Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การประเมินหลักสูตรเพื่อการเรียนรู้และพัฒนา พิมพ์ครั้งที่ 4_1544650950

การประเมินหลักสูตรเพื่อการเรียนรู้และพัฒนา พิมพ์ครั้งที่ 4_1544650950

Published by ปาริชาติ ปิติพัฒน์, 2019-10-19 23:24:34

Description: การประเมินหลักสูตรเพื่อการเรียนรู้และพัฒนา พิมพ์ครั้งที่ 4_1544650950

Search

Read the Text Version

76 บทที่ 3 การประเมินหลกั สตู รเชงิ สร้างสรรค์ ข) กรณหี ลักสูตรระดบั อดุ มศึกษา (เอกสาร มคอ.2) - ควรวิเคราะห์สถานการณ์ภายนอกควรเชื่อมโยง ประเด็นสาคัญๆ ที่เก่ียวข้องกับหลักสูตร ซึ่งจะนาไปสู่การกาหนดปรัชญาและ วตั ถุประสงคข์ องหลักสูตร - ควรกาหนดปรัชญาของหลักสูตรควรสะท้อนความเช่ือ ที่มีต่อการจัดการศึกษาของหลักสูตร มากกว่าการเขียนเป็นคาคล้องจองหรือพันธกิจ ของหลกั สูตร - ควรกาหนดวัตถุประสงค์ของหลักสูตรควรเขียน ในลักษณะผลการเรียนรู้ (learning outcomes) ของผู้สาเร็จการศึกษาที่ชัดเจนและมี ความสอดคล้องกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา พ.ศ.2552 หรือมาตรฐาน คุณวุฒิระดับอุดมศึกษาของแต่ละสาขา/สาขาวิชาทั้งด้านคุณธรรมจริยธรรม ความรู้ ทักษะทางปัญญา ทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ ทักษะการ วิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสารและการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและทักษะด้านการ ปฏิบัติ (ถา้ ม)ี - การออกแบบรายวิชาควรมีลักษณะสอดคล้องกับ ธรรมชาติของวิธีการเรยี นร้ใู นรายวชิ าน้ัน เช่น รายวิชาการพัฒนาหลักสูตรหรือรายวิชา การวิจัย ควรออกแบบให้มีการเรียนภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติควบคู่กันไม่ควรเน้น เฉพาะการเรียนรดู้ ้านทฤษฎีเพียงอย่างเดียวเป็นต้น รวมทั้งการเขียนคาอธิบายรายวิชา ทค่ี วรสะท้อนสาระสาคัญของรายวชิ า - การเขียนตัวเลขจานวนชั่วโมงท่ีใช้ในการจัดการเรียน การสอนซงึ่ ปรากฏในวงเล็บหลังตัวเลขท่ีเป็นจานวนหน่วยกิต เช่น 3(3 – 0 – 6) โดยที่ ตัวเลขตัวแรกในวงเล็บ หมายถึง จานวนชั่วโมงการเรียนภาคทฤษฎีต่อหนึ่งสัปดาห์ ตัวเลขตัวกลาง หมายถึงจานวนชั่วโมงการเรียนภาคปฏิบัติต่อสัปดาห์ และตัวเลข

บทที่ 3 การประเมนิ หลักสตู รเชิงสร้างสรรค์ 77 ตัวที่สาม หมายถึง จานวนช่ัวโมงการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองต่อสัปดาห์ ควรมีความ สอดคล้องกับคาอธิบายรายวิชา เช่น คาอธิบายรายวิชาเขียนสะท้อนให้ถึงการฝึก ปฏิบัติการต่างๆ แต่ตัวเลขตัวกลางในวงเล็บเป็นเลข 0 ซึ่งทาให้เกิดความไม่สอดคล้อง กันระหวา่ งคาอธบิ ายรายวิชา กับจานวนช่ัวโมงทใี่ ชใ้ นการจดั การเรียนการสอน - การออกแบบรายวิชาในหลักสูตรที่เน้นการเรียน ภาคทฤษฎี ด้วยการบรรยายมากเกินไป ซ่ึงทาให้เกิดการเรียนรู้ได้น้อยกว่าการเรียนรู้ จากการปฏิบัติจริงด้วยการบูรณาการความรู้ไปสู่การแก้ปัญหาหรือการสร้างสรรค์ นวตั กรรม ตามทีผ่ ู้เรยี นถนดั และสนใจ - การวเิ คราะหแ์ ผนที่กระจายความรับผิดชอบมาตรฐาน ผลการเรียนรู้จากหลักสูตรสู่รายวิชา (curriculum mapping) ควรวิเคราะห์ความ รับผิดชอบหลกั และรองท่ีแทจ้ รงิ - เพม่ิ เตมิ บทบาทการโค้ชของอาจารย์ให้สะท้อนออกมา ชัดเจนมากข้ึน เนื่องจากการโค้ชจะทาให้ผู้เรียนได้ใช้ศักยภาพการคิดและการเรียนรู้ ได้เต็มตามศักยภาพ บทบาทการโค้ชมีหลายประการ เช่น การต้ังคาถาม การชี้แนะ การกระตุ้น การให้ขอ้ มลู เพือ่ กระตุ้นการเรียนรู้ (feed - up) การตรวจสอบความเข้าใจ ที่ถูกต้อง (checking for under standing) การให้ข้อมูลย้อนกลับ (feedback) การ ให้ข้อมูลเพือ่ การเรียนรูต้ อ่ ยอด (feed - forward) การใช้บทบาทการโค้ชจะเป็นปัจจัย สนบั สนุนใหผ้ ู้เรียนใช้ศักยภาพในการสร้างสรรค์ไดส้ ูงสดุ - ทบทวนคาอธิบายรายวชิ าท่เี ป็นการรายวิชาการปฏิบัติ โดยควรเพิ่มเติมประเด็น “การแลกเปล่ียนเรียนรู้” เนื่องจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เป็นปจั จัยที่ทาให้เกิดความคดิ สรา้ งสรรคแ์ ละนวตั กรรม - ควรเพิม่ เตมิ ทักษะการวิเคราะห์ ในคาอธิบายรายวิชา ที่เป็นรายวิชาทฤษฎี ท้ังน้ีเน่ืองจากการคิดสร้างสรรค์และการสร้างสรรค์นวัตกรรม จะต้องมีทกั ษะการคดิ วเิ คราะห์เป็นพื้นฐานเสมอ

78 บทที่ 3 การประเมินหลักสตู รเชงิ สรา้ งสรรค์ การประเมนิ คณุ ภาพเอกสารหลักสูตรก่อนท่ีจะนาไปสู่การปฏิบัติ โดยผู้เช่ียวชาญดังกล่าว ทาให้คณะกรรมการพัฒนาหลักสูตรต้องดาเนินการปรับปรุง แก้ไขใหม้ คี วามถกู ต้องตามหลกั วิชาการ และมคี วามทันสมัยกับความเจริญก้าวหน้าของ องค์ความร้แู ละนวัตกรรมของแต่ละสาขาวิชา ซ่ึงจะสง่ ผลดีตอ่ การนาหลักสูตรไปใช้ การใช้วิธีการตอบสนองของผู้เกี่ยวข้อง (responsive) จะทา ให้ทราบจุดออ่ นจดุ แขง็ ท่ีสะท้อนอยใู่ นหลกั สตู ร ซ่ึงอาจมีข้อจากัดเก่ียวกับการยึดปัญหา ของผู้เกี่ยวข้องมากเกินไป คุณสมบัติของผู้เชี่ยวชาญในการประเมินหลักสูตร คือ ต้องมีความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาหลักสูตร และเข้าใจโครงการท่ีประเมินเป็นอย่างดี ไม่มีอคติ มีโลกทศั นแ์ ละประสบการณก์ ว้างขวาง แนวทางการกาหนดกรอบการประเมนิ เอกสารหลักสูตร แนวทางการกาหนดกรอบการประเมินเอกสารหลักสูตรก่อนนาไปปฏิบัติ ไว้ 14 ประเด็น ประกอบด้วย 1) จดุ มงุ่ หมายทั่วไป 2) หลกั การและเหตุผล 3) จดุ มงุ่ หมายเฉพาะ 4) เกณฑก์ ารปฏิบัติการใชห้ ลกั สูตร 5) การแบง่ ระดบั ของคะแนน 6) สภาพแวดลอ้ ม 7) คณุ ลกั ษณะของผเู้ รียน 8) การเรยี นการสอน 9) ความแตกตา่ งในการจัดการเรยี นการสอน 10) การสง่ เสรมิ สนบั สนนุ การใชห้ ลกั สูตร 11) การทดลองใช้หลักสูตร

บทท่ี 3 การประเมินหลกั สูตรเชงิ สรา้ งสรรค์ 79 12) การประเมนิ ผลการใช้หลักสูตร 13) การนาหลกั สตู รไปใช้ 14) ผลผลิตของหลักสูตร โดยการประเมินในแตล่ ะประเดน็ มีขอบขา่ ยการประเมินทสี่ าคัญ ดังต่อไปนี้ 1. หลกั การและเหตุผล - ได้มีการนาเสนอความจาเป็นของการพัฒนาหลักสตู รหรือไม่ - ไดม้ ีการนาประเด็นสาคัญเก่ียวกบั หลักสตู รมานาเสนอไว้หรือไม่ - การอา้ งเหตผุ ลมคี วามสมเหตุสมผลมากนอ้ ยเพยี งใด - ข้อคดิ เห็นต่างๆ เป็นความจริงและเชอ่ื ถือไดม้ ากนอ้ ยเพยี งใด - ได้มกี ารคาดการณเ์ หตกุ ารณ์ในอนาคตทเ่ี ก่ยี วข้องกับหลกั สตู ร หรือไม่ - มกี ารประเมินความตอ้ งการทีใ่ ชว้ ธิ ีการทมี่ ปี ระสทิ ธิภาพหรือไม่ - นาผลการศึกษาวิจัยท่เี กย่ี วขอ้ งกับหลกั สูตรมาสนับสนนุ อย่างสมบูรณ์หรอื ไม่ 2. จดุ มงุ่ หมายทั่วไป - จุดมงุ่ หมายที่ระบไุ ว้มคี วามชัดเจนหรือไม่ - จดุ มงุ่ หมายท่ีระบุไว้มีความสาคญั เพียงพอหรอื ไม่ - จดุ มุ่งหมายท่รี ะบไุ ว้มคี วามครอบคลมุ สงิ่ ทค่ี าดหวังท้ังหมดหรือไม่ 3. จุดมงุ่ หมายเฉพาะ - ได้มกี ารระบจุ ดุ มงุ่ หมายเฉพาะหรอื ไม่ - ไดม้ ีการช้ใี ห้เหน็ วา่ หลักสูตรสามารถทาใหผ้ ู้เรียนเกดิ การเรียนรู้ ไดอ้ ย่างไร - จุดม่งุ หมายเฉพาะในแต่ละข้อมีจดุ เนน้ ที่ชดั เจนหรือไม่

80 บทท่ี 3 การประเมินหลกั สตู รเชงิ สร้างสรรค์ - จดุ มุ่งหมายเฉพาะในแตล่ ะขอ้ สัมพนั ธ์กบั จดุ ม่งุ หมายทว่ั ไปหรือไม่ - จุดมุง่ หมายเฉพาะมคี วามชดั เจนและนาไปใชไ้ ด้จรงิ หรือไม่ - จดุ มุง่ หมายเฉพาะในแต่ละขอ้ มีความสาคญั และเหมาะสมเพยี งใด - จดุ มุ่งหมายเฉพาะทกุ ข้อรว่ มกันสามารถตอบสนองจุดมุ่งหมายทวั่ ไป หรือไม่ 4. เกณฑ์การปฏบิ ัติการใชห้ ลักสูตร - มีหลกั เกณฑ์และมาตรฐานการประเมนิ การปฏบิ ัตติ ามหลักสูตร หรือไม่ - เกณฑ์และมาตรฐานการประเมินการใชห้ ลักสตู รมคี วามสมบูรณ์ หรือไม่ - เกณฑ์และมาตรฐานการประเมินการใช้หลักสตู รมคี วามชดั เจน หรอื ไม่ - เกณฑแ์ ละมาตรฐานการประเมินการใชห้ ลกั สตู ร มีความเฉพาะเจาะจงหรอื ไม่ - เกณฑแ์ ละมาตรฐานการประเมินการใชห้ ลักสูตรมคี วามเชื่อถือได้ หรือไม่ - เกณฑแ์ ละมาตรฐานการประเมนิ การใชห้ ลกั สูตรมคี วามเหมาะสม กับบริบทของการใชห้ ลักสตู รหรอื ไม่ 5. การแบ่งระดบั ของคะแนน - มกี ารกาหนดมาตรฐานของการให้ระดบั คะแนนท่ีชดั เจนหรอื ไม่ - การใหร้ ะดบั คะแนนมีความสมั พนั ธ์กบั จดุ มุ่งหมายของหลักสูตร หรือไม่ - การใหร้ ะดับคะแนนมีการจัดลาดบั ความสาคญั หรอื ไม่

บทที่ 3 การประเมนิ หลักสตู รเชิงสรา้ งสรรค์ 81 6. สภาพแวดล้อม - มกี ารอธิบายถงึ สภาพสงั คมและชุมชนทจ่ี ะนาหลกั สตู รไปใช้หรือไม่ - มีการอธิบายเกีย่ วกบั สภาพแวดลอ้ มของสถานศึกษาที่ใชห้ ลกั สตู ร หรอื ไม่ - หลกั สูตรมีลักษณะสอดคล้องกับบรบิ ทของสถานศึกษาหรือไม่ - หลักสตู รมีความสอดคล้องกบั บรบิ ทด้านผู้เรียนหรือไม่ 7. คุณลกั ษณะของผู้เรียน - มกี ารระบุถึงคุณลกั ษณะของผเู้ รียนทจ่ี ะเรียนตามหลักสูตรหรอื ไม่ - มกี ารระบุวิธีการคดั เลือกผเู้ รยี นเขา้ ศกึ ษาในหลกั สูตรหรอื ไม่ - มีการกาหนดระดบั ความรู้พน้ื ฐานกอ่ นเข้าศึกษาในหลักสูตรหรือไม่ - มีการระบวุ ิธกี ารประเมินคุณลกั ษณะเบื้องตน้ ของผู้เรยี นหรือไม่ 8. การเรียนการสอน - แผนการจัดการเรียนการสอนมีความชดั เจนหรือไม่ - การจัดการเรยี นการสอนมีคุณค่ามากนอ้ ยเพยี งใด - เนือ้ หาสาระมคี วามสาคัญมากนอ้ ยเพยี งใด - วธิ กี ารจัดการเรียนการสอนมคี วามสร้างสรรคเ์ พียงใด - การจัดการเรียนการสอนสอดคลอ้ งกับจดุ มงุ่ หมายของหลกั สูตร หรอื ไม่ 9. ความแตกต่างในการจดั การเรยี นการสอน - มปี ระเมนิ ผลระหว่างการจดั การเรยี นการสอนอยา่ งสมา่ เสมอหรือไม่ - มีการประเมนิ วนิ จิ ฉยั ผเู้ รียนหรือไม่ - มกี ารสอนซอ่ มเสริมใหก้ บั ผูเ้ รยี นอยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพหรือไม่ - มกี ารสง่ เสรมิ ผเู้ รยี นทีเ่ กง่ หรือไม่อย่างไร

82 บทท่ี 3 การประเมินหลักสตู รเชิงสรา้ งสรรค์ 10. การส่งเสริมสนับสนุนการใช้หลักสูตร - มกี ารระบจุ านวนผเู้ รียนขน้ั ต่าและสูงสุดไวห้ รือไม่ - มกี ารวางแผนแก้ไขปัญหาเกีย่ วกับผ้เู รียนหรอื ไม่ - มีการระบถุ งึ วสั ดหุ ลักสตู รท่สี นบั สนุนการเรยี นการสอนหรอื ไม่ - ส่ือการเรยี นการสอนมคี วามสมั พนั ธ์กับหลักสูตรหรือไม่ - มกี ารวเิ คราะห์เก่ยี วกบั การบริหารจดั การเวลาหรอื ไม่ - ได้มีการกาหนดคุณสมบัติของผสู้ อนหรือไม่ - ไดม้ ีการระบุหนา้ ทค่ี วามรับผิดชอบของผสู้ อนหรือไม่ - ได้มกี ารวเิ คราะหเ์ ก่ยี วกับทรัพยากรตา่ งๆ ทใี่ ชใ้ นหลกั สตู รหรอื ไม่ 11. การทดลองใชห้ ลักสูตร - มีการทดลองใชห้ ลักสูตรแบบนารอ่ งหรือไม่ - มกี ารทดลองใช้หลกั สูตรภาคสนามหรือไม่ - มีการรายงานผลการทดลองใช้หลกั สตู รหรือไม่ - มกี ารนาผลการทดลองใชห้ ลักสตู รไปปรบั ปรงุ หลกั สตู รหรือไม่ 12. การประเมินผลการใช้หลกั สตู ร - ได้มีการประเมนิ การใช้หลกั สตู รอยา่ งมปี ระสิทธิภาพหรือไม่ - มกี ารประเมินผลการใช้หลกั สตู รในประเดน็ ทจี่ าเปน็ และสาคัญ หรือไม่ - มกี ารปรบั ปรุงแกไ้ ขหลักสตู รจากการประเมินหรอื ไม่ 13. การนาหลกั สูตรไปใช้ - มีการระบุแนวทางการใช้หลกั สตู รท่ชี ัดเจนหรอื ไม่ - มกี ารกาหนดเวลาเกี่ยวกับการใช้หลกั สตู รหรือไม่ - มีการระบบุ ทบาทหน้าที่ของผู้เกย่ี วขอ้ งกบั หลักสูตรชัดเจนหรือไม่

บทที่ 3 การประเมนิ หลกั สูตรเชิงสรา้ งสรรค์ 83 - มที รพั ยากรในการใชห้ ลกั สูตรเพยี งพอหรือไม่ - แผนการบริหารจัดการหลักสตู รมีความชัดเจนหรือไม่ 14. ผลผลิตของหลักสตู ร - ผลผลิตของหลกั สตู รสอดคล้องกบั จุดมุ่งหมายของหลกั สูตรหรือไม่ - ผลผลติ ของหลกั สตู รมคี วามสอดคล้องกับความตอ้ งการในวิชาชีพ เพยี งใด นอกจากน้ีการใช้เคร่ืองมือการประเมินเอกสารหลักสูตร ยังเป็นวิธีการท่ีใช้ กันโดยทั่วไปในการประเมินก่อนการใช้หลักสูตรโดยผู้เชี่ยวชาญอีกด้วย ดังตัวอย่าง เคร่ืองมือท่ีใช้ในการประเมินหลักสูตรก่อนการนาไปใช้ของการวิจัย เรื่อง “การพัฒนา หลักสูตรฝึกอบรมครูเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิจัย เป็นฐาน” ตอ่ ไปน้ี (มารตุ พฒั ผล. 2554ข)

84 บทที่ 3 การประเมนิ หลกั สตู รเชงิ สรา้ งสรรค์ แบบประเมนิ เอกสารหลักสูตรฝึกอบรมครู เพอ่ื เสริมสร้างความสามารถในการจดั การเรยี นร้โู ดยใชว้ จิ ัยเปน็ ฐาน คาชแ้ี จง 1. โปรดพิจารณาเอกสารหลักสูตรแล้วทาเคร่ืองหมาย  ลงในช่องระดับ ความเหมาะสมและความสอดคล้องในแบบประเมิน และขอความกรุณาเขียน ข้อเสนอแนะอื่นๆ ทีเ่ ป็นประโยชน์ต่อการปรบั ปรุงและพฒั นาตอ่ ไป 2. แบบประเมินมี 2 ตอน คือ ตอนท่ี 1 แบบประเมินความเหมาะสมของ หลักสตู รฉบบั รา่ ง และตอนท่ี 2 แบบประเมินความสอดคลอ้ งของหลักสตู รฉบับรา่ ง ตอนท่ี 1 แบบประเมนิ ความเหมาะสมของหลกั สตู รฉบับรา่ ง คาช้แี จง โปรดพจิ ารณาว่าองคป์ ระกอบของหลกั สตู รในแต่ละหวั ข้อตอ่ ไปนี้ วา่ มคี วามเหมาะสม มากนอ้ ยเพียงใด โดยทาเคร่ืองหมาย  ลงในช่อง ระดับความเหมาะสม ระดับความเหมาะสม ขอ้ รายการประเมิน มาก มาก ปาน นอ้ ย นอ้ ย ที่สดุ กลาง ทสี่ ุด 1. ปญั หาและความสาคญั ของหลกั สตู ร 1.1 สมเหตสุ มผล 1.2 สอดคลอ้ งกับความตอ้ งการของสังคม 1.3 เปน็ ประโยชน์ตอ่ ส่วนรวม 2. หลกั การของหลักสูตร 2.1 สมเหตสุ มผล 2.2 แนวคดิ ทฤษฎีที่ใช้สนับสนนุ 2.3 เปน็ ไปไดจ้ รงิ

บทที่ 3 การประเมินหลักสูตรเชิงสรา้ งสรรค์ 85 ขอ้ รายการประเมิน ระดบั ความเหมาะสม มาก มาก ปาน น้อย น้อย 3. จุดม่งุ หมายของหลกั สตู ร ทีส่ ดุ กลาง ท่สี ุด 3.1 ชัดเจนเป็นรปู ธรรม 3.2 สามารถวัดและประเมนิ ผลได้ 3.3 สอดคล้องกบั กลุ่มเปา้ หมาย 4. เน้ือหาของหลักสตู ร 4.1 ครอบคลมุ สาระสาคัญ 4.2 ถกู ตอ้ งตามหลักวชิ าการ 4.3 เหมาะสมกับกลุ่มเปา้ หมาย 5. กิจกรรมการฝึกอบรม 5.1 เหมาะสมกับกลมุ่ เปา้ หมาย 5.2 ส่งเสรมิ การบรรลุจดุ มงุ่ หมาย 5.3 ความเป็นไปได้ 6. สอื่ ประกอบการฝึกอบรม 6.1 ส่งเสรมิ กจิ กรรมการฝกึ อบรม 6.2 เหมาะสมกบั กลมุ่ เป้าหมาย 6.3 นาไปใช้ในสถานการณ์จริง 7. การประเมนิ ผลหลกั สตู ร 7.1 ตรวจสอบการบรรลจุ ดุ มุ่งหมายได้ 7.2 ครอบคลมุ สงิ่ ท่ีตอ้ งการประเมนิ 7.3 เหมาะสมกบั กลมุ่ เป้าหมาย

86 บทที่ 3 การประเมนิ หลักสตู รเชงิ สรา้ งสรรค์ ตอนที่ 2 แบบประเมนิ ความสอดคลอ้ งของหลกั สูตรฉบบั ร่าง คาชีแ้ จง โปรดพจิ ารณาว่าองคป์ ระกอบของหลกั สูตรในแตล่ ะหัวขอ้ ตอ่ ไปน้ี วา่ มีความสอดคลอ้ งกนั มากนอ้ ยเพยี งใด โดยทาเครอ่ื งหมาย ลงในชอ่ ง ระดับความสอดคลอ้ ง ระดบั ความสอดคลอ้ ง ขอ้ รายการประเมิน สอด ไม่ ไม่ คลอ้ ง แนใ่ จ สอดคลอ้ ง 1. สภาพปญั หาและความจาเป็นกับหลกั การของหลักสูตร 2. หลกั การของหลักสูตรกับจุดมุง่ หมายของหลกั สตู ร 3. หลกั การของหลกั สูตรกับการจดั กจิ กรรมฝึกอบรม 4. จดุ มุ่งหมายของหลกั สตู รกับเนอ้ื หาสาระของหลกั สตู ร 5. จุดมุ่งหมายของหลกั สตู รกบั กจิ กรรมฝกึ อบรม 6. เนือ้ หาสาระของหลกั สตู รกับการจดั กิจกรรมฝกึ อบรม 7. เน้ือหาสาระของหลกั สูตรกบั สื่อประกอบการฝึกอบรม 8. เนอื้ หาสาระของหลกั สตู รกับระยะเวลาฝกึ อบรม 9. การจัดกิจกรรมฝกึ อบรมกับระยะเวลาฝึกอบรม 10. การจัดกจิ กรรมฝกึ อบรมกบั สถานที่ฝึกอบรม 11. การจดั กจิ กรรมฝกึ อบรมกับสือ่ ประกอบการฝกึ อบรม 12. การประเมินผลหลักสตู รกับหลกั การของหลักสตู ร 13. การประเมินผลหลักสตู รกบั จดุ มุง่ หมายของหลักสตู ร 14. การประเมินผลหลักสตู รกบั เนอ้ื หาสาระของหลักสตู ร 15. การประเมนิ ผลหลักสตู รกบั กจิ กรรมฝึกอบรม ขอ้ เสนอแนะ ............................................................................................................................. ............ ............................................................................................................................. ............ ลงชอื่ ......................................... ผเู้ ชีย่ วชาญ

บทที่ 3 การประเมินหลักสตู รเชงิ สรา้ งสรรค์ 87 3.3.2 การประเมนิ ระหว่างการใชห้ ลักสูตร เป็นการประเมินเพ่ือตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตรระหว่าง การใช้หลักสูตร โดยการพิจารณาว่าการเรียนการสอนและการวัดประเมินผลที่ปฏิบัติ อยู่นั้นมีคุณภาพเป็นอย่างไร สอดคล้องกับเอกสารหลักสูตรหรือไม่ มีปัญหาอุปสรรค อะไร การประเมินระหว่างการนาหลักสูตรไปปฏิบัติ มุ่งเน้นการ ปรับปรุงและพัฒนาเป็นสาคัญซ่ึงวิธีการประเมินท่ีใช้ ประกอบด้วย การประเมินท่ีเน้น ผู้เรียนเป็นสาคัญ (child – centered evaluation) การประเมินแบบไม่เป็น ทางการ (informal evaluation) การประเมินท่ีเป็นอิสระจากจุดมุ่งหมาย (goal– free evaluation) และการประเมินท่ีเน้นกระบวนการตัดสินใจ (decision – based evaluation) ซ่งึ การประเมินแต่ละวิธมี สี าระสาคัญดังนี้ การประเมินที่เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญเป็นการตรวจสอบความ เหมาะสมของหลักสูตร การเรียนการสอน ระหว่างผู้เรียนกับผู้สอน ผู้เรียนกับหลักสูตร โดยการสารวจ สัมภาษณ์ อภิปราย จนได้สารสนเทศเชิงลึกอย่างหลากหลายจาก ผเู้ รยี น สอดคล้องกับเป้าหมายของการเรยี นรู้และหลักสตู ร จุดเน้นการประเมินลักษณะน้ี คือการสะท้อนสารสนเทศที่เป็น ประโยชน์ต่อการวางแผนวิชาการ ความคุ้มค่า และความพึงพอใจของผู้เรียน ผลจาก การประเมินท่ีเน้นผู้เรียนเป็นสาคัญช่วยทาให้ทราบว่าผู้เรียนได้เรียนรู้อะไร ผู้เรียน สามารถทาอะไรได้บ้างจากส่ิงท่ีได้เรียนรู้และนาความรู้ความสามารถไปใช้ให้เกิด ประโยชน์กับตนเอง ครอบครัว ชุมชนและสังคมอย่างไร รวมท้ังผู้เรียนมีข้อเสนอแนะ ใหม่ๆ อะไรบ้างที่เป็นประโยชน์ตอ่ การปรับปรุงหลักสตู ร

88 บทท่ี 3 การประเมินหลกั สตู รเชงิ สร้างสรรค์ ก า ร ป ร ะ เ มิ น แ บ บ ไ ม่ เ ป็ น ท า ง ก า ร เ ป็ น ก า ร ป ร ะ เ มิ น ท่ี มี ค ว า ม ยืดหยุ่นในด้านวัตถุประสงค์ วิธีดาเนินการและเครื่องมือท่ีใช้เก็บรวบรวมข้อมูล โดยผู้สอนคัดสรรข้อมูลบางประเด็นมาประเมิน (vital signs evaluation) เช่น คุณภาพของการจัดการเรียนการสอน คุณภาพของส่ือการเรียนรู้ คุณภาพของการวัด และประเมินผล คุณภาพของผู้เรียน เป็นต้น ซ่ึงอาจจะเน้นที่วัตถุประสงค์ เนื้อหา การลาดับข้ันตอนกระบวนการเรียนการสอน ไม่เน้นทักษะพิเศษและสามารถให้ข้อมูล ได้โดยตรงจากบริบทจริงในช้ันเรียนที่เป็นประโยชน์ต่อการเรียนการสอนซ่ึงอาจใช้ วธิ ีการพูดคุยซกั ถามบคุ คลท่เี ก่ยี วข้องกับหลักสตู ร เช่น ผบู้ ริหาร ผ้สู อน ผเู้ รียน เปน็ ตน้ ตลอดจนการสังเกตกระบวนการปฏิบัติงาน การสังเกตพฤติกรรม การเรียนรู้การตรวจสอบผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนการวิเคราะห์กระบวนการนาหลักสูตร ไปใช้ การประเมินผลการปฏิบัติท้ังหมดของสถานศึกษา (all school program) ตามเกณฑ์มาตรฐานการศึกษาด้านต่างๆ เพ่ือนาผลการประเมินมาใช้ในการปรับปรุง และพัฒนาการใช้หลักสูตรให้มีคุณภาพและสอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน โดยไม่ตอ้ งรอให้ใช้หลกั สตู รจนครบรอบหลักสูตรหรอื เม่อื มีผู้สาเร็จการศกึ ษา การประเมินท่ีเป็นอิสระจากจุดมุ่งหมาย (goal free evaluation) เป็นการประเมินท่ีมีขอบเขตและประเด็นการประเมินท่ีหลากหลาย มีความกว้างขวางมากกวา่ การประเมนิ ท่ยี ดึ จุดมุ่งหมาย นาเสนอโดย Scriven (1967) การประเมินที่เป็นอิสระจากจุดมุ่งหมาย มีแนวคิดสาคัญว่า การประเมินท่ีมีประสิทธิภาพนั้น ควรมีประเด็นการประเมินครอบคลุมปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวกับการใช้หลักสูตรไม่จากัดเพียงแต่การประเมินความสอดคล้องระหว่าง ผลท่ีเกิดข้ึนจากการใช้หลักสูตรกับจุดมุ่งหมายของหลักสูตรเท่าน้ัน (Armstrong. 2003)

บทที่ 3 การประเมนิ หลักสตู รเชงิ สรา้ งสรรค์ 89 การประเมินที่เป็นอิสระจากจุดมุ่งหมาย ช่วยทาให้ได้ทราบ จุดแข็งและจุดท่ีต้องพัฒนาหลักสูตรให้มีคุณภาพมากข้ึน อย่างสอดคล้องกับบริบท ทางสังคมที่เปล่ียนแปลงไปในปัจจุบันโดยใช้สารสนเทศจากการประเมินห ลักสูตร อย่างรอบดา้ น 3.3.3 การประเมินหลังการใชห้ ลักสูตร เป็นการประเมินท่ีดาเนินการภายหลังเสร็จส้ินการใช้หลักสูตร มุ่งเน้นการประเมิน ผลลัพธ์การเรียนรู้ท่ีเกิดข้ึนกับผู้เรียน โดยการพิจารณา ประสิทธิภาพในการวางแผนหลักสูตรกระบวนการทาหลักสูตรไปใช้ การเรียนการสอน การวัดประเมินผล รวมทั้งผลผลิตที่เกิดขึ้นจากการใช้หลักสูตร โดยใช้เครื่องมือสาหรับ การเก็บรวบรวมข้อมูล เก่ียวกับผลการเรียนรู้ของผู้เรียน ความคิดเห็นของผู้เก่ียวข้อง ทุกฝ่าย มุ่งเน้นการตัดสินใจปรับปรุงหลักสูตรหรือยกเลิกการใช้หลักสูตรซึ่งวิธีการ ประเมินท่ใี ช้ ประกอบด้วยการประเมินแบบเป็นทางการ (formal evaluation) และ การประเมนิ ที่ยึดจุดมุ่งหมาย (goal – based evaluation) ซึ่งการประเมินแต่ละวิธี มีสาระสาคัญดงั นี้ การประเมนิ แบบเป็นทางการเป็นการประเมนิ ทมี่ ีคณะกรรมการ ประเมินหลักสูตร ซ่ึงองค์ประกอบของคณะกรรมการสอดคล้องกับการประเมิน มีการ วางแผนการประเมินทั้งการประเมินเชิงปริมาณและการประเมินเชิงคุณภาพ โดยการ ประยุกตร์ ูปแบบการประเมินทน่ี ามาใชด้ าเนินการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบในทุกมิติท้ัง หลักสูตร ส่วนใหญ่จะประเมินเมื่อหลักสูตรครบรอบหรือมีผลผลิตเกิดข้ึนเพราะจะ ติดตามผลผลิตของหลักสูตร และผู้ใช้ผลผลิตของหลักสูตรต้องใช้เวลาและงบประมาณ จานวนมากสาหรับการประเมินหลักสูตร

90 บทที่ 3 การประเมนิ หลกั สตู รเชิงสรา้ งสรรค์ การประเมินท่ียึดจุดมุ่งหมาย เป็นการประเมินท่ีใช้เป้าประสงค์ ของหลักสูตร (curriculum goals) และวัตถุประสงค์ของหลักสูตร (curriculum objectives) เป็นประเด็นการประเมิน เพื่อตรวจสอบว่าหลักสูตรท่ีดาเนินการอยู่ ประสบความสาเร็จหรือไม่เพียงใด จัดอยู่ในแนวทางการประเมินท่ีมุ่งตรวจสอบความ สอดคล้องระหว่างสิ่งท่ีทาได้กับวัตถุประสงค์ (Performance – Objectives Congruence Approach) การประเมินท่ียึดจุดมุ่งหมาย มีต้นกาเนิดโดย Ralph W. Tyler ค.ศ. 1949 ในหนังสือ Basic Principle of Curriculum and Instruction อย่างไรก็ตาม Tyler ก็ไม่ได้ใช้ช่ือเรียกว่า goal – based evaluation แต่อย่างใด เพียงสะท้อนแนวคิดว่าการประเมินท่ีดีนั้นจะต้องสามารถสรุปได้ว่าโครงการบรรลุ จุดม่งุ หมายทีก่ าหนดไวห้ รอื ไม่ การประเมินในทรรศนะของ Tyler เป็นกระบวนการตดั สินใจและ ลงสรุปว่าวัตถุประสงค์ทางการศึกษาท่ีกาหนดไว้น้ัน ได้บรรลุผลจากหลักสูตรและการ เรียนการสอนหรือไม่ (Tyler. 1949) แนวคิดดังกล่าวเขาเขียนไว้ในหลักการของ Tyler (Tyler’s Rationale) ขอ้ ที่ 1 และขอ้ ท่ี 4 ดงั น้ี ข้อ 1 “What educational purposes should the school seek to attain?” ขอ้ 4 “How can we determine whether these purposes are being attained?” (Tyler. 1949: 1)

บทท่ี 3 การประเมินหลกั สตู รเชิงสร้างสรรค์ 91 ลักษณะเด่นของการประเมินท่ียึดจุดมุ่งหมายในบริบทของการประเมิน หลักสูตรอยู่ตรงท่ี การวิเคราะห์เป้าประสงค์และวัตถุประสงค์ของหลักสูตร ให้กระจ่าง ว่าอะไรคือคุณภาพของผู้เรียนตามที่หลักสูตรต้องการ มีให้ความหมายหรือนิยามเชิง ปฏิบัติการ (operational definition) จากน้ันจึงกาหนดวิธีการและสร้างเคร่ืองมือ ทใ่ี ชเ้ ก็บรวมรวมข้อมูล ดาเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์สรุปผลการประเมิน นาผลการประเมินไปปรบั ปรงุ หลกั สตู ร ดังแผนภาพต่อไปน้ี วเิ คราะห์ จดุ ม่งุ หมายของหลักสูตร นิยามเชงิ ปฏบิ ตั ิการ และสรา้ งเครอ่ื งมือเก็บรวบรวมข้อมลู เก็บรวบรวมข้อมูล ทง้ั เชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ วิเคราะห์ข้อมลู และสรปุ ผลการประเมนิ การปรบั ปรุงหลกั สูตร หรอื ยกเลิกการใชห้ ลักสตู ร แผนภาพ 6 กระบวนการประเมนิ หลักสูตรที่ยดึ จดุ มงุ่ หมาย

92 บทที่ 3 การประเมนิ หลักสตู รเชงิ สร้างสรรค์ การประเมินหลักสูตรเชิงสร้างสรรค์เป็นการประเมินอย่างต่อเนื่องต้ังแต่ ก่อนใช้หลักสูตร ระหว่างการนาหลักสูตรไปปฏิบัติ และหลังการใช้หลักสูตร ผลการ ประเมนิ กอ่ นใช้หลักสตู ร และระหว่างการนาหลักสูตรไปปฏิบัติมุ่งเน้นการปรับปรุงและ พฒั นา ส่วนการประเมินหลงั การใช้หลักสูตรมุ่งเน้นการตัดสินใจปรับปรุงหลักสูตร หรือ ยกเลิกการใช้หลักสูตร สรุปเป็นแผนภาพกรอบแนวคิดของการประเมินหลักสูตร เชิงสร้างสรรค์ ดงั ตอ่ ไปนี้ (วิชัย วงษ์ใหญ่ และมารุต พฒั ผล. 2558) จดุ มุง่ หมาย ของหลักสตู ร การประเมนิ เนือ้ หาสาระ การนาหลกั สตู ร ผลลัพธ์การเรียนรู้ โดยผูเ้ ชีย่ วชาญ และกจิ กรรม ไปปฏบิ ตั ิ ที่เกิดกบั ผูเ้ รยี น ก่อนการใช้ หลักสตู ร การประเมนิ ผล - การประเมนิ แบบเป็นทางการ - การประเมินทยี่ ดึ จุดมงุ่ หมาย - การประเมนิ ทเ่ี น้นผเู้ รียนเปน็ สาคัญ - การประเมินแบบไมเ่ ปน็ ทางการ - การประเมนิ ทไี่ ม่ยดึ จุดมุ่งหมาย แผนภาพ 7 กรอบแนวคดิ การประเมนิ หลกั สูตรเชิงสรา้ งสรรค์

บทท่ี 3 การประเมนิ หลกั สตู รเชิงสรา้ งสรรค์ 93 ลักษณะเด่นของบคุ ลากรผ้มู สี ว่ นเกี่ยวข้องกบั กิจกรรมการประเมินหลักสูตร เชิงสร้างสรรค์ ประการหน่ึงคือ การเป็นชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพ (professional learning community) โดยการท่ีกลุ่มบุคคลหลายฝ่ายท่ีมีความ สนใจและให้ความสาคัญกับการจัดการศึกษา ประกอบด้วย คณะกรรมการสถานศึกษา ผู้บริหาร ผู้สอน ผู้เรียน ผู้ปกครอง ชุมชน มาร่วมกันดาเนินการประเมินหลักสูตร เพ่ือนาไปสู่การปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ก่อนการใช้หลักสูตร ระหว่าง การนาหลกั สตู รไปปฏบิ ตั ิและหลังการใช้หลกั สตู ร การประเมินหลักสูตรแบบร่วมมือร่วมใจ: การประเมิน หลงั การใช้หลักสูตรเพ่อื การปรบั ปรงุ และพัฒนาให้ดขี ้ึน การประเมินแบบร่วมมือร่วมใจ (collaborative evaluation) เป็นการ ประเมินโดยใช้ผู้ท่ีเกี่ยวข้องกับหลักสูตรทุกฝ่ายมีบทบาทเป็นผู้ประเมินหลักสูตร บนพ้ืนฐานของความร่วมมือร่วมใจที่จะปรับปรุงหลักสูตรให้ดียิ่งขึ้น โดยใช้วิธีการ เชงิ คณุ ภาพมากกวา่ เชงิ ปรมิ าณ การประเมินหลักสูตรโดยทั่วไปมักกระทาในรูปของคณะกรรมการท่ีทา หน้าท่ีเป็นผู้ประเมินหลักสูตร โดยกาหนดให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรมีบทบาทหลัก ในการให้ขอ้ มูลทต่ี นเองมีสว่ นเก่ียวข้องเท่าน้นั ซ่ึงขอ้ จากัดประการหน่ึงของวิธีการน้ี คือ การแลกเปลี่ยนข้อมูลความคิดเห็นระหว่างผู้มีส่วนเก่ียวข้องด้วยกันเองท่ีมีต่อหลักสูตร ในประเด็นตา่ งๆ การประเมินแบบร่วมมือร่วมใจ เป็นชื่อท่ีผู้เขียนคิดขึ้นจากการได้เข้าร่วม การประเมินหลักสูตรพระธรรมทูต ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย มีลักษณะสาคญั คอื การเชิญผ้ทู เ่ี ก่ียวข้องกับหลักสูตรพระธรรมทูตทุกฝ่าย มาประชุม

94 บทท่ี 3 การประเมนิ หลกั สตู รเชิงสร้างสรรค์ ร่วมกันเพื่อวิเคราะห์จุดแข็งและจุดท่ีควรปรับปรุงแก้ไข ตลอดจนสิ่งท่ีใหม่ๆ ที่ควร ริเริ่มหรือพัฒนาหลักสตู รพระธรรมทตู ใหด้ ีย่ิงขน้ึ กลุ่มผู้ประชุมมีประมาณ 50 รูป/คน แบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยๆ จาแนกตาม ความเก่ียวข้องกับหลักสูตรพระธรรมทูต จากน้ันจัดให้มีการประชุมกลุ่มย่อยตาม ประเด็นที่กาหนด เมอ่ื เสร็จส้ินการประชุมกลุ่มย่อยแล้ว กลับเข้าสู่การประชุมกลุ่มใหญ่ อีกครั้ง แล้วกลุ่มย่อยแต่ละกลุ่มนาเสนอผลการประชุมกลุ่มของตนเอง จากนั้นสมาชิก ท้ังหมดร่วมกันวิเคราะห์และตัดสินใจปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงหลักสูตรพระธรรมทูต ในประเดน็ ที่กล่มุ ยอ่ ยแตล่ ะกลุ่มนาเสนอ โดยใช้กระบวนการของสุทนรียสนทนา และมี ฉนั ทามตริ ่วมกนั ในการปรับปรุงและเปลยี่ นแปลงหลกั สูตรดงั กล่าวซง่ึ แสดงกระบวนการ ประเมินหลักสตู รแบบรว่ มมอื รว่ มใจได้ดังแผนภาพต่อไปนี้ การประชุมกลมุ่ ใหญเ่ พ่ือแจ้งภารกจิ การประเมนิ หลักสตู ร การประชมุ กล่มุ ย่อยเพ่ือวเิ คราะหจ์ ุดแข็ง จุดที่ต้องปรบั ปรุง สิง่ ท่ีควรรเิ ร่ิม การนาเสนอผลการประชมุ กลุ่มย่อยต่อท่ีประชุมกลุ่มใหญ่ ทปี่ ระชุมกลุ่มใหญ่รว่ มกันวเิ คราะห์ วินจิ ฉัย ตดั สินใจ เป็นฉันทามติ การปรบั ปรงุ แก้ไขหลักสูตร แผนภาพ 8 ขนั้ ตอนการประเมินหลกั สตู รแบบร่วมมือรว่ มใจ

บทที่ 3 การประเมินหลกั สูตรเชิงสร้างสรรค์ 95 ข้อดีของการประเมินแบบน้ีคือ สมาชิกทุกคนได้ร่วมกันแสดงความคิดเห็น ท่ีนาไปสู่การปรับปรุงและเปล่ียนแปลงหลักสูตร บนพื้นฐานของข้อมูลเชิงประจักษ์ ต่างๆ เช่น การเล่าประสบการณ์ของพระวิปัสสนาจารย์ท่ีมีต่อกระบวนการฝึก ภาคปฏิบัติวิปัสสนาภาวนา เป็นต้น นอกจากน้ียังได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจปรับปรุง และเปลี่ยนแปลงหลักสูตรซึ่งทาให้เกิดผลจริงเม่ือถึงเวลาฝึกอบรมพระธรรมทูต รุ่นต่อไป ส่วนข้อจากัดคือ การกาหนดนัดหมายการประชุมท่ีมีผู้เข้าร่วมจานวนมาก และการบริหารจัดการเก่ียวกับการประชุมกลุ่มย่อย และการหาข้อสรุปหรือฉันทามติ ในการปรบั ปรงุ และเปลีย่ นแปลงหลักสตู รท่จี าเปน็ ตอ้ งใช้เวลาในการพจิ ารณาตัดสนิ ใจ ปัจจัยสนับสนนุ การประเมินแบบร่วมมือรว่ มใจ 1. ความเคารพซ่ึงกันและกันระหว่างสมาชิกท่ีเข้าร่วมกิจกรรม ทาให้สมาชิกทุกคน กล้าท่ีจะนาเสนอข้อมูลสารสนเทศ ข้อเท็จจริง และแสดงความ คิดเห็นของตนเองบนพ้นื ฐานของความเคารพผูอ้ ืน่ ไม่ก้าวรา้ ว และมคี วามเทา่ เทียมกนั 2. ความมุ่งมั่นในความสาเร็จ เป็นปัจจัยท่ีทาให้สมาชิกทุกคน เข้าร่วมการประชุมโดยพร้อมเพรียงกันและดาเนินการประชุมกลุ่มย่อยได้อย่างมี ประสิทธิภาพ เกิดผลผลิตจากการประชุม ได้ข้อสรุปประเด็นที่ควรปรับปรุงแก้ไข และ ส่ิงท่ีควรริเริ่มใหม่ๆ ซ่ึงจะต้องใช้ความพยายาม ความอดทน และการเสียสละเวลา ในการรว่ มกนั คดิ หาแนวทางวธิ ีการ และตัดสนิ ใจร่วมกนั 3. สุนทรียสนทนา ทาให้การประชุมท้ังการประชุมกลุ่มย่อยและการ ประชุมกลุ่มใหญ่ มีบรรยากาศท่ีสร้างสรรค์ ไม่เคร่งเครียด ผ่อนคลาย ซ่ึงบรรยากาศ ดังกลา่ วเอื้อต่อการคดิ วิเคราะห์คดิ แกป้ ัญหาและคิดสร้างสรรค์ทาให้ค้นพบแนวทางการ

96 บทท่ี 3 การประเมินหลกั สตู รเชงิ สรา้ งสรรค์ แกไ้ ขปญั หาการใช้หลักสูตรท่ีเคยเกดิ ขึน้ และสามารถคดิ รเิ ร่ิมกิจกรรมใหม่ๆ ในหลักสูตร ได้ดีอีกดว้ ย จากการประเมนิ หลักสูตรพระธรรมทูตโดยใช้วิธีการประเมินแบบร่วมมือ ร่วมใจดังกล่าวทาให้ได้ข้อสรุปในการปรับปรุงหลักสูตรพระธรรมทูตท่ีเป็นฉันทามติดัง ตัวอย่างต่อไปน้ี (เวลาการประชุมตั้งแต่ 13.30 – 20.30 น. ของวันท่ี 28 มกราคม 2558) 1. บรู ณาการเนือ้ หาภาควิชาการเข้ากับภาคปฏบิ ตั ิ เน้นการลงมือปฏบิ ตั ิจริงระหว่างการฝกึ อบรม 2. เพิ่มบทปฏิบัติการถอดบทเรียนสาหรบั พระธรรมทตู บนั ทึกทกุ วนั 3. บูรณาการหลกั สตู รเขา้ กับกจิ กรรมทางพระพุทธศาสนา ของมหาวทิ ยาลยั เช่น การประชุมวันวสิ าขบชู าโลก การประชุมพระธรรมทตู โลก การบรรพชาสามเณรและศลี จารณิ ี เฉลิมพระเกียรตสิ มเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารฯี เป็นต้น เพื่อใหพ้ ระธรรมทตู ได้ฝึกปฏิบตั ใิ นสถานการณ์จรงิ 4. เพิ่มกิจกรรมการเดนิ ธดุ งคข์ องพระธรรมทตู สายประเทศอนิ เดยี – เนปาล 5. เพ่มิ การสวดมนตใ์ นบทสวดท่สี อดคล้องกับสงั เวชนยี สถาน แต่ละแหง่ 6. เพ่ิมชอ่ งทางและวธิ กี ารประชาสัมพันธ์โครงการไปยังกลมุ่ เปา้ หมาย โดยใชว้ ธิ ีการตา่ งๆ อย่างหลากหลาย

บทที่ 3 การประเมนิ หลักสตู รเชิงสรา้ งสรรค์ 97 การประเมินหลักสูตรท่ีจะสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของการประเมินได้ นั้น ต้องเป็นการประเมินท่ีมีความสร้างสรรค์ มีการประเมินอย่างต่อเนื่อง ใช้วิธีการ ประเมินหลายๆ วิธี โดยมีการเรียนร้รู ่วมกันในกิจกรรมการประเมิน ซ่ึงจะทาให้เกิดการ ปรบั ปรงุ และเปลีย่ นแปลงหลักสูตรให้เกิดประโยชนต์ ่อผูเ้ รียน ซง่ึ จาเป็นต้องอาศัยปัจจัย องค์ประกอบของการประเมินหลักสูตรเชิงสร้างสรรค์ทั้ง 4 ปัจจัย และอีกส่ิงหน่ึง ที่ส่งผลต่อคุณภาพการประเมินหลักสูตร คือ มิติการประเมินและคาถามการประเมิน ซึ่งใช้เป็นกรอบและรายละเอียดสาหรับการดาเนินกิจกรรมการประเมนิ หลักสูตร เป็นไป อย่างมีปร ะสิทธิภาพและได้ผ ลการปร ะเมิน ท่ีมีความถูกต้องชัดเ จน ซ่ึงจ ะได้กล่าว ในรายละเอยี ดต่อไป สรปุ จากที่ได้กล่าวมาในบทท่ี 3 เร่ืองการประเมินหลักสูตรเชิงสร้างสรรค์ ได้กล่าวถึงสาระสาคัญ คือ การประเมินหลักสูตรเชิงสร้างสรรค์หมายถึงการประเมิน หลักสูตรโดยคณะกรรมการที่มีสัดส่วนองค์ประกอบของคณะกรรมการท่ีมีความ เชี่ยวชาญเหมาะสมกับหลักสูตรท่ีประเมิน โดยการใช้วิธีการประเมินหลักสูตร ท่ีหลากหลายทั้งเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ จนได้สารสนเทศท่ีถูกต้อง สามารถนามา ปรบั ปรงุ หลกั สตู รให้มคี ุณภาพอย่างสรา้ งสรรค์ โดยจุดเนน้ ของการประเมินหลักสูตรเชิง สร้างสรรค์ จาแนกตามช่วงเวลาของการประเมิน ได้แก่ 1) การประเมินก่อนการใช้ หลักสตู ร มจี ดุ เนน้ คอื การประเมนิ ดว้ ยวธิ ีการวิจัย และการประเมินด้วยวิธีการวิเคราะห์ ระบบของหลักสูตร 2) การประเมินระหว่างการใช้หลักสูตร มีจุดเน้นคือการประเมินที่ เน้นผู้เรียนเป็นสาคัญ การประเมินแบบไม่เป็นทางการ การประเมินที่เป็นอิสระจาก จุดมุ่งหมาย 3) การประเมินหลังการใช้หลักสูตร มีจุดเน้นคือ การประเมินแบบเป็น ทางการ การประเมินท่ียึดจุดมุ่งหมาย ซึ่งการประเมินหลักสูตรเชิงสร้างสรรค์เป็นการ ประเมินอย่างต่อเนอื่ งต้ังแต่กอ่ นใชห้ ลักสตู ร ระหว่างการนาหลักสูตรไปปฏิบัติ และหลัง การใช้หลักสูตร ผลการประเมินก่อนใช้หลักสูตรและระหว่างการนาหลักสูตรไปปฏิบัติ

98 บทที่ 3 การประเมนิ หลักสตู รเชงิ สรา้ งสรรค์ มุ่งเนน้ การปรบั ปรงุ และพัฒนา ส่วนการประเมินหลงั การใชห้ ลกั สตู รมงุ่ เนน้ การตัดสินใจ ปรบั ปรงุ หลกั สตู รหรือยกเลิกการใช้หลักสูตร นวัตกรรมการประเมินแบบร่วมมือร่วมใจ เป็นการประเมนิ โดยใช้ผู้ท่เี กยี่ วขอ้ งกับหลกั สตู รทุกฝา่ ยมีบทบาทเปน็ ผู้ประเมินหลักสูตร บนพื้นฐานของความร่วมมือร่วมใจท่ีจะปรับปรุงหลักสูตรให้ดีย่ิงข้ึน โดยใช้วิธีการเชิง คณุ ภาพมากกว่าเชงิ ปริมาณ

บทที่ 3 การประเมินหลักสตู รเชิงสร้างสรรค์ 99 บรรณานุกรม บัณฑติ ศึกษา มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธริ าช. (2555). การประเมนิ หลักสตู รและการ เรียนการสอน:ประมวลชุดวิชา = Evaluation of Curriculum and Instruction. นนทบุรี: สานกั พมิ พม์ หาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธริ าช. มารตุ พัฒผล. (2554ก). รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรือ่ ง ผลการใชท้ ฤษฎยี ู (Theory - U) ในการประเมินหลกั สตู รระดบั บัณฑติ ศึกษา. กรุงเทพฯ: บัณฑติ วทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ. . (2554ข). รายงานการวจิ ัยฉบบั สมบรู ณ์ เร่ือง การพัฒนาหลักสตู ร ฝกึ อบรมครูเพอ่ื เสรมิ สรา้ งความสามารถในการจัดการเรยี นร้โู ดยใชว้ ิจัย เป็นฐาน. กรงุ เทพฯ: บณั ฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลัยศรนี ครินทรวโิ รฒ. ราชบัณฑิตยสถาน. (2555). พจนานกุ รมศัพทศ์ กึ ษาศาสตร์ ฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน. กรงุ เทพฯ: อรณุ การพิมพ์. วชิ ัย วงษ์ใหญ่. (2554). การพัฒนาหลักสตู รระดับอุดมศึกษา. (พมิ พค์ รั้งที่ 2). กรงุ เทพฯ: อาร์ แอนด์ เอน็ ปรนิ ท์ จากดั . วิชยั วงษ์ใหญ่ และมารุต พฒั ผล. (2558). เอกสารประกอบการบรรยาย หัวข้อ การประเมนิ หลกั สตู รเชิงสร้างสรรค์ และการทวนสอบมาตรฐาน ผลการเรียนรู้. กรงุ เทพฯ: บณั ฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ เอกสารอดั สาเนา. ศริ ิชยั กาญจนวาส.ี (2537). ทฤษฎีการประเมนิ . กรุงเทพฯ: สานกั พมิ พจ์ ุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลยั . สมคดิ พรหมจยุ้ . (2552). เทคนคิ การประเมนิ โครงการ. กรงุ เทพฯ: ศูนย์หนงั สือ จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . (จดั จาหน่าย). Armstrong. David G. (1989). Developing and Documenting the Curriculum. Boston: Allyn and Bacon. . (2003). Curriculum Today. New Jersey: Merrill Prentice Hall.

100 บทท่ี 3 การประเมนิ หลักสตู รเชงิ สร้างสรรค์ Beane, James A. and others. (1986). Curriculum Planning and Development. Boston: Allyn and Bacon. Bobbit, Franklin. (1918). The Curriculum. Boston: Houghton Mifflin. . (1924). How to Make a Curriculum. Boston: Houghton Mifflin. Brady, Laurie. (1992). Curriculum Development. 4thed. Sydney: Prentice Hall. Cronbach, Lee J. (1983). “Course Improvement through Evaluation”. Evaluation Models: Viewpoints on Educational and Human Services Evaluation. Boston: Kluwer-Nijhoff. Guba, Egon G. and Lincoln, Yvonna S. (1989). Fourth Generation Evaluation. California: Sage Publications. Fink, Arlene. (2015). Evaluation Fundamentals: Insight into Program Effectiveness, Quality, and Value. Los Angeles: Sage Publications. Henson, Kenneth T. (2001). Curriculum Planning: Integrating Multiculturalism, Constructivism, and Education Reform. 2nded. New York: McGraw - Hill. Hoggarth, Liz. (2010). A Practical Guide to Outcome Evaluation. London; Philadelphia: Jessica Kingsley Publishers. Kelly, A. V. (1999). The Curriculum. 4thed. London: Paul Chapman Publishing Ltd. Lattuca, Lisa R. (2009). Shaping the Collage Curriculum: Academic Plans in Context. 2nded. San Francisco: Jossey – Bass. Marsh, Colin J., and Willis, George. (2003). Curriculum: Alternative Approached, Ongoing Issues. Upper Saddle River, New Jersey: Merrill Prentice Hall.

บทที่ 3 การประเมินหลกั สตู รเชิงสรา้ งสรรค์ 101 McDavid, James., Huse, Irene., and Hawthorn, Laura R.L. (2013). Program Evaluation and Performance Measurement: An Introduction to Practice. Thousand Oaks: Sage Publications. McNeil, John D. (1976). Designing Curriculum: Self – Instructional Modules. Boston: Little, Brown and Company. Mertens, Donna M., and Wilson Amy T. (2012). Program Evaluation Theory and Practice: A Comprehensive Guide. New York: The Guilford Press. Miller, J. P. & Seller, W. (1985). Curriculum: Perspectives and Practice. New York : Longman. O’Sullivan, Rita G. (2004). Practicing Evaluation: A Collaborative Approach. Thousand Oaks: Sage Publications. Oliva, Peter F. (2009). Developing the Curriculum. 7thed. Boston: Allyn and Bacon. Oliva, Peter F., and Gordon, II, William, R. (2013). Developing the Curriculum. 8thed. Boston: Pearson. Ornstein, Allan C. (2013). Curriculum: Foundations, Principles, and Issues. Boston: Pearson. Ornstein, Allan C., and Hunkins, Francis P. (2004). Curriculum: Foundations, Principles, and Issues. Boston: Allyn and Bacon. Pearsons, Beverly A. (2002). Evaluating Inquiry: Using Evaluation to Promote Student Success. Thousand Oaks; California: Corwin Press. Posner, George J. (2004). Analyzing the Curriculum. New York: McGraw Hill. Print, Murray. (1993). Curriculum Development and Design. 2nd ed. Sydney: Allen & Unwin.

102 บทท่ี 3 การประเมินหลักสูตรเชงิ สรา้ งสรรค์ Rea-Dickins, Pauline., and Germaine, Kevin. (2011). Evaluation. Oxford: Oxford University Press. Royse, David., [et al.]. (2001). Program Evaluation: An Introduction. Australia; Belmont, California: Brooks/Cole-Wadsworth Thompson Learning. Saylor, J. G. and Alexander, W.M. (1974). Curriculum Planning for Schools. New York: Holt, Rinehart & Winston. . (1981). Curriculum Planning for Better Teaching and Learning. New York: Holt, Rinehart and Winston. Scriven, Michael. (1967). “The methodology of evaluation”. In R. W. Tyler, R. M. Gagne, & M. Scriven (eds.), Perspectives of Curriculum Evaluation, 39-83. Chicago, IL: Rand McNally. Stufflebeam, Daniel L. and Shinkfield, Anthony J. (2007). Evaluation Theory, Models, & Applications. San Francisco: Jossey – Bass. Taba, Hilda. (1962). Curriculum Development : Theory and Practice. New York: Harcourt Brace Jovanovich. Tanner, Daniel and Tanner, Laurel. (1975). Curriculum Development: Theory into Practice. New York: Macmillan Publishing. Tanner, Daniel and Tanner, Laurel. (1980). Curriculum Development: Theory into Practice. 2nded. New York: Macmillan Publishing. Tyler, Ralph W. (1949). Basic Principles of Curriculum and Instruction. Chicago: The university of Chicago Press. Walker, Decker F. and Soltis, Jonas F. (2009). Curriculum and Aims. New York: Teachers College Columbia University. Wiles, Jon W., and Bondi, C. Joseph. (2011). Curriculum Development a Guide to Practice. 8thed. Boston: Pearson.

บทที่ 4 ประเดน็ และคาถามการประเมินหลกั สตู ร 103 บทที่ 4 ประเด็นและคาถามการประเมนิ หลักสูตร

104 บทที่ 4 ประเด็นและคาถามการประเมนิ หลกั สูตร การประเมนิ หลกั สตู รทดี่ ี ต้องมีประเด็นการประเมิน หรือบางครง้ั เรียกว่า กรอบการประเมิน

บทที่ 4 ประเด็นและคาถามการประเมนิ หลกั สูตร 105 4.1 ประเดน็ การประเมนิ หลักสตู ร 4. ประเดน็ และคาถาม การประเมินหลักสตู ร 4.2 คาถามการประเมนิ หลักสูตร

106 บทท่ี 4 ประเด็นและคาถามการประเมินหลักสตู ร คาถามการประเมิน (evaluation questions) หมายถึงสงิ่ ที่ต้องการทราบ หรอื ได้คาตอบจากการประเมิน ซง่ึ เปน็ ประโยชน์ต่อการตดั สนิ ใจ เก่ียวกับหลกั สูตร

บทที่ 4 ประเดน็ และคาถามการประเมินหลักสูตร 107 สาระสาคญั สาหรับในบทท่ี 4 เรื่อง ประเด็นและคาถามการประเมินหลักสูตร มสี าระสาคญั ดังต่อไปนี้ 1. การประเมินหลักสูตรที่ดีต้องมีประเด็นการประเมินหรือบางคร้ัง เรียกว่ากรอบการประเมิน ได้แก่ 1) ขอบเขตของหลักสูตร 2) ความสัมพันธ์เชื่อมโยง ของหลักสูตร 3) ความสมดุลของหลักสูตร 4) การบูรณาการของหลักสูตร 5) การลาดับ เนื้อหาสาระ 6) ความต่อเนื่องของเนื้อหาสาระและกิจกรรม 7) ความเชื่อมต่อของ เนอื้ หาสาระ 8) การถ่ายโอนการเรียนรู้ 2. คาถามการประเมิน (evaluation questions) หมายถึงสิ่งท่ี ต้องการทราบหรือได้คาตอบจากการประเมิน ซ่ึงเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจเก่ียวกับ หลักสูตรไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงหลักสูตร หรือยกเลิกการใช้หลักสูตร การต้ังคาถาม การประเมินที่มีความครอบคลุมและชัดเจน ช่วยทาให้การประเมินหลักสูตร มีประสิทธิภาพมากขึ้น ได้คาตอบที่เป็นประโยชน์ต่อการนามาปรับปรุงหลักสูตร อย่างถูกต้องและครอบคลุม

108 บทที่ 4 ประเด็นและคาถามการประเมนิ หลกั สูตร การประเมินหลักสตู รท่ปี ระสทิ ธภิ าพ ควรกาหนดประเดน็ การประเมิน และคาถามการประเมินไวอ้ ย่างชัดเจน

บทท่ี 4 ประเดน็ และคาถามการประเมนิ หลักสตู ร 109 4.1 ประเด็นการประเมินหลักสตู ร การประเมินหลักสูตรที่ดีต้องมีประเด็นการประเมิน หรือบางคร้ังเรียกว่า กรอบการประเมิน ได้แก่ 1) ขอบเขตของหลักสูตร (scope) 2) ความสัมพันธ์เชื่อมโยง ของหลักสูตร (relevant) 3) ความสมดุลของหลักสูตร (balance) 4) การบูรณาการ ของหลักสูตร (integration) 5) การลาดับเนื้อหาสาระ (sequence) 6) ความต่อเน่ือง ของเน้ือหาสาระและกิจกรรม (continuity) 7) ความเช่ือมต่อของเน้ือหาสาระ (articulate) 8) การถ่ายโอนการเรียนรู้ (learning transferable) (Henson. 2001, Oliva. 2009) โดยมีประเด็นการประเมนิ ที่สาคญั ตอ่ ไปนี้ 1) การประเมินขอบเขตของหลักสูตร มีประเด็นการประเมินที่สาคัญ ต่อไปนี้ 1. ขอบเขตของมาตรฐานผลการเรยี นรู้ทีก่ าหนดไว้ในหลกั สูตร 2. ขอบเขตของจดุ มุ่งหมายและวัตถปุ ระสงคข์ องหลกั สูตร 3. ขอบเขตของสมรรถนะและคณุ ลักษณะที่พงึ ประสงค์ 4. ขอบเขตของเนอ้ื หาสาระทกี่ าหนดใหเ้ รียนหลักสูตร 5. ขอบเขตของเนอื้ หาสาระท่ีกาหนดใหเ้ รียนในแตล่ ะระดับช้นั 6. ขอบเขตของระยะเวลาการศกึ ษาตลอดหลักสตู ร 2) การประเมินความสัมพันธ์เช่ือมโยงของหลักสูตร มีประเด็น การประเมินที่สาคัญตอ่ ไปน้ี 1. ความเชอ่ื มโยงกบั เป้าหมาย และมาตรฐานการศกึ ษา ระดับชาติ

110 บทท่ี 4 ประเดน็ และคาถามการประเมินหลักสูตร 2. ความเชอื่ มโยงระหว่างวัตถุประสงค์ของหลกั สตู ร เนือ้ หาสาระ การจัดการเรียนการสอน และการประเมนิ ผล 3. ความเชอื่ มโยงระหวา่ งเน้อื หาสาระระหวา่ งระดับชนั้ และภายในระดบั ชัน้ 4. ความเชื่อมโยงกับความต้องการของผเู้ รยี น ชมุ ชน และสงั คม 5. ความเช่อื มโยงกับหลกั สูตรอื่นทีค่ ลา้ ยคลงึ กัน 6. ความเชื่อมโยงกับการประกอบอาชีพในอนาคตของผเู้ รียน 7. ความเช่อื มโยงกบั มาตรฐานสมาคมวิชาชีพ (ถา้ ม)ี 3) การประเมินความสมดลุ ของหลักสูตร มปี ระเด็นทสี่ าคญั ตอ่ ไปน้ี (วิชัย วงษ์ใหญ.่ 2555) 1. ความเปน็ โลกาภวิ ตั นแ์ ละความเปน็ ทอ้ งถน่ิ (Globalization & Localization) 2. การพัฒนาจากส่วนกลางและการพฒั นาโดยโรงเรียนเปน็ ฐาน (Central Development and School Based Development) 3. การพัฒนาความเชย่ี วชาญกบั การพัฒนาทง้ั ตัวบคุ คล (Specialist Development and Whole person Development) 4. ความเหมอื นกนั ความหลากหลายและความยดื หยุ่น (Uniformity Diversity Flexibility)

บทที่ 4 ประเด็นและคาถามการประเมนิ หลกั สตู ร 111 5. ความร่วมมือและการแขง่ ขนั (Co – operation and Competition) 6. การถา่ ยทอดความรแู้ ละการสร้างความรู้ (Knowledge transmission and Knowledge creation) 7. การเลอื กประเมนิ และการประเมินการเรียนรู้ (Assessment for selection and Assessment for learning) 4) การประเมินการบูรณาการของหลักสูตร มีประเด็นการประเมิน ท่สี าคญั ตอ่ ไปนี้ 1. การบรู ณาการระหวา่ งความรู้ สมรรถนะ และคุณลกั ษณะ ทพ่ี ึงประสงค์ 2. การบูรณาการระหวา่ งความรแู้ ละกระบวนการเรยี นรู้ 3. การบูรณการระหว่างการเรยี นร้แู ละการวจิ ัย 4. การบูรณาการระหวา่ งการรับความรแู้ ละการแสวงหาความรู้ 5. การบูรณาการระหวา่ งการเรยี นรูท้ ่ีสถานศกึ ษาและการเรียนรู้ ในชีวิตจรงิ 6. การบูรณาการระหวา่ งความรู้ทเี่ ป็นสากลและความรู้ ที่เปน็ ภูมปิ ญั ญาท้องถ่นิ

112 บทท่ี 4 ประเดน็ และคาถามการประเมนิ หลักสตู ร 5) การประเมินการลาดับเน้ือหาสาระ มีประเด็นการประเมินท่ีสาคัญ ตอ่ ไปน้ี 1. จดั ลาดับเนอ้ื หาสาระสอดคล้องกับความสนใจของผเู้ รยี น ในแตล่ ะช่วงวยั 2. จดั ลาดบั เนื้อหาสาระสอดคล้องกบั ระดับพฒั นาการ ของผู้เรียนในแต่ละชว่ งวยั 3. จดั ลาดับเนื้อหาสาระท่เี ออื้ ตอ่ ประสทิ ธภิ าพการเรียนรู้ ของสมอง 4. จัดลาดบั เนอ้ื หาสาระจากสิง่ ทีง่ า่ ยไปส่สู ง่ิ ท่มี ีความซับซอ้ น 5. จดั ลาดับเนอ้ื หาสาระส่งิ ที่เป็นพื้นฐานกอ่ นเน้อื หาสาระ ในเชิงประยุกต์ 6. จัดลาดบั เนอื้ หาสาระจากรปู ธรรมไปสู่นามธรรม 7. จัดลาดับเนือ้ หาสาระจากสิง่ ใกล้ตัวไปสู่ส่งิ ทีเ่ ป็นสากล 8. จัดลาดับเนอ้ื หาสาระทีต่ ้องใชก้ ารคิดขัน้ พื้นฐานไปสู่ การคิดขัน้ สูง 6) การประเมินความต่อเนื่องของเนื้อหาสาระและกิจกรรม มีลักษณะ เป็นการตรวจสอบความต่อเน่ืองของเนื้อหาสาระในระดับที่เล็กกว่าการประเมินลาดับ ของเนอื้ หาสาระ (sequencing) ท่ีกล่าวไปแลว้ มีประเด็นการประเมินทส่ี าคัญต่อไปน้ี 1. ความตอ่ เนื่องระหวา่ งสาระสาคญั (main concept) หนงึ่ ไปยงั อีกสาระสาคัญหนงึ่ เชน่ ความตอ่ เน่อื งของสาระสาคัญ คอู่ นั ดับไปยงั สาระสาคญั ของฟงั ชันก์ เปน็ ตน้

บทท่ี 4 ประเด็นและคาถามการประเมินหลักสตู ร 113 2. ความต่อเน่ืองระหวา่ งสาระสาคญั ของหนว่ ยการเรียนรหู้ นึ่ง ไปยงั สาระสาคญั ที่เรียนอีกหนว่ ยการเรยี นรู้หน่ึง 3. ความต่อเนื่องระหว่างการปฏิบัตกิ จิ กรรมการเรียนรู้หนึง่ ไปยงั การปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรูอ้ ีกอยา่ งหนงึ่ 4. ความต่อเน่อื งระหว่างการปฏบิ ัติกิจกรรมการเรียนร้ตู า่ งๆ ไปส่กู ารสรปุ และสงั เคราะหเ์ ป็นองคค์ วามรู้ของผู้เรียน 5. ความตอ่ เน่อื งระหวา่ งการจดั กจิ กรรมและประสบการณ์ การเรยี นรู้ไปยังวิธีการและเคร่อื งมอื การวดั และประเมนิ ผล การเรียนรู้ 7) การประเมินความเชื่อมต่อของเน้ือหาสาระ หมายถึง ความเชื่อมต่อ ของเน้ือหาสาระ จากสาระการเรียนรู้หรือรายวิชาหนึ่งไปยังอีกสาระการเรียนรู้หรืออีก รายวิชาหน่ึง และความเช่ือมต่อของเนื้อหาสาระจากระดับช้ันหนึ่งไปยังอีกระดับ ชั้นหน่ึง มปี ระเดน็ การประเมนิ ที่สาคญั ต่อไปน้ี 1. ความเชื่อมต่อของเนอื้ หาสาระจากสาระการเรยี นรู้ หรอื รายวชิ าหน่งึ ไปยงั อีกสาระการเรยี นรู้หรอื อกี รายวิชาหนง่ึ ในระดบั ชน้ั เดยี วกนั 2. ความเชอ่ื มตอ่ ของเนอ้ื หาสาระจากสาระการเรยี นรู้ หรือรายวชิ าหนึ่งไปยงั อกี สาระการเรียนรหู้ รืออีกรายวิชาหนง่ึ ในระดับช้ันตา่ งกนั 3. ความเชือ่ มต่อของเนอื้ หาสาระในสาระการเรยี นรู้ หรอื รายวชิ าเดยี วกันจากระดบั ชั้นหน่งึ ไปยงั อกี ระดับชั้นหนึ่ง 4. ความเชื่อมต่อของเนื้อหาสาระในสาระการเรียนรหู้ รอื รายวิชา ตา่ งกันจากระดับชนั้ หน่ึงไปยังอกี ระดบั ชัน้ หนง่ึ

114 บทที่ 4 ประเด็นและคาถามการประเมนิ หลกั สูตร 8) การถ่ายโอนการเรียนรู้ (transfer of learning) หมายถึง การนาผล การเรียนรู้ ความรู้ และประสบการณ์การเรยี นรูจ้ ากการเรียนรู้ในครั้งก่อนมาใช้เป็นฐาน การเรยี นรู้ในครง้ั หลงั มีประเด็นการประเมินทีส่ าคัญต่อไปนี้ 1. การมงุ่ เนน้ การนาความรูไ้ ปใชใ้ นการแกไ้ ขปัญหา และการสร้างสรรค์ผลงาน 2. การส่งเสรมิ ใหผ้ เู้ รียนไดร้ ับประสบการณท์ ี่มคี ุณค่า และเชอ่ื มโยงกับส่งิ ท่เี รยี น 3. การบูรณาการความรู้ สมรรถนะ และคณุ ลกั ษณะ ไปสกู่ ารปฏิบตั ิงานในสถานการณจ์ รงิ ในบรบิ ทของสงั คม และชมุ ชนอย่างสร้างสรรค์ 4. การสง่ เสริมให้ผ้เู รียนใชก้ ระบวนการเรียนรู้ การแสวงหา ความรแู้ ละสรุปความรดู้ ว้ ยตนเอง การประเมินหลักสูตรตามประเด็นต่างๆ ดังที่กล่าวมาท้ัง 8 ประเด็นเป็น การประเมินเชิงลึกท่ีต้องใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลท้ังเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ และต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญที่มีคุณสมบัติ 2 ประการควบคู่กัน คือ มีความรู้ความสามารถ ดา้ นหลักสตู ร และมคี วามรูใ้ นเน้ือหาสาระที่ประเมนิ จะทาให้ได้ผลการประเมินที่ถูกต้อง และสามารถให้ข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงและพัฒนาได้อย่างมาก สรุปเป็นแผนภาพไดด้ ังตอ่ ไปน้ี

บทท่ี 4 ประเด็นและคาถามการประเมนิ หลกั สตู ร 115 ขอบเขต ผู้เชีย่ วชาญ การลาดับ เนอ้ื หา ความสัมพนั ธ์ ประเมนิ และเช่ือมโยง ความต่อเนื่อง ประเด็น ความสมดลุ การประเมนิ ความเช่ือมต่อ การบูรณาการ สรุปผล การถา่ ยโอน การประเมิน การเรยี นรู้ และใหข้ ้อเสนอแนะ แผนภาพ 9 การประเมนิ หลกั สตู รโดยผูเ้ ช่ียวชาญดา้ นหลักสตู รและดา้ นเนอื้ หา

116 บทท่ี 4 ประเด็นและคาถามการประเมินหลักสูตร 4.2 คาถามการประเมินหลกั สูตร การประเมินหลักสูตรท่ีดีจาเป็นต้องมี คาถามการประเมิน (evaluation questions) หมายถึง สิ่งท่ีต้องการทราบหรือได้คาตอบจากการประเมินซึ่งเป็น ประโยชน์ต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับหลักสูตรไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงหลักสูตรหรือ ยกเลิกการใช้หลักสูตร เช่น ถามว่า “การบริหารจัดการหลักสูตรมีประสิทธิภาพ เพยี งใด” “การเรยี นการสอนมคี ุณภาพเพียงใด” “การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ มีคุณภาพเพียงใด” การตั้งคาถามการประเมินท่ีมีความครอบคลุมและชัดเจน ช่วยทา ให้การประเมินหลักสูตรมีประสิทธิภาพมากข้ึน ได้คาตอบท่ีเป็นประโยชน์ต่อการ ปรับปรุงหลักสูตรอยา่ งครอบคลมุ การตั้งคาถามการประเมินที่ดีจะนาไปสู่การกาหนดวิธีการและเคร่ืองมือ ในการเก็บรวบรวมข้อมูลต่อไป ช่วยทาให้การประเมินหลักสูตรที่มีคุณภาพและได้ผล การประเมินที่สามารถนามาใช้เป็นประโยชน์ได้อย่างแท้จริง ซ่ึงคาถามการประเมิน หลักสูตรสามารถจาแนกได้หลายกลมุ่ ดังต่อไปนี้ ตวั อยา่ งคาถามการประเมินหลักสูตรเก่ยี วกับวัตถุประสงคข์ องหลกั สูตร - วตั ถปุ ระสงคข์ องหลักสูตรมคี วามสอดคลอ้ งกบั มาตรฐาน การศึกษาหรือเปา้ หมายการศกึ ษาของชาติหรือไม่ - วัตถุประสงค์ของหลกั สูตรมคี วามสอดคล้องกบั บรบิ ทของสงั คม หรอื ไม่ - วัตถุประสงค์ของหลกั สูตรแต่ละข้อมจี ดุ เนน้ หรอื ไม่ - การเขียนวตั ถุประสงคข์ องหลกั สูตรมลี กั ษณะเป็นผลการเรยี นรู้ หรอื ไม่

บทที่ 4 ประเด็นและคาถามการประเมนิ หลักสตู ร 117 - วตั ถปุ ระสงค์ของหลักสตู รครอบคลมุ มาตรฐานผลการเรยี นรู้ หรือไม่ - วตั ถปุ ระสงค์ของหลักสตู รตอบสนองความตอ้ งการ ของสาขาวชิ าชีพหรือไม่ - วัตถปุ ระสงคข์ องหลักสตู รมีความเชอื่ มโยงไปสรู่ ายวิชาหรอื ไม่ - วตั ถปุ ระสงคข์ องหลกั สตู รมีความชัดเจนเพียงพอท่จี ะนาไปสู่ การออกแบบการเรียนการสอนไดห้ รือไม่ - วัตถุประสงคข์ องหลกั สูตรมีความชดั เจนเพยี งพอท่ีจะนาไปสู่ การออกแบบการวดั และประเมนิ ผลได้หรอื ไม่ - วัตถปุ ระสงค์ของหลกั สูตรมคี วามสอดคล้องกับมาตรฐาน ของสภาวิชาชีพหรือไม่ ตัว อ ย่ า ง ค า ถ า ม ก า ร ป ระ เ มิ น ห ลั ก สู ต ร เ ก่ี ย ว กับ ส า ร ะ ก า ร เ รี ย น รู้ ห รื อ รายวิชาในหลักสูตร (คาว่าสาระการเรียนรู้ใช้หลักสูตรหลักสูตรระดับการศึกษา ขั้นพ้ืนฐานเนื่องจากเป็นหลักสูตรท่ีอิงมาตรฐาน ส่วนคาว่ารายวิชา ใช้กับหลักสูตร ระดับอุดมศกึ ษาเพราะเป็นหลักสูตรรายวิชา) - สาระการเรยี นรู้หรือรายวชิ าในหลกั สตู รมคี วามสอดคล้องกับ วัตถปุ ระสงค์ของหลกั สูตรหรอื ไม่ - สาระการเรยี นรหู้ รือรายวชิ าในหลกั สูตรตอบสนอง ความต้องการของผเู้ รยี นหรือไม่

118 บทท่ี 4 ประเด็นและคาถามการประเมนิ หลกั สตู ร - สาระการเรียนร้หู รอื รายวิชาในหลักสตู รมคี วามทันสมยั ต่อความเจริญกา้ วหนา้ ขององค์ความรู้และนวตั กรรมหรือไม่ - สาระการเรียนร้หู รอื รายวชิ าในหลกั สูตรเปน็ ส่ิงที่สาคญั และจาเปน็ ตอ่ การเรยี นรู้ของผ้เู รียนหรือไม่ - สาระการเรียนรหู้ รือรายวชิ าในหลกั สูตรสะทอ้ นสาระสาคญั ที่ชดั เจนและเปน็ ระบบหรือไม่ - สาระการเรียนรหู้ รือรายวิชาในหลกั สูตรทกี่ าหนดให้เรยี น ในชน้ั ปีเดียวกนั มีความเชือ่ มโยงในแนวราบซ่งึ กันและกนั หรือไม่ - สาระการเรยี นรู้หรอื รายวชิ าในหลักสตู รทก่ี าหนดใหเ้ รียน ในแตล่ ะชั้นปมี ีความเชื่อมโยงในแนวตั้งซึ่งกันและกนั หรือไม่ - สาระการเรยี นรู้หรือรายวชิ าในหลักสูตรมคี วามสอดคลอ้ งกับ ศกั ยภาพของผู้เรยี นหรือไม่ - สาระการเรียนรหู้ รอื รายวชิ าในหลกั สตู รมกี ารระบวุ ัตถปุ ระสงค์ แนวการจดั การเรียนการสอน และการประเมินผล ไว้อย่างชัดเจน เพอื่ เปน็ แนวทางการจดั การเรยี นการสอน ของผ้สู อน และการเรยี นรขู้ องผูเ้ รียนหรือไม่ - สาระการเรยี นรู้หรือรายวชิ าในหลกั สตู รมคี วามซ้าซอ้ นหรอื ไม่ ตัวอยา่ งคาถามการประเมนิ หลักสตู รเกย่ี วกบั การจดั การเรยี นรู้ - การจดั การเรียนรู้สอดคล้องกับความสนใจ ความถนดั และความตอ้ งการของผเู้ รยี นหรือไม่

บทท่ี 4 ประเดน็ และคาถามการประเมนิ หลักสตู ร 119 - การจัดกระบวนการเรียนรไู้ ด้มกี ารส่งเสรมิ ให้ผู้เรียนศึกษา ค้นคว้าความรดู้ ว้ ยตนเองหรอื ไม่ - ใชว้ ธิ ีการจัดการเรียนการสอนอย่างหลากหลายหรอื ไม่ เช่น การบรรยาย การอภปิ ราย การสัมมนา การวจิ ัยเปน็ ฐาน เปน็ ตน้ - ใช้แหลง่ การเรยี นร้ตู า่ งๆ มาสนบั สนนุ กระบวนการเรียนรู้ หรือไม่ - กระบวนการเรียนรมู้ งุ่ พัฒนาความร้ทู างวชิ าการ ทักษะปฏบิ ตั ิ และคุณลักษณะทพี่ งึ ประสงค์ควบคกู่ นั หรือไม่ - กระบวนการเรียนรู้เชือ่ มโยงองคค์ วามรกู้ บั ปรากฏการณ์ ทางสังคมหรือไม่ - กระบวนการเรียนรกู้ ระตนุ้ ใหผ้ เู้ รียนคิดวเิ คราะห์ และคิดวิจารณญาณหรือไม่ - กระบวนการเรยี นรู้ส่งเสริมใหผ้ เู้ รยี นมกี ารแลกเปลีย่ นเรยี นรู้ หรอื ไม่ - กระบวนการเรียนร้สู ่งเสรมิ ใหผ้ เู้ รียนพฒั นาตนเอง อยา่ งต่อเนือ่ งหรือไม่ - มกี ารนาผลการวจิ ยั ตา่ งๆ มาประกอบการจดั การเรยี นรู้หรือไม่ - ผู้เรยี นได้ปฏิบัตกิ ารวจิ ยั เป็นสว่ นหนึ่งของกิจกรรมการเรียนรู้ หรอื ไม่

120 บทท่ี 4 ประเดน็ และคาถามการประเมินหลักสูตร - ใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศและการสอ่ื การมาสนับสนุน การจัดการเรยี นรหู้ รือไม่ - ผ้สู อนเอือ้ อานวยความสะดวกในเรยี นรูใ้ ห้กับผูเ้ รยี น โดยใช้วธิ กี ารต่างๆ เช่น ให้คาแนะนา ให้ความช่วยเหลือ หรือไม่ ตัวอย่างคาถามการประเมินหลักสูตรเก่ียวกับการวัดและประเมินผล การเรยี นรู้ - ใชว้ ธิ ีการวัดผลการเรียนรู้อยา่ งหลากหลายหรือไม่ เชน่ การสงั เกต การทดสอบ การประเมินตนเอง การตรวจผลงาน - ใช้ผปู้ ระเมินจากบคุ คลหลายฝา่ ยหรอื ไม่ เชน่ ผ้สู อน เพื่อน ผ้เู รียน ผู้เกย่ี วข้อง - ดาเนนิ การประเมินผลก่อนการเรียนรู้ เพ่ือวนิ ิจฉยั ความพรอ้ ม ในการเรียนรู้ของผู้เรียน ดว้ ยวิธีการต่างๆ หรอื ไม่ เชน่ การสอบถาม การใช้แบบทดสอบ - ดาเนินการประเมนิ ผลระหวา่ งการเรียนร้คู วบคกู่ ับ การจดั การเรียนการสอนหรอื ไม่ เช่น การตรวจสอบผลงาน การสังเกต - ดาเนินการประเมินผลหลงั การเรียนรู้หรอื ไม่ เชน่ การทดสอบ การปฏบิ ตั ิงาน การทารายงานทางวิชาการ - ดาเนินการประเมินผลการเรียนรูเ้ พือ่ ตรวจสอบกระบวนการ เรยี นรู้ของผ้เู รยี นหรอื ไม่

บทที่ 4 ประเดน็ และคาถามการประเมินหลักสูตร 121 - ดาเนนิ การประเมินผลการเรยี นรู้เพอ่ื ตรวจสอบความก้าวหน้า ในการเรียนรู้ (progress) ของผู้เรียนหรือไม่ - ดาเนินการประเมนิ ผลการเรียนรู้เพ่อื ตรวจสอบผลผลิต ของการเรียนรู้ (product) ของผ้เู รยี นหรอื ไม่ - ผู้เรียนมีสว่ นรว่ มในการประเมนิ หรอื ไม่ - มีการสะทอ้ นผลการประเมนิ ส่ผู ้เู รยี นดว้ ยวธิ ีการต่างๆ หรือไม่ ที่มาของการกาหนดคาถามการประเมิน ส่วนหน่ึงมาจากเหตุผล ทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาหลักสูตร เช่น วัตถุประสงค์ของหลักสูตร เน้ือหา สาระ กิจกรรมการเรียนการสอน และการประเมินผล มีความสอดคล้องกันหรือไม่ เปน็ ตน้ อีกส่วนหนึ่งจะมาจากปรากฏการณ์ที่เกิดข้ึนจริงในหลักสูตรซึ่งจะมีความ แตกต่างหลากหลายกันไปในแต่ละหลักสูตร ซ่ึงคณะกรรมการประเมินหลักสูตร ควรนามาพิจารณากาหนดเป็นคาถามการประเมินด้วย เพราะจะทาให้ได้ข้อมูลผลการ ประเมนิ ทส่ี อดคลอ้ งกับบริบทของการใช้หลกั สูตรอยา่ งแทจ้ ริง และนาไปสู่การปรับปรุง หลักสูตรได้ตรงปญั หามากยง่ิ ขน้ึ เช่น การเกิดปรากฏการณ์ผ้เู รยี นไม่สามารถปฏิบัติงาน กล่มุ รว่ มกนั ได้อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ในปรากฏการณ์น้ีคณะกรรมการประเมินหลักสูตร ควรนามาพิจารณากาหนดคาถามการประเมินที่เก่ียวข้อง เช่น ผู้เรียนมีทักษะการ ทางานรว่ มกนั หรือไม่ การมอบหมายงานจากผู้สอนมีประสิทธิภาพหรือไม่ ลักษณะของ ภาระงานที่ให้ผู้เรียนปฏิบัติในแต่ละรายวิชามีความบูรณาการกันหรือไม่ ภาระงาน ท่ีมอบหมายน้ันมีความสอดคล้องเช่ือมโยงกับสิ่งท่ีเรียนในเชิงทฤษฎีหรือไม่ ภาระงาน ท่ีมอบหมายมีความสอดคล้องกับความถนัด ความสนใจ และความต้องการของผู้เรียน หรือไม่ ผู้สอนมีการส่งเสริมสนับสนุนและติดตามการปฏิบัติภาระงานของผู้เรียนอย่าง ตอ่ เน่ืองหรือไม่ เปน็ ตน้

122 บทท่ี 4 ประเดน็ และคาถามการประเมินหลกั สตู ร สรปุ จากที่ไดก้ ลา่ วมาในบทที่ 4 เรอ่ื ง ประเดน็ และคาถามการประเมินหลักสูตร ได้กล่าวถึงสาระสาคัญ คือ การประเมินหลักสูตรที่ดีต้องมีประเด็นการประเมินหรือ บางคร้ังเรียกว่ากรอบการประเมิน ได้แก่ 1) ขอบเขตของหลักสูตร 2) ความสัมพันธ์ เชื่อมโยงของหลักสูตร 3) ความสมดุลของหลักสูตร 4) การบูรณาการของหลักสูตร 5) การลาดับเน้ือหาสาระ 6) ความต่อเน่ืองของเนื้อหาสาระและกิจกรรม 7) ความ เช่ือมต่อของเนื้อหาสาระ 8) การถ่ายโอนการเรียนรู้ ส่วนคาถามการประเมิน (evaluation questions) หมายถงึ ส่ิงท่ีต้องการทราบหรือได้คาตอบจากการประเมิน ซ่ึงเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจเก่ียวกับหลักสูตรไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงหลักสูตร หรือยกเลิกการใช้หลักสูตร การตั้งคาถามการประเมินที่มีความครอบคลุมและชัดเจน ชว่ ยทาให้การประเมนิ หลักสตู รมีประสิทธภิ าพมากขึ้น ได้คาตอบท่ีเป็นประโยชน์ต่อการ ปรบั ปรงุ หลกั สตู รอยา่ งครอบคลมุ

บทที่ 4 ประเดน็ และคาถามการประเมินหลักสตู ร 123 บรรณานุกรม วชิ ัย วงษ์ใหญ.่ (2555). เอกสารประกอบการบรรยาย หัวข้อการพัฒนาหลักสูตร. กรงุ เทพฯ: บณั ฑติ วทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศรีนครนิ ทรวิโรฒ. ศิรชิ ัย กาญจนวาส.ี (2537). ทฤษฎกี ารประเมนิ . กรงุ เทพฯ: สานักพิมพ์จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลยั . สมคดิ พรหมจุ้ย. (2552). เทคนคิ การประเมนิ โครงการ. กรงุ เทพฯ: ศูนยห์ นังสือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (จัดจาหนา่ ย). Armstrong. David G. (1989). Developing and Documenting the Curriculum. Boston: Allyn and Bacon. . (2003). Curriculum Today. New Jersey: Merrill Prentice Hall. Beane, James A. and others. (1986). Curriculum Planning and Development. Boston: Allyn and Bacon. Bobbit, Franklin. (1918). The Curriculum. Boston: Houghton Mifflin. . (1924). How to Make a Curriculum. Boston: Houghton Mifflin. Brady, Laurie. (1992). Curriculum Development. 4thed. Sydney: Prentice Hall. Cronbach, Lee J. (1983). “Course Improvement through Evaluation”. Evaluation Models: Viewpoints on Educational and Human Services Evaluation. Boston: Kluwer-Nijhoff. Guba, Egon G. and Lincoln, Yvonna S. (1989). Fourth Generation Evaluation. California: Sage Publications. Fink, Arlene. (2015). Evaluation Fundamentals: Insight into Program Effectiveness, Quality, and Value. Los Angeles: Sage Publications.

124 บทท่ี 4 ประเดน็ และคาถามการประเมนิ หลักสูตร Henson, Kenneth T. (2001). Curriculum Planning: Integrating Multiculturalism, Constructivism, and Education Reform. 2nded. New York: McGraw - Hill. Hoggarth, Liz. (2010). A Practical Guide to Outcome Evaluation. London; Philadelphia: Jessica Kingsley Publishers. Kelly, A. V. (1999). The Curriculum. 4thed. London: Paul Chapman Publishing Ltd. Lattuca, Lisa R. (2009). Shaping the Collage Curriculum: Academic Plans in Context. 2nded. San Francisco: Jossey – Bass. Marsh, Colin J., and Willis, George. (2003). Curriculum: Alternative Approached, Ongoing Issues. Upper Saddle River, New Jersey: Merrill Prentice Hall. McDavid, James., Huse, Irene., and Hawthorn, Laura R.L. (2013). Program Evaluation and Performance Measurement: An Introduction to Practice. Thousand Oaks: Sage Publications. McNeil, John D. (1976). Designing Curriculum: Self – Instructional Modules. Boston: Little, Brown and Company. Mertens, Donna M., and Wilson Amy T. (2012). Program Evaluation Theory and Practice: A Comprehensive Guide. New York: The Guilford Press. Miller, J. P. & Seller, W. (1985). Curriculum: Perspectives and Practice. New York : Longman. O’Sullivan, Rita G. (2004). Practicing Evaluation: A Collaborative Approach. Thousand Oaks: Sage Publications. Oliva, Peter F. (2009). Developing the Curriculum. 7thed. Boston: Allyn and Bacon.

บทท่ี 4 ประเดน็ และคาถามการประเมินหลกั สูตร 125 Oliva, Peter F., and Gordon, II, William, R. (2013). Developing the Curriculum. 8thed. Boston: Pearson. Ornstein, Allan C. (2013). Curriculum: Foundations, Principles, and Issues. Boston: Pearson. Ornstein, Allan C., and Hunkins, Francis P. (2004). Curriculum: Foundations, Principles, and Issues. Boston: Allyn and Bacon. Pearsons, Beverly A. (2002). Evaluating Inquiry: Using Evaluation to Promote Student Success. Thousand Oaks; California: Corwin Press. Posner, George J. (2004). Analyzing the Curriculum. New York: McGraw Hill. Print, Murray. (1993). Curriculum Development and Design. 2nd ed. Sydney: Allen & Unwin. Rea-Dickins, Pauline., and Germaine, Kevin. (2011). Evaluation. Oxford: Oxford University Press. Royse, David., [et al.]. (2001). Program Evaluation: An Introduction. Australia; Belmont, California: Brooks/Cole-Wadsworth Thompson Learning. Saylor, J. G. and Alexander, W.M. (1974). Curriculum Planning for Schools. New York: Holt, Rinehart & Winston. . (1981). Curriculum Planning for Better Teaching and Learning. New York: Holt, Rinehart and Winston. Stufflebeam, Daniel L. and Shinkfield, Anthony J. (2007). Evaluation Theory, Models, & Applications. San Francisco: Jossey – Bass. Taba, Hilda. (1962). Curriculum Development : Theory and Practice. New York: Harcourt Brace Jovanovich.