26 บทท่ี 1 ระบบการพฒั นาหลกั สูตร “การประเมินหลกั สูตร เปน็ เครอ่ื งมอื ท่ีนาไปส่กู ารเรยี นรู้ และปรับปรงุ เปล่ยี นแปลงหลักสูตร ให้มีคณุ ภาพมากข้ึนอยา่ งต่อเนือ่ ง”
บทที่ 2 สาระสาคญั เกีย่ วกับการประเมนิ หลักสตู ร 27 บทท่ี 2 สาระสาคญั เกยี่ วกบั การประเมินหลกั สูตร
28 บทที่ 2 สาระสาคัญเกย่ี วกบั การประเมินหลักสตู ร การประเมนิ หลักสูตร คือ การตรวจสอบ คุณภาพของหลักสตู ร ในลักษณะการตัดสนิ คุณค่า ในประเดน็ ตา่ งๆ ที่นาไปสู่การปรบั ปรงุ และพัฒนา
บทที่ 2 สาระสาคญั เกยี่ วกับการประเมนิ หลกั สตู ร 29 2.1 ความหมายของการประเมนิ หลักสูตร 2.2 จุดม่งุ หมายของการประเมนิ หลักสูตร 2.3 ความสาคญั ของการประเมนิ หลกั สูตร 2. สาระสาคญั 2.4 เหตผุ ลและความจาเปน็ ท่ีต้องมีการประเมนิ หลักสตู ร เกี่ยวกบั 2.5 เกณฑ์คุณภาพของการประเมนิ หลักสูตร การประเมินหลักสตู ร 2.6 ความสัมพนั ธ์ระหวา่ งกจิ กรรมการพัฒนาหลกั สตู ร และกจิ กรรมการประเมนิ ในกระบวนการพฒั นาหลกั สตู ร 2.7 การประเมินคุณภาพของการประเมินหลกั สูตร
30 บทที่ 2 สาระสาคญั เกี่ยวกบั การประเมนิ หลักสตู ร การประเมินหลักสูตร จาเปน็ ตอ้ งดาเนินการอย่างมีคุณภาพ เพื่อให้ไดร้ บั สารสนเทศที่ถูกต้อง นาไปใช้ประโยชนใ์ นการตดั สินใจ
บทท่ี 2 สาระสาคัญเกี่ยวกับการประเมินหลกั สตู ร 31 สาระสาคญั สาหรับในบทท่ี 2 เรื่อง สาระสาคัญเกี่ยวกับการประเมินหลักสูตร มสี าระสาคญั ดังตอ่ ไปนี้ 1. การประเมินหลักสูตร คือ การตรวจสอบคุณภาพของหลักสูตร ในลักษณะการตัดสินคุณค่าในประเด็นต่างๆ ว่ามีคุณภาพตามมาตรฐานท่ีกาหนด หรือไม่เพียงใดโดยใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์และนาผลการประเมินมาปรับปรุงหลักสูตร ให้มีคุณภาพมากขึ้น 2. การประเมินหลักสตู รมจี ุดมุ่งหมายสาคัญเพ่ือตรวจสอบคุณภาพ ของผู้เรียนตลอดจนผู้สาเร็จการศึกษาว่าเป็นไปตามที่กาหนดไว้ในหลักสูตรหรือไม่ เพียงใดแล้วนาผลการประเมินมาพิจารณาปรับปรุงหลักสูตรใหม้ ีคุณภาพมากยง่ิ ข้นึ 3. การประเมินหลักสูตรช่วยทาให้ผู้ท่ีเกี่ยวข้องกับหลักสูตร มีข้อมูล สารสนเทศเพื่อนาไปใช้สาหรับการปรับปรุงหรือเปล่ียนแปลงหลักสูตรให้มี ความเหมาะสม ทันสมยั มปี ระสทิ ธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น 4. เหตุผลที่ทาให้ต้องมีการประเมินหลักสูตร ประกอบด้วย ทรพั ยากรทใ่ี ช้ในหลกั สูตรมจี ากัด หลกั สตู รใชม้ าเปน็ ระยะเวลานาน ได้รับผลกระทบ จากปัจจัยภายนอก ความต้องการข้อมูลสารสนเทศ ความต้องการงบประมาณ มากขนึ้ 5. เกณฑ์คุณภาพของการประเมินหลักสูตรประกอบด้วย เกณฑ์ ความเป็นวิทยาศาสตร์ ได้แก่ ความเที่ยงตรงภายใน ความเท่ียงตรงภายนอก ความ เชื่อมั่น ความเป็นปรนัย เกณฑ์การนาไปปฏิบัติได้จริง ได้แก่ ความสอดคล้องกับ
32 บทที่ 2 สาระสาคญั เกย่ี วกบั การประเมินหลักสตู ร วัตถุประสงค์ของการประเมิน ความมีคุณค่าและความสาคัญ ความมีขอบเขตที่ชัดเจน ความน่าเชื่อถือ ความเหมาะสมของเวลา การเผยแพร่ผลการประเมิน และเกณฑ์ด้าน ความคมุ้ ค่า 6. การประเมินคุณภาพของการประเมิน เป็นการตรวจสอบ คุณภาพของการประเมินว่ามีประสิทธิภาพอย่างไร มุ่งเน้นการสะท้อนกระบวนการ ประเมินเพอื่ นาไปสกู่ ารปรบั ปรงุ เปลี่ยนแปลงวธิ ีการประเมนิ ให้มปี ระสทิ ธภิ าพมากขนึ้ 7. การพัฒนาหลักสูตรต้ังแต่การออกแบบหลักสูตร การวางแผน การใชห้ ลักสตู ร การนาหลักสตู รไปปฏิบัติ และการประเมินผลการใชห้ ลักสูตร ล้วนมี การประเมนิ สอดแทรกอยู่ในทุกขนั้ ตอน
บทท่ี 2 สาระสาคัญเก่ยี วกับการประเมนิ หลักสูตร 33 2.1 ความหมายของการประเมินหลกั สตู ร การประเมินหลักสูตรเปรียบเสมือนกระจกสะท้อนคุณภาพของการ ดาเนนิ การเก่ียวกบั หลกั สูตร ชว่ ยชีแ้ นะแนวทางการปรบั ปรงุ หลักสตู ร ให้สอดคล้องกับ บริบทของสงั คมท่เี ปลยี่ นแปลงไปอย่างรวดเร็ว เช่น บริบทของการแข่งขันในศตวรรษที่ 21 ทุกสาขาวิชาชีพต้องการบุคลากรที่มีคุณภาพ มีความคิดสร้างสรรค์ ตลอดจน ความสามารถด้านต่างๆ ที่ไม่สามารถใช้คอมพิวเตอร์ทางานแทนได้ ส่งผลทาให้ หลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนต้องบูรณาการทักษะท่ีสาคัญและจาเป็น สาหรับการดารงชีวิตและการประกอบอาชีพในโลกปัจจุบันและอนาคต ทักษะการ คิดริเร่มิ สรา้ งสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ ทักษะด้านเทคโนโลยี ทักษะการสื่อสาร การแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ รวมท้ังทักษะการรู้เร่ืองการเงิน (financial literacy) เปน็ ตน้ ซ่ึงการประเมินหลักสูตรจะเปน็ เครอื่ งมือที่สาคญั ในการปรับปรุงหลักสูตรให้มี ความทนั สมยั สอดคลอ้ งกับการเปล่ยี นแปลงของสังคม การประเมินหลกั สูตร คอื การตรวจสอบคณุ ภาพของหลกั สตู รในลักษณะ การตัดสินคุณค่า (value judgment) ประเด็นต่างๆ ว่ามีคุณภาพตามมาตรฐานที่ กาหนดไว้หรือไม่เพียงใด โดยใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์และนาผลการประเมินมา ปรับปรุงหลักสูตรให้มีคุณภาพมากข้ึน เช่น ความทันสมัยของเอกสารหลักสูตร คุณภาพการจดั การเรียนรู้ คณุ ภาพการวัดและประเมินผล คณุ ภาพของผู้เรยี น เป็นต้น จากการสังเคราะห์คาว่า “การประเมินหลักสูตร” ดังกล่าว ผู้เขียนได้ กาหนดขอบเขตของคาว่าการประเมินหลักสูตรในหนังสือเล่มนี้จะหมายความรวมถึง การตรวจสอบคุณภาพของเอกสารหลักสูตร (curriculum document) การ บริหารจัดการหลักสูตรระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน(curriculum administration) การวางแผนวิชาการ (academic planning) การจัดการเรียนการสอน (instruction) การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนในระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน
34 บทท่ี 2 สาระสาคญั เกีย่ วกบั การประเมินหลักสตู ร (students development activities) การจัดกิจกรรมเสริมหลักสูตรใน ระดับอุดมศึกษา (extra – curricular activities) รวมทั้งการวัดประเมินผลการ เรียนรู้ (learning assessment) ท้ังน้ีเพ่ือให้ผู้อ่านมีความเข้าใจตรงกัน เน่ืองจาก เวลาที่กล่าวคาว่าการประเมินหลักสูตร แต่ละบุคคลอาจมีฐานคิดและมุมมอง ที่แตกต่างกัน เช่น กลุ่มผู้บริหารมักจะมองถึงการประเมินผลของการบริหารจัดการ หลักสตู รหรือการวางแผนวิชาการประสิทธิภาพของการบริหารงบประมาณ ส่วนผู้สอน อาจคิดถึงการประเมิน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน สมรรถนะ คุณลักษณะอันพึงประสงค์ ของผเู้ รยี น เป็นต้น 2.2 จดุ มงุ่ หมายของการประเมนิ หลกั สูตร “การประเมินหลักสูตรไม่ใช่เพ่ือการพิสูจน์แต่เพื่อการปรับปรุงและ พฒั นา” “The most important purpose of program evaluation is not to prove but to improve” Stufflebeam. 1983: 117 การประเมินหลักสูตรทุกระดับไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน หรือหลักสูตรระดับอุดมศึกษา ตลอดจนหลักสูตรฝึกอบรมต่างๆ มีลักษณะร่วมกันของ จุดมุ่งหมายประการหน่ึง คือ การตรวจสอบคุณภาพของผู้เรียน โดยมุ่งตรวจสอบว่า ผู้เรียนมีความรู้ สมรรถนะ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตามที่หลักสูตรกาหนดไว้ หรอื ไม่ ถอื ว่าเปน็ ตวั ชี้วดั ความสาเรจ็ สาคญั ของหลักสูตร ซึ่ง Beane (1986) กล่าวไว้ ว่า การประเมินหลักสูตรจะไม่สามารถเกิดข้ึนได้จนกว่าเราจะรู้ว่า “เรากาลังพยายาม
บทที่ 2 สาระสาคญั เก่ยี วกับการประเมนิ หลักสตู ร 35 ไปสู่ความสาเร็จอะไร” ซ่ึงความสาเร็จของหลักสูตร คือ “คุณภาพของผู้เรียน” ที่กาหนดไว้ในหลักสูตร เช่น หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ท่ีใช้จัดการศึกษาต้ังแต่ระดับช้ันประถมศึกษาปีท่ี 1 ถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 กาหนดคุณภาพของผเู้ รยี นเมื่อสาเร็จการศึกษาไว้ 5 ข้อ ดังน้ี (สานักงานคณะกรรมการ การศกึ ษาข้นั พ้นื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร. 2551: 3 - 4) 1. มีคุณธรรม จริยธรรมและคา่ นยิ มที่พงึ ประสงค์ เห็นคุณค่าของตนเอง มีวินัยและปฏิบัติตนตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนาหรือศาสนาท่ีตนนับถือยึดหลัก ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 2. มีความรู้ ความสามารถในการสื่อสาร การคิด การแก้ปัญหา การใช้ เทคโนโลยี และมีทกั ษะชวี ิต 3. มีสขุ ภาพกายและสขุ ภาพจิตท่ีดี มีสขุ นสิ ยั และรกั การออกกาลงั กาย 4. มีความรักชาติ มีจิตสานึกในความเป็นพลเมืองไทยและพลโลก ยึดมั่นในวิถีชีวิตและการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมขุ 5. มีจิตสานึกในการอนุรักษ์วัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทยการอนุรักษ์ และพัฒนาส่ิงแวดล้อม มีจิตสาธารณะท่ีมุ่งทาประโยชน์และสร้างส่ิงที่ดีงามในสังคม และอยรู่ ว่ มกนั ในสงั คมอยา่ งมีความสุข สาหรับการจัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษา (เป็นการศึกษาในระดับท่ีสูง กว่าระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน) กระทรวงศึกษาธิการ โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการประกาศกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา แห่งชาติ พ.ศ. 2552 เมื่อวันท่ี 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 เพื่อใช้เป็นกรอบมาตรฐาน
36 บทที่ 2 สาระสาคัญเกี่ยวกบั การประเมนิ หลักสตู ร สาหรับสถาบันอุดมศึกษาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาหรือปรับปรุงหลักสูตร การจดั การเรียนการสอน และการพัฒนาคณุ ภาพการจัดการศึกษาตลอดจนผลิตบัณฑิต ที่มีคุณภาพและประโยชน์ต่อการรับรองมาตรฐานคุณวุฒิในระดับอุดมศึกษา โดยคุณภาพของบัณฑิตทุกระดับคุณวุฒิและสาขา/สาขาวิชาต่างๆ ต้องเป็นไปตาม มาตรฐานผลการเรียนรู้ที่คณะกรรมการการอุดมศึกษากาหนดและต้องครอบคลุม อยา่ งน้อย 5 ดา้ น คอื 1) ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม 2) ด้านความรู้ 3) ด้านทักษะทาง ปัญญา 4) ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ 5) ด้าน ทกั ษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสอ่ื สารและการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ โดยที่ สาขาวิชาที่เน้นทักษะทางปฏิบัติต้องเพ่ิมมาตรฐานผลการเรียนรู้ ด้านทักษะพิสัยเพ่ิมเติม หลังจากน้ันต่อมาในวันท่ี 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 คณะกรรมการการอุดมศึกษาโดยศาสตราจารย์วิจารณ์ พานิช ในฐานะประธาน คณะกรรมการการอุดมศึกษา ได้ประกาศแนวทางการปฏิบัติตามกรอบมาตรฐาน คณุ วุฒริ ะดบั อดุ มศึกษาแหง่ ชาติ พ.ศ. 2552 โดยได้กาหนดมาตรฐานผลการเรียนรู้กลางเก่ียวกับคุณลักษณะบัณฑิตท่ีพึง ประสงค์ในระดับอนุปริญญา (3ปี) ระดับปริญญาตรี ระดับประกาศนียบัตรบัณฑิต ระดับปริญญาโท ระดับประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง และระดับปริญญาเอกไว้อย่าง ชัดเจนท่ีทุกหลักสูตรที่เปิดสอนในแต่ละระดับต้องนาไปใช้ในการพัฒนาหลักสูตร การจัดการเรยี นการสอน การประเมนิ และปรบั ปรุงหลักสูตร ให้ผู้เรียนมคี ุณภาพตาม มาตรฐานผลการเรียนรู้ดังกล่าว เช่น คุณลักษณะบัณฑิตที่พึงประสงค์ในระดับคุณวุฒิ ปริญญาเอก มดี ังตอ่ ไปน้ี (สานักงานคณะกรรมการการอดุ มศึกษา. 2552: 22 – 23) 1. ด้านความรู้ความสามารถ ประกอบดว้ ย 1.1 ความเข้าใจอันถ่องแท้ในองค์ความรู้ระดับสูงและการวิจัย ในสาขาวชิ าการหรอื วชิ าชีพ
บทที่ 2 สาระสาคญั เกยี่ วกับการประเมนิ หลกั สูตร 37 1.2 ความค้นุ เคยกับประเด็นปัญหาที่กาลังเกิดขึ้นในระดับแนวหน้า ของสาขาวิชาการหรือวิชาชีพ รวมทั้งความท้าทายของประเด็นปัญหาเหล่านั้นต่อการ ปฏบิ ัตหิ นา้ ทใ่ี นปัจจบุ นั และตอ่ ขอ้ สรุปที่เป็นที่ยอมรับกันอย่แู ล้ว 1.3 การศึกษาค้นคว้าระดับสูงที่เก่ียวข้องรวมถึงการสร้าง องค์ความรู้และแปลความหมายขององค์ความรู้ใหม่ทางการวิจัยที่มีลักษณะสร้างสรรค์ โดยเฉพาะหรอื การใช้ทฤษฎีและการวิจยั ท่กี ่อให้เกิดคุณประโยชน์ท่ีสาคัญต่อการปฏิบัติ ในวิชาชีพ 1.4 ความเข้าใจอันถ่องแท้ในเทคนิคการวิจัยท่ีสามารถประยุกต์ใช้ ในสาขาวิชาท่ศี ึกษา 1.5 ความสามารถในการรวบรวมผลการวิจัยจากวิทยานิพนธ์ หรือ จากรายงานผลของโครงการและจากส่ิงตีพิมพ์หรือส่ือต่างๆ ที่อ้างอิงได้ในวงวิชาการ หรอื วชิ าชพี 2. ดา้ นคณุ ลักษณะของบณั ฑิตทีพ่ งึ ประสงค์ ประกอบดว้ ย 2.1 สามารถประยุกต์ใช้ความรู้ระดับสูงและ/หรือความเข้าใจใน วิชาชพี เพ่อื พฒั นาความรู้และการปฏิบัติในสาขาวิชาชีพของตนให้ก้าวหน้ายิ่งข้ึนและให้ การสนับสนนุ อย่างเตม็ กาลงั เพ่อื พัฒนาความรู้ความเข้าใจและกลยทุ ธ์ใหม่ๆ 2.2 สามารถแสดงออกซึ่งภาวะผู้นาในสาขาวิชาของตนในการ แก้ปัญหาสาคัญที่เกิดข้ึนรวมทั้งแสดงความคิดเห็นและข้อสรุปต่อกลุ่มผู้เช่ียวชาญ และกล่มุ ทไี่ ม่ใช่ผ้เู ชย่ี วชาญในสาขาวิชาได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ 2.3 สามารถจัดการกับปัญหาทางจริยธรรมท่ีซับซ้อนในบริบทของ วิชาการหรอื วชิ าชพี ได้มั่นคงและรวดเร็ว มีความคิดริเริ่มในการหาทางเลือกท่ีเหมาะสม เพื่อแก้ไขปัญหาท่ีมีผลกระทบต่อชมุ ชน
38 บทท่ี 2 สาระสาคญั เก่ียวกบั การประเมนิ หลกั สตู ร ปัจจุบันสาขาวิชาต่างๆ ได้พัฒนามาตรฐานคุณวุฒิที่เป็นอัตลักษณ์เฉพาะ สาขาวิชาเพื่อใช้เป็นคุณภาพของผู้สาเร็จการศึกษา ดังตัวอย่างต่อไปนี้ (ใช้คาว่า “มาตรฐานคุณวฒุ ิ” โดยไมม่ คี าว่า “กรอบ”) - มาตรฐานคุณวฒุ ริ ะดับปริญญาตรี สาขาคอมพวิ เตอร์ พ.ศ. 2552 - มาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาตรี สาขาพยาบาลศาสตร์ พ.ศ. 2552 - มาตรฐานคณุ วฒุ ริ ะดับปริญญาตรี สาขาโลจสิ ตกิ ส์ พ.ศ. 2552 - มาตรฐานคณุ วุฒริ ะดับปริญญาตรี สาขาวิชาการท่องเทีย่ ว และการโรงแรม พ.ศ. 2553 - มาตรฐานคณุ วฒุ ิระดับปรญิ ญาตรี สาขาวิศวกรรมศาสตร์ พ.ศ. 2553 - มาตรฐานคุณวฒุ ิระดับปรญิ ญาตรี สาขาวชิ าการบัญชี พ.ศ. 2553 - มาตรฐานคณุ วุฒิระดบั ปริญญาตรี สาขาครศุ าสตร์และสาขา ศึกษาศาสตร(์ หลักสตู รหา้ ปี) - มาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาตรี สาขาวชิ าภาษาไทย พ.ศ. 2554 - มาตรฐานคุณวุฒริ ะดับปรญิ ญาตรี สาขาวิทยาศาสตรแ์ ละคณิตศาสตร์ พ.ศ. 2554 - มาตรฐานคุณวุฒริ ะดบั ปรญิ ญาตรี สาขาการแพทยแ์ ผนไทยประยุกต์ พ.ศ. 2554 - มาตรฐานคุณวุฒิระดบั บณั ฑิตศึกษา สาขาการแพทยแ์ ผนไทยประยกุ ต์ พ.ศ. 2554 - มาตรฐานคณุ วฒุ ริ ะดับบัณฑิตศึกษา สาขาพยาบาลศาสตร์ พ.ศ. 2555 - มาตรฐานคณุ วฒุ ริ ะดับบัณฑิตศกึ ษา สาขาวชิ ากายภาพบาบัด พ.ศ. 2556 - มาตรฐานคณุ วฒุ ริ ะดับปรญิ ญาตรี สาขาวชิ ากายภาพบาบดั พ.ศ. 2556 - มาตรฐานคุณวฒุ ริ ะดับปรญิ ญาตรี สาขาวชิ าทันตแพทยศาสตร์ พ.ศ. 2557 - มาตรฐานคณุ วฒุ ิระดับปรญิ ญาตรี สาขาวิชาคหกรรมศาสตร์ พ.ศ. 2557
บทที่ 2 สาระสาคัญเก่ียวกบั การประเมินหลกั สูตร 39 จากทยี่ กตวั อย่างคุณภาพของผู้เรียนท้ังในระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน และ ระดับอุดมศึกษาดังกล่าวเพื่อท่ีจะชี้ให้เห็นว่า การประเมินหลักสูตรมีจุดมุ่งหมาย สาคัญเพ่ือตรวจสอบคุณภาพของผู้เรียน ตลอดจนผู้สาเร็จการศึกษา ว่าเป็นไป ตามท่ีกาหนดไว้ในหลักสูตรหรือไม่เพียงใด แล้วนาผลการประเมินมาพิจารณา ปรบั ปรุงหลกั สตู รใหม้ ีคุณภาพมากยิ่งข้นึ นอกจากนี้การประเมินหลักสูตรยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับ หลกั สูตร เช่น ผ้บู รหิ าร ผูส้ อน ชมุ ชน เปน็ ต้น มีข้อมูลสารสนเทศท่ีสามารถนามาใช้ ประกอบการพจิ ารณาปรับปรงุ หลกั สูตรอีกด้วย ดงั นนั้ จงึ สามารถวิเคราะห์จุดมุ่งหมาย ของการประเมินหลักสตู รได้อีก 4 ประการ ดงั นี้ (วชิ ัย วงษใ์ หญ.่ 2554) 1. เพ่ือตรวจสอบว่าเอกสารหลักสูตร ได้แก่ หลักการ จุดหมาย โครงสร้าง เนื้อหา การจัดการเรียนการสอน สื่อ การวัดและประเมินผล มีความ สอดคล้องกันหรือไม่ ซ่ึงการประเมินในลักษณะน้ีส่วนมากจะดาเนินการก่อนการนา หลักสูตรไปปฏิบัติ โดยท่ัวไปจะมีการแต่งต้ังคณะกรรมการประเมินทาหน้าที่พิจารณา คุณภาพของเอกสารหลักสูตร แนวทางการดาเนินการตรวจสอบมีหลายวิธีการ เช่น การส่งเอกสารหลักสูตรให้ผู้เชี่ยวชาญแต่ละคนพิจารณา แล้วนาข้อเสนอแนะของ ผู้เช่ียวชาญมาปรับปรุงแก้ไข การดาเนินการประชุมสนทนากลุ่ม (focus group) ตลอดจนการนาเสนอหลักสูตรในท่ปี ระชุมคณะกรรมการพจิ ารณาหลักสตู ร เป็นต้น 2. เพ่ือตรวจสอบว่าการนาหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติ หรือประเมิน ว่ากระบวนการใช้หลักสูตรมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับหลักการและวัตถุประสงค์ ของหลักสูตรหรือไม่ การประเมินในส่วนน้ีมุ่งเน้นการประเมินการเรียนการสอน การบริหารงานวิชาการ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ มีลักษณะเป็นการประเมิน เพ่ือปรับปรุงและพัฒนา (evaluation for improvement) ใช้วิธีการประเมินเชิง คุณภาพ (qualitative approach) เป็นหลัก เช่น การสัมภาษณ์ การซักถาม
40 บทที่ 2 สาระสาคญั เกย่ี วกบั การประเมินหลกั สตู ร การสังเกตพฤติกรรม การประเมินจากผลการปฏิบัติงานของผู้เรียน เป็นต้น ส่วน กลุ่มเป้าหมายท่ีจะให้ข้อมูลคือบุคคลที่เก่ียวข้องกับหลักสูตรโดยตรง เช่น ผู้บริหาร ผสู้ อน ผเู้ รยี น ผู้ปกครอง ชมุ ชน นักการ ภารโรง เป็นตน้ 3. เพื่อตรวจสอบว่าผู้เรียนมีคุณภาพตรงตามวัตถุประสงค์ ของหลักสูตรหรือไม่ เป็นแนวคิดการประเมินที่ยึดจุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์ ของหลักสูตร (goal – based evaluation) เป็นหลัก โดยกระบวนการประเมินจะมี ความเป็นทางการมากกว่าการประเมินระหว่างการนาหลักสูตรไปปฏิบัติ ซ่ึงจะมีการ วางแผนการประเมินอย่างเป็นระบบ มีเครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูลท่ีผ่าน กระบวนการสร้างและตรวจสอบคุณภาพเป็นอย่างดี มีเกณฑ์การประเมินท่ีชัดเจน การประเมินส่วนน้ีจะดาเนินการเมื่อสิ้นสุดภาคการศึกษาหรือส้ินปีการศึกษา อย่างไร ก็ตาม การประเมินว่าผู้เรียนมีคุณภาพตรงตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตรมีข้อพึง ระวังคือ ความล้าสมัยของวัตถุประสงค์ของหลักสูตรที่ถูกกาหนดไว้ในบริบทของ สังคมท่ีผ่านไปแล้วตั้งแต่หลักสูตรเริ่มต้นการพัฒนา เพราะสังคมมีการเปลี่ยนแปลง อย่างรวดเร็ว การท่ีผู้เรียนมีคุณภาพตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตร ต้องตระหนักอยู่ เสมอว่าเป็นวัตถุประสงค์ของหลักสูตรที่ถูกเขียนขึ้นในอดีต ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับ ปัจจุบัน แต่ถ้าหากวัตถุประสงค์ของหลักสูตรยังมีความทันสมัยอยู่จึงจะม่ันใจได้ว่า ผู้เรยี นมคี ุณภาพอย่างแทจ้ ริง 4. เพื่อตรวจสอบว่าหลักสูตรสามารถตอบสนองความต้องการ ของผู้เรียนและสังคมได้หรือไม่เพียงใด เน่ืองจากหลักสูตรท่ีดีจะต้องมีลักษณะ สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน เช่น เด็กยุคใหม่ชอบการเรียนรู้จากส่ือและ เทคโนโลยี ชอบการปฏิบัติจริงมากกว่าการฟังบรรยาย ชอบแสดงความคิดเห็นและ แลกเปลีย่ นเรียนรู้ มากกวา่ การรบั ฟังคาสั่งจากผู้สอน เปน็ ต้น นอกจากน้ียังต้องสามารถ ผลิตผ้สู าเรจ็ การศกึ ษาที่มคี วามรู้ ความสามารถ และคุณลักษณะที่พึงประสงค์ ตรงตาม ความต้องการของสังคมอีกด้วย เช่น ขณะนี้สังคมโลกเป็นสังคมธุรกิจ ต้องการคนท่ีมี
บทที่ 2 สาระสาคญั เกี่ยวกบั การประเมินหลักสตู ร 41 ความรู้ ความสามารถ มศี กั ยภาพในการใช้ภาษาเพือ่ การสื่อสารโดยเฉพาะภาษาอังกฤษ และทีส่ าคัญคอื ความเป็นพลเมืองตน่ื รู้ (active citizen) และความคดิ สรา้ งสรรค์ 2.3 ความสาคญั ของการประเมินหลักสตู ร การประเมินหลักสูตรมีความสาคัญหลายประการ ซ่ึงเม่ือวิเคราะห์จาแนก ตามช่วงเวลาการประเมินหลักสูตร 3 ระยะ ได้แก่ การประเมินก่อนการใช้หลักสูตร การประเมินระหว่างการใช้หลักสูตรและการประเมินหลังการใช้หลักสูตร แต่ละระยะ มีความสาคญั ดังตอ่ ไปนี้ 1. การประเมินก่อนการใช้หลักสูตร ช่วยทาให้ทราบว่าเอกสาร หลักสูตรมีความถูกต้อง หรือไม่ มีความชัดเจนอ่านแล้วเข้าใจตรงกันหรือไม่ ทรัพยากร ที่ใช้ในหลักสูตรมีเพียงพอหรือไม่ ผู้บริหาร และผู้สอนมีความรู้ความเข้าใจในหลักสูตร ท่ีจะใช้เพียงใด แผนการใช้หลักสูตรมีความชัดเจนเพียงใด ซ่ึงการประเมินหลักสูตร ก่อนการใชห้ ลกั สูตร เปน็ ปัจจยั เอือ้ ตอ่ การใช้หลักสูตรอยา่ งมปี ระสิทธภิ าพ 2. การประเมินระหว่างการใช้หลักสูตรช่วยทาให้ทราบว่าการใช้ หลักสูตรมีประสทิ ธิภาพเพียงใด เช่น การบริหารงานวิชาการ การจัดการเรียนการสอน การวัดและประเมินผล ส่ือการเรียนรู้ แหล่งการเรียนรู้ คุณภาพผู้เรียน เป็นต้น การประเมินระหว่างใช้หลักสูตรเน้น การประเมินเพ่ือปรับปรุงและพัฒนา (evaluation for improvement) เป็นสาคญั 3. การประเมินหลังการใช้หลักสูตรช่วยทาให้ทราบประสิทธิผลของ หลักสูตร คือ คุณภาพของผู้เรียนตามที่หลักสูตรกาหนดไว้ซ่ึงโดยท่ัวไปแบ่งเป็น 3 ด้าน คือ ด้านการรู้คิด (cognitive) ด้านทักษะการปฏิบัติ (psychomotor) และด้าน อารมณ์และเจตคติ (affective) ซึ่งใน Oxford Advanced Learner’s Dictionary
42 บทท่ี 2 สาระสาคญั เก่ยี วกบั การประเมินหลกั สตู ร 7thed. ให้ความหมายของ affective ว่า “connected with emotions and attitudes” (Oxford University. 2005: 25) การประเมินหลักสูตรช่วยทาให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตร มีข้อมูล สารสนเทศ เพื่อนาไปใช้สาหรับการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงหลักสูตร ให้มีความ เหมาะสม ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และประสิทธิผลมากขึ้น เช่น การปรับปรุง วัตถุประสงค์ของหลักสูตร การปรับปรุงเน้ือหาสาระ หรือรายวิชา กระบวนการจัดการ เรียนรู้ วิธีการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ (Tyler. 1949: 104, Taba. 1962: 313 – 316, Tanner and Tanner. 1980: 687, Armstrong. 1989: 228, Armstrong. 2003: 266, Oliva. 2009: 409, Ornstein and Hunkins. 2004: 275) 2.4 เหตุผลและความจาเป็นท่ตี อ้ งมกี ารประเมนิ หลกั สูตร เหตุทสี่ ง่ ผลทาให้ต้องมีการประเมินหลักสตู ร มหี ลายประการดังต่อไปน้ี 1. ทรัพยากรที่ใช้ในการบริหารจัดการหลักสูตร ได้แก่ บุคคล งบประมาณ วัสดุอุปกรณ์ต่าง มีอยู่อย่างจากัดและเพื่อให้การดาเนินการจัดการศึกษา มีประสิทธิภาพสูงสุด กล่าวคือเป็นการใช้ทรัพยากรน้อยที่สุดแต่สามารถทาให้ผู้เรียน มีคุณภาพ จึงจาเป็นต้องมีการประเมินหลักสูตรเกิดขึ้นซึ่งจะทาให้ทราบว่าการบริหาร จดั การหลักสูตรมีประสิทธิภาพหรือไม่ มีการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดหรือไม่ เช่น การประเมินปริมาณงานของผู้สอนรายบุคคล ซึ่งอาจพบว่าผู้สอนกลุ่มหนึ่ง มปี รมิ าณงานการจัดการเรียนการสอนจานวนมากในขณะที่ผู้สอนอีกกลุ่มหน่ึงมีปริมาณ การจัดการเรียนการสอนน้อย ทาให้ต้องปรับปรุงระบบการมอบหมายงานให้เหมาะสม มากข้ึน เป็นต้น หรือการประเมินการใช้วัสดุครุภัณฑ์ต่างๆ อาจพบว่า มีการเบิกวัสดุ ท่ีใช้ในการจัดการเรียนการสอนมากเกินความจาเป็น เช่น กระดาษท่ีใช้สาหรับ
บทที่ 2 สาระสาคัญเก่ยี วกับการประเมินหลกั สูตร 43 ถา่ ยเอกสาร ผงเคมี เป็นต้น ซง่ึ ส่ิงต่างๆ เหล่าน้ีล้วนเป็นทรัพยากรหลักสูตรทั้งสิ้น ถ้าไม่ มีการประเมินหลักสูตรอย่างเป็นระบบแล้ว อาจทาให้มีการใช้ทรัพยากรท่ีไม่คุ้มค่า และสิน้ เปลืองต่อไป 2. หลักสูตรได้ถูกใช้มาเป็นระยะเวลานาน สังคมปัจจุบันมีการ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมีองค์ความรู้ใหม่เกิดขึ้นทุกวัน ความก้าวหน้าทางวิทยาการ ต่างๆ ตลอดจนธรรมชาติการเรียนรู้ของผู้เรียนยุคใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและ การส่ือสารมาสนับสนุนการเรียนรู้ด้วยตนเอง ด้วยเหตุน้ีจึงต้องมีการประเมินหลักสูตร ภายหลังจากท่ีได้ดาเนินการใช้ไปช่วงเวลาหนึ่ง เพ่ือทาให้หลักสูตรมีความทันสมัยและ สอดคลอ้ งกับบรบิ ททางสังคมมากขน้ึ ซ่ึงไมม่ ีการกาหนดช่วงระยะเวลาตายตัวว่าจะต้อง ใช้หลักสูตรไปนานเท่าใดจึงจะทาการประเมิน ข้ึนอยู่กับบริบทของการใช้หลักสูตร การประเมินหลักสูตรบางคร้ังจะนาไปสู่การปรับปรุงหลักสูตร หรืออาจจะนาไปสู่ การยกเลิกการใช้หลักสูตรเดิมแล้วพัฒนาหลักสูตรใหม่ขึ้นมาใช้แทน เช่น การพัฒนา หลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ขึ้นใช้แทนหลักสูตร การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 และให้ใช้หลักสูตรแกนกลางการศึกษา ข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 แทนหลักสูตรการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 ตามคาส่ังของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ สพฐ 293/2551 ลงวันท่ี 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 (สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน กระทรวงศึกษาธิการ. 2551) เปน็ ตน้ 3. มีปัจจัยภายนอกส่งผลให้ต้องประเมินหลักสูตร เน่ืองจากการ จัดการศึกษาของหลักสูตรทุกหลักสูตรมีความเก่ียวข้องกับปัจจัยภายนอกต่างๆ หลาย ปัจจัย ท้ังด้านความต้องการของผู้ปกครองและชุมชน มาตรฐานขององค์กรวิชาชีพ การเปลี่ยนแปลงของสังคมตลอดจนทิศทางการจัดการศึกษาและการทดสอบในระดับ นานาชาติ ดังนั้นหลักสูตรจึงต้องมีการประเมินและปรับปรุงให้สอดคล้องกับปัจจัย
44 บทท่ี 2 สาระสาคญั เก่ียวกบั การประเมนิ หลักสตู ร ภายนอกต่างๆ ดังกล่าวเพื่อให้ผู้สาเร็จการศึกษามีคุณลักษณะและสมรรถนะตรงตาม ความต้องการและมาตรฐานทกี่ าหนด การศึกษาในระดับการศึกษาข้ันพื้นฐาน ขณะน้ี มีปัจจัย ภายนอกที่สาคัญและมีอิทธิพลทาให้ต้องมีการประเมินและปรับปรุงหลักสูตร คือ การประเมินคุณภาพการศึกษาในระดับนานาชาติ ซึ่งประเทศไทยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ มีการประเมินคุณภาพการศึกษาจากคุณภาพของผู้เรียน โดยใช้การประเมินคุณภาพ ของผู้เรียนระดับนานาชาติ ที่มุ่งประเมินทักษะการคิดและการแก้ปัญหาไม่ว่าจะเป็น การประเมิน PISA (Programme for International Student Assessment) การประเมินTIMMS (Trends in International Mathematics and Science Study) และลา่ สุดมีการประเมนิ ทกั ษะด้านการรู้คิด (cognitive skills) และความสุข ในการเรียนรู้ ทั้งนี้เพื่อให้สามารถแสวงหาความรู้ และเรียนรู้ได้อย่างต่อเน่ือง ซึ่งประกอบด้วย 1) การเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ (Science) 2) การเรียนรู้ทาง คณิตศาสตร์ (Mathematics) 3) การเรียนรู้ทางเทคโนโลยี (Technology) 4) การคิด วเิ คราะห์ และ 5) การคิดสร้างสรรค์ ซ่ึงผลการประเมินหลายๆ คร้ัง ท่ีผ่านมายังไม่เป็น ทน่ี า่ พอใจ ทาใหต้ ้องมีการประเมินและปรับปรงุ หลกั สูตร สาหรับการศึกษาในระดับอุดมศึกษา ขณะนี้มีปัจจัยภายนอก ทสี่ ่งผลทาให้ต้องมีการประเมินและปรับปรงุ หลักสตู ร คือ การประกาศกรอบมาตรฐาน คุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติพ.ศ. 2552 และการประกาศมาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษาของสมาคมวิชาชีพต่างๆ ทาให้ทุกหลักสูตรที่เปิดสอนใน ระดับอุดมศึกษาต้องมีการประเมินและปรับปรุงหลักสูตรภายในเวลาที่กาหนด นอกจากน้ีการเปิดประชาคมอาเซียนทาให้ผู้ที่ประกอบวิชาชีพบางวิชาชีพ (ขณะนี้มี 7 วิชาชีพ ได้แก่ แพทย์ ทันตแพทย์ นักบัญชี วิศวกร พยาบาล สถาปนิก และนักสารวจ) สามารถเคลื่อนย้ายไปทางาน ได้อย่างเสรีในประชาคมอาเซียน 10 ประเทศ ในปี พ.ศ. 2558 จึงทาให้ทุกหลักสูตรที่เปิดทาการจัดการเรียนการสอนใน 7 สาขาวิชาชีพน้ีต้องมี
บทท่ี 2 สาระสาคญั เก่ียวกับการประเมนิ หลกั สูตร 45 การประเมินและปรับปรุงหลักสูตรให้มีมาตรฐานผลการเรียนรู้ทัดเทียมกัน เพ่ือให้ ผู้สาเร็จการศึกษาสามารถออกไปปฏิบัติงานร่วมกับเพ่ือนร่วมวิชาชีพจากต่างประเทศ ไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิภาพ 4. ความต้องการข้อมูลสารสนเทศสาหรับการปรับปรุงหลักสูตร ซ่ึงตามหลักวิชาการแล้วการปรับปรุงหลักสูตรจะทาได้ก็ต่อเมื่อมีผลการประเมิน ที่ถูกต้อง หากไม่มีผลการประเมินผู้บริหาร ผู้สอนและผู้เกี่ยวข้องอ่ืนๆ จะไม่สามารถ ตัดสินใจปรับปรุงเปล่ียนแปลงหลักสูตรหรือยกเลิกการใช้หลักสูตรได้ เช่น ในปี พ.ศ. 2555 สานักงานคณะกรรมการการศึกษาข้ันพื้นฐานมีความต้องการข้อมูลสารสนเทศ เกีย่ วกับการใช้หลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 เพ่ือนามาใช้ ในการพิจารณาปรับปรุงหลักสูตร จึงดาเนินการประเมินหลักสูตรโดยประสานความ ร่วมมือกับทีมนักวิจัยของคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร โดยมีดาเนินการ ประเมินหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 โดยการเก็บ รวบรวมข้อมูลท้ังเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพกับผู้บริหารระดับสูง ผู้บริหารเขตพ้ืนที่ การศึกษา ศึกษานิเทศก์ ผู้สอน ผู้เรียน และชุมชน หรือกรณีของหลักสูตรโรงเรียน นายร้อยตารวจ ผู้บังคับบัญชาต้องการข้อมูลสารสนเทศเพ่ือนามาใช้ปรับปรุงหลักสูตร นกั เรียนนายร้อยตารวจ พ.ศ. 2549 ด้วยเหตุนีจ้ งึ ใหม้ กี ารวิจัยประเมินหลักสูตรนักเรียน นายร้อยตารวจมุ่งสู่ความเป็นวิชาชีพตารวจในทศวรรษหน้า (พ.ศ. 2555 – 2564) เกิดขน้ึ กล่าวโดยสรุปคอื ความต้องการข้อมูลสารสนเทศเก่ียวกับหลักสูตรของผู้บริหาร จะนาไปสูก่ ารประเมินหลกั สตู ร 5. ความตอ้ งการงบประมาณสาหรับการจัดการศึกษาที่เหมาะสม โดยปกติการจัดการศกึ ษาของหลกั สตู ร จะมีคา่ ใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าใช้จา่ ยในการจัดการ เรียนการสอน ค่าใช้จ่ายเพ่ือการตอบแทนบุคลากร ค่าใช้จ่ายเก่ียวกับยานพาหนะ เดินทาง ค่าใช้จ่ายเก่ียวกับการจัดกิจกรรมพิเศษอื่นๆเป็นต้น ดังนั้นเร่ืองการเงินและ งบประมาณจึงเป็นเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงการจัดการศึกษาให้มีคุณภาพและมาตรฐาน
46 บทท่ี 2 สาระสาคัญเกยี่ วกบั การประเมนิ หลักสตู ร แต่อย่างไรก็ตามภาวะทางเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเน่ือง ค่าเงินลดลง แต่ค่าใช้จ่ายมากขึ้น ดังนั้นจึงจาเป็นต้องมีงบประมาณเพ่ิมเติมอย่างเพียงพอ สาหรับ หลักสูตรระดับการศึกษาข้ันพื้นฐานจะได้รับงบประมาณส่วนหน่ึงจากรัฐบาล และมี รายรับอ่ืนๆ จากเงินรายได้ต่างๆ ข้ึนอยู่กับศักยภาพของแต่ละสถานศึกษา สาหรับ หลักสูตรระดับปริญญาตรีในสถานบันอุดมศึกษาของรัฐหรืออยู่ในกากับของรัฐจะได้รับ จัดสรรงบประมาณส่วนหนึ่งจากรัฐบาล อีกส่วนหนึ่งได้จากเงินรายได้ต่างๆ สาหรับ หลักสูตรระดับบัณฑิตศึกษา (สูงกว่าปริญญาตรี) เป็นหลักสูตรท่ีต้องหารายได้เล้ียง ตัวเอง ซ่ึงการท่ีจะเสนอขอจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมได้นั้น จาเป็นต้องมีข้อมูล สารสนเทศมาสนับสนุนเหตุผลของการขอจัดสรรงบประมาณ ซ่ึงวิธีการหนึ่งคือการ ประเมินหลักสูตร โดยเฉพาะการประเมินในด้านการเงินและงบประมาณที่ใช้ในการจัด การศึกษา ซึ่งจะทาให้มีข้อมูลว่าถ้าต้องการจัดการศึกษาให้มีคุณภาพแล้วจะต้องใช้ งบประมาณเป็นเงินเท่าใด จากประสบการณ์ที่ผ่านมามีหลักสูตรการศึกษาระดับ ปริญญาเอกหลักสูตรหนึ่ง เริ่มใช้ในปี พ.ศ. 2530 โดยเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการศึกษา ตลอดหลักสูตร ประมาณ 100,000 บาท ต่อมาในปี พ.ศ. 2555 (ใช้หลักสูตรมาแล้ว 25 ปี) ได้มีการปรับปรุงหลักสูตร เกิดข้ึน ซ่ึงในการน้ีมีการวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายต่างๆ ท่ีต้องใช้ในหลักสูตรแล้วพบว่าไม่เพียงพอต่อการบริหารจัด การหลักสูตรให้มี ประสทิ ธภิ าพและคณุ ภาพ ในบรบิ ทของสังคมปจั จบุ ัน ดว้ ยเหตนุ จ้ี งึ ทาให้คณะกรรมการ พัฒนาหลักสูตรตัดสินใจปรับปรุงค่าธรรมเนียมการศึกษาตลอดหลักสูตรจากเดิมเป็น 300,000 บาท และได้เสนอหลักสูตรตามขั้นตอนจนได้รับการอนุมัติจากสภา มหาวิทยาลัย จึงทาให้การบริหารจัดการหลักสูตร และการจัดการเรียนการสอน มีประสิทธิภาพมากขึ้น ผู้เรียนได้มีโอกาสในการ ฝึกประสบการณ์การเรียนรู้ ในต่างประเทศ จากเดิมที่ไม่สามารถทาได้เนื่องจากงบประมาณไม่เพียงพอ สรุปเหตุผล และความจาเปน็ ที่ทาให้ตอ้ งมีการประเมินหลักสตู รแสดงได้ดังแผนภาพต่อไปน้ี
บทที่ 2 สาระสาคัญเกี่ยวกบั การประเมนิ หลักสตู ร 47 ทรพั ยากรทใ่ี ช้ในหลกั สูตรมีจากัด หลกั สตู รถูกใช้มาเปน็ ระยะเวลานาน ไดร้ บั ผลกระทบจากปัจจยั ภายนอก การประเมินหลกั สูตร ความต้องการข้อมูลสารสนเทศ ความต้องการงบประมาณเพ่ิมขึ้น แผนภาพ 3 เหตผุ ลและความจาเป็นที่ทาให้ตอ้ งมกี ารประเมนิ หลักสตู ร
48 บทท่ี 2 สาระสาคัญเกีย่ วกบั การประเมนิ หลักสตู ร 2.5 เกณฑค์ ณุ ภาพของการประเมินหลกั สตู ร การประเมินหลักสูตรมีเกณฑ์ทใ่ี ช้พิจารณาคณุ ภาพของการประเมินหลักสูตร มี 3 ด้าน ได้แก่เกณฑ์ความเป็นวิทยาศาสตร์ เกณฑ์การนาไปปฏิบัติได้จริง และ เกณฑ์ความคุ้มค่า ซึ่งก่อนที่จะดาเนินการประเมินหลักสูตรจาเป็นต้องมีการวาง แผนการดาเนินการให้การประเมินหลักสูตรมีคุณภาพครอบคลุมท้ัง 3 ด้านโดยแต่ละ ด้านมีสาระสาคัญดังนี้ (Brady. 1992) 1. เกณฑ์ความเป็นวิทยาศาสตร์ (scientific criteria) หมายถงึ ความถกู ตอ้ งและเชอ่ื ถือได้ของการประเมินหลักสูตร มีประเด็นที่ต้องพิจารณา 4 ประเด็น ไดแ้ ก่ 1.1 ความเที่ยงตรงภายใน (internal validity) หมายถึง การประเมินหลกั สูตรได้สารสนเทศ หรือข้อสรุป ตรงกบั สภาพความเป็นจรงิ 1.2 ความเท่ียงตรงภายนอก (external validity) หมายถึง ผลการประเมนิ หลักสตู รท่ีเก็บรวบรวมขอ้ มูลเพยี งบางสว่ น เชน่ เก็บข้อมูลจาก กลุ่มตัวอย่าง เป็นต้น สามารถสรุปอ้างอิง (generalization) ไปยังบริบทอ่ืนภายใน หลักสูตรเดียวกันได้ เช่น สังเกตพฤติกรรมจิตอาสาของผู้เรียนบางคน แล้วสรุป ขอ้ ค้นพบจากการสังเกตนั้นไปยังผู้เรียนท้งั หมดได้อยา่ งถูกตอ้ ง เปน็ ต้น 1.3 ความเชื่อม่ัน (reliability) หมายถึง การประเมิน หลักสตู รที่ใช้วิธกี ารหรอื เครื่องมอื ทแี่ ตกตา่ งกันหรอื ใชผ้ ปู้ ระเมินเป็นคนละคนกันแต่ก็ยัง ไดผ้ ลการประเมนิ ทต่ี รงกัน
บทท่ี 2 สาระสาคญั เก่ยี วกบั การประเมนิ หลกั สตู ร 49 1.4 ความเปน็ ปรนัย (objectivity) หมายถึงการประเมิน หลักสูตรท่ีมีความเป็นรูปธรรม ข้อมูลท่ีใช้ในการประเมินเป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ ผู้ประเมินที่มีความรู้และประสบการณ์ ตลอดจนความชานาญเพียงพอ จะมีความเห็น ตรงกนั ในผลการประเมิน 2. เกณฑ์การนาไปปฏิบัติได้จริง (practical criteria) หมายถึง หลักการทกี่ าหนดไว้เพ่ือให้การประเมินหลักสูตรมีความเป็นไปได้จริงในระดับ การปฏบิ ตั ิ มปี ระเด็นที่ตอ้ งพจิ ารณา 6 ประเด็น ได้แก่ 2.1 ความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการประเมิน (relevance) หมายถึง การประเมินหลักสูตรมีความสอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของการ ประเมิน ซึ่งการประเมินหลักสูตร ที่ไม่ตรงประเด็นหรือไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ การประเมินเปรยี บเสมอื นการตอบคาถาม ไมต่ รงกบั โจทย์การประเมิน 2.2 ความมีคุณค่าและความสาคัญ (importance) หมายถึง ผลการประเมินหลักสูตรเป็นสิ่งที่มีคุณค่า และมีความสาคัญต่อผู้ที่เก่ียวข้อง กับหลักสตู ร นาไปสู่การปรับปรงุ หลักสตู รไดจ้ รงิ 2.3 ความมีขอบเขตที่ชัดเจน (scope) หมายถึง การ ประเมินหลักสูตรที่กาหนดขอบเขตของการประเมินไว้อย่างชัดเจน ครอบคลุมส่ิงที่ มุ่งประเมิน ประเด็นการประเมิน รวมทั้งบุคคลผู้ให้ข้อมูล มาตรฐานการประเมินหรือ เกณฑร์ วมท้งั ระยะเวลาของการประเมนิ ซึง่ เกณฑ์ด้านการปฏิบัติได้จริงในด้านความตรง ประเดน็ ความมีคุณคา่ มคี วามสาคัญ และมีขอบเขตชัดเจนดังกล่าว มีความสัมพันธ์กัน และมีความสาคญั เท่าเทียมกนั
50 บทท่ี 2 สาระสาคัญเกยี่ วกบั การประเมนิ หลักสตู ร 2.4 ความน่าเชื่อถือ (credibility) หมายถึง ผลการ ประเมินหลักสูตรไม่ว่าจะเป็นข้อค้นพบจากการประเมินหรือข้อเสนอแนะท่ีมีต่อ หลักสูตร มีความน่าเช่ือถือซ่ึงเกิดมาจากกระบวนการประเมินทั้งหมด ตั้งแต่ คณะกรรมการประเมิน วิธีการและเคร่ืองมือ การวิเคราะห์ข้อมูล ความเป็นมาตรฐาน ของเกณฑท์ ีใ่ ชก้ ารประเมิน 2.5 ความเหมาะสมของเวลา (timelines) หมายถึง การประเมินหลักสูตรท่ีมีระยะเวลาดาเนินการอย่างเหมาะสม และเพียงพอ ไม่น้อย เกินไปจนส่งผลทาใหเ้ กดิ ความเรง่ รีบดาเนินการประเมินหลักสูตรและไม่ยาวนานเกินไป จนทาใหไ้ ดผ้ ลการประเมินล่าช้า ไม่ทนั เหตุการณ์ หรอื ลา้ สมยั 2.6 การเผยแพร่ผลการประเมิน (pervasiveness) หมายถึงการประเมินหลักสูตรท่ีเผยแพร่ผลการประเมินให้กับบุคคลทุกฝ่ายท่ีเก่ียวข้อง เช่น ผู้บริหาร ผู้สอน ชุมชน ผู้ปกครอง ผู้เรียน เป็นต้น รวมท้ังบุคคลที่มีความต้องการ ใช้สารสนเทศจากการประเมิน เชน่ นกั วจิ ัย ผบู้ ริหารระดับสงู เป็นตน้ 3. เกณฑ์ด้านความคุ้มค่า (prudential criteria) เป็น หลักการทก่ี าหนดไวเ้ พ่ือให้การประเมินหลกั สตู รมปี ระสทิ ธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด ซ่ึงความมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล หมายถึง การประเมินหลักสูตรต้องใช้ ทรัพยากรน้อยท่ีสุด แต่ได้ผลการประเมินท่ีมีประโยชน์สูงสุด นาไปสู่การปรับปรุง และเปลี่ยนแปลงหลักสตู รให้มคี ณุ ภาพมากข้ึน
บทที่ 2 สาระสาคัญเก่ียวกับการประเมนิ หลกั สตู ร 51 2.6 ความสมั พันธร์ ะหว่างกิจกรรมการพฒั นาหลักสตู ร และกิจกรรมการประเมนิ ในกระบวนการพฒั นาหลกั สูตร โ ด ย ธ ร ร ม ช า ติ แ ล้ ว ก า ร พั ฒ น า ห ลั ก สู ต ร ตั้ ง แ ต่ ก า ร อ อ ก แ บ บ ห ลั ก สู ต ร (curriculum design) การวางแผนการใชห้ ลกั สตู ร (curriculum planning) การ นาหลกั สูตรไปปฏบิ ัติ (curriculum implementation) และการประเมินผลการใช้ หลักสูตร (curriculum evaluation) ล้วนมีการประเมินสอดแทรกอยู่ในทุก ข้นั ตอน ซึ่งสามารถวเิ คราะห์ไดด้ งั ตอ่ ไปน้ี ตาราง 1 ความสัมพันธ์ระหว่างกจิ กรรมการพฒั นาหลักสูตรและกิจกรรมการประเมนิ ในกระบวนการพฒั นาหลกั สูตร กระบวนการพัฒนาหลกั สตู ร กจิ กรรมการพัฒนาหลักสตู ร กจิ กรรมการประเมนิ 1. การออกแบบหลกั สตู ร - ยกรา่ งหลกั สตู รขน้ึ มา - ประเมนิ เกยี่ วกบั ความตอ้ งการ บนพ้นื ฐานของข้อมลู จาเปน็ ดา้ นตา่ งๆ เกย่ี วกบั สารสนเทศท่ไี ดม้ าจาก การพฒั นาหลักสตู ร การศึกษาขอ้ มลู พืน้ ฐาน ด้านต่างๆ - ตรวจสอบคณุ ภาพเบื้องตน้ - ประเมินคณุ ภาพของหลักสูตร ของหลักสตู ร โดยผ้เู ชยี่ วชาญทางด้าน หลักสตู รและด้านเน้อื หาสาระ - ทดลองนาร่องใชห้ ลักสตู ร - ประเมนิ ความเป็นไปได้ในการ ทดลองใชห้ ลักสตู รภาคสนาม - ทดลองใชห้ ลักสตู ร - ประเมินความเป็นไปได้ในการ ภาคสนาม นาหลักสตู รไปปฏิบตั ิจริง
52 บทท่ี 2 สาระสาคญั เก่ียวกบั การประเมินหลักสตู ร ตาราง 1 ความสมั พันธ์ระหวา่ งกจิ กรรมการพฒั นาหลักสูตรและกจิ กรรมการประเมนิ ในกระบวนการพฒั นาหลกั สตู ร (ตอ่ ) กระบวนการพัฒนาหลักสตู ร กจิ กรรมการพัฒนาหลกั สูตร กจิ กรรมการประเมิน 2. การวางแผนการใช้ - เตรียมบคุ ลากร - ประเมินความพร้อมของ หลักสตู ร บุคลากรโดยเฉพาะผ้บู รหิ าร และผสู้ อน - เตรียมงบประมาณ - ประเมินประสทิ ธภิ าพของ แผนการใช้งบประมาณ - เตรยี มวสั ดุอุปกรณ์ - ประเมนิ ความพรอ้ มของวัสดุ อปุ กรณ์สาหรบั การใช้ หลกั สตู ร - ประกาศใช้หลกั สตู ร - ประเมินความชดั เจนในการ ประกาศใช้หลกั สตู ร - ประชาสัมพนั ธห์ ลักสตู ร - ประเมินประสิทธภิ าพของ การประชาสมั พันธ์หลกั สตู ร - จัดการเรยี นการสอน - ประเมนิ คณุ ภาพของการจดั การเรียนการสอน - จัดกิจกรรมเสรมิ หลกั สตู ร - ประเมินคณุ ภาพของการจดั (ถา้ มี) กจิ กรรมเสรมิ หลักสูตร - ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ - ประเมนิ คณุ ภาพของการ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้
บทที่ 2 สาระสาคัญเกย่ี วกับการประเมินหลกั สูตร 53 ตาราง 1 ความสมั พนั ธ์ระหวา่ งกจิ กรรมการพัฒนาหลกั สตู รและกิจกรรมการประเมิน ในกระบวนการพัฒนาหลกั สูตร (ตอ่ ) กระบวนการพัฒนาหลักสตู ร กิจกรรมการพฒั นาหลกั สตู ร กจิ กรรมการประเมิน 3. การนาหลกั สตู รไปปฏบิ ตั ิ - วางแผนวชิ าการ - ประเมินความชัดเจน และความเหมาะสมของ แผนวชิ าการ - นิเทศ กากบั ตดิ ตาม - ประเมินคณุ ภาพของการ นเิ ทศ กากับ ตดิ ตามการใช้ หลกั สตู ร - ควบคุมคุณภาพวชิ าการ - ประเมินกระบวนการควบคุม คุณภาพวิชาการ - ส่งเสริมสนับสนนุ - ประเมินคณุ ภาพของการ ส่งเสริมสนบั สนุนดา้ นต่างๆ - จดั การเรยี นการสอน - ประเมนิ คณุ ภาพของการจดั การเรียนการสอน - จดั กิจกรรมเสรมิ หลักสตู ร - ประเมินคณุ ภาพของการจดั (ถา้ มี) กิจกรรมเสรมิ หลักสตู ร - ประเมินผลการเรยี นรู้ - ประเมนิ คณุ ภาพของการ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้
54 บทที่ 2 สาระสาคัญเกย่ี วกบั การประเมินหลักสตู ร ตาราง 1 ความสมั พนั ธร์ ะหว่างกจิ กรรมการพฒั นาหลักสูตรและกิจกรรมการประเมิน ในกระบวนการพฒั นาหลักสูตร (ตอ่ ) กระบวนการพฒั นาหลกั สตู ร กิจกรรมการพัฒนาหลกั สูตร กิจกรรมการประเมนิ 4. การประเมินผลการใช้ - ตรวจสอบคุณภาพ - ประเมนิ คุณภาพของผู้สาเร็จ หลักสตู ร ผสู้ าเร็จการศกึ ษา การศกึ ษาตามวัตถุประสงค์ ของหลกั สูตร - พิจารณาผลกระทบ - ประเมนิ ผลกระทบของ ของหลักสูตร หลักสตู รท่ีมตี ่อชมุ ชน และสงั คม - พจิ ารณาความ - ประเมนิ ความยง่ั ยนื ของ ย่งั ยนื ของหลกั สูตร หลกั สตู รในแง่ของการพัฒนา ทรพั ยากรบคุ คล 2.7 การประเมินคุณภาพของการประเมนิ หลกั สูตร การประเมินคุณภาพของการประเมิน (evaluating evaluation) เป็น การตรวจสอบคุณภาพของการประเมินว่ามีประสิทธิภาพอย่างไร บางคร้ังเรียกว่า meta – evaluation มุ่งเนน้ การสะทอ้ นกระบวนการประเมินเพื่อนาไปสู่การปรับปรุง เปลี่ยนแปลงวิธีการประเมินให้มีประสิทธิภาพมากข้ึน โดยมีประเด็นการประเมิน คณุ ภาพของการประเมนิ หลกั สูตร มดี ังตอ่ ไปน้ี 1. การประเมินหลักสูตรสามารถให้ข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับผล การเรยี นรูข้ องผเู รยี นไดดเี พียงใด
บทที่ 2 สาระสาคัญเกี่ยวกับการประเมนิ หลักสตู ร 55 2. การประเมินหลักสูตรสามารถใหขอมูลสารสนเทศสาหรับ้้้้้้ การพฒั นาผเู รยี นรายบุคคลไดเพยี งใด 3. การประเมินหลักสูตรสามารถใหขอมูลสารสนเทศสาหรับ้้้้้้้ การปรบั ปรุงการจดั การเรียนการสอนไดเพยี งใด 4. การประเมินหลักสูตรสามารถใหขอมูลสารสนเทศสาหรับ้้้้้้้้้ การปรบั ปรุงการบริหารจัดการหลกั สตู รและการวางแผนวิชาการไดเพยี งใด 5. การประเมินหลักสูตรสามารถใหขอมูลสารสนเทศสาหรับ้้้้้้้้ การพฒั นาบคุ ลากรทเ่ี กย่ี วของกับการใชหลักสตู รไดเพยี งใด 6. การประเมินหลักสูตรสามารถใหขอมูลสารสนเทศสาหรับ้้้้้้้้้ การปรับปรงุ วัตถุประสงคข์ องหลกั สตู รไดเพยี งใด 7. การประเมินหลักสูตรสามารถใหขอมูลสารสนเทศสาหรับ้้้้้้้้ การปรับปรุงเนอ้ื หาสาระของหลกั สตู รไดเพียงใด 8. การประเมินหลักสูตรสามารถใหขอมูลสารสนเทศสาหรับ้้้้้้้ การปรับปรุงระบบและวิธีการประเมนิ ทใี่ ชอยู่ในปจั จบุ ันไดเพียงใด 9. การประเมินหลักสูตรสามารถใหขอมูลสารสนเทศสาหรับ้้้้้้้้ การพัฒนาคุณภาพวิชาการไดเพียงใด 10. การประเมินหลักสูตรสามารถสรางความร่วมมือในการจัด การศึกษาของชมุ ชนไดเพยี งใด
56 บทที่ 2 สาระสาคญั เกย่ี วกบั การประเมนิ หลกั สตู ร การประเมินหลกั สตู ร เปน็ กิจกรรมทสี่ อดแทรก อยใู่ นกระบวนการพัฒนาหลกั สตู ร ก่อนการใชห้ ลกั สตู ร ระหวา่ งการใช้หลกั สูตร หลงั การใชห้ ลกั สูตร
บทท่ี 2 สาระสาคัญเกย่ี วกบั การประเมนิ หลักสูตร 57 สรุป จากท่ีได้กล่าวมาในบทท่ี 2 เรื่อง สาระสาคัญเก่ียวกับการประเมิน หลักสูตร มีสาระสาคัญท่ีได้กล่าวไว้คือ การประเมินหลักสูตร คือ การตรวจสอบ คุณภาพของหลักสูตรในลักษณะการตัดสินคุณค่าในประเด็นต่างๆ ว่ามีคุณภาพ ตามมาตรฐานทก่ี าหนดหรือไมเ่ พียงใด โดยใช้ข้อมูลเชงิ ประจักษ์ และนาผลการประเมิน มาปรับปรุงหลักสูตรให้มีคุณภาพมากข้ึน โดยการประเมินหลักสูตรมีจุดมุ่งหมายสาคัญ เพอ่ื ตรวจสอบคุณภาพของผ้เู รียน ตลอดจนผูส้ าเรจ็ การศกึ ษา วา่ เป็นไปตามที่กาหนดไว้ ในหลักสูตรหรือไม่เพียงใด แล้วนาผลการประเมินมาพิจารณาปรับปรุงหลักสูตรให้มี คุณภาพมากย่ิงขึ้น ซึ่งประโยชน์ของการประเมินหลักสูตรช่วยทาให้ผู้ท่ีเก่ียวข้องกับ หลักสูตร มีข้อมูล สารสนเทศเพื่อนาไปใช้สาหรับการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลง หลักสูตร ให้มีความเหมาะสม ทันสมัย มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากข้ึน อนง่ึ เหตผุ ลทีท่ าให้ตอ้ งมีการประเมินหลักสูตร ประกอบด้วย ทรัพยากรที่ใช้ในหลักสูตร มีจากัด หลักสูตรใช้มาเป็นระยะเวลานาน ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก ความ ต้องการข้อมูลสารสนเทศ ความต้องการงบประมาณมากข้ึน โดยที่เกณฑ์คุณภาพของ การประเมนิ หลักสูตร ประกอบด้วย เกณฑ์ความเปน็ วิทยาศาสตร์ ได้แก่ ความเท่ียงตรง ภายใน ความเท่ียงตรงภายนอก ความเช่ือมั่น ความเป็นปรนัย เกณฑ์การนาไปปฏิบัติ ได้จริง ประกอบด้วยความสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการประเมิน ความมีคุณค่า และความสาคัญ ความมีขอบเขตท่ีชัดเจน ความน่าเช่ือถือ ความเหมาะสมของเวลา การเผยแพร่ผลการประเมิน และเกณฑ์ด้านความคุ้มค่า และการประเมินคุณภาพของ การประเมิน เป็นการตรวจสอบคุณภาพของการประเมินว่ามีประสิทธิภาพอย่างไร มุ่งเน้นการสะท้อนกระบวนการประเมินเพื่อนาไปสู่การปรับปรุงเปล่ียนแปลงวิธีการ ประเมินให้มีประสิทธิภาพมากข้ึน ซ่ึงการพัฒนาหลักสูตรต้ังแต่การออกแบบหลักสูตร การวางแผนการใช้หลักสูตร การนาหลักสูตรไปปฏิบัติและการประเมินผลการใช้ หลักสตู รล้วนมกี ารประเมนิ สอดแทรกอยู่ในทุกขนั้ ตอน
58 บทท่ี 2 สาระสาคัญเกย่ี วกบั การประเมนิ หลักสตู ร ความร้เู พมิ่ เตมิ เกยี่ วกบั คาวา่ ประสิทธภิ าพและประสิทธผิ ล 1. ประสิทธิภาพ (efficiency) หมายถึง้ลักษณะของการปฏิบัติงานท่ีทา ใหเกิดประสิทธิผล้ดวยวิธีการที่ใชเวลา้พลังงาน้บุคลากร้และการลงทุนนอยที่สุด้ หรอื ดวยวธิ ีการท่ปี ระหยัดทส่ี ดุ ้(ราชบณั ฑติ ยสถาน.้2555: 187) 2. ประสิทธิผล (effectiveness) หมายถึง้ผลท่ีเกิดขึ้นจากการจัดการ้้้ เชงิ ระบบและเชงิ คณุ ภาพ้ที่มงุ่ ถงึ การบรรลุเป้าหมาย้และผลท่ีสอดคลองกับเป้าหมาย ทก่ี าหนดไว (ราชบัณฑติ ยสถาน.้2555: 187)
บทท่ี 2 สาระสาคญั เกี่ยวกับการประเมนิ หลักสูตร 59 บรรณานกุ รม บัณฑติ ศึกษา มหาวิทยาลัยสโุ ขทัยธรรมาธิราช. (2555). การประเมนิ หลกั สูตรและการ เรียนการสอน: ประมวลชุดวิชา = Evaluation of Curriculum and Instruction. นนทบรุ ี: สานักพิมพม์ หาวิทยาลัยสโุ ขทยั ธรรมาธิราช. ราชบณั ฑิตยสถาน. (2555). พจนานกุ รมศพั ทศ์ กึ ษาศาสตร์ ฉบบั ราชบัณฑิตยสถาน. กรงุ เทพฯ: อรุณการพิมพ์. วชิ ัย วงษใ์ หญ.่ (2554). การพัฒนาหลกั สูตรระดับอุดมศึกษา. (พมิ พค์ รั้งที่ 2). กรุงเทพฯ: อาร์ แอนด์ ปรนิ ท์ จากดั . ศริ ชิ ัย กาญจนวาสี. (2537). ทฤษฎกี ารประเมนิ . กรุงเทพฯ: สานกั พมิ พจ์ ุฬาลงกรณ์ มหาวทิ ยาลยั . สมคิด พรหมจุ้ย. (2552). เทคนิคการประเมินโครงการ. กรงุ เทพฯ: ศูนย์หนงั สอื จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั . (จัดจาหนา่ ย). สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขน้ั พน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธิการ. (2551). หลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขนั้ พืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551. กรุงเทพฯ: โรงพมิ พ์ชมุ นุมสหกรณ์การเกษตรแหง่ ประเทศไทย. สานกั งานคณะกรรมการการอดุ มศึกษา. (2552). กรอบมาตรฐานคณุ วฒุ ิระดับอุดมศกึ ษา แหง่ ชาติ พ.ศ. 2552. กรงุ เทพฯ: สานกั งานคณะกรรมการการอดุ มศึกษา. Armstrong. David G. (1989). Developing and Documenting the Curriculum. Boston: Allyn and Bacon. . (2003). Curriculum Today. New Jersey: Merrill Prentice Hall. Beane, James A. and others. (1986). Curriculum Planning and Development. Boston: Allyn and Bacon. Bobbit, Franklin. (1918). The Curriculum. Boston: Houghton Mifflin. . (1924). How to Make a Curriculum. Boston: Houghton Mifflin. Brady, Laurie. (1992). Curriculum Development. 4thed. Sydney: Prentice Hall.
60 บทท่ี 2 สาระสาคญั เกยี่ วกบั การประเมนิ หลักสตู ร Henson, Kenneth T. (2001). Curriculum Planning: Integrating Multiculturalism, Constructivism, and Education Reform. 2nded. New York: McGraw - Hill. Jacobs, Heidi Hayes. (2010). Curriculum 21: Essential education for a Changing World. Alexandria: Association for Supervision and Curriculum Development. Kelly, A. V. (1999). The Curriculum. 4thed. London: Paul Chapman Publishing Ltd. Lattuca, Lisa R. (2009). Shaping the Collage Curriculum: Academic Plans in Context. 2nded. San Francisco: Jossey – Bass. Marsh, Colin J., and Willis, George. (2003). Curriculum: Alternative Approached, Ongoing Issues. Upper Saddle River, New Jersey: Merrill Prentice Hall. McNeil, John D. (1976). Designing Curriculum: Self – Instructional Modules.Boston: Little, Brown and Company. Miller, J. P. & Seller, W. (1985). Curriculum: Perspectives and Practice. New York : Longman. Oliva, Peter F. (2009). Developing the Curriculum. 7thed. Boston: Allyn and Bacon. Oliva, Peter F., and Gordon, II, William, R. (2013). Developing the Curriculum. 8thed. Boston: Pearson. Ornstein, Allan C. (2013). Curriculum: Foundations, Principles, and Issues. Boston: Pearson. Ornstein, Allan C., and Hunkins, Francis P. (2004). Curriculum: Foundations, Principles, and Issues. Boston: Allyn and Bacon.
บทท่ี 2 สาระสาคัญเกยี่ วกับการประเมินหลกั สูตร 61 Oxford University. (2005). Oxford Advance Learner’s Dictionary. 7th ed. New York: Oxford University Press. Posner, George J. (2004). Analyzing the Curriculum. New York: McGraw Hill. Print, Murray. (1993). Curriculum Development and Design. 2nd ed. Sydney: Allen & Unwin. Saylor, J. G. and Alexander, W.M. (1974). Curriculum Planning for Schools. New York: Holt, Rinehart & Winston. . (1981). Curriculum Planning for Better Teaching and Learning. New York: Holt, Rinehart and Winston. Stufflebeam, Daniel L. (1983). “The CIPP Model for Program Evaluation”. Evaluation models : viewpoints on educational and human services evaluation. Boston: Kluwer-Nijhoff. Taba, Hilda. (1962). Curriculum Development : Theory and Practice. New York: Harcourt Brace Jovanovich. Tanner, Daniel and Tanner, Laurel. (1975). Curriculum Development: Theory into Practice. New York: Macmillan Publishing. Tanner, Daniel and Tanner, Laurel. (1980). Curriculum Development: Theory into Practice. 2nded. New York: Macmillan Publishing. Tyler, Ralph W. (1949). Basic Principles of Curriculum and Instruction. Chicago: The university of Chicago Press. Udelhofen, Susan. (2005). Keys to Curriculum Mapping: Strategies and Tools to Make it Work. Thousand Oaks, California: Corwin Press. Walker, Decker F. and Soltis, Jonas F. (2009). Curriculum and Aims. New York: Teachers College Columbia University. Wiles, Jon W., and Bondi, C. Joseph. (2011). Curriculum Development a Guide to Practice. 8thed. Boston: Pearson.
62 บทท่ี 2 สาระสาคญั เกี่ยวกบั การประเมินหลกั สตู ร การประเมนิ หลกั สูตร ไม่ใชเ่ พื่อการพิสูจน์ แตเ่ พ่ือการปรบั ปรุง และพฒั นาให้มคี ณุ ภาพ
บทที่ 3 การประเมนิ หลักสตู รเชงิ สรา้ งสรรค์ 63 บทที่ 3 การประเมินหลักสูตรเชงิ สรา้ งสรรค์
64 บทที่ 3 การประเมินหลกั สตู รเชงิ สร้างสรรค์ การประเมนิ หลกั สูตรเชิงสรา้ งสรรค์ เป็นการประเมนิ ทม่ี คี วามต่อเน่อื ง โดยใช้วิธกี ารประเมนิ ทห่ี ลากหลาย บนพื้นฐานความรว่ มมอื ร่วมใจ
บทที่ 3 การประเมินหลักสูตรเชิงสรา้ งสรรค์ 65 3.1 ความหมายของการประเมินหลักสูตรเชงิ สร้างสรรค์ 3. การประเมนิ หลกั สตู ร 3.2 องค์ประกอบของการประเมินหลักสตู รเชิงสร้างสรรค์ เชงิ สรา้ งสรรค์ 3.3 จดุ เนน้ ของการประเมินหลกั สตู รเชงิ สรา้ งสรรค์
66 บทท่ี 3 การประเมินหลักสตู รเชงิ สรา้ งสรรค์ การประเมินหลักสูตรเชิงสรา้ งสรรค์ เปน็ การประเมินท่ีเออื้ ต่อ การเรยี นร้แู ละพัฒนาหลักสตู ร ให้มคี ณุ ภาพอย่างตอ่ เน่อื ง
บทที่ 3 การประเมนิ หลกั สตู รเชิงสรา้ งสรรค์ 67 สาระสาคญั สาหรับในบทที่ 3 เร่ือง การประเมินหลักสูตรเชิงสร้างสรรค์ มีสาระสาคัญ ดงั ต่อไปน้ี 1. การประเมินหลักสูตรเชิงสร้างสรรค์ หมายถึง การประเมิน หลักสูตรโดยคณะกรรมการที่มีสัดส่วนองค์ประกอบของคณะกรรมการท่ีมีความ เ ชี่ ย ว ช า ญ เ ห ม า ะ ส ม กั บ ห ลั ก สู ต ร ที่ ป ร ะ เ มิ น โ ด ย ก า ร ใ ช้ วิ ธี ก า ร ป ร ะ เ มิ น ห ลั ก สู ต ร ที่หลากหลายท้ังเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพจนได้สารสนเทศที่ถูกต้อง สามารถนามา ปรบั ปรุงหลักสตู รใหม้ คี ณุ ภาพอย่างสร้างสรรค์ 2. จุดเน้นของการประเมินหลักสูตรเชิงสร้างสรรค์ จาแนกตาม ช่วงเวลาของการประเมิน ได้แก่ 1) การประเมินก่อนการใช้หลักสูตร มีจุดเน้นคือการ ประเมินด้วยวิธีการวิจัย และการประเมินด้วยวิธีการวิเคราะห์ระบบของหลักสูต ร 2) การประเมนิ ระหว่างการใชห้ ลกั สตู ร มจี ุดเนน้ คือ การประเมนิ ที่เนน้ ผ้เู รียนเป็นสาคัญ การประเมินแบบไม่เป็นทางการ การประเมินที่เป็นอิสระจากจุดมุ่งหมาย 3) การ ประเมินหลังการใช้หลักสูตร มีจุดเน้นคือ การประเมินแบบเป็นทางการ การประเมิน ที่ยดึ จุดมุ่งหมาย 3. การประเมินหลักสูตรเชิงสร้างสรรค์เป็นการประเมินอย่าง ต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนใช้หลักสูตร ระหว่างการนาหลักสูตรไปปฏิบัติ และหลังการใช้ หลกั สูตร ผลการประเมินก่อนใช้หลักสูตร และระหว่างการนาหลักสูตรไปปฏิบัติมุ่งเน้น การปรับปรุงและพัฒนา ส่วนการประเมินหลังการใช้หลักสูตรมุ่งเน้นการตัดสินใจ ปรับปรุงหลกั สูตรหรอื ยกเลกิ การใช้หลักสตู ร 4. การประเมินแบบร่วมมือร่วมใจ หมายถึง การประเมินโดยใช้ผู้ท่ี เกี่ยวข้องกับหลักสูตรทุกฝ่ายมีบทบาทเป็นผู้ประเมินหลักสูตร บนพื้นฐานของความ ร่วมมือร่วมใจท่ีจะปรับปรุงหลักสูตรให้ดียิ่งข้ึนโดยใช้วิธีการเชิงคุณภาพมากกว่า วธิ ีการเชิงปริมาณ
68 บทท่ี 3 การประเมินหลักสตู รเชิงสร้างสรรค์ การประเมินหลักสูตร แบบร่วมมือรว่ มใจ: นวัตกรรม การประเมนิ หลงั การใชห้ ลกั สตู ร เพ่อื การปรับปรงุ และพฒั นาใหด้ ขี ้นึ
บทที่ 3 การประเมนิ หลกั สตู รเชงิ สร้างสรรค์ 69 3.1 ความหมายของการประเมนิ หลกั สตู รเชิงสรา้ งสรรค์ การประเมินหลักสูตรเชิงสร้างสรรค์ หมายถึงการประเมินหลักสูตรอย่าง ต่อเนื่องตั้งแต่ก่อนการใช้หลักสูตร ระหว่างการใช้หลักสูตรและหลังการใช้หลักสูตร โดยผู้ท่ีเก่ียวข้องกับหลักสูตรทุกฝ่ายรวมท้ังคณะกรรมการที่มีสัดส่วนองค์ประกอบของ คณะกรรมการที่มีความเชี่ยวชาญเหมาะสมกับหลักสูตรโดยใช้วิธีการประเมินหลักสูตร ที่หลากหลายท้ังเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพทาให้ได้สารสนเทศท่ีถูกต้องเป็นจริง และสามารถนามาปรับปรงุ หลักสูตรให้มคี ณุ ภาพอยา่ งสร้างสรรค์ 3.2 องค์ประกอบของการประเมินหลกั สตู รเชงิ สรา้ งสรรค์ การประเมินหลกั สูตรเชิงสร้างสรรคม์ ีองค์ประกอบ 4 ประการ ดังต่อไปน้ี 1. การแบ่งปันวิสัยทัศน์ (shared vision) เป็นการแลกเปลี่ยน วิสัยทัศน์เก่ียวกับคุณภาพของการจัดการศึกษาที่ปรารถนา เพื่อใช้เป็นกรอบการ ประเมินหลักสูตรร่วมกัน เช่น คุณภาพผู้เรียนทั้งด้านความรู้ ความคิด สมรรถนะ และ คุณลักษณะ คุณภาพการจัดการเรียนการสอน การประเมินผลการเรียนรู้ การบริหาร จัดการหลักสูตร การวางแผนวิชาการ การใช้ทรัพยากรหลักสูตรอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น การแบ่งปันวิสัยทัศน์จะทาให้เกิดแรงกระตุ้นการมีส่วนร่วมในการประเมิน หลักสูตรต้ังแต่เร่ิมต้น และการมีส่วนร่วมในการประเมินนี้จะส่งผลโดยตรงต่อ ประสทิ ธิภาพและความถูกตอ้ งของการประเมนิ หลกั สตู ร 2. วัฒนธรรมความร่วมมือร่วมใจ (collaborative culture) เป็น การทางานรว่ มกันระหว่างคณะกรรมการประเมนิ หลกั สตู รและผู้ให้ข้อมูล อย่างมีเกียรติ และศักด์ิศรีเท่าเทียมกัน มีการเคารพซ่ึงกันและกัน (respect) มีความไว้วางใจ
70 บทที่ 3 การประเมินหลักสตู รเชงิ สรา้ งสรรค์ (trust) มีการรวมพลงั ความคดิ และสติปัญญา มีความรับผิดชอบร่วมกันในการวางแผน และดาเนินการประเมินหลักสูตรจนประสบความสาเร็จ ซ่ึงวัฒนธรรมความร่วมมือ เป็นสิ่งท่ีสาคัญมากในการทางานประเมินหลักสูตรร่วมกัน เพราะการประเมินหลักสูตร ไม่สามารถทาได้โดยบุคคลใดบุคคลหนึ่งแต่ต้องทาเป็นทีมในรูปของคณะกรรมก าร โดยที่ความร่วมมือร่วมใจจะเป็นปัจจยั ขบั เคล่อื นกจิ กรรมการประเมนิ หลกั สตู รใหส้ าเร็จ 3. การมุ่งเน้นตรวจสอบและปรับปรุงผลการเรียนรู้ของผู้เรียน (focus on examining outcomes to improve student learning) โดย มุ่งเน้นการให้ความสาคัญกับการประเมินผลการเรียนรู้ (learning outcomes) ของ ผ้เู รียนท่สี อดคล้องกับวัตถุประสงค์ของหลักสูตร เช่น การตรวจสอบผลสัมฤทธ์ิทางการ เรียน การประเมินด้านการคิด การประเมินสมรรถนะ คุณลักษณะที่พึงประสงค์ ดว้ ยวธิ กี ารท่ีหลากหลายท้ังเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ โดยมีฐานคิดว่าการประเมินผล การเรียนรู้ในการจัดการเรียนการสอนในเน้ือหาสาระหรือรายวิชาต่างๆ น้ัน เป็นส่วน หนึ่งของการประเมินหลักสูตร ซ่ึงจะต้องนาผลการประเมินมาปรับปรุงหลักสูตร ตลอดเวลา เช่น การปรับปรุงเทคนิควิธีการจัดการเรียนการสอน การปรับปรุงส่ือการ เรียนรู้ ตลอดจนการนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการส่ือสารมาสนับสนุนการจัดการ เรียนรู้ การพฒั นาเคร่ืองมือวดั ทม่ี คี วามเปน็ มาตรฐาน เปน็ ต้น 4. การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ส่วนบุคคล (shared personal practice) เป็นการนาความรู้และประสบการณ์จากการปฏิบัติงานทั้งของตนเองและ ประสบการณ์ของผู้อื่นท่ีเป็นประโยชน์ต่อการประเมินและปรับปรุงหลักสูตร ทาให้การ ประเมินหลักสูตรมีประสิทธิภาพสูงจากการเรียนรู้ประสบการณ์ของผู้อ่ืน ทั้งที่เป็น ประสบการณแ์ ห่งความสาเรจ็ ท่ีสามารถนามาปรับประยกุ ต์ใชใ้ ห้เหมาะสมกับบริบทของ ตนเอง และประสบการณ์ท่ีผิดพลาดท่ีต้องหลีกเลี่ยงเหตุปัจจัยท่ีนาไปสู่ความผิดพลาด ต่างๆ การแลกเปล่ียนประสบการณ์ส่วนบุคคลนับว่าเป็นการจัดการความรู้ (knowledge management) ชนิดหนึ่งโดยเป็นการแปลงความรู้ฝังลึก (tacit knowledge) ให้เป็นความรู้ชัดแจ้ง (explicit knowledge) เช่น การให้ข้อเสนอแนะ
บทที่ 3 การประเมินหลักสตู รเชิงสรา้ งสรรค์ 71 ของผู้เชี่ยวชาญว่าการรับผู้เรียนในระดับบัณฑิตศึกษาเป็นจานวนมากเกินไปจะส่งต่อ การบริหารคุณภาพการจัดการศึกษาโดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารคุณภาพการทา วทิ ยานพิ นธ์ / ปรญิ ญานิพนธ์ เปน็ ต้น จากประสบการณ์การท่ีเกี่ยวข้องกับหลักสูตรต่างๆ เป็นระยะเวลามากกว่า 10 ปีท่ีผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นหลักสูตรสถานศึกษาโรงเรียนในเครืออัครสังฆมณฑล กรุงเทพ โรงเรียนเอกชนในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชุมพร โรงเรียนเอกชน ในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต หลักสูตรวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข หลักสูตรการศึกษาทั่วไปในระดับปริญญาตรี มหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ หลักสูตรพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิปัสสนาภาวนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย หลักสูตรการศึกษามหาบัณฑิต สาขา หลักสตู รและการสอน มหาวทิ ยาลัยรังสิต หลักสูตรการศกึ ษามหาบณั ฑิต สาขาการวิจัย และประเมินผลการศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี หลักสูตรการศึกษา มหาบัณฑิต สาขาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี หลักสูตร การศึกษามหาบัณฑิต สาขาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี หลักสูตรการศึกษามหาบัณฑิต สาขาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล หลักสูตรการศึกษาดุษฎีบณั ฑิต สาขาหลกั สูตรและการสอน มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล หลกั สตู รการศกึ ษาดษุ ฎีบัณฑิต สาขาการบริหารการศึกษา มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาหลักสูตรและการสอน มหาวิทยาลัยศิลปากร หลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาการวิจัยและพัฒนาหลักสูตร ได้มีการประเมิน หลกั สูตรเชิงสร้างสรรค์ โดยมีองค์ประกอบท้ัง 4 ประการน้ีเป็นปัจจัยขับเคล่ือนช่วยทา ให้การประเมินหลักสูตรดาเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดการเรียนรู้ร่วมกันและ นาไปสู่การปรับปรุงและเปล่ียนแปลงหลักสูตรอย่างต่อเน่ือง ซึ่งแสดงเป็นแผนภาพ กรอบแนวคดิ องค์ประกอบของการประเมนิ หลักสูตรเชิงสร้างสรรค์ ไดด้ งั ต่อไปนี้
72 บทที่ 3 การประเมินหลักสตู รเชิงสร้างสรรค์ การแบง่ ปัน วิสัยทศั น์ การมุง่ เน้นตรวจสอบ องคป์ ระกอบของ วฒั นธรรม และปรบั ปรุง การประเมนิ หลักสูตร ความร่วมมอื รว่ มใจ ผลการเรียนรู้ ของผู้เรยี น เชงิ สรา้ งสรรค์ การแลกเปล่ยี น ประสบการณส์ ่วนบคุ คล แผนภาพ 4 องค์ประกอบของการประเมนิ หลักสตู รเชิงสรา้ งสรรค์
บทท่ี 3 การประเมนิ หลกั สูตรเชงิ สร้างสรรค์ 73 3.3 จดุ เนน้ ของการประเมินหลักสูตรเชิงสร้างสรรค์ ลักษณะสาคัญของการประเมินหลักสูตรเชิงสร้างสรรค์สามารถวิเคราะห์ ได้เป็น 3 องค์ประกอบ แบ่งตามช่วงระยะเวลาการประเมินหลักสูตร คือ การประเมิน ก่อนการใช้หลักสูตร การประเมินระหว่างการใช้หลักสูตร และการประเมินหลังการ ใช้หลักสูตร โดยการประเมินแต่ละช่วงให้ความสาคัญกับการปรับปรุงและพัฒนา หลกั สตู รให้มคี ุณภาพมากขน้ึ ดงั นี้ 3.3.1 การประเมินก่อนการใช้หลักสูตร การประเมินก่อนการใช้หลักสูตรมุ่งประเมินคุณภาพของเอกสาร หลักสูตร โดยใช้วิธีการประเมินโดยผู้เช่ียวชาญ (connoisseurship) เพื่อตรวจสอบ คุณภาพหลักสูตรฉบับร่าง และให้ข้อเสนอแนะท่ีเป็นประโยชน์ โดยการพิจารณา องค์ประกอบต่างๆ ของหลักสตู ร เชน่ เอกสารหลักสูตร เน้ือหาสาระ การเรียนการสอน และการวัดประเมินผล โดยผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายทั้งผู้เชี่ยวชาญทางด้านหลักสูตร และ ผู้เช่ียวชาญทางด้านเนื้อหาสาระท่ีบรรจุไว้ในหลักสูตรร่วมมือกันพิจารณา นับว่า เป็นกระบวนการที่สาคัญที่สุดก่อนที่จะนาหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติ และจาก ประสบการณ์ที่ผ่านมาเก่ียวกับการพิจารณาคุณภาพของเอกสารหลักสูตรของผู้เขียน พบวา่ มีประเดน็ ทีเ่ ป็นข้อเสนอแนะท่ีพบอยบู่ ่อยคร้ังโดยภาพรวมดงั ต่อไปน้ี การประเมนิ กอ่ นการใช้หลกั สูตร แบ่งได้ 2 แนวทาง ดงั นี้ 1. การประเมินด้วยวิธีการวิจัย (evaluation research) เป็น การประเมินหลักสูตรโดยใช้กระบวนการวิจัยท่ีเป็นระบบ ทาให้ผลการประเมินมีความ ถูกต้องชดั เจน
74 บทท่ี 3 การประเมนิ หลกั สตู รเชิงสร้างสรรค์ 2. การประเมินด้วยวิธีการวิเคราะห์ระบบของหลักสูตร (curriculum system analytical evaluation) เป็นการประเมินเก่ียวกับปัจจัย นาเขา้ (input) กระบวนการ (process) และผลผลิต (output) ของหลักสูตร เช่น การ วิเคราะห์หลักสูตรของ Puissance หรือท่ีเรียกว่า Puissance analysis และการ ประเมินองค์ประกอบของหลักสูตรตามรูปแบบการประเมินหลักสูตรของ Tyler คือ การประเมินความสอดคล้องระหว่างจุดประสงค์การเรียน ประสบการณ์การเรียน และการประเมินผลการเรยี น หรือทเ่ี รยี กวา่ Tyler loop ดงั แผนภาพต่อไปนี้ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ประสบการณ์การเรียนรู้ การประเมินผลการเรยี นรู้ แผนภาพ 5 ความสอดคล้องระหวา่ งจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ ประสบการณ์การเรียนรู้ และการประเมินผลการเรียนรู้ จากประสบการณก์ ารประเมินเอกสารหลักสูตรก่อนการนาไปใช้ของผู้เขียน ทั้งหลักสูตรระดับการศึกษาข้ันพ้ืนฐานหรือหลักสูตรสถานศึกษาและหลักสูตร ระดับอุดมศึกษา มีข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการประเมินที่มักพบอยู่เสมอ หลายประการดังตอ่ ไปน้ี
บทท่ี 3 การประเมนิ หลกั สูตรเชิงสรา้ งสรรค์ 75 ก) กรณหี ลักสตู รสถานศึกษา (เอกสารหลกั สูตรสถานศึกษา) - ควรกาหนดวิสัยทัศน์ของหลักสูตรท่ีสะท้อนภาพ ความสาเร็จของการจัดการศึกษาในอนาคตของแต่ละสถานศึกษาท่ีมีความสมดุล ระหว่างมุมมองของสถานศึกษาและมุมมองของกระทรวงศึกษาธกิ าร - ควรกาหนดพันธกิจการจัดการศึกษาท่ีมีจุดเน้น ทช่ี ัดเจน ไม่ควรเขียน ในลักษณะกิจกรรม หรืองานประจา - การกาหนดจุดหมาย สมรรถนะ และคุณลักษณะ อันพึงประสงค์ของผู้เรียน ควรสะท้อนอัตลักษณ์ท่ีโดดเด่นของผู้เรียน ซึ่งเอื้อต่อการ ประเมินคุณภาพการศึกษา ภายนอกจากสานักงานรับรองมาตรฐานและประเมิน คณุ ภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) (สมศ.) ในกล่มุ ตัวบ่งชี้อัตลักษณ์ทั้งสองตัวบ่งช้ี - ควรวิเคราะห์สาระสาคัญ (main concepts) จาก มาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่กาหนดไว้ในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เพื่อนามาเขียนคาอธิบายสาระการเรียนรู้ ทาให้คาอธิบายสาระ การเรยี นร้มู ีความสอดคลอ้ งกับมาตรฐานการเรยี นร้ขู องหลักสูตร - ควรกาหนดแนวทางการจัดการเรียนรู้ยังไม่สะท้อน การใช้กระบวนการเรียนรู้ (learning process) ที่หลากหลายนาไปสู่การคิดวิเคราะห์ การคิดวิจารณญาณ และการคิดสรา้ งสรรค์ - ควรกาหนดวิธีการประเมินผลการเรียนรู้ที่มุ่งเน้นการ ทดสอบ (testing) มากกว่าการประเมินที่เสริมพลังตามสภาพจริง (authentic empowerment assessment) และนาผลการประเมินมาปรับปรุงการจัดการเรียน การสอนและคุณภาพของผูเ้ รียน
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 638
Pages: