Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore อ.2 เทอม1

อ.2 เทอม1

Description: อ.2 เทอม1

Search

Read the Text Version

123 แผนกำรจัดประสบกำรณท์ ี่ 35 ชัน้ อนบุ ำลปีท่ี 2 สำระทคี่ วรเรยี นรูท้ ่ี 3 ธรรมชำตริ อบตวั หนว่ ย ฤดูกาลบา้ นเรา เรือ่ ง โรคภัยไขเ้ จ็บ ลำดบั วนั ท่ี 35 สัปดำหท์ ี่ 7 ครูผูส้ อน คณุ ครโู ชติกา เสือพิณ โรงเรียน วดั ท่าบญุ มี สพป. ชบ. 2 1. สาระสาคญั ในฤดูฝนอากาศจะเย็น ชน้ื และมนี า้ ขงั ไปทัว่ บริเวณ ทาให้มโี รคภัยไขเ้ จบ็ เกิดขึ้นมาในฤดนู ี้ เชน่ โรคหวัด โรคไขเ้ ลอื ดออก โรคผวิ หนัง เป็นตน้ การดูแลตนเองใหป้ ราศจากโรคภยั จงึ เป็นสิ่งทีค่ วรยดึ ถอื ปฏิบตั ิอย่างเคร่งครัด 2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 เพื่อให้เด็กมีความรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกับลกั ษณะอากาศในแตล่ ะวันและสามารถนาไปปรบั ใชใ้ น ชีวติ ประจาวนั 2.2 เพอ่ื ให้เด็กปฏิบตั ติ ามสัญญาณ และข้อตกลง 2.3 เพ่ือให้เด็กสามารถสร้างผลงานไดอ้ ย่างสรา้ งสรรค์ และอิสระ 2.4 เพอื่ ให้เด็กสามารถแสดงความคดิ เหน็ และตอบคาถามเกย่ี วกบั เรอื่ งสนทนาได้ 2.5 เพื่อพัฒนากลา้ มเนอ้ื ใหญ่ และกลา้ มเน้ือเลก็ และประสาทสมั พนั ธร์ ะหวา่ งมือกบั ตา 2.6 เพอื่ ใหเ้ ดก็ สามารถเลือกชน้ิ สว่ นเล็กทีม่ ีภาพเปน็ ส่ิงเดยี วกันกบั ภาพทกี่ าหนดใหไ้ ด้ 3. สาระการเรยี นรู้ 3.1 โรคภยั ท่ีเกดิ ในฤดูฝน 3.2 ประสบการณส์ าคญั 3.2.1 การสงั เกตความเปลี่ยนแปลงของฤดู 3.2.2 การมปี ระสบการณ์และการเรียงลาดบั เหตกุ ารณ์ตา่ ง ๆ 3.2.3 การอธบิ ายเกี่ยวกับสงิ่ ของ เหตกุ ารณ์ และความสมั พันธ์ของสง่ิ ต่าง ๆ 4. กิจกรรมการเรียนรู้ 4.1 กจิ กรรมเคลือ่ นไหวและจงั หวะ (20 นาที) 4.1.1 กิจกรรมข้นั พื้นฐาน ให้เด็กเคล่ือนไหวร่างกายไปทั่ว ๆ บริเวณอย่างอสิ ระ เมื่อได้ยนิ สญั ญาณหยุดใหห้ ยดุ เคลอื่ นไหวในทา่ น้ันทันที 4.1.2 เด็กและครูร้อง เพลงฝน ซา่ ซา่ ซ่า ฝนตกลงมากระเด็นเป็นฝอย

124 เดก็ เด็ก หลบฝนกันหน่อย เด็ก เดก็ หลบฝนกันหน่อย ฝนเพยี งเล็กน้องจะเปน็ หวดั เอ๋ยฮดั เช้ย ฮัด เช้ย 4.1.3 ใหเ้ ดก็ เคล่ือนไหวรา่ งกายไปทั่วบรเิ วณอยา่ งอิสระ เมอื่ ไดย้ ินสัญญาณหยดุ ใหแ้ ตล่ ะ กลุ่มปฏิบัตกิ จิ กรรมตามข้อตกลงท่ีทาร่วมกนั ไว้ในข้อ 2 พร้อมกนั 4.1.4 ครใู หเ้ ดก็ ปฏิบตั ิกจิ กรรมตามขอ้ 4.1.3 ซา้ อีก 4.2 กิจกรรมสร้างสรรค์และกจิ กรรมเสรี (60 นาท)ี 4.2.1 เด็กและครูร่วมกนั จัดโต๊ะเพ่ือใชฝ้ ึกกิจกรรมการละเลงสี โดยครอู ธิบายวธิ ีการทาให้ เดก็ ดู ดังนี้ - ผสมสีลงในแป้งเปยี ก หรือหยดสลี งบนแป้งเปียกที่ไม่ขนั หรือไมเ่ หลวจนเกินไป - ใชม้ ือละเลงสีลงบนกระดาษตามความคดิ สร้างสรรค์ - ใช้กระดาษมาปดิ ทบั แลว้ ยกข้ึน จะไดภ้ าพพมิ พ์จากทลี่ ะเลงไว้ 4.2.2 ครใู หเ้ ดก็ ลงมอื ปฏิบตั ิกจิ กรรมตามที่ครูแนะนาอยา่ งอิสระ ตามความคิด และ จนิ ตนาการของตนเอง 4.2.3 เมือ่ เด็กปฏิบัตกิ ิจกรรมเสร็จแล้ว นาผลงานมาให้ครดู ู โดยบอกชือ่ ผลงานและวิธีการ ทา ผลงานใดทเี่ หมาะสมจะจัดเก็บ ใหเ้ ก็บไว้ในกลอ่ งผลงานของเด็กเอง โดยครู เขยี นชือ่ ผลงาน ช่อื เด็ก วันเดือนปที ีท่ ากากับไว้ด้วย 4.2.4 สาหรับเดก็ ท่ปี ฏิบตั กิ จิ กรรมเสรจ็ แลว้ หรือรอโตะ๊ วา่ ง ให้เลน่ ตามมมุ อยา่ งอิสระเป็น การฝึกการรอโอกาส 4.2.5 เมอ่ื เด็กปฏิบัติกจิ กรรมาครบทกุ คนแลว้ ครูแนะนาใหเ้ ด็กช่วยกนั ทาความสะอาด บรเิ วณและช่วยกนั จัดเกบ็ ส่งิ ของ อุปกรณ์ตา่ ง ๆ เข้าที่ใหเ้ รียบร้อย 4.3 กิจกรรมเสรมิ ประสบการณ์ (15 นาท)ี 4.3.1 เด็กและครูสนทนาร่วมกันเกย่ี วกับประโยชนแ์ ละโทษของฝน โดยครตู ั้งคาถามให้ เด็กชว่ ยกนั หาคาตอบ เช่น - ประโยชน์ของฝนมีอะไรบ้าง - เดก็ ๆ ตากฝนนานจะรสู้ กึ อยา่ งไร - เวลาเด็กตากฝนมาก ๆ จะทาให้เดก็ เปน็ อะไร เปน็ ต้น 4.3.2 ครเู ลา่ นิทาน “ลูกหมีเปน็ หวดั ”ให้เดก็ ฟัง เสร็จแลว้ สนทนารว่ มกันเก่ยี วกับเรื่องใน นทิ าน 4.3.3 เดก็ และครรู ว่ มกันร้องเพลง “หลบฝน” โดยครูร้องใหเ้ ด็กฟังกอ่ น แลว้ จงึ ใหเ้ ด็กฝกึ ตอ้ งตาม จนสามารถรอ้ งได้ เสร็จแล้วฝึกทาท่าทางประกอบเพลง 4.3.4 เดก็ และครูสนทนาร่วมกนั เกี่ยวกับเนือ้ ร้องในนิทานและเน้ือเพลง เพื่อกาหนดเปน็ แนวทางในการปฏิบัติตนในเวลาฝนตก เชน่ ไมเ่ ลน่ ตากฝน เวลาเดนิ ทางไปไหนก็ ใหใ้ ส่เสือ้ กนั ฝน หรือกางรม่ กันฝน ฯลฯ

125 4.4 กิจกรรมกลางแจง้ (45 นาที) 4.4.1 เดก็ จดั แถวตอนเรยี งหนง่ึ เดนิ ตบมอื เป็นจงั หวะ เดินลงสนามอยา่ งเปน็ ระเบียบ เมื่อ ถึงสนามแล้วใหเ้ ด็กอบอนุ่ รา่ งกายโดยการว่ิงเหยาะ ๆ อยกู่ ับที่ 2 – 3 นาที 4.4.2 ครูให้เด็กไดเ้ ลน่ เกลางแจ้ง และเครื่องเล่นสนามอย่างอิสระ โดยครคู อยดูแลความ ปลอดภัยอยูห่ ่าง ๆ 4.4.3 เมือ่ ได้เวลาพอสมควรครใู หเ้ ด็กไปทาความสะอาดร่างกาย ล้างหน้า ล้างมอื ทาธุระ สว่ นตัว กลบั เข้าหอ้ งเรียน เพอ่ื เตรยี มตวั ไปรับประทานกลางวัน 4.5 กจิ กรรมเกมการศกึ ษา (20 นาที) 4.5.1 เดก็ และครูสนทนารว่ มกนั เก่ยี วกับเกมจดั หมวดหมูภ่ าพจานวนที่เท่ากัน โดยครูอธิบายวิธีการเลน่ ใหเ้ ด็กฟัง 4.5.2 ครูแบง่ กลุม่ เด็กให้เล่นเกมชดุ ใหม่ทีค่ รูแนะนา และเกมทเ่ี คยเล่นมาแลว้ หรือเคร่ือง เล่นสมั ผสั 4.5.3 เมื่อเด็กเลน่ เกมเสรจ็ แลว้ ครูแนะนาใหช้ ่วยกันเกบ็ สิ่งของต่าง ๆ เขา้ ที่ใหเ้ รียบร้อย 5. สอ่ื การเรยี น / แหลง่ การเรียนรู้ 5.1 สนี ้า แปง้ เปียก 5.2 เพลงหลบฝน 5.3 นทิ านเร่ือง ลูกหมีเป็นหวัด 5.4 เกมจัดหมวดหมูภ่ าพจานวนที่เทา่ กนั 6. การวดั ผลและประเมินผล 6.1 วธิ ีวัดผลและประเมนิ ผล 6.1.1 สงั เกตการปฏิบตั ิตามสญั ญาณ และข้อตกลง 6.1.2 สังเกตการแสดงความคดิ เห็น การตอบคาถาม 6.1.3 ตรวจผลงานการละเลงสี 6.2 เคร่อื งมอื วดั ผล 6.2.1 แบบประเมนิ ผลการจัดประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการละเลงสี 6.5 เกณฑ์การวดั ผลและประเมินผล ระดบั 3 ดี ระดับ 2 พอใช้ ระดบั 1 ปรบั ปรุง

126 ภำคผนวก เพลงเสียงฝน เสยี งฝน หล่นจากฟากฟา้ สาดซดั มารหนาวเยน็ กระไร (ซา้ ) พวกเราอย่าออกไปไหน เปยี กฝนไปจะเปน็ หวดั เอย เพลงแมงมุมลำย แมงมุมลายตวั นน้ั ฉันเหน็ มนั สงสารเหลอื ทน วนั หนึ่งมันถกู ฝน ไหลลงจากบนหลังคา พระอาทติ ย์ส่องแสง ฝนแห้งเหอื ดไปลบั ตา มนั รบี ไต่ขน้ึ ฟา้ หันหลงั มาทาตาลกุ วาว เพลงฝนเทลงมำ (ไมท่ รำบนำมผู้แต่ง) ฝนเทลงมา เทลงมา ให้นาข้อยโฮง นาข้อยโฮง โซ่งข้อยเปียก โซ่งข้อยเปยี ก นาข้อยโฮง ให้โซง่ ขอ้ ยเปียก เส้ือขอ้ ยเปียก แมงตบั เต่า โอย๊ แมงตับเต่า โอแมงกนี นู ใหเ้ สื้อข้อยเปยี ก เส้ือข้อยเปียก ใตต้ ้นบกั เขยี บ ต้นบักเขยี บ ออกลกู ทางหลงั เป็นตาซงั แมงกนี ูน แมงกีนนู ต้นบักเขียบ เพลงหลบฝน ฝนตกลงมากระเดน็ เปน็ ฝอย (เตือนใจ ศรีมำรุต) ถูกฝนเล็กน้อยเดย๋ี วจะเป็นหวัดเอย ซา่ ซา่ ซา่ เด็ก เด็กหลบฝนกนั หน่อย (ซ้า) ฮัดเชย้ ฮดั เช้ย คำคล้องจองฝนตกแดดออก แมด่ ากางรม่ (ฐะปะนีย์ นำครทรรพ) อยขู่ า้ งกาแพง แกบอกพ่อแดง ฝนตกพรา พรา หุบรม่ ใหท้ ี แกเดินก้มก้ม ประเดยี๋ วแดดออก ฉันไมม่ ีแรง

127 นทิ ำนเรื่องจำ้ วแห่งลม (ดอน มดแดง) คืนหนง่ึ ในฤดฝู น เด็กหญงิ นิด นอนหลับดว้ ยความสุข แตแ่ ลว้ ในความฝันนน้ั เด็กหญิงนิดฝันว่ามีสตั ว์ ประหลาดตัวใหญ่ พากันเข้ามาทาลายบา้ นของเธอจนพงั ย่อยยับ เดก็ หญงิ นิดตกใจ และกลวั มาก รุ่งเข้า เด็กหญงิ นิดรีบลุกขนึ้ ไปและเลา่ ใหพ้ อ่ แม่ ฟงั พ่อ แมก่ ็ได้พากันหัวเราะ และบอกว่า สัตวป์ ระหลาดไม่มใี นโลก นหี้ รอกมีแต่ในหนงั การต์ ูนเท่าน้นั คณุ พ่อจงึ บอกเด็กหญิงนิดวา่ ในฤดูฝนน้ี ฝนตกหนกั ทุกวนั บางวันก็มลี มแรง และมีพายุ ทาให้ต้นไม้ ฟักโค่นลงมามากมาย เด็กหญิงนดิ สงสัยจงึ ถามว่า พายุ คืออะไร คุณพ่อบอกวา่ พายกุ ็คือลมที่พดั มาอยา่ งแรง และเร็ว สามารถทาบายสิ่งที่ขวางทางทุกอย่าง บางคนเรยี กว่า จา้ งแหง่ ลม ซ่ึงดูแล้วเป็นชอ่ื ทนี่ ่ากลัวมาก เด็กหญิงนิดถามคุณพ่อว่ามนั เกดิ ข้ึนบ่อยไหม คุณพอ่ บอกวา่ ไม่บอ่ ยมากนัก สว่ นมากจะเกิดในดูฝน และพดั มาจากท่ีไกล ๆ หากพัดไม่แรงก็จะนาฝนมาตกเฉย ๆ แตถ่ ้าพัดแรงกจ็ ะพาเอาต้นไมห้ รอื บ้านท่ไี ม่ แข็งแรงไปได้ คุณพ่อบอกว่า พายุ นีเ้ คยพดั เอาต้นไม้โค่นลงมาทับคนตายหลายครั้งแลว้ ถา้ หากอยู่ในชว่ งท่เี กิด พายุ และมตี น้ ไม้ใหญ่ ๆ อยู่ใกล้ ๆ ให้ออกห่างจากต้นไม้ใหญ่ เพราะไม่รู้ว่าจะหกั โคน่ ลงมาทบั เราเมื่อใด และ อาจจะโดนฟ้าผา่ ก็ได้ เด็กหญงิ นดิ ถามคุณพ่อวา่ มีวิธปี อ้ งกนั ไม่ใหพ้ ายทุ ารายไดไ้ หม คณุ พ่อบอกวา่ ไมม่ ีหรอก เพราะพายุ เป็นส่ิงทเี่ กิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ถา้ เราไม่อยากใหพ้ ายุทารา้ ยกไ็ มค่ วรออกไปนอกบ้านเรากอ็ ยู่ได้อย่าง ปลอดภยั แล้ว นทิ ำนเรอ่ื งปุยฝำ้ ยลอยฟำ้ (ดอน มดแดง) ในเวลากลางวนั เดก็ ๆ พากันน่ังมองเมฆบนท้องฟ้า บางคนก็มองเห็นก้อนเมฆนัน้ เป็นรูปสุนัขขน ปุกปยุ บางคนก็เห็นเป็นรูปหัวสงิ โต บางคนเห็นเปน็ รูปยกั ษ์น่ากลวั บางคนกเ็ ห็นเปน็ รูปภเู ขาสีดาทะมนึ ซ่ึง ก้อนเมฆนนั้ ก็สามารถเปลย่ี นแปลงรูปรา่ งไปเร่ือย ๆ ตามแรงลมทพ่ี ดั ไป โดยไมร่ ูว้ ่าจะไปไกลถงึ ที่ใด เด็กหญิง สม้ กน็ ั่งมองก้อนเมฆเหมือนกัน แตส่ ม้ มองเห็นก้อนเมฆบนท้องฟา้ น้นั เหมือนปุยฝ้ายลอยฟ้า เด็กหญงิ ส้มบอก วา่ บางวนั เหน็ ปุยฝ้ายสขี าวลอยไปลอยมา แต่ไมน่ านกก็ ลายเป็นสีคลา้ ข้นึ ซึง่ เด็กหญงิ ส้มบอกเพื่อน ๆ วา่ มีคน เอาสไี ปแต้มปยุ ฝ้ายของเธอให้สกปรก แต่พอไม่นานปยุ ฝ้ายสีคล้าน้ันก็กลับขาวสะอาดขนึ้ มาเด็กหญิงส้มบอก กบั เพ่ือนว่าของเธอวา่ คงมใี ครเอาปยุ ฝ้ายของเธอไปซักแล้ว จงึ ดูขาวสะอาดขึน้ เพ่ือน ๆ ก็ไดแ้ ตน่ ่งั หวั เราะใน ความชา่ งคิดของสม้ ทนั ใดน้ัน ก็มลี มพัดแรง และพาปยุ ฝ้ายเคลื่อนที่ไป สกั พักใหญ่กม็ ีเสยี งร้องดังครนื ๆ และแสงแลบแปลบปลาบออกมาจากปยุ ฝ้าย ไมน่ านก็มีหยดนา้ ตกลงมาจากปุยฝา้ ย เดก็ หญงิ สมกับเพ่ือนรีบ พากนั วิ่งเขา้ มาในบา้ น เพ่ือนของเด็กหญงิ สม้ บอกวา่ ปุ้ยฝา้ ยของเธอคงลอยไมไ่ หวแลว้ หละ ทุกคนนั่งมอง น้าฝนท่ีตกลงมาอยา่ งมคี วามสุข

128 นิทำนเรอ่ื งลงุ คำทำนำ (ดอน มดแดง) ลงุ คาเป็นชาวนา ปลกู ขา้ วให้เรากนิ ฝนตกลงมาครั้งใดลุงคาดใี จมากทีจ่ ะได้มีน้าทานา เม่อื ยามท่แี ก เดนิ ไปท้องนาแกจะร้องเพลงอย่างมีความสขุ ทุกวนั ลงุ คาจะจงู ควย แบกคนั ไถไปไถนา ลุงคามีมรี ถไถนา เหมือนคนอ่นื ๆ เพราะแกบอกว่า ควายชว่ ยเราทานามาตั้งแต่โบราณ ไมต่ ้องซื้อน้ามันเตมิ ใหค้ วาย แตม่ ีหญ้า และนา้ ใหก้ นิ ก็พอ และขขี้ องควายก็ยงั เปน็ ปุย๋ ไดด้ ้วย ลงุ คาทานากบั ลูกชายสองคน คือน้าเขยี ว กับน้าแดง ทงั้ 3 คนชว่ ยกนั ทานาอย่างขยนั ลงุ คาบอกลูก ๆ ว่าการทานาตอ้ งเอาแรงกายและแรงใจที่มีน่นั แหละชว่ ยกัน ทา เม่ือถึงเวลาขายขา้ วได้เงินมาก็เก็บไวใ้ ชย้ ามเจ็บปว่ ย ลงุ คาบอกว่าทุกวนั นช้ี าวนามีแต่รถไถนา มีควันพษิ ทาลายอากาศในท้องนาให้สกปรกอีกด้วย เม่อื กอ่ นนั้ ลุงคาเคยบอกวธิ ีการทานาให้ลูกท้งั สอง แต่เดี๋ยวนไี้ มต่ อ้ ง แลว้ เพราะลูกทั้ง 2 ของลุงคาทานาเก่งแล้ว ลกู ชายของลุงคาเคยคดิ จะขายทน่ี าแล้วเลกิ ทานามาซือ้ รถขับ แตล่ ุงคาบอกว่าไมข่ าย ถา้ ขายท่ีนาไปจะเอาทไ่ี หนทามาหากนิ มเี งนิ ใชไ้ ม่นานกห็ มดแต่ท่ีนาไม่มีวนั หมด ยังใช้ ทามาหากินได้เร่ือย จนกวา่ จะตาย ลงุ คาบอกว่าเด็ก ๆ ถา้ สงสารชาวนาอย่างลงุ คาก็ใหร้ ู้จกั กินขา้ ว ไม่กินท้ิง กนิ ขว้าง เพราะกวา่ จะได้ข้าวมาแตล่ ะเมด็ แสนยากลาบาก นิทำนเร่อื งหยดน้ำฝนผจญภัย (ดำณำวดี สมบูรณว์ ณิชย์) สวสั ดีครับเพอ่ื น ๆ ผมเป็นหยดนา้ เลก็ ๆ ชื่อกระเปาะ อาศัยอยกู่ บั พี่นอ้ งในก้อนเมฆสเี ทาบนทอ้ งฟ้า นน่ั แหละครบั วันนผ้ี มมีเรื่องผจญภยั มาเลา่ ใหเ้ พ่ือนฟงั คืนวันหน่งึ ทอ้ งฟ้ามืออากาศเยน็ จดั ผมกาลงั นอนสบายในก้อนเมฆสีเทา ทนั ใดนั้น ผมรู้สกึ วา่ ตวั ของ ผมขยายใหญเ่ รื่อย ๆ แล้วผมกต็ กลงมาจากก้อนเมฆไปลอยอย่ใู นท้องฟ้า “โอ้โฮ ข้างลา่ งมีมากมาย ตน้ ไมก้ ด็ ูเขยี วไปหมด” ผมพดู กบั พน่ี อ้ งของผมทลี่ อยลงมาดว้ ยกัน ผมลอย ต่าลงมา ต่าลงมา จนผมตกลงมาบน กระจกบานหนึ่ง “เอ ทีน่ ่คี ือที่ไหนกนั นะ” ผมคิดพลาง ตวั ของผมก็ไหล ลงมาเรอ่ื ย ๆ มนั คอื กระจกหน้าต่างของบา้ นหลังหน่ึง ซ่ึงใสมองเห็นส่ิงตา่ ง ๆ ขา้ งในได้อย่างชดั เจน ขณะที่ผมมองเหน็ สงิ่ ตา่ ง ๆ ภายในบ้านอย่างเพลิดเพลินนน้ั ตวั ผมก็ไหลลงมาเรื่อย ๆ และแล้วก็ตก ลงไปในท้องร่องนา้ ขา้ งบ้าน “เหมน็ เหลือเกนิ ” ผมพยายามวา่ ยน้าใหพ้ ้นจากเศษอาหาร เศษกระดาษ ซ่ึงทาให้ นา้ เนา่ และส่งกลิน่ เหน็ ผมลอยไปอยา่ งอดทน จนไปพบหยดน้าสาว ชื่อกระปุก เธอได้เล่าให้ฟงั วา่ เธอตกลง มาจากก้อนเมฆเช่นเดียวกับผม จึงชวนเธอว่ายนา้ ไปตามร่องน้านนั้ ผมมคี วามสขุ จังเลย เราลอยไปจนถึงแมน่ า้ ใหญ่ ซึ่งมีสตั ว์นา้ มากมายหลายชนิด เชน่ ปลา หอย เราชอบทน่ี ีม่ าก มัน สะอาดกวา่ ในร่องน้าเสียอีก ผมแวะทักทายกบั ปลาอย่างสนกุ สนาน ขณะนัน้ แสงแดดได้สาดแสงลงมาทผ่ี มและกระปกุ เรารสู้ กึ วา่ ตัวเบาขึน้ เบาขึ้น และลอยข้นึ สู่ ท้องฟา้ มนั พาผมและกระปุกลอยขึน้ สเู่ หนอื น้า ผมลอยใกลก้ ับกระปุก และพน่ี อ้ งของเรา ในทส่ี ดุ เราก็กลบั มา อยใู่ นก้อนเมฆสเี ทาดังเดิม ทุกวนั น้ีผมลอยไปเทยี่ วกบั กระปกุ เสมอ เราลอยไปลอยมาบนทอ้ งฟ้า การผจญ ภัยได้สน้ิ สดุ ลงแลว้ ผมหวังว่าวันหนึ่งเราจะลงเท่ียวบนพืน้ โลกอกี ลาก่อนครบั

129 นิทำนเรือ่ ง ลกู หมีเป็นหวดั (พรจนั ทร์ จนั ทรวิมล) วนั หนงึ่ อากาศร้อนมาก ลูกหมีออกมาวง่ิ เลน่ กลางแดดอยา่ งสนกุ สนาน พอเวลาบ่าย ท้องฟ้าเรม่ิ มือ ครึ้ม ไมช่ า้ ฝนก็ตกลงมาลูกหมีดีใจมาก เพราะอากาศเย็นสบายจงึ เล่นน้าฝนอยจู่ นกระทัง่ เวลาเยน็ “ฮดั เชย้ ฮดั เชย้ ” เสียงลกู หมีจาม เมื่อเดินเขา้ ประตูบ้าน “เปียกฝนมาแล้วหรอื จ๊ะลูก” แม่หมีถาม “รีบไปเปลีย่ นเส้อื ผา้ กอ่ น เด๋ยี วจะไมส่ บาย” คืนนัน้ ลกู หมีนอนกระสบั กระส่ายหายใจไม่สะดวก เร่ิมมีน้ามูกไหลและตัวรอ้ น รุง่ เชา้ อาการของลกู หมีไม่ดีขน้ึ รู้สึกปวดหวั และเจ็บคออีกดว้ ย แม่หมจี ึงพาลูกหมีไปหาลุงหมอที่คลินิก “ลูกหมไี ปไหนนะ วนั นีไ้ ม่ ไปโรงเรียนหรือ” เสียงแมวและกระต่ายรองทักเมอ่ื เดนิ สวนกนั ระหวา่ งทาง “ฉันไม่สบาย แม่จะพาไปหาลงุ หมอ” ลูกหมีตอบ “ขอให้เธอหายเรว็ ๆ นะ จะได้ไปโรงเรยี น พวกเราคงคดิ ถงึ เธอแย่เลย” เพอ่ื นลูกหมีพูด กอ่ นจะเดินจากไป “สวัสดี พระเอกนอ้ ย” ลุงหมอกล่าวทัก “ไม่สบายเปน็ อะไรไป” เม่ือแม่หมีเลา่ อาการให้ฟงั ลงุ หมอ ใช้ไม้กดล้ินดูคอของลูกหมี ลูกหมอี ้าปากโดยดี พร้อมกบั ทาเสยี ง อา อา ลุงหมอเอาปรอทสอดใตล้ ิน้ ใหล้ ูก หมีอมไว้ แล้วลุงหมอใชห้ ฟู งั ตรวจที่หนา้ อกและหลัง ลกู หมีสงสยั วา่ เคร่ืองมือนีจ้ ะได้ยนิ อย่างไร จงึ ขออนญุ าต ลุงหมอฟังก็ไดย้ นิ เสียงหวั ใจเต้น ตบุ ตุบ ตุบ “เปน็ ไข้หวัดเสียแลว้ ลกู หมี”ลุงหมอบอก “เดย๋ี วลุงจะให้ยาไป กินแล้วกลับบา้ น นอนพักผ่อน ดน่ื นา้ สะอาดมาก ๆ อีกไม่ก่ีวันกจ็ ะหายดี อากาศเมืองไทยเปลี่ยนบ่อย ๆ เดีย๋ ว ร้อนเดยี๋ วหนาวทาใหไ้ ม่สบายไดง้ ่าย” ลุ หมอบอกและแนะนาวา่ “เดก็ ๆ ควรเลน่ ในที่ทีม่ ีร่มเงาในเวลากลางวนั เมื่อแดดร้อนจัด เวลาฝนตกควรอยใู่ น บา้ น ถ้าจาเปน็ ต้องออกนอกบ้านกค็ วรกางร่มหรือสวมเส้ือคลุมกนั ฝน การถกู ละออกฝนอาจทาใหเ้ ปน็ หวัดได้ ถ้าคนื ไหนอากาศเย็นใช้ผ้าพันรอบคอและห่มผา้ เวลานอน” ลูกหมตี ้ังใจฟังลงุ หมอสอน เพราะลกู หมีไม่อยาก เปน็ หวัดอกี เวลาไมส่ บายทาให้ลูกหมอี อกไปเที่ยวไปเลน่ นอกบ้านไม่ได้ ไปโรงเรยี นก็ไม่ได้ “ผมจะเชื่อลุงหมอครบั ” ลูกหมีกลา่ วกอ่ นจะลากลบั ลูกหมีกนิ ยา ดื่มน้าและพกั ผ่อนตามทล่ี งุ หมอ บอก ดังน้ันลกู หมีจึงมีอาการดขี ึ้นในวนั ตอ่ มา “ลูกหมเี พ่อื นรักของเรามาแล้ว”เพ่อื น ๆ ทีโ่ รงเรียนร้องตะโกนอยา่ งดีใจ เม่อื เห็นลูกหมีเดนิ เขา้ ประตู โรงเรยี น “ฉนั หายเป็นหวัดแล้ว” ลกู หมบี อกแลว้ ว่งิ รวมกลุม่ กับเพ่อื นอย่างสนุกสนานเหมอื นเช่นเคย

130 กำรลน่ ซ่อนหำ หรือ โปง้ แปะ \"เล่นซอ่ นหำ\" หรือ \"โปง้ แปะ\" เป็นหน่งึ ในการละเลน่ พ้ืนบ้านท่มี ีมาชา้ นาน และยังได้รบั ความนยิ ม อยู่ทกุ ยุคทุกสมยั เพราะกตกิ าง่าย แถมสนุก และต้องมีการกาหนดอาณาเขต เพื่อไม่ใหก้ ว้างจนเกนิ ไป จนถงึ วนั นีก้ ็ยังมีเด็ก ๆ จับกลมุ่ กันเลน่ ซ่อนหาใหเ้ หน็ กนั อยู่ โดยกติกาก็คือ คนที่เป็น \"ผ้หู า\" ตอ้ งปดิ ตา และให้เพือ่ น ๆ ไปหลบหาที่ซ่อน โดยอาจจะนับเลขก็ได้ ส่วน \"ผู้ซ่อน\" ในสมยั กอ่ นจะตอ้ งร้องว่า \"ปิดตาไม่มดิ สาระพิษเข้าตา พ่อแม่ทานาได้ข้าวเมด็ เดยี ว\" แลว้ แยก ย้ายกนั ไปซ่อน เมื่อ \"ผู้หา\" คาดคะเนวา่ ทุกคนซ่อนตัวหมดแล้ว จะร้องถามวา่ \"เอาหรือยัง\" ซึง่ เมื่อ \"ผ้ซู อ่ น\" ตอบวา่ \"เอาละ\" \"ผูห้ า\" ก็จะเปิดตาและหาเพื่อน ๆ ตามจดุ ตา่ ง ๆ เมือ่ หาพบจะพูดวา่ \"โป้ง..(ตามดว้ ยช่อื ผทู้ ีพ่ บ)\" ซ่ึง สามารถ \"โปง้ \" คนทีเ่ ห็นในระยะไกลได้ จากนน้ั \"ผหู้ า\" จะหาไปเรื่อย ๆ จนครบ ผ้ทู ่ีถกู หาพบคนแรกจะต้องมาเปลย่ี นมาเป็น \"ผหู้ า\" แทน แต่ หากใครซ่อนเก่ง \"ผ้หู า\" หาอย่างไรก็ไม่เจอสกั ที \"ผูซ้ ่อน\" คนทยี่ งั ไม่ถูกพบสามารถเขา้ มาแตะตัว \"ผู้หา\" พรอ้ ม กบั รอ้ งว่า \"แปะ\" เพอ่ื ให้ \"ผหู้ า\" เป็นต่ออีกรอบหนงึ่ ได้ ประโยชน์จำกกำรเล่นซอ่ นหำ ก็คอื ฝกึ ให้เป็นคนชำ่ งสงั เกต สำมำรถจบั ทศิ ทำงของเสียงได้ รวมท้ังรจู้ ักประเมินสถำนทีซ่ ่อนตวั จึงฝึกควำมรอบคอบไดอ้ ีกทำง นอกจำกนี้ยังทำให้ผเู้ ลน่ สนุกสนำน อำรมณแ์ จม่ ใสเบกิ บำนไปดว้ ย

131 เรอ่ื ง ใบงำน จุดประสงค์ ฤดฝู น 1. เพอ่ื ใหเ้ ด็กรู้จกั การเกิดฝน คำสง่ั 2. เพ่อื ฝึกทักษะในการวาดภาพ ระบายสีภาพทกี่ าหนดใหไ้ ด้ 3. เพื่อให้เด็กพฒั นาความคดิ สร้างสรรค์ และจนิ ตนาการ ให้เดก็ วาดภาพสัตวท์ ี่เด็กชอบจากแผนภาพสัตว์ชนิดตา่ งๆและระบายสีให้สวยงาม ผปู้ ระเมิน ครู ผปู้ ระเมิน ผูป้ กครอง เกณฑก์ ำรประเมิน เกณฑก์ ำรประเมิน ดี ดี พอใช้ พอใช้ ปรับปรงุ ปรบั ปรงุ ผปู้ ระเมิน ตนเอง ผ้ปู ระเมิน เพือ่ น เกณฑก์ ำรประเมิน เกณฑก์ ำรประเมนิ ดี ดี พอใช้ พอใช้ ปรับปรุง ปรบั ปรงุ

132 แผนกำรจัดประสบกำรณท์ ่ี 36 ช้นั อนุบำลปีท่ี 2 สำระทคี่ วรเรียนรู้ท่ี 2 เรอื่ งรำวเกยี่ วกับบุคคลและสถำนทีแ่ วดลอ้ มเดก็ หน่วย วันสาคญั ทางศาสนา (วนั เข้าพรรษา) เร่ือง วันสาคญั ในชมุ ชน สัปดำหท์ ี่ 8 ลำดับวันท่ี 36 ครผู สู้ อน คณุ ครโู ชติกา เสอื พิณ โรงเรียน วัดท่าบญุ มี สพป. ชบ. 2 1. สำระสำคัญ วันสาคัญทางศาสนาในแต่ชุมชนตา่ งก็มคี วามเช่อื ท่ีไมเ่ หมือนกนั ขึน้ อยู่กับศาสนาท่ีนับถือ และมีวนั สาคัญทแ่ี ตกต่างกนั ออกไป เราอยู่ในชมุ ชนตอ้ งรูจ้ ดั วันสาคัญของชมุ ชน และรว่ มกจิ กรรมของชุมชนอยา่ งเต็ม ใจจะทาให้เกิดความสุขในชวี ติ 2. จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ 2.1 เพือ่ ใหเ้ ด็กมีความรู้ ความเขา้ ใจเกี่ยวกบั วันสาคญั ของท้องถ่ิน สามารถนาไปปรับใช้ในชีวติ จรงิ ได้ 2.2 เพือ่ ใหเ้ ด็กสามารถปฏิบตั ิตามสัญญาณ และคาสง่ั ได้ 2.3 เพอ่ื ให้เดก็ สามารถสรา้ งผลงานได้อย่างสร้างสรรค์ และเสรี 2.4 เพื่อใหเ้ ดก็ สามารถแสดงความคดิ เห็น และตอบคาถามเกย่ี วกับเร่ืองทสี่ นทนาได้ 2.5 เพ่อื ให้เด็กสามารถปรับตวั ในการเลน่ ร่วมกบั ผอู้ นื่ ได้อยา่ งสนุกสนาน 2.6 เพื่อใหเ้ ดก็ สามารถคิดแก้ปัญหาเกย่ี วกบั ส่งิ ท่ีเหมอื นกันและต่างกนั ได้ 3. สำระกำรเรยี นรู้ 3.1 วนั สำคญั ในชุมชน 3.2 ประสบกำรณ์ท้องถนิ่ 3.2.1 การเชอ่ื มโยงภาพ ภาพถา่ ยและรูปแบบต่าง ๆ กบั สิ่งของหรือสถานที่จริง 3.2.2 การสร้างแบบจาลองตา่ ง ๆ ด้วยดินเหนียว ดินนา้ มนั แท่งไม้ ฯลฯ 3.2.3 การพูดกบั ผอู้ ืน่ เก่ียวกบั ประสบการณ์ของตนเอง หรอื เล่าเรื่องเก่ยี วกบั ตนเอง 3.2.4 การรว่ มปฏบิ ัติกจิ วตั รประจาวนั ของกลมุ่ 3.2.5 การสร้างความสมั พนั ธก์ บั เด็กและผใู้ หญ่ 4. กิจกรรมกำรเรียนรู้ 4.1 กจิ กรรมเคลอื่ นไหวและจังหวะ (20 นำที) 4.1.1 กจิ กรรมพ้นื ฐาน ใหเ้ ดก็ เคลื่อนไหวร่างกายไปทัว่ บรเิ วณอย่างอสิ ระตามจังหวะ เมื่อ ได้ยนิ สัญญาณหยุดใหห้ ยุดเคลอื่ นทใี่ นทา่ น้ันทนั ที 4.1.2 เด็กและครูสนทนาและตกลงร่วมกนั เกี่ยวกับคาส่ัง เช่น

133 - ถา้ ครจู บั ทเ่ี ทา้ ให้เด็กกระโดด - ถ้าครจู บั ทเ่ี อวให้เดก็ ยักเอว 4.1.3 ใหเ้ ด็กเคล่ือนไหวร่างกายไปทั่วบริเวณอยา่ งอิสระ เมอื่ ได้ยินสัญญาณหยุดใหส้ งั เกต วา่ ครจู ับอะไร แลว้ ปฏิบัตติ ามข้อตกลง 4.1.4 เดก็ และครูรว่ มกันกาหนดคาสั่งขนึ้ ใหม่ แลว้ ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมในข้อ 4.1.3 ซา้ อกี 4.2 กิจกรรมสร้ำงสรรค์และกจิ กรรมเสรี (60 นำที) 4.2.1 เดก็ และครูช่วยกนั จดั โตะ๊ เพ่อื ใช้ฝึกกจิ กรรมการปนั้ ดินน้ามัน โดยครอู ธิบาย ทบทวนการปนั้ ให้เด็กดูอีกคร้ัง เสรจ็ แลว้ ลงมือปฏบิ ตั กิ ิจกรรมตามความคดิ และ จนิ ตนาการของตนเองอยา่ งอิสระ โดยครูคอยให้คาแนะนาอยู่ห่าง ๆ 4.2.2 เดก็ คนใดท่ปี ฏิบัตกิ ิจกรรมเสร็จแล้วใหน้ าผลงานมาให้ครดู ู พรอ้ มกับเลา่ ให้ครูฟังถึง วิธีการทาผลงานใดทส่ี ามารถเก็บสะสมไว้เป็นผลงานของเด็กได้ให้ครชู ว่ ยจดั ให้ เรียบรอ้ ย โดยเก็บไว้ในกลอ่ งผลงานแตล่ ะคน เขียนชื่อเดก็ และช่อื ผลงานกากับไว้ ด้วย 4.2.3 เดก็ คนใดทป่ี ฏิบตั กิ ิจกรรมเสร็จแลว้ ให้เลน่ ตามมุมอิสระ รอเพื่อน ๆ 4.2.4 เมอ่ื เด็กปฏบิ ตั กิ ิจกรรมครบทุกคนแลว้ ครแู นะนาใหเ้ ด็กช่วยกันทาความสะอาด สถานที่และเกบ็ สงิ่ ของตา่ ง ๆ เข้าทใ่ี ห้เรียบร้อย 4.3 กจิ กรรมเสรมิ ประสบกำรณ์ (15 นำที) 4.3.1 เด็กและครูสนทนารว่ มกนั เกย่ี วกับกจิ กรรมต่าง ๆ ในชมุ ชนจดั ขน้ึ เช่น งานกฐนิ สามัคคี งานแหเ่ ทยี น โดยครอู ธิบายให้เด็กฟงั วา่ ในแตล่ ะท้องถ่นิ ก็มวี ันสาคัญท่ี แตกต่างกันไป การจดั กิจกรรมก็แตกตา่ งกันดว้ ย เดก็ ๆ เปน็ สว่ นหน่ึงของท้องถิ่น ควรเขา้ รว่ มกิจกรรมวันสาคญั เหลา่ นั้นตามความเหมาะสม 4.3.2 ครเู ลา่ นิทานเรื่อง “ไปวัด” ให้เด็ก ๆ ฟงั แล้วสนทนารว่ มกันเกีย่ วกับเร่ืองในนิทาน โดยครตู ้ังคาถามใหเ้ ด็กช่วยกันหาคาตอบ 4.3.3 เด็กและครสู นทนา สรปุ ร่วมกนั เพ่ือกาหนดเป็นแนวทางในการปฏบิ ตั ิตนเนือ่ งในวัน สาคัญของท้องถิ่น และนาไปใชใ้ นชีวติ ประจาวนั 4.4 กิจกรรมกลำงแจ้ง (45 นำท)ี 4.4.1 เดก็ จัดแถวตอนเรยี งหน่งึ ว่ิงเหยาะ ๆ ลงสสู่ นาม เมือ่ ถึงสนามแล้วให้เด็กอบอุ่น รา่ งกายโดยการกระโดดอยู่กับที่ 2 – 3 นาที 4.4.2 เดก็ และครสู นทนาร่วมกันเกีย่ วกับเกมป่าฟองสบู่ โดยครูสาธิการเป่าใหเ้ ด็กดูเสรจ็ แล้วให้เด็กได้เลน่ อยา่ งอิสระ 4.4.3 เมอ่ื ถึงเวลาพอสมควารครูพาเด็กไปทาความสะอาดรา่ งกาย ล้างหนา้ ลา้ งมือ และ กลับเขา้ ห้องเรียนเพื่อเตรียมตัวไปรับประทานอาหารกลางวัน

134 4.5 กิจกรรมเกมกำรศกึ ษำ (20 นำที) 4.5.1 เด็กและครูสนทนาร่วมกนั เกี่ยวกับเกมโดมโิ นรปู เรขาคณิตซ้อนกัน โดยครูแนะนาวิธี เลน่ เกมใหเ้ ด็กฟงั 4.5.2 ครูใหเ้ ด็กแบง่ กลมุ่ ตามความเหมาะสม ใหแ้ ต่ละกลมุ่ เลน่ เกมชุดใหมท่ ่คี รูแนะนา และเกมทเี่ คยเลน่ มาแลว้ หรือการเล่นเคร่ืองเลน่ สัมผัส 4.5.3 เมอื่ เด็ก ๆ เล่นเกมเสร็จแลว้ ครใู หช้ ่วยกนั เกบ็ ส่งิ ต่าง ๆ ของเขา้ ทใ่ี ห้ เรยี บร้อย 5. สอื่ กำรเรียน / แหล่งกำรเรียนรู้ 5.1 ดินน้ามัน และแผ่นรองป้ัน 5.2 นทิ านเรอื่ งไปวัด 5.3 เกมเปา่ ฟองสบู่ 5.4 เกมโดมโิ นรูปเลขาคณติ ซ้อนกัน 6. กำรวดั ผลและประเมินผล 6.1 วธิ วี ดั ผลและประเมนิ ผล 6.1.1 สังเกตการปฏิบัติตามสญั ญาณ และคาส่ัง 6.1.2 สังเกตการตอบคาถาม และการแสดงความคิดเห็น 6.1.3 ตรวจผลการป้ัน 6.2 เครื่องมือวดั ผล 6.2.1 แบบประเมนิ ผลการจัดประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการปั้น 6.3 เกณฑ์กำรวัดผลและประเมินผล ระดับ 3 ดี ระดับ 2 พอใช้ ระดบั 1 ปรับปรงุ

135 แผนกำรจัดประสบกำรณท์ ่ี 37 ช้ันอนุบำลปีที่ 2 สำระท่คี วรเรียนรู้ท่ี 2 เร่อื งรำวเก่ยี วกับบุคคลและสถำนทแ่ี วดล้อมเด็ก หน่วย วันสาคญั ทางศาสนา (วนั เข้าพรรษา) เร่อื ง ชมุ ชนแสนสขุ สปั ดำหท์ ี่ 8 ลำดบั วนั ท่ี 37 ครผู ู้สอน คุณครโู ชติกา เสอื พิณ โรงเรยี น วดั ท่าบุญมี สพป. ชบ. 2 1. สำระสำคัญ ในชมุ ชนมีการจดั กิจกรรมทางศาสนามากมายหลายคร้ังในแต่ละปี การรว่ มกจิ กรรมตา่ ง ๆ ทีช่ มุ ชน จดั ขึ้นถอื เป็นเรอื่ งสาคญั เพราะเราเปน็ ส่วนหนึ่งของชุมชนจึงควรเขา้ ร่วมด้วยความเต็มใจ 2. จดุ ประสงคก์ ำรเรียนรู้ 2.1 เพ่อื ให้เดก็ มีความรู้ ความเข้าใจเก่ียวกับวนั สาคัญของชุมชน สามารถนาไปปรับใชใ้ นชีวิตจรงิ ได้ 2.2 เพอ่ื ใหเ้ ด็กสามารถปฏบิ ัตติ ามสัญญาณ และคาสัง่ ได้ 2.3 เพอ่ื ใหเ้ ด็กสามารถสร้างผลงานได้อย่างสรา้ งสรรค์ และเสรี 2.4 เพ่ือให้เด็กสามารถแสดงความคดิ เหน็ และตอบคาถามเก่ียวกับเร่ืองทีส่ นทนาได้ 2.5 เพอื่ ใหเ้ ด็กสามารถปรบั ตัวในการเล่นรว่ มกับผอู้ น่ื ได้อยา่ งสนุกสนาน 2.6 เพอื่ ใหเ้ ด็กสามารถคดิ แก้ปัญหาเกยี่ วกับสง่ิ ท่ีเหมอื นกันและต่างกนั ได้ 3. สำระกำรเรียนรู้ 3.1 กำรรว่ มกจิ กรรม 3.2 ประสบกำรณส์ ำคญั 3.2.1 การรว่ มปฏบิ ตั กิ จิ วตั รประจาวนั ของกล่มุ 3.2.2 การรับร้ทู ี่ไวต่อความรสู้ ึก ความสนใจและความต้องการของผอู้ นื่ 3.2.3 การสรา้ งความสมั พนั ธ์กบั เด็กและผูใ้ หญ่ 4. กิจกรรมกำรเรยี นรู้ 4.1 กิจกรรมเคล่ือนไหวและจังหวะ (20 นำที) 4.1.1 กจิ กรรมพืน้ ฐาน ใหเ้ ดก็ เคลื่อนไหวร่างกายไปทัว่ ๆ บริเวณอย่างอสิ ระตามจังหวะ เมื่อไดย้ นิ สัญญาณหยุดใหห้ ยุดเคล่ือนไหวในทา่ นน้ั ทนั ที 4.1.2 เดก็ และครูสนทนาตกลงรว่ มกันเก่ียวกบั สัญญาณเพ่ือใช้สาหรบั ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม ดงั น้ี - สญั ญาณรวั กลองให้เด็กเขย่งยืดตวั ขึน้ - สญั ญาณรัวฉ่งิ ให้เด็กย่อตวั ลง 4.1.3 ใหเ้ ด็กเคล่ือนไหวอยา่ งอสิ ระ เมื่อไดย้ นิ สญั ญาณหยดุ ให้ฟังและปฏบิ ตั ิตาม สญั ญาณที่ตกลงกนั ไว้

136 4.1.4 เดก็ และครูร่วมกันกาหนดสญั ญาณขน้ึ ใหม่ แลว้ ใหเ้ ดก็ ปฏิบัตกิ ิจกรรมน้ีซ้าอีก 4.2 กจิ กรรมสรำ้ งสรรคแ์ ละกจิ กรรมเสรี (60 นำที) 4.2.1 เดก็ และครูช่วยกันจดั โตะ๊ เพ่ือใช้ฝึกกิจกรรมการวาดภาพดว้ ยสเี ทียน โดยครอู ธิบาย วิธกี ารวาดใหด้ ูอีกครั้ง เสร็จแล้วครแู จกใบงานให้เด็กคนละ 1 แผน่ สนทนา รว่ มกนั เกย่ี วกบั รายละเอยี ดในใบงาน เสร็จแล้วให้ลงมือปฏบิ ัติกิจกรรมตามคาสงั่ ใน ใบงาน และปฏบิ ัติกจิ กรรมตามความคิด และจนิ ตานาการของตนเอง โดยครคู อย ให้คาแนะนาอยหู่ า่ ง ๆ 4.2.2 สาหรับเด็กทยี่ งั รอโต๊ะว่างให้เล่นตามมุมอย่างอิสระ เป็นการฝกึ การรอคอย สว่ น เดก็ ท่ปี ฏิบตั ิกิจกรรมเสร็จแล้วกเ็ ปดิ โอกาสใหเ้ พื่อน ๆ ไดป้ ฏิบัติบา้ งเป็นการฝึกการ แบง่ ปนั 4.2.3 เดก็ ทปี่ ฏิบัติกิจกรรมเสรจ็ แลว้ ให้นาผลงานมาใหค้ รดู ู พรอ้ มกบั เล่าใหค้ รูฟังถงึ วธิ ีการทาผลงานใดท่สี ามารถเกบ็ สะสมไวเ้ ป็นผลงานของเด็กไดใ้ ห้ครชู ว่ ยจัดให้ เรียบร้อย โดยเก็บไว้ในกลอ่ งผลงานแตล่ ะคน เขยี นชื่อเด็กและชื่อผลงานกากับไว้ ด้วย 4.2.4 เม่อื เด็กปฏิบัตกิ จิ กรรมครบทุกคนแลว้ ครแู นะนาใหเ้ ดก็ ช่วยกันทาความสะอาด สถานที่และเกบ็ ส่ิงของต่าง ๆ เขา้ ทใ่ี ห้เรยี บร้อย 4.3 กิจกรรมเสริมประสบกำรณ์ (15 นำที) 4.3.1 เด็กและครสู นทนารว่ มกนั เกี่ยวกับกิจกรรมต่าง ๆ ทจ่ี ดั ข้นึ ในวนั สาคัญของชมุ ชน เชน่ การถวายผ้าป่าสามคั คี การทาบุญ ตกั บาตรการไปเท่ยี วชมมหรสพต่าง ๆ ใน เวลากลางคืน โดยครแู นะนาเดก็ วา่ ควรไปกับผู้ปกครอง ไม่ควรไปคนเดียว เพราะ อาจจะเกดิ อันตรายได้ 4.3.2 ครูตง้ั คาถามเกย่ี วกับการไปร่วมกิจกรรมในวันสาคัญของท้องถ่ิน ว่าเดก็ เคยไปรว่ ม กิจกรรมใดบา้ ง และไปกับใคร มีการละเล่นอะไรบ้าง โดยวาดเปน็ ภาพแสดง การละเลน่ เหลา่ น้นั 4.3.3 เดก็ และครูสนทนา สรปุ ร่วมกันเกย่ี วกบั การร่วมกิจกรรมวนั สาคัญ ว่าเปน็ สิ่งท่ีควร ปฏิบตั ิ เพราะเราเปน็ ส่วนหนึ่งของชุมชน 4.4 กจิ กรรมกลำงแจง้ (45 นำที) 4.4.1 เด็กจัดแถวตอนเรียงสองเดินจับมอื กันเป็นคู่ ๆ ลงสนาม (เด็กที่ไม่มีคู่ให้จับกับครู) เม่อื ถึงสนามแลว้ ให้เด็กอบอุ่นรา่ งกายโดยการว่งิ เหยาะ ๆ อยู่กบั ท่ี 2 – 3 นาที 4.4.2 เดก็ และครูร่วมกนั ร้องเพลงจา้ จ้ี โดยครรู ้องใหเ้ ด็กฟังกอ่ น แลว้ จงึ ใหฝ้ กึ รอ้ งตาม เสร็จแลว้ สนทนารว่ มกันเก่ยี วกบั การเลน่ จา้ จ้ี โดยครอู ธบิ ายวิธีการเล่นให้เดก็ ฟงั ดงั น้ี

137 - เดก็ นั่งลอ้ มวงเป็นวงกลม แต่ละคนวางมือท้งั สองคว่าลงบนพ้นื เบ้ืองหนา้ ตน ผู้ เล่นคนหนง่ึ รบั หนา้ ที่เปน็ คนจ้า - คนจ้ารอ้ งบทจา้ จ้ี ขณะรอ้ งเนอื้ ร้องแต่ละคาในบท ผู้จา้ ใช้นวิ้ ชม้ี ือขวาจา้ ลงบน หลังมอื ของผู้เล่นแต่ละคน จ้าเวียนซา้ ยรอบวง เวยี นไปจนถงึ คาสุดท้ายของ บทร้อง หากไปจบลงที่หลังมือใด เจา้ ของมือท่เี พลงหยดุ จะชดั มือออก - คนจ้ารอ้ งบทจา้ อีกและเรม่ิ ต้นจากมือถัดจากมอื ที่ชกั ออก บท่จี ะรอ้ งเปน็ บท เดิมหรือบทใหมแ่ ลว้ แต่ละเลอื ก ผู้จ้ารอ้ งบทจา้ และจ้าไปเร่ือย ๆ จนเหลอื เจา้ ของมอื คนสดุ ท้ายซึ่งตอ้ งเปน็ คนออกจากการเล่น 4.4.3 ครูปลอ่ ยให้เด็กไดเ้ ล่นเกมอย่างอิสระ โดยแบง่ เปน็ กลมุ่ หรือเลน่ รวมกันตามความ เหมาะสม และสาหรับเด็กท่ีอยากเล่นเคร่ืองเลน่ สนามครูกป็ ล่อยใหเ้ ลน่ ตามความ สนใจของเด็ก โดยครคู อยดูแลอยา่ งใกลช้ ดิ 4.4.4 เมื่อถึงเวลาพอสมควรครูใหเ้ ด็กไปทาความสะอาดร่างกาย ลา้ งมอื และกลับเข้า หอ้ งเรยี นเพ่ือเตรยี มตวั ไปรับประทานอาหารกลางวนั 4.5 กิจกรรมเกมกำรศกึ ษำ (20 นำที) 4.5.1 เดก็ และครสู นทนาร่วมกนั เก่ยี วกับเกมภาพตัดต่อพระพุทธรปู โดยครอู ธบิ ายวธิ กี าร เลน่ ใหเ้ ด็กฟัง 4.5.2 ครูแบ่งเด็กเป็นกลมุ่ ให้เลน่ เกมชุมใหมท่ ่ีครแู นะนา และเกมทเ่ี คยเล่นมาแลว้ หรือ เครื่องเลน่ สัมผัสต่าง ๆ 4.5.3 เม่อื เด็กเลิกเล่นเกมแลว้ ครูแนะนาให้เดว่ ยกนั เกบ็ สง่ิ ของต่าง ๆ เข้าท่ใี หเ้ รียบร้อย 5. สอ่ื กำรเรยี น / แหล่งกำรเรยี นรู้ 5.1 สีเทียน 5.2 เพลงจา้ จี้ 5.3 ภาพตัดต่อพระพุทธรปู 6. กำรวดั ผลและประเมนิ ผล 6.1 วธิ ีวดั ผลและประเมินผล 6.1.1 สังเกตการปฏบิ ัติตามสัญญาณ และข้อตกลง 6.1.2 สงั เกตความกล้าในการแสดงออก และการตอบคาถาม 6.1.3 ตรวจผลงานการวาดภาพ 6.2 เคร่ืองมอื วัดผล 6.2.1 แบบประเมนิ ผลการจดั ประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการวาดภาพ

138 6.3 เกณฑก์ ำรวดั ผลและประเมินผล ดี ระดบั 3 พอใช้ ระดับ 2 ปรับปรงุ ระดับ 1

139 แผนกำรจดั ประสบกำรณท์ ี่ 38 ชั้นอนุบำลปีที่ 2 สำระท่ีควรเรยี นรู้ท่ี 2 เรอ่ื งรำวเกย่ี วกับบุคคลและสถำนทีแ่ วดล้อมเดก็ หนว่ ย วันสาคัญทางศาสนา (วันเข้าพรรษา) เร่อื ง วนั เขา้ พรรษา สัปดำหท์ ่ี 8 ลำดบั วันที่ 38 ครูผู้สอน คุณครโู ชตกิ า เสือพิณ โรงเรียน วดั ทา่ บุญมี สพป. ชบ. 2 1. สำระสำคญั ศาสนาแต่ละศาสนาตา่ งกม็ วี ันสาคัญทแี่ ตกต่างกันไป ในฐานะผูน้ ับถือศาสนาพทุ ธตอ้ งรู้จักวนั สาคญั ในศาสนาวนั สาคัญอีกวันหนึง่ คอื วันเขา้ พรรษา เป็นวนั ท่ีควรไปทาบญุ และปฏบิ ตั ติ นใหเ้ หมาะสมกับวันสาคญั เหล่าน้นั 2. จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ 2.1 เพ่ือให้เดก็ มีความรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกบั วันสาคัญของชุมชน สามารถนาไปปรับใช้ในชีวติ จรงิ ได้ 2.2 เพอ่ื ให้เด็กสามารถปฏบิ ตั ติ ามสัญญาณ และคาสง่ั ได้ 2.3 เพื่อให้เด็กสามารถสรา้ งผลงานได้อย่างสร้างสรรค์ และเสรี 2.4 เพื่อให้เด็กสามารถแสดงความคดิ เห็น และตอบคาถามเกี่ยวกับเร่ืองที่สนทนาได้ 2.5 เพอ่ื ให้เด็กสามารถปรบั ตัวในการเลน่ ร่วมกบั ผู้อน่ื ได้อยา่ งสนกุ สนาน 2.6 เพอื่ ใหเ้ ด็กสามารถคิดแก้ปญั หาเกี่ยวกบั ส่ิงท่ีเหมอื นกันและต่างกนั ได้ 3. สำระกำรเรยี นรู้ 3.1 วันเขำ้ พรรษำ 3.2 ประสบกำรณส์ ำคญั 3.2.1 การอธิบายเกี่ยวกบั สิง่ ของ เหตกุ ารณ์ และความสมั พันธ์ของส่ิงตา่ ง ๆ 3.2.2 การมีประสบการณ์ทางการเล่นสร้างสรรค์ร่วมกบั ผูอ้ ่ืน 3.2.3 การมปี ระสบการณ์และการเรียงลาดับเหตุการณ์ต่าง ๆ 4. กิจกรรมกำรเรียนรู้ 4.1 กจิ กรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ (20 นำที) 4.1.1 กจิ กรรมพ้ืนฐาน ใหเ้ ด็กเคลื่อนไหวร่างกายไปท่ัว ๆ บรเิ วณอยา่ งอิสระ เม่อื ไดย้ นิ สญั ญาณหยุดให้หยุดเคลือ่ นไหวในทา่ นั้นทันที 4.1.2 เดก็ และครูสนทนารว่ มกันเกย่ี วกับการปฏบิ ัติตนเปน็ ผ้นู าและผู้ตาม โดยให้เดก็ ยืน เปน็ วงกลมหันหน้าเข้ากลาววง 4.1.3 ครูหาเด็กอาสาสมัตรออกมาเปน็ ผ้นู าการเคลอื่ นไหวให้เพื่อน ๆ ทาตาม

140 4.1.4 ครูแนะนาใหเ้ ด็กไดผ้ ลัดเปลีย่ นแปลงกนั ออกมาเปน็ ผู้นาการเคล่ือนไหว เพ่ือฝกึ การ เปน็ ผู้นาและฝึกความกล้าในการแสดงออก 4.2 กจิ กรรมสร้ำงสรรค์และกจิ กรรมเสรี (60 นำท)ี 4.2.1 เด็กและครูชว่ ยกนั จัดโตะ๊ เพอื่ ใชฝ้ กึ กจิ กรรมการวาดภาพดว้ ยสนี ้า โดยครอู ธบิ าย และสาธติ การทาให้เด็กดู เสร็จแล้วให้เดก็ ลงมือปฏิบตั ติ ามความคิด และ จนิ ตนาการของตนเองอยา่ งอิสระ โดยครคู อยให้คาแนะนาอยูห่ ่าง ๆ 4.2.2 สาหรับเดก็ ทยี่ ังรอโต๊ะวา่ งใหเ้ ลน่ ตามมมุ อิสระ เป็นการฝึกการรอคอย สว่ นเดก็ ที่ ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมเสร็จแล้วก็เปิดโอกาสใหเ้ พื่อน ๆ ได้ปฏบิ ัติบ้างเปน็ การฝกึ การแบ่งปัน 4.2.3 เดก็ ที่ปฏบิ ัติกิจกรรมเสร็จแล้วใหน้ าผลงานมาให้ครูดู พรอ้ มกบั เลา่ ใหค้ รูฟงั ถงึ วธิ กี ารทาผลงานใดทีสามารถเกบ็ สะสมไวเ้ ปน็ ผลงานของเด็กได้ให้ครชู ่วยจดั ให้ เรียบรอ้ ย โดยเก็บไว้ในกลอ่ งผลงานแตล่ ะคน เขยี นช่ือเด็กและชอ่ื ผลงานกากับไว้ ดว้ ย 4.2.4 เมือ่ เด็กปฏบิ ัตกิ ิจกรรมครบทุกคนแล้ว ครูแนะนาใหเ้ ด็กชว่ ยกันทาความสะอาด สถานทแ่ี ละเก็บสิง่ ของต่าง ๆ เข้าท่ีใหเ้ รยี บร้อย 4.3 กิจกรรมเสรมิ ประสบกำรณ์ (15 นำท)ี 4.3.1 เดก็ และครสู นทนาร่วมกนั เกี่ยวกบั วันสาคญั ในพระพุทธศาสนา (สาหรับเดก็ ท่ีนับถือ ศาสนาอื่น ๆ ครูสนทนา และยกตวั อย่างรว่ มกันได้ โดยอธบิ ายใหเ้ ด็กเข้าใจถงึ ความแตกต่างของแต่ละชมุ ชน) ว่ามวี ันสาคญั มากมาย และแต่ละวันก็มี ความสาคัญแตกตา่ งกนั ไป เชน่ วนั มาฆบชู า วนั วสิ าขบชู า วนั เขา้ พรรษา 4.3.2 เดก็ และครสู นทนาร่วมกนั เก่ยี วกบั กจิ กรรมในแต่ละวนั สาคัญว่า การจดั กจิ กรรมก็ แตกตา่ งกนั และถา้ เดก็ ท่นี บั ถือศาสนาพทุ ธกค็ วรท่จี ะไปร่วมกจิ กรรมวนั สาคัญ เหล่านัน้ เป็นการแสดงความยึดมนั่ และศรทั ธาในศาสนาทต่ี นนับถือ 4.3.3 เด็กและครสู นทนา สรปุ รว่ มกนั เกี่ยวกับวันสาคญั ต่าง ๆ ในพระพุทธศาสนา และ สนทนาเกย่ี วกับวนั สาคญั ของศาสนาอื่นเพม่ิ เติมดว้ ย 4.4 กจิ กรรมกลำงแจง้ (45 นำท)ี 4.4.1 เด็กจัดแถวตอนเรียงหนง่ึ เดินตบมือเป็นจังหวะลงสนามอย่างเป็นระเบียบ เม่ือถึง สนามแลว้ ครูให้เดก็ อบอุ่นร่างกายโดยการวิง่ เหยาะ ๆ อยู่กับที่ 2 – 3 นาที 4.4.2 เดก็ และครูสนทนารว่ มกันเกี่ยวกับการเล่นเกมแมงมมุ โดยครอู ธิบายวิธี การเลน่ ดังน้ี - ใหเ้ ด็กนง่ั จับกลุ่มใกล้ ๆ กัน ยกมือทัง้ สองข้ึนซ้อนต่อ ๆ กัน โดยใชน้ ้ิวชีแ้ ละ นว้ิ หวั แมม่ อื คีบจบั หลังมือทซี่ ้อนกันอยู่ขา้ งล่าง

141 - ผเู้ ลน่ ร้องเพลงแมงมุม พร้อมกับยกมือซึ่งคีบต่อ ๆ กันน้ันข้ึน ๆ ลง ๆ ระหว่าง ร้องเพลง หากผูเ้ ล่นคนใดปล่อยมือท่ีตนจับอยู่หลดุ ถือว่า “ตาย” ต้องออกจาก เกม 4.4.3 เด็กและครชู ว่ ยกันแบ่งกลมุ่ เพื่อเล่นเกมตามความเหมาะสม เสรจ็ แลว้ ครูปลอ่ ยให้ เด็กไดเ้ ลน่ เกมแมงมุมอยา่ งอสิ ระ 4.4.4 เมือ่ ไดเ้ วลาเหมาะสมแล้ว ครูให้เด็กไปทาความสะอาดร่างกาย ล้างหน้า ลา้ งมือ และทาธรุ ะสว่ นตวั กลบั เขา้ ห้องเรียน เพื่อเตรียมตัวไปรบั ประทานอาหารกลางวัน 4.5 กจิ กรรมเกมศกึ ษำ (20 นำที) 4.5.1 เด็กและครสู นทนาร่วมกันเก่ียวกับเกมหาความสัมพันธแ์ บบอปุ มา อปุ ไมย โดยครู อธบิ ายวิธเี ล่นใหฟ้ ัง 4.5.2 ครแู บ่งเด็กเป็นกลุ่ม ให้เล่นเกมชุดใหม่ และเกมท่เี คยเล่นมาแล้ว หรอื เครื่องเลน่ สัมผัส 4.5.3 เม่ือเด็กเลกิ เลน่ แล้ว ครูแนะนาใหช้ ่วยกนั เก็บสง่ิ ของต่าง ๆ เขา้ ท่ใี หเ้ รยี บร้อย 5. สอื่ กำรเรยี น / แหล่งกำรเรียนรู้ 5.1 สนี ้า พู่กนั 5.2 เกมแมงมมุ 5.3 เพลงแมงมมุ 5.4 เกมหาความสัมพันธ์แบบอปุ มา อปุ ไมย 6. กำรวัดผลและประเมินผล 6.1 วธิ วี ัดผลและประเมินผล 6.1.1 สงั เกตการปฏบิ ตั ติ ามคาส่ัง และขอ้ ตกลง 6.1.2 สังเกตการเป็นผนู้ า ผู้ตาม 6.1.3 สงั เกตการแสดงความคิดเหน็ และการตอบคาถาม 6.1.4 ตรวจผลงานการวาดภาพ 6.2 เครอ่ื งมอื วัดผล 6.2.1 แบบประเมินผลการจัดประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการวาดภาพ 6.3 เกณฑ์กำรวัดผลและประเมินผล ระดบั 3 ดี ระดบั 2 พอใช้ ระดับ 1 ปรับปรุง

142 แผนกำรจดั ประสบกำรณท์ ่ี 39 ชั้นอนุบำลปีท่ี 2 สำระทคี่ วรเรียนรู้ท่ี 2 เรอ่ื งรำวเกีย่ วกับบุคคลและสถำนท่ีแวดล้อมเดก็ หน่วย วนั สาคญั ทางศาสนา (วันเขา้ พรรษา) เรื่อง วันเข้าพรรษา2 สัปดำห์ที่ 8 ลำดบั วันท่ี 39 ครูผู้สอน คุณครโู ชติกา เสอื พิณ โรงเรยี น วดั ท่าบญุ มี สพป. ชบ. 2 1. สำระสำคัญ วนั เขา้ พรรษา เป็นวนั สาคญั วันหน่งึ ของศาสนาพุทธ เปน็ วันทพ่ี ระสงฆ์ตอ้ งจา พรรษาอย่ทู วี่ ัด โดยไม่ออกไปพกั แรมท่ีใด เป็นเวลา 3 เดือน ซ่งึ เม่ือครบกาหนดแลว้ จะเรยี กวา่ ออกพรรษา 2. จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ 2.1 เพอื่ ใหเ้ ด็กมีความรู้ ความเข้าใจเก่ยี วกับวันสาคัญของชุมชน สามารถนาไปปรับใชใ้ นชวี ิตจรงิ ได้ 2.2 เพอ่ื ใหเ้ ด็กสามารถปฏบิ ตั ติ ามสญั ญาณ และคาสัง่ ได้ 2.3 เพื่อใหเ้ ด็กสามารถสรา้ งผลงานไดอ้ ย่างสร้างสรรค์ และเสรี 2.4 เพอ่ื ให้เด็กสามารถแสดงความคดิ เหน็ และตอบคาถามเก่ยี วกับเรื่องทสี่ นทนาได้ 2.5 เพ่อื ใหเ้ ด็กสามารถปรับตัวในการเลน่ ร่วมกบั ผ้อู น่ื ได้อย่างสนกุ สนาน 2.6 เพ่อื ให้เด็กสามารถคิดแก้ปัญหาเก่ยี วกับส่งิ ที่เหมอื นกันและต่างกันได้ 3. สำระกำรเรยี นรู้ 3.1 วันเขำ้ พรรษำ 3.2 ประสบกำรณส์ ำคญั 3.2.1 การพูดกบั ผู้อืน่ เกย่ี วกับประสบการณ์ของตนเอง หรอื เลา่ เรือ่ งเกย่ี วกบั ตนเอง 3.2.2 การอธบิ ายเกย่ี วกบั สงิ่ ของ เหตุการณ์ และความสมั พันธข์ องส่ิงตา่ ง ๆ 3.2.3 การสร้างความสัมพนั ธ์กบั เด็กและผู้ใหญ่ 3.2.4 การมปี ระสบการณ์ทางการเลน่ สร้างสรรคร์ ่วมกบั ผอู้ ื่น 4. กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ 4.1 กจิ กรรมเคลือ่ นไหวและจังหวะ (20 นำท)ี 4.1.1 กจิ กรรมพื้นฐาน ใหเ้ ดก็ เคลือ่ นไหวร่างกายไปทั่ว ๆ บรเิ วณอยา่ งอสิ ระ เมอื่ ได้ยนิ สญั ญาณหยดุ ใหห้ ยุดเคลอ่ื นไหวในทา่ นั้นทนั ที 4.1.2 เด็กและครสู นทนาและตกลงร่วมกันเกีย่ วกบั สญั ญาณตา่ ง ๆ ดงั น้ี - สญั ญาณ เสียงฉง่ิ ใหแ้ สดงท่าร้องให้ - สญั ญาณ เสียงกลอง ให้แสดงทา่ หวั เราะ - สญั ญาณ เสยี งกรับ ให้แสดงท่าเสียใจ

143 4.1.3 ใหเ้ ดก็ เคล่ือนไหวอย่างอิสระ และเม่ือไดย้ นิ สัญญาณใหห้ ยุด ใหฟ้ ังสญั ญาณและ ปฏิบตั ติ ามข้อตกลงท่ีได้ทารว่ มกนั ไวใ้ นข้อ 4.1.2 4.1.4 เดก็ และครูตกลงสญั ญาณร่วมกนั ใหม่และปฏิบตั ิกิจกรรมตามข้อ 4.1.3 ซา้ อกี 2 – 3 คร้ัง หรือตามสมควรแก่เวลา 4.2 กิจกรรมสร้ำงสรรคแ์ ละกิจกรรมเสรี (60 นำที) 4.2.1 เดก็ และครชู ่วยกนั จดั โตะ๊ เพ่ือใชฝ้ ึกกจิ กรรมการตัด ฉีก ปะ กระดาษ โดยครู อธบิ าย และแสดงวิธีทาให้เด็กดู เสรจ็ แลว้ ใหเ้ ด็กปฏบิ ัตกิ ิจกรรมตามความคิด จินตนาการของตนเองอยา่ งอิสระ โดยครูคอยดูแลอนั ตรายจากกรรไกร และของมี คมอย่างใกลช้ ิด 4.2.2 เด็กทีป่ ฏิบัติกจิ กรรมเสรจ็ แล้วให้นาผลงานมาใหค้ รดู ู พร้อมกบั เล่าใหค้ รูฟัง ถึง วิธีการทาผลงานใดท่ีสามารถเกบ็ สะสมไวเ้ ป็นผลงานของเด็กได้ให้ครชู ่วยจัดเก็บให้ เรียบรอ้ ย โดยเก็บไว้ในกล่องผลงานแต่ละคน เขยี นชื่อเด็กและชอ่ื ผลงานกากับไว้ ด้วย 4.2.3 เดก็ ที่ปฏิบัติกจิ กรรมเสร็จแล้วใหเ้ ล่นตามมุมอยา่ งอสิ ระ รอเพอ่ื น 4.2.4 เมื่อเด็กปฏบิ ัติกิจกรรมครบทุกคนแลว้ ครแู นะนาให้เด็กช่วยทาความสะอาดสถานที่ และเกบ็ สงิ่ ของตา่ ง ๆ เขา้ ทีใ่ ห้เรยี บร้อย 4.3 กจิ กรรมเสริมประสบกำรณ์ (15 นำที) 4.3.1 เดก็ และครสู นทนาร่วมกนั เก่ยี วกับวันสาคัญในพระพุทธศาสนาซึง่ ในเดือน 8 (การ นับเดือนของไทย) น้ีมวี ันสาคัญคือวันเขา้ พรรษา โดยครูอธิบายความสาคญั และ กิจกรรมทจ่ี ดั ในวนั นี้วา่ มอี ะไรบ้างและเด็กจะเข้ารว่ มกจิ กรรมในวนั สาคัญวันนี้ อย่างไร (สาหรับเด็กท่นี บั ถอื ศาสนาอน่ื ถ้ามีวันสาคญั ที่ตรงกบั เดือนนี้ ครูสนทนา และยกตวั อย่างประกอบให้เด็กฟงั ร่วมกนั ทง้ั ชัน้ ด้วย) 4.3.2 ครเู ลา่ นทิ านเรื่องเด็กหญิงฝา้ ย ให้เด็กฟงั เสร็จแลว้ สนทนารว่ มกนั เกี่ยวกับเรื่องใน นทิ าน ข้อคิดท่ไี ดจ้ ากนิทาน โดยครตู ั้งคาถามให้เด็กชว่ ยกันหาคาตอบ เชน่ - เดก็ เคยทาตน้ เทียนหรือไม่ - เด็กเคยแห่ต้นเทยี นไปถวายพระหรือไม่ 4.3.3 เดก็ และครูสนทนาร่วมกนั และกาหนดแนวทางในการปฏิบตั ิตนเนอื่ งในวันสาคญั ทางศาสนา โดยครูอธบิ ายเพิ่มเติมวา่ แตล่ ะคนก็นับถือศาสนาท่แี ตกตา่ งกัน แต่ ศาสนาทุกศาสนาก็สอนใหค้ นเป็นคนดีดว้ ยกันท้ังน้นั 4.4 กจิ กรรมกลำงแจง้ (45 นำท)ี 4.4.1 ใหเ้ ดก็ จดั แถวตอนเรียงหนึ่งเกาะไหลก่ ันเดินลงสนามอยา่ งเปน็ ระเบยี บ เม่อื ถงึ สนามแลว้ ใหเ้ ดก็ อบอุ่นร่างกายโดยการวิ่งเหยาะ ๆ อยู่กบั ที่ 2 – 3 นาที

144 4.4.2 เดก็ และครูสนทนารว่ มกนั เกยี่ วกับการเล่นตบแผละ โดยครูแนะนาและอธิบาย วิธีการเล่นเกมใหเ้ ด็กฟงั ดังนี้ - ใหเ้ ด็กนังขัดสมาธิหนั หนา้ เข้าหากันเป็นคู่ เมื่อเร่มิ เลน่ ผเู้ ล่นทง้ั คู่ประสานมอื กันเบ้อื งหนา้ เมอื่ ดนั มือออกจากกัน ผเู้ ล่นแตล่ ะคนตบมือท้งั สองเบ้ืองหนา้ 1 ครงั้ ตบลงบนตกั ตวั เอง 1 ครั้ง แลว้ ยกมอื ทัง้ สองขึ้นตบมืออยูเ่ ลน่ 4.4.3 ใหเ้ ด็กจับคู่กนั เล่นเกมตามคาอธบิ ายของครู (สาหรบั เด็กทีไม่มีคูใ่ หเ้ ล่นกบั ครู) 4.4.4 ครใู ห้เด็กไดเ้ ล่นเกมอยา่ งอิสระ 5 – 10 นาที เมือ่ ได้เวลาพอสมควร ครใู หเ้ ดก็ ไป ทาความสะอาดรา่ งกาย แล้วกลบั เข้าหอ้ งเรียน เพื่อเตรียมตัวไปรับประทานอาหาร กลางวนั 4.5 กจิ กรรมเกมกำรศึกษำ (20 นำท)ี 4.5.1 เดก็ และครสู นทนารว่ มกันเกยี่ วกับเกมหาความสมั พนั ธภ์ าพแบบเขาวงกต โดยครู อธิบายวธิ ีการเล่นให้เด็กฟัง 4.5.2 ครแู บ่งเด็กเป็นกลุม่ ให้เล่นเกมชุดใหม่ และเกมเคยเลน่ มาแลว้ หรอื เครือ่ งเล่น สัมผัสต่าง ๆ โดยผลัดเปลยี่ นกันเล่น ฝกึ การแบ่งปันกนั 4.5.3 เมอื่ เด็กเลกิ เล่นเกมแลว้ ครูแนะนาให้เด็กชว่ ยกนั เก็บสิ่งของต่าง ๆ เข้าที่ให้ เรยี บรอ้ ย 5. สื่อกำรเรยี น / แหล่งกำรเรียนรู้ 5.1 กรรไกร กาว กระดาษ 5.2 นทิ านเร่อื ง เด็กหญงิ ฝา้ ย 5.3 เกมหาความสัมพนั ธ์ภาพแบบเขาวงกต 6. กำรวดั ผลและประเมินผล 6.1 วิธวี ดั ผลและประเมินผล 6.1.1 สงั เกตการปฏิบัตติ ามสญั ญาณ และข้อตกลง 6.1.2 สังเกตการพดู แดสงความคิดเห็น และการตอบคาถาม 6.1.3 ตรวจผลงานการตดั ฉกี ปะ กระดาษ 6.2 เครื่องมือวดั ผล 6.2.1 แบบประเมนิ ผลการจัดประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานตดั ฉีก ปะ กระดาษ 6.3 เกณฑก์ ำรวัดผลและประเมินผล ระดับ 3 ดี ระดบั 2 พอใช้ ระดบั 1 ปรบั ปรงุ

145 แผนกำรจดั ประสบกำรณ์ที่ 40 ชน้ั อนบุ ำลปีที่ 2 สำระทค่ี วรเรยี นรทู้ ี่ 2 เรื่องรำวเก่ยี วกับบุคคลและสถำนที่แวดล้อมเด็ก หนว่ ย วนั สาคัญทางศาสนา (วันเขา้ พรรษา) เรื่อง วันเขา้ พรรษา 3 สปั ดำหท์ ี่ 8 ลำดับวันท่ี 40 ครูผ้สู อน คณุ ครโู ชติกา เสอื พิณ โรงเรียน วดั ท่าบุญมี สพป. ชบ. 2 1. สำระสำคัญ การเข้าพรรษา พระสงฆ์มีความสาคญั ในการปฏิบัติกจิ ซ่ึงเป็นของบัญญัตขิ องศาสนาพระสงฆใ์ นช่วง วนั เข้าพรรษา 3 เดือนจะปฏิบัติตนท่ตี ่างจากเดมิ เช่น ไม่ออกไปค้างแรมสถานท่อี ืน่ นอกจากวัดทจี่ า พรรษาอยู่ เป็นต้น 2. จุดประสงค์กำรเรยี นรู้ 2.1 เพ่อื ใหเ้ ด็กมีความรู้ ความเขา้ ใจเก่ยี วกบั วนั สาคัญของทอ้ งถ่ิน สามารถนาไปปรับใช้ในชวี ิตจริงได้ 2.2 เพื่อใหเ้ ด็กสามารถปฏบิ ตั ติ ามสญั ญาณ และคาสัง่ ได้ 2.3 เพอ่ื ใหเ้ ดก็ สามารถสร้างผลงานได้อย่างสร้างสรรค์ และเสรี 2.4 เพอ่ื ใหเ้ ด็กสามารถแสดงความคิดเหน็ และตอบคาถามเกยี่ วกับเรื่องทสี่ นทนาได้ 2.5 เพ่อื ให้เด็กสามารถปรบั ตวั ในการเล่นร่วมกบั ผอู้ น่ื ได้อยา่ งสนกุ สนาน 2.6 เพื่อใหเ้ ดก็ สามารถคดิ แก้ปัญหาเกี่ยวกับส่ิงที่เหมือนกนั และตา่ งกันได้ 3. สำระกำรเรยี นรู้ 3.1 กำรปฏิบัตติ นของพระสงฆ์ 3.2 ประสบกำรณส์ ำคญั 3.2.1 การพดู กบั ผอู้ ่นื เกย่ี วกบั ประสบการณ์ของตนเอง หรอื เลา่ เรือ่ งเกี่ยวกับตนเอง 3.2.2 การอธบิ ายเก่ียวกับสง่ิ ของ เหตกุ ารณ์ และความสัมพนั ธข์ องสงิ่ ต่าง ๆ 3.2.3 การสร้างความสัมพันธ์กับเด็กและผูใ้ หญ่ 3.2.4 การมปี ระสบการณ์ทางการเล่นสรา้ งสรรคร์ ว่ มกบั ผูอ้ ื่น 4. กิจกรรมกำรเรยี นรู้ 4.1 กจิ กรรมเคลอ่ื นไหวและจัวหวะ (20 นำท)ี 4.1.1 กจิ กรรมขน้ั พน้ื ฐาน ใหเ้ ดก็ เคลอ่ื นไหวรา่ งกายไปทวั่ ๆ บริเวณอย่างอสิ ระ เม่ือได้ ยินสัญญาณหยดุ ให้หยดุ เคล่ือนไหวในทา่ นนั้ ทนั ที 4.1.2 เดก็ และครรู ว่ มกนั ร้องเพลง “งานสิ่งใด” โดยครูร้องให้เด็กฟังก่อนแลว้ จึงใหฝ้ กึ ร้อง ตาม และตกลงกันเก่ียวกบั คาส่งั ต่าง ๆ ในการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม เช่น

146 - กวาดใบไม้ - ยกเก้าอ้ีเก็บบนโต๊ะ - กรอกน้าใสข่ วด - ลบกระดาน เปน็ ตน้ 4.1.3 ให้เดก็ เคล่ือนไหวร่างกายอย่างอสิ ระ เมื่อได้ยนิ สญั ญาณหยุดให้หยดุ เคลอื่ นไหวใน ท่านนั้ ทันที ฟังคาสั่งและปฏิบัติตาม 4.1.4 เด็กและครสู นทนาและตกลงคาส่งั ร่วมกันอีก 4 – 5 คาสั่ง และปฏบิ ตั ิกจิ กรรม ตามข้อ 4.1.3 ซ้าอีก 4.2 กิจกรรมสร้ำงสรรค์และกิจกรรมเสรี (60 นำที) 4.2.1 เด็กและครชู ่วยกันจดั โตะ๊ เพ่อื ใช้ฝกึ กจิ กรรมการพับกระดาษ เสรจ็ แล้วสนทนา รว่ มกันเก่ียวกับการพับกระดาษ โดยครสู าธติ วธิ กี ารพบั ให้เด็กดู และใหเ้ ด็กปฏิบตั ิ กจิ กรรมตามตัวอยา่ งและวธิ ีการท่ีครแู นะนา โดยครูคอยดูแล ใหค้ าแนะนาอย่ใู กล้ ๆ 4.2.2 เด็กท่ปี ฏบิ ตั กิ จิ กรรมเสรจ็ แล้วใหน้ าผลงานมาให้ครูดู พร้อมกบั เล่าให้ครูฟัง ถึง วธิ กี ารทาผลงานใดท่สี ามารถเก็บสะสมไวเ้ ปน็ ผลงานของเด็กได้ให้ครูชว่ ยจัดให้ เรยี บรอ้ ย โดยเก็บไวใ้ นกลอ่ งผลงานแต่ละคน เขยี นชือเดก็ และชือ่ ผลงานกากับไว้ ดว้ ย 4.2.3 เม่อื เด็กปฏิบตั กิ ิจกรรมครบทุกคนแลว้ ครูแนะนาให้เด็กช่วยกันทาความสะอาด สถานที่และเก็บสิ่งของตา่ ง ๆ เขา้ ทใ่ี หเ้ รยี บร้อย 4.3 กิจกรรมเสรมิ ประสบกำรณ์ (15 นำที) 4.3.1 นวนั เข้าพรรษาโดยครูอธิบายใหเ้ ด็กฟังวา่ ในชว่ งฤดูฝนนี้การเดนิ ทางไปมาของ พระสงฆน์ ้นั เปน็ ไปด้วยความยากลาบาก อีกทั้งยังไปเหยียบต้นข้าว พืชไร่ ของ ชาวนา ชาวไรท่ ปี่ ลูกไว้ ไดร้ ับความเสียหาย นอกจากน้ยี ังไปเหยียบสตั ว์ตวั เลก็ ๆ ท่ีกาลงั เจริญเตบิ โตใสช่วงฤดฝู นด้วย ดงั นนั้ พระพุทธเจา้ จึงให้พระสงฆจ์ าพรรษาอยู่ ทว่ี ัดเปน็ เวลา 3 เดอื น จนกวา่ จะหมดสิ้นฤดฝู น จึงจะออกไปค้างแรมทอ่ี ่ืนได้ 4.3.2 เด็กและครูรว่ มกันร้องเพลง “ฝนจ๋า” โดยครูรอ้ งใหเ้ ด็กฟังก่อน แลว้ ใหฝ้ ึกร้องตาม และสนทนารว่ มกันเก่ียวกบั เนอ้ื หาของบทเพลง โดยครูอาจจะต้งั คาถามนาใหเ้ ด็ก ตอบก็ได้ เสรจ็ แลว้ สนทนาสรุปร่วมกนั เกยี่ วกบั การปฏบิ ตั ิตนของพระสงฆใ์ นวัน เขา้ พรรษา 4.4 กิจกรรมกลำงแจ้ง (45 นำที) 4.4.1 เด็กจดั แถวตอนเรียงหน่ึงเดนิ ตามกันเป็นแถว แล้วเปลยี่ นจากเดนิ เป็นว่ิงเหยาะ ๆ ลงสสู่ นาม เมื่อถึงสนามแลว้ ใหเ้ ด็กอบอ่นุ รา่ งกายโดยการว่ิงเหยาะ ๆ อยู่กับท่ี 2 – 3 นาที

147 4.4.2 เดก็ และครสู นทนารว่ มกันเกีย่ วกับการเลน่ โพงพาง โดยครูสาธิตการเล่นใหเ้ ดก็ ดู เสรจ็ แลว้ แบ่งกล่มุ เด็กเปน็ ชาย 2 หญงิ 2 แตล่ ะกลุ่มเล่นยา่ งเสรี ตามข้อตกลง ของสมาชิกในกลุ่ม ครกู ใ็ หเ้ ด็กไดเ้ ล่นตามความสนใจโดยครูคอยดแู ลความปลอดภยั อย่างใกล้ชดิ 4.4.3 เม่ือสมควรแก่เวลาครูแนะนาให้เด็กไปทาความสะอาดรา่ งกาย ล้างมอื ลง้ หน้า ทา ธรุ ะสว่ นตวั กลบั เข้าห้องเรียน เพอ่ื เตรยี มตัวไปรับประทานอาหารกลางวัน 4.5 กจิ กรรมเกมกำรศึกษำ (20 นำที) 4.5.1 เด็กและครูสนทนาร่วมกนั เกีย่ วกับเกมสังเกตรายละเอยี ดของภาพกับเงา โดยครู อธิบายวิธีการเล่นใหเ้ ดก็ ฟงั 4.5.2 ครแู บ่งเด็กเปน็ กลุ่ม และให้แต่ละกลุ่มเล่นเกมทเี่ ตรียมไว้ และเกมที่เคยเล่นมาแลว้ หรือเคร่ืองเล่นสมั ผัส 4.5.3 เม่ือเด็กเลกิ เล่นแลว้ ครใู ห้ด็กช่วยกันเกบ็ ของเข้าท่ใี หเ้ รยี บร้อย 5. สื่อกำรเรียน / แหล่งกำรเรียนรู้ 5.1 กระดาษสี กาว กรรไกร 5.2 เพลงงานสิ่งใด 5.3 เพลงฝนจา๋ 5.4 การเล่นโพงพาง 5.5 เกมสังเกตรายละเอียดของภาพกับเงา 6. กำรวัดผลและประเมนิ ผล 6.1 วิธวี ัดผลและประเมนิ ผล 6.1.1 สังเกตการปฏบิ ตั ติ ามสญั ญาณ และข้อตกลง 6.1.2 สังเกตความกล้าในการแสดงออก การตอบคาถาม 6.1.3 ตรวจผลงานการพบั กระดาษ 6.2 เคร่ืองมอื วดั ผล 6.2.1 แบบประเมนิ ผลการจัดประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการพับกระดาษ 6.3 เกณฑก์ ำรวัดผลและประเมินผล ดี ระดับ 3 พอใช้ ระดับ 2 ปรบั ปรุง ระดับ 1

148 ภาคผนวก กะเทาะหน้าแวน่ กระแทนหนา้ ตมู เพลงจำ้ จ้มี ะเขือเปำะ อาบน้าทา่ ไหน จา้ จี้มะเขือเปราะ เอาแปง้ ทไ่ี หนผัด ตอ้ มต้อมมองมอง พายเรืออกแอ่น สาวสาวหนุ่มหนมุ่ ขย้มุ หลงั คา อาบนา้ ท่าวัด หมากดั กะโพ้งก้น เอากระจกทไ่ี หนส่อง นกขนุ ทองร้องวู้ แม้นใครละเลยปลอ่ ยท้ิง หวังคอยแต่เกยี่ งโยนกลอง เพลงแมงมมุ จาไวท้ ุกคนตอ้ ง แมงมมุ เอย ชว่ ยกัน ช่วยกนั ชว่ ยกนั แมวกินปลา เจา้ ทุยไถนากลางทงุ่ นั่นลงุ ละเขาจูงไปเอง เพลงงำนสิ่งใด ท่เี คยเหน็ เขาชมวา่ เกง่ (บัณฑติ บุญยำคม) เจ้าเองจะรู้ตวั หรือเปลา่ งานส่งิ ใด งานส่ิงใด มัวแตค่ อย เฝา้ แต่คอย ไม่มเี สร็จ ไม่มเี สร็จ รบั รอง ทางาน เราตอ้ งช่วยกนั เพลงฝนจำ๋ (ไมท่ รำบนำมผู้แต่ง) ฝนตกสุยสุย กรงุ๋ กรง๋ิ กรุ๋ง ยามนแี้ หละทุยเอ๋ย เกรงเกร็งเกรง่ เกร่งเกร๋ง

149 กำรละเล่นโพงพำง วิธีเลน่ เด็กยิงฉบุ กันว่าใครจะเป็นผแู้ พ้ตอ้ งปดิ ตาเป็นโพงพางตาบอด ผู้เล่นคนอนื่ ๆ จบั มือเป็นวงกลมรอ้ ง เพลง โพงพางเอย๋ โพงพางตาบอด รอดเขา้ รอดออก โพงพางตาบอดปล่อยลูกช้างเขา้ ในวง ขณะเดินวนรอบ ๆ โพงพางตาบอดร้องเพลง ๑-๓ จบ แล้วน่ังลงโพงพางจะเดินมาคลาคนอน่ื ๆ ซง่ึ ต้องพยายามหนี และจะตอ้ ง เงยี บสนทิ หากโพงพางจาเสยี งหัวเราะ รูปลกั ษณะได้จะเรียกชอ่ื ถ้าเรยี กคนถูกต้องออกมาปิดตาเปน็ โพงพาง ต่อไป ถา้ ไม่ถกู กต็ ้องเป็นโพงพางอกี ไป เร่ือย ๆ กตกิ ำ ใครถกู จับได้ และบอกชือ่ ถูกต้องเป็นโพงพางแทน โอกำสในกำรละเล่น เปน็ การละเลน่ พื้นบ้านท่ีเด็ก ๆ เล่นกนั โดยทวั่ ไป

150 นิทำนเร่ืองไปวัด (ดอน มดแดง) หนูแดงเปน็ เดก็ หญิงน่ารกั น่าชัง กาลงั เรียนอย่ชู ้ันอนบุ าลปที ี่ 2 หนแู ดงอาศัยอยู่กบั คุณแม่ พื่ชาย และคุณยาย สว่ นคณุ พ่อน้นั ไปทางานท่ีกรุงเทพมหานคร เปน็ คนขบั เท็กซี่ ทกุ วันหนแู ดงจะตืน่ แตเ่ ชา้ มารอใส่ บาตรพระพร้อมกบั คณุ ยาย หนูแดงถามคุณยายวา่ ทาไมพระตอ้ งมาขอข้าวพวกเราและชาวบา้ นกินดว้ ย คุณ ยายบอกว่าไมใ่ ช้มาขอขา้ วกิน แต่เรียนว่าบิณฑบาตก เพราะพระสงฆ์นน้ั ไม่มีงานทา แตท่ าหน้าท่ีสง่ั สอนพระ ธรรมแก่ทุกคน ซงึ่ หนูแดงยังเดก็ ไม่เขา้ ใจความหมายของคาวา่ บณิ ฑบาตรหรอก โตข้นึ หนแู ดงจะร้แู ละเขา้ ใจ เอง วันนท้ี ่ีวัดมีงานบญุ วนั เขา้ พรรษา คุณยายชวนหนูแดงไปวดั เพื่อทาบุญรว่ มกับชาวบ้านคนอืน่ หนแู ดง ดใี จท่จี ะไปวง่ิ เลน่ ทล่ี านวัด ไดพ้ บเพ่ือน ๆ รนุ่ เดียวกัน แต่คุณยายบอกวา่ วันน้คี นมาทาบญุ ที่วดั เยอะมาก จะไปวง่ิ เลน่ ท่วี ัดไม่ได้ ตอ้ งรจู้ ักสารวม ไมส่ ่งเสียงดังรบกวนคนอืน่ หนูแดงจึงเข้าใจและไม่สง่ เสียงดงั ตลอดท่ี เดนิ ทางมา จนคุณยายแอบย้ิมในความนา่ รักของหนแู ดง เมือ่ มาถงึ วดั หนแู ดงตืน่ เต้นมากเพราะมีคนมาทาบญุ กันเยอะอย่างท่คี ุณยายบอก ทกุ คนยม้ิ ทกั ทายกนั อยา่ งมีความสขุ บางคนหว้ิ ป่ินโต หวิ้ ขนม อาหารมากมาย หนูแดงถามคุณยายว่า พระจะกนิ หมดหรือคุณ ยายบอกว่า พระท่านไม่เรยี กว่ากนิ แต่เรียกวา่ ฉัน ซ่งึ คุณยายบอกวา่ เอาไวห้ นูแดงโตข้ึนจะรู้เอง บนศาลาการเปรียญ มีพระและสามเณรนงั่ เรยี งกันอยูห่ นแู ดงนับได้ 1-2-3-4-5 องค์ สักพักกม็ ีผู้นา สวดขอพรพระ หนแู ดงก็พดู ตาม เมอ่ื พูดจบแลว้ พระก็พดู บ้าง แต่คณุ ยายบอกวา่ พระทา่ นเทศนาสง่ั สอนให้ ศลี ใหพ้ รแกพ่ วกเรา หนแู ดงทาหน้างงเพราะไมเ่ ขา้ ใจที่คณุ ยายพดู เมื่อพระฉันอาหารเสรจ็ แลว้ ชาวบ้านท่ีมา ร่วมงานบุญก็นาสารับกับข้าวมาน่ังล้อมวงกนิ กัน สนทนาเร่ืองราวต่าง ๆ มากมาย หนูแดงก็นัง่ กินข้าวและ ขนมกับเพ่ือน ๆ แตไ่ มเ่ ลน่ กัน หรือคยุ กนั เสยี งดังเพราะคุณยายสัง่ เอาไว้ หนูแดงต้องปฏิบัตติ ามคาสงั่ อยา่ ง เคร่งครดั จงึ จะเป็นเด็กดี คณุ ยายบอกวา่ ถ้าทาบุญทีว่ ัดบอ่ ย ๆ หนแู ดงกจ็ ะรูแ้ ละเขา้ ใจในกิจกรรมทปี่ ฏบิ ัตอิ ย่ใู นวันน้ี เมอื่ ถงึ เวลากลับคณุ ยายก็พาหนูแดงกราบพระซ่งึ คณุ ยายสอนการกราบที่ถูกต้องใหห้ นูแดงดว้ ย แลว้ ลาเพอ่ื น ๆและ คุณยายในหมู่บ้าน เม่ือลงจากศาลาการเปรยี ญได้ หนูแดงก็วงิ่ บา้ งเดนิ บา้ งจนถงึ บา้ นด้วยเหนอ่ื ย แตม่ ี ความสขุ อยา่ งบอกไมถ่ ูก ท่ีได้มาทาบญุ ท่ีวัดในวันนี้

151 นิทำนเร่ืองเดก็ หญงิ ฝ้ำย (น. นสุขวัญ) ทกุ ปีในวันเข้าพรรษ ทุกคนจะนาต้นเทียนไปถวายพระ เพื่อให้พระท่ีจาพรรษาอยนู่ นั้ ได้มแี สงสว่างไว้ อ่านหนังสอื และสวดท้องมนต์ เด็กหญงิ ฝ้ายบอกกับคณุ พอ่ คุณแม่ว่า ปนี ีเ้ ราจะนาตน้ เทียนไปถวายพร เหมอื นปีที่แล้วหรือเปลา่ คุณพอ่ บอกวา่ เราเป็นพุทธศาสนิกชนต้องถือปฏิบัติทุกปี แต่ปีน้พี อ่ จะพาเด็กหญิง ฝา้ ยทาต้นเทียนเอง ฝ้ายบอกวา่ แล้วคนทไ่ี มท่ าต้นเทียนหละ พอ่ บอกวา่ ถึงไม่ทาตน้ เทียน ก็นาดอกไม้ ธูป เทียนอันเล็ก ๆ ไปก็ได้ การทาบญุ เข้าพรรษาอยทู่ ่ีจติ ใจทตี่ ้ังมั่นจะทามากกว่า เด็กหญงิ ฝา้ ยจงึ บอกคณุ พ่อวา่ ถ้าอยา่ งนัน้ เรากท็ าต้นเทยี นตน้ เลก็ ก็ได้ คุณพอ่ บอกว่า เรามีเงินอยู่ บา้ งทาต้นขนาดกลางกไ็ ด้ ไม่ต้องเลก็ มากเพราะพระสงฆท์ ่านจะได้ใชไ้ ดน้ าน ๆ คุณพ่อบอกว่าสิ่งแรกตอ้ งไปซ้ือข้ีผึ้งทีต่ ลาด และก็ฝ้ายดิบสาหรับมาทาตน้ เทยี น เมอ่ื ซ่ือของมาครบ แล้วคณุ พ่อกบั เดก็ หญิงฝา้ ยก็ช่วยกนั หล่อตน้ เทยี นอย่างงา่ ย ๆ โดยกอ่ นอนื่ เราต้องเอาข้ีผึง้ ใส่หมอ้ มาตม้ ไฟ ออ่ นใหล้ ะลาย เสร็แลว้ เอาท่อนา้ กลม ๆ ยามประมาณ 1 เมตร จากนน้ั เราก็เอาฝ้ายดิบท่ซี อ้ื เตรียมมาใส่ไว้ ตรงกลางท่อกลมนัน้ โดยให้ฝ้ายดิบนนั้ อยรู่ ะหว่างกลางท่อกลม เสร็จแล้วไปนาข้ีผง่ึ ทลี่ ะลายแลว้ มาเทลงในท่อ กลมท่ีเตรยี มไว้ รอจนแห้งแล้วคอ่ ยแกะออก ก็จะไดต้ ้นเทียนอย่างงา่ ย ๆ เสรจ็ แลว้ กน็ ามาตกแต่งให้สวยงาม นาไปถวายพระทว่ี ัดได้ เดก็ หญิงฝา้ ยช่วยพ่อทาตน้ เทียนจนเสรจ็ เพราะคุณพ่อบอกว่าถา้ เราต้ังใจทาอะไรแลว้ ก็จะไดบ้ ุญ มากกวา่ เราทาไปเพราะความสนุก ซง่ึ เดก็ หญงิ ฝ้ายก็บอกว่าต่อไปหนูจะต้ังใจเพื่อจะได้บุญเยอะ ๆ แล้วก็พา กนั หวั เราะอย่างมีความสุข เม่ือถึงเวลา คณุ พ่อ และเด็กหญงิ ฝา้ ยกน็ าตน้ เทียนไปรว่ มขบวนแห่ ทกุ คนก็ชมว่าต้นเทียนของ เด็กหญงิ ฝา้ ย สวยงามไมเ่ หมือนใคร เด็กหญงิ ฝ้ายกลา่ วขอบคุณและร่วมขบวนแห่อย่างมีความสุข

152 เรือ่ ง ใบงำน จุดประสงค์ วันเขา้ พรรษา 1. เพือ่ พัฒนาความคิดสร้างสรรคแ์ ละจินตนาการ คำสัง่ 2. เพ่อื ให้เด็กสามารถวาดภาพระบายสีภาพทีก่ าหนดให้ได้ ให้เด็กวาดภาพต้นเทียน ตามความคดิ และจนิ ตนาการของตนเองและระบายสีใหส้ วยงาม ผู้ประเมนิ ครู ผูป้ ระเมิน ผปู้ กครอง เกณฑก์ ำรประเมิน เกณฑก์ ำรประเมนิ ดี ดี พอใช้ พอใช้ ปรบั ปรุง ปรับปรงุ ผู้ประเมิน ตนเอง ผู้ประเมนิ เพ่ือน เกณฑก์ ำรประเมนิ เกณฑ์กำรประเมนิ ดี ดี พอใช้ พอใช้ ปรับปรงุ ปรับปรงุ

153 แผนกำรจัดประสบกำรณ์ท่ี 41 ช้นั อนบุ ำลปีที่ 2 สำระทค่ี วรเรียนรูท้ ี่ 1 เร่ืองรำวเกยี่ วกับตวั เด็ก หนว่ ย ฉนั คือเด็กดี เรื่อง ความเมตตา- กรุณา สปั ดำหท์ ี่ 9 ลำดับวันท่ี 41 ครูผสู้ อน คณุ ครูโชตกิ า เสือพิณ โรงเรียน วดั ทา่ บญุ มี สพป. ชบ. 2 1. สำระสำคญั ความเมตตา กรุณา เป็นส่งิ สาคญั ท่ีเราคนไทยทุกคนควรยึดถือและปฏิบัติ เพราะนอกจากจะทาให้ เราได้ชว่ ยเหลอื คนอ่ืนแล้ว ยังทาให้เรามีความสุขใจอีกดว้ ย 2. จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ 2.1 เพ่ือใหเ้ ด็กมคี วามรู้ ความเข้าใจเกย่ี วกับความมีเมตตา กรุณา และสามารถนาไปใชใ้ นชวี ิ ประจาวนั ได้ 2.2 เพ่ือใหเ้ ด็กสามารถปฏบิ ตั ิตามสญั ญาณ และคาส่ังได้ 2.3 เพื่อใหเ้ ด็กสามารถสร้างผลงาน ไดอ้ ยา่ งสร้างสรรค์ และเสรี 2.4 เพอื่ ให้เด็กสามารถแสดงความคิดเหน็ และตอบคาถามเก่ยี วกบั เร่ืองท่สี นทนาได้เพื่อพฒั นา กลา้ มเน้ือใหญ่ และกลา้ มเน้ือเล็ก 2.5 เพื่อให้เด็กสมารถนาช้นิ ส่วนของภาพมาต่อให้เป็นภาพทีส่ มบูรณ์ได้ 3. สำระกำรเรยี นรู้ 3.1 ควำมเมตตำ กรุณำ 3.2 ประสบกำรณส์ ำคัญ 3.2.1 การแสดงความรู้สึกด้วยคาพดู 3.2.2 การพดู กบั ผู้อืน่ เกีย่ วกับประสบการณข์ องตนเอง หรือเลา่ เรื่องเกี่ยวกับตนเอง 3.2.3 การรบั รทู้ ่ไี วต่อความรสู้ ึก ความสนใจและความตอ้ งการของผูอ้ น่ื 3.2.4 การสรา้ งความสัมพันธก์ บั เด็กและผู้ใหญ่ 4. กิจกรรมกำรเรยี นรู้ 4.1 กจิ กรรมเคลอื่ นไหวและจังหวะ (40 นำที) 4.1.1 กิจกรรมพ้ืนฐาน ให้เด็กเคลือ่ นไหวรา่ งกายไปทั่วบริเวณอย่างอิสระตามจงั หวะ เม่ือ ได้ยนิ สัญญาณหยุดให้หยดุ เคล่อื นทใี่ นทา่ น้ันทนั ที 4.1.2 เดก็ และครูสนทนารว่ มกนั เกีย่ วกบั คาสง่ั ทจ่ี ะปฏบิ ัตกิ ิจกรรม เช่น - ยกขาซา้ ย ยกขาขวา

154 - ยกแขนซา้ ย ยกแขนขวา - สะบดั มือ สลัดผม - ผงกศีรษะ 4.1.3 ให้เดก็ เคลื่อนไหวรา่ งกายอย่างอิสระ เมื่อได้ยินสัญญาณหยุด ใหฟ้ งั คาสัง่ และปฏบิ ตั ิ ตามคาสัง่ ท่ีตกลงร่วมกันไว้ 4.2 กิจกรรมสรำ้ งสรรคแ์ ละกจิ กรรมเสรี (60 นำที) 4.2.1 เด็กและครูร่วมกนั จัดเพ่ือใช้ฝกึ กจิ กรรมการปนั้ ดินน้ามัน โดยครทู บทวนข้ันตอน การปั้นใหเ้ ดก็ ฟงั อกี คร้ัง เสรจ็ แลว้ แจกดินนา้ มนั พร้อมแผ่นรองปั้นใหเ้ ด็กคนละ 1 ชดุ 4.2.2 ครใู ห้เด็กลงมือปฏบิ ตั ิการป้ันตามความคดิ และจินตนาการของตนเอง โดยครคู อย ดแู ล และใหค้ าแนะนาอยหู่ า่ ง ๆ 4.2.3 เมอื่ เด็กคนใดปฏิบัติกจิ กรรมเสรจ็ แล้ว นาผลงานมาใหค้ รดู ู โดยบอกชือ่ ผลงานและ วธิ ีการทา ผลงานใดท่ีเหมาะสมจะจัดเก็บ ใหเ้ กบ็ ไว้ในกล่องผลงานของเด็กเอง โดยครเู ขยี นชือ่ ผลงาน ช่อื เด็ก วนั เดอื นปที ท่ี ากากบั ไว้ด้วย 4.2.4 สาหรับเดก็ ทปี่ ฏบิ ตั กิ ิจกรรมครบแลว้ หรอื รอโต๊ะวา่ ให้เล่นตามมุมอย่างอิสระเปน็ การ ฝกึ การรอโอกาสและการแบง่ ปันกัน 4.2.5 เม่ือเด็กปฏบิ ตั ิกจิ กรรมครบทุกคนแล้ว ครูแนะนาใหเ้ ด็กช่วยกนั ทาความสะอาด บริเวณและชว่ ยกนั จัดเก็บสิง่ ของ อุปกรณต์ ่าง ๆ เข้าทีใ่ หเ้ รียบร้อย 4.3 กจิ กรรมเสริมประสบกำรณ์ (15 นำที) 4.3.1 เดก็ และครูสนทนาร่วมกันเกีย่ วกับส่ิงมีชวี ติ ต่าง ๆ วา่ ทกุ คนกร็ กั ชวี ติ ของตนเอง มี ความต้องการอยรู่ อด และความเหน็ ใจจากทุกคน การช่วยเหลอื กัน มคี วาม เมตตาต่อผู้ด้อยกว่าจึงเปน็ ส่ิงที่เดก็ ควรปฏบิ ัติเป็นประจา 4.3.2 ครูเล่านทิ านเรอ่ื ง “ลุงคาใจดี” ใหเ้ ด็ก ๆ ฟัง เสรจ็ แลว้ สนทนาร่วมกันเกย่ี วกบ เรื่องในนิทาน หรอื ครูอาจจะตงั้ คาถามใหเ้ ด็กช่วยกนั ตอบก็ได้ 4.3.3 เด็กและครูสนทนาสรุปร่วมกันเก่ียวกบั การปฏิบตั ิของเด็ก ไดเ้ คยทาอะไรที่แสดงถงึ ความมีเมตตา กรณุ าบา้ ง เสรจ็ แลว้ ช่วยกนั กาหนดแนวทางเพอื่ การปฏิบัตติ นใน ชวี ิตประจาวัน 4.4 กิจกรรมกลำงแจง้ (45 นำท)ี 4.4.1 เดก็ จัดแถวตอนเรียงสอง เดนิ จับไหล่คนขา้ งหน้าลงสนามอยา่ งเปน็ ระเบยี บ เมอื่ ถงึ สนามแล้วครใู หเ้ ด็กอบอุ่นรา่ งกายโดยการวิ่งเหยาะ ๆ อยกู่ ับที่ 2 – 3 นาที 4.4.2 เด็กและครสู นทนารว่ มกนั เกี่ยวกบั การเล่นเกมนั่งขว้างเปา้ โดยครูอธิบายวิธีการเล่น ให้เดก็ ฟัง ดังนี้

155 - แบ่งกล่มุ เด็ก กลุ่มละ 4 – 5 คน ใหเ้ ด็กจัดแถวตอนนง่ั เรียงกนั ในแตล่ ะแถว ครูกาหนดเปา้ ให้หา่ งจากเด็กประมาณ 2 – 3 เมตร ขีดเส้นเริม่ ตน้ ใหเ้ ดก็ แต่ ละแถว - คนท่ี 1 ของแต่ละแถวถือลูกบอลสาหรบั ขวา้ งเป้า และถ้าขวา้ งถกู เป้าได้ 1 คะแนน - เด็กท่ีขว้างแล้วใหว้ ิ่งไปต่อท้ายแถว คนต่อไปขวา้ งเป้าบ้าง แถวใดข้วางถูกเปา้ มากกวา่ ได้คะแนนมากกวา่ เป็นผูช้ นะ 4.4.3 ครูปลอ่ ยให้เด็กเล่นอยา่ งอิสระ ก่อนให้เดก็ ไปทาความสะอาดร่างกาย กลับเขา้ หอ้ งเรียน เพื่อเตรยี มตวั ไปรับประทานอาหารกลางวัน 4.5 กิจกรรมกำรศกึ ษำ (20 นำที) 4.5.1 เด็กและครสู นทนารว่ มกันเกีย่ วกบั เกมภาพตัดต่อเด็กให้อาหารสัตว์ โดยครูอธบิ าย วิธกี ารเล่นให้เด็กฟังและเข้าใจ 4.5.2 แบ่งกลุ่มเด็กใหเ้ ลน่ เกมชุดใหม่ และเกมทเ่ี คยเล่นมาแล้ว หรือเคร่อื งเลน่ สมั ผสั 4.5.3 เมือ่ เด็ก ๆ เล่นเกมต่าง ๆ เสรจ็ แล้ว ครูแนะนาใหช้ ่วยกนั เก็บส่งิ ของเขา้ ทใ่ี ห้ เรยี บร้อย 5. สือ่ กำรเรียน / แหล่งกำรเรยี นรู้ 5.1 ดนิ นา้ มัน และแผ่นรองปั้น 5.2 นิทานเรือ่ งลงุ คาใจดี 5.3 เกมนั่งขวา้ งเป้า 5.4 เกมภาพตัดต่อเด็กให้อาหารสัตว์ 6. กำรวัดผลและประเมินผล 6.1 วิธวี ดั ผลและประเมนิ ผล 6.1.1 สงั เกตการปฏบิ ตั ติ ามสญั ญาณและคาสงั่ 6.1.2 สงั เกตการตอบคาถาม และการแสดงความคิดเห็น 6.1.3 ตรวจผลงานการปั้น 6.2 เครอ่ื งมอื วดั ผล 6.2.1 แบบประเมินผลการจัดประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการปั้น 6.3 เกณฑก์ ำรวัดผลและประเมินผล ระดับ 3 ดี ระดับ 2 พอใช้ ระดับ 1 ปรบั ปรงุ

156 แผนกำรจดั ประสบกำรณ์ที่ 42 ชัน้ อนุบำลปีท่ี 2 สำระที่ควรเรียนร้ทู ่ี 1 เรอ่ื งรำวเกย่ี วกับตัวเดก็ หน่วย ฉนั คือเด็กดี เรื่อง การมมี ารยาท ลำดับวันที่ 42 สปั ดำห์ที่ 9 ครผู ู้สอน คณุ ครูโชตกิ า เสือพิณ โรงเรยี น วัดทา่ บญุ มี สพป. ชบ. 2 1. สำระสำคญั การมีมารยาทเปน็ การแสดงออกของเด็กที่มสี มั มาคารวะ เปน็ คณุ สมบตั ิที่ดีของคนในสังคมไทย ซ่งึ ผู้ ที่มอี ายุน้อยกวา่ ต้องให้ความเคารพผทู้ ่ีมีอายุมากกว่า ด้วยการไหว้ การย้มิ การย่อตวั จะทาให้เปน็ เดก็ น่ารัก 2. จุดประสงคก์ ำรเรยี นรู้ 2.1 เพ่ือใหเ้ ดก็ มีความรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั ความมเี มตตา กรณุ า และสามารถนาไปใชใ้ นชวี ิ ประจาวันได้ 2.2 เพื่อใหเ้ ด็กสามารถปฏบิ ัตติ ามสญั ญาณ และคาส่งั ได้ 2.3 เพื่อให้เด็กสามารถสรา้ งผลงาน ได้อย่างสรา้ งสรรค์ และเสรี 2.4 เพื่อใหเ้ ด็กสามารถแสดงความคิดเห็น และตอบคาถามเกย่ี วกับเร่ืองท่ีสนทนาได้เพ่ือพฒั นา กลา้ มเน้อื ใหญ่ และกล้ามเน้ือเล็ก 2.5 เพ่ือให้เด็กสมารถนาช้นิ ส่วนของภาพมาต่อใหเ้ ป็นภาพท่สี มบรู ณ์ได้ 3. สำระกำรเรยี นรู้ 3.1 กำรมสี มั มำคำรวะ 3.2 ประสบกำรณ์สำคญั 3.2.1 การรับรทู้ ี่ไวต่อความรูส้ ึก ความสนใจและความตอ้ งการของผูอ้ ่ืน 3.2.2 การสร้างความสัมพันธก์ ับเด็กและผ้ใู หญ่ 3.2.3 การมีประสบการณ์ทางการเลน่ สรา้ งสรรคร์ ่วมกับผอู้ ่ืน 4. กิจกรรมกำรเรียนรู้ 4.1 กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ (20 นำท)ี 4.1.1 กจิ กรรมพ้ืนฐาน ให้เด็กเคลอื่ นไหวรา่ งกายไปทั่ว ๆ บรเิ วณอยา่ งอิสระ เมอื่ ได้ยนิ สัญญาณหยุด ใหห้ ยดุ เคล่ือนไหวในท่านน้ั ทันที 4.1.2 เด็กและครูสนทนารว่ มกันเกี่ยวกบั คาบรรยายทจี่ ะใหป้ ฏบิ ตั ิกจิ กรรม เชน่ เด็ก ๆ ต่ืนนอนแตเ่ ชา้ ลกุ ข้ึนพบั ผา้ หม่ เกบ็ ทน่ี อน เปล่ียนเสอ้ื ผ้าไปอาบนา้ สระผม

157 แปรงฟัน ถูสบู่ ราดน้า ลา้ งสบู่ เชด็ ตัวให้แหง้ แตง่ ตวั สวมถุงเทา้ รบั ประทาน อาหาร ไปโรงเรยี น 4.1.3 ให้เด็กเคลื่อนไหวรา่ งกายอย่างอิสระ เมื่อได้ยนิ สัญญาณหยุด ให้ฟังและปฏบิ ตั ิตาม คาบรรยายของครู 4.1.4 เด็กและครู ร่วมกนั กาหนดคาบรรยายขน้ึ ใหม่ และปฏิบตั ิตามข้อ 4.1.3 ซา้ อกี 4.2 กิจกรรมสร้ำงสรรคแ์ ละกจิ กรรมเสรี (60 นำที) 4.2.1 เดก็ และครูรว่ มกนั จดั โต๊ะเพ่ือใช้ฝึกกิจกรรมการวาดภาพดว้ ยสเี ทียน โดยครูอธบิ าย ขั้นตอน วิธีการวาด วิธีการระบายสี ใหเ้ ดก็ ฟัง เสรจ็ แล้วให้ลงมอื ปฏิบตั ิตาม ความคิดสรา้ งสรรค์ และจินตนาการของตนเอง โดยครูคอยดูแลอยหู่ า่ ง ๆ 4.2.2 เมื่อเด็กปฏบิ ตั ิกจิ กรรมเสรจ็ แลว้ นาผลงานมาใหค้ รดู ู โดยบอกช่ือผลงานและ วธิ ีการทา ผลงานใดทเี่ หมาะสมจะจดั เกบ็ ให้เกบ็ ไวใ้ นกล่องผลงานของเด็กเอง โดยครเู ขยี นชื่อ ผลงาน ชอ่ื เดก็ วันเดือนปีที่ทากากับไว้ด้วย 4.2.3 เด็กท่ีปฏิบัติกจิ กรรมเสรจ็ แลว้ หรอื รอโต๊ะวา่ ง ใหเ้ ลน่ ตามมุมอสิ ระเป็นการฝึกการ รอโอกาส 4.2.4 เม่ือเด็กปฏิบัตกิ จิ กรรมครบทุกคนแล้ว ครแู นะนาให้เดก็ ช่วยกันทาความสะอาด บริเวณ และชว่ ยกันจดั เก็บส่ิงของ อปุ กรณ์ตา่ ง ๆ เขา้ ท่ีให้เรียบร้อย 4.3 กิจกรรมเสริมประสบกำรณ์ (15 นำที) 4.3.1 เด็กและครสู นทนาร่วมกันเกยี่ วกบั มารยาทท่ีดีของเดก็ ไทยท่ีควรปฏิบตั ิตอ่ ผูใ้ หญ่โดย ครูเลา่ นทิ านเรือ่ ง “เดก็ ดี” ให้เดก็ ฟงั เสรจ็ แลว้ สนทนาร่วมกนั เกยี่ วกับเรอื่ งใน นทิ าน หรือครอู าจจะตั้งคาถามให้เดก็ ช่วยกนั ตอบก็ได้ 4.3.2 เดก็ และครูสนทนาร่วมกนั เกีย่ วกับการปฏิบตั ิในชวี ิตประจาวันว่า เด็กเคยไดร้ บั คา ชมจากผใู้ หญ่ในเรื่องใดบ้าง และโดนตาหนิในเร่ืองใด เพราะอะไร ครูตั้งคาถามให้ เดก็ ชว่ ยกนั ตอบเกีย่ วกบั ปฏบิ ัติตวั ในชวี ติ ประจาวนั 4.3.3 เดก็ และครสู นทนา สรุปร่วมกัน เกย่ี วกบั มารยาททีด่ ีและการมสี มั มาคารวะต่อ ผใู้ หญ่เพ่อื จะเป็นแนวทางในการปฏิบตั ติ นในชวี ิตประจาวนั 4.4 กขิ กรรมกลำงแจ้ง (45 นำท)ี 4.4.1 ให้เดก็ จัดแถวตอนเรยี งหนง่ึ ทาท่านกั บนิ ลงสู่สนาม เม่ือถึงสนามแลว้ ให้เด็กอบอ่นุ ร่างกายโดยการวงิ่ เหยาะ ๆ 2 – 3 นาที 4.4.2 เด็กและครสู นทนาร่วมกันเกี่ยวกบั การเลน่ กระโดดกบ โดยครูอธิบายวธิ กี ารเลน่ ให้ เดก็ ฟังเสร็จแลว้ ปล่อยให้เด็กไดเ้ ลน่ อย่างอิสระ โดยครูคอยดแู ลความปลอดภัยอยู่ ห่าง ๆ 4.4.3 เม่ือไดเ้ วลาพอสมควรแลว้ ครูให้เดก็ ไปทาความสะอาดร่างกาย ลา้ งหน้า ล้างมอื ทาธุระส่วนตวั กลับเขา้ ห้องเรยี น เพื่อเตรยี มตวั ไปรับประทานอาหารกลางวนั

158 4.5 กิจกรรมเกมกำรศกึ ษำ (20 นำท)ี 4.5.1 เดก็ และครสู นทนาร่วมกันเก่ยี วกับการเล่นเกม จับค่ใู บไมช้ นิดเดยี วกนั โดยครู แนะนาและอธิบายวิธีเลน่ เกมใหเ้ ดก็ ฟัง 4.5.2 ครแู บ่งเด็กเป็นกลมุ่ ตามความเหมาะสม ใหแ้ ตล่ ะกล่มุ เลน่ เกมชดุ ใหมท่ ่ีครแู นะนา และเกมท่เี คยเลน่ มาแลว้ หรอื เครื่องเลน่ สัมผัส 4.5.3 เมอ่ื เด็กเลกิ เลน่ เกมแลว้ ครูแนะนาใหเ้ ด็กชว่ ยกันเก็บส่ิงของตา่ ง ๆ เข้าท่ีให้ เรียบร้อย 5. ส่อื กำรเรยี นรู้ / แหล่งกำรเรียนรู้ 5.1 สีเทียน 5.2 นิทานเร่อื งเด็กดี 5.3 การเลน่ กระโดดกบ 5.4 เกมจบั คู่ใบไม้ชนิดเดยี วกัน 6. กำรวัดผลและประเมนิ ผล 6.1 วิธวี ัดผลและประเมนิ ผล 6.1.1 สงั เกตการปฏบิ ตั ิตามสญั ญาณ และข้อตกลง 6.1.2 สงั เกตความกลา้ ในการแสดงออก และการตอบคาถาม 6.1.3 ตรวจผลงานการวาดภาพ 6.2 เครือ่ งมอื วดั ผล 6.2.1 แบบประเมนิ ผลการจดั ประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการวาดภาพ 6.3 เกณฑก์ ำรวัดผลและประเมินผล ระดับ 3 ดี ระดับ 2 พอใช้ ระดับ 1 ปรับปรุง

159 แผนกำรจัดประสบกำรณ์ท่ี 43 ชัน้ อนบุ ำลปีท่ี 2 สำระที่ควรเรยี นรู้ที่ 1 เร่อื งรำวเกยี่ วกับตวั เด็ก หน่วย ฉนั คือเดก็ ดี เรื่อง ความภาคภมู ใิ จ สปั ดำห์ท่ี 9 ลำดบั วันท่ี 43 ครูผู้สอน คุณครโู ชติกา เสอื พิณ โรงเรยี น วดั ท่าบุญมี สพป. ชบ. 2 1. สำระสำคัญ ทุกคนมีความสามารถเฉพาะตัว ความสามารถพเิ ศษ และความคดิ สร้างสรรค์ ในการทากิจกรรม ตา่ งๆ ถา้ มีความสาเรจ็ จะสง่ ผลใหเ้ ราควรภาคภูมใิ จในตนเองและทาให้เรามคี วามสขุ ใจ 2. จุดประสงคก์ ำรเรียนรู้ 2.1 เพื่อใหเ้ ดก็ มีความรู้ ความเข้าใจเก่ยี วกบั ความมีเมตตา กรุณา และสามารถนาไปใชใ้ นชีวิ ประจาวันได้ 2.2 เพือ่ ใหเ้ ด็กสามารถปฏิบัตติ ามสญั ญาณ และคาสง่ั ได้ 2.3 เพ่อื ใหเ้ ด็กสามารถสรา้ งผลงาน ไดอ้ ยา่ งสรา้ งสรรค์ และเสรี 2.4 เพือ่ ใหเ้ ด็กสามารถแสดงความคดิ เหน็ และตอบคาถามเกย่ี วกบั เร่ืองทสี่ นทนาไดเ้ พ่ือพฒั นา กล้ามเนอ้ื ใหญ่ และกลา้ มเน้ือเลก็ 2.5 เพอ่ื ให้เด็กสมารถนาช้ินสว่ นของภาพมาตอ่ ใหเ้ ปน็ ภาพท่ีสมบูรณ์ได้ 3. สำระกำรเรยี นรู้ 3.1 ควำมภำคภูมิใจในตนเอง 3.2 ประสบกำรณส์ ำคัญ 3.2.1 การแสดงความรสู้ ึกดว้ ยคาพดู 3.2.2 การพดู กบั ผู้อื่นเกี่ยวกับประสบการณ์ของตนเอง หรอื เลา่ เร่อื งเกยี่ วกับตนเอง 3.2.3 การรับรทู้ ไ่ี วต่อความร้สู ึก ความสนใจและความตอั งการของผู้อื่น 3.2.4 การมีประสบการณ์และการเรียงลาดบั เหตุการณ์ตา่ ง ๆ 4. กจิ กรรมกำรเรยี นรู้ 4.1 กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ (20 นำท)ี 4.1.1 กจิ กรรมพี้นฐาน ใหเ้ ดก็ เคลอื่ นไหวรา่ งกายไปทว่ั ๆ บริเวณอย่างอสิ ระ ตามจงั หวะ เมอื่ ไดย้ นิ สัญญาณหยุดให้หยุดเคลือ่ นไหวในทา่ นั้นทนั ที 4.1.2 เดก็ และครูร่วมกันกาหนดมุม 3 มมุ คอื มมุ อาหาร มมุ บ้าน มมุ ดนตรี

160 4.1.3 ครใู หส้ ญั ญาณเด็กเคลื่อนไหวร่างกายอิสระ เม่ือไดย้ นิ สญั ญาณหยดุ ให้หยดุ ฟังคาส่งั และปฏิบตั ติ าม เชน่ ถ้าครูพูดวา่ - รับประทานอาหาร เด็กจะไปทมี่ มุ อาหาร - หลบฝน เดก็ จะไปที่มมุ บา้ น - รอ้ งเพลง เด็กจะไปที่มมุ ดนตรี เปน็ ตน้ 4.1.4 เด็กและครูรว่ มกนั กาหนดมมุ ขนึ้ ใหม่ และปฏบิ ัติตามข้อ 4.1.3 ซ้าอกี 4.2 กจิ กรรมสร้ำงสรรค์และกิจกรรมเสรี (60 นำที) 4.2.1 เดก็ และครูรว่ มกันจดั โต๊ะเพื่อใชฝ้ ึกกจิ กรรมการวาดภาพด้วยสนี ้า โดยครูอธิบาย ขัน้ ตอน และวธิ ีการทาใหเ้ ด็กดู เสรจ็ แล้วใหเ้ ด็กลงมือปฏิบัติกจิ กรรมตามความคิด และจนิ ตนาการของตนเอง อย่างอสิ ระ โดยครคู อยดูแล ให้คาแนะนาอยหู่ ่าง ๆ 4.2.2 เมือ่ เด็กปฏิบัตกิ ิจกรรมเสรจ็ แลว้ นาผลงานมาให้ครดู ู โดยบอกชือ่ ผลงานและ วิธีการทา ผลงานใดท่ีเหมาะสมจะจดั เกบ็ ใหเ้ กบ็ ไว้ในกล่องผลงานของเด็กเอง โดยครเู ขียนชือ่ ผลงาน ช่ือเด็ก วนั เดือนปที ท่ี ากากบั ไวด้ ้วย 4.2.3 เมือ่ เด็กปฏิบัตกิ ิจกรรมครบทุกคนแลว้ ครูแนะนาใหเ้ ด็กช่วยกนั ทาความสะอาด บรเิ วณและชว่ ยกันจดั เก็บสง่ิ ของ อุปกรณ์ต่าง ๆ เขา้ ทใี่ ห้เรียบรอ้ ย 4.3 กิจกรรมเสรมิ ประสบกำรณ์ (15 นำท)ี 4.3.1 เดก็ และครสู นทนาร่วมกนั เกย่ี วกบั ความสามารถของแตล่ ะคนวา่ ทกุ คนมี ความสามารถพิเศษท่ีคนอื่นมีไม่เหมือนเรา ดงั นน้ั หากเราสามารถทาส่ิงทเ่ี ป็น ประโยชนไ์ ด้เราควรภมู ิใจในความคิดและความสามารถของตนเอง 4.3.2 ครูเลา่ นิทานเร่อื ง “คนเกง่ ” ใหเ้ ด็กฟัง เสรจ็ แลว้ สนทนา แสดงความคดิ เหน็ และ ตอบคาถามเกย่ี วกับเร่ืองในนิทาน เชน่ - หนูนดิ ทาอะไรในเวลาวา่ ง - ใครช่วยหนนู ดิ ในการทางาน เป็นตน้ 4.3.3 เดก็ และครูร่วมกนั ท่องคาคล้องจอง “คิดดี ทาดี ไดด้ ี” โดยครูทอ่ งให้เด็กฟงั เปน็ ตัวอย่าง แล้วจึงใหฝ้ ึกตาม เสร็จแลว้ สนทนารา่ วมกันเกีย่ วกับเนอื้ หาของคาคล้อง จอง 4.3.4 เดก็ และครูสนทนา สรุปร่วมกนั และกาหนดเป็นแนวทางในการปฏิบัตติ นในชวี ิ ประจาวันต่อไป 4.4 กจิ กรรมกลำงแจง้ (45 นำที) 4.4.1 ให้เด็กจดั แถวตอนเรยี งหนง่ึ ลงสสู่ นามโดยการเดิน 3 กา้ ว และกระโดด 1 คร้งั เม่อื ถึงสนามแล้วใหเ้ ด็กอบอ่นุ รา่ งกายโดยการวิง่ เหยาะ ๆ อยกู่ ับที่ 2 – 3 นาที 4.4.2 เดก็ และครสู นทนารว่ มกันเกี่ยวกบั การเล่นแขง่ กันสวมถงุ เท้า โดยครอู ธิบายวิธกี าร เล่น ดังน้ี

161 - แบ่งเด็กเป็นกลมุ่ ๆ ละ 6 – 8 คน แตล่ ะกลมุ่ สง่ ตัวแทนเขา้ แข่งขนั กลุ่มละ 1 คน - เดก็ ท่ีเข้าแข่งขนั เตรยี มถุงเท้าไว้ในมือคนละ 1 คู่ - เมื่อได้ยนิ สญั ญาณเรม่ิ ให้แข่งกันสวมถงุ เท้า โดยใครสวมไดเ้ ร็วกวา่ เป็นผู้ชนะ - เปลี่ยนผแู้ ขง่ ขัน หมุนเวยี นกันไป จนครบทกุ คน กลุม่ ใดชนะมากท่ีสดุ เปน็ กลมุ่ ท่ีชนะ 4.4.3 ครูให้เดก็ ได้เลน่ อสิ ระ 5 – 10 นาที ก่อนทีจะให้เด็กทาความสะอาดร่างกาย ล้าง หน้า ลา้ งมอื ทาธุระสว่ นตวั กลบั เขา้ ห้องเรยี น เพ่อื เตรยี มตัวไปรบั ประทาน อาหารกลางวนั 4.5 กิจกรรมเกมกำรศกึ ษำ (20 นำที) 4.5.1 เด็กและครสู นทนาร่วมกนั เกี่ยวกับเกมจบั คูภ่ าพสตั ว์กบั โครงร่าง โดยครอู ธบิ าย วธิ ีการเลน่ ให้เด็กฟัง 4.5.2 ครูแบ่งเด็กเป็นกลุ่มตามความเหมาะสม ให้แตล่ ะกลุ่มเลน่ เกมชดุ ใหม่ เกมทเี่ คย เล่นมาแล้วหรือเครื่องเล่นสมั ผัส 4.5.3 เม่อื เด็กเลกิ เลน่ เกมแลว้ ครูแนะนาใหเ้ ด็กชว่ ยกนั เกบ็ ส่ิงของต่าง ๆ เขา้ ที่ให้ เรียบรอ้ ย 5. ส่ือกำรเรยี น / แหล่งกำรเรียนรู้ 5.1 สีนา้ พู่กัน 5.2 คาคลอ้ งจอง คดิ ดี ทาดี ได้ดี 5.3 นิทานเรื่องคนเกง่ 5.4 เกมแข่งขนั สวมถุงเทา้ 5.5 เกมจับคูภ่ าพสตั ว์กบั โครงรา่ ง 6. กำรวัดผลและประเมินผล 6.1 วิธีวดั ผลและประเมินผล 6.1.1 สงั เกตการปฏบิ ตั ติ ามสัญญาณ และข้อตกลง 6.1.2 สงั เกตการแสดงความคดิ เหน็ และการตอบคาถาม 6.1.3 ตรวจผลงานการวาดภาพ 6.2 เครือ่ งมอื วดั ผล 6.2.1 แบบประเมนิ ผลการจดั ประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการวาดภาพ

162 6.3 เกณฑก์ ำรวดั ผลและประเมินผล ดี ระดบั 3 พอใช้ ระดับ 2 ปรับปรงุ ระดับ 1

แผนกำรจัดประสบกำรณท์ ี่ 44 ชน้ั อนบุ ำลปีท่ี 2 163 สำระที่ควรเรียนรู้ที่ 1 เร่ืองรำวเกยี่ วกับตวั เด็ก เรอื่ ง ช่ืนชมยนิ ดี ลำดบั วนั ที่ 44 หนว่ ย ฉนั คือเดก็ ดี สัปดำหท์ ่ี 9 ครผู ู้สอน คณุ ครโู ชติกา เสอื พิณ โรงเรยี น วัดทา่ บุญมี สพป. ชบ. 2 1. สำระสำคัญ การชน่ื ชม ยินดกี บั ความสาเร็จผอู้ ่ืนดว้ ยความเต็มใจ เปน็ การฝึกจติ ใจใหบ้ ริสทุ ธิ์ มเี หตุผล และเปน็ ประชาธิปไตย จะทาให้เรามีความสุขใจและเป็นที่รักของคนทั่วไปอีกด้วย 2. จดุ ประสงค์กำรเรยี นรู้ 2.1 เพื่อให้เด็กมีความรู้ ความเขา้ ใจเกยี่ วกบั ความมีเมตตา กรณุ า และสามารถนาไปใชใ้ นชีวิ ประจาวนั ได้ 2.2 เพอ่ื ให้เด็กสามารถปฏบิ ัตติ ามสญั ญาณ และคาสั่งได้ 2.3 เพื่อใหเ้ ด็กสามารถสร้างผลงาน ไดอ้ ย่างสร้างสรรค์ และเสรี 2.4 เพอ่ื ให้เด็กสามารถแสดงความคิดเหน็ และตอบคาถามเกยี่ วกบั เรื่องทีส่ นทนาได้เพ่ือพฒั นา กล้ามเนื้อใหญ่ และกล้ามเน้ือเล็ก 2.5 เพื่อให้เด็กสมารถนาช้นิ ส่วนของภาพมาต่อให้เป็นภาพที่สมบรู ณ์ได้ 3. สำระกำรเรียนรู้ 3.1 กำรช่ืนชม ยินดีกับควำมสำเร็จของผู้อ่ืน 3.2 ประสบกำรณ์สำคญั 3.2.1 การแสดงความรสู้ ึกด้วยคาพดู 3.2.2 การพูดกับผู้อ่นื เกี่ยวกับประสบการณข์ องตนเอง หรือเล่าเรอ่ื งเกยี่ วกบั ตนเอง 3.2.3 การรับรูท้ ่ีไวต่อความรสู้ ึก ความสนใจและความต้องการของผอู้ น่ื 4. กิจกรรมกำรเรยี นรู้ 4.1 กิจกรรมเคล่ือนไหวและจังหวะ (20 นำท)ี 4.1.1 กิจกรรมพ้นื ฐาน ใหเ้ ด็กเคล่ือนไหวรา่ งกายไปท่ัว ๆ บรเิ วณอยา่ งอสิ ระ เมื่อได้ยนิ สัญญาณหยุดใหห้ ยุดเคลือ่ นไหวในท่าน้นั ทนั ที 4.1.2 เดก็ และครสู นทนาร่วมกันเกย่ี วกบั การคิดและจนิ ตนาการดังนี้ - ครแู จกริบบน้ิ สีตา่ ง ๆ ความยาวประมาณ 1 เมตร ใหเ้ ด็กคนละ 1 เสน้ - แบ่งกลุ่มเด็ก กลุม่ ละ 5 – 8 คน

164 4.1.3 ใหเ้ ด็กเคลื่อนไหวรา่ งกายอย่างอสิ ระ เม่ือได้ยนิ สัญญาณหยุด ใหแ้ ต่ละกลุม่ นา รบิ บ้นิ มาตอ่ กนั เป็นภาพต่าง ๆ ตามความคดิ สรา้ งสรรคข์ องตนเองและกลุ่ม 4.1.4 ครใู ห้เดก็ ปฏิบตั ิกจิ กรรมในลักษณะน้ีอกี หลาย ๆ เที่ยว 4.2 กิจกรรมสร้ำงสรรคแ์ ละกิจกรรมเสรี (60 นำที) 4.2.1 เดก็ และครูร่วมกันจัดโต๊ะเพื่อฝึกใช้กิจกรรมการพับสี โดยครูสาธิต อธิบายขั้นตอน การปฏิบตั ิใหเ้ ดก็ ดู เสร็จแลว้ ใหเ้ ดก็ ลงมือปฏิบตั แิ ละสร้างผลงานตามความคิด และ จินตนาการของตนเองอยา่ งอิสระ โดยครคู อยดูแลให้คาแนะนาอยูห่ ่าง ๆ 4.2.2 เม่อื เด็กปฏิบัตกิ ิจกรรมเสร็จแลว้ นาผลงานมาให้ครดู ู โดยบอกช่ือผลงานและ วธิ ีการทาผลงานใดทเี่ หมาะสมจะจดั เก็บ ให้เก็บไวใ้ นกล่องผลงานของเด็กเอง โดย ครูเขยี นชื่อผลงาน ช่อื เด็ก วนั เดอื นปที ี่ทากากบั ไวด้ ้วย 4.2.3 เดก็ ทปี่ ฏบิ ตั กิ ิจกรรมเสรจ็ แลว้ ให้เลน่ ตามมมุ อสิ ระ รอเพื่อน ๆ 4.2.4 เมื่อเด็กปฏบิ ัตกิ จิ กรรมครบทุกคนแลว้ ครูแนะนาให้เดก็ ช่วยกันทาความสะอาด บริเวณและช่วยกันจดั เกบ็ สง่ิ ของ 4.3 กจิ กรรมเสริมประสบกำรณ์ (15 นำท)ี 4.3.1 เด็กและครูสนทนารว่ มกนั เกยี่ วกบั ความสามารถของเพ่ือน ๆ โดยครเู ล่านิทานเร่อื ง “แกว้ คนเก่ง” ใหเ้ ด็ก ๆ ฟัง เสร็จแล้วสนทนาร่วมกนั เกย่ี วกับเร่ืองในนิทาน โดย ครอู าจจะตงั้ คาถามให้เดก็ ช่วยกนั ตอบกไ็ ด้ 4.3.2 เด็กและครสู นทนาร่วมกันเกีย่ วกบั นักกีฬา หรือนกั ร้องที่มีชอื่ เสียง โดยครนู าถาพ มาใหเ้ ด็กดูดว้ ย วา่ เด็กมีความรสู้ กึ อย่างไรกับพวกเขาเหล่านัน้ และถ้าหากเดก็ ๆ เป็นอย่างนน้ั จะมีความรูส้ ึกอย่างไร เชน่ ภราดร ศรชี าพันธุ์ ธงไชย แมคอินไตย์ ศรราม เทพพทิ ักษ์ ไมเคิล โอเวน่ เดวิด เบค็ แฮม เป็นตน้ 4.3.3 เด็กและครูสนทนาสรปุ ร่วมกันเก่ียวกับความสามารถของบุคคลว่า เราตอ้ งยอมรับ และชื่นชมในความสามารถของเขา ถ้าหากเราอยากเปน็ อย่างนนั้ เราตอ้ งฝึกฝนและ ปฏบิ ัตติ วั อย่างไร เสรจ็ แลว้ รว่ มกนั กาหนดแนวทางในการปฏบิ ัตติ นเพื่อนาไปใชใ้ น ชวี ติ ประจาวนั 4.4 กิจกรรมกลำงแจง้ (45 นำท)ี 4.4.1 เดก็ จดั แถงตอนเรียงหน่งึ เดินตามกนั อย่างเปน็ ระเบยี บ ลงสนาม แล้วเปลี่ยนเป็น วง่ิ เหยาะ ๆ เป็นวงกลม

165 4.4.2 เดก็ และครสู นทนารว่ มกนั เกยี่ วกบั การเล่นเกมตบมือส่งของเป็นวงกลม โดยครู แนะนาวิธีการเล่นใหเ้ ด็กฟงั ดังน้ี - เด็กและครูจดั เข้าแถวล้อมเป็นวงกลม - ใหเ้ ด็กรอ้ งเพลงที่เดก็ ๆ ชอบ พร้อมกบั ตบมือตามจังหวะ - คนทีม่ ลี กู บอลเรมิ่ ส่งลูกบอลที่ให้เพอ่ื นท่ีอยู่ดา้ นข้าง โดยเร่ิมจากซา้ ยมือก่อน คนท่ียงั ไม่ได้รับลูกบอลใหร้ ้องเพลงไปเร่ือย ๆ - ครใู หส้ ญั ญาณหยดุ ลูกบอลอยู่ในมือใครคนนัน้ ออกจากเกม - เริ่มเลน่ เกมใหม่ โดยเดก็ ทีถ่ ือลูกบอลอยสู่ ่งใหเ้ พื่อนที่อยดู่ ้านขา้ ง โดย เปลย่ี นเปน็ เร่มิ จากขวามือ และปฏบิ ัตเิ หมือนทผี่ ่านมา จนเหลอื เดก็ คนสดุ ท้าย เปน็ ผชู้ นะ 4.4.3 ครูปล่อยให้เด็กได้เลน่ อย่างอิสระ 5 – 10 นาที เมือ่ ได้เวลาพอสมควรแล้ว ใหเ้ ดก็ ไปทาความสะอาดรา่ งกาย ลา้ งหน้ ลา้ งมอื ทาธรุ สว่ นตวั กลบั เขา้ หอ้ งเรียน เพื่อ เตรียมตัวไปรับประทานอาหารกลางวนั 4.5 กิจกรรมเกมกำรศกึ ษำ (20 นำท)ี 4.5.1 เดก็ และครสู นทนาร่วมกันเกีย่ วกบั เกมภาพตดั ต่อเดก็ แต่งตัว โดยครูแนะนาวธิ เี ลน่ ใหเ้ ดก็ ฟัง 4.5.2 ครแู บ่งเด็กเปน็ กลุ่มตามความเหมาะสม ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ เลน่ เกมชุดใหม่ที่ครูแนะนา เกมที่เคยเลน่ มาแลว้ หรอื เครอ่ื งเลน่ สมั ผสั 4.5.3 เมือ่ เด็กเลิกเลน่ เกมแลว้ ครูแนะนาใหเ้ ด็กชว่ ยกนั เก็บของเข้าทีใ่ หเ้ รียบร้อย 5. ส่ือกำรเรียน / แหล่งกำรเรียนรู้ 5.1 สีน้า 5.2 นิทานเร่ือง แก้วคนเกง่ 5.3 เกมตบมือส่งของเป็นวงกลม 5.4 เกมภาพตัดตอ่ เด็กแต่งตัว 6. กำรวดั ผลและประเมนิ ผล 6.1 วิธวี ดั ผลและประเมนิ ผล 6.1.1 สงั เกตการปฏิบัตติ ามสญั ญาณ และคาส่ัง 6.1.2 สังเกตการพูดแสดงความคดิ เห็นและการตอบคาถาม 6.1.3 ตรวจผลงานการพบั สี

166 6.2 เครอ่ื งมือวัดผล 6.2.1 แบบประเมินผลการจดั ประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการพับสี 6.3 เกณฑ์กำรวดั ผลและประเมินผล ระดบั 3 ดี ระดบั 2 พอใช้ ระดบั 1 ปรบั ปรุง

167 แผนกำรจัดประสบกำรณท์ ี่ 45 ชนั้ อนุบำลปีที่ 2 สำระท่ีควรเรียนรู้ที่ 1 เรอื่ งรำวเกยี่ วกับตัวเดก็ หนว่ ย ฉันคือเด็กดี เร่อื ง ทาความดกี นั เถอะ สัปดำหท์ ี่ 9 ลำดบั วนั ท่ี 45 ครผู ู้สอน คณุ ครูโชตกิ า เสอื พิณ โรงเรียน วัดทา่ บญุ มี สพป. ชบ. 2 1. สำระสำคัญ การทาความดีเป็นส่ิงท่ีน่ายกย่อง สรรเสรญิ เดก็ ควรยืดถือปฏิบัตเิ ป็นประจา การทาความดีไม่ควร หวงั สงิ่ ใดตอบแทน แต่งจงภูมิใจที่เราไดท้ าความดีทงั้ ยังทาใหเ้ รามคี วามสุขใจอีกด้วย 2. จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 2.1 เพือ่ ใหเ้ ดก็ มีความรู้ ความเขา้ ใจเกย่ี วกับความมีเมตตา กรุณา และสามารถนาไปใช้ในชีวิ ประจาวนั ได้ 2.2 เพอ่ื ใหเ้ ด็กสามารถปฏบิ ตั ิตามสญั ญาณ และคาสัง่ ได้ 2.3 เพ่ือใหเ้ ด็กสามารถสร้างผลงาน ไดอ้ ยา่ งสร้างสรรค์ และเสรี 2.4 เพ่อื ให้เด็กสามารถแสดงความคิดเหน็ และตอบคาถามเกีย่ วกบั เร่ืองท่สี นทนาไดเ้ พื่อพัฒนา กลา้ มเนอ้ื ใหญ่ และกลา้ มเนื้อเล็ก 2.5 เพื่อให้เด็กสมารถนาช้นิ สว่ นของภาพมาต่อให้เป็นภาพท่สี มบูรณ์ได้ 3.สำระกำรเรยี นรู้ 3.1 กำรทำควำมดี 3.2 ประสบกำรณส์ ำคัญ 3.2.1 การแสดงความรสู้ ึกด้วยคาพูด 3.2.2 การพดู กบั ผอู้ ื่นเก่ียวกับประสบการณข์ องตนเอง หรือเล่าเร่ืองเก่ียวกบั ตนเอง 3.2.3 การรบั รทู้ ่ีไวต่อความรสู้ ึก ความสนใจและความตอ้ งการของผู้อื่น 3.2.4 การเช่ือมโยงภาพ ภาพถา่ ยและรปู แบบตา่ ง ๆ กับสง่ิ ของหรอื สถานท่ีจริง 4. กจิ กรรมกำรเรียนรู้ 4.1 กิจกรรมเคล่อื นไหวและจัวหวะ (20 นำท)ี 4.1.1 กจิ กรรมพ้นื ฐาน ให้เดก็ เคลือ่ นไหวรา่ งกายไปทัว่ ๆ บริเวณอย่างอสิ ระ เม่ือได้ยนิ สัญญาณหยุดใหห้ ยดุ เคล่ือนไหวในท่านั้นทนั ที

168 4.1.2 เดก็ และครสู นทนาร่วมกันเก่ียวกบั การเปน็ ผนู้ า ผู้ตาม เสรจ็ แลว้ รว่ มกันหาเดก็ อาสาสมคั รออกมาเปน็ ผู้นาการเคล่อื นไหวพรอ้ มกับนบั ปากเปลา่ 1 – 10 และให้ เพ่ือน ๆ ปฏบิ ตั ติ าม 4.1.3 เปลี่ยนอาสาสมคั รคนอืน่ ๆ ออกมาเปน็ ผู้นาเร่ือย ๆ โดยครูอาจจะเนน้ คนท่ีไม่ค่อย ได้ออกมาหรือไม่คอ่ ยกล้าแสดงออก เปน็ การฝึกความกล้าในการเป็นผู้นา 4.1.4 ให้เด็กปฏบิ ัติกิจกรรมนจ้ี นครบทุกคนหรือจนสมควรแก่เวลา 4.2 กิจกรรมสร้ำงสรรค์และกจิ กรรมเสรี (60 นำท)ี 4.2.1 เด็กและครูรว่ มกนั จดั โต๊ะเพื่อใชฝ้ ึกกิจกรรมการการเป่าสี โดยครสู าธตวธิ กี ารทาให้ เด็กดดู งั นี้ - ผสมสีนา้ กบั นา้ ใหเ้ จือจาง แลว้ หยดสีท่ีผสมแลว้ นัน้ ลงบนกระดาษ หลอด กาแฟเปา่ สีใหก้ ระจายออกมาผสมผสานกนั เป็นรูปตา่ ง ๆ ตามจินตนาการ 4.2.2 ครูให้เดก็ ลงมือปฏิบัติกิจกรรมตามความคดิ และจินตนาการของตนเอง อย่าง อสิ ระโดยครคู อยให้คาแนะนาอยหู่ ่าง 4.2.3 เมื่อเด็กปฏิบัติกจิ กรรมเสรจ็ แล้ว นาผลงานมาให้ครดู ู โดยบอกชอ่ื ผลงานและวธิ ีการ ทา ผลงานใดทีเ่ หมาะสมจะจดั เกบ็ ให้เกบ็ ไว้ในกล่องผลงานของเด็กเอง โดยครู เขยี นชอื่ ผลงาน ชื่อเด็ก วนั เดือนปที ี่ทากากับไวด้ ว้ ย 4.2.4 เดก็ คนใดปฏิบัตกิ ิจกรรมเสรจ็ แลว้ หรอื รอโตะ๊ ว่างให้เล่นตามมุมอยา่ งอสิ ระเปน็ การ ฝกึ รอโอกาส 4.2.5 เมอ่ื เด็กปฏิบัติกจิ กรรมครบทุกคนแล้ว ครูแนะนาใหเ้ ด็กช่วยทาความสะอาดบรเิ วณ และช่วยกันจดั เกบ็ สง่ิ ของ อุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าทใ่ี ห้เรยี บร้อย 4.3 กจิ กรรมเสริมประสบกำรณ์ (15 นำท)ี 4.3.1 เด็กและครสู นทนาร่วมกนั เก่ียวกับข่าวเหตกุ ารณ์ท่ีเด็กเกบ็ กระเปา๋ เงินไดแ้ ลว้ นาไป คืนเจ้าของ โดยครเู ลา่ นิทานเร่อื ง “ผ้ซู ่ือสัตย์” ให้เดก็ ฟัง เสร็จแล้วสนทนา แสดงความคิด รว่ มกัน เก่ียวกบั เรอื่ งในนิทาน 4.3.2 เด็กและครสู นทนาร่วมกัน โดยครูต้งั คาถามให้เด็กช่วยกนั ตอบ เชน่ - ใครเคยทาความดีอะไรบา้ ง - เดก็ ๆ รสู้ ึกอย่างไรเมอื่ ไดท้ าความดี - ถา้ ไม่มคี นทาความดี โลกเราจะมคี วามสุขหรอื ไม่ - เม่ือทาความดแี ล้วเด็กได้อะไรเปน็ สง่ิ ตอบแทนบา้ งหรือเปลา่ ฯลฯ 4.3.3 เดก็ และครูสนทนาร่วมกันเก่ียวกับการทาความดี และสง่ิ ที่ควรปฏบิ ัติ วา่ ไม่ควร หวังผลตอบแทนใด ๆ เพราะการทาความดีท่แี ทจ้ รงิ นัน้ ทาเพราะเราเป็นคนดมี ีจิตใจ งดงาม ผลตอบแทนจงึ เปน็ เพียงสิง่ ทีแ่ สดงความขอบคณุ และชื่นชมในการทาความ ดขี องเราเท่านน้ั ครูแนะนาให้เดก็ ปฏบิ ัตใิ หเ้ ปน็ ปกตนิ ิสยั

169 4.3.4 เดก็ และครูสนทนาสรุปและร่วมกันกาหนดแนวทางที่ถูกต้องในการปฏิบตั ิตนใน ชวี ิตประจาวนั ต่อไป 4.4 กจิ กรรมกลำงแจง้ (45 นำที) 4.4.1 เด็กจัดแถวตอนเรียงหนง่ึ ให้ว่งิ เหยาะ ๆ ลงสนามแลว้ ใหเ้ ดก็ เดินไปก้าว กระโดด 1 ครงั้ นาน 2 – 3 นาที เป็นการอบอุน่ ร่างกาย 4.4.2 ครูแนะนาวธิ เี ลน่ เกมแย่งหางใหเ้ ด็กฟงั เสร็จแล้วใหเ้ ด็กเลน่ ตามขนั้ ตอน ดังน้ี - นาผา้ เชด็ หน้า หรือเชอื กมาเหน็บเปน็ หางใหเ้ ด็กทกุ คน - ครใู ห้สัญญาณเล่นเกม เด็กต่างก็ว่ิงไปแยง่ หางคนอ่ืนและระวงั หางตนเองด้วย - ครูให้สัญญาณหยุด ใหผ้ ู้ที่ได้หางมากท่ีสุดและรักษาหางของตนเองไว้ไดเ้ ปน็ ผู้ ชนะ 4.4.3 ครูปลอ่ ยให้เด็กเลน่ โดยอสิ ระ เมือ่ ได้เวลาพอสมควาร ครใู ห้เด็กทาความสะอาด รา่ งกาย ล้างหนา้ ล้างมือ ทาธุระส่วนตวั กลบั เข้าห้องเรียน เพอ่ื เตรียมตัวไป รับประทานอาหารกลางวัน 4.5 กจิ กรรมเกมกำรศึกษำ (20 นำท)ี 4.5.1 เด็กและครสู นทนาร่วมกันเกีย่ วกบั วธิ เี ล่นเกมจับคภู่ าพสง่ิ ทหี่ ายไปรปู เลขาคณิต โดยครูอธิบายให้เดก็ ฟัง 4.5.2 ครแู บ่งกลุ่มเดก็ ให้เลน่ เกมชุดใหม่ เกมท่เี คยเล่นมาแลว้ หรอื เคร่ืองเลน่ สัมผัส 4.5.3 เมอ่ื เด็กเลิกเล่นแล้ว ครูแนะนาให้เดก็ ช่วยกันจัดเก็บสิ่งของตา่ ง ๆ เขา้ ท่ีให้เรยี บรอ้ ย 5. สอ่ื กำรเรียน / แหลง่ กำรเรียนรู้ 5.1 สนี า้ หลอดกาแฟ 5.2 นิทานเร่อื ง ผู้ซือ่ สตั ย์ 5.3 เกมแยง่ ทาง 5.4 เกมจบั คูภ่ าพสิ่งทหี่ ายไปรูปเรขาคณติ 6. กำรวัดผลและประเมินผล 6.1 วธิ วี ัดผลและประเมินผล 6.1.1 สังเกตการปฏบิ ตั ติ ามสญั ญาณ และคาส่งั 6.1.2 สังเกตการเปน็ ผู้นา ผ้ตู าม 6.1.3 สังเกตการตอบคาถาม การแสดงความคดิ 6.1.4 ตรวจผลงานการเป่าสี

170 6.2 เครอื งมือวัดผล 6.2.1 แบบประเมนิ ผลการจดั ประสบการณ์ 6.2.2 ผลงานการเปา่ สี 6.3 เกณฑ์กำรวัดผลและประเมินผล ระดับ 3 ดี ระดับ 2 พอใช้ ระดับ 1 ปรบั ปรุง

171 ภาคผนวก แม้นใครละเลยทง้ิ ปล่อย หวงั คอยเอาแตเ่ ก่ยี วโยนกลอง เพลงงำนสิ่งใด จาไว้ทุกคนตอ้ ง (บณั ฑติ บุญยำคม) ชว่ ยกัน ช่วยกนั ชว่ ยกัน งานสิ่งใด งานสง่ิ ใด ทาดีได้ความดตี อบกลับ มัวแตค่ อย เฝ้าแต่คอย หนู ๆ จะไดร้ บั แต่ความดี ไมม่ เี สรจ็ ไม่มเี สรจ็ รบรอง คนเขามองไม่เคยดี ทางาน เราต้องชว่ ยกนั ไม่มใี ครคบหาพูดคุย อยา่ เป็นคนข้ีเกียจทาดี คำคล้องจองคิดดี ทำดี ไดด้ ี อยากได้ดตี ้องทาเอา (นรำธิป จันทรเนตร) คดิ ดีมีแต่สบายใน คิดดีทาดีนะครบั คดิ ชว่ั พาตัวมวั หมอง คดิ ช่วั ทาช่ัวหมดราศี ทาดีได้ดีทุกคน ความดีจะขายไม่มี

172 นทิ ำนเร่ืองผ้ซู อ่ื สัตย์ อาศัยอยกู่ ับตายาย (นรำธปิ จนั ทรเนตร) ดว้ ยความสขุ กายสบายใจ ขยันขนั แข็งสู้ได้ หนูบเี ปน็ เดก็ ยากจน ให้เงินอาหารการกนิ ทา้ ยสวนลงุ กานันเร่ือยมา กานนั มีเร่ืองหนีส้ ิน หนบู ีจะช่วยทางาน จงึ ตามเปน็ เพ่ือนกานนั กานันก็มีน้าใจ แทนนา้ ใจหนูมีคืนบ้าง วันหนง่ึ หนูบเี ขา้ เมอื ง ตา่ งคนตา่ งยิ้มชืน่ ใจ หนูบีแอบไปไดย้ ิน ทางเดินใครทาหล่นไว้ กานนั ซือ้ เสื้อตัวใหม่ กานนั พาไปแจ้งความ ที่มาเป็นเพ่อื นเดินทาง เพราะต้องคนื เงินให้ได้ ก่อนกลบั หนูบีเห็นเงนิ แต่คงได้คนื เงนิ ตรา หนบู ีจะคืนเจา้ ของที่ใด เขามองหาคนคนื มา ตารวจตามหาเจา้ ของ คนคืนนัน้ คือหนูบี ไมร่ เู้ จ้าของเปน็ ใคร เดินทางมาหาหนูบี ไมน่ านก็พบเจา้ ของ สรี่ ้อยเปน็ ใบแดงแดง ตารวจแนะนาเขาวา่ แตเ่ ขาจะให้ใช่แกลง้ เจ้าของเงินน้ันย้มิ รา่ ทไ่ี ดท้ ามนั นน้ั มา ใหเ้ งนิ รางวัลทนั ที หนบู บี อกไมเ่ ป็นไร ตอบแทนความดีมิเสียแรง


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook