Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เอกสารวิชาการเพื่อสนับสนุนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯ 2565

เอกสารวิชาการเพื่อสนับสนุนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯ 2565

Published by agenda.ebook, 2021-05-28 07:36:11

Description: เอกสารวิชาการเพื่อสนับสนุนการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 (ขั้นรับหลักการ)

Search

Read the Text Version

57 แผนภำพที่ 19 อัตรำกำรเพ่ิมขึนของงบประมำณลงพืนท่จี งั หวัดเฉล่ีย ปี 2552-2564 ท่มี า: สานักงบประมาณ (2552–2564) ประมวลโดยคณะนกั วิจยั หมายเหตุ : งบประมาณของจังหวัดบึงกาฬเป็นงบประมาณเฉล่ยี 10 ปี (ปี 2555-2564) เน่อื งจากบึงกาฬเรม่ิ ไดร้ บั งบประมาณในปี 2555 497

58 4.1.4 สัดส่วนงบประมำณรำยจังหวดั ตอ่ งบประมำณลงพืนทที่ งั 77 จังหวดั ในชว่ งปี 2552 และ 2562 ในสว่ นนเ้ี ปน็ เปรยี บเทยี บสดั สว่ นงบประมาณรายจังหวัดทีไ่ ด้รับจัดสรรต่องบประมาณลงพน้ื ที่ ทงั้ หมด 77 จังหวดั โดยสูตรการคานวณคือ สัดส่วนงบประมาณรายจังหวัดต่องบประมาณลงพนื้ ทจ่ี ังหวัดทง้ั หมด 77 จังหวดั เทา่ กับ งบประมาณลงพืน้ ทจ่ี งั หวดั ������������ งบประมาณลงพนื้ ท่ี กทม.+งบประมาณลงพืน้ ทท่ี ัง้ 76จังหวดั ������������ ทั้งน้ีเพ่อื ดวู ่างบประมาณลงพนื้ ที่จงั หวัดของแต่ละจงั หวดั เป็นสัดส่วนเท่าไรของงบประมาณของ ทั้ง 77 จังหวัด แผนภาพท่ี 20 แสดงให้เห็นว่า ลักษณะการจัดสรรงบประมาณของไทยในปี 2562 มี การกระจุกตัวน้อยลงกว่าปี 2552 โดยสังเกตได้ว่าอันดับของสัดส่วนงบประมาณรายจังหวัดต่องบลง พ้ืนท่ีท้ังหมดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ท้ังนี้ในปี 2562 มี 32 จังหวัดท่ีได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้น คิดเป็นสัดส่วนต่องบประมาณลงพื้นที่จังหวัดทั้งหมดมากกว่าตอนปี 2552 และมี 39 จังหวัดที่ได้รับ งบประมาณคดิ เป็นสัดสว่ นต่องบประมาณลงพน้ื ทีจ่ งั หวัดท้งั หมดนอ้ ยกว่าตอนปี 2552 อย่างไรก็ตามสัดส่วนของงบประมาณของกรุงเทพมหานครต่องบประมาณลงพ้ืนที่ 77 จังหวัด ยังสูงมากเป็นอันดับที่ 1 เพิ่มข้ึนจากร้อยละ 37.00 ในปีงบประมาณปี 2552 เป็นร้อยละ 69.75 ใน ปีงบประมาณปี 2562 และสัดส่วนของงบประมาณของสมุทรสงครามยังคงเป็นลาดับสุดท้ายทั้งปี 2552 และ 2562 ลดลงจากร้อยละ 0.23 ในปี 2552 เป็นรอ้ ยละ 0.06 ในปี 2562 ผลต่างเพิม่ มากกัน จากปี 2552 ซ่ึงสะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้าท่ีเกิดขึ้นจากการบริหารจัดการงบประมาณในช่วงท่ี ผ่านมานอกจากน้ีแผนภาพที่ 20 ยังแสดงให้เห็นถงึ จังหวัดที่มีสัดส่วนงบประมำณต่องบประมำณลงพืนที่ 77 จังหวัดเพิ่มขึนจำกปี 2552 อย่ำงมีนัยสำคัญ (ลดลง 5 อันดับขึ้นไป) มีจานวนทั้งสิ้น 20 จังหวัด คือ กระบ่ี กาญจนบุรี ชัยภูมิ นนทบุรี สระบรุ ี สระแก้ว แพร่ บุรีรมั ย์ ยะลา ตรงั ระยอง ฉะเชงิ เทรา ยโสธร สุรนิ ทร์ ประจวบครี ีขันธ์ ปราจนี บรุ ี เลย จนั ทบรุ ี มกุ ดาหาร นครปฐม และนครนายก จังหวัดท่ีมีสัดส่วนงบประมำณต่องบประมำณลงพืนที่ 77 จังหวัดลดลงจำกปี 2552 อย่ำงมีนัยสำคัญ (เพ่ิมขึ้น 5 อันดับข้ึนไป) มีจานวนทั้งสิ้น 21 จังหวัด คือ กาฬสินธุ์ กาแพงเพชร ปัตตานี พัทลุง พิจิตร พิษณุโลก เพชรบุรี เพชรบูรณ์ มหาสารคาม ราชบุรี ลพบุรี ลาปาง สุโขทัย สมุทรสาคร สมทุ รปราการ สุพรรณบุรี อา่ งทอง อุตรดติ ถ์ อุทยั ธานี และอบุ ลราชธานี จำกลักษณะกำรจัดสรรงบประมำณในรอบ 13 ปี แสดงให้เห็นถึงควำมพยำยำมในกำร เปล่ียนแปลงสัดส่วนและกระจำยงบประมำณให้ทั่วถึงมำกขึน แต่อย่ำงไรก็ตำมสัดส่วน งบประมำณส่วนใหญ่ยงั คงอยู่ท่ีกรงุ เทพมหำนครและหวั เมืองใหญท่ เี่ จริญแลว้ หลำยจังหวัด 525 498

59 แผนภำพท่ี 20 สดั ส่วนงบประมำณรำยจงั หวัดต่องบประมำณลงพืนทท่ี งั 77 จงั หวดั อันดบั สดั สว่ น ปี 2552 ปี 2562 สดั สว่ น อนั ดบั 1 37.00 กรงุ เทพ กรงุ เทพ 69.75 1 2 3.41 เชยี งใหม่ นนทบรุ ี 8.08 2 3 3.08 สงขลา นครปฐม 1.09 3 4 2.55 นครราชสมี า เชยี งใหม่ 1.02 4 5 2.40 ขอนแกน่ นครราชสมี า 0.99 5 กลมุ่ จานวน รายชอ่ื จงั หวดั อนั ดบั 6 2.01 ชลบรุ ี ชลบรุ ี 0.95 6 คงท่ี 5 กรงุ เทพ ชลบรุ ี ระนอง 7 1.67 อบุ ลราชธานี สงขลา 0.90 7 8 1.62 พษิ ณุโลก ปทุมธานี 0.87 8 จงั หวดั สมทุ รสงคราม พระนครศรอี ยธุ ยา 9 1.58 นครศรธี รรมราช ขอนแกน่ 0.60 9 10 1.46 เชยี งราย ยะลา 0.58 10 11 1.33 ปทมุ ธานี นครศรธี รรมราช 0.55 11 12 1.24 พระนครศรอี ยธุ ยา พระนครศรอี ยธุ ยา0.51 12 กลมุ่ จานวน รายชอื่ จงั หวดั อันดบั 13 1.12 สมทุ รปราการ เชยี งราย 0.49 13 เพมิ่ ขน้ึ 32 จงั หวดั 14 1.07 สรุ าษฎรธ์ านี สระบรุ ี 0.46 14 กระบี่ กาญจนบรุ ี จนั ทบรุ ี ฉะเชงิ เทรา 15 1.02 มหาสารคาม อบุ ลราชธานี 0.45 15 ชยั นาท ชยั ภมู ิ ตรงั นครนายก 16 1.01 เพชรบรู ณ์ ฉะเชงิ เทรา 0.40 16 นครปฐม นนทบรุ ี นราธวิ าส นา่ น 17 0.97 ลาปาง สรุ าษฎรธ์ านี 0.37 17 บรุ รี มั ย์ ปทมุ ธานี ประจวบครี ขี นั ธ์ 18 0.97 ปัตตานี พษิ ณุโลก 0.36 18 19 0.97 อดุ รธานี บรุ รี มั ย์ 0.35 19 ปราจนี บรุ ี พะเยา แพร่ ภเู ก็ต 20 0.97 นราธวิ าส นราธวิ าส 0.33 20 มกุ ดาหาร ยโสธร ยะลา ระยอง 21 0.93 กาฬสนิ ธุ์ อดุ รธานี 0.32 21 ลาพูน เลย ศรสี ะเกษ สกลนคร 22 0.91 นครปฐม สรุ นิ ทร์ 0.32 22 สระแกว้ สระบรุ ี สงิ หบ์ รุ ี สรุ นิ ทร์ 23 0.91 รอ้ ยเอ็ด ระยอง 0.32 23 อานาจเจรญิ 24 0.90 นครพนม ศรสี ะเกษ 0.30 24 25 0.89 นครสวรรค์ นครพนม 0.30 25 26 0.87 ศรสี ะเกษ สกลนคร 0.29 26 กลมุ่ จานวน รายชอ่ื จงั หวดั อันดบั 27 0.83 ลพบรุ ี รอ้ ยเอ็ด 0.28 27 ลดลง 39 กาฬสนิ ธุ์ กาแพงเพชรขอนแกน่ ชมุ พร 28 0.82 บรุ รี มั ย์ กาญจนบรุ ี 0.27 28 จงั หวดั เชยี งใหม่ เชยี งราย เพชรบรุ ี เพชรบรู ณ์ 29 0.82 เพชรบรุ ี ปัตตานี 0.27 29 นครพนม นครราชสมี า 30 0.81 สกลนคร นครสวรรค์ 0.26 30 ตราด ตาก 31 0.80 สรุ นิ ทร์ เลย 0.26 31 นครสวรรค์ ปัตตานี พังงา นครศรธี รรมราช 32 0.78 ยะลา จนั ทบรุ ี 0.25 32 พัทลงุ พจิ ติ ร พษิ ณุโลก มหาสารคาม 33 0.75 นนทบรุ ี กาฬสนิ ธุ์ 0.25 33 รอ้ ยเอ็ด แมฮ่ ่องสอน ราชบรุ ี ลพบรุ ี 34 0.74 สพุ รรณบรุ ี ชยั ภมู ิ 0.24 34 ลาปาง สงขลา สตลู สมทุ รปราการ 35 0.71 ระยอง ลพบรุ ี 0.24 35 36 0.71 ราชบรุ ี ลาปาง 0.24 36 สโุ ขทัย สพุ รรณบรุ ี สมทุ รสาครสรุ าษฎรธ์ านี 37 0.69 กาญจนบรุ ี เพชรบรู ณ์ 0.24 37 หนองคาย หนองบวั ลาภอู า่ งทอง อดุ รธานี 38 0.66 สมทุ รสาคร ประจวบครี ขี นั ธ์ 0.23 38 อตุ รดติ ถ์ อทุ ัยธานี อบุ ลราชธานี 39 0.65 อตุ รดติ ถ์ มหาสารคาม 0.23 39 40 0.65 ชยั ภมู ิ สมทุ รปราการ 0.22 40 41 0.65 ฉะเชงิ เทรา เพชรบรุ ี 0.22 41 42 0.65 สโุ ขทัย ตรงั 0.22 42 43 0.63 ตาก ปราจนี บรุ ี 0.22 43 44 0.63 พัทลงุ สพุ รรณบรุ ี 0.22 44 45 0.62 สระบรุ ี ตาก 0.21 45 46 0.61 ชมุ พร สระแกว้ 0.21 46 47 0.60 เลย ชมุ พร 0.20 47 48 0.58 หนองคาย อตุ รดติ ถ์ 0.20 48 49 0.58 กาแพงเพชร พะเยา 0.20 49 50 0.55 พะเยา หนองคาย 0.20 50 51 0.55 พจิ ติ ร ราชบรุ ี 0.19 51 กลมุ่ จานวน รายชอื่ จงั หวดั 52 0.54 ตรงั น่าน 0.18 52 เพมิ่ ขนึ้ 20 กระบี่ กาญจนบรุ ี ชยั ภมู ิ นนทบรุ ี 53 0.52 ปราจนี บรุ ี นครนายก 0.17 53 54 0.51 จนั ทบรุ ี กระบี่ 0.17 54 อย่างมี จงั หวดั สระบรุ ี สระแกว้ แพร่ บรุ รี มั ย์ 55 0.50 น่าน มกุ ดาหาร 0.17 55 นัยสาคัญ ยะลา ตรงั ระยอง ฉะเชงิ เทรา 56 0.48 ประจวบครี ขี นั ธ์ กาแพงเพชร 0.16 56 (5อันดบั ยโสธร สรุ นิ ทร์ ประจวบครี ขี นั ธ์ 57 0.47 สระแกว้ แพร่ 0.15 57 ปราจนี บรุ ี เลย จนั ทบรุ ี มกุ ดาหาร 58 0.47 อทุ ัยธานี สโุ ขทัย 0.15 58 ขน้ึ ไป) 59 0.46 อา่ งทอง ภเู ก็ต 0.14 59 นครปฐม นครนายก 60 0.46 กระบ่ี พัทลงุ 0.14 60 61 0.45 ภเู ก็ต ยโสธร 0.13 61 กลมุ่ จานวน รายชอื่ จงั หวดั ลดลง 62 0.44 พังงา สมทุ รสาคร 0.13 62 21 กาฬสนิ ธุ์ กาแพงเพชร ปัตตานี พัทลงุ อย่างมี 63 0.43 แพร่ พจิ ติ ร 0.12 63 นัยสาคัญ 64 0.43 สตลู พังงา 0.12 64 (5อันดับ จงั หวดั พจิ ติ ร พษิ ณุโลก เพชรบรุ ี เพชรบรู ณ์ ลงมา) 65 0.40 ตราด ชยั นาท 0.12 65 มหาสารคาม ราชบรุ ี ลพบรุ ี ลาปาง 66 0.39 มกุ ดาหาร อทุ ัยธานี 0.12 66 สโุ ขทัย สมทุ รสาคร สมทุ รปราการ 67 0.39 ชยั นาท ตราด 0.11 67 68 0.37 ยโสธร สตลู 0.11 68 สพุ รรณบรุ ี อา่ งทอง อตุ รดติ ถ์ อทุ ัยธานี 69 0.36 แมฮ่ อ่ งสอน อานาจเจรญิ 0.11 69 อบุ ลราชธานี 70 0.32 อานาจเจรญิ สงิ หบ์ รุ ี 0.11 70 71 0.32 หนองบวั ลาภู ลาพูน 0.10 71 72 0.30 นครนายก แมฮ่ อ่ งสอน 0.10 72 73 0.29 ลาพูน หนองบวั ลาภู 0.10 73 74 0.29 สงิ หบ์ รุ ี อา่ งทอง 0.09 74 75 0.27 ระนอง ระนอง 0.08 75 76 0.23 สมทุ รสงคราม สมทุ รสงคราม 0.06 76 526 499

60 4.1.5 งบประมำณจงั หวัดและกลมุ่ จังหวดั (จัดสรรตรง) ปี 2561 และ 2564 การจัดสรรงบประมาณของจังหวัดและกลุ่มจังหวัดจะมีการกาหนดกรอบวงเงินงบประมาณใน แต่ละปีอย่างชัดเจน จากนั้นจึงจะมีการจัดสรรให้แต่ละจังหวัดโดยพิจารณาตามหลักเกณฑ์และ แนวทางที่กาหนด โดยได้ให้ความสาคัญกับจานวนประชากร สัดส่วนคนจน รายได้เฉล่ียต่อครัวเรือน และเฉล่ียเท่ากันทุกจังหวัด เป็นต้น จากลักษณะการจัดสรรงบประมาณท่ีมีกรอบวงเงินจากัด ทาให้ การจัดสรรงบประมาณแต่ละจังหวัดส่งผลซ่ึงกันและกัน กล่าวคือ หากจังหวัดใดได้รับงบประมาณ สูงขึ้นย่อมส่งผลให้อีกจังหวัดได้งบประมาณลดลง ดังน้ันสามารถแสดงการเปรียบเทียบสัดส่วน งบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัดท่ีได้รับจัดสรรปี 2561 และ 2564 เรียงลาดับจากมากไปน้อย รายละเอยี ดตามแผนภาพที่ 21 สรุปไดด้ งั นี้ ปี 2561 จังหวัดท่ีมีสัดส่วนงบประมำณสูงสุด 10 อันดับแรก คือ เชียงใหม่ ชลบุรี เชียงราย น่าน สมุทรปราการ นครสวรรค์ นครราชสมี า นนทบรุ ี นครปฐม และปทุมธานี ปี 2564 จังหวัดท่ีมีสัดส่วนงบประมำณสูงสดุ 10 อันดับแรก คือ ระยอง ชลบรุ ี นครราชสมี า ฉะเชิงเทรา บรุ ีรัมย์ สมทุ รปราการ สุรินทร์ เชียงใหม่ เชียงราย และอุดรธานี ปี 2561 จังหวัดท่ีมีสัดส่วนงบประมำณต่ำสุด 10 อันดับแรก คือ บึงกาฬ ยโสธร สระแก้ว ชุมพร สตูล สิงหบ์ รุ ี ระนอง อานาจเจริญ จันทบรุ ี และสมุทรสงคราม ปี 2564 จังหวัดที่มีสัดส่วนงบประมำณต่ำสุด 10 อันดับแรก คือ อานาจเจริญ ภูเก็ต กระบี่ อตุ รดติ ถ์ สุโขทยั ตาก อา่ งทอง ระนอง นราธวิ าส และพงั งา จากการพิจารณาลักษณะการจัดสรรงบประมาณในปี 2561 และ 2564 พบว่า สัดส่วน งบประมาณท่ีแตล่ ะจังหวดั ไดร้ ับจัดสรรมีขนาดใกล้เคียงกัน และมีการเปลี่ยนแปลงอันดับอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าภาครฐั มีความพยายามท่ีจะกระจายงบประมาณใหท้ ่วั ถงึ มากข้ึน อย่างไรก็ดี การจัดสรรงบประมาณในส่วนน้ีก็ยังพบความกระจุกตัวอยู่ตามเมืองใหญ่เช่นกัน เห็นได้จากจังหวดั หัวเมืองใหญ่หลายจังหวัดมีสัดส่วนงบประมาณสูงสุดในปี 2561 และ 2564 ซ่ึงเป็น ผลมาจากหลักเกณฑ์การจัดสรรงบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัดในปีดังกล่าว (รายละเอียดตาม ตารางท่ี 1) โดยเฉพาะในส่วนขององค์ประกอบการจัดสรรงบประมาณในการพัฒนาจังหวัด ท่ีให้ น้าหนักการจัดสรรเฉล่ียเท่ากันทุกจังหวัดอยู่ที่ร้อยละ 20 นอกจากนี้ยังมีการจัดสรรตามผลิตภัณฑ์ มวลรวมจังหวัด (GPP) ร้อยละ 10 และผลิตภัณฑ์มวลรวมกลุ่มจังหวัดอีกร้อยละ 25 ดังนั้นทาให้ จังหวัดหัวเมืองใหญ่ที่มีควำมเจริญและมีผลิตภัณฑ์มวลรวมสูงย่อมได้รับงบประมำณในสัดส่วนที่ สูงตำม จึงส่งผลต่อสัดส่วนงบประมำณของจังหวัดที่มีผลิตภัณฑ์มวลรวมขนำดเล็กท่ีจะได้รับ จดั สรรงบประมำณลดลงเหมือนเช่นที่ผำ่ นมำ ดังนั้น ผลของกำรจัดสรรงบประมำณตำมหลักเกณฑ์ที่ผ่ำนมำทำให้ระยะห่ำงของควำม เหลื่อมลำระหว่ำงจังหวัดท่ีเจริญแล้วหรือเรียกว่ำ “จังหวัดรวย” มีควำมกว้ำงและห่ำงกันขึน เรื่อยๆ เม่ือเปรียบเทียบกับจังหวัดที่อยู่ห่ำงไกลควำมเจริญหรือเรียกว่ำ “จังหวัดจน” ซึ่งในระยะ ยำวโอกำสที่เกิดกำรไล่กวดทำงเศรษฐกิจเพ่ือกำรเติบโตที่ย่ังยืนแบบไม่ทิงใครไว้ข้ำงหลังตำม นโยบำยรัฐบำล จงึ ยำกท่จี ะเปน็ ไปได้ 500

61 แผนภำพที่ 21 กำรเปรยี บเทียบสัดส่วนงบประมำณจังหวดั และกลมุ่ จังหวดั (จดั สรรตรง) ปี 2561 และ 2564 อนั ดบั สดั สว่ น งบประมาณ ปี 2561 ปี 2564 งบประมาณ สดั สว่ น อนั ดบั 1 2.47 784.20 เชยี งใหม่ ระยอง 569.33 2.46 1 2 2.20 699.10 ชลบรุ ี ชลบรุ ี 495.40 2.14 2 3 2.05 651.93 เชยี งราย นครราชสมี า 492.35 2.13 3 4 1.88 596.53 น่าน ฉะเชงิ เทรา 457.26 1.98 4 5 1.86 591.30 สมทุ รปราการ บรุ รี มั ย์ 436.27 1.89 5 6 1.73 550.08 นครสวรรค์ สมทุ รปราการ 432.90 1.87 6 7 1.71 543.18 นครราชสมี า สรุ นิ ทร์ 402.79 1.74 7 8 1.69 538.30 นนทบรุ ี เชยี งใหม่ 401.91 1.74 8 9 1.69 537.90 นครปฐม เชยี งราย 401.63 1.74 9 10 1.69 536.00 ปทุมธานี อดุ รธานี 397.09 1.72 10 11 1.67 529.37 พระนครศรอี ยุธยา ขอนแกน่ 384.51 1.66 11 12 1.59 503.70 ลาปาง อบุ ลราชธานี 374.75 1.62 12 13 1.57 500.08 กาแพงเพชร สกลนคร 366.24 1.58 13 14 1.56 496.67 สพุ รรณบรุ ี พระนครศรอี ยธุ ยา365.38 1.58 14 15 1.55 493.27 กาญจนบรุ ี นครศรธี รรมราช 361.23 1.56 15 16 1.52 483.08 บรุ รี มั ย์ กาญจนบรุ ี 361.20 1.56 16 17 1.52 482.13 ศรสี ะเกษ นครพนม 353.75 1.53 17 18 1.49 472.50 อดุ รธานี ชยั ภมู ิ 346.43 1.50 18 19 1.47 467.45 มหาสารคาม ลพบรุ ี 345.53 1.50 19 20 1.46 463.65 รอ้ ยเอ็ด นครสวรรค์ 344.20 1.49 20 21 1.45 460.87 สระบรุ ี สมทุ รสาคร 343.72 1.49 21 22 1.45 459.35 กาฬสนิ ธุ์ สงขลา 336.74 1.46 22 23 1.44 457.17 นครพนม ราชบรุ ี 333.71 1.44 23 24 1.42 450.88 อทุ ัยธานี ปราจนี บรุ ี 322.14 1.39 24 25 1.41 447.10 เลย รอ้ ยเอ็ด 320.64 1.39 25 26 1.39 441.56 อตุ รดติ ถ์ นครปฐม 314.98 1.36 26 27 1.38 439.05 ขอนแกน่ พษิ ณุโลก 314.73 1.36 27 28 1.37 434.97 นราธวิ าส ยโสธร 312.08 1.35 28 29 1.34 425.47 ปัตตานี แมฮ่ อ่ งสอน 311.80 1.35 29 30 1.33 422.63 สมทุ รสาคร สระแกว้ 307.19 1.33 30 31 1.33 422.23 อบุ ลราชธานี มหาสารคาม 305.53 1.32 31 32 1.31 415.98 ชยั ภมู ิ ชยั นาท 304.75 1.32 32 33 1.31 415.50 นครศรธี รรมราช สรุ าษฎรธ์ านี 302.33 1.31 33 34 1.31 415.18 พจิ ติ ร พัทลงุ 299.49 1.30 34 35 1.30 413.27 ราชบรุ ี สพุ รรณบรุ ี 296.18 1.28 35 36 1.30 411.97 ยะลา เพชรบรู ณ์ 292.74 1.27 36 37 1.29 411.08 สรุ นิ ทร์ น่าน 292.32 1.26 37 38 1.29 410.60 สงขลา หนองบวั ลาภู 291.91 1.26 38 39 1.29 410.57 ลพบรุ ี บงึ กาฬ 290.82 1.26 39 40 1.28 406.93 พะเยา เลย 287.66 1.24 40 41 1.28 406.70 ระยอง สระบรุ ี 286.42 1.24 41 42 1.27 402.17 สกลนคร กาแพงเพชร 286.06 1.24 42 43 1.27 402.10 สรุ าษฎรธ์ านี หนองคาย 285.77 1.24 43 44 1.24 394.03 เพชรบรุ ี แพร่ 285.71 1.24 44 45 1.24 393.03 ประจวบครี ขี นั ธ์ จนั ทบรุ ี 283.00 1.22 45 46 1.21 385.00 แมฮ่ อ่ งสอน สงิ หบ์ รุ ี 279.89 1.21 46 47 1.21 382.92 ภเู ก็ต พจิ ติ ร 278.77 1.21 47 48 1.19 377.86 พษิ ณุโลก มกุ ดาหาร 275.51 1.19 48 49 1.17 370.37 ชยั นาท พะเยา 274.30 1.19 49 50 1.16 367.88 นครนายก ตรงั 273.07 1.18 50 51 1.16 367.58 ปราจนี บรุ ี เพชรบรุ ี 272.62 1.18 51 52 1.15 364.12 ตรงั ปทุมธานี 271.95 1.18 52 53 1.13 358.66 สโุ ขทัย อทุ ัยธานี 270.75 1.17 53 54 1.12 357.26 เพชรบรู ณ์ ประจวบครี ขี นั ธ์ 270.24 1.17 54 55 1.12 356.30 พัทลงุ ตราด 267.43 1.16 55 56 1.11 353.37 อา่ งทอง ศรสี ะเกษ 265.93 1.15 56 57 1.10 350.90 ลาพูน นครนายก 261.70 1.13 57 58 1.09 345.36 ตาก ลาปาง 259.18 1.12 58 59 1.08 343.32 กระบ่ี นนทบรุ ี 256.45 1.11 59 60 1.06 335.78 ตราด ลาพูน 255.84 1.11 60 61 1.04 330.90 ฉะเชงิ เทรา ชมุ พร 251.54 1.09 61 62 1.04 330.22 พังงา ปัตตานี 246.33 1.07 62 63 1.04 329.70 หนองคาย สตลู 241.42 1.04 63 64 1.02 325.13 แพร่ กาฬสนิ ธุ์ 237.09 1.03 64 65 1.00 317.97 มกุ ดาหาร สมทุ รสงคราม 236.99 1.03 65 66 0.99 315.10 หนองบวั ลาภู ยะลา 234.55 1.01 66 67 0.98 311.50 บงึ กาฬ พังงา 220.66 0.95 67 68 0.97 308.83 ยโสธร นราธวิ าส 209.97 0.91 68 69 0.96 304.68 สระแกว้ ระนอง 204.99 0.89 69 70 0.96 303.90 ชมุ พร อา่ งทอง 198.48 0.86 70 71 0.95 302.52 สตลู ตาก 197.00 0.85 71 72 0.93 296.27 สงิ หบ์ รุ ี สโุ ขทัย 190.32 0.82 72 73 0.91 287.92 ระนอง อตุ รดติ ถ์ 182.58 0.79 73 74 0.89 283.83 อานาจเจรญิ กระบี่ 181.88 0.79 74 75 0.82 260.08 จนั ทบรุ ี ภเู ก็ต 171.78 0.74 75 76 0.79 249.53 สมทุ รสงคราม อานาจเจรญิ 171.75 0.74 76 501

62 4.2 ควำมเหลอื่ มลำเชงิ พืนที่ดำ้ นเศรษฐกจิ โดยวดั จำกผลติ ภณั ฑม์ วลรวมกิจจังหวัด (GPP) ในชว่ ง ปี 2552-2562 (11 ปี) เป็นอย่ำงไร? 4.2.1 ผลิตภณั ฑ์มวลรวมจงั หวัดต่อหวั ประชำกร (GPP per Capita) ในชว่ งปี 2552-2562 ในระยะเวลา 11 ปี ต้ังแต่ปี 2552 ถึง 2562 ทีมนักวิจัยได้วิเคราะห์ระดับการเติบโตของ ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดเฉลี่ยต่อหัวประชากรของแต่ละจังหวัด ซ่ึงพบความเหลื่อมล้าทางเศรษฐกิจ ในระดับจังหวดั อย่างชดั เจน เห็นไดจ้ ากแผนภาพที่ 22 GPP per Capita ของจังหวัดสูงสุดในปี 2552 และปี 2562 คือ จังหวัดระยอง ซึ่งมีจานวน 752,291 บาท/ปี และ 988,748 บาท/ปี ในขณะท่ี จังหวัดบึงกาฬมี GPP per Capita ต่าสุดจานวนเพียง 33,575 บาท/ปี และ 68,727 บาท/ปี ซ่ึงจะ เหน็ ไดว้ ่ามีความแตกต่างกันคอ่ นข้างสงู รายละเอียดตามตารางท่ี 22 ปี 2552 จังหวัดท่ีมี GPP per Capita สูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ ระยอง ชลบุรี อยุธยา กรุงเทพ ปราจีน สมุทรสาคร สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ปทุมธานี และสระบุรี ซึ่งส่วนใหญ่เป็น เมืองใหญ่ ทั้งน้ีในปี 2562 ระยองยังคงมีระดับการเติบโตเฉล่ียของรายได้ต่อหัวประชากรสูงท่ีสุด ตามมาด้วย กรุงเทพ ชลบุรี ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา อยุธยา ภูเก็ต สมุทรสาคร สมุทรปราการ และ สระบรุ ี ตามลาดบั ปี 2552 จงั หวดั ทีม่ ี GPP per Capita ตำ่ ทสี่ ดุ 10 อนั ดับสดุ ท้ำย ไดแ้ ก่ บงึ กาฬ หนองบวั ลาภู ยโสธร อานาจเจริญ กาฬสินธุ์ แม่ฮ่องสอน อุบลราชธานี ศรีสะเกษ มุกดาหาร และชัยภูมิ ตามลาดับ โดยส่วนใหญ่เป็นจังหวัดในภาคอีสานถึง 9 จังหวัด เมื่อเวลาผ่านไป 11 ปี จังหวัดท่ีมีระดับการเติบโต เฉลี่ยของรายได้ต่อหัวประชากรต่าที่สุด ได้แก่ นราธิวาส ยโสธร หนองบัวลาภู แม่ฮ่องสอน สกลนคร มุกดาหาร บึงกาฬ ชัยภูมิ อานาจเจริญ และอุบลราชธานี สังเกตได้ว่าในปี 2562 จังหวัดศรีสะเกษ และกาฬสินธ์ุไม่ได้เป็นจังหวัด 1 ใน 10 ของจังหวัดที่มีระดับการเติบโตเฉล่ียของรายได้ต่อหัว ประชากรตา่ ทส่ี ดุ อกี ต่อไป แต่เมื่อพิจารณาอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดต่อหัว (GPP Per Capita) เฉลี่ย รายปี ช่วงปี 2552-2562 ตามแผนภาพที่ 23 พบวา่ มหี ลำยจงั หวดั ท่มี อี ัตรำกำรเตบิ โตทำงเศรษฐกิจ อย่ำงน่ำสนใจในช่วงระยะเวลำ 11 ปี เช่น เลย กำฬสินธ์ุ อำนำจเจริญ หนองคำย สุรินทร์ ตำก นครพนม และศรีสะเกษ โดยเฉพำะกำฬสินธ์ุ อำนำจเจริญ และศรีสะเกษมีระดับกำรเติบโตทำง เศรษฐกิจที่น่ำสนใจ ทังท่ีเป็นจังหวัดที่มี GPP per Capita ติดอันดับท้ำยๆ ในปี 2552 ซ่ึงแสดง ให้เห็นถึงควำมพยำยำมในกำรพัฒนำเศรษฐกิจทังจำกภำครัฐและเอกชนในชว่ งที่ผ่ำนมำจนทำให้ จังหวัดดงั กลำ่ วมีอัตรำกำรเติบโตอย่ำงกำ้ วกระโดด 502

63 แผนภำพที่ 22 ผลติ ภัณฑม์ วลรวมจงั หวดั ตอ่ หัว (GPP Per Capita) ปี 2552 และ 2562 ปี 2552 ปี 2562 503

64 แผนภำพที่ 23 อตั รำกำรเตบิ โตผลติ ภัณฑม์ วลรวมจังหวดั ตอ่ หัว (GPP Per Capita) เฉล่ยี รำยปี ชว่ งปี 2552-2562 504

65 4.2.2 กำรเตบิ โตทำงเศรษฐกิจของจงั หวัด : ผลิตภณั ฑม์ วลรวมจงั หวดั (Gross Provincial Product : GPP) ในชว่ งปี 2552-2562 เมื่อพิจารณาตัวเลขในช่วงระยะเวลา 11 ปี จากปี 2552 ถึง 2562 จะพบว่ามูลค่าผลิตภัณฑ์ มวลรวมของประเทศหรือ GDP (ราคาตลาด) ซึ่งก็คือผลรวมของเศรษฐกิจจังหวัด (GPP) ท้ัง 77 จงั หวดั ในชว่ งปี 2552-2562 เตบิ โตขึน้ ประมาณร้อยละ 3.25 ตอ่ ปี ขณะทีร่ ายไดต้ อ่ หัวของประชากร เพ่ิมขึ้นเช่นกัน โดยขยายตวั เฉล่ียร้อยละ 5.20 ตอ่ ปี จึงถือว่าเศรษฐกจิ ไทยขยายตัวไดด้ ีและประชาชน ในภาพรวมก็มีรายได้ดีขึ้น แต่เมื่อพิจารณาการเติบโตทางเศรษฐกิจแยกเป็นรายจังหวัดกลับ พบว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวดั (GPP) และระดับการเติบโตของเศรษกิจแตล่ ะจังหวดั มีความเหลื่อมล้าทาง เศรษฐกิจอย่างชัดเจน เห็นได้จากแผนภาพที่ 24 แสดงให้เห็นวา่ ในชว่ งปี 2552-2562 การเติบโตทาง เศรษฐกจิ ของทัง้ 77 จังหวัดมีการขยายตวั อย่างตอ่ เนื่องโดย จังหวัดที่มีอัตรำกำรเติบโตทำงเศรษฐกิจเฉล่ียรำยปีสูงสุด 10 อันดับแรกได้แก่ ภูเก็ต (ร้อยละ 9.78) พังงา (ร้อยละ 8.66) เลย (ร้อยละ 8.16) ตาก (ร้อยละ 8.12) นครปฐม (ร้อยละ 8.05) นนทบุรี (ร้อยละ 7.77) มุกดาหาร (ร้อยละ 7.72) อานาจเจริญ (ร้อยละ 7.53) อุบลราชธานี (ร้อยละ 7.23) และสรุ ินทร์ (รอ้ ยละ 7.00) ตามลาดบั จังหวัดที่มอี ัตรำกำรเติบโตทำงเศรษฐกจิ เฉลี่ยรำยปีต่ำสุด 10 อันดับแรกไดแ้ ก่ ตรัง (ร้อยละ 1.00) พระนครศรีอยุธยา (ร้อยละ 1.24) นราธิวาส (ร้อยละ 1.67) สิงห์บุรี (ร้อยละ 2.21) สตูล (ร้อยละ 2.24) หนองคาย (ร้อยละ 2.38) ยะลา (ร้อยละ 2.68) พัทลุง (ร้อยละ 2.69) สมุทรปราการ (ร้อยละ 2.91) และระนอง (ร้อยละ 3.22) ตามลาดับ โดยเป็นจังหวัดในภาคกลาง (3 จังหวัด) และ จังหวดั ชายแดนใต้ (2 จงั หวดั ) เป็นท่ีน่าสังเกตว่าจังหวัดในภำคตะวันออกเฉียงเหนือหลำยจังหวัด เช่น เลย มุกดำหำร อุบลรำชธำนี อำนำจเจริญ และสุรินทร์ มีอัตรำกำรเติบโตทำงเศรษฐกิจรำยปีเฉล่ียค่อนข้ำงสูงขึน อย่ำงชดั เจน รวมถงึ จงั หวัดในภำคเหนอื มีจงั หวัดตำก ท่ีมอี ตั รำกำรเติบโตทำงเศรษฐกจิ รำยปเี ฉลีย่ ค่อนข้ำงสงู ขนึ เชน่ กัน 505

66 แผนภำพท่ี 24 กำรเปรยี บเทยี บอัตรำกำรเตบิ โตผลิตภณั ฑม์ วลรวมจงั หวดั (GPP) เฉลีย่ รำยปี ชว่ งปี 2552-2562 506

67 4.2.3 สัดส่วนผลติ ภณั ฑ์มวลรวมจงั หวัดต่อผลติ ภณั ฑ์มวลรวมประเทศ (GPP/GDP)ปี 2552และ2562 ในส่วนน้ีชใ้ี ห้เหน็ ถึงความเหลอื่ มลา้ ดา้ นเศรษฐกจิ ของแต่ละจังหวัดเชน่ เดยี วกัน โดยทีมผู้วจิ ัยได้ ทาการเปรียบเทียบขนาดเศรษฐกิจของแต่ละจังหวัดต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (GPP/GDP) ในปี 2552 และ 2562 เพื่อดูว่าแต่ละจังหวัดมีความสาคัญต่อเศรษฐกิจประเทศมากน้อยแค่ไหน โดยทา การจัดอนั ดบั จังหวัดของไทยตามสัดส่วนขนาดเศรษฐกิจจงั หวัดตอ่ เศรษฐกิจประเทศสงู สดุ -ต่าสุด ตาม ภาพแผนภาพที่ 25 แสดงให้เห็นว่าในปี 2552 ขนาดเศรษฐกิจของจังหวัดโดยส่วนใหญ่มีส่วนร่วมไม่ เกินร้อยละ 6 ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ สะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้าระหว่างจังหวัด โดยจังหวัดท่ีมีระดับการพัฒนาสูงมักจะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ เช่น กรุงเทพมหานคร ระยอง ชลบุรี สมุทรปราการ ปทุมธานี และอยุธยา และในทางตรงกันข้ามจังหวัดท่ีมีระดับการพัฒนาต่าก็มักจะมี ขนาดเศรษฐกิจเล็ก เช่น แม่ฮ่องสอน อานาจเจริญ มุกดาหาร และหนองบัวลาภู เป็นต้น โดยเม่ือ พิจารณาสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (GDP) ในปี 2562 ก็ยง่ิ พบความเหลื่อมล้าทางเศรษฐกิจในระดบั จังหวัดยง่ิ ขึน้ โดยพบว่า ปี 2552 จังหวัดทีม่ ีสัดสว่ นผลิตภณั ฑม์ วลรวมจังหวดั (GPP) ตอ่ ผลติ ภัณฑม์ วลรวมประเทศ (GDP) สูงสุด 10 อันดับแรก คือ กรุงเทพ ชลบุรี ระยอง สมุทรปราการ ปทุมธานี สมุทรสาคร พระนครศรีอยุธยา ฉะเชิงเทรา สระบุรี และปราจีนบุรี โดยทั้ง 10 จังหวัดนี้มีผลิตภัณฑ์มวลรวมกัน คิดเป็นร้อยละ 63.09 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ และเมื่อเวลาผ่านไป 11 ปี พบว่าในปี 2562 ส่วนใหญ่ยังคงเป็นจังหวัดเดิมหลายจังหวัดยกเว้น สระบุรีมีสัดส่วนลดลงในขณท่ีนครปฐมมีสัดส่วน เพมิ่ สงู ข้นึ มาตดิ อันดับ 1 ใน 10 อนั ดับสูงสุด และ GPP รวมกนั คิดเปน็ รอ้ ยละ 64.29 ปี 2552 จงั หวดั ทม่ี สี ัดส่วนผลิตภัณฑม์ วลรวมจงั หวดั (GPP) ต่อผลิตภัณฑม์ วลรวมประเทศ (GDP) ต่ำสุด 10 อันดับแรก คือ แม่ฮ่องสอน อานาจเจริญ มุกดาหาร หนองบัวลาภู สมุทรสงคราม นครนายก ยโสธร แพร่ น่าน และอุทัยธานี มีผลิตภัณฑ์มวลรวมรวมกันคิดเป็นเพียงร้อยละ 1.64 ของ ผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ และเม่ือเวลาผ่านไป 11 ปี พบว่าในปี 2562 ส่วนใหญ่ยังคงเป็นจังหวัด เดมิ หลายจังหวดั ยกเว้น แพร่ และนา่ น มสี ัดสว่ นเพ่มิ ขน้ึ ในขณท่สี ิงห์บรุ ี และระนองมีสัดส่วนลดลงมา ติดอนั ดบั 1 ใน 10 อนั ดับต่าสดุ และ GPP รวมกันคดิ เป็นรอ้ ยละ 1.56 แผนภาพท่ี 25 แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (GDP) ระหว่างปี 2552 และ 2562 พบว่า ในปี 2562 มีจังหวัดทั้งส้ิน 32 จังหวัดท่ีเศรษฐกิจของตัวเองมีความสาคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศเพ่ิมข้ึน และ 31 จังหวัดที่ เศรษฐกิจของตัวเองมคี วามสาคญั ต่อเศรษฐกิจของประเทศลดนอ้ ยลงกวา่ ปี 2552 ทั้งนค้ี ณะนกั วจิ ยั ยัง พบว่าบางจังหวัดมีสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (GDP) เพ่มิ ขน้ึ หรือลดลงอย่างมีนัยสาคัญ (เพ่มิ ขึ้น 5 อนั ดบั ขึน้ ไป) จังหวัดท่ีมีอันดับของสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ (GDP) เพ่ิมขึนอย่ำงมีนัยสำคัญ จำนวน 9 จังหวัด คือ ภูเก็ต นครปฐม ชุมพร แพร่ พังงา ตาก สุโขทัย เลย และน่าน จังหวัดที่มีอันดับของสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) ต่อผลิตภัณฑ์ มวลรวมประเทศ (GDP) ลดลงอย่ำงมนี ัยสำคัญ จำนวน 9 จังหวัด คือ ตรัง ลาปาง นราธิวาส ยะลา สตลู ปตั ตานี สงิ หบ์ รุ ี ระนอง และหนองคาย 507

68 แผนภำพท่ี 25 สดั ส่วน GPP รำยจงั หวดั ตอ่ GDP ประเทศ ปี 2552 และ 2562 อนั ดบั สดั สว่ น ปี 2552 ปี 2562 สดั สว่ น อนั ดบั 1 30.24 กรงุ เทพ 2 6.13 ระยอง กรงุ เทพ 33.79 1 3 5.98 ชลบรุ ี 4 5.56 สมทุ รปราการ ชลบรุ ี 6.27 2 กลมุ่ จานวน รายชอื่ จงั หวดั 5 3.37 พระนครศรอี ยธุ ยา อนั ดบั 6 3.19 ปทุมธานี ระยอง 5.88 3 คงที่ 13 กรงุ เทพ สมทุ รปราการ ฉะเชงิ เทรา ลพบรุ ี 7 2.78 สมทุ รสาคร 8 2.07 ฉะเชงิ เทรา สมทุ รปราการ 4.57 4 จงั หวดั จนั ทบรุ ี สรุ าษฎรธ์ านี เชยี งราย เพชรบรู ณ์ 9 1.98 ปราจนี บรุ ี 10 1.79 สระบรุ ี ปทุมธานี 2.57 5 สกลนคร อานาจเจรญิ อา่ งทอง พจิ ติ ร 11 1.76 นครราชสมี า 12 1.73 สงขลา สมทุ รสาคร 2.42 6 13 1.70 นนทบรุ ี 14 1.58 นครปฐม พระนครศรอี ยุธยา 2.36 7 แมฮ่ อ่ งสอน 15 1.47 ขอนแกน่ 16 1.35 เชยี งใหม่ ฉะเชงิ เทรา 2.28 8 รายชอื่ จงั หวดั 17 1.27 ราชบรุ ี 18 1.26 สรุ าษฎรธ์ านี นครปฐม 2.10 9 กลมุ่ จานวน 19 1.23 นครศรธี รรมราช อนั ดบั 20 0.89 ภเู ก็ต ปราจนี บรุ ี 2.05 10 เพม่ิ ขนึ้ 32 ชลบรุ ี สมทุ รสาคร ปทุมธานี กระบ่ี 21 0.84 จนั ทบรุ ี จงั หวดั นนทบรุ ี 22 0.82 นครสวรรค์ นนทบรุ ี 2.04 11 กาฬสนิ ธุ์ นครปฐม เชยี งใหม่ ภเู ก็ต 23 0.74 อดุ รธานี บรุ รี มั ย์ 24 0.74 กาแพงเพชร นครราชสมี า 1.80 12 ตาก อบุ ลราชธานี พษิ ณุโลก ชมุ พร 25 0.72 กาญจนบรุ ี เลย 26 0.71 อบุ ลราชธานี เชยี งใหม่ 1.53 13 แพร่ กาแพงเพชร รอ้ ยเอด็ สรุ นิ ทร์ 27 0.68 ลพบรุ ี มกุ ดาหาร 28 0.66 สพุ รรณบรุ ี สระบรุ ี 1.51 14 29 0.62 เชยี งราย 30 0.61 ประจวบครี ขี นั ธ์ ภเู ก็ต 1.49 15 ศรสี ะเกษ พังงา สโุ ขทัย 31 0.59 พษิ ณุโลก 32 0.59 ตรงั สงขลา 1.45 16 มหาสารคาม สระแกว้ นครพนม 33 0.58 ชมุ พร 34 0.55 บรุ รี มั ย์ ขอนแกน่ 1.27 17 อตุ รดติ ถ์ พะเยา นา่ น 35 0.55 เพชรบรู ณ์ 36 0.55 ลาพูน สรุ าษฎรธ์ านี 1.25 18 หนองบวั ลาภู ยโสธร นครนายก 37 0.55 ลาปาง 38 0.54 กระบี่ ราชบรุ ี 1.19 19 39 0.50 เพชรบรุ ี 40 0.50 รอ้ ยเอ็ด นครศรธี รรมราช 1.07 20 กลมุ่ จานวน รายชอื่ จงั หวดั 41 0.48 สรุ นิ ทร์ อนั ดบั 42 0.45 ศรสี ะเกษ จนั ทบรุ ี 0.79 21 ลดลง 31 ระยอง พระนครศรอี ยธุ ยา ปราจนี บรุ ี สงขลา 43 0.41 ชยั ภมู ิ จงั หวดั ขอนแกน่ 44 0.40 นราธวิ าส อบุ ลราชธานี 0.75 22 อดุ รธานี 45 0.40 หนองคาย ตรงั 46 0.39 สกลนคร กาแพงเพชร 0.71 23 เพชรบรุ ี นครราชสมี า ราชบรุ ี นครสวรรค์ 47 0.38 ปัตตานี ยะลา 48 0.37 ยะลา นครสวรรค์ 0.70 24 พัทลงุ นครศรธี รรมราช กาญจนบรุ ี สพุ รรณบรุ ี 49 0.37 กาฬสนิ ธุ์ ระนอง 50 0.37 มหาสารคาม ชมุ พร 0.69 25 ประจวบครี ขี นั ธ์ ลาพูน ลาปาง 51 0.35 พจิ ติ ร 52 0.34 พังงา อดุ รธานี 0.67 26 สมทุ รสงคราม ชยั ภมู ิ นราธวิ าส 53 0.32 ตาก 54 0.32 ตราด ลพบรุ ี 0.66 27 55 0.29 พัทลงุ 56 0.28 สโุ ขทัย กาญจนบรุ ี 0.64 28 ปัตตานี หนองคาย ตราด 57 0.27 สระแกว้ 58 0.27 นครพนม เชยี งราย 0.63 29 ชยั นาท สตลู สงิ หบ์ รุ ี 59 0.27 ชยั นาท 60 0.26 สตลู พษิ ณุโลก 0.60 30 อทุ ัยธานี สระบรุ ี 61 0.25 เลย 62 0.25 อตุ รดติ ถ์ ประจวบครี ขี นั ธ์ 0.57 31 63 0.24 พะเยา 64 0.24 สงิ หบ์ รุ ี สพุ รรณบรุ ี 0.54 32 65 0.21 อา่ งทอง 66 0.21 ระนอง บรุ รี มั ย์ 0.53 33 67 0.20 อทุ ัยธานี 68 0.20 นา่ น กระบี่ 0.51 34 69 0.20 แพร่ 70 0.18 ยโสธร เพชรบรู ณ์ 0.50 35 71 0.18 นครนายก 72 0.17 สมทุ รสงคราม พังงา 0.49 36 73 0.17 หนองบวั ลาภู 74 0.15 มกุ ดาหาร สรุ นิ ทร์ 0.48 37 75 0.11 อานาจเจรญิ 76 0.08 แมฮ่ อ่ งสอน ลาพูน 0.48 38 รอ้ ยเอ็ด 0.46 39 เพชรบรุ ี 0.44 40 ศรสี ะเกษ 0.43 41 ลาปาง 0.42 42 รายชอ่ื จงั หวดั ตาก 0.40 43 กลมุ่ จานวน นครปฐม ชมุ พร แพร่ 9 ภเู ก็ต ตาก สโุ ขทัย เลย ชยั ภมู ิ 0.39 44 เพม่ิ ขนึ้ อย่างมี จงั หวดั พังงา ตรงั 0.38 45 นัยสาคญั นา่ น สกลนคร 0.36 46 (5อันดบั ขน้ึ ไป) มหาสารคาม 0.35 47 กาฬสนิ ธุ์ 0.35 48 เลย 0.33 49 สโุ ขทัย 0.30 50 พจิ ติ ร 0.30 51 ปัตตานี 0.29 52 สระแกว้ 0.29 53 ยะลา 0.27 54 นครพนม 0.27 55 กลมุ่ จานวน รายชอ่ื จงั หวดั ตราด 0.26 56 ลาปาง นราธวิ าส ยะลา หนองคาย ปัตตานี สงิ หบ์ รุ ี นราธวิ าส 0.26 57 ลดลง 9 ตรงั อย่างมี จงั หวดั สตลู อตุ รดติ ถ์ 0.25 58 หนองคาย 0.25 59 พัทลงุ 0.22 60 นัยสาคัญ ระนอง พะเยา 0.22 61 ชยั นาท 0.21 62 (5อันดบั นา่ น 0.20 63 ลงมา) แพร่ 0.19 64 อา่ งทอง 0.19 65 สตลู 0.18 66 นครนายก 0.18 67 หนองบวั ลาภู 0.18 68 ยโสธร 0.17 69 อทุ ัยธานี 0.17 70 สงิ หบ์ รุ ี 0.17 71 ระนอง 0.17 72 มกุ ดาหาร 0.16 73 สมทุ รสงคราม 0.15 74 อานาจเจรญิ 0.12 75 แมฮ่ อ่ งสอน 0.09 76 508

69 4.3 ควำมเหลอ่ื มลำเชงิ พนื ทด่ี ำ้ นสังคม โดยวัดจำกสดั ส่วนคนจนและควำมเหล่อื มลำด้ำนรำยได้ ในชว่ งปี 2552-2562 (11 ป)ี เปน็ อยำ่ งไร? 4.3.1 สัดสว่ นคนจนรำยจงั หวดั ในส่วนน้ีเป็นการเปรียบเทียบสถานการณ์ความยากจนรายจังหวัด เพ่ือดูว่าระดับความยากจน ดีข้ึนหรือแย่ลงน้ัน โดยภาพรวมสถานการณ์ความยากจนของจังหวัดโดยส่วนใหญ่มีแนวโน้มดีขึ้น หรือ จนลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากท่ีรัฐบาลดาเนินนโยบายเน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและการแก้ไขปัญหา ความยากจนให้กับประชาชน ทาให้หลายจังหวัดมีสถานการณ์ความยากจนดีขึ้น อย่างไรก็ตามยังมี บางจังหวัดที่มีสถาณการณ์ความยากจนเร้ือรังที่ปัญหาความยากจนยังไม่ได้ถูกแก้ไข แผนภาพที่ 26 แสดงการเปรียบเทียบ 2 รูปแบบ คือ 1) เปรียบเทียบอันดับความยากจนของจังหวัดหน่ึงกับจังหวัด อ่ืนๆ และ 2) เปรียบเทียบอันดับความยากจนของจังหวัดตัวเอง โดยเปรียบเทียบอันดับความยากจน ของตนเองในปี 2552 กบั อันดับในปี 2562 โดยผลการวจิ ัยมดี ังน้ี จากการเปรียบเทยี บอนั ดับความยากจนของจังหวัดหน่งึ กบั จังหวัดอืน่ ๆ พบว่า จงั หวัดท่ีมี สัดส่วนคนจนสูงมากเป็น 5 อันดับแรก (จังหวัดจนมาก) ในปี 2562 ได้แก่ ปัตตานี นราธิวาส แมฮ่ อ่ งสอน ตาก กาฬสนิ ธ์ุ ในขณะทจ่ี งั หวัดทมี่ ีสัดส่วนคนจนต่าท่ีสุด 5 อนั แรก (จงั หวดั จนน้อย) ในปี 2562 ได้แก่ นนทบุรี ปทุมธานี ภูเก็ต สมุทรปราการ และกรุงเทพมหานคร (รายละเอียดเพิ่มเติมใน แผนภาพท่ี 26) จากการเปรียบเทียบอนั ดับความยากจนของจังหวดั ตวั เอง โดยเปรียบเทยี บอันดับความ ยากจนของตนเองในปี 2552 กับอันดับในปี 2562 แผนภาพที่26 และ 27 แสดงให้เห็นว่าเม่ือ เปรียบเทียบอันดับความยากจนของจังหวัดตนเองในช่วงปี 2552 กับปี 2562 จังหวัดโดยส่วนใหญ่มี การเปล่ียนแปลงอันดบั ความยากจน โดยมีจังหวัดจานวน 39 จังหวัดที่อันดับความยากจนของตนเอง ในปี 2562 เปล่ียนแปลงลดลงจากปี 2552 และมี 35 จังหวัดที่อันดับความยากจนของตนเองในปี 2562 เปล่ียนแปลงเพ่ิมข้ึนจากปี 2552 และมีเพียง 2 จังหวัดที่มีอันดับความยากจนคงที่ เมือ่ พิจารณาโดยละเอยี ดพบว่า จังหวัดท่ีมีสัดส่วนคนจนเพ่ิมขึนอย่ำงมีนัยสำคัญ (อันดับในปี 2562 เปล่ียนแปลงเพิ่มขึน 10 อันดับเป็นต้นไปจำกปี 2552) มีจำนวน 22 จำก 39 จังหวัด คือ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครสวรรค์ เลย ประจวบคีรีขันธ์ มหาสารคาม ยโสธร ลาปาง ร้อยเอ็ด เพชรบูรณ์ แพร่ พะเยา ศรีสะเกษ สระบุรี สุโขทยั สรุ ินทร์ สพุ รรณบรุ ี หนองคาย อุดรธานี อตุ รดติ ถ์ อานาจเจริญ และอุทยั ธานี จังหวัดท่ีมีสัดส่วนคนจนลดลงอย่ำงมีนัยสำคัญ (อันดับในปี 2562 เปล่ียนแปลงลดลง 10 อันดับเป็นต้นไปจำกปี 2552) จำนวน 21 จังหวัด จำก 35 จังหวัด คือ ชลบุรี สมุทรสงคราม สุราษฎ์ธานี สงขลา กระบ่ี ฉะเชิงเทราจันทบุรี นครศรีธรรมราช ระนอง ตรัง อ่างทอง สิงห์บุรี กาญจนบรุ ี นครราชสีมา สตลู ชยั นาท พทั ลุง อุบลราชธานี ลพบรุ ี ราชบรุ ี และหนองบวั ลาภู 509

70 แผนภำพท่ี 26 จดั อันดับสัดสว่ นคนจนรำยจงั หวัดในปี 2552 และปี 2562 อนั ดบั สัดสว่ นคนจน ปี 2552 ปี 2562 สัดสว่ นคนจน อันดบั 1 0.00 ภเู ก็ต นนทบรุ ี 0.24 1 กลมุ่ จานวน รายชอื่ จงั หวดั อนั ดบั 2 1.54 ชลบรุ ี ปทมุ ธานี 0.24 2 คงที่ 3 1.64 สมทุ รสงคราม ภเู ก็ต 0.40 3 2 กรงุ เทพมหานคร นครปฐม 4 2.15 นนทบรุ ี สมทุ รปราการ 0.56 4 จงั หวดั 5 2.36 กรงุ เทพมหานคร กรงุ เทพมหานคร 0.59 5 6 3.93 นครปฐม นครปฐม 0.63 6 7 4.19 สมทุ รปราการ สมทุ รสาคร 0.75 7 กลมุ่ จานวน รายชอื่ จงั หวดั 8 4.72 ปทุมธานี ระยอง 0.76 8 9 5.40 สรุ าษฎธ์ านี สระบรุ ี 0.90 9 อนั ดบั 39 กาฬสนิ ธ์ กาแพงเพชร ขอนแก่น ชยั ภมู ิ เพม่ิ ขนึ้ จงั หวดั เชยี งราย เพชรบรู ณ์ นครพนม น่าน 10 6.11 พังงา พจิ ติ ร 0.91 10 11 6.13 ระยอง ชลบรุ ี 1.17 11 (จนลดลง) นครสวรรค์ นนทบรุ ี บรุ รี ัมย์ ปทมุ ธานี ประจวบครี ขี ันธ์ พะเยา พจิ ติ ร แพร่ 12 7.08 พระนครศรอี ยุธยา หนองคาย 1.93 12 13 7.31 สมทุ รสาคร พระนครศรอี ยธุ ยา 2.19 13 พษิ ณุโลก มหาสารคาม แม่ฮ่องสอน ยโสธร 14 7.54 ชมุ พร ขอนแกน่ 2.35 14 ยะลา รอ้ ยเอ็ด ระยอง ลาปาง 15 8.22 สงขลา รอ้ ยเอ็ด 2.53 15 16 8.33 กระบี่ พังงา 2.75 16 ลาพนู เลย ศรสี ะเกษ สกลนคร 17 9.07 พจิ ติ ร ชยั ภมู ิ 3.04 17 สมทุ รปราการ สระบรุ ี สโุ ขทยั สพุ รรณบรุ ี 18 9.56 ฉะเชงิ เทรา ประจวบครี ขี นั ธ์ 3.16 18 สมทุ รสาคร สรุ นิ ทร์ หนองคาย อดุ รธานี 19 10.35 จนั ทบรุ ี ชมุ พร 3.21 19 อานาจเจรญิ อตุ รดติ ถ์ อุทยั ธานี 20 10.36 นครศรธี รรมราช กาแพงเพชร 3.35 20 21 10.41 ปราจนี บรุ ี ลาพูน 3.47 21 22 10.91 เชยี งใหม่ ปราจนี บรุ ี 3.52 22 กลมุ่ จานวน รายชอื่ จงั หวดั 23 11.25 ลาพูน อทุ ัยธานี 3.75 23 อันดบั 35 กระบ่ี กาญจนบรุ ี จนั ทบรุ ี ฉะเชงิ เทรา ชยั นาท ชมุ พร เชยี งใหม่ 24 12.32 ระนอง มหาสารคาม 3.79 24 ลดลง จงั หวดั ชลบรุ ี 25 12.85 สระบรุ ี อดุ รธานี 4.09 25 (จนเพม่ิ ขน้ึ ) ตราด ตาก ตรัง นครนายก 26 13.31 ตรงั เลย 4.21 26 27 13.34 อา่ งทอง อานาจเจรญิ 4.53 27 นครราชสมี า นครศรธี รรมราช นราธวิ าส ปราจนี บรุ ี 28 13.36 หนองคาย นครสวรรค์ 4.69 28 ปัตตานี พระนครศรอี ยุธยา พงั งา พทั ลงุ 29 14.72 สงิ หบ์ รุ ี พษิ ณุโลก 4.81 29 เพชรบรุ ี ภเู ก็ต มุกดาหาร ระนอง 30 15.02 กาแพงเพชร เชยี งใหม่ 4.82 30 ราชบรุ ี ลพบรุ ี สงขลา สตลู 31 15.85 ประจวบครี ขี นั ธ์ ลาปาง 5.29 31 สระแกว้ สมุทรสงคราม สงิ หบ์ รุ ี สรุ าษฎธ์ านี 32 15.88 ขอนแกน่ ฉะเชงิ เทรา 5.38 32 หนองบัวลาภู อุบลราชธานี อา่ งทอง 33 16.37 กาญจนบรุ ี สรุ าษฎธ์ านี 5.41 33 34 16.44 นครราชสมี า กระบี่ 5.69 34 35 16.92 เพชรบรุ ี เพชรบรู ณ์ 5.70 35 36 17.48 อทุ ัยธานี สงขลา 6.01 36 37 17.81 สตลู อตุ รดติ ถ์ 6.09 37 38 18.29 ชยั นาท สมทุ รสงคราม 6.09 38 39 18.92 พษิ ณุโลก พะเยา 6.18 39 40 19.38 พัทลงุ เพชรบรุ ี 6.23 40 41 19.72 อดุ รธานี ศรสี ะเกษ 6.99 41 42 20.04 อบุ ลราชธานี แพร่ 7.25 42 43 20.25 นครนายก สรุ นิ ทร์ 7.50 43 44 20.46 ลพบรุ ี สโุ ขทัย 7.75 44 กลมุ่ จานวน รายชอื่ จงั หวดั 45 21.08 ราชบรุ ี กาญจนบรุ ี 8.26 45 เพมิ่ ขนึ้ 22 ขอนแกน่ ชยั ภมู ิ นครสวรรค์ เลย 46 21.16 มกุ ดาหาร นครนายก 8.36 46 47 21.89 อานาจเจรญิ สกลนคร 8.45 47 อย่างมี จงั หวดั ประจวบครี ขี นั ธ์ มหาสารคาม ยโสธร ลาปาง 48 22.29 สกลนคร ตรงั 8.73 48 นัยสาคัญ รอ้ ยเอด็ เพชรบรู ณ์ แพร่ พะเยา 49 22.34 รอ้ ยเอ็ด เชยี งราย 8.83 49 50 24.60 พะเยา จนั ทบรุ ี 8.85 50 (10 อันดบั ศรสี ะเกษ สระบรุ ี สโุ ขทัย สรุ นิ ทร์ 51 24.77 หนองบวั ลาภู สงิ หบ์ รุ ี 9.08 51 ขนึ้ ไป) สพุ รรณบรุ ี หนองคาย อดุ รธานี อตุ รดติ ถ์ 52 24.97 ตราด นา่ น 9.48 52 53 25.15 นครสวรรค์ ตราด 9.73 53 อานาจเจรญิ อทุ ัยธานี 54 25.32 น่าน ลพบรุ ี 10.13 54 55 25.43 แพร่ ยโสธร 10.19 55 56 25.52 สรุ นิ ทร์ มกุ ดาหาร 10.66 56 กลมุ่ จานวน รายชอื่ จงั หวดั 57 25.84 สโุ ขทัย ราชบรุ ี 10.99 57 ลดลง 21 กระบี่ กาญจนบรุ ี จนั ทบรุ ี ฉะเชงิ เทรา 58 27.70 เพชรบรู ณ์ สพุ รรณบรุ ี 11.67 58 59 28.84 เชยี งราย นครพนม 11.87 59 อย่างมี จงั หวดั ชลบรุ ี นครราชสมี า ชยั นาท พัทลงุ 60 30.48 สพุ รรณบรุ ี อบุ ลราชธานี 11.92 60 นัยสาคัญ ตรงั นครศรธี รรมราช ระนอง ราชบรุ ี 61 30.60 มหาสารคาม นครศรธี รรมราช 12.79 61 ลพบรุ ี สงขลา สตลู สงิ หบ์ รุ ี 62 31.39 เลย หนองบวั ลาภู 13.16 62 (10 อันดับ 63 32.80 ลาปาง นครราชสมี า 13.57 63 ขนึ้ ไป) อา่ งทองสมทุ รสงครามสรุ าษฎธ์ านี 64 34.67 อตุ รดติ ถ์ ยะลา 14.01 64 หนองบวั ลาภู อบุ ลราชธานี 65 35.70 ยโสธร บรุ รี มั ย์ 14.06 65 66 35.88 ชยั ภมู ิ สตลู 14.83 66 67 37.06 นครพนม ระนอง 16.43 67 68 37.61 ตาก อา่ งทอง 17.32 68 69 38.66 ยะลา ชยั นาท 17.89 69 70 41.73 สระแกว้ พัทลงุ 18.67 70 71 47.18 บรุ รี มั ย์ สระแกว้ 18.74 71 72 49.65 ปัตตานี กาฬสนิ ธ์ 20.21 72 73 51.18 กาฬสนิ ธ์ ตาก 21.13 73 74 54.94 นราธวิ าส แมฮ่ อ่ งสอน 25.26 74 75 58.73 ศรสี ะเกษ นราธวิ าส 25.53 75 76 74.39 แมฮ่ อ่ งสอน ปัตตานี 29.72 76 510

71 โดยสรุปแล้วเมื่อเปรียบเทียบสถานการณ์ความยากจนภายในจังหวัดตัวเองจากข้อมูลในอดีต ระหว่างปี 2552 กับปี 2562 พบว่า สถานการณ์ความยากจนดีข้ึนเกือบทุกจังหวัด โดยในปี 2562 แต่ละจังหวัดมีสัดส่วนคนจนลดลงจากปี 2552 อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะแม่ฮ่องสอน ศรีสะเกษ กาฬสนิ ธ์ และนราธิวาส เปน็ ต้น อย่างไรก็ดีจากข้อมูลข้างต้น จะเห็นได้ว่ายังมีหลายจังหวัดท่ีมีสถานการณ์ความยากจนเรื้อรัง มาอย่างต่อเนื่อง เช่น แม่ฮ่องสอน ปัตตานี นราธิวาส และกาฬสินธุ์ เป็นต้น จังหวัดเหล่าน้ีมีสัดส่วน คนจนสูงติดอันดับ 1 ใน 5 ของทุกปีต่อเน่ืองกัน สะท้อนให้เห็นว่าถึงแม้ภาพรวมสถานการณ์ ความยากจนในประเทศไทยมีแนวโน้มท่ีดีขึ้น คนจนมีจานวนน้อยลง แต่ในบางจังหวัดที่มีปัญหา ความยากจนอย่างต่อเนื่องก็ยังคงไม่ได้รับการแก้ไข จากรายงานการวิเคราะห์สถานการณ์ ความยากจนและความเหลื่อมล้าของประเทศไทยในปี 2562 จังหวัดท่ีมีความยากจนเรื้อรังยังเป็น จังหวัดที่อยู่ในพ้ืนท่ีห่างไกลความเจริญ มีเขตพ้ืนที่ติดต่อกับชายแดน/ชายฝ่ัง เช่น แม่ฮ่องสอน ตาก ปัตตานี นราธิวาส ส่วนจังหวัดท่ีเป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ หรือมีพ้ืนท่ีติดกับศูนย์กลาง ความเจริญมีปัญหาความยากจนในระดับต่า เช่น นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ เป็นต้น จุดน้ีเป็น การสะท้อนใหเ้ ห็นถงึ ความเหลื่อมลา้ เชิงพนื้ ที่ระหวา่ งจังหวัดอยา่ งชัดเจน แผนภำพที่ 27 เปรียบเทียบสดั ส่วนคนจนรำยจงั หวดั ในปี 2552 และปี 2562 511

72 4.3.2 ควำมเหลือ่ มลำด้ำนรำยได้ เมื่อพิจารณาความเหลื่อมล้าด้านรายได้จากค่าสัมประสิทธิ์จีนี (Gini Coefficient) ระหว่างปี 2552-2562 จากแผนภาพที่ 28 พบว่าความเหล่ือมล้าทางรายได้ของประเทศในภาพรวมลดลงตลอด ในช่วงเวลาดังกล่าว จาก 0.4899 ใน ปี 2552 เหลือเพียง 0.4301 ในปี 2562 อย่างไรก็ตาม พบว่า บางช่วงเวลาค่าสัมประสิทธจิ์ ีน่ีเพ่ิมสูงขึ้น หรือกล่าวคือสถานการณ์ความเหลื่อมล้าแย่ลง เช่นระหว่าง ปี 2558 ถึง ปี 2560 ซ่ึงอาจเกิดจากปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจหรือสังคมท่ีทาให้กลุ่มผู้มีรายได้สูงมี คุณภาพชีวิตทีด่ ีขึน้ หรือกล่มุ ผ้มู รี ายไดน้ ้อยมคี ุณภาพชวี ติ ทแี่ ย่ลง แผนภำพที่ 28 ภำพรวมควำมเหล่ือมลำดำ้ นรำยไดข้ องประเทศไทย ตังแต่ปี 2552-2562 ท่มี า: สานักงานพัฒนาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ (2550 – 2562) แต่เมือ่ เม่อื พจิ ารณาความเหลือ่ มลา้ รายจงั หวัดในแผนภาพท่ี 29 พบวา่ สถานการณ์ความเหลอ่ื ม ล้าด้านรายได้ของแต่ละจังหวัดมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสาคัญ โดยพบว่า 10 จังหวัดที่มีความ เหล่ือมล้าทางรายได้สูงสุดหรือมีค่าสัมประสิทธ์ิจีนี่สูงสุด (เหล่ือมล้ามากที่สุด) ในปี 2562 คือ นครพนม สมุทรสงคราม ระนอง ชัยนาท กาฬสินธุ์ ปัตตานี นครราชสีมา ชุมพร ลาปาง นราธิวาส ตามลาดับ และ 10 จังหวัดที่สถานการณ์ความเหลื่อมล้าทางรายได้ต่าท่ีสุด (เหล่ือมล้าน้อยท่ีสุด) ปี 2562 คือ สมุทรปราการ สมุทรสาคร กาแพงเพชร นนทบุรี สุพรรณบุรี ยะลา ลาพูน ระยอง กรุงเทพมหานคร ภเู ก็ต ตามลาดบั 512

73 แผนภำพที่ 29 สถำนกำรณ์ควำมเหลอื่ มลำทำงรำยได้ ปี 2562 ท่มี า: สานกั งานพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ (2562) ประมวลโดยคณะนักวิจยั อย่างไรก็ตามเม่ือพจิ ารณาเพิม่ เตมิ ถึงสถานการณ์ความเหล่ือมล้า จากตารางที่ 5 พบว่าจังหวัด ที่มีอัตราการเพ่ิมขึ้นของความเหลื่อมล้ามากท่ีสุดเฉลี่ย ต้ังแต่ปี 2556-2562 คือ สมุทรสงคราม มีค่า สัมประสิทธ์ิจีนี่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 6.80 โดยระหว่างปี 2560-2562 จังหวัดสมุทรสงครามมีความ เหลื่อมล้าเพ่ิมขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 19.21 ต่อปี และ 17.28 ต่อปี สาหรับสาเหตุ ท่ีทาให้จังหวัด สมุทรสงครามมีความเหลื่อมลา้ ทางรายได้ท่เี พม่ิ ขน้ึ สูงเช่นน้ี อาจจะเกิดจากการมีโรงงานอุตสาหกรรม เกิดข้ึนหลายแห่ง เช่น อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องด่ืม อุตสาหกรรมน้าปลา น้าตาลมะพร้าว อุตสาหกรรมผลิตอาหารสัตว์แปรรูปสัตว์น้า อุตสาหกรรมแปรรูปไม้ อุตสาหกรรมห้องเย็น ซ่อมเคร่ืองยนต์อุปกรณ์เครื่องและเรือ ฯลฯ ซ่ึงทาให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดสมุทรสงครามเพ่ิมขึ้น ถึงร้อยละ 20.16 ในปี 2560 ซ่ึงทาให้ประชากรในจังหวัดท่ีได้รับประโยชน์จากอุตสาหกรรมดังกล่าว หรอื เปลี่ยนไปประกอบอาชพี ทีม่ คี วามยึดโยงกบั อตุ สาหกรรมในจังหวดั มีรายไดส้ ูงขนึ้ เมื่อเทยี บกบั กลุ่ม ประชากรที่ยังคงประกอบอาชพี เดิมคือเกษตรกรรมและกสิกรรม ซึ่งจังหวดั ส่วนใหญ่ในตารางที่ 5 ก็มี ลักษณะคล้ายคลึงกับสมุทรสงคราม น่ันคือกำรเจริญเติบโตทำงเศรษฐกิจท่ีสูงขึนของแต่ละจังหวัด ทำให้ประชำชนถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มคอื กลมุ่ ที่ไดร้ ับประโยชน์และกลุ่มท่ีไมไ่ ด้รับประโยชน์จำก กำรเติบโตทำงเศรษฐกิจ ส่งผลให้รำยได้ของประชำชนทังสองกลุ่มมีควำมห่ำงขึนและ ควำมเหล่อื มลำทำงรำยได้จึงเพ่มิ สูงขนึ 513

74 ตำรำงที่ 5 จงั หวดั ท่มี ีกำรเปลี่ยนแปลงเฉลีย่ ของควำมเหล่อื มลำดำ้ นรำยได้ สงู ท่สี ุด 10 อันดบั แรก ท่มี า: สานกั งานพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ (2556-2562) ประมวลโดยคณะนกั วิจัย 4.4 ควำมเหลอ่ื มลำเชงิ พนื ที่ดำ้ นกำรพัฒนำคนโดยวัดจำกควำมกำ้ วหน้ำของคนในจงั หวดั ในชว่ ง ปี 2552-2562 (11 ปี) เปน็ อย่ำงไร? 4.4.1 กำรพฒั นำคนของจงั หวดั ในภำพรวม ในส่วนนี้ทีมนักวิจัยได้ทาการพิจารณาดัชนีความก้าวหน้าของคน (Human Achievement Index – HAI) ดัชนีความก้าวหน้าของคนซึ่งเป็นเคร่ืองมือท่ีดีและน่าเช่ือถือท่ีจัดทาข้ึนโดยสานักงาน สภาพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ทวี่ ัดประเมินความกา้ วหนา้ ของคนในระดับจังหวัด โดยทีมนาวิจัยได้ทาการเปรียบเทียบการเปล่ียนแปลงของดัชนีความก้าวหน้าของคนในแต่ละจังหวัด ในรอบปี 2552 กับ รอบปี 2562 (รอบล่าสุด) ซ่ึงแผนภาพที่ 30 แสดงถึงดัชนีความก้าวหน้าของคน (HAI) รายจงั หวดั ปี 2552 (แผนท่ที างดา้ นซา้ ย) และปี 2562 (แผนที่ทางด้านขวา) ซง่ึ สฟี ้ำออ่ นแสดง ถึงจังหวัดที่มีค่ำดัชนีควำมก้ำวหน้ำของคน (HAI) ต่ำ และฟ้ำเข้มแสดงถึงจังหวัดท่ีมีค่ำดัชนี ควำมก้ำวหน้ำของคน (HAI) สูง จากการศึกษาพบว่าหลายจังหวัดมีระดับการพัฒนาคนที่ดีขึ้น ท่ีมี คา่ ความก้าวหน้าของคนต่าในปี 2552 ยังคงมคี วามกา้ วหน้าของคนตา่ ในปี 2562 เมื่อเทยี บกับจังหวดั อ่ืนๆ แมว้ า่ ระยะเวลาจะผ่านไปถงึ 11 ปี กต็ าม แผนภาพท่ี 30 แสดงใหเ้ ห็นว่า 514

75 ปี 2552 จังหวัดที่มีควำมก้ำวหน้ำของคนสูงสุด 10 อันดับ ได้แก่ ภูเก็ต กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี สงขลา นครปฐม สมทุ รสงคราม พงั งา ระยอง พระนครศรีอยุธยาและ นนทบรุ ี ตามลาดับ ปี 2562 จังหวัดที่มีควำมก้ำวหน้ำของคนสูงสุด 10 อันดับ ได้แก่ นนทบุรี กรุงเทพมหานคร ปทมุ ธานี ภเู ก็ต ระยอง พระนครศรีอยุธยา นครปฐม ลาพนู พะเยา และสมุทรสาคร ตามลาดับ ปี 2552 จังหวัดที่มคี วำมก้ำวหน้ำของคนต่ำสุด 10 อันดับ ไดแ้ ก่ แม่ฮ่องสอน สระแก้ว ตาก ศรสี ะเกษ เพชรบรู ณ์ สุรินทร์ บุรรี ัมย์ ปตั ตานี นครพนม และกาแพงเพชร ตามลาดบั ปี 2562 จังหวัดที่มีควำมก้ำวหน้ำของคนต่ำสุด 10 อันดับ ได้แก่ นราธิวาส ปัตตานี แมฮ่ ่องสอน สุรินทร์ บุรีรมั ย์ ยโสธร อุบลราชธานี ชยั นาท ยะลา และศรสี ะเกษ ตามลาดบั แผนภำพท่ี 30 ระดับควำมพัฒนำคนรำยจังหวัด HAI ในปี 2552–2562 ปี 2552 ปี 2562 ท่มี า : สานกั งานสภาพฒั นาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ (2552-2562) ประมวลโดยคณะนักวิจัย 515

76 ตำรำงที่ 6 ดชั นีควำมกำ้ วหนำ้ ของคนในแต่ละจังหวดั ของปี 2552 และ 2562 อนั ดบั จงั หวัด ปี 2552 อนั ดบั จงั หวัด ปี 2562 อนั ดบั จงั หวัด ปี 2552 อนั ดบั จงั หวัด ปี 2562 1 ภูเกต็ 0.7212 1 นนทบุรี 0.7013 38 มกุ ดาหาร 0.6088 38 ลพบุรี 0.6143 39 มหาสารคาม 0.6086 39 ระนอง 0.6124 2 กรุงเทพมหานคร 0.6949 2 กรุงเทพมหานคร 0.6821 40 แพร่ 0.608 40 เลย 0.6115 41 อานาจเจริญ 0.607 41 เพชรบูรณ์ 0.6102 3 ปทมุ ธานี 0.6904 3 ปทมธุ านี 0.6804 42 อตุ รดติ ถ์ 0.6055 42 สุพรรณบุรี 0.6098 43 สุพรรณบุรี 0.6047 43 พษิ ณโุ ลก 0.6068 4 สงขลา 0.6724 4 ภูเกต็ 0.6775 44 พษิ ณโุ ลก 0.6044 44 บึงกาฬ 0.6016 45 พจิ ิตร 0.5997 45 ร้อยเอด็ 0.5984 5 นครปฐม 0.6695 5 ระยอง 0.6747 46 เชียงใหม่ 0.5987 46 นครพนม 0.5974 47 อุทยั ธานี 0.5982 47 กาแพงเพชร 0.5965 6 สมทุ รสงคราม 0.6695 6 พระนครศรีอยุธยา 0.6731 48 พะเยา 0.5979 48 อ่างทอง 0.5945 49 นครราชสมี า 0.5963 49 สุโขทยั 0.5899 7 พงั งา 0.6681 7 นครปฐม 0.6624 50 ชยั นาท 0.594 50 สตลู 0.5893 51 ชยั ภูมิ 0.5939 51 สรุ าษฎรธานี 0.5871 8 ระยอง 0.667 8 ลาพนู 0.6573 52 กาญจนบุรี 0.5937 52 นครสวรรค์ 0.5869 53 หนองบัวลาภู 0.5927 53 กาฬสินธุ์ 0.5818 9 พระนครศรีอยุธยา 0.6647 9 พะเยา 0.654 54 นครสวรรค์ 0.5924 54 ตรัง 0.5805 55 อบุ ลราชธานี 0.5901 55 พทั ลงุ 0.5803 10 นนทบุรี 0.6645 10 สมทุ รสาคร 0.6527 56 ขอนแก่น 0.588 56 พจิ ิตร 0.5801 57 ยโสธร 0.5855 57 มกุ ดาหาร 0.5796 11 พทั ลงุ 0.6555 11 ตราด 0.6487 58 น่าน 0.5838 58 นครราชสมี า 0.5772 59 เชยี งราย 0.5825 59 ตาก 0.5743 12 เพชรบุรี 0.6546 12 ฉะเชงิ เทรา 0.6464 60 หนองคาย 0.5816 60 กระบี่ 0.5742 61 สโุ ขทยั 0.5816 61 กาญจนบุรี 0.5733 13 ตราด 0.6528 13 สระบุรี 0.6454 62 สกลนคร 0.5811 62 อทุ ัยธานี 0.5727 63 ร้อยเอด็ 0.5802 63 อานาจเจริญ 0.5722 14 ชลบุรี 0.6507 14 ชลบุรี 0.6445 64 กาฬสินธ์ุ 0.5801 64 สระแก้ว 0.5703 65 นราธวิ าส 0.5797 65 ชัยภูมิ 0.5684 15 ปราจนบุรี 0.6499 15 ชุมพร 0.6417 66 เลย 0.5783 66 สกลนคร 0.5664 67 กาแพงเพชร 0.5776 67 หนองบัวลาภู 0.5644 16 ฉะเชิงเทรา 0.6477 16 ลาปาง 0.6412 68 นครพนม 0.5754 68 ศรีสะเกษ 0.5637 69 ปัตตานี 0.5706 69 ยะลา 0.5622 17 นครนายก 0.6473 17 แพร่ 0.6391 70 บุรีรัมย์ 0.5687 70 ชยั นาท 0.5619 71 สุรินทร์ 0.5686 71 อุบลราชธานี 0.5468 18 ชมุ พร 0.6455 18 ปราจีนบุรี 0.6336 72 เพชรบูรณ์ 0.5657 72 ยโสธร 0.5454 73 ศรีสะเกษ 0.5546 73 บุรีรัมย์ 0.5347 19 สระบุรี 0.6443 19 สิงห์บุรี 0.6321 74 ตาก 0.5536 74 สุรินทร์ 0.5287 75 สระแก้ว 0.5264 75 แมฮ่องสอน 0.5154 20 สิงห์บุรี 0.6439 20 น่าน 0.6319 76 แมฮ่องสอน 0.4666 76 ปัตตานี 0.4988 77 บึงกาฬ ยังไมม่ ี 77 นราธวิ าส 0.4921 21 ตรัง 0.6411 21 ประจวบครีขันธ์ 0.6313 22 สมทุ รปราการ 0.6401 22 เชียงใหม่ 0.6301 23 ลาพนู 0.6367 23 สมทุ รสงคราม 0.6295 24 กระบี่ 0.6357 24 เพชรบุรี 0.6267 25 สุราษฎร์ธานี 0.6352 25 พงั งา 0.6264 26 สมทุ รสาคร 0.6326 26 สงขลา 0.6262 27 สตลู 0.6294 27 นครนายก 0.6235 28 ลพบุรี 0.6214 28 เชยี งราย 0.6233 29 นครศรีธรรมราช 0.6214 29 อตุ รดติ ถ์ 0.6213 30 ระนอง 0.6198 30 จันทบุรี 0.6208 31 ประจวบครี ีขันธ์ 0.6192 31 มหาสารคาม 0.6206 32 ยะลา 0.6182 32 อดุ รธานี 0.6176 33 อ่างทอง 0.6178 33 สมทุ รปราการ 0.6174 34 จันทบุรี 0.6152 34 ราชบุรี 0.6171 35 ลาปาง 0.6143 35 ขอนแก่น 0.6165 36 ราชบุรี 0.6131 36 นครศรีธรรมราช 0.6163 37 อดุ รธานี 0.6105 37 หนองคาย 0.6151 ทีม่ า: สานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ (2562) 516

77 4.4.2 กำรพฒั นำคนในจังหวดั ดำ้ นกำรศกึ ษำ ด้ำนสำธำรณสขุ ดำ้ นรำยได้ ดำ้ นอำชพี กำรงำน ด้ำนท่อี ย่อู ำศัยและด้ำนคมนำคม กำรส่อื สำร ในปี 2562 คณะนักวิจัยยังได้เปรียบเทียบค่า 6 ดัชนีย่อยของแต่ละจังหวัด เพื่อวิเคราะห์ว่าคนในแต่ละ จังหวัดในปี 2552 และ 2562 มีการพัฒนาด้านสุขภาพ การศึกษา อาชีพ รายได้ ที่อยู่อาศัยและ การเข้าถึงการคมนาคมและการสื่อสารเปล่ียนแปลงไปอย่างไรในชว่ งเวลา 11 ปี ตารางท่ี 7 แสดงค่า ดชั นรี ายดา้ นของการพฒั นาคนของทงั้ 77 จังหวัด ตารางที่ 6 แตกตา่ งกับตารางท่ี 7 ตรงท่ีท่ีวา่ ตารางที่ 6 ก่อนหน้าน้ี เกือบทุกจังหวัดมีระดับการ พัฒนาคนท่ีเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีข้ึน แต่เมื่อเราพิจาณาดัชนีย่อยของกำรพัฒนำคนในจังหวัด ด้ำนกำรศึกษำ ด้ำนสำธำรณสุข ด้ำนรำยได้ ด้ำนอำชีพกำรงำน ด้ำนที่อยู่อำศัยและด้ำนคมนำคม กำรสื่อสำร จะเห็นถึงควำมเหลื่อมลำอย่ำงชัดเจน บำงข้อมูลก็เป็นข้อมูลที่น่ำสนใจที่ไม่สำมำรถ มองเหน็ ได้ถำ้ เรำพิจำรณำจำกค่ำดชั นโี ดยรวมเพียงอย่ำงเดยี ว เช่น  กรุงเทพมหานครมีอันดับการพัฒนาคนด้านการศึกษา การงานและรายได้อยู่ในอันดับที่ 1 แต่กลับมีอันดับการพัฒนาคนด้านที่อยู่อาศัยในอันที่ 73 และ ด้านคมนาคมและการส่ือสาร ในอันดับที่ 19 แสดงให้เห็นว่าแม้แต่จังหวัดที่มีระดับการพัฒนาคนสูงในด้านหนึ่งก็ยังมี ความเหลื่อมล้าของการพฒั นาคนในด้านอืน่ ๆ ปรากฎอยเู่ ช่นกนั  จังหวัดใหญ่กลับมีระดับการพัฒนาคนด้านที่อยู่อาศัยในระดับท่ีต่า เช่น ชลบุรี (อันดับท่ี 77) กรุงเทพ (อันดับท่ี 71) ระยอง (อันดับท่ี 72) สมุทรปราการ (อันดับที่ 70) ภูเก็ต (อันดับท่ี 69) ปทุมธานี (อนั ดบั ที่ 67) และนนทบุรี (อันดับท่ี 66)  จังหวัดในภาคอีสานมีระดับการพัฒนาคนด้านคมนาคมและการส่ือสารอยู่ในอันดับท้ายๆ ของประเทศในปี 2562 เช่น นครราชสีมา (อันดับที่ 77) ชัยภูมิ (อันดับที่ 76) ยโสธร (อันดับท่ี 75) ศรีสะเกษ (อันดับท่ี 74) สุรินทร์ (อันดับท่ี 73) อุบลราชธานี (อันดับท่ี 72) บรุ ีรัมย์ (อันดับที่ 71) อานาจเจรญิ (อนั ดบั ที่ 70) และสกลนคร (อนั ดบั ที่ 69)  จังหวัดแม่ฮ่องสอนแม้จะมีอันดับในดัชนีพัฒนาคนโดยรวมอยู่ในอันดับที่ต่าต่อเนื่องมาตลอด (อันดับล่าสุดท่ี 75 ในปี 2562) แต่เมื่อพิจารณาดัชนีการพัฒนาคนด้านสาธารณสุข (อันดับที่ 45) การงาน (อันดบั ท่ี 35) และท่อี ยอู่ าศยั (อันดบั ท่ี 51) พบวา่ มรี ะดบั การพัฒนาท่ี สูงกว่าหลายจงั หวดั ในปี 2562  การวิเคราะห์ระดับการพัฒนาคนโดยแบ่งตามรายด้านยังช้ีให้เห็นภาพที่ชัดเจนกว่า การวิเคราะห์ดัชนีการพัฒนาคนโดยภาพรวมเพียงอย่างเดียว ยกตัวอย่างเช่น จากค่าดัชนี การพัฒนาคนโดยรวมจะเหมารวมได้เพียงว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อยู่ในอันดับท้ายของ การพัฒนาคน แต่เมื่อพิจารณาดัชนีการพัฒนาคนรายได้จะเห็นความแตกต่าง เช่น ด้านรายได้ปัตตานีอยู่ในอันดับท่ี 77 แต่นราธิวาสและยะลาอยู่ในอันดับท่ี 61 และ 29 ตามลาดบั 517

78 ตำรำงท่ี 7 ดชั นีควำมก้ำวหน้ำของคนรำยดำ้ นระดบั จังหวัดของปี 2562 ลาดบั การศึกษา สาธารณสุข การงาน รายได้ ทอ่ี ยอู่ าศัย คมนาคม & ส่ือสาร 1 กรุงเทพ 0.8738 กรุงเทพ 2 ชลบรุ ี 0.8434 ปทมุ ธานี 0.7514 กรุงเทพ 0.8729 สมทุ รสาคร 0.7846 อานาจเจรญิ 0.9815 ภเู ก็ต 0.9437 3 นนทบรุ ี 0.8661 ภเู ก็ต 4 นครปฐม 0.7138 นนทบุรี 0.7278 ระยอง 0.8448 สมทุ รปราการ 0.7722 ศรสี ะเกษ 0.9810 ปทมุ ธานี 0.8972 5 ภเู ก็ต 0.8141 นนทบรุ ี 6 สมทุ รสงคราม 0.7050 ภเู ก็ต 0.7136 ชลบรุ ี 0.8124 ปทมุ ธานี 0.7551 บงึ กาฬ 0.9807 นนทบรุ ี 0.8824 7 ปทมุ ธานี 0.7972 ชลบุรี 8 พะเยา 0.6620 พระนครศรอี ยธุ ยา 0.7128 พระนครศรอี ยธุ ยา 0.7936 ฉะเชิงเทรา 0.7501 บุรรี มั ย์ 0.9791 สมทุ รสาคร 0.8507 9 ระยอง 0.7761 ระยอง 10 นครนายก 0.6439 ระนอง 0.7093 สมทุ รสาคร 0.7749 สมทุ รสงคราม 0.7454 รอ้ ยเอ็ด 0.9764 ชลบุรี 0.8159 11 แพร่ 0.7638 สงขลา 12 เชยี งใหม่ 0.6423 สมทุ รสาคร 0.7015 ภเู ก็ต 0.7578 ชุมพร 0.7448 มหาสารคาม 0.9726 สงขลา 0.8020 13 เพชรบรุ ี 0.7568 สระบุรี 14 ลาพนู 0.6093 กรุงเทพมหานคร 0.6963 ลาพนู 0.7527 พงั งา 0.7139 กาฬสนิ ธุ์ 0.9716 พงั งา 0.8004 15 สมุทรปราการ 0.7494 ปราจีนบุรี 16 ลาปาง 0.6079 ตราด 0.6962 ฉะเชิงเทรา 0.7411 นครปฐม 0.7081 ชัยภมู ิ 0.9712 พระนครศรอี ยธุ ยา 0.7950 17 ปราจนี บรุ ี 0.7366 เชียงราย 18 สิงหบ์ รุ ี 0.6045 บงึ กาฬ 0.6842 ระนอง 0.7366 กาแพงเพชร 0.6958 พะเยา 0.9701 ระยอง 0.7935 19 สงขลา 0.7356 พระนครศรอี ยธุ ยา 20 พระนครศรีอยธุ ยา 0.5920 สมทุ รปราการ 0.6701 สมทุ รสงคราม 0.7343 เพชรบูรณ์ 0.6584 แพร่ 0.9700 สงิ หบ์ รุ ี 0.7818 21 สระบรุ ี 0.7343 สรุ าษฎรธ์ านี 22 ประจวบคีรีขนั ธ์ 0.5906 ตาก 0.6655 ปทมุ ธานี 0.7319 พิจิตร 0.6411 ยโสธร 0.9691 ตราด 0.7704 23 ราชบรุ ี 0.7283 สพุ รรณบรุ ี 24 ลพบรุ ี 0.5579 ประจวบครี ขี นั ธ์ 0.6520 อานาจเจรญิ 0.7262 เชียงใหม่ 0.6360 หนองบวั ลาภู 0.9682 จันทบรุ ี 0.7693 25 ฉะเชงิ เทรา 0.7261 ราชบรุ ี 26 อุตรดติ ถ์ 0.5569 ระยอง 0.6507 นครปฐม 0.7255 หนองคาย 0.6356 หนองคาย 0.9656 สมทุ รสงคราม 0.7618 27 ตราด 0.7232 เพชรบรุ ี 28 นครศรีธรรมราช 0.5488 ชุมพร 0.6485 ตาก 0.7230 ประจวบครี ขี นั ธ์ 0.6353 เลย 0.9637 สตลู 0.7555 29 จนั ทบรุ ี 0.7227 ยะลา 30 นา่ น 0.5453 พงั งา 0.6472 นนทบุรี 0.7218 เลย 0.6300 กาแพงเพชร 0.9616 ลาปาง 0.7448 31 พษิ ณุโลก 0.7217 นครนายก 32 ชมุ พร 0.5409 นครพนม 0.6444 ปราจีนบุรี 0.7208 จันทบุรี 0.625 สพุ รรณบรุ ี 0.9610 ราชบุรี 0.7425 33 อ่างทอง 0.7201 นครศรธี รรมราช 34 ตรัง 0.5177 มหาสารคาม 0.6430 เลย 0.7182 ลาพนู 0.6239 นครพนม 0.9609 สระบุรี 0.7418 35 สุพรรณบรุ ี 0.7181 กาญจนบรุ ี 36 พทั ลุง 0.5176 อดุ รธานี 0.6392 สกลนคร 0.7175 ลพบรุ ี 0.6235 สรุ นิ ทร์ 0.9570 นครนายก 0.7408 37 ขอนแก่น 0.7172 พษิ ณโุ ลก 38 สมุทรสาคร 0.5164 เพชรบุรี 0.6291 หนองคาย 0.7141 ระนอง 0.6233 สกลนคร 0.9551 กรุงเทพมหานคร 0.7386 0.5136 นครปฐม 0.6226 ตราด 0.6174 อดุ รธานี 0.9523 อุดรธานี 0.7372 0.5086 สมทุ รสงคราม 0.6224 ศรสี ะเกษ 0.6167 อุตรดติ ถ์ 0.9511 สรุ าษฎรธ์ านี 0.7364 0.5016 สงิ หบ์ รุ ี 0.6222 มกุ ดาหาร 0.6112 อุบลราชธานี 0.9479 ฉะเชิงเทรา 0.7364 0.4934 ปราจนบรุ ี 0.6200 เพชรบุรี 0.5991 เพชรบรู ณ์ 0.9471 นครปฐม 0.7350 0.4844 สงขลา 0.6184 ประจวบครี ขี นั ธ์ 0.5973 ลาพนู 0.9470 ตรงั 0.7339 0.4835 ลพบรุ ี 0.6163 ชุมพร 0.5959 พจิ ิตร 0.9435 กระบี่ 0.7295 0.4815 ฉะเขงิ เทรา 0.6132 พะเยา 0.5934 มกุ ดาหาร 0.9428 ระนอง 0.7261 0.4787 สพุ รรณบรุ ี 0.6095 เชียงใหม่ 0.5922 ลาปาง 0.9420 ชัยนาท 0.7231 0.4784 สรุ าษฎรธ์ านี 0.6093 ชัยภมู ิ 0.5907 เชียงราย 0.9415 นครศรธี รรมราช 0.7202 0.4776 นครสวรรค์ 0.6014 จันทบุรี 0.5866 ขอนแก่น 0.9412 ยะลา 0.7200 0.4772 กระบี่ 0.5976 สมทุ รปราการ 0.5854 นา่ น 0.9397 ขอนแก่น 0.7199 0.4683 สระบุรี 0.5945 เชียงราย 0.5824 อ่างทอง 0.9371 ปัตตานี 0.7166 0.4658 รอ้ ยเอ็ด 0.5943 สระบรุ ี 0.582 อุทยั ธานี 0.9362 อตุ รดติ ถ์ 0.7166 0.4469 กาญจนบุรี 0.5939 นา่ น 0.5702 นครสวรรค์ 0.9352 มหาสารคาม 0.7090 0.4445 เพชรบรู ณ์ 0.5935 กาฬสินธุ์ 0.5602 สระแกว้ 0.9280 สมทุ รปราการ 0.7069 0.4305 นครศรธี รรมราช 0.5927 แมฮ่ ่องสอน 0.5586 สโุ ขทยั 0.9255 พทั ลงุ 0.7038 0.4240 ราชบุรี 0.5898 นครนายก 0.5541 นครราชสมี า 0.9246 ลาพนู 0.7020 0.4172 นครราชสีมา 0.5858 ยโสธร 0.5512 สงิ หบ์ รุ ี 0.9204 แพร่ 0.7002 0.4130 สระแกว้ 0.5857 มหาสารคาม 0.5490 ลพบรุ ี 0.9195 พะเยา 0.6964 518

79 ลาดบั การศึกษา สาธารณสุข การงาน รายได้ ทอ่ี ยอู่ าศัย คมนาคม & ส่ือสาร 39 เชยี งราย 0.4122 ชลบุรี 0.5799 กาญจนบรุ ี 0.7134 สตลู 0.5477 กาญจนบรุ ี 0.9171 พิษณโุ ลก 0.6956 40 นครสวรรค์ 0.4091 เชียงใหม่ 0.5758 อ่างทอง 0.7125 พะเยา 0.5412 พษิ ณโุ ลก 0.9158 เลย 0.6938 41 หนองคาย 0.4031 หนองคาย 0.5738 ราชบรุ ี 0.7078 กระบี่ 0.5407 นราธิวาส 0.9111 อ่างทอง 0.6936 42 อุดรธานี 0.4018 เชียงราย 0.5712 อทุ ยั ธานี 0.7043 รอ้ ยเอ็ด 0.5399 ชัยนาท 0.9079 สระแกว้ 0.6933 43 เลย 0.3955 ขอนแก่น 0.5706 ขอนแก่น 0.7029 ขอนแก่น 0.5369 ปัตตานี 0.8988 นครพนม 0.6920 44 สุราษฎรธ์ านี 0.3871 มกุ ดาหาร 0.5632 สพุ รรณบรุ ี 0.7005 อทุ ยั ธานี 0.5347 นครนายก 0.8961 ประจวบครี ขี นั ธ์ 0.6890 45 มหาสารคาม 0.3764 แมฮ่ ่องสอน 0.5607 สรุ าษฎรธ์ านี 0.6983 ตราด 0.5320 นครศรธี รรมราช 0.8808 หนองบวั ลาภู 0.6868 46 สตลู 0.3737 กาฬสนิ ธุ์ 0.5586 ลพบุรี 0.6963 ตรงั 0.5262 พทั ลงุ 0.8800 เชียงใหม่ 0.6845 47 นครราชสีมา 0.3720 ศรษี ะเกษ 0.5483 อบุ ลราชธานี 0.6922 สโุ ขทยั 0.5254 เพชรบุรี 0.8766 ชุมพร 0.6812 48 รอ้ ยเอ็ด 0.3710 สตลู 0.5474 สงิ หบ์ ุรี 0.6919 ชัยภมู ิ 0.5214 ปราจีนบรุ ี 0.8765 สโุ ขทยั 0.6764 49 สุโขทยั 0.3709 สโุ ขทยั 0.5472 อุดรธานี 0.6907 สงิ หบ์ ุรี 0.5211 ประจวบครี ขี นั ธ์ 0.8662 เพชรบูรณ์ 0.6670 50 พงั งา 0.3695 จันทบุรี 0.5463 พษิ ณโุ ลก 0.6905 นครสวรรค์ 0.5197 ตาก 0.8579 สพุ รรณบรุ ี 0.6655 51 เพชรบรู ณ์ 0.3646 อานาจเจรญิ 0.5443 สรุ นิ ทร์ 0.6879 อุตรดติ ถ์ 0.5142 แมฮ่ ่องสอน 0.8568 รอ้ ยเอ็ด 0.6651 52 พิจติ ร 0.3631 กาแพงเพชร 0.5435 หนองบวั ลาภู 0.6842 แพร่ 0.5104 จันทบุรี 0.8551 ปราจีนบุรี 0.6649 53 บรุ ีรัมย์ 0.3574 ชัยนาท 0.5418 รอ้ ยเอ็ด 0.6815 นครราชสีมา 0.5048 ราชบรุ ี 0.8544 พจิ ิตร 0.6623 54 กาญจนบรุ ี 0.3563 นราธิวาส 0.5415 ลาปาง 0.6797 ตาก 0.4960 ยะลา 0.8500 กาแพงเพชร 0.6586 55 กระบ่ี 0.3493 อ่างทอง 0.5411 กระบี่ 0.6747 อดุ รธานี 0.4947 สตลู 0.8488 เชียงราย 0.6547 56 ยโสธร 0.3403 หนองบวั ลาภู 0.5377 นครพนม 0.6732 พทั ลงุ 0.4862 พระนครศรอี ยธุ ยา 0.8420 ลพบรุ ี 0.6518 57 นครพนม 0.3354 พิษณโุ ลก 0.5371 นครราชสมี า 0.6700 ลาปาง 0.4839 สระบุรี 0.8407 กาญจนบรุ ี 0.6517 58 สระแก้ว 0.3329 พจิ ิตร 0.5355 แพร่ 0.6683 อ่างทอง 0.4819 เชียงใหม่ 0.8337 นครสวรรค์ 0.6459 59 อุทยั ธานี 0.3308 ปัตตานี 0.5347 บงึ กาฬ 0.6661 นา่ น 0.4726 สมทุ รสงคราม 0.8242 นา่ น 0.6456 60 ระนอง 0.3292 ยะลา 0.5318 เพชรบรู ณ์ 0.6661 อบุ ลราชธานี 0.4710 นครปฐม 0.8213 บงึ กาฬ 0.6423 61 กาแพงเพชร 0.3290 ตรงั 0.5298 ยะลา 0.6660 นราธิวาส 0.4655 ฉะเชิงเทรา 0.8156 มกุ ดาหาร 0.6375 62 สกลนคร 0.3205 ยโสธร 0.5118 พจิ ิตร 0.6642 บรุ รี มั ย์ 0.4584 ระนอง 0.7934 กาฬสินธุ์ 0.6373 63 กาฬสินธุ์ 0.3181 สกลนคร 0.5066 พทั ลงุ 0.6631 หนองบวั ลาภู 0.4555 สงขลา 0.7823 อุทยั ธานี 0.6360 64 ชยั นาท 0.3162 ชัยภมู ิ 0.5017 กาแพงเพชร 0.6536 สระแกว้ 0.4513 ตราด 0.7812 เพชรบุรี 0.6358 65 มกุ ดาหาร 0.3154 ลาปาง 0.4943 ตรงั 0.6523 มหาสารคาม 0.4493 ชุมพร 0.7786 หนองคาย 0.6253 66 ชยั ภมู ิ 0.3123 อุตรดติ ถ์ 0.4941 นครสวรรค์ 0.6493 บงึ กาฬ 0.4485 นนทบุรี 0.7770 ตาก 0.6109 67 สุรนิ ทร์ 0.3110 พทั ลงุ 0.4904 ชัยนาท 0.6489 นครพนม 0.4355 ปทมุ ธานี 0.7583 นราธิวาส 0.5899 68 บงึ กาฬ 0.3097 พะเยา 0.4855 พงั งา 0.6437 กาฬสนิ ธุ์ 0.4233 ตรงั 0.7557 สกลนคร 0.5859 69 อานาจเจรญิ 0.2983 บุรรี มั ย์ 0.4829 สระแกว้ 0.6385 มกุ ดาหาร 0.4217 ภเู ก็ต 0.7516 อานาจเจรญิ 0.5707 70 ศรสี ะเกษ 0.2896 อบุ ลราชธานี 0.4813 นครศรธี รรมราช 0.6233 สกลนคร 0.4187 สมทุ รปราการ 0.7421 บุรรี มั ย์ 0.5592 71 ยะลา 0.2637 แพร่ 0.4759 อตุ รดติ ถ์ 0.6215 ศรสี ะเกษ 0.4175 กระบ่ี 0.7399 อบุ ลราชธานี 0.5574 72 อุบลราชธานี 0.2607 นา่ น 0.4693 สงขลา 0.6178 ยโสธร 0.4170 ระยอง 0.7273 สรุ นิ ทร์ 0.5409 73 ตาก 0.2553 อทุ ยั ธานี 0.4671 สโุ ขทยั 0.6128 สรุ นิ ทร์ 0.4058 กรุงเทพ 0.7257 ศรสี ะเกษ 0.5408 74 หนองบวั ลาภู 0.2360 นครนายก 0.4617 สตลู 0.5759 ชัยนาท 0.4056 สมทุ รสาคร 0.6983 ยโสธร 0.5270 75 แมฮ่ อ่ งสอน 0.1959 ลาพนู 0.4608 ปัตตานี 0.5625 แมฮ่ ่องสอน 0.3808 สรุ าษฎรธ์ านี 0.6933 แมฮ่ ่องสอน 0.5114 76 ปัตตานี 0.1923 เลย 0.4334 นราธิวาส 0.4987 อานาจเจรญิ 0.3723 พงั งา 0.6918 ชัยภมู ิ 0.5091 77 นราธิวาส 0.1531 สรุ นิ ทร์ 0.3721 บรุ รี มั ย์ 0.4161 ปัตตานี 0.3692 ชลบุรี 0.6060 นครราชสีมา 0.4859 ที่มา: สานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ (2562) กล่ำวโดยสรุป ในช่วง 11 ปีที่ผ่ำนมำกำรพัฒนำคนในภำพรวมมีหลำยจังหวัดมีระดับกำร พัฒนำคนท่ีดีขึน แต่มีหลำยจังหวัดที่มีค่ำควำมก้ำวหน้ำของคนต่ำในปี 2552 ยังคงมี ควำมก้ำวหน้ำของคนต่ำในปี 2562 และเม่ือพิจำรณำระดับกำรพัฒนำรำยด้ำน พบว่ำ จังหวัด ใหญ่ท่ีมีอันดับกำรพัฒนำคนด้ำนกำรศึกษำ กำรงำนและรำยได้อยู่ในอันดับต้นๆ กลับมีระดับกำร พฒั นำคนดำ้ นที่อยอู่ ำศัยในระดบั ทตี่ ำ่ และจังหวดั ในภำคอสี ำนมีระดบั กำรพัฒนำคนดำ้ นคมนำคม และกำรสือ่ สำรอยใู่ นอนั ดับทำ้ ยๆ ของประเทศ 519

80 4.5 งบประมำณลงพืนที่จังหวัด (Area) มีควำมสัมพันธ์ระหว่ำงควำมเหล่ือมลำเชิงพืนที่ ด้ำนเศรษฐกจิ ดำ้ นสังคม และด้ำนกำรพัฒนำคนหรือไม่ อย่ำงไร? 4.5.1 ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงงบประมำณลงพืนที่จังหวัด (Area) กับควำมเหล่ือมลำทำง เศรษฐกิจ ในส่วนนี้ขอนาเสนอแผนภาพการกระจาย (scatter plot) ท่ีแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง งบประมาณลงพ้ืนท่ีจังหวัดกับเศรษฐกิจจังหวัดในปี 2562 แผนภาพที่ 31 พบว่างบประมาณลงพ้ืนท่ี จังหวัดกับขนาดเศรษฐกิจของจังหวัดมีความสัมพันธ์กันในทางบวกระดับค่อนข้างน้อย โดยดูได้จาก เส้น Trend line ที่ลาดขึ้นแต่มีความชันน้อย จากแผนภาพท่ี 31 ทาให้อาจจะตีความได้นัยหนึ่งว่า รัฐบำลจัดสรรงบประมำณให้กับจังหวัดท่ีมีขนำดเศรษฐกิจใหญ่สูงกว่ำจังหวัดท่ีมีขนำดเศรษฐกิจ เล็ก ถ้ำเป็นเช่นนันโอกำสที่จังหวัดท่ีมีเศรษฐกิจเล็กจะสำมำรถไล่กวดจังหวัดที่มีเศรษฐกิจขนำด ใหญก่ จ็ ะเปน็ ไปได้ยำก แผนภำพที่ 31 ควำมสัมพนั ธ์ระหวำ่ งงบประมำณลงพนื ท่ีจังหวัด (Area) กับควำมเหล่ือมลำทำงเศรษฐกิจ ปี 2562 ทม่ี า: สานักงานสภาพฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ และสานกั งบประมาณ (2562) ประมวลโดยคณะนักวิจัย 520

81 4.5.2 ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงงบประมำณลงพืนท่ีจังหวัด (Area) กับควำมเหลื่อมลำ ทำงสังคม แผนภาพที่ 32 และ 33 แสดงความสัมพันธ์ระหว่างงบประมาณลงพ้ืนท่ีจังหวัดกับความ เหล่ือมล้าด้านรายได้ (ดัชนี Gini) และสัดส่วนคนจนของจังหวัด จะสังเกตได้ว่างบประมาณลงพ้ืนท่ี จังหวัดกับความเหล่ือมล้าด้านรายได้ (ดัชนี Gini) มีความสัมพันธ์กันในทางลบแม้จะอยู่ในระดับ ค่อนข้างน้อย เช่นเดียวกันกับความสัมพันธ์ระหว่างงบประมาณลงพื้นท่ีจังหวัดกับสัดส่วนคนจนของ จังหวัดที่มีความสัมพันธ์กันในทางลบในระดับต่า โดยดูได้จากเส้น Trend line ของแผนภาพท่ี 32 และ 33 ท่ีลาดลงแต่มีความชันน้อย ทาให้อาจจะตีความได้นัยหนึ่งว่าจังหวัดที่ได้กำรจัดสรร งบประมำณลงพืนท่ีจังหวัดสูงเป็นจังหวัดที่มีปัญหำเร่ืองควำมยำกจนและควำมเหลื่อมลำทำง ด้ำนรำยได้ในระดับต่ำ ในขณะท่ีจังหวัดท่ีได้กำรจัดสรรงบประมำณลงพืนท่ีจังหวัดต่ำ กลับเป็น จงั หวดั ทม่ี ปี ัญหำเรอื่ งควำมยำกจนและควำมเหล่อื มลำทำงดำ้ นรำยไดใ้ นระดบั สงู แผนภำพท่ี 32 ควำมสัมพนั ธร์ ะหวำ่ งงบประมำณลงพนื ท่จี ังหวัด (Area) กับควำมเหลื่อมลำด้ำนรำยได้ ปี 2562 ทีม่ า: สานักงานสภาพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ และสานกั งบประมาณ (2562) ประมวลโดยคณะนกั วจิ ัย 521

82 แผนภำพที่ 33 ควำมสมั พนั ธ์ระหวำ่ งงบประมำณลงพนื ท่จี ังหวดั (Area) กับสดั ส่วนคนจน ปี 2562 ทมี่ า: สานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ และสานักงบประมาณ (2562) ประมวลโดยคณะนกั วจิ ัย 4.5.3 ควำมสมั พันธร์ ะหวำ่ งงบประมำณลงพืนทีจ่ งั หวดั (Area) กบั ควำมเหลือ่ มลำดำ้ นกำร พฒั นำคนในจงั หวัด แผนภาพท่ี 34 แสดงความสัมพันธ์ระหว่างงบประมาณลงพื้นที่จังหวัด (Area) กับความ เหลื่อมล้าด้านการพัฒนาคนในจังหวัดในปี 2562 โดยจะใช้ค่าดัชนีความก้าวหน้าของคนในจังหวัด (ดัชนี HAI ภาพรวม) ในการวัดระดับการพัฒนาคนของแต่ละจังหวัด ทั้งน้ีจะสังเกตได้ว่างบประมาณ ลงพ้ืนที่จังหวัดกับระดับการพัฒนาคนในจังหวัด มีความสัมพันธ์กันในทางบวก โดยดูได้จากเส้น Trend line ของแผนภาพท่ี 34 ที่ลาดขึ้น ทาให้อาจจะตีความได้นัยหน่ึงว่าจังหวัดที่ได้กำรจัดสรร งบประมำณจำนวนมำกเป็นจังหวัดท่ีมีระดับกำรพัฒนำคนในระดับสูง ถ้ำเป็นเช่นนันโอกำสที่ จังหวัดที่มีระดับกำรพัฒนำคนต่ำกลับเป็นจังหวัดท่ีได้รับงบประมำณน้อย ซ่ึงจะทำให้จังหวัด เหล่ำนีมีโอกำสยำกที่จะพัฒนำคนในจังหวัดตัวเองได้เท่ำเทียมคนในจังหวัดท่ีได้รับงบประมำณ จังหวัดสงู 522

83 แผนภำพท่ี 34 ควำมสมั พนั ธ์ระหว่ำงงบประมำณลงพนื ที่จังหวดั (Area) กบั ควำมเหลอ่ื มลำดำ้ นกำรพัฒนำคน (HAI) ปี 2562 ทม่ี า: สานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ และสานักงบประมาณ (2562) ประมวลโดยคณะนักวิจัย เพ่ือให้ได้ภาพที่ชัดเจนเพ่ิมข้ึน ทางคณะนักวิจัยขอนาเสนอแผนภาพการกระจาย (scatter plot) ท่ีแสดงการเปรียบเทียบความสัมพันธ์ระหว่างงบประมาณลงพื้นที่จังหวัดกับการพัฒนาคนในปี 2552 และ 2562 ตามแผนภาพที่ 35 และ 36 โดยภาพรวมแล้วแสดงให้เห็นถึงความเหล่ือมล้า เชิงพื้นที่เกิดจากการพฒั นาคนในระดับท่ีไม่ท่ัวถึงกันในช่วงเวลาท่ผี ่านมา ภาพที่ 35 และ 36 แสดงให้ เห็นถึงการเปรียบเทียบระหว่างร้อยละงบประมาณที่จังหวัดหนึ่งได้รับต่องบประมาณลงพ้ืนที่ท้ังหมด (Area) และงบประมาณลงพื้นที่กรุงเทพมหานครกับการพัฒนาคนรายจังหวัด (HAI) โดยท่ีการ เปรียบเทียบดังกล่าว ทาให้การจัดสรรงบประมาณรายจังหวัดมีลักษณะคล้ายกับเกมผลรวมศูนย์ (Zero Sum Game) คือ เกมท่ีจะมีผู้ชนะและและผู้แพ้ เนื่องจากแต่ละฝ่ายจะได้ผลประโยชน์ไม่ เทา่ กัน ถา้ เปรียบเทยี บเปน็ พิชซา่ 1 ถาดท่ีพ่อซอื้ มาแลว้ ตดั แบ่งเปน็ 77 ชน้ิ ให้กบั ลกู 77 คน (จงั หวัด) ซึ่งขนาดของพิซซ่าท่ีลูกคนหน่ึงได้รับจะส่งผลกระทบต่อขนาดของพิชซ่า (จานวนเงินงบประมาณลง พืน้ ทจ่ี ังหวัด) ทีล่ กู คนอน่ื (จังหวดั อน่ื ) ไดร้ ับไปพรอ้ มกัน ดังนัน้ หากจงั หวัดใดได้รบั งบประมาณลงพื้นที่ จังหวัด (Area) สูงย่อมทาให้จังหวัดอื่นได้รับงบประมาณลงพื้นที่จังหวัด (Area) น้อยกว่าโดย เปรียบเทียบ ท้ังน้ีการศึกษาร้อยละการจัดสรรงบประมาณรายจังหวัดและระดับการพัฒนาคนราย จงั หวัดสามารถแสดงได้ตามภาพท่ี 35 และ 36 แสดงให้เหน็ การกระจุกตวั ของการจัดสรรงบประมาณ ของไทยจัดอยู่ในระดับสูงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในพ้ืนท่ีกรุงเทพมหานคร กล่าวคือ 523

84 กรุงเทพมหานครได้รับงบประมาณร้อยละ 37.00 ในปี 2552 และ ร้อยละ 69.75 ในปี 2562 ตามลาดับ อย่างไรก็ตามสังเกตได้ว่า ระดับการพัฒนาคนของจังหวัดในช่วงปี 2562 ยังคงอยู่ที่ระดับ 0.5 ถึง 0.7 เช่นเดียวกับปี 2552 แต่ในภาพท่ี 36 กลับแสดงให้เห็นถึงการบีบตัวของการกระจุกตัว มากข้ึน (กระจุกตัวในแนวตั้งมากกว่ากระจุกตัวเป็นก้อนกลม) ซ่ึงคล้ายกับเกมรวมศุนย์ น่ันคือการ เพ่ิมข้ึนของสัดส่วนงบประมาณลงพื้นท่ีจังหวัดของกรุงเทพทาให้สัดส่วนของง บประมาณลงพ้ืนท่ี จังหวัดหลายจังหวัดลดลง เช่น เชียงใหม่ สงขลา นครราชสีมา ขอนแก่น ชลบุรี อุบลราชธานี และ พิษณุโลก เปน็ ต้น แผนภำพท่ี 35 ควำมสัมพนั ธ์ระหว่ำงงบประมำณลงพนื ทจี่ ังหวดั (Area) กบั กำรพฒั นำคน (HAI) รำยจงั หวัดปี 2552 (รวมกรุงเทพ) ทม่ี า: สานกั งานสภาพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ และสานกั งบประมาณ (2552) ประมวลโดยคณะนักวิจัย แผนภำพท่ี 36 ควำมสมั พนั ธร์ ะหว่ำงงบประมำณลงพนื ทีจ่ งั หวัด (Area) กบั กำรพฒั นำคน (HAI) รำยจังหวดั ปี 2562 (รวมกรงุ เทพ) ที่มา: สานักงานสภาพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแหง่ ชาติ และสานกั งบประมาณ (2562) ประมวลโดยคณะนกั วจิ ัย 524

85 ภาพท่ี 37 และ 38 แสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างงบประมาณลงพื้นท่ีจังหวัด (Area) เม่ือไม่รวมงบประมาณลงพื้นที่ของกรุงเทพกับระดับการพัฒนาคน (HAI) รายจังหวัด ซึ่งสามารถ สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างระดับการพัฒนาคนรายจังหวัดและร้อยละการจัดสรรงบประมาณ รายจังหวดั ได้อย่างชดั เจน กล่าวคือ จังหวดั ท่ีมีระดับการพฒั นาสูงมักมีร้อยละการจัดสรรงบประมาณ รายจังหวัดที่สูงเช่นกัน (เส้นแนวโน้มสีฟ้าในแผนภาพท่ี 33 และ 34 มีลักษณะเฉียงข้ึน) นอกจากน้ี ยังสามารถสรุปได้อกี ว่าความสัมพันธ์ของการเตบิ โตของงบประมาณลงพื้นท่ีจังหวดั (Area) และระดับ การพัฒนาคน (HAI) จังหวัดในปี 2562 มีความสัมพันธ์กันมากกว่าปี 2552 เนื่องจากเส้นสีฟ้า ของปี 2562 มีความชันมากกว่าเส้นสีฟ้าของปี 2552 หรือจะกล่าวได้ว่าการเพ่ิมขึ้นของงบประมาณ ลงพ้ืนทจี่ ังหวัดใน 2562 ทาใหร้ ะดบั การพฒั นาคนในจังหวัดเพมิ่ มากขึน้ กว่าในอดีต แผนภำพที่ 37 ระดับควำมสมั พันธ์ระหวำ่ งงบประมำณลงพนื ที่ (Area) กับกำรพัฒนำคน (HAI) รำยจังหวดั ปี 2552 (ไมร่ วมกรงุ เทพ) ท่ีมา: สานักงานสภาพฒั นาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ และสานักงบประมาณ (2552) ประมวลโดยคณะนักวจิ ัย 525

86 แผนภำพที่ 38 ระดบั ควำมสมั พนั ธร์ ะหวำ่ งงบประมำณลงพืนท่ี (Area) กบั กำรพัฒนำคน (HAI) รำยจังหวัดปี 2562 (ไมร่ วมกรงุ เทพ) ทมี่ า: สานักงานสภาพฒั นาการเศรษฐกิจและสังคมแหง่ ชาติ และสานักงบประมาณ (2562) ประมวลโดยคณะนกั วิจัย 4.5.4 ควำมสมั พนั ธ์ระหวำ่ งเศรษฐกจิ จงั หวัดกับควำมเหลื่อมลำเชิงพนื ที่ด้ำนเศรษฐกิจ ด้ำนสังคม และด้ำนกำรพฒั นำคน แผนภาพท่ี 39, 40 และ 41 แสดงความสัมพันธ์ระหว่างผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดและ เศรษฐกิจ สังคมและการพัฒนาคนของจังหวัด แผนภาพท่ี 39 และ 40 แสดงให้เห็นว่าขนาดของ เศรษฐกจิ จงั หวัดมีความสมั พนั ธ์สวนทางกับระดับความยากจนและความเหล่อื มลา้ ดา้ นรายได้ในระดับ จังหวดั โดยดไู ด้จากเส้น Trend line ที่ลาดลง หรือ อาจจะตีความได้อีกนัยหนึ่งว่า จังหวัดที่มขี นำด เศรษฐกิจใหญ่ มีแนวโน้มท่ีจะเป็นจังหวัดที่มีปัญหำด้ำนควำมเหลื่อมลำด้ำนรำยได้กับควำม ยำกจนในระดับต่ำ แผนภาพที่ 41 แสดงให้เห็นว่าขนาดของเศรษฐกิจจังหวัดมีความสัมพันธ์ในทาง เดยี วกนั กับระดบั การพัฒนาคนในระดบั จังหวัด ในระดบั ที่ชัดเจน โดยดไู ด้จากเส้น Trend line ที่ลาด ขึ้นอยา่ งชัดเจน 526

87 แผนภำพที่ 39 ควำมสัมพนั ธร์ ะหว่ำงผลติ ภัณฑ์มวลรวมจงั หวดั กบั ควำมเหลอ่ื มลำดำ้ นรำยได้ ปี 2562 ทีม่ า: สานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ (2562) ประมวลโดยคณะนักวิจยั แผนภำพที่ 40 ควำมสัมพนั ธร์ ะหวำ่ งผลติ ภัณฑม์ วลรวมจงั หวัดกับสัดสว่ นคนจนปี 2562 ทีม่ า: สานักงานสภาพฒั นาการเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ (2562) ประมวลโดยคณะนกั วิจัย 527

88 แผนภำพที่ 41 ควำมสัมพนั ธ์ระหว่ำงผลติ ภัณฑ์มวลรวมจงั หวัดกบั ดัชนกี ำรพัฒนำคนปี 2562 ท่มี า: สานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาติ (2562) ประมวลโดยคณะนกั วจิ ยั ทั้งนี้เนื่องจากแผนภาพท่ี 41 แสดงให้เห็นความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดกบั ดัชนีการพัฒนาคนอย่างชัดเจน คณะนักวิจัยจึงได้ทาการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของสองตัวแปรนี้ ในเชิงลึกเพ่ิมเติม ในส่วนน้ีจึงขอนาเสนอแผนภาพการกระจาย (scatter plot) ที่แสดงความสัมพันธ์ ระหว่างผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดกับการพัฒนารายรายจังหวัด ทั้งนี้จะใช้ร้อยละผลิตภัณฑ์มวลรวม จังหวัดต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศในการวัดการเติบโตทางเศรษฐกิจของแต่ละจังหวัด เพื่อแสดงให้เห็นถึงการมีส่วนร่วมของเศรษฐกิจจังหวัดในการสนับสนุนความเจริญทางเศรษฐกิจของ ประเทศ และใช้ดัชนี้ความก้าวหน้าของคน (Human Achievement Index-HAI) ในปี 2552 และ 2562 เพ่อื แสดงถงึ ระดับการพฒั นาคนรายจังหวัด 528

89 แผนภำพที่ 42 ระดบั ควำมสัมพนั ธร์ ะหวำ่ งผลิตภณั ฑ์มวลรวมจังหวัด กบั กำรพฒั นำคนรำยจังหวัด ปี 2552 (รวมกรุงเทพ) ท่ีมา: สานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ (2552) ประมวลโดยคณะนักวิจยั แผนภาพที่ 42 แสดงความสัมพันธ์ระหว่างสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดต่อผลิตภัณฑ์ มวลรวมภายในประเทศ (GPP/GDP) กับระดับการพัฒนาคนรายจังหวัด (HAI) ซ่ึงเห็นได้ว่า ในปี 2552 จังหวัดโดยส่วนใหญ่มีผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดในช่วงไม่เกินร้อยละ 6 ของผลิตภัณฑ์มวลรวม ภายในประเทศ เปน็ ที่นา่ สงั เกตว่าโดยทวั่ ไปแลว้ จังหวดั ท่ีมรี ะดบั การพัฒนาสูงโดยส่วนใหญเ่ ป็นจงั หวัด ท่ีมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ เช่น กรุงเทพมหานคร ระยอง ชลบุรี สมุทรปราการ ปทุมธานี และอยุธยา และในทางตรงกันข้ามจังหวัดท่ีมีระดับการพัฒนาต่าก็จะมีขนาดเศรษฐกิจเล็ก เช่น แม่ฮ่องสอน สระแก้ว อย่างไรก็ตามพบว่ามีบางจังหวัดที่มีผลิตภัณฑ์มวลรวมสวนทางกับระดับการพัฒนา เช่น จังหวดั ภูเก็ตมีสัดส่วนเศรษฐกิจของจังหวัดตอ่ เศรษฐกิจของประเทศอยู่ในลาดับท่ี 20 แต่กลับมีลาดับ การพัฒนาอยู่ในลาดับที่ 1 และจังหวัดพงั งาที่มีสัดส่วนเศรษฐกิจของจังหวัดต่อเศรษฐกิจของประเทศ ในลาดับท่ี 52 แต่กลบั มรี ะดบั การพัฒนาอยู่ในลาดบั ท่ี 7 แผนภาพท่ี 43 แสดงความสัมพันธ์ระหว่างสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดต่อผลิตภัณฑ์ มวลรวมภายในประเทศ (GPP/GDP) กับระดับการพัฒนาคนรายจังหวัด (HAI) เช่นเดียวกับ แผนภาพที่ 42 แต่เป็นการเปรียบเทียบความสัมพันธ์ในอีก 11 ปีให้หลัง (ปี 2562) พบว่าโดยรวม สัดส่วนของผลิตภัณฑม์ วลรวมของแต่ละจงั หวดั ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศยังไม่เปล่ียนมาก แต่บางจังหวัดที่เคยมีระดับการพัฒนาท่ีต่ามีการเปลี่ยนแปลงของระดับการพัฒนาอย่างชัดเจน เช่น จังหวัดตาก จากอันดับท่ี 74 ในปี 2552 มาอยู่ในลาดับที่ 59 ในปี 2562 จังหวัดเพชรบูรณ์ จากเดิม ลาดับท่ี 72 ในปี 2552 ข้ึนมาอยู่ในลาดับที่ 41 ในปี 2562 และจังหวัดสตูลจากเดิมลาดับท่ี 27 ในปี 2552 ขึ้นมาอยู่ในลาดับท่ี 50 ในปี 2562 ซ่ึงแสดงให้เห็นว่าแม้ว่าเศรษฐกิจของบางจังหวัดจะ ไม่ได้เปล่ียนแปลงไปมากนักในช่วง 11 ปี แต่บางจังหวัดก็เกิดการพัฒนาได้เป็นอย่างดีซึ่งแสดงให้เห็น ว่าแม้ว่าเศรษฐกิจของบางจังหวัดจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากนักในช่วง 11 ปี แต่บางจังหวัดก็เกิด การพฒั นาได้เปน็ อยา่ งดี 529

90 แผนภำพท่ี 43 ระดบั ควำมสัมพันธร์ ะหวำ่ งผลติ ภัณฑ์มวลรวมจงั หวดั กับกำรพฒั นำคนรำยจังหวดั ปี 2562 (รวมกรงุ เทพ) ทมี่ า: สานกั งานสภาพฒั นาการเศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ (2562) ประมวลโดยคณะนกั วิจยั แผนภาพที่ 44 และ 45 แสดงความสัมพันธ์ระหว่างสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดต่อ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GPP/GDP) กับระดับการพัฒนาคนรายจังหวดั (HAI) เช่นเดียวกับ แผนภาพท่ี 42 และ 43 แต่เป็นแผนภาพท่ีไม่รวมจังหวัดกรุงเทพมหานคร เพื่อจะได้เปรียบเทียบ ข้อมูลของจงั หวดั อน่ื ๆ ทกี่ ระจุกตวั อยใู่ นแผนภาพท่ี 42 และ 43 ได้ชัดเจนข้ึน แผนภำพท่ี 44 ระดับควำมสัมพนั ธ์ระหวำ่ งผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด กบั กำรพัฒนำคนรำยจงั หวัด ปี 2552 (ไมร่ วมกรงุ เทพ) ทีม่ า: สานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแหง่ ชาติ (2552) ประมวลโดยคณะนกั วิจัย 530

91 แผนภำพที่ 45 ระดับควำมสัมพันธร์ ะหวำ่ งผลิตภณั ฑ์มวลรวมจงั หวดั กับกำรพฒั นำคนรำยจงั หวัดปี 2562 (ไมร่ วมกรุงเทพ) ท่ีมา: สานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาติ (2562) ประมวลโดยคณะนกั วิจัย ภาพท่ี 44 และ 45 สะท้อนความสัมพันธ์ระหว่างระดับการพัฒนาคนรายจังหวัดและการมี ส่วนร่วมของเศรษฐกิจจังหวัดในการสนับสนุนความเจริญทางเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างชัดเจน กล่าวคือ จังหวัดท่ีมีร้อยละผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศสูงมักมี ระดับการพัฒนาจังหวัดสูงเช่นกัน (เส้นแนวโน้มสีดาในแผนภาพท่ี 44 และ 45 มีลักษณะชันข้ึน) นอกจากน้ียังสรุปได้อีกว่าความสัมพันธ์ของการเติบโตทางเศรษฐกิจของจังหวัดและระดับการพัฒนา คนรายจังหวัดในปี 2562 มีความสัมพันธ์กันมากกว่าปี 2552 เนื่องจากเส้นสีดาของปี 2562 มีความ ชันมากกว่าเส้นสีดาของปี 2552 หรือจะกล่าวได้ว่าการเพ่ิมขึ้นของสัดส่วนของผลิตภัณฑ์มวลรวม จังหวัดต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศใน 2562 เก่ียวโยงกับระดับการพัฒนาคนในจังหวัด เพมิ่ มากขน้ึ กวา่ ในอดีต 531

92 4.5.5 ควำมสัมพันธ์ระหวำ่ งงงบประมำณลงพนื ท่จี ังหวัด (Area) กับงบประมำณจังหวดั และกลุ่มจงั หวดั ภาพท่ี 46 แสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างงบประมาณลงพื้นท่ีจังหวัด (Area) กับงบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัดอยู่ในระดับต่า โดยดูได้จากเส้น Trend line ที่ลาดขึ้นแต่มี ความชนั น้อย ทั้งนี้คณะนักวิจัยยังได้เปรียบเทียบความสัมพันธ์ดังกล่าวในปี 2562 และ ปี 2564 และ พบวำ่ ควำมสมั พนั ธ์ระหว่ำงงบประมำณทงั 2 ส่วนมคี วำมควำมสมั พันธ์กันในระดบั ตำ่ ทัง 2 ชว่ งปี ทั้งน้ียังเป็นท่ีน่าสังเกตว่าในปีงบประมาณล่าสุด (ปี 2564) เส้น Trend line ยังมีความชัดลดน้อยลง กว่าเส้น Trend line ในปี 2562 ซึ่งหมายความว่าอาจจะตีความได้อีกนัยหนึ่งว่าควำมสัมพันธ์ ระหว่ำงงบประมำณลงพืนท่ีจงั หวัดและงบประมำณจงั หวัดและกลุ่มจงั หวัดในปงี บประมำณล่ำสดุ ย่ิงมคี วำมไมส่ ัมพันธ์มำกขึนไปอกี แผนภำพท่ี 46 ควำมสมั พนั ธ์ระหว่ำงงงบประมำณลงพืนท่ีจังหวัด (Area) กบั งบประมำณจงั หวัดและกล่มุ จังหวดั ปี 2562 และ 2564 ที่มา: สานักงบประมาณ (2562,2564) ประมวลโดยคณะนกั วจิ ัย 4.6 ควำมสัมพันธ์ทำงสถิติระหว่ำงงบประมำณลงพืนท่ีจังหวัด (Area) และควำมเหลื่อมลำ เชิงพืนที่ด้ำนเศรษฐกจิ ดำ้ นสงั คม และดำ้ นกำรพัฒนำคน ในส่วนนี้เป็นการศึกษาความสัมพันธ์ทางสถิติระหว่างงบประมาณลงพ้ืนท่ีจังหวัด (Area) กับตัว แปรอื่นๆ ที่สะท้อนความเหล่ือมล้าด้านเศรษฐกิจ สังคมและการพัฒนา โดยแสดงในตารางที่ 8 ทั้งน้ี ทีมนักวิจัยจะเลือกอภิปรายผลเฉพาะความสัมพันธ์ของงบประมาณลงพื้นที่จังหวัด (Area) กับตัวแปรด้านความเหลือ่ มลา้ ดา้ นเศรษฐกิจ สังคมและการพัฒนาคน โดยมีรายละเอียดดงั นี้ 532

93 ตำรำงที่ 8 คำ่ สหสมั พันธร์ ะหว่ำงงบประมำณลงพนื ที่จงั หวัด (Area) กบั ระดบั ควำม เหลอ่ื มลำดำ้ นเศรษฐกิจ สงั คม กำรพฒั นำคนในจังหวดั และงบจงั หวดั และกลุ่มจงั หวัด ปี 2562 งบประมาณ งบจงั หวัด เศรษฐกจิ สัดส่วน HAI HAI HAI ลงพ้ืนที่ และงบกลมุ่ จงั หวัด คนจน GINI ภาพรวม การศกึ ษา HAI สาธารณสุข HAI รายได้ HAI ท่ีอยู่ HAI การงาน คมนาคม จงั หวัด จงั หวัด สอ่ื สาร งบประมาณลงพ้ืนที่จงั หวัด 1 งบจงั หวัดและงบกลมุ่ จงั หวัด .273* 1 เศรษฐกจิ จงั หวัด .238* .697** 1 1 1 สดั สว่ นคนจน -0.178 -0.102 -.408* .468** GINI -0.225 -.259* -.442** HAI ภาพรวม .307* 0.02 .457** -.677** -.304** 1 HAI การศึกษา .327** 0.124 .518** -.578** -.256* .860** 1 HAI สาธารณสขุ .258* 0.06 .384** -.250* -0.104 .500** .276* 1 HAI รายได้ -.294** 0.161 .632** -.612** -.489** .728** .675** .513** 1 HAI ทีอ่ ยอู่ าศัย -0.203 -0.134 -.629** 0.225 0.19 -.407** -.431** -.537** -.677** 1 HAI การงาน 0.094 0.147 .487** -.468** -.216* .598* .468** .351** .440** -.357** 1 HAI คมนาคมสอื่ สาร .269* -0.104 .398** -.347** -0.198 .706** .624** .516** .663** -.641** .303** 1 ทมี่ า: ประมวลโดยคณะนักวิจัย 4.6.1 ควำมสัมพนั ธ์ระหวำ่ งงบประมำณลงพนื ท่จี ังหวัด กบั ควำมเหล่ือมลำทำงเศรษฐกิจ คณะผู้วิจัยได้วิเคราะห์ความสัมพันธ์โดยใช้ค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์ ( Correlation Coefficient) ในตารางท่ี 8 พบว่างบประมาณลงพ้ืนที่จังหวัดมีความสัมพันธ์กับขนาดเศรษฐกิจของ จังหวัด ในงานวิจัยนี้ขนาดเศรษฐกิจจังหวัดวัดโดยสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดต่อผลิตภัณฑ์ มวลรวมของประเทศ (GPP/GDP) มีค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์ (Correlation Coefficient) เท่ากับ 0.238 และมีนัยสาคัญทางสถิติท่ี p-value เท่ากับ 0.05 ซึ่งค่าสัมประสิทธิ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นถึง ความสัมพันธ์ของสองตัวแปรดังกล่าวในทิศทางเดียวกันแม้จะไม่ได้สูงมากนัก กล่าวคือ หำกภำครัฐ จัดสรรงบประมำณลงพืนท่ีจังหวัดใดๆ เพิ่มขึน จะส่งผลให้จังหวัดนันมีกำรเจริญเติบโตทำง เศรษฐกิจท่ีดีขึนอย่ำงมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์ (Correlation Coefficient) ไม่ได้ระบุว่าตัวไหนเป็นเหตุและผล ทาให้อาจจะแปลความได้อีกทางหน่ึงว่ารัฐบำล จดั สรรงบประมำณให้กบั จังหวัดทีม่ ีขนำดเศรษฐกิจใหญ่สูงกวำ่ จงั หวดั ทม่ี ีขนำดเศรษฐกจิ เล็ก 4.6.2 ควำมสมั พนั ธร์ ะหว่ำงงบประมำณลงพนื ท่ีจังหวัด กบั ควำมเหล่อื มลำทำงสังคม ในงานวิจัยนี้คณะผู้วิจัยได้ใช้สัดส่วนคนจนและความเหล่ือมล้าทางรายได้ (Gini Coefficient) ของจังหวัดเป็นตัวแปรเพื่อสะท้อนความเหล่ือมล้าทางสังคม ตารางที่ 8 แสดงค่าสัมประสิทธ์ิ สหสมั พนั ธ์ (Correlation Coefficient) พบวา่ งบประมาณลงพืน้ ที่จังหวดั ไม่มคี วามสมั พนั ธ์กับสัดส่วน คนจนและความเหล่อื มลา้ ดา้ นรายได้ (p-value > 0.01) 533

94 เป็นท่ีน่าสนใจว่าเม่ือดูค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ ในคอลัมภ์ท่ี 3 ในแถวท่ี 5 พบว่างบจังหวัด และกลุ่มจังหวัดกลับมีความสัมพันธ์กับความเหลื่อมล้าด้านรายได้ (p-value < 0.05) และ ความสัมพันธ์น้ีเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม หรืออีกนัยหน่ึงก็คือเม่ืองบจังหวัดและกลุ่มจังหวัด เพ่ิมขึนทำให้ควำมเหลื่อมลำด้ำนรำยได้ลดลง และแปลควำมได้ว่ำงบจังหวัดและกลุ่มจังหวัดอำจ เป็นยำแกข้ องควำมเหลอื่ มลำด้ำนรำยได้ (แมว้ า่ ค่าสัมประสิทธิจ์ ะไมไ่ ดร้ ะบุว่าส่งิ ไหนเปน็ เหตแุ ละผล) 4.6.3 ควำมสมั พันธร์ ะหวำ่ งงบประมำณลงพนื ทจี่ งั หวัด กบั ควำมเหล่อื มลำดำ้ นกำรพัฒนำคน ในงานวิจัยน้ีคณะผู้วิจัยได้ใช้ดัชนีความก้าวหน้าของคนโดยรวม และดัชนีรายด้าน 6 ด้าน (การศึกษา สาธารณสุข ที่อยู่อาศัย รายได้ และคมนาคมและการสื่อสาร) เป็นตัวแปรเพ่ือสะท้อน ความเหลื่อมล้าด้านการพัฒนาคนของจังหวัด ตารางที่ 8 แสดงค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์ (Correlation Coefficient) ในคอลัมภ์ท่ี 2 ในแถวที่ 6-12 พบว่างบประมาณลงพ้ืนท่ีจังหวัดมี ความสัมพันธ์กับการพฒั นาคนของจังหวัดเชิงบวกกับการพฒั นาคนในภาพรวม (r=.-307, p-value < 0.05) ทั้งน้ีงบประมาณลงพ้ืนที่จังหวัดมีความสัมพันธ์กับการพัฒนาคนด้านการศึกษา (r=.327, p- value < 0.01) ด้านสาธารณสุข (r=.258, p-value < 0.05) และด้านคมนาคมและส่ือสาร (r=.269, p-value < 0.05) อย่างไรกต็ ามคณะนักวิจยั พบว่างบประมาณลงพนื้ ทจี่ ังหวดั มีความสมั พนั ธ์กบั การพฒั นาคนของ จังหวัดในทิศทางตรงกันข้ามกับการพัฒนาคนด้านรายได้ (r= -.294, p-value < 0.01) โดยค่า สัมประสิทธ์ิระหว่างงบลงพ้ืนท่ีจังหวัดกับการพัฒนาคนด้านรายได้มีค่าเป็นลบ อาจจะเนื่องมาจาก ดัชนีย่อยท่ีใช้ในการสร้างดัชนีด้านรายได้ประกอบด้วยสัดส่วนคนจนกับค่าสัมประสิทธ์ิความไม่ เสมอภาค (งานวิจยั ในอดีตพบวา่ ตัวแปรสองตวั น้มี ีความสัมพนั ธ์เชิงลบกบั งบประมาณอยแู่ ล้ว) กล่ำวโดยสรปุ กำรจัดสรรงบประมำณลงพืนทจ่ี ังหวัดเพ่มิ ขึน ย่อมทำให้ระดับกำรพฒั นำคน ของจงั หวดั ในภำพรวมดีขึน ซึ่งจะส่งผลดีตอ่ กำรพฒั นำเศรษฐกิจและสงั คมของจังหวัดต่อไป 4.6.4 ควำมสมั พันธ์ระหวำ่ งเศรษฐกิจจังหวดั กับควำมเหลือ่ มลำเชิงพนื ทีด่ ำ้ นสงั คม และด้ำนกำรพฒั นำคน ตารางท่ี 8 แสดงค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์ระหว่างขนาดเศรษฐกิจกับปัญหาความยากจน ความเหล่ือมลา้ และการพฒั นาคนในระดับจงั หวดั โดยภาพรวมแล้วจังหวัดท่มี ีเศรษฐกิจดี จะมรี ะดับ ปัญหำควำมยำกจนและควำมเหล่ือมท่ีลดลง โดยสัดส่วนความยากจนกับขนาดเศรษฐกิจจังหวัดมี ความสัมพันธ์เชิงลบกันอย่างมีนัยทางสติถิ (r= -.408, p-value < 0.01) และเศรษฐกิจจังหวัดกับ ความเหลื่อมล้าด้านรายได้ (Gini) มีความสัมพันธ์เชิงลบกันอย่างมีนัยทางสติถิ (r= -.442, p-value < 0.01) 534

95 นอกจากน้ีขนาดเศรษฐกิจของจังหวัดยังมีความสัมพันธ์เชิงบวกอย่ างมีนัยทางสถิติกับระดับ การพัฒนาคนในภาพรวม และระดับการพัฒนาคนด้านการศึกษา สาธารณสุข รายได้ ที่อยู่อาศัยและ การงาน และด้านคมนาคมและการสื่อสาร ซึ่งอาจตีความได้ 2 กรณี คือ กรณีท่ี 1 จังหวัดรวยจะมี ระดบั กำรพัฒนำคนทสี่ งู หรือกรณีท่ี 2 กำรท่ีจังหวัดมรี ะดบั กำรพฒั นำคนที่สูง จะกลำยเปน็ จังหวัด ทีม่ งั่ คัง่ มีกำรขยำยตัวทำงเศรษฐกิจท่ดี ี 4.6.5 ควำมสมั พันธ์ระหวำ่ งงบประมำณลงพนื จังหวดั กบั งบจงั หวัดและกลมุ่ จงั หวัด เ ม่ื อ ดู ค่ า สั ม ป ร ะ สิ ท ธิ์ ส ห สั ม พั น ธ์ ร ะ ห ว่ า ง ง บ ป ร ะ ม า ณ ล ง พ้ื น ที่ จั ง ห วั ด แ ล ะ ง บ จั ง ห วั ด แ ล ะ กลุ่มจังหวัด พบว่ามีความสัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกัน (r = 273, p-value < 0.05) แต่ว่า ความสัมพันธ์นี้อยู่ในระดับท่ีต่า ทาให้แปลความได้ว่างบประมาณลงพื้นท่ีจังหวัดและงบจังหวัดและ กลุ่มจังหวดั อาจจะไมค่ อ่ ยสอดคล้องกันมากนัก อย่างไรก็ตามคณะผู้วิจัยกลับพบว่างบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัดเป็นงบประม าณท่ีมี ความสาคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของจังหวัดเป็นอย่างย่ิง ทั้งที่บางครั้งถูกมองว่าเป็นเม็ดเงินที่น้อย ไม่เพียงพอต่อการขับเคลื่อนหรือพัฒนาจังหวัดได้ แต่เม่ือคณะผู้วิจัยวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของ งบประมาณส่วนดังกล่าวกับตัวแปรต่างๆ กลับพบว่างบประมาณจังหวัด มีความสัมพันธ์ในทิศทาง เดยี วกบั สัดส่วนผลติ ภัณฑ์มวลรวมจังหวัดต่อผลติ ภณั ฑ์มวลรวมของประเทศค่อนข้างสูง ตารางที่ 8 ได้ แสดงค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์ (Correlation Coefficient) พบว่างบจังหวัดและกลุ่มจังหวัดมี ความสัมพันธ์กับขนาดเศรษฐกิจของจังหวัดในระดับสูง (r=.697) อย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ (p-value < 0.01) ซึ่งเป็นเรื่องท่ีน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากขนาดของงบจังหวัดและกลุ่มจังหวัด (จัดสรร ตรง) มีขนาดเล็กมากเมื่อเปรียบเทียบกับงบประมาณลงพ้ืนท่ีจังหวัด (จัดสรรผ่านกระทรวง/กรม) ยกตัวอย่างเช่น ในปีงบประมาณปี 2564 งบจังหวัดและกลุ่มจังหวัด (จัดสรรตรง) มีสัดส่วนเพียง รอ้ ยละ 2.66 ในขณะที่งบประมาณลงพืน้ ทจี่ ังหวัด (จดั สรรผา่ นกระทรวง/กรม) มีสัดส่วนสงู ถงึ ร้อยละ 97.34 นอกจากน้ีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (Correlation Coefficient) ของงบลงพื้นที่จังหวัดกับ ขนาดของเศรษฐกิจ (r=0.238) ยังมีค่าตา่ กวา่ ค่าสมั ประสทิ ธิ์สหสมั พันธ์ของงบจังหวัดและกลมุ่ จังหวัด กับขนาดเศรษฐกิจของจังหวัด (r=.697) เสียอีก ซ่ึงอาจให้ความหมายได้ว่างบประมำณจังหวัดและ กลุ่มจังหวัด แม้จะมีขนำดเล็กมำกแต่กลับมีควำมสำคัญกับขนำดเศรษฐกิจจังหวัดมำก ทังนี อำจจะเป็นเพรำะว่ำงบจังหวัดและกลุ่มจังหวัด เป็นกำรขอรับจัดสรรงบประมำณโดยตรง ซ่ึงจังหวัดรู้ควำมต้องกำรของประชำชนในพืนที่ ในจุดนีทำให้เห็นถงึ ควำมสำคัญของกำรกระจำย อำนำจทำงงบประมำณ ข้อเสนอแนะอีกทำงหน่ึงก็คือควรมีกลไกในกำรบูรณำกำรกำรทำงำน ร่วมกันระหว่ำงกระทรวง/กรมกับจังหวัดและกลุ่มจังหวัดเพื่อให้งบประมำณท่ีลงพืนที่จังหวัด ทงั หมดตอบสนองควำมต้องกำรของประชำชนในพืนท่อี ยำ่ งแทจ้ รงิ 535

96 บทที่ 5 สรปุ ผลกำรศกึ ษำและข้อเสนอแนะ งานวจิ ัยเล่มนี้เป็นการศึกษาแนวโน้มการจัดสรรงบประมาณท่ีส่งผลกระทบต่อพลวัตการเติบโต ของจังหวัดในด้านเศรษฐกิจ สังคมและการพัฒนาคน รวมถึงการศึกษาความเหลอ่ื มล้าระหว่างจังหวัด และตรวจสอบข้อสนั นษิ ฐานเกี่ยวกับแนวคดิ \"การไล่กวดทางเศรษฐกิจ” (catching-up hypothesis) ภายใต้มุมมองการจัดสรรงบประมาณในอุดมคติท่ีต้องการให้ “จังหวัดจน” หรือด้อยความเจริญ สามารถไล่กวด “จังหวัดรวย” ได้ทันในระยะยาว ตามปฏิญญาสากลและแนวทางในการปฏิรูป ประเทศท่ีจะ “ไม่ทิง้ ใครไว้ข้างหลงั มงุ่ สร้างสังคมเปน็ ธรรมและเขม้ แขง็ ” การศึกษาในครั้งนี้มวี ัตถุประสงค์หลักคือ เพื่อวิเคราะห์พลวตั ของ 77 จังหวัดในรอบ 13 ปี โดย การรวบรวมข้อมูลดิบจากหน่วยงานรัฐท่ีเกี่ยวข้องและน่าเช่ือถือ เช่น จากสานักงบประมาณ สานักงานสถิติแห่งชาติ และสานักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จัดทาเป็นฐานข้อมูล แบบตัดขวางทางตามเวลา (panel data) ทั้งนี้เพ่ือเป็นข้อมูลเชิงวิชาการท่ีสนับสนุนการพิจารณาณา งบประมาณของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจาปี สมาชิกรัฐสภา หนว่ ยงานท่เี กี่ยวข้อง และประชาชนผู้สนใจ โดยภาพรวมแล้ว การศึกษาครั้งน้ีพบว่าลักษณะการจัดสรรงบประมาณในรอบ 13 ปี แสดงให้ เห็นถงึ ความพยายามของรฐั บาลท้งั ในอดีตและปัจจุบนั ในการจดั สรรงบประมาณและทรัพยากรในการ พัฒนาและเปล่ียนแปลงประเทศไปในทิศทางที่ดีข้ึน ซึ่งดูจากสัดส่วนและการกระจายตัวของ งบประมาณที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน และกระจายตัวท่ัวถึงมากข้ึนกว่าในอดีต แม้ว่า งบประมาณสว่ นใหญย่ งั คงอยทู่ ีก่ รงุ เทพมหานครและสว่ นกลางกต็ าม สาหรบั ภาพรวมของปัญหาความ เหล่ือมล้าด้านเศรษฐกิจ สังคมและการพัฒนาคนมีการเปล่ียนแปลงไปในทิศทางที่ดีข้ึน อย่างไรก็ตาม ปัญหาความเหลี่ยมลา้ ทั้ง 3 ด้านยงั อยู่ในระดับทีร่ นุ แรงและจาเปน็ อย่างยงิ่ จะต้องไดร้ บั การแกไ้ ขตอ่ ไป เพื่อให้ประเทศไทยหลุดจากกับดักรายได้ปานกลาง ก้าวไปสู่การเป็นประเทศท่ีพัฒนาแล้วและเป็น ประเทศท่ีประชาชนมีโอกาสอยา่ งเท่าเทียมกันในการเข้าถึงความเปน็ อยทู่ ดี่ ีและเปน็ สขุ 5.1 ขอ้ คน้ พบ 5.1.1 กำรจัดสรรงบประมำณในภำพรวมและงบประมำณลงพืนท่ีจังหวัด (Area) ในช่วง ปีงบประมำณ 2552-2564 จากการศึกษาการจัดสรรงบประมาณของไทยย้อนหลัง 13 ปี ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2552-2564 พบว่าในภาพรวมการจัดสรรงบประมาณยังคงมีลักษณะของการรวมศูนย์อานาจ มีการกระจุกตัว เน้นการบริหารงานจากส่วนกลาง และกรุงเทพมหานคร คิดรวมเป็นค่าเฉลี่ยรวมสูงถึงร้อยละ 81.24 ของงบประมาณเฉล่ียทงั้ หมด คงเหลืองบประมาณลงพนื้ ทจี่ ังหวัดเฉลย่ี เพียงร้อยละ 18.58 ซง่ึ ขาดการ 536

97 กระจายงบประมาณและอานาจแก่ส่วนต่างๆ ของประเทศ เช่น ส่วนภูมิภาค จังหวัด หรือท้องถ่ิน ในส่วนการจัดสรรงบประมาณลงพื้นท่ีจังหวัด พบว่ามีแนวโน้มการจัดสรรดีข้ึนกว่า 13 ปีท่ีแล้ว (ไม่รวมกรุงเทพมหานคร) อย่างไรก็ตามการจัดสรรงบประมาณยังคงมีการกระจุกตัวตามหัวเมืองใหญ่ เช่นกัน โดยในช่วงระยะเวลา 13 ปี จังหวัดส่วนใหญ่ (45 จังหวัด) ได้รับจัดสรรงบประมาณต่ากว่า ค่าเฉลี่ยของประเทศ (7,349 บ./คน) และหากนากรุงเทพมาร่วมพิจารณาพบว่า 60 จังหวัดได้รับ จัดสรรงบประมาณต่ากว่าค่าเฉล่ียของประเทศ (8,348 บ./คน) นอกจากน้ียังพบว่าจังหวัดท่ีได้รับ จัดสรรงบประมาณต่อหัวต่าเฉล่ียต่าที่สุด ไดร้ ับจัดสรรงบประมาณเฉล่ียน้อยกวา่ ค่าเฉล่ียของประเทศ 4 เท่า และน้อยกว่าจังหวัดท่ีได้รับจัดสรรงบประมาณต่อหัวเฉล่ียสูงท่ีสุด 39 เท่า ย่ิงไปกว่านั้น งบประมาณที่จัดสรรให้กับจังหวัดที่ได้รับงบประมาณต่อหัวสูงเป็นอันดับต้นๆ มีแนวโน้มที่สูงข้ึน ในช่วงปี 2552-2562 และนนทบุรีและกรุงเทพมหานครยังคงได้รับได้งบประมาณในสัดส่วนขนาด ใหญ่กว่าสัดส่วนของงบประมาณที่จัดสรรให้กับ 75 จังหวัดรวมกัน นอกจากน้ีนนทบุรีและ กรุงเทพมหานครยังมีอัตราการเพ่ิมข้ึนของงบประมาณเฉล่ีย (13 ปี) สูงที่สุด ถึงร้อยละ 115.06 และ 58.06 ต่อปี ในขณะที่จังหวัดที่มีอัตราการเพิ่มข้ึนของงบประมาณเฉลี่ยต่าท่ีสุด คือ เชียงใหม่ และ สงขลา มีเพียงรอ้ ยละ 8.96 และ 9.89 ต่อปี นอกจากน้ีเม่อื พจิ ารณางบประมาณเฉล่ียตอ่ หัวประชากร พบว่าจังหวัดท่ีได้รับงบประมาณเฉลี่ยต่อหัวสูงที่สุดยังคงเป็นกรุงเทพ และนนทบุรี จานวน 84,275บาท และ 41,710 บาท และจังหวัดได้รับงบประมาณต่อหัวเฉลี่ยต่าที่สุด คือ สมุทรปราการ และสมุทร สามคร จานวน 2,134 บาท และ 2,373 บาท ดังนั้นจึงเป็นที่ประจักษ์ว่าการจัดสรรงบประมาณของ ไทยตลอดระยะเวลา 13 ปีท่ีผ่านมายังมีความเหล่ือมล้าด้านการจัดสรรงบประมาณให้กับแต่ละระดับ จงั หวัด นอกจากนี้ ลักษณะการจัดสรรงบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ก็ยังพบความกระจุกตัวอยู่ ตามเมืองใหญ่เช่นกัน เห็นได้จากจังหวัดหัวเมืองใหญ่หลายจังหวัดมีสัดส่วนงบประมาณสูงสุดใน ปี 2561 และ 2564 ซ่ึงเป็นผลมาจากหลักเกณฑ์การจัดสรรงบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัดในปี ดงั กล่าว โดยเฉพาะในส่วนขององค์ประกอบการจัดสรรงบประมาณในการพัฒนาจังหวัด ที่ให้น้าหนัก การจัดสรรเฉลี่ยเท่ากันทุกจังหวัด นอกจากนี้ยังมีการจัดสรรตามผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) และผลติ ภณั ฑม์ วลรวมกลุ่มจงั หวดั ดงั นั้นทาใหจ้ ังหวัดหวั เมืองใหญท่ ่ีมคี วามเจริญและมีผลิตภณั ฑ์มวล รวมสูงย่อมได้รับงบประมาณในสัดส่วนที่สูงตาม จึงส่งผลต่อสัดส่วนงบประมาณของจังหวัดที่มี ผลิตภณั ฑม์ วลรวมขนาดเล็กท่ีจะไดร้ บั จดั สรรงบประมาณลดลงเหมอื นเช่นท่ผี า่ นมา ดังน้ัน ผลของการจัดสรรงบประมาณตามหลักเกณฑ์ที่ผ่านมาทาให้ระยะห่างของความ เหล่ือมล้าระหว่างจังหวัดที่เจริญแล้วหรือเรียกว่า “จังหวัดรวย” มีความกว้างและห่างกันขึ้นเร่ือยๆ เม่ือเปรียบเทียบกับจังหวัดท่ีอยู่ห่างไกลความเจริญหรือเรียกวา่ “จังหวดั จน” ซ่ึงในระยะยาวโอกาสท่ี เกิดการไล่กวดทางเศรษฐกิจเพ่ือการเติบโตท่ียั่งยืนแบบไม่ท้ิงใครไว้ข้างหลังตามนโยบายรัฐบาล จึง เป็นไปไดย้ าก 537

98 5.1.2 สถำนกำรณค์ วำมเหลื่อมลำเชิงพืนทดี่ ำ้ นเศรษฐกจิ ของจังหวัด ต้ังแต่ปี 2552–2562 ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 3.25 ต่อปี อย่างไรก็ดีเม่ือพิจารณาผลิตภัณฑ์มวลรวม (GPP) ในระดับจังหวัดกลับพบว่าขนาดทางเศรษฐกิจของ แต่ละจังหวัดมีความแตกต่างกันอย่างมาก เห็นได้จากจังหวัดโดยส่วนใหญ่มีผลิตภัณฑ์มวลรวมไม่เกิน ร้อยละ 6 ของผลิตภัณฑม์ วลรวมภายในประเทศ แสดงให้ว่าเศรษฐกิจของจงั หวดั โดยสว่ นใหญ่ยงั ไม่ได้ มีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศมากนัก โดยจังหวัดท่ีมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ 10 อันดับ สูงสุดได้แก่ กรุงเทพ ชลบุรี ระยอง สมุทรปราการ ปทุมธานี สมุทรสาคร พระนครศรีอยุธยา ฉะเชงิ เทรา นครปฐม และปราจนี บุรี มีผลิตภัณฑ์มวลรวมรวมกนั เท่ากับรอ้ ยละ 64.29 ของประเทศ แต่จังหวัดที่มีขนาดเศรษฐกิจเล็ก 10 อันดับสุดท้าย ได้แก่ แม่ฮ่องสอน อานาจเจริญ สมุทรสงคราม มุกดาหาร ระนอง สิงห์บุรี อุทัยธานี ยโสธร นครนายก และหนองบัวลาภู ผลิตภัณฑ์มวลรวมรวมกัน เพียงรอ้ ยละ 1.56 ของเศรษฐกจิ ประเทศ เมื่อพิจารณาผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อหัว (GPP per Capita) พบว่าผลิตภัณฑ์จังหวัดต่อหัวเพิ่มขึ้น เฉล่ียร้อยละ 5.20 ต่อปี ซึ่งถือว่าในภาพรวมประชาชนมีรายได้ดีขึ้น แต่เมื่อพิจารณาการเติบโตของ รายได้ต่อหัวของประชากรของแต่ละจังหวัด กลับพบความแตกต่างกันในระดับจังหวัดอย่างชัดเจน โดยจังหวัดที่มีฐานะทางเศรษฐกิจสูงหรือ 10 จังหวัดท่ีมีรายได้ต่อหัวสูงที่สุดในปี 2562 โดยส่วนใหญ่ ยังคงเป็นจังหวัดท่ีอยู่บนหัวตารางของปี 2552 อาทิ เช่น ระยอง สมุทรสาคร กรุงเทพ สมุทรปราการ ชลบุรี อยุธยา ปราจนี บรุ ี ฉะเชิงเทรา และสระบุรี แต่เมื่อพิจารณาอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดต่อหัว (GPP Per Capita) เฉล่ีย ช่วงปี 2552-2562 พบว่ามีหลายจังหวัดท่ีมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างน่าสนใจ เช่น เลย กาฬสินธุ์ อานาจเจริญ หนองคาย สุรินทร์ ตาก นครพนม และศรีสะเกษ โดยเฉพาะกาฬสินธุ์ อานาจเจริญ และศรีสะเกษ มีระดับการเติบโตทางเศรษฐกิจท่ีน่าสนใจ ท้ังที่เป็นจังหวัดท่ีมี GPP per Capita ติดอันดับทา้ ยๆ ในปี 2552 5.1.3 สถำนกำรณ์ควำมเหลอ่ื มลำเชงิ พืนที่ดำ้ นสังคม โดยภาพรวมแล้วสถานการณ์ความเหล่ือมล้าเชิงมิติด้านสังคมมีแนวโน้มท่ีดีขึ้น สถานการณ์ ความยากจนของทุกจังหวัดดีขึ้น โดยในปี 2562 ทุกจังหวัดมีสัดส่วนคนจนลดลงอย่างเห็นได้ชัดเม่ือ เทยี บกบั ปี 2552 โดยเฉพาะจังหวัดแม่ฮ่องสอน ศรสี ะเกษ นราธิวาส และกาฬสนิ ธุ์ ซึ่งมสี ัดสว่ นคนจน ลดลงจากร้อยละ 74.39 58.73 54.94 และ 51.18 เป็น 25.26 6.99 25.53 และ 20.21 ตามลาดบั 538

99 อย่างไรก็ดีสถาณการณ์ความยากจนรายจังหวัด พบว่ายังมีหลายจังหวัดท่ียังคงมีความยากจน เรื้อรังมาอย่างต่อเน่ืองเหมือนในอดีตที่ผ่านมา เช่น แม่ฮ่องสอน ปัตตานี นราธิวาส และกาฬสินธุ์ เป็นต้น จังหวัดเหล่านี้มีสัดส่วนคนจนสูงติด 1 ใน 5 ต่อเนื่องกันหลายปี ซ่ึงสะท้อนให้เห็นว่าถึงแม้ ภาพรวมสถานการณ์ยากจนในประเทศไทยมีแนวโน้มดีขึ้น คนจนมีจานวนน้อยลง แต่เม่ือพิจารณา ความยากจนเป็นรายจังหวัดกลับพบว่า บางจังหวดั มีความ “จนมาก” และ “จนต่อเน่ือง” โดยเฉพาะ จังหวัดท่ีอยู่หา่ งไกลความเจริญ มีเขตพ้นื ท่ีตดิ ตอ่ กับชายแดน นอกจากน้ีคณะผู้วิจัยทาการเปรียบเทียบค่าสัมประสิทธิ์จีนี (Gini Coefficient) ซึ่งเป็นตัวชี้วัด ความเหล่ือมล้าด้านรายได้รายจังหวัด พบวา่ สถานการณ์ความเหล่ือมลา้ ดา้ นรายได้ของประเทศไทยใน ภาพรวมระหว่างปี 2552-2562 ลดลงจาก 0.4899 ใน ปี 2552 เหลือเพียง 0.4301 ในปี 2562 อย่างไรก็ดีเม่ือพิจารณาความเหล่ือมล้าดา้ นรายได้ของแตล่ ะจังหวัดพบว่าหลายจังหวัดมีความเหล่ือม ล้าทางรายได้แย่ลงหรือมีค่าสัมประสิทธ์ิจีนี่เพ่ิมสูงข้ึน ส่วนใหญ่คือจังหวัดที่มีการเจริญเติบโตทาง เศรษฐกิจจังหวัดสูง เช่น สมุทรสงคราม ปทุมธานี ระยอง เป็นต้น เน่ืองจากการเจริญเติบโตทาง เศรษฐกิจท่ีมีสูงขึ้นของแต่ละจังหวัด ทาให้ประชาชนถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มอย่างชัดเจน คือกลุ่มท่ี ได้รับประโยชน์จากการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงและกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการเจริญเติบโตของ เศรษฐกิจน้อย ส่งผลให้รายได้ของประชาชนท้ังสองกลุ่มมีความห่างขึ้น ซึ่งอาจเป็นสาเหตหุ นึ่งที่ทาให้ ช่องว่างของความเหลอ่ื มล้าทางรายได้เพม่ิ สูงข้ึน 5.1.4 สถำนกำรณค์ วำมเหลอ่ื มลำเชงิ พนื ท่ีด้ำนกำรพัฒนำคน คณะผู้วิจัยได้เปรียบเทียบดัชนีรวมและดัชนีย่อยรายด้านเพื่อวัดระดับการพัฒนาคน ความก้าวหน้าของคน (Human Achievement Index: HAI) โดยเป็นการเปรียบค่าดัชนีของปี 2552 กับปี 2562 เพื่อวิเคราะห์ระดับความก้าวหน้าของคนรายจังหวัดในช่วงเวลาดังกล่าว พบว่าในช่วง ระยะเวลา 11 ปี ที่ผ่านมา ความก้าวหน้าของคนรายจังหวัดเมื่อวดั จากดัชนีรวมยังคงไม่เปลี่ยนแปลง มากเท่าที่ควร กล่าวคือจังหวดั ที่มีค่าความก้าวหน้าของคนตา่ ในปี 2552 ก็ยังคงมีระดับความก้าวหนา้ ของคนต่าในปี 2562 เมอื่ เทยี บกับจังหวัดอนื่ ๆ และเม่ือเราพิจาณาดัชนีย่อยของการพัฒนาคนในจังหวัดด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข ด้านรายได้ ดา้ นอาชพี การงาน ดา้ นท่ีอยู่อาศัยและดา้ นคมนาคม การสอ่ื สาร จะเห็นถึงความเหลอื่ มล้า อย่างชัดเจน เชน่  จังหวัดใหญ่ที่มีความเจรญิ และมีอนั ดับการพฒั นาคนดา้ นการศึกษา การงานและรายไดอ้ ย่ใู น ระดับสูง กลับมีระดับการพัฒนาคนด้านท่ีอยู่อาศัยในระดับท่ีต่า และจังหวัดในภาคอีสานมี ระดบั การพัฒนาคนด้านคมนาคมและการสือ่ สารอยใู่ นอันดบั ทา้ ยๆของประเทศในปี 2562 539

100  จังหวัดแม่ฮ่องสอนแม้จะมีอันดับในดัชนีพัฒนาคนโดยรวมอยู่ในอันดับท่ีต่าอย่างต่อเนื่องมา ตลอด แต่เมื่อพิจารณาดัชนีการพัฒนาคนด้านสาธารณสุข การงาน และท่ีอยู่อาศัย พบว่ามี ระดับการพัฒนาทส่ี ูงกว่าหลายจังหวัดในปี 2562  การวิเคราะห์ระดับการพัฒนาคนควรพิจารณาตามรายด้าน เพื่อให้สามารถทราบความ ต้องการการพัฒนาในดา้ นต่างๆ ของแต่ละจังหวดั ท่ีแตกต่างกันในแต่ละด้าน ซ่ึงจะทาให้เห็น ภาพทชี่ ัดเจนกว่าการวเิ คราะหด์ ชั นีการพัฒนาคนโดยภาพรวมเพียงอยา่ งเดียว ดงั นั้นในการจัดสรรงบประมาณควรพิจารณาถึงระดับการพฒั นาคุณภาพชีวิตของคนในจังหวัด ต้องพิจารณาแยกตามมิติรายด้าน เพื่อให้ภาครัฐสามารถช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสได้ตามความต้องการ หรือตรงกับปัญหาท่ีเกิดขึ้น และสามารถนาไปจัดทาข้อเสนอแนะเชิงนโยบายท่ีเหมาะสมกับปัญหา เฉพาะของแต่ละจังหวดั ได้ 5.1.5 ควำมสัมพันธ์ระหว่ำงกำรจัดสรรงบประมำณภำครัฐท่ีลงพืนท่ีจังหวัดกับระดับควำม เหลื่อมลำเชงิ พืนทดี่ ำ้ นเศรษฐกจิ สงั คม และกำรพัฒนำคน ในช่วงปี 2562 จากการศกึ ษาความสัมพันธท์ างสถิติระหวา่ งงบประมาณลงพื้นท่ีจังหวัด (Area) กับตัวแปรอ่นื ๆ ทีส่ ะท้อนความเหล่ือมลา้ ดา้ นเศรษฐกจิ สังคมและการพัฒนา โดยได้ขอ้ สรปุ ในตารางท่ี 9 ดังน้ี ตำรำงที่ 9 ควำมสมั พันธ์ทำงสถติ ริ ะหว่ำงกำรจัดสรรงบประมำณภำครฐั ทล่ี งพนื ทจ่ี งั หวดั กบั ระดบั ควำมเหลอ่ื มลำเชิงพืนท่ดี ำ้ นเศรษฐกิจ สงั คม และกำรพฒั นำคน ความสมั พนั ธ์ ทิศทางของความสมั พันธ์ ความสัมพนั ธ์ระหว่างงบประมาณลงพนื้ ทจี่ ังหวัด (Area) กบั งบจังหวดั และกลมุ่ จังหวัด มคี วามสัมพนั ธเ์ ชิงบวก (ต่า) ความสมั พนั ธร์ ะหว่างงบประมาณลงพน้ื ทจี่ ังหวดั (Area) กบั ความเหลอ่ื มล้าดา้ นเศรษฐกิจจังหวดั (GPP) มคี วามสมั พนั ธเ์ ชงิ บวก ความสัมพนั ธร์ ะหว่างงบจังหวดั และกลุ่มจังหวัด กับ ความเหลื่อมล้าดา้ นเศรษฐกิจจังหวดั (GPP) มคี วามสมั พนั ธเ์ ชงิ บวก ความสัมพนั ธ์ระหว่างงบประมาณลงพนื้ ทจ่ี ังหวดั (Area) กบั ความยากจนของจังหวดั ไมม่ คี วามสมั พนั ธ์ ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งงบจังหวดั และกล่มุ จังหวัด กบั ความยากจนของจังหวดั ไมม่ คี วามสมั พนั ธ์ ความสมั พนั ธร์ ะหว่างงบประมาณลงพนื้ ทจี่ ังหวัด (Area) กบั ความเหลอ่ื มล้าดา้ นรายได้ (GINI) ในระดบั จังหวดั ไมม่ คี วามสมั พนั ธ์ ความสัมพนั ธ์ระหว่างงบจังหวัดและกลุ่มจังหวดั กับ ความเหลอื่ มล้าดา้ นรายได้ (GINI) ในระดบั จังหวดั มคี วามสัมพนั ธใ์ นทศิ ทางตรงกนั ข้าม ความสัมพนั ธร์ ะหว่างงบประมาณลงพน้ื ทจ่ี ังหวดั (Area) กบั กบั ความเหลอ่ื มล้าในการพฒั นาคนโดยภาพรวม (HAI) ไมม่ คี วามสัมพนั ธ์ ความสมั พนั ธร์ ะหว่างงบประมาณลงพนื้ ทจี่ ังหวัด (Area) กบั ความเหลื่อมล้าในการพฒั นาคน (HAI) ดา้ นการศกึ ษา มคี วามสมั พนั ธใ์ นทศิ ทางเดยี วกัน ความสัมพนั ธ์ระหว่างงบจังหวดั และกลุ่มจังหวัด กับ ความเหลอ่ื มล้าในการพฒั นาคน (HAI) ดา้ นการศกึ ษา ไมม่ คี วามสมั พนั ธ์ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งงบประมาณลงพนื้ ทจ่ี ังหวดั (Area) กับ ความเหล่อื มล้าในการพฒั นาคน (HAI) ดา้ นสขุ ภาพ มคี วามสัมพนั ธใ์ นทศิ ทางเดยี วกนั ความสมั พนั ธร์ ะหว่างงบจังหวัดและกล่มุ จังหวดั กบั ความเหล่อื มล้าในการพฒั นาคน (HAI) ดา้ นสุขภาพ ไมม่ คี วามสมั พนั ธ์ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งงบประมาณลงพน้ื ทจ่ี ังหวดั (Area) กบั ความเหลือ่ มล้าในการพฒั นาคน (HAI) ดา้ นรายได้ มคี วามสมั พนั ธ์ในทศิ ทางตรงกันข้าม ความสมั พนั ธร์ ะหว่างงบจังหวัดและกลุม่ จังหวดั กบั ความเหลือ่ มล้าในการพฒั นาคน (HAI) ดา้ นรายได้ ไมม่ คี วามสมั พนั ธ์ ความสมั พนั ธร์ ะหว่างงบประมาณลงพน้ื ทจ่ี ังหวัด (Area) กบั ความเหลือ่ มล้าในการพฒั นาคน (HAI) ดา้ นทอ่ี ยู่อาศยั ไมม่ คี วามสมั พนั ธ์ ความสมั พนั ธร์ ะหว่างงบจังหวดั และกล่มุ จังหวัด กบั ความเหลือ่ มล้าในการพฒั นาคน (HAI) ดา้ นทอี่ ยู่อาศยั ไมม่ คี วามสัมพนั ธ์ ความสัมพนั ธ์ระหว่างงบประมาณลงพน้ื ทจี่ ังหวัด (Area) กบั ความเหล่ือมล้าในการพฒั นาคน (HAI) ดา้ นชีวติ การงาน ไมม่ คี วามสัมพนั ธ์ ความสัมพนั ธ์ระหว่างงบจังหวดั และกลุ่มจังหวัด กับ ความเหล่อื มล้าในการพฒั นาคน (HAI) ดา้ นชีวิตการงาน ไมม่ คี วามสมั พนั ธ์ ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งงบประมาณลงพนื้ ทจ่ี ังหวดั (Area) กบั ความเหลอ่ื มล้าในการพฒั นาคน (HAI) ดา้ นชวี ติ การงาน ไมม่ คี วามสมั พนั ธ์ ความสมั พนั ธ์ระหว่างงบจังหวดั และกลมุ่ จังหวัด กบั ความเหลอ่ื มล้าในการพฒั นาคน (HAI) ดา้ นคมนาคมส่อื สาร มคี วามสัมพนั ธ์ในทศิ ทางเดยี วกนั ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งงบจังหวัดและกลุม่ จังหวดั กับ ความเหล่อื มล้าในการพฒั นาคน (HAI) ดา้ นคมนาคมสอ่ื สาร ไมม่ คี วามสัมพนั ธ์ 540

101  ควำมสัมพนั ธ์ระหวำ่ งงบประมำณลงพนื ทีจ่ ังหวดั กับควำมเหลอื่ มลำทำงเศรษฐกจิ งบประมาณลงพื้นที่จังหวัดมีความสัมพันธ์กับขนาดเศรษฐกิจของจังหวัดในทิศทางเดียวกันแม้ จะไม่ได้สูงมากนัก กล่าวคือ หากภาครัฐจัดสรรงบประมาณลงพ้ืนที่จังหวัดใดๆ เพ่ิมข้ึน จะส่งผลให้ จังหวัดน้ันมีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจท่ีดีข้ึนอย่างมีนัยสาคัญ อย่างไรก็ตามค่าสัมประสิทธ์ิ สหสัมพนั ธ์ (Correlation Coefficient) ไม่ไดร้ ะบุว่าตวั ไหนเป็นเหตุและผล ทาให้อาจจะแปลความได้ อีกทางหนึ่งว่ารัฐบาลจัดสรรงบประมาณให้กับจังหวัดท่ีมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สูงกว่าจังหวัดท่ีมีขนาด เศรษฐกจิ เลก็  ควำมสัมพันธร์ ะหวำ่ งงบประมำณลงพนื ท่ีจงั หวดั กบั ควำมเหล่อื มลำทำงสังคม งบประมาณลงพนื้ ท่ีจงั หวัดไม่มีความสมั พันธก์ บั สัดส่วนคนจนและความเหล่ือมลา้ ด้านรายได้ แต่งบจังหวัดและกลุ่มจังหวัดกลับมีความสัมพันธ์กับความเหลื่อมล้าด้านรายได้ และความสัมพันธ์น้ี เป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม หรืออีกนัยหน่ึงก็คือเม่ืองบจังหวัดและกลุ่มจังหวัดเพ่ิมขึ้นทาให้ความ เหล่ือมล้าด้านรายได้ลดลง และแปลความได้ว่างบจังหวัดและกลุ่มจังหวัดอาจเป็นยาแก้ของความ เหล่ือมล้าด้านรายได้ (แม้วา่ คา่ สัมประสิทธิ์จะไม่ได้ระบุวา่ สงิ่ ไหนเปน็ เหตุและผล)  ควำมสมั พันธร์ ะหว่ำงงบประมำณลงพืนทจ่ี ังหวดั กบั ควำมเหลอื่ มลำดำ้ นกำรพัฒนำคน งบประมาณลงพื้นท่ีจังหวัดมีความสัมพันธ์กับการพัฒนาคนของจังหวัดเชิงบวกกับการพัฒนา คนในภาพรวม ทั้งน้ีงบประมาณลงพ้ืนท่ีจังหวัดมีความสัมพันธ์กับการพัฒนาคนด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข และด้านคมนาคมและส่ือสาร อย่างไรก็ตามคณะนักวิจัยพบว่างบประมาณลงพ้ืนท่ี จังหวัดมีความสัมพันธ์กับการพัฒนาคนของจังหวัดในทิศทางตรงกันข้ามกับการพัฒนาคนด้านรายได้ อาจจะเน่ืองมาจากดัชนีย่อยที่ใช้ในการสร้างดัชนีด้านรายได้ประกอบด้วยสัดส่วนคนจนกับค่า สัมประสิทธิ์ความไม่เสมอภาค (งานวิจัยในอดีตพบว่าตัวแปรสองตัวน้ีมีความสัมพันธ์เชิงลบกับ งบประมาณอย่แู ล้ว) อาจกลา่ วได้วา่ การจัดสรรงบประมาณลงพ้ืนท่ีจงั หวดั เพิม่ ขึน้ ย่อมทาให้ระดบั การ พัฒนาคนของจงั หวัดในภาพรวมดีข้นึ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คมของจังหวดั ตอ่ ไป  ควำมสมั พนั ธร์ ะหว่ำงเศรษฐกิจจงั หวดั กับควำมเหลอ่ื มลำเชงิ พนื ทดี่ ำ้ นสงั คมและด้ำนกำร พฒั นำคน ขนาดเศรษฐกิจจังหวัดกับปัญหาความยากจน ความเหลื่อมล้าและการพัฒนาคนในระดับ จงั หวัด โดยภาพรวมแลว้ จังหวดั ทมี่ เี ศรษฐกิจดี จะมรี ะดับปัญหาความยากจนและความเหลื่อมทลี่ ดลง โดยสัดส่วนความยากจนกับขนาดเศรษฐกิจจังหวัดมีความสัมพันธ์เชิงลบกันอย่างมีนัยทางสติถิ และ เศรษฐกิจจงั หวัดกับความเหล่อื มล้าดา้ นรายได้ (Gini) มีความสมั พันธ์เชิงลบกันอยา่ งมนี ยั ทางสติถิ 541

102 นอกจากนี้ขนาดเศรษฐกิจของจังหวัดยังมีความสัมพันธ์เชิงบวกอย่างมีนัยทางสถิติกับระดับ การพัฒนาคนในภาพรวม และระดับการพัฒนาคนด้านการศึกษา สาธารณสุข รายได้ ท่ีอยู่อาศัยและ การงาน และด้านคมนาคมและการส่ือสาร ซ่ึงอาจตีความได้ 2 กรณี คือ กรณีท่ี 1 จังหวัดรวยจะมี ระดับการพัฒนาคนที่สูง หรือกรณีท่ี 2 การท่ีจังหวัดมีระดับการพัฒนาคนที่สูง จะกลายเป็นจังหวัดท่ี ม่ังคัง่ มีการขยายตัวทางเศรษฐกิจท่ดี ี  ควำมสมั พันธ์ระหวำ่ งงบประมำณลงพนื จังหวดั (Area) กบั งบจงั หวดั และกลุม่ จงั หวดั งบประมาณลงพื้นท่ีจังหวัด (Area) และงบจังหวัดและกลุ่มจังหวัด พบว่ามีความสัมพันธ์ไปใน ทิศทางเดียวกัน แต่มีความสัมพนั ธ์น้ีอยู่ในระดับท่ีต่า ทาให้แปลความไดว้ ่างบประมาณลงพื้นท่ีจังหวัด และงบจงั หวดั และกลมุ่ จงั หวัดอาจจะไม่ค่อยสอดคลอ้ งกันมากนัก เม่ือพิจารณาความสัมพันธ์กับเศรษฐกิจจังหวัด พบว่างบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัดเป็น งบประมาณที่มคี วามสาคญั ต่อการพฒั นาเศรษฐกจิ ของจังหวัดเป็นอยา่ งย่ิง ท้ังทบี่ างครั้งถูกมองว่าเปน็ เม็ดเงินท่ีน้อย ไม่เพียงพอต่อการขับเคลื่อนหรือพัฒนาจังหวัดได้ แต่เมื่อคณะผู้วิจัยวิเคราะห์ ความสัมพันธ์ของงบประมาณส่วนดังกล่าวกับตัวแปรต่างๆ กลับพบว่างบประมาณจังหวัด มีความสัมพนั ธ์ในทิศทางเดียวกับสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัดต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ ค่อนข้างสูงอย่างมีนัยสาคัญทางสถิติ ซึ่งเปน็ เร่ืองท่ีน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากขนาดของงบจังหวดั และกลุ่มจังหวัด (จัดสรรตรง) มขี นาดเล็กมากเมื่อเปรียบเทียบกับงบประมาณลงพ้ืนที่จังหวดั (จัดสรร ผ่านกระทรวง/กรม) ยกตัวอย่างเชน่ ในปีงบประมาณปี 2564 งบจังหวดั และกล่มุ จงั หวดั (จัดสรรตรง) มีสัดส่วนเพียงร้อยละ 2.66 ในขณะท่ีงบประมาณลงพื้นท่ีจังหวัด (จัดสรรผ่านกระทรวง/กรม) มีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 97.34 นอกจากน้ีค่าสัมประสิทธ์ิสหสัมพันธ์ (Correlation Coefficient) ของ งบลงพ้ืนที่จังหวัดกับขนาดของเศรษฐกิจ (r=0.238) ยังมีค่าต่ากว่าค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของงบ จังหวัดและกลุ่มจังหวัดกับขนาดเศรษฐกิจของจังหวัด (r=.697) เสียอีก ซ่ึงอาจให้ความหมายได้ว่า งบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัด แม้จะมีขนาดเล็กมากแต่กลับมีความสาคัญกับขนาดเศรษฐกิจ จังหวัดมาก ท้ังนี้อาจจะเป็นเพราะว่างบจังหวัดและกลุ่มจังหวัด เป็นการขอรับจัดสรรงบประมาณ โดยตรง ซ่ึงจังหวัดรู้ความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ในจุดน้ีทาให้เห็นถึงความสาคัญของการ กระจายอานาจทางงบประมาณ ข้อเสนอแนะอีกทางหน่ึงก็คือควรมีกลไกในการบูรณาการการทางาน ร่วมกันระหว่างกระทรวง/กรมกับจังหวัดและกลุ่มจังหวัดเพ่ือให้งบประมาณท่ีลงพ้ืนที่จังหวัดท้ังหมด ตอบสนองความตอ้ งการของประชาชนในพน้ื ทอี่ ยา่ งแท้จริง 542

103 5.2 กำรอภิปรำยผล จากการศึกษาลักษณะการจัดสรรงบประมาณในภาพรวม และงบประมาณลงพ้ืนที่จังหวัด (Area) ที่ยังคงมีลักษณะของการกระจุกตัว เน้นการบริหารงานจากส่วนกลาง กรุงเทพมหานคร และ หวั เมอื งใหญๆ่ ซึ่งขาดการกระจายงบประมาณและอานาจแกส่ ว่ นตา่ งๆ ของประเทศ เช่น สว่ นภูมิภาค จังหวัด หรือท้องถิ่น จากลักษณะดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยมีลักษณะการจัดสรร งบประมาณแบบรวมศูนย์ ส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในภาพรวมท่มี กี ารกระจุกตัว จนทา ใหเ้ กิดภาวะ “รวยกระจุกจนกระจาย” และเปน็ สาเหตขุ องความเหลอ่ื มล้าด้านตา่ งๆ ในสงั คมตามมา เมื่อพิจารณาลักษณะการจดั สรรงบประมาณจังหวัดและกลมุ่ จังหวัด ก็ยังพบความกระจุกตวั อยู่ ตามเมืองใหญ่เช่นกัน เห็นได้จากจังหวัดหัวเมืองใหญ่หลายจังหวัดมีสัดส่วนงบประมาณสูงสุด ซ่ึงเป็น ผลมาจากหลักเกณฑ์การจัดสรรงบประมาณจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ซึ่งผลของการจัดสรรงบประมาณ ตามลักษณะข้างต้นส่งผลทาให้ระยะห่างของความเหล่ือมล้าเชิงพื้นที่ระหว่างจังหวัดท่ีเจริญแล้วหรือ เรียกว่า “จังหวัดรวย” มีความกว้างและห่างกันข้ึนเรื่อยๆ เมื่อเปรียบเทียบกับจังหวัดที่อยู่ห่างไกล ความเจริญหรือเรียกว่า “จังหวัดจน” ซ่ึงในระยะยาวโอกาสที่เกิดการไล่กวดทางเศรษฐกิจเพื่อการ เติบโตท่ีย่ังยืนแบบไม่ท้ิงใครไว้ข้างหลังตามนโยบายรัฐบาล จึงเป็นไปได้ยาก และไม่สอดคล้อง ตามแนวคิด Inclusive growth คือ การเติบโตแบบท่ัวถงึ หรอื การเติบโตอยา่ งมสี ว่ นรว่ ม นอกจากน้ีความสัมพันธ์ระหวา่ งงบประมาณลงพ้ืนที่จังหวัดของกระทรวง/กรมไดร้ ับจัดสรรกับ งบจังหวดั และกลุ่มจังหวดั กลับพบว่ามีความสัมพนั ธ์กันในระดับท่ีคอ่ นข้างต่า แม้ว่างบประมาณทั้ง 2 ส่วนมีเป้าหมายเพ่ือการพัฒนาพื้นที่จังหวัดเช่นเดียวกัน ซ่ึงไม่สอดคล้องตามหลักการสาคัญของระบบ งบประมาณแบบมุ่งเน้นผลงานตามยุทธศาสตร์ที่กาหนดให้การดาเนินงานของหน่วยงานต้อง บูรณาการท้ัง 3 มิติเข้าด้วยกัน คือ 1) มิติของวาระสาคัญเร่งด่วนตามนโยบายรัฐบาล (Agenda) 2) มติ ิตามยทุ ธศาสตรข์ องกระทรวง/หน่วยงาน (Function) 3) และมติ ขิ องจังหวัดและท้องถ่นิ (Area) โดยการดาเนินงานต้องมีความสอดคล้องเช่ือมโยงระหว่างผู้รับผิดชอบในการดาเนินงาน 3 ส่วน ได้แก่ ส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น โดยมีจุดมุ่งหมายสุดท้ายร่วมกัน คือ การบรรลุผลสาเร็จตามยุทธศาสตร์ชาตขิ องรัฐบาล ซ่ึงความสาเร็จจะเกิดข้ึนไดจ้ าก เป้าหมายและ ทิศทางในการทางานของกระทรวง/กรม และหน่วยงานในระดับจังหวัด และท้องถิ่นท่ีควรมีความ สอดคลอ้ งกัน 543

104 5.3 ขอ้ เสนอแนะ เชิงนโยบำย 1. ควรทบทวนโครงสร้ำงกำรจัดสรรงบประมำณในภำพรวม โดยเน้นกระจายงบประมาณ จากภารกิจพ้ืนที่ส่วนกลาง และกรุงเทพมหานครไปยังภารกิจในพื้นที่จังหวัดให้มากข้ึน ทั้งน้ีเพ่ือให้ เป็นไปตามนโยบายและแนวทางการจัดสรรงบประมาณท่ีให้ความสาคัญกับการสนับสนุนงบประมาณ เพ่ือการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด รวมถึงการส่งเสริมการกระจายอานาจสู่ ท้องถิ่นบรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งถือเป็นการกระจายอานาจด้านการคลังและงบประมาณให้กับ หน่วยงานในส่วนภมู ิภาคและท้องถ่ินอย่างเป็นรปู ธรรม เน่ืองจากเป็นหน่วยงานทใ่ี กล้ชดิ กับประชาชน และสามารถดาเนินงานเพ่ือแก้ไขปัญหาท่ีตรงกับความต้องการของประชาชนในพ้ืนท่ีมากกว่า หน่วยงานส่วนกลาง นอกจากนี้หน่วยงานส่วนภูมิภาคและท้องถ่ินก็มีความเข้าใจและตระหนักถึง ศักยภาพและขอ้ จากัดของตนเองมากกว่าหน่วยงานส่วนกลาง 2. กำรเพิ่มประสิทธิภำพในกำรจัดสรรงบประมำณลงพืนท่ีจังหวัด ควรมีกลไกเพ่ือส่งเสริมให้ เกิดการบูรณาการงบประมาณระหว่างกระทรวง/กรม (Function) กับจังหวดั และกลุ่มจังหวัด (Area) ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และควรมีการกาหนดระเบียบ/แนวทางการปฏิบัติที่ชัดเจน รวมถึงควร กาหนดให้มีคณะกรรมการเพื่อทาหน้าท่ีขับเคล่ือนการดาเนินงานในส่วนที่เก่ียวข้องให้บรรลุผลอย่าง เป็นรูปธรรม ท้ังนี้เพ่ือเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดสรรงบประมาณลงพ้ืนที่ “แบบพุ่งเป้า” เป็นราย พื้นท่ีและจังหวัด และเพ่ือให้การจัดสรรงบประมาณเป็นไปตามแนวทางและนโยบายการจัดทา งบประมาณรายจ่ายประจาปี 2565 ภายใต้แนวทางท่ี 1 การบูรณาการในทุกมิติ (มิติกระทรวง/ หนว่ ยงาน มิติบรู ณาการเชงิ ยุทธศาสตร์ และมติ บิ รู ณาการเชงิ พน้ื ที)่ 3. กำรกระจำยควำมเจริญสู่จังหวัดที่มีระดับกำรพัฒนำต่ำ โดยภาครัฐควรมีนโยบายหรือ มาตรการในการดาเนินงาน รวมถึงนโยบายการจัดสรรงบประมาณท่ีเน้นแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้า เชิงพื้นที่มากกว่าท่ีดาเนินมาในระยะเวลา 13 ปีท่ีผ่านมา และควรมีการกาหนดแนวทางท่ีชัดเจน เพื่อให้เกิดการขับเคล่ือนนโยบายนาไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม ท้ังน้ีเพื่อให้เศรษฐกิจจังหวัด เติบโตไปพรอ้ มๆ กัน โดยเฉพาะจังหวดั ทม่ี ีขนาดเศรษฐกิจเลก็ ควรไดร้ ับงบประมาณสูงขึ้นเพ่อื เป็นการ เพ่ิมปัจจัยทุนของจังหวัดนั้นๆ ในการขับเคล่ือนเศรษฐกิจจังหวัด หรือ GPP เพื่อให้มีโอกาสเติบโตให้ ทันในระยะยาว อนั จะสง่ ผลทาใหช้ ีวิตความเปน็ อย่ขู องประชาชนในพืน้ ท่มี คี ณุ ภาพชีวิตท่ดี ขี ึ้น 4. ควรมีกำรติดตำมประเมินผลกระทบของนโยบำย มำตรกำรและโครงกำรภำครัฐท่ีใช้ใน กำรแก้ไขปัญหำควำมยำกจนและควำมเหลื่อมลำ เพ่ือให้ทราบว่าแต่ละนโยบาย มาตรการและ โครงการเม่ือใช้จ่ายงบประมาณไปแล้วมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลหรือไม่ ควรดาเนินโครงการ ต่อเน่ือง ปรับปรุง หยุดดาเนินการ หรือเปล่ียนไปใช้วิธีการแก้ไขปัญหาในรูปแบบอ่ืน เช่น โครงการ 544

105 บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มาตรการบรรเทาค่าครองชีพเกษตรกร การจัดสรรที่ดินทากินและท่ีอยู่อาศัย เพื่อผู้มีรายได้น้อย การดาเนินงานภายใต้กองทุนเพ่ือความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) และ มาตรการท่ีดาเนินการผ่านกองทุนประชารัฐและกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เป็นต้น ทั้งน้ีเพ่ือให้ เกิดประโยชนส์ งู สดุ ตอ่ ประชาชนทเ่ี ดือดร้อนและตอ้ งการความชว่ ยเหลือจากภาครฐั อยา่ งแท้จริง เชิงปฏบิ ตั ิ 1. เพ่ิมประสิทธิภำพในกำรจัดสรรงบประมำณลงพืนท่ี ควรกาหนดให้มีการบูรณาการการ ดาเนินงานร่วมกันของกระทรวง/หน่วยงาน (Function) กับจังหวัดและกลุ่มจังหวัด และท้องถ่ิน (Area) โดยควรมีการจัดทาแผนยุทธศาสตร์ หรือแผนปฏิบัติงานร่วมกัน เพ่ือให้การดาเนินงานของ หน่วยงานมีความสอดคล้องเช่ือมโยงกัน มีเป้าหมายในการดาเนินงานให้บรรลุผลสาเร็จในทิศทาง เดยี วกนั เพ่ือเสรมิ สร้างพลังในการขบั เคลื่อนความสาเรจ็ ตามยุทธศาสตร์ที่รฐั บาลกาหนด 2. กำรกำหนดตัวชีวัดร่วม (Joint KPIs) เพื่อให้การดาเนินงานของรัฐเป็นการพัฒนาพื้นท่ี จังหวัดอย่างมีประสิทธิภาพ หน่วยงานที่เก่ียวข้องทั้งกระทรวง/กรม (Function) และจังหวัด/กลุ่ม จังหวดั ควรมีการกาหนดตัวชี้วดั การดาเนินงานร่วมกัน ท้ังนี้เพ่ือให้แผนและแนวทาง รวมถึงเป้าหมาย ในการดาเนนิ งานสอดคลอ้ งเชื่อมโยงกนั อย่างเป็นรูปธรรม 3. กำรเพ่ิมประสิทธิภำพกำรจัดทำแผนยุทธศำสตร์พัฒนำจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ควรเน้น ให้ความสาคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน และสอดคล้องกับความต้องการของ ประชาชนในพื้นที่ ทั้งในระดับหมู่บ้าน ตาบล อาเภอ จังหวัดและกลุ่มจังหวัด โดยต้องคานึงถึงความ สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนในพ้ืนท่ี ท้ังน้ีเพ่ือให้เกิดการพัฒนาท่ีย่ังยืน และเป็นไปตามนโยบายและ แนวทางการจดั ทางบประมาณรายจา่ ยปี 2565 ภายใตแ้ นวทางที่ 3 อยา่ งแท้จรงิ 4. กำรทบทวนหลกั เกณฑ์กำรจัดสรรงบประมำณจังหวัดและกลมุ่ จังหวดั ในสว่ นที่ใหน้ า้ หนัก การจัดสรรเฉลี่ยเท่ากันทุกจังหวัด โดยควรกาหนดให้มีความผกผันตามระดับการพัฒนาของแต่ละ จังหวัดในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการพัฒนาคน ซ่ึงควรพิจารณาให้ผกผันตามขนาดผลิตภัณฑ์มวล รวมจังหวดั สัดส่วนคนจน ความเหล่ือมล้าด้านรายได้ และระดับความก้าวหน้าของคนในจังหวัด ทั้งน้ี เพอ่ื ใหเ้ กิดการพัฒนาทเี่ สมอภาคตามแนวทางการพัฒนาทีย่ ่งั ยืนของรัฐบาลอยา่ งแทจ้ รงิ 5. ควรมกี ำรเพิ่มประสิทธิภำพกำรติดตำมประเมนิ ผลกำรดำเนินงำนในพืนท่ีจังหวัด รวมถึง เพื่อให้สามารถติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างมี ประสทิ ธิภาพและเกดิ ความคมุ้ คา่ ตอ่ ประชาชนในพน้ื ท่ี 545

106 บรรณำนุกรม จาเริญ จิรนิธิกุล. (2541). การวิเคราะห์เปรียบเทียบผลกระทบของนโยบายการคลัง ต่อการกระจาย รายได้ของประเทศไทย ในปี พ.ศ.2531 และปี พ.ศ.2537 . มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์/ กรุงเทพฯ ดิเรก ปัทมสิริวัฒน์ และคณะ (2564). อัตราการเจริญเติบโตของจังหวัดและความเหล่ือมล้าใน ประเทศไทย. สถาบันบณั ฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ดิเรก ปัทมสิริวัฒน์, สุวิมล เฮงพัฒนา และพุดตาน พันธุเณร. (2555). ความเหลื่อมล้าของโอกาส การศึกษาและมาตรการการคลังเพ่ือขยายโอกาสการศึกษาให้เยาวชนยากจน. วารสาร เศรษฐศาสตรปรทิ รรศน สถาบันพัฒนศาสตร, 6(1), 1-36. ธนาคารแห่งประเทศไทย. (2562). ภาพรวมความเหลื่อมล้าของไทยในศตวรรษที่ 21. https://www.bot.or.th/Thai/MonetaryPolicy/EconomicConditions/AAA/Inequality _2GiniCoefficient.PDF เบญจพล เรียบร้อย. (2561). ผลกระทบของการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐต่อความเหล่ือมล้าทาง เศรษฐกิจของไทย ประเทศไทย. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต), สถาบันบัณฑิต พัฒนบริหารศาสตร์, กรงุ เทพฯ. มัทยา บุตรงาม. (2555). ความสัมพนั ธ์ระหว่างความเหล่ือมล้าทางการศึกษาและความเหล่ือมล้าทาง รายได้ในประเทศไทย. (วทิ ยานพิ นธ์ปริญญามหาบัณฑิต), จุฬาลงกรณม์ หาวิทยาลัย, กรงุ เทพฯ. พลเดช ปนิ่ ประทีป. (2562). ความเหล่ือมล้าดา้ นสาธารณสขุ , นนทบรุ ี: วนิดาการพมิ พ์ นุชนาฎ เอ่ียมก่ี (2557). ความสัมพันธ์ระหว่างรายจ่ายภาครัฐและการกระจายรายได้ของประเทศไทย. (วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบณั ฑิต), มหาวิทยาลยั เกษตรศาสตร์, กรุงเทพฯ พรชนก เทพขาม (2562). ความเหลื่อมล้าเชิงพน้ื ท่ีและนัยตอ่ การพฒั นาเศรษฐกิจไทย. บทความวชิ าการ, ธนาคารแห่งประเทศไทย พรชยั เทพปัญญา (มกราคม-เมษายน 2561). การพัฒนารูปแบบการวางแผนและการจัดทา งบประมาณ ในลักษณะบรู ณาการท่ีรองรับการปฏิบัติงานตามนโยบายรัฐบาล, 11(1), 1-14 พลภัทร บุราคม. (2556). รายจ่ายสาธารณะ ประสิทธิภาพในการจัดสรรและประสบการณ์ระหว่าง ประเทศ, สมุทรปราการ: บรษิ ทั ด.ี เค. ปร้ินติ้งเวลิ ด์ จากดั วรรณวิภางค์ มานะโชตพิ งษ.์ (2557).การลดความเหลือ่ มล้าและสรา้ งความเปน็ ธรรม. วารสารสถาบัน พระปกเกลา้ . 37(2), 281-292 วิวรรธน์ เกง่ ถนอมศักด.ิ์ (2547). การใช้จา่ ยขององคก์ รปกครองส่วนท้องถ่ินกับการกระจายรายได้ของ ค รั ว เ รื อ น : ก ร ณี ศึ ก ษ า จั ง ห วั ด ล า ป า ง . ( วิ ท ย า นิ พ น ธ์ ป ริ ญ ญ า ม ห า บั ณ ฑิ ต ) , มหาวทิ ยาลยั ธรรมศาสตร,์ กรงุ เทพฯ. 546