Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore เล่ม 1(5) เรื่องที่ค้างพิจารณา

เล่ม 1(5) เรื่องที่ค้างพิจารณา

Published by agenda.ebook, 2022-06-16 12:46:32

Description: (5) เรื่องที่ค้างพิจารณา การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 4 ครั้งที่ 29 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566

Search

Read the Text Version

- 182 - กรรมสิทธ์ิในที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็นข้อมูลที่สามารถเข้าถึงได้โดยง่ายและสามารถร้องขอจาก หน่วยงานที่รับผิดชอบได้อยู่แล้ว จึงต้องพิจารณาถึงเหตุผล ความจาเป็น และวัตถุประสงค์ในการกาหนด ข้อยกเว้นดังกลา่ ว (กระทรวงยุตธิ รรม) - ควรกาหนดให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้เฉพาะกรณีเจ้าของข้อมลู ยินยอมเทา่ นั้น เวน้ แต่มี เหตุอันจาเป็น หรือเหตุท่ีอาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อหน่วยงานรัฐซึ่งได้กาหนดไว้อย่างชัดเจน ด้วย จึงจะมีสิทธิจัดระบบข้อมูลส่วนบุคคลได้ เนื่องจากการเข้าไปจัดระบบโดยไม่มีเหตุอันสมควรอาจกระทบ สิทธสิ ่วนบุคคลและขัดตอ่ บทบัญญตั ริ ฐั ธรรมนูญ (กรมสนับสนุนบริการสขุ ภาพ) - ขอ้ มูลส่วนบุคคลตอ้ งได้รบั ความยนิ ยอมจากเจา้ ของขอ้ มูล (สานักงานประกันสังคม) - เห็นด้วย แต่ควรเพิ่มเติมวิธีการในการร้องขอหรือร้องเรียน กรณีท่ีหน่วยงานของรัฐมีการ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากความยินยอมของเจ้าของข้อมูล และไม่เป็นไปตามข้อยกเว้นตามร่าง พระราชบัญญัติน้ี (กรมพฒั นาพลงั งานทดแทนและอนรุ กั ษ์พลังงาน) - เห็นด้วยในหลักการ เพราะเรื่องดังกล่าวมีบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วน บุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๒๔ (๒) มาตรา ๒๖ (๑) มาตรา ๒๗ และมาตรา ๒๘ (๕) โดยการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลจะกระทาได้กรณีเพ่ือป้องกันหรือ ระงบั อนั ตรายต่อ “ชวี ติ รา่ งกาย หรือสขุ ภาพ” ของบคุ คล เห็นได้วา่ พระราชบญั ญตั ิดงั กล่าวม่งุ คมุ้ ครองสิทธิใน เน้ือตัวร่างกายของบุคคล ๓ อย่าง ได้แก่ชีวิต ร่างกาย และสุขภาพ ขณะท่ีร่างพระราชบัญญัติ มาตรา ๓๒ (๗) คุ้มครองเพียงชีวิตและสุขภาพเท่าน้ัน จึงเห็นควรเพิ่ม “ร่างกาย” ของบุคคลให้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้รับความ คุ้มครองตามมาตรานี้จากการเปิดเผยโดยปราศจากความยินยอมของเจ้าของข้อมูลที่ให้ไว้ล่วงหน้าหรือใน ขณะนั้นด้วย เพ่อื ใหส้ อดคลอ้ งกบั พระราชบญั ญตั ิดงั กลา่ ว และเพ่ือใหบ้ ทบญั ญตั ิน้ีรัดกมุ ยิ่งข้นึ (กรมท่าอากาศ ยาน) - มาตรา ๓๒ (๙) และ (๑๐) อาจจะเป็นการก้าวล่วงความเป็นส่วนตัวของเจ้าของข้อมูล จนเกนิ ความจาเป็น แมว้ า่ จะเปน็ การอ้างวา่ เพื่อประโยชน์สาธารณะกต็ าม (สานกั งานทรัพยากรนา้ แหง่ ชาติ) - ขอให้พิจารณาว่ามีกฎหมายอ่ืนดาเนินการในเร่ืองที่เกี่ยวข้องน้ีแล้วหรือไม่ (สถาบัน เทคโนโลยีป้องกนั ประเทศ) - ข้อสังเกตในมาตรา ๓๘ (๙) ควรมีการกาหนดขอบเขตของการนาไปใช้ในภารกิจเพื่อ สาธารณะ เพราะอาจเป็นช่องว่างที่ทาให้เกิดการนาไปใช้โดยมิชอบได้ โดยอ้างว่าใช้ในภารกิจเพ่ือสาธารณะ และมาตรา ๓๘ (๑๑) ควรมรี ่างพระราชกฤษฎีกา ซง่ึ กาหนด “กรณีอื่น” ไว้ใหช้ ัดเจนด้วย เพื่อไม่ให้เกดิ ปัญหา ในการบังคับใช้ได้ อน่ึง ข้อยกเว้นตามร่างพระราชบัญญัติน้ีอาจเป็นการยกเว้นสิทธิและหน้าที่ตามกฎหมาย คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลซ่ึงเชอื่ มโยงไปตามมาตรฐานระดับนานาชาติที่มีการยอมรับและใช้บงั คับแล้ว จึงควร พจิ ารณาข้อยกเวน้ ดงั กลา่ วอย่างรอบคอบ (มหาวทิ ยาลยั เทคโนโลยสี รุ นาร)ี - ขอ้ มลู ส่วนบคุ คลควรได้รบั ความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล (ส่วนราชการจังหวดั ตรัง) - ร่างมาตรา ๓๒ (๙) ควรกาหนดขอบเขตคาจากัดความหรือนิยามคาว่า “เป็นไปเพ่ือการ ดาเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ” ให้ชัดเจน หรือควรให้เป็นอานาจของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารฯ เป็นผู้วินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล เพราะหากเขียนไว้กว้าง ๆ อาจมีประเด็นโต้แย้งจากเจ้าของข้อมูล ส่วนบุคคลว่า ผู้ใช้อานาจตามกฎหมายใช้อานาจหน้าท่ีเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ร่างพระราชบัญญัตินี้ให้ อานาจอันอาจเป็นการกระทาท่ีละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน ทั้งนี้ การอ้างเหตุว่าเป็นไปเพ่ือการดาเนิน ภารกิจเพ่ือประโยชน์สาธารณะ จาเป็นต้องกาหนดให้ชดั เจนว่าได้แก่กรณีใดบ้าง มิฉะนั้นร่างพระราชบัญญัตนิ ้ี

- 183 - จะเป็นกฎหมายที่ลิดรอนเสรีภาพของประชาชนได้โดยง่าย (สานักงานส่งเสริมการจัดประชุมและ นิทรรศการ (องค์การมหาชน)) - ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกาหนดให้การให้ความยินยอมสามารถกระทาโดย ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้ จึงเห็นว่าร่างพระราชบัญญัติน้ีควรกาหนดไว้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้ เพื่อให้การ ดาเนินการเก่ยี วกบั กรณดี ังกลา่ วมีประสทิ ธภิ าพมากยิง่ ข้ึน และสอดคล้องกบั ริบทของการดาเนนิ งานในปัจจุบัน (สานกั งานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา) - พจิ ารณารอบคอบเหน็ ชอบ ได้กาหนดไว้ครอบคลมุ คงไวเ้ ดมิ (พรรคแผน่ ดนิ ไทย) - ควรเพิ่มข้อยกเว้นของการเปิดเผยให้เหมือนกับมาตรา ๒๔ ของกฎหมายคุ้มครองข้อมูล สว่ นบคุ คล เชน่ การเปดิ เผยเพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามกฎหมายของหนว่ ยงานรัฐ (Legal Obligation) เปิดเผยเพื่อวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานรัฐ (Legitimate Interest) หรือ เปิดเผยเนื่องจากเป็นการจาเป็นในการปฏิบัติตามสัญญาท่ีเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่ สัญญาหรือใช้ในการ ดาเนินการตามคาขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทาสัญญา (Contract) (บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ อาหาร จากดั (มหาชน)) - ร่างมาตรา ๓๒ ควรกาหนดให้สอดคล้องกับบทบัญญัติในมาตรา ๒๔ แห่งพระราชบัญญัติ ค้มุ ครองขอ้ มูลส่วนบคุ คล พ.ศ. ๒๕๖๒ (บรษิ ัท ทีโอที จากัด (มหาชน) - เห็นควรให้มีการติดตาม และคณะกรรมการฯ อาจพิจารณาให้มีการทบทวนข้อยกเว้น ภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการฯ กาหนด อยา่ งไรก็ตามในร่างมาตรา ๓๒ (๗) ได้กาหนดให้รัฐเปดิ เผยข้อมูล ส่วนบุคคลได้ในกรณีท่ีเป็นการให้ซึ่งจาเป็นเพ่ือการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชี วิตหรือสุขภาพของบุคคล โดยเฉพาะข้อมูล Big Data จะมีประโยชน์มากหากสามารถเช่ือมโยงข้อมูลส่วนบุคคลเข้าด้วยกันได้ท้ังจาก หน่วยงานรัฐและเอกชน เช่น ข้อมูลสุขภาพ การศึกษา หรือสวัสดิการ แต่ไม่ชัดเจนว่าร่างพระราชบัญญัติจะ ขัดขวางการนาเข้าข้อมูล Big Data มาวิเคราะห์เพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะหรือไม่ เช่น การระบุบุคคลท่ี ต้องการความชว่ ยเหลือโดยด่วน เปน็ ตน้ (สานักงานสง่ เสริมเศรษฐกจิ ดจิ ทิ ลั ) - กรณีหมวด ๓ ข้อมูลส่วนบุคคล ตามมาตรา ๓๒ ซึ่งกาหนดให้หน่วยงานของรัฐจะเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลท่ีอยู่ในความควบคุมดูแลของตนต่อหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นหรือผู้อื่น โดยปราศจากความ ยินยอมเป็นหนังสือของเจ้าของข้อมูลมิได้ เว้นแต่เข้าข้อยกเว้นตามกฎหมาย โดยมีข้อยกเว้นรวมถึงเร่ืองการ เปิดเผยข้อมูลส่วนบคุ คลต่อเจา้ หน้าท่ีของรัฐเพ่ือการป้องกันการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเหน็ วา่ คาว่า “เพื่อป้องกันการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย” เป็นถ้อยคาที่อาจทาให้เจ้าหน้าที่ใช้ดุลพินิจได้อย่างกว้าง อาจขัดต่อหลักของกฎหมายในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกระทบสิทธิเสรีภาพของบุคคลอย่างมี นยั สาคัญได้ (สานักงานคณะกรรมการนโยบายรฐั วสิ าหกจิ ) - หากกฎหมายฉบับน้ีจะออกมาเพื่อยกเว้นกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคลก็ควรจะต้องกาหนด หลักการและเหตุผลให้ชัดเจนเพื่อป้องกันความไม่สอดคล้องกันของกฎหมาย เน่ืองจากธนาคารเป็นสถาบัน การเงินมีหน้าท่ีหลักท่ีจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด การที่ร่างพระราชบัญญัติจะ กาหนดยกเว้นให้ธนาคารสามารถเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวได้จึงต้องมีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาท่ีเหมาะสมเพื่อ ป้องกนั การปฏิบัตผิ ิดกฎหมาย (ธนาคารอาคารสงเคราะห์)

- 184 - - การเปิดเผยโดยไม่ได้รับความยนิ ยอมจากเจ้าของข้อมูลสว่ นบุคคล เช่น (๙) เป็นไปเพื่อการ ดาเนินภารกิจเพ่ือประโยชน์สาธารณะ หรือ (๑๐) เป็นข้อมูลผู้ถือหุ้นหรือกรรมการของนิติบุคคล ผู้ถือครอง กรรมสิทธ์ิในที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ ตามมาตรา ๓๒ แห่งร่างพระราชบัญญัติ อาจถือได้ว่าได้ว่าเป็นการ ละเมิดสิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคล ซึ่งมีบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยคุ้มครองไว้ โดยเห็น ควรกาหนดหลักเกณฑ์ เง่อื นไขเก่ียวกับข้อยกเว้นให้ชัดเจนในกรณที ่ีจะมีการเปดิ เผยข้อมลู ส่วนบุคคลโดยไม่ได้ รับความยินยอมเป็นหนังสือของเจ้าของข้อมูลอาจถือได้ว่าเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพส่วนบุคคลซ่ึงมี บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยคุ้มครองไว้ (สานักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดลอ้ ม) - จาเป็นต้องมีความชัดเจนในเบื้องต้นว่าคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลจะยินยอม ให้คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะเป็นผู้กากับดูแล เนื่องจากปัจจุบันแม้จะยังไม่มีกฎหมายลาดับรอง ออกตามความแห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๕๖ อย่างไรก็ดี ผู้แทนกระทรวงดิจิทัล เพ่ือเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเป็นเจ้าของกฎหมายดังกล่าว แสดงจุดยืนเกี่ยวกับการสร้างมาตรฐานในการ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นแนวทางเดียวกันทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชนและภาคประชา สังคม ดงั นน้ั การกาหนดหลกั เกณฑแ์ นวทางปฏบิ ัตจิ ึงควรหารอื กับสานักงานคณะกรรมการคมุ้ ครองข้อมูลส่วน บุคคล (สานักขา่ วกรองแห่งชาติ) ๑๖. ท่านเห็นด้วยกับการเปิดเผยข้อมูลด้วยการเชื่อมโยงหรือแลกเปล่ียนข้อมูลทาง อิเล็กทรอนิกส์ระหว่างหน่วยงานของรัฐ หากมีข้อมูลส่วนบุคคลรวมอยู่ด้วยต้องแจ้งให้คณะกรรมการ ข้อมูลข่าวสารสาธารณะทราบ รวมถึงหลักเกณฑ์และวิธีการจัดให้มีการรักษาความม่ันคงปลอดภัยของ ขอ้ มูลสว่ นบุคคล ตามที่กาหนดไวร้ ่างกฎหมายน้ีหรอื ไม่ อย่างไร เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย - เห็นดว้ ย (กระทรวงยุติธรรม) - ไม่เหน็ ดว้ ย (เทศบาลเมืองกุฉินารายณ์) (กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์) (กรมทรัพยากรน้า - อาจมีปัญหาและข้อขัดข้องในทางปฏิ บัติ บาดาล) (กรมการข้าว) (สานักงานราชบัณฑิตย (สานักงานกองทุนนา้ มันเช้ือเพลิง) สภา) (จังหวัดลพบุรี) (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) - หน่วยงานของรัฐมีหน้าที่ต้องดาเนินการตาม มาตรฐานของกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ) (มหาวทิ ยาลัยแม่ เมื่อมีการโอนข้อมูลส่วนบุคคลระหว่างผู้ควบคุม ฟ้ า ห ล ว ง ) ( ม ห า วิ ท ย า ลั ย เ ก ษ ต ร ศ า ส ต ร์ ) ข้อมูลส่วนบุคคล และผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบคุ คล (มหาวิทยาลัยแม่โจ้) (มหาวิทยาลัยมหิดล) อยู่แล้ว รวมถึงมีคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วน (สานักงานรฐั มนตรกี ระทรวงศึกษาธิการ) (จังหวัด บุคคลเพื่อกากับดูแลเป็นการเฉพาะ จึงไม่ควรมี พระนครศรีอยุธยา) (จังหวัดนนทบุรี) (จังหวัด บทบัญญัติท่ีซ้าซ้อน (บริษัท อสมท จากัด อ่างทอง) (สานักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด (มหาชน)) ชัยนาท) (จังหวัดสมุทรสงคราม) (จังหวัด - ไม่เห็นด้วย ๓ หน่วยงาน เป็นข้อมูลส่วนบุคคล อุ ทั ย ธ า นี ) ( จั ง ห วั ด เ พ ช ร บุ รี ) ( จั ง ห วั ด รวมอยู่ด้วย (ส่วนราชการจังหวัดตรัง) หนองบัวลาภู) (สานักงานสภานโยบายการ อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

- 185 - แห่งชาติ) (สภาเทคนิคการแพทย์) (สานักงาน - ควรเพิ่มหลักเกณฑ์หรือขั้นตอนในการขอความ ส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การ ยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อน (สานักงานการ มหาชน)) (ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน)) ปฏริ ูปท่ีดินจงั หวดั กาฬสนิ ธุ์) (พรรคพลังสหกรณ์) (พรรคแผ่นดินไทย) (บริษัท - หากเป็นข้อมูลส่วนตัวควรได้รับความยินยอมจาก เจ้าของข้อมูล (องค์การบริหารส่วนจังหวัด ไปรษณีย์ไทย จากัด) (เทศบาลเมืองมุกดาหาร) ปราจีนบรุ ี) (องค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี) (องค์การ - รายละเอียดยังไม่ชัดเจน ดังนั้น ควรระบุให้ชัดเจน บริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ) (เทศบาลเมือง ย่ิงข้ึน ทั้งนี้ ขอให้คานึงถึงกฎหมายอ่ืนที่เกี่ยวข้อง บ า ง ร ะ จั น ) ( อ ง ค์ ก า ร บ ริ ห า ร ส่ ว น จั ง ห วั ด และสนธิสัญญาระหว่างประเทศ (กรมเช้ือเพลิง หนองบัวลาภู) (องค์การบริหารส่วนจังหวัด ธรรมชาติ) นครราชสีมา) (องค์การบริหารส่วนจังหวัด - บทบัญญัติในส่วนที่เก่ียวกับข้อมูลส่วนบุคคลไม่ นนทบุรี) (องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุรินทร์) ควรอยู่ในร่างพระราชบัญญัติน้ีเพราะอาจทาให้เกิด (กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์ุพืช) ปัญหาความทับซ้อนกับพระราชบัญญัติคุ้มครอง (สานักงานสรรพากรพื้นท่ีกาฬสินธ์ุ) (สานักงาน ข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ ด้วย (สานักงาน ตารวจแหง่ ชาต)ิ คณะกรรมการคมุ้ ครองผบู้ ริโภค) - เห็นด้วย ท้ังน้ีหากเป็นกรณีที่เอกชนซ่ึงมีข้อมูล - ก า ร เ ช่ื อ ม โ ย ง ห รื อ แ ล ก เ ป ล่ี ย น ข้ อ มู ล ท า ง ข่าวสารสาธารณะเป็นผู้รับข้อมูลก็ควรมีมาตรการ อิ เ ล็ ก ท ร อ นิ ก ส์ ร ะ ห ว่ า ง ห น่ ว ย ง า น ข อ ง รั ฐ หากมีข้อมูลส่วนบุคคล ควรพิจารณาถึงข้อยกเว้น เชน่ เดยี วกนั (กรมทางหลวงชนบท) ก่อน หากข้อยกเว้นกาหนดให้สามารถเปิดเผยขอ้ มลู - เห็นด้วย เป็นการคุ้มครองข้อมูลที่สอดคล้องกับ ส่วนบุคคลได้ หน่วยงานของรัฐก็สามารถดาเนินการ มาตรฐานสากลเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัย ได้ตามกฎหมายร่างพระราชบัญญัติน้ีและต้องรักษา ของข้อมูล (กรมสง่ เสรมิ อตุ สาหกรรม) ความปลอดภัยของข้อมูล แต่ทั้งน้ีข้อกฎหมายควร - เห็นด้วย เพ่ือให้สอดรับ กับการพัฒนาด้าน กาหนดว่า ข้อมูลส่วนบุคคลท่ีจะเปิดเผยระหว่าง เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ทาให้ประชาชนเข้าถึง หน่วยงานของรัฐท่ีได้รับการยกเว้นนั้น มีส่วนใดบ้าง ข้อมูลหรือข่าวสารได้สะดวกและมีประสิทธภิ าพมาก ที่สามารถเปิดเผยได้ เพ่ือให้เกิดความชัดเจนในการ ย่ิงข้นึ (กรมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝัง่ ) ปฏิบัติงาน และไม่ขัดต่อกฎหมายว่าด้วยการ - เห็นด้วย เป็นการคุ้มครองและรักษาความลับของ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (ธนาคารอาคาร ข้อมูล (กรมการขนสง่ ทางบก) สงเคราะห์) - เห็นด้วยกับการเช่ือมโยงหรือแลกเปลี่ยนข้อมูล เ พ่ื อ ใ ห้ ก า ร ป ฏิ บั ติ ง า น เ ป็ น ไ ป ด้ ว ย ค ว า ม ส ะ ด ว ก รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ (กรมสนับสนุนบริการ สขุ ภาพ) - เป็นไปตามหลักการคุ้มครองข้อมูลข่าวสารส่วน บคุ คล (กรมชลประทาน) - เป็นความจาเป็นทางเทคโนโลยีการสื่อสารท่ี เปล่ียนแปลงไป แต่ท้ังนี้การดาเนินงานต้องคานึงถึง

- 186 - ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลตามสมควร (กรมโรงงานอุตสาหกรรม) - ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลท่ีสาคัญสมควรได้รับ การคมุ้ ครองอยา่ งเหมาะสม และเป็นไปตามหลกั การ ต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลข่าวสาร ส่ ว น บุ ค ค ล ( security) ( ส า นั ก เ ล ข า ธิ ก า ร นายกรฐั มนตรี) - เห็นด้วยตามที่กาหนดไว้ในร่างกฎหมายน้ี (กรม พลศกึ ษา) - เปน็ การใช้ระบบสารสนเทศท่ีทนั สมัยมาใชเ้ พ่ือเพ่ิม ประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ (สถาบันมาตร วทิ ยาแหง่ ชาต)ิ - เห็นด้วย โดยต้องพิจารณาพระราชบัญญัติการ บริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบ ดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๖๒ ประกอบด้วย (สานักงานสถิติ แห่งชาติ) - เพราะการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นเร่ืองที่ สาคญั (กรมควบคมุ มลพษิ ) - เป็นการพิทักษ์สิทธิประโยชน์ของประชาชน (ธนาคารอิสลามแหง่ ประเทศไทย) - เพ่ือให้สอดคล้องกับกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคล (บริษัท ท่าอากาศยานไทย จากัด (มหาชน)) - การเชื่อมโยงหรือแลกเปลี่ยนข้อมลู สว่ นบุคคลทาง อิเล็กทรอนิกส์ระหว่างหน่วยงานของรัฐ มีความ สอดคล้องกับหลักการการเช่ือมโยงและแลกเปลี่ยน ข้อมูล (Integration) ตามพระราชบัญญัติการ บริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบ ดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๖๒ มาตรา ๑๓ และมาตรา ๑๔ ท่ี ก า ห น ด ใ ห้ ห น่ ว ย ง า น ข อ ง รั ฐ ต้ อ ง จั ด ใ ห้ มี ก า ร เชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลดิจิทัลที่จัดทาและ ครอบครองตามที่หน่วยงานของรัฐแห่งอื่นร้องขอ โดยหน่วยงานของรัฐผู้รับข้อมูล ต้องใช้ข้อมูลตาม หน้าที่และอานาจของตน และต้องดูแลรักษาข้อมูล ให้ม่ันคง ปลอดภัย ไม่เปิดเผย หรือโอนข้อมูลไปยัง ผไู้ ม่มสี ิทธเิ ขา้ ถงึ (สานกั งานพฒั นารัฐบาลดจิ ทิ ลั )

- 187 - - เห็นด้วยหากมีข้อมูลส่วนบุคคลรวมอยู่ด้วยกับ ข้อมูลข่าวสารสาธารณะควรแจ้งให้คณะกรรมการ ข้อมูลข่าวสารทราบก่อน เพ่ือพิจารณาว่าสามารถ เปิดเผยได้หรือไม่หรือต้องได้รับความยินยอมจาก เจ้าของข้อมูลก่อนทาการเปิดเผย (กรมคุ้มครอง สิทธแิ ละเสรภี าพ) - เห็นด้วยกับมาตรา ๓๓ (สานักงานคณะกรรมการ พิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเน่ืองมาจาก พระราชดาร)ิ - เหมาะสมแล้ว (การประปาสว่ นภูมภิ าค) - การปฏิบัติงานของรัฐในปัจจุบันจะต้องมีการ เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานตามนโยบายของ รัฐ แต่ยังไม่มีหลักเกณฑ์และแนวทางที่ชัดเจนมา รองรบั วา่ จะสามารถดาเนินการได้มากน้อยเพยี งใดท่ี จะไม่ขัดหรือแย้งกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ การกาหนดเน้ือหาในสว่ นนี้ จึงช่วยสนับสนุนการปฏิบัติงานหน่วยงานของรัฐ และการเชื่อมโยงที่ข้อมูลส่วนบุคคลเพียงบางส่วน ถ้ า จ ะ เ ชื่ อ ม ห รื อ ใ ห้ ข้ อ มู ล ต้ อ ง มี ก า ร แ จ้ ง คณะกรรมการ (การประปานครหลวง) - เพื่อให้เกิดการทางานอย่างเป็นระบบและคณะ กรรมการฯ ควรรับทราบทุกความเคล่ือนไหวของ ข้อมูลข่าวสารท่ีถูกนาไปใช้ (มหาวิท ยา ลัย เทคโนโลยีสรุ นารี) - ถ้ามีข้อมูลส่วนบุคคลต้องขอยินยอมก่อนหลัก ข้อมูลส่วนบุคคล คือ ห้ามเปิดเผย หากเปิดได้เมื่อ เฉพาะบคุ คลนน้ั ยนิ ยอม (มหาวิทยาลัยทักษิณ) - มีความถูกต้องและเหมาะสมตามหลักเหตุและผล แ ล้ ว ( ส ถ า บั น ก า ร พ ย า บ า ล ศ รี ส ว ริ น ทิ ร า สภากาชาดไทย) - เป็นการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วน บุคคลซึ่งมีผลใช้บังคับแล้ว (มหาวิทยาลัยนวมินท ราธิราช) - เพ่ือให้การดาเนินงานของหน่วยงานของรัฐเกิด ความรวดเร็ว รวมถึงการแจ้งให้คณะกรรมการฯ ทราบ ทาให้สร้างความม่ันใจต่อข้อมูลส่วนบุคคล ดังกล่าวได้ แต่การเชื่อมโยงข้อมูลดังกล่าวต้อง

- 188 - ระมัดระวังอย่างมากเพ่ือความม่ันคงของบุคคล (มหาวทิ ยาลยั พะเยา) - เพื่อการรักษาความม่ันคงปลอดภัยของข้อมูลส่วน บุคคล (องค์การสุรา กรมสรรพสามติ ) - เหมาะสมและสอดคล้องกับ กฎหมายการ บริหารงานและการให้บริการภาครัฐผ่านระบบ ดิจิทัล และกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แหง่ ชาต)ิ - สาหรับกรมบังคับคดีได้มีการเชื่อมโยงข้อมูลทาง อิเล็กทรอนิกส์ระหว่างหน่วยงานของรัฐ และเอกชน หลายหนว่ ยงาน ซึ่งควรจะต้องให้ความระมัดระวังใน การเปิดเผยข้อมูลด้วยการเช่ือมโยงหรือแลกเปล่ียน ข้อมูลทางอเล็กทรอนิกส์ระหว่างหน่วยงานของรัฐ (กรมบังคบั คดี) - เปน็ การจดั ระบบข้อมลู ส่วนบุคคลให้ถูกต้องชัดเจน เป็นธรรม และตรวจสอบได้ เป็นการคุ้มครองข้อมูล ส่วนบคุ คล (จังหวัดแม่ฮ่องสอน) - เห็นด้วย ๒๐ หน่วยงาน (ส่วนราชการจังหวัด ตรัง) - เพ่ือให้ทันสมัยและเหมาะสมกับข้อมูลข่าวสารท่ี เปล่ียนแปลงอย่างรวดเร็วซ่ึงเกิดประโยชน์กับ ประชาชน (จังหวัดรอ้ ยเอ็ด) - สภาพสังคมปจั จบุ ันเป็นสังคมดจิ ทิ ัล หน่วยงานของ รัฐควรจะมีการปรับปรุงระบบการเช่ือมโยงข้อมูลให้ มีความทันสมัยเหมาะสมกับสภาพสังคม (จังหวัด สงขลา) (จังหวัดระนอง) - เพื่อความสะดวก รวดเร็วในการปฏิบัติงาน ส่วนข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องได้รับอนุญาตจาก เจ้าของข้อมูลก่อน (สานักงานปศุสัตว์จังหวัด กาฬสินธ)ุ์ - เพื่อเป็นประโยชน์ต่อราชการ (อาเภอนามน จังหวดั กาฬสนิ ธุ์) - เพ่ือป้องกันมิให้นาข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้หรือ เปิดเผยโดยไม่เหมาะสมหรือเป็นผลเสียต่อเจ้าของ ขอ้ มลู (จงั หวัดพจิ ติ ร) - การเชื่อมโยงหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลจะต้องจัดให้มี การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

- 189 - เพ่ือให้การเปิดเผยและแลกเปล่ียนข้อมูลเป็นไป อย่างรัดกุม และเพ่ือคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลท่ีอยู่ ในความครอบครองหรือดูแลของหน่วยงานของรัฐ (สานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพ การศกึ ษา) - มคี วามเหมาะสมแล้ว (สถาบนั วคั ซนี แหง่ ชาติ) - เป็นไปตามหลักการกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคล และเป็นการคุ้มครองสิทธิของ บุคคลตามท่ีรัฐธรรมนูญรับรองและคุ้มครองไว้ (พรรคเพ่อื ไทย) - เป็นการดาเนินการให้สอดคล้องกับกฎหมาย คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ อาหาร จากัด (มหาชน)) - เนื่องจากร่างพระราชบัญญัติน้ีมีเค้าโครงตาม กฎหมายเดิม ซ่ึงในส่วนที่เก่ียวข้องกับ บมจ.ทีโอที เห็นว่าสามารถปฏิบัติตามได้ (บริษัท ทีโอที จากัด (มหาชน) - สอดรับกับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคม ดิจิทัล ท่ีมีการเช่ือมโยงเทคโนโลยีทาให้เข้าถึงข้อมูล หรือข่าวสารสาธารณะได้โดยสะดว กแล ะมี ประสิทธิภาพ ลดความเหลื่อมล้าในการเข้าถึงข้อมูล (การยาสูบแหง่ ประเทศไทย) - เห็นด้วยกับการดาเนินการดังกล่าว (การยางแห่ง ประเทศไทย) - เพอ่ื สะดวกแก่การใช้งาน (การท่าเรือแห่งประเทศ ไทย) - เพอ่ื ให้สอดคลอ้ งกบั หลกั การตามกฎหมายคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคล (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศ ไทย) - ไม่ขัดข้องกับข้อกาหนดการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ของราชการด้วยการเชื่อมโยงหรือแลกเปล่ียนข้อมูล ทางอิเล็กทรอนิกส์ตามร่างมาตรา ๓๒ (สานักงาน ส่งเสริมเศรษฐกิจดจิ ทิ ลั ) - เห็นด้วย แต่อย่างไรก็ตามควรมีการแจ้งให้เจ้าของ ขอ้ มลู ได้ทราบดว้ ย (กระทรวงสาธารณสุข) - ถือว่าเป็นการคุ้มครองสิทธิส่วนบุคคล ตามหลัก รัฐธรรมนูญ มาตรา ๓๒ (สานักงานรัฐมนตรี กระทรวงกลาโหม)

- 190 - - การเปิดเผยดังกล่าวมีหลักเกณฑ์และวิธีการที่มี ความเหมาะสมแล้ว (สานักงานคณะกรรมการการ เลอื กตั้ง) - กระบวนการมีข้ันตอนการปฏิบัติท่ีเป็นข้ันตอน เพียงพอท่ีจะปกป้องข้อมูลเหล่าน้ันได้ (สถาบัน พระปกเกลา้ ) - มีความจาเป็นต้องแจ้งให้คณะกรรมการข้อมูล ข่าวสารสารธารณะทราบ นอกจากน้ี หน่วยงานของ รัฐต้องมีการกาหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการจัดให้มี การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล ใหช้ ัดเจน (สานักงานเลขาธิการครุ ุสภา) - ในมาตรา ๓๓ ได้เขียนครอบคลุมหลักเกณฑ์และ วธิ กี าร รวมทง้ั จดั ให้มีการรักษาความม่ันคงปลอดภัย ข อ ง ข้ อ มู ล ส่ ว น บุ ค ค ล ต า ม ก ฎ ห ม า ย ว่ า ด้ ว ย ก า ร ค้มุ ครองขอ้ มูลสว่ นบคุ คล (กระทรวงพลังงาน) - มาตรา ๓๓ ไดก้ าหนดไว้ค่อนข้างครอบคลุมชัดเจน (กรมประชาสัมพันธ์) - เป็นการยกระดับการรักษาและคุ้มครองข้อมลู ส่วน บคุ คล (สานักงานนโยบายและแผนพลังงาน) - ตามร่างมาตรา ๓๓ ได้กาหนดให้หลักเกณฑ์และ วิธีการจัดให้มีการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของ ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งจะเป็นไปตามท่ี คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศ กาหนดต่อไป (กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและ สงั คม) - เห็นด้วยในการเปิดเผยเช่ือมโยงข้อมูลสาธารณะ ทางอิเล็กทรอนิกส์ เพราะจะช่วยให้การรับรู้ข่าวสาร เป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว และเห็นด้วยกับ ก ร ณี ท่ี มี ข้ อ มู ล ส่ ว น บุ ค ค ล อ ยู่ ด้ ว ย แ ล ะ แ จ้ ง ใ ห้ คณะกรรมการฯ ทราบก่อนเผยแพร่ เพราะเป็นการ ป้องกันการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล (สานักงานสภา พฒั นาการเศรษฐกิจและสงั คมแห่งชาต)ิ - เพราะบริบทในสังคมปัจจุบัน ประกอบกับ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศการทาให้มี การสืบค้นถ่ายโอน และเผยแพร่ข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย แ ล ะ ส ะ ด ว ก ร ว ด เ ร็ ว มี ค ว า ม เ สี่ ย ง ท่ี ข้ อ มู ล ส่วนบุคคลจะถูกเอาไปใช้โดยไม่ได้รับความยินยอม

- 191 - จากเจ้าของข้อมูลก่อน และอาจส่งผลกระทบให้เกิด ความเสียหายตอ่ ประโยชน์สว่ นบคุ คล การกาหนดให้ มีหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการให้มีการรักษาความ มั่นคงปลอดภัยของข้อมูลจะช่วยลดข้อผิดพลาด ลด ปัญหา การเปิดเผยข้อมูลท่ีเป็นการกลั่นแกล้ง การ เลือกปฏิบัติท่ีไม่เป็นธรรม การจงใจให้เกิดความ เสียหายต่อเจ้าของข้อมูล และป้องกันการฟ้องร้อง เป็นคดีกันในภายหลัง (สานักงานศิลปวัฒนธรรม ร่วมสมัย) - การเปิดเผยข้อมูลด้ว ยการเชื่อมโ ยงหรือ แลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ ระหว่าง หน่วยงานของรัฐทาให้เกิดการบูรณาการข้อมูล ระหว่างหน่วยงานเป็นไปด้วยความสะดวก รวดเร็ว และในกรณีท่ีมีข้อมูลส่วนบุคคลรวมอยู่ด้วยต้องแจ้ง ให้คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะทราบ รวมถึงการจัดให้มีการรักษาความม่ันคงปลอดภัย ของข้อมูลส่วนบุคคล ทาให้การคุ้มครองข้อมูลส่วน บคุ คลมคี วามปลอดภัยและมีประสิทธภิ าพมากย่ิงข้ึน (กรมปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั ) - ไม่มขี ้อขัดข้อง (องคก์ ารคลงั สินค้า) - เป็นขั้นตอนที่ช่วยป้องกันไม่ให้มีการนาข้อมูลไปใช้ หรือเปิดเผยโดยไม่เหมาะสม หรือเป็นผลร้ายต่อ เจ้าของข้อมูล หรือเพ่ือป้องกันการสูญหายหรือ ท า ล า ย ห รื อ ถู ก เ รี ย ก ดู สื บ ค้ น เ ชื่ อ ม โ ย ง ใช้ เปิดเผย ทาสาเนา หรือเปล่ียนแปลงโดยไม่มสี ิทธิ หรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย (การเคหะแห่งชาต)ิ - มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์มีความ สะดวกรวดเร็วต่อการส่งต่อข้อมูล แต่อาจเกิดการ ร่วั ไหลของขอ้ มูลได้ง่าย เมอื่ เป็นข้อมลู สว่ นบคุ คล จงึ ควรแจ้งคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะ ทราบด้วย ตามร่างกฎหมายฉบับน้ี (กรมส่งเสริม วัฒนธรรม) - เห็นด้วยกับหลักการดังกล่าว เน่ืองจากแม้จะเป็น ก า ร เ ช่ื อ ม โ ย ง ห รื อ แ ล ก เ ป ล่ี ย น ข้ อ มู ล ท า ง อิเล็กทรอนิกส์ระหว่างหน่วยงานของรัฐซ่ึงมีข้อมูล ส่วนบุคคล แต่ข้อมูลดังกล่าวก็ยังคงมีสถานะเป็น ข้อมูลส่วนบุคคล ที่จะต้องมีมาตรการรักษาความ ปลอดภัยท่ีเข้มงวด โดยการนาข้อมูลไปใช้จาเป็น

- 192 - จะต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลอย่าง เป็นทางการก่อนที่จะมีการเปิดเผย เพื่อป้องกันมิให้ มกี ารเข้าถึงขอ้ มลู ส่วนบุคคลโดยมิชอบ หรอื มีการนา ข้ อ มู ล ดั ง ก ล่ า ว ไ ป ใ ช้ โ ด ย มิ ช อ บ ด้ ว ย ก ฎ ห ม า ย (สานักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ ส่ิงแวดลอ้ ม) - เป็นไปตามหลักการของกฎหมายเดิมและ พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ (สานกั งานเลขาธิการสภาผ้แู ทนราษฎร) - สอดคล้องกบั หลกั การของพระราชบัญญัติคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ และกฎหมายเดิม รวมทั้งเป็นไปตามพระราชบัญญัติการบริหารงาน และการให้บริการภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๖๒ (สานักงานเลขาธิการวุฒิสภา) - เพราะคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะ จะ ได้คุ้มครองสิทธิของประชาชน และการมีหลักเกณฑ์ และวิธีการจัดให้มีการักษาความม่ันคงปลอดภัยของ ข้อมูลส่วนบุคคล ตามร่างมาตรา ๓๓ ถือว่ามีเนื้อหา ครอบคลุมแลว้ (กรมวชิ าการเกษตร) - มีผู้รับผิดชอบในการเปิดเผยข้อมูลของผู้มีส่วนได้ ส่วนเสีย เป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานของรัฐ ในการ ทางานด้านการบังคับใช้กฎหมายต่ออาชญากร หรือ ผู้ตอ้ งหาในคดตี า่ ง ๆ (ความเหน็ จากเวบ็ ไซต์) ขอ้ เสนอแนะเพิม่ เติม - ควรมีการคัดกรองข้อมูลส่วนบุคคลก่อนการเช่ือมโยงข้อมูลเพ่ือลดขั้นตอนการปฏิบัติงาน และไมก่ ่อปัญหาในอนาคต (กรมโรงงานอุตสาหกรรม) - การเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงาน MOU มีการกาหนดเง่ือนไขอยู่แล้ว (สานักงาน ประกนั สงั คม) - เห็นด้วย และในมาตรา ๓๓ ควรเพ่ิมอีก ๑ ข้อคือ ต้องมีการปรับปรุง แก้ไข ข้อมูลส่วน บุคคลที่เชื่อมโยงระหว่างกันให้มีความทันสมัยตามช่วงเวลาที่เหมาะสม เพ่ือให้หน่วยงานรัฐต่าง ๆ มีข้อมูลที่ อัพเดทและเป็นปจั จบุ ันมากทีส่ ุด (กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษพ์ ลงั งาน) - ควรให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเข้าถึงข้อมูลนั้นทางอิเล็กทรอนิกส์ได้เช่นเดียวกับเจ้าหน้าท่ี ท่ีเก่ียวข้อง และเจ้าของข้อมูลควรสามารถตรวจสอบทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ว่ามีเจ้าหน้าท่ีคนใดที่เข้าถึงข้อมูล ของตนเมอ่ื ใด เพื่อเปน็ การค้มุ ครองและตรวจสอบขอ้ มูลส่วนบคุ คลของตน (กรมการขา้ ว) - ควรเพิ่มเติมข้อความในมาตรา ๓๓ (๑) ดังนี้ “(๑) ระบบรักษาความม่ันคงปลอดภัยของ ข้อมูลข่าวสารเพื่อป้องกันมิใหม้ ีการนาไปใช้หรอื เปิดเผยโดยไม่เหมาะสมหรอื เป็นผลร้ายต่อเจา้ ของข้อมูล หรือ เพอื่ ปอ้ งกันการทาให้เสียหาย ถูกทาลาย ถูกเรียกดู สืบคน้ เชือ่ มโยง ใช้ เปดิ เผย ทาสาเนา เปลย่ี นแปลงข้อมูล หรือการกระทาอื่นใดโดยไม่มีสิทธิหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยอย่างน้อยระบบดังกล่าวต้องเป็นไปตาม

- 193 - มาตรฐานที่คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารกาหนด (หรือกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม)” (สานักงาน คณะกรรมการพิเศษเพือ่ ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดาริ) - ควรจะต้องได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากเจ้าของข้อมูลท่ีให้ไว้ล่วงหน้าหรือขณะน้ัน เว้นแต่เป็นกรณีท่ีได้รับการยกเว้นตามร่างมาตรา ๓๒ และควรเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคลด้วย สาหรับการแจ้งให้คณะกรรมการฯ ทราบน้ัน เพื่อคุ้มครองสิทธิของประชาชนตามมาตรา ๓๒ แห่งรัฐธรรมนูญ เห็นควรแจ้งให้คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลพิจารณาตามอานาจและหน้าท่ีต่อไป (กรมพฒั นาสงั คมและสวัสดกิ าร) - ไม่ควรเปิดเผยข้อมลู ส่วนบคุ คล (ส่วนราชการจังหวดั ตรงั ) - ควรกาหนดระยะเวลาในการแจ้งคณะกรรมการฯ ว่าต้องดาเนินการแจ้งให้ทราบ ก่อนหรือ หลังการเผยแพร่ขอ้ มลู ข่าวสารระหวา่ งหน่วยงานตามมาตรา ๓๓ วรรคหนง่ึ (จังหวดั เพชรบรุ )ี - การกาหนดให้เปิดเผยข้อมลู ด้วยการเชื่อมโยงหรือแลกเปล่ียนข้อมูลทางอเิ ล็กทรอนิกส์หาก มีข้อมูลส่วนบุคคลรวมอยู่ด้วยต้องแจ้งให้คณะกรรมการฯ ทราบ อาจเป็นข้อจากัดให้การปฏิบัติงานของ หน่วยงานของรัฐ เน่ืองจากในปัจจุบันต้องติดต่อประสานงาน และเชื่อมโยงข้อมูลข่าวสารทั้งข้อมูลข่าวสาร ทั่วไปและข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลอยู่ตลอดเวลา (สานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพ การศึกษา) - ร่างมาตรา ๓๓ การเช่ือมโยงหรือแลกเปล่ียนข้อมูลส่วนบุคคลต้องแจ้งให้คณะกรรมการ ข้อมูลข่าวสารสาธารณะทราบ แตกต่างจากมาตรา ๑๖ แห่งพระราชบัญญัติการบริหารงานและการให้บริการ ภาครัฐผ่านระบบดิจิทัล พ.ศ. ๒๕๖๒ ที่มิได้กาหนดขั้นตอนดังกล่าวไว้แต่อย่างใด จึงเห็นควรให้มีการปรับแก้ มาตราดังกล่าว โดยยกเลิกกระบวนการท่ีแจ้งต่อคณะกรรมการฯ ทราบ เพื่อลดกระบวนการตามกฎหมาย ทั้งน้ี อาจเข้าหารือกับสานักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) เพื่อร่วมกันกาหนดมาตรการและ ออกแบบระบบสาหรับการแลกเปล่ียนข้อมูลทางดิจิทัลโดยให้มีการเก็บข้อมูลเก่ียวกับการแลกเปลี่ยนข้อมูล ดังกล่าว เพ่ือความโปร่งใสในการตรวจสอบ รวมถึงรองรับการดาเนินงานของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร สาธารณะ (สานักงานพฒั นาธรุ กรรมทางอิเลก็ ทรอนกิ ส์) - ควรมกี ารแจ้งให้เจา้ ของขอ้ มูลไดท้ ราบดว้ ย (กระทรวงสาธารณสุข) - เนื่องจากพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้มีผลใช้บังคับแล้ว และมีสานักงาน พัฒนารัฐบาลดิจิทัลรับผิดชอบการจัดทามาตรฐาน แนวทางมาตรการ หลักเกณฑ์และวิธีการทางเทคโนโลยี ดิจิทัลและกระบวนการดาเนินงาน เพื่อให้สามารถเช่ือมโยงข้อมูลและระบบการทางานระหว่างกันของ หน่วยงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนทะเบียนข้อมูลดิจิทัลภาครัฐเพื่ออานวยความ สะดวกในการให้บริการประชาชนในการดาเนินงานของหน่วยงานของรัฐ ดังนั้น เพอ่ื ไมใ่ หเ้ กิดความซ้าซ้อน จึง ไม่ควรให้กฎหมายขัดหรือแย้งกัน หรืออย่างน้อยต้องดาเนินการให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติดังกล่าวและ หรือการปฏิบตั ิงานรว่ มกบั หนว่ ยงานที่เก่ียวข้องดังกล่าวด้วย (สานกั งานนโยบายและแผนพลงั งาน) - เน่ืองจากร่างมาตรา ๓๓ (๖) ได้กาหนดให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ท่ีคณะกรรมการข้อมูล ข่าวสารสาธารณะประกาศกาหนดด้วยน้ัน แม้จะไม่ถือว่าเป็นการขัดกันของกฎหมายระหว่างพระราชบัญญัติ คมุ้ ครองข้อมูลสว่ นบุคคล พ.ศ. ๒๕๖๒ กบั รา่ งพระราชบัญญัตนิ ้ีดว้ ยเหตุผลท่ีได้กลา่ วแล้วในประเด็นท่ี ๑๓ แต่ อาจก่อให้เกิดความสับสนแก่ประชาชนในการปฏิบัติตามกฎหมายทั้งสองฉบับได้ ดังนั้น ในทางปฏิบัติจึงควร ระมัดระวังมิให้มีการออกประกาศกาหนดหลักเกณฑ์ในส่วนน้ีซ้าซ้อนกัน เพื่อมิให้เกิดปัญหาดังกล่าว (กระทรวงดจิ ิทลั เพอื่ เศรษฐกิจและสงั คม)

- 194 - - เห็นควรกาหนดหลักเกณฑ์ วิธีการจัดให้มีการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วน บุคคลน้ันในระดับสูง และเง่ือนไขในการเปิดเผยข้อมูลระหว่างหน่วยงานของรัฐด้วย เพื่อป้องกันมิให้เกิดการ ร่ัวไหลหรือการนาข้อมูลไปใช้ในทางเสียหายต่อเจ้าของข้อมูล (สานักงานปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และส่งิ แวดล้อม) - ข้อความตามมาตรา ๓๓ แห่งร่างฯ นี้ เป็นการล้อความจากร่างพระราชบัญญัติข้อมูล ข่าวสารของราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซ่ึงเสนอโดยสานักงานปลัดสานักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ซ่ึงผ่านการ พิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว อย่างไรก็ตาม แนวทางการดาเนินการต่อข้อมูลส่วนบุคคลของร่างฯ ฉบับน้ีกับร่างของ สปน. ท่ีมีความแตกต่าง รวมท้ังบริบทและโครงสร้างในการดาเนินการต่อข้อมูลส่วนบุคคล ของรา่ งฯ ฉบบั น้ี มคี วามยอ้ นแย้งในหลายประเด็น เชน่ ตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลสว่ นบุคคล กาหนดให้การ ดาเนินการต่อข้อมูลส่วนบุคคลทุกประการเป็นอานาจหน้าท่ีของคณะกรรมการคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคล ขณะที่ บทบัญญัติในร่างฯ นี้เอง ก็ได้ระบุให้การปฏิบัติเป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล แต่กลับ ยกอานาจเกี่ยวกับการกากับดูแลมาไว้ที่คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะ จึงมีความขัดกันในหลักการ และแนวทางปฏิบัติที่อาจเป็นปัญหาในการปรับใช้ของหน่วยงานของรัฐได้ ทั้งนี้มีข้อสังเกตเกี่ยวกับอานาจ หน้าที่ของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะตามร่างฯ นี้ ท่ีรวมอานาจในการกาหนดนโยบายและวินิจฉยั ท้ังในส่วนข้อมูลข่าวสารสาธารณะ ข้อมูลข่าวสารของราชการ ข้อมูลความลับราชการ และข้อมูลส่วนบุคคลไว้ ทค่ี ณะกรรมการข้อมูลขา่ วสารสาธารณะเพียงคณะเดียว ขณะทกี่ ฎหมายข้อมลู ข่าวสารของราชการ มีการแบ่ง อานาจหน้าที่การกาหนดนโยบายและการวินิจฉัยไว้ คือ คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ และคณะกรรมการวนิ ิจฉัยการเปิดเผยข้อมลู ข่าวสาร (สานักข่าวกรองแห่งชาต)ิ - กรณีการเชื่อมโยงหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างหน่วยงานของรัฐ ร่าง พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารสาธารณะ พ.ศ. .... ควรเพ่ิมเติมบทบัญญัติท่ีให้หน่วยงานของรัฐสามารถ ดาเนินการแบ่งปัน เชื่อมโยง หรือบูรณาการข้อมูลเพื่อนาไปใช้ประโยชน์ในการบริหารราชการแผ่นดิน หรือ ประโยชน์สาธารณะ โดยการแบ่งปัน หมายถึง หน่วยงานของรัฐท่ีมีฐานข้อมูลอยู่แล้วสามารถนาไปให้อีก หน่วยงานของรัฐใช้ประโยชน์ได้ เช่ือมโยงข้อมูลของหน่วยงานของรัฐให้สามารถแลกเปล่ียนข้อมูลกันได้ หรือ บรู ณาการข้อมูลของหน่วยงานของรฐั เชน่ ข้อมูลสวสั ดกิ ารสังคม เปน็ ต้น (สานกั งานผู้ตรวจการแผ่นดิน) ๑๗. ท่านเห็นด้วยกับการกาหนดหลักเกณฑ์การส่งมอบข้อมูลข่าวสารให้หอจดหมายเหตุ รวมถึงการกาหนดให้มีการคดั เลือกผู้ทรงคณุ วุฒิดา้ นวัฒนธรรมและประวัติศาสตรข์ องชาติ การศกึ ษา และ การวิจัย และผู้แทนกรมศิลปากรตามบัญชีรายช่ือที่กรมศิลปากรประกาศกาหนด เพ่ือทาหน้าที่ประเมิน คุณค่า และจัดทาทะเบียนเอกสารจดหมายเหตุ ตามร่างกฎหมายน้ีหรือไม่ อยา่ งไร เหน็ ด้วย ไม่เห็นด้วย - เห็นด้ว ย ( ก ร ม ท า ง ห ล ว ง ช น บ ท ) ( ก ร ม - ไมเ่ หน็ ด้วย (เทศบาลเมอื งมกุ ดาหาร) ชลประทาน) (กระทรวงยุติธรรม) (สานักงานสถิติ - ไม่เห็นด้วยกับการกาหนดให้หัวหน้าหน่วยงานของ แห่งชาติ) (กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์) (กรม รัฐคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิเพ่ือทาหน้าที่ประเมินคุณค่า ทรัพยากรน้าบาดาล) (กรมควบคุมมลพิษ) ข้อมูลข่าวสารของราชการและจัดทาทะเบียน เอกสารจดหมายเหตุ เน่ืองจากหน่วยงานของรัฐมี (กรมการข้าว) (กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ) คณะกรรมการตรวจสอบเอกสารท่ีเสร็จสิ้นการ (สานักงานราชบัณฑิตยสภา) (จังหวัดลพบุรี) ปฏิบัติอยู่แล้ว ก่อนส่งมอบให้หอจดหมายเหตุ (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) (มหาวิทยาลัยศรีนครินท

- 195 - รวิโรฒ) (มหาวทิ ยาลัยแม่ฟา้ หลวง) (มหาวทิ ยาลัย แห่งชาติเพ่ือพิจารณาเก็บเป็นเอกสารจดหมายเหตุ แม่โจ้) (มหาวิทยาลัยมหิดล) (สานักงานรัฐมนตรี ตอ่ ไป (กระทรวงการตา่ งประเทศ) กระทรวงศึกษาธิการ) (องค์การสุรา กรม - ไม่เห็นด้วยกับการคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิเนื่องจาก สรรพสามิต) (บริษัท อสมท จากัด (มหาชน)) เป็นภาระของสว่ นราชการทจ่ี ะต้องพิจารณาคดั เลือก ควรกาหนดให้เป็นหนว่ ยงานกลางทมี่ ีหนา้ ท่ีพิจารณา (จังหวัดพระนครศรีอยุธยา) (จังหวัดนนทบุรี) เอกสารทห่ี นว่ ยงานส่งไป (กรมการขนส่งทางบก) (จังหวัดอ่างทอง) (สานักงานเกษตรและสหกรณ์ - ไม่เห็นด้วย ๑ หน่วยงาน (ส่วนราชการจังหวัด จังหวัดชัยนาท) (จังหวัดสมุทรสงคราม) (จังหวัด ตรงั ) อุทัยธานี) (อาเภอนามน จังหวัดกาฬสินธ์ุ) - รายละเอียดยังไม่ชัดเจน ดังนั้น ควรระบุให้ชัดเจน (จังหวัดหนองบัวลาภู) (สานักงานสภานโยบาย ยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ขอให้คานึงถึงกฎหมายอ่ืนท่ีเกี่ยวข้อง การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และสนธิสัญญาระหว่างประเทศ (กรมเชื้อเพลิง แห่งชาติ) (สภาเทคนิคการแพทย์) (สานักงาน ธรรมชาติ) ส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การ - ไม่เหน็ ด้วยกบั หลกั เกณฑ์การสง่ มอบข้อมูลข่าวสาร มหาชน)) (ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน)) ให้หอจดหมายเหตุแห่งชาติ ตามร่างพระราชบญั ญตั ิ (พรรคพลังสหกรณ์) (บริษัท ไปรษณีย์ไทย จากัด) เนื่องจากมิได้กาหนดระยะเวลาท่ีชัดเจนในการส่ง (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) (เทศบาล มอบขอ้ มลู ขา่ วสารแตล่ ะประเภทให้หอสมดุ จดหมาย เมืองกุฉินารายณ์) (องค์การบริหารส่วนจังหวัด แห่งชาติไว้ ทาให้เกิดปัญหาในการตีความของข้อมูล กาญจนบุรี) (องค์การบริหารส่วน จัง ห วัด ข่าวสารแต่ละประเภทได้ว่าควรส่งมอบเมื่อใด และ เห็นด้วยในการกาหนดใหม้ ีการคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิ สมุทรปราการ) (เทศบาลเมืองบางระจัน ) ด้านวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของชาติ (องค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองบัวลาภู ) การศึกษา การวิจัย และผู้แทนกรมศิลปากร เพ่ือทา (องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ) หน้าที่ประเมินคุณค่าข้อมูลข่าวสารราชการ (กรม (องค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี) (องค์การ ศลุ กากร) บ ริ ห า ร ส่ ว น จั ง ห วั ด สุ ริ น ท ร์ ) ( ส า นั ก ง า น คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) (กรมอุทยาน แห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช) (สานักงาน สรรพากรพ้ืนท่ีกาฬสินธุ์) (สานักงานตารวจ แห่งชาต)ิ - เห็นด้วย ในหลักการคุ้มครองข้อมูลที่ถือเป็น เอกสารประวัตศิ าสตร์ (กรมส่งเสรมิ อุตสาหกรรม) - เพ่ือให้สอดรับกับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและ สังคมดิจิทัล ทาให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลหรือ ข่าวสารได้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น (กรมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝั่ง) - การกาหนดหลักเกณฑ์เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่า เอกสารใดต้องส่งมอบให้หอจดหมายเหตุ (กรมการ ขนสง่ ทางบก)

- 196 - - เป็นการบันทึกเหตุผลความเป็นไปเป็นมาของชาติ อันจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนรุ่นหลัง (กรม โรงงานอตุ สาหกรรม) - เหมาะสมแลว้ (สานกั เลขาธกิ ารนายกรัฐมนตรี) - เห็นด้วยตามท่ีกาหนดไว้ในร่างกฎหมายน้ี (กรม พลศกึ ษา) - เป็นการจัดเก็บเอกสารที่สาคัญและต้องการผู้ท่ีมี ความชานาญเฉพาะด้านในการดูแลรักษา (สถาบัน มาตรวทิ ยาแหง่ ชาต)ิ - เห็นว่ามีความเหมาะสม (กรมพัฒนาพลังงาน ทดแทนและอนุรกั ษพ์ ลงั งาน) - ประชาชนเข้าถึงข้อมูล และเข้าศึกษาข้อมูลได้ อยา่ งถกู ตอ้ ง (ธนาคารอสิ ลามแห่งประเทศไทย) - เหมาะสมแล้ว (การประปาส่วนภมู ิภาค) - ข้อมูลบางส่วนที่เกี่ยวกับเหตุการณ์บ้านเมือง หรือ บุคคลสาคัญ เหตุการณ์สาคัญท่ีเกิดข้ึนต้องมีการ จัดทาตามร่างกฎหมายน้ี และเป็นข้อมูลข่าวสารท่ีมี ความสาคัญต่อวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชาติ การศึกษา และการวิจัยของชาติ จึงควรจะมีขั้นตอน การคดั เลือกโดยบุคคลที่เชย่ี วชาญ (การประปานคร หลวง) - ข้อมูลแต่ละประเภทและประวัติศาสตร์มีความ แตกต่างกัน จึงมีความจาเป็นต้องใช้ผู้เช่ียวชาญ จัดระบบดังกล่าว เพื่อให้เกิดความถูกต้องและ แม่นยามากทีส่ ดุ (มหาวิทยาลัยเทคโนโลยสี รุ นารี) - มีหลักมีเกณฑ์ซึ่งในกฎหมายเดิมมิได้มีเกณฑ์ กาหนดไว้ (มหาวิทยาลยั ทกั ษิณ) - เหน็ ด้วย แตอ่ ยากใหเ้ สนอรายชื่อจากองค์กรพัฒนา เอกชน ภาคประชาสังคม ให้เข้าไปมีส่วนร่วมด้วย เช่นกัน (มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์) - เพราะนอกจากกาหนดรายละเอียดเก่ียวกับ เอกสารจดหมายแล้วยงั มกี ารกาหนดให้กรมศิลปากร เข้ามามีส่วนร่วมในการจัดทาทะเบียนเอกสาร จดหมายเหตุด้วย (สถาบันการพยาบาลศรีสวรินทิ รา สภากาชาดไทย) - ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตรข์ อง ชาติ การศึกษา และการวิจัย และผู้แทนกรม

- 197 - ศิลปากร เป็นผู้ที่มีความเช่ียวชาญในเรื่องดังกล่าว มากทส่ี ดุ (มหาวทิ ยาลยั นวมนิ ทราธริ าช) - ผู้ทรงคุณวุฒิต้องมีความรู้ความสามารถ และเป็น ผูเ้ ช่ยี วชาญเฉพาะดา้ น (มหาวทิ ยาลยั พะเยา) - เอกสารสาคัญของประเทศควรมีการจัดเก็บท่ี ถูกต้องตามหลกั การของหอจดหมายเหตุ (สานักงาน พฒั นาวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีแหง่ ชาติ) - อาจเป็นเอกสารประวัติศาสตร์และเป็นประโยชน์ อย่างย่ิงในการเก็บรักษาไว้ให้ประชาชนได้ศึกษา ค้นคว้า และผู้ทรงคุณวุฒิมีความรู้และความ เช่ียวชาญในด้านดังกล่าวได้เป็นอย่างดี (กรมบังคับ คดี) - เปน็ ประโยชนใ์ นการรวบรวมขอ้ มูลขา่ วสาร ซึ่งเป็น ประวตั ศิ าสตรข์ องชาติ (จังหวดั แม่ฮอ่ งสอน) - เห็นด้วย ๒๒ หน่วยงาน (ส่วนราชการจังหวัด ตรงั ) - เปน็ การรกั ษาไว้ซง่ึ เอกสารท่มี คี ุณคา่ ทางวัฒนธรรม และประวัติศาสตรท์ มี่ ีคุณค่าแก่การอนุรักษ์ (จงั หวัด ร้อยเอด็ ) - เห็นด้วยกับการกาหนดให้ผู้ทรงคุณวุฒิทาหน้าที่ ดังกล่าว เน่ืองจากเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถใน ดา้ นน้ี (จังหวดั สงขลา) (จังหวดั ระนอง) - จะได้ผู้ท่ีมีความรู้และความเชี่ยวชาญในการ พิจารณาข้อมูลดังกล่าว และหน่วยงานมีความ สะดวกในการคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิจากบัญชีรายช่ือ (จังหวดั เพชรบรุ ี) - ผู้ทรงคุณวุฒิมีความเหมาะสม (สานักงานการ ปฏริ ูปทดี่ ินจังหวดั กาฬสินธ)ุ์ - หน่วยงานของรฐั ต้องให้มีการคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิ เพราะได้ผู้ที่มีความรู้ความเช่ียวชาญในด้านเอกสาร จ ด ห ม า ย เ ห ตุ ม า เ ป็ น ผู้ ป ฏิ บั ติ แ ล ะ ผู้ ด า เ นิ น ก า ร (จังหวดั พิจิตร) - มีความเหมาะสมแลว้ (สถาบนั วัคซนี แหง่ ชาติ) - เน่ืองจากในปัจจุบันมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการ ดาเนินการด้านจดห มาย เหตุ และเอก ส า ร ประวัติศาสตร์ คือ กลุ่มงานพิพิธภัณฑ์และจดหมาย เหตุ สานักวิชาการ ซึ่งได้เคยมีการดาเนินการจัดทา ตารางกาหนดอายุเอกสารร่วมกับหอจดหมายเหตุ

- 198 - แห่งชาติ เพื่อจัดการเอกสารในสานักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร ซ่ึงการกาหนดหลักเกณฑ์การส่ง มอบข้อมูลข่าวสารให้หอจดหมายเหตุ รวมถึงการ คัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิเพ่ือทาหน้าท่ีตามร่างกฎหมาย นี้ จะช่วยให้การดาเนินการด้านจดหมายเหตุเป็น รูปธรรมและบรรลุวตั ถุประสงคต์ ามกฎหมาย (พรรค เพ่อื ไทย) - เนื่องจากร่างพระราชบัญญัติน้ีมีเค้าโครงตาม กฎหมายเดิม ซึ่งในส่วนท่ีเกี่ยวข้องกับ บมจ.ทีโอที เห็นว่าสามารถปฏิบัติตามได้ (บริษัท ทีโอที จากัด (มหาชน) - สอดรับกับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคม ดิจิทัล ที่มีการเช่ือมโยงเทคโนโลยีทาให้เข้าถึงข้อมูล หรือข่าวสารสาธารณะได้โดยสะดว กแล ะมี ประสิทธิภาพ ลดความเหล่ือมล้าในการเข้าถึงข้อมูล (การยาสบู แห่งประเทศไทย) - เห็นด้วยกับการดาเนินการดังกล่าว (การยางแห่ง ประเทศไทย) - เ ป็ น ก า ร เ ก็ บ ข้ อ มู ล ท่ี มี ค ว า ม ส า คั ญ ท า ง ประวัตศิ าสตร์ (การท่าเรอื แหง่ ประเทศไทย) - ไม่ขัดข้องกับข้อกาหนดการส่งมอบข้อมูลข่าวสาร ให้หอจดหมายเหตุตามร่างมาตรา ๓๔ (สานักงาน สง่ เสริมเศรษฐกจิ ดจิ ิทลั ) - เพื่อเก็บข้อมูลในหอจดหมายเหตุ และเป็น ประโยชน์ในการศกึ ษา (องคก์ ารบริหารสว่ นจังหวัด ปราจนี บุรี) - เพือ่ จะได้ให้หน่วยงานของรฐั ทาลายไดต้ ามกาหนด ระยะเวลา (กระทรวงสาธารณสขุ ) - เพื่อประโยชน์กับหน่วยงานของรัฐ ตลอดจน ประชาชนทั่วไปได้ศึกษาค้นคว้าข้อมูลความเป็นมา ของเร่ืองราวต่าง ๆ ในอดีตอันเป็นคุณค่าทาง ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ( ส า นั ก ง า น รั ฐ ม น ต รี กระทรวงกลาโหม) - การกาหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าวมีความเหมาะสม แลว้ (สานกั งานคณะกรรมการการเลอื กตั้ง) - การกาหนดตามความในมาตราดังกล่าวน้ี จะทาให้ เกิดการพิจารณาเอกสารท่ีจาเป็นและเหมาะสมถูก เก็บเข้าสู่หอจดหมายเหตุ จะได้ไม่เป็นภาระของการ

- 199 - เกบ็ เอกสารมากจนเกินควร และในสว่ นของบคุ ลากร ที่จะมาเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ควรกาหนดให้เหมาะสมใน การพิจารณาเอกสารแต่ละประเภท (สถาบัน พระปกเกลา้ ) - เพราะข้อมูลข่าวสารของราชการท่ีเป็นเอกสาร จดหมายเหตุ หน่วยงานของรัฐต้องจัดทาทะเบียน เอกสารจดหมายเหตุแล้ว ส่งมอบทะเบียนให้แก่หอ จดหมายเหตุแห่งชาติเพ่ือเก็บรักษา กรณีการ ประเมินคุณค่าของเอกสารจดหมายเหตุ ย่อมต้อง พิ จ า ร ณ า คั ด เ ลื อ ก บุ ค ค ล ท่ี เ ป็ น ผู้ มี ค ว า ม รู้ ค ว า ม เช่ียวชาญด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตรข์ องชาติ และผู้แทนกรมศิลปากรเป็นผู้ทาหน้าที่ประเมิน คุณค่า เน่ืองจากการประเมินคุณค่าของเอกสาร จดหมายเหตุเป็นงานเฉพาะด้าน บุคคลท่ัวไปไม่ สามารถทาหน้าท่ีประเมินคุณค่าเอกสารจดหมาย เหตุได้ (สานักงานเลขาธกิ ารคุรุสภา) - เห็นดว้ ย ตามมาตรา ๓๔ เน่ืองจากข้อมลู ขา่ วสารที่ ต้องส่งมอบให้หอจดหมายเหตุน้ันมีคุณค่าและ ความสาคญั ต่อประวัติศาสตร์ของชาติ จงึ จาเป็นต้อง มี ผู้ ท่ี มี ค ว า ม เ ช่ี ย ว ช า ญ เ ฉ พ า ะ ด้ า น ดั ง ก ล่ า ว (กระทรวงพลังงาน) - หอจดหมายเหตุแห่งชาติ เป็นผู้เชี่ยวชาญการ วิเคราะห์และจัดเก็บข้อมูลในด้านวัฒนธรรมและ ประวัติศาสตร์ของชาติ การศึกษา และการวิจัย เพื่อ ป ร ะ โ ย ช น์ ใ น ก า ร ศึ ก ษ า ข อ ง ป ร ะ ช า ช น ต่ อ ไ ป (ธนาคารอาคารสงเคราะห์) - เห็นด้วย แต่เห็นสมควรกาหนดระยะเวลาให้ ชัดเจนในการดาเนินการไว้เพื่อให้เกิดผลในทาง ปฏิบัติและหน่วยงานของรัฐจะได้เตรียมดาเนินการ (กรมประชาสัมพันธ์) - ร่างพระราชบัญญัติได้กาหนดคาว่าเอกสาร จดหมายเหตุให้เป็นเร่ืองเดียวกันกับ “เอกสาร จดหมายเหตุ” ตามพระราชบัญญัติจดหมายเหตุ แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๖ ซ่ึงตามนิยาม มาตรา ๓ “เอกสารจดหมายเหตุ” หมายความวา่ เอกสารท่ีส้ิน กระแสการใช้งานและได้รับการประเมินคุณค่าควร แก่การเก็บรักษาและอนุรักษ์ไว้เพื่อเป็นมรดกทาง วัฒนธรรมด้านประวัติศาสตร์ของชาติ และเพ่ือ

- 200 - ประโยชน์ในการศึกษา การค้นคว้าหรือการวิจัย ซึ่ง ก ร ม ศิ ล ป า ก ร ไ ด้ จั ด ท า ท ะ เ บี ย น ไ ว้ เ ป็ น เ อ ก ส า ร จดหมายเหตุโดยมาตรา ๗ ของกฎหมายน้ี บัญญัติ ว่า เพื่อประโยชน์ในการเก็บรักษาเอกสารจดหมาย เหตุ ให้หน่วยงานของรฐั เก็บรกั ษาเอกสารราชการใน การปฏบิ ัตงิ านหรือที่อยู่ในครอบครองของหน่วยงาน ข อ ง รั ฐ ที่ มี ลั ก ษ ณ ะ อ ย่ า ง ใ ด อ ย่ า ง ห น่ึ ง อ ย่ า ง ใ ด ดังต่อไปนี้ เพื่อส่งมอบให้แก่กรมศิลปากรต่อไป (๑) มีคุณค่าตามวัตถุประสงค์ของหน่วยงานของรัฐนั้น (๒) มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ (๓) มีคุณค่าเพื่อ การศึกษา การค้นคว้า หรือการวิจัย การเก็บรักษา เอกสารราชการตามวรรคหนึ่ง ให้หน่วยงานของรัฐ จั ด ท า ร า ย ก า ร ห รื อ ต า ร า ง ก า ร เ ก็ บ รั ก ษ า เ อ ก ส า ร ราชการ ท้ังน้ี ตามหลักเกณฑ์และวิธีการท่ีอธิบดี กาหนด จึงมีความชัดเจนและครอบคลุมถึงกฎหมาย และระเบียบท่ีเก่ียวข้องดังกล่าว สาหรับการ กาหนดให้มีการคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิด้านวัฒนธรรม ก็เห็นว่าเหมาะสมเน่ืองจากจะทาให้การจัดทา ท ะ เ บี ย น มี ค ว า ม รั ด กุ ม แ ล ะ เ ห ม า ะ ส ม จ า ก ผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจ มี ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ แ ล ะ ค ว า ม เ ช่ียว ช า ญโดยตรง (สานักงานนโยบายและแผนพลังงาน) - จะได้มีบุคลากรเช่ียวชาญเฉพาะด้าน มาสนับสนุน ก า ร ด า เ นิ น ง า น ใ ห้ เ ป็ น ไ ป ด้ ว ย ค ว า ม ร อ บ ค อ บ (กระทรวงดิจิทัลเพ่อื เศรษฐกจิ และสังคม) - เพ่ือให้หน่วยงานของรัฐสามารถปฏิบัติตาม หลักเกณฑ์ได้อย่างถูกต้อง และเป็นไปในทิศทาง เดียวกัน รวมถึงการกาหนดให้มีผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งมี ความรู้ความสามารถในด้านต่าง ๆ สาหรับทาหน้าที่ ประเมินคุณค่าของเอกสารจดหมายเหตุ ซึ่งจะทาให้ การคัดเลือกเอกสารดังกล่าวตามวัตถุประสงค์การ เลือกเอกสารส่งให้หอจดหมายเหตุแห่งชาติดูแล รักษาต่อไป (สานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจ และสงั คมแหง่ ชาติ) - เอกสารจดหมายเหตุถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรม และเป็นพยานหลักฐานในการปฏิบัติงานของ หน่วยงานของรัฐ จาเป็นต้องเก็บรักษาต่อไปเพื่อ ประโยชน์ในการศึกษา ค้นคว้า หรือการวิจัย และ

- 201 - ควรกาหนดหลักเกณฑ์การส่งมอบข้อมูลข่าวสารให้ หอจดหมายเหตุตามประเภทหมวดหมู่ท่ีมีมาตรฐาน เดียวกัน รวมท้ังการคัดเลือกข้อมูลท่ีจะจัดเก็บเป็น จดหมายเหตุ จึงควรจะได้รับการคัดเลือกจากผู้มี ความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์ มีความ เชี่ยวชาญเฉพาะด้านโดยตรง เข้าใจเจตนารมณ์ของ การจัดเก็บ และมีวิสัยทัศน์ท่ีมองเห็นการใช้ ประโยชน์ด้านต่าง ๆ ของข้อมูลให้เกิดประโยชน์ สูงสดุ (สานกั งานศลิ ปวฒั นธรรมร่วมสมยั ) - การกาหนดหลักเกณฑ์การส่งมอบข้อมูลข่าวสารท่ี เปน็ เอกสารจดหมายเหตุใหห้ อจดหมายเหตุแห่งชาติ น้ันสอดคล้องกับมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติ จดหมายเหตุแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๖ ส่วนการ กาหนดให้มีการคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิด้านวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของชาติ การศึกษา และการวิจัย และผู้แทนกรมศิลปากร เป็นการทาให้การประเมิน คุณค่าและจัดทาทะเบียนเอกสารจดหมายเหตุ เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ (กรมป้องกันและ บรรเทาสาธารณภัย) - ไม่มขี อ้ ขดั ขอ้ ง (องคก์ ารคลังสนิ ค้า) - เอกสารจดหมายเหตทุ ไี่ ด้รับการประเมินคุณคา่ ควร แก่การเก็บรักษาและอนุรักษ์ไว้เพื่อเป็นมรดกทาง วัฒนธรรมด้านประวัติศาสตร์ของชาติ และเพื่อเป็น ประโยชน์ในการศึกษา การค้นคว้าหรือการวิจัย จึง ควรกระทาโดยผู้ที่มีความรู้ความเช่ียวชาญเฉพาะ ดา้ น (การเคหะแหง่ ชาต)ิ - เห็นด้วยกรณีกาหนดหลักเกณฑ์การส่งมอบข้อมูล ข่าวสารให้หอจดหมายเหตุ ซ่ึงกาหนดให้หน่วยงาน รัฐต้องดาเนินการตามวิธีการที่กาหนดในมาตรา ๓๔ ของร่างกฎหมายนี้ เมื่อพิจารณาประกอบกับ พระราชบัญญัติจดหมายเหตุแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๖ และระเบียบสานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสาร บรรณ พ.ศ. ๒๕๒๖ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับท่ี ๒) พ.ศ. ๒๕๔๘ รวมถึงการกาหนดให้มีการคัดเลือก ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของ ชาติ การศึกษา และการวิจัย และผู้แทนกรม ศิลปากรตามบัญชีรายช่ือกรมศิลปากรประกาศ กาหนดเพ่ือทาหน้าที่ประเมินคุณค่า และจัดทา

- 202 - ทะเบียนเอกสารจดหมายเหตุ ตามท่ีร่างกฎหมายนี้ กาหนดไว้ (กรมส่งเสริมวฒั นธรรม) - เหน็ ด้วยกับกรณีข้างต้น เนื่องจากเอกสารจดหมาย เ ห ตุ บ า ง ก ร ณี อ า จ ถื อ ไ ด้ ว่ า เ ป็ น ข้ อ มู ล เ ก่ี ย ว กั บ ประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี ข้อมูลการศึกษา วิจัย ข้อมูลทางสถิติ ซ่ึงมี คุณค่าทางประวัติศาสตร์ของชาติหลายด้าน เช่น ด้านการบริหาร ด้านวิชาการ ด้านกฎหมาย หรือ ด้านการเงินจึงต้องมีหลักเกณฑ์ วิธีการ และข้ันตอน ในการจัดเก็บ รวมถึงวิธีการทาลายตามกฎหมาย และระเบียบท่ีเกี่ยวข้อง ในการจัดทาทะเบียน เอกสาร จดหมายเหตุ (สานักงานปลัดกระทรวง ทรพั ยากรธรรมชาติและสง่ิ แวดลอ้ ม) - ในปัจจุบันสานักงานมีหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้องกับการ ด า เ นิ น ก า ร ด้ า น จ ด ห ม า ย เ ห ตุ แ ล ะ เ อ ก ส า ร ประวัติศาสตร์ คือ กลุ่มงานพิพิธภัณฑ์และจดหมาย เหตุ สานักวิชาการ ซึ่งได้เคยมีการดาเนินการจัดทา ตารางกาหนดอายุเอกสารร่วมหอจดหมายเหตุ แห่งชาติ เพ่ือจัดเอกสารในสานักงานเลขาการสภา ผู้แทนราษฎร ซ่ึงการกาหนดหลักเกณฑ์การส่งมอบ ข้อมูลข่าวสารให้หอจดหมายเหตุ รวมถึงการ ก า ห น ด ใ ห้ มี ก า ร คั ด เ ลื อ ก ผู้ ท ร ง คุ ณ วุ ฒิ ด้ า น วั ฒ น ธ ร ร ม แ ล ะ ป ร ะ วั ติ ศ า ส ต ร์ ข อ ง ช า ติ การศึกษา และการวิจัย และผู้แทนกรมศลิ ปากรตาม บัญชีรายช่ือท่ีกรมศิลปากรประกาศกาหนดเพ่ือทา หน้าที่ประเมินคุณค่า และจัดทาทะเบียนเอกสาร จดหมายเหตุ ตามร่างกฎหมายนี้จะช่วยให้การ ดาเนินการด้านจดหมายเหตุเป็นรูปธรรมและบรรลุ วัตถุประสงค์ตามกฎหมาย (สานักงานเลขาธิการ สภาผ้แู ทนราษฎร) - เป็นการกาหนดให้มีผู้ทรงคุณวุฒิด้านวัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของชาติ การศึกษา และการวิจัย และผู้แทนกรมศลิ ปากร ย่อมส่งผลใหก้ ารดาเนินการ ด้ า น จ ด ห ม า ย เ ห ตุ ข อ ง ห น่ ว ย ง า น ข อ ง รั ฐ มีความถูกต้องในวิชาการ เป็นเอกภาพ มีรูปแบบ ขั้นตอน และหลักเกณฑ์การจัดทาทะเบียนเอกสาร จดหมายเหตุที่มีมาตรฐาน และมีประสิทธิภาพ (สานกั งานเลขาธกิ ารวฒุ สิ ภา)

- 203 - - เพราะเอกสารที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ควรได้รับการเก็บรักษา โดยต้องมีผู้ทรง ความรู้เป็นผู้คัดกรองและประเมินคุณค่าอย่าง เหมาะสม (กรมวชิ าการเกษตร) - ได้มีการบันทึกข้อมูลหลักฐานเก็บไว้ เป็นการเก็บ รักษาเร่ืองราว ประวัติศาสตร์ เหตุการณ์สาคัญต่าง ๆ ของชาติ อันเป็นประโยชน์ต่อการทางานด้านต่าง ๆ ในอนาคต และเป็นการรักษาคณุ ค่าแหง่ เรือ่ งราวท่ี ดี ง า ม ข อ ง แ ผ่ น ดิ น ไ ว้ ใ ห้ ค น รุ่ น ห ลั ง ไ ด้ ศึ กษา (ความเหน็ จากเว็บไซต)์ ขอ้ เสนอแนะเพม่ิ เติม - ควรกาหนดเกณฑ์ระยะเวลาการเก็บรักษาและการส่งมอบข้อมูลข่าวสารของราชการให้แก่ หอจดหมายเหตุแห่งชาติให้มีความชัดเจนย่ิงขึ้น ในลักษณะเดียวกันกับมาตรา ๒๖ ของพระราชบัญญัติข้อมูล ขา่ วสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ (กระทรวงการต่างประเทศ) - การกาหนดหลักเกณฑ์ในลักษณะเดียวกับมาตรา ๒๖ แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสาร ของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ จะสอดคล้องกับเจตนารมณ์ในการคุ้มครองเอกสารประวัติศาสตร์ (กรมส่งเสริม อตุ สาหกรรม) - การพิจารณากาหนดให้ข้อมูลข่าวสารใดเป็นเอกสารจดหมายเหตุ ต้องอาศัยความร่วมมือ จากผู้มีความรู้เช่ียวชาญทางด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ผนวกกับผู้แทนกรมศิลปากร เพื่อให้การ ประเมนิ และจดั ทามคี วามถกู ต้อง (กรมสนบั สนุนบริการสุขภาพ) - ซ้าซ้อนกับพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ (สานักงาน ประกันสังคม) - หากเป็นเร่อื งท่ีมผี ลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตรยิ ์ ความมนั่ คงของชาติ และกระทบต่อ เกียรติยศชื่อเสียงของผู้ที่เกี่ยวข้อง ต้องมีระยะเวลาพอสมควรในการเก็บรักษาไว้จนกว่าจะ ไม่มีผลกระทบกับเร่ืองดังกล่าวแล้ว จึงสมควรที่จะกาหนดระยะเวลาการจัดเก็บข้อมูลข่าวสารดังกล่าวให้ ชัดเจนเหมาะสมกับชนิดของข้อมูลข่าวสารดังกล่าวด้วย มิฉะนั้น อาจเกิดความเสียหายกับสถาบัน พระมหากษตั ริย์ รฐั และบคุ คลท่เี กี่ยวขอ้ งได้ (กรมค้มุ ครองสทิ ธิและเสรีภาพ) - ข้อมูลข่าวสารท่ีได้รับการประเมินคุณค่าจากผู้ทรงคุณวุฒิ ท่ีมาจากผู้เชี่ยวชาญด้านการ ประเมนิ (ส่วนราชการจงั หวัดตรงั ) - ควรมอบให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับผิดชอบ (สานักงานปศุสัตว์จังหวัด กาฬสนิ ธ์ุ) - การคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อทาหน้าที่ประเมินคุณค่า อาจเป็นข้อกาจัดในการปฏิบัติตาม ร่างพระราชบัญญัติน้ี เนื่องจากหน่วยงานของรัฐกับจานวนผู้ทรงคุณวุฒิแต่ละด้านมีสัดส่วนท่ีแตกต่างกัน (สานักงานรบั รองมาตรฐานและประเมนิ คุณภาพการศกึ ษา) - ขอรบั ไว้พิจารณาก่อน จาเป็นตอ้ งกาหนดชอบด้วย (พรรคแผน่ ดินไทย)

- 204 - - เหน็ สมควรกาหนดระยะเวลาให้ชดั เจนในการดาเนนิ การไวเ้ พอื่ ให้เกิดผลในทางปฏบิ ตั ิและ หนว่ ยงานของรฐั จะไดเ้ ตรยี มดาเนินการ (กรมประชาสัมพันธ์) - ควรกาหนดหลกั เกณฑ์ วธิ กี ารและเง่ือนไขในการคดั เลือกผู้ทรงคุณวฒุ ิท่ีมีความรู้ ความ เช่ียวชาญในดา้ นต่าง ๆ ทีเ่ กี่ยวขอ้ ง เช่น ดา้ นการบรหิ าร ด้านวชิ าการ ดา้ นกฎหมาย หรือด้านการเงนิ เพ่ือทา หนา้ ทป่ี ระเมินคณุ คา่ ของข้อมูลข่าวสารดงั กล่าว รวมถึงการจดั ทาทะเบยี นเอกสารจดหมายเหตุด้วย (สานักงานปลดั กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดลอ้ ม) - การประเมินคุณค่าของเอกสารจดหมายเหตุหรือเอกสารประวัติศาสตร์ตามกฎหมายข้อมูล ข่าวสารของราชการ (พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐) เป็นหน้าที่ของสานักหอ จดหมายเหตุแหง่ ชาติ ซงึ่ มีการกาหนดไว้ในพระราชบัญญัตจิ ดหมายเหตุแหง่ ชาติ พ.ศ. ๒๕๕๖ รวมทั้งยังมีการ กาหนดแนวทางปฏิบัติในการจัดส่งเอกสารของราชการทั้งเอกสารท่ัวไปและข้อมูลข่าวสารลับไว้ในระเบียบ สานักนายกรัฐมนตรีว่าวด้วยงานสารบรรณ พ.ศ. ๒๕๒๖ และระเบียบว่าด้วยการรักษาความลับของทาง ราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔ ซึ่งหน่วยงานของรัฐได้ถือปฏิบัติมากกว่า ๒๐ ปี นอกจากนี้ปัจจุบัน สานักหอจดหมาย เหตุแห่งชาติอยู่ระหว่างการดาเนินการจัดทาหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติในการจัดส่งเอกสารให้สานักหอ จดหมายเหตุประเมินคุณค่า และจะประกาศในหน่วยงานของรัฐปฏิบัติต่อไป ท้ังน้ี ในการปรับปรุงกฎหมาย ข้อมูลข่าวสารตามร่างฯ ฉบับ สปน. คณะกรรมการกฤษฎีกาได้เชิญผู้อานวยการหอจดหมายเหตุแห่งชาติ ในขณะนั้น ร่วมให้ความเห็นต่อร่างฯ ฉบับ สปน. ซ่ึงน่าจะเป็นบทบัญญัติท่ีเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ทั้งน้ี ปัญหาในการปฏิบตั ริ วมทั้งผลกระทบท่จี ะเกิดขนึ้ จากการรา่ งฯ นี้ ซง่ึ มีความแตกต่างในทางปฏิบตั ิจากเดิม คือ กระจายอานาจการใช้ดุลยพินิจในการประเมินคุณค่าเอกสาร แม้ว่าจะระบุให้แต่งต้ังผู้เชี่ยวชาญแต่ก็เป็น การคดั เลือกจากหัวหน้าหน่วยงานของรัฐนนั้ ๆ โดยในทางปฏบิ ัตหิ ากมีความเหน็ คัดค้านกันระหวา่ งผู้เชย่ี วชาญ กับผู้แทนจากกรมศิลปากร ตามร่างฯ นี้ ผู้วินิจฉัย คือ คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะซึ่งอาจมิได้มี ความเช่ียวชาญหรือชานาญหรือมีความเข้าใจในบริบท ความสาคัญ คุณค่าของเอกสารในแต่ละสาขามาก เพียงพอ (สานกั ขา่ วกรองแหง่ ชาต)ิ ๑๘. ท่านเห็นด้วยกับการกาหนดให้มีคณะกรรมการสรรหากรรมการข้อมูลข่าวสาร สาธารณะผู้ทรงคุณวุฒิ ซ่ึงมีที่มาจากผู้แทนพรรคการเมืองพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคร่วมฝ่ายค้าน ฝ่าย ละ ๔ คน ทาหน้าที่สรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ รวมถึงการคัดเลือกกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะ ผู้ทรงคุณวุฒิ ตามที่กาหนดไวร้ า่ งกฎหมายนี้ หรือไม่ อย่างไร เห็นดว้ ย ไมเ่ หน็ ดว้ ย - เห็นดว้ ย (กรมทางหลวงชนบท) - ไม่เห็นด้วย (มหาวิทยาลัยมหิดล) (เทศบาลเมือง (กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์) (กรมทรัพยากรน้า มุกดาหาร) บาดาล) (กรมการข้าว) (กรมคุ้มครองสิทธิและ - พรรคการเมืองดาเนินการอยู่ภายใต้ผลประโยชน์ เสรีภาพ) (สานักงานราชบัณฑิตยสภา) (จังหวัด ของพรรค ประกอบกับอาจมีการย้ายจากฝ่ายรัฐบาล ลพบุรี) (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) (มหาวิทยาลัยแม่ มาเป็นฝ่ายค้านทาให้เกิดความยุ่งยากในการ ดาเนินการ และเห็นว่าหน้าที่ในการดาเนินการ ฟ้าหลวง) (มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์) (องค์การ แต่งต้ังคณะกรรมการสรรหาฯ ควรเป็นหน้าท่ีของ สุรา กรมสรรพสามิต) (บริษัท อสมท จากัด

- 205 - (มหาชน)) (จังหวัดพระนครศรีอยุธยา) (จังหวัด ฝ่ายบริหารในการดาเนินการ ไม่ควรนาฝ่ายนิติ นนทบุรี) (จังหวัดอ่างทอง) (สานักงานเกษตรและ บัญญัตมิ าเกย่ี วข้อง (กรมโรงงานอุตสาหกรรม) สหกรณ์จังหวัดชัยนาท) (จังหวัดอุทัยธานี) - คณะกรรมการสรรหาฯ ควรมาจากภาควิชาการที่ (จังหวัดหนองบัวลาภู) (สานักงานสภานโยบาย มีความรู้ความสามารถในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง อย่างแท้จริง จึงมิควรให้ภาคการเมืองเข้ามามี การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม บทบาทในเร่ืองน้ีผ่านกระบวนการสรรหากรรมการ แห่งชาติ) (สภาเทคนิคการแพทย์) (ศูนย์คุณธรรม ผทู้ รงคณุ วุฒิ (สานักเลขาธกิ ารนายกรฐั มนตรี) (องค์การมหาชน)) (พรรคพลังสหกรณ์) (บริษัท - ควรพิจารณาจากคุณสมบัติที่เหมาะสม ไม่ควร ไปรษณีย์ไทย จากัด) (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่ง จากัดว่าจะมาจากพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่าย ประเทศไทย) (เทศบาลเมืองกุฉินารายณ์ ) ค้าน หรือหากจะมีพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่าย (องค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี) (องค์การ ค้าน ควรเพิ่มภาคประชาชนเข้าไปด้วยในสัดส่วนที่ บริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ) (เทศบาลเมือง เทา่ กนั (ธนาคารอสิ ลามแห่งประเทศไทย) บ า ง ร ะ จั น ) ( อ ง ค์ ก า ร บ ริ ห า ร ส่ ว น จั ง ห วั ด - คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะควรมาจาก หนองบัวลาภู) (องค์การบริหารส่วนจังหวัด ผู้ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ทรงคุณวุฒิ นครราชสีมา) (องค์การบริหารส่วนจังหวัด และจะต้องเป็นผพู้ ิจารณาทางปกครองท่ีกระทบสิทธิ นนทบุรี) (สานักงานสรรพากรพ้ืนที่กาฬสินธ์ุ) ของเอกชนและหน่วยงานของรัฐ ควรเป็นกลาง ทางการเมือง และปราศจากการแทรกแซงทาง (สานักงานตารวจแหง่ ชาต)ิ - ทาให้คณะกรรมการสรรหาฯ มีตัวแทนซ่ึงยึดโยง การเมือง ดังน้ัน จึงไม่ควรมีผู้แทนจากพรรค การเมืองเข้าร่วมในการสรรหา อาจทาให้เกิดการ ภาคประชาชน (กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) แทรกแซงในกระบวนการสรรหาได้ ไมค่ วรให้มพี รรค เ ช่ื อ ม โ ย ง กั บ ผู้ แ ท น ร า ษ ฎ ร ซ่ึ ง เ ป็ น ตั ว แ ท น ข อ ง ประชาชน (กรมการขนส่งทางบก) การเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ควรกาหนดท่ีมาของ - เพื่อให้สอดรับกับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิไว้ในร่างกฎหมายนี้เลย (การ สังคมดิจิทัล ทาให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลหรือ ประปานครหลวง) - คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะไม่ควร ข่าวสารได้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากย่ิงข้ึน เกี่ยวข้องกับการเมือง (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิ (กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง) โรฒ) - เห็นด้วยที่คณะกรรมการสรรหาฯ มาจากผู้แทน - ควรให้มีคณะกรรมการสรรหาฯ ที่มาจาก พรรคการเมืองทั้งสองฝ่าย เพ่ือให้เกิดการถ่วงดุล นักวิชาการ ราชการ ภาคประชาสังคม และเอกชน อานาจซ่ึงกันและกัน (กรมสนับสนุนบริการ เ พ่ื อ ป้ อ ง กั น ก า ร คั ด เ ลื อ ก เ พี ย ง มุ ม ม อ ง ข อ ง นักการเมือง และเพื่อป้องกันการคัดเลือกโดยอาศัย สุขภาพ) - เป็นสัดส่วนท่ีมีความเหมาะสมอยู่แล้ว (กรม ความเป็นพรรคพวกเข้ามาเกี่ยวข้อง รวมทั้งยังเป็น การเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมใน ชลประทาน) การจัดการข้อมูลข่าวสารอีกด้วย (มหาวิทยาลัย - มีคุณสมบัติครบถ้วนและไม่มีลักษณะต้องห้ามตาม เทคโนโลยสี รุ นารี) รา่ งพระราชบัญญตั ิฯ มาตรา ๓๗ (กรมพลศึกษา) - ควรมฝี า่ ยวิชาการในแตล่ ะด้านเข้ามารว่ มดว้ ย การ - เป็นการได้มาจากผู้แทนท่ีได้รับเลือกมาจากภาค มีฝ่ายพรรคการเมืองเข้าไปอาจกลายเป็นมารักษา ประชาชน (สถาบนั มาตรวทิ ยาแห่งชาต)ิ กล่มุ ผลประโยชนก์ นั (มหาวิทยาลัยทักษิณ)

- 206 - - จะทาให้การสรรหาผู้ทาหน้าท่ีกรรมการข้อมูล - คณะกรรมการดังกล่าวควรแต่งตั้งจากผู้ปฏบิ ัตงิ าน ข่าวสารมาจากผู้แทนของประชาชน (สานักงาน ประจาในหน่วยงานราชการ (มหาวิทยาลยั แมโ่ จ้) - ไม่มีการกาหนดหลักเกณฑ์หรือวิธีการคัดเลือก กองทุนน้ามนั เช้ือเพลงิ ) - ผู้ท่ีผแู้ ทนคดั เลอื กมา เป็นผูท้ ม่ี ีความคิดหลากหลาย ผู้แทนจากพรรคการเมืองทั้งสองฝ่ายอย่างชัดเจนว่า มีที่มาอย่างไรถึงจะมาเป็นผู้แทนซึ่งจะมาเป็น (กระทรวงยุติธรรม) คณะกรรมการสรรหาฯ (มหาวิทยาลัยนวมินทราธิ - การกาหนดให้มีท่ีมาจากผู้แทนพรรคการเมือง ราช) พรรคร่วมรัฐบาลและพรรครว่ มฝ่ายค้าน ถือเป็นการ - ไม่เห็นด้วยกับหลักการ ไม่ควรให้ภาคการเมืองเข้า เปิดโอกาสให้ตัวแทนของประชาชนเข้ามามีส่วนรว่ ม มายุ่งเก่ียวกับการสรรหา แต่ควรกาหนดหลักเกณฑ์ ในกฎหมาย (กรมควบคุมมลพิษ) คัดกรองจากผู้แทนองค์กรอิสระ เช่น ศาลยุติธรรม - เหมาะสมแลว้ (การประปาส่วนภมู ิภาค) ศาลปกครอง หรือผู้แทนจากองค์กรอิสระอื่น ๆ เป็น - เป็นไปตามหลักการของรัฐธรรมนูญซึ่งกาหนดให้ ต้น และไม่ควรมีคณะกรรมการหลายคณะ (สถาบัน ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม (สถาบันการพยาบาลศรีสว ส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และ รินทิรา สภากาชาดไทย) สภาพแวดล้อมในการทางาน (องคก์ ารมหาชน)) - จะได้บุคคลที่มีความรู้ความสามารถเข้ามา - การปฏิบัตดิ ้านข้อมลู ข่าวสารควรให้คณะกรรมการ ดาเนินงานแล้ว สามารถแก้ไขปัญหาได้ง่ายขึ้น และเจา้ หนา้ ทีข่ องรัฐปฏบิ ัติได้ปราศจากการเมืองเข้า มาแทรกแซง (จังหวัดสมุทรสงคราม) (มหาวิทยาลยั พะเยา) - เหมาะสมในการถ่วงดุลอานาจ (สานักงานพัฒนา - ไม่เห็นด้วย ๖ หน่วยงาน ควรกาหนดคุณสมบัติ บุคคลที่มีความรู้ความเข้าใจเป็นคณะกรรมการ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยีแห่งชาติ) (สว่ นราชการจงั หวดั ตรงั ) - การกาหนดให้คณะกรรมการสรรหาฯ มาจากพรรค - นักการเมืองมีวาระการปฏิบัติหน้าท่ีได้ไม่นาน ร่วมรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้านฝ่ายละเท่ากันจะ ส ม ค ว ร คั ด เ ลื อ ก ส ร ร ห า จ า ก ข้ า ร า ช ก า ร ป ร ะ จ า เกิดความเป็นธรรมกับกระบวนการสรรหา (กรม (สานักงานปศุสัตว์จังหวัดกาฬสนิ ธุ)์ บังคับคดี) - ควรเป็นตัวแทนจากหลายภาคส่วนมากกว่าผู้แทน - สร้างระบบตรว จสอบ ถ่ว งดุล เพ่ือให้ ไ ด้ พรรคการเมืองเพียงส่วนเดยี ว (สานกั งานการปฏิรูป ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง ทดี่ ินจังหวัดกาฬสินธุ)์ (จังหวัดแมฮ่ ่องสอน) - ไม่ควรมีฝ่ายการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะอาจ - เห็นด้วย ๑๗ หน่วยงาน (ส่วนราชการจังหวัด ทาให้เกิดความไม่เป็นกลาง (อาเภอนามน จังหวัด ตรงั ) กาฬสนิ ธ์)ุ - เป็นการเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองทั้งสองฝ่ายมี - ไม่เห็นด้วยกับร่างมาตรา ๓๘ ที่กาหนดให้มี ส่วนร่วมในการสรรหาและคัดเลือกกรรมการ คณะกรรมการสรรหาฯ ประกอบด้วยผู้แทนจาก ผู้ทรงคุณวุฒิ จานวน ๘ คน เมื่อประกอบกับ พรรคการเมือง เพราะอาจมีปัญหาเรื่องความ ต่อเนื่องการทาหน้าที่ของคณะกรรมการข้อมูล กรรมการซึ่งเป็นผู้แทนหน่วยงานต่าง ๆ จานวน ๕ ข่าวสารฯ หากมปี ัญหาในช่วงรอยต่อท่มี ีการเลือกต้ัง คนแล้วเห็นได้ว่าคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร พ ร ร ค ก า ร เ มื อ ง เ พื่ อ เ ข้ า ม า ท า ห น้ า ท่ี เ ป็ น สาธารณะมีสัดส่วนผู้ทรงคุณวุฒิมากกว่าข้าราชการ คณะกรรมการสรรหาฯ (สานักงานส่งเสริมการจัด ประจา เพ่ือให้ใช้อานาจไปในทางเปิดเผยข้อมูล ประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน))

- 207 - สาธารณะได้มากกว่าในกฎหมายเดิม (จังหวัด - ผู้ทาหน้าที่ในการสรรหาควรเป็นผู้ท่ีไม่สังกัดพรรค ร้อยเอด็ ) การเมือง ท้ังน้ี เพื่อมิให้มีการต้ังข้อสงสัยในเรื่องของ - เหน็ ดว้ ยกับการกาหนดให้มีคณะกรรมการสรรหาฯ ผลประโยชนท์ บั ซอ้ น (สถาบันวคั ซีนแห่งชาติ) เพราะจะเป็นการถ่วงดุลการใช้อานาจ (จังหวัด - ไม่เห็นด้วยกับองค์ประกอบของคณะกรรมการ สรรหาท่ีกาหนดให้มีข้าราชการประจา จานวน ๕ สงขลา) (จงั หวัดระนอง) คน เป็นกรรมการด้วย เพราะเมอื่ รวมกบั ผ้แู ทนพรรค - มีความสมดุลแล้ว เน่ืองจากมาจากฝ่ายค้านและ การเมอื งฝา่ ยรฐั บาล ๔ คน และข้าราชการอีก ๕ คน ฝา่ ยรัฐบาลจานวนเท่ากัน (จงั หวัดเพชรบรุ ี) จะมีสัดส่วนมากกว่าผู้แทนพรรคการเมืองฝ่ายค้าน - ควรเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองเข้ามามีส่วนร่วม ถึง ๙ ต่อ ๔ จึงเป็นไปได้น้อยท่ีบุคคลที่พรรคฝ่าย เนื่องจากเป็นตัวแทนของภาคประชาชน และเห็น คา้ นเสนอจะได้รับการสรรหา (พรรคเพอ่ื ไทย) ด้วยกับการคัดเลือกคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร - กรรมการสรรหาควรมีความเป็นกลางและไม่ควร สาธารณะผู้ทรงคุณวุฒิท้ัง ๘ คน ซึ่งเป็นผู้ท่ีมีความรู้ เกี่ยวขอ้ งกบั การเมอื ง (การยางแห่งประเทศไทย) ทางดา้ นต่าง ๆ ครบถ้วน (จังหวดั พิจิตร) - ควรเป็นบุคคลภายนอก (องค์การบริหารส่วน - ซ่ึงจะทาให้เกิดการยึดโยงกับประชาชนในการ จังหวดั ปราจนี บรุ ี) ดาเนินการเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารสาธารณะ - ไม่เห็นด้วย กับการให้ผู้แทนพรรคการเมืองร่วม (สานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพ รัฐบาล และพรรคร่วมฝ่ายค้านเป็นคณะกรรมการ สรรหาฯ ซึ่งองค์ประกอบของคณะกรรมการข้อมูล การศกึ ษา) - ก า ร ใ ห้ ผู้ แ ท น จ า ก พ ร ร ค ก า ร เ มื อ ง ซึ่ ง เ ป็ น ข่าวสารสาธารณะในส่วนของผู้ทรงคุณวุฒิจานวน แปดคนน้ัน อย่างน้อยต้องเป็นผู้มีความรู้ความ ส ม า ชิ ก ส ภ า ผู้ แ ท น ร า ษ ฎ ร อั น เ ป็ น ตั ว แ ท น ข อ ง เชี่ยวชาญในด้านนิติศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ ประชาชนทาหน้าท่ีคณะกรรมการสรรหา (พรรค บริหารธุรกิจ และส่ือสารมวลชน แต่ตามร่าง เพ่อื ไทย) กฎหมาย กลับให้ผู้แทนพรรคการเมืองเป็น - องค์ประกอบคณะกรรมการสรรหารายละเอียด คณะกรรมการสรรหาฯ เห็นควรเพิ่มเติมผู้มีความรู้ กาหนดไว้ชัดเจนเหมาะสมดีมาก และเห็นพ้องด้วย ความเชยี่ วชาญในด้านต่าง ๆ รว่ มเปน็ คณะกรรมการ กับองค์ประกอบคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร สรรหาฯ เช่น อดีตผู้พิพากษา และอดีตตุลาการใน สาธารณะ และคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม และ ศาลปกครอง ประธานกรรมการป้องกันและ วาระการดารงตาแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ป ร า บ ป ร า ม ก า ร ทุ จ ริ ต แ ห่ ง ช า ติ ป ร ะ ธ า น (พรรคแผ่นดนิ ไทย) คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน หรือประธาน - เน่ืองจากร่างพระราชบัญญัตินี้มีเค้าโครงตาม กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เข้ามาเป็น กฎหมายเดิม ซึ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ บมจ.ทีโอที คณะกรรมการสรรหาฯ และลดสัดสว่ นของกรรมการ เห็นว่าสามารถปฏิบัติตามได้ (บริษัท ทีโอที จากัด ท่ีมาจากผู้แทนพรรคการเมือง (องคก์ ารบรหิ ารส่วน จังหวัดสุรินทร์) (มหาชน) - การเปิดเผยข้อมูลควรดาเนินการในทิศทาง - สอดรับกับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคม เดียวกันท้ังประเทศ และควรมีผู้แทนจากหน่วยงาน ดิจิทัล ที่มีการเช่ือมโยงเทคโนโลยีทาให้เข้าถึงข้อมูล ท่ีเกี่ยวข้องร่วมพิจารณาให้รอบคอบที่สุด (กรม หรือข่าวสารสาธารณะได้โดยสะดว กแล ะมี เชือ้ เพลิงธรรมชาติ) ประสิทธิภาพ ลดความเหลื่อมล้าในการเข้าถึงข้อมูล - ควรให้เป็นหน้าที่ของสมาชิกรัฐสภาได้พิจารณา (การยาสบู แห่งประเทศไทย) กรอบการดาเนินการเพื่อไม่ให้ขัดหรือแย้งกับกฎ

- 208 - - เพราะจะได้มองแง่มุมมองท่ีแตกต่างกัน (การ ระเบียบต่าง ๆ ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน (สานักงาน ทา่ เรือแหง่ ประเทศไทย) รัฐมนตรี กระทรวงกลาโหม) - การดาเนินงานของคณะกรรมการเป็นการ - ในมาตรา ๓๕ องค์ประกอบและสัดส่วนของ ตรวจสอบการทางานของรัฐอยา่ งหนึ่งจงึ ควรมีผู้แทน คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะ ที่กาหนด สัดส่วนของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีจานวนมากกว่า พรรคการเมืองจากท้ังฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านเข้า ผู้แทนจากหน่วยงาน เนื่องจาก เรื่องนี้เป็นการ ร่วมในการสรรหา (สานักงานคณะกรรมการ ดาเนินการเก่ียวกับข้อมูลข่าวสารสาธารณะและ คมุ้ ครองผบู้ ริโภค) ขอ้ มลู ขา่ วสารของราชการ ดงั น้ัน บุคคลทีเ่ ปน็ ผู้แทน - เพื่อให้ได้บุคคลท่ีเหมาะสมท่ีสุด (กรมอุทยาน จากหน่วยงานจะเป็นผู้ท่ีมีความรู้ความเข้าใจกับ แห่งชาติ สตั ว์ป่า และพันธุพ์ ชื ) ระบบข้อมูลข่าวสาร ประกอบกับกรรมการ - การกาหนดดังกล่าวมีหลักเกณฑ์ท่ีมีคว าม ผู้ทรงคุณวุฒิท่ี กา หน ด ไว้ใ นม า ตรา ๓๘ ซึ่ง เหมาะสมแล้ว (สานักงานคณะกรรมการการ ประกอบด้วยผู้แทนจากพรรคการเมืองซึ่งอาจส่งผล เลอื กตัง้ ) ให้มีการแทรกแซงการทางานของหน่วยงานที่ต้อง - เห็นด้วยในหลักการที่มีความหลากหลายจากภาค ดาเนินการตามร่างพระราชบัญญัติฉบับน้ี เนื่องจาก ส่วนตา่ ง ๆ ทีเ่ กี่ยวขอ้ ง (สถาบันพระปกเกล้า) หน้าที่และอานาจของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร - เป็นการถ่วงดุลการใช้อานาจในการสรรหาที่เท่า สาธารณะมีหลายส่วนท่ีกาหนดให้มีอานาจในการสั่ง เทียมกัน ส่งผลให้การพิจารณาสรรหามีความเป็น ให้หน่วยงานต่าง ๆ ต้องปฏิบัติตาม (กระทรวง พลังงาน) ชอบธรรม (สานกั งานเลขาธิการคุรุสภา) - คณะกรรมการสรรหากรรมการข้อมูลข่าวสาร - เห็นด้วยในหลักการของการมีคณะกรรมการ สาธารณะควรเป็นหน่วยงานอิสระ ตัวแทนจาก สรรหา (กระทรวงดิจิทัลเพ่ือเศรษฐกิจและสังคม) ภาครัฐ และภาคประชาชนหรือ NGOs หากมีเพียง - เพราะจะทาให้เกิดความเป็นธรรมในการได้มาซึ่ง คณะกรรมการสรรหาที่มาจากพรรคการเมืองต่าง ๆ กรรมการผูท้ รงคณุ วุฒิที่ได้รับความเหน็ ชอบจากฝ่าย ซ่ึงแม้จะเป็นผู้แทนของประชาชนโดยหลักการแลว้ ก็ การเมืองอย่างเท่าเทียมกันอย่างครบถ้วน ซึ่งจะทา อ า จ มี ข้ อ โ ต้ แ ย้ ง ใ น เ รื่ อ ง ข อ ง ก า ร ทั บ ซ้ อ น ท า ง ให้การดาเนินงานของกรรมการข้อมูลข่าวสาร ผลประโยชน์ได้ จึงเห็นควรให้การสรรหาควรให้ ผู้ทรงคุณวุฒิเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมี หน่วยงานท่ีต้องปฏิบัติตามหลักกฎหมายฉบับนี้ ประสิทธิภาพมากย่ิงขึ้น (สานักงานสภาพัฒนาการ มีส่วนร่วมในการเป็นคณะกรรมการสรรหาด้วย เศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาติ) เ นื่ อ ง จ า ก เ ป็ น ผู้ ท่ี อ า จ ไ ด้ รั บ ผ ล ก ร ะ ท บ จ า ก ก า ร - จะทาให้กรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะ ปฏิบัติงานภายใต้กฎหมายฉบับน้ีโดยตรง (ธนาคาร ผู้ทรงคุณวุฒิท่ีมีความรู้ความสามารถ มีความ อาคารสงเคราะห์) หลากหลาย และมีการผลัดเปล่ียนการปฏิบัติงานอยู่ - โครงสร้างที่กาหนดอาจจะไม่มีความอิสระเพียงพอ และอาจเกดิ ความไมค่ ลอ่ งตัว (กรมประชาสัมพนั ธ์) ตลอด (สานักงานศลิ ปวฒั นธรรมร่วมสมยั ) - คณะกรรมการตามร่างกฎหมายดังกล่าวมีอานาจ - การให้คณะกรรมการสรรหากรรมการข้อมูล หน้าท่ีมากข้ึน เช่น กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิควรเป็น สาธารณะผู้ทรงคุณวุฒิ มีท่ีมาจากผู้แทนพรรค บุคคลท่ีมีความเป็นกลางและปราศจากการครอบงา การเมืองพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคร่วมฝ่ายค้าน ทางการเมือง อีกท้ังในเร่ือ งคุ ณส มบั ติ ข อ ง ฝ่ายละ ๔ คน ทาให้การสรรหากรรมการข้อมูล ผู้ทรงคุณวุฒิก็ไม่ได้บัญญัติคุณสมบัติเฉพาะด้านไว้ เม่ือมีการแต่งตั้งอาจทาให้ได้บุคคลที่ไม่เหมาะสมได้

- 209 - ข่าวสารสาธารณะเป็นธรรม (กรมป้องกันและ ก า ร ก า ห น ด เ ร่ื อ ง คุ ณ ส ม บั ติ ข อ ง ก ร ร ม ก า ร บรรเทาสาธารณภัย) ผู้ทรงคุณวุฒิไว้ จึงเป็นเรื่องท่ีมีความจาเป็นและ - การให้คณะกรรมการสรรหากรรมการข้อมูล เหมาะสม เพ่อื ให้ได้กรรมการผทู้ รงคุณวฒุ ทิ ่เี ป็นผู้ที่มี ข่าวสารสาธารณะผู้ทรงคุณวุฒิ มาจากผู้แทนพรรค ความรู้ความเข้าใจ มีประสบการณ์และความ เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ การเมือง พรรคร่วมรัฐบาล และพรรคร่วมฝ่ายค้าน (สานกั งานนโยบายและแผนพลงั งาน) แสดงให้เห็นว่าการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ - ก ฎ ห ม า ย เ ดิ ม ไ ด้ ก า ห น ด ค า นิ ย า ม ข อ ง คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะ ซ่ึงมีหน้าที่ “ ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ” ใ น ม า ต ร า ๔ แ ต่ ใ น ร่ า ง เก่ียวกับการพิจารณาข้อมูลข่าวสารสาธารณะ พระราชบัญญัติน้ีไม่ได้กาหนดนิยามคณะกรรมการ ทีอ่ ยู่ในความครอบครองของรฐั และเอกชนที่มีความ ไว้ ซึ่งอาจเกิดปัญหาในการตีความ อีกทั้งในร่าง เชื่อมโยงกับรัฐ การที่ให้ผู้แทนจากสมาชิกพรรค พระราชบัญญัติดังกล่าวที่กาหนดให้ผู้แทนพรรค การเมืองซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อันเป็น การเมืองทั้งสองฝ่ายมาทาหน้าท่ีสรรหากรรมการ ตัวแทนของประชาชนทาหน้าที่คณะกรรมการสรร ผู้ทรงคุณวุฒิ รวมถึงการคัดเลือกกรรมการข้อมูล ข่าวสารสาธารณะน้ัน อาจมีผลประโยชน์ทับซ้อน หา ย่อมแสดงให้เห็น ถึงการทาหน้าที่ยึดโยงกับ และอาจมคี วามไมโ่ ปร่งใส (องคก์ ารคลังสนิ คา้ ) ประชาชน (สานักงานเลขาธกิ ารสภาผูแ้ ทนราษฎร) - คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะควรเป็น - เป็นหลักการที่กาหนดให้มีคณะกรรมการสรรหา บุคคลท่ีมีความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ (การ ก ร ร ม ก า ร ผู้ ท ร ง คุ ณ วุ ฒิ เ พื่ อ ท า ห น้ า ท่ี คั ด เ ลื อ ก เคหะแหง่ ชาติ) กรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะผู้ทรงคุณวุฒิ - อานาจฝ่ายบริหารควรแยกกับอานาจฝ่ายนิติ (สานกั งานเลขาธิการวฒุ สิ ภา) บญั ญัติ (กรมส่งเสริมวฒั นธรรม) - เพราะผู้ท่ีจะมาเป็นกรรมการสรรหากรรมการ - การกาหนดคณะกรรมการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิ ไม่ ข้อมูลข่าวสารสาธารณะผู้ทรงคุณวุฒิ ควรมีความ ควรให้มีเฉพาะผู้แทนจากพรรคการเมือง พรรคร่วม เป็นกลาง เป็นบุคคลท่ีเหมาะสมเป็นท่ียอมรับ รัฐบาล หรือพรรคร่วมฝ่ายค้าน ฝ่ายละ ๔ คน โดยทว่ั ไป ดังนน้ั การใหผ้ แู้ ทนพรรคการเมืองจากทั้ง เท่าน้ัน คณะกรรมการสรรหาฯ ควรมีองค์ประกอบ พรรคร่วมรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ฝ่ายละ ๔ ดังน้ี (๑) จากผู้แทนหน่วยงานของรัฐ จานวน ๓ คน คนเท่า ๆ กนั ย่อมเป็นการถว่ งดลุ ไม่ให้ฝา่ ยการเมือง เ ช่ น ป ลั ด ส า นั ก นา ย ก รัฐ ม น ตรี เ ล ข า ธิ การ คณะกรรมการกฤษฎีกา อัยการสูงสุด (๒) บุคคลซ่ึง ที่ครองอานาจรัฐสามารถใช้อานาจครอบงาการตั้ง ป ร ะ ธ า น รั ฐ ส ภ า แ ต่ ง ตั้ ง จ า น ว น ๓ ค น กรรมการสรรหากรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะ (สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา) และ ผู้ทรงคุณวุฒิได้ อันจะเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ (๓) ผู้แทนภาคเอกชนและภาคประชาชนท่ีมีความรู้ ในภาครวม (กรมวิชาการเกษตร) ความเชี่ยวชาญ มีผลงานและมีประสบการณ์ที่ ดาเนินกิจกรรมเกี่ยวข้องโดยตรงกับการคุ้มครอง สิทธิเสรีภาพและการดาเนินการด้านข้อมูลข่าวสาร สาธารณะ จานวน ๓ คน (สานักงานปลัดกระทรวง ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละสิ่งแวดล้อม) - มีจานวนผู้แทนในคณะกรรมการมากเกิน และไม่ ควรให้สิทธินักการเมืองเข้าถึงข้อมูลท่ีสาคัญโดย อิสระเสรี เม่ือพ้นจากตาแหน่งนักการเมืองแล้ว

- 210 - ข้อมูลข่าวสารสาคัญอาจถูกเผยแพร่หรือขายให้แก่ ต่างชาติหรือผู้ไม่หวังดี (ความเห็นจากเวบ็ ไซต์) ข้อเสนอแนะเพ่ิมเติม - ควรกาหนดสาขาอาชีพความเช่ียวชาญของผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร สาธารณะให้มีความหลากหลายเพิ่มขึ้น เพื่อให้การดาเนินงานและการตัดสินใจมีความสมบูรณ์ครอบคลุมทุก มติ ิ (กรมกจิ การสตรีและสถาบนั ครอบครัว) - เยอะเกินความจาเป็น (สานักงานประกนั สงั คม) - หากพิจารณามาตรา ๓๕ และมาตรา ๓๘ สามารถเข้าใจได้ว่า การแต่งต้ังคณะกรรมการ ข้อมูลข่าวสารสาธารณะ ให้มีการเลือกประธานและรองประธานจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และในส่วน ผู้ทรงคุณวุฒิแปดคนนั้น จะต้องมีท่ีมาจากคณะกรรมการสรรหาท่ีประกอบดว้ ยผู้แทนจากพรรคการเมืองท้ัง ๒ ฝ่าย แต่ในวรรคสุดท้ายของมาตรา ๓๘ กลับระบุว่า ให้ประธานกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะกาหนด กรรมการสรรหาคนหน่ึงเป็นประธานกรรมการสรรหา ท้ังที่ประธานกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะจะต้อง เป็นหน่ึงในผู้ทรงคุณวุฒิท่ีคณะกรรมการสรรหาเป็นผู้คัดเลือก (กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์ พลังงาน) - ในบางช่วงเวลาอาจมีพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลหรือพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่ครบ ๔ พรรค โดยเฉพาะหากมีพรรคฝ่ายรัฐบาลหรือพรรคฝ่ายค้านเพียงพรรคเดียว ก็จะส่งผลให้องค์ประกอบของ คณะกรรมการสรรหาฯ ตามมาตรา ๓๘ ไมค่ รบตามท่ีกฎหมายบัญญัติ แม้วา่ ในตอนท้ายของมาตรา ๓๘ วรรค หนึ่ง จะบัญญัติให้ตัวแทนจากพรรคการเมืองท่ีมีจานวนสมาชิกสูงท่ีสุดเพิ่มพรรคละหน่ึงคนตามลาดับจนครบ จานวนแล้วกต็ าม (สานกั งานทรพั ยากรน้าแห่งชาต)ิ - ในมาตรา ๓๙ ควรกาหนดบทบัญญัติเพื่อแก้ปัญหากรณีมีบุคคลท่ีได้รับคะแนนเสียงตาม วรรคห้ามากกว่าจานวนท่ีจะต้องสรรหาด้วย เช่น ให้บุคคลที่ได้รับคะแนนเสียงมากกว่าเป็นผู้ได้รับเลือก หรือ กรณีท่ีได้คะแนนเสียงเท่ากันให้ทาการลงคะแนนคัดเลือกเฉพาะบุคคลท่ีได้คะแนนเสียงเท่ากัน (มหาวิทยาลัย แมฟ่ า้ หลวง) - ควรมผี ูแ้ ทนฝ่ายความม่นั คงและตุลาการดว้ ย (สานกั งานรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ) - สัดส่วนคณะกรรมการสรรหาฯ มาจากผู้แทนพรรคการเมืองเดียวกัน รวมท้ัง วิธีการสรรหา เป็นการลงคะแนนโดยเปิดเผยตามร่างมาตรา ๓๙ อาจส่งผลต่อการตัดสินใจลงคะแนนเสียงได้ เห็นควร พิจารณาเพ่มิ ผ้แู ทนจากภาคเอกชน หรือหน่วยงานของรัฐ หรอื รฐั วสิ าหกจิ และพจิ ารณากาหนดสัดสว่ นอย่างมี หลักเกณฑ์ (กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ) - ควรกาหนดให้คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะ มีที่มาเช่นเดียวกับคณะกรรมการ ข้อมูลข่าวสารของราชการ ตามมาตรา ๒๗ ของกฎหมายเดิม (สานักงานส่งเสริมการจัดประชุมและ นทิ รรศการ (องค์การมหาชน)) - ควรเปิดโอกาสให้เอกชนมีส่วนร่วมในการได้รับคัดเลือกเป็นคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร สาธารณะ โดยกาหนดให้มีตัวแทนของภาคเอกชน เช่น สภาหอการคา้ ไทย หรอื สภาอุตสาหกรรม หรอื สมาคม คา้ ปลีก เป็นตน้ เพือ่ ใหท้ ราบแง่มุม ความจาเป็นของภาคธรุ กิจด้วย (กลุ่มเซ็นทรัล) - องค์ประกอบผู้ทรงคุณวุฒิ ๘ ท่านในคณะกรรมการฯ ตามร่างมาตรา ๓๕ ท่ีมีกระบวนการ คัดเลือกโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรท้ังฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านน้ัน ควรเพิ่มเติมคุณสมบัติของผู้ทรงคุณวุฒิ

- 211 - ตามร่างมาตรา ๓๗ (๓) ให้มิใช่ผู้สังกัดหรอื สมาชกิ พรรคการเมืองด้วย เพ่ือความเป็นกลาง (สานักงานส่งเสรมิ เศรษฐกจิ ดจิ ทิ ลั ) - ร่างมาตรา ๓๘ ที่กาหนดองค์ประกอบผู้ทรงคุณวุฒิ ๘ ท่าน ในคณะกรรมการฯ ตามร่าง มาตรา ๓๕ ที่มีกระบวนการคัดเลือกโดยสมาชกิ สภาผู้แทนราษฎรท้ังฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านน้ัน ควรเพิ่มเติม คณุ สมบตั ิของผู้ทรงคณุ วุฒติ ามร่างมาตรา ๓๗ (๓) ให้มใิ ชผ่ ูส้ ังกดั หรอื สมาชิกพรรคการเมืองดว้ ย เพ่อื ความเป็น กลาง (สานักงานส่งเสรมิ เศรษฐกจิ ดจิ ทิ ัล) - ประเด็นคณะกรรมการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ร่างมาตรา ๓๘ บัญญัติให้ คณะกรรมการสรรหาฯ ประกอบด้วยผู้แทนจากพรรคการเมืองน้ัน เห็นว่ามีสัดส่วนที่ไม่หลากหลาย คณะกรรมการสรรหาฯ ควรมาจากหลากหลายสาขาอาชีพ เพ่อื ความเป็นกลางในการพจิ ารณา เชน่ ผู้แทนจาก ศาล ผูแ้ ทนจากสว่ นราชการ ผู้แทนจากภาคประชาชน เปน็ ต้น ควรมีสดั ส่วนจากหลายภาคสว่ น ท้งั ภาครัฐและ ภาคเอกชน (องคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั ชลบรุ ี) - หากกาหนดให้มีคณะกรรมการสรรหาฯ ซ่ึงมาจากผู้แทนภาครัฐและภาคเอกชนน่าจะมี ความเหมาะสมมากกว่าทมี่ าจากผแู้ ทนพรรคการเมือง (กระทรวงสาธารณสขุ ) - ในส่วนของการตั้งกรรมการ ควรคานึงถึงสัดส่วนหญิงชาย และจานวนคณะกรรมการที่จะ ส่งผลตอ่ ประสทิ ธิภาพในการตดั สินใจในเร่ืองตา่ ง ๆ (สถาบนั พระปกเกลา้ ) - การกาหนดวิธีการได้มาซึ่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะ เนื่องจากคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะเป็นองค์กรกลมุ่ ที่มีหน้าที่และอานาจในการควบคุมกากับการ เปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาธารณะของหน่วยงานของรัฐ โดยเฉพาะหน่วยงานของรฐั ในฝ่ายบรหิ าร ซ่ึงหน้าท่ีและ อานาจดังกล่าวถือเป็นการสนับสนุนการบริหารราชการแผน่ ดินของคณะรัฐมนตรี จึงเห็นควรให้คณะรัฐมนตรี เป็นผู้มีอานาจสรรหาและแต่งต้ังบุคคลดารงตาแหน่งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร สาธารณะทั้งนี้ การใช้อานาจของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะดังกล่าวอาจถูกตรวจสอบโดยฝ่ายนิติ บัญญัตแิ ละฝา่ ยตุลาการตามกรอบของกฎหมายที่เก่ียวข้องได้ เช่น การไปช้แี จงขอ้ เท็จจริงต่อคณะกรรมาธิการ ของสภาผู้แทนราษฎร การถูกควบคุมตรวจสอบการใช้อานาจโดยศาลปกครอง เป็นต้น (สานักงาน คณะกรรมการนโยบายรฐั วิสาหกจิ ) - คณุ สมบตั ิและลกั ษณะต้องหา้ มกรรมการผู้ทรงคณุ วฒุ ิตามมาตรา ๓๗ (๗) ให้แก้ไขจาก “ให้ ออกจากหน่วยงานของเอกชน” เป็น “ให้ออกจากหน่วยงานของรัฐหรือเอกชน” (สานกั งานนโยบายและแผน พลงั งาน) - องค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหาควรประกอบด้วยผู้ท่ีมคี วามรู้ความเช่ียวชาญในด้าน เดียวกันหรือด้านที่เก่ียวข้องกับผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะ มากกว่าท่ีจะมาจาก ผู้แทนพรรคการเมือง เพื่อให้คณะกรรมการสรรหาสามารถใช้ความรูค้ วามเชี่ยวชาญ หรือประสบการณ์ในการ ปฏิบัติงานที่เก่ียวข้องในด้านนั้น ๆ มาพิจารณาสรรหาบุคคลที่มีความรู้ความเช่ียวชาญในด้านท่ีเกี่ยวข้องได้ อย่างแท้จรงิ (กระทรวงดิจทิ ลั เพือ่ เศรษฐกจิ และสงั คม) - องค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหาที่กาหนดเฉพาะผู้แทนจากพรรคการเมืองน้ัน เน่อื งจากยังไม่ทราบถึงเจตนารมณข์ องการกาหนดบทบญั ญัติดังกล่าว จงึ ยงั ไมม่ ีความเห็นในสว่ นนี้ (สานกั งาน เลขาธิการวุฒสิ ภา) - การกาหนดให้ผู้แทนพรรคการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านทาหน้าที่สรรหากรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิ และกรรมการข้อมูลข่าวสารผู้ทรงคุณวุฒิ อาจไม่เหมาะสมเพียงพอที่จะเป็นตัวแทนในการ ดาเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการท่ีมีอานาจหน้าที่ทั้งการกาหนดนโยบายและวินิจฉัยตามร่างฯ น้ี แม้ว่าผู้แทน

- 212 - พรรคการเมอื ง คอื ตวั แทนปวงชนชาวไทย แต่ในแงข่ อบเขตการบังคับใช้ตามรา่ งฯ น้ี ครอบคลมุ ถงึ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม จึงควรกาหนดให้มีสัดส่วนของคณะกรรมการสรรหาท่ีจะเป็นตัวแทนของภาคเอกชน และภาคประชาสังคมร่วมด้วย โดยอาจให้มีการลงมติการแต่งต้ังสรรหาจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และ วฒุ สิ ภา (สานักข่าวกรองแห่งชาติ) - คณะกรรมการสรรหากรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะผู้ทรงคุณวุฒิ ให้มาจากผู้แทน องค์การอิสระตามรัฐธรรมนูญ ๕ องค์กร ได้แก่ (๑) คณะกรรมการการเลือกตั้ง (๒) ผู้ตรวจการผ่านดิน (๓) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (๔) คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (๕) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ทั้งน้ี การสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิ ให้มีการจัดทาบัญชีรายชื่อผู้เช่ียวชาญทม่ี ี คณุ สมบัตติ ามท่กี ฎหมายกาหนด ให้ปรับปรุงจานวนและองค์ประกอบคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะ โดยมีจานวน คณะกรรมการท้ังหมด ๑๓ คน ซ่ึงประกอบด้วย ผู้ทรงคุณวุฒิที่มาจากผู้เช่ียวชาญด้านสาขาต่าง ๆ จานวน ๘ คน ได้แก่ (๑) ด้านการคุ้มครองผู้บริโภค (๒) ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (๓) ด้านสังคมศาสตร์ (๔) ด้านกฎหมาย (๕) ด้านวิทยาศาสตร์หรือสุขภาพ (๖) ด้านการเงิน และ (๗) ด้านอื่น ๆ จานวน ๒ คน และมีผู้แทนจาก หนว่ ยงานของรฐั จานวน ๕ คน ได้แก่ (๑) สภาความมัน่ คงแหง่ ชาติ (๒) สานักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบ ราชการ (๓) สานักงานพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (๔) สานักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และ (๕) สานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ประธานกรรมการมาจากผู้ทรงคุณวุฒิ (สานักงานผู้ตรวจการ แผ่นดิน) ๑๙. ท่านเห็นด้วยกับการกาหนดให้คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะ มีอานาจเข้า ไปในสถานทข่ี องผู้ครอบครองหรือควบคุมดูแลข้อมูล เพื่อดาเนินการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารของราชการ และขอ้ มลู ข่าวสารสาธารณะ ตามรา่ งกฎหมายนี้หรอื ไม่ อยา่ งไร เห็นด้วย ไมเ่ ห็นด้วย - เหน็ ด้วย (กรมทางหลวงชนบท) - ไม่เห็นดว้ ย (กรมคุม้ ครองสิทธแิ ละเสรภี าพ) (กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์) (กรมทรัพยากรน้า - ควรปฏิบัติตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา บาดาล) (กรมการข้าว) (สานักงานราชบัณฑิตย (กรมโรงงานอตุ สาหกรรม) สภา) (จังหวัดลพบุรี) (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) - การดาเนินการใด ๆ ที่มีผลกระทบกับเอกชนผู้ ครอบครองหรือควบคุมดูแลข้อมูล ในลักษณะเข้าไป (มหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ) (มหาวิทยาลัยแม่ ในสถานท่ีเพ่ือดาเนินการตรวจสอบข้อมูลข่าวสาร ฟ้ า ห ล ว ง ) ( ม ห า วิ ท ย า ลั ย เ ก ษ ต ร ศ า ส ต ร์ ) สาธารณะ ถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของ (มหาวิทยาลัยแม่โจ้) (สานักงานรัฐมนตรี ผู้อ่ืนและไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของร่างกฎหมาย กระทรวงศึกษาธิการ) (องค์การสุรา กรม ฉบับน้ี ในขณะท่ีพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของ สรรพสามติ ) (จงั หวัดพระนครศรีอยุธยา) (จงั หวัด ราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ ไม่ได้ให้อานาจคณะกรรมการ นนทบุรี) (จังหวัดอ่างทอง) (สานักงานเกษตรและ ในกรณีดงั กลา่ ว โดยมาตรา ๓๒ กาหนดแตเ่ พียงให้มี สหกรณ์จังหวัดชัยนาท) (จังหวัดสมุทรสงคราม) อานาจเรียกให้บุคคลใดมาให้ถ้อยคา หรือให้ส่งวัตถุ (จังหวัดหนองบัวลาภู) (สานักงานสภานโยบาย เอกสารหรือพยานหลักฐานมาประกอบการพิจารณา การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ไดเ้ ท่านนั้ (สานักเลขาธกิ ารนายกรัฐมนตร)ี แห่งชาติ) (ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน))

- 213 - (พรรคแผน่ ดนิ ไทย) (บรษิ ัท เจรญิ โภคภณั ฑ์อาหาร - ใ ช้ อ า น า จ เ กิ น ค ว า ม จ า เ ป็ น ( ส า นั ก ง า น จากัด (มหาชน)) (บริษัท ไปรษณีย์ไทย จากัด) ประกนั สงั คม) (การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) (เทศบาล - ไม่เห็นด้วย การกาหนดให้อานาจคณะกรรมการฯ เมืองมุกดาหาร) (เทศบาลเมืองกุฉินารายณ์) ควรมีเหตุผลและหลักฐานเพียงพอท่ีสามารถใช้ อ้างอิงได้ในการขอเข้าตรวจสอบข้อมูลของราชการ (องค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี) (องค์การ และข้อมูลข่าวสารสาธารณะ (กรมพัฒนาพลังงาน บริหารส่วนจังหวัดสมุทรปราการ) (เทศบาลเมือง ทดแทนและอนรุ ักษ์พลงั งาน) บ า ง ร ะ จั น ) ( อ ง ค์ ก า ร บ ริ ห า ร ส่ ว น จั ง ห วั ด - เป็นการให้อานาจเกินไป (กระทรวงยุติธรรม) หนองบัวลาภู) (องค์การบริหารส่วนจังหวัด - ไม่เห็นด้วยกับร่างมาตรา ๔๓ เน่ืองจากคณะ นนทบุรี) (สานักงานตารวจแหง่ ชาต)ิ กรรมการฯ มีอานาจเรียกส่ังหน่วยงานของรัฐหรือ - เห็นดว้ ย ในหลกั การอานาจในการตรวจสอบข้อมูล บคุ คลท่เี กีย่ วขอ้ งดว้ ยแลว้ (สานกั งานสถติ แิ ห่งชาติ) (กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม) (จังหวัดเพชรบุรี) - เป็นการใช้อานาจเกินขอบเขตของกฎหมาย (พรรคพลังสหกรณ์) รฐั ธรรมนูญ (ธนาคารอสิ ลามแห่งประเทศไทย) - เพื่อให้สอดรับกับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและ - ควรจากัดอานาจของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร สังคมดิจิทัล ทาให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลหรือ สาธารณะไว้เพียงแค่การเรียกบุคคลมาให้ถ้อยคา ข่าวสารได้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น หรือให้ส่งวัตถุ เอกสาร หรือพยานหลักฐานมา ประกอบการพิจารณา (สานักงานคณะกรรมการ (กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝ่ัง) - เป็นหลักการเดียวกันกับพระราชบัญญัติข้อมูล พิเศษเพ่ือประสานงานโครงการอันเน่ืองมาจาก พระราชดาร)ิ ข่าวสารของราชการ พ.ศ. ๒๕๔๐ (กรมการขนส่ง - ควรให้หน่วยงานของรัฐนั้น ๆ มีอานาจในการ ทางบก) พิจารณาอนุญาต (การประปาสว่ นภมู ภิ าค) - เป็นการใช้อานาจหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลข่าวสาร - เป็นการใช้อานาจมากเกินขอบเขตกว่าที่กฎหมาย ของทางราชการ และข้อมูลข่าวสารสาธารณะ (กรม กาหนดไว้ (การประปานครหลวง) ชลประทาน) - จะเป็นการก้าวล่วงและใช้อานาจเกินขอบเขต - เห็นด้วยตามที่กาหนดไว้ในร่างกฎหมายน้ี (กรม สมควรให้คณะกรรมการฯ มีอานาจเรียกให้บุคคลใด พลศึกษา) มาให้ถ้อยคาได้เท่านั้น (สถาบันการพยาบาลศรีสว - เพื่อความโปร่งใสของการปฏิบัติงานของหนว่ ยงาน รนิ ทริ า สภากาชาดไทย) ของรัฐ (สถาบนั มาตรวทิ ยาแหง่ ชาต)ิ - การเรียกให้หน่วยงานของรัฐจัดส่งข้อมูลข่าวสาร - กฎหมายควรให้อานาจคณะกรรมการฯ ในการ เป็นการเพียงพอแล้วที่จะได้รับข้อมูลข่าวสารมาเพอื่ ปฏิบัติหน้าท่ี แต่ต้องมีขอบเขตของการใช้อานาจ ใช้ในการพิจารณา (มหาวทิ ยาลัยมหิดล) อย่างชัดเจนและตรวจสอบได้ (สานักงานกองทุน - เป็นการแทรกแซงการดาเนินงานของหน่วยงาน รวมถึงการดาเนินการเข้าไปในสถานที่ ของผู้ น้ามนั เชอ้ื เพลงิ ) ครอบครอง หรือผู้ควบคุมข้อมูล ควรมีหลักเกณฑ์ - การกาหนดให้คณะกรรมการฯ มีอานาจเข้าไปใน กาหนดท่ีชัดเจนเพื่อหลีกเล่ียงปัญหาการใช้ดุลพินิจ สถานที่ เพ่ือดาเนินการตรวจสอบข้อมูล ถือเป็นการ ในทางทีม่ ิชอบ (บริษทั อสมท จากดั (มหาชน)) อานวยความสะดวกในการปฏิบัติหน้าท่ีให้เป็นไป - เป็นการให้อานาจคณะกรรมการฯ มากเกินสมควร ตามกฎหมายของคณะกรรมการฯ (กรมควบคุม ประกอบกับในร่างมาตรา ๔๓ ให้มีอานาจเรียก และ มลพษิ ) ยังมีอานาจเข้าตรวจสอบข้อมูลข่าวสาร การให้

- 214 - - เหน็ ดว้ ย แต่จะตอ้ งกาหนดขอบเขตการทางานหรือ อานาจในการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารเพียงเท่านี้ก็ การตรวจสอบโ ดยละเอียดไว้ด้วย เพื่อมิให้ นา่ จะถือวา่ เป็นการเหมาะสมแล้ว (กรมบังคบั คดี) ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ฯ มี อ า น า จ ม า ก จ น เ กิ น ไ ป - ไม่เห็นด้วยกับหลักการ การค้นในที่รโหฐานเป็น การใชอ้ านาจเกี่ยวกบั สิทธเิ สรีภาพในเคหะสถานของ (มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีสุรนาร)ี บุคคลหรือนิติบุคคล แต่เห็นด้วยในหลักการท่ีอาจใช้ - คณะกรรมการฯ มีระบบวิธีการพิจารณาระบบ อานาจโดยผ่านพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายเป็น ไต่สวน จึงควรมีอานาจแสวงหาข้อเท็จจริงเพ่ือ หลัก (สถาบนั ส่งเสรมิ ความปลอดภัย อาชวี อนามัย ประกอบการพิจารราได้อย่างเต็มท่ี (มหาวิทยาลัย และสภาพแวดล้อมในการทางาน (องค์การ ทักษณิ ) มหาชน)) - เ ป็ น ห ลั ก ก า ร ที่ ก า ห น ด ใ น ก ฎ ห ม า ย เ ดิ ม - ไม่เห็นด้วย ๖ หน่วยงาน ควรมีการประสานข้อมูล (มหาวทิ ยาลยั นวมนิ ทราธริ าช) กันตามระบบเพ่ือความปลอดภัยของข้อมูล ควรให้ - เ พ่ื อ ใ ห้ ก า ร ขั บ เ ค ลื่ อ น ง า น เ ป็ น ไ ป อ ย่ า ง มี ส่วนราชการสรรหารผู้ทรงคุณวุฒิเอง (ส่วนราชการ ประสทิ ธภิ าพ (มหาวิทยาลัยพะเยา) จงั หวดั ตรงั ) - คณะกรรมการฯ สามารถดาเนินการเมื่อเกดิ ปัญหา - เพราะอาจละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น (อาเภอนามน ได้ (สานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จงั หวดั กาฬสนิ ธ์ุ) - ควรต้ังคณะทางานเพื่อดาเนินการแทนกรรมการ แหง่ ชาต)ิ - ให้มีการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารของราชการและ แล้วจงึ เสนอกรรมการ (สภาเทคนคิ การแพทย)์ ข้อมูลขา่ วสารสาธารณะ (จังหวดั แมฮ่ อ่ งสอน) - ไม่เห็นด้วยกับร่างมาตรา ๔๓ เพราะเป็นการ บญั ญตั ิกฎหมายให้อานาจไว้กว้างเกนิ ไป มขี อ้ สังเกต - เห็นดว้ ย ๑๗ หน่วยงาน (ส่วนราชการจังหวัด ว่า กรณีข้อมูลข่าวสารสาธารณะอยู่ในความ ตรงั ) ค ร อ บ ค ร อ ง ข อ ง เ อ ก ช น ก็ มี ค ว า ม เ สี่ ย ง ที่ จ ะ ถู ก - เพื่อให้เกิดความเหมาะสมในการบริหารจัดการ ร้องเรียนว่าใช้อานาจหน้าท่ีตามกฎหมายที่ไม่ชอบก็ ได้ หากเข้าไปในสถานที่ของผู้ครอบครองแล้ว ข้ อ มู ล ข่ า ว ส า ร ส า ธ า ร ณ ะ อ ย่ า ง ร ว ด เ ร็ ว ซ่ึ ง เ กิ ด ปรากฏว่าไม่พบข้อมูลข่าวสาร ควรให้มีการขอ อานาจศาลมีคาส่ังอนุญาตใหค้ ณะกรรมการฯ หรือผู้ ประโยชน์กบั ประชาชน (จังหวัดรอ้ ยเอด็ ) ที่ได้รับมอบอานาจ เข้าตรวจสอบข้อมูล เน่ืองจาก - เป็นข้ันตอนการตรวจสอบการดาเนินการของ หนว่ ยงานของรฐั (จงั หวดั สงขลา) (จังหวดั ระนอง) - เห็นด้วย แต่ต้องมีระบบควบคุมที่ดี เพ่ือมิให้เข้า การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคาส่ังคณะกรรมการฯ มี ข่ายการละเมิดหรอื บุกรกุ ได้ (จังหวดั อทุ ยั ธาน)ี โทษร้ายแรง ซึ่งกระทบกระเทือนต่อสิทธิเสรีภาพ - มีความจาเป็นเพ่ือความสะดวกในการรวบรวม ของผู้ท่ีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม (สานักงานส่งเสริม พยานหลกั ฐานจึงจาเปน็ ต้องมีการให้อานาจดังกล่าว การจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน)) ไว้ (สานักงานการปฏิรูปท่ดี นิ จงั หวดั กาฬสนิ ธุ)์ - หากเข้าไปในสถานท่ีของเอกชนต้องมีการ - คณะกรรมการฯ เป็นผู้มีอานาจในการกากับดูแล ดาเนินการโดยมีหมายท่ีออกโดยศาล หรือต้อง การปฏิบัติงานของหน่วยงานของรัฐให้ปฏิบัติตาม ปฏบิ ัตติ ามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ดังนั้น การให้คณะกรรมการฯ มีอานาจเข้าไปใน ร่างพระราชบัญญัติน้ี จึงสามารถเข้าไปในสถานท่ี สถานที่อาจเป็นการรุกล้าสิทธิเสรีภาพของเอกชน ดงั กล่าวได้ (จังหวัดพิจติ ร) เกนิ สมควร (พรรคเพื่อไทย) - ซ่ึงจะเป็นเครื่องมือให้ดาเนินการตามร่าง - รายละเอียดยังไม่ชัดเจน ดังน้ัน ควรระบุให้ชัดเจน พระราช บัญญัตินี้มีประสิทธิภ าพมากยิ่งข้ึน ย่ิงข้ึน ทั้งน้ี ขอให้คานึงถึงกฎหมายอ่ืนที่เก่ียวข้อง

- 215 - (สานักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพ และสนธิสัญญาระหว่างประเทศ (กรมเชื้อเพลิง การศึกษา) ธรรมชาติ) - มีความเหมาะสมแล้ว (สถาบันวคั ซีนแห่งชาติ) - เพราะอาจเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา ๓๓ - เนื่องจากร่างพระราชบัญญัตินี้มีเค้าโครงตาม ในการเข้าไปในเคหสถานโดยปราศจากความยินยอม ข อ ง ผู้ ค ร อ บ ค ร อ ง ( ส า นั ก ง า น รั ฐ ม น ต รี กฎหมายเดิม ซึ่งในส่วนท่ีเก่ียวข้องกับ บมจ.ทีโอที กระทรวงกลาโหม) เห็นว่าสามารถปฏิบัติตามได้ (บริษัท ทีโอที จากัด - การวินิจฉัยของคณะกรรมการเป็นการวินิจฉัยโดย (มหาชน) รั บ ฟั ง ห ลั ก ฐ า น แ ล ะ อ า จ มี พ ย า น ผู้ เ ชี่ ย ว ช า ญ ใ ห้ - สอดรับกับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคม ความเห็น จึงไม่มีความจาเป็นต้องเข้าไปในสถานท่ี ดิจิทัล ที่มีการเชื่อมโยงเทคโนโลยีทาให้เข้าถึงข้อมูล แต่อย่างใด (สานักงานคณะกรรมการคุ้มครอง หรือข่าวสารสาธารณะได้โดยสะดว กแล ะมี ผ้บู ริโภค) ประสิทธิภาพ ลดความเหล่ือมล้าในการเข้าถึงข้อมูล - คณะกรรมการไม่ควรแทรกแซงการทางานของ (การยาสูบแหง่ ประเทศไทย) ผู้ดูแลข้อมูล การให้อานาจที่มากเกินความจาเป็น - เห็นด้วยกับการดาเนินการดังกล่าว (การยางแห่ง อาจก่อให้เกิดการคอรัปชั่น (กรมอุทยานแห่งชาติ ประเทศไทย) สตั ว์ป่า และพนั ธพ์ุ ืช) - เพื่อให้การบังคบั ใช้กฎหมายเกดิ ผลสัมฤทธิ์ จึงต้อง - ไม่เห็นด้วยที่จะให้มีอานาจเข้าไปในสถานที่ของผู้ มีการกาหนดวิธีการบังคับไว้ ซ่ึงหลักการน้ีก็ปรากฏ ครอบครอง หรือผู้ควบคุมดูแล แต่เห็นควรที่จะให้มี อยู่ในมาตรา ๓๓ ของกฎหมายเดิม (การประปา อานาจเรียกร้องบุคคลให้ถ้อยคา หรือให้วัตถุ เอกสารหรือพยานหลักฐานมาประกอบการพิจารณา นครหลวง) ได้ (สานักงานสรรพากรพ้ืนท่กี าฬสนิ ธุ)์ - เห็นดว้ ยบางสว่ น โดยควรกาหนดใหค้ ณะกรรมการ - ลักษณะการดาเนินการตามร่างกฎหมายดังกล่าว ฯ มอี านาจเขา้ ไปในสถานที่เฉพาะกรณีไม่ปฏิบัติตาม ไม่มีเหตุจาเป็นถึงขนาดท่ีจะต้องเข้าไปในสถานท่ี คาวินิจฉัยหรือส่งมอบข้อมูลข่าวสารสาธารณะให้แก่ ของผู้ครอบครองหรือควบคุมดูแลข้อมูล อานาจ คณะกรรมการฯ (องค์การบริหารส่วนจังหวัด เรียกของคณะกรรมการฯ เท่าท่ีเคยปฏิบัติมาแต่เดิม นครราชสีมา) จากกฎหมายเดิมมาตรา ๓๒ ท่ใี หบ้ ุคคลมาใหถ้ ้อยคา - เห็นด้วย แต่ควรกาหนดหลักเกณฑ์แนวทางการ หรือให้ส่งวัตถุ เอกสารหรือพยานหลักฐ าน ปฏิบัติในการเข้าไปในสถานที่ให้ชัดเจน เพ่ือรักษา ประกอบการพิจารณา สาหรับการดาเนินการ ผลประโยชน์ของผู้ครอบครองหรือควบคุมดูแล ตรวจสอบข้อมูลข่าวสารของราชการและข้อมูล ขอ้ มลู (องคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั สรุ ินทร์) ข่าวสารสาธารณะ ตามเจตนารมณ์ของร่างกฎหมาย - เพื่อให้การปฏิบัติหน้าท่ีของคณะกรรมการประสบ น้ีก็เพียงพอแล้ว (สานักงานนโยบายและแผน ผลสาเร็จ (สานักงานคณะกรรมการการเลือกต้งั ) พลังงาน) - การใช้อานาจดังกล่าว ทาให้คณะกรรมการข้อมูล - ถือได้ว่าเป็นอานาจในลักษณะเดียวกับพนักงาน สอบสวน หรือเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง หรือตารวจ ข่าวสารสาธารณะ ได้ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา หรือ ที่แท้จริง ส่งผลการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารราชการ พนักงานเจ้าหน้าท่ีตามกฎหมายอื่น ๆ จึงไม่ควร และข้อมูลข่าวสารสาธารณะของคณะกรรมการฯ กาหนดอานาจของคณะกรรมการฯ ในเร่ืองน้ีอานาจ สามารถมคี าวินจิ ฉยั ได้อย่างถูกต้องและเป็นธรรมกับ ใ น ก า ร เ ข้ า ไ ป ใ น ส ถ า น ที่ ข อ ง ผู้ ค ร อ บ ค ร อ ง ห รื อ ทกุ ฝา่ ย (สานักงานเลขาธกิ ารครุ สุ ภา) ควบคุมดูแลข้อมูล เพื่อดาเนินการตรวจสอบข้อมูล

- 216 - - เห็นด้วย เนื่องจากในมาตรา ๔๓ ท่ีกาหนดให้ ต่าง ๆ ดังกล่าว มีลักษณะใกล้เคียงกับพนักงาน คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะมีอานาจเข้า เจ้าหน้าท่ีตามพระราชบัญญัติอื่น ๆ ท่ีมีโทษตาม ไปในสถานท่ีของผู้ครอบครองหรือควบคุมดูแลข้อมูล ประมวลกฎหมายอาญา จึงควรกาหนดหลักเกณฑ์ เพื่อดาเนินการตรวจสอบข้อมูล ได้มีการระบุ และวธิ ีการทเี่ หมาะสมในการดาเนนิ การ ทั้งนี้ โดยไม่ ขัดหรือแย้งต่อประมวลกฎหมายอาญาหรือประมวล รายละเอียดหน้าที่และอานาจของคณะกรรมการฯ กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาเกี่ยวกับอานาจใน ไว้อย่างครอบคลุมและชัดเจน ในมาตรา ๓๖ ด้วย ก า ร ต ร ว จ ค้ น ( ส า นั ก ง า น ป ลั ด ก ร ะ ท ร ว ง แลว้ (กระทรวงพลงั งาน) ทรพั ยากรธรรมชาตแิ ละส่ิงแวดลอ้ ม) - เป็นการตรวจสอบของกลุ่มบุคคลท่ีต้ังขึ้นตาม - การเข้าไปในสถานที่ของผู้ครอบครองหรือ กฎหมายเพ่ือตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูลที่ ควบคุมดูแลข้อมูล หากเป็นสถานท่ีของเอกชนต้องมี หน่วยงานไดจ้ ดั แสดงตอ่ สาธารณะไมว่ ่าจะรปู แบบใด การดาเนินการโดยมีหมายท่ีออกโดยศาลหรือต้อง ก็ตาม เพ่ือความถูกต้องและโปร่งใส (ธนาคาร ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา อาคารสงเคราะห์) ดังนั้นในการกาหนดให้คณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร - เห็นด้วยในหลักการของการให้คณะกรรมการ ส า ธ า ร ณ ะ มี อ า น า จ เ ข้ า ไ ป ใ น ส ถ า น ที่ ข อ ง ข้อมูลข่าวสารสาธารณะมีอานาจเข้าไปในสถานท่ี ผู้ครอบครองหรือควบคุมดูแลข้อมูล เพ่ือดาเนินการ ของผู้ครอบครองหรือควบคุมดูแล (กระทรวงดิจิทัล ตรวจสอบข้อมูลข่าวสารของราชการและข้อมูล สาธารณะอาจเป็นการรุกล้าสิทธิเสรีภาพของเอกชน เพ่ือเศรษฐกจิ และสงั คม) - เพ่ือคณะกรรมการฯ จะได้รับทราบและติดตาม เ กิ น ส ม ค ว ร ( ส า นั ก ง า น เ ล ข า ธิ ก า ร ส ภ า ผู้แทนราษฎร) การดาเนินงาน เกี่ยวกับขอ้ มูลข่าวสารของหน่วยงาน - เม่ือพิจารณาถึงหน้าท่ีของคณะกรรมการข้อมูล ได้อย่างถูกต้อง (สานักงานสภาพัฒน าการ ข่าวสารสาธารณะแล้ว ยังไม่มีความจาเป็นท่ีจะต้อง เศรษฐกจิ และสงั คมแห่งชาต)ิ กาหนดให้คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะมี - การพิจารณาของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร อ า น า จ เ ข้ า ไ ป ใ น ส ถ า น ท่ี ข อ ง ผู้ ค ร อ บ ค ร อ ง ห รื อ สาธารณะจะต้องพิจารณาให้แล้วเสร็จ ภายใน ควบคุมดูแลข้อมูลเพื่อดาเนินการตรวจสอบข้อมูล ระยะเวลาท่ีกาหนด ทั้งน้ี เพื่อให้การรวบรวมข้อมูล ข่าวสารของราชการและข้อมูลข่าวสารสาธารณะ หลักฐานประกอบการพิจารณาของคณะกรรมการฯ ประกอบกับเม่ือพิจารณาเทียบเคียงกับประมวล ให้เป็นไปโดยรวดเร็วและได้ข้อมูลท่ีจาเป็นครบถ้วน กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๙๒ ที่ (สานกั งานศิลปวฒั นธรรมร่วมสมัย) บัญญัติห้ามมิให้ค้นในที่รโหฐานโดยไม่มีหมายค้น - ทาให้การตรวจสอบข้อมูลข่าวสารของราชการและ หรือคาส่ังศาล จึงไม่มีความจาเป็นที่จะต้องกาหนด ข้อมูลข่าวสารสาธารณะสามารถกระทาได้ในเชิงรุก อานาจของคณะกรรมการข้อมลู ขา่ วสารสาธารณะไว้ และเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ (กรมป้องกันและ ในลักษณะทานองนี้ (สานักงานเลขาธกิ ารวฒุ สิ ภา) - ควรมีการกาหนดอานาจฝ่ายต่าง ๆ ในการถ่วงดุล บรรเทาสาธารณภยั ) - ไม่มีข้อขัดข้อง เป็นไปตามกฎหมายเดิม มาตรา ในการเขา้ ถึงขอ้ มลู (ความเหน็ จากเวบ็ ไซต)์ ๓๓ วรรคสอง (องค์การคลังสินคา้ ) - หน่วยงานของรัฐต้องสร้างความเช่ือถือให้ ประชาชนเห็นถึงความสาคัญและความน่าเช่ือถือใน

- 217 - การเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาธารณะ (การเคหะ แหง่ ชาติ) - มีความสอดคล้องกับอานาจหน้าที่คณะกรรมการ ข้อมูลข่าวสารสาธารณะ ตามร่างกฎหมาย มาตรา ๓๖ (๗) กาหนดให้สามารถส่ังให้หน่วยงานหรือ บุคคลส่งข้อมูลหรือเอกสาร หรือมาให้ข้อมูล ประกอบการพิจารณาได้ เห็นว่ามีอานาจเข้าไปใน สถานทีข่ องผู้ครอบครองหรือควบคุมดูแลขอ้ มูล เพื่อ ดาเนินการตรวจสอบข้อมูลข่าวสารของราชการและ ข้อมูลข่าวสารสาธารณะได้เช่นกัน (กรมส่งเสริม วัฒนธรรม) - เพราะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะ ควรมี อ า น า จ เ ข้ า ไ ป ใ น ส ถ า น ที่ ข อ ง ผู้ ค ร อ บ ค ร อ ง ห รื อ ควบคุมดูแลข้อมูล เพ่ือดาเนินการตรวจสอบข้อมูล ข่าวสารของราชการและข้อมูลข่าวสารสาธารณะได้ (กรมวชิ าการเกษตร) - เป็นการตรวจสอบการทางานของเจ้าหน้าที่ด้าน ข้อมูลข่าวสาร ให้เกิดความโปร่งใส สุจริตและ ตรงไปตรงมา (ความเห็นจากเว็บไซต์) ข้อเสนอแนะเพิม่ เตมิ - มีความเหมาะสมหรือไม่ เพียงใด ในการให้อานาจคณะกรรมการฯ เข้าไปในสถานท่ีเพ่ือ ตรวจสอบข้อมูลข่าวสารโดยไม่มีเหตตุ ามกฎหมาย อนั เปน็ การละเมิดสิทธขิ องบุคคล (กระทรวงยตุ ิธรรม) - ควรมีขอ้ กาหนดดว้ ยว่าการเข้าไปในสถานท่ีจะอยูภ่ ายใตห้ ลกั เกณฑ์ของกฎหมายที่เกีย่ วข้อง เพื่อเปน็ การตรวจสอบและถว่ งดุลอานาจ (กรมสง่ เสริมอตุ สาหกรรม) - เม่ือคณะกรรมการฯ ทาการอันเป็นการปฏิบัติหน้าท่ีเพื่อผลประโยชน์ของหน่วยงานรัฐ จึงถือเป็นเจ้าหน้าท่ีรัฐตามมาตรา ๔ เห็นควรว่าคณะกรรมการฯ ย่อมมีอานาจในทางปฏิบัติในการเข้าไปใน สถานท่เี พอ่ื ดาเนินการตรวจสอบได้ (กรมสนับสนนุ บรกิ ารสุขภาพ) - อานาจเข้าไปในสถานที่ เพ่ือดาเนินการตรวจสอบข้อมูลข่าวสาร ตามมาตรา ๔๓ เป็น อานาจของคณะกรรมการข้อมลู ข่าวสารสาธารณะ จงึ เหน็ วา่ ควรอยู่ในมาตราเดียวกันกับหนา้ ทีแ่ ละอานาจของ คณะกรรมการข้อมลู ข่าวสารสาธารณะ ตามมาตรา ๓๖ (กรมวิทยาศาสตรก์ ารแพทย)์ - อานาจเข้าไปในสถานท่ี เฉพาะสถานที่ที่เป็นของรัฐหรือเอกชนที่ใช้อานาจมหาชนเท่านั้น หากเป็นสถานท่ีของเอกชนท่ัวไปควรต้องมีหมายศาล เพราะเป็นการกระทบสิทธิของเอกชนเจ้าของสถานท่ี ทัง้ นี้ ตามมาตรา ๓๓ ของรัฐธรรมนูญแหง่ ราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา ๙๒ แห่งประมวลกฎหมายวิธี พิจารณาความอาญา ดังนั้น เพ่ือเป็นการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน จึงควรมีข้อกาหนดที่มี มาตรฐานไม่ต่ากว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซ่ึงเป็นกฎหมายสาคัญและอยู่ในระบบกฎหมาย

- 218 - เดียวกัน โดยควรกาหนดให้ต้องมีการขอหมายของศาลในการเข้าไปในสถานท่ีของเอกชน หากจะเข้าไปใน สถานทขี่ องเอกชนโดยไมม่ ีหมายศาลจะต้องมเี หตุยกเวน้ บญั ญัติไว้ในร่างกฎหมายน้ี (กรมการขา้ ว) - การเข้าไปในสถานที่ของผู้ครอบครองข้อมูล ควรขอใช้อานาจผ่านศาล โดยมีเหตุอันเชื่อได้ ว่ามีข้อมูลดังกล่าว หรือมีความจาเป็นอย่างยิ่ง โดยหากไม่กระทาจะก่อให้เกิดความเสียหาย (สถาบัน เทคโนโลยีปอ้ งกนั ประเทศ) - การเพิ่มอานาจของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะที่ให้สามารถตรวจสอบข้อมูล ข่าวสารของราชการและข้อมูลข่าวสารสาธารณะโดยการเข้าไปในสถานที่ของผู้ครอบครองหรือควบคุมดูแล ข้อมูลดังกล่าวว่า สมควรกาหนดหลกั เกณฑ์ในการปฏบิ ัติให้ชัดเจนเพื่อเป็นหลกั ประกันการคุ้มครองสิทธิของผู้ ครอบครองหรือควบคุมดูแลข้อมูล เช่น การตอ้ งขออนุญาตต่อศาลกอ่ นเข้าไปในสถานทต่ี ามที่กฎหมายกาหนด เปน็ ตน้ (สานกั งานปลัดกระทรวงกลาโหม) - การเข้าไปในสถานที่ของเอกชนควรต้องกาหนดให้ต้องได้รับหมายค้นของศาลก่อน รวมถึง อาจต้องมีการกาหนดระเบียบ วิธีการหรือข้ันตอนการตรวจสอบข้อมูลให้สอดคล้องกับลักษณะของข้อมูล ดิจิทัลด้วย และอาจกาหนดให้คณะอนุกรรมการตามมาตรา ๔๔ ท่ีได้รับมอบหมายเป็นผู้เข้าตรวจสอบข้อมูล แทนกไ็ ด้ (มหาวิทยาลัยแมฟ่ ้าหลวง) - ควรใช้อานาจศาลเมื่อมีเหตุจาเป็นเพื่อความปลอดภัยของข้อมูลและให้เวลากับเจ้าหน้าท่ี ผปู้ ฏิบตั งิ าน (สว่ นราชการจังหวัดตรัง) - ควรจะมีการร้องเรียนก่อน เนือ่ งจากหนว่ ยงานปฏิเสธการให้ข้อมลู ข่าวสารและมีเหตุเช่ือได้ ว่ามีข้อมลู ข่าวสารนนั้ อยใู่ นหนว่ ยงานดงั กล่าว จึงจะมีอานาจเข้าไปตรวจสอบได้ (จังหวดั เพชรบรุ ี) - เห็นควรให้คณะกรรมการฯ มีอานาจเข้าไปในสถานท่ีของผู้ครอบครองหรือควบคุมดูแล ข้อมูลข่าวสารได้ (สานกั งานปศสุ ตั วจ์ ังหวดั กาฬสินธุ์) - ควรกาหนดบทลงโทษคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารฯ ท่ีใช้อานาจเกินขอบเขต หรือล่วงล้า สิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่นอันเป็นการปฏิบัติหน้าท่ีโดยมิชอบ ซึ่งเป็นความผิดทางอาญาและทางแพ่ง เช่นเดียวกับผู้ที่ไม่เปดิ เผยข้อมูลหรือไม่ปฏิบัติตามคาสั่ง หรือไม่ควรกาหนดความผิดทางอาญาสาหรับองค์กรผู้ เปิดเผยข้อมลู (สภาทนายความ) - ควรบัญญัตใิ ห้อานาจคณะกรรมการฯ เชน่ เดียวกับอานาจคณะกรรมการข้อมลู ข่าวสารของ ราชการดังเช่นท่ีบัญญัติไว้ในมาตรา ๓๒ ของกฎหมายเดิม และหากจะกาหนดโทษ ควรกาหนดเป็นโทษปรับ ทางปกครอง หรือกาหนดเป็นอัตราค่าปรับ (สานักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การ มหาชน)) - อานาจของคณะกรรมการฯ มไิ ดค้ รอบคลุมไปถงึ เอกชนซง่ึ มีข้อมูลขา่ วสารสาธารณะ ซึง่ เป็น องค์กรที่อยู่ภายใต้บังคับของร่างพระราชบัญญัตินี้ อันอาจส่งผลให้การดาเนินการเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสาร สาธารณะไมไ่ ด้ประสิทธิภาพเทา่ ทคี่ วร (สานกั งานรบั รองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา) - ควรกาหนดระยะเวลาและเงื่อนไขในการเข้าไปในสถานที่ให้ชัดเจน (บริษัท เจริญโภค ภัณฑ์อาหาร จากดั (มหาชน)) - คณะกรรมการฯ ควรมีขอบเขตอานาจพอสมควรแก่กรณี โดยไม่ก้าวล่วงอานาจหน้าท่ีและ สร้างภาระใหแ้ กห่ นว่ ยงานของรฐั เกินสมควร (การยางแหง่ ประเทศไทย) - ควรระบวุ า่ สถานท่ีดงั กลา่ วเปน็ สถานทีร่ าชการหรือเอกชน (การท่าเรอื แหง่ ประเทศไทย)

- 219 - - ร่างมาตรา ๔๓ อานาจเรียกของคณะกรรมการฯ ควรระมัดระวังการใช้อานาจเพื่อให้เกิด การใช้อานาจอย่างเป็นธรรมต่อผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย อย่างไรก็ตามยังมีข้อกังวลว่า ๑) ร่างมาตรา ๒๘ ให้อานาจ นายกรัฐมนตรีเข้าถึงข้อมูลความลับราชการทุกชั้นความลับ แต่ร่างมาตรา ๔๓ เป็นการให้อานาจคณะกรรมการฯ ตรวจดูข้อมูลก่อนนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ๒) หากคณะกรรมการฯ เป็นบุคลากรหรือผู้เกี่ยวข้องทางการเมืองจะ ก่อให้เกดิ ผลเสียหายหรือไม่ ๓) ควรกาหนดกรณที ่ีสามารถใหอ้ านาจคณะกรรมการฯ สามารถตรวจสอบได้เป็น การเฉพาะ มิควรให้ตรวจดูไดใ้ นทกุ กรณี ๔) มขี อ้ กงั วลต่อการให้อานาจคณะกรรมการฯ เข้าไปในสถานที่ซ่ึงไม่ มีความชัดเจนว่ามีกระบวนการพิจารณาหรือกล่ันกรองความเหมาะสมก่อนหรือไม่ (สานักงานส่งเสริม เศรษฐกิจดิจทิ ัล) - หากเป็นคณะกรรมการจะเข้าตรวจสอบควรได้รับความยินยอมจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล กอ่ น (องคก์ ารบริหารสว่ นจังหวดั ปราจนี บรุ ี) - ควรกาหนดให้คณะกรรมการฯ มีอานาจเข้าไปในสถานท่ีเฉพาะกรณีไม่ปฏิบัติตามคา วินิจฉัยหรือส่งมอบข้อมลู ขา่ วสารสาธารณะให้แกค่ ณะกรรมการฯ (องคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัดนครราชสมี า) - ควรกาหนดหลักเกณฑ์แนวทางการปฏิบัติในการเข้าไปในสถานที่ให้ชัดเจน เพ่ือรักษา ผลประโยชนข์ องผู้ครอบครองหรือควบคมุ ดแู ลข้อมลู (องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั สุรนิ ทร์) - เห็นว่าเป็นการกระทาท่ีไม่สมควร โดยควรกาหนดให้คณะกรรมการมีอานาจเรียกมา ประกอบการพิจารณาได้ แต่อย่างไรก็ตาม หากมกี ารเรยี กแลว้ มีการฝ่าฝืนไม่ดาเนินการก็กาหนดเปน็ ข้อยกเว้น ไว้ให้สามารถที่จะมีอานาจเข้าไปในสถานที่เพื่อดาเนินการตรวจสอบจ้อมูลข่าวสารได้ในกรณีฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติ ตามคาสงั่ คณะกรรมการ (กระทรวงสาธารณสขุ ) - ข้อสังเกตที่เป็นรายละเอียดต้องพิจารณาเพ่ิมเติม เช่น ความทับซ้อนของอานาจหน้าที่กับ ฝ่ายปกครอง อ่ืน ความรัดกุมในทางปฏิบัติท่ีอาจส่งผลให้เกิดการละเมิดสิทธิ ท้ังนี้ เห็นควรให้เป็นการทางาน เชิงบูรณาการกับหน่วยงานที่มีหน้าท่ีในการเข้าไปในสถานที่ของผู้ครอบครองหรือควบคุมดูแลข้อมูล (สถาบัน พระปกเกล้า) - เนื่องจากธนาคารเป็นหน่วยงานที่ต้องให้บริการแก่ลูกค้า จึงควรมีการกาหนดแจ้งให้ทราบ ล่วงหนา้ พอสมควร ท้ังนเี้ พื่อไมใ่ หก้ ระทบต่อการใหบ้ ริการแก่ลูกค้า (ธนาคารอาคารสงเคราะห์) - ขอสงวนสิทธ์ิในการแสดงความคิดเห็นในข้อน้ี เน่ืองจากการกาหนดในมาตรา ๔๓ ยังไม่ได้ กาหนดแนวทางปฏิบัติท่ีชัดเจนว่าคณะกรรมการฯ มีอานาจแค่ไหน อย่างไรและใช้วิธีการใดในการตรวจสอบ (กรมประชาสมั พันธ)์ - อานาจดังกล่าวมีลักษณะเป็นการใช้อานาจในการค้นเพ่ือประโยชน์ในการสืบสวนสอบสวน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซงึ่ เป็นการละเมดิ ลิขสิทธิ์และเสรภี าพของประชาชน โดยเฉพาะ เอกชนซึ่งมีข้อมูลข่าวสารสาธารณะ จึงควรกระทาเท่าท่ีจาเป็นเท่านั้น และการใช้อานาจดังกล่าวควรต้อง กระทาโดยอาศัยหมายค้นหรือคาส่ังของศาล นอกจากนี้ คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะก็มีอานาจที่ เก่ียวข้องตามร่างมาตรา ๓๖ ประกอบกับร่างมาตรา ๕๐ ก็ได้กาหนดโทษทางอาญาสาหรับผู้ที่ไม่ปฏิบัติตาม คาส่ังของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะไว้แล้ว ซึ่งน่าจะเป็นเครื่องมือในการบังคับใช้กฎหมายส่วนน้ี ดว้ ย ท้งั นี้ โดยคุณลกั ษณะข้อมลู ในอนาคตจะอยู่ในรูปแบบดิจิทลั เป็นส่วนใหญ่ การบงั คับใช้อานาจในส่วนนี้จึง ควรคานึงถึงการเกบ็ ขอ้ มลู ในรูปแบบดงั กลา่ วประกอบด้วย (กระทรวงดิจทิ ลั เพื่อเศรษฐกิจและสังคม)

- 220 - - คณะกรรมการอาจจะแจ้งให้กับหน่วยงานรัฐได้ทราบล่วงหน้า เพื่อเตรียมพร้อมด้านข้อมูล ข่าวสารสาธารณะที่กาลังอยู่ระหว่างการปรับปรุง และความพร้อมของเจ้าหน้าท่ีผู้รับผิดชอบ (สานักงานสภา พฒั นาการเศรษฐกจิ และสังคมแห่งชาต)ิ - ต้องไม่เป็นการเพิ่มภาระหรือจากัดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลเกินสมควรด้วย (กรม ป้องกันและบรรเทาสาธารณภยั ) - หากการเข้าไปเป็นการดาเนินการเพ่ือประโยชน์สาธารณะ (ซึ่งจะต้องมีการกาหนดนิยามท่ี ชัดเจน) และมีหลักเกณฑ์แนวทางปฏิบัติท่ีเหมาะสม ไม่เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของบุคคล หน่วยงาน องคก์ รใด อาจดาเนนิ การได้ ด้วยขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก เชน่ การออกหนังสือให้จดั สง่ เอกสาร หนงั สอื เชิญ มาช้แี จงพรอ้ มเอกสาร หนังสือแจง้ การเขา้ ไปในพน้ื ท่ี ทั้งน้ี ตอ้ งคานึงถงึ สวัสดภิ าพ ผลกระทบจากการเขา้ ถึงใน มิติต่าง ๆ และกฎหมายเฉพาะที่มีการคุ้มครองต่อพ้ืนท่ีน้ัน ๆ เช่นกัน เช่น กรณีการเข้าพ้ืนที่ควบคุมตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองความลับในราชการ พ.ศ. ๒๔๘๓ การเข้าพ้ืนท่ีสถานเอกอัครราชทูตประจาประเทศ ไทยของประเทศต่าง ๆ (สานักขา่ วกรองแห่งชาติ) ๒๐. ท่านเห็นด้วยกับการกาหนดให้หน่วยงานของรัฐหรือเอกชนซึ่งมีข้อมูลข่าวสาร สาธารณะ ต้องปฏิบัติตามคาสั่งหรือคาวินิจฉัยของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะภายใน ๗ วัน หรือภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการกาหนด รวมถงึ การดาเนินการกรณไี ม่ปฏิบัติตาม ตามรา่ งกฎหมายนี้ หรอื ไม่ อย่างไร เหน็ ด้วย ไมเ่ ห็นด้วย - เห็นดว้ ย (กรมวิทยาศาสตรก์ ารแพทย)์ - ไม่เห็นด้วย เนื่องจากอาจมีกรณีท่ีต้องจัดเตรียม (กรมทรัพยากรน้าบาดาล) (กรมการข้าว) เอกสารจานวนมาก จึงอาจดาเนินการได้ไม่ทัน (สานักงานราชบัณฑิตยสภา) (จังหวัดลพบุรี) ภายในกาหนดเวลาดงั กล่าว ทง้ั นี้ หากมคี วามจาเป็น (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) (มหาวิทยาลัยศรีนครินท ควรมีสิทธิขอขยายระยะเวลาออกไปได้ (กรมทาง หลวงชนบท) ร วิ โ ร ฒ ) ( ม ห า วิ ท ย า ลั ย แ ม่ ฟ้ า ห ล ว ง ) - ไม่เห็นด้วย กับการกาหนดระยะเวลา ๗ วัน เนื่องจากเป็นระยะเวลาที่น้อยเกินไป (กรมการ (มหาวทิ ยาลยั เกษตรศาสตร์) (มหาวทิ ยาลัยแม่โจ)้ ขนสง่ ทางบก) - แม้หลักการดังกล่าวจะมีวัตถุประสงค์เพ่ือเร่งรัด ( ส า นั ก ง า น รั ฐ ม น ต รี ก ร ะ ท ร ว ง ศึ ก ษ า ธิ ก า ร ) การดาเนินการของหน่วยงานของรัฐหรือเอกชน แต่ (องค์การสุรา กรมสรรพสามิต) (บริษัท อสมท การกาหนดระยะเวลาดังกล่าว สมควรกาหนดไว้ จากัด (มหาชน)) (จังหวัดพระนครศรีอยุธยา) สาหรับการดาเนินการเป็นรายกรณีไป เนื่องจากใน (จังหวัดนนทบุรี) (จังหวัดอ่างทอง) (สานักงาน แต่ละกรณีมีเน้ือหาและรายละเอียด ของการ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดชัยนาท) (จังหวัด ดาเนินการท่ีแตกต่างกัน ท้ังน้ี ต้องคานึงถึงทาง สมุทรสงคราม) (จังหวัดอุทัยธานี) (จังหวัด ปฏิบัติของหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนท่ีต้องปฏิบัติ หนองบัวลาภู) (สานักงานสภานโยบายการ ตามคาสั่งหรือคาวินิจฉัยด้วย (สานักเลขาธิการ อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม นายกรฐั มนตร)ี แห่งชาติ) (สภาเทคนิคการแพทย์) (ศูนย์คุณธรรม - เพ่ิมภาระแก่หน่วยงานราชการ (สานักงาน (องค์การมหาชน)) (พรรคพลังสหกรณ์) (พรรค ประกันสงั คม) แผ่นดินไทย) (บริษัท ไปรษณีย์ไทย จากัด) (การ ไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) (เทศบาลเมือง

- 221 - มุ ก ด า ห า ร ) ( อ ง ค์ ก า ร บ ริ ห า รส่ ว น จัง หวัด - ระยะเวลาสั้นเกินไป (การประปาสว่ นภมู ภิ าค) สมุทรปราการ) (เทศบาลเมืองบางระจัน ) - ระยะเวลาส้ันไปเห็นควรอย่างน้อย ๓๐ วัน เพื่อ (องค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองบัวลาภู ) เปดิ โอกาสใหไ้ ดเ้ ตรียมตวั (มหาวิทยาลยั ทกั ษิณ) (องค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี) (องค์การ - การปฏิบัติให้เป็นไปตามคาวินิจฉัย หน่วยงานของ บ ริ ห า ร ส่ ว น จั ง ห วั ด สุ ริ น ท ร์ ) ( ส า นั ก ง า น รัฐไม่อาจปฏิเสธได้อยู่แล้ว จึงสมควรกาหนด คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) (กรมอุทยาน ระยะเวลาพอสมควรเพื่อให้สามารถปฏิบัติได้โดย แห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธ์ุพืช) (กรมส่งเสริม คานึงถึงการจัดส่งคาวินิจฉัยไปยังหน่วยงานของรัฐ วัฒนธรรม) (กรมสรรพากร) (สานักงานตารวจ และกระบวนการ/ข้ันตอนของหน่วยงานของรัฐน้ัน แหง่ ชาติ) (มหาวทิ ยาลัยมหิดล) - เห็นด้วย ในหลักการการปฏิบัติตามคาวินิจฉัย - การกาหนดให้มีการลงโทษทางวินัยภายในเจ็ดวัน โดยเรว็ (กรมส่งเสรมิ อตุ สาหกรรม) นบั แตว่ ันท่ีได้รบั เร่อื งจากคณะกรรมการฯ ระยะเวลา - เพื่อให้สอดรับกับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและ ที่กาหนดไว้ค่อนข้างน้อย และไม่มีการให้อานาจ สังคมดิจิทัล ทาให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลหรือ หนว่ ยงานของรัฐดาเนินการสอบสวนในเรือ่ งดังกล่าว แต่อย่างใด (มหาวทิ ยาลยั นวมินทราธิราช) ข่าวสารได้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากย่ิงข้ึน - กาหนดระยะเวลา ๗ วัน ส้ันหรือน้อยเกนิ ไปอาจไม่ (กรมทรพั ยากรทางทะเลและชายฝ่ัง) สามารถดาเนนิ การปฏิบัตติ ามได้ทนั ท่วงที อาจส่งผล - เห็นด้วย ที่กาหนดระยะเวลาต้องปฏิบัติตามคาส่ัง กระทบต่อผู้ปฏิบัติได้ และควรพิจารณากาหนด หรอื คาวนิ จิ ฉยั (กรมการขนสง่ ทางบก) อัตราค่าปรับเน่ืองจากมีอัตราท่ีสูงอาจทาให้เกิดผล - ระยะเวลาภายใน ๗ วันเหมาะสมแล้ว (กรม กระทบได้ (มหาวิทยาลยั พะเยา) สนบั สนนุ บริการสุขภาพ) - ไม่เห็นด้วย ๔ หน่วยงาน (ส่วนราชการจังหวัด - เป็นการกาหนดระยะเวลาท่ีมีความเหมาะสมอยู่ ตรงั ) แล้ว (กรมชลประทาน) - ระยะเวลา ๗ วันส้ันไป ซ่ึงหน่วยงานของรัฐอาจ - เพ่ือให้การบังคับใช้พระราชบัญญัติดังกล่าวเป็นไป ต้องใช้เวลาในการดาเนินการตามคาสั่งหรือคา อยา่ งเครง่ ครัด (กรมโรงงานอุตสาหกรรม) วินิจฉัย จึงเห็นว่าควรขยายระยะเวลาเป็นภายใน - เห็นด้วยตามท่ีกาหนดไว้ในร่างกฎหมายนี้ (กรม ๑๕ วัน หรือภายในระยะเวลาที่กาหนด (สานักงาน การปฏริ ปู ที่ดนิ จังหวดั กาฬสินธ์ุ) พลศึกษา) - เป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนและเพ่ือให้ประชาชน - คาส่ังหรือคาวินิจฉัยกระทบต่อสิทธิของหน่วยงาน รัฐหรือเอกชนซ่ึงมีข้อมูลสาธารณะ ซ่ึงอาจต้องใช้ เข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็วและมีกาหนดระยะเวลาท่ี ระยะเวลาในการเตรียมกระบวนการภายในเพื่อ แน่นอน (สถาบันมาตรวทิ ยาแหง่ ชาติ) ดาเนินการตามคาส่ังหรือคาวินิจฉัย หรืออาจต้องใช้ - เห็นว่ามีความเหมาะสม (กรมพัฒนาพลังงาน ระยะเวลาในการพิจารณาความชอบด้วยกฎหมาย ทดแทนและอนรุ กั ษ์พลงั งาน) ของคาสั่งหรือคาวินิจฉัย จึงเห็นควรกาหนด - เป็นการสนับสนุนให้มีการปฏิบัติตามกฎหมาย ระยะเวลาเพื่อให้สามารถปฏิบัติตามได้อย่างน้อย อย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม (สานักงานกองทุน ๓๐ วัน (บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จากัด น้ามันเชอื้ เพลงิ ) (มหาชน)) - เปน็ ระยะเวลาท่เี หมาะสม (กระทรวงยตุ ธิ รรม) - ร่างมาตรา ๔๕ วรรคสาม เนื่องจากการไม่ปฏิบัติ - เห็นด้วย ทั้งน้ีควรพิจารณาขยายระยะเวลาให้ตาม ตามคาวินิจฉัยของคณะกรรมการฯ โดยไม่มีเหตุอัน ความเหมาะสมด้วย (สานกั งานสถิตแิ ห่งชาต)ิ ควรตามท่ีบัญญัติไว้นั้น จะต้องสอบสวนให้ได้ความ

- 222 - - การกาหนดระยะเวลาถือเป็นการเร่งรัดให้ปฏิบัติ ก่อนว่ามกี ารไม่ปฏบิ ตั ติ ามโดยไม่มีเหตุอันควรหรือไม่ ตามกฎหมาย (กรมควบคุมมลพิษ) อย่างไรก่อนที่จะพิจารณาลงโทษ จึงมีความเห็นว่า - เป็นการกาหนดภาคบังคับที่เหมาะสม (ธนาคาร ควรปรับข้อความร่างมาตรา ๔๕ วรรคสาม ว่า \"ใน กรณีทีค่ ณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะเห็นว่า อิสลามแห่งประเทศไทย) หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ปฏิบัติตาม - เป็นการกาหนดแนวทางให้มีความชัดเจน (บริษัท คาวินิจฉัยของคณะกรรมการข้ อมูลข่าวสาร ทา่ อากาศยานไทย จากัด (มหาชน)) สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ให้คณะกรรมการ - เห็นด้วยที่กาหนดให้หน่วยงานของรัฐหรือเอกชน ข้อมูลข่าวสารสาธารณะแจ้งไปยังผู้บังคับบัญชาซึ่งมี ซึ่งมีข้อมูลข่าวสารสาธารณะ ต้องปฏิบัติตามคาสั่ง อานาจแต่งตั้งถอดถอนหรือผู้ควบคุมหรือกากับดูแล หรือคาวินิจฉัยของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร เจ้าหนา้ ทีข่ องรฐั นน้ั รวมถงึ นายกรัฐมนตรี เพื่อสัง่ การ สาธารณะภายใน ๗ วัน หรือภายในระยะเวลาท่ี ให้ดาเนินการตามคาวินิจฉัยของคณะกรรมการ คณะกรรมการกาหนด (กรมคุ้มครองสิทธิและ ข้อมูลข่าวสารสาธารณะ และให้ดาเนินการทางวินัย เสรภี าพ) ภายใน ๗ วัน นับแต่วันที่ได้รับเร่ืองและแจ้งผลให้ - กฎหมายฉบับปัจจุบันไม่มีกาหนดระยะเวลาท่ี คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะทราบด้วย” จะต้องดาเนินการตามคาสั่งของคณะกรรมการฯ (องค์การบริหารส่วนจงั หวดั กาญจนบุรี) การกาหนดระยะเวลาท่ีชัดเจนย่อมทาให้ทราบ - ไม่เห็นด้วย ควรกาหนดให้ต้องปฏิบัติตามคาสั่ง ระยะเวลาเริ่มต้นในการบังคับให้เป็นไปตามคาสั่ง หรือคาวินิจฉยั ภายใน ๑๕ วัน หรือภายในระยะเวลา และวิธีการบังคับให้เป็นไปตามคาสั่งดังกล่าว ท่ีคณะกรรมการฯ กาหนดแต่ต้องไม่น้อยกว่า ๑๕ วัน (องค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั นครราชสีมา) หน่วยงานต้องปฏิบัติตามคาสั่งแล้ว เพ่ือให้เป็น - รายละเอียดยังไม่ชัดเจน ดังน้ัน ควรระบุให้ชัดเจน แนวทางในการปฏิบัติให้ถูกต้องตามร่างกฎหมาย ยิ่งข้ึน ทั้งน้ี ขอให้คานึงถึงกฎหมายอ่ืนที่เก่ียวข้อง ฉบับน้ี (การประปานครหลวง) และสนธิสัญญาระหว่างประเทศ (กรมเช้ือเพลิง - การจัดการดูแลของคณะกรรมการฯ ควรให้ ธรรมชาติ) คณะกรรมการมีอานาจบังคับหน่วยงานท่ีอยู่ - ในส่วนของระยะเวลาภายใน ๗ วัน เนื่องจาก ภายใต้บทบัญญัติของร่างพระราชบัญญัติน้ีด้วย หน่วยงานของรัฐมีสายงานการบังคับบญั ชาค่อนข้าง (มหาวิทยาลยั เทคโนโลยีสุรนาร)ี ซับซ้อน ห้วงเวลา ๗ วัน น่าจะไม่ทัน และโดยปกติ - เป็นการเร่งรัดให้ปฏิบัติตามคาสั่งคาวินิจฉัยให้มี แล้วระยะเวลาการพิจารณาของคณะกรรมการ จะ ความรวดเร็ว และเหมาะสมอย่างย่ิงที่มีบทลงโทษ ใช้เวลา ๓๐ วัน ดังนั้น การดาเนินการในลักษณะ (Sanction) ในหมวด ๗ เรื่องบทกาหนดโทษกรณไี ม่ ก า ร ป ฏิ บั ติ ต า ม ค า วิ นิ จ ฉั ย ห รื อ ค า ส่ั ง ข อ ง ปฏิบัติตามคาส่ัง (สถาบันการพยาบาลศรีสวรินทิ คณะกรรมการต่าง ๆ ก็ควรจะให้เวลาในการปฏิบัติ ตามคาส่ังหรือคาวินิจฉัยประมา ณ ๓๐ วัน รา สภากาชาดไทย) - เห็นสอดคล้องกับร่างมาตรา ๔๕ ท่ีวางหลักให้ เ ช่ น เ ดี ย ว กั น ( ส า นั ก ง า น รั ฐ ม น ต รี กระทรวงกลาโหม) หน่วยงานดาเนินการทางวินัยแก่เจ้าหน้าท่ีของรัฐที่ - กาหนดเวลา ๗ วันน้ัน สั้นเกินไป เน่ืองจากการ ไม่ดาเนินการตามคาวินิจฉัยของคณะกรรมการฯ ปฏิบัติตามคาส่ังหรือคาวินิจฉัยของคณะกรรมการ เป็นการประกันสิทธิการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของ ข้อมูลข่าวสารสาธารณะนั้น อาจข้ึนอยู่กับประเภท ประชาชนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น (สานักงาน ของขอ้ มลู สาธารณะซง่ึ อาจจะต้องใช้เวลามากกวา่ ๗ คณะกรรมการสทิ ธิมนษุ ยชนแหง่ ชาติ) วัน จึงเห็นควรให้แก้ไขระยะเวลาดังกล่าวให้เพ่ิมขึ้น

- 223 - - เพราะควรเป็นอานาจหน้าท่ีของคณะกรรมการฯ หรือกาหนดข้อผ่อนผันเพิ่มเติม (ธนาคารอาคาร (สานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สงเคราะห์) - ไม่เห็นด้วย เน่ืองจากการให้ดาเนินการภายใน ๗ แหง่ ชาต)ิ - เปน็ การกาหนดให้ต้องปฏิบัตติ ามคาวนิ ิจฉยั ภายใน วัน เป็นระยะเวลาท่ีส้ันจนเกินไป ควรจะแก้ไขให้ เป็น ๑๕ วัน จึงจะเหมาะสม สาหรับกรณีการไม่ได้ กาหนดระยะเวลาตามกฎหมายอย่างชัดเจน (กรม ปฏิบตั ิตามคาส่ัง หรือคาวินิจฉัยของคณะกรรมการฯ บงั คับคด)ี ภายใน ๗ วัน ดังกล่าว ตามร่างมาตรา ๔๕ วรรค - การร่างกฎหมายต้องมีสภาพบังคับด้วย (จังหวัด สาม กาหนดให้ “คณะกรรมการฯ แจ้งไปยัง แมฮ่ อ่ งสอน) ผู้บังคับบัญชาฯ รวมถึงนายกรัฐมนตรี เพ่ือสั่งการฯ - เห็นด้วย ๑๙ หน่วยงาน (ส่วนราชการจังหวัด และลงโทษทางวินัยภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่ได้รับ ตรัง) เรื่อง” การสั่งลงโทษทางวินัยโดยไม่ได้มีการปฏิบัติ - เป็นการกาหนดบทลงโทษ (Sanction) กรณีฝ่าฝืน ให้เป็นไปตามกระบวนการข้ันตอนปกติของการ ไว้อย่างชัดเจน เป็นการลดแรงจูงใจเจ้าหน้าที่ของรฐั ด า เ นิ น ก า ร ท า ง วิ นั ย ข อ ง ข้ า ร า ช ก า ร ซ่ึ ง ในการปกปิดมากกว่าเปิดเผยเพ่ือให้ประชาชน ไม่เป็นธรรมต่อหน่วยงานนั้น หรือเจ้าหน้าท่ีของรฐั ผู้ สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารสาธารณะอย่างรวดเร็ว น้ัน จึงไม่อาจเห็นด้วยในประเด็นน้ีได้ (สานักงาน (จังหวดั ร้อยเอด็ ) สรรพากรพื้นท่ีกาฬสินธุ)์ - โดยให้ถือคาวินิจฉัยของคณะกรรมการฯ เป็นที่สุด - การกาหนดเช่นนี้เป็นการกาหนดการใช้อานาจทาง เดียวซึ่งเห็นสมควรท่ีจะให้โอกาสหน่วยงานได้ (จังหวัดสงขลา) (จังหวัดระนอง) อุทธรณ์คาสั่งดังกล่าวด้วย เพ่ือรับฟังเหตุผลและ - จะได้มีแนวทางในการปฏิบัติที่ชัดเจน (จังหวัด ความจาเป็นของหน่วยงานน้ัน ๆ เพราะบางกรณี เพชรบุร)ี อาจมีเหตุผลความจาเป็นท่ีอาจส่งผลกระทบต่อ - เห็นด้วย แต่ต้องขยายเวลาออกไปมากกว่า ๗ วัน บุคคลภายนอกและหน่วยงานของรัฐได้ ซึ่งอาจเกิด เพ่ือให้เกิดความพร้อมแก่ผู้ปฏิบัติ (สานักงานปศุ ปัญหาฟอ้ งรอ้ งกนั ในภายหลัง (กรมประชาสมั พันธ)์ สตั วจ์ งั หวัดกาฬสนิ ธ์)ุ - กรณีการกาหนดให้หน่วยงานของรัฐหรือเอกชน - ควรมีการให้ดาเนินการร่างถึงบทลงโทษกรณีไม่ ปฏิบัติตามคาส่ังหรือคาวินิจฉัยภายใน ๗ วัน หรือ ปฏบิ ตั ติ าม (อาเภอนามน จงั หวดั กาฬสินธ์ุ) ภายในระยะเวลาที่คณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร - เห็นด้วยกับระยะเวลาที่คณะกรรมการฯ กาหนด กาหนดนั้น ควรจะต้องพิจารณาระยะเว ลา และเห็นด้วยกับการดาเนินการกรณีไม่ปฏิบัติตาม ให้เหมาะสมกับการปฏิบัติงานหรือการดาเนินงานที่ ร่างพระราชบญั ญัติน้ี (จงั หวดั พจิ ติ ร) เก่ียวข้องด้วย เช่น กรณีข้อมูลข่าวสารสาธารณะ - เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นกับสถานการณ์ต่าง ๆ ใน จานวนมาก กรณมี ีหนว่ ยงานของรฐั ท่เี กยี่ วข้องหลาย การปฏิบัติของหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนซึ่งมี หน่วยงาน กรณีที่ต้องดาเนินการปลดชั้นความลับ ข้อมูลข่าวสารสาธารณะ (สานักงานรับรอง ของข้อมูลข่าวสารท่ีจะต้องเปิดเผย ดังน้ัน จึงควร กาหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ ระยะเวลา และข้ันตอน มาตรฐานและประเมินคุณภาพการศกึ ษา) การปฏิบัติตามคาส่ังหรือคาวินิจฉัยที่เหมาะสมตาม - มคี วามเหมาะสมแล้ว (สถาบันวคั ซนี แหง่ ชาติ) ควรแก่กรณี นอกจากนี้ กรณีท่ีกาหนดให้คาวินิจฉัย - เป็นการกาหนดสภาพบังคับให้ต้องดาเนินการ ของคณะกรรมการฯ เป็นท่ีสุดแล้ว ก็ไม่จาต้อง ปฏิบัติตามคาส่ังหรือคาวินิจฉัย ซ่ึงทาให้การทา กาหนดข้อความว่าให้มีผลผูกพันหนว่ ยงานของรัฐให้

- 224 - หน้าที่ของคณะกรรมการฯ มีประสิทธิภาพ และ ต้องปฏิบัติตามอีก (สานักงานปลัดกระทรวง บรรลวุ ัตถุประสงคต์ ามกฎหมาย (พรรคเพือ่ ไทย) ทรัพยากรธรรมชาติและส่งิ แวดล้อม) - เนื่องจากร่างพระราชบัญญัตินี้มีเค้าโครงตาม กฎหมายเดิม ซ่ึงในส่วนท่ีเกี่ยวข้องกับ บมจ.ทีโอที เห็นว่าสามารถปฏิบัติตามได้ (บริษัท ทีโอที จากัด (มหาชน) - สอดรับกับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคม ดิจิทัล ท่ีมีการเชื่อมโยงเทคโนโลยีทาให้เข้าถึงข้อมูล หรือข่าวสารสาธารณะได้โดยสะดว กแล ะมี ประสิทธิภาพ ลดความเหล่ือมล้าในการเข้าถึงข้อมูล (การยาสูบแหง่ ประเทศไทย) - เห็นด้วยกับการดาเนินการดังกล่าว (การยางแห่ง ประเทศไทย) - ไม่ขัดข้องกับข้อกาหนดการปฏิบัติตามคาสั่งหรือ คาวินิจฉัยของคณะกรรมการฯ ตามร่างมาตรา ๔๕ (สานักงานสง่ เสริมเศรษฐกจิ ดิจิทัล) - ควรมีกาหนดระยะเวลา (องค์การบริหารส่วน จงั หวัดปราจนี บุรี) - เห็นด้วย แต่ระยะเวลาในการปฏิบัติตามคาส่ังควร ไม่นอ้ ยกวา่ ๑๕ วนั (เทศบาลเมืองกุฉนิ ารายณ์) - กาหนดเวลาภายใน ๗ วัน เหมาะสมแล้ว (สานักงานคณะกรรมการการเลอื กตง้ั ) - เห็นด้วยในหลกั การ (สถาบนั พระปกเกลา้ ) - เพราะเป็นระยะเวลาท่ีหน่วยงานของรัฐ หรือ เอกชนซึ่งมีข้อมูลข่าวสารสารธารณะสามารถปฏิบัติ ได้ในทันที เน่ืองจากเป็นผู้ครอบครองข้อมูลข่าวสาร นน้ั ๆ อยแู่ ลว้ (สานกั งานเลขาธิการครุ สุ ภา) - ในมาตรา ๔๕ เขียนครอบคลุมถึงระยะเวลาในการ ดาเนินการกาหนดให้หนว่ ยงานของรัฐหรือเอกชนซ่ึง มีข้อมูลข่าวสารสาธารณะต้องปฏิบัติตามคาส่ังหรือ ค า วิ นิ จ ฉั ย ข อ ง ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ข้ อ มู ล ข่ า ว ส า ร สาธารณะได้อย่างชัดเจน รวมถึงกรณีไม่ปฏิบัติตาม คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะสามารถแจ้ง ไปยังผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอานาจหน้าที่ในการแต่งตั้ง

- 225 - และถอดถอน รวมถึงการลงโทษทางวินัย (กระทรวง พลงั งาน) - เห็นด้วยในหลักการ เน่ืองจากการกาหนดให้ หน่วยงานรฐั หรอื เอกชนซงึ่ มขี อ้ มูลขา่ วสารสาธารณะ ท า ใ ห้ เ กิ ด ส ภ า พ บั ง คั บ ท า ง ก ฎ ห ม า ย ไ ด้ ยิ่ ง ขึ้ น (สานกั งานนโยบายและแผนพลังงาน) - เห็นด้วย โดยมีข้อสังเกตว่า ในส่วนของระยะเวลา ก า ร ป ฏิ บั ติ ต า ม ค า ส่ั ง ห รื อ ค า วิ นิ จ ฉั ย นั้ น ส ม ค ว ร พิจารณารับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้าน เพื่อ กาหนดระยะเวลาที่เหมาะสมต่อไป (กระทรวง ดจิ ิทลั เพอ่ื เศรษฐกจิ และสงั คม) - เพื่อช่วยให้ประชาชนเกิดความเชื่อม่ันต่อการ ปฏิบัติหน้าท่ีของหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ในการ เปิดเผยข้อมูลสาธารณะตามกาหนดเวลาที่แน่นอน (สานักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคม แหง่ ชาติ) - จะทาให้การดาเนินงานของหน่วยงานของรัฐมี ประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น มีฐานข้อมูลท่ีมาก ข้ึน และมีระยะเวลาการปฏิบัติงานชัดเจนเป็นการ คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนในกรณีที่ หน่วยงานไม่ปฏิบัติตามคาสั่งหรือคาวินิจฉัย ใน ขณะเดียวกันในกรณีที่ไม่เห็นด้วยกับคาวินิจฉัยของ คณะกรรมการฯ ก็ให้มีสิทธิในการฟ้องคดีต่อศาล ปกครองสูงสุดได้โดยตรง เป็นการลดกระบวนการ ทบทวนและตรวจสอบของประชาชน (สานักงาน ศลิ ปวฒั นธรรมร่วมสมัย) - เห็นด้วยกับการกาหนดข้ันตอนและระยะเวลาใน ก า ร ป ฏิ บั ติ ต า ม ค า ส่ั ง ห รื อ ค า วิ นิ จ ฉั ย ข อ ง คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะให้มีความ ชัดเจน ไม่ล่าช้า (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณ ภัย) - ไม่มขี อ้ ขัดขอ้ ง (องคก์ ารคลงั สินค้า) - เป็นการกาหนดสภาพบังคับให้ต้องดาเนินการ ปฏิบัติตามคาส่ังหรือคาวินิจฉัยของคณะกรรมการ ข้อมูลข่าวสารสาธารณะภายใน ๗ วัน หรือภายใน

- 226 - ระยะเวลาที่คณะกรรมการกาหนด ซ่ึงทาให้การทา หน้าที่ของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะมี ประสิทธิภาพและบรรลุวัตถุประสงค์ตามกฎหมาย (สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร) - บทบัญญัติที่กาหนดสภาพบังคับตามร่างกฎหมาย ฉบบั น้ี เพือ่ เร่งรัดใหห้ นว่ ยงานของรฐั หรือเอกชนซึ่งมี ขอ้ มลู ข่าวสารสาธารณะต้องปฏบิ ัติตาม ทัง้ นี้ เพ่อื ให้ การดาเนินการของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร สาธารณะมีประสิทธิภาพ บรรลุวัตถุประสงค์ตาม กฎหมายฉบับนี้ (สานกั งานเลขาธิการวุฒิสภา) - เพราะคาส่ังหรือคาวินิจฉัยของคณะกรรมการ ข้อมูลข่าวสารสาธารณะ ควรมีสภาพบังคับ (sanction) ให้ผู้รับคาส่ังต้องปฏิบัติตาม เพื่อให้เกิด ประสิทธิภาพในการปฏิบัติตามกฎหมาย และตาม รา่ งมาตรา ๔๕ กม็ ีบทบญั ญตั ิคมุ้ ครองผู้รับคาส่ังหรือ รับคาวินิจฉัยท่ีไม่เห็นด้วยกับคาส่ังหรือคาวินิจฉัย ของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะ สามารถ ฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุดในภายใน ๙๐ วนั หาก ไม่เห็นด้วยกับคาวินิจฉัยของคณะกรรมการข้อมูล ขา่ วสารสาธารณะได้ (กรมวิชาการเกษตร) - เป็นการกาชับ ดูแล ตรวจสอบการทางานของ เจ้าหน้าที่ด้านข้อมูลข่าวสารให้เกิดความโปร่งใส น่าเชื่อถือ แต่ให้ควรกาหนดเวลาปฏิบัติตามคา วนิ จิ ฉัยขยายเป็น ๓๐ วัน (ความเห็นจากเวบ็ ไซต์) ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม - ควรกาหนดหลักเกณฑ์และเง่ือนไขเก่ียวกับการขอขยายระยะเวลาไว้ด้วย เพ่ือให้ทุก หนว่ ยงานทเี่ กย่ี วขอ้ งสามารถถือปฏิบัติได้ (กรมสง่ เสริมอตุ สาหกรรม) - ระยะเวลาการปฏิบัติตามคาสั่งหรือคาวินจิ ฉัยของคณะกรรมการภายใน ๗ วัน หรือภายใน กาหนดระยะเวลาท่ีคณะกรรมการกาหนด เห็นควรให้พิจารณาปรับเป็น ๑๕ วัน (สถาบันเทคโนโลยีป้องกัน ประเทศ) - ควรมีการเปดิ โอกาสให้หนว่ ยงานของรฐั หรอื เอกชนทีไ่ ด้รับคาสัง่ หรือคาวินิจฉัยที่ไม่เห็นพ้อง ด้วยสามารถยื่นฟ้องต่อศาลปกครองได้ เพ่ือเป็นการตรวจสอบการใช้อานาจของคณะกรรมการฯ (มหาวิทยาลยั แมฟ่ า้ หลวง)

- 227 - - ควรขยายระยะเวลาให้ต้องปฏบิ ัติตามคาสง่ั หรือคาวนิ ิจฉัยของคณะกรรมการข้อมลู ข่าวสาร สาธารณะตามร่างมาตรา ๔๕ จากภายใน ๗ วัน หรือภายในระยะเวลาท่ีกาหนด เป็นภายใน ๑๕ วัน หรือ ภายในระยะเวลาที่กาหนด (กรมประมง) - ข้อมูลข่าวสารสาธารณะที่จะเผยแพร่ต้องได้รับการตรวจสอบอย่างถูกต้อง (ส่วนราชการ จังหวดั ตรงั ) - คาสั่งให้เปิดเผยข้อมูลควรคานึงถึงสภาพการณ์ ความเหมาะสม เหตุผลในการให้เปิดเผย ข้อมูลที่จาเป็นจริง ไม่อนุญาตให้เปิดเผยโดยฟุ่มเฟือย โดยไม่คานึงถึงข้อมูลส่วนบุคคล และองค์กรต่าง ๆ ท่ีสั่ง ให้มีการเปิดเผยและส่งผลกระทบสิทธิของบุคคลภายนอก และทาให้ถูกฟ้องร้องดาเนินคดีทั้งทางแพ่งและ อาญา หรือทางปกครอง เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลจะต้องกระทาด้วยความระมัดระวัง ไม่ให้รุกล้าหรือเข้าไป กระทบสทิ ธิเสรภี าพของบคุ คลอน่ื ตามรฐั ธรรมนูญ (สภาทนายความ) - การท่ีคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารฯ มีคาส่ังให้เปิดเผยข้อมูลท่ีมีผู้ร้องเรียนหรือคัดค้าน มายังองค์กรซึ่งเกี่ยวข้องกับผู้ขอข้อมูล อาจทาให้ผู้ให้ข้อมูลหรือผู้ร้องเรียนถูกฟ้องร้องดาเนินคดีทั้งทางอาญา และทางแพ่ง เชน่ หม่นิ ประมาท แจง้ ความเท็จ และละเมดิ เรียกคา่ เสียหาย เป็นตน้ (สภาทนายความ) - หน่วยงานทางปกครองมีภารกิจหลายด้าน กรอบระยะเวลา ๗ วัน สั้นเกินไป ควรกาหนด ระยะเวลาหลักในการปฏิบัตติ ามคาส่งั ให้ยาวข้ึน และหากเป็นกรณีเอกสารจานวนมากจงึ ค่อยใช้ดุลพินิจในการ กาหนดระยะเวลาตามท่ีเห็นสมควรของคณะกรรมการ และการกาหนดโทษจาคุกสาหรับก ารฝ่าฝืนไม่ สมเหตุสมผลเนื่องจากผู้ปฏิบัติคือหน่วยงานของรัฐ จึงไม่ควรกาหนดโทษจาคุกกรณีฝ่าฝืนมาตรานี้ (สภา สถาปนกิ ) - กาหนดระยะเวลาปฏิบัติตามคาสั่งคณะกรรมการฯ ควรเพิ่มให้ชัดเจนว่า เจ็ดวันทาการ เพ่ือให้เจ้าหน้าท่ีของรัฐหรือผู้ท่ีเกี่ยวข้องสามารถดาเนินการได้ทันกาหนดระยะเวลาท่ีกฎหมายกาหนด (สานกั งานส่งเสริมการจัดประชุมและนทิ รรศการ (องค์การมหาชน)) - การดาเนินการกรณีไม่ปฏิบัติตามคาสั่งคณะกรรมการฯ หากมีผลร้ายถึงขั้นกระทบต่อสิทธิ เสรีภาพของเจ้าหน้าท่ีของรัฐหรือผู้เกี่ยวข้อง ควรกาหนดขั้นตอนและกระบวนการที่ชัดเจนโดยต้องเปิดให้ผู้ที่ ไม่ปฏิบัติตาม ได้มีโอกาสช้ีแจงต่อคณะกรรมการฯ ถึงเหตุผลท่ีฝ่าฝืนคาสั่ง ตามร่างมาตรา ๔๓ (สานักงาน ส่งเสรมิ การจดั ประชมุ และนทิ รรศการ (องคก์ ารมหาชน)) - ตามร่างมาตรา ๔๕ ระยะเวลาปฏิบัติตามคาสั่งหรือคาวินิจฉัยภายใน ๗ วัน อาจเป็น ระยะเวลาท่ีสั้นเกินไป จึงควรให้มีการขยายระยะเวลาให้นานข้ึน เพ่ือให้ภาคเอกชนมีโอกาสได้เตรียมเอกสาร ข้อมลู ตา่ ง ๆ เช่น ๑๔ วนั เปน็ ตน้ (บรษิ ัท จัดการและพฒั นาทรัพยากรน้าภาคตะวนั ออก จากัด (มหาชน)) - การกาหนดให้ดาเนนิ การตามคาส่งั ภายใน ๗ วัน เปน็ การเร่งรดั หนว่ ยงานของรัฐเกนิ สมควร จึงเห็นสมควรใหก้ าหนดเปน็ ภายใน ๓๐ วัน (การยางแห่งประเทศไทย) - การกาหนดปฏบิ ัติตามคาส่ังของคณะกรรมการฯ ในเรอื่ งระยะเวลาควรพิจารณาเรื่องนาไป ปฏิบัติด้วย (การทา่ เรือแห่งประเทศไทย) - ระยะเวลาในการปฏบิ ตั ิตามคาสง่ั ควรไม่น้อยกวา่ ๑๕ วัน (เทศบาลเมืองกุฉินารายณ์) - การกาหนดใหต้ ้องปฏิบัตติ ามคาส่งั หรือคาวนิ ิจฉัยของคณะกรรมการฯ เปน็ เรื่องทีเ่ หมาะสม แต่ระยะเวลาทก่ี าหนดให้ดาเนินการภายใน ๗ วนั นัน้ เห็นว่าน้อยเกินไป (กระทรวงสาธารณสขุ ) - การดาเนินการกรณีไม่ปฏิบัติตามน้ัน เห็นว่าการลงโทษทางวินัยภายใน ๗ วัน นับแต่วันที่ ได้รับเร่ืองนั้น อาจมีปัญหาในทางปฏิบัติท่ีไม่สามารถดาเนินการได้ทันภายในเวลาดังกล่าว เน่ืองจากต้อง สอบสวนทางวนิ ยั (สานกั งานคณะกรรมการการเลอื กต้งั )

- 228 - - การกาหนดข้ันตอนการดาเนินการในกรณีท่ีคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะเห็นว่า หน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐไม่ปฏิบัติตามคาวินิจฉัยคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะโดยไม่มี เหตุอนั ควร ใหค้ ณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะแจง้ ไปยังผ้บู ังคบั บญั ชาซึง่ มอี านาจแต่งต้ังและถอดถอนผู้ ควบคุมหรือกากับดูแลเจ้าหน้าที่ของรัฐน้ันและนายกรัฐมนตรีด้วย เพื่อส่ังให้ดาเนินการตามคาวินิจฉัยของ คณะกรรมการข้อมูลขาวสารสาธารณะและลงโทษทางวินัยภายในเจ็ดวันตามร่างมาตรา ๔๕ วรรคสาม นั้น เน่ืองจากการลงโทษทางวินัยเปน็ การดาเนินการทก่ี ระทบสิทธิเสรภี าพของบุคคลซึ่งเป็นเจ้าหนา้ ท่ีของรัฐ โดยมี กฎหมายและระเบียบที่เก่ียวข้องกาหนดข้ันตอน วิธกี ารและระยะเวลา ในการดาเนินการทางวินยั กับเจา้ หน้าที่ ของรฐั แต่ละประเภทไว้แล้ว การกาหนดระยะเวลาแล้วเสรจ็ ของการดาเนนิ การทางวินัยอย่างจากัดอาจทาให้ผู้ ท่ีพิจารณาลงโทษทางวินัยไม่ได้ใช้ดุลพินิจให้เหมาะสมกับกรณีอันอาจส่งผลกระทบกระเทือนต่อสิทธิเสรีภาพ ของบคุ คลท่ีเป็นเจา้ หนา้ ท่ีของรฐั ท่ีถกู ลงโทษทางวินยั อย่างไมเ่ ป็นธรรมจงึ เห็นสมควรให้การดาเนินการทางวินัย เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบบริหารงานบุคคลของเจ้าหน้าท่ีของรัฐแต่ละประเภท (สานักงาน คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ) - ระยะเวลาในการปฏิบัติตามคาสั่งหรือคาวินิจฉัย ที่กาหนดไว้ภายใน ๗ วัน ทันหรือไม่ ซึ่ง หากพ้นระยะเวลาดงั กลา่ วอาจมีผลเรือ่ งบทกาหนดโทษต่อไปได้ (สานกั งานนโยบายและแผนพลงั งาน) - ควรจะกาหนดให้มีความยืดหยุ่นกว่านี้ เช่น ระยะเวลาควรกาหนดเป็น ๗ วันทาการ และ ควรให้โอกาสหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนซึ่งมีข้อมูลข่าวสารสาธารณะขอขยายระยะเวลาดาเนินการได้ตาม ความจาเปน็ แก่กรณี (กรมปอ้ งกนั และบรรเทาสาธารณภยั ) - ระยะเวลาในการปฏิบตั ติ ามคาสั่งหรอื คาวินิจฉยั ของคณะกรรมการข้อมูลขา่ วสารสาธารณะ ควรกาหนดระยะเวลาไม่น้อยกว่า ๑๕ วัน เนอื่ งจากขน้ั ตอนการดาเนินงานของหนว่ ยงานรัฐท่ีจะเปิดเผยข้อมูล มีหลายขัน้ ตอน (การเคหะแห่งชาติ) - การกาหนดให้บุคคลตามมาตรา ๑๕ และ ๒๖ แห่งร่างฯ น้ี และเอกชนซึ่งมีข้อมูลข่าวสาร สาธารณะ ในกรณีท่ีไม่เห็นด้วยกับคาวินิจฉัยของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะ สามารถฟ้องคดีต่อ ศาลปกครองสูงสุด เท่ากับเป็นการขยายอานาจของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะให้เทียบเท่าศาล ปกครอง ซึ่งเป็นการกาหนดแนวทางปฏิบัติพิเศษนอกเหนือไปจากหลักการตามกฎหมายปกครอง ทั้งน้ี ควร สอบถามความเห็นในประเด็นน้ีกับศาลปกครอง เพ่ือป้องกันปัญหาในทางปฏิบัติหากร่างฯ นี้ มีผลบังคับใช้ นอกจากน้ี ในส่วนระยะเวลาท่ีกาหนดไว้ควรใชต้ ามหลักกฎหมายปกครองท่ีระยะเวลา ๑๕ วัน หรือขยายกรณี มคี วามจาเปน็ ไมเ่ กนิ ๓๐ วนั (สานักขา่ วกรองแหง่ ชาติ) - เม่ือพิจารณามาตรา ๔๕ วรรคส่ี แห่งร่างพระราชบัญญัติ มีข้อสังเกตว่า ระยะเวลาในการ ลงโทษทางวินัยภายใน ๗ วันนับแต่วันที่ได้รับเร่ือง ถือเป็นมาตรการลงโทษทางวินัย ซ่ึงในการลงโทษทางวินัย จะต้องมีการต้ังคณะกรรมการเพ่ือดาเนินการสอบสวนเพ่ือให้เป็นไปตามท่ีกฎหมายกาหนด อันเป็นข้ันตอนใน การดาเนินการก่อนมีการลงโทษทางวินัย จึงเห็นควรกาหนดระยะเวลาในการปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายท่ี เกี่ยวข้อง โดยปรับแก้ในประเด็นดังกล่าวเพ่ือไม่ให้เกิดข้อขัดแย้งกับกฎหมายอื่น ประกอบกับมาตรา ๕๐ แห่ง ร่างพระราชบัญญัติ บัญญัติโทษทางอาญาในกรณีที่บุคคลไม่ปฏิบัติตามคาส่ังของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร สาธารณะท่ีสัง่ ตามมาตรา ๔๓ โดยระวางโทษจาคุกไม่เกนิ สามเดือน หรอื ปรับไมเ่ กินหา้ หมนื่ บาท หรือท้งั จาทั้ง ปรับ ซ่ึงเป็นการให้อานาจกับคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารสาธารณะใช้ดุลพินิจในการลงโทษมากเกินไป (กรมสรรพากร)

- 229 - ๒๑. ท่านเห็นด้วยกับการกาหนดให้ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับคาวินิจฉัยของคณะกรรมการข้อมูล ขา่ วสารสาธารณะ อาจฟ้องคดีตอ่ ศาลปกครองสูงสุดได้ ตามรา่ งกฎหมายนี้หรอื ไม่ อย่างไร เห็นดว้ ย ไมเ่ ห็นดว้ ย - เห็นด้วย (กรมทางหลวงชนบท) (กรมโรงงาน - หลักการเป็นคณะกรรมการ ควรเป็นผู้กากับดูแล อุตสาหกรรม) (กรมวทิ ยาศาสตร์การแพทย์) (กรม ไมใ่ ช่เปน็ ผ้ปู ฏบิ ตั ิ (สานกั งานสถติ ิแหง่ ชาต)ิ ทรัพยากรน้าบาดาล) (กรมการข้าว) (สานักงาน - จะเปน็ การใช้สิทธโิ ดยไมส่ ุจริต (การประปานคร ราชบัณฑิตยสภา) (สถาบันเทคโนโลยีป้องกัน หลวง) ประเทศ) (จังหวัดลพบุรี) (การไฟฟ้าส่วนภมู ิภาค) - ควรฟอ้ งศาลปกครองชัน้ ต้น (มหาวทิ ยาลัยทักษณิ ) (มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ)(มหาวิทยาลัยแม่ - ไม่เห็นด้วย ๒ หน่วยงาน (ส่วนราชการจังหวัด ฟ้ า ห ล ว ง ) ( ม ห า วิ ท ย า ลั ย เ ก ษ ต ร ศ า ส ต ร์ ) ตรงั ) (มหาวิทยาลัยแม่โจ้) (มหาวิทยาลัยมหิดล) - คาสั่งหรือคาวินิจฉัยเป็นคาส่ังทางปกครอง ผู้ไม่ (สานักงานรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ) เห็นด้วยควรใช้สิทธิอุทธรณ์คาส่ังต่อศาลปกครอง (องค์การสุรา กรมสรรพสามิต) (บริษัท อสมท ก่อนฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุด (บริษัท เจริญ จากัด (มหาชน)) (จังหวัดพระนครศรีอยุธยา) โภคภัณฑ์อาหาร จากดั (มหาชน)) (จังหวัดนนทบุรี) (จังหวัดอ่างทอง) (สานักงาน - เปน็ การเพิม่ ภาระศาล (เทศบาลเมอื งมกุ ดาหาร) เกษตรและสหกรณ์จังหวัดชัยนาท) (จังหวัด - เพ่ิมขั้นตอนในการปฏิบัติงานให้กับหน่วยงานของ สมุทรสงคราม) (จังหวดั หนองบัวลาภ)ู (สานกั งาน รัฐ และการกาหนดให้ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับคาวินิจฉัย สภานโยบายการอดุ มศึกษา วทิ ยาศาสตร์ วจิ ัยและ อาจฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุดได้น้ัน อาจเป็น นวัตกรรมแห่งชาติ) (สภาเทคนิคการแพทย์) ข้อกาหนดท่ีขัดกันกับร่างมาตรา ๔๕ วรรคสอง ท่ี ( ส า นั ก ง า น ส่ ง เ ส ริ ม ก า ร จั ด ป ร ะ ชุ ม แ ล ะ กาหนดให้คาวินิจฉัยของคณะกรรมการให้เป็นที่สุด นิทรรศการ (องค์การมหาชน)) (ศูนย์คุณธรรม และมีผลผูกพันหน่วยงานของรัฐให้ต้องปฏิบัติตาม (องค์การมหาชน)) (พรรคพลังสหกรณ์) (พรรค (สานกั งานคณะกรรมการการเลือกต้งั ) แผ่นดินไทย) (บริษัท ไปรษณีย์ไทย จากัด) (การ - ไม่เห็นด้วย แต่ควรดาเนินการฟ้องคดีต่อศาล ไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย) (องค์การบริหาร ปกครองช้ันต้นไปตามลาดับ (สานักงานสรรพากร ส่วนจังหวัดกาญจนบุรี) (เทศบาลเมืองบางระจัน) พน้ื ท่กี าฬสินธุ์) (องค์การบริหารส่วนจังหวัดหนองบัวลาภู ) - ควรจะให้สิทธิในการอุทธรณ์คาสั่งทางปกครอง (องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ) ตามกระบวนการของศาลปกครองต้ังแต่ชั้นศาล (องค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี) (องค์การ ปกครอง ไม่เห็นด้วยที่จะฟ้องในกระบวนการศาล บ ริ ห า ร ส่ ว น จั ง ห วั ด สุ ริ น ท ร์ ) ( ส า นั ก ง า น ปกครองสงู สุดเลย (กรมประชาสัมพันธ์) คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) (กรมอุทยาน - คาวินิจฉัยของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร แห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช) (สานักงานตารวจ สาธารณะเป็นคาวินิจฉัยซึ่งผ่านการพิจารณาโดย แหง่ ชาต)ิ กรรมการซึ่งประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิท่ีมีความรู้ - เป็นการตรวจสอบและกลั่นกรองการใช้ดุลพินิจ ความเช่ียวชาญในด้านต่าง ๆ รวมถึงผู้แทนจาก ของคณะกรรมการฯ ที่มีอานาจพิจารณาทาง หนว่ ยงานของรัฐดว้ ย จึงเป็นกรณที ผี่ า่ นการคดั กรอง ปกครอง (กรมสง่ เสรมิ อตุ สาหกรรม) พอสมควรแล้ว อีกท้ังการควบคุมการใช้อานาจดุลย - เพ่ือให้สอดรับกับการพัฒนาด้านเศรษฐกิจและ พินิจของเจ้าหน้าที่ของรัฐ สามารถกระทาได้เฉพาะ สังคมดิจิทัล ทาให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลหรือ การตรวจสอบการใช้ดลุ ยพินจิ ท่ีไม่ชอบดว้ ยกฎหมาย โดยไม่เข้าไปวินิจฉัยการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่

- 230 - ข่าวสารได้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ของรัฐ ท้ังนี้ เป็นไปตามหลักการแบ่งแยกอานาจ (กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง) ดังนั้น จึงเห็นควรให้คาวินิจฉัยของคณะกรรมการ - เพื่อให้สิทธิประชาชนท่ีไม่เหน็ ด้วยกับคาวนิ ิจฉัยใน เป็นท่สี ดุ (กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย) การหาข้อยุติการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร (กรมการ - ควรฟ้องคดีต่อศาลปกครองช้ันต้นก่อนและ ขนสง่ ทางบก) ดาเนินการไปตามลาดบั (กรมส่งเสรมิ วฒั นธรรม) - เป็นไปตามหลักการดาเนินการตามข้ันตอนการ - คาวินิจฉัยของคณะกรรมการข้อมูลข่าวสาร อุทธรณ์คาสง่ั ทางปกครอง (กรมชลประทาน) สาธารณะ ถือได้ว่าเป็นคาส่ังทางปกครอง จึงควรมี - หากพิจารณาว่าคณะกรรมการฯ เป็นองค์กรก่ึง กระบวนการเยียวยาความเดือดร้อน หรือความ ตุลาการแล้ว เมื่อมีการอุทธรณ์คาสั่งไปยังองค์กร เสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อผู้รับคาสั่งทางปกครองโดย ตุลาการ จึงควรให้มกี ารพิจารณาโดยองคก์ รตลุ าการ การอุทธรณ์คาส่ังทางปกครองดังกล่าวต่อคณะ เพียงช้ันเดียวแล้วเป็นท่ีสุด เพ่ือมิให้เกิดความล่าช้า กรรมการฯ เสียก่อน ซ่ึงเป็นกระบวนการภายในของ อันเป็นการไม่ยุติธ ร รม ( ส า นั ก เ ล ข า ธิ ก าร ฝ่ายปกครองท่ีเป็นการทบทวนการออกคาส่ังทาง นายกรฐั มนตรี) ปกครองได้ ตามนัยกฎหมายว่าด้วยวิธีการปฏิบัติ - เห็นด้วยตามท่ีกาหนดไว้ในร่างกฎหมายนี้ (กรม ราชการทางปกครอง ทั้งนี้ เพ่ือเป็นการลดข้ันตอน พลศกึ ษา) การฟ้องคดีต่อศาลปกครองซ่ึงอาจต้องใช้ระยะเวลา - เป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนของกระบวนการทาง ในการพิจารณาคดีที่ค่อนข้างนานและควรกาหนด กฎหมาย และเปน็ การเพ่ิมช่องทางในการดาเนินการ หน้าท่ีและอานาจของคณะกรรมการฯ เกี่ยวกับการ ของประชาชน (สถาบันมาตรวทิ ยาแหง่ ชาต)ิ พิจารณาคาอุทธรณ์ดังกล่าวข้างต้นด้วย (สานักงาน - เห็นว่ามีความเหมาะสม (กรมพัฒนาพลังงาน ป ลั ด ก ร ะ ท ร ว ง ท รั พ ย า ก ร ธ ร ร ม ช า ติ แ ล ะ ทดแทนและอนุรักษ์พลงั งาน) สิง่ แวดลอ้ ม) - เป็นการเปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบการใช้ อานาจและถ่วงดุลอานาจ (สานักงานกองทุนน้ามนั เชื้อเพลิง) - หากถึงท่ีสุดแล้วศาลปกครองจะพิพากษาหรือส่ัง อยา่ งไร (กระทรวงยุตธิ รรม) - ถือเป็นการรับรองสิทธิการเข้าถึงกระบวนการ ยุติธรรมของผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับคาวินิจฉัย (กรม ควบคมุ มลพษิ ) - เป็นการปฏิบัติราชการทางปกครอง ศาลปกครอง มีหน้าท่ีและอานาจให้ความยุติธรรมข้ันสุดท้าย (กระทรวงคมนาคม) - เป็นการพิทักษ์สิทธิประโยชน์ของประชาชนจาก คาสั่งทางปกครองหรือการกระทาทางปกครอง ต่าง ๆ ของเจ้าหน้าที่รัฐ (ธนาคารอิสลามแห่ง ประเทศไทย) - เป็นการกาหนดแนวทางให้มีความชัดเจน (บริษัท ทา่ อากาศยานไทย จากดั (มหาชน))

- 231 - - คาวินิจฉัยของของคณะกรรมการฯ เป็นคาสั่งทาง ปกครอง การฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุดได้จะทา ให้ศาลมีอานาจวินิจฉัยว่าข้อมูลข่าวสารสาธารณะ ดังกล่าวสามารถเปิดเผยได้หรือไม่ (กรมคุ้มครอง สทิ ธแิ ละเสรีภาพ) - เหมาะสมแล้ว (การประปาสว่ นภมู ิภาค) - เป็นการให้สิทธิแก่ประชาชนในการเข้าถึงความ ยุติธรรม กรณีท่ีมิอาจเข้าถึงหรือใช้สิทธิในการ รับทราบข้อมูลข่าวสารได้ (มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี สรุ นาร)ี - เม่ือคาวินิจฉัยถือเป็นคาสั่งทางปกครอง จึงเป็น การถูกต้องท่ีจะให้สิทธิแก่ผู้ไม่เห็นด้วยกับคาวินิจฉัย ท่ีจะมีสิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุด ได้ เทียบเคียงกับมติของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบ คุณธรรม (ก.พ.ค.) ซ่ึงผู้ไม่เห็นด้วยกับมติดังกล่าวมี สิทธิฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุดได้โดยไม่ต้องฟ้อง ตอ่ ศาลชั้นต้นก่อน (สถาบันการพยาบาลศรสี วรินทิ รา สภากาชาดไทย) - เป็นการให้สิทธิแก่หน่วยงานของรัฐในการโต้แย้ง คาวนิ จิ ฉัย (มหาวิทยาลัยนวมนิ ทราธิราช) - จะต้องเปิดโอกาสในการฟ้องคดีต่อศาลปกครอง สูงสุดได้ เพื่อความเป็นธรรมอันเน่ืองมาจากการไม่ เห็นด้วยกับคาวินิจฉัย และเกิดความเป็นธรรมท่ีสุด (มหาวทิ ยาลยั พะเยา) - เป็นกระบวนการทาให้เกิดความยุติธรรมสาหรับ ประชาชน (สานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยแี หง่ ชาต)ิ - เห็นด้วย แต่ในร่างมาตรา ๔๕ วรรคส่ี กาหนดให้ บคุ คลตามมาตรา ๑๕ และมาตรา ๒๖ หรอื เอกชนท่ี ไม่เห็นด้วยกับคาวนิ ิจฉยั อาจฟ้องคดีต่อศาลปกครอง สูงสุดได้เท่าน้ัน ซึ่งไม่รวมถึงกรณีท่ีหน่วยงานของรัฐ ท่ีไม่เห็นด้วยกับคาวินิจฉัย ดังน้ัน จึงควรกาหนดให้ หน่วยงานของรัฐที่ไม่เห็นด้วยกับคาวินิจฉัยสามารถ ฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุดได้ด้วยเช่นกัน (กรม บงั คบั คด)ี - เป็นการกาหนดให้มีขน้ั ตอนทางกฎหมายเพือ่ สร้าง ความเป็นธรรมแกท่ ุกฝ่าย (จงั หวัดแม่ฮอ่ งสอน)


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook