Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อ.2 เทอม1

อ.2 เทอม1

Description: อ.2 เทอม1

Search

Read the Text Version

23 แผนกำรจดั ประสบกำรณ์ท่ี 8 ชน้ั อนุบำลปีท่ี 2 สำระท่ีควรเรียนรู้ท่ี 2 เรอื่ งรำวเก่ยี วกับตัวเดก็ หนว่ ย ตวั ของฉนั เร่อื ง ความสะอาด ลำดบั วันที่ 8 สัปดำห์ท่ี 2 ครผู ูส้ อน คุณครโู ชติกา เสอื พิณ โรงเรียน วัดท่าบุญมี สพป. ชบ. 2 1. สำระสำคัญ รา่ งกายของเราประกอบด้วยอวัยวะหลายสว่ น บางส่วนเราต้องดูแลเรอ่ื งความสะอาด มากกวา่ สว่ นอ่นื ๆ การรักษาความสะอาดของร่างกายอย่างสมา่ เสมอทาให้เราใชช้ วี ิตได้อย่างมีความสุข และ มน่ั ใจในตนเอง 2. จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ 2.1 เพือ่ ให้เด็กมีความรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับความแตกต่างของร่างกายของเรา 2.2 เพื่อให้เดก็ สามารถปฏิบัติตามสัญญาณ และคาส่ังได้ 2.3 เพื่อใหเ้ ด็กสามารถสร้างผลงานไดอ้ ยา่ งสรา้ งสรรค์ และอิสระ 2.4 เพื่อใหเ้ ด็กสามารถแสดงความคดิ เหน็ และตอบคาถามเก่ียวกบั เรื่องทสี่ นทนาได้ 2.5 เพอ่ื ให้นักเรียนบอกความแตกต่างร่างกายแตล่ ะคนได้ 2.6 เพ่ือให้เด็กสามารถปรับตวั ในการเล่นร่วมกบั ผู้อน่ื ได้ 2.7 เพื่อใหเ้ ด็กสามารถเล่นเกมท่ีกาหนดได้ 3. สำระกำรเรยี นรู้ 3.1 กำรรกั ษำควำมสะอำดร่ำงกำย 3.2 ประสบกำรณ์สำคัญ 3.2.1 การพดู กบั ผู้อื่นเก่ียวกับประสบการณ์ของตนเอง หรือเล่าเร่ืองเกยี่ วกับตนเอง 3.2.2 การแสดงความคิดสรา้ งสรรค์ผ่านการเคลือ่ นไหว 4. กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ 4.1 กจิ กรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ (20 นำท)ี 4.1.1 กิจกรรมพนื้ ฐาน ให้เดก็ เคล่ือนไหวรา่ งกายไปทวั่ ๆ บริเวณอย่างอิสระ ตามจังหวะ เมอื่ ไดย้ ินสัญญาณหยุดใหห้ ยุดเคลอื่ นไหวในทา่ นั้นทนั ที 4.1.2 เดก็ และครูรว่ มกันกาหนดคาสง่ั เพอื่ ปฏิบัติกิจกรรม เชน่ ปรบมือ 1-2-3 ครง้ั ผงก ศรี ษะ 1-2-3 คร้งั กระโดด 1-2-3 ครงั้ เป็นตน้ 4.1.3 ใหเ้ ด็กเคล่ือนไหวร่างกายไปทั่ว ๆ บรเิ วณอย่างอิสระ เมื่อได้ยนิ สญั ญาณหยดุ ให้หยุด ฟังคาส่งั และปฏิบตั ิตาม 4.1.4 เด็กและครรู ว่ มกนั กาหนดคาสั่งขนึ้ ใหม่ และปฏิบตั ิกิจกรรมในข้อ 4.1.3 ซา้ อีก

24 4.2 กจิ กรรมสรำ้ งสรรคแ์ ละกิจกรรมเสรี (60 นำท)ี 4.2.1 เดก็ และครูช่วยกนั จดั โต๊ะเพอ่ื ปฏิบัติกจิ กรรมการรอ้ ยลูกปัดสี โดยครสู าธิตวธิ กี ารทา ให้เดก็ ดู เสรจ็ แลว้ ใหเ้ ดก็ ลงมือปฏบิ ตั ิกิจกรรมตามความคดิ และจนิ ตนาการของ ตนเอง อยา่ งอิสระโดยครูคอยให้คาแนะนา และดูแลอันตรายที่อาจจะเกดิ จากเข็ม การร้อยอย่างใกลช้ ิด 4.2.2 เม่ือเด็กปฏิบัติกจิ กรรมเสร็จแล้วใหน้ าผลงานมาให้ครูดูพรอ้ มกับเล่าให้ครูฟังถงึ ชื่อ ผลงาน วิธที า ครูให้คาชมเชย ใหก้ าลังใจ และให้เก็บผลงานไว้ในกล่องสะสม ผลงานของตนเอง 4.2.3 เมื่อเด็กปฏิบัติกจิ กรรมครบทุกคนแล้ว ครูแนะนาให้เดก็ ช่วยกันทาความสะอาด อุปกรณ์ พื้นท่ีปฏิบตั ิกจิ กรรม และเกบ็ ส่ิงของต่าง ๆ เข้าท่ใี ห้เรยี บร้อย 4.3 กิจกรรมเสริมประสบกำรณ์ (15 นำที) 4.3.1 เดก็ และครูสนนาร่วมกนั เก่ยี วกับร่างกายของเราวา่ มคี วามเหมอื นและแตกต่างกนั อยา่ งไรไม่ใชส่ ง่ิ สาคัญ เพราะถ้าร่างกายเราสกปรก และไม่รู้จักการรกั ษาความ สะอาด รา่ งกายของเราอาจจะเกิดโรคได้ เชน่ โรคผิวหนัง ฟนั ผุ 4.3.2 เดก็ และครูรว่ มกันร้องเพลง “อาบนา้ ” โดยครูร้องให้เด็กฟังกอ่ น แล้วใหเ้ ดก็ ร้อง ตามเสรจ็ แล้วสนทนารว่ มกนั เกี่ยวกับภาพเด็ก 2 คน คือภาพเด็กทมี่ รี า่ งกายและ เสอ้ื ผ้ามอมแมมสกปรก และภาพเด็กที่มีรา่ งกายและเส้ือผ้าสะอาด โดยครตู ั้งคาถาม ใหเ้ ดก็ ตอบ เช่น - เม่อื ดูภาพแล้วเด็กรสู้ ึกอย่างไร - รปู ร่างของเด็กกับภาพแตกตา่ งกนั อยา่ งไร 4.3.3 ใหเ้ ดก็ จับคู่กันตรวจดูเสอ้ื ผ้า และความสะอาดของคูต่ นเอง แล้วสรุปร่วมกันว่า เพราะเหตุใดร่างกายและเส้อื ผ้าของเราจึงไมส่ ะอาด 4.3.4 เดก็ และครูสนทนา สรุปรว่ มกันเก่ยี วกับการรักษาความสะอาดของร่างกาย และ กาหนดแนวทางสาหรบั นาไปปฏิบตั ิในชวี ติ ประจาวัน 4.4 กจิ กรรมกลำงแจง้ (45 นำที) 4.4.1 ใหเ้ ดก็ จัดแถงตอนเรยี งสองจูงมือกันว่ิงลงสนามเป็นคู่ ๆ (เด็กทีไ่ มม่ ีคู่ให้จูงมือกับคร)ู เมอ่ื ถึงสนามแลว้ ใหเ้ ด็กอบอนุ่ ร่างกายดว้ ยการวิง่ เหยาะ ๆ อย่กู บั ที่ 2 – 3 นาที 4.4.2 ครูแนะนาให้เดก็ รจู้ ักลกู บอลพลาสตกิ และอธิบายวธิ กี ารเล่นโยนบอลและชิงบอล ให้เดก็ ฟังแลว้ ใหเ้ ด็กแบง่ กลุ่มเปน็ 2 – 3 กลมุ่ ใหเ้ ลน่ โยนบอล และชิงบอลอย่าง อสิ ระ โดยครคู อยดูแลความปลอดภัยอยา่ งใกลช้ ดิ 4.4.3 เม่ือได้เวลาพอสมควรครใู หเ้ ด็กไปทาความสะอาดรา่ งกาย ล้างหนา้ ล้างมือ ทาธรุ ะ สว่ นตัว กลับเขา้ ห้องเรียนเพ่ือเตรยี มตัวไปรับประทานอาหารกลางวนั

25 4.5 กจิ กรรมเกมกำรศึกษำ (20 นำที) 4.5.1 เด็กและครสู นทนาร่วมกนั เกีย่ วกับเกมภาพตัดต่อร่างกายของฉัน โดยครอู ธิบาย วธิ ีการเล่นใหเ้ ด็กฟัง 4.5.2 แบง่ เดก็ เป็นกลุ่ม ให้แตล่ ะกลุ่มเลน่ เกมชุดใหม่ทคี่ รแู นะนา เกมท่เี คยเล่นมาแล้ว หรอื เครอื่ งเล่นสมั ผัส 4.5.3 เมอ่ื เด็กเลิกเล่นแล้ว ครูแนะนาให้เดก็ ๆ ชว่ ยกันเกบ็ ส่งิ ของต่าง ๆ เขา้ ที่ให้เรยี บรอ้ ย 5. ส่ือกำรเรยี น / แหล่งกำรเรียนรู้ 5.1 ลกู ปัดสี ดา้ ย เข็ม 5.2 เพลงอาบน้า 5.3 เกมโยนบอล และเกมชิงบอล 5.4 เกมภาพตัดต่อรา่ งกายของฉนั 6. กำรวดั ผลและประเมินผล 6.1 วธิ ีวดั ผลและประเมินผล 6.1.1 สงั เกตการปฏบิ ัติตามสัญญาณ และคาสั่ง 6.1.2 สงั เกตการแสดงความคดิ เห็น และการตอบคาถาม 6.1.3 ตรวจผลงานการรอ้ ยลกู ปัดสี 6.2 เครื่องมอื วัดผล 6.2.1 แบบประเมินผลการจัดประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการร้อยลูกปัดสี 6.3 เกณฑก์ ำรวดั ผลและประเมนิ ผล ระดบั 3 ดี ระดบั 2 พอใช้ ระดับ 1 ปรับปรงุ

26 แผนกำรจดั ประสบกำรณท์ ี่ 9 ชัน้ อนบุ ำลปที ่ี 2 สำระท่ีควรเรยี นรทู้ ่ี 2 เรอ่ื งรำวเกี่ยวกบั ตัวเด็ก หนว่ ย ตวั ของฉนั เร่ือง เรื่องราวเกยี่ วกบั ตัวเด็ก สัปดำหท์ ี่ 2 ลำดับวันท่ี 9 ครูผสู้ อน คุณครโู ชติกา เสอื พิณ โรงเรียน วดั ทา่ บญุ มี สพป. ชบ. 2 1. สำระสำคญั การดาเนินชวี ติ ในประจาวนั บางคร้ังก็ต้องพ่ึงพาอาศัยคนอ่นื แตถ่ า้ เราสามารถชว่ ยเหลอื และดูแลตนเองไดต้ ามความสามารถ และวัยแลว้ ก็ควรกระทา เป็นการแบ่งเบาภาระของครู และพ่อแม่ได้ 2. จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ 2.1 เพื่อใหเ้ ดก็ มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกบั ความแตกต่างของร่างกายของเรา 2.2 เพอื่ ให้เดก็ สามารถปฏิบตั ิตามสัญญาณ และคาส่งั ได้ 2.3 เพ่ือใหเ้ ด็กสามารถสรา้ งผลงานไดอ้ ย่างสร้างสรรค์ และอสิ ระ 2.4 เพื่อใหเ้ ด็กสามารถแสดงความคิดเห็น และตอบคาถามเก่ียวกบั เร่ืองที่สนทนาได้ 2.5 เพื่อใหน้ ักเรียนบอกความแตกต่างรา่ งกายแต่ละคนได้ 2.6 เพอื่ ใหเ้ ด็กสามารถปรบั ตัวในการเล่นรว่ มกับผ้อู ืน่ ได้ 2.7 เพ่อื ให้เด็กสามารถเลน่ เกมทก่ี าหนดได้ 3. สำระกำรเรียนรู้ 3.1 กำรช่วยเหลือตนเอง 3.2 ประสบกำรณ์สำคัญ 3.2.1 การแสดงความรู้สึกด้วยคาพูด 3.2.2 การพูดกับผู้อ่ืนเกี่ยวกบั ประสบการณข์ องตนเองหรือเล่าเรื่องเก่ยี วกับ ตนเอง 3.2.3 เพ่อื ให้เดก็ สามารถแสดงความคดิ เหน็ และตอบคาถามเกี่ยวกับเรอื่ งทส่ี นทนาได้ 3.2.4 เพือ่ ใหเ้ ด็กสามารถเล่นเกมท่ีกาหนดใหไ้ ด้ 4. สำระกำรเรยี นรู้ 4.1 กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ (20 นำที) 4.1.1 กิจกรรมพ้ืนฐาน ใหเ้ ด็กเคลอื่ นไหวร่างกายไปท่วั ๆ บริเวณอย่างอสิ ระตามจังหวะ เมอื่ ไดย้ นิ สญั ญาณหยุดให้หยุดเคลอ่ื นไหวในทา่ นั้นทันที 4.1.2 เดก็ และครสู นทนารว่ มกนั เกย่ี วกับคาบรรยายทจี่ ะปฏิบัติกจิ กรรม เช่น “เด็ก ๆ เลิกเรยี นแล้ว พากนั เดนิ กลับบ้านอย่างเปน็ ระเบียบ ถึงบา้ นแล้วสวสั ดคี ณุ พอ่ คุณ

27 แม่ เดินกม้ ตวั ผ่านคุณพ่อ คุณแม่ เอากระเปา๋ ไปเก็บไว้โต๊ะเขียนหนงั สือ ถอด เสอื้ ผ้า กางเกง ถุงเทา้ อาบนา้ เช็ดตวั ใสเ่ ส้ือผา้ ชุดใหม่ หวีผม เดนิ ไปหยิบขนม มารับประทาน เสร็จแล้วนาถ้วยขนมไปลา้ งและเก็บเขา้ ที่” 4.1.3 ครูใหเ้ ดก็ เคลื่อนไหวร่างกายอิสระ เมอื่ ได้ยนิ สญั ญาณหยุด ใหห้ ยุดและปฏิบัติตาม คาบรรยายของครู 4.1.4 ให้เด็กปฏิบตั ิกิจกรรมนซี้ ้าอกี 2 – 3 เทีย่ ว 4.2 กิจกรรมสรำ้ งสรรค์และกิจกรรมเสรี (60 นำที) 4.2.1 เด็กและครชู ่วยกนั จดั โต๊ะเพือ่ ปฏบิ ตั ิกิจกรรมการร้อยหลอดกาแฟ เสร็จแลว้ ครู สาธติ วิธีการทาให้เด็กดู เสร็จแลว้ ให้เดก็ ลงมือปฏิบัติกจิ กรรมอย่างอสิ ระ โดยครู คอยให้คาแนะนา และดูแลอันตรายที่อาจจะเกิดจากการร้อยเข็มอยา่ งใกล้ชิด 4.2.2 เมอื่ เด็กปฏบิ ตั ิกิจกรรมเสร็จแลว้ ใหน้ าผลงานมาใหค้ รดู ูพร้อมกับเล่าใหค้ รูดพู ร้อมกบั เลา่ ใหค้ รฟู ังถงึ ชอ่ื ผลงาน วธิ ีทา ครูใหค้ าชมเชย ให้กาลงั ใจ และให้เกบ็ ผลงานไว้ ในกล่องสะสมผลงานของตนเอง 4.2.3 เม่อื เด็กปฏิบตั ิกิจกรรมครบทุกคนแลว้ ครแู นะนาให้เดก็ ช่วยกนั ทาความสะอาด อุปกรณ์ พืน้ ที่ปฏบิ ัติกจิ กรรมและเกบ็ ส่ิงของต่าง ๆ เข้าท่ีให้เรยี บรอ้ ย 4.3 กิจกรรมเสรมิ ประสบกำรณ์ (15 นำที) 4.3.1 เดก็ และครสู นทนารว่ มกนั เกี่ยวกับการช่วยเหลอื ตนเอง ดูแลตนเองใน ชวี ติ ประจาวันทงั้ ในด้านการรกั ษาความสะอาด และการออกกาลังเพื่อใหร้ า่ งกาย แขง็ แรง โดยร่วมกนั ท่องคาคล้องจอง “เดก็ น้อย” 4.3.2 เดก็ และครสู นทนาร่วมกนั เกี่ยวกับการปฏิบัติตนให้มีรา่ งกายท่ีแข็งแรง โดยครนู าสุข บญั ญตั ิ 10 ประการมาประกอบการสนทนา เสรจ็ แลว้ ครตู ั้งคาถามให้เด็กช่วยกนั ตอบ เช่น - ทาไมเราต้องรบั ประทานอาหรทุกวัน - ทาไมเราตอ้ งออกกาลงั กายอย่างสมา่ เสมอ - ทาไมเราต้องรักษาสะอาดของรา่ งกายทุกวัน 4.3.3 ครนู าเด็ก ๆ ไปวัดความสูง และช่ังนา้ หนกั เกบ็ เปน็ สถิตเิ พอ่ื เปรยี บเทียบวา่ ในช่วง ปลายปเี ดก็ มีพฒั นาการเปล่ยี นแปลงไปอย่างไร 4.3.4 เดก็ และครูสนทนา สรุปร่วมกันเก่ียวกับการชว่ ยเหลอื ตนเอง และการออกกาลัง กายพร้อมท้ังกาหนดแนวทางในการปฏบิ ัติ เพื่อนาไปปฏิบัติในชีวิตประจาวัน 4.4 กิจกรรมกลำงแจ้ง (45 นำที) 4.4.1 ให้เด็กจัดแถวตอนเรยี งสองจงู มือกนั เดนิ ลงสนามเป็นคู่ ๆ อยา่ งเปน็ ระเบยี บ (เดก็ ที่ ไม่มีค่ใู ห้จูงมือกับคร)ู เม่ือถึงสนามแล้วให้เด็กอบอุน่ ร่างกายดว้ ยการวงิ่ เหยาะ ๆ อยู่ กับท่ี 2 – 3 นาที

28 4.4.2 เด็กและครสู นทนาร่วมกันเกยี่ วกบั เกมโยนบอลและชิงบอล ซึง่ เปน็ เกมทเ่ี ดก็ เคยเลน่ มาแลว้ เสร็จแล้วให้เด็กเลน่ เกมนี้ และเคร่ืองเล่นสนามอย่างอิสระโดยครูคอยดแู ล ความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด 4.4.3 เมอ่ื ไดเ้ วลาพอสมควรครใู ห้เด็กไปทาความสะอาดร่างกาย ล้างหนา้ ลา้ งมอื ทา ธรุ ะสว่ นตัว กลบั เข้าหอ้ งเรยี นเพือ่ เตรยี มตวั ไปรับประทานอาหารกลางวนั 4.5 กิจกรรมเกมกำรศึกษำ (20 นำที) 4.5.1 เด็กและครสู นทนารว่ มกนั เกีย่ วกบั เกมจบั คู่หาความสัมพนั ธ์ภาพแบบเขาวงกตโดย ครอู ธิบายวิธกี ารเล่นให้เด็กฟัง 4.5.2 แบง่ เดก็ เปน็ กลมุ่ ใหเ้ ล่นเกมชุดใหม่ที่ครูแนะนา เกมทีเคยเล่นมาแลว้ หรอื เครื่องเลน่ สัมผัส 4.5.3 เมื่อเด็กเลน่ เกมเสร็จแล้วครูแนะนาใหช้ ่วยกันเกบ็ ส่งิ ของตา่ ง ๆ เขา้ ท่ใี หเ้ รียบร้อย 5. ส่ือกำรเรียน / แหล่งกำรเรยี นรู้ 5.1 ลกู ปัดสี เขม็ ด้าย 5.2 คาคล้องจองเด็กน้อย 5.3 เกมโยนบอล 5.4 เกมชงิ บอล 5.5 เกมจับคหู่ าความสัมพนั ธภ์ าพแบบเขาวงกต 6. กำรวัดผลและประเมินผล 6.1 วธิ วี ัดผลและประเมินผล 6.1.1 สังเกตการปฏิบตั ิตามสญั ญาณ และคาบรรยาย 6.1.2 สงั เกตการพดู แสดงความคิดเหน็ และการตอบคาถาม 6.1.3 ตรวจผลงานการรอ้ ยลูกปดั สี 6.2 เครอ่ื งมอื วดั ผล 6.2.1 แบบประเมินผลการจดั ประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการร้อยลูกปัดสี 6.3 เกณฑ์กำรวัดผลและประเมนิ ผล ระดบั 3 ดี ระดับ 2 พอใช้ ระดับ 1 ปรับปรุง

29 แผนกำรจัดประสบกำรณ์ที่ 10 ชน้ั อนุบำลปีที่ 2 สำระทีค่ วรเรียนรทู้ ี่ 2 เร่อื งรำวเกี่ยวกบั ตัวเด็ก หนว่ ย ตวั ของฉนั เรอื่ ง ปอ้ งกนั อนั ตราย สัปดำหท์ ี่ 2 ลำดบั วนั ท่ี 10 ครผู สู้ อน คณุ ครโู ชตกิ า เสือพิณ โรงเรยี น วดั ทา่ บญุ มี สพป. ชบ. 2 1. สำระสำคญั การทางาน การเลน่ และการทากจิ กรรมอาจจะทาให้เราเกดิ อนั ตรายได้ การเล่นหรือการ ทากิจกรรมด้วยความระมัดระวัง จะทาใหเ้ ราปลอดภัยจากอันตรายได้ 2. จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ 2.1 เพ่อื ใหเ้ ดก็ มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกบั ความแตกตา่ งของรา่ งกายของเรา 2.2 เพอื่ ให้เด็กสามารถปฏิบตั ิตามสญั ญาณ และคาส่งั ได้ 2.3 เพือ่ ใหเ้ ด็กสามารถสรา้ งผลงานได้อยา่ งสรา้ งสรรค์ และอิสระ 2.4 เพ่ือให้เด็กสามารถแสดงความคดิ เห็น และตอบคาถามเก่ียวกบั เรอ่ื งทส่ี นทนาได้ 2.5 เพือ่ ให้นกั เรยี นบอกความแตกต่างร่างกายแต่ละคนได้ 2.6 เพื่อให้เดก็ สามารถปรับตัวในการเลน่ ร่วมกบั ผอู้ ืน่ ได้ 2.7 เพอ่ื ให้เดก็ สามารถเลน่ เกมทีก่ าหนดได้ 3. สำระกำรเรยี นรู้ 3.1 กำรปอ้ งกันอนั ตรำย 3.2 ประสบกำรณส์ ำคัญ 3.2.1 การวางแผนตดั สนิ ใจเลือก ลงมือปฏบิ ตั ิ 3.2.2 การแสดงความคิดสรา้ งสรรค์ผา่ นการเคลือ่ นไหว 3.2.3 การสารวจและอธบิ ายความเหมอื น ความตา่ งของส่ิงต่าง ๆ 4. กิจกรรมกำรเรียนรู้ 4.1 กิจกรรมเคลอ่ื นไหวและจังหวะ (20 นำท)ี 4.1.1 กิจกรรมพื้นฐาน ให้เดก็ เคลื่อนไหวรา่ งกายไปทว่ั ๆ บริเวณอยา่ งอสิ ระตามจังหวะ เมอื่ ไดย้ ินสัญญาณหยุดให้หยุดเคล่ือนไหวในทา่ นนั้ ทันที 4.1.2 เด็กและครูสนทนาร่วมกนั เก่ียวกบั การเป็นผนู้ า ผ้ตู าม โดยร่วมกนั หาอาสาสมัคร ออกมาเปน็ ผู้นาการเคลื่อนไหว ใหเ้ พอื่ น ๆ ทาตาม

30 4.1.3 เดก็ และครหู าอาสาสมคั รคนใหม่ และเปลยี่ นไปเร่ือย ๆ ให้ออกมาปฏบิ ตั กิ จิ กรรม ในข้อ 4.1.2 เพ่ือฝึกความกลา้ ในการแสดงออก จนสมควรแกเ่ วลา 4.2 กิจกรรมสร้ำงสรรค์และกิจกรรมเสรี (60 นำที) 4.2.1 เดก็ และครชู ว่ ยกนั จัดโต๊ะเพอ่ื ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมการเปา่ สี เสร็จแลว้ ครูสาธิตการปฏิบัติ ใหเ้ ดก็ ดู เสร็จแล้วใหเ้ ด็กลงมือปฏิบตั ิตามความคิด และจินตนาการ โดยครคู อยให้ คาแนะนาและดูแลอย่หู ่าง ๆ 4.2.2 เด็กคนใดที่ปฏบิ ตั ิกจิ กรรมเสร็จแล้วให้นาผลงานมาให้ครูดูพร้อมกบั เล่าให้ครูฟงั ถงึ ชือ่ ผลงาน วธิ ีทา ครใู หค้ าชมเชย และให้กาลงั ใจ 4.2.3 ครแู นะนาให้เดก็ เก็บผลงาน ไวใ้ นกลอ่ งสะสมผลงานของตนเอง เพื่อนามาแสดง นิทรรศการในโอกาสต่อไป 4.2.4 เม่ือเด็กปฏบิ ัติกจิ กรรมและเก็บสิ่งของต่าง ๆ เขา้ ท่ีให้เรยี บร้อย 4.3 กจิ กรรมเสริมประสบกำรณ์ (15 นำที) 4.3.1 เดก็ และครูสนทนาร่วมกันเกีย่ วกับการดแู ลรา่ งกายของตนเองอย่างงา่ ย ๆ เพื่อ ปอ้ งกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น ท้ังในการปฏิบตั ิกิจวัตรประจาวัน และการออก กาลังกาย 4.3.2 เดก็ และครูรว่ มกันวาดภาพร่างกายของฉนั โดยครูบรรยายให้เด็กวากภาพตาม ความคิดสรา้ งสรรค์ และจนิ ตนาการของเด็ก เพ่อื ฝึกการเขียนเร่ืองจากคาบอก และ พัฒนากล้ามเนื้อมือ เสร็จแลว้ ใหเ้ ดก็ ระบายสีให้สวยงาม 4.3.3 เดก็ และครูสนทนา สรุปร่วมกันเกย่ี วกบั การดแู ลตนเบ้ืองต้น เพือ่ ใหร้ ่างกาย ปลอดภัย เสร็จแล้วกาหนดแนวทางในการปฏบิ ตั ิตน เพอื่ นาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวัน ตอ่ ไป 4.4 กจิ กรรมกลำงแจง้ (45 นำท)ี 4.4.1 ใหเ้ ดก็ จดั แถวตอนเรียงสองจงู มือกนั เดนิ ลงสนามเปน็ คู่ ๆ อยา่ งเป็นระเบยี บ (เด็กที่ ไม่มีคใู่ ห้จูงมือครู) เมอื่ ถึงสนามแล้วใหเ้ ด็กอบอุ่นรา่ งกายดว้ ยการวิ่งเหยาะ ๆ อยูก่ บั ท่ี 2 – 3 นาที 4.4.2 ครูแนะนาใหเ้ ดก็ รู้จักการเลน่ อา่ งน้า อธบิ ายวธิ ีการเลน่ ที่ถูกตอ้ งและปลอดภยั ให้เดก็ ฟงั พร้อมทัง้ แนะนาวา่ ควรแบง่ ปนั การเลน่ รว่ มกนั รจู้ ักการใหอ้ ภัยและการขอโทษ แลว้ ใหเ้ ด็กเล่นอย่างอิสระ โดยครคู อยดูแลความปลอดภัยอยา่ งใกลช้ ดิ 4.4.3 เมอ่ื ไดเ้ วลาพอสมควรดูใหเ้ ด็กไปทาความสะอาดรา่ งกาย ล้างหน้า ล้างมือ ทาธุระ ส่วนตวั กลับเขา้ หอ้ งเรียนเพ่ือเตรยี มตัวไปรับประทานอาหารกลางวนั 4.5 กิจกรรมเกมกำรศกึ ษำ (20 นำที) 4.5.1 เดก็ และครูสนทนารว่ มกันเกีย่ วกบั เกมจับคูภ่ าพบา้ นสีเหมือนกัน โดยครูแนะนา วิธกี ารเล่นให้เดก็ ฟงั

31 4.5.2 ครูใหเ้ ดก็ ไดเ้ ล่นเกมที่แนะนาและเกมทีเ่ คยเลน่ มาแล้ว หรือเครื่องเล่นสัมผัส 4.5.3 เมื่อเด็กเล่นเสร็จแลว้ ครแู นะนาใหเ้ ด็ก ๆ ชว่ ยกันเก็บสงิ่ ของตา่ ง ๆ เขา้ ท่ีให้ เรียบรอ้ ย 5. สื่อกำรเรียน / แหล่งกำรเรียนรู้ 5.1 สนี า้ หลอดกาแฟ 5.2 อ่างนา้ 5.3 เกมจบั คู่ภาพบ้านสเี หมือนกนั 6. กำรวดั ผลและประเมินผล 6.1 วธิ วี ดั ผลและประเมนิ ผล 6.1.1 สังเกตการปฏบิ ัติตามสญั ญาณ และข้อตกลง 6.1.2 สงั เกตการเป็นผ้นู า ผ้ตู าม 6.1.3 สงั เกตความกลา้ ในการแสดงออก การตอบคาถาม 6.1.4 ตรวจผลงานการเป่าสี 6.2 เครือ่ งมือวดั ผล 6.2.1 แบบประเมนิ ผลการจดั ประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการเปา่ สี 6.3 เกณฑก์ ำรวัดผลและประเมินผล ระดบั 3 ดี ระดบั 2 พอใช้ ระดับ 1 ปรบั ปรงุ

32 ภาคผนวก เพลงนขี่ องฉนั (ศรนี วล รตั นสวุ รรณ) นี่มือของฉัน น่ีหขู องฉนั นี่ผมของฉัน น่จี มูกของฉัน นต่ี าของฉัน นห่ี ัวของฉนั นี่แขนของฉัน และนีข่ าของฉัน เพลงอำบนำ้ (ศรีนวล รัตนสวุ รรณ) อาบน้าซูซ่ ่า ล้างหนา้ ลา้ งตา ฟอกสบู่ถูตวั ชาระเหงอ่ื ไคล ราดนา้ ใหท้ ั่ว เสร็จแลว้ เช็ดตัว เราไมข่ ่นุ มวั สุขการสบายใจ คำคลอ้ งจองเด็กน้อย (อรวรรณ สุ่มประดิษฐ์) เด็กน้อยโตไวไว เติบใหญ่แข็งแรง ชอบเลน่ กลางแจ้ง สนุกถกู ใจ อาหารมากมี ของดีมากมาย ทงั้ ผกั ผลไม้ เนื้อหมปู ูปลา ล้วนมปี ระโยชน์ ไรโ้ ทษนานา บารงุ กายา สุขกายสบายใจ สุขบัญญตั ิ 10 ประกำร (พญ.นพมำศ ชูวงเวช) 1. อาบน้าอยา่ งน้อยวนั ละ 1 คร้ัง 2. แปรงฟันอย่างน้อยวนั ละ 2 คร้ัง 3. ควรนอนในท่ีอากาศถ่ายเทได้ดี 4. ดม่ื นมมาก ๆ ไม่ควรดืมน้าชาและกาแฟ 5. ถ่ายอจุ จาระใหเ้ ปน็ เวลาทุกเช้า 6. นอนหลับพักผ่อนอย่างนอ้ ยวันละ 8 – 10 ชั่วโมง 7. รับประทานอาหาร ผกั และผลไม้มาก ๆ 8. ออกกาลังกายทุกวนั 9. ดื่มนา้ สะอาดอยา่ งนอ้ ยวนั ละ 6 แกว้ 10. ทาจติ ใจให้เบิกบานอยู่เสมอ

33 นิทำนเรอ่ื ง ลูกหมำกับก้ิงกอื (นรำธปิ จนั ทรเนตร) มลี ูกหมาตวั หน่งึ นิสยั เกเร ชอบทารา้ ย และรักแกสตั วอ์ น่ื อย่เู สมอ โดยเฉพาะสัตวท์ ่ีมีตัวเล็กกวา่ วันหนง่ึ ลกู หมาจอมเกเรเดินไปพบกงิ้ กอื กาลงั ไตอ่ ยู่บนพ้นื ดินอย่างช้า ๆ ลกู หมาเห็นแลว้ ก็หัวเราะและเอาเทา้ ไปเข่ีย กงิ้ กอื พอโดนเทา้ ลกู หมาเข่ียก็ขดตัวเขา้ เพ่ือป้องกนั อันตรายท่ีอาจจะเกดิ ขนึ้ ลูกหมากเ็ ห่าและพยายาม เอาจมูกดุนใหก้ ิ้งกือเดนิ ไป กิง้ กือก็ไม่ยอมเดนิ ลูกสนุ ขั โมโหจงึ รอ้ งทา้ ว่า ถา้ เก่งจรงิ มาว่ิงแขง่ กนั ไหม กิ้งกือกบ็ อกว่าเราสทู้ ่าน ไมไ่ ดห้ รอก แต่ถา้ แข่งกันไต่ลอดโพรงไม้เราพอจะส้ทู ่านได้ ลูกหมากต็ อบตกลง ลูกหมาจงึ ไปบอกลกู แมวมาเป็นกรรมการ แต่ลูกแมวไมอ่ ยากมา เพราะไม่ค่อยชอบนสิ ัยของลูกหมา เลยท่ชี อบรังแกสัตว์อน่ื แต่ในที่สุดก็ต้องมาเพราะลกู หมาบอกวา่ ถา้ ไมม่ าจะกัดให้บาดเจ็บ เม่ือได้เวลา แข่งขัน ลูกหมาวงิ่ นาหนา้ กิง้ กือไปมุดโพรงไม้ที่อยู่ข้างหนา้ มดุ เขา้ ไปไดค้ รึง่ ตัวลูกหมาก็ติด มนั พยายามเดนิ ถอยหลังแต่ก็เดินออกมาด้วยความยากลาบาก ส่วนกิ้งกือก็ไตล่ อดโพรงไมไ้ ปได้อย่างสบาย และพากนั เดนิ หนี ไปกับลกู แมว ปล่อยใหล้ ูกหมารอ้ งไห้ด้วยความกลัว และพยายามเดินถอยหลังออกมาด้วยความยากลาบาก จนในท่ีสุดลูกหมากห็ ลดุ ออกมาได้ มนั ร้องไหด้ ้วยความกลัว ในที่สดุ ลูกหมากไ็ มก่ ล้ารังแกสัตวอ์ นื่ เพราะกลัววา่ อาจจะโดนหลอกให้ไปทาอะไรทีตนเองทาไมไ่ ด้อกี เหมือนท่ีก้งิ กือหลอกใหม้ นั ทา และลูกหมาบอกกับตัวเองว่า ต่อไปนี้จะไมร่ ังแกใครอีกแล้ว

34 เรอื่ ง ใบงำน จดุ ประสงค์ ตวั ฉันเอง 1. เพือ่ ใหเ้ ด็กรู้จกั สว่ นต่าง ๆ ของร่างกาย คำสงั่ 2. เพื่อพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และจนิ ตนาการ 3. เพื่อให้เด็กสามารถวาดภาพ และระบายสภี าพที่กาหนดใหไ้ ด้ ให้เดก็ วาดภาพตวั เอง ที่มีสว่ นตา่ ง ๆ ของร่างกายทสี มบูรณ์ ตามความคิด และจินตนาการ ของตนเอง แล้วระบายสีใหส้ วยงาม ผู้ประเมนิ ครู ผูป้ ระเมนิ ผปู้ กครอง เกณฑ์กำรประเมิน เกณฑ์กำรประเมิน ดี ดี พอใช้ พอใช้ ปรับปรุง ปรบั ปรุง ผูป้ ระเมิน ตนเอง ผปู้ ระเมิน เพอ่ื น เกณฑก์ ำรประเมิน เกณฑ์กำรประเมิน ดี ดี พอใช้ พอใช้ ปรับปรุง ปรับปรงุ

35 แผนกำรจัดประสบกำรณท์ ่ี 11 ชน้ั อนบุ ำลปีท่ี 2 สำระท่คี วรเรยี นรู้ท่ี 1 เรอ่ื งรำวเก่ียวกับตัวเด็ก หนว่ ย เรียนรู้ร่างกาย เร่อื ง อวยั วะในร่างกาย สัปดำห์ที่ 3 ลำดบั วันที่ 11 ครูผ้สู อน คุณครโู ชตกิ า เสือพิณ โรงเรียน วัดทา่ บญุ มี สพป. ชบ. 2 1. สำระสำคญั ร่างกายของคนเรามีความเหมือนกันและแตกต่างกัน ตามลักษณะของเพศ พันธ์ุกรรม เช้อื ชาติ และบรรพบรุ ุษแต่ละคน 2. จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 2.1 เพ่ือให้เด็กมีความรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกับหนา้ ที่ของอวัยวะตา่ ง ๆ สามารถดูแลรักษาใหใ้ ช้การได้ อยา่ งยาวนาน 2.2 เพอื่ ให้เดก็ สามารถปฏิบตั ิตามสญั ญาณ และข้อตกลงได้ 2.3 เพอื่ ให้เด็กสามารถสรา้ งผลงานไดอ้ ย่างสร้างสรรคเ์ พอ่ื ใหเ้ ดก็ รู้จักหน้าท่ีของอวัยวะต่าง ๆ ได้ 2.4 เพือ่ ใหเ้ ดก็ สามารแสดงความคิดเห็น และตอบคาถามเกย่ี วกับเรอ่ื งทสี่ นทนาได้ 2.5 เพอ่ื ใหเ้ ด็กสามารถเลน่ เกมทก่ี าหนดให้ได้ 3. สำระกำรเรียนรู้ 3.1 อวัยวะในร่ำงกำย 3.2 ประสบกำรณ์สำคัญ 3.2.1 การรจู้ ักสงิ่ ตา่ ง ๆ ดว้ ยการมอง ฟัง สมั ผสั ชิมรส และดมกลิน่ 3.2.2 การเชือ่ มโยงภาพ ภาพถ่ายและรูปแบบต่าง ๆ กบั สง่ิ ของหรือสถานท่จี รงิ 3.2.3 การรับรู้และแสดงความร้สู ึกด้วยการเคลื่อนไหวกับจังหวะ 4. กิจกรรมกำรเรียนรู้ 4.1 กจิ กรรมเคล่ือนไหวและจังหวะ (20 นำที) 4.1.1 กจิ กรรมพืน้ ฐาน ใหเ้ ดก็ เคลือ่ นไหวร่างกายไปทวั่ ๆ บรเิ วณอย่างอสิ ระ เมือ่ ไดย้ ิน สญั ญาณหยดุ ให้หยุดในทา่ น้ันทันที 4.1.2 เดก็ และครูสนทนและตกลงร่วมกันเกี่ยวกับสัญญาณและท่าทางการเคล่อื นไหวเช่น - สัญญาณเคาะ 3 คร้ัง ให้เอามือปดิ หู - สัญญาณเคาะ 4 ครงั้ ใหเ้ อามือปดิ ตา 4.1.3 ใหเ้ ด็กเคล่ือนไหวร่างกายอย่างอิสระ เมื่อไดย้ ินสญั ญาณหยุด ใหห้ ยดุ การ เคลอ่ื นไหว ฟงั และปฎิบัตติ ามสญั ญาณท่ีตกลงกันไว้

36 4.1.4 เดก็ และครสู นทนาและตกลงสญั ญาณรว่ มกนั ใหม่อีก 3 – 4 สญั ญาณ แลว้ ปฎิบตั ิ เหมือนข้อ 4.1.3 ซา้ อีก 4.2 กจิ กรรมสรำ้ งสรรคแ์ ละกิจกรรมเสรี (60 นำท)ี 4.2.1 เดก็ และครชู ่วยกันจัดโตะ๊ เพือ่ ปฏิบัตกิ ิจกรรมการป้นั ดินน้ามัน เสร็จแลว้ ครแู จกดิน นา้ มนั ใหเ้ ด็กคนละ 1 ก้อน พรอ้ มแผ่นรองป้ัน 4.2.2 ครสู าธติ การปั้น เร่ิมตงั้ แตก่ ารนวด คลึงและปน้ั เป็นรูปตา่ ง ๆ เสร็จแลว้ ใหเ้ ดก็ ลงมอื ปั้นเปน็ รูปตา่ งๆ ตามความคิดสรา้ งสรรค์ และจนิ ตนการของตนเองอยา่ งอสิ ระ โดยครูคอยให้คาแนะนาและดูแลอยู่ห่าง ๆ 4.2.3 เมือ่ เด็กปฎิบตั กิ ิจกรรมเสร็จแลว้ ให้นาผลงานมาใหค้ รดู ูพร้อมกับเล่าให้ ครูฟังถึงชอ่ื ผลงาน วิธกี ารทา ครูให้คาชมเชย และใหก้ าลังใจ 4.2.4 ครูแนะนาให้เดก็ เกบ็ ผลงานไว้ในกล่องสะสมผลงานของตนเอง โดยครูเขียนช่ือ ผลงาน วนั เดือน ปที ี่ทากากับไว้ให้ดว้ ย 4.2.5 เมอื่ เด็กปฎบิ ัตกิ ิจกรรมครบทุกคนแล้ว ครแู นะนาให้เด็กช่วยกนั ทาความสะอาด อปุ กรณ์ พืน้ ทีป่ ฎบิ ตั ิกจิ กรรม และเกบ็ สิ่งของตา่ ง ๆ เขา้ ท่ีใหเ้ รียบร้อย 4.3 กิจกรรมเสรมิ ประสบกำรณ์ (15 นำที) 4.3.1 เด็กและครสู นทนาร่วมกันเกีย่ วกับอวัยวะตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย โดยครอู ธบิ ายใหเ้ ดก็ ๆ ฟงั ว่า อวัยวะทุกส่วนของร่างกายมีความสาคัญแตกต่างกัน ถ้ารา่ งกายของเรา ขาดอวยั วะสว่ นหนงึ่ ส่วนใดไปจะทาให้การประกอบกิจวัตรประจาวันตา่ ง ๆ ไม่ สะดวก 4.3.2 เดก็ และครสู นทนารว่ มกันเกี่ยวกับคนพิการต่าง ๆ ที่พิการมาแต่กาเนดิ และพกิ าร เพราะอบุ ตั ิเหตุ โดยครูนาภาพมาให้เด็กดปู ระกอบการสนทนาดว้ ย และถามเดก็ ๆ วา่ ถา้ เดก็ มีร่างกายพิการดงั ภาพเดก็ จะมคี วามรสู้ ึกอยา่ งไร และจะช่วยเหลอื ตนเอง ได้หรอื ไม่ โดยใหเ้ ด็กดภู าพคนตาบอดและใช้ไม้เท้าช่วยในการเดินทาง และอธบิ าย ว่า ตา คอื อวัยวะท่ีสาคัญสว่ นหนง่ึ ถา้ หากเราตาบอดมองไมเ่ ห็นก็จะเดินทางลาบาก ดังน้นั หากเด็กไม่อยากเดนิ ทางลาบากกต็ ้องดูแลรกั ษาตาของตนเองให้ดี 4.3.3 เด็กและครูสนทนาสรปุ ร่วมกันเก่ียวกบั การดูแลรกั ษาอวัยวะทส่ี าคัญและกาหนดเปน็ แนวทางในการปฎิบตั ิเพื่อนาไปใช้ในชีวติ ประจาวนั 4.4 กิจกรรมกลำงแจ้ง (45 นำท)ี 4.4.1 ครูแบง่ เด็กเป็น 2 กลมุ่ คือกลุ่มเดก็ ชาย และกลุ่มเดก็ หญงิ ให้เดินจบั ไหลก่ นั ลง สนามอยา่ งเปน็ ระเบียบ เมื่อถงึ สนามแล้ว ใหเ้ ดก็ อบอนุ่ รา่ งกาย โดยการวงิ่ เหยาะ ๆ อยกู่ บั ที่ 2 – 3 นาที 4.4.2 เด็กและครูรว่ มกันร้องเพลง “วงิ่ เหยาะ ๆ “ และวงิ่ อยู่กบั ที่ในรศั มีวงแคบ

37 4.4.3 ครใู ห้เดก็ ได้เลน่ กลางแจ้งอย่างอิสระ โดยครูคอยดแู ลความปลอดภัยอย่างใกลช้ ดิ เมอื่ ไดเ้ วลาพอสมควรแลว้ ครูให้เดก็ ๆ ไปทาความสะอาดร่างกาย ทาธุระสว่ นตวั กลับเข้าห้องเรยี นเพ่ือเตรยี มตัวไปรบั ประทานอาหารกลางวันโดยครตู อ้ งไม่ส่งั ร้อื ผลงานของเด็ก เพยี งแนะนาให้เกบ็ เขา้ ที่ใหเ้ รยี บร้อย 4.5 กจิ กรรมเกมกำรศกึ ษำ (20 นำท)ี 4.5.1 เด็กและครสู นทนาร่วมกนั เก่ียวกบั เกมโดมิโนเครื่องใชใ้ นบ้าน โดยครแู นะนาวิธีการ เลน่ ให้เดก็ ฟัง 4.5.2 แบง่ เดก็ เปน็ กลุ่มตามความเหมาะสมให้แตล่ ะกลุ่มเลน่ เกมชุดใหม่ เกมท่ีเคยเล่น มาแลว้ หรือการเล่นเคร่ืองเล่นสมั ผัส 4.5.3 เมือ่ เด็กเลกิ เล่นแลว้ ครูให้เด็กช่วยกันเกบ็ ของเข้าที่ให้เรียบรอ้ ย 5. ส่อื กำรเรยี น / แหล่งกำรเรียนรู้ 5.1 ดินนา้ มัน แผน่ รองปัน้ 5.2 เพลงว่งิ เหยาะ ๆ 5.3 เกมโดมโิ นเคร่ืองใชใ้ นบ้าน 6. กำรวดั ผลและประเมนิ ผล 6.1 วิธวี ัดผลและประเมินผล 6.1.1 สังเกตการปฎบิ ัติตามสัญญาณและคาสง่ั 6.1.2 สังเกตการตอบคาถาม และการแสดงความคิดเหน็ 6.1.3 ตรวจผลงานการปั้น 6.2 เครือ่ งมือวัดผล 6.2.1 แบบประเมนิ ผลการจดั ประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานปั้น 6.3 เกณฑ์กำรวดั ผลและประเมินผล ระดบั 3 ดี ระดับ 2 พอใช้ ระดับ 1 ปรบั ปรุง

38 แผนกำรจดั ประสบกำรณ์ท่ี 12 ชนั้ อนบุ ำลปีที่ 2 สำระทค่ี วรเรยี นรทู้ ี่ 1 เรื่องรำวเก่ยี วกบั ตัวเด็ก หนว่ ย เรยี นรู้รา่ งกาย เรอื่ ง หน้าท่ีอวัยวะ ลำดบั วนั ที่ 12 สัปดำห์ที่ 3 ครผู สู้ อน คณุ ครโู ชตกิ า เสือพิณ โรงเรยี น วัดทา่ บุญมี สพป. ชบ. 2 1. สำระสำคัญ อวัยวะของเรามีจานวนมากแต่ละอย่างก็มีหน้าทีแ่ ตกต่างกนั แต่ทางานรว่ มกนั จึงจะทาให้ ร่างกายของเราเจรญิ เติบโตได้ 2. จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ 2.1 เพอ่ื ใหเ้ ด็กมีความรู้ ความเข้าใจเก่ยี วกับหน้าที่ของอวัยวะตา่ ง ๆ สามารถดูแลรกั ษาให้ใช้การได้ อย่างยาวนาน 2.2 เพ่อื ให้เดก็ สามารถปฏิบตั ิตามสัญญาณ และข้อตกลงได้ 2.3 เพอื่ ใหเ้ ด็กสามารถสร้างผลงานได้อย่างสร้างสรรค์เพือ่ ให้เดก็ รู้จักหนา้ ท่ีของอวัยวะตา่ ง ๆ ได้ 2.4 เพอ่ื ใหเ้ ด็กสามารแสดงความคดิ เหน็ และตอบคาถามเก่ยี วกบั เรอื่ งทีส่ นทนาได้ 2.5 เพ่ือใหเ้ ด็กสามารถเล่นเกมท่กี าหนดใหไ้ ด้ 3. สำระกำรเรยี นรู้ 3.1 หน้ำทีข่ องอวยั วะตำ่ ง ๆ 3.2 ประสบกำรณส์ ำคญั 3.2.1 การแสดงความรู้สึกดว้ ยคาพดู 3.2.2 การพดู กบั ผ้อู ่นื เก่ียวกบั ประสบการณ์ของตนเอง หรอื เล่าเร่ืองเก่ยี วกับตนเอง 3.2.3 การมปี ระสบการณ์ทางการเลน่ สร้างสรรค์รว่ มกับผอู้ ื่น 3.2.4 การมีประสบการณ์และการเรียงลาดับเหตุการณ์ตา่ ง ๆ 4. กิจกรรมกำรเรียนรู้ 4.1 กิจกรรมเคลอื่ นไหวและจังหวะ (20 นำท)ี 4.1.1 กจิ กรรมพื้นฐาน ให้เดก็ เคลอ่ื นไหวร่างกายไปท่ัว ๆ บริเวณอย่างอิสระ เมื่อไดย้ ิน สญั ญาณหยดุ ให้หยดุ เคล่ือนไหวในท่าน้ันทนั ที 4.1.2 เดก็ และครูกาหนดสญั ญาณ และตกลงขอ้ ปฎิบตั ิร่วมกนั เช่น - เคาะจงั หวะ 3 ครงั้ ใหก้ ระโดดไปข้างหนา้ - เคาะจังหวะ 2 คร้งั ให้กระโดดถอยหลงั - เคาะจังหวะ 3 คร้งั ให้กระโดดอยู่กบั ท่ี

39 4.1.3 ใหเ้ ด็กยนื เข้าแถวเปน็ วงกลม ระยะหา่ งพอสมควาร ครเู คาะสัญญาณ เดก็ ปฎิบตั ิ ตามข้อตกลงท่ีได้กาหนดร่วมกัน 4.1.4 เดก็ และครกู าหนดสญั ญาณ และข้อตกลงรว่ มกันใหม่อีกครัง้ และปฏิบตั ิกิจกรรมใน ขอ้ 4.1.3 ซา้ อีก 4.2 กิจกรรมสรำ้ งสรรค์และกิจกรรมเสรี (60 นำท)ี 4.2.1 เด็กและครูช่วยกนั จัดโต๊ะเพอื่ ปฎิบัติกจิ กรรมการวาดภาพด้วยสเี ทยี น เสรจ็ แล้วครู สาธกิ ารวาดเป็นรปู ร่างต่าง ๆ ใหเ้ ด็กดู และแจกใบงานใหเ้ ดก็ คนละ 1 แผ่น สนทนาร่วมกนั เกี่ยวกับรายละเอียดในใบงาน แล้งลงมือปฏบิ ตั ิกิจกรรมตามคาส่งั ใน ใบงาน และปฏิบัตติ ามความคิด และจินตนาการของตนเอง อยา่ งอสิ ระ โดยครู คอยให้คาแนะนาและดแู ลอยู่ห่าง ๆ 4.2.2 เมอ่ื เด็กปฎิบัติกจิ กรรมเสรจ็ แลย้ วให้นาผลงานมาให้ครูดูพรอ้ มกบั เล่าใหค้ รูฟังถึงช่ือ ผลงาน วิธทื า ครใู หค้ าชมเชย และให้กาลังใจ และแนะนาใหเ้ ก็บผลงานไวใ้ น กล่องสะสมผลงานของตนเอง 4.2.3 เม่ือเด็กปฏบิ ตั ิกจิ กรรมครบแลว้ ครูแนะนาใหเ้ ด็กช่วยกนั ทาความสะอาดอุปกรณ์ พ้ืนทีบ่ ริเวณที่ปฎิบัติกิจกรรม และเก็บสิ่งของต่าง ๆ เข้าทีใ่ หเ้ รยี บร้อย 4.3 กจิ กรรมเสริมประสบกำรณ์ (15 นำท)ี 4.3.1 เดก็ และครูสนทนารว่ มกันเก่ยี วกบั หนา้ ทข่ี องอวยั วะต่าง ๆ ของรา่ งกาย โดยครู อธบิ ายใหเ้ ดก็ ๆ ฟังว่า อวัยวะแตล่ ะส่วนก็มีหน้าท่ี ท่ีแตกต่างกนั ไปหากอวัยวะส่วน หนงึ่ ส่วนใดขาดหายไปก็จะทารา่ งกายของเราทางานได้ไม่ดีเท่าท่ีควร 4.3.2 ครเู ล่านทิ านเรือ่ ง “ความไมส่ ามคั คีของอวัยวะ” ให้เด็กฟงั เสรจ็ แล้วสนทนาร่วมกัน เก่ียวกับเร่ืองในนทิ าน และตั้งคาถามให้เดก็ ตอบ เชน่ - อวยั วะใดมีหนา้ ทีห่ ายใจ - อวยั วะใดสาคญั ทส่ี ดุ ฯลฯ 4.3.3 เดก็ และครูสนทนารว่ มกนั เกย่ี วกับหน้าทีข่ องอวัยวะตา่ ง ๆ ของร่างกาย 4.4 กิจกรรมกลำงแจ้ง (45 นำที) 4.4.1 ให้เดก็ จดั แถวตอนเรียงหนึง่ เดินตามกนั ลงสนามอยา่ งเปน็ ระเบียบ เมอื่ ถึงสนามแลว้ ใหเ้ ดก็ อบอนุ่ ร่างกายดว้ ยวิ่งเหยาะ ๆ อยู่กบั ท่ี 2 – 3 นาที 4.4.2 เด็กและครสู นทนาร่วมกันเกีย่ วกับการเล่น ลิงชิงบอล โดยครูสาธิตการเลน่ ใหเ้ ดก็ ดู จนเด็กสามารถเล่นได้ 4.4.3 ครใู ห้เดก็ แบง่ กลุ่ม 3 – 5 กลมุ่ แล้วใหเ้ ลน่ เกมลิงชิงบอลตามการสาธิตของครู

40 4.4.4 ครูปลอ่ ยให้เด็กไดเ้ ล่นอย่างอิสระ 5 – 10 นาที เม่อื ไดเ้ วลาพอสมควรครใู หเ้ ด็กไป ทาความสะอาดร่างกาย ลา้ งหนา้ ลา้ งมือ ทาธรุ ะสว่ นตวั กลับเขา้ ห้องเรียนเพ่ือ เตรยี มตวั ไปรบั ประทานอาหารกลางวนั 4.5 กจิ กรรมเกมกำรศึกษำ (20 นำที) 4.5.1 เด็กและครสู นทนารว่ มกนั เกีย่ วกบั เกมจัดหมวดหมู่ภาพกบั สัญลักษณ์อวัยวะต่าง ๆ โดยครูแนะนาวิธีการเล่นให้เด็กฟัง 4.5.2 ครูแบง่ เด็กเป็นกลมุ่ และให้เล่นเกมท่ีครแู นะนา เลน่ เกมที่เคยเล่นมาแล้ว หรือเคร่ือง เลน่ สัมผัส 4.5.3 เมอ่ื เด็กเลิกเลน่ แล้วใหเ้ ด็กชว่ ยกนั เกบ็ สงิ่ ของต่าง ๆ เข้าที่ใหเ้ รยี บร้อย 5. สือ่ กำรเรียน / แหล่งกำรเรยี นรู้ 5.1 สีเทยี น 5.2 นิทานเรอื่ งความไม่สามัคคีอของอวยั วะ 5.3 เกมลิงชิงบอล 5.4 เกมจดั หมวดหมภู่ าพกบั สัญลักษณ์อวยั วะต่าง ๆ 6. กำรวดั ผลและประเมนิ ผล 6.1 วธิ วี ดั ผลและประเมินผล 6.1.1 สงั เกตการปฏิบตั ิตามสัญญาณ และข้อตกลง 6.1.2 สงั เกตความกลา้ ในการแสดงออก และการตอบคาถาม 6.1.3 ตรวจผลงานการวาดภาพ 6.2 เครื่องมอื วัดผล 6.2.1 แบบประเมนิ ผลการจดั ประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการวาดภาพ 6.3 เกณฑ์กำรวดั ผลและประเมนิ ผล ระดบั 3 ดี ระดับ 2 พอใช้ ระดับ 1 ปรบั ปรุง

41 แผนกำรจัดประสบกำรณ์ที่ 13 ชน้ั อนบุ ำลปีที่ 2 สำระทค่ี วรเรียนรู้ที่ 1 เรอ่ื งรำวเกีย่ วกบั ตัวเด็ก หนว่ ย เรยี นรู้รา่ งกาย เรือ่ ง การดแู ลอวยั วะ สัปดำหท์ ่ี 3 ลำดบั วันที่ 13 ครูผู้สอน คณุ ครโู ชติกา เสือพิณ โรงเรียน วดั ทา่ บุญมี สพป. ชบ. 2 1. สำระสำคญั หู ตา จมูก เปน็ อวยั วะที่สาคญั เราต้องดแู ลระมดั ระวังเปน็ พิเศษ รวมถงึ การปอ้ งกนั มใิ ห้ เกิดอันตรายได้ การศึกษาวิธีรกั ษาท่ีถกู ต้องจะชว่ ยใหเ้ รามี หู ตา จมกู ให้ใชง้ านได้ยาวนานขึ้น 2. จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ 2.1 เพ่ือใหเ้ ดก็ มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับหนา้ ที่ของอวัยวะต่าง ๆ สามารถดูแลรักษาใหใ้ ช้การได้ อยา่ งยาวนาน 2.2 เพือ่ ใหเ้ ด็กสามารถปฏบิ ตั ิตามสญั ญาณ และข้อตกลงได้ 2.3 เพ่ือให้เด็กสามารถสร้างผลงานไดอ้ ย่างสร้างสรรคเ์ พื่อใหเ้ ดก็ รูจ้ ักหน้าท่ีของอวัยวะต่าง ๆ ได้ 2.4 เพือ่ ให้เด็กสามารแสดงความคิดเห็น และตอบคาถามเกย่ี วกับเรอื่ งท่สี นทนาได้ 2.5 เพ่ือใหเ้ ดก็ สามารถเล่นเกมทก่ี าหนดใหไ้ ด้ 3. สำระกำรเรียนรู้ 3.1 กำรกำรดูแลรักษำ หู ตำ จมกู 3.2 ประสบกำรณ์สำคญั 3.2.1 การร้จู กั สง่ิ ต่าง ๆ ด้วยการมอง ฟัง สัมผัส ชิมรส และดมกล่นิ 3.2.2 การเช่ือมโยงภาพ ภาพถา่ ยและรูปแบบตา่ ง ๆ กับส่ิงของหรอื สถานทจี่ ริง 3.2.3 การสารวจและอธิบายความเหมอื น ความต่างของสง่ิ ตา่ ง ๆ 4. กิจกรรมกำรเรยี นรู้ 4.1 กจิ กรรมเคลอื่ นไหวและจังหวะ (20 นำที) 4.1.1 กจิ กรรมพืน้ ฐาน ให้เด็กเคลอื่ นไหวรา่ งกายไปทั่ว ๆ บริเวณอยา่ งอิสระ ตามจังหวะ เมอื่ ได้ยินสัญญาณหยุดใหห้ ยุดเคล่อื นไหวในท่านั้นทนั ที 4.1.2 เด็กและครสู นทนาร่วมกนั เกย่ี วกบั คาบรรยายที่จะให้ปฎบิ ัติกิจกรรม เช่น “เด็ก ๆ กาลังจะข้นึ นอน เดินขึ้นบันไดเบา ๆ ช้า ๆ , เด็ก ๆ ลืมแปรงฟนั คุณแม่ใหล้ ง มาแปรงฟัน , เดก็ ๆ เดนิ ลงบนั ไดช้า ๆ เดินไปขา้ งหน้า เขา้ ห้องน้า หยิบแปรงสี ฟนั บบี ยาสฟี ัน แปรงฟนั บว้ นปาก ลา้ งปาก ลา้ งมือ เช็ดมอื

42 4.1.3 ใหเ้ ดก็ เคล่ือนไหวรา่ งกายอย่างอสิ ระ เมื่อได้ยนิ สัญญาณหยุด ใหท้ าท่าประกอบคา บรรยายของครู 4.1.4 เด็กและครรู ว่ มกนั กาหนดคาบรรยายขนึ้ ใหม่ แล้วปฏิบัตติ ามขอ้ 4.1.3 ซา้ อีก 4.2 กิจกรรมสรำ้ งสรรค์และกิจกรรมเสรี (60 นำที) 4.2.1 เด็กและครชู ่วยกนั จัดโต๊ะเพอื่ ปฎบิ ัติกิจกรรมการพิมพภ์ าพ โดยครสู าธิตวธิ กี ารทา ใหเ้ ด็กดู เสร็จแล้วให้เด็กลงมือปฏิบตั กิ ิจกรรมตามความคิด และจินตนาการของ ตนเอง อย่างอิสระโดยครคู อยใหค้ าแนะนาและดูแลอยู่หา่ ง ๆ 4.2.2 เมื่อเด็กปฎิบตั ิกจิ กรรมเสรจ็ แลว้ ให้นาผลงานมาให้ครูดูพร้อมกบั เล่าให้ครูฟังถงึ ช่อื ผลงาน วธิ ีทา ครใู ห้คาชมเชย ใหก้ าลงั ใจ และใหเ้ ก็บผลงานไวใ้ นกล่องสะสม ผลงานของตนเอง 4.2.3 เม่อื เด็กปฎบิ ัตกิ ิจกรรมครบทุกคนแล้ว ครแู นะนาใหเ้ ด็กช่วยกันทาความสะอาด อปุ กรณ์ พ้นื ท่ปี ฏบิ ตั ิกจิ กรรม และเก็บสิ่งของต่าง ๆ เขา้ ทใ่ี หเ้ รยี บร้อย 4.3 กจิ กรรมเสรมิ ประสบกำรณ์ (15 นำที) 4.3.1 เด็กและครูสนทนารว่ มกันเกีย่ วกับการระวังรักษาอวยั วะตา่ ง ๆ ของรา่ งกาย เช่น หู ตา จมูก โดยครอู ธบิ ายใหเ้ ดก็ ๆ ฟงั ว่า อวัยวะแต่ละส่วนกม็ หี น้าท่ีและ ความสาคญั ที่แตกต่างกันไปเราตอ้ งร้จู ักดูแลรักษา อวยั วะต่าง ๆ ให้ปลอดภัยอยู่ เสมอ 4.3.2 ครูเล่านิทานเร่ืงอ “ลูกหมสี กปรก” ให้เด็กฟงั เสรจ็ แล้วสนทนาร่วมกนั เก่ยี วกบั เรอื่ งในนทิ าน 4.3.3 เดก็ และครูสนทนาสรุปรว่ มกันเก่ยี วกับการระวงั รักษา หู ตา จมกู และกาหนด เป็นแนวทางในการนาไปปฎิบัติในชีวิตประจาวนั 4.4 กจิ กรรมกลำงแจง้ (15 นำที) 4.4.1 ให้เด็กจดั แถวตอนเรียงสองจงู มือกันว่ิงลงสนามเปน็ คู่ ๆ (เด็กท่ีไม่มีคู่ใหจ้ งู มือกับคร)ู เมอ่ื ถึงสนามแลว้ ให้เด็กอบอุ่นร่างกายดว้ ยกายวิง่ เหยาะ ๆ อยกู่ บั ท่ี 2 – 3 นาที 4.4.2 เด็กและครสู นทนาร่วมกันเกี่ยวกับการเลน่ กลางแจง้ เพื่อทบทวนการเล่นต่าง ๆ ท่ี เคยเล่นมาแล้ว 4.4.3 เด็กและครสู นทนาสรุปรว่ มกันเกี่ยวกับประโยชน์ของการเล่น ตลอดจนมารยาทใน การเลน่ การแบง่ ปนั และรอโอกาส 4.4.4 ใหเ้ ด็ก ๆ ไดเ้ ลน่ ในสนามอย่างอิสระ ครูคอยสังเกตพฤติกรรมการเล่นของเด็กอยู่ หา่ ง ๆ เพื่อใหเ้ ด็กไดแ้ สดงออกในการเล่นอย่างเสรี และเก็บข้อมูลการเล่นของเด็ก แตล่ ะคนเพ่ือปรบั ปรงุ แกไ้ ขต่อไป 4.4.5 เมือ่ ได้เวลาพอสมควรครใู ห้เด็กไปทาความสะอาดรา่ งกาย ล้างหน้า ลา้ งมอื ทา ธรุ ะส่วนตัว กลบั เขา้ ห้องเรยี นเพอ่ื เตรยี มตวั ไปรบั ประทานอาหารกลางวัน

43 4.5 กจิ กรรมเกมกำรศึกษำ (20 นำที) 4.5.1 เดก็ และครูสนทนารว่ มกันเก่ียวกับเกมจบั คู่ภาพส่ิงทส่ี ัมพันธ์กนั โดยครูแนะนา วธิ กี ารเลน่ ใหเ้ ดก็ ฟัง 4.5.2 แบง่ เด็กเป็นกลุม่ ให้แตล่ ะกลุ่มเล่นเกมชดุ ใหม่ท่ีครแู นะนา เกมทเ่ี คยเลน่ มาแล้ว หรอื เคร่อื งเล่นสมั ผสั 4.5.3 เม่อื เด็กเลกิ เล่นแลว้ ครแู นะนาให้เดก็ ๆ ชว่ ยกนั เก็บสงิ่ ของตา่ ง ๆ เข้าทหี่ ให้ เรยี บรอ้ ย 5. สอื่ กำรเรยี น / แหลง่ กำรเรยี นรู้ 5.1 สีนา้ แม่พิมพ์ 5.2 นิทานเรื่อง ลูกหมสี กปรก 5.3 เกมจับคูภ่ าพสิ่งท่ีสมั พันธ์กัน 6. กำรวดั ผลและประเมนิ ผล 6.1 วธิ วี ัดผลและประเมนิ ผล 6.1.1 สงั เกตการปฏบิ ตั ิตามสัญญาณ และคาบรรยาย 6.1.2 สงั เกตการแสดงความคิดเห็น และการตอบคาถาม 6.1.3 ตรวจผลงานการพิมพภ์ าพ 6.2 เคร่ืองมอื วัดผล 6.2.1 แบบประเมินผลการจดั ประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการพิมพ์ภาพ 6.3 เกณฑก์ ำรวัดผลและประเมินผล ระดับ 3 ดี ระดบั 2 พอใช้ ระดับ 1 ปรับปรงุ

44 แผนกำรจดั ประสบกำรณท์ ี่ 14 ชัน้ อนุบำลปีท่ี 2 สำระทคี่ วรเรียนร้ทู ี่ 1 เรอ่ื งรำวเกี่ยวกบั ตัวเดก็ หน่วย เรยี นรู้ร่างกาย เร่ือง การดแู ลปากและฟัน สัปดำห์ท่ี 3 ลำดบั วนั ที่ 14 ครผู ูส้ อน คณุ ครโู ชตกิ า เสือพิณ โรงเรียน วัดท่าบญุ มี สพป. ชบ. 2 1. สำระสำคัญ ปากและฟันเป็นอวยั วะสาหรับใชใ้ นการรับประทานอาหาร หากเราไม่ดูแลรกั ษา อาจจะ ทาให้เราไม่สามารถรับประทานอาหารได้สะดวกและทาใหร้ า่ งกายไม่แข็งแรงได้ 2. จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ 2.1 เพือ่ ให้เดก็ มีความรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับหนา้ ท่ีของอวัยวะต่าง ๆ สามารถดูแลรกั ษาใหใ้ ช้การได้ อย่างยาวนาน 2.2 เพื่อให้เดก็ สามารถปฏบิ ัติตามสัญญาณ และข้อตกลงได้ 2.3 เพอื่ ใหเ้ ดก็ สามารถสร้างผลงานได้อย่างสรา้ งสรรค์เพ่อื ให้เด็กรู้จกั หนา้ ที่ของอวัยวะตา่ ง ๆ ได้ 2.4 เพ่อื ให้เดก็ สามารแสดงความคดิ เห็น และตอบคาถามเกย่ี วกับเรื่องท่ีสนทนาได้ 2.5 เพือ่ ให้เดก็ สามารถเล่นเกมที่กาหนดให้ได้ เกย่ี วกับเร่ืองทีส่ นทนาได้ 3. สำระกำรเรยี นรู้ 3.1 กำรดแู ลปำกและฟัน 3.2 ประสบกำรณส์ ำคัญ 3.2.1 การรจู้ ักสงิ่ ตา่ ง ๆ ดว้ ยการมอง ฟัง สมั ผัส ชมิ รส และดมกล่นิ 3.2.2 การเชอื่ มโยงภาพ ภาพถ่ายและรปู แบบตา่ ง ๆ กับสิ่งของหรือสถานท่จี ริง 3.2.3 การอธบิ ายเกีย่ วกบั สง่ิ ของ เหตุการณ์ และความสมั พันธ์ของสงิ่ ต่าง ๆ 4. กจิ กรรมกำรเรียนรู้ 4.1 กจิ กรรมเคลือ่ นไหวและจังหวะ (20 นำที) 4.1.1 กจิ กรรมพื้นฐาน ให้เดก็ เคล่ือนไหวรา่ งกายไปท่วั ๆ บริเวณอย่างอิสระตามจังหวะ เม่อื ไดย้ ินสญั ญาณหยุดให้หยุดเคล่ือนไหวในท่านน้ั ทันที 4.1.2 เด็กและครูตกลงรว่ มกนั เกี่ยวกับคาสัง่ ตา่ ง ๆ ท่ีจะนามาปฏิบตั กิ ิจกรรมเชน่ - แตะผม 2 คร้ัง แตะบา่ 2 คร้ัง - แตะขา 3 ครง้ั แตะหู 3 ครวั้ ฯลฯ 4.1.3 ใหเ้ ด็กเคล่ือนไหวรา่ งกายอย่างอิสระ เมื่อไดย้ นิ สญั ญาณหยุดให้หยดุ ฟงั คาสัง่ และ ปฏิบตั ติ ามทตี กลงร่วมกัน

45 4.1.4 ให้เดก็ และครูรว่ มกันกาหนดคาสั่งขน้ึ ใหม่ เสร็จแล้วปฏบิ ตั ิกิจกรรมในขอ้ 4.1.3 ซา้ อีก 4.2 กจิ กรรมสร้ำงสรรคแ์ ละกจิ กรรมเสรี (60 นำท)ี 4.2.1 เดก็ และครูช่วยกนั จดั โต๊ะเพอื่ ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมเปา่ สี เสรจ็ แล้วครูสาธติ วิธีการทาให้ เดก็ ดู เสร็จแล้วใหเ้ ด็กลงมือปฎิบตั กิ จิ กรรมอยา่ งอสิ ระ โดยครูคอยใหค้ าแนะนา และดูแลอยหู่ ่าง ๆ 4.2.2 เมือ่ เด็กปฎบิ ัตกิ ิจกรรมเสรจ็ แลว้ ใหน้ าผลงานมาให้ครูดูพรอ้ มกับเลา่ ใหค้ รูฟงั ดว้ ยถึง ชอื่ ผลงาน วธิ ีการทา ครใู ห้คาชมเชย ใหก้ าลงั ใจ และใหเ้ ก็บผลงานไว้ในกล่อง สะสมผลงานของตนเอง 4.2.3 เมอื่ เด็กปฎบิ ัติกจิ กรรมครบทุกคนแลว้ ครูแนะนาให้เดก็ ช่วยกันทาความสะอาด อุปกรณ์ พื้นทปี่ ฏิบตั กิ ิจกรรม และเก็บส่ิงของต่าง ๆ เข้าท่ีให้เรยี บร้อย 4.3 กจิ กรรมเสริมประสบกำรณ์ (15 นำท)ี 4.3.1 เด็กและครสู นทนารว่ มกนั เก่ยี วกบั การดแู ลรักษาปาก และฟัน โดยครูอธิบายใหเ้ ด็ก ๆ ฟังวา่ ปากและฟัน เปน็ อวัยวะสาคัญในการเคีย้ วอาหารเราต้องดแู ลฟนั และปาก ให้แข็งแรงสะอาดอยู่เสมอ เสร็จแล้ว เดก็ และครรู ่วมกันร้องเพลง “แปรงฟัน” พร้อมกบั ทาทา่ ประกอบเพลงดว้ ย 4.3.2 ครูสาธติ วธิ ีการแปรงฟนั ท่ีถกู ตอ้ งใหเ้ ด็ก ๆ ดูและใหเ้ ด้กลองฝกึ ปฎบิ ัตกิ ารแปรงฟนั ตามทคี่ รูสาธิตให้ดู 4.3.3 ครูเลา่ นิทานเรอ่ื ง “จอมสกปรก” ให้เดก็ ฟัง เสรจ็ แลว้ สนทนารว่ มกนั เก่ียวกบั เรื่อง ในนิทาน และให้เดก็ วาดภาพ ระบายสี ประกอบนิทานตามจินตนาการของเด็ก 4.3.4 เด็กและครสู นทนาสรุปรว่ มกันเก่ยี วกบั การรักษาปากและฟัน โดยครูแนะนาให้เด็ก แปรงฟันทุกวนั เวลาเชา้ หลงั อาหาร และก่อนนอน และกาหนดเป็นแนวทางใน การปฎิบัติตนในชีวิตประจาวันต่อไป 4.4 กิจกรรมกลำงแจง้ (45 นำท)ี 4.4.1 เดก็ จัดแถวตอนเรียงหนง่ึ เดนิ จับเองกันลงสนามอย่างเป็นระเบยี บ เมอ่ื ถงึ สนามแล้ว ใหเ้ ดก็ อบอุ่นร่างกายดว้ ยการว่ิงเหยาะ ๆ อยู่กับท่ี 2 – 3 นาที 4.4.2 เดก็ และครสู นทนาร่วมกันเก่ียวกบั เกมไอ้เข้ ไอ้โขง โดยครูอธบิ ายวธิ กี ารเลน่ ใหเ้ ดก็ ฟงั ดงั นี้ เลือกเด็กคนหน่ึงเล่นเปน็ จระเข้ แล้วไปยืนอยใู่ นทต่ี าสมมุติว่าเปน็ น้า ผู้ เล่นคนอน่ื ยนื อย่บู นทีส่ งู สมมุติว่าเปน็ ทา่ น้า ฝง่ั แมน่ า้ วธิ ีเล่น ผเู้ ลน่ คนอน่ื ลงไปใน เขตแมน่ ้า สมมตุ ิว่าอาบน้าหรือว่ายน้าเลน่ ผู้เลน่ เป็นจระเข้พยายามวงิ่ ไล่จบั ขณะทเ่ี ล่นน้าผู้เล่นรองบทล้อเลยี นจระเขว้ ่า “ไอเ้ ข้ ไอโ้ ขง มาโรงไมส้ กั ไอเ้ ขฟ้ ัน หกั กดั คนไม่เขา้ ”

46 4.4.3 ครูแบง่ กลุม่ เด็ก 2 –3 กลุ่มแล้วใหเ้ ล่นเกมไอเ้ ข้ ไอโ้ ขง กลุ่มละ 2 – 3 รอบ โดย ผลัดเปลยี่ นกนั เปน็ จระเข้ จนสมควรแกเ่ วลาจงึ ใหเ้ ด็กไปทาความสะอาดรา่ งกาย ล้างหนา้ ลา้ งมอื ทาธุระสว่ นตัว เพ่อื เตรียมตวั ไปรับประทานอาหารกลางวนั 4.5 กิจกรรมเกมกำรศกึ ษำ (20 นำท)ี 4.5.1 เดก็ และครูสนทนารว่ มกนั เกี่ยวกับเกมเรียงลาดับขนาดผลไม้ ใหญ่ – เลก็ โดยครู อธิบายวธิ ีการเล่นใหเ้ ด็กฟัง 4.5.2 แบ่งเด็กเปน็ กลมุ่ ใหเ้ ล่นเกมชุดใหมท่ ค่ี รูแนะนา เกมทเ่ี คยเลน่ มาแล้ว หรือเครือ่ ง เลน่ สัมผสั 4.5.3 เมือ่ เด็กเลน่ เกมเสร็จแล้วครูแนะนาให้ช่วยกันเก็บสิ่งของต่าง ๆ เข้าท่ใี ห้เรียบร้อย 5. ส่อื กำรเรียน / แหล่งกำรเรยี นรู้ 5.1 สีนา้ หลอดกาแฟ 5.2 เพลงแปรงฟัน 5.3 นิทานเรื่อง จอมสกปรก 5.4 เกมไอ้เข้ ไอโ้ ขง 5.5 เกมเรียงลาดับขนาดผลไม้ ใหญ่ – เลก็ 6. กำรวัดผลและประเมินผล 6.1 วธิ ีวัดผลและประเมินผล 6.1.1 สังเกตการปฎบิ ัติตามสญั ญาณ และคาส่ัง 6.1.2 สงั เกตการพูดแสดงความคดิ เหน็ และการตอบคาถาม 6.1.3 ตรวจผลงานการเปา่ สี 6.2 เครอ่ื งมือวัดผล 6.2.1 แบบประเมนิ ผลการจดั ประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการเป่าสี 6.3 เกณฑ์กำรวัดผลและประเมนิ ผล ระดับ 3 ดี ระดบั 2 พอใช้ ระดับ 1 ปรับปรงุ

47 แผนกำรจัดประสบกำรณท์ ่ี 15 ชั้นอนบุ ำลปีที่ 2 สำระท่คี วรเรยี นรทู้ ี่ 1 เรื่องรำวเก่ยี วกับตัวเดก็ หนว่ ย เรียนรู้ร่างกาย เร่อื ง การดูแลรกั ษาผิวหนัง มือ เท้า ผม สัปดำหท์ ่ี 3 ลำดบั วันท่ี 15 ครูผู้สอน คุณครูโชติกา เสือพิณ โรงเรยี น วดั ทา่ บญุ มี สพป. ชบ. 2 1. สำระสำคญั ผิวหนัง มอื เท้าและผม เป็นอวัยวะภายนอกท่ีมีความสาคัญทาให้เราเคล่อื นไหวร่างกาย และหยิบจันสิ่งของไดอ้ ยา่ งสะดวก เราตอ้ งดแู ลรักษาให้สะอาดอยู่เสมอ 2. จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ 2.1 เพื่อให้เดก็ มีความรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกบั หน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ สามารถดูแลรกั ษาใหใ้ ชก้ ารได้ อย่างยาวนาน 2.2 เพ่อื ให้เด็กสามารถปฏิบตั ิตามสัญญาณ และข้อตกลงได้ 2.3 เพือ่ ใหเ้ ดก็ สามารถสร้างผลงานไดอ้ ย่างสรา้ งสรรค์เพอ่ื ให้เด็กรจู้ ักหน้าท่ีของอวยั วะต่าง ๆ ได้ 2.4 เพอ่ื ใหเ้ ด็กสามารแสดงความคิดเหน็ และตอบคาถามเกยี่ วกับเร่อื งทส่ี นทนาได้ 2.5 เพื่อใหเ้ ด็กสามารถเลน่ เกมท่กี าหนดใหไ้ ด้ 3. สำระกำรเรยี นรู้ 3.1 กำรดูแลผวิ หนงั มือ เทำ้ ผม 3.2 ประสบกำรณ์สำคัญ 3.2.1 การรู้จดั สง่ิ ตา่ ง ๆ ด้วยการมอง ฟัง สัมผัส ชมิ รส และดมกล่นิ 3.2.2 การเคลือ่ นไหวจากท่ีหน่ึงไปที่หน่ึง 3.2.3 การสารวจและอธิบายความเหมือน ความตา่ งของสง่ิ ตา่ ง ๆ 4. กจิ กรรมกำรเรียนรู้ 4.1 กจิ กรรมเคลอื่ นไหวและจังหวะ (20 นำท)ี 4.1.1 กิจกรรมข้ันพื้นฐาน ใหเ้ ด็กเคลือ่ นไหวรา่ งกายไปท่ัว ๆ บริเวณอย่างอสิ ระตามจงั หวะ เม่ือได้ยนิ สญั ญาณหยุดให้หยุดเคลื่อนไหวในทา่ นน้ั ทันที 4.1.2 เดก็ และครูสนทนารว่ มกันเกีย่ วกบั คาบรรยายทจ่ี ะให้ปฎิบตั ิกจิ กรรม เชน่ เดก็ ๆ เตรียมตวั อาบนา้ หาผ้าเช็ดตัว ถอดเส้ือผ้า อาบน้า ฟอกสบู่ ลา้ งสบู่ สระผม ล้างตัว ล้างผม เชด็ ตัว ใสเ่ สื้อชดุ ใหม่ หวีผม เดนิ ออกมาน่ังดูการ์ตนู ใน หอ้ งนง่ั เล่นกบั คณุ พ่อ คุณแม่

48 4.1.3 ให้เดก็ เคล่ือนไหวรา่ งกายอย่างอิสระ เมื่อไดย้ ินสัญญาณหยุดให้หยุด และปฎิบตั ิ ตามคาบรรยายของครู 4.1.4 ให้เด็กปฏิบัติกจิ กรรมน้ซี า้ อีก 4.2 กิจกรรมสรำ้ งสรรคแ์ ละกิจกรรมเสรี (60 นำที) 4.2.1 เด็กและครชู ่วนกนั จดั โต๊ะเพ่อื ปฎิบัตกิ ิจกรรมการตดั ฉีก ปะ กระดาษ เสร็จแล้ว ครูสาธติ การปฎิบตั ิให้เด็กดู เสร็จแลว้ ให้เดก็ ลงมือปฎบิ ัตติ ามความคดิ และ จินตนาการ โดยครคู อยให้คาแนะนาและดูแลอยหู่ ่าง ๆ 4.2.2 เด็กคนใดที่ปฎิบัตกิ จิ กรรมเสร็จแล้วใหน้ าผลงานมาให้ครูดูพร้อมกบั เล่าใหค้ รูฟังถึง ช่ือผลงาน วิธที า ครใู หค้ าชมเชย และใหก้ าลงั ใจ 4.2.3 ครแู นะนาใหเ้ ดก็ เกบ็ ผลงาน ไว้ในกลอ่ งสะสมผลงานของตนเอง เพ่ือนามาแสดง นทิ รรศการในโอกาสต่อไป 4.2.4 เมอ่ื เด็กปฎิบตั กิ จิ กรรมครบทุกครงั้ แลว้ ครูแนะนาให้เด็กช่วยกันทาความสะอาด อุปกรณ์ พน้ื ที่ปฏบิ ัติกจิ กรรม และเกบ็ สง่ิ ของตา่ ง ๆ เขา้ ที่ใหเ้ รยี บร้อย 4.3 กิจกรรมเสรมิ ประสบกำรณ์ (15 นำที) 4.3.1 เด็กและครรู ว่ มกนั ร้องเพลง “ลา้ งมอื ” พร้อมกับทาทา่ ประกอบเพลง โดยครูร้อง ให้เดก็ ฟังก่อน แลว้ จงึ ใหร้ อ้ งตาม 4.3.2 เด็กและครสู นทนารว่ มกนั เก่ียวกับความจาเปน็ ในการรกั ษารา่ งกายให้สะอาดอยู่ เสมอ 4.3.3 ใหเ้ ด็กสารวจมอื ตนเอง แล้วเปรียบเทยี บกบั ของเพ่ือนว่า สะอาดหรือสกปรกกว่า กัน เล็บมอื สนั้ สะอาดหรือไม่ 4.3.4 ครสู าธิตการล้างมือทีถ่ ูกวิธใี หเ้ ดก็ ดู แลว้ ใหเ้ ดก็ ลองฝึกการล้างมือ ตดั เล็บ แล้ว เปรยี บเทียบกบั เพื่อนอีกครงั้ หนึง่ 4.3.5 เดก็ และครูร่วมกันร้องเพลง “สบายตัว” และทาทา่ ทางประกอบเพลง เสรจ็ แล้ว สนทนาร่วมกันเกยี่ วกบั เนือ้ เพลง ครูตง้ั คาถามชว่ ยกันตอบ เช่น - ใครสระผมไดด้ ้วยตนเองบา้ ง - ใชอ้ ะไรสระผม ฯลฯ 4.3.6 เด็กและครรู ่วมกันแสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับการหวผี มการตัดผม และสรุปรว่ มกนั วา่ ผมสะอาด หนงั ศรี ษะชว่ ยให้สบายศรี ษะและไมเ่ กิดโรคผิวหนงั ดว้ ย ทกุ คนตอ้ ง สระผม หวีผม ทาความสะอาดผมด้วยตนเอง 4.3.7 เด็กครูสนทนา สรุปรว่ มกนั เก่ยี วกบั การรักษาความสะอาดของรา่ งกายเบื้องต้น การดแู ลผม หนังศีรษะเพื่อกาหนดเป็นแนวทางในการปฏิบัติตนต่อไป

49 4.4 กิจกรรมกลำงแจ้ง (45 นำที) 4.4.1 เดก็ จดั แถวตอนเรียงสอง จับมอื กันเปน็ คู่ ๆ ว่ิงลงสนาม (เด็กที่ไม่มีคใู่ ห้จบั มือกับคร)ู เมอื่ ถึงสนามแลว้ ครูให้เด็กอบอนุ่ รา่ งกาย 2 – 3 นาที 4.4.2 ครแู นะนาเกมวิ่งเปี้ยว และอธิบายวิธีเลน่ ให้เดก็ ฟังจนเขา้ ใจ แลว้ แบง่ เดก็ เปน็ 4 กลมุ่ โดยแยกเปน็ กลมุ่ ชาย – หญงิ ชดั เจน แล้งใหแ้ ขง่ ขนั กันระหว่างกลุ่มเด็กชาย – หญงิ ชดั เจน แล้วในแข่งกนั ระหว่างกลมุ่ หญงิ กับหญงิ และชายกับชายโดยครเู ปน็ กรรมการดูแลการเลน่ อย่างใกลช้ ดิ 4.4.3 ครูแนะนาเด็กวา่ การแขง่ ขนั วงิ่ เปี้ยวในวนั นเ้ี ป็นการแข่งเพื่อฝกึ ความแข็งแรงและ ความสนุกสนานเทา่ นน้ั ไมค่ วรจริงจังกบั เกมแตใ่ ห้รู้จกั ขอโทษและใหอ้ ภัยกัน 4.4.4 เมอ่ื ได้เวลาพอสมควรครใู ห้เด็กไปทาความสะอาดรา่ งกาย ล้างหน้า ลา้ งมอื ทาธุระ สว่ นตวั แลว้ กลับเข้าหอ้ งเรียน เพ่อื เตรียมตัวไปรับประทานอาหารกลางวนั 4.5 กจิ กรรมเกมกำรศกึ ษำ (20 นำที) 4.5.1 เด็กและครูสนทนาร่วมกนั เก่ยี วกับเกมจับคู่แบบอนุกรม โดยครแู นะนาวิธกี ารเล่น ใหเ้ ด็กฟัง 4.5.2 ครแู บ่งกลุ่มเดก็ ให้ไดเ้ ล่นเกมชุดใหม่ท่ีครูแนะนา และเกมทีเ่ คยเล่นมาแล้ว หรือ เครื่องล่นสมั ผัส 4.5.3 เมอื่ เด็กเลน่ เสรจ็ แลว้ ครแู นะนาให้ชว่ ยกันเกบ็ สง่ิ ของต่าง ๆ เขา้ ทีใ่ ห้เรยี บร้อย 5. สื่อกำรเรียนรู้ / แหล่งกำรเรยี นรู้ 5.1 กาว กรรไกร กระดาษ 5.2 เพลงล้างมือ 5.3 เพลงสบายตัว 5.4 เกมว่งิ เปย้ี ว 5.5 เกมจบั คู่แบบอนุกรม 6. กำรวัดผลและประเมนิ ผล 6.1 วิธวี ดั ผลและประเมนิ ผล 6.1.1 สงั เกตการปฎิบัตติ ามสัญญาณ และคาบรรยาย 6.1.2 สงั เกตความกลา้ ในการแสดงออก การตอบคาถาม 6.1.3 ตรวจผลงานการตัด ฉีก ปะ กระดาษ 6.2 เครือ่ งมือวัดผล 6.2.1 แบบประเมินผลการจัดประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการตดั ฉกี ปะ กระดาษ

50 6.4 เกณฑ์กำรวัดผลและประเมินผล ดี ระดบั 3 พอใช้ ระดบั 2 ปรับปรงุ ระดบั 1

51 ภาคผนวก ถ้าเปื้อนไม่นิง่ รีบลา้ งไว เพลงล้ำงมือ ล้างมอื เสียให้สะอาดเอย (คุณหญงิ เบญจำ แสงมล)ิ มือฉันนัน้ สวยจริง ๆ กลับจากห้องน้าและก่อนกนิ ไป เพลงสบำยตัว สบายหัวหนูหม่ันสระผม (เตอื นใจ ศรมี ำรุต) ปากหอมน่าชมเพราะหนแู ปรงฟัน อาบน้าแลว้ สบายตวั ตดั เลบ็ ท่มี นั แหลมคม เพลงแปรงฟนั แปรงทกุ ๆ วนั ฟันจะสวยดี (คณุ หญงิ เบญจำ แสงมลิ) วนั ละสองทแี ปรงฟัน แปรงฟัน ต่ืนเช้าล้างหนา้ แปรงฟนั แปรงข้นึ แปรงลงเขา้ ซี เพลงว่ิงเหยำะ ๆ วิ่งใหเ้ หมาะวงิ่ เหยาะตามกัน (กมลำ โอสถำนเุ ครำะห์) วิ่งให้เหมาะจะไมช่ นกัน วง่ิ วง่ิ เหยาะ เหยาะ วงิ่ วิง่ เหยาะ เหยาะ เพลงไอ้เข้ ไอโ้ ขง มาโรงไมส้ ัก ไอ้เข้ไอโ้ ขง กัดคนไมเ่ ข้า ไอเ้ ขฟ้ นั หัก

52 นิทำนเร่ืองควำมไม่สำมคั คีของอวัยวะ (ไม่ทรำบนำมผ้แู ต่ง) มีชายคนหน่ึงเปน็ ผมู้ ีรปู รา่ งและแข็งแรง ไมว่ า่ จะไปที่ใดทุกคนพากันช่นื ชมในความงามและแข็งแรง ของเขา อยู่มาวันหนึ่ง ในขณะท่ีชายคนน้ันกาลงั พกั ผ่อนอยู่ หู ตา จมูก ปาก มือ แขน ขา นวิ้ เท้า ฯลฯ ก็คยุ กันถึงความสาคัญและหน้าทีของตน หูบอกว่าถา้ ไมม่ ฉี นั เขากไ็ ม่ได้ยิน สว่ นจมูกก็บอกว่าถา้ ไม่มี จมกู ก็หายใจไม่ได้ ส่วนปากก็บอกว่าถา้ ไม่มปี ากจะพดู และกินอาหารไม่ได้ แขน มือ นิ้ว ก็พดู ถึงความสาคญั ของตนเช่นกัน อวัยวะทุกสว่ นตา่ งกเ็ ถยี งกันว่าอวัยวะของตนนั้นมีความสาคญั ทส่ี ุด เถียงกันจนไม่มีใครยอมปฎิบตั ิ หน้าท่ขี องตน ชายผู้น้ันกซ็ ูบผอมอ่อนแอลงจนไม่มีใครเขา้ ใกล้ เมือ่ เป็นเช่นนี้ อวยั วะทุกส่วนจึงคิดได้วา่ ทุก อยา่ งต้องทาหน้าทขี่ องตนให้ดี จงึ จะทาใหร้ ่างกายแข็งแรง เป็นที่ชืน่ ชมของทุกคน นทิ ำนเร่ือง ลกู หมีสกปรก (ไมท่ รำบนำมผูแ้ ต่ง) ณ บา้ นของลูกหมี แมห่ มจี ะไปตลาด ส่ังใหล้ ูกหมีอาบน้า แปรงฟนั แลว้ แมห่ มจี ะซอื้ ขนมกับ เสอ้ื ผา้ สวย ๆ มาให้ พอแมไ่ ปตลาด ลกู หมกี ็ออกเดนิ ไปหาเจ้ากระต่าย แตเ่ จา้ กระต่ายไม่ยอมเลน่ ด้วยเพราะ ลูกหมีสกปรกไม่ยอมอาบนา้ แปรงฟัน ลกู หมีจึงเดนิ ไปหาลูกชา้ ง ลกู ช้างกว็ า่ ลูกหมตี ัวเหม็นไมย่ อมเล่นด้วย ลกู หมเี สยี ใจมากจงึ ไปหาลูกลิง จะไปขอเลน่ กบั ลูกลิง ลกู ลิงก็บอกใหล้ ูกหมีกลับไปอาบนา้ แปรงฟันให้ สะอาดก่อน แล้วจะเลน่ ดว้ ย ลูกหมีจงึ กลบั บ้าน แปรงฟนั อาบน้า แตง่ ตวั สะอาด แม่หมีกลับมาเหน็ เข้าก็ดี ใจจึงนาชุดใหม่ทซ่ี ื้อมาใหล้ กู หมแี ตง่ ด้วย ลูกหมีจึงขอขนมไปใหเ้ พื่อนๆ เพื่อน ๆ ดีใจ รบั ลกู หมเี ป็นเพ่ือนดว้ ย เพราะเดี๋ยวนี้ลกู หมสี ะอาดแล้ว

53 นทิ ำนเรื่องจอมสกปรก (นรำธิป จันทรเนตร) ณ หมู่บา้ นปากสะอาด มลี ูกฟนั นอ้ ยจอมสกปรกคนหนึ่ง เป็นฟันจอเกเร ไม่เคยฟังคาสั่งสอนของพ่อ แม่เลย วนั ๆ เอาแตก่ นิ และไม่ยอมทาความสะอาดปากของตนเองหลังกนิ อะไรเลย เน้ือตัวของลกู ฟนั น้อยก็ สกปรก บางคร้ังเศษขนมก็เต็มตัวของลูกฟนั น้อย และเมอ่ื อย่นู าน ๆ กเ็ รม่ิ มกี ลิ่นเหมน็ เป็นท่เี อือมระอาของ คนในหมู่บา้ น และพนี่ ้อง คนในครอบครัวเป็นอยา่ งมาก วันหน่ึงลูกฟนั น้อยได้กนิ ไอศครีมแท่งใหญ่จากลงุ ฟนั กรามผใู้ จดมี าแทง่ หนง่ึ ลูกฟนั นอ้ ยกินอยา่ ง เอร็ดอร่อย แตพ่ อไอศครมใกลจ้ ะหมด ลกู ฟนั นอ้ ยเริ่มรู้สึกเจบ็ ปวดไปทั้งรา่ ง ลูกฟันนอ้ ยร้องไหด้ ว้ ยความ เจบ็ ปวด จนพอ่ แมต่ ้องรบี วงิ่ มาดู เมอื่ พ่อแม่มาดูก็พบว่าร่างของฟันน้อยเป็นแผลอย่างมาก ถา้ ขนื ปลอ่ ยท้ิงไว้ ลูกฟันนอ้ ยตอ้ งตายแน่ ๆ เลย ลกู ฟนั น้อยร้องไหด้ ้วยความเจ็บปวด ทรมาน พอ่ แมต่ ้องพาลกู ฟนั น้อยไปหาหมอ คุณหมอให้ลูกฟนั นอ้ ยไปทาความสะอาดร่างกาย และหายาลา้ งตัวลกู ฟันน้อย ใส่ยาตามแผลต่างๆ ใหล้ ูกฟันน้อย และบอกให้ ลกู ฟันน้อยทาความสะอาดแผลทกุ วนั แผลจึงจะหายและไมส่ กปรกหรือมกี ล่ินเหมน็ เพราะถ้าหากไม่ทาตาม ลูกฟันน้อยอาจจะตายได้ ลกู ฟนั น้อยกลับมาถึงบา้ นกท็ าตามคาทหี่ มอแนะนา จนร่างกายหายดีขน้ึ และมีกลน่ิ ตวั ท่สี ะอาดพ่อ แม่ พน่ี อ้ งก็เร่ิมหันมามองลูกฟันน้อย และชื่นชมในสงิ่ ทฟี่ ันน้อยปฎิบัติ ทุกคนในหมูบ่ า้ นก็เร่ิมหันมารักและ สนใจลูกฟันนอ้ ยกันมากมาย คุณพ่อคุณแม่ของลูกฟันน้อยบอกวา่ ถา้ ลกู ฟันน้อยไม่ทาตามทหี่ มอแนะนา วนั หนง่ึ ลกู ฟนั น้อยจะต้องตาย ถ้าลูกฟันน้อยไม่อยากตาย และอยากอยู่กับครอบครัวนาน ๆ ต้องหมน่ั ทาความ สะอาดรา่ งกายและแปรงฟนั ให้สะอาดหลงั ตื่นนอน หลงั กินขนม หรือรบั ประทานอาหาร และก่อนเขา้ นอน ซ่ึงลูกฟนั น้อยรบั ปากพ่อแม่จะปฏบิ ตั ิเปน็ ประจา

54 เรือ่ ง ใบงำน จดุ ประสงค์ ร่างกายของเรา 1. เพอ่ื ให้เด็กรู้จกั หนา้ ท่ีของรา่ งกาย คำส่งั 2. เพ่ือพัฒนาความคิดสรา้ งสรรค์ และจนิ ตนาการ 3. เพื่อใหเ้ ด็กสามารถวาดภาพ และระบายสีภาพที่กาหนดใหไ้ ด้ ใหเ้ ดก็ วาดภาพตัวเองหนา้ ท่ีของรา่ งกายท่ตี นเองชอบ ตามความคดิ และจนิ ตนาการของ ตนเอง แล้วระบายสใี ห้สวยงาม ผ้ปู ระเมิน ครู ผ้ปู ระเมนิ ผูป้ กครอง เกณฑก์ ำรประเมนิ เกณฑ์กำรประเมนิ ดี ดี พอใช้ พอใช้ ปรบั ปรงุ ปรับปรุง ผู้ประเมิน ตนเอง ผูป้ ระเมนิ เพอ่ื น เกณฑ์กำรประเมิน เกณฑ์กำรประเมิน ดี ดี พอใช้ พอใช้ ปรับปรงุ ปรับปรุง

55 แผนกำรจัดประสบกำรณ์ที่ 16 ช้นั อนบุ ำลปีท่ี 2 สำระที่ควรเรยี นรทู้ ่ี 2 เร่ืองรำวเกี่ยวกับบุคคลและสถำนทแี่ วดลอ้ มเด็ก หน่วย วันสาคญั ทางศาสนา เรอื่ ง วันสาคัญในชุมชน สัปดำห์ท่ี 4 ลำดับวันท่ี 16 ครผู ู้สอน คณุ ครูโชติกา เสอื พิณ โรงเรียน วดั ทา่ บญุ มี สพป. ชบ. 2 1. สำระสำคัญ วันสาคญั ในชุมชนมกี ารปฏบิ ตั กิ จิ กรรมมีความแตกตา่ งกนั ไปขนึ้ ตามสภาพแวดลอ้ ม และ ความเชอ่ื ของท้องถิ่น การปฏิบตั ิและการรว่ มกิจกรรมของคนในชุมชนมสี ว่ นทจี่ ะสืบทอดกิจกรรมตามความ เช่อื ย่อมมีความแตกต่างกนั ไปดว้ ย 2. จดุ ประสงค์กำรเรียนรู้ 2.1 เพื่อใหเ้ ดก็ มีความรู้ ความเข้าใจเกีย่ วกับวนั สาคัญของทอ้ งถ่นิ และสามารถรว่ มกิจกรรมตา่ ง ๆ ได้ด้วยความเต็มใจและมคี วามสขุ 2.2 เพือ่ ใหเ้ ดก็ สามารถปฏบิ ตั ิตามสัญญาณ และคาบรรยายได้ 2.3 เพอ่ื ใหเ้ ด็กสามารถสร้างผลงานไดอ้ ย่างสรา้ งสรรคแ์ ละเสรี 2.4 เพื่อให้เด็กสามารถแสดงความคิดเห็น และตอบคาถามเกี่ยวกบั เรื่องทีส่ นทนาได้ 2.5 เพ่ือใหเ้ ด็กสามารถปรับตัวในการเล่น และเล่นร่วมกบั ผู้อื่นได้อยา่ งสนกุ สนาน 2.6 เพอื่ ให้เดก็ สามารถนาภาพทีเ่ หมือนกันมาจัดเข้าคูก่ ันได้ 3. สำระกำรเรยี นรู้ 3.1 วนั สำคัญในชมุ ชน 3.2 ประสบกำรณ์สำคัญ 3.2.1 การรว่ มปฎบิ ัตกิ ิจวตั รประจาวันของกลุม่ 3.2.2 การสรา้ งความสมั พันธก์ บั เด็กและผ้ใู หญ่ 3.2.3 การมีประสบการณ์ทางการเลน่ สร้างสรรคร์ ่วมกับผ้อู นื่ 3.2.4 การสร้างความสัมพันธ์กับเด็กและผูใ้ หญ่ 4. กิจกรรมกำรเรียนรู้ 4.1 กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ (20 นำที) 4.1.1 กิจกรรมพน้ื ฐาน ใหเ้ ดก็ เคลื่อนไหวรา่ งกายไปทว่ั ๆ บริเวณอยา่ งอสิ ระ เมอ่ื ไดย้ ิน สญั ญาณหยุด ให้หยุดเคล่ือนไหวในท่าน้นั ทนั ที 4.1.2 เด็กและครูสนทนารว่ มกนั เก่ยี วกับคาบรรยายที่จะปฎิบัตกิ ิจกรรม เชน่ “เด็ก ๆ เดิน ตามยายไปวดั มีรถยนต์ผ่านมา เดก็ ๆ ดึงยายใหห้ ยุดก่อน เดินถอยหลัง เดิน

56 ขยบั ไปทางขวาเข้าไปพกั ในรม่ ไมใ้ หร้ ถไปกอ่ นจนหมด เดนิ ตอ่ ไป จนถึงวัด กราบ พระ และนง่ั สมาธิ” 4.1.3 ใหเ้ ดก็ เคลื่อนไหวร่างกายอย่างอสิ ระ เมื่อได้ยนิ สัญญาณหยุด ให้หยดุ และปฎบิ ัติ ตามคาบรรยายของครู 4.1.4 เด็กและครรู ่วมกนั กาหนดคาบรรยายข้ึนใหม่และปฎิบตั ิกิจกรรมในข้อ 4.1.3 ซ้าอีก 4.2 กิจกรรมสร้ำงสรรค์และกิจกรรมเสรี (60 นำท)ี 4.2.1 เด็กและครชู ว่ ยกนั จัดโต๊ะเพ่อื ปฎบิ ตั กิ จิ กรรมการป้นั ดินน้ามัน เสร็จแลว้ ครูอธิบาย ทบทวน ขั้นตอนการปฎิบตั ใิ ห้เด็กฟัง แลว้ ใหล้ งมือสรา้ งผลงานตามความคิดและ จินตนาการของตนเอง อย่างอิสระโดยครคู อยดูแลหา่ ง ๆ 4.2.2 เด็กคนใดทป่ี ฎบิ ัติกิจกรรมเสร็จแลว้ ให้นาผลงานมาใหค้ รดู ูพรอ้ มกบั เลา่ ใหค้ รูฟังถึง ชอ่ื ผลงาน วิธีการทา ครใู ห้คาชมเชย และให้กาลังใจ และแนะนาใหเ้ ด็กปฎิบัติ กิจกรรมให้ครบทั้งสองกจิ กรรม และใหเ้ ก็บผลงานของตนเองไวใ้ นกล่องสะสม ผลงานของตนเอง 4.2.3 เดก็ ทป่ี ฎบิ ัติกิจกรรมเสร็จแล้วให้เลน่ ตามมมุ อย่างอิสระรอเพอ่ื น 4.2.4 เมือ่ เด็กปฎบิ ตั กิ จิ กรรมเสรจ็ ครบทุกคนแล้ว ให้ช่วยกันทาความสะอาดอปุ กรณ์ และ จัดเกบ็ สง่ิ ของตา่ ง ๆ เขา้ ทีใ่ หเ้ รียบร้อย 4.3 กจิ กรรมเสริมประสบกำรณ์ (15 นำที) 4.3.1 เดก็ และครสู นทนาร่วมกันเกีย่ วกบั กจิ กรรมต่าง ๆ ในชมุ ชนจดั ขึ้น เช่น งานบญุ ผา้ ป่าสามคั คี งานกฐนิ สามคั คี โดยครูอธิบายให้เด็กฟังว่า แต่ละท้องถนิ่ กม็ ีวนั สาคญั ศาสนาแตกตา่ งกนั ไป และการจัดกิจกรรมก็ตา่ งกันด้วย เด็กกเ็ ป็นสว่ นหนึง่ ของท้องถิ่นตอ้ งเข้ารว่ มกิจกรรมวันสาคัญนั้นตามความเหมาะสม และวัย โดย อาจจะตามคุณพ่อ คุณแม่ไปก็ได้ 4.3.2 ครูตงั้ คาถามเก่ยี วกบั วันสาคัญในท้องถิ่นใหเ้ ด็กชว่ ยกันหาคาตอบวา่ มวี ันอะไรบ้าง และเด็กเข้าร่วมในกจิ กรรมวันสาคัญน้นั หรอื ไม่ 4.3.3 เดก็ และสนทนา สรปุ และกาหนดแนวทางในการปฎบิ ตั ิตนในชวี ติ ประจาวัน 4.4 กิจกรรมกลำงแจง้ (45 นำที) 4.4.1 เด็กจดั แถวตอนเรียงหน่งึ เดนิ ลงสนามอยา่ งเปน็ ระเบยี บ เมื่อถึงกลางสนามแลว้ ครู ให้เด็กอบอุน่ รา่ งกายโดยการว่ิงเหยาะ ๆ อยู่กบั ที่ 2 – 3 นามี 4.4.2 เดก็ และครรู ว่ มสนทนารว่ มกันเกย่ี วกบั บอ่ ทราย ทคี่ รจู ัดเตรยี มไว้เปน็ การจัดท่ีเล่น กลางแจง้ (แต่ไม่เปน็ ท่ีแดดร้อน) พรมนา้ ไวใ้ ห้ชน้ื พอเหมาะกบั การเลน่ และเตรยี ม วัสดุอ่นื ประกอบหรอื ตกแต่งให้สวยงาม 4.4.3 เดก็ และครสู นทนาร่วมกนั เกี่ยวกับวธิ กี ารเล่นทราย โดยครูแนะนาวิธีการเล่น และ สาธิตวธิ กี ารเลน่ ตามสมควร

57 4.4.4 ครูปลอ่ ยใหเ้ ด็ก ๆ ไดเ้ ลน่ ทรายโดยอิสระ เพื่อความสนุกสนานและพฒั นาความคิด สร้างสรรคด์ ้วย โดยครูคอยดูแลความปลอดภัยอยา่ งใกลช้ ิด เมอ่ื ถึงเวลาพอสมควร ครูพาเด็กไปทาความสะอาดร่างกาย ล้างหน้า ลา้ งมือ เพ่ือเตรยี มตวั ไปรับประทาน อาหารกลางวนั 4.5 กจิ กรรมเกมกำรศึกษำ (20 นำที) 4.5.1 เด็กและครสู นทนาร่วมกนั เกี่ยวกับเกมจับคู่ภาพกับเงา โดยครอู ธบิ าย แนะนา วิธีการเล่นใหเ้ ดก็ ฟัง 4.5.2 แบ่งเด็กเป็นกลมุ่ ให้เลน่ เกม ตามความเหมาะสม โดยใหเ้ ดก็ เกมชดุ ใหมแ่ ละเกมที่ เคยเลน่ มาแลว้ หรือเครื่องเล่นสัมผัสตา่ ง ๆ 4.5.3 เมือ่ เด็กเลกิ เลน่ เกมแล้วครูแนะนาให้ช่วยกันเก็บส่ิงของตา่ ง ๆ เข้าทใ่ี ห้เรยี บร้อย 5. สอ่ื กำรเรยี น / แหล่งกำรเรียนรู้ 5.1 ดนิ นา้ มัน แผน่ รองปน้ั 5.2 บ่อทราย 5.3 เกมจบั คูภ่ าพกับเงา 6. กำรวัดผลและประเมนิ ผล 6.1 วธิ วี ัดผลและประเมินผล 6.1.1 สงั เกตการปฏิบตั ิตามสญั ญาณ และคาบรรยาย 6.1.2 สงั เกตความกล้าในการแสดงความคิดเหน็ และตอบคาถาม 6.1.3 สังเกตความสนใจ และความสนกุ สนานในการร่วมกจิ กรรม 6.1.4 ตรวจผลงานการปั้น 6.2 เครื่องมอื วัดผล 6.2.1 แบบประเมนิ ผลการจัดประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการป้ัน 6.3 เกณฑก์ ำรวัดผลและประเมนิ ผล ระดับ 3 ดี ระดับ 2 พอใช้ ระดับ 1 ปรับปรุง

58 แผนกำรจัดประสบกำรณ์ท่ี 17 ชน้ั อนุบำลปีที่ 2 สำระทค่ี วรเรียนรทู้ ่ี 2 เร่ืองรำวเก่ียวกับบุคคลและสถำนทีแ่ วดล้อมเด็ก หน่วย วันสาคญั ทางศาสนา เร่ือง กจิ กรรมในวันสาคัญ สปั ดำห์ท่ี 4 ลำดับวนั ท่ี 17 ครูผ้สู อน คุณครูโชตกิ า เสอื พิณ โรงเรยี น วดั ท่าบุญมี สพป. ชบ. 2 1. สำระสำคัญ ชมุ ชนทเ่ี ราอาศัยอยู่ มกี ิจกรรมทีจ่ ัดข้นึ ในวนั สาคัญเพ่ือใหค้ นในชมุ ชนไดร้ ่วมกนั ปฏิบตั ิอยู่ เปน็ ประจา เราเปน็ สว่ นหนง่ึ ของชุมชนควรเขา้ รว่ มกิจกรรมอย่างเต็มใจและมคี วามสขุ 2. จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ 2.1 เพ่อื ใหเ้ ดก็ มีความรู้ ความเข้าใจเก่ยี วกบั วนั สาคญั ของท้องถ่นิ และสามารถร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ได้ดว้ ยความเต็มใจและมคี วามสุข 2.2 เพอ่ื ใหเ้ ดก็ สามารถปฏิบัติตามสัญญาณ และคาบรรยายได้ 2.3 เพอ่ื ให้เด็กสามารถสร้างผลงานได้อย่างสรา้ งสรรคแ์ ละเสรี 2.4 เพื่อให้เดก็ สามารถแสดงความคิดเห็น และตอบคาถามเกย่ี วกับเร่ืองท่สี นทนาได้ 2.5 เพื่อให้เด็กสามารถปรบั ตัวในการเลน่ และเลน่ รว่ มกับผูอ้ น่ื ได้อย่างสนกุ สนาน 2.6 เพ่ือใหเ้ ดก็ สามารถนาภาพท่เี หมือนกนั มาจัดเข้าค่กู นั ได้ 3. สำระกำรเรียนรู้ 3.1 กิจกรรมในวนั สำคัญ 3.2 ประสบกำรณส์ ำคัญ 3.2.1 การร่วมปฎบิ ตั ิกิจวัตรประจาวันของกลุ่ม 3.2.2 การสร้างความสัมพันธ์กบั เด็กและผ้ใู หญ่ 3.2.3 การมปี ระสบการณ์ทางการเลน่ สรา้ งสรรคร์ ่วมกบั ผู้อ่ืน 4. กิจกรรมกำรเรียนรู้ 4.1 กิจกรรมเคล่อื นไหวและจังหวะ (20 นำที) 4.1.1 กิจกรรมพ้ืนฐาน ให้เด็กเคลื่อนไหวร่างกายไปทว่ั ๆ บรเิ วณอย่างอิสระ เมอื่ ได้ยินสัญญาณหยุด ใหห้ ยดุ เคลอ่ื นไหวในทา่ นั้นทนั ที 4.1.2 เดก็ และครูสนทนารว่ มกนั เกย่ี วกบั คาสั่งท่จี ะให้ปฎิบัตกิ ิจกรรม เช่น - ให้กระโดดอยู่กบั ท่ี 5 คร้ัง - ให้ลกุ น่งั 3 รอบ - ให้ปรบมอื และนบั ปากเปล่า 1 - 10

59 4.1.3 ให้เด็กเคล่ือนไหวร่างกายอย่างอสิ ระ เม่ือได้ยินสญั ญาณหยดุ ให้หยุด และปฎิบตั ิตามคาส่ังของครู 4.1.3 เดก็ และครรู ว่ มกันกาหนดคาสง่ั ขึ้นใหม่และปฏิบตั ิกิจกรรมในข้อ 4.1.3 ซ้าอกี 4.2 กจิ กรรมสรำ้ งสรรค์และกจิ กรรมเสรี (60 นำที) 4.2.1 เด็กและครู ช่วยกันจดั โต๊ะเพื่อปฎิบัตกิ จิ กรรมการวาดภาพดว้ ยสเี ทียน เสรจ็ และครู อธบิ ายข้นั ตอนการปฎิบัติใหเ้ ด็กฟงั และแจกใบงานใหเ้ ด็กคนละ 1 แผ่น สนทนา รว่ มกนั เกย่ี วกับรายละเอยี ดในใบงาน เสรจ็ แลว้ ให้เดก็ ลงมือปฎบิ ตั กิ ิจกรรมตาม คาสั่งในใบงาน และสรา้ งผลงานตามความคิด และจนิ ตนาการของตนเอง อย่าง อิสระ โดยครูคอยดแู ลอยูห่ า่ ง ๆ 4.2.2 เดก็ คนใดทีป่ ฎิบตั กิ ิจกรรมเสร็จแลว้ ให้นาผลงานมาให้ครดู ู พรอ้ มกบั บอกชือ่ ผลงาน ขัน้ ตอนวธิ กี ารทาใหค้ รูฟงั และแนะนาให้เด็กเก็บผลงานไวใ้ นกล่องสะสมผลงาน 4.2.3 เด็กทปี่ ฎบิ ัตกิ ิจกรรมเสรจ็ แล้วให้เล่นตามมมุ อยา่ งอสิ ระรอเพอ่ื น และเม่อื เดก็ ปฎบิ ตั ิ กจิ กรรมเสรจ็ ครบทกุ คนแล้ว ให้ช่วยกันทาความสะอาดอปุ กรณ์ และจดั เกบ็ ส่งิ ของตา่ ง ๆ เข้าท่ีให้เรียบร้อย 4.3 กจิ กรรมเสริมประสบกำรณ์ (15 นำที) 4.3.1 เด็กและครูสนทนาร่วมกันเกี่ยวกับกิจกรรมทีจ่ ดั ขึ้นในทอ้ งถ่ิน เชน่ การถวายผ้าปา่ สามคั คี งานบุญเข้าพรรษา โดยครูแนะนาเด็กเกยี่ วกับการไปเทีย่ วงานกลางคนื วา่ ควรไปกับผปู้ กครอง ไม่ควรไปคนเดียว เพราะอาจจะเกดิ อนั ตรายได้ 4.3.2 ครตู ง้ั คาถามเกยี่ วกับการไปร่วมกิจกรรมในวันสาคญั ของท้องถน่ิ ว่าเคยไปรว่ ม กจิ กรรมใดบา้ ง และไปกับใคร มีความรู้สกึ อย่างไร 4.3.3 เดก็ และครสู นทนา สรุปรว่ มกันเกย่ี วกบั การรว่ มกิจกรรมวนั สาคญั วา่ เปน็ สง่ิ ที่ เดก็ ควารใหค้ วามรว่ มมอื เพราะเด็กเปน็ สว่ นหนึ่งของท้องถ่ิน และกาหนดแนวทาง ในการปฎบิ ตั ิตนและนาไปปฎิบตั ใิ นชีวติ ประจาวนั ตอ่ ไป 4.4 กิจกรรมกลำงแจ้ง (45 นำที) 4.4.1 เด็กจัดแถวตอนเรยี งหนง่ึ เดนิ ลงสนามอยา่ งเปน็ ระเบียบ เม่อื ถึงสนามแล้วให้เด็ก อบอุ่นรา่ งกายโดยการวิง่ เหยาะ ๆ รอบบรเิ วณ 2 – 3 รอบ 4.4.2 เด็กและครูสนทนารว่ มกันเก่ียวกบั เคร่ืองเลน่ สนาม โดยครแู นะนาเด็กเกย่ี วกับการ รูจ้ ักแบง่ ปนั เคร่ืองเล่น และการรอคอยโอกาส เปน็ การฝึกให้เดก็ รู้จักเอ้อื เฟื้อเผ่ือแผ่ แกก่ ัน 4.4.3 ครปู ลอ่ ยใหเ้ ด็กไดเ้ ลน่ เครือ่ งเลน่ สนามหรือบอ่ ทรายอย่างอิสระ โดยครูคอยดแู ล ความปลอดภยั อย่างใกลช้ ิด 4.4.4 เมื่อถึงเวลาพอสมควรครูพาเด็กไปทาความสะอาดรา่ งกาย ล้างหน้า ลา้ งมอื และ กลบั เข้าห้องเรียนเพ่ือเตรียมตัวไปรับประทานอาหารกลางวัน

60 4.5 กจิ กรรมเกมกำรศึกษำ (20 นำที) 4.5.1 เด็กและครูสนทนารว่ มกนั เกี่ยวกบั เกมภาพตัดต่อรูปวดั โดยครอู ธบิ าย แนะนา วิธกี ารเล่นใหเ้ ดก็ ฟงั เสรจ็ แล้วครแู บ่งเดก็ เป็นกล่มุ ตามความเหมาะสม เพือ่ ใหเ้ ด็ก เล่นเกมชดุ ใหม่ เกมที่เคยเล่นมาแลว้ หรอื เคร่อื งเล่นสมั ผัส 4.5.2 เมอื่ เด็กเลกิ เลน่ เกมแล้ว ครแู นะนาให้ช่วยกนั เก็บสง่ิ ของตา่ ง ๆ เข้าทีใ่ หเ้ รียบร้อย 5. ส่ือกำรเรยี น / แหลง่ กำรเรียนรู้ 5.1 สเี ทยี น 5.2 เกมภาพตัดต่อรูปวัด 6. กำรวดั ผลและประเมินผล 6.1 วธิ กี ำรวดั ผลและประเมนิ ผล 6.1.1 สังเกตการปฎิบตั ิตามสัญญาณ และคาสง่ั 6.1.2 สงั เกตการสนทนา และการตอบคาถาม 6.1.3 ตรวจผลงานวาดภาพ 6.2 เคร่อื งมือวัดผล 6.2.1 แบบประเมินผลการจัดประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการวาดภาพ 6.3 เกณฑ์กำรวดั ผลและประเมินผล ระดบั 3 ดี ระดบั 2 พอใช้ ระดบั 1 ปรบั ปรงุ

61 แผนกำรจดั ประสบกำรณท์ ี่ 18 ช้นั อนุบำลปีที่ 2 สำระท่ีควรเรียนรู้ท่ี 2 เรือ่ งรำวเกี่ยวกับบคุ คลและสถำนที่แวดลอ้ มเดก็ หนว่ ย วนั สาคญั ทางศาสนา เรือ่ ง กจิ กรรมในวันสาคัญ 2 สัปดำห์ที่ 4 ลำดับวนั ท่ี 18 ครูผสู้ อน คณุ ครโู ชตกิ า เสอื พิณ โรงเรียน วัดทา่ บญุ มี สพป. ชบ. 2 1. สำระสำคัญ ชุมชนที่เราอาศัยอยู่ มกี ิจกรรมทจ่ี ัดข้ึนในวนั สาคญั เพื่อให้คนในชมุ ชนได้ร่วมกันปฏบิ ัติอยู่ เปน็ ประจา เราเปน็ สว่ นหนงึ่ ของชุมชนควรเขา้ ร่วมกิจกรรมอยา่ งเต็มใจและมคี วามสขุ 2. จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 2.1 เพื่อใหเ้ ดก็ มีความรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั วนั สาคัญของท้องถ่ิน และสามารถรว่ มกิจกรรมตา่ ง ๆ ไดด้ ้วยความเต็มใจและมีความสขุ 2.2 เพ่ือใหเ้ ด็กสามารถปฏิบตั ิตามสญั ญาณ และคาบรรยายได้ 2.3 เพื่อให้เดก็ สามารถสร้างผลงานไดอ้ ย่างสรา้ งสรรค์และเสรี 2.4 เพ่อื ใหเ้ ดก็ สามารถแสดงความคิดเหน็ และตอบคาถามเกี่ยวกับเรื่องทสี่ นทนาได้ 2.5 เพอ่ื ใหเ้ ด็กสามารถปรบั ตัวในการเล่น และเลน่ รว่ มกับผูอ้ น่ื ได้อยา่ งสนกุ สนาน 2.6 เพื่อให้เด็กสามารถนาภาพทีเ่ หมือนกนั มาจัดเข้าคกู่ นั ได้ 3. สำระกำรเรียนรู้ 3.1 วนั สำคัญทำงพุทธศำสนำ 3.2 ประสบกำรณส์ ำคัญ 3.2.1 การร่วมปฎบิ ตั ิกจิ วัตรประจาวนั ของกลุ่ม 3.2.2 การสรา้ งความสัมพันธ์กับเด็กและผู้ใหญ่ 3.2.3 การอธิบายเกีย่ วกับสิ่งของ เหตุการณ์ และความสัมพันธ์ของสิ่งตา่ ง ๆ 4. กจิ กรรมกำรเรียนรู้ 4.1 กิจกรรมเคลอื่ นไหวและจังหวะ (20 นำท)ี 4.1.1 กจิ กรรมพน้ื ฐาน ใหเ้ ดก็ เคลอ่ื นไหวร่างกายไปทว่ั ๆ บริเวณอย่างอิสระ เมอื่ ได้ยิน สัญญาณตอ้ งหยดุ ใหห้ ยดุ เคล่อื นไหวในท่านนั้ ทนั ที 4.1.2 เดก็ และครูสนทนาร่าวมกนั เกี่ยวกบั การเป็นผูน้ า ผูต้ าม โดยรว่ มกันหาเดก็ อาสาสมัครออกมาเป็นผู้นาการเคล่ือนไหว ให้เพ่ือน ๆ ทาตาม 4.1.3 เปลีย่ นเด็กอาสาสมัครคนใหม่ออกมาเปน็ ผนู้ าบ้าง และควรทาทา่ ทางไม่ให้ซา้ กับคน ก่อน ๆ เปน็ การฝกึ ความคดิ สร้างสรรค์

62 4.1.4 ครูให้เด็กหมนุ เวียนออกมาเป็นผนู้ า้ ให้ครบทุกคน หรือเน้นเป็นกรณีพเิ ศษสาหรบั เดก็ ท่ีไมค่ ่อยได้ร่วมกิจกรรม 4.2 กิจกรรมสร้ำงสรรคแ์ ละกิจกรรมเสรี (60 นำท)ี 4.2.1 เดก็ และครู ชว่ ยกันจัดโตะ๊ เพอื่ ใชป้ ฎิบัติกจิ กรรมการวาดภาพดว้ ยสีนา้ เหมอื น วันที่ผา่ นมา เสรจ็ แล้วครูอธบิ ายขั้นตอนการทาใหเ้ ด็กครู และใหล้ งมือปฎบิ ัติตาม ความคิด และจินตนาการของตนเอง อย่างอิสระ โดยครคู อยดูแล ใหค้ าแนะนา อยู่ห่าง ๆ 4.2.2 เด็กคนใดปฎบิ ตั ิเสรจ็ แลว้ ให้นาผลงานมาให้ครดู ู พร้อมกบั บอกชอื่ ผลงาน ขน้ั ตอน วธิ กี ารทาใหค้ รฟู ัง ครแู นะนาให้เกบ็ ผลงานไวใ้ นผลงานไว้ในกล่องสะสมผลงานของ ตนเอง 4.2.3 เด็กคนใดปฎบิ ตั ิกิจกรรมเสรจ็ แล้วหรอื กาลงั รอโต๊ะว่าง ให้เล่นตามมมุ อิสระรอเพ่ือน 4.2.4 เมอ่ื เด็กปฎิบตั กิ ิจกรรมครบทุกคนแลว้ ครแู นะนาให้ชว่ ยกันทาความสะอาดบรเิ วณ และเกบ็ สิ่งของเขา้ ท่ีใหเ้ รยี บร้อย 4.3 กิจกรรมเสริมประสบกำรณ์ (15 นำที) 4.3.1 เดก็ และครูสนทนารว่ มกนั เก่ยี วกบั วันสาคญั ในพระพุทธศาสนาว่ามีมากมาย และแต่ ละวนั ก็มคี วามสาคญั ท่ีแตกตา่ งกนั ไป เช่น วนั มาฆบูชา วนั วิสาขบูชา วนั เข้าพรรษา เป็นตน้ (เดก็ ทน่ี ับถอื ศาสนาอน่ื ๆ ครสู นทนา และยกตวั อย่างร่วมกัน ได้ โดยอธิบายใหเ้ ดก็ เข้าใจถึงความแตกต่างของแตล่ ะชมุ ชนและแต่ละศาสนา) 4.3.2 เด็กและครสู นทนา สรปุ รว่ มกนั เก่ียวกับวันสาคญั ตา่ ง ๆ ในพระพทุ ธศาสนา และ สนทนาเกยี่ วกบั วันสาคญั ของศาสนาอนื่ เพ่มิ เติมด้วย เป็นการสร้างความเทา่ เทียม กัน และอธิบายเพิม่ เติมว่าศาสนาทุกศาสนาสอนใหค้ นเป็นคนดีทงั้ นน้ั 4.4 กจิ กรรมกลำงแจง้ (45 นำท)ี 4.4.1 เด็กจัดแถวตอนเรียงหนง่ึ เดนิ ตบมอื เปน็ จังหวะลงสนามอย่างเปน็ ระเบยี บ เมื่อถงึ สนามแล้วใหเ้ ดก็ อบอุน่ รา่ งกายโดยการวิง่ เหยาะ ๆ อยู่กับที่ 2 – 3 นาที 4.4.2 เดก็ และครูอธบิ าย เกยี่ วกับการละเล่นพ้ืนบ้าน “ ม้ากา้ นกล้วย” เพ่อื ให้เด็กเกดิ ความคุน้ เคยวธิ ีการเล่นท่ีสนุกสนาน ปลอดภยั 4.4.3 ครใู หเ้ ด็กเล่นอยา่ งอสิ ระ โดยครูคอยดูแลความปลอดภัยอย่างใกล้ชิด หรอื ให้เด็ก ไดเ้ ลอื กเล่นกับเคร่ืองเลน่ ที่ชอบ ถา้ เครือ่ งเลน่ ไม่พอครแู นะนาให้เด็กรอคอย เพอื่ ฝึก การรจู้ ักโอกาส และเด็กท่เี ลน่ แล้วกแ็ บ่งปนั ให้เพ่ือนคนอ่นื ๆ ได้เล่นด้วย 4.4.4 ครูให้เดก็ เลน่ เคร่ืองเล่นสนามอยา่ งอิสระ 5 – 10 นาที จนไดเ้ วลาพอสมควร จึง พาเด็กไปทาความสะอาดร่างกาย ลา้ งหนา้ ลา้ งมือ ทาธุระสว่ นตวั กลบั เข้า ห้องเรยี น เพ่ือเตรียมตวั ไปรบั ประทานอาหารกลางวนั

63 4.5 กจิ กรรมกำรศกึ ษำ (20 นำท)ี 4.5.1 เด็กและครูสนทนารว่ มกันเกี่ยวกบั เกมพ้นื ฐานการบวก 1 – 5 โดยครูอธิบาย แนะนาวธิ กี ารเล่นเกมใหเ้ ด็กฟัง 4.5.2 ครูแบง่ เด็กเปน็ กลมุ่ ตามความเหมาะสม เพื่อให้เล่นเกมจดุ ใหม่ และเกมท่เี คยเลน่ มาแลว้ หรอื เคร่ืองเลน่ สมั ผัสต่าง ๆ โดยผลัดเปล่ยี นกันเลน่ เกม ฝึกการแบง่ ปนั และการรอคอยโอกาส 4.5.3 เมื่อเด็กเลิกเลน่ เกมเสรจ็ แล้วใหช้ ว่ ยกนั เก็บสงิ่ ของตา่ ง ๆ เข้าทใี่ หเ้ รียบร้อย 5. สื่อกำรเรียน / แหล่งกำรเรียนรู้ 5.1 สนี า้ พ่กู นั 5.2 เกมพืน้ ฐานการบวก 1 – 5 6. กำรวัดผลและประเมินผล 6.1 วิธกี ำรวดั ผลและประเมนิ ผล 6.1.1 สงั เกตการปฎบิ ตั ิตามสญั ญาณ คาสงั่ 6.1.2 สังเกตการเป็นผนู้ า ผู้ตาม 6.1.3 สังเกตการแสดงความคิดเห็น และการตอบคาถาม 6.1.4 ตรวจผลงานวาดภาพ 6.2 เคร่ืองมอื วัดผล 6.2.1 แบบประเมนิ ผลการจัดประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการวาดภาพ 6.3 เกณฑก์ ำรวดั ผลและประเมินผล ระดบั 3 ดี ระดบั 2 พอใช้ ระดับ 1 ปรับปรงุ

64 แผนกำรจดั ประสบกำรณ์ท่ี 19 ชั้นอนุบำลปีท่ี 2 สำระที่ควรเรียนรู้ที่ 2 เร่ืองรำวเก่ยี วกับบคุ คลและสถำนท่แี วดลอ้ มเด็ก หนว่ ย วนั สาคญั ทางศาสนา เรอ่ื ง วนั วิสาขบูชา สัปดำห์ท่ี 4 ลำดับวนั ที่ 19 ครูผสู้ อน คณุ ครูโชติกา เสอื พิณ โรงเรียน วดั ทา่ บุญมี สพป. ชบ. 2 1. สำระสำคัญ วนั วิสาขบชู า เปน็ วันสาคญั วนั หนึ่งของศาสนาพทุ ธ เปน็ วันทพ่ี ระพุทธเจา้ ประสูติ ตรัสรู้ และปรินพิ พาน ตรงกนั วันเดียวกันคอื ในวันข้ึน 15 คา่ เดอื น 6 เปน็ วนั ทช่ี าวพุทธทาบุญตกั บาตร ทาทาน เพือ่ ให้เกิดความสุขในชวี ติ 2. จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ 2.1 เพอ่ื ให้เดก็ มีความรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกับวันสาคญั ของท้องถิน่ และสามารถร่วมกจิ กรรมต่าง ๆ ไดด้ ว้ ยความเต็มใจและมีความสุข 2.2 เพือ่ ให้เด็กสามารถปฏบิ ตั ิตามสัญญาณ และคาบรรยายได้ 2.3 เพอื่ ให้เดก็ สามารถสร้างผลงานไดอ้ ย่างสรา้ งสรรคแ์ ละเสรี 2.4 เพ่ือใหเ้ ดก็ สามารถแสดงความคดิ เหน็ และตอบคาถามเกีย่ วกบั เร่ืองท่สี นทนาได้ 2.5 เพือ่ ใหเ้ ดก็ สามารถปรับตัวในการเลน่ และเล่นร่วมกบั ผูอ้ ่นื ได้อยา่ งสนุกสนาน 2.6 เพ่อื ใหเ้ ด็กสามารถนาภาพทีเ่ หมือนกันมาจัดเข้าค่กู นั ได้ 3. สำระกำรเรียนรู้ 3.1 วันวสิ ำขบูชำ 3.2 ประสบกำรณส์ ำคญั 3.2.1 การอธบิ ายเกี่ยวกับสงิ่ ของ เหตุการณ์ และความสมั พนั ธข์ องส่งิ ตา่ ง ๆ 3.2.2 การร่วมปฎิบตั ิกิจวัตรประจาวนั ของกลมุ่ 3.2.3 การสร้างความสมั พนั ธก์ บั เด็กและผู้ใหญ่ 3.2.4 การมปี ระสบการณ์ทางการเลน่ สรา้ งสรรคร์ ่วมกับผอู้ ื่น 4. กิจกรรมกำรเรียนรู้ 4.1 กจิ กรรมเคลอ่ื นไหวและจงั หวะ (20 นำท)ี 4.1.1 กจิ กรรมพนื้ ฐาน ใหเ้ ดก็ เคลอื่ นไหวร่างกายไปทว่ั ๆ บรเิ วณอย่างอิสระ เมื่อไดย้ นิ สญั ญาณหยดุ ใหห้ ยดุ ในท่านั้นทันที 4.1.2 เดก็ และครสู นทนารว่ มกันเกย่ี วกับเครอ่ื งให้จงั หวะ โดยครูแนะนาให้เด็ก รจู้ ัก 3 ชนิด คือ ฉิง่ กลอง กรับ เสร็จแล้วตกลงรว่ มกนั ว่า ดังน้ี

65 - ถา้ ไดย้ ินสญั ญาณ ฉิ่ง ให้เด็กเคลอื่ นไหว ช้า - ถา้ ได้ยินสญั ญาณ กลอง ใหเ้ ด็กเคล่ือนไหว เรว็ - ถา้ ได้ยนิ สญั ญาณ กรับ ให้เด็ก หยดุ การเคลอื่ นไหว 4.1.3 แบ่งเด็กเป็นกลุม่ ใหเ้ คลอื่ นไหวรา่ งกายตามสญั ญาณทลี ะกลุ่ม จนครบทุกกลมุ่ และ ถกู ต้อง 4.1.4 เด็กและครสู นทนาทบทวนร่วมกนั เกีย่ วกับการใชบ้ ริเวณพ้นื ที่ในการเคลือ่ นไหวตาม ทิศทางและระดบั โดยเด็กและครรู วมกนั กาหนดสัญญาณข้ึนมาใหม่ เช่น ถ้าไดย้ นิ สญั ญาณกลองให้เคลอื่ นไหวไปทางซ้าย เป็นตน้ เสร็จแล้วให้เดก็ เลือกบริเวณพน้ื ท่ี เฉพาะตัวแล้วเคลอ่ื นไหวตามสญั ญาณท่ตี กลงไว้ 4.2 กิจกรรมสรำ้ งสรรคแ์ ละกจิ กรรมเสรี (60 นำที) 4.2.1 เด็กและครู ชว่ ยกันจดั โตะ๊ เพอ่ื ปฎิบัติกิจกรรมการประดษิ ฐ์เศษวัสดุ เสรจ็ แลว้ ครู อธบิ ายขน้ั ตอนการปฎิบตั ิใหเ้ ดก็ ดู แล้วให้ลงมอื ปฎบิ ตั ิกจิ กรรมตามความคดิ และ จนิ ตนาการของตนเอง อย่างอิสระ โดยครูคอยดแู ลอยหู่ ่าง ๆ 4.2.2 เด็กคนใดปฎบิ ัตเิ สรจ็ แลว้ ให้นาผลงานมาให้ครูดู พร้อมกับบอกชอ่ื ผลงาน ข้ันตอน วธิ กี ารทาให้ครูฟังด้วย แลว้ ใหเ้ ลน่ ตามมุมอยา่ งอิสระ รอเพอื่ น ๆ 4.2.3 ครูนาผลงานของเดก็ ไปจัดแสดงไวใ้ นมมุ ผลงานของฉนั และแนะนาให้เด็กเกบ็ ผลงานเหลา่ น้ไี วใ้ นกล่องผลงานของตนเองเม่ือจดั แสดงเสรจ็ แล้ว 4.2.4 เมื่อเด็กปฎบิ ตั กิ จิ กรรมครบทุกคนแล้ว ครูแนะนาใหเ้ ด็ก ๆ ชว่ ยกนั ทาความสะอาด บรเิ วณ และเก็บสิง่ ของเข้าที่ใหเ้ รียบร้อย 4.3 กจิ กรรมเสริมประสบกำรณ์ (15 นำที) 4.3.1 เดก็ และครสู นทนารว่ มกนั เกย่ี วกบั วนั สาคญั ในเดือน 6 (การนบั ของเดอื นไทย)วา่ เดอื นน้ีมีความสาคัญอยวู่ นั หน่งึ คือ วันวสิ าขบูชา โดยครูอธิบายความสาคญั และ กจิ กรรมที่จัดในวันนว้ี า่ มีอะไรบา้ และเด็กจะเขา้ รว่ มกจิ กรรมในวนั สาคัญวันนี้ อย่างไร (สาหรบั เดก็ ทน่ี ับถือศาสนาอนื่ ถ้ามวี ันสาคญั ที่ตรงกับเดือนน้ี ครูสนทนา และยกเว้นตวั อย่างให้เด็กได้ฟังร่วมกันทั้งชั้นดว้ ย) 4.3.2 เด็กและครูสนทนารว่ มกนั เกย่ี วกบั พุทธประวตั ิอย่างย่อ ๆ ให้เดก็ ฟงั ต้ังแต่การ ประสตู ิ ตรัสรู้ และปรนิ ิพพาน พรอ้ มกับดูภาพพุทธประวตั ปิ ระกอบ 4.3.3 เดก็ และครูสนทนา สรุปรว่ มกัน โดยใหเ้ ด็กได้แสดงความคดิ อย่างอสิ ระ 4.4 กิจกรรมกลำงแจ้ง (45 นำที) 4.4.1 เด็กจดั แถวตอนเรียงหน่งึ ตบมือเปน็ จงั หวะ เดินตามกันลงสนามอย่างเป็นระเบยี บ เม่ือถึงสนามแลว้ ใหเ้ ด็กอบอนุ่ รา่ งกายโดยการวิ่งเหยาะ ๆ อยูก่ บั ท่ี 2 – 3 นาที 4.4.2 เดก็ และครสู นทนารว่ มกันเกีย่ วกับการเลน่ วิง่ เป้ยี ว ซึง่ เดก็ เคยเลน่ มาแล้ว เสรจ็ แลว้ จดั ให้เดก็ ได้เลน่ จนรผู้ ลแพช้ นะ

66 4.4.3 ครใู ห้เด็กไดเ้ ลน่ กลางแจง้ หรอื เคร่ืองเล่นสนามอยา่ งอิสระ โดยครคู อยดแู ลความ ปลอดภยั อยา่ งใกล้ชิด 4.4.4 เมอื่ ไดเ้ วลาพอสมควร ครใู หเ้ ด็กไปทาความสะอาดรา่ งกาย ทาธุระส่วนตวั เสรจ็ แลว้ กลบั เขา้ ห้องเรียน เพ่ือเตรยี มตวั ไปรับประทานอาหารกลางวัน 4.5 กจิ กรรมเกมกำรศึกษำ (20 นำที) 4.5.1 เด็กและครสู นทนาร่วมกนั เกยี่ วกบั เกมเรียงลาดบั การจุดเทยี น โดยครอู ธบิ ายวธิ ีการ เล่นใหเ้ ด็กฟัง 4.5.2 แบ่งเดก็ เป็นกล่มุ ใหเ้ ล่นเกมท่ีเคยเลน่ มาแลว้ หรอื เคร่ืองเล่นสัมผัสต่าง ๆ ตามความ สนใจของเด็ก โดยผลดั เปล่ยี นกนั เล่น ฝึกการรอคอยโอกาส การแบ่งปันกนั 4.5.3 เม่ือเลน่ เสรจ็ แลว้ ครูแนะนาใหเ้ ด็กช่วยกนั เกบ็ ของเข้าท่ีให้เรียบรอ้ ย 5. สอ่ื กำรเรียน / แหล่งกำรเรยี นรู้ 5.1 เศษวัสดตุ า่ ง ๆ 5.2 เกมเรียงลาดับการจุดเทยี น 6. กำรวดั ผลและประเมนิ ผล 6.1 วธิ วี ัดผลและประเมนิ ผล 6.1.1 สังเกตการปฎบิ ตั ิตามสญั ญาณ และข้อตกลง 6.1.2 สงั เกตการพดู แสดงความคดิ เห็น และการตอบคาถาม 6.1.3 ตรวจผลงานการประดิษฐเ์ ศษวสั ดุ 6.2 เคร่ืองมือวัดผล 6.2.1 แบบประเมนิ ผลการจดั ประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการประดิษฐเ์ ศษวัสดุ 6.3 เกณฑ์กำรวัดผลและประเมินผล ระดบั 3 ดี ระดบั 2 พอใช้ ระดับ 1 ปรับปรงุ

67 แผนกำรจดั ประสบกำรณท์ ี่ 20 ชนั้ อนุบำลปีที่ 2 สำระท่ีควรเรยี นรทู้ ่ี 2 เรอ่ื งรำวเก่ียวกับบุคคลและสถำนที่แวดล้อมเดก็ หนว่ ย วันสาคัญทางศาสนา เร่ือง วันวสิ าขบชู า2 สัปดำห์ท่ี 4 ลำดบั วนั ที่ 20 ครผู สู้ อน คณุ ครูโชตกิ า เสอื พิณ โรงเรียน วัดทา่ บุญมี สพป. ชบ. 2 1. สำระสำคัญ วนั วสิ าขบชู า เป็นวนั สาคญั วนั หนง่ึ ของศาสนาพุทธ เปน็ วนั ที่พระพุทธเจา้ ประสตู ิ ตรัสร้แู ละปรินพิ พาน ตรงกนั วนั เดยี วกันคือในวันข้ึน 15 ค่า เดอื น 6 การร่วมกจิ กรรมและการปฏบิ ัติ ตนให้ถูกต้องตามประเพณีปฏิบัติ เป็นวนั ทีช่ าวพุทธทาบุญตกั บาตร การไปเวยี นเทียน ทาทานเพอ่ื ให้เกดิ ความสุขในชวี ิต 2. จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ 2.1 เพอื่ ให้เด็กมีความรู้ ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั วันสาคัญของทอ้ งถิ่นและสามารถร่วมกิจกรรมตา่ ง ๆ ไดด้ ว้ ยความเต็มใจและมคี วามสุข 2.2 เพือ่ ใหเ้ ดก็ สามารถปฏิบตั ิตามสัญญาณ และคาบรรยายได้ 2.3 เพ่อื ให้เดก็ สามารถสรา้ งผลงานได้อย่างสรา้ งสรรค์และเสรี 2.4 เพอ่ื ให้เดก็ สามารถแสดงความคิดเหน็ และตอบคาถามเก่ยี วกบั เร่ืองที่สนทนาได้ 2.5 เพอื่ ใหเ้ ด็กสามารถปรบั ตัวในการเล่น และเลน่ ร่วมกับผอู้ ่นื ได้อยา่ งสนุกสนาน 2.6 เพือ่ ใหเ้ ดก็ สามารถนาภาพท่ีเหมือนกนั มาจัดเข้าคกู่ ันได้ 3. สำระกำรเรยี นรู้ 3.1 กำรรว่ มกจิ กรรมและกำรปฏบิ ตั เิ น่อื งในวันวสิ ำขบูชำ 3.2 ประสบกำรสำคญั 3.2.1 การวางแผนตัดสนิ ใจเลอื ก ลงมอื ปฎบิ ัติ 3.2.2 การสร้างความสมั พันธ์ กบั เด็กและผใู้ หญ่ 3.2.3 การมีประสบการณ์ทางการเล่นสร้างสรรค์รว่ มกบั ผ้อู ่นื 4. กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ 4.1 กิจกรรมเคลอื่ นไหวและจัวหวะ (20 นำที) 4.1.1 กจิ กรรมพนื้ ฐาน ครูใหเ้ ด็กเคลื่อนไหวรา่ งกายไปทวั่ ๆ บริเวณอย่างอิสระ เม่ือได้ ยนิ สญั ญาณหยุด ใหห้ ยดุ ในท่าน้ันทนั ที 4.1.2 เด็กและครูสนทนารว่ มกันเกีย่ วกบั สญั ญาณทีจ่ ะใชส้ าหรบั การเคลอื่ นไหว ได้แก่ - สัญญาณกลอง 2 ครั้ง ให้เคล่อื นไหวช้า ๆ สม่าเสมอ

68 - สัญญาณรวั กลอง ใหเ้ คล่ือนไหวอยา่ งเรว็ - สญั ญาณกลอง 3 ครั้งใหห้ ยุดเคลอื่ นไหว 4.1.3 แบ่งเดก็ เปน็ กลมุ่ ย่อย ให้เคล่ือนไหวทลี ะกล่มุ โดยให้เด็กเลอื กบริเวณพื้นท่ี เฉพาะตัวเพื่อเคล่ือนไหวร่างกายตามสญั ญาณท่ตี กลงกันไว้ เม่ือเดก็ ปฎบิ ัตคิ รบทุก กลมุ่ แล้วครูเปล่ยี นเคร่ืองให้จังหวะเปน็ ชนิดอน่ื แล้วใหเ้ ด็กปฎบิ ัติกจิ กรรมซ้าอกี ครั้ง 4.1.4 เดก็ และครสู นทนาทบทวนร่วมกนั เกย่ี วกับการใชบ้ รเิ วณพืน้ ท่ี ทิศทาง และระดับ ด้วยตัวอย่างคาถาม เชน่ - เด็กช่วยหยบิ หนังสือบนช้ันสงู - เดก็ ช่วยเกบ็ ใบไม้ทร่ี ่วงอยู่บนพนื้ ดิน ฯลฯ 4.2 กจิ กรรมสร้ำงสรรค์และกจิ กรรมเสรี (60 นำท)ี 4.2.1 เดก็ และครู ช่วยกันจดั โต๊ะ เพอ่ื ฝึกปฎบิ ตั ิการตดั ฉีก ปะ กระดาษ เสรจ็ แล้วครู อธิบายขัน้ ตอนการปฎบิ ัติให้เดก็ ดู แลว้ ใหล้ งมือปฎิบตั ิตามความคดิ และ จนิ ตนาการของตนเองอยา่ งอิสระ โดยครูสอนใหค้ าแนะนาอยหู่ ่าง ๆ 4.2.2 เด็กคนใดปฎิบตั เิ สร็จแลว้ ใหน้ าผลงานมาให้ครูดู พรอ้ มกบั บอกชอื่ ผลงาน ขัน้ ตอน วธิ ีการทาใหค้ รูฟังด้วย 4.2.3 ครแู นะนาให้เด็กเก็บผลงานไว้ในกล่องสะสมผลงานของตนเอง เสรจ็ แล้วใหเ้ ล่นตาม มมุ อยา่ งอิสระ รอเพ่ือน ๆ 4.2.4 เมอื่ เด็กปฎิบัตกิ ิจกรรมครบทุกคนแล้ว ครูแนะนาให้เดก็ ๆ ชว่ ยกนั ทาความสะอาด บริเวณ และเก็บสิ่งของเข้าที่ใหเ้ รียบรอ้ ย 4.3 กิจกรรมเสริมประสบกำรณ์ (15 นำที) 4.3.1 เดก็ และครสู นทนารว่ มกันเกยี่ วกบั กจิ กรรมทีช่ มุ ชนจดั ข้ึนในวันวิสาขบูชา และครู ถามเด็กวา่ ใครได้ไปรว่ มกิจกรรมที่ชุมชนจดั ขน้ึ เนอ่ื งในวันสาคญั นหี้ รอื ไม่ 4.3.2 เด็กและครรู ่วมกันหาอาสาสมัครทม่ี ปี ระสบการณ์ในการไปรว่ มกจิ กรรมในวันวิ สาขบูชา เช่น การไปทาบญุ ท่ีวดั การไปเวียนเทยี น ฯลฯ โดยให้เดก็ เล่า ประสบการณน์ น้ั ใหเ้ พ่ือนฟงั ถา้ หากเด็กเลา่ ได้ไม่คล่อง ครูตั้งคาถามนาให้เด็กตอบ 4.3.3 เดก็ และครสู นทนารว่ มกันเกี่ยวกบั การปฎบิ ัติตนในวนั วสิ าขบชู า และสาธิตการ กราบพระทถ่ี ูกวิธใี ห้เด็กดู แล้วให้เด็กปฎิบัตติ าม และกาหนดแนวทางในการปฎิบตั ิ ตนทเี่ หมาะสมอย่างง่าย ๆ เพื่อให้เด็กไดย้ ดึ เป็นแนวปฎิบตั ิต่อไป 4.4 กจิ กรรมกลำงแจง้ (45 นำท)ี 4.4.1 ให้เดก็ จัดแถวตอนเรยี งหนึ่งเดินจบั เอวคนขา้ งหน้าเดินลงสนามอยา่ งเป็นระเบียบ เม่ือถึงสนามแลว้ ให้เด็กอบอุ่นรา่ งกายโดยการวิ่งเหยาะ ๆ อย่กู บั ท่ี 2 – 3 นาที

69 4.4.2 เด็กและครูสนทนาร่วมกันเก่ยี วกับเกมไอเ้ ข้ ไอโ้ ขง ซึ่งเป็นเกมทเี่ ด็กเคยเลน่ มาแลว้ เสร็จแลว้ ครใู ห้เดก็ ไดเ้ ลน่ อยา่ งอสิ ระ ท้งั เคร่ืองเลน่ สนามและเกมทเ่ี ด็ก ๆ ชอบโดย ครูคอยดูแลความปลอดภยั อย่างใกลช้ ิด 4.4.3 เมือ่ ได้เวลาพอสมควร ครูให้เดก็ ไปทาความสะอาดรา่ งกาย ล้างหนา้ ล้างมอื ทา ธุระสว่ นตัว แล้วกลับเข้าหอ้ งเรยี น เพ่ือเตรียมตวั ไปรบั ประทานอาหารกลางวัน 4.5 กิจกรรมเกมกำรศกึ ษำ (20 นำท)ี 4.5.1 เด็กและครูสนทนาร่วมกันเก่ียวกบั เกมจบั คู่แบบอนุกรรม โดยครูแนะนาวิธกี ารเล่น ใหเ้ ดก็ ฟัง จนสามารถเล่นได้ 4.5.2 แบ่งเด็กเป็นกลุม่ ให้เลน่ เกมท่ีเตรียมไว้ เกมทเ่ี คยเลน่ มาแล้ว หรือเคร่อื งเลน่ สมั ผสั 4.5.3 เมอ่ื เด็กเล่นเกมเสรจ็ แลว้ ครูแนะนาใหช้ ว่ ยกนั เก็บสิ่งของตา่ ง ๆ เขา้ ท่ีใหเ้ รยี บร้อย 5. ส่อื กำรเรียน / แหล่งกำรเรียนรู้ 5.1 กาว กรรไกร กระดาษ 5.2 เกมไอ้เข้ ไอโ้ ขง 5.3 เกมจบั คู่แบบอนุกรม 6. กำรวัดผลและประเมินผล 6.1 วิธวี ดั ผลและประเมนิ ผล 6.1.1 สเั กตการปฎิบตั ิตามสัญญาณ และขอ้ ตกลง 6.1.2 สงั เกตความกล้าในการแสดงออก การสนทนา และการตอบคาถาม 6.1.3 ทดสอบการกราบพระ 6.1.4 ตรวจผลงานการ ตดั ฉกี ปะ กระดาษ 6.2 เครอ่ื งมือวดั ผล 6.2.1 แบบประเมินผลการจัดประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการตัด ฉกี ประ กระดาษ 6.3 เกณฑ์กำรวัดผลและประเมินผล ระดับ 3 ดี ระดบั 2 พอใช้ ระดับ 1 ปรบั ปรุง

70 มำ้ กำ้ นกล้วย เปน็ อีกหนงึ่ กำรละเล่นท่ีแสดงถงึ ควำมมีภูมปิ ญั ญำของคนไทยทเี ดียว เพรำะในสมัยก่อนแทบทุก บำ้ นจะปลูกตน้ กล้วยไว้ทง้ั น้ัน ดงั น้นั ตน้ กลว้ ยจึงนำมำประยุกต์เปน็ ของเลน่ ให้เด็ก ๆ ได้อย่ำงดที ีเดียว โดยเฉพำะ ม้ำก้ำนกลว้ ย ดูเหมือนจะถูกอกถูกใจเดก็ ชำยวยั ซนมำกทส่ี ุด เพรำะเดก็ ๆ จะนำก้ำนกลว้ ยมำขี่ เปน็ มำ้ เพอื่ แขง่ ขันกัน หรอื ทำเป็นดำบรบกนั กไ็ ด้ วธิ ที ำม้ำก้ำนกล้วยกไ็ ม่ยำก เลือกตัดใบกล้วยออกมำแล้วเอำมีดเลำะใบกล้วยออก แต่เหลือไวท้ ่ี ปลำยเล็กนอ้ ยใหเ้ ป็นหำงม้ำ เอำมีดฝำนแฉลบด้ำนข้ำงกำ้ นกลว้ ยตรงโคนบำง ๆ เพอ่ื ทำเปน็ หูม้ำ แล้วหัก กำ้ นกล้วยตรงโคนหมู ้ำออก จำกนน้ั กน็ ำแขนงไม้ไผ่มำเสี้ยมปลำยให้แหลม ควำมยำวประมำณคบื กวำ่ ๆ เสยี บหัวม้ำที่พบั เอำไว้จนทะลไุ ปถงึ ก้ำน เพอ่ื ให้เปน็ สำยบังเหยี นผกู ปำกกับคอม้ำนน่ั เอง เสรจ็ แล้วก็นำ เชอื กกล้วยมำผูกดำ้ นหัวมำ้ และหำงม้ำ ทำเปน็ สำยสะพำยบำ่ แค่น้ีกไ็ ด้ม้ำก้ำน

71 เรอ่ื ง ใบงำน จุดประสงค์ วนั วิสาขบูชา 1. เพื่อใหเ้ ด็กรจู้ กั วันสาคญั และสถานทีส่ าคัญในพระพทุ ธศาสนา คำส่งั 2. เพ่อื พฒั นาความคิดสรา้ งสรรค์ และจินตนาการ 3. เพ่อื ใหเ้ ด็กสามารถวาดภาพ และระบายสีภาพที่วาดได้ ให้เดก็ วาดภาพเหตุการณว์ นั สาคญั ทางพระพุทธศาสนา ตามความคดิ และจนิ ตนาการของ เดก็ เอง และระบายสใี ห้สวยงาม ผู้ประเมิน ครู ผูป้ ระเมนิ ผปู้ กครอง เกณฑก์ ำรประเมนิ เกณฑ์กำรประเมนิ ดี ดี พอใช้ พอใช้ ปรบั ปรุง ปรบั ปรุง ผปู้ ระเมิน ตนเอง ผปู้ ระเมนิ เพ่ือน เกณฑก์ ำรประเมิน เกณฑ์กำรประเมนิ ดี ดี พอใช้ พอใช้ ปรบั ปรุง ปรบั ปรุง

72 แผนกำรจัดประสบกำรณท์ ี่ 21 ชน้ั อนบุ ำลปีที่ 2 สำระท่ีควรเรยี นรทู้ ี่ 4 สิง่ ต่ำง ๆ รอบตัวเดก็ หน่วย ของเลน่ ของใช้ เรอ่ื ง ประเภทของเลน่ ของใช้ สปั ดำหท์ ี่ 5 ลำดบั วนั ที่ 21 ครผู ู้สอน คุณครโู ชตกิ า เสือพิณ โรงเรยี น วดั ท่าบุญมี สพป. ชบ. 2 1. สำระสำคัญ ของเลน่ ของใช้ รอบตวั เราจะมรี ปู รา่ งลักษณะและการใชง้ านทแี่ ตกตา่ งกันออกไป ซึง่ อาจ ทาจากวสั ดหุ ลายชนดิ เช่น พลาสติก ไม้ ละผา้ กระดาษ แกว้ เราควรศึกษาวิธีการใชใ้ ห้เขา้ ใจ จะช่วยให้ สามารถใช้งานไดอ้ ยา่ งถูกต้องและปลอดภัย ของเล่น ของใชม้ ไี วส้ าหรบั เดก็ ให้ได้เรียนรู้ ดงั น้ันจึงควรเลอื กใช้ ใหเ้ หมาะสม 2. จดุ ประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 2.1 เพื่อใหเ้ ด็กมีความรู้ ความเขา้ ใจเก่ียวกับการใช้ข้าวของเครอ่ื งใชแ้ ละของเลน่ สามารถนาไป ปฏิบัตใิ นชีวิตประจาวนั ได้ 2.2 เพ่ือใหเ้ ดก็ สามารถปฏบิ ตั ิตามสัญญาณ และทาท่าทางประกอบเพลงได้ 2.3 เพื่อให้เดก็ สามารถสร้างผลงานได้อย่างสร้างสรรค์ และเสรี 2.4เพ่อื ให้เดก็ สามารถแสดงความคิดเห็นและตอบคาถามเก่ียวกบั เรอ่ื งที่สนทนาได้ 2.5 เพ่ือใหเ้ ดก็ สามารถปรบั ตัวในการเลน่ และเลน่ รว่ มกับผู้อน่ื ได้อย่างสนุกสนาน 2.6 เพอ่ื ใหเ้ ดก็ สามารถนาภาพทเี่ หมือนกนั มาจดั เข้าคกู่ นั ได้ 3. สำระกำรเรยี นรู้ 3.1 ประเภทของเลน่ ของใช้ 3.2 ประสบกำรณ์สำคัญ 3.2.1 การสรา้ งแบบจาลองตา่ ง ๆ ด้วยดนิ เหนยี ว ดินน้ามนั แทง่ ไม้ ฯลฯ 3.2.2 การแสดงปฏิกริ ิยา โตต้ อบเสียงดนตรี 3.2.3 การสารวจและอธิบายความเหมอื น ความตา่ งของสง่ิ ต่าง ๆ 3.2.4 การจดั การเปลี่ยนรูปทรงของวัตถสุ ่ิงต่าง ๆ 4. กิจกรรมกำรเรียนรู้ 4.1 กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ (20 นำที) 4.1.1 กจิ กรรมพน้ื ฐาน ให้เดก็ เคลื่อนไหวรา่ งกายไปทวั่ ๆ บริเวณอยา่ งอิสระ เม่อื ได้ยนิ สัญญาณหยุด ให้หยุดเคลื่อนไหวในท่านน้ั ทันที


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook