Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การประเมินหลักสูตรเพื่อการเรียนรู้และพัฒนา พิมพ์ครั้งที่ 4_1544650950

การประเมินหลักสูตรเพื่อการเรียนรู้และพัฒนา พิมพ์ครั้งที่ 4_1544650950

Published by ปาริชาติ ปิติพัฒน์, 2019-10-19 23:24:34

Description: การประเมินหลักสูตรเพื่อการเรียนรู้และพัฒนา พิมพ์ครั้งที่ 4_1544650950

Search

Read the Text Version

576 บทท่ี 14 การพัฒนาผู้สอนใหพ้ ร้อมตอ่ การปรับปรุงและเปล่ยี นแปลงหลักสตู ร ผลการวิจัยเร่อื งท่ี 6 “รปู แบบการประเมินเพื่อพัฒนาการเรยี นรขู้ องผเู้ รยี นระดบั บัณฑติ ศกึ ษา” การวิจัยนี้เป็นการพัฒนารูปแบบการประเมินเพ่ือพัฒนาการเรียนรู้ของ ผู้เรยี นระดับบณั ฑิตศึกษา ซ่ึงสามารถนาผลการวิจัยน้ีไปพัฒนาอาจารย์ผูส้ อนได้ถา้ หาก ผลการประเมินหลักสูตรพบว่ามีปัญหาเก่ียวกับการประเมินผลการจัดการเรียนรู้ ซึ่งผลการวจิ ัยมีสาระสาคัญดังน้ี (มารตุ พัฒผล. 2561) แนวคดิ รากฐานของรปู แบบ รูปแบบการประเมินเพ่ือพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนระดับบัณฑิตศึกษา มีรากฐานความเชื่อท่ีว่าผู้เรียนทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ โดยมีจุดมุ่งหมาย สูงสุดของการประเมินคือการเปล่ียนแปลงกระบวนการทางความคิด (growth mindset) ของผู้เรียนให้เป็นบุคคลแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต และพัฒนาตนเองในด้าน ต่างๆ อย่างต่อเน่ือง ผ่านการสะท้อนผลการประเมินจากผู้สอน (teacher - reflection) และการสะท้อนคิดของผู้เรียน (learner - reflection) กระบวนการ ประเมนิ ไม่ว่าจะเป็นผสู้ อนประเมนิ ผู้เรียน เพื่อนประเมิน และผู้เรียนประเมินตนเองน้ัน จาเป็นต้องดาเนินการอย่างมีสติและปัญญา ประเมินด้วยความเป็นกัลยาณมิตร ประเมินตามสภาพจริงที่ใช้ข้อมูลสารสนเทศเชิงประจักษ์ การประเมินจะมีประโยชน์ สูงสุดต่อผู้เรียนก็ต่อเม่ือมีการสะท้อนผลการประเมินอย่างสร้างสรรค์ เสริมพลังความ เชอ่ื มั่นและศกั ยภาพในการเรยี นรู้ของผูเ้ รียน หลักการของรูปแบบ 1. มุ่งเน้นการประเมินที่เสริมพลังตามสภาพจริง ผู้เรียนได้รับประโยชน์ สูงสดุ จากการประเมนิ 2. มุ่งเน้นการประเมินตามแนวทางการประเมินเพ่ือการเรียนรู้ (assessment for learning) ก ารป ระเมิน เสมื อน การเรียน รู้ (assessment as learning) และการประเมินผลการเรยี นรู้ (assessment of learning)

บทท่ี 14 การพัฒนาผู้สอนใหพ้ ร้อมตอ่ การปรบั ปรงุ และเปลีย่ นแปลงหลกั สตู ร 577 3. สะท้อนผลการประเมินอย่างสร้างสรรค์ เพื่อการเปลี่ยนแปลง กระบวนการทางความคิด (mindset) และพฤตกิ รรมการเรียนรู้ วตั ถปุ ระสงคข์ องรูปแบบ 1. เพื่อพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนระดับบัณฑิตศึกษาผ่านการ บูรณาการการประเมินเข้ากบั การจัดการเรยี นรู้ 2. เพื่อพัฒนากระบวนการทางความคิดแบบก้าวหน้า (growth mindset) ของผู้เรียนระดบั บณั ฑิตศกึ ษาผ่านการถอดบทเรียนและการสะท้อนคิด ข้ันตอนการประเมนิ 1. กาหนดผลลัพธ์การเรียนรู้ เป็นการที่ผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันวิเคราะห์ ผลลพั ธ์การเรียนรูซ้ ่ึงไดก้ าหนดไวร้ ายละเอยี ดของรายวชิ า และนามากาหนดผลลัพธก์ าร เรียนรู้ของผู้เรียนที่ต้องทาการจัดการเรียนรู้และประเมินผล ซึ่งอาจเป็นด้านคุณธรรม จริยธรรม ความรู้ ทักษะทางปัญญา ทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความ รับผิดชอบหรือทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การส่ือสาร และการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ ด้านใดด้านหน่ึงหรือหลายด้านผสมผสานกัน และตรวจสอบคุณประโยชน์ ของผลลพั ธ์การเรียนรู้ทก่ี าหนดน้นั 2. วิเคราะห์ระดับความสามารถ เป็นการที่ผู้เรียนวิเคราะห์ความสามารถ ของตนและกาหนดระดับผลลัพธ์การเรียนรู้ที่ตนเองต้องการบรรลุในการประเมิน บน พ้ืนฐานความเชื่อว่า “ทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้แต่ใช้เวลาไม่เท่ากัน” พร้อม ทั้งให้เหตผุ ลสนับสนุน โดยผู้สอนพิจารณาความสมเหตุสมผล ความเหมาะสม และปรับ (adjust) ระดบั ผลลัพธ์การเรยี นรู้ท่ีผเู้ รยี นจาเป็นต้องบรรลุไม่ต่าหรือสูงเกินไป แต่ยังคง สอดคลอ้ งกบั ผลลพั ธ์การเรยี นรู้ทีร่ ะบุไว้ในจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้

578 บทที่ 14 การพัฒนาผูส้ อนให้พรอ้ มต่อการปรบั ปรุงและเปลีย่ นแปลงหลักสูตร 3. กาหนดวิธีการประเมิน ผู้ประเมิน และแหล่งข้อมูล เป็นการท่ีผู้สอน และผู้เรียนร่วมกันกาหนดวิธีการประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ท่ีมีความหลากหลาย เช่น การตรวจสอบผลงาน การรายงานตนเอง การทดสอบ เป็นต้น กาหนดผู้ประเมินอย่าง เหมาะสม เช่น ผู้สอนประเมิน เพ่ือนประเมิน ผู้เรียนประเมินตนเอง เป็นต้น และ กาหนดแหล่งข้อมูลสาหรับการประเมินที่มีความถูกต้องเช่ือถือได้ เช่น ผลงานของ ผู้เรียน เพื่อน ผู้เกี่ยวข้อง เป็นต้น โดยการกาหนดวิธีการประเมิน ผู้ประเมิน และ แหล่งข้อมูลน้ี จะต้องนาไปสู่การประเมินทีม่ ีประสิทธิภาพสูง คือ มีสารสนเทศท่ีถูกต้อง มาพฒั นาผู้เรียนรายบุคคล 4. สร้างเคร่ืองมือวัดและเกณฑ์การประเมิน เป็นการที่ผู้สอนและผู้เรียน ร่วมกันสร้างเครื่องมือวัดและเกณฑ์การประเมินที่มีคุณภาพสอดคล้องกับระดับ ความสามารถของผู้เรียน และจุดประสงค์การเรียนรู้ ผู้สอนนาเคร่ืองมือวัดและเกณฑ์ การประเมินน้ันมาสร้างแรงจูงใจภายในของผู้เรียนในการท่ีจะใช้ศักยภาพของตนเอง อย่างเต็มที่ ตลอดจนชี้แนะกระบวนการเรียนรู้และแนวทางการพัฒนาตนเองให้บรรลุ ผลลพั ธ์ การเรยี นรูต้ ามเกณฑ์ทีไ่ ดร้ ่วมกนั กาหนดไว้ จากนน้ั ผเู้ รียนใช้กระบวนการเรียนรู้ ตามความถนัดของตนเองเพ่ือการบรรลุผลลพั ธ์การเรยี นรู้ 5. ประเมินและให้ข้อมูลย้อนกลับ เป็นการท่ีผู้สอนและผู้เรียนร่วมกัน ประเมินผลลัพธ์การเรียนรู้ โดยใช้เครื่องมือวัดและเกณฑ์การประเมินท่ีได้ร่วมกันสร้าง ข้ึน ผู้สอนให้ขอ้ มูลย้อนกลับอยา่ งสร้างสรรค์ (creative feedback) ช้ีแนะแนวทางการ พัฒนาตนเองไปสู่ผลลัพธ์การเรียนรู้ท่ีสูงข้ึน ผู้เรียนสะท้อนคิดตนเอง (self - reflection) เก่ียวกับการบรรลุผลลัพธ์การเรียนรู้ การใช้กระบวนการเรียนรู้ และ กาหนดวธิ กี ารพฒั นาตนเองตลอดจนกาหนดผลลพั ธ์การเรยี นรขู้ องตนเองท่ีสูงขึ้นตอ่ ไป

บทที่ 14 การพัฒนาผสู้ อนใหพ้ ร้อมตอ่ การปรับปรุงและเปลยี่ นแปลงหลักสตู ร 579 การประเมินผลของรูปแบบ 1. การสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ท่ีสะท้อนถึงการมีคุณธรรมจริยธรรม ความรู้ ทักษะทางปัญญาหรือการคิดข้ันสูง ได้แก่ การคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การคิดประเมินค่า การคิดอย่างเป็นระบบ และการคิด สร้างสรรค์ ทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ และทักษะการ วเิ คราะหเ์ ชิงตัวเลข การสอ่ื สาร และการใช้เทคโนโลยสี ารสนเทศ 2. การตรวจสอบผลงานของผู้เรียนท่ีสะท้อนถึงการมีคุณธรรมจริยธรรม ความรู้ ทักษะทางปัญญาหรือการคิดขั้นสูง ได้แก่ การคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ การคิดประเมินค่า การคิดอย่างเป็นระบบ และการคิด สร้างสรรค์ ทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ และทักษะการ วเิ คราะห์เชงิ ตัวเลข การสอ่ื สาร และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ 3. การถอดบทเรียนท่ีกระทาโดยผู้เรียนท่ีสะท้อนถึงความรู้สึกที่เกิดขึ้นจาก การปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ สงิ่ ท่ีได้เรียนรู้ และส่ิงท่นี าไปปฏิบัตใิ นสถานการณจ์ ริง ปจั จัยสนบั สนุนการใช้รปู แบบ ปจั จัยดา้ นผสู้ อน 1. เปิดใจ หมายถึง การปรับกระบวนการทางความคิดของผู้สอนว่าผู้เรียน แต่ละคนมีพ้ืนฐานความรู้ ความคิด ทัศนคติ ตลอดจนระดับความสามารถที่แตกต่างกัน อันเนื่องมาจากเหตุปัจจัยต่างๆ ท่ีมีอิทธิพลและส่งผลต่อการเรียนรู้ท่ีเป็นอยู่ในปัจจุบัน แต่ทุกคนก็ยังสามารถเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของตนเองได้ หากได้รับการประเมิน และสะทอ้ นผลการประเมินอยา่ งถูกต้อง เหมาะสมและสร้างสรรค์ 2. ใส่ใจ หมายถึง ผู้สอนประเมินผู้เรียนอย่างเป็นธรรมชาติ ภายใต้ บรรยากาศของความปลอดภัย ความเป็นกัลยาณมิตร โดยใช้แนวทางการประเมินตาม สภาพจรงิ ได้แก่ การประเมินเพ่อื การเรยี นรู้ (assessment for learning) การประเมิน เสมือนการเรียนรู้ (assessment as learning) และการประเมินผลการเรียนรู้

580 บทที่ 14 การพัฒนาผสู้ อนใหพ้ รอ้ มตอ่ การปรับปรงุ และเปล่ียนแปลงหลักสูตร (assessment of learning) ที่ดาเนินการไปพร้อมๆ กับการจัดการเรียนรู้ เลือกใช้ วิธีการและเครื่องมือประเมินทีส่ อดคล้องกับลักษณะธรรมชาติของสิ่งที่ต้องการประเมิน ตลอดจนใชผ้ ปู้ ระเมนิ ทส่ี ามารถใหข้ อ้ มลู สารสนเทศได้อย่างถูกตอ้ งและเช่ือถือได้ 3. ห่วงใย หมายถึง ผู้สอนสะท้อนผลการประเมินไปสู่ผู้เรียนด้วยวิธีการ ที่สร้างสรรค์ สื่อสารความรู้สึกปรารถนาดีและความห่วงใย ช้ีใหเ้ ห็นสิ่งทเี่ ป็นจุดแข็งและ จุดท่ีควรปรับปรุงและพัฒนาและภาพความสาเร็จที่จะเกิดขึ้นจากการใช้ความมุ่งม่ัน พยายาม มงุ่ เน้นการเสรมิ พลังความเชื่อมัน่ ในการเรยี นรู้และพฒั นาตนเองไปสู่เปา้ หมาย ของการเรยี นรู้ ปจั จยั ด้านบรรยากาศการประเมนิ 1. ความร่วมมือร่วมใจ หมายถึง การประเมินภายใต้บรรยากาศของความ ร่วมมือร่วมใจ (collaborative assessment) ท่ีผู้สอนและผู้เรียนร่วมกันประเมินโดย ให้เกียรติและเคารพศักด์ิศรีซ่ึงกันและกัน รวมพลังความคิดที่มีต่อสารสนเทศจากการ ประเมินเพอ่ื พฒั นาการเรยี นรู้ให้ดยี ่ิงขนึ้ 2. ความไว้วางใจ (trust) หมายถึง การประเมินภายใต้บรรยากาศของ ความไว้เน้ือเช่ือใจท่ีผู้เรียนระดับบัณฑิตศึกษามอบให้กับผู้สอน ว่าผู้สอนจะนาผลการ ประเมินมาใช้พัฒนาผู้เรียนอย่างเต็มความสามารถ และเก็บรักษาข้อมูลท่ีผู้เรียน ไมต่ ้องการเผยแพรไ่ ว้เป็นความลบั รูปแบบการประเมินเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนระดับบัณฑิตศึกษา ดังกล่าวข้างต้น สามารถแสดงเป็นแผนภาพ “รูปแบบเชิงทฤษฎีของการประเมินเพ่ือ พัฒนาการเรียนรู้ของผู้เรียนระดับบัณฑิตศึกษา” และ “รูปแบบเชิงกระบวนการของ การประเมินเพ่อื พฒั นาการเรียนรูข้ องผูเ้ รียนระดับบัณฑติ ศึกษา” ดังตอ่ ไปนี้

บทท่ี 14 การพัฒนาผู้สอนให้พร้อมต่อการปรบั ปรงุ และเปล่ียนแปลงหลกั สูตร 581 แผนภาพ 79 รปู แบบเชงิ ทฤษฎขี องการประเมินเพอ่ื พฒั นาการเรียนรูข้ องผู้เรียน ระดับบัณฑติ ศกึ ษา

582 บทที่ 14 การพฒั นาผสู้ อนใหพ้ รอ้ มต่อการปรับปรุงและเปลย่ี นแปลงหลกั สตู ร 1. การวิเคราะหผ์ ลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ 1.1 ผสู้ อนและผู้เรยี นร่วมกนั วิเคราะหผ์ ลลพั ธ์การเรียนร้ใู นจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1.2 ผู้สอนและผูเ้ รยี นร่วมกันกาหนดผลลพั ธ์การเรยี นรู้ 1.3 ผสู้ อนและผู้เรยี นรว่ มกนั ตรวจสอบคณุ ประโยชนข์ องผลลพั ธก์ ารเรยี นรู้ทีก่ าหนด 2. การวเิ คราะหร์ ะดบั ความสามารถของผู้เรยี น 2.1 ผเู้ รยี นวเิ คราะหร์ ะดบั ความสามารถของตน 2.2 ผเู้ รยี นกาหนดระดบั ผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ท่ตี นเองตอ้ งการบรรลุ และให้เหตุผล 2ส.น3ับผสู้สนอุนนพิจารณาความสมเหตุสมผล และปรับใหเ้ หมาะกับความสามารถของ ผเู้ รียน 3. การกาหนดวธิ กี ารประเมิน ผปู้ ระเมิน และเกณฑก์ ารประเมิน 3.1 ผู้สอนและผู้เรียนกาหนดวธิ กี ารประเมินผลลัพธก์ ารเรยี นรู้ 3.2 ผูส้ อนและผ้เู รียนกาหนดเคร่ืองมือวัดสาหรบั ประเมนิ ผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ 3.3 ผ้สู อนและผเู้ รยี นกาหนดแหลง่ ข้อมลู สาหรับประเมนิ ผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ 4. การพัฒนาเครอ่ื งมือและเกณฑก์ ารประเมนิ 4.1 ผสู้ อนและผ้เู รียนร่วมกนั สรา้ งเคร่อื งมอื วดั และเกณฑ์การประเมนิ ที่มีคณุ ภาพ 4.2 ผสู้ อนนาเครื่องมือวัดและเกณฑก์ ารประเมนิ มาสร้างแรงจูงใจภายในของผเู้ รยี น 4.3 ผ้เู รียนใช้กระบวนการเรียนรู้ตามความถนดั เพ่อื บรรลผุ ลลพั ธ์การเรียนรู้ 5. การประเมินและให้ขอ้ มูลยอ้ นกลบั 5.1 ผ้สู อนและผูเ้ รยี นร่วมกันประเมินผลลพั ธก์ ารเรียนรู้ 5.2 ผ้สู อนให้ขอ้ มลู ย้อนกลบั อย่างสร้างสรรค์ และชี้แนะแนวทางการพัฒนาตนเอง 5.3 ผเู้ รยี นสะท้อนคดิ และกาหนดผลลพั ธก์ ารเรียนร้ทู ่ีสงู ขึ้น แผนภาพ 80 รูปแบบเชิงกระบวนการของการประเมินเพ่ือพฒั นาการเรยี นรู้ของผเู้ รยี น ระดับบัณฑติ ศกึ ษา

บทที่ 14 การพัฒนาผู้สอนใหพ้ รอ้ มต่อการปรบั ปรุงและเปลย่ี นแปลงหลักสูตร 583 สรุปผลการวิจัยทั้ง 6 เรื่อง ดังที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ผู้เขียนได้ถอดบทเรียน แ ล ะ สั งเค ร าะ ห์ ได้ ว่ า ก า ร พั ฒ น า ศั ก ย ภ า พ ผู้ ส อ น ใ ห้ พ ร้ อ ม ต่ อ ก า ร ป รั บ ป รุ งแ ล ะ เปลย่ี นแปลงหลกั สตู รสามารถดาเนินการได้หลายลักษณะโดยมหี ลกั การดงั ต่อไปน้ี 1. ใช้โรงเรียนเป็นฐานของการพัฒนา โดยการพัฒนาศักยภาพครู ไปพร้อมๆ กับการปฏิบัติงานการจัดการเรียนรู้ สิ่งที่ดาเนินการพัฒนาเป็นสิ่งที่อยู่ใน ความต้องการของครู และใช้วิธีการพัฒนาท่ีสอดคล้องกับวัฒนธรรมองค์กร วัฒนธรรม การทางานของครู 2. ใช้แนวคิดและหลักการชุมชนแห่งการเรียนรู้เชิงวิชาชีพ โดยมี การแลกเปล่ียนเรียนรู้ประสบการณ์จากการปฏิบัติงานจริงและความร่วมมือร่วมใจ จากบุคลากรในการพัฒนาคณุ ภาพของผเู้ รียนอย่างต่อเน่ือง 3. ใช้การโค้ช ด้วยการต้ังคาถามกระตุ้นให้ครูคิด การสร้างความ เช่ือมั่นในความรู้ความสามารถของตนเอง การให้แนวคิด การให้ข้อเสนอแนะ การให้ คาปรึกษาต่างๆ ตลอดจนการส่งเสรมิ และสนบั สนนุ ทางดา้ นวชิ าการ 4. ดาเนินการอย่างต่อเน่ืองในลักษณะท่ีเป็นวงจร Plan Do Check Reflection และนาผลการดาเนินการมาปรบั ปรุงอยา่ งตอ่ เนื่อง ดงั นั้นหากสถานศึกษาได้ดาเนนิ การพัฒนาศักยภาพของผู้สอนตามหลักการ ดังกล่าวท้ัง 4 ประการก็จะเป็นท่ีม่ันใจได้ว่าผู้สอนมีความพร้อมต่อการปรับปรุงและ เปลยี่ นแปลงหลกั สตู รอยตู่ ลอดเวลา และหากมีการปรบั ปรงุ และเปลีย่ นแปลงหลักสตู ร เม่ือใด ผ้สู อนกพ็ รอ้ มท่ีจะขับเคลื่อนหลักสูตรใหม่ได้ทนั ที

584 บทที่ 14 การพัฒนาผสู้ อนให้พร้อมต่อการปรับปรุงและเปล่ยี นแปลงหลกั สตู ร สรปุ จากที่ได้กล่าวมาในบทท่ี 14 เรื่อง การพัฒนาศักยภาพผู้สอนให้พร้อม ต่อการปรับปรุงและเปล่ียนแปลงหลักสูตร ได้กล่าวถึงสาระสาคัญ คือ การพัฒนา ผู้สอนมีเป้าหมายคือการพัฒนาให้มีความรู้ความสามารถ ทักษะ สมรรถนะ และ คุณลักษณะ การพัฒนาผู้สอนเป็นภารกิจท่ีสาคัญสาหรับการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ในทุกประเทศท่ัวโลก และเมื่อผู้สอนได้รับการพัฒนาแล้วทาให้ผู้เรียนมีคุณภาพสูงขึ้น การพัฒนาผสู้ อนโดยใช้โรงเรียนเปน็ ฐานเปน็ กระบวนการพัฒนาผู้สอนตามสภาพปัญหา และความต้องการของสถานศึกษา ผู้สอน ชุมชน ท้องถิ่น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถ ทีเ่ กยี่ วขอ้ งกบั การจดั การเรียนร้ทู ี่มีประสิทธิภาพ โดยใช้ชุมชนแห่งการเรียนรูเ้ ชงิ วิชาชีพ ท่ีเป็นการผสมผสานแนวคิด 2 ประการ ได้แก่ ความเป็นมืออาชีพ และชุมชนแห่งการ เรียนรู้ หมายถึงการรวมกลุ่มกันของบุคคลผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาโดยมี จุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาสมรรถนะเชิงวิชาชีพและคุณภาพของผู้เรียนร่วมกัน นอกจากน้ี ยังสามารถใช้การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมในงานประจา ท่ีเป็นการผสมผสานกัน ระหว่างการวิจัยและพัฒนา การวิจัยในงานประจา และนวัตกรรมมีลักษณะเป็นการ วิจัยที่เป็นเน้ือเดียวกับการปฏิบัติงานประจา ช่วยทาให้มีนวัตกรรมสาหรับการ ปฏิบัติงานประจามีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น โดยท่ีการพัฒนาศักยภาพ ผสู้ อนให้พร้อมต่อการปรับปรุงและเปล่ียนแปลงหลักสูตรเป็นภารกิจสาคัญของผ้บู รหิ าร ตลอดจนผู้สอนเองในการพัฒนาความรู้และทกั ษะตา่ งๆ อยา่ งตอ่ เน่อื ง

บทที่ 14 การพัฒนาผสู้ อนให้พรอ้ มต่อการปรับปรงุ และเปลี่ยนแปลงหลกั สูตร 585 บรรณานุกรม มารุต พัฒผล. (2553). รายงานการวจิ ัยฉบบั สมบูรณ์ เรอ่ื ง การพัฒนาความสามารถ ในการจัดทาหนว่ ยการเรยี นรู้บรู ณาการท่ีสอดคลอ้ งกับท้องถ่นิ ของผู้สอน ระดับการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน. กรุงเทพฯ: บัณฑิตวทิ ยาลัย มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ. . (2554). รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรอ่ื ง การพัฒนาหลักสูตร ฝกึ อบรมครูเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการจัดการเรยี นรู้โดยใช้วิจัย เป็นฐาน. กรงุ เทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ. . (2556). รายงานการวจิ ัยฉบับสมบรู ณ์ เรอ่ื ง รปู แบบการพัฒนาครู ดา้ นการจดั การเรียนรู้ที่เสริมสรา้ งการรู้คิดและความสุขในการเรยี นรู้ ของผเู้ รียนระดบั ประถมศึกษา. กรุงเทพฯ: บณั ฑติ วิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวิโรฒ. . (2557). รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรอื่ ง การพัฒนารูปแบบการ เสริมสรา้ งศักยภาพการจดั การเรยี นร้ขู องครูโรงเรยี นตารวจตระเวน ชายแดน. กรงุ เทพฯ: บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. . (2558). รายงานการวจิ ัยฉบบั สมบรู ณ์ เรื่อง รปู แบบการพัฒนาครู ประถมศกึ ษาดา้ นการโคช้ เพอื่ การรู้คิด. กรงุ เทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ. . (2561). รายงานการวจิ ยั ฉบบั สมบูรณ์ เรอ่ื ง รูปแบบการประเมิน เพ่อื พฒั นาการเรียนรขู้ องผเู้ รยี นระดบั บณั ฑิตศกึ ษา. กรุงเทพฯ: บัณฑิตวทิ ยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครนิ ทรวโิ รฒ. วชิ ยั วงษใ์ หญ่ และมารตุ พัฒผล. (2557). การโคช้ เพอื่ การรคู้ ิด. กรงุ เทพฯ: จรลั สนทิ วงศ์การพิมพ.์

586 บทที่ 14 การพฒั นาผสู้ อนใหพ้ รอ้ มตอ่ การปรับปรุงและเปลย่ี นแปลงหลกั สูตร ศศธิ ร เขียวกอ. (2548). การพฒั นาสมรรถภาพด้านการประเมนิ สาหรับครโู รงเรียน ประถมศกึ ษา:การเปรยี บเทียบผลการฝึกอบรมระหว่างการฝกึ อบรมครู แบบดงั้ เดมิ และแบบใชโ้ รงเรียนเป็นฐาน. ดษุ ฎนี ิพนธ์ ปริญญาดุษฎี บัณฑติ กรุงเทพฯ: จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. สวุ มิ ล ว่องวานิช.(2546). “การพฒั นาครโู ดยใชก้ ารฝึกอบรมโดยใชโ้ รงเรียนเปน็ ฐาน”. เอกสารประกอบการประชมุ ปฐมนิเทศโครงการสนับสนุนการฝกึ อบรมครู โดยใชโ้ รงเรยี นเป็นฐาน: นโยบายและแผนยุทธศาสตรก์ ารพัฒนาครู เพื่อการปฏิรูปการเรยี นร.ู้ (เอกสารอัดสาเนา) อมลวรรณ วีระธรรมโม. (2555). รายงานการวจิ ยั การพัฒนารูปแบบการพฒั นาครู และผู้บริหารสถานศกึ ษาแบบใช้โรงเรยี นเปน็ ฐานในโรงเรยี นขนาดเลก็ จังหวัดสงขลา. สงขลา: มหาวิทยาลยั ทักษิณ. Bialey, Kim., and Jakicic, Chris. (2012). Common Formative Assessment: A Toolkit for Professional Learning Communities at Work. Bloomington: Solution Tree Press. Blandford, Sonia. (2000). Managing Professional Development in Schools. London, New York: Routledge. Bredeson, Paul V. (2003). Designs for Learning: A New Architecture for Professional Development in Schools. Thousand Oaks, California: Corwin Press. Caine, Geofferey., and Caine, Renate N. (2010). Strengthening and Enriching Your Professional Learning Community: The Art of Learning Together. Alexandria: Association for Supervision and Curriculum Development. DeMonte, Jenny. (2013). High – Quality Professional Development for Teachers: Supporting Teacher Training to Improve Student Learning. Washington D.C. Center for American Progress.

บทท่ี 14 การพฒั นาผูส้ อนให้พรอ้ มต่อการปรับปรงุ และเปลย่ี นแปลงหลักสตู ร 587 DuFour, Richard., and others. (2006). Learning by Doing: A Handbook for Professional Learning Communities at Work. 3rded. Bloomington: Solution Tree Press. DuFour, Richard., and DuFour, Rebecca. (2012). The School Leader’s Guide to Professional Learning Communities at Work. Bloomington: Solution Tree Press. DuFour, Richard., and DuFour, Rebecca., and Eaker, Robert. (2008). Revising Professional Learning Communities at Work: New Insight for Improving Schools. . Bloomington: Solution Tree Press. Erkens, Cassandra., and others. (2008). Collaborative Teacher: Working Together as a Professional Learning Community. Bloomington: Solution Tree Press. Food, Kathleen., and Haar, Jean M. (2008). Professional Learning Communities: An Implementation Guide and Toolkit. New York: Routledge. Graham, Parry., and Ferriter, William. (2010). Building a Professional Learning Community at Work: A Guide to the First Year. Bloomington: Solution Tree Press. Gregory, Gayle H. (2013). Professional Learning Guide for Differentiated Instructional Strategies: One Size Doesn’t fit all. Thousand Oaks, California: Corwin. Hurst, Beth., and Reding Ginny. (2009). Professionalism in Teaching. 3rded. Boston: Pearson. Jasper, M. (2006). Professional Development, Reflection, and Decision – Making. Oxford: Blackwell Publishing.

588 บทท่ี 14 การพฒั นาผู้สอนใหพ้ รอ้ มตอ่ การปรบั ปรุงและเปล่ยี นแปลงหลกั สูตร Levin, Barbara B. (2001). Energizing Teacher Education and Professional Development with Problem – Based Learning. Alexandria: Association for Supervision and Curriculum Development. Marzano Research Laboratory. (2012). Teacher Development Toolkit for the Marzano Teacher Evaluation Model. Bloomington: Marzano Research Laboratory. Matthews, Joe., and Crow Gary M. (2010). The Principalship: New Roles in a Professional Learning Community. Pennsylvania: Allyn & Bacon. McGill, Ian., and Brockbank, AAnne. (2004). The Action Learning Handbook: Powerful Techniques for Education, Professional Development and Training. London, New York: Routledge. Mizell, Hayes. (2010). Why Professional Development Matters. Oxford: Learning Forward. Murray, John. (2014). Designing and Implementing Effective Professional Learning. Thousand Oaks, California: Corwin. National Professional Development Center. (2008). What Do We Mean by Professional Development in the Early Childhood Field? Chapel Hill: The University of North Carolina. Protheroe, N. (2008). Developing Your School as a Professional Learning Community. NAESP Research Roundup. Reichstetter, R. (2006). Defining a Professional Learning Community: A Literature Review. E&R Research Alert. Stool, L., Bolam, R., McMahon, A., Thomas, S., Wallace, M., Greenwood, A. et al. (2005). “Professional learning community: A review of the literature.” Journal of Education Change. 7(4), 221 – 258.

บทที่ 14 การพฒั นาผู้สอนให้พร้อมต่อการปรับปรงุ และเปลี่ยนแปลงหลกั สูตร 589 Strickland, Cindy A. (2009). Professional Development for Differentiating Instruction.Alexandria: Association for Supervision and Curriculum Development. Sweeney, Diane. (2011). Student – Centered Coaching: A Guide for K – 8 Coachers and Principles. California: Corwin Press. Tarrant, Peter. (2013). Reflective Practice and Professional Development. Thousand Oaks, California: Sage Publications. The Organization for Economic Co-operation and Development. (2009). Evaluation feedback for effective learning and accountability. Paris: OECD Tomlinson, Harry. (2004). Educational Leadership: Personal Growth for Professional Development. London: Sage Publications. Wise, Christine., Bradshaw, Pete., and Cartwright, Marion. (2013). Leading Professional Practice in Education. London: Sage Publications.

590 บทที่ 14 การพฒั นาผู้สอนใหพ้ รอ้ มต่อการปรบั ปรุงและเปลย่ี นแปลงหลกั สตู ร การพฒั นาผู้สอน คือหวั ใจ ของการปฏริ ูป การศึกษา

ดรรชนคี ำสำคัญ ดรรชนีคำสำคญั 591 คำสำคญั หน้ำ กรอบกำรประเมินเอกสำรหลกั สตู ร 78 กระจกสะท้อนคุณภำพ 33 กระตนุ้ กำรรบั รู้ทถ่ี ูกต้องใหก้ บั ผ้เู รยี น 523 กระต้นุ ควำมตระหนัก 425 กระตนุ้ ควำมรัก 557 กระบวนกำร 203 กระบวนกำรโคช้ 522 กระบวนกำรทำงควำมคดิ 417 กระบวนกำรทำงควำมคดิ แบบเดมิ 418 กระบวนกำรทำงควำมคดิ แบบปดิ 471 กระบวนกำรทำงควำมคิดแบบเปดิ 471 กระบวนกำรทำงควำมคดิ แบบใหม่ 422 กระบวนกำรประเมินของ Tyler 230 กระบวนกำรเรียนรู้ 422 กระบวนกำรเรียนรรู้ ว่ มมือรว่ มใจ 537 กระบวนกำรสร้ำงขอ้ สรปุ แบบอุปนยั 428 กระบวนกำรสร้ำงองค์ควำมรขู้ องผปู้ ฏิบตั งิ ำน 426 กำรกำกบั ดูแลคณุ ภำพกำรใชห้ ลักสูตร 17 กำรกำหนดคณะกรรมกำรบรหิ ำรหลักสตู ร 17 กำรกำหนดทรพั ยำกรหลกั สตู ร 16 กำรกำหนดประเดน็ กำรสังเครำะห์ 429 กำรกำหนดแผนกำรโค้ช 522 กำรกำหนดรปู แบบกำรประเมินหลกั สูตร 267 กำรกำหนดรูปแบบของหลกั สตู ร 10 กำรกำหนดวตั ถปุ ระสงค์ของกำรประเมินหลกั สูตร 267 กำรเกบ็ ข้อมลู และวเิ ครำะหข์ ้อมูล 19

592 ดรรชนคี ำสำคญั หน้ำ 267 ดรรชนคี ำสำคญั 15 185 คำสำคญั 69 กำรเก็บรวบรวมขอ้ มลู 423 กำรขออนมุ ตั ิใช้หลักสตู ร 523 กำรคิดอยำ่ งเปน็ ระบบ 376 กำรเคำรพซึง่ กนั และกัน 429 กำรโค้ช 434 กำรโค้ชเพ่ือกำรร้คู ิด 425 กำรจัดกระทำขอ้ มูล 521 กำรจัดกลุ่มควำมรยู้ อ่ ยต่ำงๆ 429 กำรจัดกำรเรยี นรู้ทีเ่ สริมสรำ้ งควำมสขุ ในกำรเรยี นรู้ 473 กำรช่ืนชมควำมสำเรจ็ ของกำรเปลย่ี นแปลง 78 กำรเชอ่ื มโยงกบั กำรปฏิบตั งิ ำนจรงิ 473 กำรเช่อื มโยงขอ้ สรุปควำมรู้ 490 กำรใชร้ ะบบกำรโคช้ (coaching) และพเ่ี ลยี้ ง (mentoring) 522 กำรใช้วิธกี ำรตอบสนองของผู้เกย่ี วข้อง 490 กำรใช้สนุ ทรียสนทนำ 473 กำรใชห้ ลักสตู ร 473 กำรดำเนนิ กำรโค้ช 429 กำรดำรงคณุ ภำพของหลักสูตรระหวำ่ งกำรใชอ้ ยำ่ งตอ่ เนอื่ ง 34 กำรไดร้ บั กำรสนับสนุนจำกนกั วชิ ำกำร 372 กำรไดร้ บั กำรสนบั สนุนจำกผปู้ กครองและชมุ ชน 372 กำรตรวจสอบควำมถูกตอ้ งของข้อสรปุ 372 กำรตรวจสอบคณุ ภำพของผเู้ รยี น 372 กำรตรวจสอบสำมเสำ้ ดำ้ นขอ้ มลู กำรตรวจสอบสำมเส้ำด้ำนทฤษฎี กำรตรวจสอบสำมเสำ้ ดำ้ นผเู้ กบ็ รวบรวมข้อมูล กำรตรวจสอบสำมเสำ้ ดำ้ นวธิ ีกำรเกบ็ รวบรวมข้อมลู

ดรรชนคี ำสำคญั ดรรชนีคำสำคัญ 593 คำสำคัญ หนำ้ กำรตัดสินใจ 267 กำรตัดสินใจเก่ยี วกับกำรกำหนดโครงสร้ำง 240 กำรตดั สินใจเก่ยี วกบั กำรวำงแผนกำรดำเนนิ กำร 240 กำรตดั สินใจในเชงิ คุณคำ่ 18 กำรตดั สนิ ใจเพ่ือทบทวนหลกั สตู ร 240 กำรตดั สนิ ใจเพือ่ นำหลักสตู รไปปฏิบัติ 240 กำรติดตำมและประเมนิ ผลกำรโคช้ 523 กำรเตรียมกำรโคช้ 522 กำรถอดบทเรยี น 159 กำรถอดบทเรยี น (lesson learned) 426 กำรถอดบทเรยี นตำมหลกั กำลำมสูตร 159 กำรถำ่ ยโอนกำรเรยี นรู้ 524 กำรทบทวนก่อนกำรปฏบิ ัติ 427 กำรทบทวนกำรปฏบิ ตั ิ 427 กำรทบทวนมำตรฐำนกำรเรียนรู้ 477 กำรทบทวนระหว่ำงกำรปฏิบัติ 428 กำรทบทวนและสะท้อนผลกำรโคช้ 522 กำรทบทวนหลังกำรปฏบิ ัติ 428 กำรทรงงำนของพระบำทสมเด็จพระเจำ้ อยหู่ วั 467 กำรทำงำนแบบรว่ มมอื ร่วมใจ 539 กำรทำงำนร่วมกนั 537 กำรทำงำนอยำ่ งเป็นระบบ 521 กำรนำหลกั สตู รไปปฏิบตั ิ 32, 39, 40, 51, 57 กำรนิยำมเชงิ ปฏบิ ตั ิกำร 91 กำรแนะแนวผเู้ รยี น 439 กำรประชำสมั พันธห์ ลักสตู รสูก่ ลมุ่ เปำ้ หมำย 16

594 ดรรชนคี ำสำคญั หน้ำ 39 ดรรชนคี ำสำคญั 473 239 คำสำคญั 138 กำรประชมุ สนทนำกลมุ่ 243 กำรประชุมส้ันๆ 73 กำรประเมนิ กระบวนกำร 111 กำรประเมินกระบวนกำรจดั กำรเรยี นกำรสอน 242 กำรประเมินกระบวนกำรใช้หลกั สตู ร 131 กำรประเมนิ กอ่ นกำรใชห้ ลกั สูตร 112 กำรประเมนิ กำรบูรณำกำรของหลกั สตู ร 441 กำรประเมินกำรเรม่ิ ใช้หลักสตู ร 109 กำรประเมนิ กำรเรยี นกำรสอน 113 กำรประเมินกำรลำดบั เน้ือหำสำระ 112 กำรประเมินขณะเรียนรู้ 110 กำรประเมนิ ขอบเขตของหลกั สูตร 109 กำรประเมนิ ควำมเช่อื มต่อของเนอ้ื หำสำระ 32 กำรประเมินควำมตอ่ เนอ่ื งของเนื้อหำสำระและกจิ กรรม 242 กำรประเมินควำมสมดุลของหลกั สูตร 390 กำรประเมินควำมสมั พันธ์เช่อื มโยงของหลกั สตู ร 74 กำรประเมินคณุ ภำพของกำรประเมิน 73 กำรประเมนิ คณุ ภำพของกำรออกแบบหลักสตู ร 149 กำรประเมินฐำนทฤษฎี 149 กำรประเมนิ ดว้ ยวธิ กี ำรวิเครำะหร์ ะบบของหลกั สตู ร 149 กำรประเมนิ ดว้ ยวธิ ีกำรวจิ ัย 440 กำรประเมนิ ดำ้ นกระบวนกำรเรียนรู้ 143 กำรประเมินดำ้ นควำมก้ำวหน้ำทำงกำรเรยี นรู้ กำรประเมนิ ดำ้ นผลกำรเรยี นรู้ กำรประเมินตำมสภำพจรงิ กำรประเมินทด่ี ำเนินกำรอย่ำงต่อเนอื่ ง

ดรรชนคี ำสำคญั ดรรชนีคำสำคญั 595 คำสำคัญ หน้ำ กำรประเมินท่เี นน้ ผู้เรยี นเป็นสำคญั 87 กำรประเมนิ ท่ีเป็นอสิ ระจำกจดุ มงุ่ หมำย 87 กำรประเมินท่ยี ึดจดุ มุง่ หมำย 89 กำรประเมนิ ทีเ่ สรมิ พลังตำมสภำพจริง 151 กำรประเมินเนน้ ทฤษฎี 390 กำรประเมนิ บรบิ ท 239 กำรประเมินแบบกำ้ วหนำ้ 143 กำรประเมินแบบเป็นทำงกำร 89 กำรประเมนิ แบบไมเ่ ป็นทำงกำร 87 กำรประเมินแบบรวบยอด 143 กำรประเมนิ ปัจจยั นำเขำ้ 239 กำรประเมินผล 439 กำรประเมนิ ผลกำรใช้หลกั สตู ร 32, 51, 57 กำรประเมินผลกำรเรยี นรู้ 442 กำรประเมินผลกำรเรยี นรขู้ องผเู้ รยี น 143 กำรประเมนิ ผลผลติ 239 กำรประเมินผลผลติ ของหลกั สตู ร 243 กำรประเมนิ ผลและนำไปสูก่ ำรพฒั นำ 491 กำรประเมนิ เพอ่ื ตดั สนิ 421 กำรประเมนิ เพื่อปรบั ปรุงและพัฒนำ 39, 41 กำรประเมินเพ่อื พัฒนำ 424 กำรประเมนิ เพ่อื เรียนรู้ 441 กำรประเมนิ มติ ดิ ้ำนกำรเรียนกำรสอน 246 กำรประเมนิ มติ ดิ ้ำนพฤตกิ รรม 249 กำรประเมินมติ ิดำ้ นสถำบัน 247 กำรประเมินระดับกำรเปลยี่ นแปลงพฤติกรรม 253

596 ดรรชนคี ำสำคญั หน้ำ 252 ดรรชนคี ำสำคญั 252 253 คำสำคัญ 73 กำรประเมนิ ระดบั กำรเรียนรู้ 144 กำรประเมินระดับปฏิกิริยำตอบสนอง 134 กำรประเมินระดบั ผลลัพธ์ทีเ่ กดิ ขน้ึ กบั องคก์ ร 92 กำรประเมินระหวำ่ งกำรใชห้ ลกั สตู ร 185 กำรประเมินวินจิ ฉัย 390 กำรประเมนิ หลักสตู รกบั กำรประเมนิ กำรเรยี นกำรสอนมคี วำมสมั พันธ์กนั 93 กำรประเมนิ หลกั สตู รเชงิ สร้ำงสรรค์ 67 กำรประเมินหลักสตู รบนฐำนกำรคิดอย่ำงเปน็ ระบบ 562 กำรประเมินหลักสตู รบนฐำนทฤษฎี กำรประเมนิ หลกั สตู รแบบร่วมมือรว่ มใจ 469 กำรประเมินหลังกำรใช้หลักสตู ร 461 กำรประยุกตใ์ ชใ้ นช้ันเรียน 482 กำรประยกุ ต์ใชว้ งจรกำรวจิ ัยในกำรทรงงำน 503 462 ของพระบำทสมเด็จพระเจำ้ อยู่หัวเพื่อปรบั ปรงุ และพัฒนำหลกั สตู ร 471 กำรปรบั ปรุงกำรนำหลกั สตู รไปปฏบิ ตั ิ 133 กำรปรับปรุงรำยวชิ ำหรอื หน่วยกำรเรยี นร้โู ดยผสู้ อน 150 กำรปรับปรุงและเปลีย่ นแปลงหลกั สตู ร 492 กำรปรบั ปรงุ และเปลี่ยนแปลงหลกั สตู รอยำ่ งครบวงจร 136 กำรปรับปรงุ และเปลี่ยนแปลงหลกั สตู รอยำ่ งต่อเนอื่ ง 461 กำรปรับปรงุ และพฒั นำ 426 กำรปรบั ปรงุ และพัฒนำคณุ ภำพกำรจัดกำรเรยี นรู้อย่ำงสรำ้ งสรรค์ 423 กำรปรบั ปรุงและพัฒนำบนฐำนกำรวิจัย กำรปรับปรงุ หลกั สตู รยอ่ มจะต้องสง่ ผลตอ่ กำรเรยี นกำรสอน กำรปรบั ปรงุ เอกสำรหลกั สตู ร กำรเปลยี่ นแปลงจำกภำยใน กำรเปดิ พน้ื ท่ีใหผ้ เู้ รยี นไดใ้ ชศ้ กั ยภำพของตนเองในกำรเรยี นรู้

ดรรชนีคำสำคญั 597 ดรรชนีคำสำคญั คำสำคัญ หน้ำ กำรเผยแพรผ่ ลกำรประเมิน 32, 50, 57 กำรพฒั นำผสู้ อน กำรพัฒนำทกั ษะกำรรคู้ ดิ 443 กำรพฒั นำผสู้ อนโดยใชโ้ รงเรียนเปน็ ฐำน 435 กำรพฒั นำรำยวิชำเพม่ิ เตมิ ดำ้ นอำชีพท่สี อดคลอ้ งกับทอ้ งถน่ิ 537 กำรพัฒนำรำยวิชำหรอื หนว่ ยกำรเรยี นร้ใู หมๆ่ 487 กำรพัฒนำศกั ยภำพผูส้ อนให้พร้อมต่อกำรปรับปรุงและเปลยี่ นแปลงหลกั สูตร 485 กำรพฒั นำสถำนศกึ ษำใหเ้ ป็นชุมชนแหง่ กำรเรยี นรู้เชงิ วิชำชพี 546 กำรพฒั นำอยำ่ งต่อเนอื่ ง 540 กำรฟังอย่ำงลกึ ซง้ึ 470 กำรฟังอยำ่ งสงบ 427 กำรมีจุดเน้น 399 กำรมที ักษะของกำรกำกบั ดูแลทีด่ ี 521 กำรมสี ว่ นร่วมของผู้เกยี่ วขอ้ ง 520 กำรมงุ่ เน้นตรวจสอบและปรับปรุงผลกำรเรยี นรขู้ องผูเ้ รยี น 491 กำรไมย่ ึดตดิ เปล่ยี นแปลงใหด้ ขี ้ึน 70 กำรยึดติดไม่เปล่ียนแปลง 417 กำรรวบรวมควำมร้ยู อ่ ยตำ่ งๆ 417 กำรรำยงำนผลกำรประเมนิ หลกั สตู ร 429 กำรรำยงำนผลต่อผู้เกยี่ วขอ้ ง 333 กำรเรยี นรโู้ ดยใช้วจิ ัยเป็นฐำน 19 กำรเรยี นรูท้ เ่ี นน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคญั 433 กำรเรยี นรูป้ ระสบกำรณก์ ำรปฏิบตั งิ ำนในพ้นื ที่ 431 กำรเรยี นรรู้ ่วมกนั 537 กำรเรยี นรรู้ ่วมกันเปน็ ทมี 471 กำรเรยี นรู้อยำ่ งมีควำมหมำย 472 524

598 ดรรชนีคำสำคัญ หน้ำ 332 ดรรชนีคำสำคัญ 540 541 คำสำคัญ 70 กำรลงสรุปผลกำรประเมนิ และใหข้ ้อเสนอแนะ 541 กำรแลกเปลีย่ นคณุ ค่ำและวสิ ยั ทัศน์ 523 กำรแลกเปลี่ยนประสบกำรณก์ ำรปฏบิ ตั สิ ว่ นบคุ คล 473 กำรแลกเปล่ียนประสบกำรณ์ส่วนบุคคล 34 กำรแลกเปลย่ี นเรียนรู้ 149 กำรแลกเปลย่ี นเรียนร้กู ับบคุ คลอืน่ 16 กำรแลกเปลีย่ นเรยี นร้รู ะหวำ่ งรบั ประทำนอำหำรกลำงวนั ร่วมกัน 18 กำรวดั ประเมนิ ผลกำรเรยี นรู้ 274 กำรวดั และประเมนิ ผลกำรเรียนรเู้ ปน็ หวั ใจสำคญั ของกำรพัฒนำคณุ ภำพผเู้ รยี น 267 กำรวำงแผนกำรใชห้ ลักสูตร 18 กำรวำงแผนกำรประเมิน 377 กำรวำงแผนกำรประเมินเปรียบเสมือนแผนทีส่ คู่ วำมสำเร็จ 243 กำรวำงแผนกำรประเมินหลักสตู ร 377 กำรวำงแผนเก็บข้อมลู 9, 10 กำรวเิ ครำะหข์ อ้ มลู 544 กำรวเิ ครำะหค์ ่ำใช้จำ่ ยและผลตอบแทน 443 กำรวเิ ครำะหเ์ นือ้ หำ 544 กำรวิเครำะหส์ งิ่ กำหนดหลักสตู ร 544 กำรวจิ ัยในงำนประจำ 216 กำรวจิ ยั เพอ่ื พฒั นำกำรเรียนรู้ 540 กำรวจิ ยั และพฒั นำ 429 กำรวจิ ยั และพัฒนำนวัตกรรมในงำนประจำ 520 กำรศึกษำควำมเป็นไปได้ในกำรเปดิ หลกั สูตร กำรสนบั สนนุ และแลกเปล่ยี นภำวะผนู้ ำ กำรสร้ำงข้อสรปุ ควำมรู้ กำรสรำ้ งควำมสมั พันธ์และควำมไวว้ ำงใจ

ดรรชนคี ำสำคัญ ดรรชนคี ำสำคัญ 599 คำสำคัญ หน้ำ กำรสรปุ ผลกำรประเมิน 377 กำรสอน 420 กำรสอบถำม 373 กำรสอบทำนควำมถกู ต้องของหลักสตู ร 12 กำรสะท้อนผล 562 กำรสะทอ้ นผลกำรประเมิน 142 กำรสะท้อนผลกำรประเมินของผสู้ อน 424 กำรสะทอ้ นผลกำรประเมินไปสู่กำรพัฒนำผู้เรยี นอยำ่ งตอ่ เนอื่ ง 424 กำรสะทอ้ นผลกำรเรยี นรู้ 482 กำรสงั เกต 375 กำรสัมภำษณ์ 374 กำรสมั มนำเชิงปฏบิ ัติกำร 561 กำรสัมมนำบุคลำกรโดยใช้โรงเรียนเปน็ ฐำน 473 กำรสัมมนำอิงผู้เชย่ี วชำญ 256 กำรสอื่ สำรผลกำรประเมินอย่ำงสร้ำงสรรค์ 405 กำรสอ่ื สำรอย่ำงสร้ำงสรรค์ 437 กำรเสริมพลงั 19 กำรเสริมพลงั ผ้สู อน 444 กำรหำขอ้ สรปุ เชงิ สำเหตแุ ละผล 377 กำรให้กำรยอมรบั และยนิ ดกี บั ควำมสำเร็จในกำรทำงำนของผอู้ ื่น 520 กำรใหข้ ้อมลู กระต้นุ กำรเรยี นรู้ 525 กำรให้ขอ้ มลู เพือ่ กำรเรยี นรูต้ อ่ ยอด 525 กำรให้ขอ้ มลู ยอ้ นกลับ 525 กำรใหข้ อ้ เสนอแนะในกำรปรบั ปรงุ หลักสูตรทมี่ คี ณุ ภำพ 340 กำรออกแบบหลักสตู ร 32, 51, 57 กำลำมสูตร 159

600 ดรรชนคี ำสำคญั หนำ้ 427 ดรรชนคี ำสำคัญ 242 480 คำสำคญั 439 กำหนดประเดน็ กำรสนทนำ 31 กำหนดมำตรฐำนของหลักสตู ร 152 กิจกรรมกำรเรียนรู้ 31, 48, 57 กิจกรรมพฒั นำผเู้ รยี น 32, 50, 57 เกณฑก์ ำรนำไปปฏบิ ตั ไิ ด้จริง 234 เกณฑ์กำรใหค้ ะแนน 234 เกณฑ์ควำมเป็นวทิ ยำศำสตร์ 428 เกณฑด์ ้ำนควำมคมุ้ คำ่ 421 เกณฑม์ ำตรฐำนสัมบรู ณ์ 19 เกณฑ์มำตรฐำนสัมพทั ธ์ 353 แก่นของควำมรู้ 18 ข้อจำกัดของกำรประเมนิ เพ่ือตดั สนิ 353 ขอ้ เท็จจริง ขอ้ มลู เชงิ คุณภำพ 9 ข้อมลู เชิงประจักษ์ 476 ข้อมลู เชงิ ปรมิ ำณ 476 ข้อมูลพน้ื ฐำน (based-line data) 476 ขั้นกำรวำงแผนกำรเปลยี่ นแปลง 429 ขัน้ กำรสรำ้ งควำมตระหนัก 476 ขน้ั ดำเนินกำรเปลีย่ นแปลง 332 ขน้ั ตอนกำรสงั เครำะหค์ วำมรจู้ ำกกำรถอดบทเรยี น 523 ขัน้ ประเมินผลกำรเปลยี่ นแปลง 428 คณะกรรมกำรประเมนิ หลกั สูตร 11 ควำมเขำ้ ใจทค่ี ลำดเคลือ่ น ควำมแขง็ แกร่ง ควำมเชอ่ื มโยงตลอดแนว

ดรรชนคี ำสำคัญ 601 ดรรชนีคำสำคัญ คำสำคญั หนำ้ ควำมเช่ือมนั่ 31, 48, 57 ควำมซับซ้อน ควำมเทย่ี งตรงภำยนอก 274 ควำมเที่ยงตรงภำยใน 31, 48, 57 ควำมนำ่ เช่ือถอื 31, 48, 57 ควำมเป็นปรนยั 32, 50, 57 ควำมเป็นมอื อำชพี 31, 49, 57 ควำมผูกพันกบั องคก์ ร ควำมมขี อบเขตทช่ี ดั เจน 539 ควำมมคี ณุ คำ่ และควำมสำคญั 539 ควำมรว่ มมอื รว่ มใจ 32, 49, 57 ควำมรว่ มมือและกำรเปลี่ยนแปลงพฤตกิ รรม 32, 49 ควำมรบั ผดิ ชอบตอ่ ตนเอง 475 ควำมรแู้ ละประสบกำรณ์ของผเู้ ชีย่ วชำญ 507 ควำมรสู้ กึ 539 ควำมไวว้ ำงใจ 256 ควำมสนใจในงำนวิชำกำรของผู้บริหำร 19 ควำมสอดคลอ้ งกบั วตั ถปุ ระสงคข์ องกำรประเมนิ 69 ควำมสอดคลอ้ งกบั สภำพทำงภูมิศำสตร์ 473 ควำมเหมำะสมของเวลำ 31, 49, 57 คำถำมกระตุ้นใหผ้ เู้ รียนมีควำมปรำรถนำในกำรเรยี นรู้ 467 คำถำมกระตุ้นให้ผเู้ รยี นมีจดุ มุง่ หมำยในกำรคดิ 32, 50, 57 คำถำมกำรประเมนิ 524 คำถำมกำรประเมินหลักสตู รเก่ียวกบั กำรจัดกำรเรยี นรู้ 524 คำถำมกำรประเมินหลกั สตู รเกย่ี วกับกำรวัดและประเมินผลกำรเรยี นรู้ 116 คำถำมกำรประเมนิ หลักสูตรเกย่ี วกบั วัตถปุ ระสงคข์ องหลกั สตู ร 118 120 116

602 ดรรชนคี ำสำคญั หนำ้ 117 ดรรชนคี ำสำคญั 524 524 คำสำคญั 524 คำถำมกำรประเมนิ หลักสูตรเก่ยี วกับสำระกำรเรยี นรหู้ รือรำยวิชำในหลักสตู ร 431 คำถำมเชงิ ลึก 389 คำถำมท่ีใชก้ ระตนุ้ แรงบนั ดำลใจของผูเ้ รยี น 153 คำถำมทเ่ี สรมิ สร้ำงพลงั เกดิ ควำมเชื่อมนั่ ในตนเอง 35 คำอธบิ ำยเชิงคุณภำพ 478 คณุ คำ่ ของกำรประเมนิ หลักสตู ร 478 คณุ ภำพเกณฑก์ ำรให้คะแนน 479 คณุ ภำพของผู้เรียน 478 คณุ ภำพของผเู้ รยี นในสงั คมอนำคต 519 คณุ ภำพผู้เรยี นในสังคมอนำคตด้ำนกำรรู้คิด 432 คณุ ภำพผ้เู รยี นในสังคมอนำคตด้ำนเจตคติ 427 คุณภำพผเู้ รยี นในสงั คมอนำคตดำ้ นทักษะกระบวนกำร 507 คณุ ลักษณะของโคช้ 510 คูม่ ือกำรใช้หลักสตู ร 570 เคำรพศกั ดศ์ิ รีควำมเป็นมนษุ ย์ 393 โคช้ 391 จริยธรรมในกำรทำงำน 74 จัดใหแ้ ลกเปล่ียน 393 จิตที่ตื่นรู้ 393 จุดเดน่ ของกำรประเมินฐำนทฤษฎี 524 จุดประสงค์กำรเรียนรู้ 539 เจตจำนงทม่ี งุ่ มัน่ 539 ใจที่เปิดกว้ำง ชีแ้ นะกำรรูค้ ดิ ชมุ ชนแหง่ กำรเรียนรู้ ชุมชนแหง่ กำรเรยี นรูเ้ ชิงวิชำชีพ

ดรรชนีคำสำคัญ 603 ดรรชนีคำสำคญั คำสำคญั หน้ำ ใชก้ ำรรับฟงั อย่ำงตั้งใจ 427 ใชผ้ ูป้ ระเมนิ หลำยฝ่ำย 424 ใชว้ ธิ กี ำรประเมินอยำ่ งหลำกหลำย 424 ซอ่ื สตั ยต์ อ่ ควำมคิด ควำมรสู้ กึ และประสบกำรณ์ของตนเอง 427 ตกผลกึ 394 ตรวจสอบควำมถูกต้องของข้อมูล 371 ตรวจสอบวตั ถปุ ระสงค์ของกำรประเมินหลักสตู รและวิธกี ำรประเมิน 371 ตระหนักในควำมรู้ 557 พลงั คำถำม 524 ตั้งคำถำมสง่ิ ทอ่ี ยำกรู้ 523 ตวั แทน 508 ติดตำมควำมก้ำวหน้ำ 512 ทดลองใชน้ ำรอ่ ง 12 ทฤษฎี 390 ทฤษฎยี ู 392 ทฤษฎียมู งุ่ เนน้ กำรใชส้ ติพิจำรณำขอ้ มูลต่ำงๆ 392 ทักษะกำรเรยี นรดู้ ว้ ยตนเอง 436 นวตั กรรม 544 นกั นวตั กรรม 508 นำผลกำรประเมินไปปรับปรุงและพฒั นำ 389 นำส่ปู ฏบิ ตั ิ 558 นิสยั รกั กำรทำงำน 510 แนวคิดกำรกำหนดเกณฑก์ ำรใหค้ ะแนนดำ้ นคณุ ธรรมจรยิ ธรรม 155 แนวคดิ กำรประเมนิ หลกั สตู รเพื่อยกระดบั คณุ ภำพกำรศึกษำอย่ำงต่อเนื่อง 465 แนวคิดของกำรวิจยั และพฒั นำนวัตกรรมในงำนประจำ 545 บทบำทกำรโคช้ ของครู 563

604 ดรรชนีคำสำคญั หน้ำ 563 ดรรชนคี ำสำคัญ 563 509 คำสำคัญ 523 บทบำทกำรโคช้ ของผู้เชย่ี วชำญภำยนอกโรงเรยี น 426 บทบำทกำรโคช้ ของผบู้ ริหำร 437 บทบำทของผ้นู ำกำรเปลย่ี นแปลงหลักสตู ร 438 บทบำทของผู้สอนมีลำดบั พัฒนำกำร 3 ช่วงพฒั นำกำร 524 บทเรียน 201 บรรยำกำศกำรเรยี นรู้ 424 บริกำรสนับสนนุ กำรเรยี นรู้ 437 ประเมินและสะทอ้ นผล 58 ประเมินส่ิงใดกป็ รบั ปรงุ และเปลย่ี นแปลงในส่งิ น้นั 58 ประเมนิ หลำยช่วงเวลำ 147 ประสบกำรณ์กำรเรียนรู้ 430 ประสิทธผิ ล 566 ประสิทธภิ ำพ 565 ประสิทธภิ ำพของวิธกี ำรประเมนิ ผลกำรเรียนรู้ 564 ปรบั ปรงุ และพฒั นำ 565 ปัจจยั สนบั สนุนดำ้ นกำรจดั กำรช้ันเรยี นของผสู้ อน 431 ปัจจัยสนบั สนุนด้ำนคณุ ลักษณะของผ้สู อน 477 ปัจจัยสนบั สนุนดำ้ นคณุ ลกั ษณะของผูบ้ รหิ ำร 70 ปัจจยั สนบั สนนุ ด้ำนส่อื และทรพั ยำกร 237 เปำ้ หมำยของกำรปรบั ปรุงเปล่ยี นแปลงหลกั สูตร 237 เป้ำหมำยและแนวทำงกำรจดั กำรศกึ ษำ 225 ผลกำรเรยี นรู้ 507 507 ผลที่เกดิ ข้ึนจรงิ ผลท่คี ำดหวงั ผลผลติ ผกู้ ำกับติดตำม

ดรรชนีคำสำคัญ 605 ดรรชนีคำสำคัญ คำสำคญั หนำ้ ผู้ทที่ ำหนำ้ ทเี่ ปน็ นกั วจิ ยั คือผปู้ ฏบิ ตั ิงำนน้ันเอง 544 ผทู้ ่ีมบี ทบำทหน้ำทีน่ ำกำรเปลยี่ นแปลงหลักสูตร 507 ผบู้ ริหำรมภี ำวะผนู้ ำทำงหลักสตู ร 510 ผู้ปฏิบตั กิ ำรหลักสตู ร 511 ผู้ประสำนงำน 508 ผผู้ ลติ 508 ผเู้ รยี นไดต้ ้ังโจทยข์ องกำรเรยี นรู้ดว้ ยตนเอง 423 ผ้เู รยี นมีบทบำทกระตอื รอื ร้นในกำรเรยี นรู้ 420 ผู้เรยี นมบี ทบำทเป็นผูต้ ง้ั รบั ในกำรเรยี นรู้ 420 ผเู้ อื้ออำนวยควำมสะดวก 507 ผเู้ อื้ออำนวยควำมสะดวกในกำรเรยี นรู้ 523 แผนภมู ิวงรอบเหตแุ ละผล 185 เฝำ้ สังเกต 394 พฒั นำควำมรู้ควำมสำมำรถท่เี ออ้ื ต่อกำรใช้หลักสตู ร 511 พจิ ำรณำควำมไมส่ อดคล้องระหว่ำงส่วนตำ่ งๆ ของหลักสตู รกับมำตรฐำน 242 พ่เี ลย้ี ง 507 ฟังด้วยใจอยำ่ งใคร่ครวญ 427 ฟงั และเปดิ รบั 394 ฟังใหไ้ ดย้ ิน 427 ฟงั อย่ำงตงั้ ใจ 427 ฟงั อยำ่ งลกึ ซ้งึ 399 ภำพรวมของกำรเรียนรู้ 480 ภำวะผ้นู ำของผบู้ รหิ ำร 474 ภำวะผู้นำทำงวชิ ำกำร 390 ภำวะผนู้ ำทำงวชิ ำกำรของผ้บู รหิ ำร 473 ภำวะผู้นำทำงหลักสตู ร 505

606 ดรรชนีคำสำคัญ หนำ้ 227 ดรรชนคี ำสำคญั 234 234 คำสำคัญ 35 มำตรฐำน 270 มำตรฐำนสมั บรู ณ์ 506 มำตรฐำนสมั พัทธ์ 270 มำตรฐำนคณุ วฒุ ิ 271 มกี ำรเก็บรวบรวมขอ้ มลู อยำ่ งหลำกหลำย 271 มกี ำรคดิ อยำ่ งเปน็ ระบบและกำรตดั สินใจ 520 มกี ำรวำงแผนกำรประเมินอยำ่ งเปน็ ระบบ 474 มเี กณฑ์กำรตดั สินผลกำรประเมนิ ทีช่ ัดเจน 520 มขี ้อเสนอแนะท่เี ปน็ ประโยชนจ์ ำกกำรประเมนิ 506 มคี วำมเชยี่ วชำญทำงวิชำกำร 505 มคี วำมยุตธิ รรมภำยในองคก์ ร 391 มคี วำมรู้และประสบกำรณ์สงู ในสำยวชิ ำชพี หรอื สำยงำนของตนเอง 506 มจี ิตเคำรพ 505 มีจิตใจสรำ้ งสรรค์ 271 มีทฤษฎีรองรับกำรออกแบบกำรประเมนิ 272 มที กั ษะกำรประนปี ระนอม 540 มีทักษะกำรสือ่ สำร 537 มีผใู้ หข้ อ้ มลู ท่ีหลำกหลำย 427 มีเอกสำรรำยงำนผลกำรประเมนิ ท่เี ปน็ ระบบ 389 มุ่งเน้นกำรตรวจสอบและปรบั ปรงุ ผลกำรเรยี นรู้ของผูเ้ รียน 389 เม่อื ผสู้ อนไดร้ ับกำรพฒั นำแลว้ ทำให้ผู้เรยี นมีคณุ ภำพสูงข้นึ 447 ไมด่ ว่ นสรุป 511 ไม่มคี วำมขดั แยง้ ทำงวิชำกำร ยอมรบั ผลกำรประเมนิ ร่วมกันวำงแผนและดำเนนิ กำรพฒั นำ ปรบั ปรงุ หรือเปลย่ี นแปลงหลกั สตู ร ระดมพลังสมอง

ดรรชนีคำสำคญั ดรรชนคี ำสำคญั 607 คำสำคญั หน้ำ ระบบ 185 ระบบกำรบริหำรหลกั สูตร 15 ระบบกำรประเมินหลกั สตู ร 18 ระบบกำรพฒั นำหลักสูตร ระบบกำรรำ่ งหลกั สูตร 9 รบั รู้ 9 รับรูผ้ ลกำรประเมนิ 394 รปู แบบกำรประเมินท่ีเน้นกำรตัดสินใจเปน็ สำคญั 430 รูปแบบกำรประเมินที่เนน้ เกณฑเ์ ป็นสำคัญ 227 รูปแบบกำรประเมินที่เนน้ จดุ มงุ่ หมำยเปน็ สำคัญ 227 รูปแบบกำรประเมินผลกำรเรยี นรทู้ ่เี สริมพลังตำมสภำพจรงิ 227 รปู แบบกำรปรบั ปรงุ และเปลี่ยนแปลงหลกั สูตรอยำ่ งตอ่ เน่ือง 151 รปู แบบกำรเรียนรรู้ ่วมกนั ของสถำนศกึ ษำ 475 รปู แบบเน้นกระบวนกำรภำยในองค์กร 473 รูปแบบเนน้ กำรบรรลุมำตรฐำน 508 รปู แบบเนน้ กำรเปดิ รบั สิง่ ใหม่ 508 รปู แบบเน้นสมั พนั ธภำพของบคุ ลำกร 508 เรียนรผู้ ลกำรประเมนิ 508 เรียนรู้และพัฒนำ 430 ลงมอื ปฏบิ ัตริ ว่ มกนั 558 ลงสรุปผิดพลำด 425 ลักษณะของกำรเรยี นรู้ท่ีพงึ ปรำรถนำ 389 เลือกเทคนคิ วิธีกำรเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู ในกำรประเมนิ หลักสตู ร 479 เลอื กประเดน็ กำรถอดบทเรยี น 351 เลอื กวิธีกำรประเมนิ ท้งั เชิงปริมำณและเชิงคณุ ภำพ 426 วงจรกำรประเมิน 371 150

608 ดรรชนีคำสำคญั หนำ้ 69 ดรรชนคี ำสำคญั 511 426 คำสำคญั 511 วัฒนธรรมควำมร่วมมอื ร่วมใจ 372 วำงแผนกำรนำหลักสตู รไปปฏิบตั ิ 426 วิเครำะห์ข้อมลู เชงิ ประจกั ษ์และสรปุ บทเรียน 242 วิเครำะหจ์ ุดแขง็ และจดุ ท่ตี ้องปรบั ปรงุ แก้ไข 425 วธิ ีกำรตรวจสอบสำมเสำ้ ในกำรวจิ ยั เชงิ คุณภำพ 354 วิธกี ำรถอดบทเรียนทน่ี ยิ มใช้ 511 วธิ กี ำรประเมนิ ควำมไมส่ อดคลอ้ งกัน 511 วธิ กี ำรปรบั เปลี่ยนกระบวนกำรทำงควำมคดิ ของบคุ ลำกร 272 วธิ ีกำรออกแบบกำรวิจยั แบบผสำนวธิ ี 427 ศึกษำคน้ คว้ำวิจัยสร้ำงสรรคน์ วตั กรรม 523 สรำ้ งเครือข่ำยทำงวิชำกำร 519 สรำ้ งเคร่ืองมือเกบ็ รวบรวมข้อมลู สำหรับกำรประเมนิ หลกั สูตร 511 สรำ้ งบรรยำกำศทผ่ี อ่ นคลำย 430 สร้ำงแรงบนั ดำลใจในกำรเรยี นรู้ 474 สรำ้ งสมั พนั ธภำพท่ดี ี 428 สรำ้ งหรอื ปรบั ปรุงรำยวชิ ำ / หน่วยกำรเรียนรู้ 136 สงั เครำะหผ์ ลกำรถอดบทเรียน 431 สมั พนั ธภำพที่ดขี องบุคลำกร 225 สำรสนเทศจำกกำรถอดบทเรียน 438 สำรสนเทศจำกกำรประเมนิ หลักสตู ร 427 สำระสำคญั ของหลกั สตู ร 394 สง่ิ ทมี่ อี ยกู่ ่อน (antecedent) 426 ส่อื กำรเรียนรู้ สุนทรียสนทนำ แสดงออก แสวงหำข้อมลู เชิงประจกั ษ์

ดรรชนคี ำสำคัญ ดรรชนีคำสำคญั 609 คำสำคญั หน้ำ แสวงหำคำตอบดว้ ยตนเอง 523 แสวงหำแนวทำง วิธีกำรพัฒนำคุณภำพ 511 หลกั กำรโคช้ 520 หลักสตู รทเี่ นน้ อำชพี เป็นฐำน 510 หลักสตู รเนน้ ประสบกำรณ์ 10 หลกั สตู รเนน้ สมรรถนะ 10 หลกั สตู รบรู ณำกำร 10 หลักสตู รรำยบคุ คล 10 หลักสตู รรำยวชิ ำ 10 หลักสตู รเสรมิ 10 หลกั สตู รองิ มำตรฐำน 10 หอ้ ยแขวนกำรตัดสนิ ใจ 427 ห้อยแขวนอยู่กับปจั จุบนั 394 แหลง่ กำรเรียนรู้ 438 แหล่งบุคคล 372 แหล่งเวลำ 372 แหลง่ สถำนท่ี 372 ให้ขอ้ มลู คุณภำพกำรจดั กำรศกึ ษำของสถำนศกึ ษำ 425 ให้ขอ้ มลู ย้อนกลบั อยำ่ งสรำ้ งสรรค์ 423 องค์ควำมรูเ้ ชิงทฤษฎี 390 องคป์ ระกอบของเกณฑก์ ำรให้คะแนน 154 ออกแบบ 394 ออกแบบกำรวิเครำะหข์ อ้ มูล 371

610 ดรรชนคี ำสำคัญ กำรประเมินหลักสูตรเพ่ือกำรเรียนรแู้ ละพัฒนำ ใหค้ วำมสำคญั กับกระบวนกำรประเมนิ ท่สี ำมำรถใหข้ ้อมูลสำรสนเทศท่ีถูกตอ้ ง และเป็นประโยชน์ ตอ่ กำรเรยี นรู้ผลกำรดำเนินกำรทำงหลักสตู ร และนำไปสกู่ ำรปรบั ปรงุ และพัฒนำหลกั สตู ร ใหม้ คี ุณภำพอย่ำงต่อเนอื่ ง

ดรรชนคี ำสำคญั 611 ประวตั ิผเู้ ขียน ชือ่ รองศำสตรำจำรย์ ดร.มำรตุ พฒั ผล กำรศึกษำ ปรญิ ญำตรี : กศ.บ. (คณิตศำสตร์) มหำวทิ ยำลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ (2544) ปรญิ ญำโท : กศ.ม. (กำรวจิ ยั และสถติ ทิ ำงกำรศกึ ษำ) มหำวทิ ยำลยั ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ (2546) ปรญิ ญำเอก : กศ.ด. (กำรวิจัยและพฒั นำหลกั สตู ร) มหำวิทยำลยั ศรนี ครนิ ทรวิโรฒ (2550) ตำแหน่งปจั จบุ นั - อำจำรยป์ ระจำ สำขำกำรวิจยั และพฒั นำหลกั สตู ร บณั ฑิตวทิ ยำลัย มหำวิทยำลยั ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ ผลงำนวิชำกำร มำรุต พัฒผล. (2558). กำรประเมินหลักสูตรเพอ่ื กำรเรยี นร้แู ละพัฒนำ. (พมิ พ์คร้ังที่ 3). กรุงเทพฯ: จรลั สนทิ วงศ์กำรพิมพ์ จำกดั . มำรุต พฒั ผล. (2558). กระบวนทัศน์กำรโคช้ เพอื่ เสริมสร้ำงทักษะกำรสรำ้ งสรรค์และนวัตกรรม. (พมิ พ์ครงั้ ท่ี 1). กรุงเทพฯ: จรัลสนทิ วงศก์ ำรพิมพ์ จำกัด. วิชัย วงษ์ใหญ่ และมำรตุ พัฒผล. (2558). กระบวนทศั น์กำรโคช้ เพ่อื เสริมสรำ้ งกำรเรยี นรู้ แบบ Hands – On และ Minds - On. (พมิ พค์ รง้ั ที่ 1). กรุงเทพฯ: จรลั สนิทวงศ์ กำรพิมพ์ จำกัด. วิชัย วงษ์ใหญ่ และมำรตุ พฒั ผล. (2558). กำรโคช้ เพือ่ กำรรู้คดิ . (พิมพค์ ร้ังท่ี 4). กรุงเทพฯ: จรลั สนิทวงศ์กำรพิมพ์ จำกดั . วชิ ยั วงษใ์ หญ่ และมำรตุ พฒั ผล. (2558). จำกหลกั สตู รแกนกลำงสหู่ ลกั สูตรสถำนศึกษำ: กระบวนทัศน์ใหม่กำรพัฒนำ. (พิมพ์ครงั้ ที่ 4). กรุงเทพฯ: จรลั สนทิ วงศก์ ำรพมิ พ์ จำกัด. มำรตุ พฒั ผล. (2553). กำรออกแบบหนว่ ยกำรเรยี นรู้บรู ณำกำรท่ีสอดคล้องกบั ท้องถนิ่ และกำร ประเมินผลระดับชนั้ เรียน. กรุงเทพฯ: จรัลสนิทวงศก์ ำรพิมพ์ จำกัด. มำรุต พัฒผล. (2553). กำรวจิ ัยปฏบิ ตั ิกำรในช้นั เรยี น : ขบั เคลื่อนสูง่ ำนประจำอย่ำงพอเพียง และย่งั ยนื . กรุงเทพฯ: จรลั สนิทวงศก์ ำรพมิ พ์ จำกดั .

612 ดรรชนีคำสำคญั ผลงำนวจิ ัย มำรุต พัฒผล. (2561). รำยงำนกำรวจิ ัยฉบบั สมบูรณ์ เรือ่ ง รปู แบบกำรประเมนิ เพือ่ พฒั นำกำรเรยี นรขู้ องผเู้ รยี นระดับบณั ฑิตศึกษำ. กรุงเทพฯ: บณั ฑติ วทิ ยำลัย มหำวิทยำลัยศรนี ครนิ ทรวิโรฒ. มำรตุ พัฒผล. (2558). รำยงำนกำรวิจัยฉบบั สมบูรณ์ เรอ่ื ง รูปแบบกำรพัฒนำครูประถมศึกษำ ด้ำนกำรโค้ชเพือ่ กำรร้คู ดิ . กรุงเทพฯ: บณั ฑติ วทิ ยำลยั มหำวทิ ยำลยั ศรนี ครินทรวโิ รฒ. มำรุต พัฒผล. (2557). รำยงำนกำรวจิ ัยฉบบั สมบูรณ์ เรอ่ื ง กำรพัฒนำรูปแบบกำรเสรมิ สรำ้ ง ศกั ยภำพกำรจัดกำรเรยี นรู้ของครูโรงเรียนตำรวจตระเวนชำยแดน. กรงุ เทพฯ: บณั ฑิตวทิ ยำลยั มหำวทิ ยำลัยศรนี ครินทรวโิ รฒ. มำรุต พฒั ผล. (2557). รำยงำนกำรวิจัยฉบับสมบูรณ์ เร่อื ง กำรศึกษำควำมเป็นไปไดใ้ นกำรจดั กำรศกึ ษำของวัดนวมนิ ทรรำชูทศิ เมืองบอสตนั รัฐแมสซำชูเซตส์ สหรฐั อเมรกิ ำ. กรุงเทพฯ: บณั ฑติ วทิ ยำลยั มหำวทิ ยำลยั ศรีนครนิ ทรวโิ รฒ. มำรตุ พัฒผล. (2556). รำยงำนกำรวิจยั ฉบับสมบูรณ์ เรอ่ื ง รูปแบบกำรพฒั นำครดู ำ้ นกำรจดั กำร เรียนรทู้ ีเ่ สรมิ สร้ำงกำรรู้คิดและควำมสุขในกำรเรยี นรู้ของผเู้ รยี นระดับประถมศึกษำ. กรงุ เทพฯ: บณั ฑติ วทิ ยำลยั มหำวทิ ยำลัยศรีนครินทรวโิ รฒ. มำรุต พฒั ผล. (2554). รำยงำนกำรวจิ ยั ฉบับสมบูรณ์ เรื่อง กำรพัฒนำหลกั สตู รฝกึ อบรมครู เพื่อเสริมสรำ้ งกำรจัดกำรเรยี นรู้โดยใช้วิจัยเปน็ ฐำน. กรงุ เทพฯ: บณั ฑติ วทิ ยำลยั มหำวทิ ยำลยั ศรนี ครนิ ทรวิโรฒ. มำรตุ พฒั ผล. (2553). รำยงำนกำรวิจัยฉบบั สมบรู ณ์ เรื่อง ผลกำรใช้ทฤษฎียู (Theory - U) สำหรบั กำรประเมนิ หลักสูตรระดบั บัณฑิตศึกษำ. กรงุ เทพฯ: บัณฑติ วทิ ยำลัย มหำวิทยำลยั ศรนี ครินทรวิโรฒ. มำรุต พฒั ผล. (2552). รำยงำนกำรวิจัยฉบับสมบูรณ์ เร่ือง กำรพัฒนำควำมสำมำรถในกำร จัดทำหน่วยกำรเรยี นร้บู รู ณำกำรทส่ี อดคล้องกบั ท้องถน่ิ สำรบั ผสู้ อนระดบั กำรศกึ ษำ ข้ันพ้ืนฐำน. กรุงเทพฯ: บณั ฑติ วทิ ยำลัย มหำวิทยำลยั ศรนี ครินทรวิโรฒ.

การประเมินหลักสูตร ทีม่ ปี ระสิทธภิ าพนาไปสกู่ ารเรียนรู้ และนามาปรบั ปรงุ และพัฒนาอยา่ งต่อเน่อื ง