพอ่ื ให้เด็กมีความรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกบั ประเภทของสัตว์ทมี่ อี ยู่บนโลก สามารถอธิบายให้คน อื่นเขา้ ใจได้ 2.2 เพ่ือให้เดก็ สามารถปฏบิ ตั ิตามสัญญาณ และข้อตกลงได้ 2.3 เพ่ือให้เดก็ สามารถสรา้ งผลงานไดอ้ ย่างสญั ญาณ และเสรี 2.4 เพื่อใหเ้ ดก็ สามารถแสดงความคดิ เหน็ และตอบคาถามเก่ียวกบั เรอ่ื งทส่ี นทนาได้ 2.5 เพื่อให้เด็กสามารถปรบั ตัวในการเลน่ และเลน่ รว่ มกับผู้อน่ื ได้อย่างสนกุ สนานเพ่ือใหเ้ ด็กสามารถ เลน่ เกมท่ีกาหนดให้ได้ 3. สำระกำรเรียนรู้ 3.1 ชวี ติ ความเป็นอยู่ของสัตว์แต่ละประเภท 3.2 ประสบการณส์ าคญั 3.2.1 การเขียนภาพและระบายสอี สิ ระ 3.2.2 การเชือ่ มโยงภาพ ภาพถา่ ยและรปู แบบต่าง ๆ กบั สิง่ ของหรอื สถานที่จรงิ 3.2.3 การสารวจและอธบิ ายความเหมือน ความตา่ งของส่งิ ตา่ ง ๆ 4. กิจกรรมกำรเรียนรู้ 4.1 กจิ กรรมเคล่ือนไหวและจัวหวะ (20 นาที) 4.1.1 กจิ กรรมพืน้ ฐ,าน ใหเ้ ดก็ เคลื่อนไหวรา่ งกายไปทั่ว ๆ บรเิ วณอย่างอิสระ เม่อื ได้ยนิ สญั ญาณหยุด ให้หยดุ เคล่ือนไหวในทา่ นัน้ ทันที 4.1.2 เดก็ และครูร่วมกนั ร้องเพลง “สัตวบ์ ก สตั ว์น้า” เสรจ็ แลว้ แบ่งกลมุ่ เด็กเป็น 3 กล่มุ คอื กลุ่มที่ 1 ทาทา่ ทางเล่นตนดรี กลมุ่ ที่ 2 ทาทา่ ทางประกอบเพลง

96 กลมุ่ ที่ 3 ร้องเพลงสตั วบ์ ก สัตว์น้า 4.1.3 ให้เด็กเคล่ือนไหวร่างกายอย่างอสิ ระเมอ่ื ได้ยนิ สญั ญาณหยุดให้ปฏิบตั ิกจิ กรรมในข้อ 2 พ้อมกัน 4.1.4 ใหเ้ ด็กเปลี่ยนกลมุ่ และปฏบิ ตั ิกิจกรรมในข้อ 4.1.3 ซ้าอีก 4.2 กิจกรรมสรา้ งสรรค์และกิจกรรมเสรี (60 นาที) 4.2.1 เดก็ และครู ชว่ ยกนั จดั โตะ๊ เพื่อปฏิบัติกิจกรรมการวาดภาพสัตว์ด้วยสเี ทยี น เสรจ็ แลว้ ครูอธิบายขน้ั ตอนการปฏิบัติใหเ้ ด็กฟงั และแจกใบงานให้เดก็ คนละ 1 แผน่ สนทนา รว่ มกันเก่ยี วกับรายละเอียดในใบงาน เสรจ็ แลว้ ให้เด็กลงมือปฏิบตั ิกิจกรรม ตามคาสั่งในใบงาน และสร้างผลงานตามความคดิ และจินตนาการของตนเอง อย่าง อสิ ระ โดยครูคอยดูแลอยู่ห่าง ๆ 4.2.2 เดก็ คนใดที่ปฏิบตั กิ ิจกรรมเสร็จแล้วให้นาผลงานมาใหค้ รูดู พร้อมกบั บอกชอ่ื ผลงาน ขั้นตอนวิธกี ารทาใหฟ้ ัง และแนะนาให้เด็กเก็บผลงานไวใ้ นกล่องสะสมผลงานของ ตนเอง 4.2.3 เด็กคนใดทีป่ ฏิบตั กิ ิจกรรมเสร็จแล้วให้เล่นตามมมุ อิสระรอเพื่อน ๆ 4.2.4 เม่อื เด็กปฏิบัติกิจกรรมเสร็จครบทุกคนแลว้ ให้ช่วยกนั ทาความสะอาดอปุ กรณ์ และจดั เก็บส่งิ ของตา่ ง ๆ เขา้ ทใี่ ห้เรยี บรอ้ ย 4.3 กจิ กรรมเสริมประสบการณ์ (15 นาท)ี 4.3.1 เดก็ และครสู นทนารว่ มกันเก่ียวกับลกั ษณะชีวิตของสัตว์แตล่ ะประเภท โดยร่วมกัน เล่นเกมปริศนาคาทายชนิดของสตั ว์ 4.3.2 เด็กและครูสนทนาร่วมกันเกี่ยวกับความแตกต่างของสัตวแ์ ต่ละประเภท โดยครู อธบิ ายให้เด็กฟังวา่ สตั วแ์ ตล่ ะชนิดมีความแตกตา่ งกนั อวัยวะบางอยา่ งแมจ้ ะ เรยี นกเหมอื นกนั แต่ทาหนา้ ที่ต่างกนั เช่น หางของไก่กบั หางของปลา เปน็ ต้น 4.3.3 ครูนาบตั รภาพสัตว์ชนิดต่าง ๆ มาให้เดก็ ดูและให้เดก็ ลองเลือกภาพสตั ว์ตามคาส่งั ของครู เชน่ สัตว์ทมี ีเกลด็ สัตว์ทข่ี นยาว สตั ว์ท่มี สี เี่ ทา้ เปน็ ต้น เสรจ็ แลว้ ให้เด็ก วาดภาพสัตวท์ ีต่ นเองชอบระบายสใี ห้สวยงาม 4.3.4 เด็กและสรปุ สนทนารว่ มกันอีกครัง้ เกี่ยวกับลักษณะของสตั วป์ ระเภทตา่ ง ๆ 4.4 กจิ กรรมกลางแจง้ (45 นาที) 4.4.1 ให้เดก็ จดั แถวตอนเรยี งหน่ึงเดินตามกนั ลงสนามอย่างเป็นระเบียบ เม่อื ถึงสนามแลว้ ใหเ้ ดก็ อบอนุ่ ร่างกายดว้ ยการว่งิ เหยาะ ๆ อยู่กับท่ี 2 – 3 นาที 4.4.2 เด็กและครูสนทนาร่วมกันเก่ียวกับการละการเล่น “งูกนิ หาง” โดยครูสาธติ การเลน่ ใหเ้ ด็กดจู นเด็กสามารถเล่นได้ 4.4.3 ครูใหเ้ ด็กแบง่ กลมุ่ แลว้ ให้การละเล่น “ งกู ินหาง” ตามการสาธติ ของครู

97 4.4.4 ครใู ห้เด็กได้เล่นในสนามอยา่ งอิสระ จนได้เวลาพอสมควร จงึ ให้เด็กไปทาความ สะอาดร่างกาย ล้างหนา้ ล้างมอื ทาธุระส่วนตวั กลบั เขา้ ห้องเรยี น เพ่ือเตรียมตวั ไปรับประทานอาหารกลางวัน 4.5 กจิ กรรมเกมการศึกษา (20 นาท)ี 4.5.1 เด็กและครสู นทนารว่ มกันเก่ยี วกับเกมจับค่ภู าพที่มคี วามสัมพนั ธก์ ัน โดยครแู นะนา วธิ กี ารเลน่ ให้เดก็ ฟงั 4.5.2 แบ่งเด็กเปน็ กลุ่ม ใหเ้ ล่นเกมท่ีแนะนา สลับกบั เมท่เี คยเลน่ มาแล้ว หรือเครอื่ งเลน่ สมั ผัส 4.5.3 เม่อื เด็กเลิกเลน่ เกมแล้ว ครูแนะนาให้ช่วยกันเกบ็ ส่ิงของต่าง ๆ เขา้ ที่ให้เรยี บร้อย 5. สือ่ กำรเรียน / แหล่งกำรเรยี นรู้ 5.1 สีเทียน 5.2 เพลงสัตว์บก สตั ว์นา้ 5.3 การละเล่นงูกนิ หาง 5.4 เกมจับคภู่ าพท่มี ีความสมั พนั ธก์ นั 6. กำรวัดผลและประเมินผล 6.1 วิธกี ำรวดั ผลและประเมินผล 6.1.1 สังเกตการปฏิบัติตามสัญญาณ และคาส่งั 6.1.2 สังเกตการสนทนา และการตอบคาถาม 6.1.3 ตรวจผลงานวาดภาพ 6.2 เคร่อื งมอื วัดผล 6.2.1 แบบประเมินผลการจดั ประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการวาดภาพ 6.4 เกณฑ์กำรวัดผลและประเมินผล ระดบั 3 ดี ระดับ 2 พอใช้ ระดับ 1 ปรับปรุง

98 แผนกำรจดั ประสบกำรณท์ ี่ 28 ช้ันอนบุ ำลปีที่ 2 สำระท่ีควรเรียนร้ทู ี่ 3 ธรรมชำติรอบตวั หน่วย สัตวโ์ ลกน่ารัก เรอื่ ง ท่ีอย่อู าศัยของสัตว์ สปั ดำห์ท่ี 6 ลำดับวนั ท่ี 28 ครูผสู้ อน คณุ ครูโชตกิ า เสอื พิณ โรงเรยี น วัดทา่ บญุ มี สพป. ชบ. 2 1. สาระสาคญั สัตวแ์ ตล่ ะชนิดต่างก็มีท่ีอยู่อาศยั ทีแ่ ตกตา่ งกนั ออกไป บา้ งก็อาศัยอยใู่ นนา้ บา้ งก็อาศยั อยู่ บนบก มนษุ ยก์ ็อาศัยอยบู่ นบกเหมอื นกนั สัตวบ์ างชนิด ดังนน้ั บางคร้งั เราต้องพ่ึงพาอาศัยกันด้วย 2. จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ 2.1 เพ่ือใหเ้ ดก็ มีความรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกับประเภทของสตั ว์ที่มีอยู่บนโลก สามารถอธิบายให้คน อนื่ เข้าใจได้ 2.2 เพื่อใหเ้ ด็กสามารถปฏบิ ัติตามสญั ญาณ และข้อตกลงได้ 2.3 เพอ่ื ใหเ้ ดก็ สามารถสร้างผลงานไดอ้ ย่างสญั ญาณ และเสรี 2.4 เพ่อื ให้เดก็ สามารถแสดงความคิดเหน็ และตอบคาถามเก่ียวกับเรื่องที่สนทนาได้ 2.5 เพอ่ื ใหเ้ ดก็ สามารถปรบั ตัวในการเลน่ และเลน่ ร่วมกบั ผู้อนื่ ได้อย่างสนุกสนานเพ่ือให้เด็กสามารถ เล่นเกมท่ีกาหนดให้ได้ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทอี่ ยู่อาศัยของสัตว์ตา่ ง ๆ 3.2 ประสบการณส์ าคัญ 3.2.1 การสารวจและอธิบายความเหมอื น ความตา่ ง ของสิ่งตา่ ง ๆ 3.2.2 การจบั คู่ การจาแนก และการจดั กลุ่ม 3.2.3 การเช่อื มโยงภาพ ภาพถ่ายและรูปแบบตา่ ง ๆ กบั สิ่งของหรือสถานทจ่ี ริง 4. กิจกรรมการเรยี นรู้ 4.1 กจิ กรรมเคล่อื นไหวและจวั หวะ (20 นาท)ี 4.1.1 กิจกรรมพ้นื ฐาน ใหเ้ ดก็ เคลอ่ื นไหวรา่ งกายไปท่วั ๆ บรเิ วณอย่างอสิ ระ เม่ือไดย้ ิน สญั ญาณหยุดใหห้ ยุดเคล่ือนไหวในทา่ นัน้ ทนั ที 4.1.2 เด็กและครรู ว่ มกนั แบ่งกลมุ่ เป็น 4 กล่มุ เสร็จแล้วครูแจกกระดาษยาว 1 ฟตุ ให้ เด็กคนละ 1 ช้ิน 4.1.3 ครูให้เดก็ เคลื่อนไหวร่างกายไปท่ัวบริเวณอยา่ งอสิ ระ โดยถือกระดาษเคลอ่ื นไหว ตามไปดว้ ย

99 4.1.4 เมื่อไดย้ ินสัญญาณหยุดใหเ้ ดก็ นากระดาษมาต่อกนั ใหเ้ ปน็ ท่ีอยู่ของสัตว์ และบอกครู วา่ ภาพที่ต่อน้นั เป็นท่อี ยู่ของสัตวใ์ ด 4.1.5 ใหเ้ ดก็ ท่ปี ฏิบัติกจิ กรรมในข้อ 4.1.3 และข้อ 4.1.4 ซ้าอกี โดยเปล่ียนที่อยู่ของสตั ว์ ไปเรื่อย ๆ 4.2 กิจกรรมสร้างสรรค์และกิจกรรมเสรี (60 นาที) 4.2.1 เดก็ และครู ชว่ ยกนั จดั โตะ๊ เพ่ือใชป้ ฏิบตั กิ จิ กรรมการพิมพภ์ าพ เสรจ็ แล้วครอู ธบิ าย ขัน้ ตอนการทาใหเ้ ดก็ ดู และใหล้ งมอื ปฏบิ ตั ติ ามความคิด และจินตนาการของ ตนเอง อย่างอสิ ระโดยครคู อยดแู ล ให้คาแนะนาอยหู่ า่ ง ๆ 4.2.2 เดก็ คนใดปฏิบัติเสร็จแล้วใหน้ าผลงานมาให้ครดู ู พร้อมกับบอกชื่อ ผลงาน ขน้ั ตอน วิธีการทาให้ครูฟัง ครแู นะนาใหเ้ ก็บผลงานของตนเอง 4.2.3 เด็กคนใดปฏบิ ัตกิ จิ กรรมเสรจ็ แลว้ หรอื กาลงั รอโต๊ะวา่ ง ให้เลน่ ตามมุมอิสระรอเพ่ือน 4.2.4 เมอื่ เด็กปฏบิ ตั ิกจิ กรรมครบทุกคนแลว้ ครูแนะให้ช่วยกันทาความสะอาดบริเวณ และเก็บสิ่งของเขา้ ท่ีให้เรยี บร้อย 4.3 กิจกรรมเสริมประสบการณ์ (15 นาที) 4.3.1 เด็กและครูรว่ มกนั ร้องเพลง “บา้ นของสตั ว์” โดยครูร้องให้เด็กฟงั กอ่ น แลว้ จงึ ใหฝ้ ึก รอ้ งตาม จนสามารถรอ้ งได้ เสรจ็ แล้วสนทนารว่ มกันเกย่ี วกบั เน้อื หาของเพลง โดย ครตู ัง้ คาถามใหเ้ ด็กตอบ เชน่ บ้านของสตั ว์ในเพลงมีกีช่ นดิ ในเพลงมกี ชี่ นิด เป็นต้น 4.3.2 ครูนาบตั รภาพน้ันชนิดต่าง ๆ มาให้เดก็ ดูและให้เด็กช่วยกนั ตอบว่าบา้ นของสัตว์ใน ภาพน้ันเป็นอยา่ งไรล้าง เช่น บา้ นของสนุ ัข บ้านของไก่ เป็นต้น 4.3.3 เด็กและครูสนทนารว่ มกันเกยี่ วกับบ้านของสตั ว์โดยครูอธิบายเพิม่ เติมใหเ้ ดก็ ฟงั เสรจ็ แล้วสรปุ รว่ มกันว่า สตั ว์แต่ละชนดิ กม็ ที ีอยู่อาศยั ท่แี ตกต่างกัน เชน่ สัตว์ปา่ กอ็ ยใู่ น ป่า สตั วน์ ้ากอ็ าศัยอยู่ในนา้ และสัตวเ์ ล้ยี งกอ็ าศัยอยู่ใกล้กับคน โดยอาจจะสร้าง เป็นท่ีอยใู่ ห้ เชน่ เลา้ คอก เปน็ ตน้ 4.4 กิจกรรมกลางแจง้ (45 นาที) 4.4.1 ใหเ้ ด็กจดั แถวตอนเรยี งสองจงู มือกันวงิ่ ลงสนามเป็นคู่ ๆ (เด็กทไ่ี ม่มีคู่ใหจ้ ูงมือกบั คร)ู เมอ่ื ถึงสนามแลว้ ให้เด็กอบอุ่นร่างกายด้วยการวิ่งเหยาะ ๆ อยูก่ ับที 2 – 3 นาที 4.4.2 เด็กและครูสนทนาร่วมกันเก่ียวกับการเลน่ ลิงชิงบอล เพื่อทบทวนการเลน่ ต่าง ๆ ที่ เคยเลน่ มาแลว้ และสนทนาสรปุ รว่ มกันเก่ียวกบั ประโยชนข์ องการเลน่ ตลอดจน มารยาทในการเลน่ การแบ่งปันและการรอโอกาส 4.4.3 ใหเ้ ด็ก ๆ ไดเ้ ล่นในสนามอยา่ งอสิ ระ ครูคอยสังเกตพฤติกรรมการเลน่ ของเด็กอยู่ ห่าง ๆ เพ่ือใหเ้ ด็กได้แสดงออกในการเลน่ อยา่ งเป็นเสรี และเกบ็ ขอ้ มูลการเล่นของ เดก็ แตล่ ะคนเพื่อปรับปรุงแก้ไขต่อไป

100 4.4.4 ครใู ห้เด็กไดเ้ ล่นในสนามอยา่ งอิสระ จนไดเ้ วลาพอสมควร ครูให้เดก็ ไปทาความ สะอาดรา่ งกาย ล้างหนา้ ลา้ งมือ ทาธุระส่วนตัว กลบั เขา้ ห้องเรียน เพ่ือเตรยี มตวั ไป รบั ประทานอาหารกลางวนั 4.5 กิจกรรมเกมการศึกษา (20 นาท)ี 4.5.1 เด็กและครูสนทนารว่ มกันเก่ยี วกับเกมจับคภู่ าพสัตว์ตามลาดบั ท่กี าหนดให้ โดยครู แนะนาวธิ กี ารเลน่ ให้เด็กฟัง 4.5.2 ครูแบง่ เด็กเป็นกลุ่มตามความเหมาะสม เพ่อื ให้เล่นเกมชุดใหม่ และเกมท่เี คยเลน่ มาแล้ว หรือเครื่องเล่นสมั ผัสต่าง ๆ โดยผลดั เปล่ียนกันเล่นเกม ฝึการแบง่ ปัน และ การรอคอยโอกาส 4.5.3 เม่ือเด็กเลกิ เล่นเกมเสรจ็ แลว้ ให้ช่วยกนั เก็บสิง่ ของตา่ ง ๆ เข้าทใี่ หเ้ รยี บร้อย 5. สือ่ การเรยี น / แหล่งการเรียนรู้ 5.1 สีนา้ วสั ดุสาหรับเปน็ แม่พิมพ์ 5.2 เพลงบ้านของสัตว์ 5.3 เกมจับคู่ภาพสัตว์ตามลาดบั 5.4 การเล่นลงิ ชงิ บอล 6. การวัดผลและประเมินผล 6.1 วิธวี ดั ผลและประเมนิ ผล 6.1.1 สงั เกตความการปฏบิ ัตติ ามสัญญาณ และคาส่ัง 6.1.2 สงั เกตการแสดงความคิดเห็น และการตอบคาถาม 6.1.3 ตรวจผลงานการพมิ พ์ภาพ 6.2 เครอ่ื งมือวดั ผล 6.2.1 แบบประเมินผลการจัดประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการพิมพภ์ าพ 6.3 เครือ่ งมอื วัดผล 6.3.1 แบบประเมนิ ผลการจดั ประสบการณ์ 6.3.2 ผลงานการวาดภาพ 6.5 เกณฑก์ ำรวดั ผลและประเมนิ ผล ระดับ 3 ดี ระดับ 2 พอใช้ ระดับ 1 ปรับปรงุ

101 แผนกำรจดั ประสบกำรณท์ ่ี 29 ชนั้ อนุบำลปีที่ 2 สำระทค่ี วรเรียนรู้ท่ี 3 ธรรมชำตริ อบตัว หน่วย สัตว์โลกน่ารกั เรอ่ื ง สัตว์ปา่ ท่ีรู้จกั ลำดับวันท่ี 29 สปั ดำหท์ ่ี 6 ครูผูส้ อน คุณครูโชตกิ า เสือพิณ โรงเรียน วดั ท่าบญุ มี สพป. ชบ. 2 1. สาระสาคัญ สตั วป์ ่าเปน็ สตั ว์ท่อี ยอู่ าศัยตามธรรมชาติ ถ้าธรรมชาติสมบูรณ์จะมสี ัตวป์ ่านาๆชนิด ควรปลอ่ ยให้อยู่ ตามวธิ ชี วี ิตของสัตว์ เราจึงไม่ควรนามาเลยี้ งไว้ที่บา้ นเพราะสัตวผ์ ดิ ธรรมชาติของมันอาจทาให้สัตว์เสียชีวิตได้ 2. จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ 2.1 เพอ่ื ให้เด็กมีความรู้ ความเข้าใจเกีย่ วกับประเภทของสัตวท์ ีม่ ีอยู่บนโลก สามารถอธิบายใหค้ น อ่นื เข้าใจได้ 2.2 เพ่อื ใหเ้ ดก็ สามารถปฏบิ ตั ิตามสัญญาณ และข้อตกลงได้ 2.3 เพอ่ื ให้เดก็ สามารถสร้างผลงานไดอ้ ย่างสัญญาณ และเสรี 2.4 เพื่อให้เดก็ สามารถแสดงความคิดเหน็ และตอบคาถามเกย่ี วกับเรื่องทสี่ นทนาได้ 2.5 เพื่อให้เดก็ สามารถปรับตัวในการเลน่ และเล่นร่วมกบั ผู้อ่ืนได้อย่างสนกุ สนานเพื่อให้เด็กสามารถ เล่นเกมที่กาหนดให้ได้ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 สัตว์ปา่ กบั ธรรมชาติ 3.2 ประสบการณส์ าคญั 3.2.1 การสารวจและอธิบายความเหมอื น ความต่าง ๆ ของสง่ิ ตา่ ง ๆ 3.2.2 การจับคู่และการจาแนก และการจัดกลุ่ม 3.2.3 การใชห้ รืออธิบายสิ่งตา่ ง ๆ ด้วยวิธีการหลากหลาย 4. กิจกรรมการเรยี นรู้ 4.1 กจิ กรรมเคลือ่ นไหวและจังหวะ (20 นาที) 4.1.1 กิจกรรมพื้นฐาน ใหเ้ ด็กเคลอื่ นไหวร่างกายไปทัว่ ๆ บริเวณอยา่ งอิสระ เมื่อไดย้ ิน สัญญาณหยุด ให้หยดุ ในทา่ นั้นทนั ที 4.1.2 เด็กและครูตกลงรว่ มกัน ร้องเพลงเลยี นเสยี งนกและทาท่าประกอบ กาเว้า กาเว้า กาเว้า เสยี งนกกาเวา่ รอ้ งแต่เช้าตรู จกุ๊ กรู ๆ ๆ นกเขาขันกรเู สยี งเพราะจบั ใจ

102 โฮก โปก ๆ ๆ นกโพระดกร้องอยูไ่ ม่ไกล นกกาบินมาแต่ไกล ส่งเสียงใส กา กา 4.1.3 ใหเ้ ดก็ เคลื่อนไหวร่างกายอย่างอสิ ระ เมื่อได้ยินสัญญาณหยุดใหห้ ยุด และปฏิบัติ ตามคาบรรยายของครู 4.1.4 เด็กและครรู ่วมกันกาหนดคาบรรยายขนึ้ ใหมแ่ ละปฏิบัตกิ จิ กรรในข้อ 4.1.3 ซ้าอีก 4.2 กจิ กรรมสร้างสรรค์และกิจกรรมเสรี (60 นาที) 4.2.1 เดก็ และครูช่วยกันจดั โตะ๊ เพ่ือปฏบิ ตั กิ จิ กรรมการเป่าสี เสร็จแลว้ ครูอธิบายข้ันตอน การปฏิบตั ิใหเ้ ด็กดู แลว้ ให้ลงมือปฏิบตั กิ ิจกรรมตามความคิด และจินตนาการของ ตนเอง อย่างอสิ ระโดยครูคอยดแู ลอยูห่ า่ ง ๆ 4.2.2 เด็กคนใดปฏบิ ัติเสร็จแล้วให้นาผลงานมาใหค้ รูดู พร้อมกบั บอกชอื่ ผลงาน ข้นั ตอน วธิ ีการทาใหค้ รูฟังดว้ ย แล้วให้เลน่ ตามมุมอยา่ งอิสระ รอเพ่ือน ๆ 4.2.3 ครนู าผลงานของเดก็ ไปจัดแสดงไว้ในมุมผลงานของฉัน และแนะนาให้เดก็ เก็บ ผลงานเหลา่ นไ้ี วใ้ นกล่องสะสมผลงานตนเองเมื่อจัดแสดงเสร็จแลว้ 4.2.4 เมือ่ เด็กปฏบิ ัตกิ ิจกรรมครบทุกคนแล้ว ครแู นะนาใหเ้ ดก็ ๆ ช่วยกนั ทาความสะอาด บรเิ วณ และเกบ็ สงิ่ ของเข้าท่ีใหเ้ รยี บรอ้ ย 4.3 กจิ กรรมเสรมิ ประสบการณ์ (15 นาท)ี 4.3.1 เด็กและครูสนทนาร่วมกนั เกีย่ วกบั ทีอ่ ยู่อาศยั ของของสตั ว์ตาม ฤดูกาลต่าง ๆ เช่น ฤดฝู น โดยครูตั้งคาถามให้เด็กตอบว่า ในฤดูฝนน้ีเด็กเหน็ สัตวป์ ระเภทใดมากท่ีสดุ และเด็ก ๆ ทราบหรือไมว่ ่าเพราะเหตุใด สตั ว์เหล่านี้จงึ มมี ากในฤดฝู น 4.3.2 เด็กและครูรว่ มกันร้องเพลง “สัตว์เลี้ยง สตั วป์ า่ ” โดยครูร้องใหเ้ ด็กฟังก่อน แล้ว จงึ ใหฝ้ ึกร้องตาม เสรจ็ แลว้ สนทนาร่วมกันเก่ียวกบั เน้ือหาของบทเพลง โดยครู อธบิ ายเพิม่ เตมิ วา่ สัตว์บางชนิดจะมีมากในบางฤดู ข้ึนอยูก่ ับสภาพอากาศ สง่ิ แวดล้อม ธรรมชาติ และความอุดมสมบรู ณ์ของอาหาร ซงึ่ ส่วนมากแลว้ สัตว์ต่าง ๆ จะเจริญเตบิ โตในฤดฝู น เน่ืองจากมอี าหารทอี่ ุดมสมบรู ณน์ ัน่ เอง 4.3.3 เด็กและครูร้องเพลง “สัตว์เลี้ยง สัตว์ปา่ ” ร่วมกันอีกครัง้ แล้วสนทนารว่ มกนั เก่ียวกับสัตวท์ ี่ต้องพึ่งพาอาศัยธรรมบาตใิ นการดารงชีวติ เพราะสัตวโ์ ดยท่วั ไปแลว้ มกั จะหากินตามธรรมชาติ นอกจากสตั ว์เลย้ี งที่เราต้องหาอาหารใหจ้ งึ จะดารงชวี ิต อยู่รอด 4.4 กจิ กรรมกลางแจง้ (45 นาที) 4.4.1 เด็กจดั แถวตอนเรยี งหนึ่งเดินจับเอวกนั ลงสนามอยา่ งเป็นระเบียบ เมื่อถงึ สนามแลว้ ให้เดก็ อบอุ่นรา่ งกายดว้ ยการว่ิงเหยาะๆ อยู่กบั ท่ี 2 –3 นาที 4.4.2 ครูแบง่ กล่มุ เดก็ 2 – 3 กลุ่มแล้วให้เล่นเกมไอเ้ ข้ ไอโ้ ขงกลุม่ ละ 2 – 3 รอบ โดย ผลัดเปลี่ยนกนั เปน็ จระเข้

103 4.4.3 ครูให้เด็กไดเ้ ลน่ กลางแจง้ อย่างอสิ ระ 5 – 10 นาที กอ่ นที่จะให้เด็กไปทาความ สะอาดร่างกาย กลบั เข้าห้องเรียน เพื่อไปรับประทานอาหากลางวัน 4.5 กิจกรรมเกมการศกึ ษา (20 นาท)ี 4.5.1 เดก็ และครูสนทนารว่ มกันเก่ยี วกับเกมจับคู่ภาพสัตว์ที่มีความสมั พันธ์กนั โดยครู อธบิ ายวธี กี ารเลน่ ให้ฟัง 4.5.2 แบ่งเด็กเปน็ กลุ่มใหเ้ ลน่ เกมชุดใหม่ทค่ี รูแนะนา เกมที่เคยเลน่ มาแล้ว หรอื เครอื่ งเล่น สมั ผสั ต่าง ๆ ตามความสนใจของเด็ก 4.5.3 เม่ือเล่นเสรจ็ แล้ว ครูแนะนาใหเ้ ด็กช่วยกนั เก็บของเข้าทีใ่ ห้เรียบรอ้ ย 5. ส่อื การเรียน / แหล่งการเรยี นรู้ 5.1 สีน้า หลอดกาแฟ 5.2 เพลงสัตว์เลย้ี ง สัตวป์ ่า 5.3 เกมไอ้เข้ ไอโ้ ขง 5.4 เกมจับคู่ภาพสตั ว์ทม่ี คี วามสมั พนั ธ์กนั 6. การวัดผลและประเมนิ ผล 6.1 วิธกี ารวัดผลและประเมนิ ผล 6.1.1 สงั เกตกาปฏิบัตติ ามสญั ญาณ และข้อตกลง 6.1.2 สังเกตการพดู แสดงความคิดเหน็ และการตอบคาถาม 6.1.3 ตรวจผลงานการเป่าสี 6.2 เครอื่ งมอื วัดผล 6.2.1 แบบประเมินผลการจดั ประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการเป่าสี 6.3 เกณฑก์ ำรวดั ผลและประเมินผล ระดับ 3 ดี ระดบั 2 พอใช้ ระดบั 1 ปรับปรุง

104 แผนกำรจดั ประสบกำรณท์ ่ี 30 ช้นั อนบุ ำลปีท่ี 2 สำระที่ควรเรียนรทู้ ่ี 3 ธรรมชำตริ อบตวั หนว่ ย สัตวโ์ ลกนา่ รกั เร่ือง คุณคา่ ของสัตว์ สัปดำห์ท่ี 6 ลำดับวันท่ี 30 ครูผ้สู อน คุณครโู ชติกา เสอื พิณ โรงเรียน วดั ท่าบญุ มี สพป. ชบ. 2 1. สำระสำคญั สัตว์ปา่ มคี ณุ คา่ แก่คนอยา่ งมาก เราก็สามารถใชป้ ระโยชนจ์ ากสตั ว์เหลา่ น้ันได้ การอนรุ กั ษ์สัตว์ป่าให้ คงอยู่กบั ธรรมชาตไิ ปนาน ไม่ควรทารา้ ยหรอื ลา่ สตั วป์ ่าเลน่ เพราะอาจจะให้สัตว์ป่าสญู พนั ธ์ไปได้ ซง่ึ ในขณะน้ี กม็ ีหลายชนิดแล้วทส่ี ูญพนั ธไ์ ปเพราะฝีมอื ของคน นอกจากนน้ั เรายงั ปอ้ งกนั ตนเองไมใ่ ห้รับอันตรายจากสัตว์ เหล่าน้ันได้ด้วย 2. จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ 2.1 เพอ่ื ให้เด็กมีความรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั ประเภทของสัตว์ที่มีอยู่บนโลก สามารถอธบิ ายใหค้ น อ่นื เข้าใจได้ 2.2 เพือ่ ใหเ้ ด็กสามารถปฏบิ ัติตามสัญญาณ และข้อตกลงได้ 2.3 เพอื่ ให้เดก็ สามารถสรา้ งผลงานได้อย่างสญั ญาณ และเสรี 2.4 เพื่อให้เด็กสามารถแสดงความคดิ เหน็ และตอบคาถามเกีย่ วกับเร่ืองทสี่ นทนาได้ 2.5 เพือ่ ให้เด็กสามารถปรับตัวในการเล่น และเลน่ รว่ มกบั ผู้อนื่ ได้อย่างสนกุ สนานเพื่อให้เดก็ สามารถ เล่นเกมท่ีกาหนดให้ได้ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 คณุ ค่าของสัตว์ 3.2 ประสบการณ์สาคญั 3.2.1 การอธิบายเกยี่ วกบั ส่งิ ของ เหตกุ ารณ์ และความสมั พันธข์ องสงิ่ ตา่ ง ๆ 3.2.2 การสารวจและอธบิ ายความเหมอื น ความต่าง ของส่ิงต่าง ๆ 3.2.3 การจบั คู่ การจาแนก และการจดั กลุ่ม 4. กจิ กรรมการเรียนรู้ 4.1 กจิ กรรมเคลอื่ นไหวและจังหวะ (20 นาที) 4.1.1 กิจกรรมพืน้ ฐาน ครใู หเ้ ด็กเคลื่อนไหวร่างกายไปทัว่ ๆ บริเวณอย่างอิสระ เม่ือได้ยนิ สญั ญาณหยุดใหห้ ยุดในทา่ นัน้ ทนั ที

105 4.1.2 เดก็ และครูสนทนารว่ มกนั เกี่ยวกับการทาท่าทางของช้าง ตามจนิ ตนาการ ประกอบ “เพลงชา้ ง” 4.1.3 ใหเ้ ดก็ เคลื่อนไหวร่างกายและแสดงท่าทางเปน็ สัตว์ทต่ี วั เองชอบ เมอ่ื ได้ยินสัญญาณ หยุด ใหห้ ยุดและจับกลุ่ม 3 คน เข้าแถวเรยี งลาดับจากสูงไปหาตา่ 4.1.4 ให้เดก็ ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมในข้อ 4.1.3 นซ้ี ้าอกี หลาย ๆ เทย่ี ว 4.2 กจิ กรรมสรา้ งสรรค์และกิจกรรมเสรี (60 นาท)ี 4.2.1 เด็กและครชู ว่ ยกันจดั โตะ๊ เพอ่ื ฝกึ ปฏิบตั ิการตดั ฉีก ปะ กระดาษ เสรจ็ แล้วครอู ธิบาย ข้ันตอนการปฏบิ ตั ิใหเ้ ด็กดู แลว้ ให้ลงมอื ปฏบิ ตั ิตามความคิด และจินตนาการของ ตนเอง อย่างอสิ ระโดยครูคอยแนะนาอย่หู ่าง ๆ 4.2.2 เด็กคนใดปฏบิ ตั เิ สร็จแล้วให้นาผลงานมาให้ครดู ู พรอ้ มกบั บอกชือ่ ผลงานข้ันตอน วิธกี ารทาให้ครูฟังดว้ ย 4.2.3 ครูแนะนาใหเ้ ดก็ เก็บผลงานไว้ในกลอ่ งสะสมผลงานของตนเอง เสรจ็ แลว้ ใหเ้ ลน่ ตาม มุมอยา่ งอสิ ระ รอเพอื่ นๆ 4.2.4 เม่ือเด็กปฏิบัติกิจกรรมครบทุกคนแล้ว ครแู นะนาใหเ้ ด็ก ๆ ช่วยกันทาความสะอาด บริเวณและเกบ็ ส่งิ ของเขา้ ทีใ่ หเ้ รยี บรอ้ ย 4.3 กิจกรรมเสริมประสบการณ์ (15 นาท)ี 4.3.1 เด็กและครูสนทนารว่ มกนั เกย่ี วกับคุณค่าและอันตรายจากสัตว์ โดยครูยกตัวอย่าง สตั ว์ที่ใช้เป็นอาหาร และสัตว์ปา่ ท่ดี ุรา้ ย ซง่ึ สามารถทารา้ ยเราจนถึงแก่ความตายได้ โดยนามาเปรยี บเทยี บให้เด็กได้มองเหน็ อย่างชัดเจน เชน่ ภาพไก่ กบั เสอื เปน็ ต้น 4.3.2 ครนู าบตั รภาพแมลงชนดิ ต่าง ๆ ท่ีชว่ ยในการผสมเกสรตน้ ไมแ้ ล้วทาใหเ้ กดิ เปน็ ผล ออกมาใหเ้ รากนิ ได้ โดยครอู ธบิ ายใหเ้ ด็กฟังอยา่ งงา่ ย ๆ เช่น ผเี สื้อ ผงึ้ เปน็ ต้น 4.3.3 เดก็ และครูสนทนารว่ มกันเกี่ยวกับการอนุรักษส์ ตั วป์ า่ ให้คงอยูก่ บั ธรรมชาติไปนาน ๆ โดยครูแนะนาเด็กวา่ ไมค่ วรทารา้ ยหรอื ลา่ สตั วป์ ่าเลน่ เพราะอาจจะให้สัตว์ปา่ สูญ พนั ธ์ไปได้ ซึ่งในขณะนี้ก็มีหลายชนิดแล้วทส่ี ูญพนั ธ์ไปเพราะฝมี ือของคน 4.3.4 เด็กและครูสนทนาสรุป และกาหนดแนวทางในการปฏบิ ตั ิตนเกี่ยวกับการอนุรกั ษ์ สัตวป์ า่ เพ่อื นาไปปฏบิ ัติในชีวติ ประจาวนั 4.4 กิจกรรมกลางแจ้ง (45 นาท)ี 4.4.1 เด็กจดั แถวตอนเรียงสอง จับมอื กนั เปน็ คู่ ๆ ว่ิงลงสนาม (เดก็ ทไี่ มม่ ีคใู่ หจ้ ับมือกับคร)ู เม่ือถึงสนามแลว้ ครูให้เด็กอบอุน่ ร่างกาย 2 – 3 นาที เปน็ การเตรยี นความพร้อมของ รา่ งกาย 4.4.2 ครแู นะนาการละเล่นพ้ืนบ้าน งูกินหาง และอธิบายวิธีการเล่นใหเ้ ด็กฟงั จนเข้าใจ แลว้ แบ่งเดก็ เป็น 4 กลุ่ม โดยแยกเปน็ กล่มุ ชาย – หญิง ชดั เจน แลว้ ใหแ้ ข่งกนั

106 ระหวา่ งกลุ่มหญงิ กบั หญิง และชายกับชาย โดยครูเป็นกรรมการดแู ลการเลน่ อยา่ ง ใกลช้ ิด 4.4.3 ครใู ห้เดก็ ได้เลน่ เคร่ืองเลน่ สนามและเล่นกลางแจ้งอย่างอสิ ระ จนไดเ้ วลาพอสมควร จึงให้เด็กไปทาความสะอาดรา่ งกาย ล้างหน้า ล้างมือ ทาธรุ ะส่วนตวั กลับเขา้ หอ้ งเรียน เพื่อเตรยี มตัวไปรบั ประทานอาหารกลางวัน 4.5 กจิ กรรมเกมการศกึ ษา (20 นาที) 4.5.1 เด็กและครสู นทนาร่วมกันเกยี่ วกับเกมพื้นฐานการบวก 1 – 5 โดยครูแนะนาวธิ กี าร เลน่ ให้เดก็ ฟัง 4.5.2 แบง่ เด็กเป็นกลุ่ม ให้เล่นเกมท่ีเตรียมไว้ เกมที่เคยเลน่ มาแล้ว หรอื เครื่องเล่นสมั ผัส 4.5.3 เมื่อเด็กเล่นเกมเสรจ็ แล้วครูแนะนาใหช้ ่วยกนั เกบ็ ส่งิ ของตา่ ง ๆ เขา้ ทีใ่ หเ้ รยี บร้อย 5. สื่อการเรยี น / แหลง่ การเรียนรู้ 5.1 กาว กรรไกร กระดาษ 5.2 การละเลน่ งกู นิ หาง 5.3 เกมพนื้ ฐานการบวก 1 – 5 6. การวดั ผลและประเมนิ ผล 6.1 วิธวี ดั ผลและประเมินผล 6.1.1 สังเกตการปฏิบตั ิตามสญั ญาณ และข้อตกลง 6.1.2 สังเกตความกลา้ ในการแสดงออก 6.1.3 การสนทนา และการตอบคาถาม 6.1.4 ตรวจผลงานการตัด ฉกี ปะ กระดาษ 6.2 เคร่อื งมอื วดั ผล 6.2.1 แบบประเมนิ ผลการจัดประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการตดั ฉกี ปะ กระดาษ 6.4 เกณฑก์ ำรวดั ผลและประเมินผล ระดบั 3 ดี ระดบั 2 พอใช้ ระดบั 1 ปรบั ปรุง

107 ภำคผนวก เพลงสัตว์บก สตั ว์น้ำ (ศรนี วล รัตนสุวรรณ) ปลา ปู กุ้ง หอย อีกเต่า จระเข้ เปน็ สัตว์น้าทะเล นา้ จดื ก็มี เสอื เกง้ กวาง ลิง ชา้ ง บา่ ง ชะนี แมว หมา หมี ล้วนเป็นสตั ว์บกเอย เพลงบำ้ นของสตั ว์ (ศรนี วล รัตนสุวรรณ) บ้านเป็ด ไก่ ทงั้ หมู เรียกวา่ เล้า บ้านของนก ผึง้ มด เรียกว่ารงั บ้านกระต่าย กระรอก เรียกวา่ โพรง บ้านของมา้ ววั ควาย เรียกว่คอก เพลงสตั ว์เล้ียง สัตว์ปำ่ (ศรีนวล รตั นสวุ รรณ) สัตว์เล้ยี งมีแมว หมา นก กา หา่ น กระต่าย เปด็ ไก่ เราเล้ียงไว้กนิ ไขเ่ สมอมา หมี เสอื ชา้ งเก้ง กวาง หมูปา่ เมน่ สงิ โต เลยี งผา เปน็ สตั วป์ ่าเอย เพลง ว่ิงเหยำะ ๆ (กมลำ โอสถำนุเครำะห์) วง่ิ วิ่ง เหยาะ เหยาะ วิ่งใหเ้ หมาะวง่ิ เหยาะตามกัน วิ่ง วิง่ เหยาะ เหยาะ วิ่งใหเ้ หมาะจะไม่ชนกัน เพลง ไอเ้ ข้ ไอโ้ ขง มาโรงไมส้ กั ไอ้เข้ ไอ้โขง กัดคนไมเ่ ขา้ ไอ้เข้ฟันหัก เพลงช้าง ช้างๆๆ น้องเคยเหน็ ชา้ งรเึ ปล่า ช้างมนั ตวั โตไมเ่ บา จมูกยาวๆเรยี กว่างวง มเี ขยี้ วใต้งวงเรยี กวา่ งา มีหมู ตี า หางยาว

ปรศิ นำคำทำยเกีย่ วกบั สัตว์ (นรำธปิ จนั ทรเนตร) 108 อะไรเอย่ มีหางเป็นพู่ มีขา 2 คู่ เสยี งรอ้ ง ฮ้ี ฮ้ี อะไรเอย่ ตัวคล้ายแมว แต่รา้ ยกวา่ หมา ใครเจอลาบาก ต้องโดนกดั กนิ (ม้า) อะไรเอ่ย ห้อยโหนตน้ ไม้ อยู่น่ิงไม่ได้ เสยี งร้อยเจย๊ี กเจ๊ียก (เสือ) อะไรเอย่ อาศัยในป่า มีเขางามสง่า ตางามสดใส เย้อื งย่างทางใด งดงามนา่ ดู (ลิง) อะไรเอย่ ตวั ดาขนหนา อาศัยในปา่ ชอบกนิ รงั ผ้งึ (กวาง) อะไรเอ่ย เลยี้ งไว้เฝ้าบ้าน เสยี งดงั ฟังชดั หอนเหา่ ทุกคืน (หมี) อะไรเอ่ย ชอบวง่ิ ไล่หนู ปราดเปรียวนา่ ดู เสยี งรอ้ งเหมยี วเหมยี ว (สุนขั ) อะไรเอย่ เสียงร้องก๊าบกา๊ บ ที่อย่ใู นเล้า ออกไข่ให้เรา ได้กินทกุ วัน (แมว) (เปด็ ) กำรละเลน่ พ้นื บำ้ น กำฟักไข่ เป็นอีกหนึง่ การละเลน่ ทเ่ี คยได้ยินชื่อ แต่หลายคนไม่ทราบกติกา โดยวิธีการเล่นก็คอื ใชอ้ ะไรก็ได้ ลักษณะกลม ๆ เทา่ จานวนคนเล่น ยกเว้นผูท้ ีเ่ ป็นกา 1 คน มาสมมตวิ ่าเปน็ \"ไข\"่ แล้วเขียนวงกลมลงบนพื้น 2 วง วงแรกเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 ฟตุ และอีกวงหนึ่งอยขู่ า้ งในวงแรก ขนาดเสน้ ผ่าศูนยก์ ลาง 1 ฟุต วาง \"ไข\"่ ท้ังหมดไว้ในวงกลมเล็ก ให้คนใดคนหนงึ่ เป็นกา ยนื ในวงกลมวงใหญ่ หรือน่ังคร่อมวงกลมเลก็ นอกนน้ั ทุก คนยนื รอบนอกวงกลมวงใหญ่ คอยแยง่ ไข่ คนเป็นกามีหนา้ ท่ีป้องกนั ไข่ ไม่ให้ถูกแยง่ ไป กตกิ าของกาฟักไข่ ก็คอื คนข้างนอกต้องแย่งไข่มาใหไ้ ด้ โดยใชแ้ ขนหรอื มือเอือ้ มเข้าไป แตห่ า้ มนาตัว เขา้ ไปในวงกลม และตอ้ งระวังไม่ให้อกี าถกู มอื หรือแขนไดด้ ้วย หากแยง่ ไข่ออกมาได้หมดแล้ว ให้ปดิ ตากา แล้ว นาไขท่ ั้งหมดไปซ่อน เพ่ือใหก้ าตามหาไข่ หากพบไขท่ ผ่ี ู้เลน่ คนใดนาไปซ่อน ผนู้ ัน้ จะตอ้ งเปล่ยี นมาเปน็ กาแทน

109 งกู ินหำง \"แม่งเู อย๋ กนิ น้ำบ่อไหน...\" ประโยคคุ้น ๆ ของการเล่นงูกินหางทยี่ ังติดตรึงในความทรงจาของใคร หลาย ๆ คน และเปน็ ทน่ี ิยมของเด็กในทุกเทศกาล ทกุ โอกาสอกี ดว้ ย วธิ กี ารเลน่ งกู นิ หาง เร่ิมจากเสีย่ งทาย ใครแพ้ตอ้ งไปเป็น \"พอ่ ง\"ู สว่ นผชู้ นะทีม่ รี ่างกายแขง็ แรง ตวั ใหญ่จะเปน็ \"แม่งู\" ไวค้ อยปกปอ้ งเพื่อน ๆ คนอืน่ ทีเ่ ป็น \"ลูกงู\" จากนั้น \"ลกู งู\" จะเกาะเอวแมง่ แู ละต่อแถวกัน ไว้ ยนื เผชิญหนา้ กับ \"พอ่ งู\" จากน้ันจะเข้าสู่บทร้อง โดยพอ่ งจู ะถามว่า พอ่ งู : \"แม่งูเอ๋ยกินน้าบ่อไหน\" แมง่ ู : \"กินน้าบ่อโสกโยกไปโยกมา\" (พร้อมแสดงอาการสา่ ยตวั ไปมา) พ่องู : \"แมง่ เู อย๋ กนิ น้าบอ่ ไหน\" แม่งู : \"กินน้าบ่อหนิ บนิ ไปบินมา\" (พรอ้ มแสดงอาการบนิ ไปบนิ มา) พอ่ งู : \"แม่งเู อ๋ยกินน้าบ่อไหน\" แมง่ ู : \"กินนา้ บ่อทรายยา้ ยไปยา้ ยมา\" (พร้อมแสดงอาการส่ายตัวไปมา) จากนน้ั พ่องูจะพดู วา่ \"กินหัวกินหำงกินกลำงตลอดตวั \" แลว้ วง่ิ ไล่จบั ลกู งูท่ีกอดเอวอยู่ ส่วนแมง่ ูก็ ตอ้ งป้องกนั ไมใ่ ห้พ่องจู บั ลกู งูไปได้ เม่ือลูกงูคนไหนถูกจบั จะออกจากแถวมายนื อยดู่ ้านนอก เพอ่ื รอเลน่ รอบ ต่อไป หากพ่องูแย่งลกู ไดห้ มด จะถอื วา่ จบเกมแลว้ เรม่ิ เลน่ ใหม่ โดยพ่องจู ะกลบั ไปเปน็ แม่งูตอ่ ในรอบต่อไป ประโยชนข์ องการเลน่ งูกินหางก็คือ ทาใหผ้ ู้เล่นเกิดความสามัคคี ทางานเป็นกลุ่ม รจู้ ักช่วยเหลอื กัน และร้จู ักการตอ่ สู้เพ่อื เอาตวั รอด เม่ือภยั มาถึงตัว นอกจากนย้ี งั ฝกึ ร่างกายใหแ้ ขง็ แรง และจติ ใจเบกิ บาน สนกุ สนานไปดว้ ย

110 เร่ือง ใบงำน จุดประสงค์ สัตว์ชนิดตา่ ง ๆ 1. เพื่อให้เด็กสามารถวาดภาพจากสงิ่ ท่ีมองเห็นได้ คำสั่ง 2. เพอ่ื ฝกึ ทักษะในการวาดภาพ ระบายสี 3. เพอ่ื ให้เด็กพฒั นาความคิดสร้างสรคค์ และจินตนาการ ให้เด็กวาดภาพสตั ว์ท่ีเด็กชอบจากแผนภาพสตั วช์ นิดต่างๆและระบายสใี หส้ วยงาม ผู้ประเมิน ครู ผู้ประเมิน ผู้ปกครอง เกณฑ์กำรประเมนิ เกณฑ์กำรประเมนิ ดี ดี พอใช้ พอใช้ ปรับปรงุ ปรบั ปรงุ ผปู้ ระเมนิ ตนเอง ผปู้ ระเมิน เพื่อน เกณฑ์กำรประเมิน เกณฑ์กำรประเมิน ดี ดี พอใช้ พอใช้ ปรับปรุง ปรบั ปรงุ

111 แผนกำรจดั ประสบกำรณ์ที่ 31 ช้ันอนุบำลปีท่ี 2 สำระท่ีควรเรียนรทู้ ่ี 3 ธรรมชำตริ อบตวั หน่วย ฤดูกาลบา้ นเรา เรอ่ื ง ท้องฟา้ อากาศ สปั ดำหท์ ่ี 7 ลำดบั วนั ท่ี 31 ครูผู้สอน คณุ ครโู ชตกิ า เสอื พิณ โรงเรยี น วดั ท่าบุญมี สพป. ชบ. 2 1. สาระสาคัญ ทอ้ งฟา้ ในแต่ละวนั บอกชว่ งเวลาทีเ่ ปลีย่ นแปลงใหเ้ รารู้ เชน่ เวลากลางวันท้องฟ้าจะมีแสงสวา่ ง เวลา กลางคนื เป็นชว่ งเวลาที่มือมิด มดี วงจนั ทรแ์ ละดวงดาว อากาศในแต่ละวนั ก็เชน่ เดยี วกันมกี ารเปลี่ยนแปลง อาจจะเหมอื นกนั หรือต่างกันกไ็ ด้ แล้วแตฤ่ ดูกาลและสภาพของพ้นื ท่ี 2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 เพื่อให้เด็กมีความรู้ ความเข้าใจเกยี่ วกบั ลกั ษณะอากาศในแตล่ ะวนั และสามารถนาไปปรบั ใชใ้ น ชวี ติ ประจาวัน 2.2 เพอ่ื ให้เด็กปฏบิ ัตติ ามสญั ญาณ และข้อตกลง 2.3 เพ่อื ให้เดก็ สามารถสร้างผลงานได้อย่างสร้างสรรค์ และอิสระ 2.4 เพ่อื ให้เด็กสามารถแสดงความคดิ เหน็ และตอบคาถามเกยี่ วกับเรือ่ งสนทนาได้ 2.5 เพ่อื พฒั นากล้ามเนื้อใหญ่ และกลา้ มเน้ือเลก็ และประสาทสมั พนั ธร์ ะหว่างมือกับตา 2.6 เพือ่ ให้เดก็ สามารถเลอื กชนิ้ สว่ นเลก็ ท่มี ีภาพเป็นสิง่ เดยี วกนั กับภาพทีก่ าหนดใหไ้ ด้ 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 ลักษณะอากาศแตล่ ะวัน 3.2 ประสบการณส์ าคัญ 3.2.1 การมีประสบการณ์และเปรียบเทียบเวลา เชน่ ตอนเชา้ ตอนเยน็ วันน้ี พรงุ่ นี้ ฯลฯ 3.2.2 การสงั เกตความเปล่ียนแปลงของฤดู 3.2.3 การมีประสบการณ์และการเรียงลาดบั เหตกุ ารณ์ต่างๆ 4. กจิ กรรมการเรียนรู้ 4.1 กิจกรรมเคลอ่ื นไหวและจังหวะ (20 นาท)ี 4.1.1 กจิ กรรมพืน้ ฐาน ให้เด็กเคลื่อนไหวร่างกายไปทว่ั บรเิ วณ อยา่ งอสิ ระ เม่ือได้ยนิ สัญญาณหยดุ ใหห้ ยดุ เคล่ือนไหวในทา่ น้ันทนั ที 4.1.2 เดก็ และครูรอ้ งเพลงพร้อมกนั เพลงเสียงฝน

112 เสยี งฝน หล่นจากฟากฟ้า สาดซดั มารหนาวเย็นกระไร (ซ้า) พวกเราอย่าออกไปไหน เปียกฝนไปจะเป็นหวัดเอย 4.1.3 ใหเ้ ดก็ เคลื่อนไหวรา่ งกายอย่างอิสระ เมื่อไดย้ ินสญั ญาณ ให้ฟังคาสัง่ และปฏิบัติ ตามข้อตกลงไดท้ ารว่ มกนั ไว้ 4.1.4 เดก็ และครรู ่วมกนั กาหนดคาสั่งข้ึนใหม่ แลว้ ปฏิบัติตามข้อ 4.1.3 ซา้ อกี 4.2 กิจกรรมสรา้ งสรรค์และกจิ กรรมเสรี (60 นาที) 4.2.1 เดก็ และครูร่วมกันจดั โต๊ะเพ่ือใชฝ้ กึ กจิ กรรมการป้นั ดนิ นา้ มัน โดยครทู บทวนการปน้ั ใหเ้ ด็กดูอกี ครั้ง เสร็จแลว้ ให้ลงมอื ปฏิบัติอย่างอสิ ระ ตามความคดิ และจนิ ตนาการ ของตนเอง โดยครูคอยดูแล ใหค้ าแนะนาอยหู่ า่ ง ๆ 4.2.2 เด็กคนใดปฏบิ ัติกจิ กรรมเสรจ็ แล้วนาผลงานมาใหค้ รูดู โดยบอกช่ือผลงานและ วธิ กี ารทา ผลงานใดที่เหมาะสมจะจดั เกบ็ ใหเ้ ก็บไวใ้ นกล่องผลงานของเด็กเอง โดยครูเขยี นช่ือผลงานชอื่ เด็ก วนั เดอื นปีที่ทากับไวด้ ว้ ย สาหรับเด็กที่ปฏิบตั ิกจิ กรรม ครบแล้วหรอื รอโต๊ะวา่ งให้เล่นตามมมุ อยา่ งอิสระเป็นการฝึกการรอโอกาสและการ แบง่ ปันกัน 4.2.3 เมือ่ เด็กปฏบิ ัตกิ ิจกรรมครบทุกคนแลว้ ครูแนะนาให้เด็กช่วยกันทาความสะอาด บริเวณ และช่วยกนั จัดเก็บสิง่ ของ อปุ กรณ์ต่าง ๆ เขา้ ทใี่ หเ้ รียบร้อย 4.3 กิจกรรมเสรมิ ประสบการณ์ (15 นาที) 4.3.1 เด็กและครูสนทนาร่วมกันเกย่ี วกบั อากาศของท้องถิน่ เราในแต่ละวัน วา่ มที ั้งอากาศ เยน็ ในตอนเช้า อากาศร้อนในตอนกลางวนั โดยครูอธบิ ายให้เด็กฟังว่า อากาศใน โลกเรานีเ้ ปลีย่ นแปลงไปตลอดเวลา บางคร้ังกอ็ ากาศหนาว บางครัง้ ก็อากาศร้อน ซงึ่ เราจะรสู้ กึ ไดด้ ้วยการสัมผัสทางร่างกาย 4.3.2 ครเู ลา่ นิทานเรอื่ งจา้ วแหง่ ลม ให้เด็กฟัง เสรจ็ แล้วครตู ง้ั คาถามใหเ้ ดก็ ชว่ ยกนั ตอบ 4.3.3 เด็กและครสู นทนารว่ มกันเก่ยี วกบั การเปลีย่ นแปลงอากาศในแตล่ ะวนั และครู แนะนาให้เด็กเกยี่ วกบั การดูแลร่างกายถ้าเกดิ อากาศเปล่ียนแปลงบ่อย ๆ 4.4 กิจกรรมกลางแจ้ง (45 นาที) 4.4.1 เด็กจดั แถวตอนเรยี งหนงึ่ เดินจับเอวกันเป็นแถวลงสนามอยา่ งเปน็ ระเบยี บ เม่ือถึง สนามแล้ว ครใู หเ้ ด็กอบอนุ่ ร่างกายโดยการวิ่งเหยาะ ๆ อยู่กับท่ี 2 – 3 นาที 4.4.2 ครูให้เดก็ ได้ละเล่นพน้ื บำ้ น กำรลน่ ซ่อนหำ หรือ โปง้ แปะ ครอู ธิบำยวธิ เี ลน่ ให้ เข้ำใจ แล้วใหเ้ ดก็ เลน่ เปน็ กลุ่มตามความสนใจ โดยครคู อยดแู ลความปลอดภัยอยา่ ง ใกล้ชิด 4.4.3 เมือ่ ได้เวลาพอสมควรครูให้เด็กไปทาความสะอาดรา่ งกาย ล้างหนา้ ล้างมือ ทาธุระ สว่ นตวั กลบั เขา้ หอ้ งเรียน เพือ่ เตรยี มตัวไปรับประทานอาหารกลางวนั 4.5 กิจกรรมเกมการศึกษา (20 นาที)

113 4.5.1 เดก็ และครสู นทนาร่วมกันเกย่ี วกับเกมสังเกตรายละเอียดท้องฟ้ากับเวลา โดยครู อธบิ ายวธิ กี ารเลน่ ให้เด็กฟังจนเข้าใจ 4.5.2 แบง่ กลมุ่ เด็กให้เลน่ เกมชุดใหม่ และเกมที่เคยเล่นมาแล้ว หรอื เครื่องเลน่ สัมผัส 4.5.3 เม่อื เด็ก ๆ เล่นเกมต่าง ๆ เสร็จแล้ว ครูแนะนาใหช้ ่วยกันเก็บเข้าที่ให้เรียบร้อย 5. ส่อื การเรียน / แหลง่ การเรียนรู้ 5.1 ดนิ น้ามนั และแผ่นรองปัน้ 5.2 นทิ านเรอื่ งจ้าวแห่งลม 5.3 เกมสังเกตรายละเอียดของภาพกับเงา 5.4 การล่นซ่อนหา หรือ โป้งแปะ 5.5 เพลงเสยี งฝน 6. การวดั ผลและประเมินผล 6.1 วธิ ีวดั ผลและประเมนิ ผล 6.1.1 สงั เกตการปฏิบตั ิตามสัญญาณ และข้อตกลง 6.1.2 สังเกตการตอบคาถาม และการแสดงความคิดเห็น 6.1.3 ตรวจผลงานการปัน้ 6.2 เครื่องมือวัดผล 6.2.1 แบบประเมนิ ผลการจดั ประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการป้นั 6.5 เกณฑ์กำรวดั ผลและประเมนิ ผล ระดบั 3 ดี ระดบั 2 พอใช้ ระดับ 1 ปรับปรุง

114 แผนกำรจัดประสบกำรณท์ ี่ 32 ชน้ั อนุบำลปีท่ี 2 สำระที่ควรเรียนรทู้ ี่ 3 ธรรมชำติรอบตัว หน่วย ฤดกู าลบ้านเรา เรื่อง เมฆฝนบนฟา้ 1 สัปดำห์ที่ 7 ลำดบั วันท่ี 32 ครูผสู้ อน คณุ ครูโชตกิ า เสอื พิณ โรงเรียน วัดท่าบุญมี สพป. ชบ. 2 1. สาระสาคญั เมฆคือ การรวมตวั ของไอนา้ ลอยอยบู่ นท้องฟ้าและสามารถเปลย่ี นแปลงรปู ร่างได้ตามแรงลม เมฆ บนท้องฟา้ ยงั ทาใหเ้ กิดฝนได้ซ่ึงเปน็ การเปล่ยี นแปลงจากเมฆเปน็ หยดนา้ ทาใหค้ น พืช สัตวไ์ ด้ใชป้ ระโยชน์ จากน้าอย่างมากมาย 2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 เพ่อื ให้เด็กมีความรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับลกั ษณะอากาศในแตล่ ะวันและสามารถนาไปปรบั ใชใ้ น ชีวติ ประจาวนั 2.2 เพ่ือใหเ้ ดก็ ปฏิบตั ิตามสญั ญาณ และข้อตกลง 2.3 เพ่ือใหเ้ ดก็ สามารถสร้างผลงานไดอ้ ย่างสรา้ งสรรค์ และอิสระ 2.4 เพอ่ื ให้เดก็ สามารถแสดงความคดิ เห็น และตอบคาถามเกี่ยวกบั เรื่องสนทนาได้ 2.5 เพื่อพัฒนากลา้ มเนื้อใหญ่ และกล้ามเนื้อเล็ก และประสาทสัมพันธ์ระหวา่ งมอื กับตา 2.6 เพอ่ื ใหเ้ ด็กสามารถเลอื กช้ินสว่ นเล็กที่มภี าพเป็นสง่ิ เดยี วกนั กับภาพทกี่ าหนดให้ได้ 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 ก้อนเมฆบนท้องฟ้า 3.2 ประสบการณส์ าคญั 3.2.1 การมปี ระสบการณ์และเปรียบเทยี บเวลา เชน่ ตอนเชา้ ตอนเยน็ วนั นี้ พรงุ่ นี้ ฯลฯ 3.2.2 การสังเกตความเปล่ยี นแปลงของฤดู 3.2.3 การมีประสบการณ์และการเรียงลาดบั เหตกุ ารณ์ต่าง ๆ 3.2.4 การสารวจและอธิบายความเหมอื น ความต่างส่ิงตา่ ง ๆ 4. กจิ กรรมการเรยี นรู้ 4.1 กจิ กรรมเคลอื่ นไหวและจงั หวะ (20 นาที) 4.1.1 กิจกรรมพน้ื ฐาน ใหเ้ ด็กเคล่อื นไหวร่างกายไปท่วั ๆ บรเิ วณอย่างอสิ ระ เม่อื ได้ยิน สญั ญาณหยุดให้หยดุ เคลื่อนไหวในทา่ นัน้ ทนั ที

115 4.1.2 เด็กและครูนานกั เรยี นร้องแพลงแมงมลุ าย และทาท่าทางประกอบ ใหเ้ ดก็ เคลือ่ นไหวรา่ งกายอยา่ งอิสระ เมอื่ ได้ยินสญั ญาณหยดุ ให้ฟังและปฏบิ ัติตามคา บรรยายของครู 4.1.3 เดก็ และครูร่วมกันกาหนดคาบรรยายขึน้ ใหม่ แลว้ ปฏบิ ัติกิจกรรม ข้อ 4.1.2 ซ้าอีก 4.2 กิจกรรมสร้างสรรค์และกิจกรรมเสรี (60 นาที) 4.2.1 เดก็ และครรู ว่ มกันจดั โต๊ะเพื่อใชฝ้ ึกกิจกรรมการวาดภาพด้วยสีนา้ โดยครอู ธิบาย วธิ กี ารทาให้เด็กดู เสร็จแล้วแจกใบงานใหเ้ ด็กคนละ 1 แผน่ สนทนารว่ มกัน เกย่ี วกบั รายละเอยี ดในใบงาน แล้วใหเ้ ดก็ ลงมือปฏิบตั ิกจิ กรรมตามคาส่งั ในใบงาน และการวาดภาพตามความคิดและจนิ ตนาการอยา่ งอิสระ 4.2.2 เม่ือเด็กคนใดปฏบิ ัติกจิ กรรมเสร็จแลว้ นาผลงานมาใหค้ รดู ู โดยบอกช่อื ผลงานและ วิธีการทา ผลงานใดทเี่ หมาะสมจะจดั เกบ็ ให้เก็บไวใ้ นกลอ่ งผลงานของเด็กเอง โดย ครเู ขียนชือ่ ผลงาน ช่ือเด็ก วนั เดือนปีท่ีทากากบั ไวด้ ว้ ย สาหรับเด็กท่ปี ฏิบตั ิ กิจกรรมครบแล้วหรอื รอโต๊ะว่างใหเ้ ลน่ ตามมุมอยา่ งอสิ ระเป็นการฝึกการรอโอกาส และการแบ่งปันกัน 4.2.3 เมอ่ื เด็กปฏิบตั ิกจิ กรรมครบทุกคนแล้ว ครูแนะนาใหเ้ ดก็ ช่วยกันทาความสะอาด บริเวณและชว่ ยกนั จัดเก็บสงิ่ ของ อุปกรณต์ า่ งๆ เข้าทใี่ ห้เรียบร้อย 4.3 กจิ กรรมเสรมิ ประสบการณ์ (15 นาท)ี 4.3.1 เด็กและครูสนทนาร่วมกนั เกยี่ วกับทอ้ งฟ้าในเวลาท่ีแตกต่างกนั โดยครูตงั้ คาถามนา ให้เดก็ ช่วยกนั ตอบเช่น - ในเวลากลางวนั บนทอ้ งฟ้ามอี ะไรบ้าง - ในเวลากลางคนื เด็ก ๆ เห็นอะไรบา้ ง - เดก็ อยากเปน็ กอ้ นเมฆหรือไม่ เพราะอะไร เป็นต้น 4.3.2 ครนู าปริศนาคาทายมาถามเด็ก เชน่ “อะไรเอ่ยเกาะกนั เปน็ กลมุ่ อยบู่ นทอ้ งฟา้ วันดี คืนดรี ว่ งหลน่ มา กลบั กลายเปน็ น้ามากมาย” 4.3.3 ครเู ล่านิทานเรื่อง “ปุยฝา้ ยลอยฟ้า” ให้เด็กฟงั เสรจ็ แล้วสนทนารว่ มกนั เก่ยี วกับ เรอื่ งในนิทาน โดยครูต้งั คาถามใหเ้ ดก็ ชว่ ยกันหาคาตอบ เช่น - เดก็ เหน็ กอ้ นเมฆเป็นรปู อะไรบ้าง - เดก็ ๆ คดิ ว่ามีสัตว์จรงิ ๆ อยบู่ นท้องฟ้าหรือไม่ 4.3.4 เดก็ และครสู นทนา สรุปรว่ มกันเกยี่ วกบั เมฆบนท้องฟ้า ประโยชน์ของเมฆ และการ เปล่ยี นแปลงจากเมฆเปน็ หยดนา้ 4.4 กจิ กรรมกลางแจ้ง (45 นาที) 4.4.1 เดก็ จดั แถวตอนเรียงสอง จับมอื กนั เป็นคู่ ๆ เดินลงสนาม (เดก็ ท่ีไม่มีคูใ่ ห้จับกับคร)ู

116 4.4.2 เด็กและครสู นทนารว่ มกนั เกย่ี วกบั การเล่นลิงชิงหลกั โดยครอู ธบิ ายวิธกี ารเลน่ ใหฟ้ งั ดังน้ี - เลือกเดก็ 1 คนมาเป็นลิง (อาจจะใชเ้ ป็นกระบวนการ “ยันยี” ในการเลอื กก็ได้) - ผ้เู ล่นแต่ละคนยนื เกาะเสา โดยผเู้ ป็นลิงยืนอยตู่ รงกลางวง ผเู้ ล่นทีเ่ กาะเสาวง่ิ แลกเปลีย่ นเสาทีเ่ กาะ โดยลงิ พยายามวิ่งเข้าหาเสาท่เี จ้าของว่งิ ออกไปโดยเหตุท่ี จานวนน้อยกวา่ จานวนคน ทาใหต้ อ้ งมี 1 คนท่ีไม่มีเสาและกลายมาเป็นลงิ แทน - ครแู บง่ กลมุ่ เด็กกลมุ่ ละ 4 คน ให้เล่นเกมลงิ ชิงหลักที่ครูแนะนา โดยครูคอย ดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด 4.4.3 ครูใหเ้ ดก็ ไดเ้ ลน่ อย่างอสิ ระ เม่ือไดเ้ วลาพอสมควรแลว้ ครูให้เด็กไปทาความสะอาด ร่างกาย กลบั เข้าห้องเรียน เตรยี มตวั ไปรบั ประทานอาหารกลางวัน 4.5 กจิ กรรมเกมการศึกษา (20 นาที) 4.5.1 เด็กและครูสนทนารว่ มกันเกย่ี วกับเกมเกมเรยี งขนาดโอ่ง เล็ก ใหญ่ โดยครอู ธิบายวิธีการเลน่ ใหเ้ ด็กฟังจนเขา้ ใจ 4.5.2 แบ่งกล่มุ เด็กให้เลน่ เกมชุดใหม่ และเกมท่ีเคยเล่นมาแล้ว หรอื เครื่องเลน่ สัมผัส 4.5.3 เมือ่ เด็ก ๆ เลน่ เกมต่าง ๆ เสรจ็ แล้ว ครูแนะนาให้ช่วยกนั เก็บเข้าทใ่ี ห้เรยี บร้อย 5. สื่อการเรียน / แหล่งการเรียนรู้ 5.1 สนี ้า พูก่ ัน 5.2 เกมลิงชงิ หลกั 5.3 นทิ านเรื่อง ปุยฝา้ ยลอยฟ้า 5.4 เกมเรยี งขนาดโอ่ง เล็ก ใหญ่ 6. การวดั ผลและประเมินผล 6.1 วิธวี ัดผลและประเมินผล 6.1.1 สังเกตการปฏิบัตติ ามสญั ญาณ และคาสั่ง 6.1.2 สงั เกตความกลา้ ในการแสดงออก และการตอบคาถาม 6.1.3 ตรวจการวาดภาพ 6.2 เครือ่ งมอื วดั ผล 6.2.1 แบบประเมินผลการจดั ประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการวาดภาพ 6.6 เกณฑ์การวัดผลและประเมินผล ระดบั 3 ดี ระดบั 2 พอใช้ ระดับ 1 ปรบั ปรงุ

117 แผนกำรจดั ประสบกำรณ์ที่ 33 ชน้ั อนุบำลปีท่ี 2 สำระท่ีควรเรียนร้ทู ่ี 3 ธรรมชำติรอบตัว หน่วย ฤดูกาลบ้านเรา เรื่อง เมฆฝนบนฟา้ 2 สปั ดำห์ท่ี 7 ลำดับวันท่ี 33 ครผู ้สู อน คณุ ครโู ชติกา เสือพิณ โรงเรยี น วดั ท่าบญุ มี สพป. ชบ. 2 1. สาระสาคญั ฝนเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาตอิ ย่างหนึ่ง ท่เี กิดจากเมฆบนท้องฟ้า ในประเทศไทยของ เรามักจะมกี ารเกดิ ฝนในชว่ งเดือนพฤษภาคม ถงึ เดือนกนั ยายน เรยี กวา่ ฤดูฝน 2. จุดประสงค์การเรียนรู้ 2.1 เพ่ือให้เด็กมีความรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั ลักษณะอากาศในแตล่ ะวนั และสามารถนาไปปรบั ใชใ้ น ชวี ติ ประจาวัน 2.2 เพอ่ื ใหเ้ ด็กปฏบิ ตั ติ ามสัญญาณ และข้อตกลง 2.3 เพอ่ื ให้เดก็ สามารถสรา้ งผลงานไดอ้ ย่างสรา้ งสรรค์ และอิสระ 2.4 เพอ่ื ให้เด็กสามารถแสดงความคิดเห็น และตอบคาถามเก่ยี วกับเรอ่ื งสนทนาได้ 2.5 เพ่อื พฒั นากล้ามเนือ้ ใหญ่ และกลา้ มเนื้อเลก็ และประสาทสัมพันธร์ ะหว่างมือกบั ตา 2.6 เพ่อื ใหเ้ ด็กสามารถเลอื กชิ้นส่วนเลก็ ท่ีมีภาพเป็นสิ่งเดยี วกนั กบั ภาพท่ีกาหนดใหไ้ ด้ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 การเกดิ ฝน 3.2 ประสบการณส์ าคัญ 3.2.1 การอธิบายเกยี่ วกับสิ่งของ เหตกุ ารณ์ และความสัมพันธข์ องสงิ่ ต่าง ๆ 3.2.2 การสังเกตความเปลีย่ นแปลงของฤดู 3.2.3 การมปี ระสบการณ์และการเรียงลาดบั เหตุการณ์ต่าง ๆ 4. กิจกรรมการเรียนรู้ 4.1 กจิ กรรมเคล่ือนไหวและจงั หวะ (20 นาท)ี 4.1.1 กิจกรรมพืน้ ฐาน ใหเ้ ด็กเคลือ่ นไหวรา่ งกายไปท่ัว ๆ บรเิ วณอยา่ งอิสระ เมอื่ ได้ยิน สญั ญาณหยุดให้หยุดเคลื่อนไหวในท่านัน้ ทันที 4.1.2 เด็กและครู สนทนาร่วมกันเก่ียวกับข้อตกลงทจี่ ะใหป้ ฏิบตั กิ ิจกรรม ดังน้ี - ครแู จกแถบกระดาษ สมี ว่ ง คราม นา้ เงิน เขียว เหลือง แสด แดง ใหเ้ ดก็ คนละ 1 เส้น - ให้เดก็ เคล่อื นไหวร่างกายพร้อมกับโบกเสน้ กระดาษสไี ปมาอย่างอิสระ

118 - เมอ่ื ได้ยินสญั ญาณหยุดให้เดก็ จับกลมุ่ 7 คนตามสีของรงุ้ กนิ นา้ แลว้ น่ัง 4.1.3 ใหเ้ ดก็ เคลื่อนไหวอย่างอิสระ เมื่อไดย้ ินสญั ญาณหยุดใหห้ ยุดปฏิบตั ิตามข้อตกลงทท่ี า รว่ มกนั ไว้ 4.1.4 ให้เด็กปฏิบัติกจิ กรรมลกั ษณะนซี้ ้าอกี 2 – 3 รอบ หรอื จนสมควรแกเ่ วลา 4.2 กจิ กรรมสร้างสรรค์และกิจกรรมเสรี (60 นาที) 4.2.1 เด็กและครูรว่ มกนั จัดโต๊ะเพ่ือใช้ฝึกกจิ กรรมพบั สี โดยครอู ธิบายวิธกี ารเลน่ ใหเ้ ดก็ ฟงั ดังนี้ - หยดสที ีผ่ สมนา้ แล้วลงบนกระดาษ - พบั กระดาษตรงสที ห่ี ยดไว้แลว้ ใชม้ ือรดี เบา ๆ แล้วคลี่ กระดาษออก จะเป็นภาพ ตามจนิ ตนาการนัน้ 4.2.2 ครใู หเ้ ดก็ ลงมือปฏบิ ตั ิกิจกรรมทค่ี รแู นะนา ตามความคิด และจินตนาการของตนเอง อยา่ งอสิ ระ 4.2.3 เมือ่ เด็กคนใดปฏิบัตกิ ิจกรรมเสร็จแล้ว นาผลงานมาใหค้ รดู ู โดยบอกชอื่ ผลงานและ วิธกี ารทา ผลงานใดท่เี หมาะสมจะจดั เก็บ ใหเ้ กบ็ ไวใ้ นกล่องสะสมผลงานของเด็ก เอง โดยครูเขยี นชอื่ ผลงาน ชอ่ื เด็ก วนั เดอื นปีท่ีทากากบั ไว้ด้วย สาหรับเดก็ ที่ ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมเสรจ็ แลว้ หรือรอโต๊ะวา่ งให้เล่นตามมุมทอี่ ิสระเปน็ การฝึกการรอ โอกาสและการแบง่ ปนั กัน 4.2.4 เมอ่ื เด็กปฏิบัติกจิ กรรมครบทุกคนแล้ว ครูแนะนาให้เด็กช่วยกนั ทาความสะอาด บริเวณและชว่ ยจดั เก็บสิง่ ของ อุปกรณ์ต่าง ๆ เขา้ ท่ใี ห้เรยี บรอ้ ย 4.3 กจิ กรรมเสรมิ ประสบการณ์ (15 นาท)ี 4.3.1 เด็กและครสู นทนาร่วมกันเก่ยี วกับฝนที่ตกอยู่ในทุกวนั น้วี ่าเกดิ มาจากอะไรและเกดิ ข้ันได้อย่างไร โดยครเู ลา่ นทิ านเรอื่ ง “หยดนา้ ฝนผจญภยั ” ให้เด็กฟังเสร็จแล้ว สนทนารว่ มกันเก่ียวกบั เรือ่ งในนทิ าน โดยครตู ั้งคาถาม - แม่น้า ลาคลองเกดิ ข้นั ได้อย่างไร - เวลาฝนตกเดก็ ๆ ชอบหรือไม่ เพราะอะไร - ถา้ ฝนตกมาก ๆ จะเป็นอย่างไร เป็นต้น 4.4 กจิ กรรมกลางแจง้ (45 นาที) 4.4.1 เดก็ และครูสนทนาร่วมกนั เกย่ี วกบั การเลน่ เกมจบั คกู่ ระโดด โดยครอู ธิบาย และสาธิต วธิ ีการเลน่ ให้เดก็ ดู ดังน้ี - เด็กจบั มอื กนั เป็นคู่ หันหน้าไปทางเดียวกนั - ครูออกคาสัง่ ใหเ้ ด็กกระโดดในทิศทางใดก็ได้ เช่น ไปขา้ งหนา้ ไปข้าหลงั ไป ทางขวา ไปทางซ้าย ยอ่ ตวั ฯลฯ - ถา้ คใู่ ดมือหลดุ จากนั คนู่ ั้นตอ้ งออกจากการแข่งขัน

119 - เล่นไปเรือ่ ย ๆ จนเหลอื คุส่ ุดทา้ ย เป็นผ้ชู นะ 4.4.2 ครูให้เดก็ ได้เลน่ อย่างอิสระ 5 – 10 นาที กอ่ นทจี่ ะใหเ้ ด็กไปทาความสะอาด ร่างกาย ล้างหน้า ลา้ งมือ ทาธรุ ะสว่ นตัว กลบั เขา้ หอ้ งเรียน เพ่ือเตรยี มตัวไป รับประทานอาหารกลางวัน 4.6 กจิ กรรมเกมการศกึ ษา (20 นาท)ี 4.6.2 เด็กและครูสนทนารว่ มกันเกยี่ วกบั เกมเรยี งลาดบั ภาพเหตกุ ารณ์การเกดิ ฝน โดยครู อธิบายวิธีการเล่นให้เดก็ ฟัง 4.6.3 ครแู บ่งเด็กเปน็ กลุม่ ให้เลน่ เกมชดุ ใหม่ทค่ี รูแนะนา และเกมทเ่ี คยเลน่ มาแลว้ หรือ เครื่องเลน่ สมั ผสั 4.6.4 เม่อื เด็กเล่นเกมเสรจ็ แล้ว ครูแนะนาให้ช่วยกนั เก็บสง่ิ ของต่าง ๆ เข้าที่ให้เรยี บร้อย 5. สอื่ การเรยี น / แหลง่ การเรียนรู้ 5.1 สนี า้ พกู่ นั 5.2 คาคลอ้ งจองฝนตกแดดออก 5.3 เกมจับคู่กระโดด 5.4 เกมเรียงลาดบั ภาพเหตุการณ์การเกดิ ฝน 6. การวดั ผลและประเมินผล 6.1 วธิ ีวัดผลและประเมนิ ผล 6.1.1 สังเกตการปฏิบตั ิตามสญั ญาณ และข้อตกลง 6.1.2 สงั เกตการแสดงความคิดเห็น และการตอบคาถาม 6.1.3 ตรวจผลงานการพับสี 6.2 เคร่อื งมอื วดั ผล 6.2.1 แบบประเมินผลการจดั ประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการพับสี 6.3 เกณฑ์การวัดผลและประเมนิ ผล ระดบั 3 ดี ระดบั 2 พอใช้ ระดับ 1 ปรับปรงุ

120 แผนกำรจัดประสบกำรณ์ท่ี 34 ช้ันอนบุ ำลปีที่ 2 สำระทค่ี วรเรียนรู้ท่ี 3 ธรรมชำติรอบตัว หนว่ ย ฤดูกาลบา้ นเรา เร่อื ง อาชพี ในฤดฝู น สัปดำหท์ ่ี 7 ลำดับวันท่ี 34 ครผู สู้ อน คุณครโู ชติกา เสอื พิณ โรงเรียน วดั ท่าบุญมี สพป. ชบ. 2 1. สาระสาคัญ อาชีพที่ทาในฤดูฝนมีหลายอาชีพ เช่น การทานา การประมง การทาสวน ซึ่งเป็นอาชพี อย่างหนงึ่ ของประชาชนคนไทย และเกษตรกรสว่ นใหญจ่ ะทาในชว่ งฤดูฝน 2. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 2.1 เพอ่ื ให้เด็กมีความรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั ลักษณะอากาศในแต่ละวนั และสามารถนาไปปรบั ใช้ใน ชวี ิตประจาวัน 2.2 เพอ่ื ให้เดก็ ปฏิบัตติ ามสญั ญาณ และข้อตกลง 2.3 เพ่ือให้เดก็ สามารถสรา้ งผลงานได้อย่างสรา้ งสรรค์ และอสิ ระ 2.4 เพื่อให้เดก็ สามารถแสดงความคดิ เห็น และตอบคาถามเกยี่ วกบั เร่อื งสนทนาได้ 2.5 เพอื่ พฒั นากล้ามเน้อื ใหญ่ และกล้ามเนื้อเล็ก และประสาทสมั พันธ์ระหวา่ งมือกบั ตา 2.6 เพ่ือให้เดก็ สามารถเลอื กชิน้ ส่วนเลก็ ท่มี ีภาพเป็นสิ่งเดยี วกันกับภาพท่ีกาหนดให้ได้ 3. สารระการเรยี นรู้ 3.1 อาชพี ในฤดฝู น 3.2 ประสบการณ์สาคญั 3.2.1 การสังเกตความเปลีย่ นแปลงของฤดู 3.2.2 การสารวจและอธบิ ายความเหมอื น ความตา่ งของสิง่ ตา่ ง ๆ 3.2.3 การวางแผนการตดั สนิ ใจเลือกลงมอื ปฏิบัติ 4. กจิ กรรมการเรียนรู้ 4.1 กิจกรรมเคลื่อนไหวและจงั หวะ (20 นาที) 4.1.1 กจิ กรรมพนื้ ฐาน ให้เดก็ เคล่ือนไหวรา่ งกายไปทั่ว ๆ บริเวณอย่างอสิ ระ เมื่อได้ยนิ สญั ญาณหยดุ เคล่ือนไหวในท่าน้ันทนั ที 4.1.2 เด็กและครสู นทนารว่ มกนั เกย่ี วกบั ข้อตกลงทีจ่ ะใหป้ ฏบิ ตั กิ จิ กรรม เช่น การทาท่า ทางเลียนแบบสัตว์ตา่ ง ๆ ท่ีมีในฤดูฝน 4.1.3 ให้เดก็ เคล่ือนไหวรา่ งกายอิสระ เม่อื ได้ยนิ สัญญาณหยดุ ให้หยุดและปฏบิ ตั ติ รม ข้อตกลงท่ไี ด้ทาร่วมกันไว้

121 4.1.4 เดก็ และครูสนทนาร่วมกนั กาหนดข้อตกลงใหม่ แลว้ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมในขอ้ 4.1.3 ซ้าอกี 4.2 กจิ กรรมสรา้ งสรรค์และกิจกรรมเสรี (60 นาท)ี 4.2.1 เดก็ และครรู ่วมกนั จัดโต๊ะเพ่ือใช้ฝกึ กจิ กรรมการพิมพภ์ าพ โดยครูอธิบายวิธีการทา ให้เด็กดู โดยใช้สว่ นตา่ งๆ ของรา่ งกาย เช่น นิ้วมือ ฝา่ มือ หลงั มือ ดังน้ี - ใช้สนี า้ หรอื สฝี นุ่ ผสมน้า ใสภ่ าชนะพอเหมาะกบั การใชพ้ ิมพ์ภาพได้ - ใช้นว้ิ หรอื ฝ่ามอื แตะลงทส่ี ีแล้วกดลงบนกระดาษจะไดภ้ าพพิมพน์ น้ั 4.2.2 เมื่อเด็กคนใดปฏิบตั ิกิจกรรมเสร็จแลว้ นาผลงานมาให้ครดู ู โดยบอกชอื่ ผลงานและ วิธกี ารทา ผลงานใดท่ีเหมาะสมจะจดั เก็บ ให้เกบ็ ไวใ้ นกลอ่ งสะสมผลงานของเด็ก เอง โดยครเู ขยี นชอ่ื ผลงาน ช่ือเด็ก วนั เดือนปีท่ีกากบั ได้ด้วย 4.2.3 เด็กคนใดที่ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมทเ่ี สร็จแลว้ หรือกาลังรอโตะ๊ วา่ งใหเ้ ล่นตามมุมอิสระรอ เพื่อน ๆ 4.2.4 เมื่อเด็กปฏิบัติกจิ กรรมครบทุกคนแลว้ ครแู นะนาให้เด็กช่วยกันทาความสะอาด บรเิ วณและช่วยกนั จัดเก็บสิ่งของ อปุ กรณ์ต่าง ๆ เข้าท่ีให้เรียบรอ้ ย 4.3 กจิ กรรมเสรมิ ประสบการณ์ (15 นาที) 4.3.1 เด็กและครูสนทนารว่ มกนั เกย่ี วกบั อาชีพ ของคนในท้องถิน่ ว่า ในชว่ งฤดูฝนน้ี ประกอบอาชีพอะไรบ้าง ซง่ึ จะได้คาตอบทห่ี ลากหลาย และครูอธิบายให้เดก็ ฟงั ว่า นอกจากอาชีพที่เด็กบอกมาแลว้ ยงั มอี าชีพอย่างหน่ึงท่ีสาคัญท่สี ดุ คอื อาชีพทานา 4.3.2 ครูเลา่ นิทานเรอื่ ง “ลงุ คาทานา” ให้เดก็ ๆ ฟงั เสร็จแลว้ สนทนาร่วมกนั เกี่ยวกบั เรอ่ื งในนทิ าน โดยครูตง้ั คาถามให้เด็กตอบ เชน่ - ลงุ คามอี าชีพอะไร - เมอ่ื ฝนตกลุงคารสู้ ึกอย่างไร - เด็ก ๆ เคยทานาหรือไม่ อย่างไร 4.3.3 เดก็ และครูร่วมกนั ร้องเพลง “ฝนเทลงมา” โดยครรู อ้ งใหฟ้ ังกอ่ น แลว้ จงึ ให้เด็กร้อง ตาม จนสามารถรอ้ งได้ เสร็จแล้วสนทนารว่ มกนั เกย่ี วกบั เนื้อหาของเพลง 4.3.4 เด็กและครสู นทนา สรปุ ร่วมกันเก่ียวกับอาชีพทานา โดยครูอธิบายความสาคัญของ การทานาแบบดง้ั เดมิ และการอนุรักษ์อาชพี ทานาใหเ้ ด็ก ๆ รสู้ ึกรกั และหวงแหนใน วฒั นธรรมการทานาของไทยด้วย 4.4 กิจกรรมกลางแจง้ (45 นาที) 4.4.1 เด็กจดั แถวตอนเรียงหน่งึ วงิ่ ตามกันลงสู่สนาม และเมื่อถงึ สนามแลว้ ใหเ้ ดก็ อบอ่นุ รา่ งกายโดยการวงิ่ เหยาะ ๆ 2 – 3 นาที 4.4.2 เด็กและครสู นทนาร่วมกันเก่ียวกับการเล่นว่ิงเป้ยี ว แลว้ แบ่งเดก็ เป็นกลมุ่ ๆ ให้เลน่ แขง่ กนั จนได้ผู้ชนะ โดยครคู อยดูแลอย่างใกล้ชดิ

122 4.4.3 ให้เด็กไดเ้ ลน่ อย่างอสิ ระ 5 – 10 นาที เสรจ็ แล้วใหเ้ ดก็ ไปทาความสะอาดร่างกาย ลา้ งหนา้ ลา้ งมือ ทาธรุ ะสว่ นตวั กลบั เข้าหอ้ งเรยี น เพ่ือเตรยี มตัวไปรับประทาน อาหารกลางวัน 4.5 กจิ กรรมเกมการศึกษา (20 นาท)ี 4.5.1 เดก็ และครสู นทนาร่วมกนั เก่ยี วกบั เกมตดั ต่อภาพฝนตก โดยครูอธิบายวธิ ีการเลน่ ให้ เด็กฟัง 4.5.2 ครแู บ่งกลมุ่ เดก็ ให้เล่นเกมชุดใหมท่ ่คี รูแนะนา และเกมท่ีเคยเล่นมาแลว้ หรือเครอื่ ง เล่นสมั ผสั 4.5.3 เม่ือเด็กเล่นเกมเสร็จแล้ว ครูแนะนาใหเ้ ด็กช่วยกนั เกบ็ สิ่งของต่าง ๆ เข้าทใ่ี ห้ เรียบร้อย 5. สื่อการเรยี น / แหล่งการเรียนรู้ 5.1 สีน้า สฝี ุ่น 5.2 นิทานเรื่อง ลุงคาทานา 5.3 เพลงฝนเทลงมา 5.4 เกมภาพตัดตอ่ ฝนตก 6. การวดั ผลและประเมินผล 6.1 วธิ ีวดั ผลและประเมินผล 6.1.1 สงั เกตการปฏิบัติตามสญั ญาณ และข้อตกลง 6.1.2 สงั เกตการพดู แสดงความคิดเห็น และการตอบคาถาม 6.1.3 ตรวจผลงานการพิมพ์ภาพ 6.2 เคร่ืองมือวดั ผล 6.2.1 แบบประเมนิ ผลการจดั ประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการพมิ พ์ภาพ 6.4 เกณฑ์การวัดผลและประเมินผล ระดบั 3 ดี ระดบั 2 พอใช้ ระดับ 1 ปรับปรงุ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook