125 การเรยี นรู้ ส่อื การเรียนรู้ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ และหน้าท่ีของ tRNA ว่า “tRNA มเลกุล RNA ที่มีขนาดเล็ก ทำ นที่สอดคล้องกับรหัสการสร้าง A มาต่อกันเป็นสายพอลีเพปไทด์ นรหัสสามตวั (triplet code) ซง่ึ คลีโอไทด์เรียงกันตามลำดับใน ยกวา่ โคดอน (codon) สว่ นลำดับ าคู่กับลำดับเบสของโคดอนใน ย 3 นิวคลีโอไทดเ์ ช่นกัน เรียกว่า don)” สรา้ งทางสณั ฐาณของ rRNA
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมก เล็กและหน่วยย่อยขนาดใหญ่ ภาพที่ 6 โคร จะแยกออกจากกัน และ 1.2ครูกล่าวถึงโครงสร้างแ mRNA จ ะ ห ล ุ ด อ อ ก จ า ก (ribosomal RNA) เป็น ไรโบโซม ซึ่งเป็นออร์แกเนลล ดา้ นทกั ษะ (P) สังเคราะห์โปรตนี ” 1. ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร 2. นักเรียนศกึ ษาเรือ่ ง “กระบว ส่อื สาร (การพูด การอา่ น การ แปลรหัส (Translation)” จ เขียน) คำบรรยายประกอบการใช 2. ความสามารถในการคิด บันทึกข้อความรู้ที่ได้ลงในแ (การวิเคราะห์ การลำดับ โดยครูจะเปิดวีดีทัศน์ให ขน้ั ตอน) สังเคราะห์โปรตีน จากนั้นค 3. ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร โปรตีนทั้งหมดอีกครั้งโด แก้ปัญหา (การแก้โจทย์การ ประกอบคำบรรยาย ถอดรหัส DNA) 4. ความสามารถในการใช้ ทักษะชีวิต (การทำกิจกรรม กลมุ่ ) 5. ความสามารถในการใช้ เทคโนโลยี (-) คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) กิจกรรมในคาบเรยี นน้ีสง่ เสริม ให้นักเรียนมีวินัย (รักษาเวลา
การเรยี นรู้ 126 สอ่ื การเรยี นรู้ การประเมินผลการเรียนรู้ รงสร้างภายในของ rRNA และหน้าที่ของ rRNA ว่า “rRNA นองค์ประกอบของของไรโบโซม ล์ที่ทำหน้าที่ในกระบวนการ วนการสงั เคราะหโ์ ปรตีนหรอื การ จากการศกึ ษาวีดที ัศนแ์ ละการฟัง ช้สื่อ PowerPoint ของครู และ แบบบันทึกกิจกรรมที่ครูแจกให้ ห้นักเรียนศึกษากระบวนการ ครูจึงสรุปขั้นตอนการสังเคราะห์ ดยใช้รูปภาพและ PowerPoint
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ กิจกรรมก ในการศึกษาค้นคว้า) มีความ ภาพท่ี 7 ภาพสรปุ กร มุ่งมั่นในการทำงาน (กระบวนการ (กระตือรือร้นที่จะค้นคว้าหา ความรู้) และมีจิตสาธารณะ 2.1กระบวนการท่ี 1 กร (แบ่งปันแหล่งสารสนเทศให้ ไรโบโซมหน่วยย่อยขน เพื่อนได้ศึกษาอย่างเท่าเทียม tRNA ตัวแรกจะนำกรด กัน) (start codon) นั่นคือ ขนาดใหญ่จะเข้ามาจบั ก โบโซมพร้อมจะทำหน้า ภาพท่ี 8 ภาพสรปุ กร (กระบวนการต 2.2กระบวนการที่ 2 กระ tRNA โมเลกุลที่สอง โคดอนถดั ไปของ mRN เรียงต่อกับกรดอะมิโน
การเรยี นรู้ 127 สื่อการเรียนรู้ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ระบวนการสงั เคราะหโ์ ปรตีน รเร่ิมตน้ : Initiation) ระบวนการเริ่มต้น (Initiation) นาดเล็กมาจับกับ mRNA ทำให้ ดอะมโิ นตัวแรกมายงั รหสั เริม่ ตน้ อ 5’ AUG 3’ จากนั้นไรโบโซม กบั ไรโบโซมขนาดเลก็ จงึ ทำให้ไร าท่ตี อ่ ไป ระบวนการสงั เคราะห์โปรตีน ตอ่ สาย : Elongation) ะบวนการต่อสาย (Elongation) ที่มีแอนติโคดอนเป็นคู่สมกับ NA นำกรดอะมิโนตัวทสี่ องเข้ามา นตัวแรก แล้วสร้างพันธะเพปไทด์
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมก เชื่อมระหว่างกรดอะม เคลื่อนที่ไปยังโคดอนถ ยังปลาย 3’ ซึ่ง tRNA ไรโบโซมและสาย mRN แอนติโคดอนเป็นคู่สม กรดอะมโิ นตวั ที่สามเขา้ แล้วสร้างพันธะเพปไท สองกับกรดอะมิโนต เคลื่อนที่ต่อไปทีละโคด ตา่ ง ๆ จะดำเนินต่อไปเ ได้สายที่มีกรดอะมิโ “พอลิเพปไทด์ (polep ภาพท่ี 7 ภาพสรปุ กร (กระบวนการส้ิน 2.3กระบวนการที่ 3 กระ เมื่อไรโบโซมเคลื่อนที่ต
128 การเรียนรู้ สือ่ การเรยี นรู้ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ มิโนทั้งสอง จากนั้นไรโบโซมจะ ถัดไปในทิศทางจากปลาย 5’ ไป A โมเลกุลแรกจะหลุดออกไปจาก NA แลว้ tRNA โมเลกลุ ท่ีสาม ทม่ี ี กับโคดอนถัดไปของ mRNA นำ ามาเรยี งต่อกบั กรดอะมิโนที่สอง ทด์เชื่อมระหว่างกรดอะมิโนตัวที่ ตัวที่สาม จากนั้นไรโบโซมจะ ดอนตามลำดับ และกระบวนการ เช่นเดยี วกบั ที่กลา่ วมาข้างตน้ จะ โนต่อกันเป็นสายยาวเรียกว่า peptide)” ระบวนการสงั เคราะห์โปรตนี นสุด : Termination) ะบวนการสิ้นสุด (Termination) ต่อไปบน mRNA จนพบกับรหัส
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ กิจกรรมก หยุดรหัสใดรหัสหนึ่ง ไ ไม่มี tRNA เข้ามาจับ แปลรหัส แล้วพอลีเพป และแยกออกจากกัน ไร หน่วยย่อยขนาดใหญ่จ จะหลุดออกจากไรโบโซ ขน้ั สร้างความรู้ (30 นาที) 1. ครูให้นักเรียนจบั คู่กัน และ สองคู่ โดยนัง่ บรเิ บณหัวโตะ๊ กระ โต๊ะ
129 การเรยี นรู้ สอื่ การเรยี นรู้ การประเมินผลการเรียนรู้ ได้แก่ UAA UAG หรือ UGA จะ บกับรหัสหยุด ทำให้หยุดการ ปไทด์ตัวสุดท้ายจะถูกตัดออกไป รโบโซมหน่วยย่อยขนาดเล็กและ จะแยกออกจากกัน และ mRNA ซม ะให้นักเรียนนั่งที่โต๊ะเรียนโตะ๊ ละ ะตรงข้ามกนั ะดานดำ ะนกั เรยี น
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ กิจกรรมก 2. ครแู จกอปุ กรณใ์ ห้นกั เรียนแ 2.1แบบบนั ทกึ กิจกรรมเรอ่ื แบบบ เรอ่ื งการ DN _____ ___ mR _____ ___ tRNA _____ ___ P _____ ___ ป _____ ___ 2.2กระดาษ mRNA 1 แผ ___ ___ ___ __ 3. ครูอธิบายวิธีการทำกิจกรร ใชส้ ื่อ PowerPoint 4. นักเรียนคนหนึ่งในกลุ่มเดิน นิวเคลียส) พร้อมกับกระ นักเรียนสุ่มเลือกโมเลกุล
130 การเรยี นรู้ สื่อการเรยี นรู้ การประเมินผลการเรียนรู้ แต่ละคู่ โดยนักเรยี น 1 คจู่ ะได้รบั องการสังเคราะห์โปรตีน บนั ทึกกจิ กรรม รสังเคราะหโ์ ปรตีน NA template ___ _____ _____ RNA codons ___ _____ _____ A anticodons ___ _____ _____ Polypeptide ___ _____ _____ ประโยค ___ _____ _____ ผ่น mRNA __ ___ ___ ___ ___ ___ รมเรื่องการสังเคราะห์โปรตีนโดย นไปที่โต๊ะหลังห้อง (จำลองเป็น ะดาษ mRNA 1 แผ่น และให้ ล DNA ต้นแบบที่จะใช้ในการ
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมก ถอดรหัส จากนั้นให้นักเรีย mRNA แล้วเขียนเบสที่ถอ โดยเขยี นได้ 3 เบสตอ่ เสน้ ใ เดินกลับไปยังโต๊ะของกลุ่ม ไซโทพลาสซมึ ) โต โต๊ะ ภาพแสดงขน้ั ตอนการท
131 การเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ยนถอดรหัส DNA ที่เลือกให้เป็น อดรหัสได้ลงในกระดาษ mRNA ใตห้ น่ึงเส้น เมอื่ เขยี นเสร็จแล้วจึง มตนเอง (ไรโบโซมที่ลอยอยู่ใน ต๊ะนกั เรยี น ะหลังหอ้ งเรียน ทำกิจกรรมของนกั เรียน 1 กลมุ่
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมก DN กร โต โต๊ะ 5. นักเรียนอกี คนหนึ่งในกลุ่มเ ที่ประกอบด้วยแอนติโคดอ เมื่อพบแล้วให้นำการ์ด tR บันทกึ ข้อมลู แอนตโิ คดอน,
การเรยี นรู้ 132 โต๊ะหลงั หอ้ งเรยี น ส่ือการเรยี นรู้ การประเมนิ ผลการเรียนรู้ NA ต้นแบบ ถอดรหสั mRNA ระดานดำ ต๊ะนกั เรยี น ะหลงั หอ้ งเรยี น เดินไปยังกระดานหาการด์ tRNA อนที่เข้าคู่กับโคดอนบน mRNA RNA นั้นกลับมาที่โต๊ะของตนเอง กรดอะมโิ น และคำภาษาองั กฤษ
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมก ไว้ ทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ (ห ใบเสรจ็ แล้วให้นำกลับไปตดิ กระด โต๊ะ โต๊ะหลัง
133 การเรียนรู้ สอ่ื การเรยี นรู้ การประเมินผลการเรยี นรู้ หลังจากใช้การ์ด tRNA แต่ละ ดที่กระดานดำหน้าหอ้ งเช่นเดิม) ดานดำ ะนักเรียน งห้องเรียน
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมก 6. นักเรียนทำจนกระทั่งเจอก STOP เปน็ การจบการสงั เค จะได้ประโยคภาษาอังกฤษท mRNA ประโยคภ 7. นักเรียนบันทึกผลการทำกิจ เรอ่ื งการสังเคราะห์โปรตนี 8. นักเรียนตอบคำถามหลังทำ เรอ่ื งการสงั เคราะห์โปรตนี 9. เมื่อทุกกลุ่มบันทึกผลการท หลังทำกิจกรรมเรียบร้อยแ โดยใช้สือ่ PowerPoint ให้น 10.ครูและนักเรียนรว่ มกนั อภิป สงั เคราะห์โปรตีน โดยครูใช
134 การเรยี นรู้ ส่ือการเรยี นรู้ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ การ์ด tRNA ที่ด้านหลังมีคำว่า คราะห์โปรตนี 1 คร้งั และนกั เรยี น ท่สี มบรู ณ์ 1 ประโยค โตะ๊ นกั เรยี น การ์ด tRNA ภาษาแอปังกลฤรษหสั จกรรมลงในแบบบนั ทึกกิจกรรม ำกิจกรรมในแบบบันทึกกิจกรรม ทำกิจกรรมพร้อมทั้งตอบคำถาม แล้ว ให้ครูแสดงคำตอบที่ถูกต้อง นกั เรียนตรวจ ปรายผลการทำกิจกรรมเร่ืองการ ชค้ ำถามหลังทำกิจกรรมดงั นี้
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ กจิ กรรมก 10.1เพราะเหตุใดนักเรียน ถอดรหัส DNA ต้นแ ถอดรหัสพันธุกรรมจาก ภายในนวิ เคลยี ส) 10.2เพราะเหตุใดในการ mRNA เปน็ ตวั ถา่ ยทอ DNA ไมส่ ามารถออกมาน สังเคราะห์โปรตีนเกิดขึ้น ซึ่งเป็นตัวกลางในการน โทพลาสซมึ เข้าสกู่ ระบว 10.3กระบวนการถอดรห นวิ เคลียสของเซลล)์ 10.4เพราะเหตุใดนักเรีย กระดานดำกลับมาย เป็นตัวแปลรหัสสาย m มายงั โตะ๊ ซ่ึงเปน็ ไรโบโซม 10.5กระบวนการแปลรหัส (ไซโทพลาซมึ ) 10.6ค ำ ภ า ษ า อ ั ง ก ฤ ษ แ ต สงั เคราะห์โปรตีน (กร 10.7ประโยคภาษาอังกฤ โปรตนี (สายพอลีเพปไท
135 การเรียนรู้ ส่ือการเรียนรู้ การประเมนิ ผลการเรียนรู้ นต้องยืนอยู่ที่นิวเคลียสในขณะ แบบให้เป็น mRNA (เพราะการ ก DNA ต้นแบบให้เป็น mRNA เกิด รสังเคราะห์โปรตีนจึงต้องใช้ อดรหสั พันธกุ รรมใน DNA (เพราะ นอกนิวเคลียสได้ แตก่ ระบวนการการ นในไซโทพลาสซึม จึงต้องใช้ mRNA นำรหัสพันธุกรรมบน DNA ไปยังไซ วนการในขั้นต่อไป) หัสพันธุกรรมเกิดขึ้นที่ใด (ภายใน นจึงต้องไปนำการ์ด tRNA จาก ยังโต๊ะของตนเอง (เพราะไรโบโซม mRNA ดังนั้นจึงต้องนำการ์ด tRNA ม เพอื่ ให้เกิดกระบวนการแปลรหสั ) สพันธกุ รรมเกิดขึ้นที่ใด ต่ละคำแทนของอะไรในการ รดอะมิโน) ฤษแทนอะไรในการสังเคราะห์ ทด์)
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมก 10.8จากการทำกิจกรรมส โปรตนี มีกข่ี ั้นตอน? อ ใด? (การสังเคราะห์โป ได้แก่ กระบวนการถอด นิวเคลียส และกระบวน ในไซโทพลาซมึ ) ข้ันสือ่ สาร 1. ครูให้นักเรียนเขียนภาพส และให้นักเรียนลองออกแ ประมาณ 20 นิวคลีโอไท เริ่มต้น (start codon) แ มาด้วย (ให้ระบุสายที่เป็น strand ด้วย) แล้วให้ถอดร สร้างสายพอลิเพปไทด์ออ รายงานหรอื กระดาษ A4 ข้นั ตอบแทนสงั คม 1. ให้นักเรียนที่ได้คะแนนสอบ จับคู่กับเพื่อนที่ได้คะแนนส เกณฑ์ แล้วอธิบายเนื้อหาใน แล้วให้เพื่อนคนที่สอบไม่ผ คู่ขนานอีกครั้ง (โดยคาดว่า
136 การเรยี นรู้ สื่อการเรยี นรู้ การประเมินผลการเรียนรู้ สรุปได้ว่ากระบวนการสังเคราะห์ อะไรบา้ ง? แตล่ ะขัน้ ตอนเกิดข้ึนที่ ปรตีนประกอบด้วย 2 กระบวนการ ดรหัส (Transcription) ซึ่งเกิดภายใน นการแปลรหัส (Translation) ซึ่งเกิด รุปการแปลรหัส ทั้ง 3 ขั้นตอน แบบสาย DNA สายคู่ ความยาว ด์ขึ้นมาหนึ่งสาย โดยให้มีรหัส และรหัสหยุด (stop codon) sense strand และ antisense รหัสจาก mRNA สายนั้น จากน้ัน อกมาด้วย โดยทำลงในกระดาษ บวัดความรู้ท้ายคาบที่ผ่านเกณฑ์ สอบวัดความรู้ท้ายคาบไม่ผ่าน นคาบเรียนนี้ให้เพื่อนฟังอีกคร้ัง ผ่านเกณฑ์กลับมาทำแบบสอบ าหลังจากที่นักเรียนที่เก่งช่วยให้
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมก ความรู้เพิ่มเติมกับนักเรียน สามารถทำแบบสอบใหไ้ ดค้ ะ
การเรียนรู้ สอ่ื การเรยี นรู้ 137 นที่อ่อนแล้ว นักเรียนที่อ่อนจะ การประเมินผลการเรยี นรู้ ะแนนผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน)
โรงเรยี นสรร กลมุ่ สาระการเรยี นรวู้ ิทย แผนการจดั การเรียนรู้ เรอ่ื ง ม ภาคการศกึ ษาปลาย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีที่ 4/พ และ 4/1 สาระชวี วิทยา 2. เข้าใจการถ่ายทอดลกั ษณะทางพันธุกรรม การถา่ ยทอดยนี บนโคร ดเี อน็ เอ หลกั ฐานขอ้ มูล และแนวคดิ เกย่ี วกบั วิวฒั นาการของสิ่งมชี วี ติ กำเนิดของส่งิ มีชีวติ ความหลากหลายของสิง่ มชี วี ติ และอนกุ รมวธิ าน ผลการเรยี นรู้ ม.4/9 สบื คน้ ขอ้ มลู และอธบิ ายการเกิดมวิ เทชนั ระดับยนี และระด ของการเกิดมวิ เทชัน
138 รพยาวิทยา ยาศาสตร์และเทคโนโลยี มวิ เทชนั I (มวิ เทชันระดับยนี ) รายวิชา ชวี วทิ ยา2 ว30252 ผสู้ อน นายเรวตั ร อยเู่ กดิ รโมโซม สมบัติ และหน้าที่ของสารพนั ธกุ รรม การเกิดมิวเทชนั เทคโนโลยีทาง ต ภาวะสมดลุ ของฮาร์ดี-ไวน์เบิร์ก การเกดิ สปีชีส์ใหม่ ความหลากหลายทางชวี ภาพ น รวมทัง้ นำความร้ไู ปใช้ประโยชน์ ดับโครโมโซม สาเหตกุ ารเกิดมวิ เทชนั รวมทง้ั ยกตวั อย่างโรค และกลุม่ อาการท่ีเป็นผล
จุดประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ กิจกรรมก เ ม ื ่ อ จ บ ค า บ เ ร ี ย น ดา้ นความรู้ (K) ขน้ั ต้งั คำถาม (5 นาที) นักเรยี นสามารถ มิวเทชันคือการเปลี่ยนแปลง 1. ครูเล่าสถานการณต์ วั อย่าง 1. บอกความหมายของ ลำดับและจำนวนของเบสใน ว่า “นกั เรียนเคยได้ยนิ หรอื มิวเทชนั ระดบั ยีนได้ (K) DNA ซ ึ ่ ง อ า จ ม ี ผ ล ท ำ ใ ห้ ใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น ยาแ 2. บอกสาเหตุของการ ลักษณะหรือฟีโนไทป์ของ Clinda-M นั้น ถ้าเราใช้ย เกดิ มวิ เทชันได้ (K) สิ่งมีชีวิตเปลี่ยนไปและ แนะนำ ใช้บ้างไม่ใช้บ้าง เ เดิมอีกครั้งหนึ่ง ประสิทธ 3. อ ธ ิ บ า ย ก า ร เ กิ ด สามารถถ่ายทอดลักษณะไป ป่วยนั้นจะด้อยลงไปมาก มวิ เทชันระดับยีนได้ (K) ยงั รนุ่ ต่อ ๆ ไปได้ 4. จำแนกประเภทของ ปัจจัยการเกิดมิวเทชันแบ่งได้ มิวเทชนั ระดบั ยีนได้ (P) 2 ประการคือ มิวเทชันที่ คำตอบวา่ เคยได้ยินมาบ้าง) จา 5. ทำงานเป็นกลุ่มได้ เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ซ่ึง “เพราะเหตุใดเมื่อเราใช้ย อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดขึ้นในอัตราต่ำมาก และ หรอื ใช้ในความถท่ี ่ไี ม่เหมาะ รักษาด้อยลงไป” (อาจได้ค (A) มิวเทชันที่เกิดจากการชักนำ ขึ้น หรือเชื้อเกิดมีการดื้อยา 6. มีวินัยในการรักษา โดยมนุษย์ โดยมีมิวทาเจน เวลา (A) (mutagen) เป็นสิ่งก่อการ เพราะเหตุใดเช้ือจึงมคี วาม 7. มีความมุ่งมั่นในการ กลาย มิวเทชันในระดับยีนแบ่งได้ 2 ดอื้ ยาได้” (เกิดการเปล่ยี นแป ทำงาน (A) ลักษณะไดแ้ ก่ สรุปคำถามหลักว่า “แล 1. การแทนที่คู่เบส (base- เปล่ียนแปลงไดอ้ ย่างไร?” pair substitution) เป็นการแทนที่คู่เบสในบาง ขน้ั แสวงหาความรู้ (35 นาที) ตำแหน่งของยีน 1. ครูอธิบายวิธีการทำกิจกรร โดยจะแบ่งออกเป็น 4 ศูน การแทนที่คู่เบส, มวิ เทชันแ
139 การเรยี นรู้ สอ่ื การเรยี นรู้ การประเมินผลการเรียนรู้ 1. PowerPoint 1. น ั ก เ รี ย น บ อ ก งเพือ่ กกระตุ้นความสนใจนักเรียน 2. ใบความรู้เรื่อง ความหมายของมิวเทชัน อไม่วา่ เวลาที่เรารับประทานหรือ มิวเทชันระดับยีน ร ะ ด ั บ ย ี น ไ ด ้ ถ ู ก ต ้ อ ง แบบการแทนท่คี ่เู บส (ประเมินจากแบบ แก้อักเสบ หรือกลุ่มยารักษาสิว 3. ใบความรู้เรื่อง สัมภาษณ์) ยาไม่ครบตามปริมาณที่แพทย์ ม ิ ว เ ท ช ั น ร ะ ด ั บ ยี น 2. นักเรียนบอกสาเหตุ เมื่อเรากลับมาใช้ยาปฏิชีวนะตัว แบบการเพิ่มขึ้นหรือ ของการเกิดมิวเทชัน ได้ ธิภาพของยาในการรักษาอาการ ก า ร ข า ด ห า ย ข อ ง ถูกต้อง (ประเมินจากแบบ ก หรือแทบไม่หายเลย” (อาจได้ นิวคลีโอไทด์ สมั ภาษณ์) ากนั้นครจู ึงกล่าวถามนักเรียนวา่ 4. ใบความรู้เรื่อง 3. นักเรยี นอธิบายการเกิด ยาไม่ครบตามปริมาณที่กำหนด สาเหตุของการเกิด มิว เทชัน ร ะ ดับยีนได้ มิวเทชนั (ประเมินจากแบบ ะสมจึงทำให้ประสิทธิภาพในการ 5. แบบบนั ทกึ สัมภาษณ)์ คำตอบว่าเชื้อมีความต้านทานยามาก กิจกรรมเรอ่ื ง 4. น ั ก เ ร ี ย น จ ำ แ น ก มวิ เทชนั I (มิวเทชัน ปร ะ เภทของ มิว เทชัน า) แล้วครูจึงถามต่อไปว่า “แล้ว มต้านทานเพ่มิ มากขนึ้ หรอื เกดิ การ ระดับยีน) ระดับยีนได้ (ประเมินจาก ปลงของยนี ) แล้วครจู ึงช่วยนกั เรยี น แบบสังเกตและแบบ ล้วยีนในสิ่งมีชีวิตนั้นเกิดการ สมั ภาษณ์) 5. คะแนนความร่วมมือ ร่วมใจในการทำงานเป็น รมศูนย์การเรียนเรื่องมิวเทชัน I กลุ่มอยู่ในเกณฑ์ดีขึ้นไป นย์การเรียนได้แก่ มิวเทชันแบบ (ประเมินจากเกณฑ์การให้ แบบการเพ่มิ ข้ึนของนวิ คลีโอไทด์, คะแนนในการทำงานกลุม่ )
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมก 2. การเพิ่มขึ้นหรือการขาด มิวเทชันแบบการขาดหายข ห า ย ข อ ง น ิ ว ค ล ี โ อ ไ ท ด์ เกิดมิวเทชัน โดยวิธีการทำ (insertion or deletion of แล้วแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ ประ nucleotide) 8-9 คน จากนั้นให้นักเรีย เป็นการเพิ่มขึ้นหรือการขาด ศูนย์การเรียน ให้เวลาศึกษ หายไปของคู่นิวคลีโอไทด์ใน เมื่อแต่ละคู่ทำกิจกรรมในแ บางตำแหน่งของยนี หยิบไม้ไอศกรีมประจำศูน ตรวจสอบความครบถ้วนข ด้านทักษะ (P) เรื่อย ๆ จนแตล่ ะกลมุ่ วนคร 1. ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร 2. ครูใหน้ กั เรียนจับคู่กนั แลว้ ใ ส่ือสาร (การพดู การอา่ น การ กิจกรรม เมื่อเรียบร้อยแ เขยี น) อธบิ ายให้นักเรียนทราบไปแ 2. ความสามารถในการคิด (การวเิ คราะห์) ขน้ั สรา้ งความรู้ (15 นาที) 3. ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภปิ แกป้ ญั หา (-) 4. ความสามารถในการใช้ เรียน โดยใช้รูปภาพและ ทักษะชีวิต (การทำกิจกรรม บรรยาย ดังนี้ กลมุ่ )
140 การเรียนรู้ ส่อื การเรียนรู้ การประเมินผลการเรยี นรู้ ของนิวคลีโอไดท์ และปัจจัยการ ำกิจกรรมคือให้นักเรียนจับคู่กัน 6. นักเรียนมีวินัย ทำงาน ะมาณ 4 กลุ่ม กลุ่มละประมาณ เสรจ็ ในเวลาท่ีกำหนดให้ได้ ยนแต่ละกลุ่มไปประจำในแต่ละ (ประเมินจากเกณฑ์การให้ ษาศูนย์การเรียนละ 8 นาที (โดย คะแนนความตรงต่อเวลา) แต่ละศูนย์การเรียนเรียบร้อย ให้ 7. นักเรียนมีความมุ่งม่ัน นย์ติดตัวไปด้วย เพื่อเป็นการ ในการศกึ ษาหาความรู้จาก องการทำกิจกรรม) ทำเช่นนี้ไป แหล่งข้อมูลที่ครูจัดไว้ให้ รบทุกศนู ย์การเรยี น (ประเมินจากเกณฑ์การให้ ให้นักเรยี นออกมารับแบบบันทึก คะแนนความมุ่งมั่นในการ ล้วจึงดำเนินกิจกรรมตามที่ได้ ทำงาน) แล้ว ปรายสรุปความรู้ไปทีละศูนย์การ ะสื่อ PowerPoint ประกอบคำ
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ กิจกรรมก 5. ความสามารถในการใช้ เทคโนโลยี (การใช้แท็บเลต เพ่ือสืบคน้ ข้อมลู ) คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ภาพที่ 1 มิวเทชนั ระ (A) 1.1มิวเทชันระดับยีนแบ กจิ กรรมในคาบเรียนน้ีส่งเสริม substitution) เปน็ การ ให้นักเรียนมีวินัย (รักษาเวลา ยีน ซ่ึงจะทำให้เกิดมวิ เท ในการศึกษาค้นคว้า) มีความ หรือไม่ก็ได้ บางครั้งมิว ทำให้สาย พอลีเพปไท มุ่งมั่นในการทำงาน (กระตือรือร้นที่จะค้นคว้าหา ความรู้) และมีจิตสาธารณะ (แบ่งปันแหล่งสารสนเทศให้ เพื่อนได้ศึกษาอย่างเท่าเทียม กนั )
การเรยี นรู้ 141 สื่อการเรยี นรู้ การประเมินผลการเรียนรู้ ะดับยนี แบบการแทนทีค่ ู่เบส บบการแทนที่คู่เบส (base-pair รแทนท่ีคู่เบสในบางตำแหน่งของ ทชนั ในบางตำแหนง่ (mutation) วเทชันแบบการแทนที่คู่เบสอาจ ทด์สั้นลงได้ เนื่องจากเกิดการ
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ กจิ กรรมก เปลี่ยนลำดับนิวคลีโอไ ส้ินสุด (stop codon) ภาพที่ 2 มวิ เทชันระดบั ขอ 1.2มิวเทชันระดับยีนแบ นวิ คลโี อไทด์ (insertion เป็นการเพิ่มขึ้นหรือกา ในบางตำแหนง่ ของยีน นิวคลีโอไทด์จำนวน 1 แปลรหสั ได้สายพอลีเพ
142 การเรยี นรู้ สือ่ การเรียนรู้ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ไทด์ของยีนนั้นให้กลายเป็นรหัส บยีนแบบการเพ่ิมขึ้นหรือการขาดหาย องนวิ คลโี อไทด์ บบการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของ n or deletion of nucleotide) ารขาดหายไปของคู่นิวคลีโอไทด์ น โดยการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของคู่ 1-2 นิวคลีไทด์ จะทำให้เกิดการ พปไทด์ที่ผดิ พลาดตลอดความยาว
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ กิจกรรมก ของสายพอลีเพปไทด (frameshift mutation ภาพท่ี 3 ตัวอยา่ 1.3ปัจจัยในการเกิดมิวเท มิวเทชันที่เกิดขึ้นเอ mutation) อาจเกิดขึ้น ในธรรมชาติ ซึ่งมักจ จากเดิม และเกิดการแ เปลี่ยนไป แต่อัตรากา และมิวเทชันทเ่ี กิดจากก
143 การเรียนรู้ สื่อการเรยี นรู้ การประเมินผลการเรียนรู้ ด์ เรียกว่าเฟรมชิฟท์มิวเทชัน n) างของมวิ ทาเจน (mutagen) ทชันแบ่งได้ 2 ประเภท ได้แก่ องในธรรมชาติ (spontaneous นเน่ืองจากรังสี สารเคมี อุณหภูมิ ะทำให้การจับคู่ของเบสผิดไป แทนที่คู่เบส ทำให้รหัสพันธุกรรม ารเกิดมิวเทชันชนิดนี้จะต่ำมาก การชกั นำ (induced mutation)
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมก เป็นการกลายพันธุ์ที (mutagen) ชักนำให้เ สิ่งก่อกลายทางกายภา อณุ หภูมิ รังสีตา่ ง ๆ ภาพที่ 4 การถ่ายทอดโครโมโ 1.4มิวเทชันเกิดขึน้ ไดท้ ั้งใน ซึ่งจะถ่ายทอดลักษณ เกิดขึ้นที่เซลล์สืบพันธุ ตอ่ ไปยังลูกหลานได้โดย ภาพท
144 การเรยี นรู้ ส่อื การเรยี นรู้ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ่เกิดจากมนุษย์ใช้สิ่งก่อกลาย เกิดขึ้นซึ่งสิ่งก่อกลายพันธุ์ อาทิ าพ (physical mutagen) ได้แก่ โซมระหวา่ งการปฏิสนธิของสเปิรม์ และไข่ นเซลล์ร่างกายและเซลล์สืบพันธุ์ ะต่อไปหรือไม่ก็ได้ ถ้ามิวเทชัน ์ ยีนที่เกิดมิวเทชันจะสามารถส่ง ยตรง ท่ี 5 การตดิ ตาในพชื
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ กจิ กรรมก 1.5แต่ถ้าหากมวิ เทชนั เกิดข เซลล์ร่างกายนั้นจะมีก หรือไม่ เช่น ในกรณีข เน้ือเยือ่ บรเิ วณตาข้าง ซ ที่เจริญขึ้นมาใหม่มีลักษ นั้นออกดอกและติดผล ถา่ ยทอดไปยงั รุน่ ลูกหล ขั้นสอ่ื สาร 1. ครูใหน้ กั เรียนสรา้ งสาย DN โอไทด์ประมาณ 15 คู่ จา DNA นั้นเกิดการมิวเทชันแ หรือการขาดหายของนิวคล และสายพอลีเพปไทด์ที่ไดอ้ รายงานหรอื กระดาษ A4 ขนั้ ตอบแทนสงั คม 1. ให้นักเรียนนำเรื่องสาเหตุกา ๆ เช่น บุคคลในครอบคร วิทยาศาสตร์ได้ทราบถึงสาเห ยีน และนำผลท่ไี ดจ้ ากการเล
145 การเรยี นรู้ สอ่ื การเรียนรู้ การประเมินผลการเรียนรู้ ขนึ้ ท่ีเซลลร์ ่างกาย ก็ขึ้นอยู่กับว่า การพัฒนาให้เกิดการสืบพันธุ์ได้ ของพืช หากเกิดมิวเทชันที่เซลล์ ซงึ่ เปน็ เซลลร์ า่ งกายก็จะทำให้กิ่ง ษณะตา่ งไปจากเดิม และเมื่อพชื ลลักษณะดังกล่าวนี้ก็จะสามารถ ลานได้ NA ข้นึ มาหนึ่งสายท่ีมีลำดับนิวคลี ากนั้นให้นักเรียนลองทำให้สาย แบบการแทนทีค่ ู่เบส การเพิ่มขึน้ ลีโอไทด์ โดยให้เขียนสาย mRNA ออกมาด้วย โดยทำลงในกระดาษ ารเกิดมิวเทชันไปเล่าให้บุคคลอื่น รัว หรือเพื่อที่ไม่ได้เรียนสาย หตุของการเกิดมิวเทชันในระดบั ล่าเร่ืองราวมารายงานให้ครูทราบ
โรงเรียนสรร กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทย แผนการจดั การเรยี นรู้ เรื่อง มวิ เท ภาคการศกึ ษาปลาย ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 4/พ และ 4/1 สาระชีววิทยา 2. เข้าใจการถ่ายทอดลกั ษณะทางพนั ธกุ รรม การถา่ ยทอดยนี บนโคร ดเี อน็ เอ หลกั ฐานขอ้ มูล และแนวคิดเกี่ยวกบั วิวัฒนาการของสิง่ มีชีวติ กำเนดิ ของสิง่ มีชีวิต ความหลากหลายของสิ่งมชี วี ติ และอนุกรมวธิ าน ผลการเรียนรู้ ม.4/9 สืบค้นขอ้ มลู และอธิบายการเกิดมิวเทชัน ระดบั ยีน และระด ของการเกิดมิวเทชัน
146 รพยาวิทยา ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทชัน II (มิวเทชันระดบั โครโมโซม) รายวิชา ชวี วิทยา2 ว30252 ผสู้ อน นายเรวัตร อย่เู กดิ รโมโซม สมบตั ิ และหนา้ ที่ของสารพันธุกรรม การเกิดมิวเทชนั เทคโนโลยที าง ต ภาวะสมดลุ ของฮารด์ ี-ไวนเ์ บิร์ก การเกิดสปีชีสใ์ หม่ ความหลากหลายทางชวี ภาพ น รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ ดบั โครโมโซม สาเหตกุ ารเกิดมิวเทชัน รวมทั้งยกตัวอยา่ งโรค และกล่มุ อาการที่เป็นผล
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ กิจกรรมก เ ม ื ่ อ จ บ ค า บ เ ร ี ย น ด้านความรู้ (K) ข้ันตง้ั คำถาม (5 นาท)ี นกั เรยี นสามารถ มิวเทชันระดับโครโมโซมคือ 1. ครใู ช้คำถามเพอื่ ทบทวนควา 1. บ อ ก ค ว า ม หมาย การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับ ลักษณะต่าง ๆ ของสิ่งมีชีวิต จากน้นั ครจู ึงใช้คำถามเพื่อกร ของ มิว เทชันระดับ โครโมโซม อาจมีผลทำให้ วา่ “แล้วถา้ หากโครโมโซมมีร เปลี่ยนแปลงไป นักเรียนคิ โครโมโซมได้ (K) ล ั ก ษ ณ ะ ข อ ง ส ิ ่ ง ม ี ช ี วิ ต หรือไม่ อย่างไร” ครูให้เวลา แลว้ จึงเข้าสูก่ จิ กรรมในขั้นถดั 2. อธิบายสาเหตุของ เ ป ล ี ่ ย น ไ ป แ ล ะ ส า ม า ร ถ ค ว า ม ผ ิ ด ป ก ต ิ ข อ ง ถ่ายทอดลักษณะไปยังรุ่น โครงสร้างโครโมโซมได้ ตอ่ ๆ ไปได้ (K) มิวเทชันระดับโครโมโซมแบ่ง 3. อ ธ ิ บ า ย ก า ร เ กิ ด ได้ 2 ลักษณะได้แก่ ขั้นแสวงหาความรู้ (40 นาท)ี ปรากฏการณ์นอน - 1. มิวเทชันระดับโครงสร้าง 1. ครูอธิบายวิธีการทำกิจกรร ดิสจงั ชันได้ (P) 4. อธิบายสาเหตุของ ของโครโมโซม เป็นความ โดยจะแบ่งออกเปน็ 4 ศูนยก์ ผิดปกติจากการหักขาด แทนที่คู่เบส, มิวเทชันแบบก ความผิดปกติของ ของโครโมโซม อาจจะเป็น เทชันแบบการขาดหายของน จำนวนโครโมโซมได้ (K) ส่วนปลายหรือส่วนกลาง มิวเทชัน โดยวิธีการทำกิจก 5. เปรียบเทียบอาการ ของแท่งโครโมโซมก็ได้ แบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ ประมาณ ส่วนปลายที่หักขาดจะ คน จากนั้นใหน้ ักเรียนแต่ละ ผิดปกติที่มีสา เห ตุ เนื่องมาจากมิวเทชัน ระดบั โครโมโซมได้ (P) เหนยี วอาจตอ่ กับตำแหน่ง เรยี น ให้เวลาศึกษาศูนยก์ ารเ 6. ทำงานเป็นกลุ่มได้ เดิม ทำใหโ้ ครโมโซมน้ันไม่ ทำกิจกรรมในแตล่ ะศูนยก์ า อย่างมีประสิทธิภาพ เปลยี่ นแปลง ประจำศูนย์ลงไปในแบบบัน ตัวอย่างของอาการที่เกิด ตรวจสอบความครบถ้วนขอ (A) จ า ก ม ิ ว เ ท ช ั น ร ะ ดั บ เรอื่ ย ๆ จนแตล่ ะกล่มุ วนครบ
147 การเรยี นรู้ สอ่ื การเรียนรู้ การประเมินผลการเรียนรู้ 1. PowerPoint 1. น ั ก เ ร ี ย น บ อ ก ามรูข้ องนกั เรียนวา่ “ยนี ทค่ี วบคุม 2. ใบความรู้เรื่อง ความหมายของมิวเทชัน ตมีตำแหน่งอยู่ทีใ่ ด” (โครโมโซม) กลุ่มอาการผิดปกติ ระดับโครโมโซมได้ถูกต้อง จากการเปลี่ยนแปลง (ประเมินจากแบบสังเกต) ระตุ้นให้นักเรียนเกิดความสงสัย โครงสร้างของ 2. นักเรียนอธิบายสาเหตุ รปู รา่ งทผี่ ิดเพี้ยนไปหรือมีจำนวน โครโมโซมร่างกาย ของความผิดปกติของ ดว่าจะส่งผลกระทบต่อร่างกาย 3. ใบความรู้เรื่อง โ ค ร ง ส ร ้ า ง โ ค ร โ ม โ ซ ม ไ ด้ านักเรียนคาดคะเนคำตอบสักครู่ กลุ่มอาการผิดปกติ ถูกต้อง (ประเมินจากแบบ ดไป จากการเปลี่ยนแปลง สัมภาษณ์) จำนวนของโครโมโซม 3. นักเรยี นอธบิ ายการเกิด รมศูนย์การเรียนเรื่องมิวเทชัน II รา่ งกาย ปรากฏการณ์นอน- การเรียนไดแ้ ก่ มิวเทชนั แบบการ 4. ใบความรู้เรื่อง ดิสจังชันได้ (ประเมินจาก กลุ่มอาการผิดปกติ แบบสมั ภาษณ์) การเพิ่มขึ้นของนิวคลีโอไทด์, มิว นิวคลีโอไดท์ และปัจจัยการเกิด จากการเปลี่ยนแปลง 4. นักเรียนอธิบายสาเหตุ กรรมคือให้นักเรียนจับคู่กันแล้ว จำนวนของโครโมโซม ของความผิดปกติของ เพศ จ ำ น ว น โ ค ร โ ม โ ซ ม ไ ด้ ณ 4 กลุ่ม กลุ่มละประมาณ 8-9 5. ใบความรู้เรื่อง ( ป ร ะ เ ม ิ น จ า ก แ บ บ ะกลุ่มไปประจำในแต่ละศูนยก์ าร ป ร า ก ฏ ก า ร ณ์ สมั ภาษณ์) เรยี นละ 8 นาที (โดยเมอื่ แตล่ ะคู่ น อ น ด ิ ส จ ั ง ชั น 5. นักเรียนเปรียบเทียบ รเรียนเรียบร้อย ให้ติดสติ๊กเกอร์ (Nondisjunction) อาการผิดปกติที่มีสาเหตุ 5. แ บ บ บ ั น ทึ ก เน่ืองมาจากมิวเทชันระดับ นทึกกิจกรรมด้วย เพื่อเป็นการ กิจกรรมเรื่อง โครโมโซมได้ถูกต้อง องการทำกิจกรรม) ทำเช่นนี้ไป บทกุ ศูนย์การเรียน
จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ กจิ กรรมก 7. มีวินัยในการรักษา โครงสร้างของโครโมโซม 2. ครูให้นักเรียนจับคู่กัน เวลา (A) เช่น กลุ่มอาการคริดูชาต์ บันทึกกิจกรรม เมื่อเร 8. มีความมุ่งมั่นในการ (cri du chat syndrome) ตามทีไ่ ด้อธบิ ายให้นักเร ทำงาน (A) 2. มิวเทชันระดับจำนวน ขนั้ สรา้ งความรู้ (15 นาท)ี ของโครโมโซม เป็นการ 1. ครูและนกั เรยี นร่วมกันอภปิ เพิ่มขึ้นหรือลดลงของ เรียน โดยใช้รูปภาพและ จำนวนของโครโมโซม บรรยาย ดังนี้ อันเนื่องมาจากการเกิด กระบวนการนอนดสิ จงั ชัน (nondisjunction) ซง่ึ เป็น กระบวนการเปลี่ยนแปลง จำนวนโครโมโซมที่เกิดใน ภาพที่ 1 ภาพอาการข ขณะที่มีการแบ่งเซลล์ แบบไมโอซิส โดย ฮอมอโลกัสโครโมโซมจะ ไม่แยกออกจากกันใน ระยะแอนาเฟส I หรือ โครมาทิดไม่แยกในระยะ ภาพท่ี 2 ภาพแสดงคารโี อไ แ อ น า เ ฟ ส II ท ำ ใ ห้ 1.1กลุ่มอาการคริดูชาต์ โรคทเ่ี กิดจากการเปล่ยี
148 การเรยี นรู้ ส่อื การเรียนรู้ การประเมินผลการเรียนรู้ แล้วให้นักเรียนออกมารับแบบ มิวเทชัน II (มิวเทชัน (ป ร ะ เ ม ิ น จ า ก แ บ บ รียบร้อยแล้วจึงดำเนินกิจกรรม ระดับโครโมโซม) สมั ภาษณ)์ รยี นทราบไปแล้ว 6. คะแนนความร่วมมือ ร่วมใจในการทำงานเป็น ปรายสรุปความรู้ไปทีละศูนย์การ กลุ่มอยู่ในเกณฑ์ดีขึ้นไป ะสื่อ PowerPoint ประกอบคำ (ประเมินจากเกณฑ์การให้ คะแนนในการทำงานกลุ่ม) 7. นักเรียนมีวินัย ทำงาน เสรจ็ ในเวลาทีก่ ำหนดให้ได้ (ประเมินจากเกณฑ์การให้ คะแนนความตรงตอ่ เวลา) 8. นักเรียนมีความมุ่งม่ัน ในการศกึ ษาหาความรู้จาก ของเด็กทเ่ี ปน็ ครดิ ูชาต์ซนิ โดรม แหล่งข้อมูลที่ครูจัดไว้ให้ (ประเมินจากเกณฑก์ ารให้ คะแนนความมุ่งมั่นในการ ทำงาน) ไทปข์ องคนทเ่ี ปน็ คริดูชาต์ซนิ โดรม (cri du chat syndrome) เป็น ยนแปลงโครงสร้างของโครโมโซม
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมก โครโมโซมเคลื่อนย้ายไป มีความผิดปกติท่ีเกิดกับ ยังข้วั เดียวกนั ของเซลล์ คู่ที่ 5 ขาดหายไป พบ ตัวอย่างของอาการที่เกิด เด็กแรกเกิด พบในเ จากมิวเทชันระดับจำนวน อัตราส่วน 2 ต่อ 1 ม ของโครโมโซมเชน่ ใบหน้ากลม ตาเล็กอยูห่ กลุ่มอาการดาวน์ (Down หูอยู่ต่ำกว่าปกติ เส้นส syndrome) ทำให้เสียงเล็กแหลมค กลุ่มอาการพาทัว (Patau อ่อน อาจมีชีวติ อยู่ได้จน syndrome) ก ล ุ ่ ม อ า ก า ร เ อ ็ ด เ ว ิ ร์ ด ภาพท่ี 3 ภาพแสดงรปู แบบของ (Edwards syndrome) เทอร์เนอร์ซินโดรม 1.2มิวเทชันระดับโครงส (Turner syndrome) ผิดปกติจากการหกั ของ เอกซ์วายวายซินโดรม หรือส่วนกลางของแท่ง (XYY syndrome) และ จะเหนียวอาจต่อกับต ไคลน์เฟลเทอร์ซินโดรม ปกติ หรือไม่มีการต (Klinefelter syndrome) พอลิพลอยด์ (polyploidy) คือสิ่งมีชีวิตที่มีจำนวน โครโมโซมมากกว่า 2 ชุด สว่ น ใหญ่เกิดจากการแบ่งเซลล์
149 การเรียนรู้ สอ่ื การเรยี นรู้ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ บส่วนของแขนสั้นของโครโมโซม บประมาณ 1 ต่อ 50,000 ของ เด็กหญิงมากกว่าเด็กชาย ใน มีลักษณะผิดปกติ คือ ศีรษะเล็ก ห่างกัน และเฉียง ด้งั จมูกแบน ใบ สายเสียง (vocal cord) ผิดปกติ คล้ายเสียงร้องของแมว ปัญญา นถงึ เปน็ ผ้ใู หญ่ งความผิดปกตขิ องโครงสร้างโครโมโซม ส ร้ า ง ข อ ง โ ค รโ ม โ ซม เ ป็ น ค วาม งโครโมโซม อาจจะเป็นสว่ นปลาย งโครโมโซมก็ได้ ส่วนปลายที่หัก ตำแหน่งเดิมทำให้โครโมโซมนั้น ต่อกับโครโมโซมเดิม ชิ้นส่วน
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมก โครโมโซมที่หักนัน้ เกิดข แบบไมโอซิสผิดปกติจาก ของโครโมโซมขาดหา ปรากฏการณ์นอนดิสจังชัน ส่วนกลางแทง่ โครโมโซม ท ำ ใ ห ้ เ ซ ล ล ์ ส ื บ พ ั น ธ ุ ์ มี จากปกติ ส่วนที่เกินอา โครโมโซม 2 ชดุ (diploid) บางส่วนของโครโมโซ แต่ต่อกลับหัวกลับหาง ดา้ นทักษะ (P) การแลกเปลยี่ นบางช้ินส 1. ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร ภาพท่ี 4 ภาพอาก สือ่ สาร (การพดู การอา่ น การ ภาพท่ี 5 ภาพแสดงคารีโอ เขียน) 2. ความสามารถในการคิด (การวเิ คราะห)์ 3. ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร แก้ปัญหา (-) 4. ความสามารถในการใช้ ทักษะชีวิต (การทำกิจกรรม กลมุ่ ความกล้าแสดงออก) 5. ความสามารถในการใช้ เทคโนโลยี (การใช้แท็บเลต เพอื่ สืบคน้ ข้อมูล) คุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A)
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416