อีกเร่ืองคือการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม ต้ังแต่ตำารวจ อัยการ ศาล ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: จนถงึ ระบบราชทณั ฑ์ ระบบนติ วิ ทิ ยาศาสตร ์ ระบบบงั คับคดีแพ่งและ คดีปกครอง โจทย์ใหญ่คือทำาอย่างไรอย่าให้ได้ช่ือว่า “คุกมีไว้ขังคน จน” ซึ่งได้คุณอัชพร จารุจินดา อดีตเลขาธิการกฤษฎีกามาเป็นหัว ขบวน ข้อน้ีสัมพันธ์กับกฎหมายด้วย เพราะปัญหาหลายอย่างเกิด จากตัวบทกฎหมาย การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมและการปฏิรูป กฎหมายจึงเป็นของคู่กัน ปัญหาในเรื่องน้ีคือทำาอย่างไรจะให้การ สอบสวนของตาำ รวจเปน็ ไปดว้ ยความรวดเรว็ และเปน็ ธรรม ทาำ อยา่ งไร จะให้คนจน ผู้มีรายได้น้อยมีโอกาสต่อสู้คดีอย่างเป็นธรรม มีทนาย ความ มีโอกาสรับความช่วยเหลือเร่ืองการขอประกัน การจัดหาพยาน ในกรณีถูกปรับมีโอกาสอย่างอื่นทดแทน เช่น ทำางานเพ่ือสังคมแทน ท่ีจะเป็นการถูกกักขังแทนค่าปรับ ทำาอย่างไรจะให้การพิจารณาใน ช้ันศาลเป็นไปโดยเรียบร้อยและรวดเร็ว มีโอกาสค้นหาความจริง อย่างมีประสิทธภิ าพ ในการปฏิรูปท้ังหลาย ปัญหาสำาคัญติดอยู่ที่ ๓ เร่ืองเท่านั้น คอื ๑. ความจริงใจ จริงจัง ต้ังใจของรัฐหรือผู้ปฏิรูปว่าจะเอาจริง ไหม เอาแน่ไหม เอาอย่างนั้นหรือ เพราะถ้าไม่เด็ดเดี่ยวเข้มแข็งก็จะ กลายเป็นยักษ์ลักมา ลิงพาไป เอาอย่างโน้นก็ได้ เอาอย่างน้ีก็ได้ ลงท้ายก็จะไม่สำาเร็จ ลองนึกย้อนไปถึงสมัยรัชกาลที่ ๕ ว่า ถ้าไม่ใช ่ เพราะพระพุทธเจ้าหลวงท่านตั้งพระทัยแน่วแน่ว่าจะทรงผลักดันการ ปฏิรูปคิดว่าการปฏิรูปจะทำาได้หรือ เพราะคนรุ่นเก่าท่ีเคยชินกับของ แบบเดมิ ๆ กม็ อี ยมู่ าก การปฏริ ปู ในสมยั เลอื กตง้ั ทร่ี ฐั บาลมหี ลายพรรค ในสภาเอง ฝ่ายค้านก็เข้มแข็ง รัฐบาลย่อมแหยงๆ ท่ีจะทำาการปฏิรูป การมีแผนปฏิรูปประเทศฉบับลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเม่ือ วันท่ี ๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๖๑ และการมีรัฐธรรมนูญกำาหนดให้การ 301
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม ปฏิรูปเป็นภารกิจของรัฐบาลจึงเป็นบทบังคับให้ทุกรัฐบาลต้องจริงใจ และจรงิ จงั จะไมท่ าำ ไมไ่ ด้ ๒. เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ปฏิบัติมีความเข้าใจและเห็นด้วยโดย จริงใจกับการปฏิรูปหรือความเปลี่ยนแปลงนั้นๆ หรือไม่ ข้อน้ีเป็น ปัจจัยแห่งความสำาเร็จหรือความล้มเหลวของการปฏิรูปทีเดียว เรื่องนี ้ เป็นเรื่องของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง (stakeholder) ซึ่งยากท่ีจะ “ทุบหม้อข้ำวตัวเอง” หรือ “ยอมเสียอ�ำนำจ” บ่อยคร้ัง ท่ีการปฏิรูปทำาไม่สำาเร็จเพราะรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงคัดค้าน ปลัด กระทรวงไม่ยอม อธิบดีไม่เห็นด้วย แล้วของอย่างนี้แปลกเสียด้วยท ่ี ว่าถ้าคนอื่นช่วยคิดให้ว่าจะปฏิรูปอะไร ปฏิรูปอย่างไร คนในหน่วย งานมักจะคัดค้านหาว่าคนคิดไม่ได้ทำา คนทำาไม่ได้คิด คร้ันปล่อยให้ คนในหรือคนท่ีลงมือทำาลองคิดกันเองก็จะได้คำาตอบว่าท่ีทำาอยู่น้ันด ี แลว้ ไมม่ อี ะไรตอ้ งเปลยี่ นแปลง ลงทา้ ยเลยไมไ่ ดป้ ฏริ ปู เสยี ท ี วธิ ปี ฏริ ปู ที่ทำากันได้ผลจึงเป็นเรื่องรับฟังความคิดเห็น ช่ังน้ำาหนักได้เสีย แล้ว ทุบโต๊ะโดยคนกลางผู้มีอำานาจ การประนีประนอมพบกันครึ่งทางอาจ ทำาได้แต่ต้องตั้งใจให้เป็นรอบแรกเพื่อค่อยปรับอีกทีในภายหลัง ผู้คน จะได้คุ้นเคยและยอมรับ ๓. การปฏิรูปเป็นการเปล่ียนแปลงวิธีคิด วิธีปฏิบัติแบบเดิม จึงสวนทางกับความเคยชินของประชาชน แม้เปลี่ยนแล้วจะดีข้ึน แต่ ถ้าเกิดความยุ่งยาก ลำาบาก สิ้นเปลือง ใช้เวลาในการปรับตัวใหม่ ผู้คนจะไม่ชอบ แรกๆ อาจแค่บ่น แต่ต่อไปอาจต่อต้านจนล้มเหลว ทุกอย่างต้องกลับไปสู่จุดเดิม การสร้างความรับรู้ความเข้าใจ การ ค่อยๆ ทำาไปตามลำาดับข้ันตอนและคอยแก้ไขปัญหาอุปสรรคและ การเยยี วยาทดแทนความยงุ่ ยากลาำ บากจงึ เปน็ เรอื่ งสาำ คญั แตผ่ ทู้ าำ การ ปฏริ ปู ตอ้ งทาำ ใจไวแ้ ตแ่ รกใหไ้ ดว้ า่ ตอ้ งมคี นเดอื ดรอ้ น ลาำ บาก ไมพ่ อใจ แน่ๆ เม่ือรู้อย่างนี้แล้วก็จงรอบคอบ ใจเย็น อดทน อดเปร้ียวไว้กิน หวาน “แลว้ วนั หน่งึ มนั จะผำ่ นพน้ ไป” 302
ผมนึกถึงสมัยหนึ่งที่ทางการเปิดตลาดนัดทุกวันเสาร์-อาทิตย ์ ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: ท่ีท้องสนามหลวง ชาวบ้านไปจับจ่ายใช้สอยติดต่อกันมาเป็นปีๆ แต่ ตอ่ มาทางการเหน็ วา่ คบั แคบ ไมส่ ะดวก สกปรก และรถตดิ จงึ ใหย้ า้ ย ไปเปิดที่สวนจตุจักร ปรากฏว่ามีการต่อต้านคัดค้านยาวนานจนเกือบ เกิดความวุ่นวายขึ้น หลังจากเหตุการณ์ผ่านไปราว ๑ ปี ประชาชน นิยมตลาดนัดสวนจตุจักรมาก พ่อค้าแม่ขายเร่ิมพอใจติดใจ คนจับ จา่ ยใชส้ อยกพ็ อใจ ครำวน้ีใครจะให้ย้ำยไปไหนหรือย้ำยกลับสนำมหลวงก็คง ไม่ยอม 303
“ผนู ํา” คือผทู ่ีมคี วามสามารถชักนําใหคนอนื ศรทั ธาและคลอ ยตามความคดิ เหน็ คลอ ยตามการปฏบิ ตั ิหรอื ดาํ เนนิ การ ตามแนวทางหรือแบบอยางท่ตี นวางไว
ผู้นา� กับลกั ษณะความเปน็ ผู้น�า ในระยะไมก่ ป่ี มี ำน ้ี เรอื่ ง “ภำวะผนู้ ำ� ” (Leadership) กลำย เป็นเรื่องใหญ่ทันสมัยใหม่เอี่ยมชนิดทอล์กออฟเดอะทาวน์ท่ีไปทาง ไหนใครๆ ก็พูดถึง ท้ังยังเรียกร้องและถามหาภาวะผู้นำาในทุกวงการ บรรดาหลักสูตรทั้งหลายท่ีเปิดกันเกร่อและใช้ตัวย่อแปลกๆ อาทิ บยส. ปปร. นปร. ปรม. วตท. จนเล่นเอาคนเรียนเองก็งงเพราะจำา ไม่ได้ ต่างมีวิชาหรือหลักสูตรว่าด้วยการเป็นผู้นำาหรือภาวะผู้นำาแทรก อยู่ด้วยเสมอ ผมเองไม่ใช่ผู้นำากับใคร อาศัยว่าเคยทำางานและเคย เห็นผู้นำามาพอสมควร อย่างน้อยเขาคงเห็นว่าเคยทำางานกับนายก รัฐมนตรีและ ครม.มา ๑๒ รัฐบาล (นายกรัฐมนตรี ๘ คน ซึ่งบางคน เป็นมากกว่า ๑ คร้ัง) จึงมักถูกขอให้ไปบรรยายว่าด้วยผู้นำาทางการ เมืองใหน้ กั ศกึ ษาในหลักสูตรดังกลา่ วฟงั อย่บู า้ ง แตเ่ รอื่ งอยา่ งนจ้ี ะมาทาำ เปน็ เลขานนิ ทานายกผ็ ดิ จรรยามารยาท ได้แต่นำาเอาเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมและเป็นที่รับรู้ทั่วไปมา เล่าพอให้เห็นเป็นต้นแบบหรือแบบอย่างให้คนรุ่นหลังนำาไปประยุกต์ ใช้มากกว่าจะไปติติงหรือค่อนขอดนินทาว่าร้ายหรือเอาความลับมา ไขในท่ีแจ้ง เรื่องอย่างน้ีคงต้องยึดหลักของท่านพุทธทาสท่ีสอนไว้ว่า 305
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม เขำมสี ว่ นเลวบำ้ งช่ำงหัวเขำ จงเลือกเอำส่วนทดี่ เี ขำมีอยู่ เป็นประโยชน์โลกบำ้ งยังนำ่ ดู สว่ นท่ชี ัว่ อย่ำไปรู้ของเขำเลย จะหำคนมดี ีโดยสว่ นเดียว อยำ่ มัวเทยี่ วค้นหำสหำยเอ๋ย เหมือนเทย่ี วหำหนวดเต่ำตำยเปลำ่ เลย ฝกึ ใหเ้ คยมองแต่ดมี ีคุณจรงิ สรปุ สัน้ ๆ คอื Nobody is perfect! ตามความเข้าใจของผม “ผู้น�ำ” คือผู้ท่ีมีความสามารถชักนำา ให้คนอ่ืนศรัทธาและคล้อยตามความคิดเห็น คล้อยตามการปฏิบัติ หรือดำาเนินการตามแนวทางหรือแบบอย่างที่ตนวางไว้ หรือยอมก้าว เดินตามนโยบายหรือทิศทางข้างหน้าร่วมกับเรา เพื่อไปสู่จุดหมาย ปลายทางหรือบรรลุเป้าหมายเดียวกัน ดังท่ีฝรั่งพูดว่า Leader is one who can lead the others. หรือ Leader is one who can mobilize or motivate the others to move. ปกติมนุษย์เราน้ันต่าง จติ ตา่ งใจ การจะเอาไงเอากนั เดนิ ตามคนอน่ื นน้ั ไมใ่ ชเ่ รอ่ื งงา่ ย ถา้ ผนู้ าำ ไมแ่ นจ่ รงิ ไมร่ กั กนั จรงิ ไมว่ า่ ใครกอ็ ยากเปน็ ตวั ของตวั เองหรอื สดุ แตใ่ จ จะไขว่คว้ามากกว่ายอมเดินตามหลังคนอ่ืน ย่ิงคนไทยแล้วเขาว่าทำา อะไรตามใจคือไทยแท้ ดังน้ันการจะทำาตามคนอ่ืนนั้นเมินเสียเถอะ เว้นแต่ผู้นั้นมีเสน่ห์หรือพลังอะไรสักอย่างจึงทำาให้คนศรัทธายอมเอา อย่างหรือเดินตามไดต้ ้อยๆ ลองดูวัยรุ่นท่ีทำาท่าเอาอย่างเอลวิส เพรสลีย์ หรือไว้ผมอย่าง นักดนตรีสี่เต่าทอง ผู้หญิงสมัยหน่ึงพากันไว้ผมทรงเดียวกับออเดรย์ เฮปเบิร์นหรือวัยรุ่นสมัยนี้ท่ีตามกร๊ีดศิลปินเกาหลีหรือนักร้องสาวๆ แม้แต่การท่ีนำานักร้อง นักดนตรี ศิลปินมาเป็นนายแบบนางแบบ 306
โฆษณาลดเหล้า ลดบุหร่ี หรือโฆษณาสินค้าต่างๆ ก็เพราะเช่ือว่าคน ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: เหล่านี้น่าจะเป็นผู้นำาได้ในการวางเป้าหมาย ผู้นำาจึงต้องมีความ สามารถหรือเสน่ห์อะไรสักอย่าง ผู้คนจึงละท้ิงสไตล์ ลีลา แนวคิด แนวทางเดมิ หนั มาเออออหอ่ หมกตาม แตต่ อ้ งระวงั ดว้ ยวา่ ออรา่ หรอื เสน่ห์ หรือพลังน้ีอาจไม่จีรังยั่งยืนก็ได้ คือมีแสงสว่างวาบมาก็จริง แตอ่ าจวูบดบั ลับหายไปอย่างรวดเร็วกเ็ ปน็ ได้ ผมคดิ วำ่ ผนู้ ำ� ในสงั คมไมว่ ำ่ สมยั ใดกต็ ำมมอี ย ู่ ๒ แบบ คอื ผู้นำาโดยนิตินัยหรือเป็นผู้นำาอย่างเป็นทางการโดยการสมมุติยกย่อง ตามกฎหมายหรือตามตำาแหน่ง และผู้นำาโดยพฤตินัยคือเป็นผู้นำาโดย ลักษณะนิสัย ความสามารถส่วนตัว หรือการยอมรับนับถือของผู้คน อยา่ งแท้จรงิ โดยไมม่ ตี าำ แหนง่ แห่งหนเปน็ ทางการมารองรับ ผู้นำาประเภทแรกถือว่ามีกฎหมายหนุนหลัง มีตำาแหน่งรองรับ แต่เอาเข้าจริงอาจเป็นผู้นำาไปงั้นๆ แหละ คือไม่มีลักษณะความเป็น ผนู้ าำ (Leader without leadership) กไ็ ด ้ ผคู้ นเกรงอกเกรงใจไปง้ันๆ เอง เพราะมีตำาแหน่งคำ้าอยู่ อย่างที่โบราณเคยพูดว่า เจ้าว่างามก็ต้องงาม ไปตามเจ้า ใครเลยเล่าจะไม่งามตามเสด็จ ผู้นำาแบบน้ีจึงนำาคนอยู่ ได้ชั่วระยะเวลาหนึ่งแล้วก็จางไป พอหมดตำาแหน่งก็เหมือนส้ินบารมี กลายเป็นบายศรีท่ีเสร็จงานเขาก็ลอยตามนำ้าไป ไม่มีใครยกมาต้ัง เชิดชูบูชากล่าวถึงอีกต่อไป คือจะให้สมัครใจเดินตามว่าไงว่าตามกัน ไปตลอดเห็นจะยาก ไม่เหมือนผู้นำาประเภทหลัง แม้ไม่มีตำาแหน่ง หรอื อำานาจ แตค่ นกส็ มคั รใจเดินตามเพราะศรัทธาเสียแล้วด้วยหวั ใจ ลองนึกถึงคนอย่างมหาตมะ คานธี อองซาน ซูจี สมัยยังไม่ได้ เป็นรัฐบาล แม่ชีเทเรซาของอินเดีย เนลสัน แมนเดลา สมัยยังไม่ได้ เป็นประธานาธิบดีสหภาพแอฟริกาใต้ เติ้งเส่ียวผิง ซ่ึงไม่ได้เป็นประ- ธานาธิบดีหรือนายกรัฐมนตรีของจีน ลีกวนยู เม่ือพ้นจากตำาแหน่ง นายกฯ สิงคโปร์แล้ว หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธ์ิ ปราโมช สมยั ยงั ไมไ่ ด้ เล่นการเมือง นายแพทย์ประเวศ วะสี ท่านพุทธทาสภิกขุ ท่าน 307
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม ปญั ญานนั ทะ แต่ท่านเหล่านี้เป็นผู้นำาทางความคิดชนิดที่พูดอะไรคน ต้องเงี่ยหูฟังทั้งท่ีไม่มีตำาแหน่งอันใด แล้วลองเปรียบเทียบกับบางคน ท่ีเป็นนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี อธิบดี อธิการบดี ผู้จัดการ เจ้าอาวาส ที่มีตำาแหน่งแห่งหนแต่พูดอะไร แนะอะไร สั่งอะไร คนก็เฉยๆ ถ้าจะ ทาำ ตามก็เพราะกลวั หรอื เกรงใจตำาแหน่ง ไม่ใชเ่ พราะเชื่อถอื ผู้นำาย่อมมีอยู่ในแต่ละวงการต่างกันไป คนท่ีเป็นผู้นำาวงการน้ี พอสลับไปอยู่ในอีกวงการอาจจะนำาอะไรไม่ได้มาก เราจึงมีผู้นำาทาง ความคิด ผู้นำาทางแฟช่ัน ผู้นำาทางการศึกษา ผู้นำาทางการเมือง ผู้นำา ทางเกษตร อุตสาหกรรม การเงิน เป็นต้น คนบางคนประสบความ สำาเร็จเป็นดารา นักแสดง ไปทางไหนคนกร๊ีดกันทั่วเมือง แต่พอลง สมัครรับเลือกต้ังกลับไม่ได้รับความนิยม คนบางคนเป็นผู้นำาทางการ เมือง ช้ีเป็นช้ีตายประเทศได้ ลงเลือกตั้งทีไรคะแนนนำาโด่ง แต่พอจะ นำาด้านความคิดความเปล่ียนแปลงทางสังคมหรือค่านิยม คนกลับให้ เครดิตน้อย ดีไม่ดีถูกเดินขบวนต่อต้านเสียอีก ถ้าดูรัชกาลท่ี ๕ เป็นตัวอย่าง จะเห็นว่าทรงเป็นท้ังผู้นำาโดย นิตินัยและพฤตินัยโดยสมบูรณ์ ทรงเป็นผู้นำาทางการเมืองและความ คดิ จนเปน็ แบบอย่างไดแ้ ทบทุกทาง คนอย่างน้หี าได้ยาก ความเป็นผู้นำาหรือภาวะผู้นำาจึงต่างจากผู้นำา ถ้าเราได้ผู้นำาท่ีม ี ภาวะผู้นำาด้วยย่อมเป็นอันว่าฮ้อแรด! กลับกันถ้าได้คนที่มีภาวะผู้นำา แต่ไม่ได้เป็นผู้นำาตัวจริงกับเขาสักที แต่งตั้งทีไรก็พลาด เลือกต้ังทีไร กส็ อบตก เปน็ อนั วา่ นา่ เซง็ เปน็ บา้ ! ยง่ิ ถา้ คนทไ่ี มไ่ ดเ้ ปน็ ผนู้ าำ โดยนติ นิ ยั แต่ไปบุ่มบ่าม โชว์พาว อวดภาวะผู้นำา คนก็เฮโลสาระพาตาม ย่ิง เป็นอันตรายต่อผู้นำาคนน้ัน ถ้าเป็นเร่ืองทางสังคมเขาก็หาว่า ซ่า เหิม เกริม อวดใหญ่อวดเบ่ง คนพานหมั่นไส้เอา พอเป็นเรื่องทางการเมือง ทีน้ีกลายเป็นขบถเลยละ เพราะไปแย่งซีนผู้นำาโดยนิตินัยเข้า ความเป็นผู้นำาโดยพฤตินัยหรือภาวะผู้นำาอาจมีได้ทั้งจาก กรรมพนั ธ์ ุ จากธรรมชาติ จากสง่ิ แวดล้อม จากการเอาอย่าง จากการ ฝึกฝน และจากความบังเอิญ อย่างท่ีเรียกว่าสถานการณ์สร้างวีรบุรุษ 308
วีรสตรี ท้ังน้ีเพราะความเป็นผู้นำาปรากฏหรือแสดงออกได้หลายทาง ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: และจากต้นทุนหรือคุณลักษณะหลายอย่าง อาทิ ๑. รปู รำ่ งหนำ้ ตำรวมทงั้ บคุ ลกิ ลกั ษณะ คนหลอ่ คนสวย คน งาม รูปร่างหน้าตาดี ผิวพรรณดี แต่งเน้ือแต่งตัวดี สะอาดสะอ้าน บุคลิกดีย้ิมแย้มแจ่มใส จะเดินจะเหินทำาท่าทำาทางดูดีไปหมด ไมน่ า่ หมน่ั ไส ้ แตน่ า่ เชอ่ื ถอื นา่ เอาอยา่ ง อยา่ งนเ้ี ปน็ บญุ ของคนนน้ั เพราะได ้ ชอ่ื วา่ ธรรมชาตใิ หม้ าด ี แค่นี้ก็นับเป็นภาวะผู้นำาอย่างหน่ึง คนอยา่ งนี้ มเี สนห่ ช์ วนใหป้ ระทบั ใจ นง่ั อยเู่ ฉยๆ หรือโปรยย้ิมหน่อยเดียวก็ช่วงชิง การนำาได้แล้ว ข้ันตอนต่อจากน้ันต้องต่อยอดเอาเองดังที่บางคนท ่ี เข้าลักษณะอย่างนี้ แต่พอเอ้ือนเอ่ยพูดออกไปไม่กี่ประโยคหรือออก ความคดิ เหน็ บางอยา่ ง ความเปน็ ผนู้ าำ หรอื ความมเี สนห่ อ์ าจหายวบั ไป เลยก็มี เวลาประกวดนางงามเขาจึงให้ตอบคำาถามวัด “กึ๋น” ด้วยว่า สวยแล้วมีสมองด้วยไหม ความเป็นผู้นำาลักษณะน้ีสร้างได้ ฝึกได้ แต่งเติมกันได้อย่างท่ี ว่า ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง คนเข้าประกวดนางงามเขา จึงจับมาเทรน ผู้นำาทางการเมืองบางคนยังต้องฝึกเดิน ฝึกย้ิม ฝึกพูด ฝึกตอบคำาถาม ปรับบุคลิก เรียกว่าปรับลุคต้ังแต่ทรงผม เสื้อผ้า รองเทา้ ทา่ ทาง สถาบนั ฝึกความเป็นผนู้ ำาแบบนี้มเี ยอะไป ๒. ยศถำบรรดำศักด์ิหรือชำติตระกูล เรื่องน้ีก็เป็นทำานอง เดียวกับตำาแหน่งหรือความเป็นผู้นำาตามกฎหมายซ่ึงถือว่าเป็นต้นทุน เดมิ ในปจั จบุ นั อาจขยายไปถงึ การมยี ศถาบรรดาศกั ดห์ิ รอื ชาตติ ระกลู ด้วย หลวงพ่อรูปหนึ่งเคยกล่าวเมื่อได้รับการสถาปนาให้มีสมณศักดิ์ ว่า ในความเป็นจริงแล้วไม่มีอะไรเปลย่ี นแปลง แตก่ ารเปน็ พระครพู ดู อะไรออกไป คนอาจฟงั มากกว่าหลวงตาแก่ๆ พูด การเป็นเจ้าคุณพูด อะไรย่ิงน่าฟัง คนเช่ือถือมากกว่าพระครูพูด คนเป็นสมเด็จพูดอะไร ปกติก็ย่อมน่าเชื่อถือกว่าเจ้าคุณพูดเช่นกัน แม้แต่ปลัดกระทรวงพูด เครดิตก็ยังต่างกับหัวหน้ากองพูด ข้อน้ีเป็นธรรมดา แต่อยู่ไปๆ ที่ว่า เครดิตดีอาจขยายเป็นข้ีเท่อ เปิ่นเชย ไม่น่าเชื่อถือก็ได้ ดังน้ัน ยศถา 309
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม บรรดาศักด์ิ การมีตำาแหน่ง การมีอำานาจตลอดจนการมีชาติตระกูล อาจช่วยเสริมภาวะผู้นำาให้โดดเด่นขึ้นได้ในระยะแรกๆ ท้ังท่ียังไม่เห็น ของแทภ้ ายใน สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงใช้เวลานานกว่าจะพิสูจน์ให้คนเห็น ว่าทรงเป็นผู้นำาท่ีสามารถแม้พระชาติกำาเนิดจะเป็นสามัญชน พระเจ้า ปราสาททองก็เคยประสบปัญหาเดียวกัน ด้วยเหตุว่าไม่ได้มีพระชาติ กำาเนิดในพระราชวงศ์จนเจ้าเมืองหัวบ้านหัวเมืองยังไม่ยอมส่ง บรรณาการไปถวาย แต่ชาติกำาเนิดและยศถาบรรดาศักดิ์ก็ลดความ สำาคัญลงได้เม่ือลักษณะอื่นเป็นท่ีโดดเด่นกว่า น่ันคือการมีคุณธรรม ความร้คู วามสามารถ และจริยวตั รท่ีงดงามน่าเช่อื ถือ ๓. กำรพูด มีคำาพูดว่าคารมเป็นต่อ รูปหล่อเป็นรอง หรือไม่ก็ ปากเป็นเอก เลขเป็นโท หนังสือเป็นตรี ชั่วดีจัตวา หรือชั่วดีเป็นตรา นางวารีในเรื่องพระอภัยมณีเคยพูดว่า จะพลิกพล้ิวชิวหาเป็นอาวุธ ประหารบุตรเจ้าลังกาให้อาสัญ สุนทรภู่เคยสอนว่า ถึงบางพูดพูดด ี เป็นศรีศักดิ์ มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต แม้นพูดชั่วตัวตายทำาลายมิตร จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา รวมความแล้วการพูดดี พูดเก่ง พูด เพราะ พูดถูกกาลเทศะ ย่อมเป็นเสน่ห์สำาคัญและแสดงความเป็นผู้นำา ได้ทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะนักการเมือง นักปกครองที่ประสบความ สำาเร็จจำาเป็นต้องมีเสน่ห์ผู้นำาจากการเป็นนักพูด พูดให้คนฟังร้องไห ้ ก็ได้ ขนลุกซู่ก็ได้ เฮตามก็ได้ ยอมตายแทนหรือตายตามยังได้เลย ผู้นำาอย่างฮิตเลอร์ มุสโสเลนี เคนเนดี ลินคอล์น เชอร์ชิล ก ็ ประสบความสำาเร็จจากการพูด จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกฯ ชวน หลกี ภยั นายควง อภยั วงศ ์ หมอ่ มราชวงศ ์ เสนยี ์ ปราโมช หมอ่ ม ราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมชก็เป็นนักพูด ไม่ว่าพูดกลางสนามหลวง พูดบนเวทีปราศรัยหาเสียง พูดให้สัมภาษณ์ พูดออกโทรทัศน์ พูด ในสภา หรือพูดบนเวที ปาฐกถา อภิปรายชนิดคนฟังต้องซื้อต๋ัวแพงๆ เขา้ ไปฟงั ทา่ นกท็ าำ ไดส้ าำ เรจ็ งดงามมาแลว้ ยง่ิ ถา้ ใครไดล้ กั ษณะขอ้ แรก คือรูปสมบัติมาด้วย เป็นอันว่าได้ทั้งคารมและรูปร่างหน้าตาอย่างน ้ี 310
กินขาดไปกว่าคร่ึง เว้นแต่จะมีคนจับผิดได้ว่าพูดอย่างทำาอย่าง หรือ ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: ได้แค่ราคาคุย ไม่รักษาคำาพูด หรือไปเสียเรื่องความประพฤติ เร่ือง คุณธรรม ผู้นำาจึงไม่เพียงแต่ต้องพูดดีพูดเพราะ เป็นนายแสนดีวจี เสนาะอย่างท่ีนายกฯ สมัครเคยเรียก หากแต่ต้องพูดจริงทำาจริงและ มีสัจจะวาจาด้วย การพูดอาจคู่กับการเขียนก็ได้ เพราะบางคนพูดไม่เก่งจึงไม่ นิยมพูด มีแต่งานเขียน ซึ่งใครอ่านเป็นอันจับใจขนลุกเอาไงเอากัน น่กี ็เป็นเสนห่ ์แทนกันได้ อน่ึง ความเป็นผู้นำาแบบน้ีฝึกฝนกันได้ สมัยน้ีจึงมีสถาบันฝึก การพูดแบบผู้นำาหลายแห่ง ส่วนการเขียนนั้นอาศัยคนเขียนแทนก็ได้ อยา่ งที่เรียกว่าโกสตไ์ รเตอร ์ (ghost writer) ๔. ควำมคิด ข้อน้ีหมายถึงทัศนะ ความคิดเห็น ซึ่งปกติแล้ว จะแสดงออกทางคำาพูดหรือข้อเขียน ความคิดท่ีแหลมคม รอบคอบ รัดกุม มีเหตุผล มีท่ีมาที่ไป มีพยานหลักฐานสนับสนุน อาทิ หลัก ธรรมชาต ิ หลกั ความจรงิ ทางวทิ ยาศาสตร ์ หลกั กฎหมาย หลกั ศาสนา หลักสามัญสำานึก หรือหลักตรรกะ ตลอดจนปรัชญาต่างๆ และความ คิดท่ีแยบคายเหมาะกับสถานการณ์ย่อมชวนให้คนคล้อยตามได ้ เพราะมองเห็นประโยชน์ มองเห็นความสำาเร็จจากความคิดริเริ่มสร้าง สรรค์ อันมีพลังเร้าใจให้คนทำาตามเรียกว่าโดนใจ สมัยนี้อาจเรียก ภาวะความเป็นผู้นำาในลักษณะนี้ต่างออกไป อาทิ วิสัยทัศน์ (vision) กระบวนทศั น ์ (paradigm) กรอบความคดิ (mindset) ๕. ควำมรคู้ วำมสำมำรถ บอ่ ยครง้ั ทผี่ นู้ าำ ตอ้ งนาำ ผอู้ น่ื ไปเผชญิ กับเหตุร้าย โรคภัยไข้เจ็บ ข้าศึกศัตรูผู้มีกำาลังหรือมีอาวุธมากกว่า และมีความสามารถในการต่อสู้มากกว่า บางครั้งต้องเส่ียงภัยเผชิญ กับเหตุธรรมชาติท่ีมาขัดขวางความมุ่งหมาย เช่น น้ำาท่วม แผ่นดิน ไหว ภูเขาไฟระเบิด โรคระบาด สภาพภูมิประเทศไม่อำานวย ข้าวยาก หมากแพง ภัยแล้ง ผู้นำาจึงจำาเป็นต้องมีความรู้ความสามารถไม่ว่า เป็นแบบปกติธรรมดาหรือคุณลักษณะพิเศษเหนือธรรมชาติในอัน 311
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม จะแก้ไขสถานการณ์ฝ่าฟันอุปสรรค สามารถเอาศัตรูมาเป็นมิตร ดัดแปลงธรรมชาติ หรือปัดเป่าอุปสรรคไปได้ ตลอดจนการมีฝีมือใน การสรู้ บ การมไี หวพรบิ ปฏภิ าณด ี แกป้ ญั หาเฉพาะหนา้ ได ้ การมคี วาม เฉลียวและฉลาด อ่านอนาคตหรือคาดการณ์ได้ดี มีข้อมูลมากเอาไว้ ประเมินเหตุการณ์ พูดอย่างวิทยาศาสตร์ก็ต้องเรียกว่ามี Big Data พูดแบบโบราณก็ว่าลางสังหรณ์ดี เช่น มีซิกท์เซนส์ มีความรู้วิชา โหราศาสตร์ แล้วสามารถพลิกแก้สถานการณ์ได้ การมีพรรคพวก เพื่อนฝูงมาก พันธมิตรมาก แนวร่วมมากเหล่าน้ีคือความรู้ความ สามารถทั้งส้ิน ในอดีตหรือในพงศาวดารและนิยายปรัมปรา เราพูดถึงผู้นำา เช่น โมเสสท่ีพาชาวยิวแหวกน้ำาทะเลหนีศัตรูไปขึ้นฝั่งได้ พระยาตาก ที่นำาทหาร ๕๐๐ คนแหวกวงล้อมพม่าหนีไปต้ังตนเป็นใหญ่ท่ีจันทบุร ี จนย้อนกลับมาตีกรุงศรีอยุธยากลับคืนมาได้ สมเด็จพระนเรศวรที่มี ความสามารถในการรบบนหลังช้าง หลังม้า และการรบทางเรือจน นำาทหารเอาชนะศัตรูได้ ภิกษุบางรูปท่ีเสกใบไม้เป็นตัวต่อ หรือสะกด สิงสาราสัตว์ในป่าได้ สมเด็จพระสังฆราช (สุก) วัดราชสิทธารามม ี เมตตาจนเสกให้ไก่ป่าท่ีปกติดุร้ายกลายเป็นไก่ท่ีเชื่องได้ ผู้นำาบางคน ใช้วิชาแพทย์หรือหมอพื้นบ้านรักษาคนไข้จนหาย มิชชันนารีที่ได้รับ ความนิยมยกย่องเป็นเพราะใช้ความรู้ทางแพทย์ปรุงยารักษาโรคบ้าง ผ่าตัดบ้าง จนคนไข้กลับฟื้นคืนหายและยอมเลื่อมใสนับถือตาม ผู้นำาบางคนท่ีเรียกว่าพ่อมดหมอผีมีเวทมนตร์คาถา มีกิตติศัพท์ว่า ล่องหนหายตัวอยู่ยงคงกระพันสามารถคุ้มครองป้องกันผู้ตามให้ ปลอดภยั ได ้ เชน่ เจา้ พระฝาง ผนู้ าำ กก๊ หนงึ่ ในสมยั เดยี วกบั พระเจา้ ตากสนิ ส่ิงเหล่านี้เรียกว่าความรู้ความสามารถและเป็นเครื่องมือในการสร้าง ภาวะผูน้ ำาใหค้ นเดนิ ตามอยา่ งหน่งึ ในทางการเมอื ง ความรคู้ วามสามารถไมต่ อ้ งถงึ ขนาดมอี ภญิ ญา ๖ เหาะเหินเดินอากาศหรือปฏิสัมภิทา ๔ เพียงแค่มีปฏิภาณ รู้จักแก้ สถานการณ์ให้ร้ายกลายเป็นดี มีความเด็ดขาด ตัดสินใจเร็วและ 312
ถูกต้อง มีข้อมูลมาก บางคร้ังการรู้ทันกลเกมกติกาต่างๆ ก็นับเป็น ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: ความรู้ความสามารถอย่างหน่ึง หากย่ิงบวกกับไหวพริบปฏิภาณและ เลห่ ก์ ลทไี่ มถ่ งึ กบั ผดิ กฎหมาย แตส่ ามารถพลกิ เกมทฝ่ี า่ ยตนเสยี เปรยี บ จนกลายเป็นได้เปรียบคล้ายๆ ที่เรียกว่า “วิชามาร” ก็พอจะจัดเข้า ในข้อน้ไี ด้ หรือลำาพังมีความรู้ทางศาสตร์ต่างๆ ท่ีเหมาะแก่สถานการณ์ เช่น รู้กฎหมายในยามท่ีมีปัญหาทางกฎหมาย รู้เศรษฐศาสตร์หรือ การบริหารธุรกิจในยามท่ีมีปัญหาทางเศรษฐกิจ รู้การต่างประเทศใน ยามทเ่ี กดิ ปญั หาการเมอื งระหวา่ งประเทศ รกู้ ารทหารในยามบา้ นเมอื ง มีศึกสงคราม รู้จักใช้คนให้ถูกกับงาน มีคอนเนคชั่นหรือเครือข่ายมาก บรวิ ารมาก มตี วั ชว่ ยในวงการตา่ งๆ มากกน็ บั เปน็ ความสามารถอยา่ ง หนง่ึ ความรคู้ วามสามารถเหลา่ นเี้ สรมิ สง่ ใหผ้ นู้ าำ โดดเดน่ หากวา่ มาถกู กาลเทศะตรงกบั ทีผ่ ตู้ ามกาำ ลังไขว่คว้าเรียกหา เหมือนท่ีเราเคยพูดกันว่า รัชกาลที่ ๑ เป็นนักรบท่ีมาในยาม บ้านเมืองมีสงครามกำาลังต้องการนักรบ รัชกาลท่ี ๒ เป็นกวีที่มาใน ยามบ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุขกำาลังต้องการสร้างขวัญกำาลังใจให้แก่ ประชาชน รัชกาลที่ ๓ เป็นนักการค้าขายและนักการศาสนาท่ีมาใน ยามบ้านเมืองกำาลังต้องการฟื้นฟูเศรษฐกิจและทะนุบำารุงศิลปวัฒน- ธรรม ตลอดจนฟื้นฟูศาสนาที่เสื่อมโทรมลง ลองคิดกลับกันว่าถ้า สมมุติว่ารัชกาลท่ี ๑ ทรงเป็นนักการค้าในยามบ้านเมืองมีศึกเหนือ เสือใต้ รัชกาลที่ ๒ กลับเป็นนักรบในยามที่บ้านเมืองสงบร่มเย็นจะ เกดิ อะไรข้ึน ในทางศาสนา พระพุทธเจา้ เคยตรัสวา่ “เมอ่ื เกดิ เหตุรำ้ ย ยอ่ มต้องกำรคนแกลว้ กล้ำ เม่อื เกิดข่ำวซซู่ ำ่ น่ำต่นื เตน้ ตกใจ ยอ่ มตอ้ งกำรคนใจคอหนกั แน่น เมอื่ แวน่ แควน้ มขี ้ำวปลำบรบิ รู ณ ์ ยอ่ มตอ้ งกำรคนทมี่ ีมนุษยสัมพันธ ์ เพ่ือนฝงู พรรคพวกมำก เมือ่ เกดิ วิกฤตยุง่ ยำก ยอ่ มตอ้ งกำรบัณฑิตผ้มู ปี ัญญำ” 313
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม ๖. พฤติกรรม กำรกระท�ำหรือควำมประพฤติ คำาท่ีน่าจะ เหมาะที่สุดคือ “จริยวัตร” ซึ่งหมายถึงการกระทำาอันตรงตามหลัก ฆราวาสธรรม คอื สจั จะ-การรกั ษาคาำ พดู ทมะ-การรจู้ กั อดกลน้ั ขนั ต-ิ ความอดทน และจาคะ-การรจู้ กั ใหโ้ ดยเฉพาะใหอ้ ภยั อกี ทงั้ ตอ้ งมกี าร ปฏิบัติท่ีเที่ยงธรรม มีเมตตา รู้จักกาลอันควรพูดหรือไม่ควรพูด ควร ทำาหรือไม่ควรทำา มีคนเคยพูดว่า “คนแกล้งโง่ไม่เป็น เป็นใหญ่ไม่ได้” แต่คนแกล้งโง่ตลอดกาลอาจทำาให้คนเข้าใจว่าโง่จริงๆ ก็ได้ ทีน้ีละนำา ใครก็ไม่ได้ อีกข้อคือ “ผู้น�ำต้องหนักแน่นดังขุนเขำ” เหมือนจะบอกว่า ถ้าโลเลเหลาะแหละ ไม่รักษาคำาพูด หูเบา ใจอ่อน ตามกระแส จะ นาำ ใครเขาได้ยาก ดังน้ัน ผู้นำาท่ีไม่มีสัจจะ สัญญาไม่เป็นสัญญา ผู้ตามจะไม่ นบั ถอื เชน่ ผนู้ าำ ทพี่ ดู ถงึ ความเมตตาหรอื วางตวั ด ี แตก่ ารกระทาำ แสดง ถึงความเอารัดเอาเปรียบลูกน้อง หาประโยชน์ใส่ตนแต่ฝ่ายเดียว ปากอย่างใจอย่าง พูดอย่างทำาอย่าง เจ้าโทสะ ปากร้าย ฟังความข้าง เดยี ว หเู บา ชอบคาำ ประจบสอพลอ ยกยอปอปน้ั เชอื่ ขา่ วลอื ลกั ษณะ อย่างน้ีย่อมตัดรอนบ่อนทำาลายภาวะผู้นำา พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ว่า “พำโล อปริณำยโก คนโง่ ไม่ควรเป็นผู้น�ำ” ผู้นำาหลายคนมีรูปเป็น ทรัพย ์ มีวาทะด ี มคี วามสามารถเป็นเลศิ แต่เสียตรงการเป็นคนพาล เชน่ น้ีก็นาำ คนไดย้ าก ๗. คุณธรรม ข้อนี้คล้ายจริยวัตรแต่เพ่งเล็งไปที่จิตใจมากกว่า การกระทำา คุณธรรมพบเห็นได้ด้วยการสนทนาหรือการดูจากเวลา ตัดสินใจ สั่งการ หรือเลือกทางเลือกต่างๆ คุณธรรมเป็นส่ิงดีงามท ี่ น่านิยมยกย่อง คนมีคุณธรรมน้ันใครๆ ก็อยากอยู่ด้วย อยากทำางาน ด้วย อยากเดินตาม ในบรรดาคุณธรรมทั้งหลายที่เหมาะกับการเป็น ผู้นำา ความเสียสละ ความเข้มแข็งเด็ดขาด ความจริงใจบริสุทธิ์ใจ ความเอาจรงิ เอาจงั ความซอ่ื สตั ยส์ จุ รติ ไมค่ ดโกง และความเปน็ ธรรม น่าจะสำาคัญท่ีสุด และเป็นสิ่งดึงดูดผู้คนให้เดินตามได้มากท่ีสุด ในทางตรงข้าม ความตระหนี่ถี่เหนียว ความไร้นำ้าใจ ความ 314
เหลาะแหละโลเลเป็นไม้หลักปักขี้เลน เปลี่ยนใจง่าย ความหูเบาใคร ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: ยุก็เช่ือ และการไม่ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาหรือผู้ร่วม งานเป็นสิ่งท่ีน่ารังเกียจ ไม่น่าไว้ใจ ไม่น่าเช่ือถือ ผู้นำาเช่นนี้ไม่มีใคร อยากเดินตาม ถ้าหลงอย่างอื่นจนเดินตามไปแล้ว เมื่อประจักษ์ว่า แทจ้ รงิ ปราศจากคุณธรรม ผู้ตามก็จะผละหนหี ่างอยูด่ ี พระพุทธเจ้าตรัสถึงธรรมะข้อหนึ่งช่ือ สังคหวัตถุ ๔ อันหมาย ถึงธรรมที่เป็นเคร่ืองสงเคราะห์ซึ่งกันและกันหรือผูกใจให้คนยอมเดิน ตาม ประกอบด้วยทานหรือการให้ไม่ว่าให้เงินทอง ข้าวของ ความรู ้ หรือการให้อภัย ปิยวาจาหรือการพูดจาไพเราะอ่อนโยน อัตถจริยา หรือการประพฤติตนวางตัวดี และสมานัตตตาหรือการเป็นคนเสมอ ต้นเสมอปลาย ธรรมะหรือคุณธรรมที่ว่านี้น่าจะเป็นคู่มือผู้นำาได้อย่าง หนง่ึ ๘. ทรัพย์สินเงินทอง ถ้าเป็นสมัยโบราณ เสน่ห์ของผู้นำาข้อ นี้คือ เสบียงหรือทุนรอน คล้ายๆ กับที่เราพูดว่ากองทัพเดินด้วยท้อง ในลิลิตพระลอเคยพูดว่า “เอำสินสกำงสอดจ้ำง แข็งดังเหล็กเงินง้ำง อ่อนได้ดังใจ” หรือเคยมีคำาพูดท่ีว่า “มีเงินก็นับเป็นน้อง มีทองก็นับ เป็นพี่” “เงินดังกว่ำปืน” “มีเงิน จ้ำงผีโม่แป้งยังได้” ความจริงผู้นำาไม่ ต้องมีหรือต้องทำาถึงขนาดนั้น แต่การมีทุนรอน มีเสบียงที่พร้อม ม ี ทรัพย์ศฤงคารไว้จับจ่ายใช้สอยเป็นค่าจ้างสินน้ำาใจ หรือจัดหาเคร่ือง มอื เครอ่ื งใชไ้ วแ้ กป้ ญั หาอปุ สรรคกเ็ ปน็ เรอ่ื งจาำ เปน็ ผนู้ าำ ทม่ี ที รพั ยส์ มบตั ิ และใจถึง ใช้ง่ายจ่ายคล่องย่อมรักษาสภาวะผู้นำาไว้ได้นานกว่าผู้นำา ที่ขาดเสบียงกรัง ขาดทุนรอน แต่มิได้หมายความว่าทรัพย์สินเงิน ทองจะสำาคญั ทส่ี ดุ มีตัวอย่างมากมายท่ีบางครั้งผู้นำาที่มีทรัพย์สินเงินทองเสียอีก ที่ถูกจับได้ไล่ทันว่าได้เสบียง ได้ทุนรอน หรือมีทรัพย์สินมาจากการ ทุจริตคดโกงหรือทำาผิดกฎหมายเรียกว่าได้มาโดยมิชอบ ความเป็น ผู้นำาจึงลดลงเพราะถูกยกเอาคุณธรรมมาเป็นเคร่ืองเทียบเคียง บาง ครั้งการมีทรัพย์สินเงินทองมากก็บ่อนทำาลายความเป็นผู้นำาได ้ 315
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม เพราะตระหนถ่ี ่เี หนียว แบง่ สรรปันส่วนแก่ผ้ใู ตบ้ ังคับบัญชาหรือผูต้ าม โดยไม่เป็นธรรมจึงเกิดการอิจฉาริษยากัน และในท่ีสุดแล้วเงินก็อาจ ซื้อใจคนไม่ได้ในทุกเวลาอย่างที่พูดว่า “เงินซ้ือควำมรักไม่ได้” “เงิน ซ้ือหัวใจไม่ได้” เพราะในหมู่ผู้ตามท่ีเป็นคนดี บางคร้ังเงินก็ไม่ใช่เร่ือง สำาคัญ หากแต่คุณธรรมและอื่นๆ มีน้ำาหนักมากกว่า ๙. สถำนกำรณ์และเป้ำหมำยปลำยทำง ลักษณะ ๘ ข้อ ข้างต้นเป็นเรื่องอยู่ที่ตัวบุคคล คือผู้นำาลักษณะข้อ ๙ น้ีเป็นเร่ืองภาย นอก เพราะเพ่งเล็งท่ีสถานการณ์และจุดหมายปลายทางว่าจะนำา ไปถึงไหน จะนำาไปสู่อะไร ถ้าสถานการณ์ต้องการคนอย่างไร และ เป้าหมายชัดเจนท้ังเป็นความต้องการของผู้ตามอย่างแท้จริง สถาน- การณท์ เี่ กดิ ขนึ้ กม็ กั เปน็ วา่ “ใครกไ็ ดช้ ว่ ยนำ� เรำออกไปใหพ้ น้ จำกสภำพ น้เี สยี ท”ี ในที่สุดแม้ผู้น้ันไม่มีความเป็นผู้นำาก็ยังอาจพอกล้อมแกล้มนำา ไปได้ แต่ถ้ามีคุณสมบัติของผู้นำาข้างต้นอยู่บ้างสักข้อสองข้อย่อมเป็น เสน่ห์หรือต้นทุนท่ีพึงปรารถนาย่ิงขึ้น การประกาศอิสรภาพ การปลุก ม็อบสร้างม็อบ การเดินขบวนเรียกร้องค่าแรง การเรียกร้องสวัสดิการ กฎหมายหรือความเปน็ ธรรม การเรยี กรอ้ งประชาธปิ ไตย การหาเสียง เลือกตั้งหรือการเรียกร้องให้โยกย้ายเจ้าหน้าที่ของรัฐมักประสบความ สำาเร็จในการระดมฝูงชนเพราะมีจุดหมายท่ีชัดและตรงกับความต้อง การของฝูงชน ผู้นำาน้ันย่อมมีต้นทุนหรือคุณสมบัติอันวิเศษอย่างใดอย่างหน่ึง ดังที่ว่านี้อยู่ในตัว ปัญหาต่อไปคือจะแสดงความเป็นผู้นำาออกมาให้ บังเกิดผลจนมีการปฏิบัติหรือยอมตามได้อย่างไร เทคนิคในเร่ืองน ้ี คงตอ้ งใชท้ กุ รปู แบบ ตง้ั แตบ่ อกกลา่ วผตู้ ามตรงไปตรงมาใหร้ จู้ ดุ หมาย หว่านล้อมหรือออดอ้อนชักแม่น้ำาทั้ง ๕ จนถึงถ้าไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้อง ใช้กล ถ้าไม่ได้ด้วยมนตร์ก็ด้วยคาถา หนักเข้าก็อาจต้องทำาอย่าง สาำ นวนลเิ กทวี่ า่ “ถำ้ ไมย่ อม พจ่ี ะปลำ�้ เอย๊ ! พจี่ ะปลำ้� ใหห้ นำ� ใจ” อะไร ทำานองนั้น 316
จอมพล ป. พบิ ูลสงคราม ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: พระเจ้าตากสินครั้งยังเป็นพระยาตากคุมทหาร ๕๐๐ นายอยู่ หน้าวัดพิชัย กรุงศรีอยุธยา เม่ือรู้ว่าพม่าล้อมกรุงครั้งนี้คงจะเสียกรุง ในไม่ช้า อยู่ก็ตกเป็นเชลยพม่าหรือตาย สู้ไปตายเอาดาบหน้าไม่ได้ ยังมีโอกาสจะย้อนกลับมากู้กรุงศรีอยุธยาคืนได้ ว่าแล้วก็ใช้ศิลปะ ความเป็นผู้นำาชักชวนทหาร ๕๐๐ นายให้ท้ิงฐานที่มั่นมุ่งไปทางทิศ ตะวันออกจนบุกเข้าตีเมืองจันท์ได้ด้วยประโยคว่า ให้ทุบหม้อข้าวให้ หมดแล้วเข้าไปกินข้าวในเมือง ถ้าตีไม่ได้ เราก็จงมาตายเสียด้วยกัน ในวันนี้เถิด ด้วยคำาพูด ความกล้าหาญ การวางแผนที่ดี ความตั้งใจ ดี แม้รี้พลจะมีไม่มาก พระยาตากก็นำาทหารตีเมืองจันทบุรีแตกใน วันนั้นเอง ช่วงสงครามเอเชียและสงครามโลกครั้งท่ี ๒ ไทยอยู่ข้างญี่ปุ่น และประกาศสงครามกับฝ่ายสัมพันธมิตรคืออังกฤษ สหรัฐอเมริกา ช่วงน้ันสถานการณ์คับขันหนัก ทหารญ่ีปุ่นก็อยู่เต็มบ้านเต็มเมืองใน ฐานะร่วมวงศ์ไพบูลย์กับไทย สัมพันธมิตรเองก็นำาเคร่ืองบินมาท้ิง ระเบิดเป็นประจำา เศรษฐกิจตกต่ำา ผู้คนอกส่ันขวัญหาย บ้านเมือง ระส่ำาระสาย ผู้นำาประเทศในขณะน้ันคือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม 317
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม เทคนิคของผู้นำาในช่วงน้ันคือบทจะรบกับสัมพันธมิตรก็รบไป บทจะ ตีสนิทกับญ่ีปุ่นก็ทำาไป เผลอๆ อาจหร่ีตาข้างหน่ึง ในขณะท่ีคนไทย กลุ่มหนึ่งรวมตัวกันเป็นคณะรักชาติชื่อเสรีไทย ทำางานใต้ดิน แอบจับ มือกับสัมพันธมิตรเตรียมกู้ชาติอยู่ด้วย ท่านผู้นำาเองจำาเป็นต้องแสดง ความเป็นผู้นำาเต็มที่ เพราะขณะนั้นพระมหากษัตริย์ยังทรงพระเยาว ์ และประทับอยู่ต่างประเทศ เห็นอยู่ก็แต่ท่านจอมพลนายกรัฐมนตรี วิธีแสดงความเปน็ ผนู้ าำ คอื ออกโรงปลกุ ใจคนไทยใหร้ กั ชาตแิ ละ เชอ่ื ผนู้ าำ ดว้ ยคาำ ขวญั วา่ “เชอื่ ผนู้ ำ� ชำตพิ น้ ภยั ” ผนู้ าำ ออกคาำ แนะนาำ และ มาตรการชนี้ าำ ประเทศในแทบทกุ เรอื่ ง เชน่ แนะนาำ ใหป้ ลกู ผกั ทาำ สวนครวั ไว้กินเอง แนะนำาให้ทำาก๋วยเตี๋ยวผัดไทยกินเพ่ือประหยัดข้าวสาร แนะนำาให้เลิกกินหมากและตัดต้นหมากต้นพลูทิ้ง ให้ผู้หญิงสวม หมวก ให้ผู้ชายหอมแก้มภริยาก่อนออกจากบ้านไปทำางาน ผู้ชาย ผู้หญิงตั้งชื่อให้แสดงเพศว่าเป็นชายหรือหญิง อาจารย์กฎหมายของ ผมคนหน่ึงช่ือสายหยุด รัฐบาลติว่าฟังแล้วเป็นหญิงต้องเปล่ียนเป็น ดร.หยุด แสงอุทัย คำาแนะนำาเชิงบังคับเหล่าน้ีเรียกว่ารัฐนิยม นอก จากนั้นยังเปลี่ยนช่ือประเทศจากสยามเป็นไทย แต่งเพลงชาติใหม ่ ยกเลิกสรรพนาม ผม คุณ เป็นฉัน เธอหรือท่านเท่าน้ัน เปล่ียนการ สะกดภาษาไทยให้เรียบง่าย ยกเลิกการใช้บรรดาศักดิ์ ท่านจอมพล ป. พบิ ลู สงครามเขยี นบทความลงหนงั สอื พมิ พ ์ จดั รายการวทิ ยสุ อื่ สาร กบั ประชาชน และรุกเร้าปลกุ ใจใหค้ นไทยรักชาติ นับเป็นกำรสร้ำงภำวะผู้น�ำที่เป็นระเบียบแบบแผนเป็นขั้นเป็น ตอนทส่ี ดุ ทเ่ี คยมมี ำ เพรำะมที งั้ กำรเชญิ ชวน กำรบงั คบั ขเู่ ขญ็ กำรอธบิ ำย กำรปลูกฝงั ผ่ำนทำงส่อื และละครให้คนเดนิ ตำมท่ำนผู้น�ำ ผู้น�ำทำงกำรเมืองเกือบทุกคนมักจะมีสมญำนำมท่ีสื่อ มวลชนต้ังและเรียกขาน พจนานุกรมให้ความหมายคำาว่าสมญาว่า หมายถึงชื่อท่ีต้ังให้ กร่อนมาจากคำาว่าสมัญญา บางครั้งสมญาเกิด 318
จากเจ้าตัวเรียกเองบ้าง เกิดจากวงการอื่นใช้เรียกอยู่ก่อนบ้าง จะ ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: เรียกเพราะชังหรือเรียกเพราะชอบก็ตาม แล้วส่ือมวลชนนำามาเรียก ตามจนติดปาก ฟังแล้วก็เข้าใจและเห็นภาพได้ดี แม้บางสมญาเป็น การเรียกด้วยอคติหรืออาจไม่สุภาพ ไม่เหมาะสมอยู่บ้าง แต่ก็ดูไม่ม ี ใครถือสาหรืออาจจะถือสาจนเลิกถือสาแล้วก็ได้ สทู้ าำ เฉยๆ อย่าไป ตอแยดีกว่า พอพ้นจากความเป็นผู้นำาแล้ว เขาก็ไม่เรียกอีกต่อไป ใน บางสมัยสมญาอาจไม่ได้มากับเหตุการณ์หรือภาวะผู้นำา แต่เป็นการ หารือในหมู่นักข่าวบางสาย บางกลุ่มประชุมปรึกษาต้ังให้แก่นักการ เมืองบางคนเป็นเรื่องสนุกขำาๆ ตอนปลายปีเรียกว่า “สมญำปลำยปี” จนนักการเมืองบางคนงอนหรือโกรธ ลองทบทวนสมญาของผู้นำาท่ีเคยรู้จักกันดีในอดีตอีกคร้ังว่า หมายถึงใคร และเนอ่ื งจากภาวะผู้นำาหรือบคุ ลิกภาพเป็นอย่างไร “เฒ่ำสำรพัดพิษ” “ฤๅษีเล้ียงลิง” “พระเตมีย์ใบ้” “ผู้ดีรัตน- โกสนิ ทร”์ “หลงจ”ู๊ “ปลำไหล” “ปลำไหลใสส่ เกต๊ ” “มดี โกนอำบนำ�้ ผงึ้ ” “มะเขอื เผำ” “ชมพ”ู่ ผมเองก็เคยได้รับสมญาปลายปีจากนักข่าวสายทำาเนียบเม่ือ นานมาแล้วว่า “เนติบริกร” ตอนหลังสมญาน้ีนำาไปใช้เรียกผู้อื่นอีก หลายคน เจตนาคงหมายถึงผู้รับใช้ไหว้วานให้ทำางานด้านกฎหมาย วา่ ไปแลว้ กจ็ รงิ เพราะทเี่ ขาตงั้ ผมมาอยใู่ น ครม.คงเพอ่ื ใหท้ าำ งานดา้ นนี้ และผมกถ็ นดั ดา้ นนเ้ี สียด้วย จะให้ไปบริการทางเกษตร สาธารณสุข เทคโนโลยีสารสนเทศ หรือพลังงานคงไม่ได้ คร้ังหนึ่ง เคยมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งปรารภทีเล่นทีจริงว่า ผมควร เปล่ียนไปช่วยงานด้านการต่างประเทศ ผมกราบเรียนท่านว่าอย่าเลย เปน็ เนตบิ รกิ รอย่างน้ีดอี ยแู่ ล้ว ไวนผ์ มไมด่ มื่ กอลฟ์ กเ็ ล่นไม่เปน็ กริ ยิ า มารยาทการทูตก็ทำาไม่เป็น เข้าสมาคมกับทูษณ์ขรตรีเศียรก็ไม่ได้ ไป ทำางานด้านการต่างประเทศไม่ได้หรอก แต่ว่าไปแล้วงานเนติบริกรก ็ ใชว่ า่ จะบรกิ ารไมล่ มื หลู มื ตาอยา่ งเดยี ว หากแตถ่ อื วา่ ทาำ ไปตามหนา้ ที่ 319
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม ของเราให้ดีท่ีสุด เขาให้เรามีตำาแหน่งนี้ก็เพื่อมาทำาหน้าท่ีนี้และเห็น ว่าเราทำาได้ เราจึงต้องคอยระแวดระวังเหมือนยามเฝ้าบ้านให้เขา กำากับดูแลและแนะนำาอย่าให้เขาพลาดไปทำาผิดกฎหมาย บางครั้งก ็ เป็นการเตือนหรือป้องกันก่อนจะทำา บางครั้งก็เป็นการแก้ไขในส่ิงที่ ทาำ ไปแลว้ และปรากฏวา่ ผดิ กฎระเบยี บ หากอยใู่ นวสิ ยั จะแกไ้ ขไดก้ ใ็ ห ้ แก้ไขเสยี ถ้าแก้ไม่ได้กต็ อ้ งเลยตามเลยเอาไวแ้ กต้ วั ในศาลกแ็ ลว้ กนั บางครงั้ เปน็ การหาชอ่ งทางปฏบิ ตั ใิ หอ้ ยใู่ นรอ่ งรอยตามกฎหมาย เพราะของบางอย่าง “สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม อีกคนตาแหลมคม มองเห็นดาวอยู่พราวแพรว” บางเรื่องทำาตาม กฎหมายนี้ไม่ได้ แต่ถ้ายักเยื้องใช้กฎหมายอ่ืนแทนก็จะทำาได้ บาง เร่ืองก็แนะเขาว่าทำาท้ังหมดตามท่ีคิดไม่ได้ แต่ทำาบางส่วน บางท้องที่ บางประเด็นนำาร่องไปก่อนได้ บางเรื่องรัฐมนตรีกระทรวงน้ีทำาไม่ได ้ ไม่มีอำานาจ แต่ให้รัฐมนตรีกระทรวงอนื่ ใชอ้ าำ นาจของเขาทาำ ได ้ อยา่ ไป ตะขิดตะขวงใจว่าแย่งซีน แย่งหน้าแย่งตาหรือคนละพรรคกันเลย บางเรื่องทำาตอนนี้ไม่ได้ แต่ถ้ารอจังหวะอื่นจะสอดรับกันพอดี ขอให ้ อดใจรอสัก ๒-๓ เดือน เรื่องอย่างนี้เป็นเทคนิคหรือทางออกตาม กฎหมาย ถ้ามีความจำาดี หลักแม่น คิดเป็น หรือมีประสบการณ์ม ี ข้อมูลมากพอ ใครๆ ก็ทำาได้ คิดได้ ไม่ใช่เร่ืองผิดกฎหมาย ไม่ใช่เร่ืองตะแบง ไม่ใช่กะล่อน ไม่ใช่ศรีธนญชัย และไม่ใช่ อภินิหำรทำงกฎหมำย (miracle of law) อะไรหรอก อยู่ท่ีว่ำหูกว้ำง ตำกว้ำง มีประสบกำรณ์มำกพอไหม จดจ�ำเร่ืองเก่ำๆ หรือบทเรยี น ทเ่ี ขำเคยทำ� กนั มำแลว้ ไดแ้ คไ่ หน ถา้ คดิ ไมอ่ อกกต็ อ้ งรวู้ า่ ควรไปปรกึ ษาผรู้ ผู้ สู้ นั ทดั กรณที ไี่ หน และ วา่ ไปแล้วผมกไ็ มไ่ ดห้ ลบั หหู ลับตาตามใจแปะ๊ ไปหมด ไม่ไดบ้ ริการทกุ ระดบั ประทบั ใจ ทกุ รฐั บาลทผ่ี มทาำ งานดว้ ยรวม ๘ นายกรฐั มนตร ี ๑๒ รฐั บาลคงเปน็ พยานไดว้ า่ บางเรอ่ื งทมี่ อบหมายมาแตผ่ มตอบวา่ ทาำ ไมเ่ ปน็ หรอื ไมย่ อมทาำ หรอื ทบ่ี อกตรงๆ วา่ ทาำ ไมไ่ ด ้ ไมค่ วรทาำ อยา่ ทาำ เลยครับ 320
เส่ียงมากก็มีไม่นอ้ ย ผมเพยี งแตแ่ นะนำา แลว้ ผมก็ไมเ่ คยไปโพนทะนา ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: หรืออวดเก่งอวดภูมิบอกใครในท่ีแจ้ง เวลาคัดค้านผมจะกระซิบเป็น ส่วนตัว หรือทำาบันทึกแย้งไปเป็นส่วนตัว หรือทำาจดหมายน้อยส่งไป ซึง่ สว่ นใหญจ่ ะรับฟงั เช่อื ไม่เชอ่ื ไมร่ ู ้ แตก่ เ็ ห็นได้ว่ายอมฟังเพราะเบรก ไปเยอะ ส่วนท่ีไม่เชื่อหรือช่างมันฉันไม่แคร์ บางทีก็ไปแอบปรึกษาคน อ่ืนแทนแล้วทำากันเองแถมกระซิบกันด้วยว่าไม่ต้องบอกวิษณุ อย่าง นี้ก็มีเหมือนกัน แล้วลงท้ายบางเร่ืองกเ็ ป็นคดฟี อ้ งรอ้ งดังท่ีตดิ พนั กนั ยาวยืดอยูจ่ นบัดน้ีหลายเรื่อง ผมก็ได้แต่ถอนใจว่า “ว่ำแล้วเชียว!” กรรมใดใครก่อ ววั ใครก็เขำ้ คอกคนน้ัน 321
แมยากที่จะไดข อ ดีครบครัน กข็ อใหไดผนู าํ ท่ีมคี ณุ ลักษณะ หรือภาวะผนู าํ ที่ดีใหม ากทีส่ ดุ
ผนู้ �าทางการเมืองของไทย กำรเป็นนำยกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีถือเป็นผู้น�ำทำงกำร เมืองอยู่แล้ว การนำาในที่นี้คือนำาในกระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วย งานใต้สังกัด ซึ่งผู้นำาสามารถกำาหนดนโยบายและวิธีปฏิบัติราชการ สามารถปกครองบังคับบัญชาตลอดจนให้คุณให้โทษผู้อยู่ใต้บังคับ บญั ชาได ้ ส่วนจะเป็นผู้นำาที่ประสบความสำาเร็จหรือล้มเหลวย่อมขึ้น อยู่กับภาวะผู้นำาของผู้น้ัน นายกรัฐมนตรีของไทยนับแต่เจ้าคุณมโนปกรณ์นิติธาดาจนถึง พลเอก ประยทุ ธ ์ จนั ทรโ์ อชา มี ๒๙ คน บางคนเป็นหลายรอบหลาย สมัย เช่น จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายควง อภัยวงศ์ บางคนเป็น ในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่ก่ีวัน อาทิ นายทวี บุณยเกตุ พลเอก สุจินดา คราประยูร บางคนเป็นรอบแรกแล้วกว่าจะกลับมาเป็นอีกคร้ังทิ้งช่วง เวลาห่างกันไม่กี่ปีบ้าง หลายสิบปีบ้าง นายกฯ ที่สร้างภาวะผู้นำาให้เห็นเด่นชัดมากที่สุดคือ จอมพล ป.พิบูลสงคราม เพราะเป็นนายกฯ ระหว่างเกิดภาวะสงคราม บ้าน เมืองกำาลังระส่ำาระสายและอาศัยว่ามีอำานาจอยู่นานจึงมีภาวะผู้นำาสูง 323
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม มาก ที่ปรากฏคือการเปล่ียนช่ือประเทศจากสยามเป็นไทย การจัด ให้มีเพลงชาติ การประกาศใช้รัฐนิยม ชักชวนให้คนไทยใช้ชีวิตความ เป็นอยู่ แต่งกายและใช้ธรรมเนียมแบบใหม่ เปลี่ยนการสะกดอักษร ถ้อยคำาภาษา และการกำาหนดสรรพนามเรียกขานในระหว่างคนไทย เสียใหม่ มีการสร้างความคดิ แบบชาตนิ ยิ มและปลกู ฝงั ความสามคั ค ี ของชนในชาติคล้ายๆ ผู้นำาบางคน เช่น เคมาลทำาในประเทศตุรก ี ฮิตเลอร์ทำาในประเทศเยอรมนี เชอร์ชิลทำาในประเทศอังกฤษ ซูการ์โน ทาำ ในประเทศอนิ โดนเี ซยี คาำ ขวญั ของประเทศไทยในเวลานน้ั คอื “เชอื่ ผนู้ ำ� ชำตพิ น้ ภยั ” แตภ่ าวะผนู้ าำ เหลา่ นม้ี ผี ลในชว่ งทที่ า่ นมอี าำ นาจเทา่ นนั้ ในเวลาต่อมาก็จืดจางหรือถูกยกเลิกเพิกถอนไปในท่ีสุด บางทีก็ถูก กล่าวหาว่าเป็นผู้นำาแบบสร้างภาพหรือสุกเอาเผากินเสียอีก เสน่ห์ผู้นำา คุณลักษณะหรือจุดแข็งจุดเด่นของนายกรัฐมนตร ี ไทยแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ทั้งน้ีแล้วแต่บุคลิกภาพลักษณะและ สถานการณ์ดงั น้ี นายกฯ คนแรก พระยำมโนปกรณ์นิติธำดำ มีเสน่ห์ผู้นำาท ี่ ความนุ่มนวล ประนีประนอม เพราะสถานการณ์ยุคหลังเปล่ียนแปลง การปกครองใหม่ๆ ยังมีความหวาดระแวงและความขัดแย้งระหว่าง เจ้านายกับกลุ่มทหารหนุ่ม เบสต์ชอยส์จึงต้องเป็นคนนอกวงการ คณะยึดอำานาจและเป็นคนกลางที่ในหลวงก็ทรงวางพระทัย คณะยึด อำานาจก็ยอมรับ ต่างประเทศก็เชื่อถือ ประชาชนรู้จัก ท่านเจ้าคุณจึง ต้องพยายามประนีประนอมประสานประโยชน์ ด้วยบุคลิกความเป็น นักกฎหมาย เป็นนักเรียนนอก และการมีภริยาท่ีเคยเป็นนางสนอง พระโอษฐ์ในสมเด็จพระนางเจ้ารำาไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาล ที่ ๗ จึงเป็นนายกฯ คนท่ี ๑ ในช่วงหัวเล้ียวหัวต่อได้ดี แต่เมื่อไปถึง ระยะหนง่ึ ความเปน็ ผนู้ าำ เชน่ นกี้ ด็ จู ะไมเ่ ปน็ ทพี่ งึ ประสงค ์ จนมขี อ้ กลา่ ว หาว่าท่านเข้าข้างกลุ่มอำานาจเก่าและเบี่ยงเบนเป้าหมายของคณะ ราษฎรจนหาว่าท่านทรยศต่ออุดมการณ์คณะยึดอำานาจ โดยมีการ ยึดอำานาจซ้ำาและขอให้ท่านลาออก 324
นายกฯ คนท่ี ๒ พระยำพหลพลพยุหเสนำ เป็นผู้มากด้วย ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: บารม ี เพราะเปน็ หวั หนา้ คณะราษฎรผกู้ อ่ การเปลยี่ นแปลงการปกครอง พ.ศ.๒๔๗๕ เสน่ห์ของท่านคือความเป็นคนสมถะ สุภาพอ่อนน้อม ให้เกียรติยกย่องผู้อื่นแม้แต่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา เมื่อท่านขอพ้น จากตำาแหน่งนายกรัฐมนตรี พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลท่ี ๗ มีพระราชหัตถเลขาไม่รับใบลาออกและทรงขอให้ท่าน ดำารงตำาแหน่งต่อไป อีกคราวหนึ่งท่านถูกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เหน็บแนมโจมตี ท่านจึงขอลาออก แต่ผู้สำาเร็จราชการแทนพระองค์ ไม่รับใบลาออก ท่านจึงใช้วิธีเสนอยุบสภาซึ่งทำาให้นายกฯ พลอยพ้น จากตาำ แหนง่ ไปดว้ ย ชวี ติ ของทา่ นยดึ คาำ ขวญั ทว่ี า่ “ชำตเิ สอื ตอ้ งไวล้ ำย ชำติชำยต้องไว้ชื่อ” มาตลอดด้วยความสุภาพอ่อนโยน ซื่อสัตย์สุจริต สมถะ นายกฯ คนที่ ๓ คือ จอมพล ป. พิบูลสงครำม หรือหลวง พิบูลสงคราม ความเป็นผู้นำาของท่านได้กล่าวแล้วข้างต้น ท่านยังม ี โอกาสกลับมาเป็นนายกฯ อีกหลายหนรวมแล้วนานกว่านายกฯ ทุก คน นายกฯ คนท ี่ ๔ นำยควง อภยั วงศ ์ ตน้ ทนุ ของทา่ นคอื เปน็ บตุ ร ขนุ นางชั้นผู้ใหญ่ เจ้าพระยาอภัยภูเบศรอดีตเจ้าเมืองพระตะบอง เป็น นักเรียนนอกและเคยเข้าร่วมกับคณะราษฎรในการเปล่ียนแปลงการ ปกครองจึงเข้ากันได้กับทุกวงการ เสน่ห์ของท่านคือความเป็นคน ประนีประนอม มีมนุษยสัมพันธ์ มีอารมณ์ขัน สนุกสนาน มีลูกเล่น แพรวพราว ไหวพริบปฏิภาณดี วาทศิลป์ดี แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ ดี สื่อต้ังสมญาให้ว่า “โหรหน้ำสนำมกีฬำแห่งชำติ” เพราะท่านมัก คาดการณ์ทางการเมืองได้ถูกต้องแม่นยำา มีข้อมูลมาก สิ่งเหล่านี้ เป็นคุณลักษณะสำาคัญของผู้นำา เมื่อยามใดที่บ้านเมืองต้องการผู้นำา ทางสายกลางเช่นนี้ก็มักไปเชิญท่านมาเป็นนายกรัฐมนตรีเสมอ ซ่ึง รวมแลว้ หลายครง้ั แตพ่ อสถานการณค์ ลคี่ ลายกม็ กั ขอใหท้ า่ นพน้ จาก ตาำ แหนง่ ไป 325
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม นายกฯ คนท่ ี ๕ นำยทวี บณุ ยเกต ุ เป็นนายกรฐั มนตรไี ม่ก่ีวนั เม่ือตำาแหน่งนี้ว่างลงและทุกคนรู้ว่าอยู่ระหว่างว่าท่ีนายกฯ คนใหม่ กำาลังเดินทางกลับจากต่างประเทศเพ่ือมารับตำาแหน่ง จึงไม่มีอะไร โดดเด่นมากนัก นายกฯ คนท่ี ๖ หม่อมรำชวงศ์ เสนีย์ ปรำโมช ซึ่งเข้ามา ดำารงตำาแหน่งหลังสงครามโลกคร้ังที่ ๒ สภาพบ้านเมืองในเวลาน้ัน ยังระสำ่าระสายทั้งในทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคม บ้านเมือง ต้องการผู้นำาท่ีแม่นยำากฎหมาย มีไหวพริบปฏิภาณ ซ่ือสัตย์สุจริต และสามารถสร้างความสามัคคีและความเช่ือม่ันให้แก่ประชาชน ที่ สำาคัญคือสามารถเจรจากับประเทศท่ีชนะสงครามได้เพ่ือให้ประเทศ รอดพ้นจากการถูกกล่าวหาว่าอยู่ฝ่ายแพ้สงคราม ด้วยความที่เป็น ทตู ไทยจากกรงุ วอชงิ ตนั และหวั หนา้ ขบวนการเสรไี ทยในสหรฐั อเมรกิ า หม่อมราชวงศ์เสนีย์จึงได้รับความไว้วางใจจากทุกฝ่ายให้ขึ้นเป็นผู้นำา เรยี กวา่ เปน็ ผทู้ ต่ี รงกับความต้องการในสถานการณ์ขณะนั้นมากท่ีสุด นายกฯ คนท่ี ๗ นำยปรีดี พนมยงค์ หรือหลวงประดิษฐ์มนู- ธรรม ท่านผู้น้ีมีฐานทางวิชาการหนักแน่น สำาเร็จการศึกษาปริญญา เอกทางกฎหมายจากฝร่ังเศส เป็นอาจารย์สอนกฎหมาย เป็นนักคิด ท่ีมีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีความคิดริเร่ิม หัวก้าวหน้า และยังเป็นนักพูด นักเขียนท่ีมีความสามารถสูง เป็นผู้ริเร่ิมก่อตั้งมหาวิทยาลัยวิชาธรรม- ศาสตร์และการเมืองจึงมีลูกศิษย์ลูกหามาก เป็นผู้นำาทางความคิดท ี่ มีผู้นิยมนับถือทั่วไป การที่ต่อมาได้เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นผู้สำาเร็จ ราชการแทนพระองค์ และเป็นรัฐบุรุษอาวุโสจึงย่ิงทำาให้ท่านมีบารม ี ทางการเมืองการปกครองเพิ่มขึ้น เมื่อคิดให้มีขบวนการเสรีไทยด้วย อุดมการณ์กู้ชาติจึงมีผู้สมัครใจเข้าร่วมเป็นอันมาก แต่เทียบกับเม่ือ เป็นนายกรัฐมนตรี ความเป็นผู้นำาทางการเมืองของท่านอาจมีบารมี ไม่มากเท่าความเป็นผู้นำาท่ีมีอยู่ก่อน ท่านเคยกล่าวทำานองว่าสมัย ก่อนมีโอกาสทำาอะไรได้มากแต่ก็ไม่มีอำานาจ ซึ่งในระยะหลังมีอำานาจ 326
(เป็นนายกฯ) แต่ก็ไม่มีโอกาสเพราะระยะเวลาทำางานสั้นไป เป็นผู้นำา ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: จึงต้องมีทั้งโอกาส (ระยะเวลา) และอำานาจ แต่แม้จนทุกวันน้ีต้อง ถือว่าท่านผู้นี้ยังเป็นผู้นำาทางความคิดคนสำาคัญคนหนึ่งของประเทศ นายกฯ คนท ี่ ๘ พลเรอื ตร ี ถวลั ย ์ ธำ� รงนำวำสวสั ด ิ์ หรอื หลวง ธำารงนาวาสวัสดิ์ เสน่ห์ผู้นำาของท่านอยู่ที่ความเป็นนักพูด ช่างโน้ม น้าวจิตใจด้วยโวหาร เหตุผลและภาษาท่ีงดงามน่าเช่ือถือจนมีผู้เรียก วา่ “นำยกฯ สำรกิ ำลิน้ ทอง” ยุคกึ่งพุทธกาล เรามีนายกฯ คนที่ ๙ และคนท่ี ๑๐ คือนำย พจน์ สำรสิน และ พลเอก ถนอม กิตติขจร (ต่อมาเป็นจอมพล) ท้ังสองเป็นนายกฯ ในช่วงเวลาส้ันๆ แต่จอมพลถนอมได้กลับมาเป็น นายกฯ อีกครั้งหลังสมัยจอมพล สฤษด์ิ ธนะรัชต์ในป ี ๒๕๐๖ ความ เป็นผู้นำาของท่านคือความอ่อนน้อมถ่อมตน พูดจาสุภาพเรียบร้อย และประนปี ระนอม แตเ่ มอ่ื เกดิ เหตกุ ารณ ์ ๑๔ ตลุ าคม พ.ศ.๒๕๑๖ มี การใช้กำาลังปะทะกับนักศึกษาและประชาชน ภาวะผู้นำาก็ถูกมองไป ในทางลบวา่ เปน็ ผปู้ ราบปรามประชาชน นายกฯ คนที่ ๑๑ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ สมัยท่ีดำารง ตำาแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้นเป็นผู้มีอำานาจมาก เพราะเป็นทั้งผู้นำาทาง การเมือง ผู้นำาทหาร ผู้นำาตำารวจ ภาวะผู้นำาที่ผู้คนจดจำาได้คือความ เข้มแข็ง เด็ดเด่ียว เด็ดขาด เสียงดังฟังชัด ทั้งยังมีความจงรักภักด ี และมองการณไ์ กล ภาพที่คนเห็นชินตาคือการหมั่นออกตรวจราชการ ทักทายกับ ลูกเล็กเด็กแดง พ่อค้าแม่ขาย แต่ถ้าจับได้ไล่ทันผู้ร้ายก็จะลงโทษ เด็ดขาดไม่ผ่อนปรน เช่น ส่ังยิงเป้าผู้ต้องหาคดีต่างๆ โดยอำานาจ พิเศษตามมาตรา ๑๗ ขณะเดียวกันก็มีความคิดริเร่ิมพัฒนาประเทศ อย่างรวดเร็ว ก่อต้ังมหาวิทยาลัย เปิดท่าอากาศยานในต่างจังหวัด ริเร่ิมให้มีสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สภาความ ม่ันคงแห่งชาติ มีศิลปะในการใช้คน รู้ว่าคนเก่งคนดีอยู่ที่ไหนก็ไปเชื้อ 327
จอมพล สฤษด์ ิ ธนะรชั ต์ จอมพล ถนอม กิตตขิ จร :: ิวษ ุณ เค ืรองาม เชิญมาร่วมงานแม้ไม่เคยรู้จักหรือมีความเห็นขัดแย้งกันมาก่อนหรือ เป็นผู้อ่อนอาวุโสนับเป็นผู้นำาท่ีสร้างความเจริญทางวัตถุแก่ประเทศ เป็นอันมากและเป็นที่พอใจแก่ผู้คน หลังจากการถึงแก่อสัญกรรมก็มีเรื่องอ้ือฉาวเก่ียวกับการใช ้ งบประมาณเพื่อประโยชน์ส่วนตัวและเร่ืองอิสตรี แม้กระนั้นก็ยังม ี ผู้กลา่ วถึงส่วนดีท่ีเป็นคุณลักษณะของผู้นำาของท่านอยู่มาก นายกฯ คนท่ี ๑๒ นำยสัญญำ ธรรมศักด์ิ เข้ามาเป็นนายก รัฐมนตรีหลังวิกฤตการณ์ที่ผู้คนไม่ไว้ใจนักการเมือง ในท่ามกลาง ข้อเรียกร้องและความคาดหวังสูงเกี่ยวกับการปกครองระบอบประชา- ธิปไตย ผู้ท่ีเหมาะสมในเวลาน้ันจึงควรเป็นคนกลางท่ีทุกฝา่ ยโดย เฉพาะนิสิต-นักศึกษา ประชาชน และข้าราชการท้ังทหารและพลเรือน ใหค้ วามเคารพนบั ถอื และไวว้ างใจ ซง่ึ กไ็ ดท้ า่ นองคมนตรแี ละอธกิ ารบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่านน้ี ความเป็นอดีตประธานศาลฎีกา และเป็นผู้ได้รับการยกย่องในความซ่ือสัตย์สุจริต เที่ยงธรรม ไม่หวั่น ต่ออิทธิพลทางการเมือง แต่ก็สุภาพนิ่มนวล มีมนุษยสัมพันธ์ดีกับทุก 328
ฝา่ ย จงรกั ภกั ดตี อ่ สถาบนั พระมหากษตั รยิ ์ เปน็ ชาวพทุ ธทปี่ ฏบิ ตั ธิ รรมŧàÃÍ× á»Ðˆ :: จงึ เปน็ ภาวะผู้นาำ ทไ่ี ด้รบั การยกยอ่ งนับถอื ในคณุ ธรรม แต่เมื่อเป็นได้ระยะหนึ่งเมื่อบรรยากาศประชาธิปไตยเปิดกว้าง มากขึ้น และมีข้อเรียกร้องมากข้ึน ซึ่งบางเร่ืองรัฐบาลไม่อาจทำาตาม ได้เพราะไม่ชอบด้วยกฎหมาย รัฐบาลก็เร่ิมถูกโจมตีว่าตอบสนอง ความต้องการของกลุ่มผู้เรียกร้องไม่ได้ และอ่อนแอจนต้ังสมญาให ้ วา่ “รฐั บาลมะเขือเผา” หลังการเลือกต้ังท่ัวไปเม่ือ พ.ศ. ๒๕๑๘ หม่อมราชวงศ์ เสนีย ์ ปราโมชไดก้ ลบั มาเปน็ นายกรฐั มนตรอี กี ครง้ั หลงั จากทเี่ คยเปน็ มาแลว้ เม่ือเกือบ ๓๐ ปีก่อน แต่รัฐบาลก็ล่มลงในเวลาไม่นานเพราะสภาไม ่ ไว้วางใจในนโยบาย หม่อมรำชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปรำโมชผู้น้องจึงได้ เปน็ นายกฯ คนที่ ๑๓ ก่อนการดำารงตำาแหน่งน้ี หม่อมราชวงศ์คึกฤทธ์ิเป็นนักคิดนัก เขียน นักเสียดสีการเมืองที่มีอิทธิพลสูงทางความคิดต่อผู้คนในสังคม และโดดเด่นมากทางด้านส่ือมวลชน ศิลปวัฒนธรรมและสังคม จน ถือว่าเป็นผู้นำาโดยพฤตินัยคนหนึ่งท่ีแม้ไม่มีตำาแหน่งแห่งหนในทาง ราชการรองรับ แต่เม่ือท่านเข้ามาอยู่ในวงการเมืองซึ่งมีความขัดแย้ง สูงและเป็นสภาวะการเมืองท่ีเต็มไปด้วยปัญหาและข้อเรียกร้องหลัง จากการจำากดั เสรีภาพมานาน ภาวะผนู้ าำ ทางสงั คมของหมอ่ มราชวงศ์ คกึ ฤทธดิ์ จู ะชว่ ยประคองรฐั บาลไวไ้ มไ่ ดม้ าก แมจ้ ะพยายามใชเ้ ทคนคิ วิธีต่างๆ จนถูกสื่อและนักการเมืองต้ังสมญาว่า “เฒ่ำสำรพัดพิษ” บ้าง อะไรต่ออะไรอีกสารพัดบ้าง จนเม่ือท่านพ้นจากตำาแหน่งผู้นำา ทางการเมืองกลับมาเป็นนักวิจารณ์สังคมอย่างเดิมน่ันแหละ ท่าน จึงได้กลับมาเป็นขวัญใจมหาชน ปราชญ์ของแผ่นดิน และผู้นำาทาง ความคิดและองค์ความรู้ทาง “ลักษณะไทย” (Thainess) อย่างเดิม จนตราบถึงแก่อสัญกรรม นายกฯ คนท่ี ๑๔ นำยธำนินทร์ กรัยวิเชียร เข้ามาดำารง ตำาแหน่งหลังการยึดอำานาจในปี ๒๕๑๙ ซ่ึงสถานการณ์ในเวลาน้ัน 329
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม คือการเกรงภัยจากการแผ่ขยายของลัทธิคอมมิวนิสต์ ดังท่ีประเทศ เพ่ือนบา้ นคอื ลาว กมั พชู า และเวยี ดนามตกไปอยูใ่ ต้การปกครองของ ฝ่ายอำานาจนิยมคอมมิวนิสต์ ผู้นำาในเวลาน้ันจึงต้องเป็นท่ีไว้วางใจ ทง้ั จากฝา่ ยทหารและพลเรอื นวา่ จะนาำ ประเทศรอดพน้ ภยั นนั้ ไปได ้ จดุ แข็งของนายกฯ ท่านนี้คือความซื่อสัตย์สุจริต ตรงไปตรงมา และ เข้มแข็งเด็ดขาดในหลักการตามวิสัยนักกฎหมาย นายกฯ คนท ่ี ๑๕ พลเอก เกรยี งศกั ด ิ์ ชมะนนั ทน ์ เขา้ มาดาำ รง ตำาแหน่งผู้นำาในระหว่างเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองในยุค ปลายสมัยรัฐบาลอาจารย์ธานินทร์ กรยั วิเชียร นายกฯ คนท ี่ ๑๖ พลเอก เปรม ติณสูลำนนท ์ ผนู้ าำ ซงึ่ เขา้ มา ในชว่ งทร่ี ฐั บาลพลเอกเกรยี งศกั ดก์ิ ำาลังส่ันคลอนและต้องการนายกฯ ท่ีมีท้ังภาพความแข็งแกร่งม่ันคงจากฐานทางกองทัพ ฝ่ายการเมือง และภาคธุรกิจ แต่เม่ือดำารงตำาแหน่งแล้วพลเอกเปรมได้แสดงให้เป็น ท่ีประจักษ์ถึงความซ่ือสัตย์สุจริต ความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหา กษตั รยิ ์ ความคดิ รเิ ร่มิ ในการสร้างสรรค์พัฒนาประเทศ ความเข้มแข็ง เด็ดขาดในการตัดสินใจและการรู้จักประนีประนอมในเวลาเดียวกัน ความสภุ าพออ่ นโยน พดู นอ้ ยทาำ งานมาก สามารถแกป้ ญั หาการเมอื ง เศรษฐกจิ และสงั คมไดด้ ี กอ่ ใหเ้ กดิ ความเปลย่ี นแปลงใหมๆ่ ในประเทศ อย่างมหาศาลนับแต่ยุคจอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์เป็นต้นมา เพราะ การมโี อกาส (เปน็ รฐั บาล ๓ สมยั ระยะเวลากวา่ ๘ ป)ี และมอี าำ นาจ หรือความเป็นผู้นำาท่ีได้รับความไว้วางพระราชหฤทัย ได้รับความ นยิ มจากประชาชนและวงการตา่ งประเทศ แมแ้ ตพ่ รรคการเมอื งตา่ งๆ ก็ยอมรับ คุณลักษณะเหล่าน้ียากท่ีจะหาได้ในผู้นำาคนเดียว แต่พลเอก เปรมก็สามารถพิสูจน์ให้เห็นได้อย่างแจ่มชัดโดยมีตัวช่วยทางทหาร เชน่ พลเอก อาทติ ย ์ กาำ ลงั เอก พลเอก ชวลติ ยงใจยทุ ธ ทางกฎหมาย เช่น อาจารย์มีชัย ฤชุพันธุ์ ทางการเมือง เช่น พรรคการเมืองต่างๆ และทางธุรกิจ เช่น หอการค้า สภาอุตสาหกรรม สมาคมธนาคาร 330
เป็นผู้สนับสนุน ฉะน้ันแม้จะยุบสภาหลายคร้ัง แต่ทุกฝ่ายเห็นตรงกัน ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: ว่าพลเอกเปรมยังควรกลับเข้ามาเป็นผู้นำาแม้ไม่ได้สังกัดพรรคการ เมืองใด ความเป็นผู้นำาเห็นได้จากที่ทุกฝ่ายใช้สรรพนามเรียกท่านว่า “ป๋า” และเม่ือพ้นจากตำาแหน่งด้วยคำาว่า “ผมพอแล้ว” ท่านก็ได้ดำารง ตำาแหน่งรัฐบุรุษเป็นคนที่ ๒ ของประเทศต่อจากนายปรีดี พนมยงค ์ ท่านได้เป็นองคมนตรีและประธานองคมนตรีในเวลาต่อมาจนถึงแก ่ อสัญกรรมในป ี ๒๕๖๒ เมื่อผลการเลือกตั้งในปี ๒๕๓๑ ออกมาและพลเอกเปรม กล่าวคำาว่า “ผมพอแล้ว” พรรคการเมืองทั้งหลายก็ไปเกาะกลุ่มกันท ่ี พลเอก ชำติชำย ชุณหะวัณ ซ่ึงได้เป็นนายกฯ คนท่ี ๑๗ ในเวลา ตอ่ มา พลเอกชาตชิ ายเปน็ ผนู้ าำ ทเี่ จนเวทกี ารเมอื งมาก เคยผา่ นทงั้ การ ทำารัฐประหารและการเลือกต้ัง เคยเป็นเอกอัครราชทูตและรัฐมนตรี มาแลว้ แมแ้ ตน่ กั ธรุ กิจก็เคยเป็น นับว่ามีฐานทางการทหาร การเมอื ง เศรษฐกิจและการต่างประเทศดีมากผู้หนึ่ง ประกอบกับบุคลิกการ เป็นคนทันสมัย เข้าสมาคมกว้างขวาง รู้จักคนมากหน้าหลายตา มี 331
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม อารมณ์ขัน และมีปฏิภาณดีในการเจรจาโต้ตอบ ทำาเร่ืองยากเป็น เรื่องง่าย การต่อรอง และการให้สัมภาษณ์ ท่านจึงเป็นผู้นำาที่มีเสน่ห ์ ด้านบุคลิกลักษณะ ความคิด และการผูกใจผู้ตาม คำาว่า “ไปเล่น กอล์ฟด้วยกัน” “ไปดื่มไวน์กันหน่อย” จะหลุดปากจากท่านผู้น้ีกับ คนแปลกหน้าหรือคนรอบข้างอยู่เสมออย่างเป็นกันเอง เป็นผู้ฟัง มากกวา่ ผพู้ ดู ใครมาอธบิ ายอะไรกน็ ง่ั ฟงั ไปจบิ ไวนไ์ ป พยกั หนา้ ตามไป เม่ือจะซักถามอะไรก็แสดงความรู้ความเข้าใจและติดตามเรื่อง ให้ กำาลังใจผู้ตามไม่ให้รู้สึกว่าเคอะเขิน นโยบาย “เปล่ียนสนำมรบเป็น สนำมกำรค้ำ” หรือการมองอะไรแบบ “โน พร็อบเบล็ม” ทำาให้ถูกใจ วงการธุรกิจ วงการต่างประเทศและคนทั่วไป ข้อสำาคัญคือการให ้ เกยี รตผิ ู้น้อย เคารพความคิดเห็นผู้อน่ื สมัยของท่านมีทีมที่ปรึกษาที่เรียกว่า “ทีมบ้ำนพิษณุโลก” ซึ่ง เป็นบุคลากรชั้นผู้น้อยแต่มีความต้ังใจสูง มีความคิดริเร่ิม แม้อาจ อ่อนประสบการณ์มาช่วยกลั่นกรองงานทางวิชาการ ขณะเดียวกันก ็ พ่ึงพาใช้สอยบุคลากรอาวุโสท่ีมากประสบการณ์โดยให้มาตรวจสอบ และถ่วงดุลกับกลุ่มละอ่อนเหล่าน้ี โดยบอกว่าผู้นำาน้ันต้องฟังคนท่ีอย ู่ กับอนาคตและคนที่จมอยู่กับอดีตแล้วค่อยนำามาชั่งน้ำาหนักตัดสินใจ รัฐบาลพลเอกชาติชายส้ินสุดลงด้วยการยึดอำานาจใน พ.ศ. ๒๕๓๔ ความเป็นผู้นำาด้านดีของท่านไม่ได้ถูกนำามาโจมตี มีแต่ได้รับ ความช่ืนชม แต่จุดอ่อนที่ถูกนำามาอ้างจนเป็นเหตุแห่งการยึดอำานาจ คือการปล่อยให้มีการทุจริตคอร์รัปช่ันจนมีผู้ต้ังสมญาเสียดสีว่า “บุฟเฟต์คำบิเนต” คือผลัดกันทำาโน่นทำานี่คนละหมุบคนละหมับ เหมือนผลัดกันตักอาหาร เม่ือคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาต ิ หรือ รสช.ยึดอำานาจแล้วได้เสนอให้คุณอำนันท์ ปันยำรชุน อดีต เอกอัครราชทูต อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ผู้ผันไปทำาธุรกิจ เอกชนเข้ารับตำาแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ ๑๘ ภูมิหลังของท่านใกล้เคียงกับพลเอกชาติชาย เว้นแต่ท่านเป็น นักการทูตอาชีพและยกเว้นมิติด้านการทหาร แต่เพราะท่านไม่ใช่ 332
นักการเมืองและรู้ว่าต้นทุนทางสังคมสูง ด้วยไม่สนใจและห่วงการมี ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: อำานาจจึงสามารถแสดงความเด็ดขาดในการตัดสินใจต่างๆ อย่าง มีอิสระ เป็นตัวของตัวเองชนิดไม่เกรงใจทหารท่ีตั้งมา เช่น ในการ เลือกสรรคนเป็นรัฐมนตรี ในการดำาเนินนโยบายบริหารประเทศ ใน การแตง่ ต้ังโยกย้ายขา้ ราชการตาำ รวจ ทหาร พลเรอื น จึงได้ภาพความ เป็นผู้นำาที่มีวิสัยทัศน์ เข้มแข็ง เด็ดขาด มีหลักคิดและตรรกะที่เป็น ตัวของตัวเอง ลีลาการพดู อาจแขง็ กร้าวแหลมคมเสยี ดแทงคนฟัง แต่ ลีลาการทำางานจะนุ่มนวลเป็นระบบอย่างนักการทูตที่คร่ำาหวอดการ เจรจาต่อรองและการบริหารความขัดแย้ง ประกอบกับการเป็นคน ทำางานเร็ว ตัดสินใจเร็ว และฟังความเห็นรอบด้านอย่างกว้างขวาง แมเ้ ป็นฝ่ายตรงขา้ มหรอื เปน็ ผูน้ อ้ ย บางทีท่านก็เรียกใครต่อใครมาต้ังโจทย์ถามว่า “เป็นคุณจะท�ำ อย่ำงไร” พอตอบอะไรออกไป ท่านก็ซักเอาเป็นเอาตายจนคนตอบ ชักแหยงว่าพูดอะไรผิดหรือเปล่า พอจะจากกันจึงจะจับมือตบหลัง ตบไหลว่ ่าท่ีจริงผมเหน็ อย่างคณุ ต้ังแต่แรก แตล่ องสมมตุ ิวา่ เป็นขา้ ศกึ จะได้รู้ว่าความคิดและตรรกะนั้นมีจุดอ่อนอยู่ตรงไหน ถ้าถูกค้านจะ ชี้แจงอย่างไร ยิ่งเมื่อมาเสริมด้วยการท่ีท่านมีชาติตระกูลที่ดี ประวัติ การทาำ งานทด่ี ี ไดร้ บั การยอมรบั นบั ถอื จากวงการระหวา่ งประเทศมาก ท่านจึงเป็นผู้นำาแบบสากลหรืออินเตอร์จนสื่อต้ังสมญาประชดให้ว่า “ผู้ดีรัตนโกสนิ ทร์” ความเป็นผู้นำาเหล่านี้เป็นที่ยอมรับเด่นชัดยิ่งขึ้นเมื่อรัฐบาล พลเอก สุจินดา คราประยูรลาออก และได้มีการแต่งตั้งให้ท่านกลับ มารับตำาแหน่งอีกหนท่ามกลางความชื่นชมของคนท่ัวไป ทั้งที่เพ่ิงลุก ฮือมาต่อต้านนายกรัฐมนตรีท่ีไม่ได้มาจากการเลือกตั้งเมื่อไม่ก่ีวัน ก่อน นายกฯ คนท่ี ๑๙ ซึ่งอยู่ระหว่างรัฐบาลอานันท์ ๑ กับรัฐบาล อานันท์ ๒ คือ พลเอก สุจินดำ ครำประยูร ความจริงท่านเป็นผู้นำา ทางทหารระดับมันสมองคนหนึ่ง แต่เมื่อเข้ามาดำารงตำาแหน่งทางการ 333
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม เมืองก็ถูกวิจารณ์โจมตีหลายเรื่องจนกลบภาพความเป็นผู้นำาและไม่ ได้แสดงภาวะผู้นำาให้เป็นท่ีประจักษ์ ยิ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์ปะทะกัน ระหว่างทหารกับประชาชนในเดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๓๕ ที่เรียก ว่า “พฤษภำทมิฬ” ภาวะผู้นำาทางการเมืองก็เลือนหายไปและจบลง ดว้ ยการลาออกจากตำาแหนง่ ในระยะเวลาเพียงเดอื นเศษ นายกฯ คนท ี่ ๒๐ นำยชวน หลกี ภยั ทา่ นผนู้ เี้ ปน็ นายกรฐั มนตร ี ๒ สมัย เม่ือดำารงตำาแหน่งสมัยแรกมีผู้ตั้งสมญาว่า “ชวนเชื่องช้ำ” โดยดูจากการพิถีพิถันในการทำางาน ความละเอียดรอบคอบในการ ตัดสินใจ ท้ังที่เม่ือตัดสินใจแล้วก็ยังคงมีความเข้มแข็งเด็ดขาดกล้า รับผิดชอบ เมื่อกลับมาดำารงตำาแหน่งรอบหลังไม่มีใครตั้งสมญาอย่าง นั้นอีก มีแต่จะเป็น “นิวชวน” เพราะท่านตัดสินใจเร็วข้ึน ทำางานเร็ว ขึ้น ความละเอียดรอบคอบยังมีอยู่ แต่แสดงความใส่ใจหมั่นติดตาม ทวงถามเร่งรัดชัดเจนจนไม่มีใครกล้า “เกียร์ว่าง” ความเป็นผู้นำาท่ีคง เส้นคงวาของท่านอยู่ท่ีความสมถะ ประหยัดในการดำาเนินชีวิตจน เป็นแบบอย่างได้ และการใช้งบประมาณของทางราชการอย่าง ระมัดระวัง ไม่มือเติบ การเป็นคนช่างสังเกต สนใจใฝ่รู้ จดและเก็บ ข้อมูลทุกอย่างที่ผ่านเข้ามา บางครั้งใช้วิธีวาดภาพเก็บไว้ด้วยซำ้า การเป็นผู้มีระเบียบวินัย ยึดกฎหมายและระเบียบแบบแผน ไม่ยอมทำาส่ิงที่ผิดหรือเส่ียงต่อการผิดกฎหมาย ความสุภาพเรียบร้อย อ่อนโยนแต่ไม่ใช่อ่อนแอ ให้เกียรติผู้อ่ืน จนส่ือยกย่องว่าเป็นสุภาพ บุรุษนักการเมือง และเป็นผู้มีวาทศิลป์ดี พูดจาคมคาย แหลมคม จะ พูดจาปราศรัยอะไรต้องตั้งหลักก่อน เวลาพูดก็จะว่าไปตามหลักการ ไม่แกว่งออกนอกเส้นทาง ผิดไปจากหลักการก็ไม่ยอมจึงถูกหาว่าเป็น จอมหลักการ ความจริงถ้าใครชี้แจงจนท่านตระหนักว่าหลักการไม่ ถูกต้อง ท่านก็ยอมแก้ไขไม่ได้หัวชนฝาตายคาหลักการ คำาพูดของ ท่านอาจฟังดูเจ็บบ้างสำาหรับบางคนแต่ไม่ก้าวร้าวหยาบคาย จนส่ือ ตั้งสมญาให้ว่า “มีดโกนอำบน้�ำผ้ึง” คือหวานนิ่มนวลแต่แฝงความ 334
แหลมคม รวมความแลว้ คอื ทา่ นมภี าพผนู้ าำ ทส่ี จุ รติ มคี ณุ ธรรม ยดึ มนั่ ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: ในการปกครองแบบประชาธิปไตยและระเบยี บแบบแผน นายกฯ คนท ่ี ๒๑ นำยบรรหำร ศลิ ปอำชำ ทา่ นเปน็ เซยี นทาง การเมืองและผู้จัดการรัฐบาลคือรับผิดชอบดูแลการจัดตั้งรัฐบาลมา หลายสมัย ด้วยความเป็นผู้นำาในด้านการประนีประนอม ต่อรองและ ประสานประโยชน ์ อา่ นทศิ ทางการเมอื งไดด้ ี การมมี นษุ ยสมั พนั ธแ์ ละ เข้ากันได้กับคนทุกหมู่เหล่า ไม่ว่าชาวบ้านร้านตลาด นักการเมือง ส่ือมวลชนหรือปัญญาชน การมีสังคหวัตถุ ๔ ประการคือ ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา และสมานัตตตา ท่านถูกเรียกว่า “หลงจู๊กำร เมือง” บ้าง “ปลำไหล” คือลื่นไหลพลิกพล้ิวตามเกมการเมืองจนจับ ไม่ได้ไล่ไม่ทันบ้าง นอกจากน้ันคือมีความกตัญญูรู้คุณคนที่ช่วยเหลือ เกื้อกูลกันมาท้ังในทางธุรกิจและทางการเมือง ตลอดจนการมีสัจจะ รักษาคำาพูด รู้จักกลำ้ากลืนฝืนทน “น้ำาขุ่นอยู่ใน นำ้าใสอยู่นอก” รู้แพ ้ รชู้ นะ ร้อู ภยั พลเอก ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกฯ คนที่ ๒๒ หลังจากยุบ สภาและจัดการเลือกต้ังทั่วไปขนึ้ ใหม ่ ในสมยั ทพ่ี ลเอกเปรมเปน็ นายก รฐั มนตร ี พลเอกชวลติ เคยไดร้ บั สมญาวา่ เปน็ “ขงเบง้ กองทพั บก” เพราะ เป็นคนรอบรู้ มีข้อมูลละเอียดยิบว่าใครมีจุดแข็งจุดอ่อนอะไร ควร เดินเกมการเมืองและการทหารอย่างไร จึงสามารถวางแผนและใช้ แผนซ้อนแผนอย่างได้ผลจนได้เป็นผู้บัญชาการทหารบกซ่ึงถือว่าเป็น ผู้นำาทางทหาร แต่เมื่อผันมาเป็นผู้นำาทางการเมือง มีความเป็นผู้นำา เสียเอง จึงไม่อาจบินต่ำาลงไปเก็บข้อมูลรายละเอียดทุกอย่างด้วยตน เองได้ ท้ังยังขาดฝ่ายเสนาธิการที่มีความสามารถหรือขงเบ้งเอาไว ้ ช่วยตรวจสอบ กล่ันกรองข้อมูลและวางแผน การคิดให้คนอ่ืนเล่น กับการต้องลงมาเล่นเสียเองมีความแตกต่างกัน แต่ต้องนับว่าท่าน เป็นผู้นำาที่มีเสน่ห์ มีมนุษยสัมพันธ์ดี สุภาพเรียบร้อย น้ำาขุ่นอยู่ใน น้ำา ใสอยนู่ อก 335
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม ในชว่ งนนั้ เกิดมรสุมทางเศรษฐกิจอย่างที่เรียกว่าวิกฤตการลด ค่าเงินบาท วิกฤตเศรษฐกิจฟองสบู่แตก ผู้คนเดือดร้อนกันท่ัว ความ จริงพิษภัยทางเศรษฐกิจครั้งนั้นเกิดขึ้นในต่างประเทศด้วยและลาม ไปทั่วโลก ท้ังวิกฤตการเมืองที่โถมทับเข้ามาก็ส่งผลให้เกิดวิกฤต ศรัทธาในรัฐบาล ความเชื่อมั่นในผู้นำารัฐบาลลดลง แม้จะพยายาม อธิบายและสัญญาว่าจะประคับประคองสถานการณ์ ขอทุกคนอย่า เพ่ิงกระโดดเรือหนี แต่ก็ถูกหาว่าเป็นการพูดคำาหวานปลอบใจ “จ๋ิว หวำนเจี๊ยบ” วาทศิลป์ที่เคยมีนำ้าหนักกลายเป็นว่าส่ือสารให้คนเข้าใจ ไม่ได้ ต้องตีความว่าท่านต้องการส่ือถึงอะไรเมื่อพลเอกชวลิตตัดสิน ใจลาออกจากตาำ แหน่ง ว่ากันว่าความตั้งใจเดิมของฝ่ายที่สนับสนุนพลเอกชวลิตคงคิด จะให้พลเอกชาติชายเป็นคนจัดตั้งรัฐบาลใหม่ แต่พรรคประชาธิปัตย ์ ได้รวบรวมเสียงจัดต้ังรัฐบาลได้ก่อน และมีการดึงเสียงจากบางพรรค ในฝ่ายสนับสนุนพลเอกชาติชายเข้ามาลงมติให้นายชวน หลีกภัย กลับมาเป็นนายกฯ รอบสองดังท่ีเรียกว่า “ปรำกฏกำรณ์งูเห่ำ” ซึ่ง นายสมัคร สุนทรเวชเป็นคนต้ังโดยนำามาจากนิทานเร่ืองชาวนากับ งูเห่าหรือม้าอารีที่อุปการะใครแล้วถูกแว้งกัดเอา ดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีคนท่ี ๒๓ หลังจาก รัฐบาลยุบสภา พรรคไทยรักไทยของ ดร.ทักษิณเพ่ิงตั้งขึ้นใหม่แต่ก็ เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยทุนรอนมหาศาล การวางแผนหาเสียง ท่ีดี รัดกุมและใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย ประกอบกับ ดร.ทักษิณมีภาพ ของการเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำาเร็จจนรำ่ารวยติดอันดับต้นของ ประเทศและของโลก ตามความคิดที่ว่า “รวยแล้วย่อมไม่โกงเพรำะ มีพอแล้ว” ประกอบกับด้วยวัยวุฒิที่ยังแข็งแรงเทียบกับผู้นำาคนอื่นๆ และสติปัญญาการมีวิสัยทัศน์ซึ่งมองการณ์ไกลตามแบบคนคิดใหม ่ ทำาใหม่ ทำานอกกรอบ การมีกุนซือ ท่ีปรึกษาทีมงานซึ่งพร้อมจะเจาะ เข้าไปแก้ปัญหาท่ีเคยเป็นอุปสรรคการทำางานของรัฐบาลเก่าๆ เช่น กลุ่มซ้าย กลุ่มขวา ผู้ใช้แรงงาน เกษตรกร คนยากจน นักวิชาการ 336
ทางเทคโนโลยี ดังน้ัน ดร.ทักษิณจึงสามารถนำาพรรคไทยรักไทยเข้า ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: กุมอำานาจรัฐได้อย่างท่วมท้นเป็นประวัติการณ์ช่วง พ.ศ.๒๕๔๔- ๒๕๔๕ จึงต้องถือว่า ดร.ทักษิณเป็นผู้นำาท่ีสมบูรณ์แบบ พูดกันตาม ความจริง ผู้คนท่ีรังเกียจ ต่อต้าน คัดค้าน ดร.ทักษิณมักอยู่ในระยะ หลังคือคนท่ีเคยสนับสนุนและมีความเช่ือมั่นในตัว ดร.ทักษิณยุค พ.ศ.๒๕๔๔-๒๕๔๕ เป็นส่วนใหญ่น่ันเอง แล้วอะไรที่ทำาให้ความ ศรัทธากลับลดลง ภาวะผู้นำาของ ดร.ทักษิณเข้าสูตรตามตำาราทุกทฤษฎีจริงๆ คือ มีเงินเป็นอำานาจ รู้จักใช้เงินขจัดอุปสรรค มีความกล้าหาญเด็ดขาด ตัดสินใจเร็ว ไม่เช่ืองช้า มีวาทศิลป์ดี มีความรู้เป็นอำานาจ คือมีความ รู้ทางกฎหมายในฐานะนายตำารวจเก่า ทางเศรษฐศาสตร์และการ บริหารธุรกิจในฐานะที่เคยประกอบธรุ กจิ ใหญโ่ ต ทางการเมอื งในฐานะ ที่เคยติดตามและคลุกคลีกับนักการเมืองมาก่อนถึงขนาดว่า “เคยถูก ใช้ให้หิ้วถุงเงินไปให้ ส.ส.” ทางการต่างประเทศในฐานะที่เคยเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แม้เป็นช่วงสั้นๆ แต่ก็เข้า สมาคมกับวงการทูตอยู่เสมอ ท่ีสำาคัญคือมีเทคโนโลยีเป็นอำานาจ แม้ว่าขาดองค์ความรู้ด้านใดก็ยังสามารถหาท่ีปรึกษาหรือผู้เชี่ยวชาญ จากวงการมหาวิทยาลัยหรือจากต่างประเทศมาเสริมได้ ความเป็นผู้นำาอีกเร่ืองท่ีพบเห็นได้ในขณะนั้นคือการมีนำ้าใจแก ่ คนรอบข้าง ผูกไมตรีไปท่ัวด้วยทาน ปิยวาจา อัตถจริยา และสมา- นัตตตา จึงมีพันธมิตรแนวร่วมมากซึ่งถือว่าเป็นคุณสมบัติอย่างหน่ึง ของผู้นำา การท่ีในช่วงเวลาเดียวกันนั้นท่านมีปัญหาคดีความในศาล รัฐธรรมนูญ กรณีปกปิดการมีหุ้นท่ีเรียกว่า “คดีซุกหุ้น” ในระยะต้น ยังถูกมองว่าเป็นการกล่ันแกล้งหาเรื่อง บรรดาแฟนคลับต่างเวทนา สงสารว่า “โถ! ได้ผู้น�ำที่ดีพร้อมมำอย่ำงน้ี ยังจะแกล้งท่ำนอีก” ข้อ น้ีแทนท่ีจะเป็นจุดตัดศรัทธา กลับเป็นการสงสารเห็นอกเห็นใจและ เสียดายถา้ จะต้องเสยี ผ้นู าำ ทา่ นน้ีไป 337
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม เม่ือศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาว่า ดร.ทักษิณไม่มีความผิด คุณ ทกั ษิณกด็ จู ะไมม่ จี ดุ ออ่ นหรือจดุ ตัดศรัทธาเรอ่ื งใดอกี สิง่ ทป่ี รากฏต่อ มาคือความเชื่อม่ันในตนเองมีสูงขึ้น ด้วยฐานทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองอันมั่นคงแข็งแกร่งยากจะหาผู้ใดเสมอเหมือน ดูท่าน ไม่มีอะไรจะต้องหวั่นเกรงหรือระมัดระวังอีกแล้ว ไม่ว่าในการกำาหนด นโยบายหรือในการบรหิ ารราชการแผ่นดิน แต่ต้องยอมรับว่าความฮึกเหิมปราศจากความระมัดระวังใน การทำางานใช่ว่าจะเกิดจาก ดร.ทักษิณเพียงคนเดียวแม้ว่าในฐานะ ผู้นำาจะต้องรับผิดชอบอยู่ดี แต่การกระทำาหลายอย่างเป็นเรื่องของ วงศาคณาญาติ คนรอบข้าง คนใกล้ชิดหรือบริวารซ่ึงต่างโหนกระแส ความนิยมท่ีสังคมมีต่อท่านนายกฯ นโยบายหลายอย่างที่ดูดีและ จำาเป็นกลายเป็นผลประโยชน์ของบุคคลเหล่านั้นอันเป็นที่มาของคำา ว่า “ทุจริตเชิงนโยบำย” เม่ือนานวันเข้าก็กลายเป็นภาพการทุจริต และประพฤติมิชอบ และการแผ่ขยายขอบเขตอำานาจเข้าไปครอบงำา ระบบราชการและองค์กรอิสระ ความไว้เน้ือเช่ือใจท่ีเคยมีต่อท่านผู้นำา กลายเปน็ คาำ ซบุ ซบิ นนิ ทาตามสงั คมคนชน้ั กลางและคนชน้ั สงู ในทาำ นอง ว่า “เพียงแค่น้ี แค่นี้ยังเพียงนี้ ถ้ำแค่น้ันกว่ำนี้จะแค่ไหน” บรรดาคน ท่ีเคยศรัทธานิยมจึงถอยห่างออกไป เสียงเชียร์ที่เคยกระห่ึมก็ลดลง ข้อกล่าวหาสารพัดจึงโถมทับเข้ามาจนถึงบัดนี้ การยึดอำานาจในเดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๔๙ ทำาให้รัฐบาลสิ้น สดุ ลง พลเอก สุรยุทธ์ จุลำนนท์ อดตี ผบ.ทบ. องคมนตรี ได้เป็น นายกฯ คนที่ ๒๔ ภาวะผู้นำาของท่านผู้น้ีที่เด่นชัดคือความจงรักภักด ี ความซ่ือสัตย์สุจริต ความสมถะเรียบง่าย การยึดม่ันในธรรมะและ หลักคุณธรรม การเป็นท่ียอมรับนับถือในสังคมและวงการทหาร อัน เป็นคุณลักษณะใกล้เคียงกับพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ โดยที ่ พลเอกสุรยุทธ์ตระหนักในบทบาทหน้าท่ีว่าเป็นรัฐบาลในระหว่างรอย ต่อรอการมีรัฐบาลใหม่หลังการจัดทำารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ภาวะผู้นำา ของท่านจึงมิได้แสดงออกทางความเข้มแข็งเด็ดขาด ถึงลูกถึงคน 338
แต่พยายามประคับประคองสถานการณ์ให้อยู่ในบรรยากาศความ ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: สงบเรียบร้อย ความสามัคคีปรองดองเพ่ือส่งต่อไปสู่การเลือกตั้งซ่ึง อาจไมถ่ กู ใจพระเดชพระคณุ หลายคนทอี่ ยากเหน็ อะไรเขม้ แขง็ เดด็ ขาด ถึงลูกถึงคนมากกว่าน้ี ภายหลังการมีรัฐธรรมนูญใหม่และการเลือกตั้ง คุณสมัคร สนุ ทรเวชไดเ้ ปน็ นายกรฐั มนตรคี นท ่ี ๒๕ แตก่ ารประทว้ ง การกอ่ ความ ไม่สงบ และการไม่พอใจรัฐบาลหลายเร่ืองยังคงมีอยู่ โดยเฉพาะการ ท่ีพรรคพลังประชาชนซึ่งชนะการเลือกต้ังเป็นพรรคท่ีสืบทอดนโยบาย มาจากพรรคไทยรักไทยของนายกฯ ทักษิณ แต่คุณสมัครก็คือคุณ สมัคร คือมีวาทศิลป์คมคาย กล้าโต้ตอบ ขยันช้ีแจง ไม่เกรงกลัวส่ือ และเสยี งวจิ ารณโ์ จมตดี งั ทท่ี า่ นพดู เองวา่ จะหวงั ใหท้ า่ นเปน็ นายแสนด ี วจีเสนาะไม่ได้หรอก เคยเป็นอย่างไรก็จะเป็นอย่างน้ัน อันท่ีจริงคุณ สมัครในภาวะเช่นน้ีเมื่อมาเป็นผู้แสดงเสียเองซึ่งอาจไม่เหมือนคุณ สมัครในยุคก่อน เพราะเป็นภาวะผู้นำาท่ีอยู่ท่ามกลางความกดดันทั้ง จากกลุ่มผู้มีอำานาจในพรรคและสังคมภายนอก คุณสมัครพยายามแสดงความเป็นตัวของตัวเองหลายเรื่อง อย่างน่าชมเชย แต่กลายเป็นภัยและคล่ืนใต้นำ้าในพรรคเอง นับเป็น ภาวะท่ีใกล้เคียงกับเจ้าคุณมโนปกรณ์ฯ ที่เคยอยู่ระหว่างความกดดัน จากกลุ่มทหารหนุ่มและกลุ่มข้าราชการเก่า ลงท้ายคุณสมัครก็พ้น จากตำาแหน่งด้วยคำาพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญในคดีออกโทรทัศน์ ดำาเนินรายการอย่างลูกจ้างของบริษัทท่ีทำาธุรกิจดังท่ีเรียกว่า “กรณี ชิมไป บ่นไป” และไมไ่ ดก้ ลบั เขา้ มาอกี นำยสมชำย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยของท่านนายกฯ ทักษิณได้ เขา้ มาเปน็ นายกฯ คนท ี่ ๒๖ ตามขอ้ เสนอและมตขิ องพรรคเดมิ วกิ ฤต บ้านเมืองได้เกิดต้ังแต่วันแรกท่ีเข้ารับตำาแหน่งจนถึงวันสุดท้าย มี การประท้วงที่บริเวณทำาเนียบรัฐบาลจนรัฐบาลไม่เคยเข้าทำางานใน ทำาเนียบรัฐบาลเลย ทั้งมีการประท้วงท่ีรัฐสภาบ่อยครั้งจนทำาให้ท ี่ รัฐสภาไม่อาจใช้เป็นท่ีประชุมได้ ในที่สุดศาลรัฐธรรมนูญได้พิพากษา ให้ท่านนายกฯ สมชายพ้นจากตำาแหน่ง 339
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม นำยอภิสิทธิ์ เวชชำชีวะ นายกฯ คนที่ ๒๗ เป็นคนรุ่นใหม่ท ี่ บคุ ลกิ ด ี หนว่ ยกา้ นด ี ความคดิ ด ี และมีข้อดีหลายอย่างจนเป็นความ หวังของสังคมในยุคหลัง รสช. ภาวะผู้นำาของท่านคือเสน่ห์ท่ีรูป ร่างหน้าตา บุคลิกภาพ วัยที่หนุ่มกำาลังเหมาะแก่การทำางานทั้งกับคน รุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ ความคิดริเริ่มดี วาทศิลป์ท่ีดี ปฏิภาณดี สุภาพ เรียบร้อย อ่อนน้อมต่อผู้ควรอ่อนน้อม แต่แข็งกร้าวในส่ิงที่ตนเช่ือ และความรอบรู้รอบตัวไม่ว่าเศรษฐศาสตร์ การเมือง การต่างประเทศ หรือกฎหมาย มีข่าวว่าคุณอภิสิทธ์ินิยมชมชอบแนวทางของพรรค ประชาธปิ ตั ยแ์ ละความเปน็ ผนู้ าำ ของคณุ ชวนมาตง้ั แตเ่ ยาวว์ ยั จนซมึ ซบั บคุ ลกิ และแนวคิดไว้ได้ สมัยท่ีกำาลังเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬซ่ึงพรรคประชาธิปัตย์ ต่อต้านพลเอก สุจินดา คราประยูร ซ่ึงในเวลาน้ันพลเอกสุจินดาเคย ปรารภให้ผมฟังว่าถ้าเมืองไทยมีนักการเมืองอย่างคุณอภิสิทธ์ิมากๆ บ้านเมืองก็เรียบร้อย ทหารไม่ต้องยึดอำานาจ คุณลักษณะผู้นำาอย่าง หน่ึงของนายกฯ อภิสิทธิ์คือความสุภาพ ความอดทนอดกลั้นและ ความเด็ดเดี่ยวในสิ่งที่ตนเช่ือ จึงถูกมองว่าในการเมืองซึ่งบางสถาน- การณ์ต้องการการประนีประนอมและความยืดหยุ่น คุณอภิสิทธิ์กลับ ใชห้ ลกั การแขง็ กรา้ วตามทศั นะของตนออกหนา้ ความเขม้ แขง็ เดด็ ขาด นี้จึงกลายเป็นจุดอ่อนของรัฐบาล เมื่อรัฐบาลยุบสภาในปี ๒๕๕๔ พรรคเพื่อไทยซ่ึงตั้งขึ้นใหม ่ ชนะการเลอื กตง้ั และไดจ้ ดั ตง้ั รฐั บาลโดยใหน้ ำงสำวยงิ่ ลกั ษณ ์ ชนิ วตั ร น้องสาวของ ดร.ทักษิณ ชินวัตรเป็นนายกฯ คนที่ ๒๘ คุณยิ่งลักษณ ์ สำาเร็จการศึกษาทางรัฐศาสตร์ แต่ไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมือง และการบริหารราชการแผ่นดิน เคยทำาธุรกิจของครอบครัวซ่ึงก็เป็น ธุรกิจขนาดใหญ่เอาการ สังคมจึงไม่ได้เชื่อมั่นในภาวะผู้นำามากนัก นอกจากการเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากซ่ึงม่ันคงพอสมควร จุดเด่นของนายกฯ หญิงคนแรกของประเทศไทยคือความเป็น สตรี บุคลิกลักษณะและการโอภาปราศรัย แต่ก็กลายเป็นจุดอ่อน 340
ทางการเมืองคือการขาดเนื้อหาสาระ ไหวพริบปฏิภาณในเวลาให ้ ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: สัมภาษณ์ การช้ีแจงในสภาหรือชี้แจงต่อประชาชน ความฉาบฉวย ไม่แหลมคมทางคำาพูด และการกระทำานี้กลายเป็นว่าไม่ว่าจะพูดจา อะไร ขยับทางไหนก็ถูกจับผิดไปหมด นโยบายและข้อสั่งการหลาย อย่างถูกนำามาฟ้องร้องเป็นคดีในเวลาต่อมาว่าทุจริตประพฤติมิชอบ เอ้ือประโยชน์ต่อพรรคพวก ข้อที่บั่นทอนภาวะผู้นำาอย่างรุนแรงจึงเป็นเร่ืองความไม่เชื่อถือ ไว้วางใจในสังคมจนเกิดวิกฤตศรัทธา มีการประท้วงที่ติดพันมาต้ังแต ่ หลังรัฐบาลนายกฯ สุรยุทธ์ จนรัฐบาลต้องประกาศสถานการณ์ไม ่ ปกตหิ ลายรปู แบบ เคลอ่ื นยา้ ยออกจากทาำ เนยี บรฐั บาลไปทาำ งานทอ่ี น่ื ประชาชนจำานวนมากที่เรียกตัวเองว่ามวลมหาประชาชนออกมาปัก หลักชุมนุมกลางถนนแรมเดือน มีการปิดกั้นทางเข้า-ออกท่าอากาศ- ยาน มีการบุกเข้าวางเพลิงอาคารสถานท่ีบางแห่ง มีการนำาอาวุธ สงครามออกมาใช ้ การชมุ นมุ ประทว้ งขยายวงกวา้ งไปในหลายจงั หวดั แมร้ ฐั บาลยบุ สภา และจดั การเลอื กตง้ั แลว้ แตก่ เ็ ปน็ โมฆะจนยงั ไมอ่ าจ จัดการเลือกต้ังใหม่ได้ ผู้คนแตกแยกกันเป็นกลุ่มระหว่างกลุ่มท่ีนิยม ดร.ทักษิณและคุณย่ิงลักษณ์กับกลุ่มต่อต้าน ดร.ทักษิณ หรือเรียก ง่ายๆ ว่ากลุ่มเส้ือเหลืองกับกลุ่มเส้ือแดง ในช่วงเวลานั้นคนท่ีมีภาวะผู้นำาโดยพฤตินัยสูงกลับเป็นนาย สุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้นำากลุ่ม กปปส.ซ่ึงปักหลักชุมนุมท่ีถนนราช- ดำาเนินบ้าง ชักชวนกันเป่านกหวีดบ้าง ผู้คนไปฟังการปราศรัยโจมตี รัฐบาลนับหมื่นนับแสนคน มีผู้บริจาคเงิน ข้าวปลาอาหารเลี้ยงผู้ไป ฟงั การปราศรยั ทกุ วนั ดงั ทก่ี ลา่ วกนั วา่ “อำหำรด ี ดนตรเี พรำะ กะเทำะ เปลือกรัฐบำลถึงแก่น” กปปส.มีทีมงานและอาสาสมัครหลายคนและ ทำางานเชื่อมโยงกับกลุ่มอื่นๆ อีกมาก จนกระท่ังมีการยึดอำานาจใน วันท่ี ๒๒ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๕๗ หลังจากน้ันบ้านเมืองก็กลับสู ่ สภาวะปกติ แต่ผู้นำาโดยพฤตินัยหลายคนและผู้ร่วมงานถูกดำาเนินคดี ติดพนั อย่ใู นศาลสบื มาอีกหลายปี 341
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม ภาวะผนู้ าำ ของนายสเุ ทพไมว่ า่ จะเปน็ ทพ่ี งึ ปรารถนาหรอื ไมก่ ต็ าม เพราะมีผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยอยู่มาก แต่ต้องนับว่าโดดเด่นน่า พิศวงและทรงพลังอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในวงการเมืองของ ไทย ข้อนี้เกิดจากความมุ่งมั่นในจุดหมายปลายทางเดียวกันของผู้คน ในขณะนน้ั คอื การใหร้ ฐั บาลพน้ จากตาำ แหนง่ และตงั้ รฐั บาลใหม ่ เรยี ก รอ้ งการปฏริ ูป ขจัดทจุ ริต ปกป้องสถาบันฯ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชำ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ ๒๙ และเป็นผู้นำาอีกคนหน่ึงที่เข้ามาดำารงตำาแหน่งภายหลังการยึดอำานาจ ท้ังยังเป็นช่วงเวลาที่ประเทศชาติกำาลังมีวิกฤตหนัก ประชาชนแตก แยกทางความคิดออกเป็นฝักฝ่าย ใช้สัญลักษณ์สวมเส้ือสีเหลือง ฝ่ายหน่ึง สีแดงฝ่ายหน่ึง จนเกิดการประท้วงยืดเยื้อมานานนับ ๑๐ ป ี บางฝ่ายใช้มือตบเป็นอุปกรณ์การประท้วง ในขณะท่ีอีกฝ่ายใช้นก- หวีดเป็นเครื่องมือ การชุมนุมประท้วงปิดถนนมีอยู่ท่ัวไป บางครั้งม ี การปิดล้อมสถานท่ีราชการจนถึงสนามบิน มีการวางเพลิงห้างสรรพ- สินค้า ปิดล้อมทำาเนียบรัฐบาล อาคารรัฐสภา ประเด็นการประท้วง มีต้ังแต่เร่ืองเศรษฐกิจ สังคมจนถึงการเมือง บางฝ่ายเรียกร้องให ้ รัฐบาลลาออก บางฝ่ายเรียกร้องให้เร่งจัดการเลือกตั้งใหม่ บางฝ่าย เรียกร้องการปฏิรูปประเทศโดยเร็วโดยเฉพาะการปฏิรูปการเมือง กระบวนการยุตธิ รรมและการศึกษา การดำารงตำาแหน่งผู้นำาในช่วงเวลาน้ันจึงต้องมีภาวะผู้นำาสูง เพราะประชาชนมีความคาดหวังสำาคัญอันเป็นวาระแห่งชาติรออยู่ ๔ ประการคือ ๑. การดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ ๒. การเรง่ รดั พฒั นาและแกไ้ ขปญั หาเรง่ ดว่ นของประเทศทคี่ า้ งคาอย ู่ อาท ิ ปัญหาการทุจริตจำานำาข้าว การจ่ายเงินค่าจำานำาข้าวที่ติดค้างอยู่ให ้ ชาวนา ปัญหาราคายางพารา เป็นต้น ๓. การสร้างความสามัคคี ปรองดองใหป้ ระชาชนหนั หน้าเข้าหากนั และ ๔. การปฏริ ูปประเทศ ทั้งนี้มีปัญหาอ่ืนแทรกตามเข้ามาอีก ๒ เรื่องคือ การสร้าง ความเชื่อม่ันแก่ต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนหรือรัฐบาลต่างชาติ 342
เพราะรัฐบาลมิได้มาจากการเลือกต้ัง และการยกร่างรัฐธรรมนูญเพื่อ ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: เดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งและการนำาประชาธิปไตยกลับคืนมา ดูตาม นี้แล้วภาวะของผู้นำาในขณะน้ันไม่ว่าเป็นใครก็ตามย่อมหนักอึ้งเอา การ เพราะไหนจะแข่งกับเวลา ไหนจะแข่งกับความคาดหวังของ ประชาชน ไหนจะมีข้อจำากัดว่าไม่ได้อยู่ระหว่างการปกครองแบบ ประชาธิปไตย และไหนจะผจญกับคล่ืนใต้น้ำา กลุ่มขัดแย้งเดิมๆ และฝ่ายท่ีเสียผลประโยชน์จากการยึดอำานาจ จุดแข็งของนายกรัฐมนตรีคนท่ี ๒๙ คือความเข้มแข็งเด็ดขาด และการมีกลไกของรัฐ ไม่ว่ากลไกตามปกติ อาทิ กฎหมายและการ สนับสนุนจากข้าราชการฝา่ ยพลเรือน ตำารวจและทหาร ตลอดจน กลไกพิเศษ เช่น มาตรา ๔๔ เพื่อใช้แก้ไขปัญหาอย่างพร้อมมูล การ ตดั สนิ ใจไว แกป้ ญั หาเรว็ กลา้ ไดก้ ลา้ เสยี ไมแ่ ทงกก๊ั ถา้ ผดิ กแ็ กไ้ ขแลว้ ทำาใหม่ และการไม่มีฝ่ายค้านในรัฐสภา ทำาให้การขับเคลื่อนเพ่ือแก ้ ปัญหาหลายอย่างทั้งปัญหาเฉพาะหน้าและปัญหาระยะยาวดำาเนิน ไปได้มากและรวดเร็ว ท้ังยังรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศได ้ ไม่มีการเดินขบวนประท้วงหรือชุมนุมสาธารณะจนกระทบต่อวิถีชีวิต ปกติ จุดแข็งอีกอย่างคือความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และการแสดงถึงความพร้อมท่ีจะก้าวไปข้างหน้าในเร่ืองการปฏิรูป ประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการวางโรดแมป เพ่ือนำาไปสู่การจัดทำา รัฐธรรมนูญจนแลว้ เสรจ็ และการจัดใหม้ กี ารเลอื กต้ังไดต้ ามเปา้ หมาย จุดอ่อนที่มีอยู่คือบุคลิกที่บางครั้งแสดงออกว่าแข็งกร้าว ใจ ร้อน หงดุ หงิดโมโหง่ายโดยเฉพาะกับส่ือ แม้เป็นคนอดทนแต่ไมใ่ ช่คน อดกลั้นชนิดน้ำาขุ่นอยู่ใน นำ้าใสอยู่นอก จงึ มคี นรกั บา้ งคนชงั บา้ งตาม ประสาคนรกั เทา่ ผนื หนงั คนชังเทา่ ผนื เส่อื โดยสรปุ ผนู้ ำ� ทำงกำรเมอื งจงึ ตอ้ งเปน็ คนทม่ี ที ง้ั คณุ ธรรม ฝีมือและชั้นเชิง ฝีมือและชั้นเชิงในการทำางาน การพัฒนา การแก้ 343
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม ปัญหาประเทศนั้นเร่ืองหนึ่ง แต่ท่ีสำาคัญไม่แพ้กันคือฝีมือและชั้นเชิง ในยามเกิดวิกฤตหรือความขัดแย้งไม่ลงตัวไม่ลงรอยในระหว่างผู้ร่วม งานและในระหวา่ งประชาชน เชน่ สามารถหา้ มปรามได ้ สามารถเกลย่ี ผลประโยชน์ได้ สามารถประนีประนอมประสานประโยชน์ได้ และ บางคร้ังอาจต้องกล้าทุบโต๊ะเล่นงานหรือจัดการกับฝ่ายท่ีผิดในความ ขดั แย้งได้ ผู้นำาทางการเมืองของเราแต่ละคนมีท้ังจุดแข็งจุดอ่อน ถ้าได ้ ผู้นำาที่เราสามารถนำาเอาจุดแข็งของแต่ละคน เช่น ความเข้มแข็ง เด็ดขาด ตัดสินใจเร็ว กล้ารับผิดชอบ กล้าได้กล้าเสีย ไม่หลบเล่ียง ปัญหาอย่างจอมพลสฤษดิ์ นายกฯ อานันท์ ซื่อสัตย์สุจริต รู้จักเลือก ใช้คน ใจคอหนักแน่น ไม่หูเบา มีสัจจะจริงใจต่อเพื่อนร่วมงานและ ประชาชน ไมเ่ หน็ แกพ่ รรคพวกยง่ิ กวา่ ประโยชนบ์ า้ นเมอื งอยา่ งพลเอก เปรม ตณิ สลู านนท ์ นายกฯ ธานนิ ทร ์ กรยั วเิ ชยี ร มคี วามคดิ รเิ รมิ่ กลา้ นำาการเปล่ียนแปลงมาสู่บ้านเมืองอย่างจอมพล ป. พิบูลสงคราม สภุ าพออ่ นนอ้ มถอ่ มตน ครองชวี ติ อยา่ งสมถะและใหเ้ กยี รตผิ อู้ นื่ อยา่ ง นายกฯ ชวน หลีกภัย จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่าง อาจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์และพลเอก ประยุทธ์ มีวาทศิลป์ มีไหวพริบปฏิภาณอย่างนายกฯ ควง อภัยวงศ์ หลวงธาำ รงฯ นายกฯ คกึ ฤทธ ิ์ ปราโมช ขยนั เอาการเอางานสงู้ านจรงิ จงั อย่างนายกฯ บรรหาร ศิลปอาชา นายกฯ ประยุทธ์ มีวิสัยทัศน์อย่าง นายกฯ ชาติชาย ชุณหะวัณ นายกฯ อานันท์ ปันยารชุน นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร อ่านเกมการเมืองได้ดี แก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ยืดหยุ่นในการทำางานอย่างนายกฯ ควง นายกฯ ชาติชาย มารวมกัน แล้วกำาจัดจุดอ่อนของแต่ละคนเสียให้ได้ เช่น การโลเลเหลาะแหละ ความไม่อดทนอดกล้ัน การฟังแต่คนรอบข้าง การทุจริตคดโกงออก ไปเสีย เราก็จะได้ผู้นำาท่ีสมบูรณ์ แต่โลกนี้ไม่มีอะไรที่เพอร์เฟกต์ ผู้นำาก็คือปุถุชน ได้อย่างก็ต้อง เสียอย่าง ดูแต่ตัวเราเองก็จะเห็นว่าไม่ได้สมบูรณ์แบบ จึงคงต้อง 344
ภาวนาว่าแม้ยากท่ีจะได้ข้อดีครบครันก็ขอให้ได้ผู้นำาที่มีคุณลักษณะ ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: หรือภาวะผู้นำาท่ีดีให้มากที่สุด เหมาะแก่สถานการณ์และมีข้อเสีย หรือจุดอ่อนน้อยที่สุดเข้าไว้ก็เห็นจะพอนำาพาบ้านเมืองไปรอดแล้ว ความจริงคุณสมบัติท่ีพึงปรารถนาสำาหรับนายกรัฐมนตรีนั้น ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ ๗ เคยมีพระราชปรารภไว้ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๗๕ ครั้งพระยาพหลฯ กราบบังคมทูลลาออกจากนายกรัฐมนตรีแล้วว่า “คุณสมบัติอันส�ำคัญยิ่งของนำยกรัฐมนตรีก็คือ เป็นผู้ท่ีสำมำรถยึด เหน่ียวน้�ำใจคนทั้งหลำย ประสำนสำมัคคีพร้อมเพรียงกัน ช่วยให้ รำชกำรด�ำเนินไปด้วยดีปรำศจำกอุปสรรค...ในเวลำบัดน้ีจะหำผู้ใด นอกจำกตัวท่ำนที่จะบริบูรณ์ด้วยคุณสมบัติดังว่ำมำน้ียำกนัก” พูดถึงเรื่องน้ีแล้วมีผู้รู้แนะนำาไว้อีกหลายคนซึ่งหน่ึงในน้ันนึกถึง “มาคิอาเวลลี” ปราชญ์ฝรั่งทางการเมืองคนหน่ึงได้เคยสรุปว่า ผู้นำา ต้องมีอำานาจดังราชสีห์ ปราศจากอำานาจเสียแล้วก็เหมือนหมูหมา กาไก่ท่ัวไปใครจะฟัง ขณะเดียวกันก็ต้องมีมารยาหรือรู้จักวิชามาร บ้างเหมือนสุนัขจิ้งจอก ถ้าซ่ือๆ ทึ่มๆ แม้จะเป็นคนดีแต่ก็ไม่ทันเขา ถูกเขาหลอกต้มหรือขี่คอเอาได้ เพราะวงการการเมืองมีมายาและ มารยาหลายเล่มเกวียน ถ้ามองทุกอย่างว่าโลกสวยก็ลำาบาก แต่อย่า ถงึ ขนาดกะล่อนปล้ินปล้อนเป็นคนไม่น่าเชื่อถือ อีกหน่ึงคนก็นึกถึงกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธ์ิท่ีกราบบังคมทูล ล้นเกล้าฯ รัชกาลท่ี ๕ ว่า เวลาข้าพระพุทธเจ้าเลือกคนมาเป็น ผู้พิพากษาก็จะคัดเอาแต่ท่ีซ่ือและฉลาด ถ้าซื่อแต่ไม่ฉลาด ทนาย และคู่ความก็จะต้มเอาได้ ถ้าฉลาดแต่ไม่ซ่ือก็จะใช้ความฉลาดนั้น เอาตัวรอด ทุจริตคดโกง จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน สว่ นทว่ี า่ ผพู้ พิ ากษาจะเมา บา้ ง กนิ เหลา้ บา้ ง ข้าพระพุทธเจ้าไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่ ขออย่ากิน สินบนก็แล้วกัน คำ� แนะน�ำเหล่ำน้นี ่ำจะประยกุ ต์ใชก้ บั กำรเมืองไดบ้ ำ้ ง 345
โรดแมปสาํ คญั ท่ีใครๆ ท้ังไทยและเทศ อยากรูในเวลาน้นั กค็ อื โรดแมปทางการเมืองเกยี่ วกบั การเลือกตงั้ และการตง้ั รัฐบาลใหม
โรดแมปการเมอื ง ไปสูก่ ารเลือกต้งั ค�ำภำษำอังกฤษยอดฮิตติดอันดับค�ำหนึ่งในยุครัฐบำล พลเอกประยุทธ์คือคำาว่า “โรดแมป” (Roadmap) บางคนอ่านออก แอกเซน่ ตว์ า่ “โรด้ แหมบ็ ” ฟงั เหมอื นเหน็ กนั อยแู่ หมบ็ ๆ ไมน่ า่ จากไปเลย คาำ นแี้ ปลวา่ แผนทแี่ ละถนนหนทางทจี่ ะเดนิ ไปขา้ งหนา้ ซงึ่ กค็ อื ทศิ ทาง แผนและขั้นตอนน่ันเอง เป็นการนำาเอาเหตุการณ์ท่ีจะเกิดขึ้น ส่ิงท่ ี จะต้องทำาและกำาหนดเวลาปฏิบัติก่อนหลังเข้ามาผูกกันให้เห็นเส้น ทางเดินเป็นลำาดับไปอย่างชัดเจน การมุ่งจะทำาอะไรในอนาคตควร ต้องมีโรดแมปให้ผู้คนเห็นจะได้โมทนาสาธุและร่วมกิจกรรมตามได้ โรดแมปสำาคัญท่ีใครๆ ทั้งไทยและเทศอยากรู้ในเวลานั้นก็คือ โรดแมปทางการเมืองเก่ยี วกับการเลือกตั้งและการตง้ั รฐั บาลใหม่ รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่าเม่ือประกาศใช้รัฐธรรมนูญน้ีแล้ว (๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๖๐) คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญต้องจัดทำา กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายลูกรวม ๑๐ ฉบับให้แล้ว เสร็จภายใน ๒๔๐ วันหรือ ๘ เดือน ตามมาตรา ๒๖๗ และส่งให ้ สภาฯ เร่งพิจารณาภายในกรอบเวลาท่ีกำาหนด ในจำานวนน้ีมีที่สัมพันธ์ 347
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม กับการเลือกตั้งอยู่ ๔ ฉบับ คือกฎหมายพรรคการเมือง กฎหมาย คณะกรรมการการเลอื กตง้ั กฎหมายเลอื กตงั้ สมาชกิ สภาผแู้ ทนราษฎร และกฎหมายว่าด้วยการได้มาซ่ึงสมาชิกวุฒิสภา เม่ือกฎหมายท้ัง ๔ ฉบับมีผลใช้บังคับครบถ้วนแล้วให้จัดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ภายใน ๑๕๐ วันหรือ ๕ เดือน ตามมาตรา ๒๖๘ การเลือกต้ัง ส.ส. ท่ีจัดข้ึน พร้อมกันทุกท่ีทุกแห่งภายในวันเดียวกันเรียกว่า “กำรเลือกต้ังทั่วไป” (General Election) ซึ่งต่างจากการเลือกต้ังซ่อมในบางที่บางแห่ง แทนตำาแหน่งท่ีว่างลง หรือเพราะการเลือกต้ังใหม่ในบางเขตที่ตก เป็นโมฆะหรือทุจริตไม่เที่ยงธรรมจนถูกสั่งให้จัดการเลือกตั้งใหม่ กฎหมายฉบับสุดท้ายในชุด ๔ ฉบับนี้คือ กฎหมายประกอบ รัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้เสร็จสิ้น และประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๖๑ ซ่ึง ที่จริงก็ควรจะมีผลใช้บังคับในวันถัดไป แต่เน่ืองจากสภาฯ ได้แก้ให ้ กฎหมายมีผลใช้บังคับเม่ือพ้นกำาหนด ๙๐ วันนับแต่วันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา ซึ่งก็คือวันท่ี ๑๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๑ โรดแมปการเมืองว่าด้วยการเลือกตั้งจึงเร่ิมต้นขึ้นในวันท่ี ๑๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๑ น้ันคือ จะต้องเลือกตั้งในวันใดวันหนึ่งภายใน ๑๕๐ วันนับจากนั้นซึ่งจะครบกำาหนดในวันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ ในตอนแรก กกต.วางแนวทางว่าโอกาสแรกสุดที่ทุกฝ่ายน่า จะมีความพร้อมและสามารถจัดการเลือกต้ังได้คือวันอาทิตย์ท่ี ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒ หลักท่ีใช้ในการคิดคือควรเป็นวันอาทิตย์ เพ่ือความสะดวกของเจ้าหน้าท่ีผู้ปฏิบัติงานและของประชาชนผู้ไปใช้ สิทธ์ิ ในการเตรียมการเลือกต้ังต้องมีการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ การ พิมพ์บัตรเลือกตั้ง การประชาสัมพันธ์วิธีเลือกตั้งและวิธีกาบัตรซึ่งไม ่ เหมือนครั้งก่อนๆ ที่เคยเลือกกันมา กล่าวคือเลือกต้ังคร้ังนี้จะใช้บัตร เลือกต้ังใบเดียวเพื่อใช้เลือก ส.ส.แบบแบ่งเขต และคะแนนจากบัตร ใบเดียวน้ีจะนำาไปใช้คำานวณเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายช่ือในภายหลัง 348
ดว้ ย โดยผอู้ อกเสยี งไมต่ อ้ งกาหมายเลขเลอื กผสู้ มคั รแบบบญั ชรี ายชอ่ื ŧàÃÍ× á»Ðˆ :: นอกจากนี้ยังต้องมีการจัดการเลือกต้ังนอกราชอาณาจักรและต้องมี การใชส้ ทิ ธเ์ิ ลอื กตงั้ ลว่ งหนา้ ดว้ ย รวมแลว้ กค็ อื วนั อาทติ ยท์ ี่ ๒๔ กมุ ภา- พันธ์ พ.ศ.๒๕๖๒ น่าจะเหมาะที่สุด ไม่ช้าไม่เร็วเกินควร ว่าแล้วทุกคนทุกฝ่ายรวมทั้งรัฐบาลก็ให้ข่าวตามนี้นับแต่นั้นมา คสช.เองก็ใช้วันเดือนปีที่ว่าน้ีเป็นฐานท่ีจะดำาเนินการเร่ืองอื่นๆ ต่อไป ผมได้ทำาตารางเวลาโดยละเอียดเสนอ ครม.ว่าถ้าเลือกต้ังวันนี้น่าจะ ประกาศผลได้เมื่อไร กราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำาเนินทรง เปิดประชุมรัฐสภาสมัยแรกเม่ือใด การแต่งตั้งประธานสภา การเลือก นายกรัฐมนตรีจะมีข้ึนเมื่อใด จนกระท่ังได้รัฐบาลใหม่เม่ือใด ซ่ึงรวม แล้วน่าจะตกราวเดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๒ ครม.ได้แจ้งเร่ืองนี้ ให้ คสช.ทราบ จนกระทั่ง คสช.เชิญผู้แทนพรรคการเมืองไปประชุม พิจารณาโรดแมปกันถึง ๒ คร้ังที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต และความชัดเจนเดินหน้าไปไกลถึงขนาดกะการกันทีเดียวว่า จะขอ พระราชทานนำาพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน ราษฎรเป็นการท่ัวไป ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาในวันท่ี ๒ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๒ เพ่ือให้เร่ิมการหาเสียงได้นับแต่วันน้ัน และ บรรดาค่าใช้จ่ายของผู้สมัครและพรรคการเมืองก็จะเร่ิมคำานวณกัน ต้ังแต่วันนั้น เม่ือนับถึงวันท่ี ๒๔ กุมภาพันธ์แล้ว ผู้สมัครจะมีเวลา หาเสยี ง ๕๒ วนั ซงึ่ กถ็ ือว่ามากกวา่ หลายครัง้ ทผ่ี า่ นมา แตอ่ ะไรทวี่ ำ่ แนน่ อน เอำเขำ้ จรงิ กอ็ ำจไมแ่ นน่ อนไดด้ ว้ ยเหตผุ ล และควำมจำ� เปน็ ทส่ี �ำคญั วันที่ ๑ มกรำคม พ.ศ.๒๕๖๒ อันเป็นวันข้ึนปีใหม่ มี ประกาศสำานักพระราชวังแจ้งข่าวว่าทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ต้ัง การพระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษกในวนั ท ี่ ๔, ๕ และ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๖๒ กำาหนดการน้ีไม่ได้เก่ียวพันกับโรดแมปการเมือง เพราะวันท่ี ๒๔ กุมภาพันธ์อยู่ก่อนวันท่ี ๔ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๒ ต้ัง ๒ เดือน 349
:: ิวษ ุณ เค ืรองาม เศษ ถ้าพูดถึงการจะต้องดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยระหว่างการ หาเสียงก็เป็นเรื่องของรัฐบาลและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อยู่แล้ว แต่วันท่ี ๒๔ กุมภาพันธ์อันเป็นวันเลือกต้ังท่ัวไปไม่ใช่จุด สุดท้ายของเหตุการณ์การเมือง หากแต่เป็นจุดเร่ิมต้นต่างหาก เพราะกิจกรรมการเมืองหลายอย่างต้องดำาเนินต่อไปภายหลังการ เลือกต้ัง ได้แก่ การตรวจนับคะแนน การประกาศผลการนับคะแนน การสรรหาและประกาศแต่งต้ังสมาชิกวุฒิสภา ๒๕๐ คน การเสด็จ พระราชดำาเนินทรงเปิดประชุมรัฐสภาคร้ังแรก การเลือกต้ังและแต่งตั้ง ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานวุฒิสภา การเลือกนายกรัฐ- มนตรี การจัดตั้งคณะรัฐมนตรี การท่ีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะต้องเข้า เฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณและแถลงนโยบายต่อที่ประชุมร่วมของ รัฐสภา กิจกรรมการเมืองท่ีต่อเนื่องภายหลังการเลือกตั้งบางกิจกรรม รัฐธรรมนูญกำาหนดกรอบระยะเวลาท่ีต้องปฏิบัติเอาไว้ อาทิ ภายใน ๑๕ วันหลังการประกาศผลการเลือกตั้ง ทีนี้ก็ต้องเช็กปฏิทินตรวจ สอบว่ากิจกรรมทางการเมืองภายหลังวันเลือกต้ังจะไปประจวบหรือ ฉิวเฉียดการทับซ้อนกับกิจกรรมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกหรือไม่ น่ ี คือที่มาของคำาว่า “เล่ือนหรือไม่เล่ือน” ช่วงน้ันผมไปเป็นเจ้าภาพงาน ศพ ระหวา่ งประเคนเครือ่ งไทยธรรม หลวงพอ่ ย่ืนหนา้ มาถามว่าตกลง เลือ่ นหรือไม่เลอ่ื นล่ะโยม ความจริงจะเรียกว่าเลื่อนก็ไม่ใช ่ เพราะไม่เคยประกาศกำาหนด เป็นทางการมาก่อน เอาว่าเลื่อนจากท่ีคาดเดาก็แล้วกัน ซึ่งนับวันก็ ยิ่งชัดเจนว่าต้องเล่ือนแน่ เพราะแม้หมายกำาหนดการจะระบุว่าพระ ราชพิธีสำาคัญจะมีในวันท่ี ๔, ๕ และ ๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๒ แตต่ ามความเปน็ จรงิ แลว้ จะตอ้ งมพี ธิ นี าำ หนา้ มากอ่ นหลายสว่ น ไดแ้ ก่ พิธีพลีกรรมตักนำ้าจากแหล่งนำ้าศักด์ิสิทธ์ิท่ัวประเทศเพ่ือนำามาใช้ใน พระราชพธิ บี รมราชาภเิ ษก พธิ เี สกนาำ้ อภเิ ษก พธิ จี ารกึ พระสพุ รรณบฏั ดวงพระบรมราชสมภพและการแกะพระราชลัญจกร พิธีซ้อมขบวน 350
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384