ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลัง แผนภาพท่ี 1.5 ดชั นีการใช้จา่ ยสินคา้ กง่ึ คงทน ท่ีมา : ธนาคารแหง่ ประเทศไทย แผนภาพท่ี 1.6 ดชั นกี ารใชจ้ า่ ยสนิ คา้ คงทน ท่มี า : ธนาคารแห่งประเทศไทย สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผ้แู ทนราษฎร 5 สานักงบประมาณของรัฐสภา 197
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลัง แผนภาพท่ี 1.7 ดชั นกี ารใช้จ่ายภาคบริการ ทม่ี า : ธนาคารแห่งประเทศไทย แผนภาพที่ 1.8 ดชั นีการใชจ้ ่ายของนักท่องเทย่ี วต่างชาติ ท่ีมา : ธนาคารแห่งประเทศไทย สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผูแ้ ทนราษฎร 6 สานกั งบประมาณของรัฐสภา 198
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลงั เมื่อพิจารณาองค์ประกอบของดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ประกอบด้วย 1) การใช้จ่ายสินค้าไม่คงทน อาทิ สินค้าปลีก เชิ้อเพลิง และไฟฟ้า 2) การใช้จ่ายสินค้าก่ึงคงทน อาทิ ส่ิงทอเครื่องนุ่งห่ม และอุปกรณ์ตกแต่ง บา้ น 3) การใชจ้ า่ ยสนิ ค้าคงทน อาทิ รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ 4) การใช้จ่ายภาคบริการ อาทิ บริการคมนาคม ขนสง่ โรงแรม และภตั ตาคาร และ 5) การใชจ้ ่ายของนกั ทอ่ งเทย่ี วตา่ งชาติ รายละเอยี ดปรากฏตามแผนภาพท่ี 1.4 – 1.8 พบว่า การใช้จ่ายภาคบริการและการใช้จ่ายของนักท่องเท่ียวต่างชาติในปี 2563 – ต้นปี 2564 ปรับตัว ลดตํ่ากว่าระยะก่อนหน้าอย่างมาก และอาจทําให้ดัชนีการอุปโภคบริโภคในปัจจุบัน มีการขยายตัวตํ่ากว่า ที่เป็นมาในอดีต นอกจากน้ี เมื่อพิจารณาข้อมูลระดับความเชื่อมั่นของผู้บริโภครายละเอียดตามแผนภาพที่ 1.9 พบว่า ความเช่ือม่ันเก่ียวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวมปรับตัวดีข้ึนตามลําดับในปี 2563 – ต้นปี 2564 แต่ยังคงตํ่า กว่าระดับท่ีเป็นมาในปี 2562 ดังนั้น จึงอาจสรุปได้ว่า การอุปโภคบริโภคภาคเอกชนอาจอยู่ในภาวะชะลอตัวหรือ ขยายตัวในอตั ราทีล่ ดลงเม่อื เทยี บกบั ในอดตี แผนภาพท่ี 1.9 ดัชนคี วามเช่ือมัน่ ของผบู้ รโิ ภคเกยี่ วกับภาวะเศรษฐกจิ โดยรวม ทีม่ า : มหาวิทยาลยั หอการคา้ ไทย สําหรบั การลงทนุ ภาคเอกชน พบวา่ ดัชนกี ารลงทุนภาคเอกชนมแี นวโนม้ ปรบั ลดลงอยา่ งต่อเนื่องต้ังแต่ปี 2561 เปน็ ตน้ มา และปรับลดลงมากในระหว่างเดือนพฤษภาคม – มิถุนายน 2563 ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการแพร่ระบาด ของโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 คร้งั ที่ 1 ทง้ั นี้ ดชั นีการลงทุนภาคเอกชนไดป้ รับตัวเพ่มิ ข้นึ ไปอยู่ในระดับเดียวกับ ช่วงก่อนการแพร่ระบาดในเดือนธันวาคม 2563 เป็นต้นมาแล้ว และเมื่อพิจารณาอัตราการเปลี่ยนแปลงของดัชนี พบว่า อัตราการเปลี่ยนแปลงในระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2563 – กุมภาพันธ์ 2564 ได้ปรับเพ่ิมไปสู่ระดับ เดียวกับช่วงกอ่ นการแพร่ระบาดของโรคแลว้ เชน่ กนั รายละเอยี ดปรากฏตามแผนภาพที่ 1.10 สานักงานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร 7 สานักงบประมาณของรัฐสภา 199
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลงั แผนภาพท่ี 1.10 ดชั นกี ารลงทุนภาคเอกชน ท่ีมา : ธนาคารแห่งประเทศไทย แผนภาพท่ี 1.11 ดชั นีการจาํ หน่ายวสั ดุก่อสรา้ งในประเทศ ทม่ี า : ธนาคารแหง่ ประเทศไทย สานกั งานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร 8 สานกั งบประมาณของรัฐสภา 200
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลัง แผนภาพท่ี 1.12 การนําเขา้ สินค้าทุน ณ ราคาคงท่ี ปี 2553 ทีม่ า : ธนาคารแหง่ ประเทศไทย แผนภาพท่ี 1.13 ปรมิ าณการจาํ หน่ายเครือ่ งจักรและอปุ กรณใ์ นประเทศ ณ ราคาคงที่ ปี 2553 ท่ีมา : ธนาคารแหง่ ประเทศไทย สานกั งานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 9 สานกั งบประมาณของรฐั สภา 201
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลัง แผนภาพที่ 1.14 ยอดจดทะเบยี นยานยนตใ์ หม่ ทีม่ า : ธนาคารแหง่ ประเทศไทย แผนภาพท่ี 1.15 ดชั นีความเชื่อมัน่ ทางธุรกจิ ทีม่ า : ธนาคารแหง่ ประเทศไทย สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร 10 สานกั งบประมาณของรัฐสภา 202
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลงั เม่ือพิจารณาองค์ประกอบของดัชนีการลงทุนของภาคเอกชน ได้แก่ 1) การจําหน่ายวัสดุก่อสร้างในประเทศ 2) การนําเข้าสินค้าทุน 3) ปริมาณการจําหน่ายเคร่ืองจักรและอุปกรณ์ในประเทศ และ 4) ยอดจดทะเบียนยาน ยนต์ใหม่ รายละเอียดปรากฏตามแผนภาพที่ 1.11 – 1.14 พบว่า การนําเข้าสินค้าทุน ปริมาณการจําหน่าย เคร่ืองจักรและอุปกรณ์ในประเทศ และยอดจดทะเบียนยานยนต์ใหม่ มีแนวโน้มการปรับตัวและเปล่ียนแปลง ในทศิ ทางเดยี วกับดัชนีการลงทนุ ภาคเอกชน ในขณะท่ีการจาํ หนา่ ยวัสดุก่อสร้างในประเทศปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ต้ังแต่ปี 2561 เป็นต้นมา สําหรับความเชื่อม่ันของนักธุรกิจนั้น พบว่า ดัชนีความเช่ือม่ันทางธุรกิจมีแนวโน้มปรับ ลดลงอย่างต่อเนอ่ื งตง้ั แตป่ ี 2561 โดยปรับลดลงมากในระหว่างเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2563 และแม้ว่าดัชนี ดังกล่าวจะเร่ิมปรับตัวสูงข้ึนในเดือนธันวาคม 2563 เป็นต้นมา แต่ยังอยู่ในระดับต่ํากว่าข้อมูลในปี 2561 – 2562 รายละเอยี ดปรากฏตามแผนภาพที่ 1.15 สําหรับการส่งออกสินค้าและบริการ พบว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการมีแนวโน้มชะลอตัวอย่างมาก นับต้งั แตป่ ี 2562 เป็นตน้ มา โดยมลู คา่ การสง่ ออกสินค้าและบริการมีอัตราการขยายตัวเท่ากับ ร้อยละ -5.31 และ -19.66 ในปี 2562 และ 2563 ตามลําดับ รายละเอียดปรากฏตามแผนภาพที่ 1.16 นอกจากน้ี การแพร่ระบาด ของของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ทําให้จํานวนนักท่องเท่ียวต่างประเทศท่ีเดินทางเข้าประเทศไทยปรับ ลดลงมากนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 เป็นต้นมา รายละเอียดปรากฏตามแผนภาพที่ 1.17 ซึ่งแนวโน้มดังกล่าว จะส่งผลกระทบต่อรายได้จากการส่งออกสินค้าและบริการ รวมทั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ในท่ีสุด สรปุ ผลการวิเคราะหภ์ าวะเศรษฐกิจภายในประเทศจากข้อมูลด้านอุปสงค์ พบว่า ในปัจจุบัน ระดับการอุปโภค บริโภคของภาคครัวเรือนและการลงทุนของภาคเอกชน ได้ปรับเพิ่มขึ้นไปสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนการแพร่ระบาด ของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 แล้ว แต่อัตราการขยายตัวของระดับการอุปโภคบริโภคกลับมีแนวโน้มลดลง ท้ังนี้ เมือ่ นําขอ้ มูลในประเดน็ ดงั กล่าวไปวเิ คราะห์ร่วมกับการปรับลดลงของมูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการและ จาํ นวนนกั ท่องเทยี่ วต่างประเทศที่เดนิ ทางเขา้ ประเทศไทยแล้ว อาจแสดงให้เห็นได้ว่า เศรษฐกิจไทยในอนาคตอาจ อยใู่ นภาวะชลอตวั โดยมีสาเหตมุ าจากการอปุ โภคบรโิ ภคของครัวเรือนในภาคบริการ การส่งออกสินค้าและบริการ และการใช้จา่ ยและจํานวนนกั ทอ่ งเทย่ี วต่างประเทศทเี่ ดินทางเขา้ ประเทศไทย ทม่ี แี นวโนม้ ปรบั ลดลงอยา่ งต่อเน่อื ง สานกั งานเลขาธิการสภาผูแ้ ทนราษฎร 11 สานักงบประมาณของรฐั สภา 203
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลัง แผนภาพที่ 1.16 การส่งออกสนิ ค้าและบริการ ท่มี า : สํานกั งานสภาพฒั นาการเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ แผนภาพท่ี 1.17 จํานวนนกั ท่องเทย่ี วต่างประเทศท่ีเดนิ ทางเขา้ ประเทศไทย ที่มา : ธนาคารแห่งประเทศไทย สานักงานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร 12 สานกั งบประมาณของรฐั สภา 204
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลัง 1.3 ภาวะเศรษฐกจิ ดา้ นอปุ ทาน การพิจารณาข้อมลู ด้านอุปทานจะเกี่ยวขอ้ งกบั ระดับการผลติ ของภาคอุตสาหกรรม อัตราการใช้กําลังการผลิต ตลาดแรงงาน และค่าจ้าง ท้ังน้ี หากเศรษฐกิจไทยขยายตัวดี รายได้และความต้องการใช้จ่ายของประชาชนเพิ่ม สูงขึ้น จะส่งผลให้การผลิตสินค้าและบริการรวมทั้งการใช้กําลังการผลิตเพิ่มสูงขึ้น และทําให้ความต้องการจ้าง แรงงานและค่าจ้างแรงงานปรับเพ่ิมข้ึนในที่สุด ทั้งนี้ การวิเคราะห์ข้อมูลดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมที่นําเสนอตาม แผนภาพที่ 1.18 พบว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมในดือนตุลาคม 2563 – กุมภาพันธ์ 2564 ปรับเพ่ิมสูงขึ้นอย่าง ชัดเจนจากเดือนเมษายน – มิถุนายน 2563 ท่ีได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัส โคโรนา 2019 คร้ังท่ี 1 ซ่ึงอาจเป็นเพราะการดําเนินมาตรการภาครัฐ เพ่ือกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ และความต้องการเพ่ิมสต็อกสินค้าของผู้ผลิต อย่างไรก็ดี เมื่อวิเคราะห์แนวโน้มในระยะหลายปีที่ผ่านมา พบว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมมีแนวโน้มปรับลดลงอย่างต่อเน่ืองนับต้ังแต่ปี 2561 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาข้อมูลอัตราการใช้กําลังการผลิตในภาคอุตสาหกรรม รายละเอียดตามแผนภาพท่ี 1.19 พบว่า มแี นวโนม้ การปรับตวั เปล่ยี นแปลงในทิศทางเดยี วกัน แผนภาพที่ 1.18 ดัชนผี ลผลติ อุตสาหกรรม ทม่ี า : สํานกั งานเศรษฐกจิ อตุ สาหกรรม สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 13 สานักงบประมาณของรฐั สภา 205
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลงั แผนภาพท่ี 1.19 อัตราการใช้กาํ ลงั การผลิต ท่ีมา : สาํ นกั งานเศรษฐกจิ อุตสาหกรรม เมื่อพิจารณาข้อมูลในตลาดแรงงาน ประกอบด้วย ค่าจ้างแรงงานเฉล่ียภาคเกษตรกรรม และภาคนอก เกษตรกรรม รายละเอียดปรากฏตามแผนภาพท่ี 1.20 – 1.21 พบว่า ค่าจ้างแรงงานมีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ดี คณะผู้ศึกษาได้วิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรเกี่ยวกับระดับการพัฒนาเศรษฐกิจ ได้แก่ อัตรา การเปลยี่ นแปลงของ GDP ณ ราคาตลาด และตวั แปรในตลาดแรงงาน ได้แก่ อตั ราการเปล่ยี นแปลงค่าจ้างแรงงาน เฉลี่ยภาคเกษตรกรรม และอัตราการเปล่ียนแปลงค่าจ้างแรงงานเฉลี่ยภาคนอกเกษตรกรรม โดยใช้สัมประสิทธ์ิ สหสัมพันธ์ (Correlation Coefficient) ข้อมูลปรากฏตามตารางที่ 1.1 พบว่า ตัวแปรระดับการพัฒนาเศรษฐกิจ และตลาดแรงงานมีค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์เพียง 0.33 – 0.38 เท่านั้น ซ่ึงอาจแสดงให้เห็นว่า การพัฒนา เศรษฐกิจในระยะที่ผ่านมา อาจไม่ส่งผลให้เกดิ ความคึกคกั ในตลาดแรงงานและค่าจ้างแรงงานอย่างเตม็ ที่ สานักงานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร 14 สานกั งบประมาณของรัฐสภา 206
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลัง แผนภาพที่ 1.20 ค่าจ้างแรงงานเฉลย่ี ภาคเกษตรกรรม ท่ีมา : ธนาคารแหง่ ประเทศไทย หมายเหตุ : ขอ้ มลู เดอื นเมษายน – มิถนุ ายน 2563 ไม่มกี ารเผยแพร่ แผนภาพที่ 1.21 คา่ จ้างแรงงานเฉล่ยี ภาคนอกเกษตรกรรม ที่มา : ธนาคารแหง่ ประเทศไทย หมายเหตุ : ขอ้ มลู เดอื นเมษายน – มิถนุ ายน 2563 ไมม่ ีการเผยแพร่ สานกั งานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร 15 สานกั งบประมาณของรัฐสภา 207
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลัง ตารางท่ี 1.1 สมั ประสิทธส์ หสัมพนั ธ์ระหวา่ งตวั แปรการพัฒนาเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน คตู่ ัวแปร สัมประสิทธส์ หสมั พันธ์ 1) อัตราการเปลย่ี นแปลงของ GDP ณ ราคาตลาด และ 0.33 อัตราการเปล่ยี นแปลงคา่ จ้างแรงงานเฉล่ยี ภาคเกษตรกรรม 2) อัตราการเปลีย่ นแปลงของ GDP ณ ราคาตลาด และ 0.38 อตั ราการเปลย่ี นแปลงค่าจ้างแรงงานเฉลยี่ ภาคนอกเกษตรกรรม ท่ีมา : - ข้อมูลจากธนาคารแหง่ ประเทศไทยและสาํ นักงานสภาพฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ - คาํ นวณสัมประสิทธ์สหสมั พนั ธ์โดยผูศ้ กึ ษา หมายเหตุ : - ขอ้ มลู ระหว่างปี 2555 – 2562 - สมั ประสทิ ธส์ หสัมพนั ธ์มคี ่าระหว่าง -1 และ 1 โดยหากเทา่ กบั 1 หมายความว่า มคี วามสมั พนั ธใ์ นทิศทางเดียวกนั และหากเทา่ กับ -1 หมายความว่า มคี วามสัมพนั ธใ์ นทิศทางตรงข้ามกัน 1.4 เสถยี รภาพทางเศรษฐกจิ การวิเคราะห์เสถียรภาพทางเศรษฐกิจจะจําแนกออกเป็นด้านภายในประเทศและต่างประเทศ โดยเสถียรภาพ ภายในประเทศ พบว่า ภาวะเศรษฐกจิ ทช่ี ะลอตัวจากผลของสงครามการคา้ ระหวา่ งสหรัฐอเมรกิ าและจนี รวมทงั้ การหดตวั ทางเศรษฐกิจจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทําให้อํานาจซื้อของประชาชนปรับลดลงจากท่ีผ่านมา และการปรับตัวลดลงของราคานํ้ามัน อัตราเงินเฟ้อท่ัวไปจึงมีแนวโน้มปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง และมีค่าเท่ากับร้อยละ -0.85 ในปี 2563 รายละเอียดปรากฏตามรูปท่ี 1.22 นอกจากน้ี การท่ีอัตราเงินเฟ้อมีค่าเป็นลบแสดงให้เห็นว่า ราคา สินค้าและบริการปรับตัวลดลง ซึ่งจะไม่จูงใจให้ภาคเอกชนเพิ่มการลงทุน เน่ืองจากกําไรจากการประกอบกิจการ มีแนวโน้มปรับตัวลดลง ส่งผลต่อแนวโน้มการจ้างงาน ในขณะเดียวกัน อัตราการว่างงานในปี 2563 ปรับเพ่ิมสูงกว่า ปีก่อนหน้าอย่างมาก โดยภาคใต้มีอัตราการว่างงานสูงกว่าภูมิภาคอื่นๆ รายละเอียดปรากฏตามแผนภาพท่ี 1.23 ท้ังนี้ แรงงานท่ีได้รับผลกระทบจะอยู่ในภาคเศรษฐกิจสําคัญ ประกอบ ด้วย 1) ภาคการท่องเท่ียว ท่ีได้รับ ผลกระทบจากจํานวนนักท่องเท่ียวต่างชาติและในประเทศที่ลดลง 2) ภาคอุตสาหกรรม ซึ่งได้รับผลกระทบ จากสงครามการค้าและการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 และ 3) ภาคบริการอื่น ที่ได้รับ ผลกระทบจากมาตรการภาครัฐในการควบคุมและจํากัดการเดินทางและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ อาทิ การจํากัด เวลาการเปดิ ใหบ้ ริการ และการที่ผู้คนประสบภาวะการว่างงานในสัดส่วนท่ีสูงขึ้นและเศรษฐกิจไทยหดตัว ส่งผลให้ ระดับหน้ีครัวเรือนต่อ GDP ปรับเพ่ิมขึ้นไปอยู่ในระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2558 โดยมีค่าเท่ากับร้อยละ 89.3 ในปี 2563 รายละเอียดปรากฏตามภาพท่ี 1.24 จึงอาจอนุมานได้ว่า ครัวเรือนในเศรษฐกิจไทยมีความเปราะบาง และอ่อนไหวมากขึ้นตามลาํ ดบั และสง่ ผลต่อแนวโนม้ การบริโภคและอุปโภคของประชาชนรวมท้ังการขยายตัวทาง เศรษฐกจิ ในระยะตอ่ ไป สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร 16 สานักงบประมาณของรฐั สภา 208
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลงั แผนภาพที่ 1.22 อัตราเงินเฟ้อทวั่ ไป ที่มา : ธนาคารแหง่ ประเทศไทย แผนภาพที่ 1.23 อัตราการวา่ งงาน ที่มา : ธนาคารแห่งประเทศไทย สานกั งานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 17 สานกั งบประมาณของรัฐสภา 209
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลงั แผนภาพที่ 1.24 สดั ส่วนหนี้ครัวเรอื นตอ่ GDP ทม่ี า : ธนาคารแห่งประเทศไทย สําหรับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจด้านต่างประเทศของไทย พบว่า สัดส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดต่อ GDP ยังคงมีค่าเป็น บวก เท่ากับ ร้อยละ 3.3 ในปี 2563 โดยเป็นการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดอย่างต่อเน่ืองตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา รายละเอียดปรากฏตามภาพที่ 1.25 ซึ่งแสดงว่า เศรษฐกิจไทยมีรายได้จากต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ทําให้ระดับเงิน สํารองระหว่างประเทศเพ่ิมขึ้น โดยมีค่าเท่ากับ 2.58 แสนล้านดอลลาร์ในปี 2563 รายละเอียดปรากฏตามภาพท่ี 1.26 อย่างไรก็ดี การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อภาวะเศรษฐกิจโลกและการ ทอ่ งเทยี่ ว อาจทําใหร้ ายได้จากการส่งออกสินค้าและบริการของประเทศไทยในระยะต่อไปปรับลดลงหากภาวะเศรษฐกิจ โลกไม่ฟ้ืนตัว นอกจากน้ี การที่ประเทศมีเงินสํารองระหว่างประเทศในระดับสูง ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นต่อค่าเงินบาท ทําให้ค่าเงินบาทอาจแข็งค่า และเป็นอุปสรรคต่อการส่งออกสินค้าและบริการในระยะต่อไปได้ และการท่ีดุลบัญชี เดินสะพัดเกินดุลอย่างต่อเน่ือง อาจเป็นผลมาจากระดับการลงทนุ ของภาคเอกชนภายในประเทศท่ีอยู่ในระดับต่ํา ทําให้มี การนําเขา้ สนิ คา้ ทุนจากตา่ งประเทศน้อย สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 18 สานกั งบประมาณของรฐั สภา 210
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลงั แผนภาพที่ 1.25 สดั สว่ นดุลบัญชเี ดนิ สะพัดต่อ GDP ทม่ี า : ธนาคารแห่งประเทศไทย แผนภาพที่ 1.26 เงนิ สํารองระหว่างประเทศ ที่มา : ธนาคารแห่งประเทศไทย สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 19 สานักงบประมาณของรฐั สภา 211
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลงั 1.5 สรปุ ภาวะเศรษฐกิจไทย ภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันมีการหดตัวจากท่ีผ่านมา อันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 กระทบต่อระดับการใช้จ่ายของประชาชนในภาคบริการ คมนาคม ขนส่ง โรงแรม และภัตตาคาร นอกจากน้ี ปัจจัยท่ีควรคํานึงถึงซึ่งมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป คือ รายได้จากการส่งออกสินค้าและ บริการและจํานวนนักท่องเท่ียวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทย โดยปัจจัยดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับภาวะ เศรษฐกิจโลกและการสร้างความปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของโรคในภาคการท่องเที่ยวเป็นหลัก สําหรับ ประเด็นด้านเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ พบว่า เสถียรภาพด้านต่างประเทศยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี มีรายได้จาก ต่างประเทศและเงินสํารองระหว่างประเทศในระดับสูง ในขณะท่ีเสถียรภาพภายในประเทศ ยังคงอยู่ในภาวะ ที่หน่วยงานที่เก่ียวข้องจะต้องติดตามและเฝ้าระวังต่อไป เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อมีค่าเป็นลบ อัตราการว่างงาน เพม่ิ ขึ้นสงู และสัดส่วนหนี้ครัวเรอื นต่อ GDP มีค่าสงู สุดในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา สานักงานเลขาธกิ ารสภาผ้แู ทนราษฎร 20 สานกั งบประมาณของรฐั สภา 212
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลัง ส่วนท่ี 2 แนวโน้มทางการคลัง เนื้อหาในส่วนน้ีจะเก่ียวข้องกับการวิเคราะห์แนวโน้มทางการคลัง ได้แก่ การเบิกจ่ายงบประมาณ การจัดเก็บ รายไดข้ องรัฐบาล ฐานะการคลงั ตามระบบกระแสเงินสดของรัฐบาล และหนี้สาธารณะ โดยผู้ศึกษาจะต้ังข้อสังเกต เกี่ยวกับการดําเนินการทางการคลังในแต่ละด้านดังกล่าว ซึ่งจะเป็นส่วนหน่ึงในการติดตามและตรวจสอบ การดําเนินนโยบายการคลังของรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นต่อไป นอกจากนี้ เน้ือหาท่ีนําเสนอในส่วนที่ 2 น้ี เมอื่ นําไปพจิ ารณารว่ มกับสว่ นท่ี 1 จะเปน็ ขอ้ มูลสาํ คญั ด้านเศรษฐกิจการคลัง และเป็นพ้ืนฐานการวิเคราะห์เนื้อหา ในส่วนท่ี 3 และ 4 ต่อไป 2.1 การเบิกจา่ ยงบประมาณ อัตราการเบิกจ่ายงบประมาณเป็นตัวช้ีวัดประเภทหนึ่งที่สะท้อนถึงศักยภาพของภาครัฐในการดําเนินงาน โดยอัตราการเบิกจ่ายงบประมาณที่สูงจะเป็นแรงกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวดี เน่ืองจากมีการอัดฉีดรายจ่าย ภาครัฐในระบบเศรษฐกิจ ทั้งนี้ วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจําปีมีแนวโน้มปรับเพ่ิมสู งข้ึนอย่างต่อเน่ือง และอัตราการเบิกจ่ายงบประมาณในระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 – 2563 มีค่าเฉล่ียเท่ากับร้อยละ 92.10 และอัตราการเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนในระยะเวลาเดียวกัน เท่ากับ ร้อยละ 58.20 รายละเอียดปรากฏตามภาพ ที่ 2.1 ผู้ศึกษา พิจารณาแล้ว เห็นว่า การเบิกจ่ายรายจ่ายลงทุนท่ีล่าช้า จะส่งผลต่อการดําเนินโครงการภาครัฐ และเปน็ ต้นทนุ ค่าเสียโอกาสในการพัฒนาประเทศ หน่วย : ล้านบาท แผนภาพท่ี 2.1 วงเงินงบประมาณรายจา่ ยและการเบิกจ่าย ทม่ี า : กรมบญั ชกี ลาง และ สาํ นักงานเศรษฐกิจการคลัง สานักงานเลขาธิการสภาผ้แู ทนราษฎร 21 สานักงบประมาณของรัฐสภา 213
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลงั 2.2 การจัดเก็บรายได้ของรฐั บาล หน่วยงานของรัฐ อาทิ กรมจัดเก็บ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น สามารถจัดเก็บรายได้ให้แก่ภาครัฐ ในปีงบประมาณต่าง ๆ เพ่ิมสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อยางไรก็ดี ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 การจัดเก็บรายได้ลดลง จากปีงบประมาณก่อนหน้าเน่ืองจากการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 ท่ีทําให้กิจกรรมทาง เศรษฐกจิ หดตัวลง สง่ ต่อการจัดเกบ็ รายได้ภาครฐั รายละเอียดปรากฏตามภาพท่ี 2.2 แผนภาพที่ 2.2 การจัดเก็บรายไดข้ องหนว่ ยงานภาครัฐ ท่ีมา : สาํ นักงานเศรษฐกจิ การคลงั เม่ือพิจารณาข้อมูลรายได้นําส่งคลังหรือรายได้สุทธิหลังหักจัดสรร ซึ่งเท่ากับผลรวมการจัดเก็บรา ยได้ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต กรมศุลกากร รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่น หัก การคืนภาษีของกรมสรรพากร อากรถอนคืนกรมศุลกากร การจัดสรรรายได้จากภาษีมูลค่าเพิ่มให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด การกันเงินเพื่อ ชดเชยภาษสี าํ หรบั สินคา้ ส่งออก และการจัดสรรภาษีมูลค่าเพิ่มให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินตามกฎหมายว่าด้วย แผนและข้ันตอนการกระจายอํานาจ ซึ่งรายได้นําส่งคลังหรือรายได้สุทธิหลังหักจัดสรรดังกล่าว จะนําไปใช้ สนับสนุนการเบิกจ่ายงบประมาณ ท้ังนี้ พบว่า รายได้นําส่งคลังในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 มีการจัดเก็บจริง น้อยกว่าประมาณการรายได้ตามที่ระบุในเอกสารงบประมาณอย่างมีนัยสําคัญ จํานวน 343,575 ล้านบาท เนอ่ื งจากการแพร่ระบาดของโรคตดิ เชอ้ื ไวรสั โคโรนา 2019 รายละเอยี ดปรากฏตามภาพที่ 2.3 สานกั งานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร 22 สานกั งบประมาณของรัฐสภา 214
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลัง หน่วย : ลา้ นบาท -343,575 แผนภาพท่ี 2.3 การเปรียบเทียบประมาณการรายไดแ้ ละรายได้นําสง่ คลัง ที่มา : สาํ นักงานเศรษฐกิจการคลัง และสาํ นกั งบประมาณ หน่วย : รอ้ ยละ แผนภาพท่ี 2.4 สดั สว่ นรายได้นําสง่ คลงั ต่อ GDP ท่มี า : สํานักงานเศรษฐกจิ การคลงั สานกั งานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 23 สานักงบประมาณของรัฐสภา 215
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลงั เมื่อพิจารณาในประเด็นประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลโดยใช้สัดส่วนรายได้นําส่งคลังต่อ GDP พบว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 – 2563 สัดส่วนดังกล่าวมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่สอดคล้องกับ มูลค่าของ GDP ที่เพิ่มข้ึนเป็นประจําทุกปี รายละเอียดปรากฏตามภาพท่ี 2.4 ข้อมูลดังกล่าวจึงแสดงให้เห็นว่า หน่วยงานจัดเก็บรายได้ภาครัฐควรทบทวนและปรับปรุงศักยภาพการจัดเก็บรายได้นําส่งคลัง เพ่ือให้สามารถ จัดเก็บรายได้ในสัดส่วนท่ีมากขึ้น และส่งเสริมความย่ังยืนทางการคลังต่อไป และเม่ือพิจารณาในรายละเอียด พบวา่ ประสทิ ธิภาพการจัดเกบ็ รายได้ภาษีทลี่ ดลง อาจเป็นผลมาจากการดําเนินนโยบายของรัฐบาล อาทิ การเพ่ิม วงเงนิ และรายการหักคา่ ลดหยอ่ นภาษี เพื่อลดภาระทางการเงินให้แก่ประชาชนและภาคเอกชน ท่ีได้รับผลกระทบ จากการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 นอกจากนี้ การที่บริษัทเอกชนประสบภาวะขาดทุน ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 จะสง่ ผลกระทบตอ่ การจดั เกบ็ ภาษีเงนิ ไดน้ ติ บิ คุ คล และบริษัทเอกชนดังกล่าวสามารถ นําผลขาดทุนมาหักเป็นค่าใช้จ่ายในปีงบประมาณต่อมาได้ ซ่ึงจะทําให้กําไรสุทธิของบริษัทเอกชน ที่เป็นฐาน ในการคาํ นวณภาษเี งนิ ไดน้ ิติบุคคลลดลง ส่งผลต่อการจัดเกย็ ภาษดี งั กลา่ วตอ่ ไป 2.3 ฐานะการคลงั ตามระบบกระแสเงินสดของรัฐบาล ฐานะทางการคลงั ของรัฐบาลแสดงโดยปริมาณเงนิ คงคลงั ซ่งึ หนว่ ยงานที่มีหน้าที่ในการบริหารสภาพคล่องของ เงินคงคลังให้สอดคลอ้ งกบั ความจาํ เป็นในการใช้จ่ายของหนว่ ยงานภาครฐั คอื กระทรวงการคลัง ท้ังน้ี หากปริมาณ เงินคงคลังอยู่ในระดับสูงย่อมแสดงให้เห็นว่า สภาพคล่องของรัฐบาลอยู่ในระดับเพียงพอในการเป็นปัจจัยนําเข้า เพ่ือสนับสนุนการนําส่งบริการสาธาธารณะแก่ประชาชน ทั้งน้ี กลไกของการรักษาระดับเงินคงคลังปรากฏตาม แผนภาพที่ 2.5 รายไดน้ าสง่ คลัง แผนภาพท่ี 2.5 ปจั จยั ที่เก่ียวขอ้ งกับเงินคงคลงั ตามระบบกระแสเงนิ สด ที่มา : ประมวลผลโดยผู้ศึกษา สานกั งานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร 24 สานักงบประมาณของรัฐสภา 216
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลัง ผู้ศึกษาพิจารณาแล้ว เห็นว่า การรักษาระดับเงินคงคลังให้มีความเหมาะสมจะต้องพิจารณาดุลเงิน งบประมาณ ซึ่งเท่ากับรายได้นําส่งคลังหักด้วยการเบิกจ่ายงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐ และดุลเงินนอก งบประมาณ ซ่ึงเท่ากับกระแสเงินไหลเข้าหักด้วยกระแสเงินไหลออกของเงินสดที่กองทุนนอกงบประมาณและเงิน รายได้ที่สว่ นราชการและหนว่ ยงานภาครัฐนาํ มาฝากไวท้ ่ีเงินคงคลงั ท้งั น้ี ผลรวมระหว่างดุลเงินงบประมาณและดุล เงนิ นอกงบประมาณ คือ ดลุ เงนิ สดกอ่ นกู้ ซึ่งหากมีการขาดดุลเงินสดก่อนกู้เป็นจํานวนมาก จะส่งผลให้ปริมาณเงิน คงคลังลดลง ดังนั้น จึงมีการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ เพื่อนําเงินที่กู้ได้มาชดเชยการขาดดุลเงินสด เพ่อื รกั ษาระดับปริมาณเงนิ คงคลงั ให้เหมาะสม พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ระบุว่า ปริมาณเงินคงคลังต้องรักษาให้เพียงพอ ต่อสภาพคล่องและการเบิกจ่ายของหน่วยงานของรัฐ และการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณหรือ เม่ือมีรายจา่ ยสูงกว่ารายได้ ใหก้ ระทรวงการคลังดําเนินการให้สอดคล้องกับฐานะเงินคงคลัง โดยคํานึงถึงประมาณ การรายได้และแผนการเบิกจา่ ยเงินงบประมาณในแตล่ ะชว่ งเวลา เพ่อื รักษาปริมาณเงินคงคลังอยู่ในระดับท่ีมีสภาพ คล่องเพียงพอสําหรับการเบิกจ่ายและลดต้นทุนการบริหารจัดการเงินคงคลัง ทั้งน้ี ในระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 – 2563 รัฐบาลมกี ารขาดดุลเงินสดก่อนก้อู ย่างตอ่ เนื่อง และได้กู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ เพ่ือรกั ษาปริมาณเงนิ คงคลังให้อย่ใู นระดับท่ีเหมาะสม รายละเอยี ดปรากฏตามภาพท่ี 2.6 อย่างไรก็ดี ผู้ศึกษาขอตั้ง ขอ้ สังเกตเกยี่ วกับการกู้เงนิ ในปงี บประมาณ พ.ศ. 2559 – 2561 และ 2563 ที่ปริมาณการกู้เงินสูงกว่าการขาดดุล เงินสดก่อนกู้ว่า มีความจําเป็นหรือไม่ อย่างไร เนื่องจากการกู้เงินท่ีเกินกว่าการขาดดุลเงินสด จะทําให้ระดับเงิน คงคลังและหนี้สาธารณะเพิ่มข้ึนโดยไม่จําเป็น และหน้ีสาธารณะท่ีเพ่ิมข้ึนจะเป็นภาระงบประมาณในการชําระหนี้ ในอนาคตตอ่ ไป ข้อมูลระดบั เงนิ คงคลงั ปรากฏตามแผนภาพที่ 2.7 พบว่า ปริมาณเงินคงคลัง ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 – 2563 มคี า่ ระหวา่ ง 441,300 – 633,436 ล้านบาท และเมอื่ พิจารณาเฉพาะปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ท่ีปริมาณ เงินคงคลัง เท่ากับ 572,104 ล้านบาท และวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ เท่ากับ 3.2 ล้านล้าน บาท ทําให้วิเคราะห์ได้ว่า ปริมาณเงินคงคลังมีค่าเท่ากับ ร้อยละ 17.87 ของวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจําปี ซึง่ อาจเปน็ ระดับทรี่ ฐั บาลมีสภาพคลอ่ งทางการเงนิ เพยี งพอในการสนับสนุนภารกจิ ในช่วงระยะเวลาหน่งึ ๆ สานกั งานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 25 สานักงบประมาณของรฐั สภา 217
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลงั หนว่ ย : ลา้ นบาท แผนภาพท่ี 2.6 เปรียบเทียบการขาดดุลเงินสดก่อนกแู้ ละการกู้เงินเพ่ือชดเชยการขาดดลุ งบประมาณ ทม่ี า : สํานักงานเศรษฐกิจการคลัง หน่วย : ล้านบาท แผนภาพที่ 2.7 ปรมิ าณเงินคงคลัง ท่มี า : สาํ นักงานเศรษฐกิจการคลัง สานักงานเลขาธกิ ารสภาผูแ้ ทนราษฎร 26 สานักงบประมาณของรฐั สภา 218
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลัง 2.4 หนี้สาธารณะ ในแต่ละปีงบประมาณ หน่วยงานภาครัฐ อาทิ รัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอ่ืนภาครัฐ มีความจําเป็นต้องทํา การก่อหนี้สาธารณะ เพื่อนําเงินกู้ท่ีได้ไปสนับสนุนภารกิจในการนําส่งบริการสาธารณะแก่ประชาชน และภายใต้ สถานการณ์ปัจจุบันท่ีมีการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทําให้รัฐบาลมีความจําเป็นต้องกู้เงินเพิ่มข้ึน จํานวนมาก เพ่ือเยียวยาแก่วิสาหกิจและประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ทําให้แผนการก่อหนี้สาธารณะในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 – 2564 ปรบั เพิ่มขนึ้ จากปีงบประมาณกอ่ นหน้าเป็นจาํ นวนมาก รายละเอยี ดปรากฏตามภาพที่ 2.8 แผนภาพที่ 2.8 แผนการกอ่ หนี้ใหมภ่ ายใต้แผนการบรหิ ารหนส้ี าธารณะ ทีม่ า : สํานกั งานบริหารหนี้สาธารณะ หมายเหตุ : พ.ร.ก. เราไมท่ งิ้ กัน 2020 คอื พระราชกาํ หนดให้อํานาจกระทรวงการคลงั กู้เงนิ เพือ่ แก้ไขปญั หา เยยี วยา และฟนื้ ฟูเศรษฐกจิ และสงั คม ทีไ่ ดร้ ับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรสั โคโรนา่ 2019 พ.ศ. 2563 การก่อหน้ีสาธารณะที่มีแนวโน้มปรับเพิ่มข้ึนมากดังกล่าว ท้ังในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการกู้เงินเพ่ือชดเชยการขาดดุล งบประมาณและการกู้เงินเพ่ือเยียวยาผลกระทบท่ีเกิดจากการแพร่ระบาดของโรคคิดเชื้อ ทําให้ปริมาณหนี้สาธารณะ คงค้างปรับเพม่ิ สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นเดือนกุมภาพนั ธ์ 2564 หนสี้ าธารณะคงคา้ งมีจาํ นวน 8,421,958 ล้านบาท คิดเปน็ ร้อยละ 53.21 ของ GDP รายละเอยี ดปรากฏตามภาพท่ี 2.9 – 2.10 ทง้ั น้ี แมว้ า่ สัดส่วนหนี้สาธารณะยังคงมีค่าต่ํา กว่าร้อยละ 60 ท่ีกําหนดไว้ตามประกาศคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ เร่ือง กําหนดกรอบในการ บรหิ ารหนีส้ าธารณะ พ.ศ. 2561 เมื่อวันท่ี 7 มิถุนายน 2561 แต่การท่ีสัดส่วนดังกล่าวมีแนวโน้มปรับเพิ่มข้ึนอย่าง ตอ่ เนอื่ ง อาจเป็นประเด็นที่หน่วยงานภาครัฐท่ีเก่ียวข้องจะต้องติดตามและเสนอมาตรการท่ีเหมาะสมในระยะยาว ตอ่ ไป สานักงานเลขาธิการสภาผ้แู ทนราษฎร 27 สานักงบประมาณของรฐั สภา 219
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลัง หนว่ ย : ล้านบาท แผนภาพท่ี 2.9 หนสี้ าธารณะคงค้าง ณ วันสิ้นปงี บประมาณ ที่มา : สํานกั งานบรหิ ารหนีส้ าธารณะ หมายเหต:ุ ขอ้ มลู ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เปน็ ขอ้ มลู ณ เดือนกมุ ภาพนั ธ์ 2564 หน่วย : ร้อยละ แผนภาพที่ 2.10 สัดสว่ นหนีส้ าธารณะคงค้างต่อ GDP ทม่ี า : สํานักงานบรหิ ารหนี้สาธารณะ หมายเหต:ุ ข้อมูลปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เป็นข้อมูล ณ เดอื นกมุ ภาพนั ธ์ 2564 สานักงานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร 28 สานักงบประมาณของรฐั สภา 220
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลัง 2.5 สรุปแนวโน้มทางการคลัง เนอื้ หาท่ีวเิ คราะห์และนาํ เสนอในสว่ นที่ 2 สามารถสรุปเปน็ ประเด็นท่ีเกีย่ วขอ้ ง ดังนี้ 1) อัตราการเบิกจ่ายงบประมาณรายจ่ายลงทุนยังคงอยู่ในระดับต่ํา แสดงให้เห็นว่า อาจมีความล่าช้าในการดําเนิน โครงการลงทุน 2) สัดส่วนรายได้นําส่งคลังต่อ GDP ปรับตัวลดลง สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล ทล่ี ดลง 3) รัฐบาลมกี ารขาดดุลเงนิ สดก่อนกอู้ ย่างตอ่ เน่ือง และรฐั บาลกเู้ งินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณสูงกว่าการขาด ดุลเงินสดดังกล่าว อาจทําให้ระดับเงินคงคลังและหนี้สาธารณะเพ่ิมขึ้นโดยไม่จําเป็น และเป็นภาระงบประมาณ ในการชําระหนีต้ อ่ ไป 4) สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ปรับเพ่ิมขึ้นอย่างต่อเน่ือง เนื่องจากรัฐบาลเพิ่มการก่อหนี้เพื่อเยียวยาผลกระทบ จากการแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชื้อไวรสั โคโรนา 2019 และเศรษฐกจิ ไทยหดตัว สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 29 สานกั งบประมาณของรัฐสภา 221
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลงั สว่ นท่ี 3 ปัจจยั เส่ียงทางเศรษฐกิจ เน้ือหาในส่วนน้ีจะเกี่ยวข้องกับปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่จะส่งผลต่อแนวโน้มการเจริญเติบโตทาง เศรษฐกจิ ของไทยในระยะตอ่ ไป โดยปจั จัยเส่ียงทางเศรษฐกิจดังกล่าวจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยท้ังในด้านอุปสงค์ มวลรวม อาทิ ความต้องการใช้จ่ายของครัวเรือน การลงทุนภาคเอกชน การส่งออก และการท่องเท่ียว และด้าน อุปทาน อาทิ ระดับการผลิต ศักยภาพการผลิต การจ้างงาน และความสามารถในการดําเนินธุรกิจและการแข่งขัน ของประเทศ ทั้งนี้ ปจั จยั เสีย่ งทางเศรษฐกิจดังกลา่ ว มรี ายละเอยี ด ดังนี้ 3.1 การแพรร่ ะบาดของโรคตดิ เชอื้ ไวรัสโคโรนา 2019 เศรษฐกจิ ของไทยในปี 2564 ยังคงได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ต่อเน่ือง จากปีท่ีแล้ว และยังคงมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวได้ช้า เน่ืองจากได้รับผลกระทบชัดเจนข้ึนจากการระบาดของโรคติด เชื้อไวรัสโคโรนา 2019 คร้ังใหม่ในเดือนเมษายน 2564 ซ่ึงมีผู้ติดเช้ือและเสียชีวิตเพ่ิมขึ้นจากเดิมเป็นจํานวนมาก โดยข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2564 พบว่า ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จํานวนสะสมถึง 57,508 คน และเสียชีวติ 148 ราย ทัง้ นี้ ผูศ้ กึ ษาพจิ ารณาแล้วเหน็ ว่า การแพร่ระบาดของโรคตดิ เชอื้ ครั้งใหม่ในเดอื นเมษายน 2564 จะกระทบต่อ ปัจจยั ทางเศรษฐกจิ ในประเทศหลายด้าน อาทิ 1) ความเช่อื มัน่ ของภาคธุรกิจปรับตัวลดลง ส่งผลให้การลงทุนขยายตัวลดลง นอกจากนี้ ภาครัวเรือนที่ได้รับ ผลกระทบ ย่อมมีความเช่ือม่ันต่อภาวะเศรษฐกิจในอนาคตลดลง อาจทําให้ระดับการบริโภคอุปโภคปรับลดลง ในระยะต่อไป 2) การผลิตในภาคอุตสาหกรรมหดตัวตามระดับอุปสงค์ภายในประเทศท่ีปรับลดลง โดยหมวดการผลิตที่จะ ได้รับผลกระทบ อาทิ อาหารและเครอื่ งดื่ม ปโิ ตรเลียม ยานยนต์ รวมท้ังภาคบริการ อาทิ โรงแรม ร้านอาหาร และ ธรุ กจิ ขนส่งผู้โดยสาร 3) ตลาดแรงงานปรับตัวแย่ลง โดยเม่ือจําแนกตามภาคอุตสาหกรรม พบว่า กลุ่มอุตสาหกรรมท่ีได้รับ ผลกระทบการจ้างงานสูงท่ีสุด ได้แก่ 1) กิจกรรมโรงแรมและการบริการด้านอาหาร 2) การขายส่งและการขาย ปลกี การซอ่ มยานยนต์และรถจักรยานยนต์ และ 3) การก่อสรา้ ง สําหรับแนวโน้มในระยะต่อไป พบว่า การส่งออกของไทยยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดไว้เดิมตาม การฟ้ืนตัวของเศรษฐกิจโลก โดยจากข้อมูลการส่งออกของประเทศต่าง ๆ ในช่วง 2-3 เดือนล่าสุด มีการฟื้นตัว ต่อเน่ืองสะท้อนการฟื้นตัวที่ชัดเจนของเศรษฐกิจโลก ซึ่งในส่วนของประเทศไทย มูลค่าการส่งออกสินค้าและ บริการในเดือนธันวาคม 2563 และมกราคม 2564 มีระดับเทียบเท่ากับช่วงก่อนการระบาดของโรคติดเช้ือไวรัส โคโรนา 2019 แล้ว ซง่ึ เป็นการฟื้นตัวท่ีเร็วกว่าท่ีคาดไว้เดิม โดยการฟ้ืนตัวของการส่งออกเป็นผลจากการฉีดวัคซีน ป้องกันโรคและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ดังน้ัน หน่วยงานทาง เศรษฐกิจ อาทิ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) จึงปรับเพ่ิมคาดการณ์มูลค่าส่งออกของไทยในปี 2564 เปน็ ขยายตัวร้อยละ 6.4 จากเดิมรอ้ ยละ 4.0 สานกั งานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร 30 สานักงบประมาณของรัฐสภา 222
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลงั อยา่ งไรก็ดี ภาคการท่องเท่ียวของไทยยังมีแนวโน้มฟ้ืนตัวช้า โดยคาดว่า จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีนี้เพียง 3.7 ลา้ นคน เน่ืองจากการเดนิ ทางระหวา่ งประเทศจะฟื้นตัวไดอ้ ยา่ งชดั เจน กต็ อ่ เมื่อประเทศส่วนใหญ่มีภาวะคุ้มกัน หมู่ (Herd Immunity) แล้ว ซ่ึงจะทําให้ประเทศดังกล่าวเปิดประเทศต่อนักเดินทางที่ฉีดวัคซีนแล้วทั้งขาเข้า และขาออกมากขึ้น อย่างไรก็ตาม กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่มีโอกาสได้รับภาวะภูมิคุ้มกันหมู่ในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ของปี 2564 กลับไม่ใช่กลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของไทย จึงอาจทําให้การท่องเที่ยวของไทยยังมีแนวโน้มฟ้ืน ตัวช้า โดยคาดว่าจะฟ้ืนตัวชัดเจนในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้และต้นปีหน้า ซ่ึงเป็นช่วงท่ีประเทศกําลังพัฒนาใน เอเชีย ซง่ึ เป็นกลมุ่ นกั ทอ่ งเท่ียวหลักของไทยจะเร่มิ มภี มู ิค้มุ กันหมูม่ ากขึ้น ผู้ศึกษาพิจารณาแล้ว เห็นว่า การระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 ในภาพรวมท้ังหมด จะส่ง ผลกระทบตอ่ เนื่องต่อเศรษฐกิจไทย ดงั นี้ 1) การเปิดกิจการใหม่มีแนวโน้มลดลง 3 ปีติดต่อกัน ขณะที่กิจการในภาคบริการที่ได้รับผลกระทบจากการ ระบาดรอบใหม่อาจประสบปัญหาด้านสภาพคล่องซํ้าเติม รวมท้ังความสามารถในการชําระหน้ีที่ต่ําลง ส่งผล ตอ่ ระดับหนท้ี ีไ่ ม่ก่อใหเ้ กิดรายได้ (NPLs) ของสถาบนั การเงิน และอาจทําใหก้ ารลงทนุ ใหมแ่ ละการจ้างงานซบเซา 2) ข้อมูลตลาดแรงงานสะท้อนว่า แม้อัตราการว่างงานในปัจจุบันจะอยู่ในระดับไม่สูงมากและยอมรับได้ แต่ผลกระทบต่อรายได้ของครัวเรือนกลับเพิ่มสูงข้ึน อาทิ ชั่วโมงการทํางานเฉลี่ยของแรงงานไทยลดลงกว่า ร้อยละ 6 จํานวนคนทํางานอาชีพอิสระเพิ่มขึ้นกว่า 1.3 ล้านคนในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนธันวาคม 2563 จํานวนแรงงานที่ช่วยงานท่ีบ้านโดยไม่มีรายได้เพ่ิมขึ้นกว่า 1.4 ล้านคน ซึ่งล้วนแล้วแต่ส่งผลกระทบต่อสถานะ ทางการเงินของครัวเรอื นไทยใหม้ ีความเปราะบาง รวมทั้งระดบั การบรโิ ภคภายในประเทศและเศรษฐกจิ ไทย สรุปแล้ว พบว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวช้า โดยจากการศึกษาของธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) พบว่า ระดับ GDP ของไทยจะกลบั ไปสู่ระดับก่อนเกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ในช่วง ปลายปี 2565 หรอื ตน้ ปี 2566 ซง่ึ เปน็ ไปอยา่ งลา่ ช้าเมื่อเทียบกับประเทศสว่ นใหญ่ สะท้อนการพ่ึงพาของเศรษฐกิจ ไทยต่อภาคท่องเที่ยวในระดับสงู เปน็ อนั ดบั ต้น ๆ ของโลก ประมาณร้อยละ 12 ของ GDP และจํานวนนักท่องเท่ียว ต่างชาติที่เดินทางเข้าสู่ประเทศไทยจะฟื้นตัวอย่างช้า ๆ จนกว่าการฉีดวัคซีนจะทําให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ทั้งในไทย และประเทศท่เี ป็นแหลง่ นกั ท่องเท่ยี วหลกั 3.2 การดาเนนิ นโยบายของประธานาธบิ ดีสหรฐั นายโจ ไบเดน (Joe Biden) ประธานาธิบดีสหรฐั ซึ่งเพ่งิ ทาํ พธิ ีสาบานตนเข้ารับตาํ แหนง่ เม่ือวันที่ 20 มกราคม 2564 ท่ีผ่านมา ได้มีดําริท่ีจะดําเนินนโยบายในประเด็นต่าง ๆ ตามอุดมการณ์ของพรรคเดโมแครต (Democrat) ที่มีแนวคิดแบบเสรีนิยมใหม่ ให้ความความสําคัญกับบทบาทของภาครัฐ ท่ีสามารถแทรกแซงระบบเศรษฐกิจ ในกิจการสาธารณะ อาทิ การวางมาตรการควบคุมด้านเศรษฐกิจและแรงงาน การสงเคราะห์ประชาชน ระบบ ประกนั สขุ ภาพ การจา่ ยเงนิ ชดเชยแรงงาน และความเป็นธรรมในการจัดเก็บภาษี ทั้งนี้ นโยบายของนายโจ ไบเดน สามารถสรุปเป็นด้านตา่ ง ๆ โดยสงั เขป ดังน้ี 1. ด้านเศรษฐกิจ อาทิ เพิ่มการจัดเก็บภาษีสําหรับผู้มีรายได้สูงเกินกว่า 400,000 ดอลล่าร์สหรัฐต่อปี เพิ่ม อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลจากร้อยละ 21 เป็น 27 เพ่ิมอัตราภาษีสําหรับรายได้ที่มาจาก Global Intangible Assets จากร้อยละ 10.5 เป็น 21 เก็บภาษีข้ันตํ่าในอัตราร้อยละ 15 จากรายได้ทางบัญชีสําหรับบริษัทที่มีกําไร สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร 31 สานักงบประมาณของรฐั สภา 223
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลัง ตามบัญชีมากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเพิ่มค่าแรงขั้นตํ่าจากเดิม 7.25 เป็น 15 ดอลล่าร์สหรัฐต่อชั่วโมง โดยการจัดเกบ็ รายไดภ้ าษีท่ีเพิม่ ข้ึนจะนําไปสนับสนุนเปน็ แหล่งเงินทุนสําหรับโครงการโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ ตอ่ ไป 2. ด้านการจัดการการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อาทิ ส่งเสริมให้ประชาชนใส่หน้ากา ก ดาํ เนินการตามมาตรการเว้นระยะห่าง เร่งฉดี วคั ซนี แก่ประชาชน และแจกชุดตรวจโรค 3. ด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ นําสหรัฐอเมริกากลับเข้าร่วมความตกลงปารีส (Paris Agreement) อีกคร้ัง เพื่อ สนับสนุนการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ส่งเสริมโครงการพลังงานสะอาด ชะลอการขุด เจาะนา้ํ มนั และก๊าซธรรมชาติ 4. ด้านการแพทย์และสาธารณสุข อาทิ การขยายกลุ่มเป้าหมายให้ประชาชนสามารถเข้ารับการ รกั ษาพยาบาลจากระบบสวสั ดกิ ารของรฐั ใหม้ ากขน้ึ รวมท้ังจดั ทําโครงการประกันสุขภาพผ้สู ูงอายุ 5. ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อาทิ การเสริมสร้างความสัมพันธ์กับชาติพันธมิตรของสหรัฐอีกครั้ง และจะยกเลิกการขึน้ ภาษีการค้ากับจีนแบบเห็นชอบฝ่ายเดยี ว โดยเปลย่ี นเป็นการจดั ทาํ ข้อตกลงร่วมกนั ทั้งน้ี เมื่อพิจารณาแล้ว พบว่า การดําเนินนโยบายท่ีจะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวมอาจจะมีเพียงด้าน เศรษฐกจิ และดา้ นความสมั พันธ์ระหวา่ งประเทศ โดยมรี ายละเอียดการวิเคราะห์ ดังนี้ 1. การดําเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจ โดยการเพ่ิมอัตราภาษีและค่าแรงขั้นต่ํา จะทําให้กําไรจากการ ประกอบการของบริษัทท่จี ดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลดลง ซ่ึงอาจจะส่งผลให้บริษัทดังกล่าวมีการย้ายฐานการ ผลติ และเคลือ่ นย้ายเงนิ ทุนออกจากประเทศ 2. การดําเนินนโยบายด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยสร้างความสัมพันธ์กับชาติพันธมิตรของสหรัฐ ใหม่อีกครั้ง และยกเลิกการข้ึนภาษีกับจีนแบบเห็นชอบฝ่ายเดียวโดยเปลี่ยนเป็นข้อตกลงร่วมกันแทน จะทําให้ ความไม่แนน่ อนทางด้านนโยบายการค้าของสหรัฐอเมริกาลดลง แรงกดดันภาวะการค้าโลกและสถานการณ์การค้า ระหว่างประเทศมคี วามผอ่ นคลายมากขึน้ อยา่ งไรก็ตาม สหรฐั อเมริกาจะยังคงเห็นว่า ความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ และเทคโนโลยีของจนี เป็นภยั คกุ คามต่อไป ซึ่งจะทําให้แรงกดดันจากสหรัฐอเมริกาต่อจีนยังคงมีอยู่ และจะหาทาง ลดการพ่ึงพาการผลิตจากจีนในอนาคตต่อไป ท้ังน้ี ในอนาคต สหรัฐอเมริกาและจีนอาจมีการแยกตัวกันทาง เศรษฐกิจมากข้ึน ซ่ึงจะกระทบต่อแนวโน้มการลงทุนและห่วงโซ่อุปทานของโลก (Global Supply Chain) ในระยะตอ่ ไป โดยบริษัทของสหรฐั อเมริกามีแนวโนม้ ออกจากจีน เพื่อกลับประเทศหรือกระจายไปยังภูมิภาคอ่ืน ๆ เพ่อื ลดความเสยี่ งจากการพ่ึงพาการนําเข้าสินค้าจากจีน ซึ่งจะทําให้รูปแบบการผลิต การนําเข้า และส่งออกสินค้า ประเภทวัตถุดิบ สินค้าข้ันกลาง และสินค้าขั้นสุดท้ายของบริษัทสหรัฐอเมริกาและบริษัทข้ามชาติต่าง ๆ เปลีย่ นแปลงไป และจะกระทบต่อชอ่ งทางการสง่ ออกและนําเข้าสนิ คา้ รวมทั้งการผลิตของบริษทั ไทยในท่สี ุด 3.3 ความสามารถในการดงึ ดดู การลงทุนจากต่างประเทศ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) คือ ปริมาณการลงทุนท่ีบุคคล ในประเทศหนึ่ง ทําการลงทุนในอีกประเทศหนึ่ง และมีบทบาทในการบริหารจัดการหรือต้ังกิจการและบริษัทข้ึน ใหม่ ท้ังนี้ การจัดตั้งกิจการขึ้นใหม่ดังกล่าว จําเป็นต้องมีการใช้อาคารสถานที่ จัดจ้างบุคลากร และจัดซ้ืออุปกรณ์ และเคร่ืองจักร เพือ่ ทําการผลิตสินคา้ และบริการต่อไป ดงั นัน้ การลงทุนโดยตรงจากตา่ งประเทศจึงมีความแตกต่าง สานักงานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร 32 สานกั งบประมาณของรฐั สภา 224
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลงั จากการลงทนุ ในตราสารทางการเงนิ ในประเด็นที่วา่ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจะก่อให้เกิดการผลิตสินค้า และบริการในระบบเศรษฐกิจ นอกจากนี้ หากการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศดังกล่าว มีการใช้เคร่ืองจักร ทันสมัยหรือกระบวนการผลิตสมัยใหม่ ย่อมเป็นการยกระดับผลิตภาพการผลิตของประเทศในอีกทางหนึ่งด้วย ท้ังนี้ ปริมาณเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของไทยและประเทศอาเซียนอื่น ๆ ปรากฏตามแผนภาพท่ี 3.1 พบวา่ ปริมาณการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในประเทศไทยมีลักษณะผันผวนและตํ่ากว่าประเทศอาเซียนอื่น ๆ อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ท้ังนี้ หากสถานการณ์ดังกล่าว ยังคงดําเนินไปอย่างต่อเนื่อง ย่อมจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยให้ลดลงโดยเปรียบเทียบ เมื่อเทียบกับ ประเทศอ่นื แผนภาพที่ 3.1 การลงทุนโดยตรงจากตา่ งประเทศ ที่มา : ASEANStats การศกึ ษาในอดตี พบว่า ปัจจยั ท่ีมีผลตอ่ การดึงดดู การลงทุนจากต่างประเทศมี 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการส่งเสริม นโยบายการลงทุน ดา้ นเศรษฐศาสตร์ และด้านการรองรบั และสนับสนุนทางธุรกิจ (Dunning, 2003) ท้ังนี้ ผู้ศึกษา พจิ ารณาแลว้ จึงวิเคราะห์โอกาสของประเทศไทยในฐานะประเทศผรู้ ับทุน ดังนี้ 1) ปัจจัยด้านขนาดตลาด คือ ปัจจัยท่ีบ่งชี้ให้เห็นถึงขนาดของตลาดและอํานาจในการซ้ือสินค้าและบริการ หากประเทศใด ๆ มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่และมีอํานาจในการซื้อสินค้าและบริการ จะเป็นปัจจัยดึงดูดการลงทุน สานักงานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร 33 สานักงบประมาณของรัฐสภา 225
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลงั โดยตรงจากต่างประเทศ ทั้งน้ี ข้อมูล GDP และ Real GDP Growth Rate ของประเทศไทยและประเทศอาเซียน อ่ืน ๆ นําเสนอตามแผนภาพท่ี 3.2 – 3.3 พบว่า ขนาดเศรษฐกิจและตลาดของไทยยังคงมีขนาดใหญ่เทียบกับ ประเทศอื่น และเล็กกวา่ อนิ โดนีเซยี เพยี งประเทศเดยี วเทา่ นน้ั อยา่ งไรก็ตาม เมอ่ื พจิ ารณาแนวโน้มการขยายตัวทาง เศรษฐกิจ พบว่า ประเทศไทยจะมีอัตราการขยายตัวน้อยกว่าประเทศอื่น ๆ อาทิ เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลปิ ปินส์ ซงึ่ จะสง่ ผลต่อแนวโน้มตอ่ ขนาดของระบบเศรษฐกิจและตลาดของประเทศไทยในอนาคต ซึ่งอาจทํา ให้ประเทศไทยมีความน่าสนใจลดลงในมุมมองนักลงทนุ จากตา่ งประเทศ หน่วย : พนั ลา้ นดอลลาร์สหรัฐ แผนภาพท่ี 3.2 GDP ณ ราคาตลาด ของประเทศอาเซยี น ท่มี า : กองทนุ การเงนิ ระหว่างประเทศ หมายเหตุ : ปี 2564 เปน็ ตวั เลขประมาณการ สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 34 สานักงบประมาณของรฐั สภา 226
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลัง แผนภาพท่ี 3.3 Real GDP Growth Rate ของประเทศอาเซยี น ทม่ี า : กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หมายเหตุ : ปี 2563 และ 2564 เปน็ ตวั เลขประมาณการ 2) ปัจจัยดา้ นทรพั ยากร คอื ปัจจัยเกยี่ วกบั ตน้ ทุนการผลิตของประเทศผู้รับทุนว่า มีต้นทุนในการดําเนินธุรกิจ และกจิ การมากน้อยเพียงใด โดยต้นทุนการผลิตส่วนใหญ่มาจากต้นทุนการจ้างแรงงาน และประเทศท่ีมีค่าแรงข้ัน ตํ่าสูงกว่าประเทศอ่ืนในภูมิภาคเดียวกัน จะดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศได้น้อยลง ทั้งน้ี ข้อมูลค่าแรงขั้นต่ํา ของประเทศอาเซียน ยกเว้น สิงคโปร์และบรูไน นําเสนอตามแผนภาพท่ี 3.4 โดยประเทศไทยมีค่าจ้างสูงสุด เป็นลําดับท่ี 3 เป็นรองจากอินโดนีเซียและมาเลเซีย อย่างไรก็ตาม เม่ือพิจารณาอัตราส่วนประชากรท่ีไม่ได้อยู่ ในช่วงอายุแรงงานต่อประชากรท่ีอยู่ในช่วงอายุแรงงานตามแผนภาพที่ 3.5 พบว่า ประเทศไทยมีอัตราส่วนต่ําสุด ตั้งแต่ปี 2558 – 2562 เมื่อเทียบกับประเทศอาเซียนอื่น ข้อมูลดังกล่าวหมายความว่า อัตราส่วนประชากรของ ประเทศไทยทไี่ มไ่ ดอ้ ยใู่ นชว่ งวัยทํางานมีน้อยกว่าอัตราส่วนประชากรที่อยู่ในวัยทํางาน ที่เป็นแรงงานและมีอํานาจ ซื้อสนิ ค้าและบรกิ ารจาํ นวนมาก ดงั น้ัน หากพจิ ารณาปจั จัยน้ี ประเทศไทยอาจมีปัจจัยบวกประเภทหนึ่ง ที่สามารถ ดึงดดู การลงทุนจากต่างประเทศไดใ้ นระดบั หน่ึง สานกั งานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร 35 สานกั งบประมาณของรฐั สภา 227
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลงั แผนภาพที่ 3.4 คา่ แรงข้นั ตาํ่ สงู สุดของประเทศอาเซยี น ทีม่ า : Business Today หมายเหตุ : ข้อมูล ณ วันท่ี ขอ้ มลู ณ วนั ท่ี 9 ธันวาคม 2563 แผนภาพที่ 3.5 อตั ราส่วนประชากรท่ีไม่อยู่ในช่วงอายุแรงงานต่อท่ีอยู่ในชว่ งอายุแรงงาน ที่มา : กองทุนการเงินระหวา่ งประเทศ สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร 36 สานกั งบประมาณของรฐั สภา 228
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลงั 3) ปัจจัยดา้ นการมีประสิทธิภาพ เป็นปัจจัยท่ีแสดงให้เห็นถึงความม่ังคงของระบบเศรษฐกิจของประเทศผู้รับ ทุน ดังน้ัน การเปิดประเทศต่อสังคมโลกจึงเป็นเป็นปัจจัยหน่ึงที่ ใช้ในการวิเคราะห์ ซ่ึงตัวแปรที่ใช้ คือ การมีข้อตกลงการค้าเสรีกับต่างประเทศ ท้ังน้ี ข้อตกลงการค้าเสรีท่ีประเทศต่าง ๆ จัดทําขึ้น ทําให้ประเทศ ดังกล่าวมีความได้เปรียบด้านสิทธิประโยชน์ทางภาษีในการส่งออก ทําให้ความสามารถในการแข่งขันเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ดี กรณีประเทศไทย พบว่า มีความล่าช้าในการจัดทําข้อตกลงการค้าเสรีดังกล่าวเมื่อเทียบกับประเทศ อาเซียนอื่น ๆ อาทิ เวียดนามและมาเลเซีย ท่ีได้เข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพ้ืนแปซิฟิก (Comprehensive and Progressive Agreement of Trans-Pacific Partnership: CPTPP) ในขณะท่ีประเทศ ไทยอยู่ในระหว่างการเจรจา ทั้งน้ี ในปัจจุบัน สหรัฐอเมริกาภายใต้การนําของประธานาธิบดีโจ ไบเดน มีนโยบาย เข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนดังกล่าว ซึ่งหากประเทศไทยมีความล่าช้าในการเข้าร่วม จะทําให้ประเทศไทยขาด โอกาสในการเปิดตลาดสินค้าและสูญเสียความสามารถในการแข่งขันของสินค้าออกอย่างมาก เน่ืองจาก สหรัฐอเมริกาเปน็ ตลาดการสง่ ออกรายใหญข่ องไทย นอกจากนี้ ญี่ปุ่นซึ่งได้เข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนดังกล่าวแล้ว อาจก่อใหเ้ กิดความเส่ียงทบ่ี รษิ ัทเอกชนญป่ี ุน่ จะย้ายฐานการผลิตออกจากประเทศไทยไปยังเวียดนามหรือมาเลเซีย นอกจากนี้ เวยี ดนามยงั เป็นประเทศอาเซียนประเทศท่ี 2 รองจากสิงคโปร์ ท่ีประสบความสําเร็จในการทําข้อตกลง เขตการค้าเสรีกบั สหภาพยุโรป ดงั นัน้ จึงคาดการณว์ ่า เวยี ดนามจะกลายเป็นแหล่งลงทุนแห่งใหม่ของภูมิภาค โดย ข้อตกลงดังกลา่ วจะสง่ ผลใหเ้ วียดนามสามารถส่งออกสินค้าปลอดภาษีไปยังสหภาพยุโรปได้มากถึงร้อยละ 71 เป็น เวลา 10 ปี 4) ปจั จยั ทางด้านสินทรัพย์ คอื ปัจจัยท่ีแสดงถงึ การรองรบั การลงทุนจากต่างประเทศ อาทิ โครงสร้างพ้ืนฐาน ทางเศรษฐกิจ ดังน้ัน ผู้ศึกษาจึงใช้ดัชนีภาพรวมคุณภาพของโครงสร้างพื้นฐานในการพิจารณา โดยดัชนีดังกล่าว มีค่าระหว่าง 0 ถึง 7 ทั้งนี้ ดัชนีท่ีมีค่ามากหมายความว่า โครงสร้างพ้ืนฐานมีคุณภาพสูง รายละเอียดปรากฏตาม แผนภาพท่ี 3.6 พบว่า มาเลเซียเป็นประเทศที่มีคุณภาพโครงสร้างพื้นฐานดีที่สุด ตามด้วยไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม และฟลิ ิปปินส์ นอกจากน้ี เมื่อพิจารณาแผนภาพท่ี 3.7 ซึ่งแสดงอัตราส่วนงบประมาณรายจ่ายต่อ GDP พบว่า ประเทศไทยมอี ตั ราสว่ นดงั กลา่ วอยู่ในระดับสูงตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา และเป็นอันดับ 2 รองจากประเทศ สิงคโปร์ ในปี 2563 ดังน้ัน จึงอาจอนุมานได้ว่า เมื่อพิจารณาปัจจัยด้านสินทรัพย์ ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่ง ที่สามารถดงึ ดูดและรองรับการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศไดอ้ ย่างดีและมปี ระสิทธิภาพ การพิจารณาเปรียบเทียบปัจจัยต่าง ๆ ท้ัง 4 ข้อข้างต้น อาจสรุปได้ว่า ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศ ท่ีมีความสามารถและศักยภาพในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ โดยมีคู่แข่งสําคัญ อาทิ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม ซึ่งมีความพร้อมบางประเด็นที่เทียบเท่าหรือมากกว่าประเทศไทย โดยเกี่ยวข้องกับ คา่ จา้ งแรงงานข้นั ตา่ํ ทอี่ ยใู่ นระดบั ต่าํ และการจดั ทําข้อตกลงการคา้ เสรีที่มคี วามก้าวหน้ามากว่า ดังนั้น ประเทศไทย ควรเพิ่มประสิทธิภาพแรงงานให้มีความพร้อมกับลักษณะงานท่ีหลากหลาย รวมถึงการใช้ทักษะเฉพาะทางและ แรงงานขั้นสูง เพื่อชดเชยข้อเสียเปรียบด้านอื่น และภาครัฐควรเร่งกระบวนการการจัดทําข้อตกลงการค้าเสรี ทส่ี ําคญั เพอ่ื รกั ษาระดับขีดความสามารถทางการแขง่ ขันต่อไป สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร 37 สานักงบประมาณของรฐั สภา 229
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลัง แผนภาพท่ี 3.6 ภาพรวมคุณภาพของโครงสรา้ งพืน้ ฐานรายประเทศอาเซียน ท่มี า : ธนาคารโลก แผนภาพที่ 3.7 สดั สว่ นงบประมาณรายจา่ ยต่อ GDP ที่มา : กองทนุ การเงนิ ระหวา่ งประเทศ สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผูแ้ ทนราษฎร 38 สานักงบประมาณของรัฐสภา 230
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลงั 3.4 สรุปปัจจัยเสย่ี งทางเศรษฐกจิ ปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่อาจส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจในระยะส้ันและศักยภาพการเจริญเติบโตในระยะยาว ประกอบด้วย 1) การแพรร่ ะบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 ทเ่ี รม่ิ ข้นึ ในเดือนมนี าคม 2563 จนถึงปัจจบุ ัน ส่งผลให้ ระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลงมาก ภาคบริการและการท่องเท่ียวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง การเปิดกิจการใหม่ มีแนวโน้มลดลง วสิ าหกิจในระดับต่าง ๆ ประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงินและอาจทําให้หน้ีที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ใน ระบบสถาบันการเงินเพ่ิมสูงข้ึน ในขณะเดียวกัน ภาคครัวเรือนจะมีความเปราะบางทางการเงินเพ่ิมขึ้น หน้ีครัวเรือน เพ่ิมขึ้นสูง ซ่ึงจะกระทบต่อระดับการบริโภคอุปโภคและการขยายตัวทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป 2) การดําเนินนโยบาย ของประธานาธิบดสี หรฐั อเมรกิ า พบว่า การเพิ่มอตั ราภาษีและค่าแรงขน้ั ต่าํ ในสหรัฐอเมริกา อาจสง่ ผลให้บริษัทขนาด ใหญ่ยา้ ยฐานการผลติ และเคลอื่ นยา้ ยเงินทนุ ออกจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นโอกาสของประเทศไทย ในขณะเดียวกัน การดาํ เนนิ นโยบายการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ท่ีมีความแน่นอนและคาดการณ์ได้มากข้ึน จะส่งผลดี ต่อเสถียรภาพการลงทุนระหว่างประเทศ อย่างไรก็ดี การเป็นคู่แข่งระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนยังคงมีอยู่ และสหรัฐอเมริกาจะลดการพ่ึงพาจีนในด้านการผลิตสินค้า โดยจะมีการย้ายฐานการผลิตของบริษัทสหรัฐอเมริกา ออกจากประเทศจีน กระทบต่อห่วงโซ่การผลิตโลก และ 3) ความสามารถในการดึงดูดการลงทุนทางตรง จากต่างประเทศของประเทศไทย พบว่า มูลค่าการลงทุนดังกล่าวของประเทศไทย มีค่าน้อยกว่าประเทศอาเชียน ท่ีมรี ะดับการพฒั นาเศรษฐฏิจใกล้เคียงกัน อาทิ อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ โดยประเด็นท่ีควร คํานึงถึง คือ ประเทศไทยมี Real GDP Growth Rate ต่ํากว่าประเทศอื่นในอาเซียน สะท้อนถึงขนาดของตลาด สนิ คา้ และบริการภายในประเทศ ทขี่ ยายตวั ตํา่ กว่าโดยเปรยี บเทยี บ นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีการจัดทําข้อตกลง เขตการค้าเสรีล่าช้ากว่า ซึ่งอาจทําให้นักลงทุนต่างประเทศพิจารณาย้ายฐานการผลิต หรือเลือกลงทุนในประเทศ อื่นแทน สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร 39 สานักงบประมาณของรัฐสภา 231
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลงั ส่วนที่ 4 ภาวะเศรษฐกจิ ในอนาคตและประมาณการฐานะทางการคลัง เน้ือหาในส่วนนี้จะเก่ียวข้องกับการคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจมหภาคในอนาคต โดยการรวบรวม ประมาณการตัวแปรเศรษฐกิจมหภาค อาทิ Real GDP Growth Rate และอัตราเงินเฟ้อในปี 2564 – 2565 ท่ีหน่วยงานทางเศรษฐกิจต่าง ๆ จัดทําขึ้น เพื่อนําไปพิจารณาร่วมกับกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจําปี งบประมาณ พ.ศ. 2564 – 2565 ของรัฐบาล ซึ่งจะทําให้ผู้ศึกษาสามารถประมาณการรายได้ของรัฐบาล ดุลงบประมาณ และหน้ีสาธารณะ ท่ีคาดว่าจะเกิดขึ้นภายใต้ภาวะการณ์ทางเศรษฐกิจในปัจจุบันและนโยบายการ ใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาลได้ ท้ังน้ี ผู้ศึกษาจะใช้ประมาณการรายได้ของรัฐบาล ดุลงบประมาณ และหนี้ สาธารณะในการประเมินความย่ังยืนทางการคลังของกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 – 2565 ของรฐั บาลตอ่ ไป 4.1 ประมาณการภาวะเศรษฐกิจจากหนว่ ยงานเศรษฐกิจ เนื้อหาท่ีนําเสนอในส่วนที่ 1 – 3 ทําให้ได้ข้อสรุปว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันเร่ิมฟิ้นตัวจากผลกระทบ การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม 2563 อย่างไรก็ดี การแพร่ ระบาดอีกคร้ังของโรคดังกล่าวในช่วงปลายปี 2563 – ต้นปี 2564 และมาตรการภาครัฐในการรับมือการแพร่ ระบาดอกี ครงั้ รวมท้งั การฉีดวคั ซีนให้แก่คนไทย จะสง่ ผลต่อพฤตกิ รรมของผบู้ รโิ ภคและนกั ลงทุน ทั้งน้ี หากผลเป็น บวก ย่อมทําให้ประชาชนมีความม่ันใจเกี่ยวกับการดํารงชีวิตและการทํากิจกรรมสันทนาการนอกท่ีพักอาศัยมาก ขึ้น กิจกรรมทางเศรษฐกิจปรับเพ่ิมสูงข้ึน และนักลงทุนมีแรงจูงใจในการขยายการลงทุนมากข้ึน ซึ่งจะส่งผลต่อ ภาวะเศรษฐกิจให้ปรับตัวดีขึ้นในอนาคต ทั้งน้ี คณะผู้ศึกษาได้รวบรวมประมาณการภาวะเศรษฐกิจโดยรัฐบาล ธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารไทยพาณชิ ย์ ซงึ่ ผลการประมาณการนําเสนอตามตารางที่ 4.1 ตารางที่ 4.1 เปรยี บเทยี บประมาณการภาวะเศรษฐกจิ มหภาค Real GDP Growth Rate อตั ราเงนิ เฟอ้ ทั่วไป หน่วยงาน/วันที่เผยแพร่ (รอ้ ยละ) (รอ้ ยละ) 2564 2565 2564 2565 1. รฐั บาล (5 มกราคม 2564) 3.5–4.5 3-4 0.7-1.7 0.7-1.7 2. ธนาคารไทยพาณชิ ย์ (11 มนี าคม 2564) 2.6 - 1.3 - 3. ธนาคารแห่งประเทศไทย (24 มีนาคม 2564) 3.0 4.7 1.2 1.0 ทม่ี า : - มติคณะรฐั มนตรี เม่อื วันที่ 5 มกราคม 2564 เร่อื ง วงเงินงบประมาณรายจา่ ยประจาํ ปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 - บทความธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) เมอื่ วันท่ี 11 มนี าคม 2564 เรอ่ื ง Outlook ไตรมาส 1/2021 - ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงนิ ธนาคารแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 2/2564 เมือ่ วันที่ 24 มีนาคม 2564 สานักงานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร 40 สานักงบประมาณของรฐั สภา 232
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลงั ผู้ศึกษาได้วิเคราะห์และเปรียบเทียบประมาณการเศรษฐกิจมหภาคของหน่วยงานต่าง ๆ ดังกล่าวแล้ว พบว่า ประมาณการโดยรัฐบาลมีค่าแตกต่างจากหน่วยงานอ่ืน โดยประมาณการของรัฐบาลจะสอดคล้องกับแผนการคลัง ระยะปานกลาง (ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 – 2568) ตามมติคณะรัฐมนตรีเม่ือวันท่ี 22 ธันวาคม 2563 ท้ังน้ี ประมาณการท่ีจัดทําโดยธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารแห่งประเทศไทยในระยะเวลาภายหลัง ได้มีการใช้ สมมติฐานที่คํานึงถึงการแพร่ระบาดอีกคร้ังของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ในระหว่างปลายปี 2563 – ต้นปี 2564 แล้ว โดยการกลบั มาแพร่ระบาดใหมท่ าํ ใหภ้ าครฐั ใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรค ซ่ึงจะส่งผลต่อ ความต้องการใช้จ่ายหรือระดับอุปสงค์มวลรวมภายในประเทศให้ชะลอตัวต่อไป ท้ังนี้ สมมติฐานการประมาณการ ปรากฏตามตารางที่ 4.2 และผู้ศึกษาพิจารณาแล้ว เห็นว่า จะใช้ผลประมาณการภาวะเศรษฐกิจมหภาค โดยธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อประมาณการการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล การขาดดุลงบประมาณ และหนี้ สาธารณะในปงี บประมาณ พ.ศ. 2564 – 2565 ต่อไป ตารางท่ี 4.2 สมมติฐานการจัดทาํ ประมาณการภาวะเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ธนาคารแห่งประเทศไทย (11 มนี าคม 2564) (24 มีนาคม 2564) 1) จาํ นวนนักทอ่ งเท่ยี วต่างประเทศที่เดนิ ทางมายังประเทศ 1) การสง่ ออกสินคา้ ฟนื้ ตวั เรว็ การท่คี าดตามการขยายตวั ไทย มีการฟื้นตัวชา้ กวา่ ทค่ี าด แมจ้ ะเรม่ิ มีการฉดี วัคซีนใน ทางเศรษฐกจิ ของประเทศคคู่ า้ หลายประเทศแล้ว โดยคาดว่า จาํ นวนนักทอ่ งเท่ียว เทา่ กับ 2) รัฐบาลดาํ เนนิ มาตรการดา้ นการเงินและการคลงั เพ่ิมเตมิ 3.7 ล้านคน ในปี 2564 เพ่อื กระต้นุ เศรษฐกจิ อาทิ มาตรการสนบั สนุนสินเชอื่ ผู้ 2) การสง่ ออกฟนื้ ตัวเรว็ กว่าทีค่ าด โดยมลู ค่าการส่งออกจะ ประกอบธุรกิจ วงเงิน 250,000 ล้านบาท และโครงการพัก เติบโตในปี 2564 เทา่ กับ รอ้ ยละ 6.4 ทรัพย์พกั หนี้ วงเงนิ 100,000 ลา้ นบาท 3) รฐั บาลใชร้ ะยะเวลาในการควบคมุ การแพรร่ ะบาดอีกครงั้ 3) จํานวนนักทอ่ งเทีย่ วตา่ งประเทศ จํานวน 3 และ 21.5 ของโรคติดเชอ้ื ไวรัสโคโรนา 2019 จํานวน 2 เดอื น ลา้ นคน ในปี 2564 และ 2565 ตามลาํ ดับ 4) ภาครัฐมรี ายจ่ายเพ่อื การลงทุนดา้ นการก่อสร้างเพม่ิ ขึ้น 4) ราคาน้าํ มนั ดิบดไู บ เทา่ กบั 60 และ 62.5 ดอลล่ารส์ หรฐั รอ้ ยละ 9.4 ในปี 2564 ต่อบาเรลในปี 2564 และ 2565 ตามลาํ ดบั 5) ภาครัฐดาํ เนินโครงการเราชนะและ ม. 33 เรารักกัน วงเงิน 2.5 แสนลา้ นบาท และมาตรการพยงุ เศรษฐกิจ เพ่ิมเตมิ จํานวน 3.9 แสนลา้ นบาท (พรก. กูเ้ งนิ จาํ นวน 2.5 แสนลา้ นบาท และงบกลาง จํานวน 1.4 แสนลา้ นบาท) ทม่ี า : ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารแห่งประเทศไทย นอกจากน้ี ในประเด็นเก่ียวกับการดําเนินมาตรการทางการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ท่ีผ่านมา รัฐบาลดาํ เนนิ การโดยโอนเงินสดในลักษณะจ่ายขาดใหแ้ ก่ประชาชน อาทิ มาตรการเพ่ิมรายได้ให้แก่ผู้มีรายได้น้อย ในโครงการลงทะเบียนเพือ่ สวัสดิการแห่งรัฐปี 2559 และในปัจจุบัน รัฐบาลได้พัฒนาการดําเนินมาตรการดังกล่าว โดยใช้ Mobile Application ผ่านโทรศัพท์มือถือ และให้สิทธิและวงเงินการใช้จ่ายแก่ประชาชนผู้เข้าร่วม มาตรการในระยะเวลาท่ีกําหนด ท้ังนี้ ประชาชนดังกล่าวจะต้องใช้วงเงิน เพ่ือซ้ือสินค้าและบริการใ นระยะเวลา ที่กําหนดเท่านั้น หากไม่ดําเนินการตามเง่ือนไข จะไม่สามารถใช้วงเงินดังกล่าวในการซ้ือสินค้าและบริการได้ สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร 41 สานักงบประมาณของรัฐสภา 233
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลัง ผู้ศึกษาพิจารณาแล้ว เห็นว่า การปรับรูปแบบการให้เงินช่วยเหลือดังกล่าวจากเดิมในลักษณะเงินโอน ท่ีส่งผลต่อ ระบบเศรษฐกิจตํ่า เป็นแบบการให้วงเงินตามสิทธิที่มีเง่ือนไขและระยะเวลา จะกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการใช้จ่าย ของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เน่ืองจากทําให้ยอดขายสินค้าและบริการเพ่ิมขึ้นโดยตรงและทันที ในขณะท่ี การให้เงินโอนในลักษณะจ่ายขาดอาจไม่สามารถกระตุ้นการใช้จ่ายได้อย่างเต็มท่ี เน่ืองจากประชาชนผู้ ได้รับเงินโอนอาจนําเงินท่ีได้รับบางส่วนไปเก็บออมหรือชําระหน้ี ทั้งน้ี ผู้ศึกษาได้คํานวณตัวคูณทางการคลัง (Fiscal Multipliers) ของการใช้จ่ายภาครัฐประเภทต่าง ๆ โดยปรับปรุงและพัฒนาวิธีการศึกษาเชิงปริมาณจาก การศึกษาของสํานักงานเศรษฐกิจการคลัง (สํานักงานเศรษฐกิจการคลัง, 2551, น. 133 – 150) พบว่า ตัวคูณ ทางการคลังของรายจ่ายเงินโอนสําหรับประชาชนผู้มีรายได้น้อย เท่ากับ 1.169 และตัวคูณทางการคลังของ รายจ่ายที่มีผลกระทบทางตรงต่อระบบเศรษฐกิจ เท่ากับ 1.817 หากรัฐบาลเพ่ิมรายจ่ายดังกล่าว จํานวน 1 บาท จะทาํ ให้ GDP เพ่มิ ขึน้ เท่ากับ 1.169 และ 1.817 บาท ตามลาํ ดับภายในระยะเวลา 5 ปี ท้ังนี้ การดําเนินมาตรการ ทางการคลังในปัจจุบัน เป็นรายจ่ายที่มีผลกระทบทางตรงต่อระบบเศรษฐกิจ จึงสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้มี ประสิทธิภาพมากกว่าการให้เงินโอนแก่ประชาชนในอดีต และเม่ือดําเนินมาตรการดังกล่าวอย่างต่อเน่ือง ย่อมจะ ส่งผลบวกตอ่ การขยายตวั ทางเศรษฐกจิ ในระยะต่อไป 4.2 ประมาณการรายได้ของรัฐบาล การประมาณการรายได้ของรัฐบาลในสว่ นน้ีจะใช้หลักแนวคิดประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีของรัฐบาล และ ตัวแปรหนึ่งที่ใช้วัดประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล คือ สัดส่วนรายได้ภาษีเงินได้ท่ีรัฐบาลจัดเก็บได้จริง กับ GDP (มนัส มนูกุลกิจ, 2552, น.27) ท้ังน้ี ผู้ศึกษาพิจารณาแล้ว เห็นว่า เมื่อเศรษฐกิจขยายตัวและ GDP ปรับ เพ่ิมสูงขึ้น จะทําให้การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลเพ่ิมข้ึนในทิศทางเดียวกัน แต่การจัดเก็บรายได้ดังกล่าว จะเพ่ิม มากขึ้นในสัดส่วนเท่าใด อย่างไร ย่อมข้ึนอยู่กับประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล หากประสิทธิภาพ ดังกล่าวเพ่ิมข้ึน จะทําให้การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลเพิ่มข้ึนในอัตราที่มากกว่าการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกัน หากประสิทธิภาพปรับลดลง จะทําให้การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลเพิ่มขึ้นน้อยกว่าการขยายตัว ทางเศรษฐกจิ ทงั้ นี้ ข้นั ตอนการประมาณการรายได้ของรัฐบาลมีข้นั ตอนและรายละเอยี ด ดังนี้ 1) กําหนดสดั สว่ นรายได้สทุ ธหิ ลงั หักจัดสรรของรัฐบาลต่อ GDP ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 – 2565 ท้ังน้ี เม่ือ พจิ ารณาข้อมลู ในปงี บประมาณ พ.ศ. 2563 พบว่า เท่ากับ ร้อยละ 15.0 ซ่ึงเป็นช่วงเวลาท่ีการแพร่ระบาดของโรค ติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 เป็นไปอย่างรุนแรง โดยภาครัฐมีการใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโดยการจํากัด การทํากิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเดินทางอย่างเข้มงวด และเศรษฐกิจไทยมีการหดตัวเป็นคร้ังแรก ในระยะเวลาหลายปี ดังน้ัน ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 จึงเป็นช่วงเวลาท่ีสะท้อนถึงวิกฤติเศรษฐกิจและอุปสรรค ในการจัดเกบ็ รายได้ของรฐั บาลใหเ้ ปน็ ไปตามทกี่ าํ หนดไว้ และสัดส่วนดังกล่าวในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 มีค่าตํ่า กว่าปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 – 2562 ที่เท่ากับ ร้อยละ 15.7 – 15.3 ตามลําดับ ทั้งน้ี ผู้ศึกษาช้ีแจงว่า การประมาณการรายได้ของรัฐบาลในรายงานการวเิ คราะห์ฉบับน้ีจะเป็นไปตามแนวทางอนุรักษ์นิยม จึงกําหนดให้ สัดส่วนรายได้สุทธิหลังหักจัดสรรของรัฐบาลต่อ GDP ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 – 2565 เท่ากับ ร้อยละ 15 ซึ่งแสดงให้เหน็ ว่า รัฐบาลจะยังคงมคี วามยากลาํ บากในการจัดเกบ็ รายไดต้ ่อไป สานักงานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร 42 สานักงบประมาณของรฐั สภา 234
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลงั 2) ประมาณการ GDP ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 – 2565 โดยใช้ข้อมูล GDP ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 และ กําหนดใหเ้ พิ่มตาม Real GDP Growth Rate และอัตราเงินเฟอ้ โดยประมาณการ Real GDP Growth Rate และ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป เป็นไปตามผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย คร้ังท่ี 2/2564 เม่อื วันท่ี 24 มีนาคม 2564 3) นําสัดสว่ นรายไดส้ ทุ ธหิ ลังหกั จดั สรรของรัฐบาลในขอ้ 1 มาคูณกับประมาณการ GDP ปีงบประมาณในข้อ 2 เพ่อื ประมาณการการจัดเกบ็ รายได้ของรัฐบาลในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 – 2565 ต่อไป ผลการประมาณการการจัดเก็บรายไดข้ องรัฐบาล ปงี บประมาณ พ.ศ. 2564 – 2565 ปรากฏตามตารางที่ 4.3 โดยการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลมีค่าเท่ากับ 2,485,968.2 และ 2,627,668.4 ล้านบาทตามลําดับ และเมื่อ เปรียบเทียบกับข้อมูลท่ีเกิดขึ้นจริงในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 พบว่า การจัดเก็บรายได้ของรัฐบ าล ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 – 2565 จะเพิ่มข้ึนตามการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจโดย Real GDP Growth Rate มีแนวโน้มปรับเพ่ิมขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี เมื่อนําประมาณการรายได้ของรัฐบาลในรายงานวิเคราะห์ฉบับนี้ เปรยี บเทียบกบั ประมาณการของรัฐบาลตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันท่ี 5 มกราคม 2564 ข้อมูลปรากฏตามตาราง ท่ี 4.4 พบว่า ประมาณการรายได้ของรัฐบาลในรายงานวิเคราะห์ฉบับนี้มีแนวโน้มต่อเน่ืองสม่ําเสมอ ในขณะที่ ประมาณการรายได้ของรัฐบาลตามมติคณะรัฐมนตรีดังกล่าว มีค่าประมาณการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เท่ากับ 2,677,000 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าค่าท่ีเกิดข้ึนจริงในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ท่ีเท่ากับ 2,391,569.4 ล้าน บาท เป็นอย่างมาก นอกจากน้ี ยังมีค่าประมาณการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ที่เท่ากับ 2,400,000 ล้านบาท ซ่ึงมีค่าใกล้เคียงกับการจัดเก็บรายได้ท่ีเกิดข้ึนจริงในปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ที่เท่ากับ 2,391,569.4 ล้านบาท ทั้งทใ่ี นความเป็นจรงิ แลว้ ภาวะเศรษฐกิจในปี 2565 ไดม้ ีการฟื้นตวั และเร่ิมกลับเขา้ ส่ภู าวะปกตแิ ลว้ ตารางที่ 4.3 ประมาณการการจดั เก็บรายได้ของรฐั บาล ตวั แปร ขอ้ มลู ทีเ่ กิดข้นึ จริง สมมติฐาน/ประมาณการ 2561 2562 2563 2564 2565 - Real GDP Growth Rate (รอ้ ยละ) 4.2 2.3 -6.1 3.0 4.7 - อัตราเงินเฟ้อทวั่ ไป (ร้อยละ) 1.07 0.71 -0.85 1.2 1.0 - สัดสว่ นรายได้สทุ ธิหลงั หักจดั สรรตอ่ GDP ปีงบประมาณ 15.7 15.3 15.0 15.0 15.0 (ร้อยละ) - GDP ปีงบประมาณ (ล้านบาท) 16,161,525.0 16,794,690.0 15,905,107.0 16,573,121.5 17,517,789.4 - รายไดส้ ทุ ธหิ ลังจัดสรร (ลา้ นบาท) 2,536,945.0 2,566,115.6 2,391,569.4 2,485,968.2 2,627,668.4 ท่มี า : - ขอ้ มูล Real GDP Growth Rate จดั เก็บจากสํานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ (ปี 2561 – 2563) และผลการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารแหง่ ประเทศไทย ครงั้ ท่ี 2/2564 เมอ่ื วันที่ 24 มนี าคม 2564 (ปี 2564 – 2565) - ขอ้ มลู อัตราเงินเฟ้อท่ัวไปจดั เกบ็ จากธนาคารแหง่ ประเทศไทย (ปี 2561 – 2563) และผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงนิ ธนาคารแหง่ ประเทศไทย ครงั้ ท่ี 2/2564 เม่อื วันท่ี 24 มีนาคม 2564 (ปี 2564 – 2565) - ข้อมลู สัดสว่ นรายได้สุทธหิ ลงั หกั จดั สรรต่อ GDP ปีงบประมาณจดั เกบ็ จากสาํ นกั งานเศรษฐกจิ การคลัง กระทรวงการคลงั (ปี 2561 – 2563) และกาํ หนดโดยผ้ศู ึกษา (ปี 2564 – 2565) - ขอ้ มูล GDP ปีงบประมาณจัดเกบ็ จากสํานกั งานเศรษฐกิจการคลงั กระทรวงการคลัง (ปี 2561 – 2563) และประมาณการโดยผูศ้ กึ ษา (ปี 2564 – 2565) - ข้อมลู รายได้สทุ ธิหลงั หักจดั สรรจัดเกบ็ จากสาํ นกั งานเศรษฐกจิ การคลงั กระทรวงการคลงั (ปี 2561 – 2563) และประมาณการโดยผู้ศึกษา (ปี 2564 – 2565) สานักงานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร 43 สานกั งบประมาณของรฐั สภา 235
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลงั ตารางที่ 4.4 เปรียบเทียบประมาณการการจัดเกบ็ รายได้สุทธิหลงั หกั จดั สรร ตวั แปร ขอ้ มลู ทเี่ กิดขนึ้ จรงิ ประมาณการ 2561 2562 2563 2564 2565 - รายไดส้ ทุ ธหิ ลงั จัดสรร (ล้านบาท) 2,536,945.0 2,566,115.6 2,391,569.4 - ประมาณการโดยรัฐบาล (ลา้ นบาท) 2,677,000.0 2,400,000.0 - ประมาณการโดยผ้ศู ึกษา (ลา้ นบาท) 2,485,968.2 2,627,668.4 ทม่ี า : ประมาณการโดยรฐั บาลเป็นไปตามมตคิ ณะรฐั มนตรี เม่ือวันที่ 5 มกราคม 2564 เร่อื ง วงเงนิ งบประมาณรายจ่ายประจาํ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 4.3 ประมาณการดลุ เงินงบประมาณ เม่ือนํากรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 – 2565 ตามมติคณะรัฐมนตรีเม่ือ วันท่ี 5 มกราคม 2564 มาพิจารณาร่วมกับประมาณการรายได้สุทธิหลังหักจัดสรรของรัฐบาล จะได้ประมาณการ ดุลงบประมาณ รายละเอียดปรากฏตามตารางท่ี 4.5 ท้ังน้ี คาดว่า ดุลงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 – 2565 จะมีการขาดดุลเท่ากับ 799,994.3 และ 472,331.6 ล้านบาท ตามลําดับ และรัฐบาลจําเป็นต้องกู้เงินเพื่อ ชดเชยการขาดดุลงบประมาณดังกล่าว โดยพระราชบัญญัติการบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ. 2548 และท่ีแก้ไข เพ่ิมเติม มาตรา 21 กําหนดว่า การกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณเม่ือมีรายจ่ายสูงกว่ารายได้ รัฐบาล สามารถก้เู งินได้ในจํานวนไม่เกนิ รอ้ ยละ 20 ของงบประมาณรายจ่ายประจําปีและร้อยละ 80 ของงบประมาณที่ต้ัง ไว้เพ่ือชําระคืนต้นเงินกู้ ท้ังน้ี ข้อมูลตามมติคณะรัญมนตรีเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2564 พบว่า กรอบการกู้เงินเพ่ือ ชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 – 2565 เท่ากับ 736,392.5 และ 700,000 ล้านบาท ตามลําดับ ซ่ึงเม่ือนําไปเปรียบเทียบกับประมาณการดุลงบประมาณในช่วงระยะเวลาเดียวกันโดยผู้ศึกษา พบว่า ดลุ งบประมาณปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 จะขาดดุลมากกว่าวงเงินกู้เพ่ือชดเชยการขาดดุลงบประมาณท่ีกําหนดไว้ ตามกฎหมาย จํานวน 63,601.8 ลา้ นบาท (เท่ากบั 799,994.3 – 736,392.5) อย่างไรก็ดี รัฐบาลสามารถทําการกู้ เงินเพ่ือบริหารสภาพคล่องของเงินคงคลัง ที่ระบุไว้ตามพระราชบัญญัติการบริหารหน้ีสาธารณะ พ.ศ. 2548 และ ท่ีแก้ไขเพ่ิมเติม มาตรา 21/1 ที่กําหนดว่า รัฐบาลสามารถออกตั๋วเงินคลังเพ่ือรักษาสภาพคล่องของเงินคงคลัง ให้เพียงพอกับการเบิกจ่ายได้ไม่เกินร้อยละ 3 ของงบประมาณรายจ่ายประจําปีที่ใช้บังคับอยู่ในขณะน้ัน โดยแผนการบรหิ ารหนสี้ าธารณะ ประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ปรับปรงุ ครง้ั ท่ี 1 ตามมตคิ ณะรฐั มนตรีเม่ือวันท่ี 23 กมุ ภาพนั ธ์ 2564 ระบวุ ่า วงเงินกเู้ พ่ือบรหิ ารสภาพคลอ่ งของเงนิ คงคลัง เท่ากับ 98,578.9 ล้านบาท ซึ่งผู้ศึกษา พจิ ารณาแลว้ เหน็ วา่ เพียงพอที่จะนําไปชดเชยการขาดดุลเงินงบประมาณที่สูงเกินกว่าวงเงินกู้เพ่ือชดเชยการขาด ดุลงบประมาณ ที่กําหนดไว้ตามกฎหมาย ท้ังนี้ ประมาณการการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณปรากฏ ตามตารางท่ี 4.5 สานกั งานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร 44 สานักงบประมาณของรัฐสภา 236
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลัง ตารางท่ี 4.5 ประมาณการดุลงบประมาณและการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ตวั แปร ปงี บประมาณ 2564 2565 - กรอบวงเงนิ งบประมาณรายจ่ายประจาํ ปี (ล้านบาท) 3,285,962.5 3,100,000.0 - ประมาณการรายได้สุทธหิ ลงั หกั จัดสรร โดยผูศ้ ึกษา (ล้านบาท) 2,485,968.2 2,627,668.4 - ประมาณการดุลงบประมาณ โดยผูศ้ กึ ษา (ล้านบาท) -799,994.3 - 472,331.6 - กรอบการกูเ้ งินเพือ่ ชดเชยการขาดดลุ งบประมาณ ตามกฎหมายว่าดว้ ยการบรหิ ารหน้ี 736,392.5 700,000.0 สาธารณะ (ลา้ นบาท) - ประมาณการการกเู้ งินเพอื่ ชดเชยการขาดดุลงบประมาณ โดยผู้ศกึ ษา (ลา้ นบาท) 736,392.5 472,331.6 ทม่ี า : กรอบวงเงินงบประมาณรายจา่ ยประจาํ ปแี ละกรอบการกเู้ งินเพื่อชดเชยการขาดดลุ งบประมาณ เป็นไปตามมตคิ ณะรฐั มนตรี เมอื่ วันที่ 5 มกราคม 2564 เรือ่ ง วงเงนิ งบประมาณรายจา่ ยประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 หมายเหตุ : ประมาณการดลุ งบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 พบวา่ จะขาดดุลเทา่ กบั 799,994.3 ลา้ นบาท สงู กวา่ กรอบการกเู้ งิน เพ่ือชดเชยการขาดดุลงบประมาณประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ทกี่ ําหนดไว้ตามกฎหมาย เทา่ กบั 63,601.8 ลา้ นบาท (หรอื 799,994.3 - 736,392.5) ทง้ั น้ี การขาดดลุ งบประมาณส่วนเกินดังกล่าว รฐั บาลสามารถใชเ้ งินกู้เพอื่ บริหารสภาพคล่อง ของเงนิ คงคลัง จํานวน 98,578.9 ล้านบาท ตามแผนการบริหารหนสี้ าธารณะ ประจาํ ปงี บประมาณ พ.ศ. 2564 เพ่อื ชดเชย การขาดดลุ งบประมาณดงั กล่าว ไปพลางกอ่ นได้ 4.4 ประมาณการหน้สี าธารณะ เนอ้ื หาในส่วนนี้ จะเป็นการคาดการณ์เก่ียวกับหน้ีสาธารณะและสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 – 2565 ทั้งนี้ ในเบ้อื งตน้ แผนการบริหารหน้ีสาธารณะประจําปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ได้ระบุข้อมูล เกี่ยวกับแผนการก่อหน้ีใหมข่ องรฐั บาล รฐั วิสาหกจิ และหน่วยงานอ่ืนของรัฐ รวมทั้งแผนการชําระต้นเงินกู้ของหนี้ สาธารณะ เมื่อนําข้อมูลดังกล่าว มาพิจารณาร่วมกับประมาณการการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ ในส่วนท่ี 4.3 จะทําให้สามารถประมาณการหน้ีสาธารณะและสัดส่วนหน้ีสาธารณะต่อ GDP ได้ โดยผลการศึกษา ปรากฏตามตารางที่ 4.6 พบว่า หนี้สาธารณะ ณ ส้ินปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 จํานวน 7,848,155.9 ล้านบาท จะเพิ่มข้ึนเป็น 9,403,264.1 และ 9,939,285.8 ล้านบาท ณ สนิ้ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 และ 2565 ตามลําดับ ในขณะเดียวกัน สัดส่วนหน้ีสาธารณะต่อ GDP ณ ส้ินปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ที่เท่ากับ ร้อยละ 49.4 จะปรับ เพมิ่ ข้นึ เป็น ร้อยละ 56.7 และ 56.7 ณ สิ้นปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 และ 2565 ตามลําดับ ผู้ศึกษาพิจารณาแล้ว เห็นวา่ การท่หี นี้สาธารณะและสัดสว่ นหนส้ี าธารณะตอ่ GDP เพ่ิมขึ้นจํานวนมาก เปน็ ผลมาจากความจําเป็นในการ ใช้จ่ายของภาครัฐในการรับมือและเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2 019 ท่ีทํา ให้เศรษฐกิจไทยหดตัวและ Real GDP Growth Rate มีค่าเป็นลบ อยางไรก็ดี เมื่อเหตุการณ์ต่าง ๆ กลับเข้าสู่ ภาวะปกติ เศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวได้ตามศักยภาพ Real GDP Growth Rate มีค่าเป็นบวก และความ ตอ้ งการก่อหนีข้ องภาครัฐลดลง อาจสง่ ผลใหส้ ดั สว่ นหน้สี าธารณะตอ่ GDP ปรบั ลดลงไดใ้ นระยะยาว สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 45 สานกั งบประมาณของรัฐสภา 237
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลัง ตารางที่ 4.6 ประมาณการหนี้สาธารณะและสดั สว่ นหนสี้ าธารณะต่อ GDP ตวั แปร ปีงบประมาณ 2564 2565 การกอ่ หน้ีใหมข่ องรฐั บาล - การกเู้ งนิ เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ (ลา้ นบาท) 736,392.5 472,331.6 - การกู้เงนิ ภายใต้ พรก. โควดิ -19 พ.ศ. 2563 (ลา้ นบาท) 664,274.0 - - เงนิ กู้เพื่อดาํ เนินโครงการเงินกูเ้ พอ่ื พัฒนาเศรษฐกิจและโครงสร้างพ้นื ฐาน (DPL) 163.5 172.8 (ลา้ นบาท) - เงนิ กู้มาให้ก้ตู อ่ เพ่ือสนับสนนุ โครงการโครงสรา้ งพ้ืนฐานของภาครฐั (ลา้ นบาท) 78,914.6 83,412.7 - เงนิ กเู้ พือ่ เสรมิ สภาพคล่องของเงนิ คงคลงั (ล้านบาท) 98,578.9 - การก่อหนใ้ี หม่ของรฐั วสิ าหกจิ (ลา้ นบาท) 125,166.3 132,300.8 การก่อหนใ้ี หม่ของหนว่ ยงานอ่ืนของรัฐ (ลา้ นบาท) 1,808.0 1,911.1 การชําระคืนตน้ เงินกูข้ องหนสี้ าธารณะ - เงนิ งบประมาณ (ล้านบาท) 99,000.0 100,000.0 - เงินของหนว่ ยงานภาครัฐ (ล้านบาท) 51,189.5 54,107.3 ประมาณการ - หน้สี าธารณะ ณ สิน้ ปีงบประมาณ (ลา้ นบาท) 9,403,264.1 9,939,285.8 - สดั สว่ นหนี้สาธารณะต่อ GDP (ร้อยละ) 56.7 56.7 ทม่ี า : - การกเู้ งินเพื่อชดเชยการขาดดลุ งบประมาณเปน็ ประมาณการโดยผ้ศู กึ ษา - การกเู้ งินภายใต้ พรก. โควิด-19 พ.ศ. 2563 ทําการก้สู ะสมจนถึงส้ินปงี บประมาณ พ.ศ. 2563 แล้ว จาํ นวน 335,726.0 ล้านบาท ผู้ศกึ ษาจงึ กําหนดใหร้ ฐั บาลกู้ในวงเงนิ ส่วนทีเ่ หลอื ในปงี บประมาณ พ.ศ. 2564 เพอ่ื ใหว้ งเงนิ กสู้ ะสมครบจาํ นวน 1,000,000 ล้านบาท - เงินกูเ้ พอ่ื ดําเนนิ โครงการเงนิ กู้เพือ่ พัฒนาเศรษฐกิจและโครงสร้างพ้นื ฐาน (DPL) ขอ้ มูลปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ตามแผนการบรหิ ารหน้ี สาธารณะ ประจาํ ปงี บประมาณ พ.ศ. 2564 และขอ้ มลู ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เพ่มิ ตาม Real GDP Growth Rate และอตั ราเงินเฟอ้ ทว่ั ไป - เงนิ กมู้ าให้กู้ตอ่ เพ่ือสนบั สนนุ โครงการโครงสรา้ งพ้นื ฐานของภาครัฐ ข้อมูลปงี บประมาณ พ.ศ. 2564 ตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจาํ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 และข้อมลู ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เพิ่มตาม Real GDP Growth Rate และอัตราเงนิ เฟอ้ ทัว่ ไป - เงนิ กเู้ พอ่ื เสรมิ สภาพคลอ่ งของเงินคงคลัง ข้อมลู ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจาํ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 และขอ้ มลู ปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 ผูศ้ กึ ษากําหนดใหไ้ ม่มกี ารกู้เงินในประเดน็ ดงั กลา่ ว เนอื่ งจากกรอบการกเู้ งินเพ่ือชดเชยการขาดดุล งบประมาณทก่ี าํ หนดไว้ตามกฎหมายมเี พียงพอแล้ว - การก่อหนใ้ี หมข่ องรฐั วสิ าหกจิ ข้อมูลปงี บประมาณ พ.ศ. 2564 ตามแผนการบรหิ ารหนีส้ าธารณะ ประจาํ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 และขอ้ มูล ปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 เพ่มิ ตาม Real GDP Growth Rate และอตั ราเงินเฟ้อทั่วไป - การกอ่ หนีใ้ หมข่ องหน่วยงานอื่นของรฐั ขอ้ มูลปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ตามแผนการบรหิ ารหน้ีสาธารณะ ประจาํ ปงี บประมาณ พ.ศ. 2564 และขอ้ มลู ปงี บประมาณ พ.ศ. 2565 เพ่ิมตาม Real GDP Growth Rate และอัตราเงินเฟอ้ ทัว่ ไป - การชําระคนื ตน้ เงินกู้ของหนส้ี าธารณะ (เงนิ งบประมาณ) เปน็ ไปตามมตคิ ณะรัฐมนตรี เมือ่ วนั ท่ี 5 มกราคม 2564 เร่อื ง วงเงินงบประมาณ รายจ่ายประจาํ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 - การชาํ ระคนื ตน้ เงนิ ก้ขู องหนสี้ าธารณะ (เงนิ ของหน่วยงานภาครัฐ) ข้อมูลปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ตามแผนการบริหารหนี้สาธารณะ ประจําปี งบประมาณ พ.ศ. 2564 และขอ้ มลู ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 เพ่ิมตาม Real GDP Growth Rate และอัตราเงนิ เฟ้อท่ัวไป - หนี้สาธารณะและสัดสว่ นหนีส้ าธารณะต่อ GDP ณ ส้นิ ปงี บประมาณ พ.ศ. 2563 เท่ากับ 7,848,155.9 ล้านบาท และรอ้ ยละ 49.3 สานักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร 46 สานกั งบประมาณของรัฐสภา 238
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลัง 4.5 ผลของภาวะเศรษฐกิจที่ปรับลดลงกว่าที่คาดตอ่ ความย่ังยืนทางการคลัง การประมาณการฐานะทางการคลังในขอ้ ท่ี 4.2 – 4.4 ดําเนนิ การโดยใช้สมมติฐานภาวะเศรษฐกิจมหภาคตาม ข้อท่ี 4.1 โดยข้อสมมติที่สําคัญ คือ Real GDP Growth Rate ในปี 2564 และ 2565 เท่ากับ ร้อยละ 3.0 และ 4.7 ตามลาํ ดบั อยา่ งไรกด็ ี ในปัจจบุ นั ประเดน็ ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจยังคงอยู่ โดยโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 อาจมีการแพร่ระบาดอีกครั้งในระยะเวลาที่เหลือของปี 2564 รวมทั้งปี 2565 ซึ่งจะส่งผลต่อการขยายตัวทาง เศรษฐกจิ ให้เปลย่ี นแปลงไป ดงั นั้น เน้ือหาในสว่ นน้ีจงึ ประมาณการตัวแปรฐานะทางการคลังอีกครั้ง โดยกําหนดให้ Real GDP Growth Rate มีคา่ ลดลง โดยมรี ายละเอียด ดังนี้ สมมติฐาน : Real GDP Growth Rate ปรับลดลงจากข้อที่ 4.1 เท่ากับ ร้อยละ 1 ต่อปี โดยมีค่า เทา่ กบั รอ้ ยละ 2.0 และ 3.7 ในปี 2564 และ 2565 ตามลาํ ดับ ผลการประมาณการรายได้ : เทา่ กับ 2,462,110.6 และ 2,577,829.8 ล้านบาท ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 และ 2565 ตามลําดับ ผลการประมาณการสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP : เท่ากับ ร้อยละ 57.3 และ 58.1 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 และ 2565 ตามลําดับ 4.6 สรุปประมาณการฐานะทางการคลงั การประมาณการฐานะทางการคลงั ในรายงานฉบับน้ี จะเป็นการประมาณการรายได้ของรัฐบาล การกู้เงินเพื่อ ชดเชยการขาดดุลงบประมาณ และสัดส่วนหน้ีสาธารณะต่อ GDP ในระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 – 2565 เพื่อประเมินความย่ังยืนทางการคลังของภาครัฐในสถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งน้ี ผลการวิเคราะห์ พบว่า การจัดเก็บ รายได้ของรัฐบาลจะปรับเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณก่อนหน้าตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ ท่ีเร่ิมฟื้นตัวจากการ แพร่ระบาดของโรคติดเช้ือไวรัสโคโรนา 2019 อย่างไรก็ตาม การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลท่ีเพ่ิมสูงขึ้น จะยังคงตํ่า กว่าความต้องการใช้จ่ายภาครัฐ ทําให้ยังคงมีการกู้เงินเพ่ือชดเชยการขาดดุลงบประมาณต่อไป ท้ังน้ี การแพร่ ระบาดของโรคติดเชื้อจะทําให้ความต้องการใช้จ่ายของภาครัฐเพ่ิมสูงขึ้น ทําให้อาจต้องมีการก่อหนี้สาธารณะ เพ่ิมขึ้น เพ่ือนําเงินที่ได้ไปเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเช้ือดังกล่าว ทําให้คาดว่า สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อ GDP จะเพ่ิมข้ึนจาก ร้อยละ 49.3 ณ ส้ินปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 เป็น ร้อยละ 56.7 และ 56.7 ณ สิน้ ปงี บประมาณ พ.ศ. 2564 และ 2565 ตามลําดับ ท้ังน้ี เม่ือเหตุการณ์ต่าง ๆ กลับเข้าสู่ภาวะปกติ เศรษฐกจิ ไทยสามารถขยายตัวได้ตามศักยภาพ และความต้องการก่อหน้ีของภาครัฐลดลง อาจส่งผลให้สัดส่วนหน้ี สาธารณะต่อ GDP ปรับลดลงได้ในระยะยาว นอกจากน้ี เมื่อกําหนดให้ระบบเศรษฐกิจขยายตัวลดลง เท่ากับ ร้อยละ 1 ต่อปี พบว่า สัดส่วนหน้ีสาธารณะต่อ GDP จะปรับเพ่ิมข้ึนเล็กน้อย เป็นร้อยละ 57.3 และ 58.1 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 และ 2565 ตามลาํ ดับ สานกั งานเลขาธิการสภาผูแ้ ทนราษฎร 47 สานกั งบประมาณของรัฐสภา 239
ภาวะเศรษฐกจิ มหภาคและประมาณการฐานะทางการคลัง บรรณานกุ รม ณรงค์ชัย ฐติ นิ ันทพ์ งศ.์ (2563). ข้อเสนอแนวคิดในการปรับปรุงหรือพัฒนางาน เร่ือง คู่มือการวิเคราะห์ผลกระทบ ของการใชจ้ า่ ยภาครัฐตอ่ GDP โดยตวั คณู ทางการคลงั (Fiscal Multipliers). กรุงเทพฯ: สาํ นักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร. ธนาคารไทยพาณิชย์. (2564). Outlook ไตรมาส 1/2021. สืบคน้ เม่อื วนั ท่ี 12 มีนาคม 2564, จาก https://www .scbeic.com/th/detail/product/7434 มนัส มนูกุลกิจ. (2552). ประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของสํานักงานสรรพากรพื้นท่ี กรุงเทพมหานคร. สืบค้นเม่ือวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564, จาก http://thesis.swu.ac.th/swuthesis/Hum_ Res_Econ/Manat_M.pdf สํานักงานเศรษฐกิจการคลัง. (2551). โครงการงานวิจัยการพัฒนาระบบการวิเคราะห์ข้อมูลภาคการคลังของ ประเทศไทย. สืบค้นเมื่อวันท่ี 25 มิถุนายน 2561, จาก http://www.fpo.go.th/eresearch/getattachme nt/e997b400-4792-4fef-96a4-c69a30be0be6/9111.aspx Dunning, John H. (2003). Determinants of Foreign Direct Investment: Globalizaion – Induced Change and the Role of Policies. The 5th Annual World Bank Conference on Development Economics-Europe. สานกั งานเลขาธิการสภาผูแ้ ทนราษฎร 48 สานักงบประมาณของรัฐสภา 240
สานกั งบประมาณของรฐั สภา สานกั งานเลขาธกิ ารสภาปู้แทนราษฎร www.parliament.go.th/pbo PBO วิเคราะห์งบประมาณอย่างมืออาชพี เป็นกลาง และสร้างสรรค์ 241
รายงานเศรษฐกิจ การเงิน การคลังภาครัฐ ระดบั มหภาค 242
รายงานเศรษฐกิจ การเงนิ การคลังภาครัฐ ระดบั มหภาค 243
เรอื่ ง รายงานเศรษฐกิจ การเงินการคลังภาครัฐระดับมหภาค ฉบับที่ จดั พมิ พค์ รัง้ ที่ 7/2564 จานวนหนา้ จานวนพมิ พ์ 1/2564 จดั ทาโดย 40 หน้า ทป่ี รกึ ษา 750 เลม่ คณะผ้จู ดั ทา สานักงบประมาณของรฐั สภา สานักงานเลขาธกิ ารสภาผแู้ ทนราษฎร พมิ พ์ท่ี 1111 ถนนสามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสติ กรงุ เทพมหานคร 10300 โทรศพั ท์ 0-2242-5900 ต่อ 7420 นายศิโรจน์ แพทย์พันธ์ุ รองเลขาธกิ ารสภาผูแ้ ทนราษฎร นายนพรัตน์ ทวี นักวิเคราะหง์ บประมาณเชย่ี วชาญ นางสาวปยิ วรรณ เงนิ คลา้ ย นกั วเิ คราะห์งบประมาณชานาญการพเิ ศษ นายณรงคช์ ยั ฐติ ินนั ท์พงศ์ นกั วิเคราะห์งบประมาณชานาญการพเิ ศษ นายวีรวัฒน์ พลิ ากุล นกั วิเคราะห์งบประมาณชานาญการ นางสาวนนั ทิยา แสนโกศกิ นักวเิ คราะหง์ บประมาณปฏบิ ัตกิ าร สานกั การพิมพ์ สานักงานเลขาธกิ ารสภาผูแ้ ทนราษฎร 1111 ถนนสามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสติ กรุงเทพมหานคร 10300 โทรศัพท์ 0-2242-5900 ตอ่ 5411 แบบสารวจความพึงพอใจต่อเอกสารวชิ าการ ของสานักงบประมาณของรฐั สภา (PBO) สานักงานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร 244
รายงานเศรษฐกจิ การเงนิ การคลังภาครฐั ระดับมหภาค คานา สานักงบประมาณของรัฐสภา มีหน้าที่สนับสนุนการดาเนินงานด้านวิชาการให้กับฝ่ายนิติบัญญัติ เพ่ือให้การพิจารณาอนุมัตริ ่างพระราชบัญญตั ิงบประมาณรายจา่ ยประจาปีมีประสทิ ธิภาพ จึงไดร้ วบรวม ข้อมูลด้านเศรษฐกิจและสังคมท่ีสาคัญและมีความจาเป็นประกอบการพิจารณารายจ่ายประจาปี ประกอบด้วย ข้อมูลด้านเศรษฐกิจท้ังระดับมหภาคและข้อมูลภาคครัวเรือน เช่น ผลิตภัณฑ์มวลรวมใน ประเทศ อัตราเงินเฟ้อ รายได้และค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อเดือนต่อครัวเรือน หน้ีสินต่อครัวเรือน และข้อมูล ด้านการคลัง เช่น แผนการคลังระยะปานกลาง โครงสร้างงบประมาณ ผลการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล และหน้ีสาธารณะคงค้าง เพ่ือให้สมาชิกรัฐสภา คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ใช้เป็นข้อมูลประกอบการ พิจารณาร่างพระราชบญั ญตั งิ บประมาณรายจา่ ยประจาปี สานักงบประมาณของรัฐสภา หวังเป็นอย่างย่ิงว่า รายงานฉบับน้ีจะเป็นประโยชน์ต่อสมาชิก รัฐสภา และผู้ที่สนใจใช้เป็นข้อมูลสนับสนุนในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่าย ประจาปีต่อไป สานกั งบประมาณของรฐั สภา พฤษภาคม 2564 สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผ้แู ทนราษฎร -ก- สานักงบประมาณของรัฐสภา 245
รายงานเศรษฐกจิ การเงินการคลงั ภาครัฐระดบั มหภาค หน้า ก สารบญั ข 1 คานา สารบญั 4 สาระสงั เขป 6 8 ด้านเศรษฐกจิ 9 1 ผลิตภณั ฑม์ วลรวมในประเทศ Gross domestic product 2 ผลติ ภัณฑม์ วลรวมภายในประเทศ ระดบั ภูมภิ าคและจงั หวัด 10 3 ผลติ ภัณฑป์ ระชาชาติ 11 4 อัตราเงินเฟอ้ 13 14 ภาคครัวเรือน 15 5 จานวนประชากร 18 6 สถิติดา้ นแรงงาน 19 7 รายไดโ้ ดยเฉล่ยี ต่อเดอื นต่อครัวเรือน 20 8 คา่ ใชจ้ า่ ยเฉล่ียต่อเดอื นต่อครัวเรอื น 21 9 หนี้สินทัง้ ส้นิ เฉลี่ยตอ่ ครัวเรอื น จาแนกรายจังหวดั พ.ศ. 2554 - 2560 10 สัดส่วนของหนี้ครวั เรือนต่อ GDP 23 11 เส้นค่าความยากจน (Poverty line) 24 12 สดั สว่ นคนจน 24 13 สมั ประสทิ ธ์ิความไม่เสมอภาค (Gini coefficient) 27 28 ดา้ นการคลงั 30 14 แผนการคลังระยะปานกลาง 15 ฐานะการคลังตามระบบกระแสเงินสดของรฐั บาล 16 โครงสรา้ งงบประมาณ 17 ผลการจัดเก็บรายได้รฐั บาล 18 หนสี้ าธารณะคงค้างระหว่างปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 - 2562 บรรณานุกรม สานักงานเลขาธิการสภาผแู้ ทนราษฎร -ข- สานักงบประมาณของรัฐสภา 246
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 577
Pages: