๓๒ ท่ีชัดเจน ท้ังน้ี หากจะพิจารณาในเร่ืองท่ีดินงอกบริเวณบ้านบ่อนนท์ หมู่ที่ ๑๐ ตาบลท่าศาลา อาเภอท่าศาลา จังหวัดนครศรีธรรมราช ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๘ กาหนดว่า ทด่ี นิ แปลงใดเกดิ ทงี่ อก ทีง่ อกย่อมเปน็ ของเจา้ ของท่ีดินแปลงนัน้ ซง่ึ ทง่ี อกจะต้องงอกออกจาก ที่ดินที่มีกรรมสิทธ์ิหรือสิทธิครอบครองเท่าน้ัน แต่ในกรณีดังกล่าวปรากฏว่า ได้มีการสร้างถนน ระหว่างบริเวณโฉนดท่ีดินกับบริเวณท่ีมีการปลูกสร้างซ่ึงเป็นทางสาธารณะ ดังน้ัน การเกิดท่ีงอกหลังจาก ที่สาธารณะ ท่ีงอกย่อมเป็นท่ีสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ไม่ก่อให้เกิดสิทธิใด ๆ แก่เจ้าของโฉนดท่ีดิน ในบริเวณนั้น (๖) กรณีขอ้ เสนอของภาคประชาชนตอ่ การแก้ไขปัญหาการกดั เซาะชายฝ่งั อยา่ งยงั่ ยืน ในพ้นื ทจ่ี ังหวัดปัตตานี กรณีดังกล่าวคณะกรรมาธิการได้รับทราบข้อเท็จจริงและข้อมูล จากหน่วยงานทเ่ี กีย่ วข้อง ดงั นี้ - กรมโยธาธกิ ารและผังเมอื ง ๑. แนวทางและกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ไขปัญหา คลน่ื ทะเลกดั เซาะชายฝง่ั โดยการกอ่ สรา้ งโครงสรา้ งป้องกันการกัดเซาะชายฝ่งั โครงการออกแบบเขอื่ นป้องกนั การกัดเซาะชายฝงั่ ทะเลของกรมโยธาธกิ าร และผงั เมอื ง ดาเนนิ การตามแนวทางการมสี ่วนร่วมของประชาชน โดยอ้างองิ ตามระเบยี บสานกั นายกรฐั มนตรี วา่ ด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ. ๒๕๔๘ ดังนี้ ๑) การสารวจ เก็บรวบรวมข้อมูล เพื่อวิเคราะห์และกาหนดรูปแบบ เข่ือนท่ีเหมาะสมกบั สภาพพ้นื ที่ ๒) การประชาสัมพันธ์ก่อนการประชุมรับฟังความคดิ เห็นผา่ นช่องทาง ต่าง ๆ ไม่น้อยกว่า ๑๕ วัน โดยการส่งเอกสารโครงการให้แก่ผู้มีส่วนได้เสีย ๗ กลุ่มหลัก ได้แก่ ๑) ผู้ที่คาดว่าอาจจะได้รับผลกระทบ (ประชาชนในพ้ืนท่ีโครงการและพื้นท่ีศึกษา) ๒) ผู้ท่ีรับผิดชอบ ในการจัดทารายงานการศึกษา ๓) ผู้นาชุมชนในพ้ืนที่โครงการและพ้ืนที่ศึกษา ๔) หน่วยงานราชการ ที่เก่ียวข้อง ๕) องค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองส่ิงแวดล้อม องค์กรพัฒนาเอกชน สถาบันการศึกษา และนักวิชาการอิสระ ๖) ส่ือมวลชน และ ๗) ประชาชนท่ัวไป จากนั้นจึงจัดประชุมรับฟังความคิดเห็น สาธารณะ เพื่อนาเสนอรูปแบบเขอ่ื นที่เหมาะสม ซงึ่ มกี ารรับฟงั ความคดิ เห็น จานวน ๒ ครัง้ ดงั น้ี คร้ังที่ ๑ เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการ นาเสนอขอบเขตและแนวทาง การศึกษาเพ่ือวิเคราะห์ทางเลือกรูปแบบเข่ือนเบ้ืองต้น นาเสนอมาตรการป้องกันสิ่งแวดล้อม แต่ละทางเลือก และรับฟงั ขอ้ คิดเหน็ ขอ้ เสนอแนะ และข้อห่วงกงั วล ครั้งที่ ๒ เพื่อนาเสนอแบบร่างและรายละเอียดของโครงสร้างเขื่อน นาเสนอผลการประเมินผลกระทบส่ิงแวดล้อม และการกาหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบ สิ่งแวดล้อมในระยะก่อสร้าง และมาตรการติดตามตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระยะดาเนินการ และรับฟงั ขอ้ คิดเหน็ ขอ้ เสนอแนะ และข้อหว่ งกงั วล โดยหลังจากรับฟังความคิดเห็นและชี้แจงรายละเอียดโครงการ จะมีการสารวจความคิดเห็นต่อโครงการด้วยแบบสอบถามช่วงท้ายของการจัดประชุม และสารวจ ความคิดเห็นต่อโครงการด้วยแบบสอบถามกับประชาชนในบริเวณพื้นท่ีโครงการร้อยละ ๑๐๐
๓๓ และปิดประกาศเผยแพรเ่ อกสารสรปุ ผลการประชุมทกุ ครง้ั ภายใน ๑๕ วนั นับแต่วนั ท่ีเสรจ็ สิ้นการรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ของประชาชน รวมทง้ั เปิดชอ่ งทางตา่ ง ๆ ในการรบั ฟงั ความคดิ เหน็ อยา่ งต่อเนื่อง ๓) เสนอมาตรการป้องกันแก้ไข โดยมีแบบรายละเอียดก่อสร้างเข่ือน ป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง และมาตรการป้องกนั และแก้ไขผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบือ้ งตน้ สรุปทางเลือกรูปแบบ ๑๑ รูปแบบ ได้แก่ การกาหนดพ้ืนท่ีถอยร่น การปลูกปา่ ชายหาด การถา่ ยเททราย การเสริมทรายชายหาด รวั้ ดักทราย เขอื่ นถุงทราย เข่อื นหนิ ใหญเ่ รยี ง เขื่อนหนิ เกเบยี น เข่อื นกาแพงคอนกรตี กนั คลื่น เขอื่ นคอนกรตี ขั้นบนั ได และเขื่อนรปู แบบผสมผสาน ๒. แนวทางการแก้ไขปัญหาคลื่นทะเลกัดเซาะชายฝ่ัง โดยใช้มาตรการ ท่เี ปน็ มิตรกับสิง่ แวดล้อม กรมโยธาธิการและผังเมืองได้ดาเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหา การกัดเซาะชายฝ่ัง โดยมีแนวทางการปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๑ ซง่ึ สามารถจาแนกออกเป็น ๔ แนวทาง ๓ มาตรการ ๘ รูปแบบ ดังน้ี แนวทางในการปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หาการกัดเซาะชายฝั่ง ๔ แนวทาง แนวทางที่ ๑ การปรับสมดุลชายฝั่งโดยธรรมชาติ ใช้รูปแบบ การกาหนดพื้นที่ถอยรน่ การปลูกปา่ และการฟน้ื ฟูชายหาด แนวทางท่ี ๒ การฟื้นฟูเสถียรภาพชายฝ่ัง ใช้รูปแบบการกาหนดพื้นท่ี ถอยรน่ การปลูกป่า การฟ้นื ฟูชายหาด และการปกั เสาดกั ตะกอนเพอ่ื ปลกู ป่าชายเลน แนวทางท่ี ๓ การป้องกันปัญหาการกัดเซาะชายฝ่ัง ใช้รูปแบบ การกาหนดพ้ืนที่ถอยร่น การปลูกป่า การฟื้นฟูชายหาด การปักเสาดักตะกอนเพื่อปลูกป่าชายเลน เขอื่ นกนั คลนื่ นอกชายฝัง่ รอดักทราย เขอ่ื นปอ้ งกันตลิ่งริมทะเล และกาแพงป้องกนั คล่นื รมิ ชายหาด แนวทางท่ี ๔ การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ใช้รูปแบบ การกาหนดพ้ืนที่ถอยร่น การปลูกป่า การฟ้ืนฟูชายหาด การปักเสาดักตะกอนเพ่ือปลูกป่าชายเลน เข่ือนกันคล่ืนนอกชายฝั่ง รอดักทราย เข่ือนป้องกันตลิ่งริมทะเล กาแพงป้องกันคลื่นริมชายหาด และการร้ือถอนโครงสร้าง มาตรการในการป้องกันและแกไ้ ขปัญหาการกัดเซาะชายฝง่ั ๓ มาตรการ ๑) มาตรการสีขาว ใช้รูปแบบการกาหนดพื้นท่ีถอยร่น โดยการบังคับ ใช้กฎหมายผังเมือง ได้แก่ กาหนดการใช้ประโยชน์ท่ีดิน กาหนดระยะถอยร่นของผังเมือง บริเวณริมชายฝ่ังทะเล มาตรการด้านผังเมือง และมาตรการควบคุมอาคาร โดยกรมโยธาธิการ และผังเมืองได้ดาเนินการผ่านการบังคับใช้กฎหมาย ๒ ฉบับ ได้แก่ กฎกระทรวงฉบับท่ี ๕๕ พ.ศ. ๒๕๔๓ ออกตามความพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ ซ่ึงกาหนดว่าอาคารท่ีก่อสร้าง หรือดัดแปลง ใกล้แหล่งน้าสาธารณะขนาดใหญ่ เช่น บึง ทะเลสาบ หรือทะเล เป็นต้น ต้องถอยร่นแนวอาคารให้ห่าง จากแนวเขตแหล่งน้าสาธารณะ ไม่น้อยกว่า ๑๒ เมตร รวมทั้งกฎหมายด้านผังเมืองซ่ึงมีการกาหนด ลักษณะการใช้ประโยชน์ทดี่ ิน ๒ ประเภท ๒) มาตรการสีเขียว ใช้รูปแบบการปลูกป่า การฟื้นฟูชายหาด โดยการเสริมทรายชายหาดและการปักเสาดักตะกอนเพื่อปลูกป่าชายเลน ซึ่งการดาเนนิ การปลูกป่าตอ้ งดแู ล
๓๔ บารุงรักษาโดยการเสริมทรายอย่างต่อเน่ืองและเหมาะสมกับบางพื้นที่เท่าน้ัน โดยกระทรวงมหาดไทย ไดใ้ ชจ้ ังหวัดสมทุ รสาครเป็นจังหวัดนาร่องและมเี ป้าหมายเพิ่มพื้นทีป่ า่ ชายเลนใน ๒๔ จังหวดั ๓) มาตรการสีเทา ใช้รูปแบบเขื่อนกันคลื่นนอกชายฝ่ัง รอดักทราย เขอ่ื นปอ้ งกันตลง่ิ ริมทะเล และกาแพงป้องกนั คลน่ื ริมชายหาด ๓. กฎหมายท่เี ก่ียวขอ้ งกบั การดาเนินการ เนื่องจากในอดตี ตามประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดลอ้ ม การก่อสร้างกาแพงริมชายฝั่งติดแนวชายฝ่ัง ที่มีความยาวต้ังแต่ ๒๐๐ เมตร ข้ึนไป ต้องจัดทารายงาน การประเมินผลกระทบส่ิงแวดล้อม (EIA) แต่ปัจจุบันประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ยกเลิกการจัดทารายงานการประเมินผลกระทบส่ิงแวดล้อม (EIA) สาหรับการก่อสร้างเข่ือนป้องกันตล่ิง ริมทะเล ท่ีมีความยาวตั้งแต่ ๒๐๐ เมตร ซ่ึงมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันท่ี ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๖ อย่างไรก็ตาม กรมโยธาธิการและผังเมืองได้มีการจัดทารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบ้ืองต้น (IEE) เพอ่ื กาหนดแนวทางในการควบคมุ ระหว่างก่อสร้าง เพื่อลดผลกระทบท่อี าจเกิดขึน้ ตอ่ ส่ิงแวดล้อม ท้ังน้ี หลังจากปีงบประมาณ ๒๕๖๕ เป็นต้นไป ก่อนเสนอของบประมาณ ในการดาเนินการ กรมโยธาธิการและผังเมืองจะต้องเสนอโครงการเพื่อขอความเห็นชอบจากคณะทางาน เพื่อพจิ ารณากลน่ั กรองและใหข้ อ้ เสนอแนะ ขอ้ คดิ เหน็ ตอ่ โครงการ มาตรการ ระเบียบ หลักเกณฑ์และแนวทาง ปฏิบัติสาหรับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝ่ังในภาพรวมและเชิงพื้นที่ ซึ่งแต่งตั้ง โดยคณะอนุกรรมการบูรณาการด้านการจัดการการกัดเซาะชายฝ่ังทะเล ภายใต้คณะกรรมการนโยบาย และแผนการบรหิ ารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ังแหง่ ชาติ - กรมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝง่ั ประเด็นข้อท่ี ๑ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง สานักงานนโยบาย และแผนทรพั ยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมเจ้าท่า และกรมโยธาธกิ ารและผังเมือง ได้ร่วมประชุม หารือเพื่อทบทวนโครงการท่ีต้องจัดทารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) กรณีกาแพง รมิ ชายฝ่งั ติดแนวชายฝ่งั เมอ่ื วนั ที่ ๑๘ พฤศจกิ ายน ๒๕๖๒ ซงึ่ ทป่ี ระชมุ มมี ตใิ หก้ าหนดแนวทางการแกไ้ ข ปัญหาการกัดเซาะชายฝง่ั ทะเล ใน ๒ ระดับ ดังนี้ ๑) ระดบั ภาพรวม (เชิงพืน้ ท)่ี ให้ดาเนนิ การผลกั ดนั การจดั ทาการประเมิน ส่ิงแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ (แผนการพัฒนาพื้นท่ีชายฝ่ังทะเล) และการประกาศพื้นท่ีอนุรักษ์ เพอ่ื ประกอบการอนญุ าตของกรมเจา้ ทา่ หรอื พน้ื ที่อนุรักษอ์ ืน่ ๆ ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝัง่ ๒) ระดับโครงการ ใหด้ าเนนิ การจัดทา Code of Practice (COP)/Environmental Checklist หรือ Environmental Accounting Report (EAR) โดยมอบหมายให้กรมทรพั ยากรทางทะเล และชายฝ่ังเป็นหน่วยงานหลักร่วมกับกรมเจ้าท่า กรมโยธาธิการและผังเมือง และสานักงานนโยบาย และแผนทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม เพอื่ ออกประกาศกาหนดต่อไป ปัจจุบันกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ังได้เสนอ (ร่าง) กฎกระทรวง กาหนดพ้ืนท่ีใช้มาตรการในการป้องกันการกัดเซาะชายฝ่ัง สาหรับดาเนินโครงการก่อสร้างกาแพง ป้องกันคล่ืนริมชายหาดและเข่ือนป้องกันตลิ่งริมทะเล พ.ศ. .... ถึงสานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบต่อไป ส่วนรายการข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมสาหรับโครงการก่อสร้าง
๓๕ กาแพงป้องกันคล่ืนริมชายหาดและเขื่อนป้องกันตล่ิงริมทะเล (Environmental Checklist For Seawall and Revetment) อย่รู ะหวา่ งจดั ทาเป็นประกาศกรมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝัง่ ประเด็นข้อท่ี ๒ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ังได้กาหนดแนวทาง การจัดทาแผนงาน/โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ๓ มาตรการ ได้แก่ มาตรการ สีขาว มาตรการสีเขียว และมาตรการสีเทา และ ๔ แนวทาง ได้แก่ ๑) การปรับสมดุลชายฝ่ังโดยธรรมชาติ ๒) การฟ้ืนฟูเสถียรภาพชายฝั่ง ๓) การป้องกันปัญหาการกัดเซาะชายฝ่ัง และ ๔) การแก้ไขปัญหา การกัดเซาะชายฝ่ัง ซึ่งคณะรัฐมนตรีรับทราบขอ้ มูลดังกล่าวแล้ว เมื่อวันท่ี ๑๖ มกราคม ๒๕๖๑ รวมท้ัง ได้กาหนดหลักเกณฑ์ประกอบการจัดทาแผนงาน/โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ ง ซ่งึ คณะรัฐมนตรีรบั ทราบขอ้ มลู ดงั กลา่ วแล้ว เม่อื วนั ท่ี ๙ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๖๔ เพอ่ื ใหห้ นว่ ยงานท่เี กย่ี วข้อง นาไปใช้เป็นแนวทางในการจัดทาแผนงาน/โครงการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง และเพ่ือให้สานักงบประมาณนาไปประกอบการพิจารณางบประมาณด้านการป้องกันและแก้ ไขปัญหา การกัดเซาะชายฝัง่ เพือ่ มใิ หเ้ กดิ ความซ้าซอ้ นของแตล่ ะหนว่ ยงาน โดยปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งจะต้องมี การเสนอโครงการเข้าสู่ท่ีประชุมคณะทางานเพื่อพิจารณากลั่นกรองและให้ข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็น ต่อโครงการ มาตรการ ระเบียบหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติสาหรับการป้องกันและแก้ไขปัญหา การกดั เซาะชายฝั่งในภาพรวมและเชิงพื้นท่ี ประเด็นข้อท่ี ๓ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ังได้ศึกษาวิจัยรูปแบบ การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝ่ังในพ้ืนที่หาดทรายที่เป็นมิตรกับส่ิงแวดล้อม โดยใช้วัสดุธรรมชาติ ด้วยวิธีทดลองติดตั้งร้ัวดักทราย เพ่ือฟ้ืนฟูเนินทรายชายฝ่ัง ซึ่งอาศัยหลักการเคล่ือนที่ของทรายโดยลม เม่ือลมจากชายฝั่งพัดมาปะทะเข้ากับส่ิงกีดขวาง (รั้วดักทราย) บนหาด ส่งผลให้ทรายตกสะสม อยู่บริเวณด้านหลังแนวร้ัว ร้ัวจึงเป็นเสมือนตัวช่วยเร่งให้เกิดการสะสมของทราย และฟื้นฟูเสถียรภาพ ของเนินทรายชายฝ่ัง โดยได้ทดลองติดต้ังร้ัวดักทราย เพ่ือฟ้ืนฟูเนินทรายชายฝ่ัง ในปี ๒๕๖๒ บรเิ วณหาดท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ประเด็นข้อที่ ๔ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้มีการใช้มาตรการ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและป้องกันการกัดเซาะตามวิถีภูมิปัญญาด้ังเดิมด้วยวิธีการปักไม้ไผ่ชะลอ ความรุนแรงของคลื่นในพ้ืนท่ีต่าง ๆ เช่น บริเวณตาบลอ่าวใหญ่ อาเภอเมือง จังหวัดตราด และตาบลปากนคร อาเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นต้น และได้มีการศึกษาเพ่ือจัดทา แนวทางการฟ้ืนฟูระบบนิเวศชายหาดในพื้นที่พระราชนิเวศน์มฤคทายวันให้สอดคล้องกับสภาพ ตามธรรมชาติ รวมทั้งโครงการออกแบบโครงสร้างป้องกันการกดั เซาะชายฝ่ังโดยการเติมทรายชายหาด บรเิ วณตาบลแสนสขุ อาเภอเมอื ง จังหวดั ชลบุรี ประเด็นข้อท่ี ๕ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้ความสาคัญ กับภาคประชาชนและชุมชนชายฝั่งเป็นอย่างย่ิง โดยได้ตราพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการ ทรัพยากรทางทะเลและชายฝงั่ พ.ศ. ๒๕๕๘ ขน้ึ ซ่ึงภาคประชาชนมบี ทบาท ดังน้ี มาตรา ๕ คณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากร ทางทะเลและชายฝ่ังแห่งชาติ กาหนดให้มีผู้ทรงคุณวุฒิ จานวน ๑๒ คน ซ่ึงจะต้องเป็นผู้แทนชุมชน ชายฝ่งั จานวน ๖ คน
๓๖ มาตรา ๑๒ คณะกรรมการทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ังจังหวัด ประกอบด้วยผ้ทู รงคุณวุฒจิ ากผู้แทนภาคประชาชนหรอื ชมุ ชนในแตล่ ะจังหวดั จานวน ๘ คน มาตรา ๑๖ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและสนับสนุนชุมชนชายฝ่ัง และองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน ในการบริหารจัดการ การปลูก การบารุงรักษา การอนุรักษ์ การฟื้นฟู และการใช้ประโยชนจ์ ากทรพั ยากรทางทะเลและชายฝง่ั นอกจากนี้กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ังยังมีการรับข้ึนทะเบียน จดแจ้งชุมชนชายฝั่ง และรับสมัครอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล เพื่อเพิ่มบทบาทและการมีส่วนร่วม ของภาคประชาชนและชุมชนชายฝ่ัง และท่ีสาคัญโครงการที่หน่วยงานภาครัฐดาเนินงาน ต้องผ่านประชามติจากประชาชนที่เก่ียวข้องในพ้ืนท่ีก่อนท่ีจะดาเนินโครงการ โดยปัจจุบันมีอาสาสมัคร พิทักษ์ทะเล จานวน ๒๑,๗๕๒ คน และกลุ่มชุมชนชายฝ่ังที่ขึ้นทะเบียนกับกรมทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่ง จานวน ๕๑๔ กล่มุ ประเด็นข้อที่ ๖ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจะรับข้อเสนอ ดงั กลา่ ว เพื่อแจง้ ให้ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการนโยบายและแผนการบรหิ ารจัดการทรพั ยากรทางทะเล และชายฝั่งแห่งชาติ พิจารณาหารือกับคณะกรรมการทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ังจังหวัด ซ่ึงตามมาตรา ๑๒ ของพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง พ.ศ. ๒๕๕๘ คณะกรรมการทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ังจังหวัด ประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิจากผู้แทน ภาคประชาชนหรอื ชุมชนในแต่ละจงั หวดั จานวน ๘ คน ประเด็นข้อท่ี ๗ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในฐานะฝ่ายเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรพั ยากรทางทะเลและชายฝง่ั แห่งชาติ ได้มีการจดั ทา รายงานสถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง การกัดเซาะชายฝ่ังประจาปี เพื่อรายงาน ให้คณะกรรมการทราบเป็นประจาทุกปี รวมท้ังในปัจจุบันได้มีการจัดแบ่งระบบกลุ่มหาดประเทศไทย เพ่อื ใช้สาหรบั การจัดการชายฝ่ัง จานวน ๓ ระบบ ดงั นี้ ๑) ระบบกลุม่ หาดหลัก (Major Littoral Cell) ๘ กลุ่มหาดหลกั เพอ่ื นาไปใช้ สาหรับวางแผนเชงิ ยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาค ๒) ระบบกลุ่มหาด (Littoral Cell) ๔๔ กลุ่มหาด เพ่ือนาไปใช้ในการพิจารณา จัดทาแผนแม่บทการแก้ไขปญั หาการกัดเซาะชายฝ่งั ๓) ระบบหาด (Beach Cell) ๓๑๘ ระบบหาด เพ่ือนาไปใช้ในการพิจารณา จัดทาแผนงาน/โครงการ และแผนงบประมาณป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง รวมถึง เพ่ือศึกษา ตรวจสอบ และประเมินผลกระทบที่อาจเกิดข้ึนจากการดาเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหา การกัดเซาะชายฝั่งระดับหน่วยยอ่ ย นอกจากนยี้ ังมกี ารจดั ทาหลกั เกณฑ์ประกอบการจดั ทาแผนงาน/โครงการ ป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝ่ัง เพ่ือให้หน่วยงานที่เก่ียวข้องนาไปใช้เป็นแนวทาง ในการจัดทาแผนงาน/โครงการป้องกันแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝ่ังให้เหมาะสมและเป็นไปตาม หลักวชิ าการ และเพอ่ื ให้สานกั งบประมาณนาไปประกอบการพจิ ารณาจัดสรรงบประมาณ ดงั น้ี ๑) การปรับสมดุลชายฝั่งโดยธรรมชาติ ได้แก่ การกาหนดพ้ืนที่ถอยร่น การปลกู ปา่ และการถา่ ยเททราย
๓๗ ๒) การฟน้ื ฟเู สถยี รภาพชายฝั่ง ไดแ้ ก่ การกาหนดพ้ืนท่ถี อยร่น การปลกู ปา่ การฟืน้ ฟชู ายหาด และการปกั เสาดกั ตะกอน ๓) การป้องกันปัญหาการกัดเซาะชายฝ่ัง ได้แก่ การกาหนดพื้นที่ถอยร่น การปลกู ปา่ การฟน้ื ฟชู ายหาด การปกั เสาดกั ตะกอน เขื่อนกนั คลื่นนอกชายฝัง่ รอดักทราย เขอื่ นป้องกนั ตล่ิงริมทะเล และกาแพงป้องกันคลื่นรมิ ชายหาด ๔) การแก้ไขปญั หาการกดั เซาะ ได้แก่ การกาหนดพนื้ ที่ถอยร่น การปลูกป่า การฟ้นื ฟูชายหาด การปักเสาดักตะกอน เขื่อนกนั คลนื่ นอกชายฝั่ง รอดักทราย เขื่อนปอ้ งกันตลิง่ ริมทะเล กาแพงป้องกนั คลนื่ รมิ ชายหาด และการรอื้ ถอนโครงสรา้ ง ประเด็นข้อท่ี ๘ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจะดาเนินการ ประสานกับกรมเจ้าท่า โดยแจ้งให้ทราบถึงประเด็นปัญหาและผลกระทบท่ีเกิดขึ้นกับประชาชน ในพนื้ ที่ เพ่ือให้กรมเจา้ ทา่ พิจารณาดาเนนิ การในส่วนท่เี ก่ยี วข้องตอ่ ไป - กรมเจ้าทา่ การบูรณาการความร่วมมือในการแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งภายใต้ พระราชบญั ญัตสิ ่งเสรมิ การบริหารจัดการทรพั ยากรทางทะเลและชายฝ่ัง พ.ศ. ๒๕๕๘ ๑) ความร่วมมือระดับชาติ คณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหาร จัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ังแห่งชาติ ได้กาหนดให้มีคณะอนุกรรมการบูรณาการการจัดการ การกัดเซาะชายฝั่งทะเล โดยมีกรมเจา้ ท่าร่วมเป็นอนุกรรมการ ซึง่ เป็นคณะทางานเพ่อื พิจารณากล่ันกรอง และให้ข้อเสนอแนะ ข้อคิดเห็นต่อโครงการ มาตรการ ระเบียบ หลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติ สาหรบั การปอ้ งกนั และแก้ไขปญั หาการกัดเซาะชายฝ่ังในภาพรวมและเชิงพ้นื ที่ ๒) ความร่วมมือระดับภูมิภาค ได้กาหนดให้มีคณะกรรมการทรัพยากร ทางทะเลและชายฝ่ังจงั หวดั โดยมีผอู้ านวยการสานักงานเจ้าทา่ ภูมภิ าค (สาขา) รว่ มเป็นกรรมการ กรมเจ้าทา่ มีอานาจหนา้ ท่ีตามพระราชบัญญัติการเดินเรอื ในนา่ นน้าไทย พุทธศักราช ๒๔๕๖ มาตรา ๑๒๐ ในการดูแลชายฝั่งทะเลภายในประเทศไทย โดยมีแนวทาง การแก้ไขปญั หา ดังน้ี (๑) ร่วมกันคิดและแยกกันทา ภายใต้คณะอนุกรรมการบูรณาการ จัดการการกัดเซาะชายฝั่งทะเล (๒) ศึกษาและวิเคราะหโ์ ดยผูเ้ ช่ียวชาญรอบดา้ น เช่น วิศวกรรมชายฝง่ั เศรษฐศาสตร์ และสง่ิ แวดล้อม เปน็ ตน้ (๓) ตดิ ตามตรวจสอบโดยประเมนิ ผลสาเรจ็ และแกไ้ ขผลกระทบที่เกิดข้ึน (๔) กาหนดรูปแบบการแก้ปัญหา ได้แก่ การเติมทรายชายหาด เขื่อนนอกฝัง่ และเข่อื นชดิ ฝั่ง (๕) บารุงรักษาและเสรมิ สรา้ งประสทิ ธิภาพในการป้องกันชายฝง่ั (๖) จัดประชาสมั พันธ์รับฟงั ความคิดเหน็ จากผู้มสี ว่ นไดส้ ่วนเสีย (๗) ก่อสร้างโดยปฏิบัติตามมาตรการส่ิงแวดล้อมเบื้องต้น เช่น การจัดทา รายงานการประเมินผลกระทบสงิ่ แวดล้อมเบ้อื งต้น (IEE) เป็นตน้
๓๘ รูปแบบการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝ่ังของกรมเจา้ ท่า ๑) การเสริมทรายชายหาด เพ่ือฟื้นฟูชายหาด แหล่งท่องเท่ียว สร้างรายได้ จากธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจต่อเน่ือง เช่น บริเวณหาดพัทยา และหาดจอมเทียน จังหวัดชลบุรี และหาดสมหิ ลา จังหวัดสงขลา เป็นตน้ ๒) เขื่อนนอกฝั่ง เพ่ือลดความรุนแรงของคล่ืน เพ่ิมพื้นท่ีชายหาดหลังเข่ือน รักษาวิถีชีวิตอาชีพชาวประมง และเป็นแหล่งเพาะพันธ์ุสัตว์ทะเล เช่น บริเวณหาดแสงจันทร์ จังหวัดระยอง และหาดบา้ นหนา้ สตน จงั หวดั นครศรธี รรมราช เปน็ ต้น ๓) เขื่อนชิดฝั่ง เพ่ือรักษาสาธารณูปโภคติดฝ่ัง ปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน และบรรเทาความเดือดร้อนและความสูญเสียของประชาชน เช่น บริเวณปากพนัง หน้าโกฏิ ท่าพญา และขนาบนาก จงั หวดั นครศรีธรรมราช เปน็ ต้น โครงการที่ดาเนินการอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่ งานก่อสร้าง จานวน ๕ โครงการ และงานศกึ ษา จานวน ๒ โครงการ ดังน้ี ๑. งานเสริมทรายป้องกันการกัดเซาะชายหาดจอมเทียน อาเภอบางละมุง จังหวัดชลบรุ ี ระยะที่ ๑ ๒. งานปรับปรุงเข่ือนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง ที่บริเวณบ้านหน้าโกฏิ ถึงบ้านหนา้ สตน อาเภอหวั ไทร จงั หวัดนครศรธี รรมราช ๓. งานปรบั ปรงุ กาแพงหินทิ้งป้องกนั การกัดเซาะชายฝั่งบรเิ วณบ้านทงุ่ ประดู่ หมู่ที่ ๒ ตาบลทับสะแก อาเภอทบั สะแก จงั หวัดประจวบคีรีขนั ธ์ ๔. งานก่อสร้างกาแพงป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณบ้านทุ่งใหญ่ หมู่ท่ี ๓ ถงึ หมทู่ ่ี ๗ ตาบลเขารปู ชาง อาเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา ๕. งานปรับปรุงเข่ือนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเลประจาปี (หาดพัทยา จังหวัดชลบรุ แี ละตาบลทา่ บอน อาเภอระโนด จังหวัดสงขลา) ๖. โครงการศึกษาวางแผนแม่บทและสารวจออกแบบเสริมทรายป้องกัน การกัดเซาะสนบั สนุนการท่องเท่ียวบรเิ วณเขาหลกั ถงึ แหลมปะการงั ตาบลตะกั่วปา่ จังหวัดพังงา ๗. โครงการศึกษาวางแผนแม่บทและสารวจออกแบบเพื่อเสริมทราย ปอ้ งกนั การกัดเซาะสนับสนุนการท่องเที่ยวชายหาดชะอา อาเภอชะอา จังหวัดเพชรบุรี ทิศทางการดาเนินงานแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝ่ังในอนาคต คือ ดาเนินการสร้างโครงสรา้ งแข็งเทา่ ที่จาเป็นตามผลการศกึ ษา เสริมทรายชายหาดเพื่อเป็นพื้นที่ท่องเทยี่ ว โดยใชก้ ารถ่ายเททรายเปน็ มาตรการลดผลกระทบ และเนน้ การมีส่วนรว่ มทกุ กจิ กรรม ท้ังนี้ ปัจจุบันกรมเจ้าท่าอยู่ระหว่างดาเนินการแก้ไขปัญหาสันดอนทราย ในอ่าวปัตตานีให้แก่ประชาชนในพื้นที่ โดยได้มีการประสานงานกับจังหวัดปัตตานีและต้ังคณะทางาน เพ่ือแก้ไขปัญหาดังกล่าว ซ่ึงคาดว่าการขุดลอกสันทรายออกจากอ่าวปัตตานีจะแล้วเสร็จภายในเดือน ธันวาคม ๒๕๖๔ ถึงเดอื นมกราคม ๒๕๖๕
๓๙ (๗) กรณีปัญหาการใช้พ้ืนท่ีชายฝ่ังทะเลบริเวณหาดแม่ราพึง หมู่ที่ ๒ ตาบลแม่ราพึง อาเภอบางสะพาน จังหวดั ประจวบครี ขี นั ธ์ กรณดี ังกลา่ วคณะกรรมาธกิ ารได้รบั ทราบขอ้ เทจ็ จริงและขอ้ มูลจากหน่วยงาน ท่เี ก่ียวขอ้ ง ดังนี้ จงั หวัดประจวบครี ีขนั ธ์ พนื้ ท่ีชายฝัง่ ทะเลบริเวณบ้านปา่ สน หม่ทู ี่ ๒ ตาบลแมร่ าพงึ อาเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรขี ันธ์ เป็นพ้ืนที่ท่ีอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของกรมเจ้าท่า จึงเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้าไทย พ.ศ. ๒๔๕๖ สานักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขา ประจวบคีรีขันธ์จึงใช้อานาจหน้าที่ตามกฎหมาย โดยมีคาส่ังให้ชาวบ้านในพื้นท่ีดาเนินการรื้อถอน สิ่งปลูกสร้างล่วงล้าลาน้าออกไปจากบริเวณดังกล่าว ต่อมาชาวบ้านในพื้นท่ีได้มีหนังสืออุทธรณ์คาสั่ง ให้ร้ือถอนต่อผู้อานวยการสานักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาประจวบคีรีขันธ์ และผู้อานวยการสานักงาน เจ้าท่าภูมิภาคสาขาประจวบคีรีขันธ์ได้มีหนังสือแจ้งคาวินิจฉัยอุทธรณ์ โดยมีความเห็นยกอุทธรณ์ ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระบวนการและเง่ือนเวลาที่ต้องปฏิบัติตามคาสั่งของสานักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขา ประจวบคีรีขันธ์ อย่างไรก็ตาม จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ต้องการบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน จึงขอความเห็นจากกรมเจ้าท่าเกี่ยวกับช่องทางในการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จากคาสง่ั ให้รอ้ื ถอนส่งิ ปลกู สรา้ งลว่ งลา้ ลาน้า - กรมเจา้ ท่า ที่มาของการออกคาสั่งรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างล่วงล้าลาน้าบนพื้นที่ชายหาด อ่าวบ่อทองหลาง บ้านป่าสน เกิดจากเมื่อเดือนกรกฎาคม ๒๕๕๑ สานักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขา ประจวบคีรีขันธ์ ดาเนินการตามอานาจหน้าท่ีตามมาตรา ๑๑๗ แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือ ในน่านนา้ ไทย พ.ศ. ๒๔๕๖ ซ่ึงกาหนดวา่ ห้ามมิใหผ้ ใู้ ดปลูกสรา้ งอาคารหรอื สิง่ อน่ื ใดลว่ งลา้ เข้าไปเหนอื นา้ ในน้า และใต้น้า ของแม่น้า ลาคลอง บึง อ่างเก็บน้า ทะเลสาบ อันเป็นทางสัญจรของประชาชน หรือที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน หรือทะเลภายในน่านน้าไทยหรือบนชายหาดของทะเลดังกล่าว เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าท่า จึงมีหนังสือให้ผู้บุกรุกชายหาดอ่าวบ่อทองหลาง บ้านป่าสน ระงับการก่อสร้างใด ๆ บนพ้ืนท่ีชายหาด พร้อมให้มาพบเจ้าหน้าท่ี ซึ่งคณะอนุกรรมการสิทธิ ในการจัดการทด่ี ินและป่าไดม้ หี นังสือถงึ กรมเจา้ ท่า เพ่อื ขอให้ชะลอการจับกมุ ขบั ไล่ หรอื การดาเนนิ การ ใด ๆ กับชุมชนประมงบ้านป่าสนไว้ก่อน ต่อมาเม่ือวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๖ ศูนย์ดารงธรรม จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ได้รับหนังสือร้องเรียนจากเจ้าของที่ดินโฉนด เลขที่ ๗๕๑ อาเภอบางสะพาน กรณีมีการบุกรุกพ้ืนท่ีสาธารณะปลูกสร้างอาคารที่พักอาศัยบริเวณชายหาดอ่าวบ่อทองหลางหน้าที่ดิน ดงั กล่าว ซึ่งผูบ้ ุกรุกอ้างว่า ได้เช่าทด่ี นิ จากกรมเจา้ ทา่ โดยชาระคา่ เชา่ ทุกปี และองค์การบรหิ ารสว่ นตาบล ได้ออกทะเบียนบ้านให้แล้ว จังหวัดจึงขอให้สานักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาประจวบคีรีขันธ์และอาเภอ บางสะพานตรวจสอบเรื่องดังกล่าว สานักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาประจวบคีรีขันธ์ได้มีหนังสือถึง นายอาเภอบางสะพานว่า กรมเจ้าท่าไม่มีกฎหมายใดให้อานาจในการเช่าท่ีดินแก่ผู้ใด บุคคลใด แตอ่ ย่างใด เปน็ เพียงการกลา่ วอา้ งเทา่ นนั้ ซ่งึ หากอาเภอจะดาเนนิ การตามกฎหมายใหป้ ระสานสานกั งาน เจา้ ท่าภมู ภิ าคสาขาประจวบครี ขี ันธ์ดว้ ย นายอาเภอบางสะพานจึงมีหนงั สอื ไปยงั จงั หวดั กรณีมีการกลา่ วอ้าง การเช่าท่ีดินสาธารณะชายหาดอ่าวบ่อทองหลางจากกรมเจ้าท่า จากน้ันเม่ือวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๖๐
๔๐ ศนู ยด์ ารงธรรมจงั หวดั ประจวบครี ขี ันธ์ ไดร้ บั หนงั สอื ร้องเรียนจากเจ้าของทีด่ นิ โฉนด เลขท่ี ๗๕๑ อกี คร้งั ให้ดาเนินการขับไล่ผู้บุกรุกพื้นที่สาธารณะบริเวณชายหาดอ่าวบ่อทองหลาง ตามอานาจหน้าท่ี ของหน่วยงานรัฐ ซึ่งศูนย์ดารงธรรมจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และอาเภอบางสะพานได้มีหนังสือ ถึงสานักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาประจวบคีรีขันธ์ให้ตรวจสอบการก่อสร้างท่ีอยู่อาศัยบุกรุกพ้ืนที่ ชายหาดอ่าวบ่อทองหลาง ดังนน้ั สานักงานเจ้าทา่ ภูมภิ าคสาขาประจวบครี ขี ันธร์ ่วมกบั หนว่ ยงานในพ้นื ท่ี จึงดาเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งนี้ เม่ือวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ที่ประชุมศูนย์ดารงธรรม จังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีมติให้สานักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาประจวบคีรีขันธ์บังคับใช้กฎหมายผลักดัน ให้กลุ่มผู้บกุ รุกออกจากพื้นที่ชายหาดอา่ วบอ่ ทองหลาง ซึ่งสานักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาประจวบคีรีขันธ์ ได้มีหนังสือถึงผู้ครอบครองส่ิงปลูกสร้างที่บุกรุกพ้ืนที่ชายหาดอ่าวบ่อทองหลางให้มาชี้แจงข้อเท็จจริง โดยใช้ข้อมูลการสารวจของอาเภอบางสะพานท่ีได้มีการสารวจไว้แล้ว ซึ่งตัวแทนของผู้บุกรุกพ้ืนท่ีชายหาด ได้มาชแี้ จงด้วยวาจาและไมม่ ีเอกสารหลกั ฐานท่แี สดงถึงการอนญุ าตให้ใชพ้ ื้นท่ีหรอื ใหป้ ลูกสร้างสิ่งลว่ งล้า ลาน้าจากหน่วยงานใด สานักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาประจวบคีรีขันธ์จึงร่วมกับหน่วยงานท่ีเก่ียวข้อง ลงพ้ืนที่ตรวจสอบอาคารท่ีอยู่อาศัยท่ีบุกรุก เพ่ือตรวจสอบรายชื่อผู้ครอบครอง ขนาดพื้นท่ีท่ีบุกรุก เพ่ือใช้ในการออกคาสั่งทางปกครอง และเม่ือวันท่ี ๙ กรกฎาคม ๒๕๖๔ สานักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาประจวบคีรีขันธ์มีหนังสือถึงผู้ครอบครองให้ร้ือถอนส่ิงปลูกสร้างที่บุกรุกพ้ืนท่ีชายหาด ภายใน ๑๘๐ วัน (ครบกาหนดในวันที่ ๑๖ มกราคม ๑๕๖๕ และ ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๕) จากนั้นผู้บุกรุก พ้ื น ท่ี ช า ย ห า ด ไ ด้ มี ห นั ง สื อ อุ ท ธ ร ณ์ ค า ส่ั ง ใ ห้ รื้ อ ถ อ น ต่ อ ผู้ อ า น ว ย ก า ร ส า นั ก ง า น เ จ้ า ท่ า ภู มิ ภ า ค สาขาประจวบคีรีขันธ์ และผู้อานวยการสานักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาประจวบคีรีขันธ์ได้มีหนังสือ แจ้งคาวินิจฉัยอุทธรณ์ไปยังผู้บุกรุก โดยมีความเห็นยกอุทธรณ์ และรายงานความเห็นให้ผู้อานวยการ สานักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ ๓ ทราบ และผู้อานวยการสานักงานเจ้าท่าภูมิภาคท่ี ๓ มีหนังสือแจ้งผล คาวินิจฉัยอุทธรณ์ โดยมีวินิจฉัยยกอทุ ธรณ์ทั้งหมด พร้อมท้ังแจ้งสิทธิ ระยะเวลา และวิธีการในการฟ้องคดี ตอ่ ศาลปกครองไปยงั ผู้บกุ รกุ กรมเจ้าท่าจึงเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาและช่วยเหลือประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากคาส่ังให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างล่วงล้าลาน้า โดยให้จังหวัดประจวบคีรีขันธ์พิจารณา จัดหาแหล่งท่ีอยู่ชวั่ คราวหรอื ถาวรเพ่ือรองรับผ้บู ุกรกุ รวมท้ังจัดหาอาชีพให้กลุ่มผู้บกุ รุก ท้ังนี้ ยังพบปัญหา และอุปสรรคเก่ียวกับการที่หน่วยงานของรัฐกลับเป็นผู้ให้การสนับสนุนส่ิงอานวยความสะดวกต่าง ๆ เช่น ทะเบียนบ้านช่ัวคราว น้าประปา ไฟฟ้า ถนนเข้าหมู่บ้าน และงบประมาณซ่อมแซมบ้าน ของโครงการบ้านม่ันคง (พอช.) จึงมีข้อเสนอแนะให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพ่ือป้องกัน การบกุ รกุ พื้นที่สาธารณะอนื่ ตอ่ ไป - กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จากการตรวจสอบของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง พบว่า พ้ืนที่ชายฝั่งทะเลบริเวณบ้านป่าสน หมู่ที่ ๒ ตาบลแม่ราพึง อาเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไม่ได้อยู่ในเขตพื้นท่ีป่าชายเลนตามมติคณะรัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง มคี วามเห็นว่า เนื่องจากมีประชาชนอาศัยอยู่ในพื้นทีด่ งั กล่าวเปน็ จานวนพอสมควร ซึ่งได้รับความเดือดร้อน
๔๑ จากปัญหาการใช้พื้นที่ชายฝ่ัง ดังน้ัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรต้ังคณะทางานเพื่อให้ความช่วยเหลือ และเยยี วยาประชาชนผู้ได้รบั ผลกระทบ - องค์การบรหิ ารสว่ นตาบลแม่ราพงึ เน่ืองจากมีการร้องเรียนเก่ียวกับการบุกรุกพื้นท่ีสาธารณะปลูกสร้าง อาคารท่ีพักอาศัยบริเวณบ้านป่าสน หมู่ที่ ๒ ตาบลแม่ราพึง อาเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ดังนั้น องค์การบริหารส่วนตาบลแม่ราพึงร่วมกับหน่วยงานในพื้นท่ี จึงดาเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง ของการบุกรุกพื้นท่ี โดยจากการตรวจสอบปรากฏว่า บริเวณดังกล่าวมีชาวบ้านท่ีประกอบอาชีพประมง ชายฝั่งอาศัยอยู่จานวนหนึ่ง ซ่ึงพ้ืนท่ีดังกล่าวเป็นท่ีสาธารณประโยชน์และเขตของเจ้าท่า อย่างไรก็ตาม อ ง ค์ ก า ร บ ริ ห า ร ส่ว น ต า บ ลแ ม่ ร า พึ ง ไ ด้ใ ห้ ค ว า ม ช่ ว ย เ ห ลื อ ช า ว บ้ า น ที่เ ดือ ด ร้ อ น ด้ว ย ก า ร สนั บ สนุ น สง่ิ อานวยความสะดวกต่าง ๆ เชน่ นา้ ประปา ไฟฟา้ และถนนเขา้ หมูบ่ า้ น เปน็ ต้น ๒) ปญั หาของประชาชนผไู้ ดร้ บั ผลกระทบ ตามที่ประชาชนผู้เสนอเรื่องได้มีหนังสือมายังคณะกรรมาธิการเพื่อขอให้ ดาเนินการในส่วนท่ีเกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาคล่ืนทะเลกัดเซาะชายฝ่ัง ซ่ึงคณะกรรมาธิการได้เชิญ ผู้เสนอเรือ่ งมาใหข้ ้อมูลและข้อเท็จจริงประกอบการพิจารณา เพอ่ื รบั ฟังปญั หาและร่วมกันหาแนวทางแก้ไข สรปุ สาระสาคญั ได้ ดงั นี้ (๑) กรณีขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาศึกษาแนวทาง การก่อสร้างโครงสร้างการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง บริเวณบ้านอ่าวเคย ตาบลม่วงกลวง อาเภอกะเปอร์ จงั หวัดระนอง สาเหตุของการกัดเซาะชายฝั่งบริเวณบ้านอ่าวเคยเกิดจากกระบวนการ ทางธรรมชาตทิ ท่ี าให้เกิดการเคล่ือนท่ีของตะกอน เช่น คลนื่ กระแสนา้ และลมมรสุม เปน็ ต้น โดยเฉพาะ การเกิดแผ่นดินไหวบริเวณเกาะนิโคบาร์ สาธารณรัฐอินโดนีเซีย ท่ีทาให้เกิดคล่ืนยักษ์สึนามิเม่ือ พ.ศ. ๒๕๔๗ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักท่ีส่งผลกระทบอย่างรุนแรง ทาให้สถานการณ์ชายฝ่ังเปล่ียนแปลง อย่างต่อเน่ือง และยังไม่สามารถช้ีชัดได้ว่า การกัดเซาะชายฝ่ังได้เข้าสู่สภาวะสมดุ ลหรือชายฝ่ัง ที่ถูกกัดเซาะฟ้ืนคนื สภาพใกลเ้ คียงธรรมชาตแิ ลว้ แตส่ ามารถวเิ คราะห์เบอ้ื งต้นได้วา่ ในอดตี ชายหาดบา้ น อ่าวเคยมีแนวหนิ ใต้นา้ ทาหนา้ ท่ปี กปอ้ งชายหาด เพื่อชว่ ยสลายพลังงานคล่นื แตเ่ หตกุ ารณส์ ึนามิทเี่ กดิ ขน้ึ อาจทาลายแนวหินดังกล่าว ทาให้เกิดการเปล่ียนแปลงของร่องน้าในทะเล ส่งผลให้การไหล ของกระแสน้าเปล่ียนทิศทาง และคลื่นสามารถเคลื่อนท่ีเข้าฝ่ังได้รุนแรงมากข้ึน ทาให้ความลาดชัน ของชายหาดเปลี่ยนแปลงไป ปัจจุบันชายหาดบ้านอา่ วเคยมีสภาพความลาดชันน้อย ทาให้คล่ืนสามารถ เข้ามาแทรกตวั ใกลฝ้ งั่ ได้มากข้ึน และอาจทาลายเนนิ ทรายไดโ้ ดยตรง หลังเกิดเหตุภัยพิบัติสึนามิเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๗ ชายหาดบริเวณบ้านอ่าวเคย เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเรว็ เกดิ คลนื่ ลมรนุ แรงกดั เซาะชายฝ่งั ตลอดแนว ทาลายสวนมะพร้าว ปา่ ชายหาด พ้ืนท่ีริมชายฝั่งถูกกัดเซาะหายไปมากกว่า ๓๐ ไร่ และมีแนวโน้มทวีความรุนแรงอย่างต่อเน่ืองทุกปี ชาวบ้านหลายครวั เรอื นต้องอพยพทพ่ี ักอาศัยออกนอกพน้ื ท่ี เน่ืองจากได้รับความเสยี หายและความเดือดร้อน อย่างหนกั จงึ ได้ขอความช่วยเหลอื ไปยงั องคก์ ารปกครองสว่ นท้องถิ่น เพือ่ ให้ดาเนนิ การป้องกันและแกไ้ ข ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งอย่างเร่งด่วน จนกระทั่งองค์การบริหารส่วนตาบลม่วงกลวงได้มีหนังสือ ท่ี รน ๗๒๗๐๑/๔๓๘ ลงวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๔ ขอให้กรมเจ้าท่าให้ความช่วยเหลือแก้ไขปัญหา
๔๒ การกัดเซาะชายฝ่ังบ้านอ่าวเคยเป็นการเร่งด่วน ซึ่งกรมเจ้าท่าได้จ้างวิศวกรที่ปรึกษาดาเนินการศึกษา วิเคราะห์ผลกระทบส่ิงแวดล้อม (Environmental Impact Assessment : EIA) และสารวจออกแบบ โครงสร้างป้องกนั การกดั เซาะชายฝั่งบรเิ วณบา้ นอ่าวเคย และไดร้ ่วมกันศกึ ษาวิเคราะหป์ ญั หาและสาเหตุ การกัดเซาะชายฝ่ัง อีกทั้งได้มีการออกแบบแนวทางการแก้ไขปัญหาโดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วม ของประชาชนในพน้ื ที่ จานวน ๔ รูปแบบ โดยมีขอ้ ดแี ละข้อเสยี ท่แี ตกต่างกนั จนไดข้ ้อยุติร่วมกนั ระหวา่ ง กรมเจ้าท่า ท่ีปรึกษา และประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาการกัดเซาะชายฝ่ัง คือ แนวทาง การแก้ไขปัญหาด้วยการก่อสร้างเขื่อนหินท้ิงและการเสริมทรายชายหาด เพ่ือป้องกันการพังทลาย ของชายฝั่งเป็นหลัก รวมถึงเป็นการลดความรุนแรงของคล่ืน ซึ่งเป็นตัวพัดตะกอนออกจากฝั่ง อันเป็นการสร้างเสถียรภาพให้กับชายฝั่ง ตลอดจนช่วยเพิ่มพ้ืนที่ชายหาด และสามารถชะลอ อัตราการกัดเซาะชายฝั่งให้อยู่ในระดับที่มีผลกระทบน้อยที่สุด เพื่อให้ชายฝั่งท่ีถูกกัดเซาะฟื้นคืนสภาพ ใกลเ้ คยี งธรรมชาติมากท่ีสุด ท้ังนี้ ปัญหาและอุปสรรคที่ส่งผลให้การป้องกันและแก้ไขปัญหา การกัดเซาะชายฝ่ังไม่สามารถดาเนินการได้ เนื่องจากขาดกลไกในการประสานงานระหว่างหน่วยงานหลัก และหน่วยงานสนับสนุนท่ีเก่ียวข้อง เพื่อให้เกิดการบูรณาการทางานร่วมกันของแต่ละหน่วยงาน ที่มีภารกิจด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่งให้เป็นไป อย่างมีระบบและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซ่ึงสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี และแผนปฏิรูป ประเทศ ๑๑ ด้าน รวมถึงการออกกฎหมายหลายฉบับมีความทับซ้อนกัน จึงก่อให้เกิดความขัดแย้ง ระหว่างหน่วยงาน ประชาชนในพื้นที่ไม่สามารถแกไ้ ขปัญหาเชิงพื้นท่ีได้ เม่ือแต่ละหน่วยงานตา่ งทาตาม อานาจหน้าท่ีและมีมุมมองท่ีแตกต่างกัน การทางานจึงเป็นลักษณะแยกกันคิด แยกกันทา และไม่มอง เป้าหมายการพัฒนาร่วมกัน ส่งผลให้การทางานระหว่างหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องขาดการบูรณาการ ไม่เปน็ ไปในทศิ ทางเดยี วกนั กบั ทศิ ทางการพฒั นาประเทศ และกอ่ ให้เกดิ ผลกระทบ ดงั น้ี ๑) ด้านเศรษฐกิจ คือ ทาให้เกิดการสูญเสียพ้ืนที่ ซ่ึงเป็นที่อยู่อาศัย และแหล่งประกอบอาชีพของประชาชน ตลอดจนกระทบต่อแหล่งท่องเท่ียว และโอกาสด้านการลงทุน ของประเทศ ๒) ด้านสังคมและคุณภาพชีวิต คือ กระทบต่อชุมชนท่ีต้ังถิ่นฐานอยู่บริเวณ ชายฝั่ง ซ่ึงต้องสูญเสียท่ีอยู่อาศัย แหล่งประกอบอาชพี สาธารณูปโภค แหล่งวัฒนธรรม และศาสนสถาน ที่ต้ังอยูใ่ นพื้นที่ ๓) ด้านระบบนิเวศ คือ ตะกอนท่ีถูกพัดพามาจากพ้ืนท่ีที่ถูกกัดเซาะ จะสะสมอยู่บริเวณแหล่งที่อยู่อาศัยและแหล่งเพาะพันธ์ุของสัตว์น้า ทาให้เกิดการสูญเสียความอุดมสมบูรณ์ ของทะเล และห่วงโซ่อาหารบริเวณชายฝง่ั รวมถึงการสญู เสียความหลากหลายทางชีวภาพ ๔) ดา้ นความมั่นคง คือ เกดิ ความเปราะบางตอ่ ภัยคุกคามจากธรรมชาติ เช่น อทุ กภัย วาตภยั และการเปลยี่ นแปลงสภาพภูมิอากาศหรือภาวะโลกรอ้ น เป็นต้น อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่มีบทบาท ภารกิจ หน้าท่ีหลัก และหน่วยงาน ท่ีมีบทบาท ภารกิจ หน้าที่สนับสนุน ควรร่วมกันคิด วิเคราะห์ และบูรณาการร่วมกันถึงปัจจัย ที่เป็นสาเหตุให้การดาเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝ่ังไม่บรรลุเป้าหมาย ตามแผนปฏิรูปประเทศ ๑๑ ด้าน ตลอดจนปรับปรุง ฟ้ืนฟู และสร้างทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
๔๓ ทั้งระบบ รวมท้ังมีนโยบายการจัดการชายฝ่ังแบบบูรณาการอย่างเป็นองค์รวมตามเป้าหมาย ประเดน็ ยุทธศาสตร์ชาติ ๒๐ ปี (๒) กรณขี อให้ระงับการดาเนินโครงการกอ่ สรา้ งเขอ่ื นปอ้ งกันตลง่ิ รมิ ทะเล พร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์ พ้ืนที่ชายฝ่ังหาดมหาราช อาเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ระยะที่ ๒ และระยะท่ี ๓ ของกรมโยธาธกิ ารและผังเมือง โครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตล่ิงริมทะเล พร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์ พื้นท่ีชายฝั่งหาดมหาราช อาเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ดาเนินการโดยกรมโยธาธิการและผังเมือง ลักษณะของโครงการเป็นการก่อสร้างกาแพงกันคลื่นแบบขั้นบันได พร้อมการปรุงภูมิทัศน์ด้านหลัง กาแพงกันคล่ืน โดยมีวัตถุประสงค์เพ่ือป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง ซึ่งมีการก่อสร้าง ๓ ระยะ คือ ระยะท่ี ๑ ดาเนินการสร้างเสร็จส้ินแล้ว มีระยะทาง ๙๒ เมตร ระยะที่ ๒ อยู่ระหว่างการก่อสร้าง มีระยะทาง ๑,๑๐๒ เมตร และระยะท่ี ๓ อยรู่ ะหวา่ งการจดั ซ้อื จัดจา้ ง มีระยะทาง ๕๕๐ เมตร ข้อสังเกตต่อการดาเนินโครงการก่อสร้างเข่ือนป้องกันตลิ่งริมทะเล พร้อมปรับปรุงภมู ทิ ัศน์ พ้ืนท่ีชายฝ่ังหาดมหาราช อาเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ๑) ชายหาดมหาราช อาเภอสทิงพระ จังหวดั สงขลา เปน็ ชายหาดทสี่ มบรู ณ์ มีการเปล่ียนแปลงของชายหาดตามธรรมชาติ กล่าวคือ การกัดเซาะชายฝ่ังในช่วงมรสุม ทาให้ทราย หน้าหาดบางส่วนหายไป อันเป็นกระบวนการทางธรรมชาติ แต่เม่ือผ่านพ้นมรสุมคล่ืนจะนาทราย กลับมาสู่ชายหาด จึงไม่อาจเรียกว่ามีการกัดเซาะชายฝ่ังอย่างรุนแรง ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูล จากกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งท่ีระบุว่า พื้นที่ชายหาดมหาราชในช่วง ๓-๕ ปีที่ผ่านมา ไม่มีการกัดเซาะชายฝั่ง ชายหาดมีสถานะเป็นหาดท่ีมีเสถียรภาพ ดังน้ัน การสร้างกาแพงกันคล่ืน เพ่ือปอ้ งกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝัง่ จึงเป็นมาตรการทเ่ี กนิ ตอ่ ความจาเปน็ ๒) การดาเนินการก่อสร้างกาแพงกันคล่ืนแบบขั้นบันได อาจเป็นต้นเหตุ ของการกัดเซาะชายฝ่ังอย่างรุนแรง เน่ืองจากทาให้เกิดการกัดเซาะชายฝั่งในพ้ืนที่ท้ายน้าของโครงการ และหาดทรายด้านหน้ากาแพงกันคล่ืนหายไป ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตและการใช้ประโยชน์หาดทราย ของประชาชน ซ่ึงมีตัวอย่างผลกระทบของกาแพงกันคล่ืนท่ีทาให้เกิดการกัดเซาะแบบลูกโซ่ เช่น หาดพระแอะ เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ หาดปากน้าปราณ จังหวัดประจวบครี ีขันธ์ และหาดทรายแก้ว จงั หวัดสงขลา เป็นต้น ๓) โครงการอาจไม่บรรลุวัตถุประสงค์แห่งการป้องกันการกัดเซาะชายฝ่ัง และเป็นการซ้าเติมปัญหาให้เกิดการกัดเซาะชายฝ่ังเพ่ิมเติมในพ้ืนที่ท้ายน้าของโครงการ ในกรณี หาดมหาราช อาเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา พ้ืนที่โครงการระยะท่ี ๒ อยู่ห่างจากชุมชนประมง ท่ีใช้หาดทรายในการจอดเรือเพียง ๓๐ เมตร และโครงการระยะที่ ๓ ตั้งอยู่บริเวณหน้าบ้านชาวประมง ที่ต้องใช้หาดในการจอดเรือ ซึ่งสภาพชายหาดยังมีความสมบูรณ์ ไม่มีร่องรอยของการกัดเซาะชายฝ่ัง จึงไมม่ คี วามจาเป็นตอ้ งดาเนินการก่อสร้าง ๔) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ตรวจสอบการดาเนิน โครงการกอ่ สร้างเขอ่ื นปอ้ งกนั ตล่งิ ริมหาดมหาราช จงั หวัดสงขลา และได้มคี วามเห็นเม่อื วนั ท่ี ๒ กนั ยายน ๒๕๖๓ ว่า เห็นควรให้กรมโยธาธิการและผังเมือง ชะลอโครงการก่อสร้างระยะท่ี ๒ และหารือร่วมกับ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเพื่อประเมินผลกระทบจากโครงการดังกล่าวว่า มีความเหมาะสม
๔๔ กับสภาพปัญหาในพ้ืนท่ีและควรดาเนินการต่อไปหรือไม่ ซ่ึงการดาเนินการดังกล่าวจะต้องส่งเสริม ให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างครบถ้วน ส่วนการดาเนินโครงการในระยะท่ี ๓ และโครงการในลักษณะ เดียวกันในพืน้ ท่ีอืน่ ควรชะลอไปกอ่ นจนกวา่ จะมีกฎกระทรวงกาหนดเขตพื้นที่ใช้มาตรการในการป้องกนั การกัดเซาะชายฝัง่ ข้อเสนอแนะต่อการดาเนินโครงการก่อสร้างเข่ือนป้องกันตลิ่งริมทะเล พร้อมปรบั ปรงุ ภูมทิ ัศน์ พนื้ ที่ชายฝงั่ หาดมหาราช อาเภอสทงิ พระ จงั หวัดสงขลา ๑) ยกเลิกโครงการก่อสร้างเข่ือนป้องกันตลิ่งริมทะเล พร้อมปรับปรุง ภูมิทัศน์ พ้ืนท่ีชายฝ่ังหาดมหาราช อาเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ระยะท่ี ๒ และฟ้ืนฟูสภาพชายหาด ใหก้ ลับมาเหมือนเดิม โดยสง่ เสรมิ ใหเ้ กดิ การมีสว่ นร่วมของประชาชน ๒) ยกเลิกโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเล พร้อมปรับปรุง ภมู ิทศั น์ พ้ืนทีช่ ายฝัง่ หาดมหาราช อาเภอสทงิ พระ จังหวัดสงขลา ระยะที่ ๓ ซ่ึงอย่รู ะหว่างการจดั ซอื้ จดั จา้ ง เพ่อื ลดผลกระทบท่ีจะเกิดข้ึนต่อชายหาด และเพ่อื ให้ชมุ ชนชายฝง่ั ได้ใชป้ ระโยชน์จากหาดทราย ๓) ปัญหาการระบาดของกาแพงกันคล่ืน คือ โครงการลักษณะน้ีไม่มีการ จัดทารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment : EIA) และไม่มี การมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแทจ้ ริง ดังนั้น ควรกาหนดให้การสร้างกาแพงกนั คลื่นกลบั มาเปน็ โครงการ ท่ตี อ้ งจดั ทารายงานการวิเคราะหผ์ ลกระทบสิง่ แวดลอ้ ม (Environmental Impact Assessment : EIA) ๔) การกัดเซาะชายฝั่งในพ้ืนที่ชายหาดมหาราชและพ้ืนที่อ่ืน ๆ เป็นการกัดเซาะชายฝ่ังแบบชั่วคราวในช่วงมรสุม ดังนั้น เพ่ือให้มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหา การกัดเซาะชายฝั่งสอดคล้องกับสภาพชายหาด จึงขอให้มีการพิจารณาการใช้มาตรการช่ัวคราว ในการแกไ้ ขปัญหาการกดั เซาะชายฝ่งั เช่น การวางกระสอบทรายขนาดเลก็ และการปักไม้ เปน็ ตน้ ๕) ขอให้มีการประกาศกฎกระทรวงที่เป็นมาตรการในการคุ้มครอง ชายหาด เช่น การประกาศแนวถอยรน่ และการกาหนดเขตการใชป้ ระโยชนท์ ี่ดิน เปน็ ตน้ (๓) กรณีเกี่ยวกับโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมหาดสาเร็จ และหาดสมบูรณ์ ในพื้นท่อี าเภอทา่ ชนะ จังหวดั สุราษฎร์ธานี ของกรมโยธาธกิ ารและผงั เมือง เมอ่ื วนั ท่ี ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๓ เครอื ขา่ ยอา่ วบา้ นดอน และตัวแทนชมุ ชน บ้านหาดสมบรู ณ์ไดย้ ื่นหนงั สอื ถงึ ผู้วา่ ราชการจังหวดั สุราษฎร์ธานีผา่ นศนู ยด์ ารงธรรม แต่ต่อมามกี ารถอน หนังสอื รอ้ งเรียน เน่ืองจากโดนข่มขู่คกุ คามจากฝ่ายที่สนับสนนุ โครงการ ข้อสังเกตโครงการก่อสร้างกาแพงกันคล่ืนหาดสมบูรณ์ ตาบลวัง อาเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประเด็นท่ี ๑ สภาพปัจจุบันของชายหาดสมบูรณ์ไม่พบร่องรอย การกัดเซาะชายฝ่ังท้ังข้อมูลจากภาพถ่ายดาวเทียมและการลงพื้นท่ีสารวจ และมีการสะสมตัว ของตะกอนทรายเพ่ิมข้ึนเรื่อย ๆ บ้านเรือนและถนนอยู่ห่างจากชายหาดมาก จึงไม่มีเหตุผล และความจาเป็นในการใช้งบประมาณแผ่นดินจานวนมากในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งในพ้ืนท่ี ที่ไม่มีการกัดเซาะชายฝั่ง อีกท้ังมติคณะกรรมการทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ังจังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ศ.๒๕๖๒ ระบุวา่ การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝัง่ ในบรเิ วณชายหาดอาเภอท่าชนะควรใชม้ าตรการ ถา่ ยเททรายแทนการใช้มาตรการโครงสรา้ งแข็งทางวิศวกรรม
๔๕ ประเด็นที่ ๒ การรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งท่ี ๒ มีเพียง มาตรการก่อสร้างที่ไม่ต้องจัดทารายงานการประเมินผลกระทบส่ิงแวดล้อม (EIA) และเป็นมาตรการ กาแพงกนั คล่นื เปน็ หลัก ทาให้ประชาชนไม่มโี อกาสในการไดร้ บั ทางเลือกทดี่ ีกวา่ ประเด็นที่ ๓ การก่อสร้างกาแพงกันคล่ืนอาจสร้างความเสียหาย ต่อชายฝ่ังมากกว่าประโยชน์ท่ีจะได้รับจากการดาเนินโครงการ ซ่ึงจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อชายหาด อย่างมาก เช่น กาแพงกันคลื่นทาให้คล่ืนที่เข้ามาปะทะมีพลังงานเพิ่มขึ้น โครงสร้างป้องกันชายฝั่ง เสียหาย และด้านทา้ ยนา้ ของกาแพงกันคลนื่ จะเกิดการกัดเซาะชายฝงั่ เป็นตน้ สรปุ ขอ้ สงั เกตสาคญั ๑) ไม่มีความจาเป็นในการก่อสร้างกาแพงกันคล่ืนในหาดสมบูรณ์ เพราะไม่พบร่องรอยการกัดเซาะชายฝ่ังอย่างรุนแรงจนกระทบต่อบ้านเรือน ทรัพย์สินของประชาชน หรอื ทางสาธารณะ และสภาพชายหาดมีการงอกสะสมเพิ่มข้ึน ๒) กรมโยธาธิการและผังเมืองอาจอาศัยช่องว่างของการท่ีโครงการ ประเภทกาแพงกันคลื่นไม่ต้องจัดทารายงานการประเมินผลกระทบส่ิงแวดล้อม (EIA) มาเป็นช่องทาง ในการผลักดันโครงการ โดยไม่ศึกษารายละเอียด ความคุ้มค่า ผลกระทบที่จะเกิดข้ึนอย่างรอบด้าน ดังเช่นกรณีหาดสมบูรณ์ที่กาลังดาเนินการก่อสร้าง และหาดสาเร็จที่กาลังมีการรับฟังความคิดเห็น ประชาชน ๓) กาแพงกันคล่ืนมีผลกระทบต่อชายหาด ส่ิงแวดล้อม และชุมชน มากกว่าผลดที ่จี ะไดร้ บั ดงั น้ัน โครงการลกั ษณะน้จี ึงตอ้ งจัดทารายงานการประเมนิ ผลกระทบสิง่ แวดลอ้ ม (EIA) ๔) โครงการดังกล่าวไม่มีการผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ังจังหวัดสรุ าษฎรธ์ านี ข้อเรยี กร้อง ๑) ขอให้มีการตรวจสอบโครงการก่อสร้างเข่ือนป้องกันตลิ่งริมทะเล ในพื้นท่ีจังหวัดสุราษฎร์ธานี ทุกโครงการท่ีกาลังดาเนินการอยู่ในขั้นตอนการก่อสร้าง และโครงการ ท่ีอยู่ระหว่างการรับฟังความคิดเห็น เนื่องจากโครงการเหล่าน้ีอาจไม่มีความจาเป็นหรือใช้มาตรการ เกนิ ตอ่ ความจาเป็น และอาจส่งผลกระทบตอ่ ชายหาดอย่างรุนแรง ๒) ขอให้มีการชะลอโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมทะเลหาด สมบรู ณ์ เน่อื งจากพื้นท่ีดงั กล่าวไม่มีการกัดเซาะชายฝงั่ และไม่มคี วามจาเป็นในการดาเนินโครงการ ๓) ขอให้ตั้งคณะกรรมการในการหารือ เพื่อหาทางออกที่เหมาะสม ในการป้องกันการกัดเซาะชายฝ่ัง ในกรณีหาดสมบูรณ์และหาดอื่น ๆ ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยให้ประชาชนเข้ามามสี ว่ นรว่ มในคณะกรรมการ ๔) ขอให้มีการนาเอาโครงการประเภทกาแพงกนั คล่นื กลบั มาเป็นโครงการ ท่ีต้องจัดทารายงานการประเมินผลกระทบส่ิงแวดล้อม (EIA) เพื่อให้โครงการของรัฐเกิดความรอบคอบ ประชาชนมสี ่วนรว่ มอยา่ งแท้จรงิ และเกิดประโยชน์สูงสดุ นอกจากนี้การท่ีกรมโยธาธิการและผังเมืองจะดาเนินการก่อสร้าง กาแพงกันคลื่นในพ้ืนที่หาดสาเร็จ ซึ่งหากพิจารณาจากภาพถ่ายทางอากาศย้อนหลัง พบว่า การสร้าง
๔๖ ถนนเลียบชายฝั่งในปี ๒๕๕๙-๒๕๖๑ เป็นสาเหตุสาคัญท่ีให้เกิดการกัดเซาะชายฝ่ัง โดยพื้นที่ดังกล่าว ไม่มีบ้านเรือนของประชาชน แต่มีเพียงสวนมะพร้าวและถนนเลียบชายหาด ดังนั้น กรมทรัพยากร ท า ง ท ะ เ ล แ ล ะ ช า ย ฝั่ ง ค ว ร ป ร ะ ก า ศ ไ ม่ ใ ห้ ใ ช้ โ ค ร ง ส ร้ า ง ใ น พื้ น ที่ ห า ด ส า เ ร็ จ แ ล ะ ห า ม า ต ร ก า ร อ่ื น ท่ีไม่ใช่โครงสร้างแข็ง เช่น การวางโครงสร้างช่ัวคราว การกาหนดแนวถอยร่อน และการย้ายถนน เป็นตน้ เพื่อเปน็ การคงสภาพชายหาดท่ีสมบูรณไ์ ว้ (๔) กรณีเก่ียวกับโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเล ในพ้ืนท่ีหมู่ท่ี ๕ ตาบลหน้าสตน อาเภอหัวไทร จงั หวัดนครศรธี รรมราช (ระยะท่ี ๒) ก่อนมีการก่อสรา้ งกาแพงกนั คล่ืนในพ้ืนทช่ี ายฝัง่ ตาบลหน้าสตน ระยะที่ ๒ โดยกรมโยธาธิการและผังเมือง บริเวณหมู่ท่ี ๕ และหมู่ที่ ๖ พบว่า สภาพชายหาดมีความสมบูรณ์ และไม่พบร่องรอยการกัดเซาะชายฝงั่ อยา่ งรนุ แรง แตห่ ลงั จากการก่อสร้างกาแพงกันคลืน่ จึงส่งผลให้เกิด การกัดเซาะชายฝั่งอย่างรุนแรง จนทาให้ที่ดิน บ้านเรือน และสวนมะพร้าวของประชาชนไดร้ ับความเสียหาย จึงขอเสนอใหห้ น่วยงานทเี่ กย่ี วข้องดาเนนิ การ ดงั น้ี ๑) บรรเทาทกุ ขช์ ่วั คราวจากผลกระทบของกาแพงกันคลนื่ เชน่ การวางหิน เลียบตลิ่งหรือการวางกระสอบทรายขนาดใหญ่ เป็นต้น เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ในชว่ งมรสมุ ปี ๒๕๖๔ (กอ่ นเดอื นตลุ าคม ๒๕๖๔) ๒) กาหนดมาตรการการเยียวยาผลกระทบท่ีเกิดขึ้นให้แก่ประชาชน ท่ีไดร้ ับความเสยี หายจากการก่อสร้างกาแพงกนั คลนื่ จนทาใหเ้ กดิ การกดั เซาะชายฝง่ั ๓) เร่งหามาตรการในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งในพ้ืนที่ดังกล่าว ในระยะยาว โดยไม่สง่ ผลกระทบต่อเน่อื งจนทาให้เกดิ การกัดเซาะชายฝ่ังในพน้ื ที่ใกล้เคยี ง (๕) กรณีข้อพิพาทที่ดินงอกริมตล่ิงระหว่างกรมเจ้าท่ากับประชาชน บ้านบอ่ นนท์ หมทู่ ่ี ๑๐ ตาบลทา่ ศาลา อาเภอท่าศาลา จงั หวดั นครศรธี รรมราช บา้ นบอ่ นนท์ตงั้ อยู่ในตาบลท่าศาลา อาเภอท่าศาลา จังหวดั นครศรธี รรมราช มีประชากรประมาณ ๒,๐๐๐ กว่าคน จานวน ๒๑๕ ครัวเรือน โดยประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ ทาประมง ทั้งน้ี กรณีข้อเท็จจริงและผลกระทบท่ีได้รับจากขอ้ พิพาทที่ดินงอกริมตล่ิงระหว่างกรมเจ้าท่า กับประชาชนบ้านบ่อนนท์เกิดจากการที่องค์การบริหารส่วนตาบลท่าศาลาได้ทาถนนเลียบชายหาด ตดั ผ่านบริเวณหน้าท่ดี นิ ของชาวบ้านทต่ี ดิ อยู่ชายทะเล ทาใหเ้ กดิ ทงี่ อกบริเวณดังกล่าว ประชาชนในพ้นื ท่ี จึงมาจับจองพื้นที่ในการสร้างร้านอาหาร ร้านค้าขายของ และท่ีพักบริเวณริมชายหาด เพ่ือประกอบ อาชีพ ซ่ึงส่งผลให้พ้ืนท่ีบริเวณชายหาดบ่อนนท์กลายเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวบ้าน ช่วยส่งเสริม การท่องเท่ียว และช่วยลดการเกิดอาชญากรรม แต่ต่อมากรมเจ้าท่าได้มีการปักหลักเขตควบคุมทางน้า ในพื้นท่ี และได้มีคาสั่งจากสานักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขานครศรีธรรมราชให้ร้ือถอนส่ิงปลูกสร้าง ล่วงล้าลาแม่น้าออกไปจากริมชายหาดบ้านบ่อนนท์ จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันหามาตรการ บรรเทาปญั หาและความเดอื ดรอ้ นของประชาชนผู้ไดร้ ับผลกระทบจากกรณีดงั กลา่ ว (๖) กรณีขอ้ เสนอของภาคประชาชนตอ่ การแก้ไขปัญหาการกดั เซาะชายฝ่ัง อย่างยงั่ ยนื ในพื้นทจี่ ังหวัดปัตตานี ด้วยเครอื ข่ายประชาชนป้องกนั การกดั เซาะชายฝั่งอยา่ งย่ังยนื จงั หวดั ปตั ตานี ซง่ึ เปน็ การรวมตวั ของเยาวชน กลุม่ องคก์ ร และภาคประชาชน จานวน ๒๓ องค์กร มคี วามเห็นร่วมกนั วา่
๔๗ เพื่อการฟื้นฟู และแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝ่ังทะเลของประเทศไทยอย่างยั่งยืน รัฐบาลควรต้องเร่ง ดาเนนิ การ ดังนี้ ๑) ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสานักนโยบาย และแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นาโครงการหรือกิจการประเภทกาแพงกันคล่ืนกลับเข้าไป เป็นโครงการที่ต้องจัดทารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบส่ิงแวดล้อม (EIA) เพ่ือเป็นหลักประกันสิทธิ ตามรัฐธรรมนูญใหแ้ ก่ประชาชน และเพือ่ ป้องกันความเสียหายทอ่ี าจเกิดข้นึ ตอ่ สิ่งแวดลอ้ มและชมุ ชนชายฝัง่ ๒) ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม และหน่วยงานที่เก่ียวข้อง ระงับการดาเนินโครงการปอ้ งกนั การกดั เซาะชายฝง่ั ในพ้ืนที่ชายหาดท่วั ประเทศไทยท่ีกาลงั มีการดาเนินการ อยู่ในปัจจุบัน เพื่อป้องกันการทาลายชายหาดด้วยโครงสร้างป้องกันชายฝั่งของรัฐ และไม่ให้เกิดการใช้ งบประมาณอย่างฟุ่มเฟือย ซ่ึงไม่ได้เกิดประโยชน์ในการป้องกันการกัดเซาะชายฝ่ัง แต่เป็นการซ้าเติม เพิ่มปัญหาการกดั เซาะชายฝงั่ ใหท้ วีความรุนแรงเพม่ิ ขน้ึ ๓) รัฐบาลต้องผลักดันให้เกิดการใช้มาตรการช่ัวคราวที่สามารถรื้อถอน ได้เมื่อผ่านมรสุมไป อย่างท่ีปรากฏชัดเจนในหลายพื้นที่ชายหาดของประเทศไทยว่า การกัดเซาะชายฝ่งั ในหลายพ้ืนท่ีเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว ดังน้ัน การใช้มาตรการช่ัวคราวที่เหมาะสมกับสภาพการณ์ และส่ิงแวดล้อมจึงเป็นทางออกท่ีเหมาะสมเพื่อการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งอย่างย่ังยืน โดยส่งเสริม ใหเ้ กดิ การกระจายอานาจสู่ท้องถน่ิ ในการป้องกนั การกัดเซาะชายฝัง่ ชัว่ คราวในช่วงมรสมุ ๔) รัฐบาลต้องส่งเสริมและผลักดันให้มีการใช้มาตรการที่เป็นมิตร กับชายหาด เช่น การเติมทราย การกาหนดแนวถอยร่น การร้ือถอนโครงสร้างป้องกันชายฝั่งที่ไม่จาเป็น และการป้องกันการกดั เซาะตามวถิ ีภมู ิปญั ญาดงั้ เดิม เป็นต้น เพ่ือให้ชายฝั่งไดฟ้ ้ืนคืนและเกิดความสมดลุ โดยทีม่ าตรการเหล่านี้เปน็ มาตรการทกี่ ่อให้เกดิ ความย่ังยนื ต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรชายฝั่ง ๕) รัฐบาลต้องสนับสนุนให้ประชาชนและชุมชนชายฝ่ังสามารถกาหนด เจตจานงของตนเองในการใช้ประโยชน์ทรพั ยากรชายหาดอย่างสมดุลและยั่งยืน รวมทั้งการส่งเสริมใหค้ วามรู้ และรับรองสิทธิชุมชน กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการจัดการ ใช้ประโยชน์ และบารุงรักษา ทรพั ยากรชายหาด ๖) คณะกรรมการทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ังทุกจังหวัดท่ีมีพื้นท่ี ติดชายฝั่งต้องจัดให้มีคณะอนุกรรมการกัดเซาะชายฝั่ง โดยกาหนดให้มีสัดส่วนจากภาคประชาชน ท่มี าจากพนื้ ท่ที ่ีประสบปญั หาการกดั เซาะชายฝ่งั รว่ มเปน็ อนุกรรมการดังกลา่ ว ๗) รัฐบาลควรเร่งตั้งคณะกรรมการศึกษาสภาพปัญหาการกัดเซาะ ชายฝ่ัง เพ่ือรวบรวมการใช้ประโยชน์และจาแนกประเภทการกัดเซาะชายฝ่ัง รวมท้ังศึกษาหาแนวทาง ทีเ่ หมาะสมในการปอ้ งกนั แกไ้ ขปัญหาการกดั เซาะชายฝ่ังอยา่ งย่ังยืน ปัจจุบันจังหวัดปัตตานีมีโครงการขุดลอกอ่าวปัตตานีโดยกรมเจ้าท่า ทาให้เกิดสันทรายขนาดใหญ่กลางอ่าวปัตตานี กระทบต่อการเดินเรือของประชาชนที่ประกอบอาชีพ ประมงชายฝ่ัง การจับสัตว์น้า และระบบนิเวศ ซ่ึงสถานการณ์ดังกล่าวยังไม่ได้รับการแก้ไขแต่อย่างใด จงึ ขอใหห้ น่วยงานทเี่ กยี่ วขอ้ งดาเนนิ การขุดลอกสันทรายออกจากอา่ วปตั ตานีโดยเรว็ ทส่ี ดุ
๔๘ (๗) กรณีปัญหาการใช้พ้ืนที่ชายฝั่งทะเลบริเวณหาดแม่ราพึง หมู่ท่ี ๒ ตาบลแม่ราพงึ อาเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรขี ันธ์ ผู้อานวยการสานักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะ ผู้ได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมเจ้าท่า มีคาสั่งให้ชาวบ้านบ้านป่าสน หมู่ที่ ๒ ตาบลแม่ราพึง อาเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ท่ีอาศัยอยู่ตามแนวชายฝั่งทะเลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช (อ่าวบ่อทองหลาง) ประมาณ ๕๐ หลังคาเรือน ดาเนินการรื้อถอนส่ิงปลูกสร้างล่วงล้าลาน้าออกไปจาก บริเวณดังกล่าวให้เสร็จสิ้นภายในระยะเวลา ๑๘๐ วัน เนื่องจากเป็นการกระทาความผิดตามมาตรา ๑๑๗ แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้าไทย พ.ศ. ๒๔๕๖ โดยสามารถอุทธรณ์หรือโต้แย้งคาสั่ง เป็นหนังสือต่อผู้อานวยการสานักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งจากความเห็น ของคณะอนุกรรมการสิทธิในการจัดการท่ีดินและป่า ในคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ขอให้ชะลอการจับกุม ขับไล่ หรือดาเนินการใด ๆ กับชาวบ้านไว้ก่อน ต่อมาชาวบ้านจึงทาหนังสือ ข อ อุ ท ธ ร ณ์ ค า สั่ ง ให้ รื้ อ ถ อ น สิ่ ง ป ลู ก ส ร้ า ง ล่ ว ง ล้ า ล า น้ า ไ ป ยัง ผู้ อ า น ว ยก า ร ส า นั ก ง า น เ จ้า ท่ า ภู มิ ภ า ค สาขาประจวบคีรีขันธ์ และในวันท่ี ๑๘ สิงหาคม ๒๕๖๔ สานักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาประจวบคีรีขันธ์ ได้แจ้งผลการพิจารณาคาอุทธรณ์แก่ชาวบ้านว่า คาส่ังให้ร้ือถอนสิ่งปลูกสร้างท่ีชาวบ้านครอบครองน้ัน ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ดังนั้น มิอาจเห็นพ้องด้วยกับคาอุทธรณ์ จึงวินิจฉัยยกอุทธรณ์ ทั้งนี้ ผู้เสนอเรื่อง จึงต้องการสะท้อนปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ และขอให้หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องร่วมกัน หาแนวทางแก้ไขปญั หาและเยยี วยาความเดอื ดร้อนของประชาชนผไู้ ด้รบั ผลกระทบจากกรณดี ังกล่าว ๓.๒.๒ แนวทางการแกไ้ ข ๑) ปัญหาเกย่ี วกบั อานาจหนา้ ที่ของหน่วยงานรัฐ ตามที่ประชาชนผู้เสนอเรื่องได้มีหนังสือมายังคณะกรรมาธิการเพ่ือขอให้ ดาเนินการในส่วนท่ีเก่ียวข้องกับการแก้ไขปัญหาคล่ืนทะเลกัดเซาะชายฝั่ง ซ่ึงคณะกรรมาธิการได้เชิญ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมทั้งผู้เสนอเร่ืองมาให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงประกอบการพิจารณา เพ่ือรับฟัง ปัญหาและรว่ มกันหาแนวทางแกไ้ ข สรุปสาระสาคัญได้ ดังน้ี (๑) กรณีขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาศึกษาแนวทาง การก่อสร้างโครงสร้างการป้องกันการกัดเซาะชายฝ่ัง บริเวณบ้านอ่าวเ คย ตาบลม่วงกลวง อาเภอกะเปอร์ จังหวดั ระนอง หน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมเจ้าท่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง มีหน้าที่ อานาจ และภารกิจที่เกี่ยวข้องกัน หากจะดาเนินการแก้ไขปัญหาคล่ืนทะเลกัดเซาะชายฝั่ง ควรบูรณาการการทางานร่วมกัน เพ่ือใหก้ ารแก้ไขปญั หาให้แก่ประชาชนเปน็ ไปอย่างรวดเร็วและเป็นรูปธรรม และเนือ่ งจากมตเิ สียงส่วนใหญ่ ของประชาชนในพื้นท่ีที่ได้รับผลกระทบ เห็นชอบให้กรมเจ้าท่าดาเนินโครงการดังกล่าว กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์ุพืช ควรทาความเข้าใจกับประชาชนให้ทราบถึงข้อขัดข้อง ทท่ี าให้กรมเจา้ ทา่ ไมส่ ามารถดาเนินโครงการได้ เพื่อใหเ้ กดิ ความเข้าใจทตี่ รงกนั ระหว่างหนว่ ยงานของรัฐ และประชาชนในพ้นื ท่ี
๔๙ (๒) กรณีขอให้ระงับการดาเนินโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตล่ิงริมทะเล พร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์ พ้ืนท่ีชายฝั่งหาดมหาราช อาเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ระยะท่ี ๒ และระยะที่ ๓ ของกรมโยธาธิการและผังเมอื ง การจดั ทาโครงการกอ่ สรา้ งเข่ือนป้องกนั ตลงิ่ ริมทะเล พรอ้ มปรบั ปรงุ ภมู ิทศั น์ พื้นที่ชายฝ่ังหาดมหาราช อาเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ระยะที่ ๒ และระยะท่ี ๓ ของกรมโยธาธิการ และผังเมือง จากข้อเท็จจริงมีการคัดค้านจากประชาชนในพ้ืนที่ และถึงแม้ว่าจะไม่ต้องจัดทารายงาน วิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แต่กรมโยธาธิการและผังเมืองก็ควรดาเนินการตามเจตนารมณ์ ของกฎหมาย โดยจะตอ้ งพิจารณาข้อคัดค้านของประชาชนในพ้นื ท่ีดาเนนิ โครงการประกอบดว้ ย (๓) โครงการก่อสร้างเข่ือนป้องกันตล่ิงริมหาดสาเร็จ และหาดสมบูรณ์ ในพ้นื ทีอ่ าเภอท่าชนะ จงั หวัดสรุ าษฎร์ธานี ของกรมโยธาธิการและผงั เมือง การจัดทาโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมหาดสาเร็จในพื้นท่ี หมู่ที่ ๕ ตาบลท่าชนะ อาเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี และโครงการก่อสร้างเข่ือนป้องกันตล่ิง ริมหาดสมบูรณ์ ในพ้ืนท่ีหมู่ที่ ๓ ตาบลวัง อาเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี จากข้อเท็จจริง มีการคัดค้านจากประชาชนในพื้นที่ และถึงแม้ว่าจะไม่ต้องจัดทารายงานวิเคราะห์ผลกระทบส่ิงแวดล้อม (EIA) แต่กรมโยธาธิการและผังเมืองก็ควรดาเนินการตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย โดยจะต้องพิจารณา ขอ้ คดั คา้ นของประชาชนในพ้นื ที่ดาเนินโครงการประกอบด้วย (๔) โครงการก่อสร้างเข่ือนป้องกันการกัดเซาะชายฝ่ังทะเลในพ้ืนท่ีหมู่ที่ ๕ ตาบลหน้าสตน อาเภอหัวไทร จังหวัดนครศรธี รรมราช (ระยะท่ี ๒) การจัดทาโครงการก่อสร้างเขื่อนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเล ในพื้นท่ีหมู่ท่ี ๕ ตาบลหน้าสตน อาเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช จากข้อเท็จจริงมีการร้องเรียน จากประชาชนในพื้นท่ี และถึงแม้ว่าจะไม่ต้องจัดทารายงานวิเคราะห์ผลกระทบส่ิงแวดล้อม (EIA) แต่กรมโยธาธิการและผังเมืองก็ควรดาเนินการตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย โดยจะต้องพิจารณา ข้อคัดค้านของประชาชนในพื้นท่ีดาเนินโครงการประกอบด้วย และหากจาเป็นท่ีจะต้องดาเนินโครงการ ก็ควรกาหนดแนวทางท่ีเหมาะสมและเพียงพอในการป้องกันหรือเยียวยาผลกระทบท่ีอาจเกิดขึ้น จากการดาเนินการน้นั ๒) ปญั หาของประชาชนผ้ไู ดร้ บั ผลกระทบ ตามที่ประชาชนผู้เสนอเร่ืองได้มีหนังสือมายังคณะกรรมาธิการเพื่อขอให้ ดาเนินการในส่วนท่ีเก่ียวข้องกับการแก้ไขปัญหาคลื่นทะเลกัดเซาะชายฝ่ัง ซ่ึงคณะกรรมาธิการได้เชิญ หน่วยงานท่ีเก่ียวข้องพร้อมท้ังผู้เสนอเรื่องมาให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงประกอบการพิจารณา เพ่ือรับฟัง ปัญหาและร่วมกันหาแนวทางแกไ้ ข สรุปสาระสาคัญได้ ดงั นี้ (๑) กรณีขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันพิจารณาศึกษาแนวทาง การก่อสร้างโครงสร้างการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง บริเวณบ้านอ่าวเคย ตาบลม่วงกลวง อาเภอกะเปอร์ จังหวดั ระนอง การดาเนนิ การใด ๆ ท่เี ก่ียวขอ้ งกบั การบรหิ ารจดั การทรพั ยากรทางทะเล และชายฝ่ัง จะต้องให้ประชาชน ชุมชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้าไปมีส่วนร่วม ซ่ึงการจัดทา โครงการก่อสร้างโครงสร้างป้องกันการกัดเซาะชายฝ่ัง บริเวณบ้านอ่าวเคย ตาบลม่วงกลวง
๕๐ อาเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง ได้ดาเนินการตามมติเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนในพ้ืนที่ที่ได้รับ ผลกระทบ และเห็นชอบให้กรมเจ้าท่าดาเนินโครงการดังกล่าวจึงถือว่าประชาชนได้เข้าไปมีส่วนร่วม ในการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ังตามท่ีกฎหมายกาหนดไว้แล้ว แต่เนื่องจากโครงการ อาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศชายฝั่ง ซ่ึงขัดกับเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ จึงไม่อาจดาเนินการได้ อย่างไรก็ตามพ้ืนท่ีดังกล่าวจาเป็นต้องได้รับการแก้ไขปัญหา การกัดเซาะชายฝ่ัง โดยใช้รูปแบบที่สอดคล้องกับธรรมชาติ หรือเลียนแบบธรรมชาติ ในรูปแบบ ของมาตรการสีเขียวเพ่ือแก้ไขที่ต้นเหตุของการกัดเซาะชายฝ่ัง ท่ีไม่ส่งผลกระทบให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ตอ่ ระบบนเิ วศชายฝ่ัง เชน่ การทารัว้ ไม้ดักตะกอนทราย และการปลกู ปา่ เพื่อฟืน้ ฟูชายหาด เป็นตน้ (๒) กรณีขอให้ระงับการดาเนินโครงการก่อสร้างเข่ือนป้องกันตล่ิงริมทะเล พร้อมปรับปรุงภูมิทัศน์ พ้ืนท่ีชายฝ่ังหาดมหาราช อาเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ระยะท่ี ๒ และระยะท่ี ๓ ของกรมโยธาธิการและผงั เมือง กรณีพื้นที่ชายฝ่ังหาดมหาราช ที่มีข้อขัดแย้งระหว่างประชาชน และหน่วยงานของรัฐ ควรดาเนินการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี เพื่อให้เกิดการประนีประนอม โดยการท่ีหน่วยงานของรัฐต้องรับฟังข้อคัดค้านของประชาชนและประชาชนต้องรับฟังคาอธิบาย จากหน่วยงานของรัฐ ซ่ึงหากพ้ืนที่ชายฝั่งหาดมหาราชจาเป็นต้องได้รับการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝ่ัง ควรจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย ประชาชน และชุมชนท่ีเก่ียวข้องก่อน เพื่อนามา ประกอบการพิจารณาดาเนินโครงการใด ๆ ทั้งน้ี เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย รวมทั้งจะช่วยลดข้อขัดแย้งระหว่างประชาชนกับหน่วยงานของรัฐ โดยโครงการท่ีจะจัดทา ควรเป็นโครงการในลักษณะที่ใช้รูปแบบท่ีสอดคล้องกับธรรมชาติ หรือเลียนแบบธรรมชาติ ในรูปแบบ ของมาตรการสีเขยี วเพ่ือแก้ไขทีต่ ้นเหตุของการกัดเซาะชายฝั่ง ท่ีไม่ส่งผลกระทบให้เกิดการเปล่ียนแปลง ตอ่ ระบบนเิ วศชายฝั่ง เช่น การทาร้ัวไม้ดักตะกอนทราย และการปลูกปา่ เพอื่ ฟื้นฟูชายหาด เป็นตน้ (๓) กรณีโครงการก่อสร้างเข่ือนป้องกันตล่ิงริมหาดสาเร็จ และหาดสมบูรณ์ ในพน้ื ท่อี าเภอท่าชนะ จงั หวัดสุราษฎรธ์ านี ของกรมโยธาธิการและผงั เมอื ง กรณีพ้ืนท่ีหาดสาเร็จและหาดสมบูรณ์ ที่มีข้อขัดแย้งระหว่างประชาชน และหน่วยงานของรัฐ ควรดาเนินการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธี เพ่ือให้เกิดการประนีประนอม โดยการท่ีหน่วยงานของรัฐต้องรับฟังข้อคัดค้านของประชาชนและประชาชนต้องรับฟังคาอธิบาย จากหน่วยงานของรัฐ ซ่ึงหากพื้นท่ีชายฝ่ังหาดสาเร็จและหาดสมบูรณ์จาเป็นต้องได้รับการแก้ไขปัญหา การกัดเซาะชายฝั่ง ควรจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย ประชาชน และชุมชน ที่เก่ียวข้อง ให้ท่ัวถึงทุกภาคส่วนก่อน เพ่ือนามาประกอบการพิจารณาดาเนนิ โครงการใด ๆ ทั้งน้ี เพื่อให้ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย รวมทั้งจะช่วยลดข้อขัดแย้งระหว่างประชาชนกับหน่วยงานของรัฐ โดยโครงการที่จะจัดทา ควรเป็นโครงการในลักษณะที่ใช้รูปแบบท่ีสอดคล้องกับธรรมชาติ หรือเลียนแบบ ธรรมชาติ ในรูปแบบของมาตรการสีเขียวเพื่อแก้ไขท่ีต้นเหตุของการกัดเซาะชายฝั่ง ที่ไม่ส่งผลกระทบ ให้เกดิ การเปลย่ี นแปลงตอ่ ระบบนเิ วศชายฝ่งั เชน่ การทารั้วไม้ดักตะกอนทราย และการปลูกปา่ เพ่อื ฟื้นฟู ชายหาด เป็นตน้
๕๑ (๔) กรณีโครงการก่อสร้างเข่ือนป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งทะเลในพื้นท่ี หม่ทู ่ี ๕ ตาบลหนา้ สตน อาเภอหวั ไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช (ระยะท่ี ๒) กรณีพืน้ ที่หมู่ที่ ๕ ตาบลหน้าสตน อาเภอหวั ไทร จังหวดั นครศรีธรรมราช ท่ีมีข้อขัดแย้งระหวา่ งประชาชนและหน่วยงานของรัฐ ควรดาเนินการแก้ไขปญั หาโดยสันตวิ ิธี เพื่อให้เกิด การประนีประนอม โดยการท่ีหน่วยงานของรัฐต้องรับฟังข้อคัดค้านของประชาชนและประชาชน ต้องรับฟังคาอธิบายจากหน่วยงานของรัฐ ซึ่งหากพ้ืนที่ดังกล่าวจาเป็นต้องได้รับการแก้ไขปัญหา การกัดเซาะชายฝ่ัง ควรจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย ประชาชน และชุมชน ท่ีเก่ียวข้อง ให้ทั่วถึงทุกภาคส่วนก่อน เพ่ือนามาประกอบการพิจารณาดาเนนิ โครงการใด ๆ ท้ังน้ี เพื่อให้ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย รวมทั้งจะช่วยลดข้อขัดแย้งระหว่างประชาชนกับหน่วยงานของรัฐ และหากจาเป็นท่ีจะต้องดาเนินโครงการ ก็ควรกาหนดแนวทางท่ีเหมาะสมและเพียงพอในการป้องกัน หรือเยียวยาผลกระทบทอ่ี าจเกดิ ขึน้ จากการดาเนนิ การ ๓.๓ การพฒั นาทรพั ยากรธรรมชาติทางทะเลของประเทศไทย ๑) ทรัพยากรปา่ ชายเลน ปา่ ชายหาด และปา่ พรุ ข้อมูลจากการแปลภาพถ่ายดาวเทียมรายละเอียดสูงของกรมทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่ง ร่วมกับสานักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ในปี ๒๕๖๓ พบว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีพ้ืนท่ีป่าชายเลนคงสภาพท้ังหมดประมาณ ๑,๗๓๗,๐๑๙.๗๕ ไร่ กระจายอยบู่ ริเวณชายฝั่งทะเลภาคตะวนั ออก ภาคกลาง และภาคใต้รวม ๒๔ จงั หวดั ไดแ้ ก่ จังหวัดตราด จังหวัดจันทบุรี จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดสมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดเพชรบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดชุมพร จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดพัทลุง จังหวัดสงขลา จังหวัดปัตตานี จังหวัดสตูล จังหวัดตรัง จังหวัดกระบี่ จังหวัดภูเก็ต จังหวัดพังงา จังหวัดระนอง และจังหวัดนราธิวาส ซ่ึงจังหวัด ที่มีพื้นท่ีป่าชายเลนมากท่ีสุด คือ จังหวัดพังงา มีพื้นที่ป่าชายเลนคงสภาพจานวน ๒๘๘,๔๔๓.๘๗ ไร่ รองลงมาคือ จังหวดั สตลู ทีม่ พี ้ืนทปี่ ่าชายเลนคงสภาพ ๒๓๙,๕๗๖.๒๘ ไร่ ข้อมูลสภาพพื้นที่ป่าไม้ ปี ๒๕๖๓ พบว่า ประเทศไทยมีพ้ืนท่ีป่าชายหาดท่ีอยู่ใน ความรับผิดชอบของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จานวน ๔๐,๒๓๓.๖๔ ไร่ กระจายอยู่ในพื้นที่ ๑๘ จังหวัดชายฝั่งทะเล โดยจังหวัดที่มีพื้นที่ป่าชายหาดมากท่ีสุด คือ จังหวัดพังงา มีพ้ืนที่ป่าชายหาด จานวน ๑๙,๙๖๑.๔๖ ไร่ รองลงมา คือ จังหวัดกระบ่ี มีพ้ืนท่ีป่าชายหาดจานวน ๓,๗๑๒.๔๗ ไร่ ป่าชายหาดในประเทศไทยส่วนใหญ่ถูกทาลายจนเหลือเป็นผืนเล็กผืนน้อย เนื่องจากมีพันธ์ุไม้ที่มีคุณค่า ทางเศรษฐกิจอยู่น้อยชนิด ไม่ค่อยได้รับความสนใจในการอนุรักษ์ ประกอบกับป่าชายหาดส่วนใหญ่ อยู่ใกล้ทะเล จึงถูกปรับเปล่ียนไปใช้ประโยชน์ด้านอื่น เช่น ก่อตั้งชุมชน ท่าเทียบเรือ สถานท่ีพัก และสถานท่ที ่องเทย่ี ว เป็นต้น ข้อมูลสภาพพ้ืนท่ีป่าไม้ ปี ๒๕๖๓ พบว่า ประเทศไทยมีพ้ืนที่ป่าพรุอยู่ใน ความรับผิดชอบของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง จานวน ๓๒,๙๘๙.๔๒ ไร่ กระจายอยู่ในพ้ืนที่ ๑๒ จังหวัดชายฝั่งทะเล โดยจังหวัดท่ีมีพื้นท่ีป่าพรุมากท่ีสุด คือ จังหวัดสงขลา มีพื้นท่ีป่าพรุ จานวน ๑๒,๘๑๔.๙๘ ไร่ รองลงมาคือ จังหวดั นราธิวาส มพี ้ืนท่ีปา่ พรุ จานวน ๘,๖๕๐.๑๕ ไร่
๕๒ ๒) ทรัพยากรปะการัง จากการสารวจแนวปะการังในประเทศไทยของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง พบปะการังประมาณ ๒๘๐ ชนิด จาก ๑๘ วงศ์ ๗๑ สกุล (ชนิดพันธ์ุปะการังที่พบได้ท่ัวโลกประมาณ ๘๐๐ ชนิด) โดยปะการังชนิดเด่น ได้แก่ ปะการังโขด ปะการังเขากวาง ฯลฯ ซึ่งแนวปะการัง เป็นทรัพยากรและระบบนิเวศท่ีมีความอุดมสมบูรณ์ มีความสาคัญในการเป็นแหล่งอาศัยของส่ิงมีชีวิต นานาชนิดต้งั แตช่ ่วงวยั ออ่ นจนถึงตัวเต็มวัย เป็นแหล่งอาหารและทารายได้ใหแ้ กช่ ุมชน รวมทง้ั ความสาคญั ในแง่ความผูกพันระหว่างระบบนิเวศกับวิถีชีวิตชุมชนชายฝ่ัง ความสาคัญด้านเศรษฐกิจระดับประเทศ เช่น การทาประมง และอุตสาหกรรมการท่องเท่ียว เป็นต้น นอกจากนี้แนวปะการังยังทาหน้าที่ เสมือนกาแพงท่ีคอยป้องกันการกัดเซาะชายฝ่ังอีกด้วย อย่างไรก็ตามพ้ืนที่เหล่านี้มีแนวโน้ม ได้รับผลกระทบจากกิจกรรมของมนุษย์ค่อนข้างมากทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมถึงการเปล่ียนแปลง ของปัจจัยส่ิงแวดลอ้ มอนั เนอื่ งมาจากการเปล่ียนแปลงสภาพภมู ิอากาศโลก ทาให้เกดิ ความเสื่อมโทรมลง ปัจจุบันประเทศไทยมีพ้ืนท่ีแนวปะการังท้ังส้ินประมาณ ๑๔๙,๐๒๕ ไร่ ส่วนใหญ่ เป็นแนวปะการังที่ก่อตัวริมชายฝ่ังของเกาะหรือตามชายฝั่งแผ่นดินใหญ่ นอกจากนี้ยังมีแนวปะการังชายฝั่ง บางส่วน และแนวปะการังบริเวณกองหินใต้น้า โดยเฉพาะบริเวณที่อยู่ห่างไกลจากฝั่งและน้าลึก ๆ ท่ยี งั ไมไ่ ด้ทาการสารวจ (เนือ่ งจากตอ้ งใชเ้ ทคโนโลยีข้นั สูงในการสารวจ) ดังนน้ั แนวปะการังทีด่ าเนินการ สารวจส่วนใหญ่จะเป็นแนวปะการังใกล้ฝ่ังท่ีพบตามชายฝั่งของแผ่นดินใหญ่หรือตามเกาะแก่งต่าง ๆ โดยมีการแพรก่ ระจายอยูใ่ น ๒ พ้ืนท่ีหลัก ได้แก่ ๑) แนวปะการังฝั่งอ่าวไทย มีพ้ืนที่แนวปะการงั ทัง้ หมด ๗๕,๖๖๐ ไร่ ประกอบด้วย อ่าวไทยฝ่ังตะวันออก มีแนวปะการังกระจายอยู่ตามรอบเกาะต่าง ๆ รวมประมาณ ๑๐๐ เกาะ ตั้งแต่จังหวัดตราด จังหวัดจันทบุรี จังหวัดระยอง จนถึงจังหวัดชลบุรี อ่าวไทยตอนกลาง ซ่ึงส่วนใหญ่พบแนวปะการังอยู่บริเวณรอบเกาะต่าง ๆ ประมาณ ๑๕๐ เกาะ ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดชุมพร และจังหวัดสุราษฎร์ธานี และอ่าวไทยตอนล่าง มีแนวปะการัง กระจายอยู่เล็กน้อยตามเกาะซ่ึงส่วนใหญ่เป็นเกาะขนาดเล็กและกองหินต่าง ๆ ในจังหวัด นครศรีธรรมราช จังหวัดสงขลา จังหวัดปัตตานี และจังหวัดนราธิวาส และ ๒) แนวปะการังฝั่งทะเล อันดามัน มีพ้ืนที่แนวปะการังทั้งหมด ๗๓,๓๖๕ ไร่ ประกอบด้วย แนวปะการังท่ีอยู่บริเวณชายฝ่ัง และเกาะตา่ ง ๆ ในจังหวัดระนอง จังหวัดพังงา จงั หวดั ภเู กต็ จงั หวัดกระบี่ จังหวัดตรัง และจงั หวดั สตลู ๓) ทรพั ยากรหญา้ ทะเล แหล่งหญ้าทะเลพบเจริญเติบโตในบริเวณชายฝ่ังทะเลน้าต้ืน แพร่กระจาย ท้ังในแหล่งน้ากร่อยบริเวณปากแม่น้า ชายฝ่ังท่ีมีพ้ืนทรายหรือทรายปนโคลน หรือข้ึนปะปน กับแนวปะการัง ในปี ๒๕๖๓ พบหญ้าทะเลมีเน้ือท่ีรวม ๑๐๔,๗๗๘ ไร่ คิดเป็นร้อยละ ๖๕.๕ ของพื้นที่ มศี ักยภาพเป็นแหล่งหญ้าทะเล (๑๕๙,๘๒๙ ไร)่ โดยเพิ่มข้ึนรอ้ ยละ ๑๕.๙ ของเน้อื ท่หี ญา้ ทะเลท่รี ายงาน ไว้ในปี พ.ศ. ๒๕๖๒ (๙๐,๓๙๗ ไร่) จากข้อมูลสรุปจากการสารวจและติดตามสถานภาพแหล่งหญ้าทะเล ในรอบการสารวจล่าสุด (ปี ๒๕๖๒-๒๕๖๓) เปรียบเทียบกับข้อมูลจากการสารวจในอดีตต้ังแต่ปี ๒๕๔๖ ถึงปัจจุบัน พบหญ้าทะเลทั้งหมด ๑๒ ชนิด ได้แก่ หญ้าชะเงาใบมน หญ้าชะเงาใบฟันเลื่อย หญ้าคาทะเล หญ้าเงาแคระหรือหญ้าใบพาย หญ้าเงาใส หญ้าเงาใบใหญ่ หญ้าเงาใบเล็ก หญ้าเงาหรือหญ้าใบมะกรูด หรือหญ้าอาพัน หญ้ากุยช่ายเข็ม หญ้ากุยช่ายทะเล หญ้าต้นหอมทะเล และหญ้าชะเงาเต่า ไม่พบเพียง หญ้าตะกานนา้ เคม็ ซ่ึงเดิมเคยมีรายงานวา่ พบได้ในสภาพแวดลอ้ มธรรมชาตบิ ริเวณแปลงปลูกป่าชายเลน
๕๓ จังหวัดเพชรบุรี แต่ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวมีสภาพแวดล้อมที่เปล่ียนแปลงไป ต้นไม้ป่าชายเลนเติบโตขึ้น จนบดบังแสง ไม่เหมาะต่อการเจริญเติบโตของหญ้าทะเล โดยพบหญ้าทะเลครอบคลุม ๑๗ จังหวัด ชายฝั่งทะเล ประกอบด้วย ๑๑ จังหวัดฝ่ังอ่าวไทย ได้แก่ จังหวัดตราด จังหวัดจันทบุรี จังหวัดระยอง จังหวัดชลบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดชุมพร จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดสงขลา จังหวัดปัตตานี จังหวัดนราธิวาส และ ๖ จังหวัดฝั่งอันดามัน ได้แก่ จังหวัดระนอง จังหวดั พงั งา จงั หวัดภเู ก็ต จงั หวัดกระบ่ี จังหวัดตรงั และจังหวัดสตลู ท้ังนี้ แหล่งหญ้าทะเลผืนใหญ่ท่ีสุดในน่านน้าไทย คือ บริเวณเกาะลิบง จังหวัดตรัง และยังมีแหล่งหญ้าทะเลท่ีสาคัญทางฝ่ังอ่าวไทยและทะเลอันดามันอีกหลายพ้ืนที่ เช่น อ่าวบ้านดอน จังหวัดสุราษฎร์ธานี อ่าวทุ่งคา-สวี จังหวัดชุมพร อ่าวคุ้งกระเบน จังหวัดจันทบุรี เกาะศรีบอยา-เกาะปู จังหวัดกระบ่ี เกาะพระทองและพื้นท่ีใกล้เคียง จังหวัดพังงา และอ่าวป่าคลอก จังหวัดภูเก็ต เป็นต้น อย่างไรกต็ าม ไม่มกี ารพบหญา้ ทะเลบริเวณจังหวัดชายฝั่งในพ้ืนท่อี ่าวไทยรูปตวั ก เนื่องจากสภาพแวดล้อม ไม่เออ้ื ต่อการเจรญิ เตบิ โตของหญา้ ทะเล ๔) ทรัพยากรสตั ว์ทะเลหายาก สัตว์ทะเลหายากหมายถึงสัตวท์ ะเลที่มีสภาวะถูกคุกคามและมีแนวโนม้ ใกล้สูญพันธุ์ รายงานฉบับนีค้ รอบคลุมกลุม่ สัตว์ทะเล ๔ กลมุ่ ได้แก่ เตา่ ทะเล พะยนู โลมาและวาฬ และกลุ่มปลากระดกู ออ่ น ได้แก่ ฉลามวาฬ และกระเบนแมนต้า ทั้งหมดถูกจัดเป็นสัตว์ป่าสงวนและคุ้มครองตามพระราชบัญญัติ สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. ๒๕๖๒ ว่าด้วยการห้ามล่า ห้ามค้า ห้ามครอบครอง ห้ามเพาะพันธ์ุ โดยมีผลครอบคลุมไปถึงไข่ ซาก ตลอดจนชิ้นส่วนต่าง ๆ ของสัตว์เหล่านั้นด้วย โดยมีพะยูน วาฬบรูด้า วาฬโอมูระ เต่ามะเฟือง และฉลามวาฬ เป็นสัตว์ป่าสงวน และสัตว์ทะเลหายากชนิดอื่นขึ้นบัญชี เป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง นอกจากนี้สัตว์ทะเลหายากดังกล่าวยังได้รับการคุ้มครองตามอนุสัญญา ว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซ่ึงพันธ์ุพืชป่าและสัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธ์ (CITES) โดยเต่าทะเลทุกชนิด พะยูน และโลมาอิรวดี จัดอยู่ในรายชื่อ CITES บัญชี ๑ เนื่องจากอยู่ในภาวะใกล้สูญพันธ์ุอย่างย่ิง (Critically Endangered, CR) ส่วนโลมาและวาฬชนิดอนื่ ๆ รวมถึงฉลามวาฬ จดั อยู่ใน CITES บญั ชี ๒ เต่าทะเล แม้ว่าจะพบการแพร่กระจายของเต่าทะเลในประเทศไทย ๕ ชนิด ได้แก่ เตา่ ตนุ เตา่ กระ เตา่ หญ้า เต่ามะเฟือง และเต่าหวั คอ้ น แตพ่ บการวางไขข่ องเตา่ ทะเลเพียง ๔ ชนิดเทา่ นน้ั คือ เต่าตนุ เต่ากระ เต่าหญ้า และเต่ามะเฟือง โดยปีงบประมาณ ๒๕๖๓ พบการวางไข่ของเต่าทะเล ๔๙๑ รัง เป็นเต่าตนุ ๒๔๐ รัง เต่ากระ ๒๓๔ รัง เต่าหญ้า ๑ รัง และเต่ามะเฟือง ๑๖ รัง โดยจานวนครั้ง การวางไข่ของเต่าตนุค่อนข้างคงท่ี ขณะท่ีเต่ากระมีการวางไข่เพิ่มข้ึน ในขณะที่จานวนครั้งการวางไข่ ของเต่าหญ้ามีจานวนลดลง ส่วนเต่ามะเฟืองพบว่ามีแนวโน้มเพ่ิมขึ้น โดยเฉพาะในปี ๒๕๖๓ มีการข้ึนมา วางไข่ของเต่ามะเฟืองจานวน ๑๖ รัง เป็นการเพ่ิมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พ้ืนท่ีการวางไข่ของเต่ามะเฟือง และเต่าหญ้า จะพบวางไข่เฉพาะชายหาดบนแผ่นดินใหญ่ทางฝ่ังทะเลอันดามัน สา หรับเต่าตนุ และเต่ากระพบวางไข่บนชายหาดของแผ่นดินใหญ่และชายหาดของเกาะต่าง ๆ ทั้งบริ เวณอ่าวไทย และทะเลอันดามัน พะยูนในประเทศไทยแพร่กระจายอยู่บริเวณแหล่งหญ้าทะเลทั้งอ่าวไทยและอันดามัน แบ่งเป็นกลุ่มประชากรย่อย ๑๓ กลุ่ม ประกอบด้วย ๑) เกาะลิบง เกาะมุก และอ่าวสิเกา จังหวัดตรัง ๒) เกาะศรีบอยา เกาะปู เกาะจา และอ่าวนาง จังหวัดกระบี่ ๓) เกาะยาวน้อย เกาะยาวใหญ่ อ่าวพังงา
๕๔ จังหวัดพังงา และอ่าวป่าคลอก จังหวัดภูเก็ต ๔) เกาะลิดี และเกาะสาหร่าย จังหวัดสตูล ๕) เกาะพระทอง จังหวัดพงั งา ๖) เกาะกรูด จังหวดั ตราด ๗) อ่าวคุ้งกระเบน จังหวดั จันทบรุ ี ๘) ปากนา้ ประแส จังหวดั ระยอง ๙) อ่าวสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ๑๐) อ่าวทุ่งคาสวี จังหวัดชุมพร ๑๑) อ่าวบ้านดอน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ๑๒) อ่าวปัตตานี จังหวัดปัตตานี และ ๑๓) อ่าวเตร็ด จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยในปีงบประมาณ ๒๕๖๓ สารวจพบพะยูนรวมประมาณ ๒๕๕ ตัว และแม้ว่าจากการสารวจจะพบว่าประชากรพะยูน มีแนวโน้มเพิ่มจานวนมากขึ้นกวา่ ในอดตี แตป่ จั จบุ ันพบว่า อัตราการเกยต้ืน หรอื อัตราการตายของพะยนู ก็ยังมีอยู่ทุกปี ซ่ึงมีสาเหตุการตายจากเคร่ืองมือประมง การเจ็บป่วยด้วยสาเหตุต่าง ๆ การกินขยะ พลาสติก หรือสาเหตุอื่น ๆ ดังน้ัน การผลักดันแผนอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติ จึงมีความสาคัญ ในการยกระดับการอนุรกั ษ์พะยนู และแหล่งท่อี ย่อู าศัยตามแผนยุทธศาสตรช์ าติดา้ นทะเลและแผนปฏิรูป ประเทศ ซ่ึงแผนดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ในการอนุรักษ์และคุ้มครองพะยูนและแหล่งท่ีอยู่อาศัย ในประเทศไทย และสนับสนุนการดาเนินงานศึกษาวิจัยพะยูนและแหล่งท่ีอยู่อาศัย รวมถึงการสร้าง จิตสานึกและสง่ เสริมการมสี ่วนรว่ มในการอนรุ กั ษ์และดแู ลพะยนู และแหลง่ ทอี่ ยูอ่ าศัยของทอ้ งถนิ่ โลมาและวาฬ ในประเทศไทยพบ ๒๗ ชนิด แบ่งเป็นกลุ่มที่อยู่ประจาถ่ินใกล้ฝ่ัง และกลุ่มที่มีการอพยพย้ายถิ่นระยะไกลซึ่งมักอาศัยบริเวณไกลฝ่ัง ชนิดโลมาและวาฬที่มีการศึกษา ในเชิงสถานภาพและการแพร่กระจายจากัดอยู่ในกลุ่มประชากรใกล้ฝั่ง ๙ ชนิด ได้แก่ โลมาปากขวด โลมาหัวบาตรหลงั เรียบ โลมาหลงั โหนก โลมาอริ วดี โลมาลายจดุ โลมาลายแถบ โลมากระโดด วาฬบรดู า้ และโอมูระ กลุ่มโลมาและวาฬอีก ๑๘ ชนิด ได้แก่ วาฬสีน้าเงิน วาฬฟิน วาฬหลังค่อม วาฬหัวทุย วาฬหัวทุยเล็ก วาฬหัวทุยแคระ วาฬกิงโก วาฬคูเวียร์ วาฬเบลนวิล วาฬเพชรฆาต วาฬนาร่อง วาฬเพชรฆาตรดา วาฬเพชรฆาตรเล็ก วาฬหัวแตงโม โลมาฟันห่าง โลมาฟราเซอร์ โลมาริสโซ และโลมา ปากยาว โดยปีงบประมาณ ๒๕๖๓ พบโลมาและวาฬจานวน ๓,๐๒๕ ตัว กลุ่มโลมาท่ีมีจานวนมากท่สี ุด คือ โลมาอิรวดี รองลงมา คือ โลมาหัวบาตรหลังเรียบ โลมาหลังโหนก โลมากลุ่มสตีเนลลา และโลมา ปากขวด วาฬเพชฌฆาตดา และวาฬบรูด้า ตามลาดับ ซ่ึงจากการสารวจพบว่า จานวนรวมของโลมา และวาฬฝ่ังอ่าวไทยมากกว่าฝั่งทะเลอันดามัน ประมาณ ๒ เท่า เมื่อพิจารณาจากกลุ่มประชากรโลมา และวาฬ พบว่า จะพบกลุ่มประชากรโลมาและวาฬชายฝ่ังทางฝ่ังทะเลอ่าวไทยมากกว่าทะเลอันดามัน แตก่ ลุ่มประชากรโลมาและวาฬทอ่ี ยหู่ า่ งฝง่ั ฝัง่ ทะเลอันดามนั จะมีจานวนมากกว่าฝั่งอา่ วไทย กลมุ่ ปลากระดูกออ่ น ท่ีมีการศึกษาในเชิงสถานภาพและการแพร่กระจายและพบเหน็ ได้บ่อยในแหล่งดาน้าสาคัญ ๒ ชนิด ได้แก่ ฉลามวาฬ และกระเบนแมนต้า ฉลามวาฬพบเห็นได้บ่อย ในแหล่งดาน้าสาคัญของประเทศไทย การสารวจฉลามวาฬจาเปน็ อย่างย่ิงท่ตี ้องอาศยั เครือข่ายนักดานา้ ในการแจ้งขา่ ว รวมถงึ การรวบรวมข้อมลู จากส่ือสังคมออนไลน์ โดยปีงบประมาณ ๒๕๖๓ พบฉลามวาฬ จานวน ๘๖ ตัว ทั้งฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามนั ส่วนกระเบนแมนตา้ มีอตั ราการพบเห็นบริเวณฝ่งั อันดามัน มากกว่าอ่าวไทย โดยพบมากบริเวณเกาะตาชัยและกองหินม่วงหินแดง สาหรับอ่าวไทยมีข้อมูล การพบเห็นบริเวณเกาะเต่าและเกาะโลซิน ถึงแม้ว่าการระบุอัตลักษณ์เพ่ือใช้ในการประเมิน จานวนประชากรสามารถทาได้ แต่การได้ภาพถ่ายที่เหมาะสมบริเวณด้านท้องของกระเบนแมนต้า คอ่ นขา้ งทาได้ยาก จงึ ไมส่ ามารถบ่งบอกถงึ จานวนประชากรที่ชดั เจนได้
๕๕ ๓.๔ ปญั หาและอปุ สรรคในการพฒั นาทรพั ยากรธรรมชาตทิ างทะเล ๑) ทรัพยากรป่าชายเลน ปา่ ชายหาด และป่าพรุ การทาลายแนวป้องกันการกัดเซาะตามธรรมชาติ เช่น การทาลายป่าชายเลน และป่าชายหาดแนวสันทราย เป็นต้น โดยการบุกรุกทาลายพ้ืนที่ป่าชายเลน มักพบในบริเวณชายฝั่ง ท่ีเป็นหาดโคลนและใกล้ปากแม่น้า ซ่ึงโดยปกติแนวป่าชายเลนจะทาหน้าที่เป็นแนวป้องกันคลื่นลม ดักตะกอนเลน รักษาแนวชายฝั่งไว้ตามธรรมชาติ เม่ือเกิดการบุกรุก ทาลาย หรือเปล่ียนแปลงสภาพ แนวป่าชายเลนเพ่ือการใช้ประโยชน์พื้นท่ี เช่น เป็นที่อยู่อาศัย และทาบ่อเลี้ยงกุ้ง เป็นต้น จึงส่งผลให้ เสถียรภาพของชายฝั่งเปราะบางลง ชายฝ่ังพังทลายได้ง่ายข้ึน โดยเฉพาะบริเวณคันบ่อเลี้ยง กุ้ง เมื่อเกิดการพังทลายลงจะทาให้เกิดการกัดเซาะเข้ามาในแนวชายฝั่งตามความยาวของบ่ออย่างรุนแรง สาหรับประเทศไทยพบว่า มีการกัดเซาะเน่ืองจากการบุกรุกทาลายพื้นท่ีป่าชายเลนมาต้ังแต่อดีต ในหลายพ้ืนที่ ได้แก่ พื้นที่อ่าวไทยฝ่ังตะวันออก เช่น จังหวัดตราด จังหวัดจันทบุรี และพื้นท่ีอ่าวไทย ตอนบน จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดสมุทรปราการ กรุงเทพมหานคร จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัด สมทุ รสงคราม เป็นตน้ ๒) ทรพั ยากรปะการงั จากการศึกษาสถานภาพปะการังในบริเวณทะเลฝ่ังอ่าวไทยและอันดามัน พบว่า ในหลายพื้นท่ีมีการเปลี่ยนแปลงสถานภาพของแนวปะการังมแี นวโน้มเสื่อมโทรมลงเล็กนอ้ ย ปัญหาหลกั ที่ยังคงเกิดข้ึนกับแนวปะการังในประเทศไทย นอกเหนือจากปัญหาที่เกิดจากปัจจัยตามธรรมชาติ อันได้แก่ ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวและพายุปาบึกแล้ว ปัจจุบันยังคงมีปัญหาภัยคุกคามท่ีเกิดจาก การกระทาของมนุษย์ โดยปัญหาที่ก่อให้เกิดผลกระทบอย่างชัดเจน ได้แก่ การลักลอบทาการประมง ใกล้แนวปะการังหรือในแนวปะการังตามเกาะท่ีอยู่ห่างไกล และตะกอนจากการพัฒนาชายฝ่ัง เช่น การก่อสร้างท่ีมกี ารเปิดหน้าดิน และการขุดลอกพ้ืนท่ีชายฝ่ังเพ่ือกิจการตา่ ง ๆ เป็นต้น การลักลอบ ปล่อยน้าเสียลงทะเล การทิ้งขยะลงทะเล การลักลอบเก็บปะการังและจับปลาสวยงามเพ่ือการค้า การลกั ลอบร้ือปะการงั ทอ่ี ยู่ติดหาดเพื่อให้เป็นพ้ืนทรายสาหรบั ใหน้ ักทอ่ งเท่ียวลงเล่นนา้ หรือการขดุ ลอก แนวปะการังให้เป็นร่องน้า การท่องเท่ียวในแนวปะการัง หรือผลกระทบที่ก่อให้เกิดความเสียหาย จากนักท่องเท่ียวประเภทดาผิวน้า (Skin diving) ปัญหาที่เกิดจากการดาน้าท่องเท่ียว Sea walker และ Try dive การยืนเหยียบปะการัง การเดินเหยียบย่าและพลิกปะการังเพ่ือหาสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ เช่น หอย หมึกยักษ์ และปลิงทะเล เป็นต้น การร่ัวไหลของน้ามันลงทะเล การชะล้างน้ามันจากเรือประมง การปล่อยน้าท้ิงจากเรือนาเที่ยว และน้าท้ิงจากชายฝ่ัง เช่น บริเวณเกาะเต่า เกาะพะงัน และเกาะสมุย เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ผลกระทบที่ก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างรุนแรงเป็นพื้นที่กว้างครอบคลุม เกือบท่ัวประเทศ คือ ผลกระทบจากการเกดิ ปะการงั ฟอกขาวในปี ๒๕๕๓ ๓) ทรัพยากรหญ้าทะเล ปัญหาหลักท่ีก่อให้เกิดความเสื่อมโทรมของแหล่งหญ้าทะเลสามารถสรุปได้เป็น สองสาเหตุหลัก คือ (๑) สาเหตุจากธรรมชาติ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล หญ้าทะเล จะมีการเปล่ียนแปลงในรอบปีค่อนข้างชัดเจน โดยหากเข้าสารวจในพื้นท่ีช่วงปลายฤดูร้อน หญ้าทะเล ส่วนเหนือพื้นจะหายไปจากพื้นท่ี เหลือแต่รากและส่วนใต้ดิน ส่วนของใบจะแตกยอดใหม่ ในช่วงหมดมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และจะเจริญเติบโตเต็มท่ีในช่วงปลายฤดูมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ
๕๖ และปัญหาคลื่นลมมรสุมที่รุนแรง ทาให้มีการเคล่ือนย้ายของแนวสันทรายและตะกอนตามธรรมชาติ ทับถมแนวหญ้า และ (๒) สาเหตุจากการกระทาของมนุษย์ เช่น การพัฒนาชายฝั่งทุกรูปแบบที่ทาให้ มตี ะกอนในนา้ ทะเลมากข้ึน และการขดุ ลอกรอ่ งน้าเดินเรอื เป็นตน้ รวมถึงการพฒั นาพื้นทใ่ี นทะเลชายฝั่ง เพ่อื การท่องเท่ียว สร้างสะพาน มารีนา่ ท่จี อดเรือ ในอา่ วท่ีมแี หล่งหญ้าทะเล การปลอ่ ยน้าเสยี จากโรงงาน อุตสาหกรรม บ้านเรือนชุมชนขนาดใหญ่ใกล้ชายฝั่ง และจากนากุ้งทาให้คุณภาพน้าทะเลเสื่อมโทรม ทั้งนี้ ในปี ๒๕๖๓ พบแหล่งหญา้ ทะเลที่เสื่อมโทรมลงจากกจิ กรรมต่าง ๆ ของมนุษย์ ดงั น้ี ๓.๑) การพฒั นาพนื้ ท่ชี ายฝ่ังใกลแ้ หล่งหญ้าทะเล แหล่งหญ้าทะเลท่ีอยู่ในเขตชุมชน เขตพัฒนาชายฝ่ังทะเล พบว่า ตามพื้นทะเล บริเวณแหล่งหญ้าทะเลและตามใบหญ้าทะเลจะมีตะกอนมาเกาะและทับถมในปริมาณสูง น้าทะเล มีความขุ่นตลอดเวลา ทาให้ไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ ลดอัตราการเจริญเติบโตของหญ้าทะเล พนื้ ท่ีแหลง่ หญ้าทะเลท่ีไดร้ ับผลกระทบ ไดแ้ ก่ แหลง่ หญา้ ทะเลบรเิ วณหาดบางเสร่-หาดยาว จังหวัดชลบรุ ี หาดพลา จงั หวัดระยอง แหลมกลัด-บา้ นไมร้ ดู จงั หวดั ตราด คลองตากใบ (บา้ นภทั รภคั ดี และบา้ นศาลาใหม่) จังหวัดนราธิวาส บ้านทับละมุ และบ้านท่ามะเนาะ (เกาะยาวน้อย) จังหวัดพังงา อ่าวตังเข็น และอ่าวภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต และหาดนพรัตน์ธารา จังหวัดกระบ่ี นอกจากนี้หากมีปริมาณตะกอนดินในปริมาณที่สูง และมีการทับถมเป็นเวลานานต่อเน่ืองกัน จะทาให้พื้นทะเลเปล่ียนทาให้หญ้าทะเลไม่สามารถ เจรญิ เตบิ โตได้ ๓.๒) การขุดลอกรอ่ งน้าเดนิ เรอื หรอื อยู่ใกลเ้ ส้นทางเดนิ เรอื การขุดร่องน้าผ่านแนวหญ้าทะเล และการเดินเรือผ่านเข้าออกของเรือ ประเภทต่าง ๆ ทาให้แหล่งหญ้าทะเลบริเวณดังกล่าวได้รับผลกระทบจากตะกอนที่ฟุ้งกระจาย ส่งผลต่อการเจริญเติบโตของหญ้าทะเล ทาให้หญ้าทะเลเติบโตช้าและเส่ือมโทรมลง แหล่งหญ้าทะเล ท่ีได้รับผลกระทบ ได้แก่ แหล่งหญ้าทะเลบริเวณอ่าวคั่นกระได จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ บ้านเกาะเตียบ จังหวัดชุมพร เกาะพะงัน (บ้านใต้) จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกาะหนู จังหวัดสงขลา อ่าวปัตตานี จังหวัดปัตตานี คลองตากใบ (บ้านกาปงเจ๊ะเห) จังหวัดนราธิวาส บ้านบางจาก จังหวัดระนอง อ่าวนาง และบ้านบอ่ ม่วง-ปากคลองกะลาเส จังหวัดกระบี่ เกาะสุกร จังหวัดตรัง เกาะตันหยงอุมา และเกาะฮันตู จงั หวัดสตูล ๓.๓) การปล่อยนา้ เสียจากชุมชนชายฝ่ัง และเลนจากการเลย้ี งกงุ้ การปล่อยน้าเสียจากบ้านเรือนชุมชนขนาดใหญ่ใกล้ชายฝ่ัง และตะกอนเลน จากนากุ้ง ทาให้คุณภาพน้าทะเลเส่ือมโทรม ซ่ึงระยะยาวอาจส่งผลต่อการเปล่ียนแปลงคุณภาพน้า และสภาพพื้นทะเลจากตะกอนปริมาณมากที่ไหลลงสู่ลงทะเล โดยพื้นท่ีแหล่งหญ้าทะเลท่ีได้รับ ผลกระทบ ได้แก่ อ่าวบางเสร่ และหน้าโรงพยาบาลอาภากร จังหวัดชลบุรี ปากน้าพังราด อ่าวคุ้งกระเบน จังหวัดจันทบุรี และปากคลองนาทับ จังหวดั สงขลา ๓.๔) สิง่ กอ่ สร้างชายฝั่ง สิ่งก่อสร้างชายฝั่ง เช่น กาแพงกันคล่ืน และท่าเรือ เป็นต้น ทาให้สภาพพื้นที่ เปลี่ยนแปลงไปจนไม่เหมาะต่อการเติบโตของหญ้าทะเล พ้ืนที่แหล่งหญ้าทะเลที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ แหล่งหญ้าทะเลบริเวณหาดชลาลัย จังหวดั นราธิวาส ซ่งึ สภาพพนื้ ทห่ี ญา้ ทะเลกลายเป็นสันทรายที่สะสมตัว จากอิทธิพลของกาแพงกนั คล่ืนทอี่ ยบู่ รเิ วณใกล้เคยี ง
๕๗ ๔) ทรัพยากรสัตว์ทะเลหายาก สถิติการเกยต้ืนของสัตว์ทะเลหายากในช่วง ๑๐ ปีงบประมาณ (ตุลาคม ๒๕๕๓- กันยายน ๒๕๖๓) พบว่า สัตว์ทะเลหายากเกยตื้นรวมท้ังส้ินจานวน ๕,๒๖๓ ตัว คิดเป็นค่าเฉลี่ยปีละ ๒๘๑±๑๗๘ ตัว โดยพบว่า ตั้งแต่ปี ๒๕๕๓-๒๕๖๓ มีแนวโน้มการเกยต้ืนเพิ่มสูงข้ึน พบการเกยต้ืน ของสัตว์ทะเลหายากมากที่สุดในปีงบประมาณ ๒๕๖๓ (๙๐๕ ครั้ง) รองลงมาในปี ๒๕๖๒ (๘๕๐ คร้ัง) ในปีงบประมาณ ๒๕๖๓ เป็นข้อมูลระหว่าง ๑ ตุลาคม ๒๕๖๒ ถึง ๓๐ กันยายน ๒๕๖๓ ซ่ึงในจานวนนี้ ประกอบด้วย เต่าทะเล ๖๑๐ ตัว คิดเป็นร้อยละ ๖๘ โลมาและวาฬ ๒๘๓ ตัว คิดเป็นร้อยละ ๓๑ และพะยูน ๑๒ ตัว คิดเป็นร้อยละ ๑ และในอนาคตคาดว่าแต่ละปีมีแนวโน้มที่สัตว์ทะเลหายากเกยตื้น เพิ่มสูงข้ึนเพราะความเส่ือมโทรมของคุณภาพส่ิงแวดล้อม รวมถึงปัจจัยความเส่ียงที่เกิดตามธรรมชาติ และกจิ กรรมการใชป้ ระโยชน์จากกิจกรรมทางทะเลของมนุษย์ สัตว์ทะเลหายากท่ีพบเกยต้ืนในปีงบประมาณ ๒๕๖๓ ส่วนใหญ่จะเสียชีวิตมาแล้ว เม่ือได้รับแจ้งการเกยตื้น โดยเฉพาะในกลุ่มของพะยูน โลมาและวาฬ ท่ีมีสัดส่วนของการเกยต้ืน แบบเสียชวี ติ หรือเปน็ ซากเฉลี่ยร้อยละ ๙๕ และ ๙๔ ตามลาดับ ในขณะท่เี ต่าทะเลมสี ัดสว่ นของการเกยตื้น แบบมชี ีวติ และออ่ นแอใกล้เคียงกบั การเกยต้ืนแบบเสยี ชวี ติ ทรี่ ้อยละ ๔๙ และรอ้ ยละ ๕๑ ตามลาดบั การเกยต้ืนของพะยูนส่วนใหญ่ร้อยละ ๓๓ มีอาการป่วยทาให้เกิดการเกยต้ืน ซ่ึงส่วนใหญเ่ กดิ จากความผิดปกตขิ องระบบทางเดนิ อาหาร และระบบทางเดนิ หายใจ สาเหตจุ ากการถูกกระแทก ด้วยของแข็งร้อยละ ๑๗ จากการติดเครื่องมือประมงร้อยละ ๑๗ ลูกพะยูนพลัดหลงจากแม่ร้อยละ ๑๖ และสาเหตุจากขยะทะเลร้อยละ ๑๗ เมื่อเปรียบเทยี บกับการเกยตน้ื ของพะยูนในปี ๒๕๖๒ พบว่าอัตรา การติดเครื่องมือประมง และผลกระทบจากขยะทะเล มีแนวโน้มสูงขึ้น ส่วนสาเหตุจากการป่วย การพลดั หลงจากแม่ และการถูกกระแทกดว้ ยสง่ิ ไม่มีคม มแี นวโนม้ ลดลง ในส่วนของโลมาและวาฬสว่ นใหญ่มสี าเหตุมาจากการปว่ ยตามธรรมชาติ และการตดิ เคร่ืองมือประมง ร้อยละ ๔๕ และ ๒๘ ตามลาดับ นอกจากนี้ยังเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ร้อยละ ๒๔ เช่น การถูกฉลามกัด หลงทิศทาง และสาเหตุจากขยะทะเลร้อยละ ๓ เป็นต้น โดยสาเหตุการเกยต้ืน ไม่มแี นวโน้มการเปลยี่ นแปลงเมอื่ เทียบกบั ปีงบประมาณ ๒๕๖๒ สาหรับกลุ่มเต่าทะเลสาเหตุหลักที่ทาให้เต่าทะเลเกยต้ืนในปีงบประมาณ ๒๕๖๓ ได้แก่ ขยะทะเล และติดเครื่องมอื ประมง ที่ร้อยละ ๓๘ และ ๓๕ ตามลาดับ โดยส่วนใหญ่เกดิ จากการพันรดั จากขยะทะเลท่ีเกิดจากกิจกรรมทางประมง และเครื่องมือประมงประเภทอวน พบเต่าทะเลป่วยเกยต้ืน ที่ร้อยละ ๒๒ ซึ่งมักมีอาการอ่อนแรง จมน้า และมีภาวะทุพโภชนาการ นอกจากน้ียังพบจากสาเหตุอื่น ๆ ร้อยละ ๕ ได้แก่ หลงทิศทาง ถูกเรือชนหรือใบพัดเรือ ฉลามกัด เม่ือเปรียบเทียบการเกยตื้น ในปงี บประมาณ ๒๕๖๒ พบว่า มสี ดั สว่ นของสาเหตกุ ารเกยตืน้ ทใ่ี กลเ้ คียงกนั
๕๘ ๔. ผลการพิจารณาศกึ ษาของคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ คณะกรรมาธิการได้จัดทารายงานผลการศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาคลื่นทะเลกัดเซาะ ชายฝ่ังและการพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลอย่างเปน็ ระบบ ซง่ึ สรุปไดด้ งั น้ี ๔.๑ การป้องกันและแกไ้ ขปญั หาการกัดเซาะชายฝ่ัง ๔.๑.๑ การปอ้ งกนั และแกไ้ ขปัญหาการกดั เซาะชายฝ่งั แนวทางการดาเนินกิจกรรมที่เหมาะสมกับพ้ืนท่ีตามมติคณะรัฐมนตรีด้านทรัพยากร ธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม เมื่อวันที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๑ เร่ือง แนวทางการจัดทาแผนงาน/โครงการ ป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง โดยใช้แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง จาแนกออกเปน็ ๔ แนวทาง ดงั น้ี (๑) การปรับสมดุลชายฝ่ังโดยธรรมชาติ (Coastal equilibrium by natural processes) คือ การคงไว้ซ่ึงสภาวะสมดุลพลวัตหรือกระบวนการชายฝั่งตามธรรมชาติเพื่อปล่อยให้ชายฝั่ง ที่เกิดการกัดเซาะ ได้มีการปรับสมดลุ และฟืน้ คนื สภาพธรรมชาติดว้ ยตนเอง โดยการออกมาตรการรกั ษา ความสมบูรณ์ของสภาพธรรมชาติชายฝั่งและกาหนดไม่ให้มีกิจกรรมของมนุษย์ท่ีจะเข้าไปเก่ียวข้ อง หรือรบกวนเสถียรภาพของชายฝ่ัง เช่น การไม่ดาเนินการใด ๆ เพ่ือปล่อยให้ชายฝ่ังที่เกิดการกัดเซาะ ได้มีการปรับเข้าสู่สมดุลตามธรรมชาติ การกาหนดพ้ืนที่ถอยร่น เพ่ือป้องกันผลกระทบจากการกัดเซาะ ชายฝ่งั ทีจ่ ะมตี อ่ มนษุ ย์ เศรษฐกจิ และสงั คม หรือการออกมาตรการค้มุ ครองพ้นื ท่ชี ายฝงั่ เปน็ ตน้ (๒) ก ารป้องกันปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง (Coastal erosion protection) คือ การดาเนนิ กิจกรรมใด ๆ เพ่ือป้องกันพื้นที่ชายฝั่งท่ีมีการกัดเซาะให้มีอัตราการกัดเซาะลดลง รวมท้ัง การดาเนินการในรูปแบบสอดคล้องหรือเลียนแบบธรรมชาติ เช่น การฟื้นฟูชายหาด การปักเสา ดกั ตะกอนเพ่ือปลูกปา่ ชายเลน และการดาเนินการโดยใชร้ ูปแบบโครงสร้างทางวิศวกรรม เช่น เข่อื นกนั คลน่ื นอกชายฝง่ั รอดกั ทราย เขอ่ื นปอ้ งกนั ตลิ่งรมิ ทะเล และกาแพงปอ้ งกนั คลืน่ รมิ ชายหาด เปน็ ตน้ (๓) การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝ่ัง (Coastal erosion solution) คือ การดาเนิน กิจกรรมใด ๆ เพ่ือแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝ่ังในบริเวณชายฝ่ังท่ีถูกกัดเซาะ ทั้งการใช้รูปแบบ ท่ีสอดคล้องธรรมชาติ เลียนแบบธรรมชาติ หรือใช้โครงสร้างทางวิศวกรรม ตลอดจนการแก้ไขท่ีตน้ เหตุ ของการกัดเซาะชายฝั่ง เช่น การรอ้ื ถอนหรอื ปรบั ปรงุ รปู แบบส่งิ ก่อสรา้ งที่ขวางการเคลอื่ นที่ของตะกอนชายฝงั่ การปลูกปา่ และการถ่ายเททราย เป็นตน้ (๔) การฟ้ืนฟเู สถียรภาพชายฝง่ั (Coastal rehabilitation) คอื การดาเนนิ การใด ๆ เพื่อให้ชายฝั่งที่ถูกกัดเซาะไปแล้วฟื้นคืนสภาพเดิมตามธรรมชาติ และสามารถกลับมาใช้บริการ ของระบบนิเวศ (Ecosystem service) ได้เหมือนธรรมชาติ เช่น การฟื้นฟูป่าชายเลน ป่าชายหาด เพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับชายฝั่ง และการเติมทรายชายหาดเพื่อให้สามารถกระจายแรงคลื่น ลดความเสี่ยง ต่อการกดั เซาะชายฝ่ัง เป็นตน้ สาหรับมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝ่ัง สามารถแบ่ง การดาเนินการออกเปน็ ๓ มาตรการ ๘ รปู แบบ ดงั นี้ มาตรการในการป้องกันและแกไ้ ขปญั หาการกัดเซาะชายฝงั่ ๑. มาตรการสีขาว (White measure) หมายถึง การดาเนินงานเพื่อลดผลกระทบ ต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่อาจเกิดขึ้นจากการกัดเซาะชายฝ่ัง ซึ่งดาเนินการด้วยรูปแบบ
๕๙ การกาหนดพ้ืนที่ถอยร่น โดยการกาหนดพ้ืนที่กันชนให้มีระยะห่างระดับหน่ึง และกาหนดกิจกรรม การใช้พ้ืนที่ให้เหมาะสมกับอตั ราการกดั เซาะชายฝั่ง เพ่ือรองรับพื้นที่ชายฝั่งท่ีประสบปัญหาการกดั เซาะ อย่างรุนแรงจนไม่สามารถแก้ไขได้หรือแนวชายฝ่ังที่อาจได้รับผลกระทบจากพ้ืนที่อื่น และมีแนวโน้ม จะเกิดการกัดเซาะในอนาคต ๒. มาตรการสีเขยี ว (Green measure) หมายถึง การดาเนนิ งานเพ่ือรกั ษาเสถียรภาพ ชายฝ่ัง โดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบกับพ้ืนท่ีข้างเคียง โดยเหมาะสมกับบริเวณที่มีชายฝั่งทะเลแบบปิด คลื่นขนาดเล็ก ชายฝั่งมีความลาดชันต่า ประกอบด้วย ๓ รูปแบบ ได้แก่ การปลูกป่า การฟ้ืนฟูชายหาด และการปักเสาดกั ตะกอน เพ่ือปลกู ป่าชายเลน ๓. มาตรการสีเทา (Gray measure) หมายถึง การดาเนินงานเพ่ือรักษาเสถียรภาพ ชายฝั่ง โดยใช้โครงสร้างทางวิศวกรรม โดยเหมาะสมกับบริเวณชายฝั่งทะเลเปิด คล่ืนขนาดใหญ่ ชายฝ่ังมีความลาดชันสูง ประกอบด้วย ๔ รูปแบบ ได้แก่ เขื่อนกันคล่ืนนอกชายฝ่ัง รอดักทราย เขือ่ นป้องกันตลิง่ รมิ ทะเลและกาแพงป้องกนั คลน่ื ริมชายหาด รปู แบบการดาเนนิ งานแกไ้ ขปัญหาการกัดเซาะชายฝงั่ ๑. การปลูกป่า เพื่อสร้างเสถียรภาพชายฝั่ง เช่น การปลูกป่าชายเลน และป่าชายหาด เปน็ ต้น ๒. การฟื้นฟูชายหาด เพ่ือสร้างเสถียรภาพชายฝั่ง โดยเพ่ิมพ้ืนที่หาดทราย เพ่ือใช้เป็นแนวป้องกันและสลายพลังงานคล่ืนตามธรรมชาติ และช่วยลดผลกระทบจากการกัดเซาะชายฝั่ง เช่น การถา่ ยเททรายชายหาด และการเติมทรายชายหาด เปน็ ตน้ ๓. การปักเสาดักตะกอนเพื่อปลูกป่าชายเลน เป็นการรักษาเสถียรภาพชายฝ่ัง ในพ้ืนท่ีหาดโคลนหรือหาดทรายปนโคลน เพื่อชะลอความรุนแรงของคล่ืน เช่น การปักไม้ไผ่ดักตะกอน เพื่อปลูกป่าชายเลน และการปักเสาคอนกรีตดักตะกอนเพ่อื ปลกู ปา่ ชายเลน เป็นต้น ๔. เข่ือนป้องกันคล่ืนนอกชายฝั่ง เพื่อช่วยลดพลังงานของคล่ืนท่ีเข้ากระทา ตอ่ ชายฝงั่ เชน่ โดมทะเล ไส้กรอกทราย และเขอ่ื นหนิ ป้องกันคลืน่ นอกชายฝั่ง เป็นต้น ๕. รอดักทราย เป็นการสร้างเสถียรภาพชายฝ่ัง โดยการใช้หินหรือวัสดุอื่น ๆ สร้างยื่นต้ังฉากกับแนวชายฝั่ง เพ่ือขัดขวางการไหลของกระแสน้าเลียบชายฝ่ัง และดักตะกอนทราย ท่ีถกู พดั พาไปกบั กระแสน้า เปน็ การเพ่ิมพนื้ ทชี่ ายหาดและลดการกดั เซาะชายฝ่งั ๖. เขื่อนป้องกนั ตลงิ่ ริมทะเล เป็นการสรา้ งเสถยี รภาพตลิง่ รมิ ทะเล โดยการใช้หนิ หรือวัสดุอื่น ๆ ที่เหมาะสมบนแนวชายฝั่งที่ลาดเอียง เพ่ือรักษาเสถียรภาพของชายฝั่ง และลดความรุนแรง ของคล่ืนท่กี ระแทกชายฝัง่ เช่น กล่องกระชหุ นิ ถงุ ใยสงั เคราะห์ และเขอื่ นหินทงิ้ เป็นต้น ๗. กาแพงป้องกันคล่ืนริมชายหาด เป็นโครงสร้างทางวิศวกรรมที่สร้างขึ้น ในแนวขนานกับชายหาดหรือชายฝ่ังท่ีมีลักษณะหน้าตัดตรงบริเวณพ้ืนที่หาดทราย เพื่อต้านแรงปะทะ ของคลื่นท่ีกระทบชายฝั่ง เช่น กาแพงป้องกันคล่ืนประเภทลาดเอียง กาแพงป้องกันคล่ืนประเภทลาดเอียง แบบขนั้ บนั ได และกาแพงป้องกนั คลน่ื ประเภทตัง้ ตรง เป็นตน้ ๘. การกาหนดพ้ืนท่ีถอยร่น เพื่อลดผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทอ่ี าจเกิดขึ้นจากการกัดเซาะชายฝงั่ โดยกาหนดพืน้ ทก่ี ันชนใหม้ ีระยะห่างระดบั หนงึ่ และกาหนดกิจกรรม การใชป้ ระโยชน์พน้ื ที่ใหเ้ หมาะกับอัตราการกัดเซาะชายฝ่ัง
๖๐ กระบวนการพัฒนากิจกรรมด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ควรพิจารณาให้สอดคล้องกับแนวทางและมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝ่ัง โดยมขี ้ันตอน ดงั น้ี ข้ันตอนท่ี ๑ การคัดเลอื กพืน้ ที่ เพื่อคัดเลอื กพื้นที่ท่ีประสบปัญหาการกดั เซาะชายฝั่ง และมีความสาคญั ตอ้ งไดร้ บั การปอ้ งกันและแกไ้ ขปัญหาการกดั เซาะชายฝั่ง โดยการประเมนิ จากสถานการณ์ การกัดเซาะชายฝงั่ และสภาพปัญหาและความสาคญั ทางเศรษฐกจิ และสงั คมของพน้ื ที่ ขั้นตอนที่ ๒ การกาหนดแนวทางและรูปแบบที่เหมาะสม เพื่อให้สอดคล้อง กับสภาพของพื้นท่ี โดยพิจารณาจากข้อดีและข้อเสียของเทคโนโลยี ผลกระทบของเทคโนโลยี ต่อสภาพแวดล้อม ระบบนิเวศ สัตว์ทะเลหายาก รวมท้ังการยอมรับของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อจัดทา แผนงาน/โครงการ และขออนมุ ตั ติ ามขัน้ ตอนต่อไป ข้ันตอนท่ี ๓ การดูแล บารุงรักษา ติดตาม และประเมินผล โดยจัดเตรียม แผนงานการซ่อมแซมและบารุงรักษาโครงสร้างเพ่ือให้โครงสร้างสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทง้ั ตดิ ตามและประเมนิ ผลหลงั จากดาเนนิ การแล้วเสรจ็ เพื่อตรวจสอบสถานการณก์ ารกดั เซาะชายฝ่ัง และประเมนิ ประสิทธิผลจากการดาเนนิ โครงการอย่างตอ่ เนือ่ ง ท้ังน้ี หากพบว่าในพ้ืนท่ีมีปัญหาการกัดเซาะชายฝ่ังอยู่อาจจาเป็นจะต้องมีการ ทบทวนโครงการเพือ่ กาหนดแนวทางและรูปแบบในการปอ้ งกนั แกไ้ ขปัญหาการกัดเซาะทเ่ี หมาะสมตอ่ ไป ๔.๑.๒ ขอ้ เสนอแนะการป้องกนั และแก้ไขปญั หาการกดั เซาะชายฝง่ั ๑) กาแพงกันคลื่นต้องกลับเข้าสู่กระบวนการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อม หรือกระบวนการอ่ืนท่ีทดแทนกันได้ เพื่อเป็นหลักประกันสิทธิของประชาชนในการอยู่อาศัย ในส่งิ แวดล้อมท่ีดตี ามรฐั ธรรมนญู เนื่องจากโครงสร้างทางวิศวกรรมที่ใช้นั้น จะสามารถป้องกันการกัดเซาะ ได้เพียงพื้นที่เป้าหมายที่ต้องการป้องกันเท่าน้ัน และกลับส่งผลกระทบให้กับชายหาดข้างเคียง อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การเลือกใช้แต่ละมาตรการเพ่ือการป้องกันชายฝ่ังจึงจาเป็นต้องศึกษาให้รอบคอบ สาหรับประเทศไทยได้มีการบรรจุเรื่องน้ีไว้ในประกาศกระทรวงทรัพยากรธ รรมชาติและสิ่งแวดล้อม เร่ือง กาหนดประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการซ่ึงต้องจัดทารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบ สิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติและแนวทางการจัดทารายงานการวิเคราะห์ ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment : EIA) ท้ังน้ี ก็เพื่อให้เกิดการศึกษา ที่รอบคอบก่อนเลือกใช้มาตรการต่าง ๆ โดยหากเกิดผลกระทบข้ึนเจ้าของงานก็ควรต้องหามาตรการ เพื่อการลดผลกระทบน้ันให้น้อยลง หรือมาตรการอื่นเพ่ือการจัดการปัญหาท่ีเกิดข้ึนตามหลักวิชาการ โ ด ย ท่ี โ ค ร ง ส ร้ า ง ป้ อ ง กั น ช า ย ฝ่ั ง ท่ี ถู ก บ ร ร จุ ไ ว้ ใ น แ น บ ท้ า ย ป ร ะ ก า ศ ก ร ะ ท ร ว ง ท รั พ ย า ก ร ธ ร ร ม ช า ติ และส่งิ แวดล้อม แสดงดังรูป
๖๑ ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละสิง่ แวดล้อม ฉบับมถิ นุ ายน ๒๕๕๕ ต่อมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแหง่ ชาติไดอ้ อกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดล้อม เรื่อง กาหนดประเภทและขนาดของโครงการหรือกิจการซ่ึงต้องจัดทารายงาน การวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และหลักเกณฑ์ วิธีการ ระเบียบปฏิบัติและแนวทางการจัดทา รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบส่ิงแวดล้อม ฉบับท่ี ๓ ลงวันท่ี ๒๐ ธันวาคม ๒๕๕๖ โดยได้ยกเลิก ข้อกาหนดบางประการไปคงเหลือไว้เฉพาะเพียงการก่อสร้างรอดักทราย เขื่อนกันทรายและคลื่น ร อบั ง คั บ ก ร ะ แ สน้ าทุก ข น าดบ ริ เวณห รื อใน ทะ เลเท่ าน้ัน ท่ีต้อง ทาร ายง าน การ วิเคร าะ ห์ผลก ระทบ ซึ่งการยกเลิกข้อกาหนดดังกล่าวหมายความว่า หากจะมีการเลือกใช้กาแพงกันคลื่นเป็นโครงสร้าง เพ่ือป้องกันชายฝ่ังทะเล จะไม่ต้องทาการศึกษาผลกระทบส่ิงแวดล้อม (EIA) อีกต่อไป แม้ว่าการสร้าง โครงสรา้ งกาแพงกนั คลื่นน้นั จะสง่ ผลกระทบต่อชายหาดสว่ นทีอ่ ย่ถู ัดไปก็ตาม
๖๒ ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม ฉบับธันวาคม ๒๕๕๖ การออกประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ ใน พ.ศ. ๒๕๕๖ นามาสู่ ประเด็นปัญหาทางกฎหมายที่น่าพิจารณาว่า การยกเลิกข้อกาหนดให้การก่อสร้างหรือขยายกาแพง ริมชายฝั่งต้องทารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบส่ิงแวดล้อมจะมีผลเป็นการละเมิดสิทธิในการดารงชีพ อยู่ในส่ิงแวดล้อมท่ีดีและสิทธิมีส่วนร่วมบารุงรักษาและได้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ และส่ิงแวดล้อมซ่ึงเป็นสิทธิมนุษยชนท่ีรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยให้การรับรองไว้หรือไม่ ตามบทบัญญัติมาตรา ๕๗ และ ๖๗ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๕๐ และมาตรา ๔๓ ๕๗ (๒) และ ๕๘ ของรัฐธรรมนญู แหง่ ราชอาณาจักรไทย พุทธศกั ราช ๒๕๖๐ การกระทาเช่นนี้ย่อมมีผลเป็นการทาลายหลักประกันความคุ้มครองสิทธิ มนษุ ยชนด้านส่ิงแวดลอ้ มตามท่ีรัฐธรรมนญู ให้การคมุ้ ครองและรับรองไว้อย่างชดั เจน ท้งั นี้ คงไม่อาจปฏิเสธ ได้ว่าการก่อสร้างหรือขยายกาแพงริมชายฝ่ังติดแนวชายฝ่ังย่อมส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน ท่ีอาศัยอยู่ในพ้ืนที่บริเวณดังกล่าวอย่างไม่อาจหลีกเล่ียงได้ ดังจะเห็นได้จากการท่ีรัฐเคยกาหนดให้ การก่อสร้างหรือขยายกาแพงริมชายฝั่งติดแนวชายฝ่ังต้องรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบส่ิงแวดล้อม มาต้ังแต่ พ.ศ. ๒๕๕๒ เร่ือยมาจนกระทั่ง พ.ศ. ๒๕๕๕ การยกเลิกข้อกาหนดดังกล่าวใน พ.ศ. ๒๕๕๖ จึงจาเป็นต้องได้รับการตรวจสอบอย่างถ่ีถ้วนว่า เป็นไปอย่างรอบคอบและได้สัดส่วนกับผลกระทบ ท่ีจะเกดิ ขน้ึ กบั ทรัพยากรธรรมชาติ ตลอดจนคุณภาพชวี ิตของประชาชนทีอ่ าศัยอยู่ในบริเวณพนื้ ทก่ี ่อสร้าง หรือขยายกาแพงริมชายฝั่งติดแนวชายฝั่งหรือไม่เพียงใด มิเช่นนั้นสิทธิมนุษยชนด้านสิ่งแวดล้อม ตามท่ีรฐั ธรรมนญู ให้การคุ้มครองและรบั รองไว้ยอ่ มเปน็ เพยี งสิทธิท่ีไม่อาจบงั คบั ใช้ไดอ้ ยา่ งแทจ้ ริง
๖๓ ผลกระทบต่อชายหาดขา้ งเคียงจากการสรา้ งกาแพงกนั คล่นื แนวทางทค่ี วรจะเป็นคอื นาเอาโครงการกาแพงกนั คลื่นกลับไปอยู่ในรายการ ที่ต้องศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเหมือนเดิม หรือไปอยู่ในกระบวนการอ่ืนใดที่อาจเข้ามาทดแทน โดยกระบวนการนน้ั จาเปน็ ต้องรักษาสทิ ธมิ นษุ ยชนดา้ นส่งิ แวดลอ้ มตามท่รี ัฐธรรมนญู ให้การคมุ้ ครอง ๒) ควรกาหนดใหม้ ีแนวทางแกไ้ ขปญั หาบรรเทาทกุ ขก์ รณเี รง่ ด่วน ควรกาหนดให้มีแนวทางแก้ไขปญั หาบรรเทาทกุ ขก์ รณเี ร่งด่วน โดยแยกออก จากแนวทางแก้ไขปัญหาปกติ มีวิธีการพิเศษทั้งระบบงบประมาณและขั้นตอนการดาเนินงาน เพอ่ื ปอ้ งกนั ความเสยี หายในชวี ิตและทรพั ย์สนิ ไดท้ นั เวลา สมประโยชนท์ ้งั รฐั และประชาชน
๖๔ ความเสยี หายทค่ี วรบรรเทาทุกข์อย่างเร่งดว่ น ๓) ควรพิจารณามาตรการป้องกันการกัดเซาะชายฝ่ังของหน่วยงาน โดยเริ่มจากการปรับใช้โครงสร้างป้องกันแบบเป็นมิตรต่อส่ิงแวดล้อมก่อนเป็นลาดับแรก หากเห็นแล้วว่าไมส่ ามารถป้องกนั ได้ค่อยพจิ ารณาการใชโ้ ครงสร้างทางวศิ วกรรม เม่ือชายหาดประสบปัญหาการกัดเซาะ หน่วยงานท้ังรัฐและเอกชนมักคิดถึง การใช้มาตรการโครงสร้างทางวิศวกรรมเพ่ือการป้องกันก่อนเป็นลาดับแรก ๆ สืบเนื่องมาจากหลักคิด ท่ีว่า การจะหลีกเลี่ยงปัญหาชายฝ่ังถูกกัดเซาะคือการตรึงชายฝ่ังให้อยู่กับท่ี หรือป้องกันมิให้คลื่น ขนาดใหญเ่ ข้ามาปะทะชายฝ่ังโดยตรง เพอ่ื มิใหช้ ายฝัง่ เกดิ การเปล่ียนแปลง หลักคิดน้ีเป็นจริงเพียงบางส่วนเท่าน้ัน เนื่องจากเมื่อใดท่ีตรึงชายฝั่ง ให้อยู่กับที่ หรือป้องกันมิให้คลื่นวิ่งเข้ามาปะทะชายหาดโดยใช้โครงสร้างป้องกัน เท่ากับว่า กาลังแทรกแซงกระบวนการทางธรรมชาตขิ องชายฝ่ัง ทาให้ชายฝั่งเสียสมดุลและในบางคร้ังอาจเกิดข้นึ แบบถาวรโดยมอิ าจเรยี กกลบั คืนสมดุลเดมิ ได้ กอ่ ใหเ้ กิดปญั หาทตี่ ามมามากมาย มาตรการใช้โครงสร้างทางวิศวกรรมสามารถป้องกันได้เฉพาะพื้นท่ีด้านใน ที่ต้องการป้องกันเท่าน้ัน แต่พื้นท่ีรอบ ๆ โครงสร้างพื้นที่ถัดไปจะถูกโครงสร้างนี้แทรกแซงกระบวนการ ทางธรรมชาติและเสียสมดุลไปในท่ีสุด ดังจะเห็นว่าพ้ืนท่ีท่ีอยู่ถัดไปจากโครงสร้างป้องกันมักเกิดปัญหา การกัดเซาะชายฝั่งที่บางคร้ังรุนแรงมากกว่าการกดั เซาะตามธรรมชาตเิ สยี อีก หากเป็นพื้นที่ที่ประสบภัยจากการกัดเซาะชายฝ่ัง และทรงคุณค่า ไม่ว่าจะด้านอะไรท่ีประชาชนเล็งเห็นว่ามีความสาคัญ หากพิจารณาแล้วการปล่อยไว้ตามธรรมชาติ จะส่งผลให้พื้นท่ีน้ันค่อย ๆ ถูกทะเลกัดกลืนหายไป และเมื่อพิจารณาแนวทางเลือกอ่ืน ๆ ที่ไม่ใช้ โครงสรา้ งแล้วพบวา่ ไม่เหมาะสมเทา่ กบั การสร้างโครงสรา้ งเพ่ือปอ้ งกัน ในกรณีนก้ี ารใชโ้ ครงสร้างปอ้ งกนั อาจเปน็ สงิ่ ท่ีหลีกเลีย่ งไดย้ ากหากตอ้ งการรักษาพื้นท่ีน้นั ไวใ้ หค้ งอยู่
๖๕ ดังนั้น การเลือกมาตรการป้องกันโดยใช้โครงสร้างทางวิศวกรรม ควรเลือกเฉพาะพื้นที่ที่มีความจาเป็นมากทางเศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม โดยพิจารณาทางเลือก อื่น ๆ ประกอบ หากไม่สามารถหลีกเล่ียงการใช้โครงสร้างได้ควรใช้อย่างจากัดที่สุด และเลือกรูปแบบ ทีร่ บกวนกระบวนการธรรมชาติใหน้ อ้ ยทีส่ ดุ เท่านน้ั ๔) ควรระบุนยิ ามแนวชายฝง่ั และการกดั เซาะชายฝง่ั ให้ชดั เจน เพือ่ ให้ทุกหน่วยงาน ท่ีรับผิดชอบเกิดความเขา้ ใจตรงกัน แนวชายฝ่ังหมายถึงเส้นแบ่งระหว่างน้าและพ้ืนแผ่นดิน แต่ในความเป็นจริง แนวชายฝ่ังนั้นมีการเปล่ียนแปลงอยู่ตลอดเวลาตามธรรมชาติ ขึ้นอยู่กับการเคลื่อนท่ีของตะกอน ระดับน้าทะเล ความลาดชันชายหาด และปัจจัยอื่น ๆ การระบุแนวชายฝั่งเป็นข้อมูลท่ีจาเป็นสาหรับ การบรหิ ารจัดการพืน้ ที่ชายฝ่ังและการออกแบบทางวิศวกรรม เชน่ โครงการป้องกันชายฝั่ง เปน็ ตน้ ก า ร วิ เ ค ร า ะ ห์ แ น ว ช า ย ฝั่ ง จ ะ เ ลื อ ก ใ ช้ นิ ย า ม ใ ด น้ั น ขึ้ น อ ยู่ กั บ ข้ อ มู ล ท่ี ใ ช้ ในการวิเคราะห์ แต่จาเป็นต้องใช้นิยามให้อยู่ในรูปแบบเดียวกันตลอดการศึกษา เช่น หากใช้นิยาม ของแนวพืชพรรณถาวรบริเวณชายฝ่ัง ก็ต้องทาการลากแนวชายฝั่ง (Digitize) จากแนวพืชพรรณถาวร บริเวณชายฝั่ง ในทุก ๆ ชุดข้อมูลท่ีทาการศึกษา มิฉะน้ันจะส่งผลให้การศึกษาเกิดข้อผิดพลาดได้ ในทางปฏิบัติการวิเคราะห์แนวชายฝั่งส่วนใหญ่จะการพิจารณาจากคุณสมบัติทางกายภาพที่สังเกตเห็น ด้วยสายตา ท้ังจากการสารวจแนวชายฝ่ังโดยใช้เครื่อง GPS และจากภาพถ่ายทางอากาศมากกว่า โดยนยิ ามที่นิยมใช้ในการแปลความหมายของแนวชายฝง่ั คอื แนวสัณฐานชายฝ่ังที่เกิดการเปล่ียนแปลงอย่างชัดเจน โดยมากหากใช้ นิยามนตี้ ้องดาเนินการสารวจภาคสนามร่วมกนั แนวพืชพรรณถาวรบรเิ วณชายฝ่ัง ซึ่งถือเป็นตาแหนง่ สูงสุดของแนวชายหาด ที่ได้รับอิทธิพลจากระดับน้าทะเล และ Vegetation line ซ่ึงสามารถแปลผลจากภาพถ่ายดาวเทียม และภาพถ่ายทางอากาศได้รว่ มกับการปรับแก้พิกัดเพ่ือความถูกตอ้ ง อย่างไรก็ตาม ทั้งสองนิยามท่ีนิยมใชน้ ี้ ในหลายกรณอี าจเปน็ ตาแหน่งเดยี วกนั ก็ได้ ทั้งนี้ หากหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องแปลข้อมูลแนวชายฝั่งแตกต่างกัน จะส่งผล ให้เกิดความขัดแย้งกันในเชิงข้อเท็จจริงได้ เป็นต้นว่า หน่วยงานหน่ึงอาจวิเคราะห์ข้อมูลแล้วพบว่า ชายหาดบริเวณน้ีถูกกัดเซาะ แต่อีกหน่วยงานหน่ึงอาจแย้งว่าไม่ถูกกัดเซาะ เหตุอาจเกิดขึ้นจากการใช้นิยาม ของแนวชายฝ่ังไม่ตรงกนั กเ็ ปน็ ได้ งานสารวจแนวสัณฐานชายฝ่งั ท่เี กดิ การเปลี่ยนแปลงอยา่ งชัดเจน (กรมทรพั ยากรธรณี, ๒๕๕๕)
๖๖ การระบแุ นวชายฝ่ังจากพชื พรรณถาวรบริเวณชายฝ่งั ๕) ควรริเร่ิมแนวคิดการป้องกันชายฝ่ังโดยใช้ธรรมชาติมาใช้กับชายฝ่ัง ทม่ี ีอตั ราการกัดเซาะชายฝง่ั นอ้ ยและยงั มีเสถยี รภาพทีด่ ี เหตุเพราะมาตรการใช้โครงสร้างทางวิศวกรรมก่อให้เกิดผลกระทบต่อท้ังพ้ืนท่ี และทรัพยากรริมชายหาด หากเป็นไปได้ควรใช้มาตรการที่เป็นมิตรต่อธรรมชาติร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็น การปลูกป่าชายเลนเพื่อป้องกันชายหาดโคลน การรักษาป่าชายหาด พืชพรรณริมชายหาด เพ่ือเป็นปราการธรรมชาติให้กับหาดทราย การเพ่ิมเสถียรภาพสันทรายชายหาดโดยการใช้พืชคลุมดิน มาตรการเหล่านี้แม้จะใช้เวลานานในการพิสูจน์ประสิทธิภาพ แม้จะนานกว่าการก่อสร้างโครงสร้าง ปอ้ งกัน แต่เปน็ วธิ ีการทีเ่ ป็นมติ รกบั ส่งิ แวดลอ้ มและสามารถรักษาชายหาดให้ดารงอยู่ได้อย่างสมดุล แนวคิดป้องกันชายฝั่งโดยใช้ธรรมชาติเป็นแนวคิดที่หลายประเทศหันมาให้ ความสนใจกับมาตรการท่ีเป็นมิตรกับธรรมชาติ เป็นการป้องกันชายฝ่ังโดยใช้ธรรมชาติสู้กับธรรมชาติ อย่างการเสริมความม่ันคงของป่าชายหาด พืชคลุมดิน สันทรายชายหาด ให้ได้เจริญเติบโต เพ่ือเป็นปราการธรรมชาติให้กับชายฝั่ง อย่างไรก็ตาม มาตรการน้ีควรถูกใช้เพื่อการป้องกนั การกัดเซาะ ในระยะยาว หมายความว่าควรใช้ในกรณีที่ชายฝ่ังมีแนวโน้มจะถูกกัดเซาะหรือยังไม่ถูกกัดเซาะ แต่หากว่าชายฝั่งน้นั ถกู กัดเซาะไปแลว้ จาเป็นต้องปรับใช้มาตรการอนื่ ๆ รว่ มดว้ ย มาตรการเสริมความมนั่ คงของสนั ทรายชายหาด (ซา้ ยบน : Dhigurah ประเทศ Maldives, ขวาบน : Rockingham ประเทศ Australia ซา้ ยลา่ ง : Negombo ปรเทศศรลี ังกา, ขวาล่าง : Fremantle ประเทศ Australia )
๖๗ ๔.๒ การพัฒนาทรัพยากรธรรมชาตทิ างทะเล ๔.๒.๑ การอนรุ ักษท์ รพั ยากรธรรมชาตทิ างทะเล ๑) ทรพั ยากรป่าชายเลน ป่าชายหาด และปา่ พรุ จากแผนปฏริ ปู ประเทศด้านทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่งิ แวดลอ้ ม กาหนดเป้าหมาย ให้มีพื้นท่ีป่าไม้ในประเทศทั้งป่าเพื่อการอนุรักษ์ และป่าเศรษฐกิจไม่น้อยกว่าร้อยละ ๔๐ ของพ้ืนที่ ประเทศ โดยจาแนกเป็น ป่าอนุรักษ์ ร้อยละ ๒๕ และป่าเศรษฐกิจร้อยละ ๑๕ ในส่วนของป่าชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ังมเี ปา้ หมายการปลูกฟื้นฟูเพิ่มพื้นทปี่ ่าชายเลน ไม่น้อยกวา่ ๑๕๓,๔๐๐ ไร่ โดยมีแนวทางสาคัญในการเพ่ิมพ้ืนที่ป่าชายเลน เช่น ประชาสัมพันธ์ สร้างความรู้ สร้างจิตสานึก ในการอนุรักษ์ป่าชายเลนผ่านส่ือต่าง ๆ ตลอดจนมีการฝึกอบรม การสร้างเครือข่ายให้เข้ามามีส่วนร่วม ในการดแู ลป่าและเพิ่มพ้ืนท่ปี ่า สง่ เสรมิ และสนบั สนุนภาคเอกชน ประชาชนใหเ้ ข้ามารว่ มปลกู ป่าชายเลน ในลักษณะ CSR และร่วมกับทุกภาคส่วนจัดกิจกรรมปลูกป่าเนื่องในวันสาคัญต่าง ๆ ปรับปรุงแนวเขต และแผนท่ีป่าชายเลนให้ชัดเจน โดยการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยการจัดทาโครงกาหนดพื้นท่ี ป่าชายเลนอนุรักษ์ ซึ่งมีมาตรการในการคุ้มครองและฟื้นฟูพื้นท่ีป่าชายเลน ทาการศึกษาวิจัย เพ่ือฟ้ืนฟู หรือเพิม่ พ้ืนทีป่ า่ ชายเลนในพนื้ ท่ีพิเศษ เชน่ นาเกลอื และนาก้งุ เปน็ ตน้ ๒) ทรพั ยากรปะการงั จากสถานการณ์ด้านทรพั ยากรทางทะเลและชายฝ่ัง พ.ศ. ๒๕๖๒ ประเทศไทย มีพ้ืนที่แนวปะการังท้ังส้ินประมาณ ๑๔๙,๐๒๕ ไร่ แนวปะการังฝั่งอ่าวไทย มีพื้นที่แนวปะการังทั้งหมด ๗๕,๖๖๐ ไร่ แนวปะการังฝ่ังทะเลอันดามัน มีพ้ืนที่แนวปะการังท้ังหมด ๗๓,๓๖๕ ไร่ แนวปะการัง ส่วนใหญ่กาลังอยู่ในสถานภาพเส่ือมโทรมเน่ืองจากสาเหตุท้ังจากกิจกรรมของมนุษย์ การพัฒนาชายฝั่ง รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดังน้ัน หลายประเทศจึงมีแนวคิดในการฟ้ืนฟูแนวปะการัง โดยมนุษย์ (Active Restoration) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งไดเ้ ห็นความสาคัญของทรัพยากร ปะการัง และมีการสนับสนุนให้ทาการศึกษาวิจัย ควบคู่ไปกับมาตรการงานด้านการอนุรักษ์และฟ้ืนฟู ทรัพยากรติดต่อกันมาจนสามารถสร้างเครือข่ายอาสาสมัครในหลายพ้ืนที่ จึงมีศักยภาพที่จะดาเนินงาน ด้านการฟ้ืนฟูปะการังได้อย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นในแง่การศึกษาวิจัยเพื่อปรับปรุงพัฒนาเทคนิค วธิ กี ารท่ใี ชใ้ ห้เหมาะสม การนาองคค์ วามรไู้ ปถา่ ยทอด รวมท้ังการดาเนินกจิ กรรมฟืน้ ฟทู รพั ยากรปะการงั และการศึกษาวิจัยร่วมกับทุกภาคส่วนเพื่อสร้างองค์ความรู้และสร้างจิตสานึกและการมีส่วนร่วม ของประชาชนโดยเฉพาะผู้ใช้ประโยชน์จากแนวปะการังในการดูแล อนุรักษ์ และฟื้นฟูแนวปะการัง อย่างต่อเนื่อง เพ่ือส่งเสริมการฟื้นตัวและลดความเส่ือมโทรมท่ีเกิดขึ้นกับแนวปะการัง นอกจากน้ี ยังควรมีการติดตามพ้ืนท่ีที่มีการดาเนินงานฟ้ืนฟู ปะการังในระยะยาว เพื่อให้ทราบข้อดีข้อเสีย และปรับปรุงวิธีการดาเนินงาน เพ่ือเป็นองค์ความรู้ให้หน่วยงานอื่น ๆ นาไปพัฒนาต่อยอดในระดับปฏิบัติ เพอ่ื เป็นแนวทางกาหนดนโยบายแนวทางปฏบิ ัตงิ านด้านการฟื้นฟปู ะการังต่อไป ๓) ทรัพยากรหญ้าทะเล แนวหญ้าทะเล เป็นแหล่งที่อยู่อาศัย หากิน วางไข่ และเล้ียงตัวอ่อน ของส่ิงมีชีวิตท่ีมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงในทะเล รวมท้ังมีความสาคัญในเชิงอนุรักษ์และการท่องเที่ยว ทรัพยากรหญ้าทะเล พบหลายพ้ืนท่ีในประเทศไทย เช่น แหล่งน้ากร่อย หรือปากแม่น้าท่ีติดป่าชายเลน ชายฝั่งน้าตื้นที่มีพื้นทราย หรือทรายปนโคลน และที่ลึกติดกับแนวปะการัง เป็นต้น พบหญ้าทะเลรวม
๖๘ ๑๓ ชนิดพันธุ์ ตามชายฝ่ังทะเลในพ้ืนที่ ๑๗ จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง จังหวัดจันทบุรี จังหวัดตราด จังหวัดชุมพร จังหวัดสุราษฎร์ธานี จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดพัทลุง จังหวัดสงขลา จังหวัดปัตตานี จังหวัดนราธิวาส จังหวัดระนอง จังหวัดพังงา จังหวัดภูเก็ต จังหวัดกระบี่ จังหวัดตรัง และจังหวัดสตูล สภาพแหล่งหญ้าทะเลโดยทั่วไปฝ่ังทะเลอันดามันมีความอุดมสมบูรณ์มากกว่าฝ่ังอ่าวไทย จากสถานการณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง พ.ศ. ๒๕๖๒ พบว่า ประเทศไทยมีเนื้อที่ของหญ้าทะเล ประมาณ ๑๕๙,๘๒๙ ไร่ โดยทางฝ่งั ทะเลอนั ดามนั มีเนื้อท่ี ๙๙,๖๓๒ ไร่ และฝ่งั อา่ วไทยมีเนอื้ ที่ ๖๐,๑๙๗ ไร่ โดยแหล่งหญ้าทะเล ท่ีสาคัญฝ่ังอ่าวไทยและทะเลอันดามัน เช่น อ่าวคุ้งกระเบน จังหวัดจันทบุรี อ่าวทุ่งคา-สวี จังหวัดชุมพร เกาะศรีบอยา-เกาะปู จังหวัดกระบี่ และเกาะลิบง จังหวัดตรัง เป็นต้น ซึ่งเป็นแหล่งหญ้าทะเลผืนใหญ่ท่ีสุดในน่านน้าไทยตามธรรมชาติของระบบนิเวศหญ้าทะเลในน่านน้าไทย มีการเปล่ียนแปลงของสถานภาพ ท้ังในเชิงชนิดพันธุ์ และความหนาแน่นของหญ้าทะเลตามฤดูกาล โดยแหล่งหญ้าทะเลจะได้รับผลกระทบท้ังจากภัยท่ีเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น คล่ืนลม มรสุม พายุ และการคุกคามจากกิจกรรมชายฝั่งของมนุษย์ เป็นต้น ซึ่งนับวันมีเพิ่มมากข้ึน จึงจาเป็นต้องฟ้ืนฟู ทรัพยากรหญา้ ทะเลโดยการปลูกเสริมตามวธิ ีการทเ่ี ป็นมาตรฐานตามหลักวชิ าการเพ่ือให้เกิดความสมดลุ และส่งเสริมความมัง่ คงทางสงั คมและเศรษฐกจิ อยา่ งยงั่ ยนื ๔) ทรพั ยากรสตั วท์ ะเลหายาก ในน่านน้าไทยประกอบด้วยกลุ่มสัตว์ทะเล ๓ กลุ่ม ได้แก่ เต่าทะเล พะยูน โลมาและวาฬ ซ่ึงท้ังหมดถูกจัดเป็นสัตว์ป่าสงวนและคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครอง สัตว์ปา่ พ.ศ. ๒๕๓๕ ว่าดว้ ยการห้ามลา่ ห้ามคา้ ห้ามครอบครองหา้ มเพาะพันธุ์ โดยมีผลครอบคลุมไปถึง ไข่ ซาก ตลอดจนชิ้นส่วนต่าง ๆ ของสัตว์เหล่าน้ันด้วย โดยพะยูนเป็นสัตว์ทะเลหายากเพียงชนิดเดียว ที่ได้รับความคุ้มครองเป็นสัตว์สงวน ส่วนสัตว์ทะเลหายากชนิดอื่นเป็นสัตว์คุ้มครอง ซ่ึงใน พ.ศ. ๒๕๕๘ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งพิจารณาเสนอวาฬบรูด้า วาฬโอมูระ เต่ามะเฟือง และฉลามวาฬ เป็นสัตว์สงวนเพิ่มเติม และได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้วเม่ือวันท่ี ๒๑ มิถุนายน ๒๕๕๙ นอกจากนี้สัตว์ทะเลหายากยังถูกจัดให้อยู่ในบัญชีรายช่ือของอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งพันธุ์พืชป่าและสัตว์ป่าท่ีใกล้สูญพันธ์ (CITES) โดยเต่าทะเลทุกชนิด พะยูน และโลมาอิรวดี โลมาหัวบาตรหลังเรียบ โลมาหลังโหนก วาฬบรูด้า วาฬสีน้าเงิน วาฬฟิน วาฬหัวทุย อยู่ในภาวะ ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง จึงจัดอยู่ในรายชื่อ CITES บัญชี ๑ ส่วนโลมาและวาฬชนิดอ่ืน ๆ และฉลามวาฬ จัดอยู่ใน CITES บัญชี ๒ สัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธ์ุในน่านน้าไทย (วาฬ โลมา พะยูน และเต่าทะเล) รวมประมาณ ๒,๘๐๐ ตวั การดาเนินการเพื่อลดอัตราการสูญเสียทรัพยากรจานวนสัตว์ทะเลหายาก ได้แก่ การก่อสร้างศูนย์ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายาก การจัดอบรมให้ความรู้แก่เครือข่ายและอาสาสมัคร ในการช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายาก และการรวบรวมสถิติสัตว์ทะเลหายากเกยตื้น ซ่ึงการจัดการ และช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายากเกยตื้น มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มอัตรารอดของสัตว์ทะเลมีชีวติ ท่ีมาเกยต้นื รวมถึงเพื่อให้ประชาชนและเจ้าหน้าท่ีได้ตระหนักถึงความสาคัญของสัตว์ทะเลหายาก การอนุรักษ์ และเข้ามามีบทบาทในการทางานร่วมกับศูนย์ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายาก และจัดทาฐานข้อมูลสัตว์ทะเล เกยตื้นและวิธีการอนุบาลรักษาท่ีสมบูรณ์ โดยการช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายากที่เจ็บป่วยตามธรรมชาติ และพัฒนาเทคโนโลยีการช่วยชีวิตเพ่ืออนุบาลและฟ้ืนฟู ทั้งนี้ สาเหตุการเกยต้ืนส่วนใหญ่ของเต่าทะเล
๖๙ เกิดจากการติดเคร่ืองมือประมง การติดเศษอวน หลงทิศ การกินขยะ และติดเชื้อในกระแสโลหิต ในส่วนของกลุ่มโลมาและวาฬมีสาเหตกุ ารเกยตืน้ ส่วนใหญ่มาจากการป่วยตามธรรมชาติ ในส่วนของพะยูน พบสาเหตกุ ารเกยตน้ื ส่วนใหญม่ าจากการปว่ ยตามธรรมชาติและกจิ กรรมของมนุษย์ ๔.๒.๒ การปรบั ปรุงแก้ไขกฎหมายเพ่ือการพฒั นาทรัพยากรธรรมชาตทิ างทะเล การทบทวนกฎหมายภายในประเทศ พบวา่ มกี ฎหมายท่เี กย่ี วข้องกับการจัดการ ทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ังหลายฉบับ เช่น พระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากร ทางทะเลและชายฝ่ัง พ.ศ. ๒๕๕๘ พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๖๒ พระราชบัญญัติ การรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล พ.ศ. ๒๕๖๒ พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพ ส่ิงแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๓๕ และที่แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ ๒ พ.ศ. ๒๕๖๑ พระราชกาหนดการประมง พ.ศ. ๒๕๕๘ และพระราชกาหนดการประมง (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๖๐ เป็นตน้ การแกไ้ ขปญั หาโดยการใช้ กฎหมายน้ัน พบว่า มีความหลากหลายของกฎหมายที่เก่ียวข้องในการจัดการทรัพยากรทางทะเล และชายฝ่ัง ประเด็นปัญหาสาคัญท่ียังคงต้องมีการปรับปรุงและแก้ไข คือ การบังคับใช้กฎหมาย ให้มีประสิทธิภาพ เมื่อพิจารณาเฉพาะพระราชบัญญัติส่งเสริมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่ง พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งเป็นกฎหมายหลักที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการจัดการทรัพยากรทางทะเล และชายฝ่ังน้ัน พบว่า มีการจัดทากฎหมายลาดบั รองในลักษณะของกฎกระทรวง ประกาศ ระเบียบ คาส่งั หรืออ่ืน ๆ จานวน ๔๑ เรื่อง มีผลบังคับใช้แล้ว ๒๔ ฉบับ อยู่ระหว่างดาเนินการ จานวน ๑๗ ฉบับ ทั้งน้ี มีสาระสาคัญเก่ียวข้องกับการออกระเบียบส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนตามมาตรา ๑๖ การออกคาส่ังระงับความเสียหายร้ายแรงต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ังตามมาตรา ๑๗ การออกกฎกระทรวงเพื่ออนุรักษ์พื้นท่ีป่าชายเลนตามมาตรา ๑๘ การออกกฎกระทรวงเพื่อคุ้มครอง ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งมาตรา ๒๐ (ที่มิใช่พื้นที่ป่าชายเลน) การออกกฎกระทรวงเพ่ือกาหนด เขตพ้ืนที่เพ่ือใช้มาตรการในการป้องกันการกัดเซาะชายฝั่งตามมาตรา ๒๑ และการออกประกาศ กระทรวงเพื่อคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่อาจถูกทาลาย หรือได้รับความเสียหาย อย่างร้ายแรงเข้าขั้นวิกฤตตามมาตรา ๒๒ จึงมีข้อเสนอแนะในประเด็นกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กบั การเสรมิ สรา้ งการใชก้ ฎหมายของหนว่ ยงานท่ีเกีย่ วขอ้ งใหม้ ปี ระสิทธิภาพ และเรง่ รัดให้มีการตรากฎหมาย ลาดบั รองให้มผี ลบงั คบั ใชใ้ นเร็ววัน ๔.๒.๓ ข้อเสนอแนะการพัฒนาทรพั ยากรธรรมชาตทิ างทะเล ๑) ภาครัฐควรให้ความสาคัญเก่ียวกับงบประมาณในการปลูกป่าชายเลน เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาคล่ืนทะเลกัดเซาะชายฝ่ัง รวมท้ังเป็นการฟ้ืนฟูและพัฒนา ทรัพยากรธรรมชาตทิ างทะเล ๒) ควรหาแนวทางให้ประชาชนในพ้ืนที่มีความเข้าใจที่ถูกต้องเก่ียวกับการพัฒนา ทรัพยากรธรรมชาตทิ างทะเล เพอื่ ป้องกันความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานของรัฐกบั ประชาชน ๓) ทุกภาคส่วนควรมีส่วนร่วมในการบูรณาการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง และการพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล โดยเฉพาะการฟ้ืนฟูและปลูกป่าชายเลนซึ่งถือเป็นเรื่อง ท่ีมคี วามสาคัญมาก ๔) ควรกาหนดมาตรการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินช่วยกากับดูแล และบรหิ ารจัดการทรพั ยากรป่าชายเลนอยา่ งชัดเจน
๗๐ ๕) หน่วยงานที่เก่ียวข้องควรบูรณาการร่วมกันเพ่ือแก้ไขปัญหากรณีทะเลสาบ สงขลามีสภาพต้ืนเขิน วัชพืชเกล่ือนทะเล รวมทั้งปัญหาต้นลาพูท่ีขยายพันธุ์อย่างรวดเร็วจนกีดขวาง การไหลเวยี นของกระแสน้า เนอ่ื งจากชาวบา้ นไมส่ ามารถตดั นาไปใชป้ ระโยชน์ไดเ้ พราะมีกฎหมายรองรบั ๖) ควรผลักดันให้พ้ืนที่อาเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เป็นเขตพ้ืนท่ีคุ้มครอง ส่ิงแวดล้อม เนื่องจากพื้นท่ีดังกล่าวเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลท่ีสาคัญ เช่น แหล่งวางไข่ เตา่ ทะเล และปลาโลมาสีชมพู เป็นต้น ๗) ควรให้ความสาคัญกับประเด็นการกาหนดเขตพื้นที่และมาตรการคุ้มครอง สิ่งแวดล้อมในเขตพ้ืนท่ีที่มีการสร้างถนนและการก่อสร้างโครงสร้างแข็งบริเวณสันทรายชายหาด ซึ่งต้องพิจารณาว่ามีการรุกล้าเข้าไปบริเวณสันทรายชายหาดจนก่อให้เกิดสิ่งก่อสร้างและผลกระทบ ต่อเนื่องตามมาหรือไม่ ๘) ควรกาหนดแนวทางและขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการโรงแรมรักษา และอนุรักษ์พันธุ์ไม้ท้องถ่ินบริเวณชายหาด เพ่ือเป็นปราการธรรมชาติในการป้องกันและแก้ไขปัญหา การกัดเซาะชายฝั่ง รวมทั้งยังเปน็ การรักษาระบบนิเวศเดมิ ให้คงอยู่ ๙) ควรแก้ไขปัญหากฎหมายทับซ้อนเกี่ยวกับการพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ ทางทะเล เพ่ือเป็นการอานวยความสะดวกใหแ้ ก่ประชาชน เช่น การขออนุญาตดาเนินการในดา้ นต่าง ๆ ตอ้ งกาหนดใหม้ หี นว่ ยงานอนุญาตเพียงหนว่ ยงานเดยี ว เป็นต้น ๑๐) ควรสนับสนุนและสง่ เสรมิ ให้ศูนย์วจิ ยั และพัฒนาการเพาะเล้ยี งสตั ว์น้าชายฝง่ั กระบี่ ดาเนินการเพาะเลี้ยงหอยชกั ตนี ๑๑) ควรให้ความสาคัญกับการแก้ไขปัญหาการลักลอบทาประมงในเวลากลางคืน และการตรวจสอบแหล่งเคร่ืองมือประมงผิดกฎหมาย เช่น เคร่ืองมือลอบพับไดห้ รือไอ้โง่ เป็นต้น รวมท้งั ควรสนับสนุนและหาอาชีพใหม่ให้แก่ชาวประมงบางกลุ่มท่ีทาประมงผิดกฎหมาย เพื่อแก้ไขปัญหา การใช้เครือ่ งมอื ประมงผดิ กฎหมายในพ้นื ท่ตี า่ ง ๆ ๑๒) ควรใหค้ วามสาคัญกับการแก้ไขปัญหาเครอ่ื งมอื ประมงพ้นื บ้านประเภทโพงพาง อันเป็นเคร่ืองมือประมงผิดกฎหมายท่ีจะส่งผลกระทบต่อทรัพยากรสัตว์ทะเลหายากในพ้ืนท่ีทะเลสาบ สงขลาซึ่งหากไม่สามารถแก้ไขปัญหาเครื่องมือประมงพื้นบ้านประเภทโพงพางได้ อาจทาให้เกิด ผลกระทบต่าง ๆ ตามมา เช่น การไหลเวียนของน้าไม่สะดวก และทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลลดลง เป็นตน้ ๑๓) ควรควบคุมพฤติกรรมการทาประมงพ้ืนบ้านเก่ียวกับขนาดความยาวของอวน ตดิ ตาทีช่ าวประมงพื้นบ้านใชใ้ นการทาประมง ซง่ึ อาจสง่ ผลตอ่ การทาลายทรัพยากรทางทะเล ๑๔) การดาเนินการต่าง ๆ ที่เก่ียวข้องกับการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเล ควรผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการส่ิงแวดล้อมจังหวั ด
๗๑ ๕. ข้อสงั เกตของคณะกรรมาธกิ าร ๕.๑ การแกไ้ ขปญั หาคลื่นทะเลกัดเซาะชายฝง่ั ๑) ควรกาหนดระยะถอยรน่ ชายฝัง่ ทะเลอย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างย่ิงโครงสร้างพ้ืนฐาน ของรฐั ควรกาหนดระยะถอยรน่ ชายฝ่งั ทะเลอยา่ งจริงจงั โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงสร้างพนื้ ฐาน ของรัฐ และควรประกาศใช้ทันทีในพื้นท่ีท่ียังไม่มีการพัฒนาพื้นท่ีรุกล้าลงไปบนชายฝ่ังมากนัก เพือ่ ป้องกนั ความเสยี หายในอนาคต และเพ่ือรกั ษาชายหาดท่ียงั สมบูรณใ์ หด้ ารงอย่ตู ่อไป ระยะถอยรน่ เปรียบเสมอื นแนวกนั ชนระหวา่ งทะเลกบั ผนื แผน่ ดนิ เพราะเป็นการรกั ษา ความสมดุลของกระบวนการชายฝ่ังไม่ให้ถูกรบกวนจากกิจกรรมของมนุษย์บนพ้ืนที่ชายฝั่ง และเป็นการลดผลกระทบจากปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลจากภัยธรรมชาติ ท่ีอาจมีต่ อชีวิต และทรัพย์สนิ ของรฐั และเอกชนทอี่ ย่บู รเิ วณชายฝงั่ ระยะถอยร่นเป็นหนึ่งในมาตรการเพื่อจัดการชายฝั่งทะเล ท้ังเพื่อการจัดการภัยพิบัติ ชายฝ่ังทะเลและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากพื้นท่ีชายฝ่ังทะเลอย่างย่ังยืน โดยมากมักกาหนด จากแนวระดับน้าทะเลข้ึนเฉล่ียถึงแนวท่ีพิจารณาแล้วว่าจะปลอดภัยต่อภัยพิบัติที่เกิดข้ึนในอดีต และอาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยท่ัวไประยะถอยร่นเป็นระยะท่ีหากจะมีการพัฒนาใด ๆ จะต้องถอยร่น ห่างจากชายฝ่ังเข้าไปให้พ้นระยะน้ีเพ่ือป้องกันความเสียหายจากภัยพิบัติท่ีอาจเกิดขึ้น เป็นระยะทางสงวนไว้ ให้กระบวนการชายฝั่งทะเลจะสามารถปรับสมดุลไดต้ ามปกติไมถ่ ูกแทรกแซง จึงเป็นมาตรการทีไ่ ม่รบกวน ต่อกระบวนการทางธรรมชาติของชายฝ่ังทะเล และไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นท่ีท้ายน้าเหมือนการใช้ โครงสรา้ งชายฝัง่ ทะเล ถนนอยปู่ ระชดิ ชายหาดมากเกนิ ไปจนไดร้ ับผลกระทบจากกระบวนการธรรมชาติ และเป็นเหตุให้ต้องสร้างโครงสรา้ งป้องกันชายฝงั่ มาป้องกนั ถนนอกี ช้นั หนงึ่ ในความเป็นจริง พ้ืนท่ีใดท่ีปล่อยให้มีการพัฒนามากเกินไปแล้ว พื้นที่น้ันจะกาหนด ระยะถอยรน่ ไดย้ าก เน่อื งจากจะเกดิ แรงตอ่ ตา้ นทางสังคม ทัง้ ยงั ไมค่ ้มุ กบั ค่าเวนคืนทด่ี นิ และส่ิงปลกู สร้าง ท่ีถูกพัฒนาไปแล้วก่อนหน้านี้ การใช้มาตรการระยะถอยร่นชายฝั่งจึงควรเร่งประกาศใช้ในพ้ืนที่
๗๒ ท่ียังไม่มีการพัฒนา เพื่อจากัดการพัฒนาไม่ให้ประชิดชายฝ่ังมากเกินไป โดยกาหนดเป็นเขตห้ามรุกล้า สาหรับส่ิงปลูกสร้างถาวร ซึ่งอาจใช้ร่วมกับนโยบายผังเมืองชายฝ่ังทะเล จะช่วยลดผลกระทบ จากภัยพิบัติท่ีอาจเกิดขึ้น ลดความเสียหายต่อสิ่งชีวิตและทรัพย์สิน ตลอดจนโครงสร้างพ้ืนฐาน ของภาครฐั และเอกชน และส่งเสริมการใช้ประโยชน์ของพ้นื ท่บี นชายหาดได้อยา่ งย่ังยนื ๒) ใช้มาตรการขนย้ายทรายจากการขุดลอกปากร่องน้าไปบรรเทาผลกระทบ จากการกัดเซาะชายฝ่งั กาหนดให้การขุดลอกปากร่องน้าทุกแห่งนาตะกอนท่ีได้จากปากร่องน้าท่ีได้พิจารณา แล้วว่าเป็นตะกอนท่ีคุณสมบัติใกล้เคียงกับพื้นท่ีชายฝ่ังปากร่องน้าท่ีถูกกัดเซาะ ไปถมในพื้นที่ ที่ถูกกัดเซาะน้ัน หากดาเนินการได้จะทาให้ตะกอนไม่ถูกทิ้งให้เสียประโยชน์ บรรเทาผลกระทบ ดา้ นท้ายนา้ และได้แผน่ ดนิ กลับคนื มาบางสว่ น การขดุ ลอกปากร่องนา้ บางสะพาน จงั หวัดประจวบครี ขี นั ธ์ (ภาพ : สิงหาคม ๒๕๖๓) ๓) ใช้มาตรการถ่ายเททรายข้ามร่องน้า สาหรับร่องน้าที่มีการสร้างเขื่อนกันทราย และคลน่ื ปากรอ่ งน้า ควรกาหนดใหม้ าตรการถ่ายเททรายข้ามร่องน้าสาหรับร่องน้าท่ีมกี ารสร้างเขื่อนกันทราย และคลน่ื ปากรอ่ งน้า (Jetty) เป็นมาตรการประจาทต่ี อ้ งดาเนินการทกุ ปากแมน่ ้าตามรอบวนซ้าท่ีไดศ้ กึ ษาไว้ โดยถ่ายเทจากฝ่ังของปากร่องน้าที่เกิดการทับถมไปอีกฝั่งที่ถูกกัดเซาะ ซ่ึงจะสามารถบรรเทา ความเสียหายได้บางสว่ น และเกดิ ผลดีกว่าการสร้างโครงสรา้ งปอ้ งกนั ต่อไปเร่อื ย ๆ ตะกอนทรายทีค่ วรถกู ถา่ ยเทไปยงั พน้ื ที่ทถ่ี กู กดั เซาะ
๗๓ ๔) ควรร้ือโครงสร้างชายฝ่ังทะเลที่หมดประสิทธิภาพหรือหมดหน้าที่ในการป้องกัน ชายฝ่ัง ทั้งโครงสร้างท่ีอาจเหนี่ยวนาให้เกิดการกัดเซาะในพื้นที่ข้างเคียง รวมถึงโครงสร้าง ท่ไี มส่ ง่ กระทบใด ๆ ตอ่ ชายหาด โดยโครงสร้างดังกล่าวหากปล่อยท้ิงไว้อาจก่อให้เกิดผลกระทบท้ังเชิงกายภาพ เชน่ อาจกอ่ ให้เกดิ การกัดเซาะชายฝง่ั เพมิ่ เตมิ หรอื เป็นทัศนะที่บดบงั ทศั นียภาพอันสวยงามของชายหาด เป็นตน้ ในกรณีน้ีควรมกี ารวเิ คราะหถ์ งึ การร้ือถอนทาลายเพ่อื คืนสภาพชายหาดใหเ้ ปน็ ไปตามธรรมชาติ โครงสรา้ งปากร่องน้าเดิมทไี่ มไ่ ดใ้ ชป้ ระโยชนแ์ ลว้ บรเิ วณขนาบนาก จังหวดั นครศรธี รรมราช แต่ในหลายกรณีการมีอยู่ของโครงสร้างนั้น ได้ก่อให้เกิดบริบทใหม่ในเร่ืองของการใช้ ประโยชน์ท่ีดินบริเวณน้ันข้ึนแล้ว เช่น อาจเกิดการทับถมของท่ีดินจนเกิดชุมชนใหม่ข้ึน หรือร่องน้า ถูกเปิดตลอดทั้งปีจนชาวบ้านเปลี่ยนขนาดเรือจากเล็กเป็นใหญ่เพื่อการพาณิชย์แทนท่ีจะเป็น เพื่อการดารงชีพหรือประมงขนาดเล็กเหมือนในอดีต ดังน้ัน หากมีการร้ือถอนทาลายโครงสร้างที่มีอยู่ อาจส่งผลกระทบถึงการใชป้ ระโยชนใ์ นบรบิ ทใหมท่ เี่ กดิ ขน้ึ นไี้ ด้ การสร้างยังต้องใชร้ ะยะเวลาในการศึกษา ออกแบบ การร้ือโครงสร้างก็เช่นเดียวกัน จึงจาเป็นต้องศึกษาวิเคราะห์ในรายละเอียดอย่างรอบคอบ กอ่ นดาเนินการใด ๆ มฉิ ะนนั้ อาจเกดิ ผลกระทบท่ียากจะคาดเดา
๗๔ แผนการรอ้ื โครงสรา้ งรอดกั ทราย หน้าพระราชนิเวศน์มฤคทายวนั จังหวดั เพชรบรุ ี ใชง้ บประมาณปี ๒๕๖๖ โดยกรมเจา้ ทา่ ๕) ปรับปรงุ กระบวนการรับฟังความคิดเหน็ โครงการป้องกันการกดั เซาะชายฝ่งั แม้หน่วยงานเจ้าของโครงการได้ปฏิบัติตามระเบียบการรับฟังความคดิ เหน็ ของสานัก นายกรัฐมนตรีแล้ว แต่ที่ผ่านมายังคงพบว่า กรณีที่แม้โครงการผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็น มาแล้วหลายคร้ัง ก็ยังเกิดความเห็นไม่ลงรอยกันและเกิดปัญหาในหลายพื้นที่ดังท่ีได้นาเข้าสู่ คณะกรรมาธิการวิสามญั พจิ ารณาศกึ ษาแนวทางการแกไ้ ขปญั หาคล่ืนทะเลกดั เซาะชายฝ่ังและการพฒั นา ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลอย่างเป็นระบบ เช่น หาดปากน้าปราณ และหาดดอนทะเล เป็นต้น และยังมีข้อเท็จจริงท่ีบางโครงการไม่เคยมีการรับฟังความคิดเห็นมาก่อน หรือไปรับฟังความคิดเห็น ภายหลงั โครงการผา่ นการรบั ฟงั ความคิดเห็นไปแลว้ กระบวนการรับฟังความคิดเห็นโครงการป้องกันชายฝ่ังในปัจจุบันดาเนินการ โดยบริษัทท่ีปรึกษาเป็นหลัก โดยมีเจ้าของโครงการท่ีเก่ียวข้องเป็นผู้กากับดูแล โดยเชิญตัวแทน หน่วยงานและผมู้ ีสว่ นไดส้ ่วนเสียท้ังทางตรงและทางออ้ ม (ต้องไมต่ ีกรอบให้เฉพาะบคุ คลในพนื้ ท่ีหมู่บา้ น ตาบล จังหวัดนั้นเท่าน้ัน) มาร่วมกันรับฟังข้อมูลโครงการและแสดงความคิดเห็นเพื่อประกอบการ ตัดสินใจดาเนินโครงการ ตามธรรมเนยี มปฏิบัตโิ ดยเฉพาะโครงการป้องกนั การกัดเซาะชายฝ่งั ทะเลขอ้ มลู ทางวิชาการน้ันจะมาจากฝั่งของบริษัทที่ปรึกษาเป็นหลัก เหตุเพราะเป็นผู้รับจ้างหน่วยงานภาครัฐ ผู้มีอานาจหน้าที่และถืองบประมาณ ทาให้ผู้เข้าร่วมมักได้รับฟังข้อมูลจากฝ่ายพัฒนาโครงการ เพียงฝ่ายเดียว แม้ทางเจ้าของโครงการจะเชิญตัวแทนนักวิชาการภายนอกเข้าร่วม แต่น้าหนัก ของการรับฟังนั้นไม่สามารถเทียบเท่ากับการให้ข้อมูลจากทางฝั่งเจ้าของโครงการได้เลย นอกจากน้ี การเชิญเข้าร่วมยังเพียงแต่เชิญแต่มิได้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการเดินทางเข้าร่วมเวทีของนักวิชาการ ภายนอกเหล่านน้ั ย่งิ สง่ ผลใหข้ อ้ มูลท่ปี ระชาชนได้รับฟงั เปน็ เพียงการให้ข้อมลู ดา้ นเดยี วเสยี สว่ นใหญ่ นอกจากการให้ข้อมูลท่ีจะต้องรอบด้านมากขึ้น และการเข้มงวดกับการคัดกรอง ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างแท้จริงแล้ว เห็นควรให้เพิ่มส่วนของนักวิชาการภายนอกที่มิได้มีส่วนได้ส่วนเสีย
๗๕ กับโครงการเข้าไปร่วมด้วย โดยเป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักของผู้ท่ีต้องให้ข้อมูลแก่ผู้เข้าร่วมรับฟัง นอกเหนือจากข้อมูลจากเจ้าของโครงการที่ดาเนินการโดยบริษัทที่ปรึกษา เพื่อเป็นการแสดงข้อมูล ทางวิชาการท้ังฝ่ายที่ต้องการพัฒนาโครงการและฝ่ายที่เป็นกลางทางวิชาการ ทั้งน้ี จะทาให้ผู้มีส่วนได้ ส่วนเสียหลักมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจอย่างรอบด้าน กระบวนการรับฟังความคิดเห็นรอบ ดา้ นจากทุกหนว่ ยงานท่ีเก่ียวข้อง และมชี อ่ งทางอนื่ ๆ เช่น ส่ืออเิ ล็กทรอนกิ ส์ให้แสดงความคดิ เห็นร่วมด้วย อย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาความขัดแย้ง ท้ังยังก่อเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการตัดสินใจดาเนินโครงการ ของเจ้าของโครงการให้มีความรอบคอบมากย่ิงขึ้น เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้จ่ายงบประมาณ ภาครฐั อกี ด้วย โครงสร้างการปรบั ปรงุ กระบวนการรบั ฟงั ความคดิ เหน็ ขา้ งตน้ ต้องใชก้ ับทกุ หน่วยงาน ๖) แก้ไขพระราชบญั ญัตปิ ้องกนั และบรรเทาสาธารณภัย โดยเพมิ่ คานยิ ามการกดั เซาะ ชายฝั่งให้เปน็ หนง่ึ ในสาธารณภัย หากหน่วยงานยังคงแก้ไขปัญหาแบบเดิมเหมือนอย่างที่เคยมีมาในอดีตต่อเนื่อง มาถึงปัจจุบัน ซึ่งก็คือการใช้โครงสร้างป้องกันการกัดเซาะชายฝ่ังในรูปแบบถาวร ใหญ่โตเกินจาเป็น เพื่อแกป้ ญั หาการกัดเซาะชายฝง่ั ท่ผี ลกระทบเกดิ ข้ึนในระดับฉกุ เฉนิ เร่งดว่ นน้ัน เปน็ ไปได้ยากมากทว่ี ธิ คี ดิ และมาตรการแบบเดิม ๆ ท่ีเคยถือปฏิบัติสืบเนื่องกันมาจะทันท่วงทีต่อสถานการณ์นี้ และมิอาจแน่ใจ ได้ว่าโครงสร้างน้ันจะยังคงมีประสิทธิภาพดีในอนาคตตามท่ีคาดหมายไว้หรือไม่ เน่ืองจากผลกระทบ จากการกัดเซาะชายฝั่งเกิดในสเกลเวลา (Time Scale) ระดับ วัน หรือ สัปดาห์ หรือในบางสถานการณ์ ท่ีรุนแรงอาจเกิดข้ึนในระดับช่ัวโมงด้วยซ้า หากรอหน่วยงานใช้มาตรการสร้างโครงสร้างป้องกันชายฝ่ัง แบบถาวร ต้องรอคอยกระบวนการศกึ ษา ต้ังงบประมาณ และก่อสร้าง ไม่ต่ากว่า ๓ ปี ซ่ึงหมายความว่า ความเร่งด่วนฉกุ เฉนิ ไดห้ มดลงไปแลว้ สถานการณ์ ความเสียหายท่ีเกดิ จากการกดั เซาะอาจเปลี่ยนแปลง ไปจนหมดแลว้ และเม่ือโครงสร้างนั้นแล้วเสร็จหลงั จากภัยพบิ ัตผิ ่านไปนานไม่ตา่ กว่า ๓ ปี อาจไดโ้ ครงสร้าง ป้องกันชายฝง่ั ท่ีมปี ระสิทธิภาพทย่ี อดเยยี่ มในยามทไ่ี รซ้ ่งึ ความจาเป็นแล้วกเ็ ป็นได้ แนวทางที่สามารถแก้ไขปัญหาน้ีได้อย่างทันท่วงทีคือ การรีบเข้าไปจัดการเยียวยา ความเสียหายนี้เป็นการเร่งด่วน เมื่อ “กัดเซาะชายฝ่ัง” ถูกกาหนดไว้ในนิยามของคาว่า “สาธารณภัย”
๗๖ อย่างชัดเจน ตามความในมาตรา ๔ แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ก็จะเปิดทาง ให้ฝ่ายปกครองกล้าใช้อานาจและงบประมาณเพื่อแก้ไขบรรเทาเยียวยาผลกระทบนี้ได้ทันที โดยที่มาตรการเพ่ือการป้องกันชายฝั่งทะเลนั้นควรสอดคล้องกับความเร่งด่วนฉุกเฉินนี้ กล่าวคือ ต้องสามารถก่อสร้างได้ในระยะเวลาไม่นาน ร้ือถอนออกได้ยามหมดความจาเป็น (หมดเหตุ แหง่ การวางโครงสร้าง) และทส่ี าคญั ตอ้ งมีขอ้ กาหนดการเลอื กใช้มาตรการอยา่ งถูกต้องตามหลักวชิ าการ ท้ังนี้ หากนามาถือปฏิบัติได้จริง หน่วยงานก็ไม่จาเป็นต้องสร้างโครงสร้างท่ีใหญ่โต เกินความจาเปน็ ท้งั ยังแก้ไขปัญหาไดอ้ ย่างไมเ่ ทา่ ทันต่อสถานการณ์ ซึ่งหมายความว่าไม่จาเป็นต้องสร้าง โครงสรา้ งปอ้ งกันแบบถาวรตอ่ ไปเรื่อย ๆ สร้างเฉพาะที่จาเปน็ เพื่อบรรเทาผลกระทบและรื้อถอนออกได้ ยามหมดความจาเป็น ซึ่งจะเป็นการลดผลกระทบที่ถูกส่งต่อไปยังพื้นที่ข้างเคียงจากโครงสร้างป้องกัน ชายฝั่งแบบถาวร ถือเป็นการสมประโยชน์ท้ังรัฐเองท่ีได้ทาหน้าที่บาบัดทุกข์บารุงสุขประชาชน และ ประชาชนเองก็ได้รบั ความปลอดภัยและสวสั ดภิ าพกลับมา ๗) สร้างความเขา้ ใจเรือ่ งพลวัตของชายฝง่ั กบั ชมุ ชนชายฝั่ง ประชาชน และหน่วยงาน ที่รับผดิ ชอบ เพ่ือให้เข้าใจวา่ ชายหาดมีการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล ชายฝั่งทะเลเปน็ รอยต่อทางธรรมชาติระหว่างผืนนา้ ผนื ดนิ และอากาศ ทไี่ มเ่ คยหยดุ นิ่ง มีกระบวนการทางธรรมชาติกระทากับพ้ืนที่น้ีตลอดเวลาอย่างไม่มีท่ีส้ินสุดและไม่อาจหยุดย้ังได้ การเข้าพัฒนาริมชายฝ่ังทุกประเภทจาเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจธรรมชาติของชายหาดในประเด็นน้ี รวมถึงมาตรการใด ๆ ที่ดาเนินการบนพื้นท่ีชายฝั่ง จาเป็นต้องมีลักษณะท่ีสอดรับกับกระบวนการ ธรรมชาติของชายฝ่งั ทะเลที่ไมเ่ คยหยุดนิ่งน้ีดว้ ย หากประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับชายฝ่ังทะเลตลอดจนหน่วยงานท่ีรับผิดชอบ ได้มีความรู้ความเข้าใจในประเด็นดังกล่าว เช่ือได้ว่าความขัดแย้งเรื่องการดาเนินโครงการต่าง ๆ บริเวณพ้ืนท่ีชายฝ่ังทะเลจะลดน้อยลง รวมถึงโครงการพัฒนาตา่ ง ๆ ท่ีเกิดข้ึนก็จะส่งผลกระทบต่อพนื้ ท่ี ชายฝั่งทะเลน้อยลงด้วย โดยกระบวนการสร้างความรู้ความเข้าใจนี้อาจถูกบรรจุอยู่ในการ Training เจ้าหน้าที่รับผิดชอบงานด้านชายฝ่ังทะเล การเปิดเวทีส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเร่ืองพลวัตของชายฝั่ง ผ่านเครือข่ายชุมชนชายฝ่ังภายใต้การกากับดูแลของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ภาคประชาสังคม และภาคการศกึ ษา เป็นต้น ชายหาดมีฤดกู าล
๗๗ ๘) ต้องสร้างระบบการตดิ ตามการเปลี่ยนแปลงชายฝ่งั ทะเลอยา่ งตอ่ เนื่องและเป็นระบบ พื้นที่ชายฝั่งทะเลนั้นเป็นเขตติดต่อระหว่างน้าทะเลกับแผ่นดิน ซ่ึงมีการปรับเปลี่ยน สภาพอยู่ตลอดเวลา เป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงที่เกิดโดยธรรมชาติ เช่น คลื่น ลม กระแสน้า น้าข้ึนน้าลง และการแทรกแซงจากกิจกรรมของมนุษย์ เป็นต้น โดยท่ัวไปหากสามารถติดตามการเปล่ียนแปลง ท่ีเกิดขึ้นน้ีได้อย่างเป็นระบบโดยอาศัยข้อมูลเชิงปริมาณ ก็จะส่งผลให้เกิดความรู้ความเข้าใจ ในกระบวนการทางธรรมชาติและสมดุลชายฝ่ังทะเลมากย่ิงข้ึน ถือเป็นข้อมูลพื้นฐานสาคัญ ที่เอ้ือประโยชน์ต่อการวางแผนอนุรักษ์ ฟ้ืนฟู และพัฒนาพ้ืนท่ีชายฝั่งทะเลต่อไปในอนาคต การศึกษาด้านวิศวกรรมชายฝ่ังทะเลจาเป็นอย่างย่ิงท่ีจะต้องสารวจข้อมูลภาคสนาม ใช้เพ่ือการวิเคราะห์ ศึกษา วางแผน โครงการต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างย่ิงในประเทศไทยที่ยังขาดแคลน ข้อมูลดา้ นสมทุ รศาสตร์และชายฝงั่ ทะเลอยมู่ าก หน่วยงานทีร่ บั ผิดชอบมิได้มกี ารสารวจและบันทกึ ขอ้ มลู อย่างเป็นระบบในลักษณะประจามากนัก หากต้องการใช้ข้อมูลจึงจาเป็นต้องสารวจข้อมูลท่ีต้องการ เพม่ิ เตมิ เอง จาเป็นอย่างย่ิงที่หน่วยงานท่ีรับผิดชอบต้องสร้างระบบการติดตามการเปลี่ยนแปลง ชายฝ่ังทะเลอย่างต่อเน่ืองและเป็นระบบ ซ่ึงจะรู้เฉพาะในช่วงเวลาวิกฤตไม่ได้ เสมือนหมอรักษาผู้ป่วย หากไม่ทราบถึงสภาพแวดล้อมที่ผู้ป่วยต้องเผชิญในแต่ละวัน อาจส่งผลให้การวินิจฉั ยนั้นผิดพลาด โดยข้อมูลสาคัญท่ีจะช่วยให้การศึกษาวิเคราะห์เพ่ืองานป้องกันชายฝ่ังมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เชน่ รูปตดั ชายฝั่ง แนวชายฝั่ง ตะกอนชายฝง่ั และลักษณะของคล่นื ลมในทะเล เปน็ ต้น ๙) ให้อานาจและงบประมาณกับองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ินเพ่ือขุดลอกปากร่องน้า ขนาดเล็กได้เอง ให้อานาจและงบประมาณกับองค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน โดยต้องไม่ขัดกับอานาจ หน้าท่ีของหน่วยราชการส่วนกลาง เพื่อให้สามารถจัดสรรงบประมาณสาหรับลงทุนเรือขุดขนาดเล็ก ใช้ในการขุดลอกปากรอ่ งน้าขนาดเล็กในพ้นื ท่ี เพือ่ บรรเทาปัญหาตะกอนปดิ ปากร่องนา้ ได้อยา่ งทันท่วงที โดยไม่ต้องสร้างเขื่อนกันทรายและคลืน่ ปากรอ่ งนา้ เพื่อหลกี เล่ยี งกระทบต่อพน้ื ที่ขา้ งเคียง ตวั อย่างโป๊ะลอยและรถขดุ แขนยาว สาหรับขดุ ลอกตะกอนปากรอ่ งนา้
๗๘ ๑๐) ควรรวบรวมความต้องการเท่าที่จาเป็นของเรือที่สัญจรในปากร่องน้าในท่ีใกล้กัน มาจอดรวมในทเี่ ดียวกัน หากจาเป็นต้องสร้างเขื่อนกันทรายและคลื่นปากร่องน้า ควรรวบรวมความต้องการ เท่าที่จาเป็นของเรือท่ีสัญจรในปากร่องน้าในท่ีใกล้กันมาจอดรวมในท่ีเดยี วกัน เพื่อลดจานวนโครงสรา้ ง และเป็นการจากัดผลกระทบใหเ้ หลอื น้อยทส่ี ดุ พ้นื ท่ดี า้ นใน ตัวอย่างพื้นปากร่องน้าท่ีถูกปิด โดยมพี ้ืนที่ดา้ นในเปน็ แอ่งนา้ สาธารณะ สามารถพัฒนาเปน็ ท่ีจอดเรอื ประมง โดยรวมกล่มุ ชาวประมงบรเิ วณใกล้เคยี งใชร้ ว่ มกันได้ ๑๑) ใช้มาตรการจัดการพน้ื ท่ชี ายฝ่งั ทะเลแบบบูรณาการ แม้จะพยายามใช้มาตรการที่สอดคล้องและเป็นมิตรต่อธรรมชาติมากที่สุดแล้วกต็ าม พบว่า ไม่มีแนวทางจัดการใดท่ีเป็นการแก้ปัญหาอย่างสมบูรณ์แบบโดยไม่มีผลกระทบ โดยเฉพาะแนวทาง เพอื่ การแกไ้ ขปญั หาการกัดเซาะชายฝัง่ ซ่งึ มกั เปน็ การปรับเปล่ียนรปู แบบของกระบวนการทางธรรมชาติ ของชายฝั่งให้สอดคล้องกับการใช้ประโยชน์ของมนุษย์ การใช้หลายแนวทางร่วมกันแก้ไขปัญหา อาจเป็นวิธีการท่ีเหมาะสมมากกว่าใช้เพียงมาตรการเดียว เป็นต้นว่า การถมทรายชายหาดเพื่อเพิ่ม ความกว้างพ้ืนท่ีชายหาดอย่างท่ี หาดพัทยา จังหวัดชลบุรี และหาดชลาทัศน์ จังหวัดสงขลา อาจมีผลทางลบต่อพื้นที่ข้างเคียงน้อยกว่าแนวทางเลือกอื่นก็จริง อย่างไรก็ตาม ควรมีมาตรการ ลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมต่อการฟุ้งกระจายของตะกอนน้าขุ่น และสัตว์หน้าดินในทะเล หรือการสร้าง โครงสร้างป้องกันการกัดเซาะส่งผลต่อพ้ืนท่ีชายหาดที่อยู่ถัดไปอย่างหลีกเล่ียงไม่ได้ ในกรณีน้ีอาจใช้ การเวนคืนพ้ืนที่ท่ีได้รับผลกระทบ จ่ายค่าชดเชยเยียวยา แทนการสร้างโครงการต่อเนื่องไปเร่ือย ๆ ซึ่งก็จะก่อให้เกิดผลกระทบแบบโดมิโนต่อเนื่องไปเช่นกัน นอกจากน้ีมาตรการทางกฎหมายอย่างการลงโทษ การออกระเบยี บปฏิบตั ิ กค็ วรถูกนามาใชร้ ว่ มดว้ ย เนอื่ งจากชายฝง่ั ทะเลเปน็ พน้ื ทที่ ่ีมกี ารใช้ประโยชนใ์ นหลายมติ ิ มผี ู้คนเขา้ มาเกยี่ วข้อง มากมาย และมีแนวโนม้ จะเพิ่มมากยิง่ ข้นึ ตามประชากรทเี่ พ่ิมขนึ้ และการพัฒนาด้านเศรษฐกจิ และสงั คม หากต้องการรักษาทรัพยากรนี้ไว้อย่างย่ังยืนจาเป็นอย่างย่ิงที่ต้องใช้มาตรการจัดการพ้ืนที่ชายฝั่งทะเล แบบบูรณาการร่วมกันกับมาตรการอื่น ๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรเทาปัญหาและแก้ไขความเสื่อมโทรม ของพ้ืนท่ี โดยการจัดการการใช้ประโยชน์และแก้ไขปัญหาความขัดแย้งให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และประสิทธผิ ล
๗๙ โดยใช้กระบวนการจดั การทม่ี ีการผสมผสานกันระหวา่ งหน่วยงานและแผนงานต่าง ๆ ทีเ่ ก่ยี วข้อง กลมุ่ ผ้ใู ช้ประโยชนแ์ ละผ้มู ีสว่ นได้สว่ นเสยี ทง้ั นี้ ต้องอาศยั องค์ความรูต้ ่าง ๆ ท้ังทางวทิ ยาศาสตร์ สังคม วัฒนธรรม และเศรษฐกิจ เพื่อนามาวางแผนการพัฒนาเพ่ือนาไปปฏิบัติให้เกิดการใช้ประโยชน์ อยา่ งย่ังยืน ควบคู่ไปกับการอนรุ กั ษ์พื้นทช่ี ายฝั่งทะเล โดยมหี ลายมาตรการเพ่อื การจัดการพนื้ ที่ชายฝ่ังทะเล เช่น การจัดรูปองค์กร การบังคับใช้กฎหมาย การเสริมสร้างความรู้ การจัดการฐานข้อมูล การกาหนด ระยะถอยร่น การแบ่งเขตการใช้ประโยชน์พื้นท่ีชายหาด การกาหนดมาตรการทางเศรษฐศาสตร์ การประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม การมีส่วนร่วมของประชาชน การประเมินความเส่ียง และการประเมิน ความเปราะบาง เปน็ ต้น ๑๒) สาหรับชายหาดท่องเที่ยวที่ประสบปัญหาการกัดเซาะชายฝง่ั มาตรการเติมทราย ชายหาดควรถูกเลือกใช้เป็นมาตรการหลักก่อน หากมีข้อจากัดท่ีไม่สามารถดาเนินการได้ จึงคอ่ ยแสวงหามาตรการอ่ืน ๆ ทดแทน การเติมทรายชายหาด มีประโยชน์หลกั ท่เี หน็ เดน่ ชดั คือ เพิม่ พื้นท่สี าธารณะประโยชน์ เพ่ือการพักผ่อนหย่อนใจ เสริมสร้างเกราะป้องกันชายฝ่ัง นอกจากน้ันยังมีผลประโยชน์แฝงอื่น เช่น เป็นแหล่งท่ีอยู่อาศัยของสัตว์ เสริมสร้างความสมบูรณ์ของระบบนิเวศริมชายหาด ลดการสร้าง โครงสร้างทางวิศวกรรมซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ใกล้เคียง เพิ่มศักยภาพการเข้าถึงพื้นท่ีชายหาด เสริมสร้างสุขภาพกายใจ ส่งเสริมการท่องเที่ยว ตลอดจนเป็นวิธีการที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาพ้ืนท่ี ชายฝ่งั ทะเลในอนาคต เป็นตน้ ดังจะเห็นได้ว่าประเทศที่ได้รับผลประโยชน์จากการท่องเที่ยวทางทะเลและมีมูลค่า ของหาดทรายสูง แม้ต้องเผชิญกับปัญหาการกัดเซาะชายฝ่ัง แต่มักหลีกเลี่ยงการใช้โครงสร้าง เพ่ือป้องกันชายฝ่ัง อาทิ หาดไวกิกิในฮาวาย หาดไมอาม่ี ประเทศสหรัฐอเมริกา หาดแคนคูน ประเทศเม็กซิโก โดยวิธีการหนึ่งที่นิยมนามาปรับใช้กับชายหาดเหล่าน้ีคือ มาตรการเติมทรายชายหาด ในส่วนของประเทศไทยน้ันหาดจอมเทียน จังหวัดชลบุรี ก็เผชิญกับปัญหาการกัดเซาะชายฝ่ังเช่นกัน โดยในขณะน้ีอยู่ระหว่างการดาเนินเติมทรายเช่นเดียวกันกับท่ีสาเร็จลุล่วงไปแล้วคือ ชายหาดพัทยา จังหวัดชลบุรี โดยพบว่าเม่ือประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ด้วย B/C ratio แล้วมีค่า ๓.๒๓ บาท ซงึ่ ถือว่าคุม้ ค่าต่อการลงทุนเป็นอยา่ งยง่ิ การเตมิ ทรายชายหาดจอมเทียน โดยกรมเจ้าทา่
๘๐ การเติมทรายชายหาดพัทยา แลว้ เสร็จ กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๕๖๒ โดยกรมเจ้าท่า มาตรการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝ่ังโดยวิธีการเติมทรายนั้น นับเป็นมาตรการเดยี ว จากทีม่ ีท้งั หมดท่ีเปน็ การเพ่ิมมวลทรายให้กบั ชายหาด เป็นวธิ ีการทีห่ ากปฏิบตั ิถูกตอ้ งตามหลักวิชาการแล้ว จะเป็นการแก้ปัญหาท่ีส่งผลกระทบด้านลบน้อย ไม่รบกวนทัศนียภาพของชายหาดโดยอาจปรับใช้ ร่วมกับมาตรการแก้ไขแบบอื่นได้อีกทางหนึ่ง อย่างไรก็ตาม มาตรการน้ีมิได้เหมาะสมกับทุกชายหาด เนื่องจากใช้งบประมาณค่อนข้างมากและจาเป็นต้องดาเนินการอย่างต่อเน่ือง จึงเหมาะสมกับชายหาด ที่ให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกจิ สูงอย่างชายหาดท่องเท่ียว ในการนีห้ น่วยงานที่รับผิดชอบควรเฝ้าตดิ ตาม การเปลีย่ นแปลง วางแผนบารุงรักษาโดยการเสรมิ ทรายเพมิ่ ในลกั ษณะประจาตามรอบปที ไี่ ด้ออกแบบไว้ รวมถงึ ทุกฝา่ ยควรมคี วามร้ถู ึงสมดลุ ของชายหาด เพอื่ ความเข้าใจในกระบวนการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ เพ่ือปรบั ตัวให้สอดคล้องและอยรู่ ว่ มกบั การเปลยี่ นแปลงนน้ั ไดอ้ ยา่ งยัง่ ยนื ๑๓) มาตรการแก้ไขและป้องกันผลกระทบส่ิงแวดล้อม และมาตรการติดตาม ตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ท่ีระบุในรายงานวิเคราะห์ผลกระทบส่ิงแวดล้อมควรมีสภาพบังคบั มากกวา่ ทเี่ ป็นอยู่ เมื่อเจ้าของโครงการทั้งรัฐและเอกชนดาเนินโครงการใด ๆ ที่ก่อให้เกิดผลกระทบ ต่อพื้นท่ีชายฝ่ังทะเลโดยเป็นประเภทโครงการท่ีถูกระบุไว้ในประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้แก่ รอดักทราย เข่ือนกันทรายและคลื่น รอบังคับกระแสน้า แนวเขื่อนกันคลื่น นอกฝั่งทะเล ท่าเทียบเรือ และการถมทะเล ต้องเสนอรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Assessment : EIA) หรือ รายงานการวเิ คราะหผ์ ลกระทบสงิ่ แวดลอ้ มและสุขภาพ (Environmental and Health Impact Assessment : EHIA) ตอ่ สานักงานนโยบายและแผนทรพั ยากรธรรมชาติ และสงิ่ แวดล้อม (สผ.) โดยองค์ประกอบหน่ึงที่ต้องระบุไว้ในรายงานคือ มาตรการแก้ไขและป้องกัน ผลกระทบส่ิงแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม ที่อาจเกิดข้ึนระหว่าง และหลังจากการดาเนินโครงการน้ัน ซึ่งที่ผ่านมาในอดีตมิได้มีสภาพบังคับใด ๆ ส่วนในปัจจุบันเจ้าของ โครงการต้องส่งรายงานการปฏิบัติตามมาตรการที่ระบุไว้ตามเง่ือนไขในรายงานแก่สานักงานนโยบาย และแผนทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม มิฉะนั้นจะได้รับโทษปรับไม่เกิน ๑ ล้านบาท สาหรับโครงการท่ีต้องจัดทา EIA และ ๑.๕ ล้านบาท สาหรับโครงการทีต่ ้องจดั ทา EHIA โดยมากแลว้ โครงการป้องกันชายฝ่ังมักจะสง่ ผลกระทบต่อเน่ืองกับพื้นทบี่ ริเวณข้างเคียง ซึ่งเจ้าของโครงการต้องใช้งบประมาณอย่างต่อเน่ืองเพื่อแก้ไขลดผลกระทบดังกล่าว หากมาตรการ ท่ีถกู ระบุไวใ้ นรายงานมิได้มีสภาพบงั คับไปมากกวา่ การไมส่ ่งรายงานและถกู ปรบั ในอนาคตอาจเกิดกรณี
๘๑ ท่ีเจ้าของโครงการเพิกเฉยต่อการปฏิบัติตามมาตรการแก้ไขและป้องกันผลกระทบส่ิงแวดล้อม และมาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยยอมท่ีจะถูกปรับเมื่อชั่งน้าหนักแล้วว่า การปฏบิ ตั ติ ามเงื่อนไขในรายงานน้นั ใชง้ บประมาณที่มากกวา่ ค่าปรบั ด้วยเหตุนี้ สานักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อมในฐานะ ของหน่วยงานท่ีกากับดูเร่ืองนี้โดยตรงควรให้เจ้าของโครงการต้องปฏิบัติตามมาตรการที่ระบุ ไว้ในรายงานอย่างเคร่งครัดและมีสภาพบังคับมากกว่าที่เป็นอยู่นี้ เพื่อให้โครงการที่จาเป็นเกิดขึ้น ได้อยา่ งมผี ลกระทบนอ้ ยทสี่ ดุ ๑๔) ควรจากัดการพัฒนาท่ีประชิดชายฝัง่ ทะเล อนุญาตเฉพาะส่งิ อานวยความสะดวก สาธารณะเพ่อื การเขา้ ถงึ ชายหาดเทา่ ทจ่ี าเปน็ เทา่ นั้น ในปัจจุบันมักพบเห็นการพัฒนาสาธารณูปโภคพ้ืนฐานริมชายหาดท่ีเกินจาเป็น โดยการปรับเปลี่ยนสภาพจากชายหาดธรรมชาตเิ ป็นหาดประดษิ ฐ์ เป็นตน้ ว่า ทางเดนิ คอนกรีตเลยี บหาด ท่ีประชิดชายหาดหรือล้าลงไปในทะเลมากจนเกินไป ทางลงเจ็ตสกีที่สร้างย่ืนล้าลงไปในระยะท่ีน้าทะเล ซัดเข้ามาถึงการปรับภูมิทัศน์โดยทาทางลาด ทาลานปูนทับลงไปบนชายหาด หรือในพ้ืนท่ีเอกชน อาจพบเห็นการทากาแพงยื่นล้าพ้ืนที่กรรมสิทธิ์เหล่านี้ นอกจากจะเป็นการรบกวนกระบวนการ ทางชายฝ่ังทะเลตามธรรมชาติแล้ว ยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้โครงสร้างนั้นเสียหายจากแรงกระทา ของคล่ืนได้ ความเสียหายทเ่ี กิดกับทางเดินรมิ ทะเล จังหวดั สมทุ รสาคร ทางลาดลงเจต็ สกบี ริเวณหาดชลาทศั น์ ทีส่ ร้างลา้ ลงไปบนชายหาดมากเกนิ ไป จนเกดิ ความเสยี หาย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 675
- 676
- 677
- 678
- 679
- 680
- 681
- 682
- 683
- 684
- 685
- 686
- 687
- 688
- 689
- 690
- 691
- 692
- 693
- 694
- 695
- 696
- 697
- 698
- 699
- 700
- 701
- 702
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 700
- 701 - 702
Pages: