๒๑๕
๒๑๖
ภาคผนวก จ รายนามเจา้ หนา้ ที่ประจาคณะกรรมาธกิ าร
รายนามเจา้ หน้าทปี่ ระจาคณะกรรมาธกิ าร กลมุ่ งานคณะกรรมาธกิ ารการปอ้ งกนั และบรรเทาผลกระทบจากภยั ธรรมชาตแิ ละสาธารณภัย นางพรพิมล โพธช์ิ ยั ผู้บังคับบัญชากลมุ่ งานคณะกรรมาธกิ าร นางสาวณฏั ฐา ชาติดาดี นายรชั กร อุยยะพฒั น์ นายสมบรู ณ์ มาลีถาวร นางสาวพรรณพติ รา เสริมศรี วทิ ยากรชานาญการพเิ ศษ วิทยากรชานาญการ วทิ ยากรชานาญการ วิทยากรชานาญการ วา่ ทร่ี ้อยตรี อานาจ เวยี งคา นางสาวมนภัทร์ นกุ ลู ชิต นายปณุ ญพฒั น์ ม่งั มี นางสาวภริ มย์พร สดุ ใจ นิติกรชานาญการ นิตกิ รชานาญการ นิติกรชานาญการ นติ ิกรชานาญการ นางสาวกมลพร องั กรู วิบลู ย์ นางสาวสริ ลี ักษณ์ แก้ววเิ ชียร นายมานพ เน่อื งบุญมา นติ ิกรปฏบิ ตั กิ าร เจ้าพนกั งานธุรการอาวโุ ส เจา้ พนกั งานธุรการชานาญงาน นางสาวพิริยาภรณ์ ยูรักคณุ นายอภชิ าติ ช้างมา เจา้ พนกั งานธรุ การชานาญงาน เจ้าพนักงานธรุ การชานาญงาน
บรรณานุกรม กรีนพีช ประเทศไทย, และ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ศูนย์ภูมิภาคเทคโนโลยีอวกาศและภูมิ สารสนเทศ. (๒๕๖๓). ข้าวโพด การเปลี่ยนแปลงการใช้ท่ีดินและมลพิษอากาศข้ามพรมแดน. ประเทศไทย. กรีนพซี ประเทศไทย.กรมอุทยานแห่งชาติ สตั วป์ า่ และพันธุ์พืช. (๒๕๖๐). ยุทธศาสตร์/มาตราการแก้ไขปัญหา ไฟปา่ ปี ๒๕๖๐. กรงุ เทพฯ: กรมอทุ ยานแหง่ ชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรพั ยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม. กรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม. โครงการศึกษาแหล่งกาเนิดและแนวทาง การจัดการฝุน่ ละอองขนาดไมเ่ กิน ๒.๕ ไมครอนในพ้นื ทก่ี รงุ เทพและปรมิ ณฑล. กรมควบคุมมลพิษ. แผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการควบคุมการเผาในที่โล่ง. ๒๕๔๖. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก http://www.pcd.go.th/public/Publications/print_air.cfm?task=burning (วันท่ีค้นข้อมูล: ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓). กรมควบคุมมลพิษ. โครงการศึกษาแหล่งกาเนิดและแนวทางการจัดการฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน ๒.๕ ไมครอน ในพ้นื ทีก่ รุงเทพและปริมณฑล. ๒๕๖๑. น. ๕. [ออนไลน]์ . เขา้ ถงึ ไดจ้ าก http://infofile.pcd.go.th/ air/PM๒.๕.pdf (วนั ทีค่ น้ ขอ้ มลู : ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓). กรมควบคุมมลพิษ. ข้อมูลดัชนีคุณภาพอากาศ,กรมควบคุมมลพิษ. ๒๕๖๓. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก http://air๔thai.pcd.go.th/webV๒/aqi_info.php (วันทคี่ ้นขอ้ มลู : ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓). กรมควบคุมมลพิษ. แผนที่ค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (ทั้งประเทศ) ย้อนหลัง วันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๖๓. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก http://fire.gistda.or.th/fire/y๒๐๒๐/FR๘๒_special/maps_ pm๒๕/pm๒๕_modis_๒๐๒๐๐๑๒๓_๑๐๑๙.jpg (วนั ทค่ี น้ ข้อมูล: ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓). กรมควบคุมมลพิษ. แผนท่คี ่าฝุน่ ละอองขนาดเล็ก (ทงั้ ประเทศ) ยอ้ นหลงั วันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๓. [ออนไลน์]. เข้าถงึ ได้จากhttp://fire.gistda.or.th/fire/y๒๐๒๐/FR๘๒_special/maps_pm๒๕/pm ๒๕_modis_๒๐๒๐๐๓๒๒_๑๐๐๒.jpg (วันที่ค้นข้อมลู : ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓). กรมควบคุมมลพิษ. พระราชบัญญัติส่งเสริมปละรักษาคุณภาพส่ิงแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๓๕. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก http://www.pcd.go.th/info_serv/reg_envi_๕๒.html (วันท่ีค้นข้อมูล: ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๓). กลุ่มสารสนเทศอุตสาหกรรมอ้อยและน้าตาลทราย สานักงานคณะกรรมการอ้อยและน้าตาลทราย กระทรวง อุตสาหกรรม. ข่าวเศรษฐกิจอ้อยและน้าตาล วันท่ี ๑๔ กันยายน ๒๕๕๓. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก http://www.ocsb.go.th/th/cms/detail.php?ID=๔ ๖ ๖ &SystemModuleKey=economic (วันทีค่ น้ ขอ้ มลู : ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓). กลุ่มสารสนเทศอุตสาหกรรมอ้อยและน้าตาลทราย สานักงานคณะกรรมการอ้อยและน้าตาลทราย กระทรวง อุตสาหกรรม. ข่าวเศรษฐกิจอ้อยและน้าตาล วันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๖๒. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก http://www.ocsb.go.th/th/cms/detail.php?ID=๑๑๒๗๙&SystemModuleKey=economic (วันทีค่ น้ ข้อมูล: ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓).
๒๒๐ กลมุ่ วชิ าการและสารสนเทศอตุ สาหกรรมอ้อยและน้าตาลทราย สานกั งานคณะกรรมการอ้อยและน้าตาลทราย. รายงานพื้นท่ีปลูกอ้อย ปีการผลิต ๒๕๖๑/๒๕๖๒. น.๑๑. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก http://www.ocsb.go.th/upload/journal/fileupload/๙๒๓-๙๐๔๐.pdf (วันที่ค้นข้อมูล: ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓). กระทรวงพลังงาน. คู่มือการจัดทาเอกสารการประกวด Thailand Energy Awards ๒๐๒๐ ประเภทโรงงาน ควบคุมดีเด่น. น. ๓๙. ๒๕๖๓. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก http://www.able.co.th/TEA/๒_ Preserve/๑_Factory/Manual_Factory_on.pdf) (วันที่ค้นข้อมูล: ๓ มิถนุ ายน ๒๕๖๓) เครือข่ายอากาศสะอาดประเทศไทย. (๒๕๖๓). สมุดปกฟ้าอากาศสะอาด (Clean Air Blue Paper): เจาะลึก ผลกระทบของมลพษิ ทางอากาศและรากเหงา้ ของปัญหา. กรุงเทพฯ: ห้างหุ้นส่วนจากัด สนั สวย. มิตรผลโมเดิร์นฟาร์ม. ใช้รถตัดอ้อย ไม่มีปัญหาแรงงานคน ลดฝุ่นควันจากการเผา. ๒๕๖๒. [ออนไลน์]. เข้าถึง ได้จาก http://www.mitrpholmodernfarm.com/news (วันที่ค้นข้อมูล: ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๖๓). มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์. รายงานโดยสถานวิจัยมลพิษทางอากาศและผลกระทบต่อสุขภาพ. เฝ้าระวัง หมอกควนั ในภาคใต้ วนั ท่ี ๕ กนั ยายน ๒๕๖๒. [ออนไลน์]. เข้าถงึ ได้จากhttps://rdo.psu.ac.th/th/ index.php/report-smog-hy/๑๔๘๕-๕-๒๕๖๒ (วันท่คี น้ ขอ้ มลู : ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓). โรงงานน้าตาลแห่งประเทศไทย. รายงานการปิดหีบอ้อย เมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๖๓. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้ จากhttps://th-th.facebook.com/Biorefinery๔.๐E/photos/a.๑๗๙๗๕๑๗๙๘๖๙๓๑๓๙๘/ ๓๔๓๘๗๙๒๐๗๖๑๓๗๓๐๖/?type=๓&theater (วันที่คน้ ขอ้ มูล: ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓). โรงงานน้าตาลแห่งประเทศไทย. รายงานการปิดหีบอ้อย. ๒๕๖๓. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://www.facebook.com/Biorefinery๔ .๐ E/photos/a.๑ ๗ ๙ ๗ ๕ ๑ ๗ ๙ ๘ ๖ ๙ ๓ ๑ ๓๙๘ / ๓๔๓๘๗๙๒๐๗๖๑๓๗๓๐๖/?type=๓&theater (วันที่คน้ ขอ้ มูล: ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓). รศ. ดร. สาวิตรี การเี วทย์และคณะ. (๒๕๖๑). โครงการการคาดประมาณการระบายมลพิษทางอากาศ จากแหลง่ กาเนิดประเภทต่างๆ ในเขตกรงุ เทพมหานครและปริมณฑล. ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (Economic Intelligence Center) ธนาคารไทยพาณิชย์. (๒๕๖๒). น้ามัน เครือ่ งยนต์ และฝุ่น PM๒.๕ – ลดภาษีรถกระบะเคร่ืองยนต์ดเี ซลแกป้ ญั หาไดจ้ ริงหรือ. สานักงานอ้อยและน้าตาลทราย. รายงานข้อมูลการผลติ อ้อยของประเทศไทย. ๒๕๖๑. สานักงานคณะกรรมการอ้อยและน้าตาลทราย กระทรวงอุตสาหกรรม. รายงานสถานการณ์และผล การดาเนนิ งานกรณีปัญหาฝ่นุ ละอองขนาดเลก็ PM ๒.๕. ๒๕๖๓. สานักพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภมู ิสารสนเทศ (องค์การมหาชน). รายงานสรุปสถานการณ์ไฟป่าหมอกควนั จากข้อมูลระบบ MODIS พื้นที่เผาไหม้จากข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม LANDSAT – ๘ ประจาปี ๒๕๕๘. น.๔. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก http://fire.gistda.or.th/fire_report/Fire_๒๕๕๘.pdf (วนั ที่คน้ ขอ้ มลู : ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓). สานักพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภมู ิสารสนเทศ (องค์การมหาชน). รายงานสรุปสถานการณ์ไฟป่าหมอกควัน จากดาวเทียมระบบ MODIS และพื้นท่ีเผาไหม้จากภาพถ่ายดาวเทียม LANDSAT – ๘ ประจาปี ๒๕๕๙. น.๕ [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก http://fire.gistda.or.th/fire_report/Fire_๒๕๕๙.pdf (วนั ทคี่ น้ ข้อมูล: ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓).
๒๒๑ สานักพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน). รายงานสรุปสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน ด้วยภาพถ่ายจากดาวเทียม ประจาปี ๒๕๖๐, น.๖-๘. ๒๕๖๐. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก http://fire.gistda.or.th/fire_report/Fire_๒๕๖๐.pdf (วันทค่ี ้นขอ้ มูล: ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓). สานักพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน). รายงานสรุปสถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน ด้วยภาพถ่ายจากดาวเทียม ประจาปี ๒๕๖๑. น.๖-๘. ๒๕๖๑. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก http://fire.gistda.or.th/fire_report/Fire_๒๕๖๑.pdf (วันทค่ี น้ ข้อมูล: ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓). สานักพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน). รายงานสรุปสถานการณ์ไฟป่าด้วย ภาพถ่ายจากดาวเทียม ประจาปี ๒๕๖๒. น.๕-๗. ๒๕๖๒. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก http://fire.gistda.or.th/fire_report/Fire_๒๕๖๒.pdf (วันทคี่ ้นขอ้ มูล: ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓). สานักงานเศรษฐกิจการเกษตร. เนอ้ื ที่ใชป้ ระโยชน์ทางเกษตร รายจงั หวัด ปี พ.ศ. ๒๕๖๐. [ออนไลน]์ . เข้าถึงได้ จ า ก http://www.oae.go.th/assets/portals/๑ /files/Land%๒ ๐ Utilization๒ ๕ ๖ ๐ .pdf (วนั ทคี่ น้ ขอ้ มลู : ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓). ส า นั ก ง า น เ ศ ร ษ ฐ กิ จ ก า ร เ ก ษ ต ร . ข้ อ มู ล ข้ า ว น า ปี . ๒ ๕ ๖ ๒ . [ อ อ น ไ ล น์ ] . เ ข้ า ถึ ง ไ ด้ จ า ก http://www.oae.go.th/assets/portals/๑ /fileups/prcaidata/files/major%๒ ๐ rice% ๒๐๖๑%๒๐province(๑).pdf (วนั ท่ีคน้ ขอ้ มลู : ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓). สานักงานเศรษฐกิจการเกษตร. ข้อมูลข้าวโพดเล้ียงสัตว์. ๒๕๖๐. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก http://www.oae.go.th/assets/portals/๑ /fileups/prcaidata/files/maize%๒ ๐ province% ๒๐dit%๒๐๖๐.pdf (วนั ท่ีค้นขอ้ มลู : ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓). สานักงานเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ(องค์การมหาชน). (๒๕๖๒). สถานการณ์การติดตามไฟป่า จากดาวเทียม ปี ๒๕๖๒. กรงุ เทพฯ: กระทรวงการอุดมศึกษา วทิ ยาศาสตร์ วจิ ัย และนวตั กรรม. สถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย. ๒๐๑๘ Thailand Petroleum and Petrochemical Complex Capacity, as of August ๒ ๐ ๑ ๙ . PTIT industry surveys. [อ อ น ไ ล น์ ]. เ ข้ า ถึ ง ไ ด้ จ า ก http://www.ptit.org/ptit_medias/arlcat_a๐ ๑ d๓ ๕ ๘ ๒ ๘ ๖ ๐ bfcfc๙ ๗ eb๒ ๒ ๐ b๑ fdb๐ c๙ e.pdf (วันทค่ี ้นขอ้ มลู : ๓ มถิ นุ ายน ๒๕๖๓) หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย. มติคณะรฐั มนตรี ฉบับเต็ม ๑๑ มิถุนายน ๒๕๖๒. น. ๑๒. Association of Southeast Asian Nations. Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia Indonesia ๒๔ February ๑๙๗๖. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://asean.org/treaty-amity- cooperation-southeast-asia-indonesia-๒๔-february-๑๙๗๖/ (วันที่ค้นข้อมูล: ๓ มิถุนายน ๒๕๖๓). ASEAN Secretariat, ‘Combating Haze in ASEAN: Frequently Asked Questions’ Fact Sheet ๒๐๐๗/ASCC/๐๐๑(๒๐๐๗). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก http://haze.asean.org/?wpfb_dl=๑๒ (วันทีค่ น้ ข้อมูล: ๓ มิถุนายน ๒๕๖๓). E & Varkkey Quah, H., ‘The Political Economy of Transboundary Pollution: Mitigation Forest Fires and Haze in Southeast Asia’. น . ๑ ๘ - ๑ ๙ . [ อ อ น ไ ล น์ ] . เ ข้ า ถึ ง ไ ด้ จ า ก http://umexpert.um.edu.my/file/publication/๐๐๐๐๙๑๔๐_๑๐๒๕๒๖.pdf (วันที่ค้นขอ้ มูล: ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๖๐)
๒๒๒ J.Buckmaster et al. Combustion theory and modeling. Proceedings of the Combustion Institute. Volume ๓ ๐ , Issue ๑ , January ๒ ๐ ๐ ๕ , Pages ๑ -๑ ๙ [อ อ น ไ ล น์ ]. เ ข้ า ถึ ง ไ ด้ จ า ก https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S๐๐๘๒๐๗๘๔๐๔๐๐๓๓ ๒ ๗ (วันทค่ี ้นข้อมูล: ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๖๓). Junpen, A., Garivait, S., & Bonnet, S. (๒๐๑๓). Estimating emissions from forest fires in Thailand using MODIS active fire product and country specific data. Asia-Pacific Journal of Atmospheric Sciences, ๔๙(๓), ๓๘๙-๔๐๐. Junpen, A., Garivait, S., Bonnet, S., & Pongpullponsak, A. (๒ ๐ ๑ ๓ ) . Fire spread prediction for deciduous forest fires in Northern Thailand. Science Asia, ๓๙, ๕๓๕-๕๔๕. K.L. Koh, ‘ASEAN Environmental Protection in Natural Resources and Sustainable Development: Convergence versus Divergence? ’ (๒๐๐๗) ๔ Macquarie Journal of International and Comparative Environmental Law ๔ ๓ , ๔ ๕ -๕ ๐ ; P. Nguitragool, ‘Negotiating the Haze Treaty’ (๒๐๑๑) ๕๑ Asian Survey ๓๕๖, ๓๕๗. lumenlearning.com. What causes photochemical smog. [อ อ น ไ ล น์ ]. เ ข้ า ถึ ง ไ ด้ จ า ก https://courses.lumenlearning.com/introchem/chapter/photochemical-smog/ (วั น ท่ี คน้ ข้อมูล: ๓ มิถนุ ายน ๒๕๖๓) OECD, Recommendation Of The Council On Guiding Principles Concerning International Economic Aspects Of Environmental Policies (๒๖ May ๑๙๗๒) C (๗๒) ๑๒๘. United States Environmental Protection Agency. Monitoring Information By Industry - Printing and Publishing. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://www.epa.gov/air-emissions-monitoring- knowledge-base/monitoring-information-industry-printing-and-publishing#sources (วนั ท่คี ้นข้อมลู : ๓ มถิ นุ ายน ๒๕๖๓) United States Environmental Protection Agency. Control of VOC Emissions From Polystyrene Foam. [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก https://nepis.epa.gov/Exe/ZyPDF.cgi/๒๐๐๐MQ๔๘.PDF? Dockey=๒๐๐๐MQ๔๘.PDF (วนั ทีค่ ้นขอ้ มูล: ๓ มถิ นุ ายน ๒๕๖๓) Y. Tiyapairat, E.E. Sajor, ‘State simplification, heterogeneous causes of vegetation fires and implications on local haze management: case study in Thailand’ (๒ ๐ ๑ ๔ ) ๑ ๔ Environment, Development, and Sustainability ๑๐๔๗.
รายงาน ของ คณะกรรมาธิการวสิ ามญั พจิ ารณาศกึ ษา แนวทางปอ้ งกนั และแกไ้ ขปญั หาการข่มขืนกระทาชาเรา และการล่วงละเมดิ ทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร เร่อื ง แนวทางปอ้ งกนั และแกไ้ ขปัญหาการขม่ ขนื กระทาชาเราและการล่วงละเมดิ ทางเพศ กลมุ่ งานคณะกรรมาธกิ ารกิจการเดก็ เยาวชน สตรี ผู้สงู อายุ ผ้พู กิ าร กลมุ่ ชาตพิ ันธุ์ และผ้มู คี วามหลากหลายทางเพศ สานกั กรรมาธิการ ๓ สานกั งานเลขาธกิ ารสภาผู้แทนราษฎร
ก สารบัญ หน้า สารบัญ.......................................................................................................................................................... ก รายนามคณะกรรมาธกิ าร ............................................................................................................................. จ รายนามคณะอนกุ รรมาธกิ าร ........................................................................................................................ ซ รายนามทปี่ รึกษาคณะอนุกรรมาธกิ าร..........................................................................................................ญ บทสรุปผู้บรหิ าร............................................................................................................................................ ฎ รายงานของคณะกรรมาธิการวสิ ามัญ .......................................................................................................... ๑ ๑. การดาเนินงาน........................................................................................................................................ ๑ ๒. ผซู้ ึง่ คณะรัฐมนตรีได้มอบหมายใหม้ าชี้แจงแสดงความคดิ เห็น ............................................................. ๔ ๓. ผ้ซู ึ่งคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญไดเ้ ชญิ มาช้แี จงแสดงความคิดเหน็ ......................................................... ๕ ๔. การพิจารณาของคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั ........................................................................................... ๗ ๕. ผลการพิจารณาศกึ ษาของคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ............................................................................. ๗ ๕.๑ ความเปน็ มาและความสาคญั ของปัญหา.......................................................................................... ๗ ๕.๒ ประเด็นการพิจารณาศกึ ษา............................................................................................................. ๙ ๕.๓ ผลการพจิ ารณาศกึ ษา..................................................................................................................... ๙ ๕.๓.๑ แนวทางการป้องกันปัญหาการข่มขืนกระทาชาเราและการลว่ งละเมิดทางเพศ.................... ๙ (๑) แนวทางการป้องกนั สาหรับผูถ้ กู กระทา........................................................................ ๙ (๒) แนวทางการป้องกันการกระทาผดิ ซาของผู้กระทาผดิ คดีทางเพศ ................................๑๑ ๕.๓.๒ แนวทางการแกไ้ ขปญั หาการข่มขนื กระทาชาเราและการล่วงละเมดิ ทางเพศ......................๑๔ ๕.๓.๓ แนวทางการแกไ้ ขเยยี วยาผูถ้ ูกขม่ ขนื กระทาชาเราและการลว่ งละเมิดทางเพศ ...................๑๕ ๕.๓.๔ แนวทางกฎหมายและกระบวนการยตุ ิธรรมในการให้ความชว่ ยเหลือผูถ้ ูกกระทา ...............๑๗ หมวด ๑ กฎหมายทเ่ี กี่ยวข้องกับการปอ้ งกันและแก้ไขปัญหา การขม่ ขนื กระทาชาเราและการลว่ งละเมิดทางเพศ ............................................๑๘ ส่วนที่ ๑ การแก้ไขเพม่ิ เติมบทนยิ าม มาตรา ๑ (๑๘) “กระทาชาเรา” แหง่ ประมวลกฎหมายอาญา................................................................๑๘ ส่วนที่ ๒ การแกไ้ ขเพมิ่ เตมิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖ ในส่วนองค์ประกอบความผดิ ในกรณผี ้ถู กู กระทาปฏเิ สธดว้ ยวาจา ท่าทางอย่างชัดแจ้ง .............................................................................๒๔ สว่ นท่ี ๓ การเพมิ่ บทนิยามและบทลงโทษของการกระทาคุกคามทางเพศ ในประมวลกฎหมายอาญา ..................................................................๒๘ ส่วนท่ี ๔ การตีความพฤติการณค์ วามผิดเกี่ยวกับเพศ กรณผี กู้ ระทา กับเด็กผถู้ ูกกระทามคี วามสัมพนั ธใ์ นเชงิ ชสู้ าว......................................๓๖ ส่วนท่ี ๕ การกาหนดให้บทบัญญัตใิ นประมวลกฎหมายอาญา ลักษณะ ๙ ความผิดเก่ยี วกบั เพศ เป็นคดีแพง่ ท่ีเกีย่ วเนื่องกับคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวธิ ีพิจารณาความอาญา.....................................๓๘
ข สารบญั (ต่อ) หนา้ สว่ นท่ี ๖ การสบื พยานไว้กอ่ นตามมาตรา ๒๓๗ ทวิ แหง่ ประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา.....................................๓๙ ส่วนท่ี ๗ ขอ้ เสนอบทลงโทษคดีเกี่ยวกับเพศ กรณี การใชย้ าเพื่อปรับฮอร์โมน ของผกู้ ระทาผดิ (Chemical Castration)...........................................๔๑ หมวด ๒ กระบวนการยตุ ิธรรมกับการปอ้ งกนั และแก้ไขปญั หาการข่มขนื กระทาชาเรา และการลว่ งละเมดิ ทางเพศ ................................................................................๔๒ ส่วนที่ ๑ การนาเสนอข่าวเกี่ยวกบั การข่มขืนกระทาชาเรา หรือการลว่ งละเมิดทางเพศ.................................................................๔๒ ส่วนท่ี ๒ ข้อกฎหมายเกย่ี วกับการจัดเก็บตัวอยา่ งสารพนั ธกุ รรม (DNA) และการลงทะเบียนของผตู้ อ้ งขงั คดีความผดิ เกยี่ วกบั เพศ ....................๕๑ ส่วนท่ี ๓ มาตรการเกี่ยวกบั การดาเนินการทางวินยั แกข่ ้าราชการครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา กรณีการลว่ งละเมิดทางเพศต่อนักเรียน........๕๒ สว่ นท่ี ๔ การใหค้ วามช่วยเหลือและเยียวยาแก่ผูเ้ สียหายจากการ กระทาความผดิ เกี่ยวกบั เพศ................................................................๕๔ สว่ นที่ ๕ ขอบเขตของกฎหมายเกยี่ วกับอุปกรณ์เซก็ ส์ทอย (Sex Toy) และสอ่ื ลามกอนาจาร ..........................................................................๕๙ สว่ นท่ี ๖ แนวทางช่วยเหลอื ของทนายความอาสาต่อผู้เสียหายจากความผดิ เก่ียวกับเพศ รวมถงึ มาตรการดาเนินการกบั ทนายความอาสาในกรณี ไม่ให้ความชว่ ยเหลือหรือทอดทงิ ผู้เสียหายในระหว่างการดาเนนิ คดี ........๖๐ สว่ นที่ ๗ สภาพปญั หาและอปุ สรรคของผู้เสียหายในคดีความผดิ เกีย่ วกับเพศ ในชนั พนกั งานสอบสวน.......................................................................๖๑ ๖. ข้อสงั เกตของคณะกรรมาธิการวสิ ามัญ ................................................................................................๖๓ ๖.๑ แนวทางการป้องกนั ก่อนการเกดิ เหตุ .............................................................................................๖๓ ๖.๒ แนวทางการดาเนนิ การของภาครัฐเมื่อเกิดเหตุ ..............................................................................๖๔ ๖.๓ แนวทางการแกไ้ ข ฟ้ืนฟู และเยยี วยาหลงั การเกิดเหตุ....................................................................๖๕ ๖.๔ กฎหมายที่เก่ียวขอ้ งกับการป้องกนั และแก้ไขปญั หาการข่มขนื กระทาชาเรา และการลว่ งละเมดิ ทางเพศ............................................................................................................๖๖ สว่ นท่ี ๑ การแก้ไขเพิ่มเตมิ บทนิยาม มาตรา ๑ (๑๘) “กระทาชาเรา” แหง่ ประมวลกฎหมายอาญา ...........................................................................................๖๖ สว่ นที่ ๒ การเพ่ิมบทนิยามและบทลงโทษของการกระทาคุกคามทางเพศ ในประมวลกฎหมายอาญา..............................................................................................๖๗ ส่วนท่ี ๓ การตีความพฤติการณ์ความผิดเก่ียวกับเพศ กรณีผ้กู ระทากบั ผถู้ ูกกระทา เปน็ บุคคลอายุไม่เกิน ๑๘ ปี มคี วามสัมพันธใ์ นเชิงชู้สาว.................................................๖๗ สว่ นท่ี ๔ การกาหนดให้บทบัญญัติในประมวลกฎหมายอาญา ลกั ษณะ ๙ ความผิดเก่ยี วกบั เพศ เป็นคดีแพง่ ทเ่ี ก่ยี วเนื่องกับคดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา...........๖๘
ค สารบัญ (ตอ่ ) หนา้ ส่วนท่ี ๕ การสบื พยานไว้กอ่ นตามมาตรา ๒๓๗ ทวิ แหง่ ประมวลกฎหมายวธิ ีพจิ ารณาความอาญา.......๖๙ ส่วนที่ ๖ การฟ้องร้องเรียกคา่ เสียหายทางแพ่งในคดีความผิดเกย่ี วกบั เพศ ....................................๖๙ ๖.๕ ประเดน็ สาคญั เกี่ยวกับกระบวนการยุตธิ รรมกับการปอ้ งกันและแก้ไขปญั หาการข่มขนื กระทาชาเราและการล่วงละเมิดทางเพศ .......................................................................................๗๐ ส่วนท่ี ๑ การนาเสนอส่ือขา่ วหรอื สื่อบนั เทงิ ในรปู แบบตา่ ง ๆ เกีย่ วกับการข่มขนื กระทาชาเรา หรือการล่วงละเมิดทางเพศ ............................................................................................๗๐ สว่ นท่ี ๒ ข้อกฎหมายเกย่ี วกบั การจัดเก็บตวั อยา่ งสารพนั ธุกรรม (DNA) และการลงทะเบยี นข้อมลู ของผู้ต้องขังคดคี วามผดิ เก่ยี วกบั เพศ ......................................๗๐ สว่ นที่ ๓ มาตรการเกีย่ วกบั การดาเนินการทางวนิ ัยแกข่ ้าราชการครู บุคลากรทางการศึกษา และเจา้ หน้าทขี่ องรัฐ กรณีการล่วงละเมิดทางเพศต่อนักเรียนและผอู้ ยู่ในความดูแล...........๗๑ สว่ นท่ี ๔ การให้ความช่วยเหลือและเยียวยาแกผ่ ู้เสียหายจากการกระทาความผิดเก่ียวกับเพศ............๗๑ ส่วนที่ ๕ ขอบเขตของกฎหมายเกยี่ วกบั อปุ กรณ์เซก็ ส์ทอย (Sex Toy) และสอื่ ลามกอนาจาร........๗๒ สว่ นที่ ๖ แนวทางการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ผ้เู สียหายในความผดิ เก่ียวกบั เพศ รวมถึงมาตรการดาเนินการกับทนายความท่ีทอดทิงผูเ้ สียหายในระหว่างการดาเนินคดี .......๗๒ สว่ นท่ี ๗ สภาพปญั หาและอปุ สรรคของผู้เสียหายในคดคี วามผิดเกี่ยวกับเพศ ในชนั พนกั งานสอบสวน..................................................................................................๗๒
ง
จ รายนามคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั พจิ ารณาศกึ ษาแนวทางป้องกนั และแก้ไขปญั หา การข่มขนื กระทาชาเราและการล่วงละเมิดทางเพศ สภาผู้แทนราษฎร ศาสตราจารย์โกวิทย์ พวงงาม ประธานคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญ นายวสิ ษิ ฐ์ เตชะธีราวัฒน์ นางพรรณสิริ กุลนาถศริ ิ นายณฐั วุฒิ บัวประทุม นางผุสดี ตามไท รองประธานคณะกรรมาธกิ าร รองประธานคณะกรรมาธกิ าร รองประธานคณะกรรมาธิการ รองประธานคณะกรรมาธกิ าร คนท่ีหนึ่ง คนท่ีสอง คนที่สาม คนท่ีสี่ นายกติ ตศิ ักด์ิ คณาสวัสด์ิ นายภมู ิศิษฏ์ คงมี นางสาวพชั รนิ ทร์ ซาศริ ิพงษ์ นางสาวกิตตธ์ิ ญั ญา วาจาดี รองประธานคณะกรรมาธิการ รองประธานคณะกรรมาธกิ าร เลขานุการคณะกรรมาธิการ เลขานุการคณะกรรมาธิการ คนท่ีห้า คนที่หก นางสาวจุฑาฑัตต เหล่าธรรมทัศน์ นางสาวกานต์กนิษฐ์ แหว้ สนั ตติ นายจักรพนั ธ์ พรนิมติ ร นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ เลขานกุ ารคณะกรรมาธิการ เลขานุการคณะกรรมาธกิ าร โฆษกคณะกรรมาธิการ โฆษกคณะกรรมาธิการ นายตรรี ตั น์ ศริ ิจันทโรภาส นายศรัญ ฤกษ์อัตการ นางสาวศิลัมพา เลิศนุวัฒน์ นางสาววภิ าวัลย์ วรวรรณปรชี า โฆษกคณะกรรมาธกิ าร โฆษกคณะกรรมาธกิ าร โฆษกคณะกรรมาธิการ โฆษกคณะกรรมาธิการ
ฉ นางสาวอุษณี กงั วารจติ ต์ รองศาสตราจารย์สุณยี ์ กลั ยะจิตร ผ้ชู ่วยศาสตราจารย์ นายเถกงิ ศกั ดานุวงศ์ ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธกิ าร ที่ปรึกษาคณะกรรมาธกิ าร พันตารวจโทหญิง ศิพร โกวิท ทีป่ รึกษาคณะกรรมาธิการ ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธิการ นายธนิตพล ไชยนันทน์ นายอดุ มศกั ด์ิ ศรีสุทวิ า นางสาวลลี าวดี วัชโรบล นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธกิ าร ทปี่ รกึ ษาคณะกรรมาธกิ าร ท่ีปรึกษาคณะกรรมาธกิ าร ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธิการ นายวลั ลภ นาคบวั พลตารวจตรี สุรชาติ จึงดารงกิจ นายวทิ ยา พานชิ พงศ์ นายภัทร ภมรมนตรี ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธกิ าร ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธกิ าร ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธกิ าร ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธกิ าร นายสุพล บรสิ ุทธิ์ นางสาวกุลวลี นพอมรบดี นางสาวจิตภัสร์ ต๊ัน กฤดากร นายชัยยนั ต์ ผลสุวรรณ์ ทป่ี รึกษาคณะกรรมาธกิ าร กรรมาธิการ กรรมาธิการ กรรมาธกิ าร (ตัง้ แต่วนั ที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๓ ถึงวันที่ ๓ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๖๓) นางดุษฎี นามวิเศษ นางสาวทัศนีย์ บูรณปุ กรณ์ นางเทียบจุฑา ขาวขา นางสาวแนน บุณยธ์ ิดา สมชัย กรรมาธกิ าร กรรมาธกิ าร กรรมาธกิ าร กรรมาธกิ าร นางสาวเบญจา แสงจนั ทร์ นางสาวพมิ พ์ภทั รา วิชัยกลุ นายพษิ ณุ พลธี นางเภาพงา สุทธิมณฑล กรรมาธิการ กรรมาธิการ กรรมาธกิ าร กรรมาธกิ าร
ช นางสาวมลั ลิกา จริ ะพนั ธวุ์ าณชิ นางสาวรวิวรรณ จตุรพธิ พร นายเลศิ ศักด์ิ พัฒนชัยกุล นายวรณัฐ ศรีสุรยิ ชัย กรรมาธกิ าร กรรมาธกิ าร กรรมาธกิ าร กรรมาธิการ นายวสนั ต์ กล้าแท้ นายวาโย อัศวรุ่งเรอื ง นายศภุ ณัฐ อิม่ ทอง นางสาวสเุ พญ็ ศรี พึ่งโคกสงู กรรมาธกิ าร กรรมาธิการ กรรมาธกิ าร กรรมาธิการ นางสาวสณุ ฐั ชา โล่สถาพรพพิ ิธ กรรมาธกิ าร (ตัง้ แต่วันท่ี ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓)
ซ รายนามคณะอนุกรรมาธิการ ๑. คณะอนกุ รรมาธิการศึกษาสถานการณ์ การป้องกันและแกไ้ ขปญั หาการขม่ ขืนกระทาชาเรา และการลว่ งละเมดิ ทางเพศ นายกิตตศิ ักด์ิ คณาสวัสด์ิ ประธานคณะอนุกรรมาธิการ นางสาวอุษณี กังวารจิตต์ รองศาสตราจารยส์ ุณยี ์ กัลยะจติ ร นางสาวรววิ รรณ จตรุ พธิ พร รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ รองประธานคณะอนุกรรมาธกิ าร โฆษกคณะอนุกรรมาธิการ คนทห่ี นึ่ง คนท่ีสอง นางสาวสุเพ็ญศรี พ่งึ โคกสงู นายเถกิง ศกั ดานุวงศ์ นางสาวภคอร จันทรคณา เลขานุการคณะอนุกรรมาธกิ าร อนุกรรมาธิการ อนุกรรมาธกิ าร นางสาวฐาปนี โปร่งรศั มี นายสพุ ล บรสิ ทุ ธ์ิ นายปรเมษฐ์ โมลี อนุกรรมาธกิ าร อนุกรรมาธกิ าร อนุกรรมาธกิ าร
ฌ ๒. คณะอนุกรรมาธิการศึกษากระบวนการยุติธรรมและกฎหมายท่ีเก่ียวข้องกับปัญหาการข่มขืน กระทาชาเราและการล่วงละเมดิ ทางเพศ นางสาวแนน บณุ ย์ธิดา สมชยั ประธานคณะอนุกรรมาธกิ าร นางสาวปนัดดา วงศผ์ ู้ดี พนั ตารวจเอกหญงิ ปวณี า เอกฉัตร นายสวุ รรณ บัวโรย รองประธานคณะอนกุ รรมาธกิ าร รองประธานคณะอนกุ รรมาธิการ เลขานกุ ารคณะอนกุ รรมาธิการ คนท่หี นึง่ คนทสี่ อง ผู้ชว่ ยศาสตราจารย์ นางสาววริศรา ศริ ิสทุ ธเิ ดชา นายศุภณัฐ อมิ่ ทอง พันตารวจโทหญิง ศพิ ร โกวทิ อนกุ รรมาธิการ อนุกรรมาธกิ าร อนุกรรมาธกิ าร ผชู้ ว่ ยศาสตราจารย์ นางสาวสณุ ฐั ชา โล่สถาพรพิพธิ นายอดุ มเกยี รติ อภินนั ทกิ ุล ปานมี พนั ตารวจเอก ศราวุธ โสมะเกษตริน อนุกรรมาธกิ าร อนกุ รรมาธกิ าร อนุกรรมาธิการ
ญ รายนามทป่ี รกึ ษาคณะอนุกรรมาธกิ าร ๑. ท่ีปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการศึกษาสถานการณ์ การป้องกันและแก้ไขปัญหาการข่มขืนกระทาชาเรา และการลว่ งละเมดิ ทางเพศ ๑. นางสาวพชั รนิ ทร์ ซาศริ ิพงษ์ ๒. นางสาวมนทกานต์ิ เชอื่ มชติ ๓. รองศาสตราจารย์บุญเสรมิ หุตะแพทย์ ๔. นางสาวปนัดดา วงศผ์ ู้ดี ๕. นายแพทย์พรเพชร ปญั จปิยะกุล ๖. นายธีร์ ภวงั คนนั ท์ ๗. นายตรีรตั น์ ศิริจันทโรภาส ๘. นางนิรมล โตจิรกุล ๙. นายบุญถาวร ปัญญาสทิ ธิ์ ๑๐. นายแพทย์ประภาส ล้สี ุทธิพรชัย ๑๑. นายศุภกรณ์ ปญุ ญฤทธิ์ ๑๒. นางสาวพัชราพรรณ นาคพงษ์ ๑๓. พนั ตารวจโทหญิง ณัฐกิ า กีรตธิ รรมกฤต ๑๔. นางสาวอญั ชลีพร รกั ษาสตั ย์ ๑๕. นางสาวณฐั ปภัสร์ วรธนั ย์ผาสุข ๒. ท่ีปรึกษาคณะอนุกรรมาธิการศึกษากระบวนการยุติธรรมและกฎหมายที่เก่ียวข้องกับปัญหาการข่มขืน กระทาชาเราและการลว่ งละเมิดทางเพศ ๑. นางสาวพัชรินทร์ ซาศิรพิ งษ์ ๒. นางนิรมล โตจิรกุล ๓. นายอรุณ คงเจริญ ๔. นายอธวิ ัฒน์ บุญชาติ ๕. นายสุรเชษฐ์ งามวงศ์
ฎ บทสรุปผบู้ ริหาร อาชญากรรมทางเพศได้ทวคี วามรุนแรงจนเป็นเหตุท่ีสรา้ งความสะเทอื นขวญั แก่ประชาชนมาเป็น ระยะเวลายาวนาน แม้ความผิดเก่ียวกับเพศในประเทศไทย กฎหมายได้บัญญัติให้เป็นความผิดตามประมวล กฎหมายอาญาที่มบี ทกาหนดโทษสูงสดุ ถงึ ประหารชีวิต หากแต่ยงั มเี หตุการณ์เชน่ นี้เกิดขึ้นเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง ทั้งการข่มขืนกระทาชาเราและการล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งถือเป็นภัยเงียบที่คุกคามความสงบสุขของประชาชน ในสงั คมอย่างยง่ิ การศกึ ษาปญั หาดังกลา่ วอย่างเป็นระบบเพ่ือให้ได้ข้อมูลด้านสถานการณ์ของปัญหา สาเหตุของปญั หา การข่มขืนกระทาชาเราและการล่วงละเมิดทางเพศ และปัญหาข้อกฎหมาย รวมถึงช่องว่างของกฎหมายที่เก่ียวกับ บทบัญญัติที่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาในความผิดเก่ียวกับเพศ จะก่อให้เกิดองค์ความรู้ในการ สร้างแนวทาง มาตรการป้องกัน และการแก้ไขปัญหาการข่มขืนกระทาชาเราและการล่วงละเมิดทางเพศได้อย่าง เป็นรูปธรรม อันจะเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง อีกท้ัง ยังสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชนทุกคน ทุกเพศ ทุกวัยให้รอดพ้นจากการตกเป็นผู้ถูกข่มขืนกระทาชาเราและการล่วงละเมิดทางเพศ โดยการพิจารณา ของคณะกรรมาธิการวิสามัญมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทาง มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการข่มขืน กระทาชาเราและการล่วงละเมิดทางเพศ และศึกษาข้อขัดข้องของกระบวนการยุติธรรม ปัญหาข้อกฎหมาย และช่องว่างของกฎหมายเก่ียวกับบทบัญญัติที่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาในความผิดเกี่ยวกับเพศ รวมทั้งกฎหมายอื่นท่ีเกยี่ วขอ้ ง คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาการข่มขืนกระทาชาเรา และการล่วงละเมิดทางเพศ ได้มีการพิจารณาศึกษาจากข้อมูลสถิติจากหน่วยงานที่เก่ียวข้อง เอกสารงานวิจัย ในประเทศและต่างประเทศ การเชิญบุคคลและผู้แทนจากหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องมาให้ข้อมูล ข้อคิดเห็น และการประชมุ พิจารณาของคณะกรรมาธิการวสิ ามญั จากการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญ ได้พิจารณาเห็นว่า การดาเนินการของรัฐบาล ควรต้องกาหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ ในเร่ืองแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาการข่มขืนกระทาชาเรา และการล่วงละเมิดทางเพศ โดยใหร้ ัฐบาลจัดตั้งคณะกรรมการป้องกันและแก้ไขปัญหาการข่มขืนกระทาชาเรา และการล่วงละเมิดทางเพศระดับชาติ ซ่ึงมีกระทรวงและหน่วยงานที่เก่ียวข้องร่วมเป็นกรรมการ และให้กระทรวง การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นเลขานุการ ดาเนินการจัดทาแผนการบูรณาการ การวางโครงสร้าง กาหนดความรับผิดชอบของหน่วยงานในภาคปฏิบัติ จัดทาระบบการประเมินผลการดาเนินงาน เพื่อให้หน่วยงาน ทุกแห่งสามารถนายุทธศาสตร์ไปใช้ในการขับเคล่ือนการดาเนินงานได้อย่างจริงจัง และจัดทาข้อเสนอเชิงนโยบาย และรูปแบบการบริหาร เพื่อให้เกิดหน่วยงานหลักท่ีมีหน้าท่ีรับผิดชอบเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหา การข่มขืนกระทาชาเราและการล่วงละเมิดทางเพศ และการประสานงานของหน่วยงานที่เก่ียวข้องให้เกิดการ บูรณาการในการปฏบิ ัตงิ านท่ีเป็นรปู ธรรมชดั เจนอยา่ งแทจ้ ริง โดยคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั ไดม้ ขี อ้ สงั เกต ดังนี้ แนวทางการป้องกันก่อนการเกดิ เหตุ ๑. ควรต้องให้ความรู้ความเข้าใจกับสังคม โดยสร้างกลไกการเฝ้าระวังร่วมกับเครือข่ายในระดับ ชุมชน และหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงมหาดไทย ในเรื่องท่ีเก่ียวข้องกับการข่มขืนกระทาชาเราและการล่วงละเมิดทางเพศ การรณรงค์ สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายใหม่ที่ออกมาบังคับใช้ กฎหมายที่มีการแก้ไข และสิทธิต่าง ๆ ให้เกิดความเข้าใจ ที่แท้จริง รวมถึงการสร้างเจตคติและการระมัดระวังตนเองเพื่อป้องกันการเกิดการกระทาความผิด โดยควรจัดทา โปสเตอร์ (Poster) การให้ข้อมูลด้วยภาพ (Infographic) ในการให้ความรู้ความเข้าใจท่ีถูกต้องเกี่ยวกับแนวทาง การป้องกันและแก้ไขปัญหาก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุการข่มขืนกระทาชาเราและการล่วงละเมิด ทางเพศ และให้มีสายด่วน (Hotline) หรือเบอร์กลาง สาหรับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากการข่มขืนกระทาชาเรา และการล่วงละเมิดทางเพศ และในการรับแจ้งเหตุท่ีทันท่วงทีกรณีท่ีพบเห็นว่าอาจเกิดเหตุการณ์ข่มขืน โดยทาการ เผยแพร่ในหน่วยงานระดับท้องถิ่น เพ่ือให้เข้าถึงและเกิดความชัดเจนต่อประชาชนในระดับชุมชนต่างจังหวัด พรอ้ มทง้ั สรา้ งกลไกการเยย่ี มเยยี นครอบครัวท่ีอยใู่ นภาวะเส่ียงด้วย
ฏ ๒. ควรต้องสร้างมาตรการเพ่ือปลูกฝังการเคารพสิทธิตนเองและผู้อื่นในทุกช่วงวัย โดยกระทรวง ศึกษาธิการ และกระทรวงมหาดไทย ต้องวางแนวทางรากฐานในเร่ืองการเคารพสิทธิของตนเองและผู้อื่น อย่างเสมอภาคกันซง่ึ เป็นเรอ่ื งที่จาเปน็ อย่างมาก โดยต้องเร่มิ ตงั้ แตช่ ่วงอายุ ๐ – ๘ ปี ซึ่งเป็นช่วงทีส่ าคัญในการ วางรากฐานท่ีแข็งแรง และเป็นช่วงอายุที่อยู่ในสถานศึกษา หากมีมาตรการให้สถานศึกษาเน้นการปลูกฝัง ในเรือ่ งการเคารพสิทธิของตนเองและผู้อ่นื อย่างเสมอภาคกันก็จะสามารถแก้ไขปัญหาท่ีเกิดขน้ึ ไดใ้ นระดับหน่งึ ๓. ควรต้องมีการปรับหลักสูตรการสอนเพศวิถีศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการให้มีความชัดเจน และเข้าใจง่าย เพ่ิมตัวอย่างรูปแบบการให้ความรู้เร่ืองเพศวิถี เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้กาหนดนโยบายสามารถ พจิ ารณาไดอ้ ย่างเห็นภาพและนาไปเปน็ แนวทางในการจัดทาหลักสูตรไดอ้ ย่างชดั เจน และควรต้องมกี ารบูรณาการ หลักสูตรการสอนเพศวิถีศึกษากับหมวดวิชาอื่น ๆ นอกจากนี้ กระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข ควรต้องมีการจัดทาส่ือการสอนเรื่องเพศวิถีศึกษา เพ่ือให้เด็กสามารถเรียนรู้ได้นอกห้องเรียนและเข้าถึงได้ง่าย ซ่ึงปัจจุบันมีรูปแบบการนาเสนอองค์ความรู้เกี่ยวกับเพศวิถีหลากหลายรูปแบบ เช่น การ์ดเกมสาหรับเด็ก เพ่ือให้ เด็กเรียนรู้จากการ์ดเกมว่าพื้นท่ีส่วนตัวของตัวเองส่วนไหนบ้างที่ห้ามคนอ่ืนสัมผัส หรือหากเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ ควรแจง้ ใคร เปน็ ตน้ แนวทางการดาเนนิ การของภาครฐั เม่อื เกิดเหตุ ๑. สานักงานตารวจแหง่ ชาติ กระทรวงสาธารณสุข (แพทย์ นักจติ วิทยา และนกั สงั คมสงเคราะห์) และกระทรวงยุติธรรม (กรมราชทัณฑ์ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ) ควรต้องพัฒนาแนวทางปฏิบัติในเร่อื งการสอบถามข้อเท็จจริงต่อผู้เสียหาย เพื่อให้เป็นแนวทางการปฏิบัติเดียวกัน ทว่ั ประเทศ ทงั้ องค์ความรู้ กระบวนการ และทกั ษะ โดยเฉพาะการต้งั คาถามท่ีเหมาะสมเพ่ือไม่ให้เกิดการละเมิดซ้า ๒. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงดิจิทลั เพ่ือเศรษฐกิจและสังคม ควรต้องจัดให้มชี ่องทางการแจ้งเหตุในรูปแบบอ่ืน เช่น แอปพลิเคชัน (Application) หรือ เว็บไซต์ (Website) ซึ่งจะทาให้เกิดการเข้าถึงเพ่ิมมากขึ้น การมีสายด่วน (Hotline) หรือเบอร์กลาง ในการช่วยเหลือผู้ถูกกระทาชาเรา และการลว่ งละเมดิ ทางเพศ ซึ่งจะตอ้ งดาเนินการควบค่ไู ปกับการพัฒนาผใู้ ห้คาปรึกษาให้มที ักษะความรู้ในด้านนด้ี ้วย ๓. กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์ ควรตอ้ งจดั ใหม้ ีนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะหอ์ ย่างเพียงพอ เพ่ือเข้าร่วมสอบข้อเท็จจริงในทุกกรณี ทผ่ี ู้เสยี หายเป็นเดก็ นักเรยี น กระทรวงศึกษาธกิ ารมีนักจิตวทิ ยาของกระทรวงซึง่ อยูใ่ นเขตพื้นที่การศกึ ษา ควรนา ข้อมูลดังกล่าวมาเชื่อมโยงกับข้อมูลของนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ เพ่ือหาแนวทางให้เกิดการกระจายตัว ของนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ในระดับท่ีเพียงพอในการเข้าร่วมสอบข้อเท็จจริงต่าง ๆ ของผู้เสียหาย ทเ่ี ป็นเด็กในทุกกรณที ่ีเก่ียวข้องกับการข่มขืนกระทาชาเราหรือการล่วงละเมิดทางเพศ และจะนาไปสู่การสร้าง ศักยภาพของครูแนะแนว ๔. สานักงานตารวจแห่งชาติ กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ ควรต้องให้มีการบูรณาการการทางานในรูปแบบทีม สหวิชาชีพ (Multidisciplinary Team) เพ่ือให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายจากการกระทาความผิดเกี่ยวกับเพศ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ พระราชบัญญัติคุ้มครอง ผู้ถูกกระทาด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณา คดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ ประมวลกฎหมายวิธพี ิจารณาความอาญา และกฎหมายอ่ืนท่ีเก่ียวขอ้ งกับ การค้มุ ครองสทิ ธิและใหค้ วามช่วยเหลือผู้เสยี หายจากการกระทาความผิดเก่ียวกบั เพศ
ฐ ๕. สานักงานตารวจแห่งชาติควรต้องมีการจัดเก็บข้อมูลคดีแบบจาแนกเพศตั้งแต่กระบวนการ รับแจ้งความร้องทุกข์ และการประสานงานส่งต่อเรื่องของสานักงานตารวจแห่งชาติเพิ่มเติมจากเดิมท่ีมีการจัดเก็บ ขอ้ มูลแบบจาแนกประเภทคดี แนวทางการแกไ้ ข ฟื้นฟู และเยยี วยาหลังการเกดิ เหตุ ๑. กรมราชทัณฑ์ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และกรมคุมประพฤติ ต้องจัดทา โปรแกรมท่ีใช้ในการบาบัดฟื้นฟูผู้กระทาผิดคดีทางเพศเป็นการเฉพาะ ซ่ึงควรต้องมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติม โดยละเอียดอย่างเร่งด่วน ในขั้นตอนการบาบัดฟ้ืนฟู และการประเมินผลความสาเร็จในการปรับพฤติกรรม ผ้กู ระทาผิดทางเพศท้ังผูใ้ หญ่ เด็กและเยาวชน ๒. กรมราชทัณฑ์ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน และกรมคุมประพฤติ ต้องจัดทา แบบประเมินความเสี่ยงในการกระทาผิดซ้าของผู้กระทาผิดคดีทางเพศ (Risk Assessment Tool) เพื่อลดความเสี่ยง ในการกระทาผิดซ้าของผู้กระทาผิดคดีทางเพศ ซ่ึงควรต้องมีการศึกษาวิจัยเพ่ิมเติมโดยละเอียดอย่างเร่งด่วน เพ่ือนาแบบประเมินมาใช้ในการประเมินความเส่ียงของผู้กระทาผิดคดีทางเพศว่ามีความเส่ียงในการกระทาผิดซ้า มากหรือน้อยเพียงใด รวมท้ังหาวิธีการดาเนินการเพื่อปรับทัศนคติและพฤติกรรมของผู้กระทาผิดคดีทางเพศ และเพอื่ วางแผนการคุมประพฤติแก่ผู้ท่ีมีความเส่ยี งต่า ๓. กระทรวงยุติธรรม และสานักงานตารวจแห่งชาติ ต้องจัดทาระบบลงทะเบียนผู้กระทาผิดคดี ทางเพศ เพื่อเป็นฐานข้อมูลบันทึกประวัติและข้อมูลอาชญากรรมของผู้กระทาผิดคดที างเพศ ป้องกันการกระทาผิด ทางเพศซ้า และเป็นเคร่ืองมือในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเพศให้กับเจ้าหน้าท่ีในการติดตาม ความเคลื่อนไหวของผู้กระทาผิดโดยมีกฎหมายรับรองการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าท่ี และการเข้าถึงข้อมูลของ ผกู้ ระทาผิดคดีทางเพศอย่างเป็นรปู ธรรม ซ่ึงควรตอ้ งมกี ารศึกษาวิจยั เพ่ิมเตมิ โดยละเอยี ดอยา่ งเรง่ ดว่ น ๔. กระทรวงยุติธรรม และสานักงานตารวจแห่งชาติ ควรผลักดันให้มีการออกกฎหมายรองรับ การจดั เก็บข้อมูลตัวอย่างสารพันธุกรรม (DNA) เพอ่ื ใช้เป็นพยานหลกั ฐานในคดี และติดตามการกระทาความผดิ ซา้ ซง่ึ ควรต้องมีการศกึ ษาวิจยั เพมิ่ เติมโดยละเอียดอยา่ งเรง่ ด่วน ๕. กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงสาธารณสุข ควรต้องมีการศึกษาวิจัยเพ่ิมเติมโดยละเอียด อย่างเร่งด่วน เร่ือง มาตรการลงโทษคดีเก่ียวกับเพศ กรณีการใช้ยาเพื่อปรับฮอร์โมนของผู้กระทาผิด (Chemical Castration) โดยเฉพาะลักษณะคดีท่ีผู้กระทาความผิดเกี่ยวกับเพศมีพฤติการณ์กระทาผิดซ้า หรือมีลักษณะ การกระทาท่ีเป็นภัยต่อสังคม หรือเป็นคดีท่ีกระทาต่อเด็ก รวมถึงควรมีกระบวนการประเมินสภาพร่างกาย และจติ ใจทางการแพทยข์ องผู้ต้องขงั ทัง้ กอ่ นและหลังการใชม้ าตรการดังกล่าว ๖. กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และหน่วยงานรัฐ อืน่ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา ควรต้องมกี ารกาหนดมาตรการในการดาเนินการทางวินัยแก่ครแู ละบุคลากร ทางการศึกษาที่ลว่ งละเมิดทางเพศเด็กนกั เรยี น กล่าวคือ (๑) กรณีผู้กระทาความผดิ เปน็ ครู บุคลากรทางการศึกษา หรือเจ้าหน้าท่ีของรัฐ ควรได้รับการระวางโทษวินัยร้ายแรง และ (๒) ในการสอบสวน กาหนดให้มีคณะกรรมการ สอบสวนวินัยข้าราชการครู บุคลากรทางการศึกษา หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยกาหนดสัดส่วนของกรรมการ ท่เี ป็นสตรไี ม่น้อยกว่าหนงึ่ ในสาม ๗. กระทรวงยุติธรรม ควรเพ่ิมการประชาสมั พันธ์ภารกิจของสานักงานกองทุนยุตธิ รรม และสานักงาน ช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหายและจาเลยในคดีอาญา ในการอานวยความยุติธรรมให้กับประชาชนท่ีได้รับ ความเดือดร้อนและไม่ได้รับความเป็นธรรมเม่ือต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม โดยการสนับสนุนเงินช่วยเหลือ เพ่ือเปน็ ค่าใชจ้ ่ายต่าง ๆ เช่น คา่ ใช้จา่ ยในการวางเงินประกนั การปลอ่ ยช่ัวคราว ค่าใชจ้ า่ ยในการจา้ งทนายความ ค่าธรรมเนียมศาล ค่าใช้จ่ายในการดาเนินคดี ค่าใช้จ่ายในการพิสูจน์และการแสวงหาข้อเท็จจริง ตลอดจน ค่าใช้จ่ายอ่ืน ๆ ท่ีเก่ียวข้องกับการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน นอกจากนั้น สานักงานตารวจแห่งชาติ ควรต้องดาเนินการในเร่ืองนีเ้ ช่นเดียวกนั
ฑ ๘. กระทรวงยุติธรรม และสานักงานตารวจแห่งชาติ ควรต้องจัดทาระบบการเช่ือมโยงข้อมูลกับ หน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม เพื่อแลกเปล่ียนข้อมูลกระบวนการยุติธรรม DXC (Data Exchange Center) เพ่ือใช้ในการตรวจสอบประวัติผู้เกี่ยวขอ้ งหรอื หลกั ฐานคดี รวมทัง้ ตดิ ตามสถานะของคดีไดอ้ ยา่ งรวดเรว็ กฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับการป้องกันและแกไ้ ขปญั หาการข่มขืนกระทาชาเราและการล่วงละเมดิ ทางเพศ ส่วนท่ี ๑ การแกไ้ ขเพ่ิมเติมบทนิยาม มาตรา ๑ (๑๘) “กระทาชาเรา” แหง่ ประมวลกฎหมายอาญา การแก้ไขเพ่ิมเติมบทนิยามควรมีการพิจารณาศึกษาเพ่ือเปรียบเทียบข้อดี ข้อเสีย และผลกระทบ จากการนาตัวบทกฎหมายไปปรับใช้ ทั้งในส่วนท่ีเป็นบทนิยามตามกฎหมายเดิมและท่ีใช้อยู่ในปัจจุบัน รวมถึง ศึกษาเปรียบเทียบกับกฎหมายของต่างประเทศ เพื่อให้การปรับปรุงแก้ไขกฎหมายเป็นไปได้อย่างเป็นระบบ หลังจากท่ีมีการแก้ไขเพ่ิมเติมบทนิยามกระทาชาเรา ควรมีการจัดทาองค์ความรู้เก่ียวกับความผิดเกี่ยวกับเพศ ตามประมวลกฎหมายอาญา เพื่อเผยแพร่ให้ผู้ปฏิบัติงานหรือประชาชนมีความรู้ความเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน ว่าพฤติการณ์ใดที่เข้าข่ายเป็นความผิดฐานข่มขืนกระทาชาเรา และพฤติการณ์ใดที่เข้าข่ายเป็นความผิดฐาน กระทาอนาจาร การพิจารณาบทนิยาม ตามมาตรา ๑ (๑๘) แห่งประมวลกฎหมายอาญา “กระทาชาเรา หมายความว่า กระทาเพอื่ สนองความใคร่ของผูก้ ระทา โดยการใชอ้ วัยวะเพศของผกู้ ระทาลว่ งล้าอวยั วะเพศ ทวารหนกั หรอื ชอ่ งปาก ของผูอ้ ืน่ ” เพื่อให้สอดคลอ้ งกับเหตกุ ารณ์ปจั จบุ นั ในพฤติการณ์ ดงั นี้ ๑) กรณีผู้กระทาบังคับให้ผู้เสียหายซ่ึงเป็นเด็กผู้ชายสอดใส่อวัยวะเพศของผู้เสียหายเข้าไป ในทวารหนกั ของผู้กระทา ๒) การกระทาโดยการบังคับให้ผู้อื่นลว่ งล้าตนเอง กรณีครูผหู้ ญงิ บงั คับให้เด็กนักเรียนชายกระทา สอดใสอ่ วัยวะเพศของผูเ้ สียหายกบั ครูผูห้ ญงิ ๓) กรณีบุคคลท่ีเป็นเพศเดียวกันกระทาการข่มขืนกระทาชาเรา หรือกรณีครูฝึกสอนผู้หญิง ใช้นวิ้ สอดใส่ในอวยั วะเพศนกั เรยี นหญิง ๔) กรณีที่ผู้หญิงถูกกระทาด้วยส่ิงอ่ืนใดหรือเด็กผู้ชายถูกกระทาด้วยสิ่งอื่นใด หรือถูกกอดจูบ ในขณะอาบนา้ หรอื บงั คบั ให้กระทาเพอ่ื สนองความใคร่ คณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญจงึ ได้พิจารณาแนวทางแก้ไขบทนยิ ามของคาวา่ กระทาชาเรา และมคี วามเห็น ในการแกไ้ ขเพิ่มเตมิ บทนยิ ามในมาตรา ๑ (๑๘) แหง่ ประมวลกฎหมายอาญา โดยใหใ้ ชค้ วามตอ่ ไปน้แี ทน “มาตรา ๑ (๑๘) “กระทาชาเรา” หมายความว่า กระทาเพื่อสนองความใคร่ของผู้กระทา โดยการใช้ อวัยวะเพศหรือสิ่งอื่นใดของผ้กู ระทาหรือของผู้อนื่ ล่วงล้าอวยั วะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากของผ้อู ื่นหรือของ ผกู้ ระทา” “มาตรา ๒๗๖ ผู้ใดข่มขืนกระทาชาเราผู้อ่ืนหรือผู้ใดข่มขืนกระทาชาเราด้วยวิธีการอื่นใด เพื่อสนองความใคร่ของผู้กระทาโดยขู่เข็ญด้วยประการใด ๆ โดยใช้กาลังประทุษร้าย โดยผู้อ่ืนน้ันปฏิเสธด้วยวาจา หรือทา่ ทางอยา่ งชัดแจ้ง หรืออยู่ในภาวะที่ไมส่ ามารถขัดขืนได้ หรือโดยทาใหผ้ ู้อ่ืนนั้นเข้าใจผดิ วา่ ตนเป็นบุคคลอ่ืน ตอ้ งระวางโทษจาคุกต้งั แต่สี่ปีถึงย่ีสิบปี และปรบั ตั้งแตแ่ ปดหม่ืนบาทถึงสแ่ี สนบาท...” สว่ นท่ี ๒ การเพ่ิมบทนิยามและบทลงโทษของการกระทาคุกคามทางเพศในประมวลกฎหมายอาญา ข้อเท็จจริงในปัจจุบันแม้มีบทบัญญัติเก่ียวกับการกระทาคุกคามทางเพศตามประมวลกฎหมายอาญา และกฎหมายอื่นท่ีเก่ียวขอ้ ง แต่ก็ไม่สามารถเอาผิดผู้กระทาการคุกคามทางเพศหรือผู้ถูกกระทาไม่ได้รับการคุ้มครอง จงึ นาไปสู่การพิจารณาบทนยิ ามและบทลงโทษเก่ียวกับลักษณะความผดิ คกุ คามทางเพศ โดยคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญ ได้ตั้งข้อสังเกตเก่ียวกับการขอเพิ่มบทนิยามและบทลงโทษของการกระทาคุกคามทางเพศในประมวลกฎหมายอาญา เพื่อจะทาใหม้ ีกฎหมายค้มุ ครองลักษณะของการคุกคามทางเพศที่สามารถเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและปิดชอ่ งว่าง ทางกฎหมายได้ ดังนี้
ฒ ๑) เพิม่ บทนยิ ามคาวา่ คกุ คามทางเพศ ในมาตรา ๑ แหง่ ประมวลกฎหมายอาญา ดังน้ี “มาตรา ๑ (๑๙) “การคุกคามทางเพศ” หมายความวา่ การกระทาหรือพฤตกิ ารณอ์ ื่นใด ไม่ว่าจะเป็น การกระทาโดยทางกาย วาจา การส่งเสียง การแสดงอากัปกิริยาท่าทาง การแสดงหรือสื่อสารด้วยวิธีการใด ๆ ไม่ว่า จะกระทาต่อหน้า หรือกระทาโดยการส่อื สารในช่องทางใด ที่ส่อไปในทางเพศ เป็นเหตุให้เดือดร้อนราคาญ อบั อาย หรือถูกเหยียดหยาม และรวมถึงการติดตามรังควาน หรือกระทาการใดท่ีตามวิสัยและพฤติการณ์อาจก่อให้เกิด ความไมป่ ลอดภยั ในทางเพศ” ๒) เพ่ิมลักษณะความผิดและบทลงโทษของการกระทาความผิดฐานคุกคามทางเพศ ในประมวล กฎหมายอาญา โดยมแี นวทางการกาหนดบทลงโทษของการกระทาความผิดฐานคุกคามทางเพศ ดงั นี้ (๑) บทลงโทษมอี ตั ราสงู กว่าการกระทาความผดิ ลหุโทษ โดยอตั ราโทษความผิดฐานคุกคามทางเพศ จะอยู่ระหว่างความผิดลหโุ ทษกับความผดิ ฐานอนาจาร (มาตรา ๓๙๗ วรรคสอง การกระทาอันมีลกั ษณะสอ่ ไป ในทางทีจ่ ะล่วงเกินทางเพศ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกนิ หนึ่งเดือน หรอื ปรับไม่เกนิ หนึ่งหม่ืนบาท หรือทง้ั จาทัง้ ปรบั ) (๒) บทลงโทษมีอัตรากึ่งหนึ่งของความผิดฐานอนาจาร (มาตรา ๒๗๘ ความผิดฐานอนาจาร ระวางโทษจาคุกไม่เกนิ สิบปี หรือปรับไมเ่ กนิ สองแสนบาท หรือท้ังจาท้ังปรบั ) (๓) บทลงโทษมีอัตราโทษเท่ากับการดาเนินคดีต่อศาลแขวง (คดีอาญาท่ีมีโทษจาคุก ไมเ่ กินสามปี หรือปรบั ไมเ่ กนิ หกหมน่ื บาท) สว่ นที่ ๓ การตคี วามพฤตกิ ารณ์ความผิดเก่ียวกับเพศ กรณผี ู้กระทากับผู้ถูกกระทาเปน็ บคุ คลอายุ ไมเ่ กิน ๑๘ ปี มีความสัมพันธ์ในเชิงชู้สาว การตีความพฤติการณค์ วามผิดเก่ียวกับเพศ กรณีผู้กระทากับผู้ถกู กระทาเป็นบุคคลอายุไม่เกิน ๑๘ ปี มคี วามสมั พันธใ์ นเชิงชู้สาว ดงั น้ี ๑) การดาเนินคดีความผิดเก่ียวกับเพศควรพิจารณาพฤติการณ์ของผู้กระทากับผู้ถูกกระทา โดยมีเพศสัมพันธ์กนั ในลักษณะที่เป็นคู่รักกับการกระทาความผิดทางอาญา รวมถึงนาเร่ืองระยะห่างช่วงอายุของเด็ก หรอื ผเู้ ยาว์ มาประกอบการพิจารณาสืบสวน สอบสวนและพจิ ารณาดาเนินคดี ๒) กรณเี ด็กหรือผู้เยาว์มีเพศสัมพันธ์ระหว่างเป็นคูร่ ัก และบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล แจ้งความ ดาเนินคดีความผิดต่อเสรีภาพ ในความผิดฐานพรากเดก็ หรือพรากผู้เยาว์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๑๗ และมาตรา ๓๑๙ ซ่ึงผ้ตู ้องหาอาจไม่ได้มีพฤตกิ ารณ์ในการกระทาความผิดอาญาแตเ่ ป็นการมเี พศสัมพันธ์โดยการ สมยอมระหว่างคู่รัก ดังน้ัน กระบวนการของการดาเนินคดีต่อผู้ต้องหาท่ีมีพฤติการณ์ดังกล่าว ควรนาถ้อยคา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๗ วรรคห้า และวรรคหก “มาตรา ๒๗๗... ความผิดตามท่ีบัญญัติไว้ในวรรคหนึ่ง ถ้าเป็นการกระทาโดยบุคคลอายุไม่เกินสิบแปดปี กระทาต่อเด็กซึ่งมีอายุกว่าสิบสามปีแต่ยังไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กน้ันยินยอม ศาลที่มีอานาจพิจารณา คดีเยาวชนและครอบครัวจะพิจารณาให้มีการคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็กผู้ถูกกระทาหรือผู้กระทาความผิด ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็กแทนการลงโทษก็ได้ ในการพิจารณาของศาล ให้คานึงถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรม สุขภาพ ภาวะแห่งจิต นิสัย อาชีพ สิ่งแวดล้อมของผู้กระทาความผิด และเด็กผู้ถูกกระทา ความสัมพันธ์ระหว่างผู้กระทาความผิดกับเด็กผู้ถูกกระทา หรือเหตุอื่นอันควรเพื่อประโยชน์ ของเดก็ ผู้ถกู กระทาด้วย ในกรณีท่ีได้มีการดาเนินการคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็กผู้ถูกกระทาหรือผู้กระทาความผิด ตามกฎหมายว่าด้วยการคมุ้ ครองเด็กแล้ว ผู้กระทาความผิดไม่ต้องรับโทษ แต่ถา้ การคุ้มครองสวัสดภิ าพดงั กล่าว ไม่สาเร็จ ศาลจะลงโทษผู้กระทาความผิดน้อยกว่าท่ีกฎหมายกาหนดไว้สาหรับความผิดนั้นเพียงใดก็ได้ ในการ พิจารณาของศาล ใหค้ านงึ ถงึ เหตตุ ามวรรคห้าดว้ ย”
ณ ปรับใช้ในการพิจารณาดาเนินคดโี ดยให้คานึงถึงอายุ ประวัติ ความประพฤติ สตปิ ัญญา การศึกษา อบรม สุขภาพ ภาวะแห่งจิต นิสัย อาชีพ สิ่งแวดล้อมของผู้ต้องหาและเด็กผู้ถูกกระทา ความสัมพันธ์ระหว่าง ผู้ต้องหาและเด็กผู้ถูกกระทา หรือเหตุอ่ืนอันควรเพ่ือประโยชน์ของเด็กผู้ถูกกระทาและผู้ต้องหา โดยปรับใช้ ในการตคี วามของกระบวนการสืบสวน สอบสวน และการพิจารณาคดี ได้แก่ ๑) มาตรา ๒๗๙ ความผดิ ฐานพาเดก็ ไปเพอ่ื อนาจาร ๒) มาตรา ๒๘๓ ทวิ ความผิดฐานพาไปเพอื่ อนาจาร ๓) มาตรา ๓๑๗ ความผดิ ฐานพรากเด็ก ๔) มาตรา ๓๑๙ ความผิดฐานพรากผเู้ ยาว์ ส่วนท่ี ๔ การกาหนดให้บทบัญญัติในประมวลกฎหมายอาญา ลักษณะ ๙ ความผิดเกี่ยวกับเพศ เปน็ คดแี พ่งท่เี ก่ียวเนอ่ื งกบั คดีอาญา ตามประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความอาญา ถึ ง แ ม้ ว่ า กฎหมายจะได้ มี การก าหนดสิ ทธิ ของผู้ เสี ยหายในการเรี ยกร้ องค่ าสิ นไหม ท ด แ ท น จากผู้กระทาความผดิ เอาไวแ้ ล้ว แต่ข้อเท็จจริงกลับปรากฏวา่ มีผเู้ สยี หายที่ทราบถงึ สทิ ธดิ ังกล่าวอยู่น้อยมาก ดังน้ัน จึงควรมีการพิจารณาแนวทางการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายและการเข้าถึงกระบวนการ ยุติธรรม ในการแจ้งสิทธิให้ผู้เสียหายได้รับทราบถึงสิทธิในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจาเลย (หมายถึงผู้กระทา ความผิดเม่ือถูกฟ้องคดี) และการจัดหาทนายอาสาเพ่ือให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายในการยื่นคาร้องต่อศาล เพื่อเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน เนื่องจากผู้เสียหายบางส่วนไม่ทราบว่าตนมีสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน จากจาเลย และบางสว่ นไมม่ ที ุนทรัพย์ท่จี ะจา้ งทนายความเพ่ือดาเนินการ ดังน้ัน ควรจัดทาคู่มือเพ่ือเผยแพร่ความรู้ให้แก่ประชาชนทราบถึงสิทธิในการเรียกร้อง ค่าสินไหมทดแทนจากการกระทาความผิดเกี่ยวกับเพศ และสิทธิที่จะได้รับความช่วยเหลือทางกฎหมาย นอกจากน้ี ควรแจ้งสิทธิให้ผู้เสียหายได้รับทราบถึงสิทธิในการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากจาเลย และการจัดหาทนายอาสา เพ่ือให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายในการย่ืนคาร้องต่อศาลเพ่ือเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน โดยกาหนดให้เป็นหน้าที่ พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการแจ้งให้ผู้เสียหายทราบในโอกาสแรกถึงสิทธิ ที่จะเรียกค่าสินไหมทดแทน อันเนื่องมาจากการกระทาความผิดเกี่ยวกับเพศ และสิทธิท่ีจะได้รับความช่วยเหลือทางกฎหมาย โดยอ้างอิงจาก การแจ้งสิทธิให้ผู้เสียหายทราบ ตามพระราชบญั ญัติป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๓๔ ที่มีการกาหนดไว้ว่า “เพื่อประโยชน์ในการช่วยเหลือผู้เสียหาย ให้พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการแจ้งให้ ผู้เสียหายทราบในโอกาสแรกถึงสิทธิท่ีจะเรียกค่าสินไหมทดแทนอันเนื่องมาจากการกระทาความผิดฐานค้ามนุษย์ และสิทธิที่จะได้รับความช่วยเหลือทางกฎหมาย” ซ่ึงเห็นว่าสามารถนาไปปรับใช้กับความผิดเก่ียวกับเพศ ตามประมวลกฎหมายอาญา โดยให้พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการมีหน้าท่ีแจ้งให้ผู้เสียหายทราบถึงสิทธิ ทีจ่ ะเรยี กรอ้ งค่าสินไหมทดแทนจากจาเลยได้ อีกกรณีหนึ่งในความผิดเก่ียวกับเพศ ลักษณะ ๙ ของประมวลกฎหมายอาญา ฐานความผิดดังกล่าว เม่ือพนักงานอัยการย่ืนฟ้องคดีอาญา ให้ผู้เสียหายมีสิทธิเรียกค่าสินไหมทดแทน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา ๔๔/๑ โดยขอใหเ้ พิ่มเติมมาตรา ๔๔/๑ ดังกล่าว เป็นวรรคทา้ ยวา่ “ในกรณีความผิดเกี่ยวกับเพศ ตามประมวลกฎหมายอาญา ให้พนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการ แจ้งใหผ้ ู้เสียหายทราบในโอกาสแรกถึงสิทธิ ท่ีจะเรยี กค่าสินไหมทดแทนอนั เนื่องมาจากการกระทาความผดิ และสิทธิทจ่ี ะไดร้ ับความช่วยเหลือทางกฎหมาย” ส่วนที่ ๕ การสืบพยานไว้ก่อนตามมาตรา ๒๓๗ ทวิ แหง่ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา คณะกรรมาธิการวิสามัญได้พิจารณาเกี่ยวกับการสืบพยานไว้ก่อนตามมาตรา ๒๓๗ ทวิ ท้ังในกรณี ที่เป็นมุมมองด้านสภาพจิตใจของผู้เสียหายหรือพยาน และข้อกังวลเกี่ยวกับผลกระทบท่ีเกิดจากการสืบพยานไว้ก่อน ซึง่ จะทาใหเ้ กดิ การไดเ้ ปรียบเสยี เปรียบในรูปคดีของคคู่ วาม โดยไดต้ ั้งขอ้ สงั เกต ดงั นี้
ด ๑) การสืบพยานไว้ก่อนจาเป็นต้องคานึงถึงสภาพจิตใจของเด็กหรือผู้เสียหายที่ต้องมานาสืบพยาน ในชั้นศาลด้วยว่ามีความพร้อมหรือไม่ นอกจากนี้ การสืบพยานเด็กในคดีความผิดเก่ียวกับเพศนั้น กฎหมาย กาหนดให้ต้องมนี กั จิตวทิ ยา หรือนกั สงั คมสงเคราะห์ บุคคลที่เด็กรอ้ งขอ และพนกั งานอัยการรว่ มอย่ดู ว้ ยเสมอ ๒) การสืบพยานต้องไม่ลืมว่าผู้เสียหายที่เป็นเด็กในฐานะพยาน จะต้องถูกทนายความฝ่ายจาเลย ถามค้าน ซึ่งหากเร่งนาเด็กมาสืบพยานในช้ันศาลโดยที่เด็กไม่มีความพร้อม จะทาให้เด็กยิ่งตื่นกลัวไม่เป็นผลดี ต่อรูปคดีของเด็ก และยังเป็นการเปิดโอกาสให้ทนายความฝ่ายจาเลยเตรียมข้อมูลเพื่อนามาซักค้านในชั้น การพิจารณาคดีในภายหลัง ซึ่งจะทาให้ฝ่ายจาเลยได้เปรียบมากกว่า จึงควรให้เป็นไปตามข้ันตอนของการดาเนิน กระบวนการทางอาญาในรูปแบบเดิม หรือหากจะให้มีการดาเนินการเร็วท่ีสุดก็ควรรอให้พนักงานสอบสวน จดั ทาสานวนการสอบสวนให้แล้วเสร็จเสยี กอ่ น ๓) การนาสืบพยานไว้ก่อนจะมีผลทาให้การคุม้ ครองผู้ตอ้ งหาหรือจาเลยมีข้อจากัดไปโดยปริยาย โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้ต้องหาหรือจาเลยหลบหนี อาจย่ิงทาให้การนาสืบข้อเท็จจริงหรือข้อต่อสู้ของฝ่ายจาเลย ไม่สามารถทาได้อย่างครบถ้วนแน่นอน อย่างไรก็ตาม การสืบพยานไว้ก่อนมีข้อดีคือ ผู้เสียหายเพิ่งผ่านเหตุการณ์ มาไม่นาน ทาให้ยังจาเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ดี ซึ่งหากปล่อยท้ิงไว้นานจะทาให้ความทรงจาเลือนราง และอาจถูก ฝ่ายจาเลยยื่นข้อเสนอหรือทาการยุ่งเหยิงกับพยาน ดังน้ัน หากจะนาการสืบพยานไว้ก่อนมาใช้กับการสืบพยานเด็ก ในคดีความผดิ เก่ียวกับเพศจะต้องมีการชั่งนา้ หนักระหวา่ งข้อดีและข้อเสยี ท่ีจะให้มีการสบื พยานไว้ก่อนด้วยเช่นกัน ๔) การสืบพยานไว้ก่อนควรเป็นเร่ืองที่ผู้เสียหายให้ความยินยอมพร้อมใจหรือความประสงค์ ของผูเ้ สียหายเอง โดยต้องมกี ารเตรยี มความพร้อมของผู้เสียหาย และซกั ซ้อมให้ผู้เสียหายมคี วามเข้าใจเกยี่ วกับ กระบวนการในการสืบพยานและการดาเนินคดีในชน้ั ศาล สว่ นท่ี ๖ การฟอ้ งรอ้ งเรยี กค่าเสยี หายทางแพ่งในคดีความผิดเกีย่ วกบั เพศ การพิจารณาให้มีการแก้ไขกฎหมายให้การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งในคดีความผิด เกี่ยวกับเพศไม่ควรมีอายุความ และในการพิจารณาคดีควรกาหนดคา่ เสยี หายในลักษณะท่ีเป็นค่าเสียหายเชิงลงโทษ ประเด็นสาคัญเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมกับการปอ้ งกันและแก้ไขปัญหาการข่มขนื กระทาชาเรา และการล่วงละเมดิ ทางเพศ ส่วนท่ี ๑ การนาเสนอสื่อข่าวหรือสื่อบันเทิงในรูปแบบต่าง ๆ เกี่ยวกับการข่มขืนกระทาชาเรา หรือการล่วงละเมดิ ทางเพศ ควรมีการจัดทาคู่มือมาตรฐานและแนวทางที่เหมาะสมในการนาเสนอข่าวเก่ียวกับการข่มขืน กระทาชาเรา และการล่วงละเมดิ ทางเพศของส่อื มวลชน ดังนี้ ๑) การนาเสนอข่าวเกี่ยวกับการข่มขืนกระทาชาเรา หรือการล่วงละเมิดทางเพศ ไม่ควรใช้คาว่า “เหยอ่ื ” แทนตวั “ผู้เสียหาย” ๒) ควรมีการคุ้มครองผู้เสียหายและญาติผู้เสียหายในการนาเสนอข่าวโดยไม่เปิดเผยใบหน้า และรายละเอียดขอ้ มลู สว่ นตัว เช่น ช่ือและท่ีอยู่ เปน็ ตน้ ๓) ควรมีมาตรการหรือข้อกฎหมายที่จะดาเนินคดีกับบุคคลท่ีเก่ียวข้องท่ีนาเสนอข่าว เพื่อคุ้มครอง สิทธิของผู้เสียหาย โดยเฉพาะการนาเสนอข่าวเก่ียวกับเด็ก หรือผู้ถูกกระทาด้วยความรุนแรงในครอบครัว ทีอ่ ยใู่ นการคมุ้ ครองดูแลของพนกั งานเจ้าหน้าท่ีตามพระราชบัญญัติคมุ้ ครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ หรือพระราชบญั ญัติ คุ้มครองผู้ถูกกระทาด้วยความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๐ หรือตามกฎหมายอ่ืนที่เกี่ยวขอ้ ง พนกั งานเจ้าหน้าที่ ตามกฎหมายดงั กล่าวควรเข้าไปยตุ ิการนาเสนอขา่ วหรอื ดาเนินการอน่ื ใดเพอ่ื เปน็ การปกปอ้ งคุ้มครองสิทธิและปอ้ งกัน ไม่ใหเ้ กดิ การละเมดิ แกเ่ ดก็ หรือผู้ถูกกระทาดว้ ยความรุนแรงในครอบครวั ที่อยู่ในความดูแลโดยทันที ๔) การนาเสนอขา่ วเก่ยี วกบั เพศไมค่ วรลงรายละเอียดมากเกินไป ๕) การนาเสนอข่าวเก่ียวกับการข่มขืน กระทาชาเรา หรือการล่วงละเมิดทางเพศ โดยไม่ได้กล่ันกรอง ควรมมี าตรการในการควบคมุ ส่อื ออนไลน์ทจี่ ดั ตั้งเพจข่าวเอง หรือสื่อท้องถ่ิน
ต ๖) การเผยแพร่ผลการกระทาของผู้กระทาผิดคดีทางเพศ ควรมีหน่วยงานเผยแพร่ว่าผู้กระทาผิด จะไดร้ บั การลงโทษในเรื่องใดบ้าง เพ่ือปอ้ งกนั พฤติกรรมการลอกเลียนแบบและการเกรงกลวั ที่จะกระทาความผดิ ๗) การนาเสนอส่ือบันเทิงในรูปแบบภาพยนตร์ ละคร รายการท่ัวไปในส่ือทุกประเภท ควรควบคุม การผลิต การนาเสนอเนื้อหาท่ีไม่เป็นการส่งเสริมการล่วงละเมิดหรือการคุกคามทางเพศ หรือการมองเรื่อง การคุกคามทางเพศเปน็ เรอ่ื งปกติ โดยการจัดทาเน้ือหาภายในคู่มือมาตรฐานและแนวทางการนาเสนอข่าวเก่ียวกับการข่มขืน กระทาชาเราและการล่วงละเมิดทางเพศของส่ือมวลชน จะต้องนากฎหมายและมาตรการอื่นที่เก่ียวข้องกับ การนาเสนอข่าวของสื่อมวลชนท่ีเป็นการละเมิดสิทธิผู้เสียหายจากการกระทาความผิดเก่ียวกับเพศ มาพิจารณา เป็นแนวทางในการจัดทา ส่วนที่ ๒ ข้อกฎหมายเกี่ยวกับการจัดเก็บตัวอย่างสารพันธุกรรม (DNA) และการลงทะเบียนข้อมูล ของผู้ตอ้ งขังคดีความผิดเกี่ยวกบั เพศ ควรพิจารณาศกึ ษาถงึ ข้อดีและข้อเสยี ในทางปฏบิ ตั อิ ย่างละเอยี ดรอบคอบ ในประเด็นดงั ต่อไปน้ี ๑) การจัดเก็บตัวอย่างสารพันธุกรรม หรือ DNA ของผู้ต้องขังคดีความผิดเกี่ยวกับเพศ ได้เสนอให้มี การจัดเก็บตัวอย่าง DNA ของผู้ต้องขังในคดีความผิดเกี่ยวกับเพศทุกคน เพื่อเป็นฐานข้อมูลในการติดตาม และเฝ้าระวังไม่ให้เกิดการกระทาความผิดซ้าหลังจากท่ีได้รับการปล่อยตัวเมื่อพ้นโทษ รวมถึงควรผลักดัน ให้มีการพิจารณาออกกฎหมายรับรองการจัดเก็บ DNA ของผู้ต้องขังเพ่ือให้มีผลบังคับใช้ในทางปฏิบัติอย่างจริงจัง และเพื่อเป็นการป้องกันการกระทาความผิดซ้า ท้ังน้ี หน่วยงานท่ีจะเป็นผู้จัดเก็บ เช่น สานักงานนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยตุ ธิ รรม เปน็ ตน้ ๒) การลงทะเบียนและการเปิดเผยข้อมูลของผู้ต้องขังคดีความผิดเก่ียวกับเพศท่ีได้รับการปล่อยตัว หลังจากการพ้นโทษ โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล การโยกย้ายถ่ินท่ีอยู่ของอดีต ผตู้ อ้ งขงั ท่ีคาดหมายได้วา่ จะเกิดข้นึ ในอนาคต และความพร้อมของหน่วยงานทเ่ี ป็นผปู้ ฏบิ ัติ ส่วนที่ ๓ มาตรการเก่ียวกับการดาเนินการทางวินัยแก่ข้าราชการครู บุคลากรทางการศึกษา และเจ้าหนา้ ท่ีของรัฐ กรณีการล่วงละเมิดทางเพศต่อนกั เรยี นและผู้อยู่ในความดแู ล ๑) แนวทางการพิจารณาโทษข้าราชการครูกระทาผิดวินัย กรณีประพฤติช่ัวทางเพศ ซึ่งคู่กรณี เป็นครูชายโสดกับสตรีโสด โดยมีพฤติกรรมคือ ร่วมประเวณีโดยข่มขืนแล้วจดทะเบียนสมรส แนวทางพิจารณาโทษ ข้าราชการครูกระทาผิดวินัยโดยกาหนดระดับความผิดไว้ว่าไม่ร้ายแรง ซึ่งการพิจารณาปรับความผิดในพฤติกรรม ดังกล่าว ควรปรับระดับความผิดเป็นร้ายแรง ตามประมวลกฎหมายอาญาท่ีถือเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ท่ีไม่สามารถยอมความได้ ดังนั้น กระทรวงศึกษาธิการควรปรับปรุงแนวทางการพิจารณาโทษข้าราชการครู กระทาผิดวินัยในพฤติการณ์ดังกล่าวให้ถือว่ามีระดับความผิดร้ายแรงและระดับโทษเป็นปลดออกหรือไล่ออก โดยใหน้ าแนวทางพิจารณาดงั กล่าวไปใชก้ ับหน่วยงานราชการทุกหนว่ ยงาน โดยปรับบทความผิดตามประมวล กฎหมายอาญา ๒) กระบวนการดาเนินการทางวินัยแก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในสานักงาน เขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งจะมีการสืบสวนหรือพิจารณาเบ้ืองต้น หากกรณีอันมีมูลท่ีควรกล่าวหาว่ากระทาผิดวินัย โดยจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยในกรณีกระทาผิดวินัยไม่ร้ายแรงตามมาตรา ๒๔ และมาตรา ๙๘ วรรคหนึ่ง และกรณีกระทาผดิ วินยั อยา่ งรา้ ยแรงตามมาตรา ๕๓ แหง่ พระราชบญั ญตั ิระเบียบข้าราชการครแู ละบุคลากร ทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๗ ดังนั้น การพิจารณาแต่งต้ังบุคคลเพ่ือเป็นคณะกรรมการสอบสวน ควรมีการออก ระเบียบหรือกฎเพ่ือเป็นหลักเกณฑ์การแต่งต้ังบุคคลเป็นคณะกรรมการ โดยคานึงถึงสัดส่วนกรรมการสอบสวนวินัย ให้มนี ักจติ วิทยา นกั สังคมสงเคราะห์ หรือครูแนะแนว เข้าร่วมเปน็ กรรมการในการพจิ ารณาสอบสวนด้วย
ถ ๓) ควรมีการเผยแพร่บทสรุปของผลการดาเนินการทางวินัยในการกระทาความผิดเกี่ยวกับเพศ ของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาให้ประชาชนได้รับทราบ เพ่ือเป็นกรณีตัวอย่างให้สังคมได้รับทราบ และตระหนกั ถงึ ผลกระทบทจี่ ะเกดิ ขน้ึ ส่วนท่ี ๔ การให้ความชว่ ยเหลือและเยยี วยาแกผ่ ูเ้ สยี หายจากการกระทาความผิดเกี่ยวกบั เพศ คณะกรรมาธิการวิสามัญมีข้อสังเกตเก่ียวกับการให้ความช่วยเหลือและเยียวยาแก่ผู้เสียหาย จากการกระทาความผิดเก่ียวกับเพศต่อกรมคมุ้ ครองสทิ ธิและเสรีภาพ กระทรวงยตุ ิธรรม ดังน้ี ๑) ควรพจิ ารณากาหนดเพิม่ เติมประเภทค่าตอบแทนของผู้เสียหายในคดีอาญา อีก ๒ ประเภท ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการดาเนินการของผู้ปกครองกรณีท่ผี ู้เสยี หายเป็นผู้เยาว์ โดยให้นาข้อกฎหมายเรอ่ื งค่าสินไหมทดแทน กรณีละเมิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาปรับใช้ในการพิจารณา ได้แก่ ค่าเสียหายอันจะพึงบังคับ ให้ใช้เพื่อความเสียหายอย่างใด ๆ อันได้ก่อข้ึนน้ันด้วย และค่าใช้จ่ายท่ีเกินจากข้ันต่าของค่าใช้จ่ายที่กฎหมาย กาหนดไว้ ๒) ควรพิจารณาแก้ไขหลักเกณฑ์ในการย่ืนคาร้องโดยอานวยความสะดวกในกรณีท่ีเป็นเอกสาร ที่ต้องออกจากหน่วยงานของรัฐ และกรณีที่ผู้ร้องไม่สามารถย่ืนเอกสารได้เนื่องจากมีหลายขั้นตอน โดยควร พิจารณาทบทวนการออกระเบียบของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เพ่ืออานวยความสะดวกแก่ผู้ยื่นคาร้อง ในคดีอาญา กรณีวิธีการยื่นคาร้องขอรับค่าตอบแทน โดยเพิ่มช่องทางในการย่ืนคาร้อง เช่น การส่งเอกสาร ทางจดหมายอิเลก็ ทรอนกิ ส์ เป็นต้น นอกจากน้ี คณะกรรมาธิการวิสามัญได้มีข้อสังเกตเกี่ยวกับแนวทางการเรียกร้องค่าเสียหาย ของแรงงานต่างด้าวที่ตกเป็นผ้เู สยี หายในคดีอาญา ดังนี้ ๑) คณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จาเลย ในคดีอาญา ในส่วนของกรมค้มุ ครองสิทธิและเสรีภาพ ควรมีการพิจารณาทบทวนแก้ไขระเบียบเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ และวิธีการจ่ายเงินให้แก่ผู้เข้าเมืองโดยผิดกฎหมายท่ีต้องตกเป็นผู้เสียหายในคดีอาญา ที่ผู้เสียหายดังกล่าว พงึ ได้รับการคุ้มครองและเยียวยาตามสิทธิของผู้เสียหาย ไม่ว่าขณะน้นั ผู้เสียหายจะตกอยู่ในสถานะใด จะมกี าร เข้าเมืองท่ีถูกกฎหมายหรือไม่ เนื่องจากกระบวนการเรียกร้องเงินเยียวยาตามสิทธิของผู้เสียหายในคดีอาญา กับการดาเนินคดีต่อผู้เสียหายท่ีเป็นผู้กระทาความผิดฐานเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเป็นการดาเนินการ คนละส่วนกนั ๒) กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ควรช้ีแจงถึงเหตุผลและความจาเป็นเพื่อขอให้สานักงบประมาณ จัดสรรงบให้ครอบคลุมจานวนเงินเยียวยาท่ีค้างจ่ายให้แก่ผู้เสียหายทั้งหมด รวมถึงขอเงินสารองเผื่อเหลือเผ่ือขาด ไว้ใช้ในการสนับสนุนการดาเนินงาน เพ่ือท่ีจะได้ไม่กระทบต่อวงเงินงบประมาณในการบริหารจดั การในแต่ละปี และเพอ่ื ใหก้ ารบรรเทาความเดอื ดร้อนให้แกผ่ ้เู สยี หายเป็นไปอย่างมปี ระสิทธภิ าพ ๓) กระทรวงมหาดไทย ควรมีการศึกษาหาแนวทางผ่อนผันการดาเนินคดีแก่ผู้เสียหายตามกฎหมาย ว่าด้วยคนเขา้ เมือง เพ่ือใหผ้ ู้เสียหายสามารถจัดการให้สถานะความเป็นผู้เสียหายนั้นสิ้นสุดลงก่อนที่จะถกู ดาเนินคดี ทางกฎหมายในสถานะของผกู้ ระทาความผดิ ฐานเขา้ เมืองโดยผิดกฎหมายต่อไป ส่วนท่ี ๕ ขอบเขตของกฎหมายเกีย่ วกบั อุปกรณ์เซ็กสท์ อย (Sex Toy) และสอื่ ลามกอนาจาร ประเด็นขอบเขตของกฎหมายเก่ียวกับการซื้อขายอุปกรณ์เซ็กส์ทอย (Sex Toy) และส่ือลามก อนาจาร คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาว่า ยังไม่มีงานวิจัยใดที่สนับสนุนผลอย่างเป็นทางการว่า การใช้ อุปกรณ์เซ็กส์ทอย (Sex Toy) และส่ือลามกอนาจาร จะช่วยป้องกันหรือแก้ไขปัญหาการข่มขืนกระทาชาเรา หรือการล่วงละเมิดทางเพศได้โดยตรง ประกอบกับข้อเท็จจริงท่ีเกิดขึ้นในคดีความผิดเกี่ยวกับเพศที่ผู้กระทา ความผิดมกั จะลงมอื กระทาผดิ ด้วยตนเองโดยไม่มกี ารใช้อุปกรณ์ดงั กลา่ ว
ท ส่วนท่ี ๖ แนวทางการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ผู้เสียหายในความผิดเก่ียวกับเพศ รวมถึง มาตรการดาเนินการกบั ทนายความในกรณีไม่ให้ความชว่ ยเหลือหรือทอดท้ิงผ้เู สียหายในระหวา่ งการดาเนนิ คดี ควรต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบโดยท่ัวถึงกันเกี่ยวกับการติดต่อขอรับความช่วยเหลือ ทางกฎหมาย โดยช่องทางในการติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ เชน่ สานักงานยุติธรรมจังหวัด สานักงานคุ้มครองสิทธิ และช่วยเหลอื ทางกฎหมายแก่ประชาชน สานักงานอยั การสูงสุด หรือสภาทนายความประจาจังหวดั และกรณี หากทนายความทอดทงิ้ คดีสามารถรอ้ งเรียนได้ท่สี ภาทนายความประจาจงั หวัด หรอื สภาทนายความแหง่ ประเทศไทย สว่ นท่ี ๗ สภาพปัญหาและอปุ สรรคของผู้เสยี หายในคดีความผิดเกี่ยวกับเพศในช้ันพนักงานสอบสวน คณะกรรมาธิการวิสามัญได้มีข้อสังเกตในการดาเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาเก่ียวกับการสอบสวน คดคี วามผิดเกี่ยวกับเพศในชนั้ พนักงานสอบสวน ดงั น้ี ๑) ให้มีการจดั หรอื ปรับปรุงห้องสอบสวนผเู้ สยี หายในคดีความผิดเก่ยี วกับเพศไวเ้ ป็นการเฉพาะ ๒) ให้มีการปรับปรุงระบบการสอบสวน โดยให้พนักงานสอบสวนคานึงถึงความละเอียดอ่อน ของคดีความผิดเก่ียวกับเพศ และมีนักจิตวิทยาหรือนักสังคมสงเคราะห์ในการสอบสวนและการดาเนินคดี เพื่อปอ้ งกนั การลว่ งละเมิดซ้าต่อผเู้ สยี หาย ๓) ให้มีการสนับสนุนศูนย์ปฏิบัติการหรือหนว่ ยงานท่ีรับผิดชอบคดีความผิดเกี่ยวกับเพศทมี่ ีอยู่แล้ว ในจงั หวัด สามารถทาหนา้ ทไี่ ดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพมากขน้ึ
รายงานของคณะกรรมาธิการวสิ ามญั พิจารณาศกึ ษาแนวทางป้องกนั และแก้ไขปัญหาการข่มขืนกระทาชาเราและการลว่ งละเมดิ ทางเพศ สภาผแู้ ทนราษฎร ตามที่ท่ีประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี ๒๕ ปีที่ ๑ ครั้งท่ี ๑๖ (สมัยสามัญประจาปีครั้งท่ีสอง) วันพฤหัสบดีท่ี ๒๖ ธนั วาคม ๒๕๖๒ ทป่ี ระชุมได้พจิ ารณาญัตตดิ ว่ น เรอ่ื ง ขอใหส้ ภาผูแ้ ทนราษฎรตงั้ คณะกรรมาธกิ าร วิสามัญพิจารณาศึกษาหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการข่มขืนกระทาชาเรา (นางสาวพัชรินทร์ ซาศิริพงษ์ เป็นผู้เสนอ) ญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาต้ังคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา หาแนวทางและมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาเก่ียวกับการข่มขืนกระทาชาเราและการล่วงละเมิดทางเพศ (นางสาวอนุสรี ทับสุวรรณ เป็นผู้เสนอ) ญัตติด่วน เร่ือง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรต้ังคณะกรรมาธิการวิสามัญ พจิ ารณาศึกษาหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาเก่ียวกับการล่วงละเมิดทางเพศและการข่มขืนกระทาชาเรา (ศาสตราจารย์โกวิทย์ พวงงาม เป็นผู้เสนอ) ญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงในสังคมและการข่มขืนกระทาชาเรา (นางสาวมัลลิกา จิระพันธ์วุ าณิช เป็นผู้เสนอ) และญัตติด่วน เร่ือง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษา แนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาอาชญากรรมการฆ่าข่มขืนกระทาชาเรา (นางสาวสุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ กับคณะ เป็นผู้เสนอ) และลงมติต้ังคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นคณะหนึ่งเพ่ือพิจารณาศึกษาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหา การข่มขืนกระทาชาเราและการล่วงละเมิดทางเพศ โดยได้กาหนดระยะเวลาพิจารณาศึกษาไว้ ๖๐ วัน ต่อมา คณะกรรมาธิการวิสามัญได้มีมติขยายระยะเวลาในการดาเนินงานออกไปอีกสองคร้ัง คือ คร้ังท่ี ๑ ขยายระยะเวลา ออกไป ๙๐ วนั โดยส้ินสุดในวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๓ และคร้ังท่ี ๒ ขยายระยะเวลาออกไป ๙๐ วัน โดยสิน้ สุด ในวันท่ี ๒๒ สงิ หาคม ๒๕๖๓ นัน้ บัดนี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญ ได้ดาเนินการพิจารณาศึกษาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหา การขม่ ขืนกระทาชาเราและการลว่ งละเมดิ ทางเพศเสร็จเรยี บรอ้ ยแล้ว ซ่ึงปรากฏผล ดังนี้ ๑. การดาเนนิ งาน ๑.๑ คณะกรรมาธกิ ารวสิ ามัญได้มมี ติเลอื กตงั้ (๑) ศาสตราจารยโ์ กวิทย์ พวงงาม ประธานคณะกรรมาธิการ (๒) นายวิสษิ ฐ์ เตชะธรี าวฒั น์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนทีห่ นึ่ง (๓) นางพรรณสิริ กลุ นาถศริ ิ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนท่ีสอง (๔) นายณฐั วฒุ ิ บวั ประทมุ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนทสี่ าม (๕) นางผุสดี ตามไท รองประธานคณะกรรมาธิการ คนทส่ี ี่ (๖) นายกิตตศิ ักดิ์ คณาสวสั ดิ์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนทห่ี า้ (๗) นายภูมิศษิ ฏ์ คงมี รองประธานคณะกรรมาธิการ คนท่หี ก
-๒- (๘) นางสาวพัชรนิ ทร์ ซาศิรพิ งษ์ เลขานุการคณะกรรมาธิการ (๙) นางสาวกิตต์ิธัญญา วาจาดี เลขานกุ ารคณะกรรมาธิการ (๑๐) นางสาวจฑุ าฑตั ต เหล่าธรรมทศั น์ เลขานกุ ารคณะกรรมาธิการ (๑๑) นางสาวกานตก์ นษิ ฐ์ แห้วสันตติ เลขานกุ ารคณะกรรมาธิการ (๑๒) นายจักรพนั ธ์ พรนิมิตร โฆษกคณะกรรมาธกิ าร (๑๓) นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ โฆษกคณะกรรมาธิการ (๑๔) นายตรรี ตั น์ ศริ ิจนั ทโรภาส โฆษกคณะกรรมาธกิ าร (๑๕) นายศรัญ ฤกษ์อัตการ โฆษกคณะกรรมาธกิ าร (๑๖) นางสาวศิลมั พา เลิศนุวัฒน์ โฆษกคณะกรรมาธิการ (๑๗) นางสาววภิ าวัลย์ วรวรรณปรชี า โฆษกคณะกรรมาธิการ (๑๘) นางสาวอุษณี กงั วารจิตต์ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธกิ าร (๑๙) รองศาสตราจารยส์ ณุ ยี ์ กลั ยะจิตร ท่ีปรกึ ษาคณะกรรมาธิการ (๒๐) ผชู้ ่วยศาสตราจารย์ พันตารวจโทหญงิ ศพิ ร โกวทิ ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธกิ าร (๒๑) นายเถกิง ศักดานวุ งศ์ ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธิการ (๒๒) นายธนิตพล ไชยนนั ทน์ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ (๒๓) นายอุดมศักดิ์ ศรสี ทุ ิวา ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธิการ (๒๔) นางสาวลลี าวดี วชั โรบล ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธกิ าร (๒๕) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ (๒๖) นายวัลลภ นาคบัว ที่ปรกึ ษาคณะกรรมาธิการ (๒๗) พลตารวจตรสี รุ ชาติ จึงดารงกิจ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ (๒๘) นายวิทยา พานชิ พงศ์ ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธิการ (๒๙) นายภทั ร ภมรมนตรี ทป่ี รกึ ษาคณะกรรมาธกิ าร (๓๐) นายสุพล บริสุทธ์ิ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการ (๓๑) นางสาวกลุ วลี นพอมรบดี กรรมาธกิ าร (๓๒) นางสาวจติ ภสั ร์ ตน๊ั กฤดากร กรรมาธกิ าร (๓๓) นายชยั ยันต์ ผลสวุ รรณ์ กรรมาธกิ าร (๓๔) นางดษุ ฎี นามวเิ ศษ กรรมาธิการ (๓๕) นางสาวทศั นีย์ บูรณปุ กรณ์ กรรมาธิการ (๓๖) นางเทียบจุฑา ขาวขา กรรมาธกิ าร (๓๗) นางสาวแนน บณุ ย์ธดิ า สมชัย กรรมาธกิ าร (๓๘) นางสาวเบญจา แสงจนั ทร์ กรรมาธกิ าร (๓๙) นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล กรรมาธิการ (๔๐) นายพษิ ณุ พลธี กรรมาธิการ (๔๑) นางเภาพงา สทุ ธิมณฑล กรรมาธกิ าร (๔๒) นางสาวมัลลิกา จริ ะพนั ธ์ุวาณชิ กรรมาธิการ (๔๓) นางสาวรววิ รรณ จตุรพธิ พร กรรมาธิการ (๔๔) นายเลิศศกั ดิ์ พัฒนชัยกลุ กรรมาธิการ (๔๕) นายวรณฐั ศรีสรุ ิยชยั กรรมาธกิ าร
-๓- (๔๖) นายวสันต์ กล้าแท้ กรรมาธิการ (๔๗) นายวาโย อศั วรงุ่ เรือง กรรมาธกิ าร (๔๘) นายศภุ ณัฐ อม่ิ ทอง กรรมาธิการ (๔๙) นางสาวสุเพ็ญศรี พงึ่ โคกสูง กรรมาธิการ อนึ่ง เม่ือวันท่ี ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ นางสาวจิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร ได้พ้นจากเป็น กรรมาธิการวิสามัญ เพราะลาออก และในคราวประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดท่ี ๒๕ ปีที่ ๑ ครั้งท่ี ๒๙ (สมัยสามัญ ประจาปีครั้งที่สอง) วันพุธท่ี ๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓ ท่ีประชุมเห็นชอบให้ต้ัง นางสาวสุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ เป็นกรรมาธิการวิสามัญในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาการข่มขืน กระทาชาเราและการล่วงละเมดิ ทางเพศ แทนตาแหนง่ ท่วี า่ ง ๑.๒ คณะกรรมาธกิ ารวิสามัญได้มีมตติ ั้งท่ีปรึกษาคณะกรรมาธกิ ารวิสามญั คอื (๑) นางสาวปนัดดา วงศ์ผ้ดู ี (๒) นางสาวภคอร จนั ทรคณา (๓) นายธเนษฐ เศรษฐาวาณิช (๔) นางสาวกวนิ นาถ ตาคยี ์ (๕) นางสาวเพชรชมพู กจิ บูรณะ (๖) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทยพ์ ันธ์ศกั ด์ิ ศกุ ระฤกษ์ (๗) นายชนวฒั น์ สทิ ธธิ รู ณ์ (๘) นางสาววริศรา ศริ สิ ุทธเิ ดชา (๙) นายอุดมศักดิ์ โหมดมว่ ง (๑๐) นางสาวปุณณรีย์ ปยิ าศษิ ฏ์สกุล (๑๑) นายศุภกร ปุญญฤทธิ์ (๑๒) พนั ตารวจโทหญิง ณฐั ิกา กีรติธรรมกฤต (๑๓) นางสาวพัชราพรรณ นาคพงษ์ (๑๔) นายธเนศ เกษศลิ ป์ ๑.๓ คณะกรรมาธิการวิสามัญได้มีมติแต่งตั้ง นางสาวมณฑิชา ผลหาญ นิติกรชานาญการพิเศษ กลุ่มงานคณะกรรมาธกิ ารกิจการเดก็ เยาวชน สตรี ผ้สู งู อายแุ ละผ้พู กิ าร สานกั กรรมาธิการ ๓ ปฏิบัติหน้าท่ี เป็นผู้ช่วยเลขานุการประจาคณะกรรมาธิการ ตามข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ขอ้ ๙๓ วรรคส่ี ๑.๔ คณะกรรมาธิการวิสามัญได้มีมติตั้งคณะอนุกรรมาธิการ จานวน ๒ คณะ เพื่อทา หน้าท่ีพิจารณาศึกษาสถานการณ์ กระบวนการยุติธรรมและกฎหมายท่ีเกี่ยวข้องกับการป้องกันและแก้ไข ปญั หาการขม่ ขืนกระทาชาเราและการล่วงละเมดิ ทางเพศ ทัง้ น้ี ตามข้อบงั คับการประชมุ สภาผ้แู ทนราษฎร พ.ศ. ๒๕๖๒ ข้อ ๙๖ ดังน้ี (๑) คณะอนุกรรมาธิการศึกษาสถานการณ์ การป้องกันและแก้ไขปัญหาการข่มขืน กระทาชาเราและการล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งอนุกรรมาธิการคณะนี้ ประกอบดว้ ย ๑) นายกิตติศกั ดิ์ คณาสวสั ด์ิ ประธานคณะอนกุ รรมาธกิ าร ๒) นางสาวอุษณี กังวารจิตต์ รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่หนงึ่
-๔- ๓) รองศาสตราจารย์สณุ ีย์ กลั ยะจติ ร รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่สอง ๔) นางสาวสเุ พญ็ ศรี พ่ึงโคกสงู เลขานกุ ารคณะอนกุ รรมาธิการ ๕) นางสาวรววิ รรณ จตรุ พธิ พร โฆษกคณะอนกุ รรมาธกิ าร ๖) นายเถกิง ศกั ดานวุ งศ์ อนุกรรมาธิการ ๗) นางสาวภคอร จนั ทรคณา อนกุ รรมาธิการ ๘) นางสาวฐาปนี โปร่งรัศมี อนกุ รรมาธกิ าร ๙) นายสุพล บรสิ ทุ ธิ์ อนกุ รรมาธกิ าร ๑๐) นายปรเมษฐ์ โมลี อนุกรรมาธิการ (๒) คณะอนุกรรมาธิการศึกษากระบวนการยุติธรรมและกฎหมายที่เก่ียวข้องกับปัญหา การขม่ ขนื กระทาชาเราและการล่วงละเมดิ ทางเพศ ซ่ึงอนกุ รรมาธกิ ารคณะน้ี ประกอบดว้ ย ๑) นางสาวแนน บณุ ยธ์ ิดา สมชัย ประธานคณะอนุกรรมาธกิ าร ๒) นางสาวปนดั ดา วงศผ์ ู้ดี รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนทห่ี นึ่ง ๓) พันตารวจเอกหญงิ ปวีณา เอกฉตั ร รองประธานคณะอนุกรรมาธิการ คนที่สอง ๔) นายสวุ รรณ บัวโรย เลขานกุ ารคณะอนุกรรมาธกิ าร ๕) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พันตารวจโทหญงิ ศิพร โกวทิ อนกุ รรมาธิการ ๖) นางสาววริศรา ศิริสทุ ธิเดชา อนกุ รรมาธกิ าร ๗) นายศุภณฐั อ่ิมทอง อนกุ รรมาธิการ ๘) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พนั ตารวจเอก ศราวธุ โสมะเกษตริน อนกุ รรมาธกิ าร ๙) นางสาวสุณฐั ชา โล่สถาพรพพิ ิธ อนุกรรมาธกิ าร ๑๐) นายอุดมเกยี รติ อภนิ นั ทิกุล ปานมี อนุกรรมาธิการ ๒. ผ้ซู ง่ึ คณะรัฐมนตรีไดม้ อบหมายให้มาช้แี จงแสดงความคดิ เห็น คือ ๒.๑ กระทรวงการพัฒนาสงั คมและความมั่นคงของมนษุ ย์ (๑) นางสาวอรพินท์ ศักดิเ์ อย่ี ม รักษาการผเู้ ชีย่ วชาญเฉพาะด้านเด็ก (๒) นางสาวพัชรี ศุภดษิ ฐ์ นกั พฒั นาสังคมชานาญการพิเศษ (๓) นางอรยี าพร อรุณเนตร นักพัฒนาสังคมชานาญการพเิ ศษ (๔) นายพีรพงษ์ ใจหาญ นักสังคมสงเคราะห์ ๒.๒ กระทรวงยุตธิ รรม (๑) นางสาวสภิ าณี นาคสี นกั วชิ าการยุตธิ รรมชานาญการ (๒) นางสาววชั ราภรณ์ คัชมาตย์ เจ้าหนา้ ทีส่ นับสนนุ งานกฎหมาย ๒.๓ สานักงานศาลยุติธรรม (๑) นางสาวศริ พิ ร ลม้ิ ทองเจรญิ ผ้อู านวยการสานกั กฎหมาย และวชิ าการศาลยตุ ธิ รรม (๒) นายธรรมนูญ สงวนเชยี ว นิตกิ รชานาญการพเิ ศษ (๓) นางสาวอรณุ ี อนิ ทร์จยุ้ นติ ิกรชานาญการ
-๕- ๒.๔ สานักงานอยั การสูงสุด อยั การพิเศษฝา่ ยคดีอาญา ๔ นายสุรเชษฐ์ งามวงศ์ สานกั งานคดีอาญา รองผู้บังคับการตารวจนครบาล ๒.๕ สานกั งานตารวจแหง่ ชาติ กองบังคับการตารวจนครบาล ๑ (๑) พนั ตารวจเอก สุชาติ คล้ายจนั ทร์พงษ์ ผู้กากับการ (สอบสวน) (๒) พนั ตารวจเอก อัครชัย แชม่ ช้อย กองบังคับการสืบสวน สอบสวน (๓) วา่ ที่พันตารวจเอก วิสษิ ฐ์ วฒั นพงษ์พิทักษ์ กองบัญชาการตารวจนครบาล ผู้กากบั การ ฝ่ายอานวยการ ๓ (๔) ว่าทีพ่ ันตารวจเอก เอกชยั แสนสระดี กองบังคบั การอานวยการ (๕) พันตารวจโท รกั ษ์ชยตุ ม์ สายพร้อมญาติ กองบัญชาการตารวจนครบาล ผู้กากบั การ (๖) วา่ ที่ร้อยตารวจโทหญิง พศวจี ปราบพาล กลมุ่ งานตรวจสอบสานวน ๔ กองคดี รองผู้กากับการ ฝ่ายอานวยการ ๓ กองบังคบั การอานวยการ กองบัญชาการตารวจนครบาล รองสารวัตร กลุ่มงานตรวจสอบสานวน ๔ กองคดี ๓. ผ้ซู ่ึงคณะกรรมาธิการวิสามัญไดเ้ ชิญมาช้ีแจงแสดงความคดิ เหน็ คอื ๓.๑ กระทรวงศกึ ษาธกิ าร (๑) นางลาวัณย์ ตรเี นตร ศึกษานิเทศกเ์ ช่ยี วชาญ ปฏิบัติ หน้าทีท่ ี่ปรกึ ษาคณะกรรมการ การศกึ ษาขน้ั พ้ืนฐาน (๒) นายกาญจนมาโนชญ์ ขนุ กอง ศกึ ษานเิ ทศกช์ านาญการพิเศษ สานกั งานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพน้ื ฐาน (๓) นางสาววรพี รรณ วัชรางค์กลุ นกั วิเคราะห์นโยบายและแผน ชานาญการพิเศษ สานักงาน ปลัดกระทรวงศึกษาธกิ าร (๔) นายเฉลมิ ชยั วาสะสิริ นักวิชาการศกึ ษาชานาญการพเิ ศษ สานกั งานคณะกรรมการ สง่ เสริมการศึกษาเอกชน (๕) นางภัทราพรรณ เลง็ วัฒนากิจ นักวชิ าการศกึ ษาชานาญการพเิ ศษ สานกั งานคณะกรรมการ ส่งเสริมการศึกษาเอกชน
-๖- (๖) นางอจั นา สขุ กลา่ นักวิชาการศกึ ษาชานาญการ สานักงานคณะกรรมการ การอาชีวศึกษา ๓.๒ กระทรวงสาธารณสขุ (๑) นายแพทย์พรเพชร ปญั จปิยะกุล ผู้เชย่ี วชาญเฉพาะด้านบริหาร การสาธารณสุข (๒) นางสาวอชมิ า เกดิ กล้า นักวชิ าการสาธารณสุขชานาญการ ๓.๓ กรมพินจิ และคุ้มครองเด็กและเยาวชน (๑) นางสดุ าภรณ์ ชมชัย ผอู้ านวยการสถานพินิจ และคมุ้ ครองเด็กและเยาวชน จงั หวัดนครนายก (๒) นางสาววัชริน แม่นยา ผู้เชีย่ วชาญเฉพาะด้านการพฒั นา เด็กและเยาวชน (๓) นางสาววจิ ิตรา ทองพาน พนักงานคุมประพฤติ ชานาญการพเิ ศษ ๓.๔ กรมราชทัณฑ์ (๑) นายกติ ติพัฒน์ เดชะพหุล รองอธบิ ดีกรมราชทัณฑ์ (๒) นางสาววริศรา ศริ ิสุทธเิ ดชา ผูอ้ านวยการกลุม่ งานสง่ เสรมิ การศึกษาและพัฒนาจิตใจ กองพัฒนาพฤตินสิ ยั (๓) นางสาวจฑุ ารัตน์ จินตกานนท์ หวั หนา้ กลุ่มพฒั นาระบบ ดา้ นทัณฑป์ ฏบิ ัติ กองทณั ฑ์ปฏบิ ตั ิ (๔) นายธนบรู ณ์ จันทรมาลัย นักทัณฑวิทยาชานาญการ กองทณั ฑป์ ฏบิ ัติ ๓.๕ โรงพยาบาลตารวจ (๑) พนั ตารวจเอกหญิง วันเพญ็ ปรตี ยิ าธร พยาบาล (สบ ๔) กลุม่ งานพยาบาล (๒) พนั ตารวจโทหญิง วภิ า พงศ์จนั ทรว์ ิไล นักสงั คมสงเคราะห์ (สบ ๓) กลุ่มงานสังคมสงเคราะห์ ๓.๖ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลมิ พระเกยี รติ (๑) นายแพทย์ทศนัย พิพัฒนโ์ ชติธรรม นติ เิ วช (๒) พยาบาลวิชาชพี กาญจนา สมบัติศิรินันท์ หวั หนา้ งานพยาบาลสตู ินรเี วช (๓) นางสาวขนษิ ฐา บูรณพันศักด์ิ หัวหน้างานสังคมสงเคราะห์ ๓.๗ ศนู ยฝ์ ึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านกาญจนาภเิ ษก นางทชิ า ณ นคร ผู้อานวยการศูนย์ฝกึ และอบรมเด็ก และเยาวชนบ้านกาญจนาภเิ ษก
-๗- ๔. การพจิ ารณาของคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั คณะกรรมาธิการวิสามญั ได้มีการประชุมพิจารณาศึกษาเรื่อง แนวทางป้องกันและแก้ไขปญั หา การขม่ ขืนกระทาชาเราและการลว่ งละเมิดทางเพศ ซ่ึงสรปุ สาระสาคัญได้ ดงั น้ี ๔.๑ คณะกรรมาธิการวิสามญั ได้ประชุมพิจารณาศึกษาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาการข่มขืน กระทาชาเราและการล่วงละเมิดทางเพศ จานวน ๑๘ คร้ัง โดยเชิญหน่วยงานท่ีเก่ียวข้องมาร่วมประชุมเพ่ือให้ ขอ้ มลู ข้อเท็จจริง ตลอดจนชแ้ี จงแสดงความคิดเหน็ จานวน ๕ ครัง้ ครั้งท่ี ๑ วนั จนั ทร์ท่ี ๒๗ มกราคม ๒๕๖๓ ครงั้ ท่ี ๒ วนั จนั ทรท์ ี่ ๓ กมุ ภาพันธ์ ๒๕๖๓ ครั้งที่ ๓ วันจันทรท์ ี่ ๒ มีนาคม ๒๕๖๓ ครั้งท่ี ๔ วนั จันทร์ท่ี ๘ มิถนุ ายน ๒๕๖๓ ครง้ั ท่ี ๕ วนั จันทรท์ ่ี ๑๕ มถิ นุ ายน ๒๕๖๓ ๔.๒ คณะอนุกรรมาธิการศึกษาสถานการณ์ การป้องกันและแก้ไขปัญหาการข่มขืนกระทา ชาเราและการล่วงละเมิดทางเพศ ได้ประชุมพิจารณาศึกษาเกี่ยวกับสถานการณ์ปัญหาการข่มขืนกระทาชาเรา และการล่วงละเมิดทางเพศในประเทศไทย จานวน ๔ ครง้ั โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวขอ้ งมาร่วมประชุมเพ่ือให้ข้อมูล ขอ้ เทจ็ จรงิ ตลอดจนชีแ้ จงแสดงความคิดเห็น จานวน ๑ คร้งั คือ วันจันทร์ที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๖๓ ๔.๓ คณะอนุกรรมาธิการศึกษากระบวนการยตุ ธิ รรมและกฎหมายท่ีเกย่ี วขอ้ งกบั ปญั หาการข่มขืน กระทาชาเราและการล่วงละเมิดทางเพศ ได้ประชุมพิจารณาศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรมและกฎหมาย ท่เี กี่ยวข้องกบั ปัญหาการข่มขืนกระทาชาเราและการลว่ งละเมิดทางเพศ จานวน ๘ ครัง้ โดยเชิญหนว่ ยงานทเ่ี กย่ี วข้อง มาร่วมประชุมเพ่ือให้ข้อมูล ข้อเท็จจริง ตลอดจนช้ีแจงแสดงความคิดเห็น จานวน ๑ ครั้ง คือ วันอังคารท่ี ๑๐ มนี าคม ๒๕๖๓ ๔.๔ คณะกรรมาธิการวิสามัญได้พิจารณาศึกษาข้อเท็จจริงและรายละเอียดข้อมูลเรื่องนี้ จากเอกสาร ข้อมูล คาช้ีแจงจากหน่วยงานท่ีเกี่ยวข้อง รวมทั้งรายละเอียดจากแหลง่ ข้อมูลต่าง ๆ โดยนามาประกอบ การพิจารณาศึกษาขอ้ เทจ็ จรงิ ของคณะกรรมาธกิ ารวิสามัญ ๔.๕ คณะกรรมาธิการวสิ ามัญไดม้ ีมติเดินทางไปศึกษาดูงาน จานวน ๑ ครั้ง คือ โรงพยาบาลตารวจ วนั ศุกร์ท่ี ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ๕. ผลการพิจารณาศึกษาของคณะกรรมาธกิ ารวสิ ามญั คณะกรรมาธิการวิสามญั ได้จัดทารายงานผลการพิจารณาศึกษาแนวทางป้องกันและแกไ้ ขปญั หา การข่มขนื กระทาชาเราและการล่วงละเมิดทางเพศ ปรากฏผลการดาเนินการ ซึง่ สรปุ ได้ ดังนี้ ๕.๑ ความเปน็ มาและความสาคัญของปญั หา หากกล่าวถึงอาชญากรรมทางเพศ สามารถกล่าวได้ว่า เป็นอาชญากรรมท่ีคุกคาม ความปลอดภัยของประชาชนมาเป็นระยะเวลายาวนาน โดยเฉพาะอย่างย่ิงในปัจจุบันท่ีอาชญากรรมทางเพศ ได้ทวีความรุนแรงและมักเป็นเหตุท่ีสะเทือนขวัญประชาชน แม้ความผิดเกี่ยวกับเพศในประเทศไทยได้ถูก กฎหมายบัญญัตวิ ่าเปน็ ความผิดทางอาญามีการกาหนดโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต หากแต่ยังมเี หตุการณเ์ กดิ ขึ้น เป็นระยะทั้งการข่มขืนกระทาชาเราและการล่วงละเมิดทางเพศ ซ่ึงเป็นภัยเงียบที่คุกคามความสงบสุขของประชาชน ในสงั คมอยา่ งย่งิ
-๘- พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๖๒ ได้แก้ไขเพิ่มเติมบทนิยาม มาตรา ๑ (๑๘) “กระทาชาเรา” แห่งประมวลกฎหมายอาญา โดยกาหนดความหมาย ของคาว่า “กระทาชาเรา” หมายความว่า “กระทาเพ่ือสนองความใคร่ของผู้กระทาโดยการใช้อวัยวะเพศ ของผู้กระทาล่วงล้าอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากของผู้อื่น” โดยสิ่งที่เปลี่ยนไปจากกฎหมายเดิม คือ การใช้สิ่งอ่ืนใดหรืออวัยวะอื่นใดของผู้กระทา สอดใส่อวัยวะเพศหรือทวารหนักของผู้เสียหายเพื่อสนองความใคร่ ของผู้กระทา ได้ถูกย้ายไปเป็นเหตุเพิ่มโทษของการอนาจาร ทั้งน้ี การกระทาความผิดทางเพศเป็นการกระทาผิด ที่อยคู่ ู่กับสังคมไทยมาเป็นเวลานาน เมื่อพจิ ารณาจากสถติ ิทางคดีถึงแม้จะพบวา่ คดีความผิดเก่ียวกับเพศเมื่อเทียบกับ อาชญากรรมประเภทอื่น จะมีปริมาณคดีไม่เพ่ิมสูงขึ้น และต้องยอมรับว่าคดีทางเพศเป็นคดีที่ผู้เสียหายอับอาย ไม่ประสงค์เข้าแจ้งความดาเนินคดี ทาใหเ้ จ้าหน้าท่ีไม่ได้รับการรายงานเหตุเป็นตัวเลขท่ีแท้จริง ดังนน้ั สถิติทางคดี จึงไม่อาจวัดความรุนแรงของคดีความผิดเกี่ยวกับเพศได้ และในทางกลับกันหากพิจารณาจากปรากฏการณ์ ท่ีเกิดขึ้นในสังคมผ่านสื่อสารมวลชนในทุกช่องทาง จะเห็นข่าวเก่ียวกับการก่ออาชญากรรมทางเพศเกิดข้ึนทุกวัน บ้างก็เป็นอาชญากรรมทางเพศท่ีไม่มีความรุนแรงมากนัก บ้างก็เป็นอาชญากรรมทางเพศที่สะเทือนขวัญ และก่อให้เกิดความเกลียดแค้นชิงชังใคร ๆ จากคนในสังคม ในส่วนของการป้องกันอาชญากรรมทางเพศ ยังไม่มีการป้องกันการกระทาผิดทางเพศที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม นอกจากการรอให้มีเหตุเกิดขึ้นเสียก่อน ซึ่งสิ่งท่ีเกิดขึ้นนี้สร้างความเสียหายท่ีไม่อาจเรียกกลับคืนมาได้ และก่อให้เกิดเป็นตราบาปอย่างถาวรแก่ผู้เสียหาย หรือผู้ถูกกระทา อีกทั้ง มายาคติและข้อเท็จจริงเก่ียวกับการข่มขืนกระทาชาเราและการล่วงละเมิดทางเพศ มกั กล่าวโทษผู้หญงิ เชน่ การแตง่ ตัวโป๊เสีย่ งถกู ข่มขืนจรงิ หรอื ผลการศกึ ษาของสถาบันวจิ ัยประชากรและสงั คม มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า จากการตรวจสอบข่าวที่เก่ียวกับความรุนแรงทางเพศย้อนหลัง ๑๓ ปี รวมกว่า ๑.๗ หม่ืนข่าว ประมาณร้อยละ ๖๘ เป็นข่าวเกี่ยวกับการข่มขืน ซึ่งพบว่าเหย่ือมีอายุต้ังแต่ ๘ – ๑๐๕ ปี ในสถานท่ี เกิดเหตุต่าง ๆ กัน แสดงให้เห็นว่า คนทุกวัย ทุกอาชีพ ทุกระดับการศึกษา สามารถถูกข่มขืนได้ และไม่เกี่ยวข้อง กับเร่ืองการแตง่ ตัว “ความพยายามในการโยงการแต่งตัวกับการข่มขืนเป็นมายาคติ จึงเป็นความเข้าใจผิดทีค่ วร เปล่ียนได้แล้ว โดยเฉพาะเรื่องการตั้งคาถามกับตัวผู้เสียหาย เพราะข้อเท็จจริงมันไม่ได้เกี่ยวกับความสวย หรือการแต่งตัว” ซ่ึงมายาคติเช่นน้ีไม่ควรเกิดขึ้นกับความทุกข์ของผู้หญิงท่ีถูกกระทา และไม่ว่าจะเป็นเพศใด ในสังคมไทยกไ็ ม่ควรเกิดขนึ้ เมื่อพิจารณาความสูญเสียท่ีเกิดขึ้นในเชิงเศรษฐศาสตร์ของประเทศไทย การสูญเสีย งบประมาณเพื่อนาไปใช้ในการแก้ไขฟื้นฟูผู้กระทาผิดทางเพศท้ังผู้ใหญ่และเยาวชน โดยเฉพาะอย่างย่ิง กรมราชทัณฑ์ที่มีหน้าที่หลักในการบาบัดฟ้ืนฟูโปรแกรมผู้กระทาผิดทางเพศนั้น มีแนวโน้มเพ่ิมข้ึนของการใช้ งบประมาณในแต่ละปี และในส่วนของผถู้ ูกกระทาท่จี าเป็นต้องได้รับการบาบดั รักษาทั้งทางดา้ นรา่ งกายและจิตใจ ซึ่งเป็นการดูแลอย่างต่อเน่ืองภายใต้ระบบของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า สถิติย้อนหลัง ๓ ปี มูลค่าความเสียหาย ในการรักษาพยาบาลผถู้ กู กระทาเหลา่ นี้มมี ูลคา่ เป็นจานวนมาก จากสถานการณ์ข้างต้น คณะกรรมาธิการจึงเห็นความจาเป็นในการศึกษาเร่ืองดังกล่าว อย่างเป็นระบบเพื่อให้ได้ข้อมูลด้านสถานการณ์ สาเหตุปัญหาการข่มขืนกระทาชาเราและการล่วงละเมิดทางเพศ อนั กอ่ ให้เกิดองคค์ วามรู้ในการสรา้ งแนวทาง มาตรการปอ้ งกนั แก้ไขปัญหาการขม่ ขืนกระทาชาเราและการลว่ งละเมิด ทางเพศได้อย่างเป็นรูปธรรม ซ่ึงจะเป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนที่เก่ียวข้องและสร้างความปลอดภัยให้กับ ประชาชนทุกคน ทกุ เพศ ทกุ วัย ให้รอดพ้นจากการตกเป็นเหยื่อของการข่มขืนกระทาชาเราและการล่วงละเมิด ทางเพศ
-๙- ๕.๒ ประเด็นการพิจารณาศกึ ษา คณะกรรมาธิการได้พจิ ารณาศึกษา โดยกาหนดประเด็นการพจิ ารณาศึกษา ดังนี้ ๑. การศึกษาสถานการณ์ การป้องกันและแก้ไขปัญหาการข่มขืนกระทาชาเรา และการลว่ งละเมิดทางเพศ ๒. การศึกษากระบวนการยุตธิ รรมและกฎหมายท่ีเก่ียวข้องกบั ปญั หาการข่มขืนกระทาชาเรา และการลว่ งละเมิดทางเพศ ๕.๓ ผลการพิจารณาศกึ ษา คณะกรรมาธิการได้พิจารณาศึกษาสถานการณ์ สาเหตุของปัญหา แนวทางการป้องกัน และแก้ไขปัญหาการข่มขืนกระทาชาเราและการล่วงละเมิดทางเพศ รวมถึงกระบวนการยุติธรรมและกฎหมาย ท่ีเกี่ยวข้องกับปัญหาการข่มขืนกระทาชาเราและการล่วงละเมิดทางเพศ โดยสรุปแนวทางการดาเนินการเป็น ๔ แนวทาง ดงั น้ี ๕.๓.๑ แนวทางการป้องกันปัญหาการข่มขืนกระทาชาเราและการล่วงละเมดิ ทางเพศ (๑) แนวทางการปอ้ งกันสาหรับผูถ้ กู กระทา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยกรมกิจการสตรี และสถาบันครอบครัว ได้มีการดาเนินการเก่ียวกับการดูแลรับผิดชอบเร่ืองความรุนแรงในครอบครัวและเน้น การบังคับใช้กฎหมาย ได้แก่ การดาเนินการตามกฎ ก.พ. ว่าด้วยการกระทาการอันเป็นการล่วงละเมิด หรือคุกคามทางเพศ พ.ศ. ๒๕๕๓ การดาเนินการตามพระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. ๒๕๕๘ และการดาเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัว โดยการจัดต้ังศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกัน ความรุนแรงในครอบครัว ในสานักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ท้ัง ๗๖ จังหวัด เพื่อเฝ้า ระวังป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในครอบครัว และปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศที่เกิดจากบุคคลใน ครอบครวั นอกจากน้ี กรมกจิ การเดก็ และเยาวชนได้ทาการศึกษาการป้องกนั และแก้ไขปญั หาความรุนแรงต่อเด็ก ภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กในการขจัดความรุนแรงต่อเด็ก ซ่ึงเป็นแนวทางในการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย ให้สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก และพัฒนามาตรการทางการบริหาร มาตรการทางสังคม และมาตรการ ทางการศึกษาเพื่อขจัดความรุนแรงต่อเด็กทุกรูปแบบ รวมท้ังการกระทาความรุนแรงทางเพศเป็นประเด็นสาคัญ โดยมีมาตรการทางกฎหมายหลายฉบับท่ีดาเนินคดีอาญากับผู้กระทาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาแล้ว มีการกาหนดวิธีการสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กร่วมด้วย ได้แก่ พระราชบัญญัตคิ ุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ ในส่วนมาตรการทางการบริหารได้มีการกาหนดโครงสร้างการคุ้มครองเด็กระดับชาติ โครงสร้างการคุ้มครองเด็ก ระดับจังหวัด เป็นกลไกท้ังในระดับนโยบายในส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น ท้ังระดับจังหวัด อาเภอ และตาบล โดยมบี า้ นพกั เด็กและครอบครัวเป็นหน่วยงานประสานใหเ้ กิดความค้มุ ครองชว่ ยเหลือเด็กและครอบครัว ในภาพรวมกลไกต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหาการใช้ความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ มีการบริหารจัดการท่ีครอบคลุมทุกมิติ ท้ังมาตรการ ทางกฎหมาย มาตรการทางการบริหาร มาตรการทางสังคม และมาตรการทางการศึกษา โดยมาตรการเหล่านี้ ได้ดาเนินการท้ังในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคท่ัวประเทศไทย โดยมีการทางานร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กระทรวงศึกษาธิการ รวมท้ังองค์กรที่ทางานโดยไม่แสวงหากาไร (NGOs) ซ่ึงเป็นท้ังองค์กร การกุศล และองค์กรสาธารณประโยชน์ แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยที่ทาให้การดาเนินงานไม่ประสบความสาเร็จ ไดแ้ ก่
- ๑๐ - ๑) การขาดการวิเคราะห์เชิงบริบทของพ้ืนท่ี กล่าวคือ พื้นท่ีทีม่ ีความรุนแรงทางเพศ ต่อผู้หญิงและเด็กคือพื้นท่ีใดของประเทศไทย ซ่ึงวิธีการจัดการต่อปัญหาในแต่ละพื้นท่ีของประเทศไทยน้ัน ย่อมมีความแตกต่างกันท้ังในเชิงวัฒนธรรม ประเพณี ความเป็นอยู่ในชุมชนและสังคม ความเช่ือ ทัศนคติ ค่านิยม ซึ่งส่งผลให้วิธีการป้องกันในเชิงรุกและการคุ้มครองเด็ก สตรีท่ีถูกกระทาความรุนแรงทางเพศเป็นเร่ืองเฉพาะกรณี ในแต่ละราย ดังนนั้ การศกึ ษาในเชิงระบาดวิทยาและความชุกของพื้นท่ีจึงเป็นประเด็นสาคัญในการทาความเข้าใจ ในการปอ้ งกันเชงิ รุก ๒) การเข้าถึงพื้นท่ีเชิงรุกของเจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานด้านการคุ้มครองเด็ก ซึ่งมีการทางานร่วมกันหลายหน่วยงานจาเป็นต้องปฏิบัติอย่างมีมาตรฐานเดียวกัน ภายใต้การบังคับใช้กฎหมาย ทเ่ี กย่ี วข้องกันและร่วมกนั เพื่อให้เป็นไปตามกระบวนการคุ้มครองเดก็ ผู้หญิง และส่งผลให้ได้รับประโยชน์สงู สุด อย่างรวดเร็วและเป็นธรรม ๓) การให้ความรู้ การเฝ้าระวังในชุมชน โดยใช้นโยบายการเยี่ยมบ้านในหมู่บ้าน ในชุมชนของเจ้าหน้าที่และผู้ปฏิบัติงานด้านการคุ้มครองเด็ก สตรี โดยการให้ความรู้นั้นต้องมีความเหมาะสม ในแตล่ ะพ้นื ที่ จงึ ควรใช้ชุดความร้ทู ี่มีความแตกต่างกนั ๔) ทุกโครงการและกิจกรรมต้องมีการประเมินผลอย่างต่อเนื่อง และนาผลของการ ประเมินน้ันมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ในการคุ้มครองป้องกันการใช้ความรุนแรงทางเพศ รวมถึงเหตุของการข่มขืน กระทาชาเราของคนในครอบครัว ๕) รูปแบบความรุนแรงทางเพศเปล่ียนไปเป็นการล่อลวง ลวนลามทางเพศ ผ่านทาง อินเทอร์เน็ตมากข้ึน (Cyber Sexual Harassment) และเป็นเรื่องท่ีกระทาได้ง่าย จึงต้องเร่งรณรงค์ให้สังคม ตระหนกั ถงึ เรื่องดงั กลา่ วมากขึ้น โดยสังคมต้องไม่เพิกเฉยกบั เรือ่ งน้ี กระทรวงศึกษาธิการ มีแนวทางการป้องกันการถูกล่วงละเมิดทางเพศไว้ ๕ ประเด็น คอื ๑) ให้ความรู้ความเข้าใจและความตระหนักแก่ครู เด็กนักเรียน และผู้ปกครอง ในการป้องกันหาทางออกเมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์การล่วงละเมิด และสร้างกลไกการป้องกันเด็กนักเรียน จากการถูกล่วงละเมดิ ๒) ใช้ระบบการดูแลช่วยเหลือนักเรียน ครูท่ีปรึกษา เอาใจใส่เด็กนักเรียน อย่างใกลช้ ดิ และต้องทางานเปน็ ทีม ๓) บุคลากรในสถานศึกษา ดูแล พิทักษ์ ปกป้อง และคุ้มครองเด็กนักเรียน ไมใ่ ห้ถกู ลว่ งละเมิดทางเพศจากบุคคลท้ังท่อี ยู่ภายในและภายนอกสถานศึกษา ๔) จัดสถานที่ภายในสถานศึกษาให้เหมาะสม เช่น จัดให้มีกล้องวงจรปิด มีการ จัดตง้ั เวรยามตรวจตราพ้ืนทีจ่ ดุ เสีย่ ง เป็นต้น ๕) สถานศึกษาได้มีการสอนเร่ืองเพศศึกษาในกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษา และพลศกึ ษา โดยเฉพาะการดูแล การป้องกนั ตนเองของเด็กนักเรยี นให้ปลอดภัยจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศ นอกจากแนวทางดังกล่าวแล้ว กระทรวงศึกษาธิการต้องมีการดาเนินการเชิงรุก กลา่ วคอื การแก้ปัญหาอยา่ งทันการณ์ ซึ่งการแก้ปญั หาเร่ืองเพศในโรงเรยี นจาเป็นตอ้ งทาใหเ้ ป็นระบบ ดงั นี้ ๑) ตรวจสอบสถานศึกษาของรัฐและเอกชนทุกประเภทท่ัวประเทศ โดยสารวจ ปญั หาอย่างแทจ้ รงิ เพอื่ เข้าถึงปญั หาการถกู ลว่ งละเมดิ ทางเพศ ๒) บุคลากรทางการศึกษาทุกคนต้องผ่านการตรวจสอบประวัติอย่างละเอียด ทางด้านกาย จิต สังคม ตลอดจนการมีหลักสูตรเบ้ืองต้นของผู้ท่ีจะบรรจุเป็นครู พร้อมกับครูท่ีต้องการเล่ือน วทิ ยฐานะผ่านหลักสตู รการป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศ
- ๑๑ - ๓) การให้ความรู้กับผู้ปกครองในการประชุมผู้ปกครอง การติดตามพฤติกรรม ของนักเรียนต้องมีการบันทึกและตรวจสอบอย่างสม่าเสมอระหว่างครูประจาชั้น และผู้ปกครองเด็ก โดยให้ ผู้ปกครอง ชุมชน เป็นเครือข่ายเข้ามาดูแลและป้องกันเรื่องเหล่านี้ด้วย และการส่งเสริมให้มีนักจิตวิทยา ในโรงเรียน แพทย์ หรือพยาบาลทม่ี คี วามเก่ียวข้อง เพือ่ เปิดโอกาสให้เดก็ สามารถเข้ามาพบและปรกึ ษาได้ ๔) หลักสูตรเพศศึกษาท่ีมุ่งสอนให้นักเรียนได้เรียนรู้เร่ืองเพศอย่างถูกต้อง สอนให้มี ความฉลาดรู้เรื่องเพศให้กับเด็ก และมีความเขา้ ใจในเร่ืองเพศสภาพ เพศวิถี ต้องมีการประเมินการปรับเปลี่ยน อยตู่ ลอดเวลา เพือ่ ใหท้ ันต่อยคุ สมัยและเหตุการณท์ เ่ี กดิ ขึ้นในปัจจุบนั ใหม้ ีการบรรจหุ ลักสตู รเหล่านอี้ ยู่ในระดับ นักเรียนอนุบาลและทุกช่วงชั้นของระดับการศึกษาในสถานศึกษา รวมท้ังโรงเรียนจะต้องสร้างการเรียนรู้เรื่อง สุขภาวะทางเพศให้กับเด็กได้รู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเอง รู้เท่าทันความสัมพันธ์ รู้ว่าอะไรคือการเอาเปรียบ หรอื ละเมิดสิทธิ และรู้จกั ปอ้ งกันตนเองจากการลว่ งละเมิดทางเพศ ๕) บุคลากรทางการศึกษาท่ีมีการกระทาในลักษณะล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก นักเรียน กระทรวงศึกษาธิการต้องดาเนินการยึดใบประกอบวิชาชีพครูในทันที และในส่วนนักเรียนให้กระทรวงการ พฒั นาสงั คมและความมัน่ คงของมนษุ ย์เขา้ มาคมุ้ ครองดแู ลสวสั ดิภาพของเดก็ ตามที่กฎหมายกาหนด ๖) ต้องมีมาตรการในการป้องกัน แก้ไข และเยียวยาผู้ได้รับความเสียหายกรณี ล่วงละเมิดทางเพศให้ชัดเจน และมีการดาเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทาผิดทางเพศ รวมทั้งโรงเรียนควรมี ช่องทางในการรับเรื่องร้องทุกข/์ ร้องเรยี น โดยถอื เป็นความลับและดาเนินการด้วยความยตุ ิธรรม ทั้งน้ี การให้ความรู้ในระบบการศึกษาเป็นประเด็นที่มีความสาคัญอย่างย่ิง ดังนั้น ควรมีการกาหนดแผนยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ โดยนาหลักสูตรสิทธิมนุษยชนและสิทธิพื้นฐานต่าง ๆ บรรจุไว้ในระบบการเรียนรู้ตลอดชีวิต เน้นกระบวนการ ส่งเสริมสิทธิต่าง ๆ ให้เกิดการเรียนรู้ในระบบและนอกระบบการศึกษา กล่าวคือ สิทธิทางเพศเป็นสิทธิพื้นฐาน และเป็นรากฐานของสิทธิมนุษยชน การเรียนรู้สิทธิทางเพศ เป็นการเรียนรู้สิทธิพ้ืนฐานของตนเพื่อป้องกัน การล่วงละเมดิ สทิ ธิจากผูอ้ ่ืน และสามารถมวี ถิ ีชวี ติ ของตนไดอ้ ย่างไม่ล่วงละเมิดผู้อน่ื เช่นกัน (๒) แนวทางการปอ้ งกนั การกระทาผดิ ซา้ ของผกู้ ระทาผิดคดีทางเพศ การจัดทาระบบการลงทะเบยี นผู้กระทาผดิ ทางเพศ การนาระบบนี้มาใช้อย่างเป็น รูปธรรมและการออกกฎหมายกาหนดให้ชัดเจน สาหรับประเทศไทยมีผู้ที่รู้จักระบบลงทะเบียนผู้กระทาผิด คดีทางเพศนอ้ ยมาก ทั้งน้ปี ระเทศไทยยังไม่มีการบาบัดหรอื คัดแยกนักโทษคดีความผดิ ทางเพศเพ่ือการบาบัดใด ๆ ผู้ปฏิบัติงานในกระบวนการยุติธรรมที่เก่ียวข้องทาตามหลักเกณฑ์การรับตัว ดูแล และปล่อยตัวแบบนักโทษ ในคดีท่ัวไปแต่หากพิจารณาจากทรัพยากรท่ีประเทศไทยมี หรือความพยายามในการกาหนดนโยบายเพื่อจัดการ เรื่องคดีทางเพศ ถือว่าประเทศไทยมีความพร้อมระดับหน่ึงหากได้จัดทาระบบลงทะเบียนผู้กระทาผิดคดีทางเพศ หากแต่การผลักดันให้มีการยอมรับในวงกว้าง และนาไปสู่การจัดสร้างระบบลงทะเบียนผู้กระทาผิดคดีทางเพศ จะต้องใชเ้ วลาพอสมควร การนาระบบลงทะเบียนผกู้ ระทาผิดคดที างเพศมาใช้ในประเทศไทย สามารถสรุปประเด็นได้ ดงั ตอ่ ไปน้ี ๑) กฎหมายและนโยบายเพื่อรองรับกับระบบลงทะเบียนผู้กระทาผิดคดีทางเพศ ในประเทศไทยต้องส่งเสริมให้เกิดกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ชัดเจน และต้องคานึงถึงสิทธิของท้ังผู้กระทาผิด และการเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าท่ีปฏิบัติการท่ีจะต้องเป็นผู้ใช้ประโยชน์จากระบบลงทะเบียนผู้กระทาผิด คดที างเพศ
- ๑๒ - ๒) ความพร้อมของหน่วยงานในแต่ละด้าน เพื่อรองรับกับระบบลงทะเบียน ผกู้ ระทาผิดคดที างเพศในประเทศไทย ได้แก่ (๑) ทรัพยากรบุคคล หน่วยงานท่ีควรรับผิดชอบเป็นหน่วยงานหลักในการดูแล จัดการตั้งแต่การสร้างระบบ การใช้ระบบ ควรเปน็ ตารวจ เพราะตารวจมีฐานข้อมูลทะเบียนประวัตอิ าชญากรอยู่แล้ว หากจัดสรรให้ดีและเป็นระบบจะสามารถเป็นฐานในการสร้างระบบลงทะเบียนผู้กระทาผิดคดีทาง เพศได้ ในปัจจุบันกรมคุมประพฤติภายใต้การกากับของกระทรวงยุติธรรมมีศูนย์ปฏิบัติการ JSOC (Safety Observation Ad hoc Center) หรือศูนย์เฉพาะกิจเฝ้าระวังความปลอดภัยของประชาชน เพ่ือเป็นแนวทางในการป้องกัน และเฝา้ ระวังการก่ออาชญากรรมสะเทอื นขวญั ของผพู้ ้นโทษที่มีลักษณะพิเศษ ซึ่งในปจั จบุ ันศูนย์ปฏบิ ัติการ JSOC ได้ทาการศึกษาและทดลองระบบท่ีมีความใกล้เคียงกับระบบลงทะเบียนผู้กระทาผิดคดที างเพศ โดยมีสานักงาน กิจการยุติธรรมคอยส่งเสริมในส่วนของการค้นหาข้อมูล อย่างไรก็ตาม อุปสรรคปัญหาคือยังมิได้มีการบูรณาการ การทางานอยา่ งเป็นรูปธรรมและขาดการสนบั สนนุ ในด้านการรับรองโดยกฎหมาย (๒) การจัดการติดตามผู้กระทาผิดหลังออกจากเรือนจา ในปัจจุบันหากนักโทษ พ้นออกจากเรือนจาไม่ว่าจะคดีใดก็ตาม กรมราชทัณฑ์จะทาทะเบียนประวัติและรายงานต่อไปยังข้าราชการ พลเรือนในภูมิลาเนาท่ีผู้กระทาผิดได้ให้ข้อมูลไว้ และเจ้าพนักงานคุมประพฤติก็เพียงปฏิบัติตามข้อปฏิบัติ ทางด้านกฎหมายเท่าน้ัน ซ่ึงไมป่ รากฏว่ามกี ฎหมายทใ่ี ห้อานาจเจ้าพนกั งานราชทณั ฑ์และเจา้ พนักงานคุมประพฤติ ตดิ ตามสอดส่องผกู้ ระทาผิดตอ่ ไป ในอนาคตหากมีการวางระบบลงทะเบียนผู้กระทาผดิ คดีทางเพศและกาหนด นโยบายแนวทางการดาเนินงานท่ีชดั เจน หน่วยงานราชการท่เี ก่ียวขอ้ งกจ็ ะสามารถปฏิบัติงานไดอ้ ยา่ งมปี ระสิทธิภาพ (๓) ทรัพยากรที่สนับสนุนการปฏิบัตงิ านของเจ้าหน้าที่ เช่น ฐานข้อมูลอาชญากร การเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างหน่วยงาน ในปัจจุบันประเทศไทยมีฐานทะเบียนประวัติอาชญากรท่ีเป็นประโยชน์ แก่องค์กรและหน่วยงานรัฐ และมีโครงการที่จะเช่ือมต่อและแบ่งปันข้อมูลระหว่างหน่วยงานรัฐด้วยกัน หากแต่ว่า ในทางปฏิบัติ ต่างฝ่ายต่างหน่วยงานก็ยังเป็นกังวลในเร่ืองการร่ัวไหลของข้อมูลและไม่กล้าส่งผ่านข้อมูล ในหนว่ ยงานตนเองใหห้ น่วยงานอ่ืน ไดแ้ ต่สร้างระบบข้ึนมาเปน็ ของตนเอง ดังนั้น หากมีการสรา้ งระบบลงทะเบียน ผู้กระทาผิดคดีทางเพศเกิดข้ึนต้องทาความเข้าใจเรียนรู้และเชื่อมั่นระหว่างหน่วยงานของรัฐด้วยกันในเร่ือง การแบ่งปนั ข้อมลู (๔) วธิ ีการในการจัดการกับผูก้ ระทาผิดในคดที างเพศในรปู แบบตา่ ง ๆ เช่น การใช้ วิธีการบาบัด ฟื้นฟู ผู้กระทาผิดคดีทางเพศในประเทศไทย หรือการใช้วิธีการลงโทษด้วยวิธีอ่ืน สาหรับประเทศ ไทยพบว่า มาตรการหรือวิธีการอ่ืนนอกจากการลงโทษตามกฎหมายอาญาแล้วก็ไม่มีมาตรการรักษา ฟ้ืนฟูใด ท่ีใช้ต่อผู้กระทาผิดคดีทางเพศอีก และในทางปฏิบัติไม่ได้มีการใช้โทษประหารชีวิตกับผู้กระทาผิดในคดีทางเพศ ไม่ว่าจะร้ายแรงมากเพียงใดมาเป็นเวลานานแล้ว ซ่ึงถือว่าเป็นวิธีการป้องกันอาชญากรรมทางเพศที่ไม่มี ประสิทธภิ าพ ๓) ปัญหาอุปสรรคและแนวทางแก้ไขระบบลงทะเบียนผู้กระทาผิดคดีทางเพศ ในมิตยิ อ่ ย ไดแ้ ก่ (๑) ปัญหาด้านสังคม การใช้ระบบลงทะเบียนผู้กระทาผิดคดีทางเพศ ในประเทศไทยอาจนาไปสูก่ ารตตี ราผู้กระทาผดิ และผลกั ดนั ให้ผูก้ ระทาผิดใชช้ วี ติ อยา่ งยากลาบากในสังคม (๒) ปัญหาด้านการจัดการ การจัดการมีความสาคัญ หากแต่ต้องมีการ เรียงลาดับความสาคัญน้ัน ๆ ได้แก่ การบริหารจัดการบุคลากร กล่าวคือ ผู้ที่จะต้องปฏิบัติงานภายในระบบ ผู้ที่จะต้องตรวจสอบระบบ ควบคุมระบบให้อยู่ในลักษณะที่พร้อมใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดเวลา ใช้งานได้จริงและสามารถสร้างระบบท่ีเสถียร เพราะระบบลงทะเบียนผู้กระทาผิดคดีทางเพศควรตอ้ งมกี ารปอ้ งกัน การเข้าถึงข้อมูลเพื่อพทิ ักษส์ ทิ ธิของผู้ท่ีมชี ื่ออย่ใู นระบบดว้ ย
- ๑๓ - (๓) ปัญหาด้านงบประมาณและบุคคล ปัญหาเร่ืองงบประมาณและกาลังคน ยังคงเป็นปัญหาท่ีทุกหน่วยงานต้องประสบ แต่หากว่ามีการจัดสรรใช้ทรัพยากรที่เหมาะสมผ่านนโยบายที่ชัดเจน ระบบลงทะเบียนผู้กระทาผิดคดีทางเพศอาจเป็นเคร่ืองมือท่ีช่วยในการทางานข องเจ้าหน้าท่ีได้อย่างมี ประสทิ ธภิ าพมากขนึ้ (๔) ปญั หาด้านการร่วมมือกันระหว่างหน่วยงาน ปัญหาเร่ืองการไม่แบ่งปนั ข้อมูล ยังคงเป็นปัญหาที่ทุกหน่วยงานต่างก็กล่าวถึง แต่ในขณะเดียวกันก็ต่างหวงแหนข้อมูลของตนเองเพราะไม่ไว้ใจ ให้หนว่ ยงานอนื่ ดว้ ยเกรงข้อมูลทเ่ี ปน็ ความลบั จะรวั่ ไหล (๕) ปัญหาด้านการขาดความเข้าใจในระบบ ความไม่เข้าใจคือปัญหาที่สาคัญ เม่ือขาดความเข้าใจก็ขาดการยอมรับหรืออาจถึงกับต่อต้าน การเปล่ียนแปลงระบบไม่ยากเท่ากับการเปล่ียน ทศั นคตขิ องบคุ คล การให้การศึกษาหรือทาให้คนในสงั คมเข้าใจ จะช่วยคลีค่ ลายปญั หามากขน้ึ รปู แบบระบบการลงทะเบยี นผ้กู ระทาผดิ คดีทางเพศในประเทศไทย ในระยะสั้น ประเทศไทยควรจัดทาระบบลงทะเบียนผู้กระทาผิดคดีทางเพศท่ีเป็น ผูก้ ระทาผิดซ้าและผู้ที่อาจกอ่ อันตรายต่อเด็กเสียก่อน เชน่ ในประเทศออสเตรเลยี นิวซีแลนด์ และมาเลเซีย เป็นต้น ส่วนของประเทศไทยควรออกกฎหมายหลักและกฎหมายรองออกมาเพ่ือรองรับการทางานของเจ้าหน้าทโี่ ดยละเอียด อย่างเช่นในประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศไทยมีฐานความผิดคดีทางเพศกาหนดไว้ในประมวลกฎหมายอาญา อยู่แล้ว หากผใู้ ดถูกศาลพิจารณาพพิ ากษาว่ามีความผิดฐานใด ควรให้ศาลพิจารณาเองหรืออัยการทาคาขอต่อศาล เพื่อให้ผู้กระทาผิดต้องมีรายช่ือในระบบ โดยออกแบบว่าคดีประเภทใดควรจัดว่ามีความร้ายแรงในระดับใด อันนาไปสู่การจัดการของเจ้าหน้าที่ในส่วนการติดตามและรายงานตัวของผู้กระทาผิดหลังพ้นโทษ รวมท้ัง ระยะเวลาที่ผู้กระทาผิดจะมีช่ืออยู่ในระบบ สาหรับประเทศไทยยังไม่มีความพร้อมในการให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูล ของผู้กระทาผิดได้อย่างอิสระ ในส่วนน้ีควรนาเอาหลักการและรูปแบบของประเทศอังกฤษและออสเตรเลียมาใช้ ในส่วนของการจากัดการเข้าถึงข้อมูลของประชาชนหรือการเปิดเผยข้อมูลต่อประชาชนตามสมควรแก่เหตุเท่านั้น นอกจากนี้ ควรมีหน่วยงานกลางแบบในประเทศสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ เพื่อการจัดการดแู ลระบบและทาให้เกิดมาตรฐานในการใชร้ ะบบลงทะเบียนผูก้ ระทาผดิ คดที างเพศขึ้น ถงึ แมว้ ่า ผู้ควบคุมระบบควรจะเป็นกระทรวงยุติธรรมและผู้ท่ีสามารถเข้าถึงข้อมูลได้จะเป็นหน่วยงานยุติธรรมที่เก่ียวข้อง เช่น ตารวจ ราชทณั ฑ์ คุมประพฤติ หรอื พนกั งานอยั การ ก็ตาม ในระยะยาว ประเทศไทยควรวางแผนท่ีจะจัดทาระบบให้ครอบคลุมทั้งผู้กระทาผิด ทเ่ี ป็นภัยร้ายแรงตอ่ เดก็ ต่อบุคคลทว่ั ไป โดยบรรจุฐานความผิดเพ่ิมขึ้น และกาหนดแนวทางในการเกบ็ ข้อมูลของ บุคคลผู้ที่ถูกกล่าวหาและถูกจับในคดีความผิดทางเพศแต่คดีไม่ถึงช้ันศาล รวมไปถึงบุคคลผู้ที่พ้นกาหนด รายงานตัวหรือหลุดพ้นจากการถูกลงทะเบียนช่ือแล้ว ซ่ึงเป็นข้อมูลท่ีเป็นความลับขั้นสุด หากแต่เก็บข้อมูล เพอ่ื ประโยชนใ์ นเชงิ สืบสวนสอบสวนเท่านนั้ การจัดเกบ็ ตวั อย่างสารพันธุกรรม (DNA) ผู้ต้องขังในประเทศไทย การเก็บตัวอย่าง ดีเอ็นเอผู้ต้องขงั โดยการจัดทาระบบฐานข้อมลู สารพันธุกรรม (DNA) ในประเทศไทยได้มกี ารริเริ่มเม่ือวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ โดยการลงนามบันทึกความร่วมมือระหว่างกระทรวงยุติธรรมไทยกับสานักงานสอบสวนกลาง แห่งสหรัฐอเมริกา (FBI) เพ่ือทาระบบฐานข้อมูลสารพันธุกรรม (DNA) โดยโครงการดังกล่าวจะมีสถาบัน นิติวิทยาศาสตร์ และกรมราชทัณฑ์ ร่วมจัดเก็บตัวอย่างจากผู้ต้องขังที่สมัครใจ โดยดีเอ็นเอของผู้ต้องขังจะถูก จัดเก็บในฐานข้อมูลความปลอดภัยของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ฐานข้อมูลดีเอ็นเอเหล่านี้จะนามาใช้ เปรียบเทียบกับดีเอ็นเอในที่เกิดเหตุอาชญากรรม และรูปแบบสารพันธุกรรมที่พบจะถูกจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูล
- ๑๔ - ลกั ษณะเดยี วกันโดยสานักงานตารวจแห่งชาติ หากจะนากลับมาใช้ประโยชนร์ ่วมกับการลงทะเบียนผู้กระทาผิด ทางเพศในประเทศไทยจะเป็นข้อมูลที่ช่วยส่งเสริมการป้องกันอาชญากรรมทางเพศได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพอ่ื ใหเ้ กดิ การดาเนินการไดอ้ ยา่ งเป็นรปู ธรรม โดยประเด็นทค่ี วรดาเนินการ คอื ๑. การออกกฎหมาย และวางระบบฐานข้อมูลสารพันธุกรรม (DNA) ได้แก่ การเก็บ การเขา้ ถงึ และการควบคุมใหม้ ีความชัดเจน ๒. การอบรมเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าท่ีในการจัดเก็บให้มีความรู้ในการเก็บพยานหลักฐาน ทางนติ วิ ิทยาศาสตรโ์ ดยเฉพาะ เพือ่ ประโยชนใ์ นการป้องกนั อาชญากรรมทางเพศ ๓. การคานงึ ถงึ สิทธิการเข้าถึงข้อมูลของหนว่ ยงานต่าง ๆ ได้แก่ สานักงานตารวจ แห่งชาติ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรมราชทัณฑ์ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กรมคุมประพฤติ และหนว่ ยงานอน่ื ๆ ท่มี สี ว่ นเก่ียวข้อง การพัฒนาเคร่ืองมือวัดความเส่ียงในการกระทาผิดซ้าของผู้กระทาผิดคดีทางเพศ (Development of a Thai risk assessment tool for sex offender) เจตนารมณ์หลัก คือ ลดความเส่ียง ในการกระทาผิดซ้าของผู้กระทาผิดคดีทางเพศ เพิ่มโอกาสให้ผู้กระทาผิดคดีทางเพศกลบั คนื สสู่ ังคมได้ตามปกติ โดยไม่กระทาผิดซ้า และสร้างความเชื่อมั่นให้คนในสังคม วัตถุประสงค์ คือ เพื่อนาแบบประเมินมาใช้ในการ ประเมินความเสี่ยงของผู้กระทาผิดคดีทางเพศว่ามีความเสี่ยงในการกระทาผิดซ้ามากน้อยเพียงใด รวมทั้ง หาวิธีการดาเนินการเพื่อปรับทัศนคติและพฤติกรรมของผู้กระทาผิดคดีทางเพศ และเพื่อวางแผนการคุมประพฤติ แก่ผูท้ ่ีมคี วามเส่ยี งตา่ ไดแ้ ก่ ๑. การสร้างแบบประเมินความเสี่ยงในการกระทาผิดซ้าของผู้กระทาผิดคดีทางเพศ โดยใช้วธิ ีการเก็บข้อมลู จากผู้ต้องขังคดคี วามผดิ เกี่ยวกับเพศทถ่ี ูกคมุ ขงั อยู่ในเรอื นจาตา่ ง ๆ ทว่ั ประเทศ และขอ้ มูลคดี ของเจ้าหนา้ ที่ตารวจ กรมราชทณั ฑ์ กรมพินจิ และคุ้มครองเดก็ และเยาวชน และกรมคุมประพฤติ จากนนั้ นามาวเิ คราะห์ หาปัจจัยท่ีส่งผลต่อการกระทาผิดซ้าในกลุ่มผู้กระทาผิดคดีทางเพศในประเทศไทย ซ่ึงแบบประเมินลักษณะน้ี มีใช้อยา่ งแพรห่ ลายและไดร้ ับการยอมรบั จากประเทศในซีกโลกตะวันตก แต่ยังไม่เคยมีใช้ในประเทศไทยมาก่อน ๒. เคร่ืองมือน้ีสามารถใช้ได้กับผู้กระทาผิดคดีทางเพศที่เป็นผู้ใหญ่และเยาวชน (แต่จะต้องทาการเก็บข้อมูลให้ครอบคลุมในทุกช่วงอายุและประเภทคดี และนามาวิเคราะห์แยกกันตามแต่ละกลุ่ม ชว่ งอายุผ้กู ระทาผิด) ๕.๓.๒ แนวทางการแก้ไขปญั หาการขม่ ขนื กระทาชาเราและการล่วงละเมดิ ทางเพศ การดาเนินงานที่สาคัญ คือ การจัดต้ังหน่วยงานเฉพาะด้านคดีความรุนแรงทางเพศ และความรุนแรง การแก้ไข บาบัด ฟื้นฟู เป็นการร่วมกันดาเนินงานของกรมราชทัณฑ์ กรมพินิจและคุ้มครองเด็ก และเยาวชน และกรมคุมประพฤติ กรมราชทณั ฑ์ และกรมพินจิ และคุม้ ครองเด็กและเยาวชน ๑. การใช้เครื่องมือวัดความเส่ียงในการกระทาผิดซ้าของผู้กระทาผิดคดีทางเพศ (Development of a Thai risk assessment tool for sex offender) ซ่ึงเป็นการสร้างเคร่ืองมือในการจาแนก ลักษณะผู้ต้องขังในกรมราชทัณฑ์ และเด็กและเยาวชนกระทาผิดในกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เพ่ือเป็นแบบประเมินวัดระดับความเส่ียงในการกระทาผิดซ้าทางเพศก่อนได้รับการปล่อยตัว ซึ่งมีส่วนช่วย ในการกล่ันกรอง วิเคราะห์และเช่ือมโยงข้อมูลผู้ต้องขังทั้งผู้ใหญ่ และเด็กและเยาวชน ในรายท่ีมีความเส่ียงในการ กระทาผิดซ้า เพ่ือให้กระบวนการกลั่นกรองผู้ต้องขังทั้งผู้ใหญ่ และเด็กและเยาวชน ก่อนปล่อยตัวมีประสิทธิภาพ มากข้ึน โดยแบบจาแนกลักษณะผู้ต้องขังท้ังผู้ใหญ่ และเด็กและเยาวชน เป็นพื้นฐานเพื่อการควบคุม (Screening)
- ๑๕ - กล่าวคือ เหมาะสมท่ีจะนามาใช้ในการจาแนกลักษณะผู้ต้องขังท้ังผู้ใหญ่ และเด็กและเยาวชน เพ่ือการควบคุม สามารถนาผลคะแนนไปวิเคราะห์ระดับความเส่ียงในการควบคุมของผู้ต้องขังทั้งผู้ใหญ่ และเด็กและเยาวชน แต่ละรายระหว่างคุมขังในเรือนจา และศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการใช้ ดลุ ยพินิจของคณะกรรมการจาแนกลักษณะผู้ต้องขัง ผลคะแนนสามารถนาไปใช้เฝ้าระวังผูต้ ้องขังทั้งผู้ใหญ่ และเด็ก และเยาวชนบางรายที่มีพฤติการณ์การกระทาผิดที่เป็นคดีสะเทือนขวัญหรือเป็นที่สนใจของสังคมหรือเป็นข้อมูล ประกอบการพิจารณาการย้ายไปคุมขังยังเรือนจาความม่ันคงสูงของผู้ต้องขังได้เป็นอย่างดี เพื่อเป็นแบบจาแนก ลักษณะผู้ต้องขังท้ังผู้ใหญ่ และเด็กและเยาวชน เพ่ือการพัฒนาพฤตินิสัย (Rehabilitation Assessment) และ การบาบัดฟื้นฟู กล่าวคือ เหมาะสมท่ีจะนามาใช้ในการจาแนกลักษณะผู้ต้องขังทั้งผู้ใหญ่ และเด็กและเยาวชน เพื่อการพัฒนาพฤตินิสัย แก้ไขพฤติกรรมความเสี่ยงในระดับต่าง ๆ กาหนดความจาเป็นในด้านต่าง ๆ ของผู้ต้องขัง ทั้งผู้ใหญ่ และเด็กและเยาวชน ในแต่ละรายที่ควรจะได้รับระหว่างคุมขังในเรือนจาและศูนย์ฝึกและอบรมเด็ก และเยาวชน สามารถนามาจัดลาดับการใหก้ ารปฏิบัติต่อผู้ต้องขังทง้ั ผู้ใหญ่ และเด็กและเยาวชนเป็นรายบุคคล (Sentence Plan) ก่อนและหลังได้อยา่ งเหมาะสม ๒. การใช้ยาเพ่ือปรับฮอร์โมนของผู้กระทาผิด (Chemical Castration) ซ่ึงเป็น การใช้โดยยึดปรัชญาการลงโทษแบบบาบดั รักษาวิธีการทางเคมี แพทย์จะทาการฉีดยาเพื่อยับยั้งการสร้างฮอรโ์ มน เพศชายจากอัณฑะ ทาให้ความต้องการทางเพศลดลง สร้างอสุจิไม่ได้ และอวัยวะเพศจะไม่แข็งตัว แต่หากหยุด การใช้สารเคมี ฮอร์โมนและสภาวะทางเพศก็จะกลับคืนมาเหมือนเดิม มิได้ทาใหอ้ วัยวะเพศใช้การไม่ได้ตลอดไป จงึ ส่งผลในแง่บวกดา้ นการรักษาเบื้องต้นและปอ้ งกนั การกระทาผิดทางเพศท่ีอาจเกดิ ขึน้ ในอนาคตได้ดี ๓. กระบวนการบาบัดฟ้ืนฟูเด็กและเยาวชนชายท่ีเป็นผู้กระทาผิด โดยใช้ต้นแบบ จากศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนบ้านกาญจนาภิเษก ซึ่งใช้กระบวนการเรียนรู้จากวิชาชีวิต วิชาหนังสือ และวิชาชีพ รวมถึงการถอดบทเรียนการทากิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละวัน เช่น การอ่านและวิเคราะห์ข่าวประจาวัน หรือการดูหนงั แล้วนาประเด็นท่ีไดม้ าพูดคุยและวิเคราะห์รว่ มกัน เพ่ือให้เด็กและเยาวชนผู้กระทาผิดได้ตระหนักรู้ ถึงการกระทา ผลท่ีเกิดจากการกระทา และผลกระทบท่ีเป็นความเจ็บปวดของผู้ถูกกระทา ซ่ึงจะนาไปสู่ การปรับเปลี่ยนกระบวนการทางความคิด (Mind Set) และเปล่ียนพฤติกรรมจากผู้กระทาใหเ้ ป็นผรู้ อด แล้วพัฒนา ไปสู่การเปน็ ผ้ปู กป้องและเป็นพลงั ของสังคมต่อไป ๕.๓.๓ แนวทางการแกไ้ ขเยียวยาผูถ้ ูกข่มขืนกระทาชาเราและการล่วงละเมิดทางเพศ กระทรวงสาธารณสุข โดยการดาเนินงานของศูนยพ์ ึ่งได้ ซ่ึงเป็นศูนย์ช่วยเหลือเด็ก และสตรี (One Stop Crisis Center – OSCC) เป็นการให้บริการทางด้านการแพทย์และสาธารณสุข การจัดบริการ ทางด้านกระบวนการยุติธรรม การจัดบริการทางด้านสังคมสงเคราะห์ โดยทีมสหวิชาชีพท้ังภายในและภายนอก โรงพยาบาล และมีระบบการป้องกัน การรักษาความลับท่ีชัดเจน ทั้งนี้ มีข้ันตอนการดูแลช่วยเหลือผู้ป่วย ทถ่ี ูกกระทารุนแรงท้งั ดา้ นรา่ งกาย จติ ใจ และเพศ ณ โรงพยาบาลท่ีเข้ารบั การรักษา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ ภายใต้การดาเนินงาน ของศูนย์ช่วยเหลือสังคม (Social Assistance Center - SAC) สายด่วน ๑๓๐๐ มีบทบาทหน้าท่ีในการ ให้คาปรึกษาผ่านช่องทางโทรศัพท์สายด่วนหมายเลข ๑๓๐๐ มีการรับเรื่องราวร้องทุกข์ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ ให้คาปรึกษาและนักสังคมสงเคราะห์ปฏิบัติงานและให้บริการตลอด ๒๔ ชั่วโมง รวมท้ังมีการช่วยเหลือเชิงรุก ในกรณีวิกฤต โดยมีหน่วยเคล่ือนที่เร็ว (Mobile Team) ลงพ้ืนที่ช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาเบื้องต้น ตลอดจน การทางานร่วมกับหน่วยงานและเครอื ขา่ ยอนื่ ๆ ในการแก้ไขปญั หาความรนุ แรงในสังคม เช่น กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข และสานักงานตารวจแห่งชาติ เป็นต้น และหน่วยงานภายในกระทรวงการพัฒนาสังคม
- ๑๖ - และความมั่นคงของมนุษย์ โดยมีสานักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด และบ้านพักเด็ก และครอบครัวจังหวัด รวมทั้งทีมอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) ร่วมในการปฏิบัติงาน มีการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ มีการส่งต่อข้อมูลผู้ประสบปัญหาแต่ละประเด็นปัญหาให้แก่หน่วยงาน ท่ีรับผิดชอบโดยตรงผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ การให้บริการของศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน ๑๓๐๐ ให้บริการผู้ประสบปัญหาทางสังคม ในการให้คาปรึกษาแนะนา การช่วยเหลือและการประสานส่งต่อ เพ่ือให้ ผูป้ ระสบปญั หาสังคมสามารถเขา้ ถึงบรกิ ารไดอ้ ยา่ งรวดเร็วทนั เหตุการณ์ และไดร้ ับการชว่ ยเหลือตรงตามสภาพปญั หา การให้ความช่วยเหลือผ่าน “ศูนย์ประสานการป้องกันและแก้ไขปัญหาการล่วงละเมิดหรือการคุกคามทางเพศ ในการทางาน” (ศปคพ.) ซ่งึ เป็นศูนย์กลางในการประสานงานกับหน่วยงานตา่ ง ๆ ในการดาเนินงานป้องกันและแก้ไข ปัญหาการล่วงละเมิดและการคุกคามทางเพศ รวมท้ังติดตามผลการดาเนินงานตามมาตรการในเร่ืองน้ี โดยต้ังอยู่ที่ กรมกิจการสตรแี ละสถาบนั ครอบครัว กล่าวโดยสรปุ การดาเนินงานของศูนย์ช่วยเหลือทางสังคมเป็นการทางานในรูปแบบ สหวิชาชีพโดยหน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นท่ีชุมชน บ้านพักเด็ก และครอบครัว เครือข่ายกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) สถานีตารวจ โรงพยาบาล ศูนย์ช่วยเหลือสังคม หน่วยงานอื่น ๆ ภาครัฐ/เอกชน/ประชาชน ซึ่งเม่ือได้รับแจ้งจะทาการสืบเสาะแสวงหา ข้อเท็จจริงและประเมินสภาพปัญหาเบื้องต้นในด้านกาย จิต สังคม โดยชุดเคลื่อนที่เร็ว ได้แก่ บ้านพักเด็ก และครอบครัว พนักงานเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่ตารวจ ครู/อาจารย์ เม่ือสืบเสาะแสวงหาข้อเท็จจริง เรยี บรอ้ ยแล้ว จะทาการประสาน/สง่ ตอ่ หน่วยงานท่เี ก่ียวข้องเพอ่ื ให้การบาบดั ฟนื้ ฟู ได้แก่ บ้านพกั เดก็ และครอบครัว เพ่ือคุ้มครองสวัสดิภาพกรณีจาเป็น โรงพยาบาลเพื่อรักษาพยาบาลทางกายและจิตใจ นอกจากนี้ ยังมีการประชุม ทีมสหวิชาชีพอาเภอ/จังหวัด เพื่อประเมินสภาพปัญหา ความต้องการ วางแผนและให้ความช่วยเหลือ โดยเฉพาะ ด้านกฎหมาย ด้านการแพทย์ (ร่างกายและจิตใจ) และด้านสังคม เพื่อเตรียมความพร้อมกลับสู่ครอบครัว สังคม และการติดตามประเมินผลให้ความช่วยเหลือและเฝ้าระวังต่อไป โดยนาเสนอขั้นตอนการทางานรูปแบบ สหวชิ าชพี ในการให้ความช่วยเหลอื ผู้ถูกขม่ ขืนกระทาชาเราและการลว่ งละเมิดทางเพศ การคมุ้ ครองสิทธแิ ละสวสั ดิภาพของผปู้ ระสบปัญหาความรนุ แรงทางเพศ ๑. ทาความเข้าใจปัญหา สาเหตุ และผลกระทบของปัญหาความรุนแรงทางเพศ ความรุนแรงในครอบครัว และการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุแห่งเพศยังมีความสาคัญอย่างต่อเนื่อง จริงจัง มกี ารติดตามประเมินความสาเร็จของงาน ๒. พัฒนาบุคลากรผู้ปฏิบัติงานให้พร้อมท่ีจะให้บริการช่วยเหลือผู้เสียหายอยู่เสมอ ให้มคี วามพร้อมในการให้บรกิ ารท่ีเปน็ มิตรต่อผู้เสยี หาย ๓. จัดให้ผู้เสียหายสามารถเข้าถึงแหล่งหรือหน่วยงานที่ให้บริการช่วยเหลือ อย่างเป็นมิตรในทุกระดับ ควรสนับสนุนให้หน่วยงานทุกระดับได้ร่วมกันทางานด้านคุ้มครองสิทธิและคุ้มครอง สวัสดิภาพผู้เสียหาย ท้ังในสว่ นกลาง จังหวัด และระดับทอ้ งถน่ิ ๔. สนับสนุนให้มีการทางานร่วมกับทีมสหวิชาชีพ โดยสนับสนุนให้มีผู้ทาหน้าที่ เป็นผู้จัดการกรณี (CM) มีการทางานร่วมกับทีมสหวิชาชีพ เชื่อมโยงกับเครือข่าย มีการนิเทศ ติดตามผล และพัฒนากระบวนการทางานรว่ มกนั อยา่ งสมา่ เสมอ แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาการข่มขืนกระทาชาเราและการล่วงละเมิด ทางเพศ รวมท้ังการคุ้มครองสทิ ธแิ ละสวัสดิภาพของผปู้ ระสบปญั หาความรนุ แรงทางเพศเป็นเร่ืองท่มี ีความยาก และสลับซับซ้อน ทั้งการให้ความรู้ความเข้าใจในครอบครัว โรงเรียน และชุมชน ตลอดจนการสร้างทัศนคติ ของการปกป้องสิทธิของผู้หญิงและเด็ก เพ่ือไม่ให้ตกเป็นผู้ถูกกระทาความรุนแรงท้ังทางด้านร่างกาย จิตใจ และเพศ ประกอบกับมีหลกั การบาบัดฟื้นฟขู องผู้กระทาผิดท้ังผใู้ หญ่ และเดก็ และเยาวชน ต้องมีการปรับปรุงแก้ไขระบบ
- ๑๗ - อย่างต่อเนื่อง โดยมีมาตรฐานของเครื่องมือ แบบประเมินซ่ึงจะเป็นเคร่ืองมือในการตัดสินเพ่ือการบาบัดฟื้นฟู และรักษาผู้กระทาผิดคดีทางเพศในกรณีต่าง ๆ อีกท้ังแนวทางจากต่างประเทศในการบาบัดฟ้ืนฟูมีแนวทาง ท่ีปรับเปล่ียนไป การให้ความช่วยเหลือผู้ถูกกระทาอย่างเป็นระบบ ตลอดจนมาตรการต่าง ๆ ทั้งมาตรการ ทางกฎหมาย มาตรการทางการบริหาร มาตรการทางสังคม และมาตรการทางการศึกษา รวมทั้งการร่วมมือ ในทุกภาคส่วนจะเป็นทางออกของการแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างบูรณาการและย่ังยืน ดังนั้น การร่วมสร้างสังคม ปลอดภยั ปลอดอาชญากรรมทางเพศ เป็นเรอ่ื งที่ต้องร่วมมอื กนั อยา่ งจรงิ จังของประชาชนทุกคนในประเทศไทย สานกั งานค้มุ ครองสิทธิและชว่ ยเหลือทางกฎหมายแกป่ ระชาชน ปัจจุบันสานักงานอัยการสูงสุดมีหน่วยงานชื่อว่า “สานักงานคุ้มครองสิทธิ และชว่ ยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน” (ส่วนกลาง) และ “สานักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมาย และการบงั คบั คดีจงั หวัด...” (สคช.จงั หวดั ) ประจาทุกจังหวัด รวมท่ัวประเทศจานวน ๑๑๒ แห่ง โดยเฉพาะในส่วน ภูมิภาคเพ่ือให้ประชาชนในพ้ืนท่ีต่าง ๆ ได้รับการบริการทางกฎหมายจากพนักงานอัยการโดยเสมอภาคและท่ัวถึง หน้าท่ีที่สาคัญ คือ เผยแพร่ความรู้และให้คาปรึกษาปัญหากฎหมายแก่ประชาชน จัดหาทนายความช่วยเหลือ ในทางอรรถคดแี ก่ประชาชนผ้ยู ากจนและไมไ่ ด้รับความเปน็ ธรรม ตลอดจนงานการประนอมข้อพิพาท โดยสานักงาน อัยการสูงสุดรับผิดชอบดาเนินการตามแนวนโยบายท่ีกาหนดไว้ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชา ติ การพิจารณาพื้นท่ีเป้าหมาย ดาเนินงานโดยนาเอาปัญหาท่ีแท้จริงของคนในท้องถ่ินที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค และแต่ละพ้ืนที่เป็นตวั กาหนดพ้ืนท่ีปฏิบัติการ และเปน็ การใหบ้ ริการแบบไม่เสยี ค่าใช้จา่ ย ยกเว้นค่าธรรมเนียม ในชั้นศาลทต่ี อ้ งเสยี ตามกฎหมาย กล่าวได้ว่าในส่วนงานของสานักงานอัยการสูงสุด การมี “สานักงานอัยการคุ้มครอง สิทธิและช่วยเหลอื ทางกฎหมายและการบังคบั คดีจังหวัด...” จะสามารถทาให้ประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุตธิ รรม ได้อย่างทั่วถึงมากขึ้น เพราะเป็นการปฏิบัติงานเชิงรุกเพ่ือช่วยเหลือประชาชนท่ีมีความรู้ความเข้าใจเก่ียวกับ การดาเนินกระบวนการยุติธรรมน้อย ได้เข้าถงึ ระบบยุติธรรมอย่างแท้จริง ส่งเสริมความรู้ความเข้าใจว่าประชาชน มีสิทธิอย่างไรบ้าง ซึ่งจากเดิมท่ีพนักงานอัยการเพียงแต่มีบทบาทหน้าท่ีเป็นทนายความรักษาผลประโยชน์ของรัฐ หากมีการกระทาผิดใดที่กฎหมายบัญญัตวิ ่าพนกั งานอัยการจะต้องรับผิดชอบในขอบเขตเทา่ นั้น ดงั น้ัน ในส่วน ของหน่วยงานนจ้ี ึงมบี ทบาทที่สาคญั ในแง่ของการให้ความชว่ ยเหลอื ทั้งผทู้ ี่ตกเป็นเหยอื่ จากการกระทาความผิด ทางเพศ หากผู้เสียหายร้องเรียนผ่านสานักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี จังหวัด เพ่ือขอรบั ความช่วยเหลอื เพ่อื การเขา้ ถึงกระบวนการยุติธรรม ไม่เพียงแต่เท่าน้ัน สานักงานอัยการคุ้มครอง สทิ ธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัด ยังดูแลผู้ต้องหา โดยสามารถใหค้ าปรึกษากบั ผู้ต้องหาได้ว่า มีสิทธิจะให้การหรือไม่ให้การ มีสิทธิพบและปรึกษาทนายความ การรักษาพยาบาล การแจ้งให้ญาติทราบถึง การจับกุม การร้องขอปล่อยชั่วคราว หรือการร้องขอปล่อยตัวจากการจับไปขังโดยไม่ชอบซึ่งเป็นสิทธิข้ันพ้ืนฐาน ตามรฐั ธรรมนูญ ๕.๓.๔ แนวทางกฎหมายและกระบวนการยุตธิ รรมในการใหค้ วามช่วยเหลอื ผถู้ ูกกระทา คณะกรรมาธิการวิสามัญได้พิจารณาศึกษาเก่ียวกับกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ที่เก่ียวข้องกับปัญหาการข่มขืนกระทาชาเราและการล่วงละเมิดทางเพศ โดยกาหนดกรอบการพิจารณาศึกษา จาแนกออกเป็น ๒ หมวด คือ หมวด ๑ กฎหมายท่ีเก่ียวข้องกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการข่มขืนกระทา ชาเราและการล่วงละเมิดทางเพศ และ หมวด ๒ กระบวนการยุติธรรมกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาการข่มขืน กระทาชาเราและการลว่ งละเมิดทางเพศ โดยมีรายละเอียด ดังนี้
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 633
Pages: