150 การเรียนรู้ ส่อื การเรยี นรู้ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ข้นึ ไดห้ ลายลกั ษณะ โดยบางส่วน ายไป อาจเกิดที่ส่วนปลายหรือ ม, บางส่วนของโครโมโซมเกนิ มา าจมาจากโครโมโซมที่เป็นคู่กัน, มที่ขาดไปจะกลับมาต่อกันใหม่ ง ทำให้ยีนสลับกัน หรือเกิดการ สว่ นของโครโมโซมต่างคกู่ นั การของเดก็ ทีเ่ ป็นดาวนซ์ ินโดรม อไทปข์ องคนท่ีเป็นดาวน์ซนิ โดรม
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมก 1.3ดาวน์ซินโดรม (Dow กิจกรรมในคาบเรยี นน้สี ่งเสริม ให้นักเรียนมีวินัย (รักษาเวลา โครโมโซมคทู่ ่ี 21 เกินม ในการศึกษาค้นคว้า) มีความ ลกั ษณะทีผ่ ิดปกติคือรูป มุ่งมั่นในการทำงาน โตคับปาก คอสั้นกว้า (กระตือรือร้นที่จะค้นคว้าหา ผดิ ปกติ ปัญญาอ่อน จา ความรู้) และมีจิตสาธารณะ โอกาสเสี่ยงในการมีบุต (แบ่งปันแหล่งสารสนเทศให้ 20 ปี ประมาณ 50-6 เพื่อนได้ศึกษาอย่างเท่าเทียม กัน) ภาพท่ี 6 ภาพอาก
151 การเรยี นรู้ สอ่ื การเรยี นรู้ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ wn syndrome) เกิดจากจำนวน มา 1 แทง่ เป็น 47 โครโมโซม มี ปร่างเต้ีย ตาหา่ ง หางตาชข้ี ้ึน ลิ้น าง นิ้วมือนิ้วเท้าสั้น ลายน้ำมือ ากสถติ ิพบวา่ แมท่ มี่ ีอายุ 45 ปี มี ตรท่ีเป็นโรคนี้มากกว่าแม่ทีม่ ีอายุ 60 เทา่ การของเด็กที่เป็นพาทวั ซนิ โดรม
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมก ภาพท่ี 7 ภาพแสดงคารโี อ 1.4พาทวั ซนิ โดรม (patau เพดานโหว่ ตาเลก็ หหู น หวั ใจและไตผดิ ปกติ สม หลังจากคลอดไม่กี่เด ของทารกแรกคลอด ภาพท่ี 8 ภาพอากา
152 การเรยี นรู้ สอ่ื การเรยี นรู้ การประเมนิ ผลการเรียนรู้ อไทปข์ องคนทเ่ี ป็นพาทวั ซนิ โดรม u syndrome) มอี าการปากแหว่ง นวก ใบหตู ำ่ นิว้ มือนวิ้ เท้ามักเกิน มองพกิ าร ปัญญาออ่ น ทารกตาย ดือนพบประมาณ 1 ใน 5,000 ารของเดก็ ทเ่ี ปน็ เอ็ดเวิรด์ ซินโดรม
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมก ภาพที่ 9 ภาพแสดงคารีโอไ 1.5เอ็ดเวิร์ดซินโดรม (E มือกำ ท้ายทอยโหนก 1 ใน 5,000 คน ของท ภาพที่ 10 ภาพอากา
การเรยี นรู้ 153 ส่อื การเรยี นรู้ การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ไทป์ของคนที่เป็นเอด็ เวิร์ดซนิ โดรม Edwards syndrome) มีอาการ ใบหูผิดรูปเกาะต่ำ พบประมาณ ทารกแรกคลอด ารของเด็กท่ีเปน็ เทอรเ์ นอรซ์ ินโดรม
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ กิจกรรมก ภาพที่ 11 ภาพแสดงคารโี อไ 1.6เทอรเ์ นอรซ์ นิ โดรม (Tu รูปร่างเตี้ย คอสั้น หน้า คอลงมาจรกหัวไหล่ 5,000 คนของทารกแ ภาพท่ี 12 ภาพอาการ
การเรยี นรู้ 154 สือ่ การเรยี นรู้ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ไทปข์ องคนทเ่ี ปน็ เทอรเ์ นอรซ์ นิ โดรม urner syndrome) เป็นเพศหญิง าแก่ มีแผ่นหนังคล้ายปีกจากต้น เป็นหมัน พบประมาณ 1 ใน แรกคลอด รของคนทเ่ี ปน็ เอกซ์วายวายซินโดรม
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมก ภาพท่ี 13 ภาพแสดงคารโี อ 1.7เอกซ์วายวายซินโดรม รูปร่างสูงกว่าปกติ ไม 10,000 ของทารกแรก ภาพท่ี 14 ภาพอาการข
การเรยี นรู้ 155 สือ่ การเรยี นรู้ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ อไทป์ของคนทีเ่ ป็นเอกซว์ ายวายซนิ โดรม (XYY syndrome) เป็นเพศชาย ม่เป็นหมัน พบประมาณ 1 ใน กคลอด ของคนท่เี ปน็ ไคลน์เฟลเทอร์ซนิ โดรม
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ กิจกรรมก ภาพที่ 13 ภาพแสดงคารีโอ 1.8ไคลน์เฟลเทอร์ซนิ โดรม เพศชาย แขนขายาว ส คลา้ ยเพศหญงิ สะโพกผ ใน 500 ของทารกแรก ภาพที่ 14 นอนด
การเรียนรู้ 156 สื่อการเรียนรู้ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ อไทป์ของคนทเ่ี ปน็ ไคลน์เฟลเทอร์ซินโดรม ม (Klinefelter syndrome) เป็น สูงกว่าเพศชายปกติ หน้าอกใหญ่ ผาย มกั เป็นหมัน พบประมาณ 1 กคลอด ดิสจงั ชัน (Nondisjunction)
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ กิจกรรมก 1.9การเปลี่ยนแปลงจำนว การแบ่งเซลล์แบบไมโ โครโมโซมจะไม่แยกออ ไมโอซิส I หรือโครมาท แอนาเฟสของไมโอซิส ขวั้ เดยี วกนั ของเซลล์ เร ชัน (non-disjunctio จำนวนโครโมโซมขาดห เซลลส์ บื พนั ธท์ุ ี่ผิดปกตนิ จากพ่อหรือแม่ ก็จะไ ผิดปกติ ซึ่งจะมีผลก เอม็ บริโอในลักษณะต่าง ภาพท่ี 15 จ
157 การเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ การประเมนิ ผลการเรียนรู้ วนโครโมโซมมักจะเกิดขึ้นเมื่อมี โอซิสผิดปกติ โดย ฮอมอโลกัส อกจากกันในระยะแอนาเฟสของ ทิดจะไม่แยกออกจากกันในระยะ II โครโมโซมจึงเคลื่อนย้ายไปยัง รียกกระบวนการนว้ี ่า นอนดิสจัง on) ดังนั้นเซลล์สืบพันธุ์จึงมี หรือเกินมาจากจำนวนปกติ เมื่อ น้ีปฏิสนธิกับเซลล์สืบพันธุ์ท่ีปกติ ได้ไซโกตที่มีจำนวนโครโมโซม ระทบต่อการเจริญเติบโตของ ง ๆ กนั จำนวนชุดของโครโมโซม
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมก ภาพท่ี 16 ตวั อย 1.10 การเปลี่ยนแปลงจำนว ดิพลอยด์ สิ่งมีชีวติ ทีม่ ีจ เรยี กวา่ พอลิพลอยด์ ( การแบ่งเซลล์แบบไมโ นอดิสจังชัน ทำให้เซล อดิพลอยด์ พอลิพลอย ใหญ่พบในพืช ทำให้พ เช่น ขนาดของดอกหร มีการสร้างสารบางอย่า มีวิตามินสูงกว่าพันธุ์ 2 สูงกว่าพันธุ์ 2n เป็นต ได้แก่ 4n 6n 8n สา
การเรยี นรู้ 158 สือ่ การเรยี นรู้ การประเมินผลการเรียนรู้ ย่างผลของพอลพี ลอยดใ์ นพืช วนโครโมโซมเป็นชุดจากจำนวน จำนวนโครโมโซมมากกว่า 2 ชุด (polyploidy) สว่ นใหญ่เกิดจาก โอซิสผิดปกติจากปรากฏการณ์ ลล์สืบพันธุ์มีโครโมโซม 2 ชุด หรื ยด์พบได้ทั้งในพืชและสัตว์ ส่วน ืชมีขนาดใหญ่กว่าพวกดิพลอยด์ รือผล นอกจากนี้ยงั มีผลผลิตหรือ างเพิ่มขึ้น เช่น ข้าวโพดพันธุ์ 4n 2n ยาสูบพันธุ์ 4n มีสารนิโคติน ต้น พืชที่เป็นพอลิพลอยด์เลขคู่ ามารถสืบพันธุ์และถ่ายทอด
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมก พันธกุ รรมต่อไปได้ แตพ่ 3n 5n 7n มักเป็นหม ผสมสายพันธุ์เพื่อให้ได เปน็ ตน้ ขัน้ สื่อสาร (30 นาท)ี 1. ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มเป็น คน แลว้ ใหต้ ัวแทนกลุ่มออก อนั เน่ืองมาจากความผิดปก ไดแ้ ก่ กลมุ่ อาการคริดูชาต์ อาการดาวน์ (Down synd syndrome), เอ็ดเวิร์ดซิน เทอรเ์ นอรซ์ นิ โดรม (Turne โดรม (XYY syndrome) แ (Klinefelter syndrome) ประกอบไปด้วย ชื่ออาการ แสดงการเปล่ยี นแปลงโครง จังชันของอาการนั้น ๆ โด จำนวน 2 แผ่น เมื่อทำเสร กระดาษฟลิปชาร์ทมาติดไ กำหนดและให้เวลานำเสนอ
159 การเรียนรู้ ส่อื การเรยี นรู้ การประเมินผลการเรยี นรู้ พชื ท่เี ป็นพอลพิ ลอยด์เลขคี่ ได้แก่ มัน จึงนำมาใช้ประโยชน์ในการ ด้พืชท่ีไม่มีเมล็ด เช่น แตงโม องุ่น น 7 กลุ่ม กลุ่มละประมาณ 4-5 กมาจับฉลากหวั ขอ้ อาการผิดปกติ ตขิ องโครโมโซมทัง้ 7 อาการอัน (cri du chat syndrome), กลุ่ม drome), พาทัวซินโดรม (patau นโดรม (Edwards syndrome), er syndrome), เอกซ์วายวายซิน และไคลน์เฟลเทอร์ซินโดรม โดยหัวข้อที่จะต้องนำเสนอ ร ลักษณะของอาการ และภาพ งสร้างของโครโมโซมหรือนอนดิส ดยให้ทำใส่กระดาษฟลิปชาร์ท ร็จเรียบร้อยแล้วให้นักเรียนนำ ไว้หน้าชั้นเรียนตามบริเวณที่ครู อกลุ่มละ 3 นาที
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมก ขน้ั ตอบแทนสงั คม 1. ให้นักเรียนนำเรื่องสาเ เนอ่ื งมาจากรปู รา่ งหรอื จำน ไป ไปเล่าให้บุคคลอน่ื ๆ เช ที่ไม่ได้เรียนสายวิทยาศาสต มิวเทชันในระดับยีน และน รายงานใหค้ รูทราบ
160 การเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ หตุการเกิดความผิดปกติอัน นวนของโครโมโซมทเ่ี ปล่ียนแปลง ชน่ บุคคลในครอบครวั หรอื เพ่ือน ตร์ได้ทราบถึงสาเหตุของการเกิด นำผลที่ได้จากการเล่าเรื่องราวมา
โรงเรยี นสรร กล่มุ สาระการเรยี นรวู้ ิทย แผนการจัดการเรยี นร ภาคการศกึ ษาปลาย ชั้นมัธยมศกึ ษาปีที่ 4/พ และ 4/1 สาระชวี วทิ ยา 2. เข้าใจการถ่ายทอดลักษณะทางพันธกุ รรม การถา่ ยทอดยนี บนโคร ดเี อน็ เอ หลกั ฐานขอ้ มูล และแนวคิดเกีย่ วกับวิวฒั นาการของส่ิงมีชีวติ กำเนดิ ของส่งิ มีชวี ติ ความหลากหลายของสิง่ มีชีวิต และอนกุ รมวิธาน ผลการเรียนรู้ ม.4/10 อธบิ ายหลักการสรา้ งสิ่งมีชีวิตดัดแปรพันธกุ รรมโดยใช้ดีเอ็น
161 รพยาวิทยา ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รู้ เรอ่ื ง พนั ธวุ ศิ วกรรม รายวชิ า ชวี วทิ ยา2 ว30252 ผู้สอน นายเรวัตร อยเู่ กดิ รโมโซม สมบตั ิ และหน้าท่ขี องสารพนั ธกุ รรม การเกิดมวิ เทชัน เทคโนโลยีทาง ต ภาวะสมดลุ ของฮาร์ดี-ไวนเ์ บิรก์ การเกดิ สปีชสี ์ใหม่ ความหลากหลายทางชวี ภาพ น รวมท้งั นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ นเอรคี อมบแิ นนท์
จุดประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมก เ ม ื ่ อ จ บ ค า บ เ ร ี ย น ด้านความรู้ (K) ขน้ั ตงั้ คำถาม (5 นาที) นักเรยี นสามารถ เทคโนโลยีทาง DNA เป็น 1. ครูเปิดวีดีทัศน์การเรืองแ 1. บอก คว ามสำคัญ เทคโนโลยีชีวภาพแขนงหนึ่ง (Bioluminescence of jell ของสิ่งมีชีวิตและปรากฏกา ของเทคโนโลยีทาง ที่ทำให้มนุษย์สามารถ ทศั น์ โดยครูใช้คำถามดงั นี้ a. สิ่งมีชีวิตที่นักเรียนสัง DNA ได้ (K) ปรับแต่งยีนและเคลื่อนย้าย (แมงกะพรนุ ) 2. บอกขั้นตอนของ ยนี ขา้ มชนิดของสิ่งมชี ีวติ อย่าง การโคลนยีนโดยอาศัย ที่วิธีการทางธรรมชาติไม่ พลาสมิดของแบคทีเรยี สามารถทำได้ ได้ (K) ตัวอย่างของเทคโนโลยีทาง b. แมงกะพรุนในวีดีทัศน์ม 3. บอกขั้นตอนของ DNA ที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไปคือ อย่างไร? (มีการเรอื งแส การโคลนยีนในหลอด พ ัน ธ ุว ิศว ก ร ร ม (genetic จากนั้นครูกล่าวว่า “การท ทดลองโดยเทคนิคพอลิ engineering) ประกอบด้วย แสงไดน้ ั้นแสดงว่าจะตอ้ งมีย เมอเรสเชนรีแอกชันได้ 3 เทคนิคสำคัญ ดงั น้ี นกั วทิ ยาศาสตร์จงึ ได้ทดลอง (K) 1. การใช้เอนไซม์ตัดจำเพาะ หนึ่ง (Aequorea victoria 4. ใ ช ้ เ อ น ไ ซ ม ์ ตั ด (restriction enzyme) Enterobacter amnigenu จ ำ เ พ า ะ ไ ด ้ อ ย ่ า ง โดยเอนไซม์ตัดจำเพาะคอื เรืองแสงได้” เหมาะสม (P) เอนไซม์ในแบคทีเรียที่ 2. ครูเปิดวีดีทัศน์การเรืองแสง 5. ทำงานเป็นกลุ่มได้ สามาร ถตัดสาย DNA เพื่อให้นักเรียนได้สังเกตก บริเวณที่มีลำดับเบส หลงั จากท่ีนำยีนของแมงกะพ อย่างมีประสิทธิภาพ จำเพาะเจาะจง ทำให้สาย 3. ครูถามนกั เรยี นว่า “นกั เรียน (A) DNA นั้นมีบริเวณปลายท่ี พันธุกรรมชนิดอื่นอีกหรือไม 6. มีวินัยในการรักษา เวลา (A) ถูกตัดเกิดขึ้น หากมีนิว- ซักครู่ (อาจได้คำตอบเป็นพ
162 การเรยี นรู้ สื่อการเรยี นรู้ การประเมินผลการเรยี นรู้ 1. PowerPoint 1. น ั ก เ ร ี ย น บ อ ก แสงของแมงกะพรุนเรืองแสง 2. ใบความรู้เรื่อง ความสำคัญของเทคโนโลยี lyfish) โดยให้นกั เรยี นสงั เกตชนิด พนั ธุวศิ วกรรม ทาง DNA ได้ (ประเมิน ารณ์ที่เกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตในวีดี 3. แ บ บ บ ั น ทึ ก จากแบบสังเกต) กิจกรรมเรื่องพันธุ- 2. นักเรียนบอกขั้นตอน งเกตเห็นจากวีดีทัศน์คืออะไร? วศิ วกรรม ของการโคลนยีนโดยอาศัย 4. ชุดการทดล อง พลาสมิดของแบคทีเรียได้ เรื่องการสร้าง DNA ถูกต้อง (ประเมินจากแบบ มีลักษณะหรือการเปลี่ยนแปลง รคี อมบแิ นนท์ สมั ภาษณ)์ สง) 5. แ บ บ บ ั น ทึ ก 3. นักเรียนบอกขั้นตอน ที่แมงกะพรุนกลุ่มนี้สามารถเรือง กิจกรรมเรื่องการ ของการโคลนยีนในหลอด ยนี ควบคุมให้เกิดการเรืองแสงขึ้น สร ้าง DNA ร ีคอ ม ทดลองโดยเทคนิคพอลิ งท่ีจะนำยนี ของแมงกะพรุนชนิด บิแนนท์ เมอเรสเชนรีแอกชันได้ a) ไปใส่ในแบคทีเรียที่มีชื่อว่า 6. วีดีทัศน์เรื่องการ ( ป ร ะ เ ม ิ น จ า ก แ บ บ us เพื่อให้แบคทีเรียนั้นสามารถ เ ร ื อ ง แ ส ง ข อ ง สัมภาษณ์) แมงกะพรุนเรืองแสง 4. นักเรียนใช้เอนไซม์ตัด งของแบคทีเรียในหลอดทดลอง (Bioluminescence จ ำ เ พ า ะ ไ ด ้ ถ ู ก ต ้ อ ง of jellyfish) (ประเมินจากแบบสังเกต การณ์เรืองแสงของแบคทีเรีย พรนุ ใสเ่ ข้าไปในตวั ของแบคทเี รยี 7. วีดีทัศน์เรื่องการ และแบบบนั ทึกกจิ กรรม) นเคยเห็นสง่ิ มีชวี ิตทีม่ ีการดัดแปลง เรืองแสงของ 5. คะแนนความร่วมมือ แบคทีเรียในหลอด ร่วมใจในการทำงานเป็น ม่?” ให้เวลานักเรียนตอบคำถาม ทดลอง พืช GMO) จากนั้นครูจึงใช้คำถาม กลุ่มอยู่ในเกณฑ์ดีขึ้นไป (ประเมินจากเกณฑ์การให้
จุดประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมก 7. มีความมุ่งมั่นในการ คลีโอไทด์สายเดี่ยวยื่น เพ่อื วัดความรู้พ้นื ฐานของนัก ทำงาน (A) ออกมา จะเรียกว่าปลาย ว่าวิธีการตัดต่อยีนนั้นทำ เหนยี ว (sticky end) หาก คาดคะเนคำตอบสกั ครู่ ไม่มนี วิ คลีโอไทด์สายเดี่ยว 4. ครูกล่าวว่า “วิธีการนำยนี ท ยื่นออกมาจะเรียกว่า ไปในสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง เ ปลายทู่ (blunt end) นนั้ เรียกว่าพนั ธวุ ศิ วกรรม ( 2. การใช้เอนไซม์ DNA ไล ทราบหรือไมว่ ่าพนั ธุวิศวกรร เกส ในการเชื่อมต่อสาย ต้องการตอ้ งอาศยั เทคนคิ ท่สี DNA ที่ถูกตัดเข้าด้วยกัน ข้ันแสวงหาความรู้ (35 นาที) ถ้าหากเชื่อม DNA เข้ากับ 1. ครแู จกใบความรู้และแบบบัน ลำดับนวิ คลีโอไทดใ์ หม่ จะ ให้นักเรียน จากนั้นครูบอกว เรียก DNA นี้ว่ารีคอม- โดยให้นกั เรยี นแตล่ ะคนศึกษ บ ิ แ น น ท ์ ด ี เ อ ็ น เ อ แบบบันทึกกิจกรรมดว้ ยดินส (recombinant DNA) ใบความรู้และตอบคำถามเป 3. การโคลนยีน คือวิธีการท่ี นักเรยี นจบั คูก่ นั เพ่ืออภปิ ราย ทำให้รีคอมบิแนนท์ DNA การอภิปรายคำตอบเป็นคู่ 1 คงอยู่และเพิ่มจำนวนเพื่อ ขนั้ สร้างความรู้ (20 นาท)ี ใช้ในการศึกษาสาย DNA 1. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิป ศึกษาค้นคว้าหาความรู้ โด นน้ั ได้ ดงั นี้ ตอนท่ี 1 เทคโนโลยชี ีวภาพ
163 การเรยี นรู้ สอ่ื การเรียนรู้ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ กเรียนว่า “นักเรียนทราบหรือไม่ ได้อย่างไร?” ให้เวลานักเรียน คะแนนในการทำงานกลุ่ม ที่ตอ้ งการจากสิ่งมีชีวิตหนึ่งใส่เขา้ โดยสังเกตจากการ เพื่อให้ได้สิ่งมีชีวิตตามที่ต้องการ อภิปรายระหว่างสมาชิก (genetic engineering) นักเรียน ภายในกลมุ่ ) รมที่จะนำยีนเข้าไปในสิง่ มีชีวิตท่ี 6. นักเรียนมีวินัย ทำงาน สำคญั อะไรบ้าง?” เสร็จในเวลาทก่ี ำหนดให้ได้ นทกึ กจิ กรรมเร่อื งพนั ธุวิศวกรรม (ประเมินจากเกณฑ์การให้ วิธกี ารทำกิจกรรมให้กับนักเรยี น คะแนนความตรงต่อเวลา ษาใบความรแู้ ล้วตอบคำถามลงใน โดยสังเกตจากการรักษา สอ ให้เวลานักเรียนในการศกึ ษา เวลาในการทำงานของ ป็นเวลา 25 นาที หลังจากนั้นให้ นักเรยี น) ยคำตอบรว่ มกับเพ่ือน ให้เวลาใน 7. นักเรียนมีความมุ่งม่ัน 10 นาที ในการศึกษาหาความรู้จาก แหล่งข้อมูลที่ครูจัดไว้ให้ ปรายคำตอบของการทำกิจกรรม (ประเมินจากเกณฑ์การให้ ดยใช้สื่อ PowerPoint ประกอบ คะแนนความมุ่งมั่นในการ ทำงาน โดยสังเกตจาก ค ว า ม ตั้ ง ใ จ แ ล ะ กระตือรือร้นในการศึกษา ใบความรู้) พและเทคโนโลยี DNA
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมก วิธีการในการโคลนยีนมี 2 1.1 เทคโนโลยีชีวภาพหมาย วธิ ีไดแ้ ก่ (เทคโนโลยีชีวภาพหมายถึงการ 3.1 การโคลนยีน โ ดย หรือองค์ประกอบของสิ่งมีชีวิตม จุลินทรีย์ในการหมักแอลกอฮอล อาศัยพลาสมิดของ พัฒนาปรับปรุงพันธุ์พืชและพัน แบคทีเรีย ฝากตวั อ่อน การเพาะเลย้ี งเนื้อเย 3.2 ก า ร โ ค ล น ย ี น ใ น 1.2 เทคโนโลยีทาง DNA หมาย หลอดทดลอง โดย เป็นเทคโนโลยีชีวภาพแขนงหนงึ่ เทคนิคพอลิเมอเรส ยนี และเคลอื่ นยา้ ยยนี ขา้ มชนดิ ข ธรรมชาตไิ มส่ ามารถทำได้) เชนรแี อกชัน 1.3 การทำพันธุวิศวกรรมมีวัต ดา้ นทกั ษะ (P) อาศัยเอนไซม์หรือเทคนิคใดบ้าง 1. ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร คอมบแิ นนท์ DNA จำเปน็ ต้องอ สอ่ื สาร (การพูด การอ่าน การ DNA ไลเกส และการโคลนยนี ) เขียน) ตอนที่ 2 เอนไซมต์ ัดจำเพาะแล 2. ความสามารถในการคิด 1.1เอนไซม์ตัดจำเพาะแยก (การวเิ คราะห)์ หน้าที่อย่างไร (เอนไซ 3. ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร แบคทีเรีย ทำหน้าท แก้ปัญหา (การเลือกชนิดของ จำเพาะ) เ อ น ไ ซ ม ์ ต ั ด จ ำ เ พ า ะ ท่ี 1.2เอนไซม์ตัดจำเพาะมีค เหมาะสม) อย่างไร และเอนไซม
164 การเรียนรู้ สื่อการเรยี นรู้ การประเมนิ ผลการเรียนรู้ ยถึงอะไร มีตัวอย่างอะไรบ้าง รใช้เทคโนโลยีเพื่อทำให้สิ่งมีชีวิต มีสมบัติตามต้องการ เช่น การใช้ ล์ การทำซีอิ๊ว เป็นต้น ตลอดจน นธุ์สัตว์ชนิดต่าง ๆ เช่น การถ่าย ยอ่ื เปน็ ต้น) ยถึงอะไร (เทคโนโลยีทาง DNA ง ท่ีทำให้มนุษย์สามารถปรับแต่ง ของสง่ิ มชี ีวติ อย่างทว่ี ิธกี ารทาง ตถุประสงค์เพื่ออะไร และต้อง ง (เพอ่ื สรา้ ง DNA สายผสมหรือรี อาศัยเอนไซม์ตัดจำเพาะ เอนไซม์ ละเอนไซมเ์ ช่ือมสาย DNA กออกมาจากสิ่งมีชีวิตพวกใด มี ม์ตัดจำเพาะถูกแยกออกมาจาก ที่ตัดสาย DNA ตรงลำดับเบส วามจำเพาะในการตัดสาย DNA ม์แต่ละชนิดแตกต่างกันหรือไม่
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมก อย่างไร (เอนไซม์ตัดจำ 4. ความสามารถในการใช้ จำเพาะ และจดุ ตัดจำเพ ทักษะชีวิต (การทำกิจกรรม 1.3เอนไซม์ตัดจำเพาะที่ท กลุ่ม) ต้องการจากสิ่งมีชีวิต 5. ความสามารถในการใช้ พลาสมดิ ควรเป็นชนดิ เด เทคโนโลยี (-) เพราะจะทำให้มีปลาย และสามารถนำมาเช่ือม คุณลักษณะอันพึงประสงค์ DNA ตามท่ีต้องการ) 1.4เม่ือเอนไซม์ตัดจำเพาะ (A) แบบใดบ้าง ปลายแต่ละ กจิ กรรมในคาบเรยี นนส้ี ง่ เสริม เหนียว (sticky end) เ ให้นักเรียนมีวินัย (รักษาเวลา ตัดสาย DNA แล้วทำให ไทด์ยื่นออกมา เนื่องจ ในการศึกษาค้นคว้า) และมี DNA ที่ไมต่ รงกัน สว่ นป ความมุ่งมั่นในการทำงาน การที่เอนไซม์ตัดจำเพ สายของ DNA) (กระตือรือร้นที่จะค้นคว้าหา 1.5เอนไซม์ DNA ไลเกส ม ความร)ู้ ปลายของ DNA สองโม 1.6DNA รีคอมบิแนนท์สร การตัดสาย DNA ด้วยเ
165 การเรยี นรู้ สื่อการเรยี นรู้ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ำเพาะแต่ละชนิดจะมีลำดับเบส พาะในลำดับเบสเหล่าน้ี) ทำหน้าที่ตัดสาย DNA ที่มียีนที่ และเอนไซม์ตัดจำเพาะที่ใช้ตัด ดียวกนั หรอื ไม่ เพราะอะไร (ควร ยสายเดี่ยวที่มีเบสคู่สมกันพอดี มตอ่ กันได้ ทำใหไ้ ดร้ ีคอมบิแนนท์ ะตัดสาย DNA จะทำให้เกิดปลาย ะแบบแตกตา่ งกันอย่างไร (ปลาย เกิดจากการที่เอนไซม์ตัดจำเพาะ ห้เกิดปลายสายเดี่ยวที่มีนิวคลีโอ จากมีจุดตัดของทั้งสองสายบน ปลายทู่ (blunt end) จะเกิดจาก าะมีจุดตัดอยู่ตรงกันของทั้งสอง มีหน้าที่อย่างไร (ทำหน้าที่เชื่อม มเลกลุ เขา้ ด้วยกนั ) ร้างขึ้นได้อย่างไร (ขั้นที่ 1 เป็น เอนไซม์ตัดจำเพาะ ขั้นที่ 2 เป็น
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมก การตัดสาย DNA ในโม ชนิดเดียวกัน และขั้นท จาก DNA ต่างโมเลกุลก เป็นรีคอมบแิ นนท์ DNA ตอนที่ 3 การโคลนยนี โดย 1.1พลาสมิดคืออะไร เหตุใ ยาปฏิชีวนะในการสรา้ ง เป็น DNA วงแหวนส แบคทีเรีย สาเหตุที่ใ ปฏิชวี นะเพราะใช้เปน็ เ แบคทีเรียที่มีพลาสม จำเพาะที่เหมาะสมต่อ เพ่ือใหเ้ กิดความสะดวก 1.2เพราะเหตุใดแบคทีเรีย เซลล์ที่ให้ DNA รีคอม แบคทเี รยี เป็นสิ่งมีชวี ิตท ระยะเวลาอันสั้น จึงท บแิ นนท์ DNA จำนวนม 1.3การโคลนยนี หรือการโค ที่ 1 แยกสายพลาสม
166 การเรยี นรู้ สื่อการเรยี นรู้ การประเมนิ ผลการเรียนรู้ มเลกุลอืน่ ด้วยเอนไซม์ตัดจำเพาะ ที่ 3 เป็นการเชื่อมต่อสาย DNA กนั ดว้ ยเอนไซม์ DNA ไลเกส เกิด A) ยอาศัยพลาสมิดของแบคทเี รีย ใดจึงใช้พลาสมิดที่มียีนต้านทาน ง DNA รีคอมบแิ นนท์ (พลาสมิด สายคู่ที่อยู่นอกโครโมโซมของ ใช้พลาสมิดที่มียีนต้านทานยา เครอื่ งหมายในการคัดเลือกเซลล์ มิดและตำแหน่งของเอนไซม์ตัด อการแทรกสาย DNA ที่ต้องการ กในการโคลนยีน) ยจึงมีความเหมาะสมในการเป็น มบิแนนท์เข้าไปอยู่ (เนื่องจาก ท่เี พิ่มจำนวนไดอ้ ย่างมหาศาลใน ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นรีคอม มากในเวลาท่จี ำกัดได้) คลน DNA มขี ้นั ตอนอย่างไร (ข้ัน มิดที่จะนำมาใช้เป็นพาหะ และ
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมก DNA ที่มียีนที่ต้องการ DNA ที่มียีนที่ต้องการใ 3 นำพลาสมิดที่เป็น แบคทเี รยี และข้นั ที่ 4 แบคทีเรีย โดยนำแบคท ตอนที่ 4 การโคลนยีนโดย ชัน (พซี ีอาร์) 1.1ในหลอดทดลองที่ทำ P ใดบ้าง (DNA แม่แบบ, A T C G, เอนไซม์ D บฟั เฟอรเ์ พือ่ ปรบั pH ใ 1.2การโคลนยีนโดยเทคน (ขั้นที่ 1 เพิ่มอุณหภูมิใ แยกออกเป็นสายเดี่ยว อุณหภูมิลง ทำให้ไพร ด้วยพันธะไฮโดรเจน ปรับอุณหภูมิให้เหมาะ DNA พอลิเมอเรส ทำใ สาย DNA แม่แบบ (pr อุณหภูมิให้สูงขึ้น ทำ
167 การเรียนรู้ สอ่ื การเรยี นรู้ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ จากสิ่งมีชีวิต ขั้นที่ 2 แทรกสาย ให้แก่พลาสมิดทีเ่ ป็นพาหะ ขั้นที่ นพาหะใส่เข้าไปในเซลล์ของ โคลนยนี โดยอาศยั พลาสมิดของ ทีเรียไปเพาะเลี้ยงใหเ้ พม่ิ จำนวน) ยเทคนิคพอลิเมอเรสเชนรีแอก PCR นั้นมีส่วนประกอบหรือสาร , ไพรเมอร์, นิวคลีโอไทด์ที่มีเบส DNA polymerase, สารละลาย ในหลอดทดลองใหเ้ หมาะสม) นิค PCR มีลำดับขั้นตอนอย่างไร ให้สูง ทำให้ DNA แม่แบบสายคู่ ว (denaturation) ขั้นที่ 2 ลด รเมอร์จับกับสาย DNA แม่แบบ น (primer annealing) ขั้นท่ี 3 ะสมต่อการทำงานของเอนไซม์ ให้เกิดการจำลองสาย DNA จาก rimer extension) ขั้นที่ 4 เพ่ิม ำให้สาย DNA สายคู่ที่เกิดจาก
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมก ปฏิกิริยารอบที่ 1 แย ต่อไป) 1.3การโคลนยนี โดยเทคน (ข้อดีคือสามารถเพิ่มป ได้ปริมาณมากในเวลา เพิ่มจำนวนชุดของ D เนื่องจากเอนไซม์ที่ใช เอนไซม์บางชนิดไม่ม เก่ียวกับลำดับนวิ คลีโอไ เชน่ กบั ระบบในสิ่งมีชวี ิต 1.4การเพิ่มจำนวน DNA ท PCR นำมาประยุกต์ใช การตรวจสอบสายวิวัฒ วทิ ยาศาสตรใ์ นการหาต ข้ันส่อื สาร (35 นาที) 1. ครใู หน้ กั เรยี นแบ่งกลุ่มเปน็ 7 เพื่อทำกิจกรรมที่ 17.1 (ขั้นตอนในการทำกิจกรรม แนบมากับแผนการจัดการ นกั เรยี นทำกิจกรรมและตอบ
168 การเรียนรู้ สือ่ การเรยี นรู้ การประเมินผลการเรยี นรู้ ยกออกจากกันและเกิดปฏิกิริยา ิค PCR มีข้อดีข้อเสียอย่างไรบา้ ง ปริมาณส่วนของ DNA ที่ต้องการ าอันรวดเร็ว ส่วนข้อเสียคือการ DNA อาจเกิดความผิดพลาดได้ ช้ในปฏิกิริยาน้ีไม่ทำงาน หรือ มีสมบัติตรวจสอบความถูกต้อง ไทด์ของ DNA ทส่ี ร้างขึ้นเหมือน ต) ที่ต้องการจำนวนมากโดยเทคนคิ ช้ประโยชน์ในด้านใดบ้าง (ใช้ใน ฒนาการของส่ิงมีชีวติ ใช้ในเชิงนิติ ตัวคนร้าย เป็นต้น) 7 กลุ่ม กลุ่มละประมาณ 4-5 คน การสร้าง DNA recombinant มอยู่ในแบบบันทึกกิจกรรมที่ได้ รเรียนรู้ฉบับนี้แล้ว) โดยให้เวลา บคำถาม 15 นาที
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมก 2. นักเรียนแต่ละกลุ่มเขยี นผลกา ได้รีคอมบีแนนท์ DNA กี่วง และได้ DNA ที่ไม่ใช่พลาสม ผลการทดลองและคำถามห ดงั นี้ 2.1 การทำรีคอมบิแนนท อาศัยพลาสมิดของแบคทีเร ครั้งหรอื ไม่ อย่างไร (ไม่มีโอ แบคทีเรยี ไมไ่ ด้มเี พยี งพลาส อย่างเดียว จึงต้องขึ้นอย ระหวา่ งพลาสมิดของแบคท ต้องการใส่เข้าไปในพลาสมิด ขั้นตอบแทนสงั คม 1. ให้นักเรียนนำความรู้เรื่องพัน ในสิ่งมีชีวิตไปเล่าให้เพื่อนที่ย นักเรียนฟงั แล้วให้นำผลท่ไี ด้จาก
169 การเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ารทดลองร่วมกนั หน้าชน้ั เรียนว่า ง, ได้พลาสมิดที่เหมือนเดิมกี่วง มิดกี่โมเลกุล จากนั้นครูอภิปราย หลังทำกิจกรรมร่วมกับนักเรียน ท์ DNA ด้วยวิธีการโคลนยีนโดย รียนั้นจะประสบความสำเร็จทุก อกาสสำเร็จ 100% เพราะว่าใน สมดิ และชน้ิ DNA ทตี่ อ้ งการเพยี ง ยู่กับโอกาสในการเข้าจับคู่กัน ทีเรีย และชนิ้ สว่ นของ DNA ทเ่ี รา ด) นธุวิศวกรรมที่ใช้ในการตัดตอ่ ยนี ยังไม่ทราบ หรือครอบครัวของ กการเลา่ มาแจง้ ใหค้ รูรบั ทราบ
โรงเรียนสรร กลุ่มสาระการเรยี นรูว้ ิทย แผนการจดั การเรียนรู้ เรื่อง การ ภาคการศกึ ษาปลาย ช้นั มัธยมศึกษาปีท่ี 4/พ และ 4/1 สาระชีววทิ ยา 2. เขา้ ใจการถา่ ยทอดลกั ษณะทางพนั ธุกรรม การถา่ ยทอดยนี บนโคร ดเี อ็นเอ หลักฐานข้อมลู และแนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการของส่งิ มชี วี ติ กำเนดิ ของสง่ิ มชี วี ติ ความหลากหลายของส่งิ มีชวี ิต และอนกุ รมวธิ าน ผลการเรียนรู้ ม.4/11 สบื คน้ ข้อมูล ยกตัวอย่าง และอภปิ รายการนำเทคโนโลยดี ีเอ และอตุ สาหกรรม และขอ้ ควรคำนึงถงึ ทางดา้ นชวี จรยิ ธรรม
170 รพยาวทิ ยา ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รประยุกตใ์ ช้เทคโนโลยีทาง DNA รายวชิ า ชวี วิทยา2 ว30252 ผสู้ อน นายเรวตั ร อยูเ่ กดิ รโมโซม สมบัติ และหน้าที่ของสารพนั ธุกรรม การเกิดมวิ เทชนั เทคโนโลยีทาง ต ภาวะสมดลุ ของฮารด์ ี-ไวนเ์ บริ ก์ การเกิดสปชี ีสใ์ หม่ ความหลากหลายทางชีวภาพ น รวมทง้ั นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ อน็ เอไปประยกุ ต์ใช้ท้งั ในดา้ นส่งิ แวดลอ้ ม นิตวิ ทิ ยาศาสตร์ การแพทย์ การเกษตร
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมก เ ม ื ่ อ จ บ ค า บ เ ร ี ย น ด้านความรู้ (K) ขน้ั ตง้ั คำถาม (10 นาท)ี นกั เรียนสามารถ การประยุกตใ์ ชเ้ ทคโนโลยีทาง 1. ครูนำเขา้ สู่บทเรยี นโดยกลา่ ว 1. ยกตัวอย่างการใช้ DNA สามารถประยุกต์ใช้ได้ มาเราได้เรียนรู้เกี่ยวกับเทค เทคโนโลยที าง DNA ใน 4 ด้านหลกั ๆ ได้แก่ การตดั ตอ่ ยนี หรือพนั ธุวิศวก ด้านการแพทย์และ 1. การประยุกต์ใช้ในเชิง โดยอาศัยการโคลนพลาสมิด อาร์ด้วย นอกจากนี้เรายังไ เภสัชกรรม ด้านนิติ กา รแ พ ทย ์แ ละเ ภสั ช DNA ด้วยวิธีการทำเจลอิเล็ก วิทยาศาสตร์ ด้าน กรรม ไดแ้ ก่ ใชค้ ำถามเพ่ือกระตุน้ ให้นักเร การวินิจฉยั โรค การบำบัด ที่เราได้เรียนไปแล้วนั้น ส การเกษตรได้ (K) ด้วยยีน และการสร้าง 2. ยกตัวอย่างการใช้ พันธุศาสตร์เพื่อศึกษา ค ้ น ค ว ้ า ห า ย ี น แ ล ะ ผลติ ภัณฑ์ทางเภสชั กรรม ประโยชน์ต่อชีวิตประจำวัน หนา้ ทข่ี องยนี ได้ (K) 2. การประยุกต์ใช้ในเชิงนิติ 3. ว ิ เ ค ร า ะ ห ์ แ ล ะ วิทยาศาสตร์ นักเรียนคาดคะเนคำตอบส เปรียบเทียบลายพิมพ์ DNA เ พ ื ่ อ ห า บ ุ ค คล 3. การประยุกต์ใช้ในเชิง เช่น การทำพืชดัดแปรพันธ เปา้ หมายได้ (P) การเกษตร ได้แก่ การทำ การวเิ คราะห์โรคทางพันธกุ รรม 4. มีความมุ่งมั่นในการ ฟาร์มสัตว์เพื่อสุขภาพ ฯลฯ) ทำงาน (A) มนุษย์ และการสร้างพืช 2. ครูเปิดวีดีทัศน์เรื่อง “GM พาณิชย์” ความยาวประมา 5. มีความตรงต่อเวลา ดดั แปรพันธกุ รรม ความสนใจของผู้เรียน จากน (A) ตัวอย่างของการสร้างพืช บทเรียนว่า “พืช GM ที่นักเ ดัดแปรพนั ธกุ รรม ใช้เทคโนโลยีหรือความรู้เรื่อ DNA หรือพันธุวิศวกรรม)
171 การเรียนรู้ สอื่ การเรียนรู้ การประเมนิ ผลการเรยี นรู้ 1. PowerPoint 1. นกั เรยี นยกตวั อยา่ งการ วทบทวนวา่ “เมือ่ คาบเรียนที่ผา่ น 2. ใบความรตู้ ามศนู ย์ ใช้เทคโนโลยีทาง DNA ใน คโนโลยีทาง DNA ที่เกี่ยวข้องกับ การเรียนรู้เรื่อง การ ด้านการแพทย์และเภสัช กรรม และการเพิม่ จำนวนของยีน ป ร ะ ย ุ ก ต ์ ใ ช้ กรรม ดา้ นนติ ิวทิ ยาศาสตร์ เทคโนโลยที าง DNA ด้านการเกษตรได้ถูกต้อง ดของแบคทีเรียรวมถึงการทำพซี ี ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการวิเคราะห์ 3. แ บ บ บ ั น ทึ ก และสมเหตุสมผล กิจกรรมเรื่องการ (ประเมินจากแบบสอบ) กโทรโฟรซี สิ อีกด้วย” จากนั้นครู ป ร ะ ย ุ ก ต ์ ใ ช้ 2. น ั ก เ ร ี ย น อ ธ ิ บ า ย รียนคิดว่า “นักเรยี นคิดว่าความรู้ เทคโนโลยที าง DNA ยกตัวอย่างการใช้พันธุ สามารถนำมาประยุกต์ให้เป็น 4. แผนภาพลายพิมพ์ ศาสตร์เพื่อศึกษาค้นคว้า นของเราได้อย่างไรบ้าง” ให้เวลา DNA จ ำ น ว น 3 หายนี และหนา้ ท่ีของยีนได้ แผนภาพ ถูกต้องและสมเหตุสมผล สักครู่ (อาจได้คำตอบหลายประการ 5. กระดาษคำตอบ (ประเมินจากแบบสอบ) ุกรรม (GMOs) การหาตัวคนร้าย สำหรับแข่งขันการ 3. นักเรียนวิเคราะห์และ การตรวจความสมั พนั ธ์ทางสายเลือด วิเคราะห์ลายพิมพ์ เ ป ร ี ย บ เ ท ี ย บ ล า ย พ ิ ม พ์ MO ทางเลือกการพัฒนาพืชเชิง DNA DNA เ พ ื ่ อ ห า บ ุ ค ค ล าณ 3 นาที เพื่อเป็นการดึงดูด เป้าหมายได้ถูกต้อง นัน้ ครูใชค้ ำถามเพือ่ เชื่อมโยงเข้าสู่ (ประเมินจากแบบบันทึก เรียนศึกษาจากคลิปวีดีทัศน์ต้อง กิจกรรมและแบบสอบ) 4. นักเรียนมีความมุ่งมั่น องใดเข้ามาช่วย” (เทคโนโลยีทาง ใ น ก า ร ศ ึ ก ษ า ห า ค ว า ม รู้ จากนั้นครูกล่าวว่า “นอกจาก (ประเมินจากเกณฑ์การให้
จุดประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมก 6. ทำงานร่วมกับผู้อื่น 1) พืชดัดแปรพันธุกรรม เทคโนโลยี DNA จะมกี ารนำ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่มีความสามารถใน จรงิ ๆ ในปจั จุบันแลว้ เทคโน (A) การตา้ นทานแมลง ประยุกต์ใช้ให้เปน็ ประโยชน 2) พืชดัดแปรพันธุกรรม ได้อีกบ้าง นกั เรยี นจะได้ศกึ ษ ท่ีต้านทานตอ่ โรค 3) พืชดัดแปรพันธุกรรม ที่สามารถต้านทาน สารปราบวัชพืช 4) พืชดัดแปรพันธุกรรม ที่มีคุณค่าทางอาหาร เพมิ่ ขึน้ ภาพท่ี 1 ตวั อย่างภาพจากวดี ที ศั น์ G 4. การใช้พันธุ์ศาสตร์เพ่ือ ขัน้ แสวงหาความรู้ (45 นาท)ี ศึกษาค้นคว้าหายีนและ 1. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม ขั้นตอนการทำกิจกรรมให้แ หนา้ ทข่ี องยีน ออกเปน็ 2 ตอน ดงั น้ี ด้านทักษะ (P) a. กิจกรรมตอนที่ 1 การ 1. ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร ในเชิงการแพทย์และเ ส่อื สาร (การพดู การเขยี น) การใช้พันธุศาสตร์เพื่อ 2. ความสามารถในการคิด ของยีน โดยกิจกรรมใ กลุ่มละ 3 คน โดยกลุ่ม (การวิเคราะห์จากการตอบ “Home group” จากน คำถามในแบบบนั ทึกกจิ กรรม)
172 การเรียนรู้ ส่อื การเรียนรู้ การประเมินผลการเรยี นรู้ ำมาประยกุ ต์ใชใ้ นเชิงเกษตรกรรม นโลยีทาง DNA ยังสามารถนำมา คะแนนความมุ่งมั่นในการ นต์ ่อสังคมและสิง่ แวดล้อมดา้ นใด ษาจากการทำกจิ กรรมในวันน้ี” ทำงาน โดยสังเกตจาก ความตั้งใจในศึกษาการ GMO ทางเลือกการพัฒนาพืชเชงิ พาณชิ ย์ ทดลองเสมือนจริงโดย สังเกตจากพฤติกรรมที่จด ม กลุ่มละ 3 คน จากนั้นอธิบาย จ่ออยู่กับบทเรียน ไม่ แก่ผู้เรียน โดยกิจกรรมจะแบ่ง วอกแวกหรือคยุ กับเพ่อื น) รประยุกต์ใชเ้ ทคโนโลยีทาง DNA 5. นักเรียนมีความตรงต่อ ภสัชกรรม, เชิงการเกษตร และ เวลา (ประเมินจากเกณฑ์ อศึกษาค้นคว้าหายีนและหน้าที่ การให้คะแนนความตรง ในตอนนี้จะให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม ตอ่ เวลา) มที่แบ่งในตอนแรกนี้จะเรียกว่า 6. นักเรียนทำงานร่วมกับ นั้นให้นักเรียนแต่ละคนภายใน ผ ู ้ อ ื ่ น ไ ด ้ อ ย ่ า ง มี ประสิทธิภาพ (ประเมิน จากเกณฑ์การให้คะแนน การทำงานร่วมกบั ผ้อู ื่น)
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ กิจกรรมก กลุ่มเลือกหมายเลข 3. ค ว า ม ส า ม า ร ถ ใ น ก า ร ประจำตวั เพ่อื ศกึ ษาใบค แก้ปัญหา (การวิเคราะห์หา ตอนที่ 1 การประยุกต บุคคลต้องสงสัยจากลายพมิ พ์ และเภสัชกรรม DNA) ตอนท่ี 2 การประยกุ ตใ์ 4. ความสามารถในการใช้ ตอนที่ 3 การใชพ้ ันธุศา ทักษะชวี ติ (-) หนา้ ทข่ี องยนี 5. ความสามารถในการใช้ ในช่วงแรกให้นักเรียน เทคโนโลยี (-) Group แล้วศึกษาใบค ตนเองได้รับมอบหมาย คุณลักษณะอันพึงประสงค์ นักเรียนจับกลุ่มใหม่ โ หมายเลขเดยี วกนั ไปจ (A) จัดข้ึนน้จี ะเรยี กวา่ “Ex กิจกรรมในคาบเรยี นนสี้ ง่ เสริม Expert Group อภิปรา ตอนนน้ั ๆ เป็นเวลา 10 ให้นักเรียนมีความมุ่งมั่นใน ให้นักเรียนแต่ละคนกล การทำงาน (ตั้งใจศึกษาการ อภิปรายเนื้อหาที่แต่ละ ทดลองเสมือนจริงโดยสังเกต ภายในกลุ่มเขา้ ใจอยา่ งท b. กิจกรรมตอนที่ 2 การ จากพฤติกรรมที่จดจ่ออยู่กับ ในเชิงนิติวิทยาศาสตร์ บทเรียน ไม่วอกแวกหรือคุย กับเพื่อน) มวี ินยั ในการตรงต่อ เวลา (โดยสังเกตจาก พฤติกรรมเมื่อหมดเวลาใน การทำกิจกรรมช่วงนั้น ๆ) และการทำงานรว่ มกับผู้อื่นได้
173 การเรียนรู้ ส่อื การเรยี นรู้ การประเมินผลการเรยี นรู้ 1, 2 หรือ 3 เป็นหมายเลข ความรู้ในหัวขอ้ ตา่ ง ๆ ได้แก่ ต์ใช้เทคโนโลยีในเชิงการแพทย์ ใช้ในเชงิ การเกษตร าสตรเ์ พื่อศึกษาค้นควา้ หายีนและ นแต่ละคนนั่งอยู่ประจำ Home ความรู้และตอบคำถามในตอนที่ ย เป็นเวลา 15 นาที จากนั้นให้ โดยให้นักเรียนที่ได้รับใบความรู้ จับกลมุ่ ใหม่อยรู่ ่วมกัน กลุ่มใหม่ท่ี xpert Group” แล้วใหน้ ักเรียนใน ายเกี่ยวกับเนื้อหาและคำตอบใน 0 นาที เม่อื ครบกำหนดเวลาแล้ว ลับสู่ Home Group แล้วให้เวลา ะคนได้รับมอบหมาย ให้สมาชิก ทวั่ ถงึ กนั โดยใหเ้ วลา 15 นาที รประยุกต์ใช้เทคโนโลยีทาง DNA โดยกิจกรรมในตอนนีค้ รูจะแจก
จดุ ประสงค์การเรียนรู้ สาระการเรียนรู้ กจิ กรรมก แบบบันทึกกิจกรรมเร อย่างมีประสิทธิภาพ (โดย พ ิมพ ์ DNA”, แผน ภ สังเกตจากพฤติกรรมการ 3 แผนภาพ และกระดา พูดคุยเพื่ออภิปรายกันภายใน ให้นักเรียนแตล่ ะกลุ่มวิเ กลุ่มและการช่วยเหลือกันใน โจทย์ของแตล่ ะแผนภาพ การทำงานกลุ่ม) ภาพที่ 2 แผนภาพแสด
174 การเรยี นรู้ ส่อื การเรยี นรู้ การประเมินผลการเรียนรู้ รื่อง “การใช้ประโยชน์จากลาย ภาพ ลายพ ิมพ ์ DNA จำนวน าษคำตอบสำหรับแข่งขนั จากน้นั เคราะห์หาบุคคลตอ้ งสงสัยตามท่ี พกำหนดดังน้ี ดงลายพิมพ์ DNA เพื่อหาตวั คนร้าย
จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมก ภาพท่ี 3 แผนภาพแสดง ภาพท่ี 4 แผนภาพแสดง เมื่อนกั เรียนวเิ คราะหล์ า ผู้ต้องสงสยั แลว้ ใหน้ ักเร กระดาษคำตอบแลว้ ใหต้ ช้นั เรยี น โดยใครเป็นผู้ต แผนภาพจะไดร้ ับรางวัล 2. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มท ขั้นตอนไว้แล้ว โดยเริ่มจาก เรียบร้อยแล้วจึงเร่ิมทำกิจกร
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416