Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาการเขียนโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์

แผนการจัดการเรียนรู้ รายวิชาการเขียนโปรแกรมภาษาคอมพิวเตอร์

Published by nopparat_suayworks, 2020-06-27 22:27:54

Description: -

Search

Read the Text Version

การประเมนิ ดา้ นคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ เรือ่ ง ประพจน์ คา่ ความจริงและการกำหนดเงือ่ นไข มีวินัย 1. ปฏบิ ัติตนตามกฎระเบียบของครอบครวั โรงเรียน ชมุ ชน และสงั คม 2. ตรงตอ่ เวลา และรูจ้ กั กาลเทศะ 3. เคารพในสทิ ธิของผู้อน่ื 4. ยอมรับการกระทำของตนเอง ใฝ่เรียนรู้ 1. ศึกษาคน้ ควา้ หาความรูจ้ ากหนังสอื เอกสาร สิ่งพิมพ์ สื่อเทคโนโลยีต่าง ๆ แหลง่ เรียนรทู้ ้งั ภายในและ ภายนอกโรงเรยี น และเลือกใช้สอ่ื ไดอ้ ย่างเหมาะสม 2. ต้ังใจเรยี น 3. เอาใจใสแ่ ละมีความเพยี รพยายามในการเรียนรู้ 4. เข้ารว่ มกจิ กรรมทางการเรียนรู้อยู่เสมอ มงุ่ มัน่ ในการทำงาน 1. ตั้งใจและรบั ผดิ ชอบในงานที่ไดร้ บั มอบหมาย 2. เพยี รพยายามในการทำงาน ดว้ ยความอดทนไมท่ ้อแท้ต่ออุปสรรคที่เกดิ ขน้ึ 3. พฒั นาการทำงานของตนเองใหด้ ีขน้ึ เสมอ 4. เอาใจใสต่ ่อหน้าทท่ี ่ีไดร้ ับมอบหมาย

เกณฑก์ ารด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ เรือ่ ง ประพจน์ คา่ ความจรงิ และการกำหนดเงอ่ื นไข ด้านคณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ ระดบั คณุ ภาพ มีวินัย 432 1 ใฝ่เรยี นรู้ มีคณุ ลักษณะ มคี ณุ ลักษณะ มคี ุณลักษณะ มีคณุ ลกั ษณะ อันพึงประสงค์ ม่งุ ม่ันในการทำงาน ดา้ นวินยั อันพึงประสงค์ อนั พงึ ประสงค์ อนั พึงประสงค์ 1 ข้อ มีคณุ ลักษณะ ด้านวินยั ครบ ด้านวนิ ัย ด้านวนิ ัย อันพงึ ประสงค์ ด้านใฝ่เรยี นรู้ ทกุ ข้อ 3 ข้อ 2 ขอ้ 1 ขอ้ มีคณุ ลกั ษณะ มคี ุณลักษณะ มคี ุณลกั ษณะ มคี ุณลกั ษณะ อันพงึ ประสงค์ ดา้ นมุ่งม่นั ใน อันพึงประสงค์ อันพงึ ประสงค์ อนั พงึ ประสงค์ การทำงาน 1 ข้อ ด้านใฝเ่ รยี นรู้ ดา้ นใฝเ่ รยี นรู้ ดา้ นใฝเ่ รยี นรู้ ครบทกุ ขอ้ 3 ขอ้ 2 ขอ้ มคี ุณลักษณะ มีคณุ ลักษณะ มคี ณุ ลกั ษณะ อันพงึ ประสงค์ อันพงึ ประสงค์ อนั พงึ ประสงค์ ด้านม่งุ มั่นใน ดา้ นมงุ่ มน่ั ใน ดา้ นมงุ่ มน่ั ใน การทำงานครบ การทำงาน การทำงาน ทุกข้อ 3 ข้อ 2 ขอ้ หมายเหตุ ได้ระดบั คะแนน 3 ขนึ้ ไปทุกตัวชวี้ ัด ถือว่าผ่านเกณฑ์การประเมนิ 4 คะแนน หมายถึง ดีมาก 3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ 1 คะแนน หมายถงึ ปรบั ปรุง

แบบประเมนิ ด้านคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ เรือ่ ง ประพจน์ คา่ ความจรงิ และการกำหนดเงอื่ นไข ท่ี มีวินัย ประเมนิ ด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ผลการประเมิน ใฝ่เรยี นรู้ มุง่ ม่ันในการทำงาน ผา่ น ไม่ผ่าน (ลงชอ่ื )……………………………….……………......... (..........................................................) ผสู้ อน

แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 11 กลมุ่ สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ มัธยมศกึ ษาปที ่ี 6 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2563 เรื่อง การเขยี นโปรแกรมแบบมเี งือ่ นไขด้วยคำสัง่ If…else วันท่ี – เดือน กนั ยายน พ.ศ. 2563 ใชเ้ วลา 2 ช่ัวโมง/คาบ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแกปัญหาที่พบในชีวิตจริงอย่างเปน็ ขั้นตอนและเป็นระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการส่อื สารในการเรยี นรู้การทำงาน และการแกป้ ัญหาไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพ 2. ตวั ชว้ี ดั ว 4.2 ม. 6/1 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนอและแบง่ ปนั ข้อมลู อย่างปลอดภัย มจี ริยธรรม และ วิเคราะหก์ ารเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยสี ารสนเทศท่มี ผี ลตอ่ การดำเนนิ ชีวติ อาชพี สังคมและวฒั นธรรม 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธิบายความหมาย และรปู แบบการเขยี นโปรแกรมแบบมีเง่อื นไข (If…else) (K) 2. วเิ คราะหโ์ จทยป์ ัญหาท่ีมีเง่ือนไข (K) 3. ออกแบบจอภาพโดยใช้ control ตา่ งๆ ดว้ ยโปรแกรม Visual C# 2015 (P) 4. เขยี นโปรแกรมแบบมเี งื่อนไข (If…else) (P) 5. เขยี นผลลัพธ์ท่ีไดจ้ ากการแสดงการทำงานโปรแกรมแบบมีเง่ือนไข (If…else) (P) 6. มคี วามใฝเ่ รยี นรู้ (A) 7. มีความมุง่ มนั่ ในการทำงาน (A) 4. สาระสำคญั ในภาษาซีจะใช้ประโยคเงื่อนไข if เพื่อสร้างเงื่อนไข และตรวจสอบเงื่อนไขว่าเป็นจริงหรือเท็จ ทั้งน้ี ประโยค if ดังกล่าว ยังสามารถนำมาใช้งานเพื่อเปรียบเทียบเงื่อนไขอย่างง่าย จนถึงเงื่อนไขที่ซับซ้อนสูงได้ ซึ่งการเขียนโปรแกรมเพื่อให้มีการตัดสินใจสามารถใช้คำสั่ง if…else มาช่วยแก้ปัญหาได้ โดยมีรูปแบบของ คำสง่ั 3 รูปแบบ คือ if : ใช้กรณีเง่ือนไขเดยี ว if…else : ใช้กรณีสองเงอ่ื นไข และ if…else if : ใชก้ รณมี ากกว่า สองเง่ือนไข 5. สาระการเรยี นรู้ 1. ความหมาย และรปู แบบการเขียนโปรแกรมแบบมีเงื่อนไข (If-else) การเขียนโปรแกรมเพื่อให้มีการตัดสินใจสามารถใช้คำสั่ง if…else มาช่วยแก้ปัญหาได้ โดยมี รปู แบบโครงสรา้ งของคำสง่ั 3 รปู แบบ คือ

- if : ใชก้ รณีเงือ่ นไขเดียว การเลือกแบบทางเดียวเพื่อจะตรวจสอบว่าชุดคำสั่งที่ตามมาจะทำหรือไม่ ในภาษาซี จะใชค้ ำสัง่ if ในการทำงานของคำสง่ั คอมพิวเตอร์จะตรวจสอบเงอื่ นไขก่อน ถ้าเงื่อนไขเป็น จริงจะทำคำสั่งหรือสเตตเมนต์ที่ตามหลังหรือเป็นสเตตเมนต์รวมที่อยู่ในเครื่องหมาย { } แต่ถ้าเงื่อนไขเป็นเท็จคอมพิวเตอร์จะทำคำสั่งหรอื สเตตเมนต์ต่อไป รูปแบบของคำสั่งเปน็ ดงั น้ีโดยมรี ปู แบบการเขียน ดังนี้ if (condition) {action statement} - if…else : ใชก้ รณสี องเง่อื นไข จากคำสั่ง if ที่ผ่านมาจะใช้ในการเขียนโปรแกรมที่ใช้ทดสอบว่าจะเลือกทำหรือไม่ ถ้า เง่ือนไขเป็นจริงจะทำคำสัง่ หรือสเตตเมนต์หลงั if ในกรณีทีค่ อมพวิ เตอร์ต้องเลือกทำอย่าง ใดอย่างหนึ่ง โดยตรวจสอบเงื่อนไขที่กำหนดจะใช้คำสั่ง if-else โดยถ้าเงื่อนไขเป็นจริงจะ ทำคำส่งั หลงั if แต่ถา้ เงอ่ื นไขเปน็ เท็จจะทำคำสั่งหลัง else โดยนิพจนท์ ่ตี ามหลงั if จะเป็น ขอ้ มูลทางตรรก รูปแบบเขยี นเป็นดังน้ี if (condition) {statement 1} else {statement 2} - if…elseif : ใช้กรณมี ากกว่าสองเงือ่ นไข คำสั่ง if....elseif ใช้ในกรณีที่มีเงื่อนไข if และ else จำนวนมาก คำสั่ง elseif เป็น การรวมกันของคำสั่ง if และ else ซึ่งคำสั่งเหลา่ น้ีจะเรียงลำดับกันอยู่ มีรูปแบบการเขียน ดงั รปู if (condition) {statement 1} elseif {statement 2} else {statement 3} 2. วเิ คราะห์โจทย์ปญั หา และเขียนโปรแกรมแบบมเี งอ่ื นไข (If…else) 6. ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุ่งมนั่ ในการทำงาน 7. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการแก้ปญั หา 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้นั นำเขา้ สู่บทเรียน (15 นาที) 1. ครูกลา่ วทกั ทายนักเรยี น 2. ครสู ุ่มถามนกั เรียน จำนวน 3 คน เพอ่ื ให้เก่ยี วกบั ส่ิงท่ีเรยี นในคาบเรียนกอ่ นหน้า 3. ครูนำปัญหาที่มีลักษณะเชิงเงื่อนไขที่พบเจอในชีวิตประจำวัน มาให้นักเรียนช่วยกันคิดและแก้ไข เช่นปัญหา การเหยีดสีผิวในสหรัฐอเมริกา ปัญหาภาวะโลกร้อน ปัญหารถติด เป็นต้น เพื่อกระตุ้น ใหน้ ักเรียนเกดิ การคดิ เชิงเงื่อนไข กอ่ นเขา้ สู่ขน้ั กจิ กรรมการเรียนการสอน 4. ครูแจง้ ส่งิ ท่ีจะไดเ้ รียนในคาบเรยี นนี้ ขั้นกิจกรรมการเรยี นการสอน (1 ชั่วโมง 25 นาที) 5. นักเรยี นศึกษาหนังสอื อเิ ลก็ ทรอนกิ ส์ หนว่ ยที่ 5 ขนั้ ตอนการแกป้ ญั หา บทท่ี 2 เรื่องการเขียน โปรแกรมแบบมเี ง่ือนไขด้วยคำสัง่ If…else หรอื แหลง่ ข้อมลู อ่ืนๆตามความสนใจ 6. ครูใช้คำถามเพ่ือสอบถามส่งิ ท่ีนักเรียนได้ศกึ ษามา เกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมแบบมีเงื่อนไขดว้ ย คำสง่ั If…else 7. ครอู ธบิ ายประกอบการสาธิตเกยี่ วกบั การเขียนโปรแกรมแบบมเี งอ่ื นไขดว้ ยคำสั่ง If…else โดยใช้ ส่อื PowerPoint ในการบรรยาย และโปรแกรม Visual C# 2015 ในการสาธติ 8. นักเรยี นทำใบกิจกรรมท่ี 5.2 เรอื่ งการเขียนโปรแกรมแบบมเี งื่อนไขดว้ ยคำสั่ง If…else ลงในสมดุ ขนั้ สรุป (20 นาที) 9. นกั เรียนและครรู ว่ มกนั สรุปการเขียนโปรแกรมแบบมีเง่ือนไขดว้ ยคำสง่ั If…else การเขียนโปรแกรมเพื่อให้มีการตัดสินใจสามารถใช้คำสั่ง if…else มาช่วยแก้ปัญหาได้ โดยมี รปู แบบโครงสรา้ งของคำสง่ั 3 รปู แบบ คือ if : ใช้กรณีเง่ือนไขเดยี ว การเลือกแบบทางเดียวเพื่อจะตรวจสอบว่าชุดคำสั่งที่ตามมาจะทำหรือไม่ ในภาษาซีจะใช้คำสั่ง if ในการทำงานของคำสั่งคอมพิวเตอร์จะตรวจสอบเงื่อนไขก่อน ถ้าเงื่อนไขเป็นจริงจะทำคำส่ัง หรือสเตตเมนต์ที่ตามหลังหรือเป็นสเตตเมนต์รวมที่อยู่ในเครื่องหมาย { } แต่ถ้าเงื่อนไขเป็นเท็จ คอมพวิ เตอร์จะทำคำสัง่ หรือสเตตเมนตต์ ่อไป if…else : ใชก้ รณสี องเงือ่ นไข จากคำส่งั if ทีผ่ า่ นมาจะใช้ในการเขยี นโปรแกรมท่ใี ช้ทดสอบวา่ จะเลือกทำหรือไม่ ถ้าเงื่อนไขเป็น จริงจะทำคำสั่งหรือสเตตเมนต์หลัง if ในกรณีที่คอมพิวเตอร์ต้องเลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่ง โดย ตรวจสอบเงื่อนไขที่กำหนดจะใช้คำสั่ง if-else โดยถ้าเงื่อนไขเป็นจริงจะทำคำสั่งหลัง if แต่ถ้า เงือ่ นไขเป็นเทจ็ จะทำคำสัง่ หลงั else

if…elseif : ใชก้ รณีมากกว่าสองเงอื่ นไข คำสั่ง if....elseif ใช้ในกรณีที่มีเงื่อนไข if และ else จำนวนมาก คำสั่ง elseif เป็น การรวมกันของคำสั่ง if และ else ซึ่งคำสง่ั เหล่าน้จี ะเรยี งลำดับกนั อยู่ 10. ครูมอบให้นักเรียนไปศึกษาหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หน่วยที่ 5 บทที่ 3 การเขียนโปรแกรมแบบมี เงื่อนไขด้วยคำสง่ั switch…case ลว่ งหนา้ สำหรับการเรียนในคาบเรยี นถดั ไป 9. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้ 9.1 สอ่ื การเรยี นรู้ 1) ใบกจิ กรรมท่ี 5.2 เร่ืองการเขยี นโปรแกรมแบบมีเงอ่ื นไขดว้ ยคำส่ัง If…else 2) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หน่วยที่ 5 ขั้นตอนการแก้ปัญหา บทที่ 2 เรื่องการเขียนโปรแกรมแบบมี เงอ่ื นไขด้วยคำส่งั If…else 3) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หน่วยที่ 5 บทที่ 3 การเขียนโปรแกรมแบบมีเงื่อนไขด้วยคำสั่ง switch…case (ลงิ ค์ https://qrgo.page.link/5CgLt) 4) โปรแกรม Visual C# 2015 9.2 แหล่งการเรียนรู้ อินเทอรเ์ นต็ 10. การวดั ผลและประเมินผล 10.1 การวัดผล จุดประสงค์การเรยี นรู้ วธิ ีการวดั เครื่องมอื เกณฑก์ ารให้คะแนน ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 60 1. อธิบายความหมาย ว ั ด โ ด ย ก า ร ต ร ว จ ใบกิจกรรม ผ่านเกณฑ์รอ้ ยละ 60 และรูปแบบการเขียน ใบกิจกรรมที่ 5.2 เรื่อง โปรแกรมแบบมีเงื่อนไข การเขียนโปรแกรมแบบ (If-else) (K) มีเงื่อนไขด้วย คำสั่ง If…else 2. วิเคราะห์โจทย์ปัญหา ว ั ด โ ด ย ก า ร ต ร ว จ ใบกจิ กรรม ทม่ี ีเง่อื นไข (If-else) (K) ใบกิจกรรมที่ 5.2 เรื่อง การเขียนโปรแกรมแบบ มีเงื่อนไขด้วย คำส่ัง If…else

3. ออกแบบจอภาพโดย วัดโดยการสังเกตการ แบบประเมินท ั ก ษ ะ ระดับคุณภาพ 3 ใช้ control ต่างๆ ด้วย ออกแบบจอภาพโดยใช้ กระบวนการ ผา่ นเกณฑ์ โ ป ร แ ก ร ม Visual C# control ต ่ า ง ๆ ด ้ ว ย 2015 (P) โ ป ร แ ก ร ม Visual C# 2015 4. เขียนโปรแกรมแบบมี วัดโดยการสังเกตการ แบบประเมินท ั ก ษ ะ ระดบั คุณภาพ 3 เง่ือนไข (If…else) (P) เขียนโปรแกรมแบบมี กระบวนการ ผ่านเกณฑ์ เงอ่ื นไข (If…else) 5. เขียนผลลัพธ์ที่ได้จาก วัดโดยการสังเกตการ แบบประเมินท ั ก ษ ะ ระดบั คุณภาพ 3 การแสดงการทำงาน เขียนผลลัพธ์ที่ได้จาก กระบวนการ ผา่ นเกณฑ์ โปรแกรมแบบมีเงื่อนไข การแสดงการทำงาน (If…else) (P) โปรแกรมแบบมีเงื่อนไข (If…else) 6. มีความใฝ่เรียนรู้ (A) วัดโดยการสังเกตความ แบบประเมนิ ระดับคุณภาพ 3 ใฝเ่ รยี นรู้ คณุ ลักษณะอันพงึ ผ่านเกณฑ์ ประสงค์ 7. มีความมุ่งม่นั ในการ วัดโดยการสังเกตความ แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 3 ทำงาน (A) มุ่งมนั่ ในการทำงาน คุณลักษณะอันพึง ผ่านเกณฑ์ ประสงค์ สมรรถนะสำคัญของ วดั โดยการสังเกต แบบประเมินสมรรถนะ ระดบั คุณภาพ 3 ผเู้ รยี น สมรรถนะสำคัญของ สำคญั ของผู้เรียน ผา่ นเกณฑ์ 1. ความสามารถในการ ผู้เรยี น คดิ 2. ความสามารถในการ แกป้ ญั หา 3. ความสามารถในการ ใชเ้ ทคโนโลยี คุณลักษณะอนั พงึ วัดโดยการสังเกต แบบประเมิน ระดับคณุ ภาพ 3 ประสงค์ คณุ ลกั ษณะอันพงึ คุณลกั ษณะอนั พงึ ผา่ นเกณฑ์ 1. ใฝ่เรียนรู้ ประสงค์ ประสงค์ 2. มุ่งมนั่ ในการทำงาน

10.2 เกณฑ์การประเมนิ 1) ด้านความรู้ ใบกจิ กรรม (10 คะแนน) 9 - 10 คะแนน หมายถึง ดมี าก 6 - 8 คะแนน หมายถงึ ดี 4 - 5 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 0 – 3 คะแนน หมายถึง ปรบั ปรุง หมายเหตุ ด้านความรเู้ กณฑ์ผา่ น รอ้ ยละ 60 ทุกประเด็นการประเมิน 2) ดา้ นทกั ษะกระบวนการ ไดร้ ะดบั คุณภาพ 3 ขน้ึ ไปทุกตัวชี้วัด ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์การประเมนิ 3) ด้านคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ ได้ระดบั คุณภาพ 3 ขึ้นไปทุกตวั ชี้วัด ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ 4) ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน ได้ระดบั คุณภาพ 3 ขึน้ ไปทกุ ตัวชี้วดั ถอื วา่ ผ่านเกณฑ์การประเมนิ

11. ข้อเสนอแนะ  ใชส้ อนได้  ควรปรบั ปรงุ ………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………..………………………………………………… ………………………………………………………………………………………..…………..…………………………………… ลงช่ือ………..…………………….………………….…….. () ครูพี่เล้ียง วันท.ี่ .......เดือน..................พ.ศ............

12. บันทึกหลังการจัดการเรยี นรู้ 1) ผลท่ีเกิดขึน้ แกผ่ เู้ รยี น ดา้ นความรู้ จำนวนนกั เรียนทผี่ า่ นเกณฑ์......................คน คิดเป็นร้อยละ....................... จำนวนนักเรยี นท่ีไมผ่ ่านเกณฑ์..................คน คดิ เป็นร้อยละ....................... ดา้ นทักษะกระบวนการ จำนวนนกั เรยี นที่ผ่านเกณฑ.์ .....................คน คิดเปน็ ร้อยละ....................... จำนวนนกั เรียนทไ่ี ม่ผา่ นเกณฑ.์ .................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ....................... ด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ จำนวนนักเรียนที่ผา่ นเกณฑ.์ .....................คน คิดเป็นรอ้ ยละ....................... จำนวนนกั เรียนที่มาผ่านเกณฑ์..................คน คดิ เปน็ ร้อยละ....................... ด้านสมรรถนะผู้เรียน จำนวนนักเรยี นทผ่ี า่ นเกณฑ.์ .....................คน คิดเป็นร้อยละ....................... จำนวนนกั เรยี นที่มาผ่านเกณฑ์..................คน คดิ เป็นร้อยละ....................... 2) ปัญหาและอุปสรรค …………………………………………………………………………………………………………………….……………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 3) แนวทางการแก้ปัญหา …………………………………………………………………………………………………………………….……………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. (ลงชื่อ)……………………………….……………. (......................................................) ผูส้ อน

13. ความเห็นของหัวหนา้ กลมุ่ สาระ/สายชน้ั …………………………………………………………………………………………………………………….………………………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงชื่อ)……………………………….……………. (......................................................) หวั หน้ากลมุ่ สาระ/สายชนั้ วนั ท่ี........เดือน..............พ.ศ............ 14. ความเห็นของฝ่ายวิชาการ …………………………………………………………………………………………………………………….………………………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงชอื่ )……………………………….……………. (......................................................) ฝ่ายวชิ าการ วันที่........เดือน..............พ.ศ............ 15. ความเห็นของผู้อำนวยการโรงเรยี น …………………………………………………………………………………………………………………….………………………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงชอ่ื )……………………………….……………. (......................................................) ผอู้ ำนวยการโรงเรียน วันที่........เดอื น..............พ.ศ............

การประเมินดา้ นความรู้ เรื่อง การเขยี นโปรแกรมแบบมีเงื่อนไขดว้ ยคำสั่ง If…else อธิบายความหมาย และรูปแบบการเขียนโปรแกรมแบบมีเงื่อนไข (If-else) 1. อธิบายความหมาย และรปู แบบการเขยี นโปรแกรมแบบมีเงือ่ นไข If ได้ 2. อธบิ ายความหมาย และรูปแบบการเขียนโปรแกรมแบบมเี งอ่ื นไข If-else ได้ 3. อธิบายความหมาย และรูปแบบการเขยี นโปรแกรมแบบมีเง่ือนไข If-elseif ได้ 4. if ใช้สำหรบั สร้างเงื่อนไขให้โปรแกรมทำงานตามท่ีต้องการ 5. if เป็นคำสัง่ ท่ีใช้ในการตรวจสอบวา่ เง่อื นไขเป็นจริงหรอื ไม่ โดยการใช้ตัวดำเนินการต่างๆ ในการสรา้ ง เงื่อนไขหรอื expression/condition วเิ คราะหโ์ จทย์ปัญหาท่ีมเี งื่อนไข (If-else) 1. วเิ คราะห์โจทยป์ ญั หาที่มเี ง่ือนไขได้ถูกตอ้ งเหมาะสม 1 ข้อ 2. วเิ คราะห์โจทยป์ ญั หาท่ีมเี ง่ือนไขไดถ้ ูกต้องเหมาะสม 2 ข้อ 3. วิเคราะห์โจทย์ปัญหาที่มเี งื่อนไขไดถ้ ูกตอ้ งเหมาะสม 3 ข้อ 4. วเิ คราะห์โจทยป์ ญั หาที่มเี งื่อนไขไดถ้ ูกตอ้ งเหมาะสม 4 ข้อ 5. วิเคราะห์โจทยป์ ญั หาที่มีเง่ือนไขไดถ้ กู ต้องเหมาะสม 5 ข้อ

เกณฑก์ ารประเมนิ คุณภาพดา้ นความรู้ เรื่อง การเขยี นโปรแกรมแบบมีเงื่อนไขดว้ ยคำสัง่ If…else ด้านความรู้ ระดับคะแนน 32 5 4 1 สามารถ สามารถ สามารถ สามารถ อธบิ าย สามารถ อธบิ าย อธบิ าย อธบิ าย อธิบาย ความหมาย ความหมาย ความหมาย ความหมาย ความหมาย และ อธบิ าย และรูปแบบ และรปู แบบ และรปู แบบ และรูปแบบ การเขยี น การเขยี น การเขยี น การเขยี น รูปแบบการเขยี น ความหมาย โปรแกรมแบบ โปรแกรมแบบ โปรแกรมแบบ โปรแกรมแบบ มเี ง่ือนไข (If- มเี งือ่ นไข (If- มเี ง่ือนไข (If- มีเงอื่ นไข (If- โปรแกรมแบบมี และรูปแบบ else) ได้ 4 ขอ้ else) ได้ 3 ข้อ else) ได้ 2 ขอ้ else) ได้ 1 ข้อ เงอ่ื นไข (If-else) การเขยี น สามารถ สามารถ สามารถ สามารถ วิเคราะห์โจทย์ วเิ คราะหโ์ จทย์ วิเคราะห์โจทย์ วิเคราะห์โจทย์ โปรแกรม ปญั หาที่มี ปญั หาทม่ี ี ปญั หาที่มี ปญั หาทีม่ ี เงอ่ื นไข (If- เงอื่ นไข (If- เง่ือนไข (If- เง่อื นไข (If- แบบมี else) ได้ 4 ขอ้ else) ได้ 3 ขอ้ else) ได้ 2 ข้อ else) ได้ 1 ข้อ เง่อื นไข (If- else) ได้ ครบทุกขอ้ วิเคราะหโ์ จทย์ สามารถ ปญั หาท่มี ี วิเคราะห์ เงื่อนไข (If-else) โจทย์ปัญหา ทีม่ ีเง่ือนไข (If-else) ได้ ครบทกุ ข้อ เกณฑก์ ารประเมนิ 9 - 10 คะแนน หมายถึง ดมี าก 6 - 8 คะแนน หมายถึง ดี 4 - 5 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 0 – 3 คะแนน หมายถงึ ปรับปรุง

แบบบันทกึ การประเมนิ ด้านความรู้ เร่ือง การเขียนโปรแกรมแบบมเี งื่อนไขด้วยคำส่ัง If…else เลขท่ี ใบกิจกรรม รอ้ ยละ ผลการประเมิน (10 คะแนน) ผ่าน ไม่ผา่ น หมายเหตุ 1. ใบกิจกรรม เกณฑ์ผา่ นร้อยละ 60 (ลงชอื่ )……………………………….……………......... (..........................................................) ผสู้ อน

การประเมนิ ดา้ นทักษะกระบวนการ เรอ่ื ง การเขยี นโปรแกรมแบบมเี ง่ือนไขดว้ ยคำสง่ั If…else ออกแบบจอภาพโดยใช้ control ตา่ งๆ ด้วยโปรแกรม Visual C# 2015 1. ออกแบบจอภาพโดยใช้ control ต่างๆด้วยโปรแกรม VisualC# 2015 ไดถ้ ูกต้องและเหมาะสม 1 ข้อ 2. ออกแบบจอภาพโดยใช้ control ตา่ งๆดว้ ยโปรแกรม VisualC# 2015 ได้ถูกต้องและเหมาะสม 2 ข้อ 3. ออกแบบจอภาพโดยใช้ control ต่างๆด้วยโปรแกรม VisualC# 2015 ไดถ้ ูกตอ้ งและเหมาะสม 3 ข้อ 4. ออกแบบจอภาพโดยใช้ control ตา่ งๆด้วยโปรแกรม VisualC# 2015 ได้ถูกต้องและเหมาะสม 4 ข้อ 5. ออกแบบจอภาพโดยใช้ control ตา่ งๆดว้ ยโปรแกรม VisualC# 2015 ไดถ้ ูกต้องและเหมาะสม 5 ข้อ เขียนโปรแกรมแบบมเี ง่ือนไข (If…else) 1. เขยี นโปรแกรมแบบมเี งื่อนไข (If…else) ไดถ้ กู ต้องและเหมาะสม 1 ข้อ 2. เขยี นโปรแกรมแบบมีเง่ือนไข (If…else) ได้ถกู ต้องและเหมาะสม 2 ข้อ 3. เขียนโปรแกรมแบบมเี งื่อนไข (If…else) ได้ถูกต้องและเหมาะสม 3 ข้อ 4. เขียนโปรแกรมแบบมีเงื่อนไข (If…else) ได้ถกู ต้องและเหมาะสม 4 ข้อ 5. เขียนโปรแกรมแบบมเี ง่ือนไข (If…else) ได้ถกู ต้องและเหมาะสม 5 ข้อ เขียนผลลัพธท์ ี่ไดจ้ ากการแสดงการทำงานโปรแกรมแบบมีเงอื่ นไข (If…else) 1. เขยี นผลลพั ธท์ ไ่ี ด้จากการแสดงการทำงานโปรแกรมแบบมเี งื่อนไข (If…else) ไดถ้ ูกต้อง 1 ข้อ 2. เขยี นผลลพั ธ์ที่ไดจ้ ากการแสดงการทำงานโปรแกรมแบบมเี ง่อื นไข (If…else) ได้ถูกต้อง 2 ขอ้ 3. เขียนผลลพั ธท์ ไ่ี ด้จากการแสดงการทำงานโปรแกรมแบบมีเงื่อนไข (If…else) ได้ถูกตอ้ ง 3 ขอ้ 4. เขียนผลลัพธ์ทีไ่ ด้จากการแสดงการทำงานโปรแกรมแบบมีเง่อื นไข (If…else) ได้ถูกต้อง 4 ข้อ 5. เขยี นผลลพั ธ์ทไ่ี ดจ้ ากการแสดงการทำงานโปรแกรมแบบมเี งื่อนไข (If…else) ไดถ้ ูกต้อง 5 ขอ้

เกณฑ์การประเมนิ คณุ ภาพด้านทักษะกระบวนการ เรอื่ ง การเขยี นโปรแกรมแบบมเี ง่ือนไขด้วยคำส่งั If…else ดา้ นทักษะ ระดบั คะแนน กระบวนการ 4 3 2 1 ออกแบบจอภาพโดย สามารถออกแบบ สามารถออกแบบ สามารถออกแบบ สามารถออกแบบ ใช้ control ต่างๆ จอภาพโดยใช้ จอภาพโดยใช้ จอภาพโดยใช้ จอภาพโดยใช้ ดว้ ยโปรแกรม control ต่างๆ control ต่างๆ control ตา่ งๆ control ต่างๆ Visual C# 2015 ดว้ ยโปรแกรม ด้วยโปรแกรม ดว้ ยโปรแกรม ด้วยโปรแกรม Visual C# 2015 Visual C# 2015 Visual C# 2015 Visual C# 2015 ไดค้ รบทุกข้อ ได้ 3 ข้อ ได้ 2 ข้อ ได้ 1 ข้อ เขียนโปรแกรมแบบ สามารถเขยี น สามารถเขียน สามารถเขยี น สามารถเขียน มเี งือ่ นไข (If…else) โปรแกรมแบบมี โปรแกรมแบบมี โปรแกรมแบบมี โปรแกรมแบบมี เง่อื นไข (If…else) เงอ่ื นไข (If…else) เงือ่ นไข (If…else) เงือ่ นไข (If…else) ไดค้ รบทุกข้อ ได้ 3 ข้อ ได้ 2 ข้อ ได้ 1 ข้อ เขยี นผลลพั ธ์ทไ่ี ด้ สามารถเขยี น สามารถเขยี น สามารถเขยี น สามารถเขยี น จากการแสดงการ ผลลพั ธท์ ไ่ี ดจ้ าก ผลลัพธท์ ี่ได้จาก ผลลพั ธท์ ่ีได้จาก ผลลพั ธท์ ่ีไดจ้ าก ทำงานโปรแกรม การแสดงการ การแสดงการ การแสดงการ การแสดงการ แบบมีเง่ือนไข (If… ทำงานโปรแกรม ทำงานโปรแกรม ทำงานโปรแกรม ทำงานโปรแกรม else) แบบมีเง่ือนไข (If… แบบมีเง่ือนไข (If… แบบมีเงื่อนไข (If… แบบมเี งื่อนไข (If… else) ไดค้ รบทกุ else) ได้ 3 ข้อ else) ได้ 2 ขอ้ else) ได้ 1 ขอ้ ข้อ หมายเหตุ ไดร้ ะดบั คะแนน 3 ขึ้นไปทุกตวั ช้ีวดั ถือว่าผา่ นเกณฑ์การประเมนิ 12 - 15 คะแนน 4 หมายถึง ดมี าก 9 – 11 คะแนน 3 หมายถึง ดี 6 - 8 คะแนน 2 หมายถึง พอใช้ 0 - 5 คะแนน 1 หมายถึง ปรบั ปรงุ

แบบประเมนิ ดา้ นทกั ษะกระบวนการ เร่ือง การเขยี นโปรแกรมแบบมีเงื่อนไขด้วยคำส่ัง If…else ประเมินด้านทกั ษะกระบวนการ ผลการประเมนิ ออกแบบจอภาพโดยใช้ เขียนโปรแกรม เขยี นผลลพั ธท์ ไ่ี ดจ้ าก ผ่าน ไมผ่ ่าน ท่ี control ตา่ งๆ ด้วย แบบมีเงื่อนไข การแสดงการทำงาน โปรแกรมแบบมีเงื่อนไข โปรแกรม Visual C# (If…else) 2015 (If…else) (ลงช่อื )……………………………….……………......... (..........................................................) ผสู้ อน

การประเมินดา้ นสมรรถนะที่สำคญั ของผเู้ รยี น เรอ่ื ง การเขยี นโปรแกรมแบบมีเงื่อนไขดว้ ยคำส่งั If…else ความสามารถในการคดิ 1. มีความคิดสร้างสรรค์ 2. คดิ อย่างมวี ิจารณญาณมีเหตผุ ล 3. สามารถแกป้ ัญหาต่างๆได้อย่างเปน็ ระบบ 4. สามารถคิดเชื่อมโยงสิ่งทไี่ ด้เรียนรู้ เพอื่ นำไปใช้ในชวี ิตประจำวนั ได้ ความสามารถในการแก้ปัญหา 1. แก้ปญั หา และอปุ สรรคที่พบเจอได้ 2. วิเคราะห์สาเหตุของปัญหาที่พบเจอได้ 3. แก้ปัญหาได้อย่างมีลำดบั ข้ันตอน 4. ตัดสนิ ใจเลือกแนวทางการแก้ปัญหาไดอ้ ย่างชัดเจน แนน่ อน และไมส่ ง่ ผลเสียต่อผู้อื่น ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 1. สามารถใช้เทคโนโลยีในการคน้ หาข้อมลู ได้อย่างหลากหลาย 2. ใชเ้ ทคโนโลยโี ดยไมส่ ง่ ผลกระทบต่อตนเอง และผู้อน่ื 3. ใช้เทคโนโลยีในการทำงานอยา่ งเหมะสม 4. ใชเ้ ทคโนโลยีเพือ่ พัฒนาตนเองและสังคม

เกณฑ์การประเมนิ สมรรถนะที่สำคญั ของผ้เู รยี น เร่อื ง การเขียนโปรแกรมแบบมีเงื่อนไขดว้ ยคำส่ัง If…else ดา้ นสมรรถนะผู้เรยี น ระดับคณุ ภาพ ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแก้ปญั หา 4321 ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี มีความสามารถ มคี วามสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ ในการคดิ ครบ ในการคดิ ในการคิด ในการคิด ทกุ ข้อ 3 ขอ้ 2 ข้อ 1 ข้อ มีความสามารถ มคี วามสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ ในการ ในการ ในการ ในการ แกป้ ญั หาครบ แก้ปัญหา 3 ข้อ แกป้ ัญหา 2 ข้อ แก้ปญั หา 1 ข้อ ทุกข้อ มคี วามสามารถ มีความสามารถ มคี วามสามารถ มีความสามารถ ในการใช้ ในการใช้ ในการใช้ ในการใช้ เทคโนโลยีครบ เทคโนโลยี 3 เทคโนโลยี 2 เทคโนโลยี 1 ทกุ ข้อ ข้อ ขอ้ ขอ้ หมายเหตุ ไดร้ ะดบั คะแนน 3 ข้ึนไปทุกตัวชว้ี ัด ถอื วา่ ผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน 4 คะแนน หมายถึง ดีมาก 3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมายถงึ ปรบั ปรงุ

แบบประเมินด้านสมรรถนะท่สี ำคญั ของผ้เู รยี น เร่ือง การเขียนโปรแกรมแบบมเี ง่ือนไขดว้ ยคำสัง่ If…else ที่ การคดิ ประเมนิ ด้านสมรรถนะท่ีสำคญั ของผเู้ รยี น ผลการประเมนิ ผ่าน ไมผ่ า่ น การแก้ปัญหา การใชเ้ ทคโนโลยี (ลงชอื่ )……………………………….……………......... (..........................................................) ผสู้ อน

การประเมินดา้ นคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ เร่ือง การเขยี นโปรแกรมแบบมเี ง่ือนไขด้วยคำสงั่ If…else ใฝเ่ รยี นรู้ 1. ศึกษาคน้ ควา้ หาความรจู้ ากหนังสอื เอกสาร ส่งิ พิมพ์ สอ่ื เทคโนโลยตี า่ ง ๆ แหล่งเรียนรู้ท้ังภายในและ ภายนอกโรงเรยี น และเลือกใช้สอ่ื ได้อย่างเหมาะสม 2. ตง้ั ใจเรียน 3. เอาใจใส่และมคี วามเพียรพยายามในการเรยี นรู้ 4. เขา้ รว่ มกิจกรรมทางการเรียนรู้อยู่เสมอ มุ่งม่ันในการทำงาน 1. ตงั้ ใจและรบั ผดิ ชอบในงานท่ไี ดร้ ับมอบหมาย 2. เพยี รพยายามในการทำงาน ด้วยความอดทนไมท่ ้อแทต้ ่ออุปสรรคทเี่ กิดข้ึน 3. พฒั นาการทำงานของตนเองให้ดีขึน้ เสมอ 4. เอาใจใสต่ อ่ หน้าท่ที ี่ได้รับมอบหมาย

เกณฑก์ ารด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ เร่อื ง การเขยี นโปรแกรมแบบมีเง่ือนไขดว้ ยคำส่ัง If…else ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ 4 ระดับคุณภาพ 1 ใฝเ่ รียนรู้ มคี ุณลักษณะ 32 มีคณุ ลักษณะ อันพึงประสงค์ มีคุณลกั ษณะ มีคณุ ลักษณะ อนั พึงประสงค์ มงุ่ มั่นในการทำงาน ด้านใฝเ่ รียนรู้ อันพึงประสงค์ อนั พึงประสงค์ ดา้ นใฝเ่ รยี นรู้ ครบทกุ ข้อ ดา้ นใฝ่เรียนรู้ ดา้ นใฝ่เรียนรู้ 1 ข้อ มีคุณลกั ษณะ 3 ข้อ 2 ขอ้ มีคณุ ลกั ษณะ อนั พึงประสงค์ มีคณุ ลกั ษณะ มคี ุณลกั ษณะ อนั พึงประสงค์ ด้านมงุ่ มนั่ ใน อันพงึ ประสงค์ อันพึงประสงค์ ด้านมุ่งม่ันใน การทำงานครบ ดา้ นมงุ่ ม่นั ใน ดา้ นมุ่งมนั่ ใน การทำงาน ทุกข้อ การทำงาน การทำงาน 1 ข้อ 3 ขอ้ 2 ขอ้ หมายเหตุ ไดร้ ะดับคะแนน 3 ขนึ้ ไปทุกตัวชี้วัด ถอื วา่ ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ 4 คะแนน หมายถงึ ดีมาก 3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ปรบั ปรงุ

แบบประเมินด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ เร่ือง การเขยี นโปรแกรมแบบมเี ง่ือนไขด้วยคำสงั่ If…else ประเมนิ ด้านคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ ผลการประเมิน ที่ ใฝ่เรยี นรู้ มุ่งมน่ั ในการทำงาน ผา่ น ไม่ผา่ น (ลงชอ่ื )……………………………….……………......... (..........................................................) ผสู้ อน

แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 12 กลุ่มสาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน มธั ยมศกึ ษาปีท่ี 6 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2563 เรือ่ ง การเขียนโปรแกรมแบบมีเง่ือนไขดว้ ยคำสัง่ switch…case วันที่ – เดอื น กันยายน พ.ศ. 2563 ใช้เวลา 2 ชั่วโมง/คาบ 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแกปัญหาท่ีพบในชีวิตจริงอย่างเป็นขั้นตอนและเปน็ ระบบ ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื สารในการเรียนร้กู ารทำงาน และการแกป้ ัญหาได้อยา่ งมีประสทิ ธภิ าพ 2. ตัวชวี้ ัด ว 4.2 ม. 6/1 ใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนอและแบง่ ปันข้อมลู อยา่ งปลอดภยั มีจรยิ ธรรม และ วเิ คราะห์การเปลยี่ นแปลงเทคโนโลยสี ารสนเทศทีม่ ีผลต่อการดำเนนิ ชวี ิต อาชพี สังคมและวัฒนธรรม 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธบิ ายความหมาย และรูปแบบการเขยี นโปรแกรมแบบมเี งื่อนไข (switch…case) (K) 2. วิเคราะห์โจทย์ปัญหาท่ีมเี ง่ือนไข (K) 3. ออกแบบจอภาพโดยใช้ control ต่างๆ ด้วยโปรแกรม Visual C# 2015 (P) 4. เขียนโปรแกรมแบบมีเง่ือนไข (switch…case) (P) 5. เขียนผลลพั ธ์ทไี่ ดจ้ ากการแสดงการทำงานโปรแกรมแบบมเี งื่อนไข (switch…case) (P) 6. มีความใฝ่เรยี นรู้ (A) 7. มีความมงุ่ มน่ั ในการทำงาน (A) 4. สาระสำคัญ คำสั่ง switch…case เปน็ การเขยี นโปรแกรมเกี่ยวกบั เง่ือนไขแต่ต่างกับคำสงั่ if else ตรงที่เป็นเงื่อนไข ที่มีตัวเลือกให้เลือกมากกว่า 2 ตัวเลือก นั่นคือเป็นคำสั่งที่เหมาะกับเงื่อนไขที่มีตัวเลือกมาก หรืออาจจะ พิจารณาดูจากโจทย์ปัญหาท่ีมีลักษณะการเขยี นโปรแกรมเป็นแบบเมนู ให้เลือก 5. สาระการเรียนรู้ 1. ความหมาย และรูปแบบการเขียนโปรแกรมแบบมเี ง่อื นไข (switch…case) คำสั่ง switch จะนำค่าของตัวแปรที่อยู่หลังคำสั่ง switch มาเปรียบเทียบกับค่าที่อยู่หลัง case แต่ละคำสั่ง ถ้าตรงกัน ก็จะทำสายงานที่อยู่ใน case นั้น ๆ แต่ถ้าไม่ตรงกับ case ใด ๆ เลย จะทำ หลังคำส่ัง default โดย switch…case มีรปู แบบการเขยี นดงั น้ี

switch ( variable ) { case value_1 : structure; break; case value_2 : structure; break; default : structure; } ซึง่ ในการคอมไพล์เลอรจ์ ะทำการตรวจสอบดังนี้ - ตัวแปร จะต้องเป็นตัวแปรชนิด int หรือประเภทข้อมูลอื่น ๆ ที่มีลักษณะเป็นจำนวน เต็มเช่น char , short , long จะเป็น string , float , double หรือ long double ไมไ่ ด้ - คา่ คงที่ ในแตล่ ะ case จะต้องเปน็ ข้อมูลชนดิ char , short , int , long เท่าน้นั - ค่าคงทใี่ นแตล่ ะ case จะไปซ้ำกับค่าคงท่ีใน case อื่น ไมไ่ ด้ - หา้ มมี default มากกวา่ หน่ึง 2. วเิ คราะหโ์ จทย์ปัญหา และเขยี นโปรแกรมแบบมีเงื่อนไข (switch…case) 6. ดา้ นคณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. ใฝเ่ รยี นรู้ 2. มุ่งมนั่ ในการทำงาน 7. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการคดิ 2. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้ันนำเขา้ สบู่ ทเรียน (15 นาที) 1. ครกู ลา่ วทกั ทายนกั เรยี น 2. ครูสุ่มถามนกั เรยี น จำนวน 3 คน เพอ่ื ให้เก่ียวกับส่งิ ทีเ่ รียนในคาบเรยี นก่อนหน้า

3. ครูนำปัญหาที่มีลักษณะเชิงเงื่อนไขที่พบเจอในชีวิตประจำวัน มาให้นักเรียนช่วยกันคิดและแก้ไข เช่นปัญหา การลงเลือกสาขาวิชาที่เรียนต่อ TCAS, การเลือกซื้อขนม เป็นต้น เพื่อกระตุ้นให้ นักเรียนเกิดการคดิ เชิงเงอ่ื นไข กอ่ นเข้าสู่ข้ันกจิ กรรมการเรียนการสอน 4. ครูแจ้งส่งิ ท่จี ะได้เรยี นในคาบเรียนน้ี ขน้ั กิจกรรมการเรียนการสอน (1 ชัว่ โมง 25 นาที) 5. นักเรียนศกึ ษาหนังสืออิเล็กทรอนกิ ส์ หนว่ ยที่ 5 ขัน้ ตอนการแก้ปญั หา บทที่ 3 เร่อื งการเขยี น โปรแกรมแบบมเี งอื่ นไขดว้ ยคำสง่ั switch…case หรือแหล่งขอ้ มูลอ่ืนๆตามความสนใจ 6. ครใู ช้คำถามเพื่อสอบถามสิง่ ท่ีนักเรยี นได้ศกึ ษามา เกย่ี วกบั การเขียนโปรแกรมแบบมีเงื่อนไขด้วย คำส่งั switch…case 7. ครอู ธิบายประกอบการสาธติ เกย่ี วกับการเขียนโปรแกรมแบบมีเงอ่ื นไขดว้ ยคำส่ัง switch…case โดยใช้สื่อ PowerPoint ในการบรรยาย และโปรแกรม Visual C# 2015 ในการสาธิต 8. นักเรียนทำใบกิจกรรมที่ 5.3 เรอ่ื งการเขยี นโปรแกรมแบบมเี งือ่ นไขด้วยคำสั่ง switch…case ลงใน สมดุ ขนั้ สรุป (20 นาที) 9. นกั เรยี นและครูรว่ มกันสรุปการเขยี นโปรแกรมแบบมเี งอ่ื นไขด้วยคำส่งั switch…case คำสั่ง switch จะนำค่าของตัวแปรที่อยู่หลังคำสั่ง switch มาเปรียบเทียบกับค่าที่อยู่หลัง case แตล่ ะคำส่ัง ถ้าตรงกนั กจ็ ะทำสายงานที่อย่ใู น case นั้น ๆ แตถ่ า้ ไม่ตรงกับ case ใด ๆ เลย จะทำหลงั คำสัง่ default โดย switch…case มรี ูปแบบการเขยี นดงั นี้ switch ( variable ) { case value_1 : structure; break; case value_2 : structure; break; default : structure; } 10. ครมู อบใหน้ ักเรยี นไปศึกษาหนังสอื อเิ ล็กทรอนิกส์ หน่วยท่ี 5 บทที่ 4 การเขียนโปรแกรมแบบมี เงือ่ นไขดว้ ยคำสั่ง for ลว่ งหน้าสำหรับการเรยี นในคาบเรยี นถดั ไป

9. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้ 9.1 สอื่ การเรยี นรู้ 1) ใบกจิ กรรมท่ี 5.3 เรอื่ งการเขยี นโปรแกรมแบบมเี งอ่ื นไขด้วยคำสัง่ switch…case 2) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หน่วยที่ 5 ขั้นตอนการแก้ปัญหา บทที่ 3 เรื่องการเขียนโปรแกรมแบบมี เง่ือนไขด้วยคำสัง่ switch…case (ลงิ ค์ https://qrgo.page.link/5CgLt) 3) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หน่วยที่ 5 บทที่ 4 การเขียนโปรแกรมแบบมีเงื่อนไขด้วยคำสั่ง for (ลิงค์ https://qrgo.page.link/5CgLt) 4) โปรแกรม Visual C# 2015 9.2 แหลง่ การเรยี นรู้ อนิ เทอร์เนต็ 10. การวัดผลและประเมินผล 10.1 การวัดผล จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ วธิ กี ารวัด เคร่อื งมอื เกณฑ์การให้คะแนน 1. อธิบายความหมาย ว ั ด โ ด ย ก า ร ต ร ว จ ใบกิจกรรม ผ่านเกณฑร์ อ้ ยละ 60 และรูปแบบการเขียน ใบกิจกรรมที่ 5.3 เรื่อง โปรแกรมแบบมีเงื่อนไข การเขียนโปรแกรมแบบ (switch…case) (K) มีเงื่อนไขด้วย คำส่ัง switch…case 2. วิเคราะห์โจทย์ปัญหา ว ั ด โ ด ย ก า ร ต ร ว จ ใบกิจกรรม ผ่านเกณฑร์ ้อยละ 60 ที่มีเงื่อนไข (switch… ใบกิจกรรมที่ 5.3 เรื่อง case) (K) การเขียนโปรแกรมแบบ มีเงื่อนไขด้วย คำสั่ง switch…case 3. ออกแบบจอภาพโดย วัดโดยการสังเกตการ แบบประเมินท ั ก ษ ะ ระดับคุณภาพ 3 ใช้ control ต่างๆ ด้วย ออกแบบจอภาพโดยใช้ กระบวนการ ผา่ นเกณฑ์ โ ป ร แ ก ร ม Visual C# control ต ่ า ง ๆ ด ้ ว ย 2015 (P) โ ป ร แ ก ร ม Visual C# 2015 4. เขียนโปรแกรมแบบมี วัดโดยการสังเกตการ แบบประเมินท ั ก ษ ะ ระดบั คุณภาพ 3 เงื่อนไข (switch…case) เขียนโปรแกรมแบบมี กระบวนการ ผา่ นเกณฑ์ (P) เง่ือนไข (switch…case)

5. เขียนผลลัพธ์ที่ได้จาก วัดโดยการเขียนผลลัพธ์ แบบประเมินท ั ก ษ ะ ระดบั คณุ ภาพ 3 การแสดงการทำงาน ที่ได้จากการแสดงการ กระบวนการ ผ่านเกณฑ์ โปรแกรมแบบมีเงื่อนไข ทำงานโปรแกรมแบบมี (switch…case) (P) เงือ่ นไข (switch…case) 6. มีความใฝเ่ รียนรู้ (A) วัดโดยการสังเกตความ แบบประเมิน ระดบั คุณภาพ 3 ใฝ่เรยี นรู้ คณุ ลักษณะอันพึง ผ่านเกณฑ์ ประสงค์ 7. มีความม่งุ ม่ันในการ วัดโดยการสังเกตความ แบบประเมิน ระดับคุณภาพ 3 ทำงาน (A) มุ่งมนั่ ในการทำงาน คณุ ลักษณะอันพึง ผ่านเกณฑ์ ประสงค์ สมรรถนะสำคัญของ วดั โดยการสังเกต แบบประเมินสมรรถนะ ระดบั คณุ ภาพ 3 ผู้เรียน สมรรถนะสำคัญของ สำคัญของผูเ้ รยี น ผา่ นเกณฑ์ 1. ความสามารถในการ ผเู้ รยี น คดิ 2. ความสามารถในการ แกป้ ญั หา 3. ความสามารถในการ ใช้เทคโนโลยี คุณลักษณะอันพงึ วดั โดยการสังเกต แบบประเมิน ระดับคณุ ภาพ 3 ประสงค์ คุณลกั ษณะอันพงึ คณุ ลกั ษณะอันพึง ผ่านเกณฑ์ 1. ใฝ่เรยี นรู้ ประสงค์ ประสงค์ 2. มงุ่ มั่นในการทำงาน 10.2 เกณฑ์การประเมิน 1) ดา้ นความรู้ ใบกิจกรรม (10 คะแนน) 9 - 10 คะแนน หมายถึง ดมี าก 6 - 8 คะแนน หมายถึง ดี 4 - 5 คะแนน หมายถึง พอใช้ 0 – 3 คะแนน หมายถึง ปรบั ปรงุ หมายเหตุ ด้านความรู้เกณฑ์ผ่าน รอ้ ยละ 60 ทุกประเดน็ การประเมิน

2) ดา้ นทกั ษะกระบวนการ ได้ระดบั คุณภาพ 3 ขึ้นไปทุกตัวชว้ี ัด ถือว่าผ่านเกณฑ์การประเมนิ 3) ดา้ นคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ ไดร้ ะดับคณุ ภาพ 3 ขึ้นไปทุกตัวชว้ี ัด ถือว่าผา่ นเกณฑ์การประเมนิ 4) ด้านสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน ไดร้ ะดับคณุ ภาพ 3 ขึ้นไปทุกตวั ชว้ี ัด ถือวา่ ผา่ นเกณฑ์การประเมิน

11. ข้อเสนอแนะ  ใชส้ อนได้  ควรปรบั ปรงุ ………………………………………………………………………………………………………………. ………………………………………………………………………………………..………………………………………………… ………………………………………………………………………………………..…………..…………………………………… ลงช่ือ………..…………………….………………….…….. () ครพู เี่ ล้ียง วันที่........เดือน..................พ.ศ............

12. บันทึกหลังการจัดการเรยี นรู้ 1) ผลท่ีเกิดขึน้ แกผ่ เู้ รยี น ดา้ นความรู้ จำนวนนกั เรียนทผี่ า่ นเกณฑ์......................คน คิดเป็นร้อยละ....................... จำนวนนักเรยี นท่ีไมผ่ ่านเกณฑ์..................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ....................... ดา้ นทักษะกระบวนการ จำนวนนกั เรยี นที่ผ่านเกณฑ.์ .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ....................... จำนวนนกั เรียนทไ่ี ม่ผา่ นเกณฑ.์ .................คน คดิ เป็นร้อยละ....................... ด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ จำนวนนักเรียนที่ผา่ นเกณฑ.์ .....................คน คิดเป็นร้อยละ....................... จำนวนนกั เรียนที่มาผ่านเกณฑ์..................คน คิดเป็นรอ้ ยละ....................... ด้านสมรรถนะผู้เรียน จำนวนนักเรยี นทผ่ี า่ นเกณฑ.์ .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ....................... จำนวนนกั เรยี นที่มาผ่านเกณฑ์..................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ....................... 2) ปัญหาและอุปสรรค …………………………………………………………………………………………………………………….……………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. 3) แนวทางการแก้ปัญหา …………………………………………………………………………………………………………………….……………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. …………………………………………………………………………………………………………………………………………………………. (ลงชื่อ)……………………………….……………. (......................................................) ผูส้ อน

13. ความเห็นของหัวหนา้ กลมุ่ สาระ/สายชน้ั …………………………………………………………………………………………………………………….………………………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงชื่อ)……………………………….……………. (......................................................) หวั หน้ากลมุ่ สาระ/สายชนั้ วนั ท่ี........เดือน..............พ.ศ............ 14. ความเห็นของฝ่ายวิชาการ …………………………………………………………………………………………………………………….………………………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงชอื่ )……………………………….……………. (......................................................) ฝ่ายวชิ าการ วันที่........เดือน..............พ.ศ............ 15. ความเห็นของผู้อำนวยการโรงเรยี น …………………………………………………………………………………………………………………….………………………..… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงชอ่ื )……………………………….……………. (......................................................) ผอู้ ำนวยการโรงเรียน วันที่........เดอื น..............พ.ศ............

การประเมินด้านความรู้ เรอื่ ง การเขยี นโปรแกรมแบบมีเงื่อนไขดว้ ยคำสงั่ switch…case อธิบายความหมาย และรูปแบบการเขยี นโปรแกรมแบบมีเง่ือนไข (switch…case) 1. switch…case เปน็ การที่ switch นำค่าของตวั แปรที่อยูห่ ลงั คำส่ัง switch มาเปรียบเทยี บกับค่าที่อยู่ หลัง case แต่ละคำสัง่ ถา้ ตรงกนั กจ็ ะทำสายงานที่อยู่ใน case น้นั ๆ แต่ถา้ ไมต่ รงกบั case ใดๆ เลย จะทำหลงั คำสัง่ default 2. ตวั แปร เปน็ ตวั แปรชนดิ int หรอื ประเภทขอ้ มูลอน่ื ๆ ที่มีลกั ษณะเป็นจำนวนเตม็ เช่น char, short, long 3. คา่ คงท่ี ในแต่ละ case เปน็ ข้อมลู ชนิด char , short , int , long 4. ค่าคงท่ีในแตล่ ะ case ไมซ่ ้ำกับค่าคงท่ีใน case อ่ืน 5. มี default หนึ่งตวั วเิ คราะหโ์ จทยป์ ัญหาท่ีมเี ง่ือนไข (switch…case) 1. วิเคราะห์โจทยป์ ญั หาท่ีมเี งื่อนไขไดถ้ ูกต้องเหมาะสม 1 ข้อ 2. วิเคราะห์โจทย์ปัญหาที่มีเง่ือนไขไดถ้ ูกต้องเหมาะสม 2 ข้อ 3. วิเคราะห์โจทย์ปัญหาท่ีมเี ง่ือนไขได้ถกู ตอ้ งเหมาะสม 3 ข้อ 4. วิเคราะห์โจทยป์ ัญหาที่มีเง่ือนไขได้ถกู ต้องเหมาะสม 4 ข้อ 5. วิเคราะห์โจทย์ปัญหาที่มีเง่ือนไขไดถ้ กู ตอ้ งเหมาะสม 5 ข้อ

เกณฑ์การประเมินคณุ ภาพดา้ นความรู้ เรอื่ ง การเขยี นโปรแกรมแบบมีเง่ือนไขดว้ ยคำสั่ง switch…case ด้านความรู้ ระดบั คะแนน 32 5 4 1 สามารถ สามารถ สามารถ สามารถ อธิบาย สามารถ อธบิ าย อธบิ าย อธบิ าย อธิบาย ความหมาย ความหมาย ความหมาย ความหมาย ความหมาย และ อธิบาย และรูปแบบ และรปู แบบ และรูปแบบ และรูปแบบ การเขยี น การเขียน การเขียน การเขยี น รูปแบบการเขยี น ความหมาย โปรแกรมแบบ โปรแกรมแบบ โปรแกรมแบบ โปรแกรมแบบ มเี งอ่ื นไข มเี งื่อนไข มเี งอื่ นไข มเี ง่ือนไข โปรแกรมแบบมี และรปู แบบ (switch… (switch… (switch… (switch… case) ได้ 4 case) ได้ 3 case) ได้ 2 case) ได้ 1 เงื่อนไข การเขียน ข้อ ข้อ ขอ้ ขอ้ (switch…case) โปรแกรม สามารถ สามารถ สามารถ สามารถ วเิ คราะห์โจทย์ วเิ คราะห์โจทย์ วิเคราะห์โจทย์ วิเคราะหโ์ จทย์ แบบมี ปัญหาทมี่ ี ปญั หาทม่ี ี ปญั หาท่ีมี ปญั หาท่ีมี เงือ่ นไข เง่ือนไข เงือ่ นไข เงื่อนไข เงอ่ื นไข (switch… (switch… (switch… (switch… case) ได้ 4 case) ได้ 3 case) ได้ 2 case) ได้ 1 (switch… ขอ้ ขอ้ ข้อ ข้อ case) ได้ ครบทุกขอ้ วิเคราะห์โจทย์ สามารถ ปัญหาทีม่ ี วเิ คราะห์ เงือ่ นไข โจทย์ปัญหา (switch…case) ทีม่ เี งื่อนไข (switch… case) ได้ ครบทกุ ข้อ เกณฑก์ ารประเมิน 9 - 10 คะแนน หมายถงึ ดมี าก 6 - 8 คะแนน หมายถึง ดี 4 - 5 คะแนน หมายถึง พอใช้ 0 – 3 คะแนน หมายถึง ปรับปรุง

แบบบนั ทกึ การประเมนิ ด้านความรู้ เรอื่ ง การเขยี นโปรแกรมแบบมีเง่ือนไขด้วยคำสง่ั switch…case เลขที่ ใบกจิ กรรม ร้อยละ ผลการประเมนิ (10 คะแนน) ผ่าน ไมผ่ า่ น หมายเหตุ 1. ใบกิจกรรม เกณฑผ์ า่ นร้อยละ 60 (ลงชือ่ )……………………………….……………......... (..........................................................) ผสู้ อน

การประเมินดา้ นทักษะกระบวนการ เรือ่ ง การเขียนโปรแกรมแบบมเี งื่อนไขดว้ ยคำสัง่ switch…case ออกแบบจอภาพโดยใช้ control ต่างๆ ด้วยโปรแกรม Visual C# 2015 1. ออกแบบจอภาพโดยใช้ control ตา่ งๆดว้ ยโปรแกรม VisualC# 2015 ได้ถูกตอ้ งและเหมาะสม 1 ข้อ 2. ออกแบบจอภาพโดยใช้ control ต่างๆดว้ ยโปรแกรม VisualC# 2015 ได้ถูกตอ้ งและเหมาะสม 2 ข้อ 3. ออกแบบจอภาพโดยใช้ control ต่างๆดว้ ยโปรแกรม VisualC# 2015 ได้ถูกต้องและเหมาะสม 3 ข้อ 4. ออกแบบจอภาพโดยใช้ control ตา่ งๆด้วยโปรแกรม VisualC# 2015 ได้ถูกตอ้ งและเหมาะสม 4 ข้อ 5. ออกแบบจอภาพโดยใช้ control ต่างๆดว้ ยโปรแกรม VisualC# 2015 ได้ถูกตอ้ งและเหมาะสม 5 ข้อ เขียนโปรแกรมแบบมีเง่ือนไข (switch…case) 1. เขียนโปรแกรมแบบมีเง่ือนไข (switch…case) ได้ถูกตอ้ งและเหมาะสม 1 ข้อ 2. เขยี นโปรแกรมแบบมเี งื่อนไข (switch…case) ไดถ้ ูกต้องและเหมาะสม 2 ข้อ 3. เขยี นโปรแกรมแบบมีเงื่อนไข (switch…case) ได้ถูกต้องและเหมาะสม 3 ข้อ 4. เขียนโปรแกรมแบบมีเง่ือนไข (switch…case) ได้ถูกต้องและเหมาะสม 4 ข้อ 5. เขยี นโปรแกรมแบบมเี ง่ือนไข (switch…case) ได้ถูกตอ้ งและเหมาะสม 5 ข้อ เขียนผลลพั ธท์ ่ีได้จากการแสดงการทำงานโปรแกรมแบบมีเง่ือนไข (switch…case) 1. เขยี นผลลัพธท์ ี่ได้จากการแสดงการทำงานโปรแกรมแบบมเี ง่อื นไข (switch…case) ได้ถูกต้อง 1 ข้อ 2. เขียนผลลัพธ์ทไี่ ดจ้ ากการแสดงการทำงานโปรแกรมแบบมีเง่ือนไข (switch…case) ได้ถูกตอ้ ง 2 ข้อ 3. เขียนผลลัพธ์ทไ่ี ด้จากการแสดงการทำงานโปรแกรมแบบมีเงอื่ นไข (switch…case) ได้ถูกต้อง 3 ข้อ 4. เขยี นผลลพั ธ์ทไี่ ดจ้ ากการแสดงการทำงานโปรแกรมแบบมีเงื่อนไข (switch…case) ได้ถูกต้อง 4 ข้อ 5. เขยี นผลลัพธท์ ไ่ี ดจ้ ากการแสดงการทำงานโปรแกรมแบบมีเงื่อนไข (switch…case) ได้ถูกต้อง 5 ข้อ

เกณฑก์ ารประเมินคณุ ภาพดา้ นทกั ษะกระบวนการ เรื่อง การเขียนโปรแกรมแบบมีเง่ือนไขด้วยคำส่ัง switch…case ด้านทกั ษะ ระดับคะแนน กระบวนการ 4 3 2 1 ออกแบบจอภาพโดย สามารถออกแบบ สามารถออกแบบ สามารถออกแบบ สามารถออกแบบ ใช้ control ต่างๆ จอภาพโดยใช้ จอภาพโดยใช้ จอภาพโดยใช้ จอภาพโดยใช้ ดว้ ยโปรแกรม control ตา่ งๆ control ต่างๆ control ต่างๆ control ตา่ งๆ Visual C# 2015 ดว้ ยโปรแกรม ด้วยโปรแกรม ดว้ ยโปรแกรม ด้วยโปรแกรม Visual C# 2015 Visual C# 2015 Visual C# 2015 Visual C# 2015 ไดค้ รบทุกข้อ ได้ 3 ข้อ ได้ 2 ข้อ ได้ 1 ข้อ เขียนโปรแกรมแบบ สามารถเขยี น สามารถเขียน สามารถเขยี น สามารถเขียน มีเงอ่ื นไข (switch… โปรแกรมแบบมี โปรแกรมแบบมี โปรแกรมแบบมี โปรแกรมแบบมี case) เง่อื นไข (switch… เงอ่ื นไข (switch… เงือ่ นไข (switch… เงื่อนไข (switch… case)ไดค้ รบทุก case)ได้ 3 ข้อ case)ได้ 2 ขอ้ case)ได้ 1 ข้อ ขอ้ เขยี นผลลัพธท์ ีไ่ ด้ สามารถเขียน สามารถเขยี น สามารถเขียน สามารถเขยี น จากการแสดงการ ผลลพั ธ์ท่ไี ดจ้ าก ผลลัพธ์ท่ไี ดจ้ าก ผลลัพธท์ ีไ่ ด้จาก ผลลัพธท์ ี่ไดจ้ าก ทำงานโปรแกรม การแสดงการ การแสดงการ การแสดงการ การแสดงการ แบบมเี ง่ือนไข ทำงานโปรแกรม ทำงานโปรแกรม ทำงานโปรแกรม ทำงานโปรแกรม (switch…case) แบบมเี งื่อนไข แบบมีเงื่อนไข แบบมีเง่ือนไข แบบมเี ง่ือนไข (switch…case) (switch…case) (switch…case) (switch…case) ไดค้ รบทุกข้อ ได้ 3 ข้อ ได้ 2 ข้อ ได้ 1 ข้อ หมายเหตุ ไดร้ ะดับคะแนน 3 ขึ้นไปทุกตวั ชว้ี ดั ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์การประเมนิ 12 - 15 คะแนน 4 หมายถึง ดมี าก 9 – 11 คะแนน 3 หมายถงึ ดี 6 - 8 คะแนน 2 หมายถึง พอใช้ 0 - 5 คะแนน 1 หมายถงึ ปรบั ปรงุ

แบบประเมนิ ดา้ นทักษะกระบวนการ เรอ่ื ง การเขียนโปรแกรมแบบมีเงื่อนไขดว้ ยคำสงั่ switch…case ประเมินดา้ นทกั ษะกระบวนการ ผลการประเมนิ ท่ี ออกแบบจอภาพโดยใช้ เขยี นโปรแกรม เขียนผลลพั ธท์ ไี่ ด้จาก ผ่าน ไมผ่ ่าน control ตา่ งๆ ดว้ ย แบบมเี ง่ือนไข การแสดงการทำงาน โปรแกรม Visual C# (switch…case) โปรแกรมแบบมเี ง่ือนไข 2015 (switch…case) (ลงช่ือ)……………………………….……………......... (..........................................................) ผสู้ อน

การประเมนิ ด้านสมรรถนะที่สำคัญของผู้เรยี น เร่ือง การเขียนโปรแกรมแบบมีเงื่อนไขดว้ ยคำส่ัง switch…case ความสามารถในการคดิ 1. มีความคิดสร้างสรรค์ 2. คิดอยา่ งมีวิจารณญาณมเี หตุผล 3. สามารถแก้ปญั หาตา่ งๆได้อยา่ งเปน็ ระบบ 4. สามารถคดิ เช่ือมโยงส่งิ ทไี่ ด้เรียนรู้ เพ่ือนำไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้ ความสามารถในการแกป้ ญั หา 1. แก้ปญั หา และอปุ สรรคท่ีพบเจอได้ 2. วิเคราะห์สาเหตขุ องปัญหาทพี่ บเจอได้ 3. แกป้ ญั หาได้อยา่ งมลี ำดับ ข้ันตอน 4. ตดั สินใจเลือกแนวทางการแกป้ ัญหาได้อย่างชดั เจน แนน่ อน และไม่ส่งผลเสียตอ่ ผู้อื่น ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 1. สามารถใชเ้ ทคโนโลยีในการคน้ หาขอ้ มูลได้อยา่ งหลากหลาย 2. ใช้เทคโนโลยโี ดยไม่ส่งผลกระทบต่อตนเอง และผู้อน่ื 3. ใช้เทคโนโลยใี นการทำงานอยา่ งเหมะสม 4. ใช้เทคโนโลยีเพอ่ื พฒั นาตนเองและสงั คม

เกณฑก์ ารประเมินสมรรถนะท่สี ำคญั ของผูเ้ รียน เรือ่ ง การเขยี นโปรแกรมแบบมเี งื่อนไขดว้ ยคำสั่ง switch…case ดา้ นสมรรถนะผเู้ รียน ระดบั คุณภาพ ความสามารถในการคดิ ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4321 ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี มคี วามสามารถ มีความสามารถ มคี วามสามารถ มีความสามารถ ในการคิดครบ ในการคดิ ในการคดิ ในการคดิ ทุกข้อ 3 ขอ้ 2 ข้อ 1 ขอ้ มคี วามสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ ในการ ในการ ในการ ในการ แกป้ ญั หาครบ แก้ปัญหา 3 ข้อ แก้ปญั หา 2 ข้อ แก้ปัญหา 1 ข้อ ทุกข้อ มคี วามสามารถ มคี วามสามารถ มีความสามารถ มีความสามารถ ในการใช้ ในการใช้ ในการใช้ ในการใช้ เทคโนโลยีครบ เทคโนโลยี 3 เทคโนโลยี 2 เทคโนโลยี 1 ทุกข้อ ขอ้ ขอ้ ขอ้ หมายเหตุ ได้ระดับคะแนน 3 ข้นึ ไปทุกตวั ช้วี ดั ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์การประเมนิ 4 คะแนน หมายถึง ดีมาก 3 คะแนน หมายถึง ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ปรบั ปรุง

แบบประเมินด้านสมรรถนะท่สี ำคญั ของผู้เรียน เรอ่ื ง การเขยี นโปรแกรมแบบมีเง่ือนไขดว้ ยคำสัง่ switch…case ท่ี การคิด ประเมินด้านสมรรถนะท่ีสำคัญของผ้เู รยี น ผลการประเมนิ ผา่ น ไมผ่ า่ น การแกป้ ัญหา การใชเ้ ทคโนโลยี (ลงชอ่ื )……………………………….……………......... (..........................................................) ผสู้ อน

การประเมนิ ด้านคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เรอ่ื ง การเขยี นโปรแกรมแบบมีเงื่อนไขด้วยคำสงั่ switch…case ใฝ่เรียนรู้ 1. ศึกษาคน้ ควา้ หาความรู้จากหนังสือ เอกสาร สงิ่ พิมพ์ สื่อเทคโนโลยตี ่าง ๆ แหล่งเรียนรู้ทั้งภายในและ ภายนอกโรงเรยี น และเลือกใช้สอื่ ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 2. ตั้งใจเรียน 3. เอาใจใส่และมีความเพียรพยายามในการเรยี นรู้ 4. เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางการเรียนรู้อยู่เสมอ มุ่งมน่ั ในการทำงาน 1. ตง้ั ใจและรับผิดชอบในงานทไ่ี ดร้ ับมอบหมาย 2. เพียรพยายามในการทำงาน ด้วยความอดทนไมท่ ้อแท้ต่ออปุ สรรคที่เกิดข้นึ 3. พฒั นาการทำงานของตนเองใหด้ ีข้ึนเสมอ 4. เอาใจใส่ตอ่ หน้าทท่ี ี่ไดร้ ับมอบหมาย

เกณฑก์ ารดา้ นคณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ เรอ่ื ง การเขียนโปรแกรมแบบมีเงื่อนไขดว้ ยคำสั่ง switch…case ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 4 ระดบั คณุ ภาพ 1 ใฝ่เรียนรู้ มีคุณลักษณะ 32 มคี ณุ ลักษณะ อนั พงึ ประสงค์ มีคณุ ลักษณะ มีคุณลกั ษณะ อนั พึงประสงค์ มงุ่ มัน่ ในการทำงาน ดา้ นใฝเ่ รยี นรู้ อนั พงึ ประสงค์ อนั พงึ ประสงค์ ด้านใฝ่เรียนรู้ ครบทุกขอ้ ดา้ นใฝ่เรียนรู้ ด้านใฝเ่ รียนรู้ 1 ข้อ มีคุณลักษณะ 3 ข้อ 2 ขอ้ มคี ณุ ลกั ษณะ อันพงึ ประสงค์ มีคณุ ลักษณะ มีคณุ ลักษณะ อนั พึงประสงค์ ดา้ นมุ่งมัน่ ใน อันพงึ ประสงค์ อันพึงประสงค์ ด้านมุง่ มนั่ ใน การทำงานครบ ด้านมุง่ ม่นั ใน ดา้ นมุ่งม่นั ใน การทำงาน ทกุ ข้อ การทำงาน การทำงาน 1 ขอ้ 3 ข้อ 2 ข้อ หมายเหตุ ได้ระดบั คะแนน 3 ขน้ึ ไปทุกตวั ชีว้ ดั ถือวา่ ผ่านเกณฑก์ ารประเมิน 4 คะแนน หมายถงึ ดีมาก 3 คะแนน หมายถงึ ดี 2 คะแนน หมายถึง พอใช้ 1 คะแนน หมายถึง ปรบั ปรงุ

แบบประเมินดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ เรื่อง การเขียนโปรแกรมแบบมีเงื่อนไขด้วยคำสง่ั switch…case ประเมนิ ด้านคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ผลการประเมิน ที่ ใฝเ่ รยี นรู้ มุ่งม่นั ในการทำงาน ผา่ น ไมผ่ า่ น (ลงช่ือ)……………………………….……………......... (..........................................................) ผสู้ อน

แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 13 กล่มุ สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี ช้นั มัธยมศึกษาปที ่ี 6 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2563 เรือ่ ง การเขียนโปรแกรมแบบมเี งือ่ นไขด้วยคำสงั่ for วนั ที่ – เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2563 ใช้เวลา 2 ชั่วโมง/คาบ 1. มาตรฐานการเรียนรู้ ว 4.2 เข้าใจและใช้แนวคิดเชิงคำนวณในการแกปัญหาที่พบในชีวิตจรงิ อย่างเป็นขัน้ ตอนและเป็นระบบ ใชเ้ ทคโนโลยสี ารสนเทศและการสือ่ สารในการเรยี นรูก้ ารทำงาน และการแกป้ ัญหาไดอ้ ย่างมีประสทิ ธภิ าพ 2. ตัวชวี้ ัด ว 4.2 ม. 6/1 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการนำเสนอและแบง่ ปนั ข้อมูลอย่างปลอดภยั มีจริยธรรม และ วเิ คราะหก์ ารเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยสี ารสนเทศทมี่ ผี ลต่อการดำเนินชีวติ อาชพี สังคมและวฒั นธรรม 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ายความหมาย และรปู แบบการเขยี นโปรแกรมแบบมเี ง่ือนไข (for) (K) 2. วเิ คราะห์โจทยป์ ัญหาท่ีมีเงื่อนไข (K) 3. ออกแบบจอภาพโดยใช้ control ตา่ งๆ ดว้ ยโปรแกรม Visual C# 2015 (P) 4. เขยี นโปรแกรมแบบมีเง่ือนไข (for) (P) 5. เขยี นผลลพั ธท์ ี่ได้จากการแสดงการทำงานโปรแกรมแบบมเี งื่อนไข (for) (P) 6. มคี วามใฝ่เรยี นรู้ (A) 7. มคี วามมุ่งมั่นในการทำงาน (A) 4. สาระสำคญั การวนซำ้ เป็นการกำหนดให้มีการประมวลผลคำสัง่ ซ้ำ ๆ กนั ตั้งแต่ 1 คร้ังขึน้ ไป ทั้งนี้ขึ้นอย่กู บั เง่ือนไข ในการทำงาน ซึง่ จะช่วยให้การเขียนโปรแกรมไดง้ ่าย สะดวก ไม่ต้องเขยี นข้อความคำสั่งเดมิ หลายครัง้ ทำให้ โปรแกรมมคี วามกระชบั สามารถตรวจสอบความผดิ พลาดไดง้ ่าย โครงสร้างควบคมุ แบบวนซ้ำ (repetition control structure) ประกอบดว้ ย • คำสง่ั for • คำสงั่ while • คำสงั่ do-while โดยแต่ละโครงสร้างคำสงั่ มีรูปแบบและวธิ กี ารใช้งานท่แี ตกต่างกนั นักเขยี นโปรแกรมสามารถเลอื กใช้ ได้ตามความเหมาะสมกับลักษณะการใชง้ านในโปรแกรม

คำสงั่ for เป็นคำสั่งทส่ี ั่งใหป้ ระมวลผลคำสั่ง หรือชุดคำสั่ง วนซำ้ ไดห้ ลายรอบ โดยตอ้ งกำหนดจำนวน รอบใหก้ ารวนซ้ำท่ีแนน่ อน 5. สาระการเรียนรู้ 1. ความหมาย และรูปแบบการเขยี นโปรแกรมแบบมีเงื่อนไข (for) คำสั่ง for เป็นคำสั่งที่สั่งให้ประมวลผลคำสั่ง หรือชุดคำสั่ง วนซ้ำได้หลายรอบ โดยต้องกำหนด จำนวนรอบใหก้ ารวนซ้ำทแ่ี น่นอน โดยมีโครงสรา้ งดังนี้ for (expression1; expression2; expression3) { statement(s); } โดยที่ expression1 คือ นพิ จน์ที่ใชก้ ำหนดคา่ เริม่ ต้นให้กบั ตวั แปรที่จะใชว้ นลูป expression2 คือ นิพจน์ที่ใช้ทดสอบเงื่อนไข ซึ่งจะมีค่าจริงหรือเท็จอย่างใดอย่างหนึ่ง เท่านนั้ expression3 คอื นพิ จนท์ ใี่ ช้เพมิ่ หรือลดค่าตวั แปรที่จะใชว้ นลปู statement(s) คือ คำสั่งต่าง ๆ ถ้ามีมากกว่า 1 คำสั่ง จะต้องเขียนอยู่ภายในเครื่องหมาย {….} 2. วเิ คราะห์โจทย์ปญั หา และเขยี นโปรแกรมแบบมเี งื่อนไข (for) 6. ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. ใฝเ่ รยี นรู้ 2. มุ่งมนั่ ในการทำงาน 7. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รียน 1. ความสามารถในการคิด 2. ความสามารถในการแกป้ ญั หา 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั นำเข้าสู่บทเรยี น (15 นาที) 1. ครูกลา่ วทกั ทายนกั เรยี น 2. ครูสมุ่ ถามนักเรียน จำนวน 3 คน เพื่อให้เกีย่ วกับสง่ิ ทีเ่ รยี นในคาบเรียนก่อนหนา้

3. ครูนำปัญหาที่มีลักษณะเชิงเงื่อนไขที่พบเจอในชีวิตประจำวัน มาให้นักเรียนช่วยกันคิดและแก้ไข เช่นปัญหา อ่านหนังสือมากจึงสอบผ่าน, หนีเรียนโดยหักคะแนน เป็นต้น เพื่อกระตุ้นให้นักเรียน เกดิ การคิดเชิงเงือ่ นไข ก่อนเข้าสู่ขนั้ กิจกรรมการเรียนการสอน 4. ครูแจง้ ส่ิงท่จี ะได้เรียนในคาบเรยี นน้ี ขน้ั กจิ กรรมการเรียนการสอน (1 ชวั่ โมง 25 นาที) 5. นักเรียนศกึ ษาหนังสืออิเล็กทรอนกิ ส์ หนว่ ยท่ี 5 ขน้ั ตอนการแก้ปญั หา บทท่ี 4 เรื่องการเขยี น โปรแกรมแบบมีเงื่อนไขดว้ ยคำสง่ั for หรอื แหลง่ ข้อมลู อน่ื ๆตามความสนใจ 6. ครูใช้คำถามเพ่ือสอบถามส่ิงท่ีนักเรียนได้ศกึ ษามา เกย่ี วกบั การเขยี นโปรแกรมแบบมเี งื่อนไขดว้ ย คำสง่ั for 7. ครอู ธบิ ายประกอบการสาธติ เกี่ยวกับการเขียนโปรแกรมแบบมีเงอ่ื นไขด้วยคำสัง่ for โดยใชส้ ื่อ PowerPoint ในการบรรยาย และโปรแกรม Visual C# 2015 ในการสาธติ 8. นักเรียนทำใบกิจกรรมที่ 5.4 เรือ่ งการเขียนโปรแกรมแบบมีเงือ่ นไขด้วยคำส่ัง for ลงในสมุด ขนั้ สรุป (20 นาที) 9. นกั เรียนและครรู ว่ มกันสรุปการเขียนโปรแกรมแบบมีเงอื่ นไขด้วยคำสง่ั for คำสั่ง for เป็นคำสั่งที่สั่งให้ประมวลผลคำสั่ง หรือชุดคำสั่ง วนซ้ำได้หลายรอบ โดยต้อง กำหนดจำนวนรอบให้การวนซ้ำท่แี นน่ อน โดยมโี ครงสรา้ งดังนี้ for (expression1; expression2; expression3) { statement(s); } โดยท่ี expression1 คือ นพิ จน์ที่ใช้กำหนดค่าเริม่ ต้นใหก้ ับตัวแปรท่จี ะใช้วนลูป expression2 คือ นิพจน์ท่ีใชท้ ดสอบเง่อื นไข ซึง่ จะมีคา่ จรงิ หรือเท็จอยา่ งใดอยา่ งหนงึ่ เท่านัน้ expression3 คอื นพิ จน์ทีใ่ ชเ้ พ่มิ หรือลดค่าตวั แปรทจ่ี ะใช้วนลูป statement(s) คอื คำส่งั ตา่ ง ๆ ถ้ามมี ากกวา่ 1 คำสัง่ จะต้องเขยี นอย่ภู ายในเคร่อื งหมาย {….} 10. ครูมอบให้นกั เรยี นไปศึกษาหนงั สืออเิ ล็กทรอนิกส์ หนว่ ยท่ี 5 บทที่ 5 การเขียนโปรแกรมแบบมี เง่อื นไขดว้ ยคำสั่ง while และ do…while ล่วงหนา้ สำหรบั การเรยี นในคาบเรยี นถดั ไป

9. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้ 9.1 ส่อื การเรยี นรู้ 1) ใบกจิ กรรมท่ี 5.4 เรื่องการเขยี นโปรแกรมแบบมีเงอื่ นไขดว้ ยคำส่ัง for 2) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หน่วยที่ 5 ขั้นตอนการแก้ปัญหา บทที่ 4 เรื่องการเขียนโปรแกรมแบบมี เงอ่ื นไขดว้ ยคำสั่ง for (ลิงค์ https://qrgo.page.link/5CgLt) 3) หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หน่วยที่ 5 บทที่ 5 การเขียนโปรแกรมแบบมีเง่ือนไขด้วยคำสั่ง while และ do…while (ลิงค์ https://qrgo.page.link/5CgLt) 4) โปรแกรม Visual C# 2015 9.2 แหลง่ การเรียนรู้ อนิ เทอรเ์ น็ต 10. การวดั ผลและประเมนิ ผล 10.1 การวดั ผล จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ วธิ ีการวัด เคร่อื งมอื เกณฑ์การให้คะแนน 1. อธิบายโครงสร้างการ ว ั ด โ ด ย ก า ร ต ร ว จ ใบกิจกรรม ผ่านเกณฑร์ อ้ ยละ 60 เขียนโปรแกรมแบบมี้ ใบกิจกรรมที่ 5.4 เรื่อง เงอ่ื นไข (for) (K) การเขียนโปรแกรมแบบ มเี งื่อนไขด้วยคำส่ัง for 2. วิเคราะห์โจทย์ปัญหา ว ั ด โ ด ย ก า ร ต ร ว จ ใบกจิ กรรม ผา่ นเกณฑร์ ้อยละ 60 ท่ีมีเงอ่ื นไข (for) (K) ใบกิจกรรมที่ 5.4 เรื่อง การเขียนโปรแกรมแบบ มีเง่ือนไขด้วยคำส่ัง for 3. ออกแบบจอภาพโดย วัดโดยการสังเกตการ แบบประเมินท ั ก ษ ะ ระดบั คณุ ภาพ 3 ใช้ control ต่างๆ ด้วย ออกแบบจอภาพโดยใช้ กระบวนการ ผา่ นเกณฑ์ โ ป ร แ ก ร ม Visual C# control ต ่ า ง ๆ ด ้ ว ย 2015 (P) โ ป ร แ ก ร ม Visual C# 2015 4. เขียนโปรแกรมแบบมี วัดโดยการสังเกตการ แบบประเมินท ั ก ษ ะ ระดับคุณภาพ 3 เงื่อนไข (for) (P) เขียนโปรแกรมแบบมี กระบวนการ ผา่ นเกณฑ์ เงอื่ นไข (for)

5. เขียนผลลัพธ์ที่ได้จาก วัดโดยการสังเกตการ แบบประเมินท ั ก ษ ะ ระดับคณุ ภาพ 3 การแสดงการทำงาน เขียนผลลัพธ์ที่ได้จาก กระบวนการ ผา่ นเกณฑ์ โปรแกรมแบบมีเงื่อนไข การแสดงการทำงาน (for) (P) โปรแกรมแบบมีเงื่อนไข (for) 6. มีความใฝเ่ รยี นรู้ (A) วัดโดยการสังเกตความ แบบประเมนิ ระดับคณุ ภาพ 3 ใฝเ่ รียนรู้ คณุ ลกั ษณะอันพึง ผา่ นเกณฑ์ ประสงค์ 7. มคี วามม่งุ มั่นในการ วัดโดยการสังเกตความ แบบประเมนิ ระดบั คณุ ภาพ 3 ทำงาน (A) มงุ่ มน่ั ในการทำงาน คุณลักษณะอันพึง ผ่านเกณฑ์ ประสงค์ สมรรถนะสำคัญของ วัดโดยการสงั เกต แบบประเมินสมรรถนะ ระดบั คณุ ภาพ 3 ผู้เรียน สมรรถนะสำคัญของ สำคญั ของผเู้ รยี น ผ่านเกณฑ์ 1. ความสามารถในการ ผ้เู รียน คดิ 2. ความสามารถในการ แกป้ ัญหา 3. ความสามารถในการ ใชเ้ ทคโนโลยี คุณลกั ษณะอันพงึ วดั โดยการสังเกต แบบประเมนิ ระดบั คุณภาพ 3 ประสงค์ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ คณุ ลกั ษณะอันพงึ ผ่านเกณฑ์ 1. ใฝเ่ รียนรู้ ประสงค์ ประสงค์ 2. มุ่งมนั่ ในการทำงาน 10.2 เกณฑก์ ารประเมิน 1) ด้านความรู้ ใบกจิ กรรม (10 คะแนน) 9 - 10 คะแนน หมายถึง ดมี าก 6 - 8 คะแนน หมายถงึ ดี 4 - 5 คะแนน หมายถงึ พอใช้ 0 – 3 คะแนน หมายถึง ปรับปรุง หมายเหตุ ดา้ นความรเู้ กณฑ์ผ่าน ร้อยละ 60 ทุกประเดน็ การประเมิน