ไปบรรยายในการอบรมหลักสูตรพิเศษนาน ๓ ชั่วโมง ซ่ึงผมเคยไป ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: บรรยายทุกปี ปีละหน พอจบเขาก็เอาเงินใส่ซองให้มา ๖,๐๐๐ บาท ทุกปี คราวนี้เขาใส่มา ๓,๐๐๐ บาท แถมบอกว่า “เขำว่ำรัฐมนตรีรับ เงินเกิน ๓,๐๐๐ บำทไม่ได้ ผู้บรรยำยอ่ืนเรำให้ ๖,๐๐๐ บำทตำม อตั รำปกต ิ แตอ่ ำจำรยอ์ ยำ่ วำ่ อยำ่ งโนน้ อยำ่ งนเ้ี ลยนะคะ” ผมพยกั หนา้ หงกึ ๆ ตอบไปวา่ ไมว่ า่ หรอกแลว้ แตก่ ศุ ลเจตนา วทิ ยาทานหาคา่ บม่ ไิ ด้ อยู่แล้ว แต่อยากจะอธิบายว่ากฎหมายไม่ได้จำากัดไว้ท่ี ๓,๐๐๐ บาท ถ้าเป็นการจ่ายตามปกติธุระ เพราะนี่เป็นเงินค่าวิทยากร ไม่ใช่รับเงิน โดยปราศจากมูล อาจารย์ท่านน้ันทำาตาโตแย้งว่า “อุ๊ย! ถ้ำง้ันก็หนัก ลงไปอีกสิคะ จะกลำยเป็นว่ำอำจำรย์รับจ้ำงมำบรรยำย ระวังจะโดน แบบคณุ สมัคร สนุ ทรเวชนะคะ” ผมหัวเรำะก็ไม่ได้ ร้องไห้ก็ไม่ออก บอกไปว่ำทีหลังขอ น�้ำเปล่ำแกว้ เดียวก็เป็นพระคณุ แลว้ ครบั ! 151
การบรหิ ารเวลาวายุงยากแลว ถา ตองมาบริหารคนอีกเหน็ จะปวดหัว เคราะหซ ้าํ กรรมซดั วบิ ตั เิ ปน ไมเล็งเหน็ ทีซ่ งึ่ จะพง่ึ พา
วนั ๆ รัฐมนตรีท�าอะไรกนั กำรเป็นรัฐมนตรีหมำยควำมถึงกำรต้องปฏิบัติหน้ำท่ี บริหารราชการแผ่นดินเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน ซ่ึง ถ้าต้ังใจทำางาน ไม่ถือว่ามาเป็นรัฐมนตรีเพื่อสักแต่ว่าให้ได้เป็นเกียรต ิ เป็นศรี แต่ตั้งใจจะให้ประโยชน์ทวีแก่ชาติและประเทศไทยเทอญแล้ว ต้องนับว่ามีเร่ืองให้ทำาไม่เบามือเลย เพราะเอาเข้าจริงแล้วนอกจาก ราชการงานเมืองตามหน้าที่แล้ว ยังมีเร่ืองท่ีคนเป็นรัฐบาลต้องปฏิบัติ อีกหลายอย่าง จะเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ทำาเป็นไม่ใส่ใจไม่ได้ ภาระ หน้าที่นี้เป็นท้งั ของนายกรฐั มนตรีและรฐั มนตรีทั้งหลาย แต่นายกรัฐมนตรีน้ันอาจเจอภาระมากกว่าเพ่ือนคือต้องรับ เต็มๆ ทั้งผิดและชอบ ดังนั้นการรู้จักจัดสรรเวลา บริหารคน บริหาร เวลาส่วนตัว เช่น การออกงานสังคม การดูแลครอบครัว การออก กำาลังกาย การรักษาสุขภาพกายใจ การพักผ่อนหย่อนใจให้เหมาะสม ได้สัดสว่ นกบั เวลาทาำ งานซง่ึ กม็ ากอยู่แลว้ จึงเป็นเรื่องสำาคญั ในสมัยก่อน พระมหากษัตริย์ทรงเป็นหัวหน้ารัฐบาล งานของ พระราชามหากษัตริย์ซึ่งเป็นหัวหน้ารัฐบาลในแต่ละวันน้ันมีมาก 153
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม หนักหนา สมัยโบราณเรียกว่า “พระรำชำนุกิจ” ซ่ึงจะมีคนคอยจด บันทึกไว้โดยละเอียดทุกวัน เมื่อส้ินรัชกาลแล้วจะมีการรวบรวมและ นำาออกเปิดเผยเพื่อเผยแพร่พระบรมเดชานุภาพ เป็นประโยชน์แก่ การว่าราชการในรัชกาลต่อไป ถ้าใครอ่านพระราชานุกิจสมัยรัชกาลท ่ี ๑-๗ แล้วจะเห็นความใส่พระราชหฤทัยในกิจการต่างๆ อย่างหลาก หลายมากมาย อาทิ การเสด็จฯ ทรงบาตรและสวดมนต์ในตอนเช้า ทรงว่าราชการในตอนสาย ประทับในการพิจารณาคดี ทรงตรา กฎหมาย ทรงพิจารณาฎีกาที่มีผู้ถวายขอพระราชทานความเป็นธรรม ทรงรบั ผเู้ ขา้ เฝา้ ทลู ละอองธลุ พี ระบาท ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจด้าน ศาสนา ทรงพระอักษร ทรงดนตรี และทอดพระเนตรมหรสพต่างๆ หรือประชุมนักปราชญ์ กวี เพื่อสร้างสรรค์พระราชนิพนธ์ ตลอดจน การเสดจ็ ประพาสหวั เมอื งใกลไ้ กล พระราชกจิ เหลา่ นท้ี รงปฏบิ ตั ติ ง้ั แต ่ เชา้ จรดค่ำา ในระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย พระราชานุกิจย่อม เปลี่ยนแปลงไป เพราะการบริหารราชการแผ่นดินกลายมาเป็นหน้าท่ี ของรัฐบาล แต่พระราชานุกิจในส่วนที่เกี่ยวกับโบราณราชประเพณี การใช้พระราชอำานาจตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่างๆ และการ ปฏิบัติพระราชกรณียกิจในการเสด็จฯ ไปเย่ียมราษฎรในพ้ืนที่ต่างๆ การทรงงานโครงการพระราชดำาริ และการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ตามคำากราบบังคมทูลเชิญยังคงมีอยู่ เห็นได้จากพระราชานุกิจในสมัย รัชกาลท่ี ๙ ซึ่งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนฯ ได้รับพระบรมราชโองการให้ทรงจดบันทึก สำาหรับกิจจานุกิจหรือกิจกรรมที่รัฐบาลทุกชุดในยุคปัจจุบันจะ ต้องปฏบิ ตั ใิ นแต่ละวันอาจจำาแนกให้เห็นภาพได ้ ดงั นี้ ๑. กำรประชุมคณะรัฐมนตรี ข้อน้ีถือเป็นงานหลัก ในหลาย ประเทศ คณะรฐั มนตรปี ระชมุ กนั เตม็ คณะเดอื นละครง้ั แตใ่ นประเทศ ไทย เร่ืองท่ีนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีแต่ละคนไม่อาจตัดสินใจหรือ สั่งการเองโดยลำาพัง หากแต่ต้องนำาเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเต็ม 154
คณะมเี ปน็ จาำ นวนมาก ปรมิ าณเหลา่ นเี้ กดิ จากการทม่ี กี ฎหมายกาำ หนด ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: ไว้บ้าง นายกรัฐมนตรีส่ังการให้ต้องนำาเข้า ครม.บ้าง และที่ไม่มีอะไร ที่ไหนกำาหนดแต่รัฐมนตรีอยากให้คณะรัฐมนตรีช่วยรับรู้หรือช่วย แนะนำา หรือแม้แต่ “ช่วยร่วมกันรับผิดชอบ” เผ่ือถูกฟ้องจะได้ตกเป็น จำาเลยร่วมกันก็มีอยู่บ้าง จึงมีเร่ืองประดังประเดเข้าไปสู่คณะรัฐมนตรี เป็นจำานวนมากจนต้องประชุมกันทุกวันอังคาร บางเรื่องก็เสนอเพ่ือ ทราบ บางเร่ืองเสนอเพ่ือพิจารณา สิ่งท่ีเป็นผลจากการพิจารณาของคณะรัฐมนตรีเรียกว่า “มติ คณะรัฐมนตรี” ซึ่งอาจเป็นว่า รับทราบ เห็นชอบ อนุมัติ อนุญาต บางทีก็เห็นชอบในหลักการ ซ่ึงหมายความว่าในกรอบใหญ่ๆ แล้วถือ ว่าพอไปได้ แต่ให้ไปพิจารณารายละเอียดร่วมกับหน่วยงานท่ีเก่ียว ข้องอีกครั้ง อาทิ เร่ืองเงินต้องไปหารือสำานักงบประมาณ เรื่องทาง กฎหมายใหไ้ ปหารอื สาำ นกั งานคณะกรรมการกฤษฎกี า เรอ่ื งอตั รากาำ ลงั ให้ไปหารอื สาำ นกั งาน ก.พ. คณะรฐั มนตรใี นสมยั หลงั ๆ มานจ้ี ะประชมุ ในวนั องั คาร ใชเ้ วลา ตั้งแต่เช้าถึงเที่ยงหรือบ่าย เคยมีเหมือนกันท่ีบางครั้งยืดเยื้อไปจนเย็น หรือพลบคำ่า เพราะเร่ืองท่ีเข้าคณะรัฐมนตรีมีมากคราวละ ๒๐-๕๐ เร่ือง ย่ิงถ้าเป็นรัฐบาลผสมหลายพรรครัฐมนตรีมักพูดกันคนละนานๆ เห็นด้วยก็พูด ไม่เห็นด้วยก็พดู ถา้ พรรคนน้ั พูด พรรคนม้ี ักไมย่ อม จะ ตอ้ งขอออกความเหน็ บา้ งไมง่ นั้ เสยี เหลย่ี ม นายกฯ บางคนก็ใจดี ใคร อยากพูดก็พูดไปถือว่าพูดในห้องประชุมดีกว่าไปพูดกับส่ือข้างนอก เร่อื งก็เลยตดิ ลมยาวไปจนเย็นจนคำ่า การเขา้ ประชมุ คณะรฐั มนตรเี ปน็ เรอ่ื งจาำ เปน็ สาำ หรบั รฐั มนตรที กุ คน ไม่จำาเป็นไม่ควรลาหรือขาด ใครท่ีลาไปต่างจังหวัดหรือไปนอก มักต้องกลับมาเข้าประชุมให้ทันในวันอังคาร ถ้าจำาเป็นค่อยลาต่อใน วันพธุ อีกที ๒. กำรหำรือภำยในร่วมกบั คณะทำ� งำน นายกรัฐมนตรแี ละ รัฐมนตรีทุกคนมีคณะทำางานของตนเอง บางทีหากมีประเด็นพาดพิง 155
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม หนว่ ยงานในกาำ กบั ดแู ลกอ็ าจเชญิ มาหารอื เพอื่ ชว่ ยกนั แกป้ ญั หาเฉพาะ หนา้ ตดิ ตามความกา้ วหนา้ ของงานในความรบั ผดิ ชอบ หรอื คดิ ยทุ ธวธิ ี ยทุ ธศาสตร ์ ตลอดจนตอบโตก้ ารปลอ่ ยขา่ วทท่ี าำ ใหร้ ฐั บาลเสยี หายหรอื ช่วยประชาสัมพันธ์งานบางอย่าง จึงจำาเป็นต้องมีการหารือเป็นการ ภายในระหวา่ งทมี งาน ทปี่ รกึ ษา ผชู้ ว่ ยรฐั มนตร ี เลขานกุ ารเปน็ ประจาำ รองนายกฯ สมคดิ ทา่ นมาทาำ งานเชา้ จงึ มกั นดั ทมี งานมาหารอื ทท่ี าำ เนยี บ รฐั บาลตอน ๗ โมงเชา้ แทบทกุ วนั เวลานัดจะบอกกันต่อๆ ว่า “เชิญ กินโจ๊ก” รองนายกฯ ประวิตรมักนัดหารือท่ีมูลนิธิปา่ รอยต่อฯ ของ ท่าน สมัยเลือกตั้ง รัฐมนตรีหลายคนมักนัดหารือที่บ้านตอนเช้าก่อน เข้ากระทรวงหรือตอนคำ่าหลังอาหารเย็น ผมเองมักนัดหารือท่ีห้องทำางานในเช้าวันพุธเพ่ือจะได้นำาข้อ สง่ั การของนายกฯ และ ครม.จากการประชมุ ครม.ในวนั องั คารมาบอก ต่อทีมงานในวันรุ่งขึ้นให้ช่วยตามงาน ไม่อีกทีก็ต้องหาเวลาหารือ ระหว่างรับประทานอาหารเที่ยง อยา่ งไรกต็ ามในยคุ ดจิ ทิ ลั น ี้ บอ่ ยครงั้ ทอี่ าจหารอื โตต้ อบกนั ทาง ไลน์ หรือใช้ประชุมทางไกลหรือเทเลคอนเฟอเรนซ์ถึงกันได้ ขนาด บางคนอยู่ต่างจังหวัดหรือต่างประเทศก็ยังนัดเวลาหารือร่วมกันจนได ้ ๓. กำรประชุมระหว่ำงนำยกรัฐมนตรีกับรัฐมนตรีบำงคน การประชุมคณะรัฐมนตรีเต็มคณะหรือเรียกว่า Cabinet Meeting ตามข้อ ๑. เป็นการประชุมตามกฎหมาย แต่ในหลายกรณีนายกรัฐ- มนตรีอาจเชิญรัฐมนตรีท่ีเกี่ยวข้องบางคนมาหารือประเด็นเร่งด่วน หรือประเด็นลับเป็นพิเศษ ซ่ึงปกติแล้วมักจะมีอยู่เสมอสัปดาห์ละ ๑-๒ ครง้ั ในองั กฤษเรยี กการประชมุ อยา่ งนวี้ า่ การประชมุ คณะรฐั มนตร ี วงใน (Inner Cabinet) บางประเทศเรียกว่าการประชุมคณะรัฐมนตร ี ระดบั บิ๊กหรือระดับกลไกสำาคัญของบ้านเมือง (Key Ministers) สมัยรัฐบาลมาจากการเลือกต้ังมักจัดให้มีตอนเย็นวันจันทร์ เพ่ือกรองเรื่องที่จะเข้าคณะรัฐมนตรีเต็มคณะในเช้าวันอังคาร สมัย รัฐบาลพลเอกประยุทธ์จะใช้วันอ่ืนและไม่เลือกสถานท่ี บางทีท่าน 156
ก็ส่งไลน์หารือกัน รัฐมนตรีคนสำาคัญที่เข้าร่วมหารือเสมอคือรอง ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: นายกฯ ประวิตร และรัฐมนตรีอนุพงษ์ อย่างที่เรียกว่า ๓ ป. คือ ประยุทธ์ ป้อม ป๊อกนั้นแหละ แต่บ่อยคร้ังท่ีรองนายกฯ สมคิด ผม รฐั มนตรคี ลงั รฐั มนตรตี า่ งประเทศ เลขาฯ สภาพฒั น ์ เลขาฯ กฤษฎกี า เลขาฯ นายกฯ เลขาฯ ครม.เขา้ ร่วมหารอื ดว้ ย ๔. กำรประชุมคณะกรรมกำรต่ำงๆ รัฐบาลแต่ละชุดจะม ี คณะกรรมการช่วยทำางานในระดับต่างๆ มากมายเหลือคณานับ บาง ยุคสมัยมีคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องฝ่ายต่างๆ ก่อนเสนอเรื่องเข้า ครม. เรียกว่า ครม.สังคมบ้าง ครม.เศรษฐกิจบ้าง กรรมการเหล่านี้ มีเบี้ยประชุมบ้าง ไม่มีเบ้ียประชมุ บา้ ง แตก่ ใ็ ชเ้ วลาไปกบั การประชมุ คราวละ ๑-๒ ช่ัวโมง และมักมีแทบทุกวัน คณะกรรมการต่างๆ ของรัฐบาลมี ๔ ประเภทคือ ๑. คณะ กรรมการทตี่ งั้ ตามกฎหมาย ๒. คณะกรรมการทตี่ งั้ ตามระเบยี บสาำ นกั นายกรัฐมนตรี ๓. คณะกรรมการท่ีต้ังตามมติคณะรัฐมนตรี ๔. คณะ กรรมการท่ีต้ังกันเองเป็นการเฉพาะกิจ เพียงแค่ที่ว่ามาน้ีเห็นจะมีนับ พันคณะ บางคณะปีสองปีประชุมกันสักครั้งหน่ึง เวลาตั้งรัฐบาล ใหม่ทุกครั้งจะมีการทบทวนการคงอยู่ของคณะกรรมการเหล่าน้ี โดย ต้ังคณะกรรมการเพิ่มขึ้นใหม่อีก ๑ ชุดเพื่อทำาหน้าท่ีทบทวนคณะ กรรมการชดุ เกา่ ๆ วา่ จะยกเลกิ คณะใดบา้ ง ลงทา้ ยกเ็ ลกิ ไปไดไ้ มถ่ งึ ๒๐ ชุด ซง่ึ พออยๆู่ ไปก็งอกเพิ่มกลบั มาใหม่มากกวา่ เดมิ อย่ดู ี รัฐมนตรีอาจไม่ได้เป็นกรรมการเหล่าน้ีทุกคณะและจำาแนก แตกต่างกันไปตามความจำาเป็นท่ีเกี่ยวข้อง แม้กระนั้นแต่ละคนก็เข้า ไปเกี่ยวข้องไม่ในฐานะประธาน รองประธาน ก็เป็นกรรมการหรือท ี่ ปรึกษาคนละหลายคณะอยู่ดี การทำางานของรัฐมนตรีแต่ละคนจึง หมดเปลืองเวลาไปกับการประชุมเหล่าน้ีมากเอาการอยู่ รัฐธรรมนูญ มาตรา ๗๗ จึงได้บัญญัติว่า “รัฐพึงใช้ระบบอนุญำตและระบบคณะ กรรมกำรในกฎหมำยเฉพำะกรณีที่จ�ำเป็น” มาตรา ๒๕๘ ค. ด้าน กฎหมาย (๑) บัญญัติว่า “ให้มีกำรใช้ระบบอนุญำตและระบบกำร 157
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม ด�ำเนินกำรโดยคณะกรรมกำรเพียงเท่ำท่ีจ�ำเป็นเพื่อให้กำรท�ำงำนเกิด ควำมคล่องตวั โดยมผี รู้ บั ผดิ ชอบท่ชี ัดเจน” ๕. กำรทำ� งำนทแี่ สดงถงึ ควำมรบั ผดิ ชอบตอ่ รฐั สภำ ประเทศ ไทยใชร้ ะบบรฐั สภา (Parliamentary System) ซ่ึงหมายความว่าประ- ชาชนไม่ได้เลือกนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลโดยตรง แต่ใช้วิธีเลือก สมาชิกสภาฯ แล้วให้สภาฯ ไปให้ความเห็นชอบในการแต่งตั้งนายก รัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีไปดำาเนินการจัดตั้งรัฐบาลอีกทอดหนึ่ง นายกฯ และรัฐมนตรีทั้งหมดมีจำานวนไม่เกิน ๓๖ คน เรียกว่าคณะ รัฐมนตรี ทำาหน้าท่ีบริหารประเทศภายใต้ความไว้วางใจของสภาฯ ก่อนเข้าทำางานก็ต้องแถลงนโยบายต่อรัฐสภาเสียก่อน แปลอีกทีก็คือ ถา้ สภาฯ ไม่ไว้วางใจกท็ ำางานไมไ่ ด้ ความไวว้ างใจหรอื ไมไ่ วว้ างใจวดั จากการแสดงออกโดยตรงคอื บอกตรงๆ ว่าผมไม่ไว้วางใจคุณด้วยการเปิดอภิปรายแล้วลงมติไม ่ ไว้วางใจเอาออกจากตำาแหน่ง อีกวิธีก็วัดจากการแสดงออกโดยอ้อม คือรัฐบาลเสนอร่างกฎหมายอะไรมาก็ไม่ยอมผ่านให้ ขออะไรมาก ็ ไม่ยอมให้ โดยเฉพาะถ้าเสนอร่างกฎหมายสำาคัญ อาทิ กฎหมายงบ ประมาณรายจ่ายหรือกฎหมายการเงิน หรือออกพระราชกำาหนดไป เองก่อนแล้วย้อนมาขอความเห็นชอบจากสภาฯ แต่สภาฯ ไม่ผ่านให้ อย่างนี้ถือว่าไม่ไว้วางใจโดยปริยาย รัฐบาลต้องลาออกหรือไม่ก็ชวน กันออกด้วยการยุบสภาฯ แล้วเลือกต้ังใหม่ ในระหวา่ งการทาำ งานของรฐั บาล ถา้ สภาฯ มขี อ้ สงสยั กม็ อี าำ นาจ ตั้งคำาถามเอากับนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีได้ เรียกว่าการตั้งกระทู ้ ถาม ซึ่งพอถึงเวลารัฐมนตรีก็ต้องไปตอบคำาถาม วิธีการเหล่าน้ีเรียก วา่ การควบคมุ การบรหิ ารราชการแผน่ ดนิ อนั เปน็ กลไกในระบบรฐั สภา ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลระบบรัฐสภาจึงต้องเข้าร่วมกิจกรรมของ รฐั สภาดว้ ยการเปน็ ผเู้ สนอรา่ งกฎหมายตอ่ สภาฯ และดว้ ยการไปตอบ กระทถู้ ามในสภาฯ สมัยรฐั บาลพลเอกประยุทธ์ มีการเสนอกฎหมาย 158
เขา้ สภาฯ มากกวา่ ๔๐๐ ฉบบั จงึ มเี รอื่ งตอ้ งไปเขา้ ประชมุ สภาฯ บอ่ ย ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: มาก ผมเองเคยตอ้ งเสนอรา่ งพระราชบญั ญตั ถิ งึ ๕-๖ ฉบบั ในวนั เดยี ว ส่วนกระทู้ถามก็มีบ้างประปราย วาระตอบกระทู้ในสมัยรัฐบาลลุงตู่ ไมค่ อ่ ยดเุ ดอื ดเลอื ดพลา่ นเทา่ ไร เรยี กวา่ ถามตอบกนั อยา่ งกลั ยาณมติ ร ตามประสาพวกลงเรอื แป๊ะลาำ เดียวกนั แต่พอถึงสมัยรัฐบาลเลือกต้ังกลายเป็นเรือซิ่ง เรือหางยาว เรือรบ ไหนจะมีฝา่ ยค้าน ไหนจะมี ๒ สภา สมาชิกสภาแต่ละคน ฝีปากคม ฝีมือดีเจนเวทีและอารมณ์อำานวยให้บรรยากาศอำานวยให ้ ทงั้ จงั หวะเวลากร็ อมานานสองนาน กจิ กรรมสภาจงึ ดเุ ดอื ดเลอื ดพลา่ น พอสมควร การยกมือขอพูด การใช้สิทธิ์พาดพิง การโต้แย้งคัดค้าน การขัดคอขัดจังหวะ การประท้วงจะมีให้เห็นเป็นประจำา ซ่ึงก็เป็นสีสัน อย่างหนึ่งในระบอบประชาธิปไตย ในต่างประเทศสมาชิกสภาจิกผม ตบหน้า ถอดเกือกเคาะโต๊ะ โห่ฮาหรือขว้างปากันในสภามีให้เห็นอยู ่ บ่อยๆ ในประเทศไทยบางสมยั กช็ กั จะใกล้เขา้ ไปเหมอื นกัน ในแต่ละสัปดาห์รัฐบาลต้องให้เวลากับกิจกรรมในสภา ๑-๒ วัน ทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา บางครั้งรัฐมนตรีต้องไปเป็น กรรมาธิการวิสามัญคณะต่างๆ ด้วย อย่างนี้ก็จะใช้เวลาไปเพื่อการน ี้ อีกพอสมควร ๖. งำนของคณะรักษำควำมสงบแห่งชำติ ในสมัยรัฐบาล นายกฯ ลุงตู่ คสช.หรือคณะรักษาความสงบแห่งชาติยังอยู่ และยัง คงทำางานเป็นปกติตลอดเวลา แต่จะว่าเป็นรัฐบาลซ้อนรัฐบาลก็ไม่ใช่ เพราะ คสช.ไมไ่ ด้รับผดิ ชอบการบริหารราชการแผน่ ดิน อำานาจหน้าที่ เป็นเพียงการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยตามที่มีประกาศ คสช. หรือคำาสั่งหัวหน้า คสช.กำาหนดไว้เท่าน้ัน แต่มีอำานาจสำาคัญอีกข้อคือ การใช้อำานาจพิเศษตามมาตรา ๔๔ โดยทว่ั ไปแล้วคณะรฐั มนตรขี องพลเอกประยุทธไ์ มต่ ้องย่งุ เกย่ี ว กบั คสช.โดยตรง เวน้ แตค่ นทเี่ ปน็ คสช.อยดู่ ว้ ย ไดแ้ ก ่ พลเอกประยทุ ธ์ 159
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม พลเอกประวติ ร พลอากาศเอกประจนิ ๓ ประนเ้ี ปน็ รองนายกรฐั มนตรี ด้วย เวลาประชุม ครม.ก็น่ังหัวแถวเรียงกัน นอกจากน้ันก็มีพลเอก อนุพงษ์ พลตำารวจเอกอดุลย์ รวมเป็น ๓ ประ ๒ อะ ส่วนผมและ รองนายกฯ สมคิดไม่ได้เป็น คสช. แต่เป็นท่ีปรึกษา คสช. จงึ พอจะ มภี ารกจิ เกยี่ วเนอื่ งกบั คสช.อยบู่ า้ ง โดยเฉพาะการกลน่ั กรองการขอใช ้ อำานาจพิเศษตามมาตรา ๔๔ ในบางเรื่อง ๗. กำรร่วมพิธีกำรของทำงรำชกำร การเป็นรัฐบาลคือการ ดำารงตำาแหน่งสำาคัญของประเทศ เม่ือเวลามีพิธีการต่างๆ ของทาง ราชการท่ีสำาคัญจึงต้องเข้าร่วมด้วย และจะถือเป็นการร่วมงานหรือ ออกงานสังคมธรรมดาไม่ได้ แต่ถือว่าเป็นหน้าที่ราชการเลยทีเดียว ถ้าเป็นพิธีหลวงก็จัดว่าเป็น “ผู้มีต�ำแหน่งเฝ้ำ” แม้ไม่ใช่พิธีหลวงหรือ พระราชพิธี อาทิ เป็นรัฐพิธี ศาสนพิธี หรือพิธีที่ทางราชการเป็นผู้จัด เม่อื เขาเชญิ มาก็พึงไปรว่ มงานด้วยเช่นกนั พูดถึงพิธีการแล้ว ขออธิบายแทรกตามประสาคนชอบแยกเข้า ตรอกซอกซอยว่าแบ่งออกเป็น ๔ ประเภทดังน้ี (๑) พธิ หี ลวงหรอื พระราชพธิ ี คอื พธิ ที ท่ี รงพระกรณุ าโปรดเกลา้ ฯ ให้จัดโดยมีหมายกำาหนดการ สำานักพระราชวังเป็นทางการ ทั้งนี้อาจ เสด็จพระราชดำาเนินหรือทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระราชวงศ ์ เสด็จหรือมีผู้แทนพระองค์ไปเป็นประธานหรือประกอบพิธีก็ได้ อาทิ พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา พระราชพิธีฉัตรมงคล พระราชพิธี วิสาขบูชา พระราชพิธีถวายผ้าพระกฐิน (๒) รฐั พธิ ี คอื พธิ ที ท่ี างราชการจดั เปน็ งานสาำ คญั ของทางราชการ และของประเทศ แล้วกราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำาเนิน อาทิ รัฐพิธีถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในวันคล้ายวันทำายุทธหัตถี รัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภาสมัยแรก (๓) ศาสนพิธีของทางราชการ คืองานสำาคัญทางศาสนาที่ทรง พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดหรือทางราชการจัดและอาจกราบบังคม ทูลเชิญเสด็จพระราชดำาเนินก็ได้ บางงานก็เสด็จฯ ด้วยพระองค์เอง 160
บางงานกโ็ ปรดเกลา้ ฯ ใหผ้ แู้ ทนพระองค ์ อาท ิ พระราชวงศ ์ องคมนตร ี ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: หรือบุคคลอื่นไปเป็นประธาน เช่น งานเวียนเทียนที่พุทธมณฑลเน่ือง ในวนั มาฆบชู า วนั วสิ าขบชู า วนั อาสาฬหบชู า งานบาำ เพญ็ กศุ ลศาสน- สัมพันธ์ทุกศาสนา งานเจริญพระพุทธมนต์ท่ีพระลานพระราชวังดุสิต บางศาสนพิธีอาจมีหมายสำานักพระราชวัง จึงกลายเป็นพระราชพิธี กไ็ ด้ (๔) พธิ ที ท่ี างราชการจดั คาำ วา่ ทางราชการในทนี่ หี้ มายถงึ รฐั บาล กระทรวง กรม หรือหน่วยงานต่างๆ ของรัฐซึ่งไม่ใช่เอกชน เช่น การ จดั งานในวนั คลา้ ยวนั สถาปนาสาำ นกั นายกรฐั มนตร ี การจดั งานทาำ บญุ ตกั บาตรเนอ่ื งในวนั ขน้ึ ปใี หม ่ ความจาำ เปน็ ในการรว่ มพธิ ปี ระเภทนอ้ี าจ ไม่มากนัก ถ้าตดิ กิจธรุ ะอื่นจะหายหนา้ หายตาไปบา้ งกไ็ มว่ า่ กัน ในการร่วมพิธีเหล่าน้ีมักต้องแต่งกายเต็มยศหรือปกติขาว ใน กรณีเคยได้รับพระราชทานเคร่ืองราชอิสริยาภรณ์ช้ันสายสะพายและ บัตรหมายระบุว่าแต่งกายเต็มยศ ให้สังเกตด้วยว่าให้ประดับเคร่ือง ราชอสิ รยิ าภรณต์ ระกลู ใด อาท ิ มงกฎุ ไทย (สายสะพายสนี า้ำ เงนิ ) หรอื ช้างเผือก (สายสะพายสแี ดง) นอกเหนือจากพิธีของทางราชการดังกล่าวแล้ว อาจมีพิธีอื่น อกี แตก่ ็เปน็ ไปตามบตั รเชิญ ซ่ึงเปน็ เรือ่ งส่วนบคุ คล อาท ิ การรับเสด็จ ในงานเสด็จพระราชดำาเนินพระราชทานเพลิงศพ หรือพระราชทาน ปริญญาบัตร หรือรางวัลในโอกาสต่างๆ คนที่ไม่เก่ียวข้องก็ไม่จำาเป็น ต้องไปรว่ มงาน ๘. ผลัดเวรเฝ้ำ เรื่องนี้สืบเน่ืองมาจากสมัยโบราณที่ว่า เมื่อ พระมหากษัตริย์เสด็จพระราชดำาเนินไปยังสถานที่ใดที่มีหมายหรือ ประกาศเป็นทางการ พระบรมวงศานุวงศ์ เสนาพฤฒามาตย์จะต้อง เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท หรือรับ-ส่งเสด็จ มาถึงสมัยปัจจุบันก็ ยังคงปฏิบัติอย่างเดิมโดยสำานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะเป็นผู้จัด ผลัดเวรเฝ้าเป็นชุดๆ ว่ารัฐมนตรีคนใดจะต้องไปปฏิบัติหน้าท่ีดังกล่าว ไม่งั้นต่างคนต่างนึกว่าคนโน้นไปคนนี้ไป ลงท้ายไม่มีใครไป แต่ละ 161
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม ผลัดหรือแต่ละเวรอาจประกอบด้วยรัฐมนตรี ๓-๗ คน ถ้ามากคน เกินไปอาจลำาบากในการจัดสถานที่นั่งหรือยืนเฝ้า ระยะหลังแต่ละ ผลัดจะมีไม่กี่คนและขยายไปถึงการรับ-ส่งเสด็จพระบรมวงศ์อื่นบาง พระองค์ดว้ ย ๙. กำรเปดิ งำน ปดิ งำน ใหโ้ อวำท บรรยำย ปำฐกถำ ภาระ หน้าท่ีอย่างนี้ส่ือมวลชนเคยเรียกว่า “งำนจ๊อบ” คือมากเสียจนเฝือ บางทีมีการกดปุ่มเปิดแพรคลุมป้าย ปล่อยลูกโป่ง มีการตัดริบบ้ิน ตีฆ้องล่ันกลอง จุดประทัด บางงานจัดให้ดูมีสาระหน่อยโดยมีการ กล่าวให้โอวาท บรรยาย ปาฐกถา หรอื แสดงสนุ ทรพจนท์ างนโยบาย หรอื วชิ าการดว้ ย งานอยา่ งนจี้ ะวา่ ไมจ่ าำ เปน็ กไ็ มไ่ ด ้ เพราะใครๆ กอ็ ยาก ให้นายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงไปทำาพิธี ผมเองเป็นคน ข้ีเกรงใจ ขดั ใครก็ไมค่ อ่ ยเปน็ จึงเจองานแบบนี้บอ่ ย ๑๐. งำนเยี่ยมรำษฎร ลงพื้นที่ ติดตำมงำน งานอย่างนี้ เปน็ งานชพี จรลงเทา้ ตอ้ งเดนิ ทางขนึ้ รถลงเรอื ไปเหนอื ลอ่ งใต ้ รฐั มนตร ี ที่เป็น ส.ส.นั้นถือว่าเป็นภารกิจท่ีจำาเป็นทีเดียว เพื่อให้คนรู้จักและ รักษาฐานเสียงไว้ได้ โดยเฉพาะการลงไปยังพ้ืนท่ีเลือกตั้ง แต่จะตั้ง 162
หน้าตง้ั ตาไปแตจ่ งั หวัดของตนเองกไ็ มไ่ ด ้ เพราะงานของรฐั มนตรยี อ่ ม ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: ครอบคลุมทุกพื้นท ี่ สมัยรัฐบาลนายกฯ ลุงตู่แม้ไม่ได้มาจากการเลือก ตั้งก็จำาเป็นต้องไปเย่ียมราษฎรเพ่ือติดตามการพัฒนาและแก้ปัญหา ตา่ งๆ ใหร้ าษฎร นายกฯ อานันท์เคยเล่าว่าสมัยท่านเป็นนายกรัฐมนตรีคร้ังแรก ยังไม่ได้ออกไปเยี่ยมราษฎรตามต่างจังหวัดเท่าไรนัก ใจมุ่งจะทำางาน อยู่ท่ีกรุงเทพฯ เพื่อแก้ปัญหาที่เข้ามาถึงตัวมากกว่า วันหน่ึงมีโอกาส เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ได้พระราชทาน คำาแนะนำาว่าควรหาเวลาออกไปเยี่ยมราษฎรตามต่างจังหวัดบ้าง จะ ได้เห็นสภาพปัญหาท่ีแท้จริง เวลาราษฎรมาปรับทุกข์ขอความช่วย เหลือแล้วเราช่วยเขาได้จริงๆ จะเห็นสีหน้าแววตาและได้ยินคำาพูด ซ่ือๆ ของเขาจนเราปล้ืมใจท่ีช่วยเขาได้ เราจะมีความสุขและมีกำาลัง ใจในการทำางาน รับสั่งด้วยว่าความสุขของพระองค์คือการอยู่ท่าม- กลางประชาชน นายกฯ อานันท์รับพระราชทานคำาแนะนำาน้ีใส่เกล้าฯ และปฏิบัตติ ามตลอดมา ในสมยั รฐั บาลพลเอกประยทุ ธ ์ มกี ารแบง่ พนื้ ทป่ี ระเทศออกเปน็ ๖ ภาค เพ่ือประโยชน์ในการติดตามการพัฒนาและการดูแล ได้แก ่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคตะวันออกแถบชายฝั่งทะเล ภาคใต้ และ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมได้รับมอบหมายให้กำากับ ดูแลภาคเหนือ ๑๗ จังหวัด โดยมีงบประมาณอุดหนุนการพัฒนา จังหวัด เพ่ือช่วยเสริมส่วนท่ีชาวบ้านอยากให้ช่วยเหลือและยังขาด แคลนอยู่ เช่น ขุดลอกคูคลอง ทำาถนน สะพาน การพัฒนาแหล่ง ท่องเที่ยว การเสริมอาชีพ ในทางปฏิบัติผมได้ที่ปรึกษารองนายกฯ พลตำารวจโท พิจาร จิตติรัตน์ และผู้ตรวจราชการสำานักนายกรัฐมนตร ี ช่วยงานด้านน้ีอย่างแข็งขัน หมั่นลงไปดูพ้ืนที่และชักชวนให้ อบต. อบจ.ช่วยออกงบประมาณสมทบด้วยจนสามารถพัฒนาแก้ปัญหาไป ไดห้ ลายจดุ ๑๑. งำนรบั แขกเมอื ง แขกในทนี่ ห้ี มายถงึ ผมู้ าเยยี่ ม มาพบปะ 163
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม ตามอัธยาศัย บางทีก็มาร้องทุกข์ร้องเรียน แต่แขกเหล่าน้ีไม่ได้เป็น สว่ นตวั ถอื วา่ เปน็ ทางการ เวลาพบปะจงึ มกี ารแลกเปลยี่ นของขวญั บา้ ง เปิดห้องรับรองของทำาเนียบรัฐบาลต้อนรับบ้าง และต้องมีเจ้าหน้าท ี่ จดบนั ทกึ ประเดน็ การเจรจาดว้ ย อาทิ เอกอัครราชทูตต่างประเทศท่ีเพ่ิงเข้ามารับตำาแหน่งหรือ อำาลาเมื่อจะเดินทางกลับประเทศของเขามาขอเย่ียม บางทีก็เป็น ผดู้ าำ รงตาำ แหนง่ คเู่ คยี ง (Counterpart) กบั เรา เชน่ ผมเปน็ รองนายกฯ เวลารองนายกฯ ประเทศโน้นประเทศน้ีมาก็จะมาเย่ียมเยือนสนทนา ปราศรัยด้วย เราไปประเทศเขาเราก็ไปเย่ียมเขา บางทีผู้นำาทางธุรกิจ จากต่างประเทศ เช่น จีน เกาหลี ญี่ปุ่นมา เขาก็แวะมาเจรจาต้าอวย กับเราทำานองเปิดตัวทำาพีอาร์ เพราะเอานักข่าว เอานักจัดรายการ วิทยุโทรทัศน์มาด้วย ภารกิจอย่างน้ีมีสัปดาห์ละ ๑-๒ ครั้งเป็น ประจำา ๑๒. งำนรับเรื่องร้องทุกข์ รัฐบาลเป็นท่ีรองรับความทุกข์ของ ชาวบ้านอยู่แล้ว เขาเดือดร้อนมาเราก็ต้องช่วย ถ้าเป็นเรื่องหน่วยอื่น เราก็ส่งต่อไปให้ ถ้าเป็นเร่ืองของเราก็ต้องตรวจสอบและแก้ไขให้ บางทีการร้องทุกข์อาจเป็นการมาขอพบมาร่ำาไห้ บางทีก็มาเป็นคณะ บางทีมาเป็นม็อบส่งเสียงเฮๆ อยู่หน้าทำาเนียบรัฐบาล เร่ืองไหนเรา รับหน้าเองไม่เหมาะก็ส่งเจ้าหน้าที่ไปเจรจา เร่ืองไหนคุยกับเราม้วน เดียวจบก็ควรพบเอง เรื่องอย่างน้ีผู้ช่วยรัฐมนตรี ที่ปรึกษา หรือทีม งานอาจช่วยรับเร่ืองแทนได้แล้วค่อยนัดมาฟังคำาตอบวันหลัง ๑๓. กำรไปตำ่ งประเทศ การเดนิ ทางอยา่ งนไ้ี มใ่ ชไ่ ปเทย่ี ว จงึ ไมน่ า่ สนกุ เทา่ ไรนกั สว่ นใหญเ่ ปน็ การไปประชมุ ไปตรวจงาน ไปเจรจา ความเมอื งกบั คกู่ รณ ี เคยเหน็ รฐั มนตรพี าณชิ ย ์ รฐั มนตรคี ลงั รฐั มนตรี ต่างประเทศ ต้องเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับบ่อยๆ แทบทุกสัปดาห์ ท่านนายกฯ ประยุทธ์เองก็เคยเจอประเภทไปอเมริกากลับมาได้วัน เดยี วกไ็ ปอาเซยี น กลบั มาอีกวันไปยโุ รปตอ่ ดูทรุ เวทนาเหมอื นกนั ผมเองมีกิจไปต่างประเทศบ้างไม่ก่ีคร้ัง เพราะงานการท่ีรับผิด 164
ชอบไม่ได้เก่ียวกับเมืองนอกเมืองนาสักเท่าไร เคยเป็นผู้แทนรัฐบาล ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: ไปงานเทศกาลภาพยนตร์ที่เมืองคานส์ ฝรั่งเศส เคยนำาภาพยนตร ์ แอนิเมช่ันเรื่อง รำมเกียรต์ิ ที่รัฐบาลให้สร้างไปฉายท่ีอินโดนีเซีย เคย นำาคณะข้าราชการไปบวชท่พี ทุ ธคยา ไปประชุมท่เี กาหลแี ละมาเลเซยี กับท่านนายกฯ เคยเป็นผู้แทนรัฐบาลและคณะเอกชนไปฉลองความ สัมพันธ์ไทย-จีนครบ ๔๐ ปี เคยนำาคณะจากสำานักงาน ป.ป.ง.นำาเงิน ทช่ี าวจนี แกง๊ ตม้ ตนุ๋ นาำ มาฟอกเงนิ ในเมืองไทยกลับไปคนื ใหร้ ัฐบาลจนี คราวหน่ึงทุลักทุเลหน่อยเพราะต้องไปประชุมโออีซีดีท่ีปารีส กับ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ วันหน่ึงแล้วบินต่อไปเยี่ยมนักเรียนไทยท ี่ ไอร์แลนด์กับเลขาธิการ ก.พ.แวะเจรจาแลกเปล่ียนนักเรียนกับ อธิการบดีมหาวิทยาลัย ๓ แห่งในกรุงดับลินภายในวันเดียว นอนได ้ คืนเดียวก็บินต่อไปลอนดอนตั้งแต่เช้าตรู่ ลงจากเครื่องบินก็เยี่ยม นักเรียนไทย บรรยายเร่ืองบ้านเมือง ยุทธศาสตร์ชาติ การปฏิรูป ประเทศ แนะนำาเขตพัฒนาพิเศษอีอีซี นอนได้คืนเดียวรุ่งขึ้นก็บิน กลับรวมแล้ว ๓ วัน ๓ ประเทศ 165
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม ทย่ี กเอำงำนกำรตำ่ งๆ มำเลำ่ เพอื่ บอกใหร้ วู้ ำ่ สปั ดำหห์ นง่ึ ม ี ๗ วนั ภาระหนา้ ทเี่ หลา่ นเ้ี ปน็ เรอ่ื งปกตขิ องทกุ คนในทกุ รฐั บาลตลอด ๗ วัน อยู่ท่ีว่าใครจะทำามากทำาน้อยเน้นอะไรมากกว่ากัน แต่หนัก อย่างไรก็เห็นแต่ละคนชอบเป็นอยากเป็นกันทั้งน้ันน่ี ยังไม่ว่าถึงการ ต้องหาเวลามานั่งคิดงานใหม่ๆ ขับเคล่ือนงานเก่าๆ ให้เดินหน้า แก้ ปัญหาท่ีตกค้างอยู่ ซ่ึงบางทีเป็นงานคอขาดบาดตายหาทางออกยาก ม็อบก็มาล้อมกระทรวงอยู่ นายกฯ ก็จี้มา สื่อก็รอสัมภาษณ์ สภาฯ กต็ ั้งกระทู้หรือย่ืนญัตติจ่ออยู่ ถ้าเอาแต่บินไปนอก เล่นแต่งานพิธี ไม่ทำามาหากินอย่างอื่น งานก็ไม่เดิน ผลงานก็ไม่มี ไม่เข้าตานายกฯ และชาวบ้าน อย่างน ี้ เห็นจะอยู่ยาก ผมเองนนั้ งานของตวั เองกพ็ อเตม็ ไมเ้ ตม็ มอื อย ู่ แตเ่ พอ่ื นรฐั มนตรี หลายคนคงเห็นว่าเป็นรองนายกรัฐมนตรีไม่ได้รับผิดชอบดูแลเป็น เจ้ากระทรวงใดโดยตรงจึงคงว่างเอาการอยู่กระมัง ไม่อีกทีท่านก็ไม่รู ้ จะหันหน้าไปพ่ึงใคร ท่านเจ้ากระทรวงและเพื่อนข้าราชการหลายคน จึงมักแวะเวียนมาปรับทุกข์ให้ช่วยแก้ปัญหากฎหมายบางอย่างให ้ บางเรื่องก็เป็นปัญหากฎหมายพอแก้ไขได้ บางเรื่องก็ประสานกับ ผู้เกี่ยวข้องให้แต่บางทีก็แก้ไม่ตก แต่อยู่ๆ เดชะบุญคุณพระช่วย ปญั หามนั คลค่ี ลายไปเองบา้ ง เกดิ เหตอุ น่ื ทาำ ใหป้ ญั หานน้ั เปน็ เรอื่ งรอง ไม่เหน็ เปน็ ปญั หาอกี ตอ่ ไปบา้ ง ผมอยนู่ งิ่ ๆ มอื ไมไ่ ดพ้ าย เทา้ กไ็ มไ่ ดร้ า นาำ้ เรอื แปะ๊ มนั เดนิ หนา้ ของมนั ไปเองได ้ ผมเลยพลอยได้หน้าได้ตาไป ด้วยอย่างนี้ก็มีเหมือนกัน ในการทำางานของรัฐบาล การมีผู้ช่วยงานดีๆ เก่งๆ ขยัน รู้งาน จงึ มสี ว่ นสาำ คญั ในการแบง่ เบาภาระ ทเ่ี คราะหห์ ามยามรา้ ยคอื นายกฯ หรอื รฐั มนตรคี นใดทผ่ี ชู้ ่วยงานหรอื ทมี งานไมถ่ กู กนั หรอื ทะเลาะกนั เอง การบริหารเวลาว่ายุ่งยากแล้ว ถ้าต้องมาบริหารคนอีกเห็นจะปวด หัว เคราะห์ซ้ำากรรมซัดวิบัติเป็นไม่เล็งเห็นที่ซ่ึงจะพ่ึงพา ยิ่งถ้าทีมงาน คนใกล้ชิดคนรอบข้างทำาท่าเป็นอึ่งอ่างพองลมจนคนเกลียดนายหรือ 166
ไปทุจริตเก็บหัวคิว นายไม่ทันว่าแต่ขี้ข้าพลอยไปก่อนแล้ว บางทีแค่ ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: จัดคิวให้คนเข้าพบนายก็ได้เงินแล้ว อย่างน้ีเรียกว่าบริวารเป็นพิษ ดัง ท่ีมีคำาพูดที่คงได้ยินบ่อยๆ ว่า “ท่ำนเองไม่เท่ำไรหรอก แต ่ ทส. บรวิ ำร ทมี งำนเปน็ กำลกิณี” หมอ่ มรำชวงศ ์ คกึ ฤทธ ิ์ ปรำโมชเคยบอกไวว้ ำ่ ถำ้ คนเขำพดู กนั อยำ่ งนนั้ ที่จริงเขำต้องกำรสื่อว่ำนำยน่ันแหละเป็นตัวกำลกิณี เขำจึงพูดออ้ มเหมือนตวี วั ใหก้ ระทบครำด! 167
ถามขี องกินแสดงและแทรกเขา ไป ในเมนูของวางในหอ ง ครม. ทานนายกฯ จะลองไปหมด เพือเปนกาํ ลังใจแกผจู ัด
ครัว ครม. ครม.ชุดน้ีประชุมเช้ำเลิกเท่ียงหรือบ่ำยเล็กน้อยจึงเป็น ธรรมดาทจ่ี ะตอ้ งเลยี้ งอาหารเทย่ี ง ประโยชนข์ องการรบั ประทานอาหาร เท่ียงร่วมกันคือได้สนทนาแลกเปลี่ยนข้อราชการกันต่อ เม่ือ ครม.ชุด น้ีย้ายห้องประชุมจากตึกสำานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีกลับมาใช้ตึก บัญชาการชั้น ๕ เหมือนสมัยรัฐบาลก่อนชุดคุณทักษิณก็ได้ใช้ห้อง อาหารหน้าห้องประชุม ครม.เป็นท่ีรับประทานอาหาร ห้องติดกัน เปน็ ลอ็ บบหี้ รอื หอ้ งโถงนงั่ เลน่ ของรฐั มนตรกี อ่ นประชมุ บางครง้ั กนั พน้ื ท ี่ สว่ นหนง่ึ ของหอ้ งโถงนเ้ี ป็นทีป่ ระชมุ คสช.ดว้ ย ท่ีห้องโถงนั่งเล่นมีโต๊ะบริการของว่างตอนเช้า เป็นพวกน้ำาชา กาแฟ แต่ที่แฟนานุแฟนช่ืนชอบมากคือ มีโจ๊ก เกี้ยมอี๋ ขนมครก ร้อนๆ และแซนด์วิชบริการด้วยสำาหรับคนท่ีรีบมาแต่เช้ายังไม่ได้กิน อาหารเช้ามาจากบา้ น ในห้องประชุม ครม.จะมีบริการของว่างระหว่างประชุม สมัยน ี้ บริการดีขึ้นกว่าสมัยที่ผมเป็นเลขาธิการ ครม. คือมีเมนูมาให้เลือก ว่าจะด่ืมนำ้าชา กาแฟ โอวัลติน โอเล้ียง นำ้าขิงหรือนำ้าผลไม้ อาหาร 169
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม ว่างก็มีมาให้เลือกระหว่างบัญชี ก.กับบัญชี ข. แต่รองนายกฯ สมคิด แอบสังเกตว่าบัญชี ก.และ ข.สลับกันทีละอาทิตย์ เลือกไปเลือกมา เมื่อหนีเสือวันอังคารน้ีจะไปปะจระเข้ในอังคารต่อไปสลับกัน ลงท้าย ใน ๒-๓ อังคารรายการของว่างก็จะซ้ำารอยเดิมระหว่างแซนด์วิช โรตี มะตะบะ เปาะเปี๊ยะ ซาลาเปา ขนมจีบ ขนมกุยช่าย ลูกชุบ หมสู ะเต๊ะ มันทอดแบบเฟรนชฟ์ ราย บางวนั คณุ สมคดิ ต้องวานใหเ้ ดก็ ไปซ้ือกล้วยแขกหรือปาทอ่ งโก๋ มาจ้ิมนมข้นมาแบ่งกับผม ๒ คน ทั้งท่ีเราท้ังสองมีเบาหวานจนเป็น ที่ชำาเลืองมองของรัฐมนตรีอ่ืนว่าไฉนฝนจึงตกไม่ทั่วฟ้า ผมต้องบอก ว่าสเปเชียลออเดอร์สำาหรับเฟิร์สต์คลาสครับ บิสสิเนสคลาสเขาเสิร์ฟ แต่มะตะบะ เปาะเปย๊ี ะ ครม.ชุดน้ีต่างกันกับทุกชุดท่ีผมเคยเห็นคือทุกเช้าวันอังคาร ก่อนเร่ิมประชุม ครม.มักจะมีหน่วยงานต่างๆ ของรัฐมาเปิดบูธแสดง นทิ รรศการเลก็ ๆ ใหท้ า่ นนายกฯ และ ครม.ชม แรกๆ เรมิ่ จากการขาย ดอกมะลิ ดอกบัว ดอกป๊อปปี้ติดเส้ือในโอกาสวันแม่ วันสงกรานต ์ วันเข้าพรรษา วันทหารผ่านศึก คุณหญิงแสงเดือน ณ นคร ภริยา อดีต ผบ.ทบ. พลเอก เสริม ณ นคร จะนำาคณะมาขายดอกป๊อปปี้ใน วันทหารผ่านศึกทุกปี ปีไหนหายหน้าไปหรือมาช้า บรรดารัฐมนตร ี จะพากนั ถามถงึ ต่อมาก็เร่ิมมีบูธกระทรวงโน้นกระทรวงน้ีมาแสดงจนต้องจอง คิวกัน เร่ืองจริงคือจะโชว์ผลงานให้นายกฯ ดู แต่ผลดีคือถ้าเข้าตา นายกฯ ก็จะนำาไปชมเชยในเวลาประชุม ครม.และนำาไปโฆษณาให้ ในเวลาทท่ี า่ นไปบรรยายทโ่ี นน่ ทน่ี ห่ี รอื ออกโทรทศั นค์ นื วนั ศกุ ร ์ เปน็ การ ขยายผล ผลงานของหลายกระทรวงจะเป็นเคร่ืองดื่มสุขภาพ ผลผลิต การเกษตรและนวัตกรรมที่น่าสนใจ เคร่ืองดื่มเหล่านี้กลายเปน็ เครอ่ื ง ดื่มเวลาประชุม ครม.ดว้ ย เชน่ นา้ำ นมขา้ ว น้าำ ผลไม้พ้นื เมือง คราวหนงึ่ รฐั มนตรกี อบกาญจนจ์ ากกระทรวงการท่องเที่ยวและ กีฬานำาไอศกรีมทำาเป็นรูปผลไม้ เช่น ทุเรียน สับปะรด มะม่วงมา 170
เสิร์ฟ รสชาติและรูปพรรณสัณฐานเหมือนของจริง ท่านนายกฯ ชอบ ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: ไอศกรมี อย่แู ลว้ จึงได้รบั คำาชมเชยมาก ใครมาออกบูธอะไร ถ้ามีของกินแสดงและแทรกเข้าไปในเมน ู ของว่างในห้อง ครม.ท่านนายกฯ จะลองไปหมดเพ่ือเป็นกำาลังใจแก่ ผู้จัด ส่วนรัฐมนตรีอ่ืนกลัวท้องเสียจึงกระมิดกระเม้ียนตีหน้าปุเลี่ยนๆ อร่อยไม่อร่อยก็ต้องวัดดวงเอาเอง เพราะท่านนายกฯ จะติชมตรงๆ วนั หนงึ่ มกี ารออกบธู กระทรวงพาณชิ ย ์ เจา้ หนา้ ทเี่ อาขา้ วเกรยี บ ว่าวแบบโบราณปิ้งจนกรอบแผ่นโตเท่าถาดมาให้ท่านนายกฯ ชิม ทา่ นกน็ ง่ั เปน็ ประธานในทป่ี ระชมุ พลางหกั ขา้ วเกรยี บวา่ วเคย้ี วไปพลาง อยา่ งถกู ใจและเปรยวา่ อรอ่ ย! นึกถึงบรรยากาศตอนเด็กๆ เคยชอบ มาก พอพร่องไปเจ้าหน้าท่ีก็นำามาเสิร์ฟอีก สักพักท่านสังเกตว่าอร่อย อยู่คนเดียว รัฐมนตรีอื่นไม่ได้ชิม จึงแบ่งปันความสุขคืนกำาไรสู่สังคม สง่ ขา้ วเกรยี บแผน่ โตทเี่ หลอื เวยี นใหห้ กั ชมิ กนั ทว่ั ๆ คนตน้ แถวยกมอื ไหว้ ขอบคณุ แลว้ รบั มาหกั หนอ่ ยหนง่ึ เอาเขา้ ปากพอเปน็ บญุ กริ ยิ าแลว้ สง่ ตอ่ คนต่อไปก็ยกมือไหว้ขอบคุณคนยื่นให้ก่อนจะรับมาหักอีกหน่อยหน่ึง แลว้ สง่ ตอ่ เปน็ ทอดๆ ใครรบั มากย็ กมอื ไหวข้ อบคณุ แลว้ หกั ชมิ ทกุ คนไป ผมนั่งมองจากฝั่งตรงข้ามโต๊ะขณะข้าวเกรียบว่าวยังมาไม่ถึง กระซิบกับคุณสมคิดซ่ึงนั่งติดกันว่าเหมือนพิธีรับศีลมหาสนิทในโบสถ์ คริสต์ คุณสมคิดมีหัวทางการเมืองและเศรษฐศาสตร์กลับเปรยว่า เม่ือก่อนมีคนอุปมาว่างบประมาณท่ีออกจากต้นทางกว่าจะลงไปถึง ประชาชนรากหญา้ จะเหมอื นสง่ ตอ่ ไอตมิ คนโนน้ เลยี นดิ คนนดี้ ดู หนอ่ ย มาถึงรากหญ้าก็เหลือแต่ไม้เสียบไอติม ต่อไปน้ีต้องอุปมาเหมือนข้าว เกรยี บว่าวของนายกฯ กว่าจะวนถึงเราคงเหลือแต่เศษขา้ วเกรียบ! อำหำรเที่ยงของ ครม.สมัยน้ีมีเมนูทันสมัยคือมีรูปภำพ ประกอบมาด้วย สงสัยสมัยต่อไปเม่ือเข้ายุค ๔.๐ แล้วคงจะมีของ เทียมเหมือนจริงแบบตามตู้โชว์หน้าร้านอาหารญ่ีปุ่นมาวางให้ชี้เลือก อาหารจะซอ้ื หรอื สง่ั จากรา้ นละแวกนนั้ มาอ่นุ หรอื ปรงุ แบบงา่ ยๆ ทจี่ รงิ 171
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม ครม.ไม่ว่าชุดไหนไม่เคยรับประทานหูฉลาม เป๋าฮื้อ กุ้งมังกร หนวด เต่า เขากระต่ายในวันประชุม ใครอยากรับประทานต้องไปหาเอาเอง ท่ีอ่นื หลักการจัดอาหารคือต้องเป็นของอร่อย สะอาด ราคาไม่แพง และสง่ เสรมิ โอทอปหรอื เอสเอม็ อ ี สมยั รฐั บาลนยี้ ง่ิ งา่ ยลงไปอกี เพราะ เน้นการรับประทานร่วมกันเหมือนกินโต๊ะจีน โต๊ะละ ๑๐ คน โดยม ี กับข้าวกองกลาง ๓-๔ อย่าง เช่น พะโล้ ขาหมู ไก่สับ ทอดมัน แกง เผ็ด น้ำาพริกผักจ้ิม และจะมีอาหารจานเดียวเผ่ือให้เลือกด้วย เช่น ก๋วยเต๋ียวลูกช้ินน้ำาใส เนื้อตุ๋น ขนมจีน ข้าวหมกไก่ ข้าวผัดนาำ้ พรกิ ลงเรอื สว่ นของหวานทกุ วนั องั คารจะมไี อศกรมี และอาจเพม่ิ ขนมบวั ลอย กล้วยเช่อื ม ลอดช่องวดั เจษฎ์ ข้าวเหนียวเปียกลำาไย เต้าส่วน หรือ ผลไมต้ ามฤดกู าล ขนมหวานและไอศกรมี นน้ั ไมเ่ คยขาดเลยสกั องั คาร เพราะมีคนบอกวา่ ท่านนายกฯ ชอบโดยเฉพาะไอศกรีมกะทิ ผมเคยไปราชการที่เกาหลีใต้กับท่านนายกฯ ขนาดหนาวเย็น จนปากส่ันท่านก็ยังส่ังไอศกรีม! ท่านนายกฯ เป็นคนไม่พิถีพิถันเรื่อง อาหารการกนิ เปน็ คนกนิ งา่ ย อยงู่ า่ ย เสริ ฟ์ อะไรกร็ บั ประทานอยา่ งนนั้ ไม่บ่น แต่ถ้าถามความชอบ เห็นว่าชอบนำ้าพริก อาหารผัก ต้มจืด ผัดกะเพรา ไก่ย่าง ส้มตำา ชอบอาหารประเภทเน้ือ เช่น สเต๊ก ก๋วย- เตี๋ยวเน้ือ ราดหน้าเน้ือ ไม่ชอบอาหารท่ีมีกลิ่นคาว เช่น ปลาบางชนิด แต่แม้ไม่เลือกก็รับรู้ว่าอะไรปรุงอย่างไร อร่อยหรือไม่อร่อย ทำาเป็น หรือไม่เป็น ไม่ใช่ว่าจะล้ินจระเข้ ฉะนั้นถ้าไม่อร่อยก็เงียบเสีย ถ้า อร่อยก็จะชม เวลาไปประชุม ครม.สัญจร ถ้าอะไรอร่อยถูกปากจะ ถามหาแม่ครัวเลยทีเดียว รัฐมนตรีอ่ืนๆ ก็ไม่ได้วุ่นวายกับอาหารการกินมากนัก ท่านใด รู้ตัวว่ามีปัญหา เช่น กินมังสวิรัติหรือไม่บริโภคเน้ือสัตว์ชนิดโน้น ชนิดน้ีก็เล่ียงไม่รับประทานและแยกกลับไปก่อน คราวหนง่ึ รฐั มนตรที า่ นหนง่ึ ปรารภขณะกาำ ลงั รบั ประทานอาหาร เที่ยงร่วมกันว่าอยากกินขนมจีนน้ำาพริกอร่อยๆ มีอยู่ที่ไหนบ้าง ผม 172
ตอบวา่ ถา้ อรอ่ ยและอยใู่ กลท้ าำ เนยี บกต็ อ้ งเปน็ รา้ นอาหารจากสนามมา้ ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: นางเลง้ิ (ตอนนน้ั ยงั ไมเ่ ลกิ กจิ การ) มคี นหวงั ดเี รยี กเจา้ หนา้ ทจี่ ดั อาหาร มาสงั่ วา่ องั คารหนา้ ชว่ ยหาขนมจนี นา้ำ พรกิ จากสนามมา้ นางเลง้ิ มาเสริ ฟ์ ครม.ด้วยนะ เด็กเสิร์ฟทำาหน้าต่ืนขมวดค้ิวอยู่พักหน่ึงจึงอุทานว่าได้ ครับ แต่จะทันหรือครับ หนังสือพิมพ์ลงข่าวว่าเขากำาลังจะปรับ ครม. ในวันสองวันน้ี! ลงท้ำยวันอังคำรต่อมำขนมจีนน�้ำพริกก็มำตั้งอยู่บนโต๊ะ อำหำรเท่ียง ครม. แต่รัฐมนตรีท่ีปรำรภอยำกกินขนมจีนน�้ำพริก ไมอ่ ย่เู สียแลว้ ! 173
ปกตกิ ารปรบั ครม.มกั จะทําเงียบๆ แมแ ตเ จา ตวั เองก็อาจไมร ู หรือรลู ว งหนาไมน านนัก
ปรบั ครม. ควำมเปล่ียนแปลงในหน้ำท่ีกำรงำนส�ำหรับคนท่ีเป็น ข้าราชการประจำาคือ “การเล่ือน ลด ปลด ย้าย” เช่น รองอธิบดีเล่ือน ขึ้นเป็นอธิบดี อธิบดีกรมน้ีโอนไปเป็นอธิบดีกรมโน้น ผู้ว่าราชการ จังหวัดนี้ย้ายไปเป็นผู้ว่าฯ จังหวัดโน้น หรือไปเป็นอธิบดี หรือผู้ตรวจ ราชการ บางทีก็เข้าประจำากระทรวงหรือสำานักนายกฯ อย่างท่ีสื่อ มวลชนมักเรียกให้เสียดแทงหัวใจเจ้าตัวว่า “เข้ำกรุ” บ้าง “ข้ึนหิ้ง” บ้าง “แขวน” บา้ ง ความเปล่ียนแปลงทำานองเดียวกันนี้ถ้าใช้กับคนที่เป็นรัฐมนตร ี ก็คือ “กำรปรับคณะรัฐมนตรี” ภาษาอังกฤษเรียกว่า reshuffle อัน เป็นคำาเดียวกับการสับไพ่ในสำารับไพ่ เอาใบข้างบนลงล่าง ใบล่าง เสียบกลาง บางทีทำาทีละใบ บางทีทำาทีละปึก เคยเห็นเจ้ามือประเภท มอื อาชพี สบั ไพแ่ ตล่ ะทพี บึ่ พบ่ั ๆ และเนยี นมาก ผมลองสบั บา้ งปรากฏ ว่าไพ่ร่วงระนาว นายกฯ ที่ปรับ ครม.เก่งๆ ปรับแต่ละทีเนียนดีชนิด ไร้ร่องรอย แต่ถ้าปรับไม่เป็นก็จะดูประดักประเดิดติดๆ ขัดๆ ไม่สะใจ คนดู พอดีพอรา้ ยปรบั แลว้ ครม.แตกร้าวกราวรูดเหมอื นไพ่รว่ งระนาว 175
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม จากสำารบั ไพ่ คนท่ีมีอำานาจปรับ ครม.คือนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นผู้ท่ีจะ ต้องนำาความกราบบงั คมทูล และลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ การปรบั ครม.ทำาได ้ ๖ รปู แบบคือ ๑. “ปรับออก” เช่นเดิมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาห- กรรมก็เอาออกจากตำาแหน่งซ่ึงตรงกับที่รัฐธรรมนูญบัญญัติว่า “พระ มหำกษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระรำชอ�ำนำจในกำรให้รัฐมนตรีพ้นจำกควำม เปน็ รฐั มนตรตี ำมทนี่ ำยกรฐั มนตรถี วำยคำ� แนะนำ� ” แตภ่ าษาสอ่ื มวลชน เรียกว่า “ปลด” บางทีก็เรียกให้สะใจยิ่งข้ึนว่า “โละ” ๒. “ปรับเข้ำ” เมื่อมีคนออกจะเพราะลาออกหรือล้มหายตาย จาก หรือคนเดิมย้ายไปอยู่ท่ีอื่นก็จำาเป็นต้องมีคนใหม่เข้ามา ถ้าชอบ พอกัน ผู้คนและสื่อจะใช้คำากริยาว่า “คว้ำ” ถ้าไม่ค่อยปล้ืมเท่าไร จะ เรียกว่า “แจม” “เสียบ” “ฮุบ” บางทีเรียกว่า “ตำอยู่” “บุญหล่นทับ” ถ้าได้ตำาแหน่งดีๆ เช่น กระทรวงที่นักการเมืองหมายมองว่าเป็นเกรด เอ เคยเห็นใชค้ าำ วา่ “บญุ หลน่ ทับจนตีนบวม” “รำชรถคันโตชนโครม” ๓. “ปรับข้ึน” เช่นเดิมเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงก็เลื่อน ขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวง การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงถูก ปรับเป็นรองนายกรัฐมนตรี ถ้าว่าตามหลักแล้วถือว่าเป็นการปรับข้ึน เช่นกัน เพราะเงินเดือนขึ้นเล็กน้อย และดูตามลำาดับเกียรติยศแล้ว ถือว่ามีอาวุโสสูงกว่ารัฐมนตรี แต่เอาเข้าจริงผู้ถูกปรับเช่นนี้มักจะไม ่ ค่อยปล้ืมนัก เพราะอำานาจในการบริหารคนและบริหารงบประมาณ จะลดลง เหมือนตำารวจท่ีเป็นผู้กำากับพอเลื่อนเป็นรองผู้การเคยเห็น บางคนอิดๆ ออดๆ เหมือนกัน ภาษาของส่ือเรียกการปรับ ครม. แบบน้ีว่า “เลื่อนชั้น” “อัพ” ถ้าปรับข้ึนแล้วใหญ่โตกว่าเดิมก็จะเรียก ว่า “ผงำด” “ทะยำน” ๔. “ปรับลง” เช่นเดิมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแล้วถูก ปรับไปเป็นรัฐมนตรีช่วยในอีกกระทรวง ปกติจะไม่ค่อยเห็นการปรับ อย่างน้ีในรัฐบาลคณะเดียวกัน ถ้าจะมีก็ปรับจากรัฐมนตรีประจำา 176
สำานักนายกรัฐมนตรีไปเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการในกระทรวงอื่น หรือ ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: ปรับจากรองนายกรัฐมนตรีไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวง แต่อย่าง หลังนด้ี จู ะเป็นท่ีพอใจแก่เจ้าตวั สอ่ื เรยี กวา่ “ลดชั้น” หรอื “ลดเกรด” ๕. “ปรับย้ำย” เช่นเดิมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาห- กรรมก็ปรับย้ายไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และ เทคโนโลยี ถ้าย้ายแล้วเสมอตัวหรือดีขึ้น สื่อมักเรียกว่า “โยก” ถ้า รู้สึกว่าอยู่ที่เดิมดีกว่าจะเรียกว่า “เด้ง” บางทีใช้คำาว่า “เตะ” ก็มี คำาหลังนอ้ี อกไปในทางว่าไมค่ อ่ ยชอบหน้าคนนน้ั นกั ๖. “ปรับควบ” เช่นเดิมเป็นรองนายกรัฐมนตรีแล้วให้ไปเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอ่ืนด้วย สมัยรัฐบาลพลเอกชาติชายเคย ปรับให้พลเอก อาทิตย์ กำาลังเอก รองนายกรัฐมนตรีไปควบตำาแหน่ง รฐั มนตรชี ว่ ยวา่ การกระทรวงกลาโหมอกี ตาำ แหนง่ เพราะนายกรฐั มนตรี เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอยู่แล้ว สื่อเรียกการปรับแบบนี้ ตรงๆ วา่ “ควบ” ท่ีต้องโยงไปถึงสื่อเพราะการใช้คำาใดๆ ก็ตามย่อมเป็นการ บอกกระแสความรู้สึกหรืออารมณ์ของผู้คนในสังคมด้วยวาทกรรม หรือศัพท์แสงที่แนบเนียน และมักจะนำาไปสู่บทสรุปด้วยถ้อยคำา กะทัดรัดกินใจว่า “ย้ี” และ “ฮ้อ” ถ้าถูกใจ สะใจเอามากๆ เคยเห็น ใช้คำาว่า “ฮ้อแรด” ที่ยังไม่เคยเห็นใช้เพราะอาจจะยังเกรงใจอยู่บ้าง คือ “อ้วก” “แหวะ” และแม้จะดีอย่างไรก็ยังไม่เคยเห็นชม ครม.ชุด ใดวา่ “เลศิ สะแมนแตน” กำรปรับ ครม.เป็นเหตุกำรณ์ปกติธรรมดำของรัฐบำล เมอ่ื มรี ฐั มนตรลี าออกหรอื ลม้ หายตายจากกต็ อ้ งมกี ารปรบั เปน็ ธรรมดา แต่การปรับส่วนใหญ่จะเกิดจากแรงกดดัน ๒ ทางคือ กดดันจาก ภายใน อันได้แก่คนในพรรคหรือในรัฐบาลเองท่ีต้องการให้ปรับเพ่ือ จะได้เอาคนโน้นเข้ามาแทนคนน้ี หรือขยับรัฐมนตรีจากตำาแหน่งนี้ไป อยู่ตำาแหน่งโน้น เข้าทำานองเก้าอ้ีดนตรีหรือสมบัติผลัดกันชม บางที 177
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม หัวหน้าพรรคสัญญาว่าจะให้คนน้ีเป็น ๖ เดือน ๑๒ เดือนแล้วจะ เปล่ียน ตอนนี้ให้รอไปก่อน พอครบกำาหนดก็มีการทวงกัน ถ้ายังไม่ ขยับก็จะมีการกดดันจนสะเทือนท้ังรัฐบาล อีกอย่างหนึ่งคือ การกดดันจากภายนอกได้แก่กระแสสังคม เรียกร้องให้เปล่ียนตัว บางทีเป็นเพราะเจ้าตัวไปทำาอะไรพลาดท่า พลาดทางเข้าจนถูกเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ แม้เสียงโหวตจะชนะใน สภาฯ แต่ก็บอบชำ้ามัวหมอง บางทีถูกฟ้องร้องเป็นคดีหรือเกิดเร่ือง อ้ือฉาวข้ึน บางคร้ังเกิดจากดำาเนินนโยบายผิดพลาด แก้ปัญหาไม่ได้ มีเหมือนกันที่ไม่ถึงขนาดทำาอะไรผิดพลาดร้ายแรง แต่เป็นเพราะไป พูดจาอะไรไม่สบอารมณ์ผู้คนก็เกิดกระแสสังคมกดดันได้ เมื่อเจ้าตัว ไม่ลาออกกระแสก็เลยกดดันให้นายกฯ ปรับออก ปกติแล้วนายกฯ จะไม่ใคร่ตามใจกระแสกดดันจากภายนอก คงเปน็ เพราะกลวั เสยี เหลย่ี มหรอื เสยี รงั วดั ฉะนนั้ จะสงั เกตวา่ พอกระแส แรง หัวหน้ารัฐบาลย่อมรับรู้แต่จะทำาเฉยไว้ก่อน พอกระแสแผ่วทีน ี้ จะถึงเวลาปรับ ครม.ละ เร่ืองอย่างน้ีฝ่ายที่ไม่ปลื้มรัฐบาลย่อมรู้จุดอ่อนข้อนี้ดี จึงมักม ี เสียงเรียกร้องให้ปรับ ครม.อยู่เนืองๆ เพราะบางคร้ังการเรียกร้องอาจ มีผลเป็นการเขย่ารัฐบาลได้ จะว่าเขย่าขวัญหรือเขย่าองค์ประกอบ ของรัฐบาลก็ได้ ย่ิงถ้าช้ีชัดถึงข้อบกพร่องของรัฐมนตรีคนโน้นคนน ี้ ตรงใจชาวบา้ น เชน่ ทจุ รติ คดโกง ทาำ งานเชอื่ งชา้ ไมพ่ ดู ไมจ่ าไมป่ ระชา- สัมพันธ์ เอาแต่พูดโดยไม่ทำา จ้อรายวัน สร้างภาพ ล้วงลูก ทะเลาะ กับสื่อหรือข้าราชการประจำา หลบหน้าไม่ไปสภาฯ เถรตรง ซื่อบื้อ เกียร์ว่าง ก็จะยิ่งดูสมเหตุสมผลและก่อกระแสสังคมได้โดยง่าย นายกฯ จะอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก จะปรับตามกระแสก็ เกรงว่าจะเกิดกระแสกดดันบ่อยหรืออาจทำาให้รัฐบาลแตกร้าว จะไม่ ปรบั ก็อาจทนต่อแรงกดดนั ยากเพราะบางครง้ั กจ็ ริงอย่างที่เขาวา่ ท่ีสำาคัญคือบางทีพอปรับตามกระแสเข้า รัฐบาลอาจแตกร้าว เอาจริงๆ ด้วยเพราะคนที่ถูกปรับไม่ว่าจะปรับออกหรือปรับย้ายเป็น 178
ผมู้ ีบารม ี มบี รษิ ทั บริวารมากอยู่ ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: การปรับ ครม.ถ้าทำาได้ถูกต้องตามหลักสัปปุริสธรรม ๗ คือ ชอบด้วยเหตุ ชอบด้วยผล ถูกเวลา ถูกบุคคล เป็นต้น ก็น่าจะเป็น คุณูปการแก่บ้านเมือง ในทางการเมืองก็นับว่าเป็นผลดีว่านายกฯ ตอบสนองกระแสสังคมหรือจริงใจต่อการแก้ปัญหา ทั้งเป็นการเปิด ทางให้ต้ังคนใหม่ ให้คนรู้สึกว่าลองคนใหม่ดูหน่อยสิ เพราะแนวโน้ม ของคนจะใหโ้ อกาสคนใหมๆ่ อยแู่ ลว้ ถา้ ไมข่ ร้ี วิ้ ขเี้ หรเ่ กนิ ไป แตจ่ ดุ ออ่ น หรือความเส่ียงก็มีอยู่เหมือนกัน ประการแรก สัมพันธภาพอาจแตกร้าว แค่รู้ว่าจะมีการปรับก ็ เกิดการกระเพ่ือมในพรรคร่วมรัฐบาล บางพรรคถือโอกาสขอแลก กระทรวง นายกฯ บางคนเสียพวกเสียเพื่อนไปเลย ประการต่อมาคืองานการอาจชะงักไปพักหน่ึง เม่ือมีการปรับ ครม.เร่ืองใดๆ ที่เจ้ากระทรวงคนเดิมส่งไปเข้า ครม. ถ้า ครม.ยังไม่ได้ พิจารณาก็จะส่งคืนหรือเก็บไว้รอเจ้ากระทรวงคนใหม่ยืนยัน เคยเห็น บางคนจ่อจะเป็นปลัดกระทรวงอยู่แล้ว พอเปล่ียนเจ้ากระทรวงซึ่ง บางทีมาจากต่างพรรคหรือพรรคเดียวกันแต่คนละมุ้ง ทีนี้เปลี่ยนตัว ปลัดกระทรวงเฉยเลย ประการสุดท้ายคือการเปลี่ยนรัฐมนตรีอาจกระทบต่อนโยบาย ของกระทรวงได้เหมือนกัน บางทีคนทป่ี รับเขา้ อาจมีตาำ หนิมากกวา่ คนเดมิ จนในทส่ี ุดปรบั อย่างไรฝ่ายที่ไม่ปล้ืมรัฐบาลก็จะติติงได้เสมอ เช่น ปรับไปก็ไม่เข้าท่า ผิดที่นโยบายรัฐบาลไม่ใช่รัฐมนตรีอย่างนี้ต้องลาออก หรือร้ายที่สุด เคยเห็นฝ่ายตรงข้ามซ่ึงไม่ชอบอะไรท้ังนั้นอยู่แล้วใช้สำานวนโบราณ กระแทกเอาแรงๆ ว่า “อัปรียไ์ ป จญั ไรมำ” ก็มี การปรบั คนโนน้ เขา้ คนนอ้ี อก หรอื ยา้ ยคนนน้ั ไปอยตู่ รงโนน้ ยา้ ย คนนี้ไปอยู่ตรงน้ันไม่ก่ีคนเรียกว่าปรับเล็กหรือปรับกระจุ๋มกระจ๋ิม แต ่ ถ้าการปรับกระทบตำาแหน่งสำาคัญ เช่น รัฐมนตรีกลาโหม มหาดไทย การคลัง การต่างประเทศ หรือปรับครั้งละหลายๆ คนเรียกว่าปรับ 179
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม ใหญ่ ซ่ึงวงการเศรษฐกิจหรือวงการต่างประเทศมักจับตาเป็นพิเศษ เพราะผู้ดำารงตำาแหน่งเหล่านี้แม้จะอยู่ในรัฐบาลและทำางานตาม นโยบายของรัฐบาล แต่ละคนย่อมมีบุคลิกวิธีทำางานและนโยบาย บางอย่างตามแบบฉบับของตนเอง ก็ที่โทษกันว่าการศึกษาไทยไม ่ เจริญเป็นเพราะปรับ ครม.เปล่ียนรัฐมนตรีศึกษาบ่อย การศึกษาจึง ไมก่ ้าวไกลไม่ใชห่ รอื รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ผ่านการปรับ ครม.ท้ังแบบปรับเล็ก และปรบั ใหญอ่ กี ๔ ครงั้ เมอื่ วนั ท ่ี ๑๘ พฤศจกิ ายน พ.ศ.๒๕๕๗ วนั ท ี่ ๑๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๘ วันท่ี ๑๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๙ และวันท ่ี ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๐ สื่อมวลชนเรียกรัฐบาลท่ีตั้งคร้ังแรกว่า “ประยุทธ์ ๑” พอปรับ ครม.ไม่ว่าปรับเล็กปรับใหญ่ก็มักจะเรียกว่า “ประยุทธ์ ๒” “ประยุทธ์ ๓” “ประยุทธ์ ๔” จนถึง “ประยุทธ์ ๕” จน นายกฯ ถามว่าปรับคนสองคน คุณก็นับเป็นประยุทธ์ ๒ ประยุทธ์ ๓ หรือ ผมคิดว่าท่ีจริงตราบใดที่นายกฯ ยังเป็นคนเดิมไม่ได้ปรับเปลี่ยน น่าจะเป็นประยุทธ์ ๑ อยู่ตลอด พอปรับทีหน่ึงก็น่าจะเป็นทับ ๑ ทับ ๒ มากกว่า แต่ก็เรียกกันมาอย่างน้ันให้ดูว่ามากเข้าไว้จนชินเสียแล้ว 180
การปรับเมื่อวันท่ี ๑๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๘ และวันท่ี ๒๐ ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: พฤศจกิ ายน พ.ศ.๒๕๖๐ ถอื เปน็ การปรบั ใหญ ่ เพราะมที ง้ั ปรบั เขา้ ปรบั ออก ปรบั ยา้ ยปรบั ควบ และปรบั ขน้ึ ปรบั ลงหลายคนและเปน็ ตาำ แหนง่ สำาคัญ เช่น ปรับรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจและรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการคลังออก ซึ่งถือว่ากระเทือนมาก รองนายกฯ สมคิดเข้า มาแทนในตอนนั้นและได้เป็นที่ปรึกษา คสช.ด้วย รัฐบาลคณะน้ีไม่มี การเมืองภายในมากดดันเพราะไม่มีพรรค การปรับจึงเกิดจากความ คิดของนายกฯ บวกกับกระแสภายนอกท่ีต้องการเห็นการแก้ปัญหา ท่ีเป็นระบบ ถูกทศิ ทาง และสามารถบรู ณาการการทำางานได้ นายกฯ สดับตรับฟังเสียงเหล่านี้มาระยะหนึ่ง เมื่อเห็นว่าม ี เหตุผลจึงได้ปรับ การปรับในปี ๒๕๖๐ ได้จังหวะเผอิญที่รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงแรงงานลาออก ไหนๆ จะต้องปรับคนเข้าแทนอยแู่ ลว้ จึงถอื โอกาสปรับใหญ่ไปพร้อมกัน ที่ว่าการปรับเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๐ เป็นการปรับ ใหญ่ เพราะลดจำานวนรัฐมนตรีท่ีมียศทางทหารถึง ๓ คนจากที่ม ี อยู่ ๑๑ คน ข้อสำาคัญคือนายทหาร ๓ คนเป็นบุคคลสำาคัญในคณะ คสช.ระดับรองหัวหน้าและเลขาธิการ แต่ต่างก็เข้าใจเหตุผลและ ความจำาเป็น เม่ือมีการประชุม คสช.ในเวลาต่อมาต่างก็ยังคงมา ประชุมเป็นปกติ นอกจากน้ันยังมีการปรับออกรัฐมนตรีว่าการ กระทรวงพาณชิ ย ์ กระทรวงวทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลย ี และกระทรวง การท่องเที่ยวและกีฬา ปรับย้ายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและ สหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และรัฐมนตรีว่าการกระ- ทรวงการพัฒนาสังคมและความม่ันคงของมนุษย์ ปกติการปรับ ครม.มักจะทำาเงียบๆ แม้แต่เจ้าตัวเองก็อาจไม่ รู้หรือรู้ล่วงหน้าไม่นานนัก สมัยรัฐบาลพลเอกชวลิต รัฐมนตรีที่ปรับ เข้ามาบางคนรู้ล่วงหน้าวันเดียว หาชุดปกติขาวใส่เข้าเฝ้าฯ ถวาย สัตย์ปฏิญาณแทบไม่ทัน ดีท่ีตรวจสอบคุณสมบัติได้เร็วไว 181
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม ตอนต้นปี ๒๕๖๒ เมื่อใกล้จะเลือกตั้ง รัฐมนตรี ๔ คนได้ลา ออกจากตาำ แหนง่ เพอื่ ไปเตรยี มการเกยี่ วกบั การเลอื กตง้ั คอื คณุ อตุ ตม รัฐมนตรีอุตสาหกรรม คุณสนธิรัตน์ รัฐมนตรีพาณิชย์ คุณสุวิทย ์ รฐั มนตรวี ทิ ยาศาสตร ์ และคณุ กอบศกั ด ์ิ รฐั มนตรปี ระจาำ สาำ นกั นายกฯ ส่ือเรียกกันว่า “๔ ยอดกุมำร” เหมือนช่ือละครโทรทัศน์ นี่ก็เป็นการ “ปรบั ออก” แต่ขอลาออกเอง และไม่ไดต้ ง้ั คนใหม่เขา้ มาแทน พอถึงเดือนพฤษภาคม รัฐมนตรีทยอยลาออกเกือบครึ่งคณะ เพื่อเตรียมเข้ารับตำาแหน่งสมาชิกวุฒิสภาจนเหลืออยู่ไม่กี่คน แต่ก็ยัง เป็น ครม.และประชมุ ได้โดยไม่ต้องตั้งคนแทน สิ่งท่ีมาคู่กับข่าวการปรับ ครม. คือการคาดเดาว่าใครจะถูก ปรับออก ใครจะถูกปรับเข้า ทีนี้สื่อสนุกกันใหญ่ในการคาดหมาย หรือเก็งซ่ึงก็ถูกบ้างผิดบ้างจนมองหน้ากันไม่ติด จะว่าไม่มีไฟย่อมไม่ มีควันก็ได้ เพราะบางทีกำาลังจะปรับคนโน้นเข้าคนน้ีออกจริงๆ แต่พอ ข่าวหลุดออกไปก็ต้องปรับแผนกันใหม่ บางทีก็มีการปล่อยข่าวลวง เพื่อโยนหนิ ถามทาง หยง่ั กระแส หรอื ปล่อยชอ่ื ออกไปให้คนร้องยห้ี รือ โจมตีจนชำ้าจะได้หาเหตุว่าเอาคุณเข้ามาเป็นไม่ได้หรอก บางทีทำากัน อย่างเงียบเชียบแล้วเชียว แต่เพราะเจ้าตัวซ่ึงถูกทาบทามจริงต้องไป ลาออกจากตำาแหน่งโน้นตำาแหน่งนี้ ความเลยแตกกันตอนน้ัน และ ที่พิลึกคือได้ยินว่าเคยมีการปลอ่ ยขา่ วเรอ่ื งตัวเองจะได้เปน็ โน่นเปน็ น ่ี โดยไม่มีมูล แล้วตามมาด้วยข่าวว่าปฏิเสธไปแล้ว ไม่อยากยุ่งกับการ เมอื ง จนนายกฯ เจ้าของสูตรปรับ ครม.ตัวจริงอุทานว่าใครไปเชิญเขา (วะ) สมยั เปน็ เลขำธกิ ำรคณะรฐั มนตร ี ผมเคยไดร้ บั คำ� แนะนำ� จาก ดร.สมภพ โหตระกิตย์ ผู้ใหญ่ในวงการเมืองที่ผมนับถือมากว่า ถ้านายกฯ อยากปรับใครออก จริงๆ ไม่มีใครด้ือรั้นหรือไม่ยอมหรอก กระซบิ บอกใหเ้ ขาลาออกดกี วา่ อยา่ ไปปลดกลางอากาศเลย แตน่ ายกฯ 182
ส่วนใหญ่จะเกรงใจไม่กล้าบอก แต่กลับไม่เกรงใจท่ีจะกล้าปลด เวลา ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: ไปเอาเขามากเ็ ชญิ กนั ดๆี แตพ่ อจะจากรายไหนกร็ ายนนั้ ปลดเฉยเลย ผมจึงกราบเรียนนายกฯ บางท่านไปอย่างน้ัน ท่านบอกว่าคุณยังไม่รู้ จักนักการเมืองพรรคผม คุณทำาได้ ลองไปทำาสิ เอาเข้าจริงแล้วบาง รายยอมลาออกโดยดี แถมขอบอกขอบใจที่มาบอก ไม่ปล่อยให้ถูก ปลดกลางอากาศ แต่บางรายท้าเหยงๆ ว่าไม่ออก เก่งจริงก็ปลดสิ ลงท้ายก็ต้องปรับออก บางรายนอกจากไม่ออกแล้วยังสำาแดงบารมี ปว่ นหนกั จนปลดไมไ่ ดห้ รอื ตอ่ รองอยา่ งโนน้ อยา่ งน ้ี แทนทจ่ี ะปรบั ออก กลายเปน็ แคป่ รบั ยา้ ยกระทรวง นักการเมืองไทยไม่ได้เดินตามตำาราหรอก แต่ผมยังเชื่อว่าถ้า จะให้บัวไม่ช้ำานำ้าไม่ขุ่น ทางท่ีดีควรขอให้ลาออก น่าจะเป็นเกียรติเป็น ศร ี ประโยชนท์ วแี ก่ชาติและประเทศไทยเทอญมากกว่า เมอื่ คราวทน่ี ายกฯ ประยทุ ธจ์ ะปรบั ครม.ครงั้ ใหญใ่ นป ี ๒๕๖๐ ท่านพิจารณาเงียบๆ อยู่คนเดียว ช่วงน้ันเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๐ มีพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพรัชกาลที่ ๙ หากปรับใน เวลานั้นก็คงไม่เป็นการสะดวกเรียบร้อยไปได้ เพราะคณะรัฐมนตรีมี ภารกิจในการจัดงานไม่เรื่องใดก็เร่ืองหนึ่งเป็นส่วนใหญ่ ถ้าทำาคราว นั้นก็คงเข้าทำานองเปล่ียนม้ากลางแม่น้ำา จึงรั้งรอมาจนเสร็จการ พระราชพิธี พอตัดสินใจแล้วท่านก็ปรารภกลางท่ีประชุม ครม.ล่วง หน้าว่า การปรับครั้งน้ีเป็นความจำาเป็นเพ่ือให้การทำางานบรรลุเป้า หมาย ไมไ่ ดร้ งั เกยี จรงั งอนตาำ หนติ เิ ตยี นใครทง้ั นน้ั ถา้ จะมใี ครเจบ็ ปวด ผมเจ็บปวดกว่าเพราะเป็นคนไปเชิญท่านเข้ามา นอกจากน้ันท่านยัง ส่งไลน์เข้าโทรศัพท์มือถือถึงทุกคนให้ร้อนๆ หนาวๆ ท่ัวกันอีกด้วย ใจความดงั น้ี “ขอได้รับควำมขอบคุณจำก นรม.อย่ำงมำกมำยและลึกซ้ึงกับ ควำมร่วมมือในกำรท�ำงำนของ รมต.ทุกคน ตลอดช่วงเวลำท่ีผ่ำนมำ เรำได้ร่วมกันแก้ไข ปฏิรูป สร้ำงประวัติศำสตร์ให้กับประเทศไทยด้วย 183
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม กำรท�ำงำนกันอย่ำงหนัก อำจมีคนไม่เข้ำใจ ไม่เห็นค่ำ แต่เรำรู้ตัวเรำ เองดี สักวันเมื่อทุกอย่ำงดีข้ึนคนไทยจะนึกถึงเรำเอง ไม่ว่ำจะเป็น รมต.ต่อไปหรือต้องปรับออก อย่ำเสียใจ นำยกฯ เป็นทหำร ควำม ผูกพันท่ีมีเหมือนให้ทหำรทุกคนท่ีร่วมเป็นร่วมตำยกันมำ ควำมผูกพัน ระหว่ำงพวกเรำจะไม่มีวันหมดสิ้นไปจนกว่ำจะตำยจำกกัน อย่ำดีใจ หรือเสียใจ หวังว่ำทุกคนจะยังคงเป็นก�ำลังใจให้กัน สนับสนุนกัน ช่วยเหลือกัน ไม่โกรธกัน ประเทศชำติยิ่งใหญ่ที่สุดส�ำหรับพวกเรำ เสมอ ขอบคุณครับ” ก็เก๋ไปอีกแบบ ทุกคนอ่านแล้วเสียววูบถามกันเองว่าหมายถึง ใคร หรือจะโละยกทีม แต่ผมเช่ือว่าเป็นส่วนลึกในใจของท่านนายกฯ จริงๆ เพราะท่านยังเปรยเช่นน้ีด้วยความเสียดายกับคนใกล้ชิดต่อมา อีกหลายคร้ัง เม่ือถึงคราวที่รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ๑๕ คนลาออก พร้อมกันเพื่อไปรับตำาแหน่งสมาชิกวุฒิสภา และสมาชิก คสช.ระดับ รองหัวหน้าถึง ๔ คนลาออกไปรับตำาแหน่งดังกล่าวเช่นเดียวกันใน เดอื นพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๒ นายกฯ ใหจ้ ดั ประชมุ รว่ มระหวา่ ง คสช. และ ครม.ท่ีทำาเนียบรัฐบาลเม่ือวันอังคารท่ี ๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ เป็นคร้ังสุดท้าย เพ่ือสรุปผลงานและขอบคุณที่ร่วมงานมา ด้วยดี ไม่นับท่ีเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาด้วยกันอีกด้วย ตอนท้ายได้เชิญ ท่านที่จะลาออกไปมอบของท่ีระลึกและถ่ายภาพหมู่ร่วมกัน พร้อม ท้ังกล่าวหลายคร้ังว่าใจหาย เสียดาย เรือกำาลังจะถึงฝั่งแต่จำาเป็น ต้องส่งท่านแค่นี้ให้ต่อเรือลำาอื่นแยกไปก่อน ขอให้สำาเร็จในหน้าท่ี การงานใหม่ นายกฯ ยาำ้ คาำ วา่ ใจหาย เสยี ดายอย ู่ ๕-๖ ครง้ั ยงิ่ ตอ่ มารฐั มนตร ี ท่ีลาออกขอออกจากไลน์กลุ่มทีละคนสองคนย่ิงใจหายเพราะเห็นกัน อยูห่ ลดั ๆ ณ วันท่ี ๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๒ หลังการสิ้นสุดของพระ ราชพิธีบรมราชาภิเษก สนช.ประชุมคร้ังสุดท้ายที่ตึกทีโอทีถนนแจ้ง- 184
วฒั นะ เมอื่ เลกิ ประชมุ แลว้ เทา่ กบั แมน่ า้ำ สายนเ้ี หอื ดแหง้ ไปโดยปรยิ าย ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: ส่วนแม่นำ้าสายหลักคือ คสช.และ ครม.ซึ่งเหลืออยู่ ๑๗ คนรวมทั้ง นายกรัฐมนตรีโดยไม่ตั้งใครเข้ามาแทน ท่ีเหลืออยู่ก็รักษาราชการ แทนกันไป ยิ่งเรือใกล้ถึงฝั่ง คนในเรือก็ขยับท่ีเตรียมจะข้ึนบก บนฝั่ง เองก็มีผู้โดยสำรกลุ่มใหญ่ชะเง้อรอขอลงเรือหรือเปล่ียนเรือ เปลย่ี นแป๊ะ เรอื หลำยลำ� จอดเทยี บท่ำเตรยี มรบั คนอยูเ่ ปน็ แถว 185
นายกฯ เปนคนคดิ เร็วพดู เร็วอยแู ลว นาทหี น่ึงไปไดหลายคาํ ซ่ึงทา นกอ็ ธิบายวา จาํ เปนตอ งรบี พูด เพราะเรอื งมันมาก และอยากพดู ใหครบทุกเรือง
ภาษาไทยวนั ละค�า กับรัฐบาล รฐั บำลทเี่ ขำ้ มำบรหิ ำรประเทศมกั จะมคี ำ� ศพั ทแ์ ปลกใหม่ มาใช้เป็นสไตล์เฉพาะตัว บางทีก็นำาความเคยชินบางอย่างที่ประสบ พบเห็นมาก่อนมาใช้ในการทำางาน ถ้าไม่ถึงขนาดผิดกฎหมายหรือ ก่อให้เกิดความยุ่งยากเป็นภาระแก่ทางราชการและประชาชนก็ไม ่ เป็นไร พลเอกประยุทธ์เคยเป็นทหาร ชินกับศัพท์ทหาร เมื่อเร่ิมการ ทาำ งานไปสกั พกั ทา่ นกน็ าำ ศพั ทเ์ กา่ ทางทหารแตใ่ หมท่ างพลเรอื นมาใช ้ หลายคาำ บางคำาก็เอาคำาเก่ามาให้ความหมายใหม่ บางคำาก็มาจากต่าง ประเทศ และบางคำาก็คิดขึ้นเอง ภาษาไทยวันละคำาในรัฐบาลนี้จึงมี หลายคำา อาทิ การประชาสัมพันธ์ การอธิบายให้คนเข้าใจ เม่ือเข้าใจแล้วก็ อยากเข้าถึง อยากเป็นส่วนหนึ่ง อยากมีส่วนร่วม ท่านเรียกเสียใหม ่ วา่ “กำรสรำ้ งควำมรบั ร้คู วำมเข้ำใจ” ท่ีเคยใช้เรียกลำาดับขั้นตอนตามสำานวนฝร่ังว่า ต้นนำ้า กลางน้ำา ปลายนา้ำ ใครจะใชก้ ใ็ ชไ้ ป แตท่ า่ นนายกฯ ใชค้ าำ วา่ ตน้ ทาง กลางทาง 187
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม ปลายทาง เวลาใครรายงานกบั ทา่ นกต็ ้องปรบั ใช้ใหถ้ ูก คำาว่า “รากหญ้า” (grassroot) ท่านใช้ว่ารากฐาน พื้นฐาน ยิ่ง คนจน ชาวบ้านท่ัวไปท่ีเคยจัดเป็นชนชั้นรากหญ้า ท่านบอกว่าฟัง เหมือนเหยียดหยาม เหมือนเหยียบย่ำาไปบนกอหญ้า ท่านเรียกว่า ราษฎรท่ัวไป หรอื คนสว่ นใหญ่ หน่วยงานของรัฐเสนอโครงการรถไฟรางเดี่ยว รางคู่ เมื่อได ้ ความว่ารางเดี่ยวไม่ใช่รางเส้นเดียวแบบโมโนเรล แต่ยังเป็นรางสอง เส้นให้ล้อรถไฟสองข้างของขบวนเดี่ยวว่ิงได้ เพียงแต่รองรับรถไฟ สวนกันสองขบวนไม่ได้ ท่านขอให้เรียกว่า “รถไฟทางเด่ียว” “รถไฟ ทางคู่” หา้ มใชร้ างเดียว รางคู่ มีอยู่คำาหน่ึงท่ีท่านมักรำาคาญคือคำาว่ายุทธศาสตร์ ในขณะท ี่ ยุทธศาสตร์ชาติเป็นศัพท์เฉพาะตามรัฐธรรมนูญ แต่หลายกระทรวง ก็หวังยกระดับเรื่องของตัวเป็นยุทธศาสตร์ชาติบ้าง เช่น ยุทธศาสตร์ ชาติด้านสาธารณสุขของกระทรวงสาธารณสุข ยุทธศาสตร์ชาติด้าน วัฒนธรรมของกระทรวงวัฒนธรรม ย่ิงกว่าน้ันยังมียุทธศาสตร์ ยุทธ- วิธี กลยุทธ์ แผนแม่บท แผนปฏิบัติการ แผนงานคราวน้ีก็ยุ่งกันใหญ ่ ไมร่ ูอ้ ะไรเปน็ อะไร จนนายกฯ เคยเปิดถกแถลงใน ครม. สภาพัฒน์ซึ่งปกติเป็น เจ้าของยุทธศาสตร์ว่าไปทางหน่ึง รัฐมนตรีมหาดไทย พลเอกอนุพงษ ์ ก็ศิษย์เก่านิด้าไปอีกทางตามที่เรียนมา ดร.สมคิดอาจารย์นิด้าไปอีก ทาง รฐั มนตรสี ายทหารไปอกี ทาง ทา่ นนายกฯ เลยตดั บทวา่ ดอ็ กเตอร์ ท้ังนั้น กูรูทั้งนั้น ผมไม่ได้เป็นด็อกเตอร์ ยอมแพ้แล้ว ใครชอบอะไรก็ ใชต้ ามใจชอบเทอญ ต่อไปนไ้ี มท่ ักท้วงแล้ว ยุทธศาสตร์ชาติเป็นเป้าหมายหรือทิศทางการพัฒนาประเทศ เปน็ การตอบคาำ ถามวา่ เรากาำ ลงั จะทาำ อะไร และนาำ ไปสเู่ ปา้ หมายอะไร ตอบโจทย์เรื่องอะไร ซ่ึงคนท้ังชาติและหน่วยงานของรัฐทุกหน่วยควร มองเห็นภาพประเทศไทยเป็นอย่างเดียวกัน เพ่ือจะเดินไปสู่จุดหมาย ปลายทางเดียวกัน สมัยก่อนจะพูดถึงยุทธศาสตร์ชาติในวงวิชาการ 188
หรือในเวลาสนทนาปราศรัย แต่ยังไม่เคยยกเป็นจริงเป็นจังหรือเป็น ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: ทางการ ท่ีใกล้เคียงที่สุดคือแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาต ิ ซึ่งครอบคลุมระยะเวลาแผนละ ๕ ปี บัดนี้มาถึงแผนฯ ฉบับที่ ๑๒ คำาว่า “กำรปฏิรูป” ก็เป็นศัพท์สำาคัญ ก่อน คสช.เข้ามา ประ- ชาชนเรียกร้องอยากเห็นการปฏิรูป ดังน้ันเมื่อ คสช.เข้ามาจึงยืนยัน การปฏิรูป บัดน้ีการปฏิรูปประเทศเป็นภารกิจตามรัฐธรรมนูญซึ่งต้อง ทาำ อยา่ งตอ่ เนอื่ ง การปฏริ ปู หมายถงึ การเปลย่ี นแปลงอยา่ งมนี ยั สาำ คญั เพื่อความผาสุกวัฒนาสถาพรของประเทศไทย วิธีการปฏิรูปคือต้อง ตั้งเป้าหมายว่าจะทำาเพื่ออะไร กำาหนดบุคลากรหรือองค์กรที่จะขับ เคล่ือนว่าเป็นใคร และต้องมีการวางแผนกำาหนดมาตรการอย่างเป็น ข้ันตอนว่าจะทำาอะไรก่อนอะไรหลัง ในบรรดาเร่ืองที่จะต้องมีการ ปฏิรูปหรือยกเครื่องครั้งใหญ่ที่ประชาชนรอคอยและอยากเห็นท่ีสุด คอื การปฏิรปู การศกึ ษา การปฏริ ปู กฎหมาย การปฏริ ปู ระบบราชการ และการปฏิรูปกระบวนการยุตธิ รรมโดยเฉพาะตาำ รวจ จากศัพท์แสงเหล่านี้ รัฐบาลได้ให้กำาเนิดตัวย่อมาคำาหนึ่งให ้ เข้ายุคสมัยท่ีนิยมตัวย่อกัน น่ันคือ ป.ย.ป. คำานี้ย่อมาจาก “ปฏิรูป ยุทธศำสตร์ชำติ และปรองดอง” มีเหมือนกันท่ีนายกฯ แซวตัว เองว่าไม่ได้ย่อมาจากประยุทธ์ และป้อมนะ ป.ย.ป.เป็นหัวใจในการ ทำางานของรัฐบาลและต้องการขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรมจนกลายมา เป็นหลักสูตรระยะสั้นเพื่อพัฒนาบุคลากรระดับปลัดกระทรวง อธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อสร้างความรับรู้ความเข้าใจและดำาเนินการ ได้ถกู ตอ้ ง “ม่ันคง มั่งคั่ง ย่ังยืน” ๓ คำาน้ีคือวิสัยทัศน์หรือยุทธศาสตร ์ ชาติ การพัฒนาท้ังหลายมุ่งจะตอบโจทย์ว่าทำาไปเพื่อส่ิงนี้ “ม่ันคง” (Security) หมายถงึ การมเี อกราชอธปิ ไตย ความสงบเรยี บรอ้ ย ความ ปลอดภยั และการอยอู่ ยา่ งมเี กยี รตภิ มู ใิ นประชาคมโลก “มงั่ คงั่ ” (pros- perity) หมายถึงการกินดีอยู่ดี การขจัดความยากจน ลดความ เหลื่อมล้ำา การมีศักยภาพในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ การมีรายได ้ 189
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม ประชาชาติสูงการทำามาหากินสะดวกสบาย ส่วน “ย่ังยืน” (sustain- ability) หมายถึงความคงทนถาวร ต่อเนื่อง ไม่สะดุด ไม่เป็นไฟไหม ้ ฟาง และไม่ก่อให้เกิดผลกระทบท่ีไม่พึงประสงค์อันเน่ืองมาจากการ พัฒนา เช่น ไม่เกิดผลกระทบต่อศีลธรรม ไม่เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม เป็นพิษ ไม่กระทบต่อสุขภาพ ปลายๆ รัฐบาลมีศัพท์คำาว่า “ไทยนิยมย่ังยืน” เกิดขึ้นใหม่ คำาน้ีเป็นชื่อโครงการแก้ปัญหาให้ตรงเป้า ตรงตามความต้องการ ของประชาชน โดยไม่ขัดกฎหมาย ไม่ขัดศีลธรรม ไม่เป็นประชานิยม วิธีการคือ รัฐจะจัดทีมออกไปสำารวจความต้องการของชุมชนในทุก หมู่บ้านและตำาบลของแต่ละจังหวัดแล้วจัดลำาดับความต้องการเป็น หมวดหมู่ว่าต้องการให้รัฐแก้ปัญหาอะไร จากน้ันจึงมาพิจารณาหา ทางช่วยเหลือตามกำาลังงบประมาณท่ีเรียกว่าไทยนิยม คือคนไทย นิยมอะไร อยากเห็นหมู่บ้านและตำาบลของตนเป็นอย่างไร ส่วนที่ว่า ย่ังยืนคือความนิยมน้ันต้องต่อเนื่องยาวนานและเป็นประโยชน์โดย จะร่วมกันทำา ไม่ใช่นิยมประเดี๋ยวประด๋าววูบๆ วาบๆ ฉาบฉวยพอ เอาตัวรอดแล้วเปลี่ยนไปนิยมอย่างอ่ืนตามกระแส ศพั ทเ์ กดิ ใหม่ในรฐั บำลนแ้ี ละใชก้ นั บอ่ ยคอื “ประเทศไทย ๔.๐” หรอื “ไทยแลนด ์ ๔.๐” ซงึ่ หมายถงึ ระดบั การพฒั นาประเทศจาก ระดับธรรมดาๆ ไปสู่ระดับการพัฒนาสูงสุดในเร่ืองน้ันๆ เหมือนท่ี สมัยก่อนแบ่งเป็นระดับด้อยพัฒนา ระดับกำาลังพัฒนา ระดับพัฒนา แลว้ และระดบั พฒั นาเตม็ ทห่ี รอื ไฮเทค วนั นม้ี าแบง่ เปน็ ๑.๐ ๒.๐ ๓.๐ ๔.๐ เดิมทีระดับเหล่าน้ีใช้กับพัฒนาการทางเศรษฐกิจโดยถือว่า ๑.๐ คือสังคมเกษตรกรรม ทำาไร่ไถนา ทำามาขายไป ระดับ ๒.๐ คือเร่ิม รู้จักถนอมรักษา รู้จักแปรรูป มีการตั้งโรงงานเล็กๆ พอถึงระดับ ๓.๐ คอื เปน็ อตุ สาหกรรมใหญ ่ มเี ครอ่ื งมอื เครอื่ งจกั ร ถา้ ถงึ ๔.๐ คอื กา้ วหนา้ มาก มีการตลาดท่ีดี ผลิตน้อยกำาไรมาก ต้นทุนต่ำาผลผลิตสูง มีนวัต- กรรมใหม่ๆ มีการนาำ เทคโนโลยี เชน่ หนุ่ ยนต์มาใชใ้ นการผลิต 190
คำาว่า ๔.๐ ใช้กับพัฒนาการอะไรก็ได้ เช่น การศึกษา ๔.๐ ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: ระบบแพทย์ ๔.๐ เพลงไทย ๔.๐ ครู ๔.๐ การเมือง ๔.๐ เม่ือพูดถึง ๔.๐ เท่ากับว่าแสดงเป้าหมายออกมาว่าต้องการจะเดินไปจนถึงจุด หรือระดับการพัฒนาถึงขีดสูงสุด คำาว่า “ขับเคลื่อน” มาจากภาษาอังกฤษ drive เหมือนขับรถ คือทำาให้เคลื่อนหรือก้าวต่อไปข้างหน้า ไม่หยุดอยู่กับท่ี เป็นคำาเก่าใช ้ กันอยู่ก่อน แต่ท่านนายกฯ ชอบใจนำามาใช้บ่อย และบ่นบ่อยเม่ือ ส่ังการแล้ว แน่น่ิง ไม่ไหวติง ไม่เคลื่อนท่ี ท่านอธิบายว่าขับเคล่ือน คือทำาอย่างไรก็ได้ที่สวนทางกับคำาว่า “เกียร์ว่ำง” ถ้าใครไม่ทำาท่าน ก็จะ “นอตหลุด” คำาพวกนี้เป็นศัพท์รถยนต์ท้ังนั้น ว่าแล้วท่านก็ตั้ง คณะกรรมการข้ึนมาขับเคล่ือนเรื่องโน้นเร่ืองน้ีสารพัดเหมือนขับรถ และเร่งเครื่อง ข้าราชการเลยแอบนินทาด้วยภาษารถยนต์เช่นกันว่า ขับเคล่ือนมาก หัวหมุน จานจ่ายเสีย น้ำามันหมด ศัพท์สำาคัญในรัฐบาลน้ีอีกคำาคือคำาว่า “ประชำรัฐ” คำาน้ีเป็น คำาเก่าปรากฏอยู่ในเพลงชาติว่า “ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชำติเช้ือ ไทย เป็นประชำรัฐ ไผทของไทยทุกส่วน” ความหมายเดิมคือการ 191
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม เป็นรฐั ของประชาชน ประชาชนเปน็ เจ้าของอาำ นาจอธปิ ไตย อาจารย์ชัยอนันต์ สมุทวณิชมาให้ความหมายใหม่เมื่อ ๒๐ ปีเศษมานี้ว่า หมายถึงความร่วมมือระหว่างประชาชนกับรัฐ รัฐบาล พลเอกประยุทธ์เห็นด้วยจึงนำามาใช้ในความหมายว่า รัฐคือราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองสว่ นทอ้ งถนิ่ ประชาชน คือภาคอาชีพ เช่น หอการค้า สภาอุตสาหกรรม ภาควิชาชีพ เช่น แพทยสภา สภาวศิ วกร สภาทนายความ ภาคประชาสงั คม เชน่ มลู นธิ ิ สมาคม เอน็ จโี อ ภาควชิ าการคอื มหาวทิ ยาลยั ปราชญช์ าวบา้ น และ ภาคประชาชน ได้แก่ พ่อค้าแม่ขาย ชาวบ้านท่ัวไป ซ่ึงทุกฝ่ายต้อง รว่ มมอื กันทำางาน บัดน้ี คำาว่าประชารัฐมีอยู่ในรัฐธรรมนูญ และมีพรรคการเมือง นำาไปใชป้ ระกอบช่อื พรรคดว้ ยแล้ว “นวตั กรรม” เปน็ คาำ ทรี่ จู้ กั กนั มานานแลว้ ตรงกบั คาำ วา่ Innova- tion หมายถึงสิ่งประดิษฐ์คิดค้นใหม่ ถ้าใช้ให้ถูกหลักต้องเป็นของ ใหม่เอ่ียมเรี่ยมเร้เรไรที่ยังไม่มีใครคิดมาก่อน แต่เอาเข้าจริงแล้วเป็น วิธีใหม่ ผลผลิตใหม่หรือเก่าท่ีอ่ืนแต่มาใหม่ท่ีเราก็เรียกว่านวัตกรรม รัฐบาลพยายามสนับสนุนให้ชาวไร่ชาวนา โรงงาน ทำาส่ิงท่ีเป็นนวัต- กรรมคือคิดใหม่-ทำาใหม่ให้ต่างจากเดิมเพื่อจะได้เป็น ๔.๐ ไวๆ คำาพวกนี้นายกฯ จะใช้บ่อยเวลาออกโทรทัศน์รายการ “ศำสตร์ พระรำชำสกู่ ำรพฒั นำอยำ่ งยงั่ ยนื ” ทกุ คนื วนั ศกุ ร ์ เดมิ รายการโทรทศั น ์ น้ีช่ือรายการคืนความสุขแก่คนในชาติ ช่ือรายการยาวไปหน่อย คน จึงเรียกย่อๆ ว่า คสช. คู่กับรายการรวมการเฉพาะกิจออกอากาศทุก วันตอน ๖ โมงเย็น อีกรายการช่ือ “เดนิ หนำ้ ประเทศไทย” รายการน ้ี นายกฯ ไม่ได้ออกเอง แต่เป็นการนำาเสนอผลงานรัฐบาล ผลงาน กระทรวงตา่ งๆ แรกๆ ก็ให้รัฐมนตรีผลัดกันไปออก ต่อมาก็ให้หน่วย งานจัดกันเอง ถ่ายทำากันเอง หาพิธีกรเอง คนดูก็ชักเบ่ือจนถูกแซว ว่าเป็นช่วงเวลาประหยัดไฟฟ้า หลังๆ เริ่มหาดารา เช่น ณเดชน์ โป๊ป โตโน่ หรือดาราสาวๆ สวยๆ ศิลปิน นักร้องหรือคนดังมาเป็น 192
พิธีกร เรตต้ิงจึงเร่ิมดีขึ้นจนกระฉูด ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: ความจริงเป็นรายการมีประโยชน์ถ้าตั้งใจด ู เพราะอธบิ ายเรอ่ื ง การทำามาหากิน เชิดชูตัวอย่างดีๆ หรือโมเดลดีๆ อธิบายเร่ืองสิทธิ หนา้ ท ่ี สรปุ กฎหมายทอ่ี อกมาใหมๆ่ แตพ่ อออกอากาศทกุ วันและติดตอ่ กันเป็นปี คนก็เบื่อบ้าง ส่วนรายการศาสตร์พระราชาท่ีออกคืนวัน ศุกร์น้ัน นายกฯ เป็นพรีเซนเตอร์คนเดียว รายการแต่ละคร้ังนายกฯ จะอธิบายหลายเร่ือง ทั้งสรุปกิจกรรมในรอบสัปดาห์ ข้อสั่งการ และ แนวทางการทำางานในเรื่องต่อไป ขนาดไปราชการต่างประเทศท่านก ็ บันทึกเทปส่งมาจากต่างประเทศ เรียกว่าไม่เคยขาดสักศุกร์เดียว ฝรั่ง ดูได้ ไทยดูดี เพราะมีตัววิ่งเป็นภาษาอังกฤษตลอดรายการ คนแปล เก่งมาก ใครไม่สนใจเน้ือหาจะลองฟังที่นายกฯ พูดไทยเทียบกับคำา แปลตัวว่ิงภาษาองั กฤษก็จะไดค้ วามรูภ้ าษาอังกฤษไปในตวั แรกๆ แฟนเยอะเหมือนกันเพราะอยากรู้ว่านายกฯ จะบอก อะไร แต่การมาแทรกหลังข่าว ๒ ทุ่มและก่อนละครจะลงโรงทำาให้ คนดูหงุดหงิดบ้าง โดยเฉพาะวันที่พระเอกกำาลังจะสารภาพรักกับนาง เอก หรือคุณหญิงย่ากำาลังจะถลกเส้ือพระเอกดูปานท่ีไหล่เพื่อพิสูจน์ วา่ เปน็ คณุ ชายทห่ี ายสาบสญู ไปนานจรงิ ไหม ความจรงิ พวกขา้ ราชการ ไดป้ ระโยชนจ์ ากรายการนมี้ ากเพราะมขี อ้ สง่ั การและทศิ ทางการทาำ งาน อยู่หลายเรอื่ ง นายกฯ เองกร็ วู้ า่ คนดอู าจบน่ บา้ ง เบอื่ บา้ ง จงึ พยายามใชเ้ วลา ให้สั้นลง พูดให้กระชับขึ้น และมักขอโทษขอโพยทีม่ าแทรกกอ่ นละคร มีคนเคยทำาวิจัยและเสนอผลการวิจัยให้รัฐบาลทราบว่าโดยท่ัวไป แลว้ คนไมข่ ดั ขอ้ งทร่ี ฐั บาลจะมาพบกบั ประชาชนอยา่ งนท้ี กุ วนั ศกุ ร ์ แต่ ช่วยพูดให้ช้าลงเพราะความท่ีนายกฯ เกรงใจชาวบ้าน และต้องการ ใหก้ ระชบั จงึ รบี พดู คราวนกี้ ลายเปน็ พดู เรว็ จนบางครง้ั จบั ใจความตาม แทบไม่ทัน นายกฯ เป็นคนคิดเร็วพูดเร็วอยู่แล้ว นาทีหนึ่งไปได้หลาย คำา ซึ่งท่านก็อธิบายว่าจำาเป็นต้องรีบพูดเพราะเร่ืองมันมากและอยาก พูดใหค้ รบทกุ เรื่อง เวลาพูดกพ็ ดู สดไม่ได้อ่าน 193
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม คอมเมนต์อีกอย่างคือหัวข้อท่ีพูดแต่ละวันจะมีหลายเร่ืองเกิน ไป ถ้าสักเรื่องสองเรื่องจะจำากันได้ แต่พอหลายเร่ืองเวลาฟังก็เข้าใจ อยู่ แต่พอจบรายการชักได้หน้าลืมหลังแล้ว ซ่ึงท่านอธิบายว่าที่ต้อง พดู หลายเรอื่ งเพราะสาำ คญั ทกุ เรอื่ ง พดู ๑๐ เรอ่ื งเพราะหวงั วา่ จะเขา้ หจู าำ ได้สัก ๑-๒ เร่ืองก็พอ ถ้าพูดเร่ืองเดียวคราวนี้คนฟังจำาไม่ได้เลย อันน ี้ คงเป็นการใช้สูตรถัวเฉลี่ยหรือจับสิบหยิบหนึ่ง บางทคี าำ ศพั ทข์ องรฐั บาลเหลา่ นมี้ คี นนาำ ไปใชส้ ะเปะสะปะเหมอื น กัน หลวงพ่อรูปหน่ึงเปดิ คลนิ กิ รบั ตอกหลงั ตอกไหลร่ กั ษาโรคปวดเมอ่ื ย วธิ ตี อกคอื ใชล้ มิ่ เหลก็ กดจดุ แลว้ ตอกลมิ่ ดว้ ยคอ้ นโครมๆ ไล่ตอกไปจน หมดคอร์ส ใครมาเรียนจะเก็บค่าสอนเหมือนโรงเรียน ลูกค้าน่ังรอวัน หนึ่งเป็นสิบเป็นร้อย ผู้ส่ือข่าวไปถามว่าทำาไมหลวงพ่อไม่รักษาแบบ เดิมๆ เช่น นวด ท่านตอบว่า “เฮ้ย! นั่นมันโบรำณ ของอำตมำเป็น สตำร์ตอัพ” ถามว่าหลวงพ่อได้วิชาน้ีมาจากไหน ท่านตอบว่านี่เป็น นวัตกรรม ถามว่าน่าจะไม่ใช่กิจของสงฆ์นะ ท่านแย้งว่านี่เป็นประชา รัฐ พระต้องร่วมมือกับรัฐดูแลรักษาพยาบาลผู้ป่วย ถามว่าตอกแรงๆ ไมก่ ลวั ชา้ำ หรอื ทา่ นตอบวา่ ตอกเบาๆ นะ่ ๒.๐ ๓.๐ ของอาตมาพฒั นา วิธีการจนเป็นแบบ ๔.๐ ถามวา่ การเปดิ คลนิ กิ รบั รกั ษาและรบั สอนอยา่ งนไ้ี ดใ้ บอนญุ าต จากทางการไหม มีใบประกาศรับรองจากสำานักไหน คราวนี้ท่าน หัวเราะยิงฟันย้อนกลับว่า แจ็ค หม่า บิลเกตส์ สตีฟ จอบส์ เรียน อะไรมาหรือเปล่า จบจากไหน ใครให้ใบอนุญาต แล้วทำาไมเขาทำา ได้ดีจนทั่วโลกต้องไปเรียนจากเขา ผมว่าหลวงพ่อน่าจะเข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะ ไม่รู้มีใครนิมนต์ ทา่ นไปปรบั ทศั นคติหรอื เปล่า นอกจากภาษาไทยวันละคำาสองคำาเหล่านี้แล้ว บ่อยคร้ังท่ียัง มีภาษาอังกฤษวันละคำาอกี ดว้ ย คณุ ลงุ คณุ ปา้ อาซอ้ อาอม้ึ อาจไมเ่ ขา้ ใจ แต่ฟังดูก็เป็นอินเตอร์ดีและต่างประเทศยังนำาไปใช้ตามอีกด้วย เช่น Thailand 4.0, Startup, EEC, SME, No one is left behind., 194
Smart City, Mindset, Innovation, Thailand Plus 1, IUU, ICAO ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: แต่ที่ฮิตติดปากมากที่สุดเห็นจะเป็น “Roadmap” อะไรๆ ก็โรดแมป คนไข้คนหนึ่งถำมหมอว่ำโรคท่ีเป็นน้ีก่ีวันหำย หมอตอบ วำ่ รักษำไปเรอื่ ยๆ ตำมโรดแมป จบคอร์สกห็ ำยพอด!ี 195
หลายคนวจิ ารณว า ตลาดคลองผดงุ ฯ เปน ของเลนของนายกฯ ประยทุ ธ จะเลนไมเลนก็ไมท ราบ แตชวยใหคนทํามาคาขายและทาํ มาหากินได
พระยานอ้ ยชมตลาด (คลองผดงุ กรงุ เกษม) คลองข้ำงทำ� เนยี บรัฐบำลม ี ๒ คลอง ดำ้ นทิศใตค้ นละฝง่ั กับวัดโสมนัสราชวรวิหารซ่ึงถือเป็นด้านข้างของทำาเนียบรัฐบาลช่ือ คลองผดงุ กรงุ เกษม ดา้ นทศิ ตะวนั ออกคนละฝง่ั กบั วงั นางเลงิ้ ของกรม- หลวงชุมพรเขตอุดมศักด์ิที่ต่อมาเป็นวิทยาลัยพาณิชยการพระนคร หรือท่ีบัดน้ีคือมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร เป็นด้าน หน้าของทำาเนยี บรัฐบาล ชื่อคลองเปรมประชากร คลองผดุงกรุงเกษมขุดในสมัยรัชกาลท่ี ๔ เพื่อเปิดเส้นทาง สัญจรทางน้ำาสายใหม่ และเป็นการขยายอาณาเขตพระนครให้กว้าง ออกไป อาณาเขตพระนครน้ันถ้าเทียบกับต้ังแต่เริ่มแรกจะเห็นว่ามี การขยายออกไปเป็นช้นั ๆ ดังน้ี สมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี ราชธานีต้ังอยู่ท่ีฝั่งธนบุรี อาณาเขตจะ ข้ามแม่น้ำาเจ้าพระยามาทางฝั่งพระนครหรือบางกอกแล้วโปรดเกล้าฯ ให้ขุดคูคลองล้อมกรุงไว้ เริ่มจากแม่นำ้าเจ้าพระยาแถวสะพานพระปิ่น เกล้าทุกวันนี้ ไหลผ่านย่านที่ปัจจุบันเรียกว่าหลังกระทรวงกลาโหม ผ่านกระทรวงมหาดไทย วัดราชบพิธ ไปออกแม่นำ้าเจ้าพระยาแถว 197
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม โรงพักพระราชวัง โรงเรียนราชินี เรียกว่าคลองคูเมือง แต่ชาวบ้านมัก เรียกกันผิดๆ ว่าคลองหลอด ความจริงคลองหลอดมีอยู่เหมือนกันแต่ เป็นคูเล็กคูน้อยเหมือนร่องนำ้าหรือหลอดเชื่อมต่อกัน เช่น หลอดข้าง วัดราชบพิธ หลอดข้างวัดเทพธิดาราม คลองคเู มอื งนต้ี อนปลายรฐั บาลไดม้ อบใหก้ ระทรวงกลาโหมขดุ ลอกพัฒนาเสียจนสะอาดสวยงาม สองฝั่งคลองให้ปลูกไม้ดอก กลาง คืนให้ติดไฟฟ้า เมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๒ นายกฯ นำา ครม. ลงเรือตรวจคลองไปจนถึงปากคลองตลาด ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๑ เม่ือทรงย้ายราชธานีข้ามมาฝั่งพระ นคร พนื้ ทพ่ี ระนครภายในแนวเขตคลองคเู มอื งแคบไป จงึ โปรดเกลา้ ฯ ให้ขุดคลองสายใหม่โอบล้อมกรุงอีกช้ันหน่ึง เริ่มจากแม่นำ้าเจ้าพระยา แถวป้อมพระสุเมรุไหลผ่านบริเวณที่บัดนี้เป็นบางลำาพู วัดบวรนิเวศ วิหาร สะพานผ่านฟ้า หลังวัดสระเกศ สะพานหัน ไปออกแม่นำ้าเจ้า พระยาแถววัดจักรวรรดิราชาวาส เรียกว่าคลองรอบกรุง แต่ช่วงท ี่ ผ่านบางลำาพู คนเรียกว่าคลองบางลำาพู ช่วงที่ผ่านสะพานหันมีตลาด ขายโอ่งอ่าง หม้อไห กระถาง คนเรียกว่าคลองโอ่งอ่าง มีการสร้าง กำาแพงพระนครและปอ้ มประจาำ มมุ ต่างๆ ขนานไปกับแนวคลองดว้ ย ทุกวันน้ีเหลือแต่ป้อมพระสุเมรุ กำาแพงป้อมพระอาทิตย์หน้า วัดบวรฯ และป้อมมหากาฬหน้าวัดราชนัดดาราม ส่วนกำาแพงอื่นๆ ก็รื้อไปหมดแล้ว สมัยน้ันถือว่าวัดสุทัศน์เป็นวัดกลางพระนคร วัด สระเกศเป็นวดั นอกกำาแพงพระนคร มาถึงสมัยรัชกาลที่ ๔ มีการตัดถนนหนทางหลายสาย รื้อ กำาแพงพระนครและขยายอาณาบริเวณของพระนครให้ขยายกว้าง ออกไปอีก จึงโปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองสายใหม่อีกสาย เริ่มจากแม่นำ้า เจ้าพระยาแถวเทเวศร์ไหลผ่านบริเวณที่ทุกวันนี้เป็นทำาเนียบรัฐบาล นางเลิ้ง สะพานขาว หัวลำาโพง ไปออกแม่นำ้าเจ้าพระยาแถววัดปทุม คงคา พระราชทานชื่อว่าคลองผดุงกรุงเกษม มีการสร้างสะพานข้าม คลองน้ีหลายแห่ง หัวมุมท่ีคลองเปรมประชากรตั้งฉากกับคลองผดุง 198
กรงุ เกษมมสี ะพานชอ่ื สะพานอรทยั ทกุ วนั นไี้ มไ่ ดใ้ ชค้ ลองเปน็ แนวเขต ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: พระนครแล้ว ส่วนที่จะใช้เป็นทางสัญจรทางน้ำาก็ลดน้อยลงจนเลิกไป ในระยะหลัง แม้ กทม.จะเคยฟื้นฟูให้มีเรือรับส่งผู้โดยสารว่ิงในบาง สมยั แตก่ ไ็ มส่ ะดวก เพราะระดบั นา้ำ สงู ตา่ำ ไมแ่ นน่ อนบา้ ง เรอื ตดิ สะพาน บ้าง ความจริงถ้าจัดการให้ดีน่าจะแบ่งเบาการจราจรทางบกจาก เทเวศร์ไปหัวลำาโพงได้ดี จะใช้เป็นเส้นทางให้นักท่องเท่ียวน่ังเรือชม วิวพระนครในยามคำ่าคืนก็น่าจะได้ รัฐบาลพลเอกประยุทธ์พยายาม จะฟน้ื แต่กต็ ดิ ขดั ดังกล่าว ดา้ นขา้ งของทาำ เนยี บรฐั บาลไมไ่ ดป้ ระชดิ ตดิ คลองผดงุ กรงุ เกษม เสียทีเดียว หากแต่มีถนนลูกหลวงค่ันกลาง ข้าราชการในทำาเนียบ รัฐบาลใช้เป็นท่ีจอดรถตลอดมา ในสมัยพลเอกประยุทธ์ เม่ืออยู่ไปได้ ราว ๓ เดือน วันหน่ึงท่านนายกฯ ไปตรวจราชการหัวเมือง มีผู้มาร้อง ทุกข์ขอความช่วยเหลือเร่ืองราคากล้วยไม้ตกต่ำา ส่งไม่ได้ขายไม่ออก เพราะกล้วยไม้ล้นตลาด ท่านนายกฯ จึงเกิดไอเดียให้จัดงานแสดง และจาำ หนา่ ยกลว้ ยไม ้ หาสถานทโี่ ชวร์ มู ทไี่ หนไมไ่ ดก้ เ็ จาะจงเอาทถ่ี นน ลูกหลวงข้างทำาเนียบนั่นแหละไม่ต้องไปยุ่งกับคนอื่น เรียกว่างาน “ตลำดนดั กลว้ ยไมค้ ณุ ภำพ” เปดิ ตลาดครงั้ แรกเมอื่ วนั ท ี่ ๑๙ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๘ เป็นงานแสดงเกี่ยวกับนวัตกรรมของกล้วยไม้ไทย และ นำากล้วยไม้มาจำาหน่ายราคาถูก ปรากฏว่าขายดีเทน้ำาเทท่า ผู้คนมา เท่ียวชมมากมาย ชว่ งเวลานน้ั เองทนี่ ายกฯ ไอเดยี กระฉดู ไปอกี ขนั้ วา่ ถา้ จดั ตลาด กล้วยไม้ไทยได้ ทำาไมจะจัดตลาดสินค้าอื่นบ้างไม่ได้ สมัยก่อนยาม ทุเรียนราคาตก ผลไม้ เช่น กล้วย ส้มโอ เฟ้อจนล้นตลาด ชาวสวน ขนมาเทท้ิงเต็มถนน รัฐบาลในอดีตเคยมีนโยบายให้ขนมาวางขาย ข้างกระทรวงมหาดไทยบ้าง ข้างกระทรวงพาณิชย์บ้าง หน้าศาลา ว่าการ กทม.บ้าง คราวน้ีน่าจะติดตลาดเชิญพ่อค้าแม่ขายมาขาย สนิ ค้าโอทอป สนิ ค้าเกษตร สนิ ค้าประจำาถ่นิ 199
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม ดงั นน้ั พอเสรจ็ งานกลว้ ยไม ้ รฐั บาลกจ็ ดั งาน “ตลำดนำ�้ วถิ ไี ทย คลองผดุงกรุงเกษม” ขึ้น รัฐบาลเพียงแต่ติดตั้งเต็นท์และจัดระบบ การตลาดให้ งานแบ่งเป็น ๒ ส่วน คือส่วนแสดงสินค้า และส่วน จำาหน่ายอาหาร งานตลาดนำ้าน้ีทำาแบบตลาดนำ้าและตลาดบกสมัย โบราณ สินค้าและอาหารบางอย่างให้แม่ค้าลอยเรือขาย มีการสร้าง แพริมคลองผดุงกรุงเกษม ต้ังโต๊ะกินกันท่ีน่ัน ยามเย็นแดดร่มลมตก ทง้ั หนมุ่ สาวและคนแกค่ นเฒา่ ตลอดจนนกั ทอ่ งเทย่ี วมากนั เตม็ อาหาร การกินท่ีขายก็เป็นของอร่อยจากแต่ละจังหวัดหรือแต่ละชุมชน ผมไปเจอข้าวมันไก่พนัสนิคมอร่อย ข้าวมันไก่เบตงของแท้มา จากเบตง ข้าวมันแกงไก่แบบปักษ์ใต้ กับข้าวโบราณ เช่น หมูโสร่ง ม้าฮ่อ แกงเทโพ ขนมชาววังแบบโบราณและขนมชาวบ้าน เช่น ขนม ดอกดิน ขนมสายบัว ขนมเรไร ขนมค้างคาว ขนมจุนจู ที่เคยกินเมื่อ ๔๐-๕๐ ปีก่อนกท็ ี่ตลาดคลองผดุงฯ น่แี หละครับ ช่วงน้ันถ้าประจวบกับวันมาฆบูชา วันสงกรานต์ วันเข้าพรรษา นายกฯ จะเชิญ ครม.มาใส่บาตร นิมนต์พระพายเรือรับบาตรเต็ม คลองเป็นที่ครึกครื้น คลองผดุงกรุงเกษมก็กลับโด่งดังข้ึนอีกคร้ัง คำา 200
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384