Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore การประเมินหลักสูตรเพื่อการเรียนรู้และพัฒนา พิมพ์ครั้งที่ 4_1544650950

การประเมินหลักสูตรเพื่อการเรียนรู้และพัฒนา พิมพ์ครั้งที่ 4_1544650950

Published by ปาริชาติ ปิติพัฒน์, 2019-10-19 23:24:34

Description: การประเมินหลักสูตรเพื่อการเรียนรู้และพัฒนา พิมพ์ครั้งที่ 4_1544650950

Search

Read the Text Version

176 บทที่ 5 การประเมินหลกั สูตรกบั การประเมินการเรียนการสอน รายวชิ า ........................................................................................................................ ชอ่ื ผู้รับการประเมนิ ................................................................................ ช้ันปี ............ รายการประเมิน 1 ผลการประเมนิ 4 หมายเหตุ 23 1. ยอมรบั ฟังความคิดเห็นของผู้อืน่ 2. ปฏิบัติตอ่ ผอู้ ืน่ ดว้ ยความเสมอภาค 3. แสดงพฤตกิ รรมยกยอ่ งส่ิงทีด่ งี ามความถกู ตอ้ ง ของบุคคล 4. ตัดสินพฤตกิ รรมของบคุ คลอ่ืน บนพ้นื ฐานของ ข้อมลู ตามความจริง 5. ปฏิบตั ิต่อบคุ คลอ่นื โดยคานงึ ถึงความแตกตา่ ง ระหวา่ งบุคคล เกณฑ์การประเมิน เกณฑก์ ารประเมินได้คะแนนเฉลยี่ ตัง้ แต่ 2.41 ขึน้ ไป ถอื ว่าผา่ นเกณฑ์  ผา่ น  ไมผ่ า่ น ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................................. ............ ...................................................................................................................... ................... ประเมนิ โดย  ตนเอง  เพ่ือน  ผู้สอน ลงช่อื ....................................................................... ผสู้ อน (......................................................................) วันท่ี .......... เดือน ..................... ปี .................

บทท่ี 5 การประเมินหลักสตู รกบั การประเมนิ การเรยี นการสอน 177 แบบประเมินทักษะการพยาบาลอยา่ งเปน็ องค์รวมและการใชก้ ระบวนการพยาบาล โดยประยกุ ต์ใช้ศาสตรแ์ ละศิลปะทางการพยาบาล นยิ ามปฏิบัติการ การพยาบาลแบบองค์รวมและการใช้กระบวนการพยาบาล หมายถึง การปฏิบัติกิจกรรมทางการพยาบาลของนักศึกษาพยาบาล เพ่ือตอบสนองความ ต้องการและแกไ้ ขปัญหาของการใช้บริการโดยครอบคลุมทั้งด้านร่างกาย จิตใจ อารมณ์ สังคม และจิตวิญญาณ ตามลาดับข้ันตอนของการดูแลที่มีการวางแผนและการปฏิบัติ อย่างเป็นระบบ เพ่ือตอบสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาของผู้ใช้บริการ ประกอบด้วย การประเมินสภาพผู้ใช้บริการ การวินิจฉัยปัญหาทางการพยาบาล การวางแผนการพยาบาล การปฏิบัติการพยาบาล และการประเมินผลการพยาบาล ซง่ึ ประเมนิ ไดโ้ ดยใช้เกณฑ์การให้คะแนน 4 ระดับ คาชแี้ จง โปรดทาเคร่อื งหมาย  ลงในชอ่ งระดบั การประเมนิ โดยมีเกณฑ์ดงั นี้ ให้ 4 คะแนน เมื่อนกั ศกึ ษาปฏบิ ตั ไิ ดถ้ ูกตอ้ ง เป็นระบบ และสามารถอธิบาย ใหเ้ หตผุ ลส่ิงท่ีปฏบิ ตั ไิ ด้ ให้ 3 คะแนน เม่อื นกั ศกึ ษาปฏบิ ัติได้ถกู ตอ้ ง แตไ่ ม่สามารถให้เหตผุ ลส่งิ ท่ปี ฏบิ ตั ไิ ด้ ให้ 2 คะแนน เม่อื นักศกึ ษาปฏิบัตไิ ด้ถกู ตอ้ งเมือ่ ไดร้ บั คาแนะนาเพมิ่ เติมจากผูส้ อน ให้ 1 คะแนน เมอื่ นักศึกษาปฏิบัตเิ มือ่ ได้ถูกต้องเม่ือมีตัวอย่างให้ปฏิบตั ติ าม หรอื ศกึ ษาเพ่มิ เตมิ

178 บทท่ี 5 การประเมินหลกั สูตรกับการประเมินการเรียนการสอน รายวชิ า ......................................................................................................................... ชือ่ ผ้รู บั การประเมิน .................................................................................. ชัน้ ปี ........... รายการประเมิน ระดบั การประเมนิ หมายเหตุ 1234 1. การประเมนิ สภาพผ้ใู ชบ้ ริการ 1.1 รวบรวมข้อมลู ไดค้ รอบคลุมดา้ นกาย จิตใจ สงั คมและจิตวญิ ญาณ 1.2 รวบรวมข้อมลู ได้สอดคลอ้ งกบั ปัญหา และความตอ้ งการของผูใ้ ชบ้ รกิ าร 1.3 บนั ทกึ ข้อมลู อย่างเป็นระบบ 2. การวนิ จิ ฉยั ปญั หาทางการพยาบาล 2.1 วิเคราะหข์ ้อมลู โดยใชอ้ งค์ความรู้ในศาสตร์ ทีเ่ ก่ยี วข้อง 2.2 ระบุขอ้ วินิจฉัยทางการพยาบาล ได้สอดคลอ้ งกับปญั หาและความตอ้ งการ ของผ้ใู ชบ้ รกิ ารอย่างเป็นองคร์ วม 3. การวางแผนการพยาบาล 3.1 จัดลาดบั ความสาคญั ของปญั หา ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม 3.2 กาหนดวัตถปุ ระสงคไ์ ดถ้ กู ต้องสอดคลอ้ ง กบั ปญั หาทางการพยาบาล 3.3 กาหนดเกณฑก์ ารประเมนิ ผลการพยาบาล ไดถ้ กู ตอ้ งสอดคล้องกบั วตั ถปุ ระสงค์ 3.4 ระบุและจดั ลาดับกิจกรรมการพยาบาล ไดส้ อดคล้องกบั ปัญหาทางการพยาบาล อย่างเปน็ องคร์ วม 3.5 อธิบายเหตผุ ลของกจิ กรรมการพยาบาล โดยใช้องคค์ วามรู้ในศาสตร์ที่เก่ยี วข้อง

บทท่ี 5 การประเมินหลักสตู รกับการประเมนิ การเรยี นการสอน 179 รายการประเมนิ ระดับการประเมนิ หมายเหตุ 1234 4. การปฏิบตั กิ ารพยาบาล 4.1 ปฏิบตั กิ ารพยาบาลถูกตอ้ งตามศาสตร์ ทางการพยาบาลและศาสตรส์ าขา ท่เี กยี่ วข้อง 4.2 ปฏิบัติการพยาบาลถกู ตอ้ งตามหลกั การ และเทคนคิ วิธีปฏบิ ัติการพยาบาล และเหมาะสมกบั ผใู้ ช้บรกิ าร 4.3 ปฏิบตั กิ ารพยาบาลดว้ ยความนุ่มนวล อ่อนโยนคานึงถึงความปลอดภัย ของผู้ใช้บรกิ าร 4.4 ปฏบิ ตั กิ ารพยาบาลเพ่อื ป้องกนั การแพร่กระจายเชอื้ 4.5 ปฏบิ ัตกิ ารพยาบาลโดยคานึงถึงศักดศิ์ รี ความเปน็ มนษุ ย์และสิทธขิ องผ้ปู ว่ ย 4.6 บันทกึ การปฏบิ ตั ิการพยาบาลตามสภาพ ปญั หาของผปู้ ว่ ยและความเปน็ จริง 4.7 เขยี นบนั ทึกทางการพยาบาลถูกต้อง ตามรูปแบบคานึงถึงหลักฐานทางกฎหมาย 5. การประเมนิ ผลการพยาบาล 5.1 ตดิ ตามผลการปฏิบัตกิ ารพยาบาล ตามระยะเวลาทีเ่ หมาะสม 5.2 ปรบั เปลี่ยนแผน / กิจกรรมการพยาบาล ตามผลการประเมนิ 5.3 ประเมนิ ผลการพยาบาลได้ ตามวตั ถปุ ระสงคแ์ ละเกณฑท์ ่กี าหนด

180 บทท่ี 5 การประเมินหลักสตู รกับการประเมนิ การเรยี นการสอน เกณฑ์การประเมนิ เกณฑก์ ารประเมนิ ไดค้ ะแนนเฉลย่ี ตัง้ แต่ 2.41 ขน้ึ ไป ถอื ว่าผ่านเกณฑ์  ผา่ น  ไม่ผ่าน ข้อเสนอแนะ ............................................................................................................................. ............ ...................................................................................................................... ................... ประเมนิ โดย  ตนเอง  เพื่อน  ผสู้ อน ลงชอื่ ....................................................................... ผสู้ อน (......................................................................) วนั ท่ี .......... เดอื น ..................... ปี .................

บทท่ี 5 การประเมนิ หลักสตู รกับการประเมนิ การเรยี นการสอน 181 4) การประเมนิ เพอื่ รับรองหลกั สตู รตามกรอบมาตรฐาน คุณวุฒิระดับอุดมศกึ ษาแห่งชาติ พ.ศ. 2552 และมาตรฐานคุณวุฒริ ะดบั อุดมศกึ ษา การประเมินเพื่อรับรองหลักสูตรตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2552 และมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา สาขา ............. เป็นข้อกาหนดที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเม่ือเสร็จสิ้นการจัดการเรียนการสอน ทุกรายวิชาในหลักสูตรระดับอุดมศึกษา จะต้องมีการประเมินผลของรายวิชา ตามเอกสาร มคอ.5 รายงานผลการดาเนินการของรายวิชา (Course Report) และ เอกสาร มคอ.6 รายงานผลการดาเนนิ การประสบการณ์ภาคสนาม (Field Experience Report) โดยสานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาได้กาหนดไว้เพื่อใช้เป็นแนว ทางการรายงานผลการดาเนินการของหลักสูตร มีสาระสาคัญดังน้ี (สานักงาน คณะกรรมการการอุดมศกึ ษา. 2552) เอกสาร มคอ.5 เป็นการรายงานจัดการเรียนการสอนแต่ละ รายวิชาเมื่อสิ้นภาคเรียนได้ดาเนินการเป็นไปตามแผนที่วางไว้ในรายละเอียดของ รายวชิ าหรอื ไม่ และหากไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยต้องให้เหตุผลและข้อเสนอแนะ ในการปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนของรายวิชาดังกล่าวในคร้ังต่อไป มีประเด็น การรายงานผล 6 หมวด ได้แก่ 1) ข้อมูลท่ัวไป 2) การจดั การเรียนการสอนเปรียบเทียบ กับแผนการสอน 3) สรุปปัญหาการจัดการเรียนการสอนของรายวิชา 4) ปัญหาและ ผลกระทบตอ่ การดาเนนิ การ 5) การประเมินรายวิชา 6) แผนการปรับปรุง โดยท่ีผู้สอน นาผลการรายงานน้ีไปปรบั ปรุงรายวิชาให้มคี ุณภาพมากขน้ึ เอกสาร มคอ.6 เป็นการรายงานผลการฝึกงาน ออกฝึกภาคสนาม หรือสหกิจศึกษาว่าบรรลุผลตามแผนที่วางไว้หรือไม่และหากไม่เป็นไปตามแผนต้องให้ เหตุผลและข้อเสนอแนะในการปรับปรุงการฝึกงาน ออกฝึกภาคสนามหรือสหกิจศึกษา

182 บทท่ี 5 การประเมินหลักสตู รกบั การประเมินการเรียนการสอน ในคร้ังต่อไป มีประเด็นการรายงานผล 6 หมวด ได้แก่ 1) ข้อมูลทั่วไป 2) การ ดาเนินการท่ีต่างไปจากแผนการฝึกประสบการณ์ภาคสนาม 3) ผลการดาเนินการ 4) ปัญหาและผลกระทบด้านการบริหารจัดการ 5) การประเมินการฝึกประสบการณ์ ภาคสนาม 6) แผนการปรับปรุง โดยท่ีผู้สอนดาเนินการนาผลการรายงานน้ีไปปรับปรุง การฝึกประสบการณ์ภาคสนามให้มีคุณภาพมากข้ึน การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2552 และมาตรฐานคุณวุฒิ ระดับอุดมศึกษาสาขา......... ของแต่ละรายวิชาที่มีประสิทธิภาพจะต้องสามารถ ตอบสนองความรับผิดชอบหลักในมาตรฐานผลการเรียนรู้ที่กาหนดไว้ในหลักสูตร ซ่ึงพิจารณาได้จากแผนที่กระจายความรับผิดชอบมาตรฐานผลการเรียนรู้จากหลักสูตร สู่รายวิชา (curriculum mapping) เปน็ สาคญั ดังนั้นถ้าวิเคราะห์เชิงระบบจะพบว่าส่ิงที่ถูกกาหนดไว้เป็นความ รับผิดชอบหลักใน curriculum mapping ผู้สอนแต่ละรายวิชาจะต้องนาไปสู่การจัด กิจกรรมการเรียนการสอนอย่างเป็นรูปธรรม และต้องมีวิธีการวัดและเครื่องมือวัด ท่ีชัดเจนด้วย และเมื่อดาเนินการจัดการเรียนการสอนเสร็จส้ินแล้วจึงนาผลมาเขียน รายงานตามแนวทางท่ีกาหนดไว้ใน มคอ.5 และ มคอ.6 ซึ่งเป็นสิ่งท่ีสาคัญและจาเป็น อย่างยิ่งสาหรับการรับรองหลักสูตรจากสานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ซ่ึงการส่งหลักสูตรให้สานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาภายหลังได้รับ อนุมัติจากสภามหาวิทยาลัย สานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาจะพิจารณาว่าจะ รับทราบหลักสูตรหรือไม่ ถ้ารับทราบหลักสูตรแล้วจะส่งต่อไปยังสานักงาน คณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เพ่ือรบั รองคุณวุฒิการศึกษาและกาหนดอัตรา เงินเดือน โดยท่ียังไม่ให้การรับรองหลักสูตร โดยที่จะต้องมีการประเมินคุณภาพของ หลักสูตรอีกครั้ง เม่ือสถาบันการศึกษาได้เปิดสอนไปแล้วอย่างน้อยคร่ึงระยะเวลาของ หลักสูตร เพื่อเผยแพร่หลักสูตรที่มีคุณภาพและมาตรฐานตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิ/ มาตรฐานคุณวุฒิ ถ้าให้การรับรองหลักสูตรใดแล้วหลักสูตรนั้นจะถูกบันทึกไว้

บทท่ี 5 การประเมนิ หลกั สตู รกบั การประเมินการเรยี นการสอน 183 ในฐานข้อมูลหลักสูตรเพ่ือการเผยแพร่ (Thai Qualifications Register: TQR) ต่อไป แสดงเป็นแผนภาพดังนี้ หลกั สตู รไดร้ บั การอนุมตั โิ ดยสภาสถาบัน สง่ ใหส้ านักงานคณะกรรมการการอุดมศกึ ษารบั ทราบ สานกั งานคณะกรรมการ ภายใน 30 วัน การอุดมศึกษาส่งเร่อื งต่อไป ใหส้ านักงานคณะกรรมการ ส่งคืน ไมร่ บั ทราบ พิจารณา รับทราบ ข้าราชการพลเรือนรับรอง สถาบัน รบั ทราบ คณุ วุฒกิ ารศึกษาและกาหนด เพอื่ ปรับปรงุ อตั ราเงินเดอื นของผสู้ าเรจ็ แก้ไข การศกึ ษาทจี่ ะเขา้ รบั ราชการ สานกั งานคณะกรรมการการอดุ มศกึ ษา ประเมนิ คณุ ภาพหลักสูตร เพื่อใหก้ ารรบั รองหลกั สตู ร สถาบัน ไม่รบั รอง พิจารณา สถาบันอดุ มศึกษากากบั ดแู ล อุดมศกึ ษา รบั รอง การรกั ษาคณุ ภาพ ปรับปรงุ ตามเงื่อนไข ให้มมี าตรฐานอยเู่ สมอ ผลการ รับรอง ประเมิน สานกั งานคณะกรรมการการอุดมศกึ ษาเผยแพร่ ผ่าน ประเมนิ คณุ ภาพหลักสตู ร หลกั สตู รในฐานข้อมลู หลกั สูตร เพ่ือรกั ษาสถานภาพ (Thai Qualifications Register: TQR) เกณฑ์ การเผยแพร่หลกั สตู ร ไม่ผา่ นเกณฑ์ แผนภาพ 20 กระบวนการรบั ทราบและรับรองหลกั สตู รระดับอุดมศึกษา

184 บทที่ 5 การประเมนิ หลักสูตรกับการประเมนิ การเรียนการสอน ประเด็นหลักๆ ทสี่ านักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษาจะพิจารณา เพ่ือรับรองหลักสูตร คือการดาเนินการจัดการเรียนการสอน และการประเมินผลการ เรยี นรู้ของรายวิชาท่ีเปดิ สอน ท่ีสอดคลอ้ งกับแผนท่กี ระจายความรับผดิ ชอบมาตรฐาน ผลการเรียนรจู้ ากหลกั สูตรสรู่ ายวชิ า โดยทีต่ วั บง่ ชี้มาตรฐานการเรียนรู้ใดที่ถูกกาหนดไว้ เป็นความรับผิดชอบหลักของรายวิชาต้องมีการจัดการเรียนการสอนและการ ประเมินผลท่ีชัดเจน โดยมีเครื่องมือวัดและประเมินผลท่ีมีคุณภาพซ่ึงจะถูกนาไป สังเคราะห์และนาเสนออีกครั้งในเอกสาร มคอ.7 คือ รายงานผลการดาเนินการของ หลกั สูตร แสดงไดด้ ังแผนภาพตอ่ ไปน้ี ขขอใองตทนแใงตวัที่เนใแตตขปบทัวนีเ่ ตcัวล่ปอบน็่งี่เปuบcล่ะชง็น่งคcuแrะรน็ชง่้มีควruชาrตรม้ีiคาาวrcrยาี้ม่ลตiามวrาucยวiาตะรามcรulิชวตฐมรuรuับรlิชาาราฐumรับlผายฐนuาับm(ผดิ อานวmก(ผmดิชนอิชยกาดิmชอยกาู่ใรaาmชนอบู่ใเารpa(อรนบรมเหappมียรบเpหคลpรiมยีนคnหpลอักียiนคอรngลiั.กนู้nอร.2gัก2รู้g.)2)ู้ ) ทส่ี ขกอขอาดอใงตรทนใคแงตัวทจนี่เใแตลทวัปบดันี่เตป้บcอล่เี่็นง่กปcล่uะงช็น่งาคcuกะน็ชrร้ีมรควrurรบัาม้ีคเiาวาrcrรายiาตตวrามcuยียวiตามรัวcuรlนวิชมรฐuบuรับlชิราฐuารบัmlง่ผู้แาuานับmช(ผิดลนอmก(ผ้ีมิดmชอะยกาิดาmชอยกู่ใารaตmชอนบู่ใารเapรอนรบรเaหpฐpรียมบปหppลามียiนคหnรpลนัiกนคnรอะgลiักกnอรู้.gเัก2ามู้g.2ร)นิ เ)ผรยีลนรู้ รายงาน ของแตล่ ะรายวชิ า (มคอ.3 / มคอ.4) ผลการดาเนนิ การ ของหลักสูตร (มคอ.7) ราตยตัวงวับาบ่งนช่งกชี้มาี้มาราตดตรารฐเฐานานนิ นกกกาาารรรเขรเอรยี ียงนรนรารู้ ยู้ วิชา ใแทนใตทนีเ่ ป่ล่เี ปcะน็ cuน็รคurาควrrยiวาrcวiามcuิชมuรlาuรบัluบัm(ผมmผิดคดิmชอmชอa.อ5บapบหpp/หpลiมnลัiกngคักgอ.6) แผนภาพ 21 ประเด็นหลกั ทีส่ านกั งานคณะกรรมการการอดุ มศึกษาจะพจิ ารณา เพอ่ื รบั รองหลักสูตร

บทที่ 5 การประเมนิ หลกั สตู รกับการประเมนิ การเรยี นการสอน 185 5) การประเมนิ หลกั สตู รบนฐานการคดิ อยา่ งเปน็ ระบบ จากประสบการณ์การประเมินหลักสูตร และการพิจารณา ผลการวิจัยของนิสิตนักศึกษาเก่ียวกับการประเมินหลักสูตร พบว่าปัจจัยที่ส่งผลทาให้ การประเมินหลักสูตรมีคุณภาพปัจจัยหน่ึง คือ การคิดอย่างเป็นระบบ (system thinking) เพราะคนที่คิดอย่างเป็นระบบจะสามารถ วางแผนการประเมินหลักสูตรได้ อย่างเป็นระบบด้วย นาไปสู่การประเมินหลักสูตรท่ีมีคุณภาพได้ข้อมูลสารสนเทศจาก การประเมินหลักสูตรท่ีมีความเป็นเหตุเป็นผล สามารถนามาปรับปรุงหลักสูตรได้อย่าง เปน็ ระบบและมีประสิทธิภาพ ระบบ คือกลุ่มของส่วนประกอบต่างๆ ท่ีมีปฏิสัมพันธ์กัน (interacting) มีความสัมพันธ์ระหว่างกัน (interrelated) หรือมีการพึ่งพาอาศัย กัน (interdependent) ซึ่งมีรูปแบบท่ีสลับซับซ้อนและรวมกันเป็นองค์รวม ส่วนประกอบของระบบสามารถมีลักษณะทางกายภาพ ที่สามารถจับต้องได้ และคณุ ลกั ษณะของระบบมีอยู่ 5 ประการ ไดแ้ ก่ 1) ส่วนต่างๆ ของระบบต้องได้รับการ นาเสนอออกมาท้งั หมดเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของระบบอย่างดีที่สุด 2) ส่วนต่างๆ ของ ระบบต้องได้รับการจัดเรียงในแนวทางที่เฉพาะเจาะจงเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ 3) ธรรมชาติของระบบมีวัตถุประสงค์เฉพาะเจาะจงภายในของระบบที่ใหญ่กว่า 4) ระบบดารงความเสถียรภาพท่ีผ่านความผันผวนและการปรับแต่ง และ 5) ระบบมี การย้อนกลับ แผนภูมิวงรอบเหตุและผล (Causal Loop Diagram: CLD) คอื การทาความเข้าใจโครงสร้างของระบบท่ีสามารถอธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดและสร้าง แนวโน้มให้ส่ิงท่ีเกิดขึ้น เช่น เบ้ืองหลังของรูปแบบท่ีอาจารย์อาวุโสลาออก อะไรคือ สาเหตุท่ีอาจารย์อาวุโสลาออกเพ่ิมขึ้น กรณีนี้สมมติว่างบประมาณถูกตัดหน่วยงาน ไม่บรรจุอาจารย์ใหม่เพิ่มตามจานวนนักเรียนท่ีเพิ่มขึ้นปริมาณงานเพิ่มเป็นทวีคูณ

186 บทที่ 5 การประเมินหลกั สูตรกบั การประเมนิ การเรยี นการสอน เมื่อบางส่วนลาออกไปก็ยิ่งเพิ่มภาระงานหนักข้ึน วาดเป็นแผนภูมิวงรอบเหตุและผลได้ ดังนี้ (วชิ ัย วงษ์ใหญ่ และมารุต พัฒผล. 2550: 12) แผนภาพ 22 แผนภูมวิ งรอบเหตุและผลของการลาออกของอาจารยจ์ านวนมาก ที่มาของแผนภาพ วิชัย วงษใ์ หญ่ และมารุต พัฒผล. (2550). การจัดการเรยี นการสอนแบบบรู ณาการ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกจิ พอเพียงกบั การคิดอยา่ งเป็นระบบ. กรงุ เทพฯ: บณั ฑิตวทิ ยาลยั มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ.

บทที่ 5 การประเมินหลกั สตู รกับการประเมินการเรยี นการสอน 187 การสรา้ งแผนภมู ิวงรอบเหตแุ ละผล มีข้ันตอนดังนี้ 1. กาหนดรูปแบบของปญั หาที่เปน็ แก่น 2. ระบเุ รื่องราวเกย่ี วกบั พฤติกรรมของปญั หา 3. เลอื กตวั แปรหลกั ทีต่ อ้ งการจะใช้วิเคราะหใ์ นแผนภูมิ 4. ตง้ั ช่ือตัวแปรโดยใช้คาถามหรอื วลี 5. วาดกราฟพฤตกิ รรมตลอดช่วงเวลา 6. กาหนดสมมตฐิ านวา่ ตวั แปรนน้ั มคี วามสัมพันธ์ตอ่ กนั และกนั อย่างไร หลักการของการคิดเชิงระบบ คือการถอยห่างออกจากสิ่งที่มุ่งสนใจ ในขณะ น้ันและพิจารณาภาพใหญ่ก่อน ปัญหาอะไรที่เก่ียวข้องอยู่ในขณะน้ีล้วนเป็นส่วนหน่ึง ของระบบท่ีใหญ่กว่า เพ่ือค้นพบแหล่งกาเนิดของปัญหาต้องเปิดจุดสนใจให้กว้างขึ้น และให้เหน็ ระบบทีใ่ หญ่กวา่ การประเมินหลักสูตรบนฐานของการคิดอย่างเป็นระบบ (systematic- based curriculum evaluation) หมายถึง การใช้กระบวนการคิดอย่างเป็นระบบ มาออกแบบและดาเนินการประเมินหลักสูตร ทาให้ได้ข้อมูลสารสนเทศท่ีเป็นระบบ และนามาเขียนเป็นวงจรสาเหตุของปัญหาเก่ียวกับคุณภาพของหลักสูตร เช่น วงจร สาเหตขุ องปัญหาเกย่ี วกับคุณภาพของผู้เรียน เปน็ ต้น การประเมินหลักสตู รบนฐานคดิ เป็นระบบเป็นการประเมินให้ความสาคัญกับ ความสมั พันธเ์ ชือ่ มโยงเชิงเหตผุ ลระหว่างสิ่งที่ประเมิน เช่น ถ้าต้องการประเมินคุณภาพ ของผู้เรียนด้านการคิดก็จะต้องวิเคราะห์ก่อนว่าคุณภาพของผู้เรียนด้านการคิดมีส่วน เกยี่ วข้องกับอะไรบา้ ง เชน่ เก่ยี วขอ้ งกับการจดั การเรียนรู้ท่ีพัฒนาการคิด การพัฒนาครู เกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาการคิด ความรู้ความสามารถในการจัดการเรียนรู้ ท่ีพัฒนาการคิด เป็นต้น เมื่อวิเคราะห์เหตุปัจจัยได้ครอบคลุมแล้วจึงประเมินคุณภาพ ผู้เรียนด้านการคิดรวมท้ังการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาการคิดและการพัฒนาครูเกี่ยวกับ

188 บทท่ี 5 การประเมนิ หลกั สตู รกบั การประเมินการเรยี นการสอน การจัดการเรียนรู้ ที่พัฒนาการคิดด้วย ผลการประเมินจะทาให้ได้ข้อมูลท่ีเป็นระบบ และนามาเขียนเปน็ แผนภาพวงจรเชงิ สาเหตุและผล การทราบสาเหตุทแ่ี ท้จรงิ ของปัญหาจะทาให้แก้ไขปัญหาได้สาเร็จลุล่วงโดยที่ ความยากง่ายของการเช่ือมต่อข้อมูลเป็นวงจรเชิงสาเหตุนี้ข้ึนอยู่กับความซับซ้อนของ ปญั หาซ่งึ แต่ละปญั หาของแตล่ ะหลักสตู รมีความสลับซับซ้อนแตกต่างกัน การนาผลการ ประเมนิ มาเชือ่ มตอ่ เข้าด้วยกนั ให้เหน็ เป็นระบบโดยเขียนเป็นแผนภาพวงจรเชิงสาเหตุ ดังตัวอย่างในภาพ 24 แสดงให้เห็นว่าผลการประเมินท่ีเกิดขึ้นมีความเก่ียวข้องกับ ส่งิ ใดบา้ ง อะไรคอื สาเหตทุ ่ีทาให้ผลการประเมนิ ไมเ่ ปน็ ไปตามเกณฑท์ ี่กาหนดไว้ ส่งผลทาให้ คุณภาพดา้ นการคดิ ของผ้เู รยี น เพราะ ไม่ผา่ นเกณฑ์การประเมิน ขาดความรู้ความสามารถ การจัดการเรยี นรู้ ในการการจดั การเรียนรู้ ไมไ่ ด้พฒั นาการคดิ ทพ่ี ัฒนาการคิด ผ้สู อนไม่ไดร้ บั การพัฒนา เพราะ ดา้ นการจดั การเรยี นรู้ ส่งผลทาให้ ทพ่ี ัฒนาการคิด พฒั นาผสู้ อนให้มคี วามรู้ความสามารถ ด้านการจดั การเรยี นรูบ้ รู ณาการ กระบวนการคดิ แผนภาพ 23 แผนภูมิวงรอบเหตุและผลของคณุ ภาพดา้ นการคิดของผู้เรยี นทีไ่ มผ่ า่ น เกณฑก์ ารประเมนิ

บทที่ 5 การประเมนิ หลกั สตู รกับการประเมินการเรยี นการสอน 189 การประเมินหลักสูตรที่ดีและมีความเป็นระบบจะให้ข้อมูลสารสนเทศ ที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์สาหรับการปรับปรุงหลักสูตร การตัดสินใจปรับปรุง หลักสูตรในประเดน็ ใดๆ โดยไมไ่ ด้มีขอ้ มลู ผลการประเมินมาสนับสนุน นับว่าเป็นสิ่งที่ไม่ ถูกต้องตามหลักวิชาการประเมินหลักสูตรซึ่งนอกจากจะไม่เป็นประโยชน์ใดๆ แล้วยัง อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพของหลักสูตรได้ ด้วยเหตุน้ีการประเมินหลักสูตรและการ ปรับปรุงหลักสูตรจึงเป็นส่ิงที่ต้องสอดคล้องเชื่อมโยงกัน ดังรายละเอียดที่จะกล่าว ตอ่ ไป สรปุ จากทไ่ี ด้กล่าวมาในบทท่ี 5 เรื่องการประเมินหลักสูตรกับการประเมินการ เรียนการสอน ได้กล่าวถึงสาระสาคัญ คือ การประเมินหลักสูตรเป็นการตรวจสอบ คุณภาพการจัดการศึกษาของหลักสูตรท้ังระบบทั้งก่อนใช้หลักสูตร ระหว่างการนา หลกั สูตรไปปฏิบัติและหลังการใช้หลักสูตร ส่วนการประเมินการเรียนการสอนเป็นการ ตรวจสอบคุณภาพการจัดกิจกรรมและประสบการณ์การเรียนรู้ของผู้สอนและผลการ เรียนรู้ของผู้เรียน ซึ่งการประเมินหลักสูตรทาให้ได้ข้อมูลสารสนเทศสาหรับนามาใช้ ในการปรับปรุงหลักสูตร ส่วนการประเมินการเรียนการสอน ทาให้ได้ข้อมูลสารสนเทศ สาหรับนามาใช้ในการปรับปรุงการเรียนการสอนซึ่งการปรับปรุงการเรียนการสอนน้ัน นบั เป็นสว่ นหน่ึงของการปรบั ปรงุ หลกั สูตรด้วยเช่นกนั อนึง่ การประเมนิ หลักสูตรกับการ ประเมินการเรียนการสอนมีลักษณะร่วมกันและมีจุดเน้นท่ีแตกต่างกัน โดยที่ องค์ประกอบของการประเมินการเรียนการสอน มี 2 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) การ ประเมินกระบวนการจัดการเรียนการสอน และ 2) การประเมินผลการเรียนรู้ของ ผู้เรียนท่ีผู้สอนควรเลือกวิธีการวัดและประเมินผลให้สอดคล้องกับสิ่งที่ต้องการประเมิน ซ่ึงจะทาให้การประเมินมีประสิทธิภาพสูง มีข้อมูลสารสนเทศท่ีถูกต้องและสามารถ นาไปพัฒนาผูเ้ รียนเปน็ รายบุคคลไดต้ ่อไป และนวัตกรรมการประเมินการเรียนการสอน และการประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน มีความหลากหลาย ซึ่งเป็นสิ่งสาคัญที่ผู้สอน ควรนาไปปรบั ใช้ใหส้ อดคลอ้ งกับบรบิ ท

190 บทที่ 5 การประเมนิ หลักสูตรกับการประเมินการเรยี นการสอน จดุ เน้นของ การประเมนิ การเรียนการสอน คือ การประเมนิ เพอ่ื ปรบั ปรุง และพฒั นาผเู้ รยี น

บทที่ 5 การประเมินหลกั สตู รกบั การประเมินการเรยี นการสอน 191 บรรณานกุ รม มารุต พฒั ผล. (2554). รายงานการวิจัยฉบับสมบูรณ์ เรือ่ ง ผลการใช้ทฤษฎียู (Theory - U) ในการประเมินหลักสูตรระดบั บัณฑิตศกึ ษา. กรุงเทพฯ: บณั ฑติ วิทยาลยั มหาวิทยาลยั ศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ. วิชยั วงษใ์ หญ่ และมารตุ พฒั ผล. (2550). การจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงกบั การคิดอยา่ งเปน็ ระบบ. กรุงเทพฯ: บัณฑิตวทิ ยาลยั มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวโิ รฒ. . (2554ก). จากหลกั สูตรแกนกลางสู่หลกั สูตรสถานศกึ ษา: กระบวนทัศน์ ใหม่การพัฒนา. (พิมพ์ครง้ั ท่ี 5). กรงุ เทพฯ: จรลั สนิทวงศ์การพิมพ์ จากัด. . (2554ข). ผลการใช้กจิ กรรมการถอดบทเรียนตามหลักกาลามสตู ร ของผเู้ รียนระดับอดุ มศึกษา. กรุงเทพฯ: บณั ฑติ วทิ ยาลัย มหาวิทยาลัย ศรนี ครนิ ทรวิโรฒ. สานกั งานคณะกรรมการการอุดมศึกษา. (2552). กรอบมาตรฐานคณุ วฒุ ริ ะดบั อดุ มศึกษา แหง่ ชาติ พ.ศ. 2552. กรงุ เทพฯ: สานกั งานคณะกรรมการการอดุ มศกึ ษา. Anderson, L. W, & Krathwohl, D. R. (eds.) (2001). A Taxonomy for Learning, Teaching, and Assessing: A Revision of Bloom's Taxonomy of Educational Objectives. New York: Longman. Armstrong. David G. (2003). Curriculum today. New Jersey: Merrill Prentice Hall. Ashcroft, Kate., and Lee, John. (2000). Improving Teaching and Learning in the Core Curriculum. New York: Falmer Press. Bill, Boyle. (2014). Formative Assessment for Teaching & Learning. Los Angeles: Sage Publications. Blanchard, John. (2009). Teaching, Learning and Assessment. Maidenhead: Open University Press.

192 บทท่ี 5 การประเมนิ หลักสูตรกบั การประเมินการเรยี นการสอน Cunningham, Diane. (2011). Improving Teaching with Collaborative Action Research: an ASCD Action Tools. Alexandria: Association for Supervision and Curriculum Development. D’Andrea, Vaneeta., and Gosling, David. (2005). Improving Teaching and Learning: A Whole Institution Approach. Maidenhead, England; New York: Society for Research into Higher Education & Open University Press. Hurst, Beth., and Reding Ginny. (2009). Professionalism in Teaching. 3rded. Boston: Pearson. Joyce, Bruce., Weil, Marsha., and Calhoun, Emily. (2015). Models of Teaching. 9thed. Boston: Pearson. Kyriacou, Chris. (2009). Effective Teaching in Schools: Theory and Practice. 3rded. Cheltenham: Nelson Thornes. Marzano, Robert J. (2000). Transforming Classroom Grading. Alexandria: Association for Supervision and Curriculum Development. Marzano, Robert J. and Brown, John L. (2009). A Handbook for the Art and science of teaching. Alexandria: Association for Supervision and Curriculum Development. Oliva, Peter F., Gordon, II, William, R. (2013). Developing the Curriculum. 8th ed. Boston: Pearson Saylor, J.G., Alexander, W.M., and Lewis, Arthur.J. (1981). Curriculum Planning for Better Teaching and Learning. New York: Holt, Rinehart and Winston.

บทที่ 5 การประเมนิ หลกั สตู รกับการประเมนิ การเรยี นการสอน 193 Scriven, Michael. (1967). “The methodology of evaluation”. In R. W. Tyler, R. M. Gagne, & M. Scriven (eds.), Perspectives of Curriculum Evaluation, 39-83. Chicago, IL: Rand McNally.

194 บทที่ 5 การประเมนิ หลกั สตู รกับการประเมินการเรียนการสอน นวัตกรรมการประเมินหลกั สตู ร มีการพฒั นาขนึ้ ตามสภาพปัญหา และบริบทของการใชห้ ลักสูตร ซ่ึงช่วยยกระดบั คณุ ภาพการศึกษา

บทท่ี 6 ความเช่อื มโยงระหวา่ งการประเมินหลกั สตู รและการปรับปรงุ เปล่ียนแปลงหลกั สตู ร 195 บทที่ 6 ความเชอ่ื มโยงระหวา่ งการประเมินหลกั สูตร และการปรบั ปรุงเปล่ียนแปลงหลกั สูตร

196 บทท่ี 6 ความเชอื่ มโยงระหวา่ งการประเมนิ หลักสตู รและการปรบั ปรงุ เปลยี่ นแปลงหลักสตู ร เมื่อประเมนิ หลักสูตรในประเดน็ ใด จะทาให้สามารถนาผลการประเมนิ ไปปรับปรงุ และเปล่ียนแปลงหลักสตู ร ในประเดน็ ทปี่ ระเมินนนั้

บทที่ 6 ความเชื่อมโยงระหว่างการประเมนิ หลกั สตู รและการปรบั ปรงุ เปล่ียนแปลงหลกั สูตร 197 6.1 การประเมินหลักสูตรนาไปสู่การปรับปรุง และพฒั นา 6. ความเช่อื มโยง 6.2 กรณีศึกษาการประเมินหลักสูตร ระหวา่ ง ระดับการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน การประเมินหลักสูตร และการปรบั ปรุงหลกั สตู ร 6.3 กรณีศึกษาการประเมนิ หลักสตู ร ระดบั บัณฑิตศึกษา

198 บทท่ี 6 ความเชอ่ื มโยงระหวา่ งการประเมินหลักสตู รและการปรับปรงุ เปลี่ยนแปลงหลกั สตู ร “ประเมินสง่ิ ใด กน็ าไปปรับปรงุ และเปลี่ยนแปลง ในสง่ิ นัน้ ”

บทท่ี 6 ความเชื่อมโยงระหว่างการประเมินหลกั สตู รและการปรบั ปรุงเปลีย่ นแปลงหลกั สูตร 199 สาระสาคัญ สาหรบั ในบทที่ 6 เรื่องความเชอื่ มโยงระหว่างการประเมนิ หลักสูตรและการ ปรับปรุงเปล่ียนแปลงหลักสตู ร มสี าระสาคัญดังตอ่ ไปน้ี 1. เม่ือประเมินหลักสูตรในประเด็นใดจะทาให้สามารถนาผลการ ประเมนิ ไปปรับปรงุ และเปลี่ยนแปลหลกั สตู รในประเด็นน้นั 2. การประเมินหลักสูตรจึงควรมีความครอบคลุมประเด็นต่างๆ ใช้ วิธีการและเคร่ืองมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลที่มีคุณภาพ ผ่านการตรวจสอบโดย ผเู้ ชี่ยวชาญ ใชแ้ หล่งข้อมูลท่ีหลากหลาย รวมทั้งใช้วิธีการวเิ คราะห์ข้อมลู ทถ่ี กู ต้อง 3. การปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงหลักสูตรใดๆ จะต้องมีผลการ ประเมินมาสนับสนุน ซ่ึงแตกต่างจากการพัฒนาหลักสูตรใหม่ท่ีจะต้องมีผลการศึกษา ความเป็นไปได้ในการเปดิ หลักสูตร

200 บทท่ี 6 ความเชอื่ มโยงระหวา่ งการประเมินหลักสตู รและการปรับปรุงเปล่ยี นแปลงหลกั สตู ร การปรบั ปรุง และเปล่ยี นแปลง หลักสตู รใดๆ จะตอ้ งมีผลการประเมิน มาสนับสนุน

บทท่ี 6 ความเช่อื มโยงระหว่างการประเมินหลักสตู รและการปรับปรุงเปล่ยี นแปลงหลักสูตร 201 6.1 การประเมินหลักสูตรนาไปสกู่ ารปรับปรงุ และพฒั นา ตามหลักวิชาการเมื่อประเมินหลักสูตรในประเด็นใดจะทาให้สามารถนา ผลการประเมนิ ไปปรบั ปรุงและเปล่ียนแปลงหลกั สตู รในประเดน็ นัน้ เช่น การประเมิน เป้าประสงค์ของหลักสูตรนาไปสู่การปรับปรุงเป้าประสงค์ของหลักสูตร เป็นต้น ส่วนประเด็นใดท่ีไม่ได้ประเมินจะไม่สามารถปรับปรุงได้เพราะไม่มีข้อมูลสารสนเทศ ท่ีเพียงพอตอ่ การตัดสินใจ สรปุ สน้ั ๆ ไดว้ า่ “ประเมินสงิ่ ใด กป็ รบั ปรุงและเปล่ียนแปลง ในสง่ิ นัน้ ” - การประเมินวตั ถุประสงคข์ องหลักสูตรนาไปสู่การปรับปรงุ วัตถุประสงค์ ของหลักสตู ร - การประเมินเน้อื หาสาระนาไปสู่การปรับปรงุ เนอื้ หาสาระ - การประเมนิ ความรู้ความสามารถของผู้สอน นาไปสู่การพฒั นาความรู้ ความสามารถของผสู้ อน - การประเมนิ การเรียนการสอนจะนาไปสกู่ ารปรบั ปรงุ กระบวนการจดั การ เรียนการสอน - การประเมินคณุ ภาพการวดั และประเมนิ ผล นาไปสกู่ ารปรบั ปรงุ และพัฒนาคณุ ภาพการวดั และประเมินผล เปน็ ตน้ ด้วยเหตุนี้การประเมินหลักสูตรจึงควรมีความครอบคลุมประเด็นต่างๆ ใช้วิธีการและเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลท่ีมีคุณภาพ ผ่านการตรวจสอบ โดยผู้เชีย่ วชาญ ใชแ้ หล่งขอ้ มูลที่หลากหลายรวมท้ังใชว้ ิธีการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ทถี่ ูกตอ้ ง

202 บทท่ี 6 ความเช่อื มโยงระหว่างการประเมนิ หลกั สตู รและการปรบั ปรงุ เปลยี่ นแปลงหลกั สูตร 6.2 กรณีศึกษาการประเมนิ หลกั สตู รระดบั การศึกษาขน้ั พนื้ ฐาน ในระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐานผลการประเมินหลักสูตรการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2544 เก่ียวกับจุดมุ่งหมาย สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ ทาให้มีการ ปรับปรุงเป็นหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 ในหลายๆ ประเด็น เช่น จุดมุ่งหมายของหลักสูตร สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ เป็นต้น โดย จุดมุ่งหมายของหลักสูตร ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช2544 มีจุดมุ่งหมาย 9 ข้อ ส่วนหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพ้ืนฐาน พุทธศักราช 2551 มจี ดุ มุ่งหมาย5 ข้อ (กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธกิ าร. 2544, สานกั งานคณะกรรมการ การศกึ ษาข้ันพืน้ ฐานกระทรวงศกึ ษาธกิ าร. 2551) ดงั ตารางตอ่ ไปนี้

บทท่ี 6 ความเชื่อมโยงระหว่างการประเมนิ หลกั สตู รและการปรบั ปรงุ เปลีย่ นแปลงหลกั สตู ร 203 ตาราง 5 การเปรียบเทยี บจุดมุ่งหมายของหลกั สูตรการศึกษาขน้ั พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2544 กับหลักสูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พ้นื ฐาน พุทธศักราช 2551 หลกั สตู รการศึกษาขั้นพื้นฐาน หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาข้นั พนื้ ฐาน พุทธศักราช 2544 พทุ ธศักราช 2551 1. เห็นคณุ ค่าของตนเอง มีวินยั ในตนเอง 1. มคี ณุ ธรรม จริยธรรม และคา่ นยิ ม ปฏิบตั ติ นตามหลกั ธรรมของ ทพ่ี ึงประสงค์ เห็นคณุ ค่าของตนเอง มีวินยั พระพุทธศาสนา หรอื ศาสนาทีต่ นนับถอื และปฏบิ ตั ิตน ตามหลักธรรมของ มคี ณุ ธรรม จรยิ ธรรม และคา่ นิยม พระพุทธศาสนา หรือศาสนาท่ีตนนับถอื อนั พึงประสงค์ ยึดหลกั ปรชั ญาของเศรษฐกจิ พอเพียง 2. มคี วามคดิ สรางสรรค ใฝรู ใฝเรยี น 2. มีความรู้ ความสามารถในการสือ่ สาร รักการอาน รักการเขยี น การคิด การแก้ปัญหา การใช้เทคโนโลยี และรักการคนควา และมีทักษะชีวิต 3. มคี วามรอู นั เปนสากล รเู ทาทนั 3. มสี ขุ ภาพกายและสุขภาพจิตทดี่ ี มสี ุขนสิ ยั การเปลย่ี นแปลงและความเจรญิ กาวหนา และรักการออกกาลังกาย ทางวิทยาการ มที ักษะและศกั ยภาพ ในการจดั การ การสื่อสาร และการใช 4. มคี วามรักชาติ มีจิตสานึกในความเป็น เทคโนโลยี ปรบั วิธกี ารคดิ วธิ กี ารทางาน พลเมืองไทยและพลโลก ยึดมนั่ ในวถิ ีชีวิต ไดเหมาะสมกบั สถานการณ และการปกครองตามระบอบประชาธปิ ไตย อันมพี ระมหากษัตรยิ ์ทรงเปน็ ประมุข 4. มที ักษะและกระบวนการ โดยเฉพาะ ทางคณิตศาสตร วทิ ยาศาสตร 5. มจี ิตสานกึ ในการอนรุ กั ษว์ ัฒนธรรม ทักษะการคดิ การสรางปญญา และภูมิปัญญาไทย การอนรุ ักษ์และพฒั นา และทักษะในการดาเนนิ ชวี ิต สงิ่ แวดลอ้ ม มจี ิตสาธารณะทมี่ ุง่ ทา ประโยชน์และสร้างสง่ิ ที่ดงี ามในสงั คม 5. รักการออกกาลังกาย ดูแลตนเอง และอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมอย่างมคี วามสุข ใหมสี ุขภาพและบคุ ลิกภาพทดี่ ี 6. มปี ระสทิ ธิภาพในการผลิตและการบริโภค มีคานิยมเปนผูผลติ มากกวาเปนผบู ริโภค

204 บทท่ี 6 ความเชอื่ มโยงระหว่างการประเมินหลักสตู รและการปรบั ปรงุ เปล่ยี นแปลงหลกั สตู ร ตาราง 5 การเปรยี บเทียบจุดมุ่งหมายของหลกั สูตรการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 กับหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาข้ันพืน้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 (ต่อ) หลกั สตู รการศกึ ษาขัน้ พ้ืนฐาน หลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพน้ื ฐาน พทุ ธศักราช 2544 พทุ ธศกั ราช 2551 7. เขาใจในประวตั ิศาสตรของชาตไิ ทย ภูมิใจในความเปนไทยเปนพลเมืองดี ยึดมัน่ ในวิถชี ีวิตและการปกครองระบอบ ประชาธปิ ไตย อันมพี ระมหากษตั ริย ทรงเปนประมขุ 8. มีจติ สานึกในการอนรุ กั ษภาษาไทย ศลิ ปะ วัฒนธรรม ประเพณี กฬี า ภมู ปิ ญญาไทย ทรัพยากรธรรมชาตแิ ละพฒั นาส่งิ แวดลอม 9. รกั ประเทศชาตแิ ละทองถิน่ มุงทาประโยชน และสรางส่งิ ทีด่ ีงามใหสงั คม จานวนสาระและมาตรฐานของการเรียนรู้ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 มี 41 สาระ 76 มาตรฐานการเรียนรู้ ส่วนหลักสูตรแกนกลาง การศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 มี 40 สาระ 67 มาตรฐานการเรียนรู้ (กรม วิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ. 2544, สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศกึ ษาธิการ. 2551) ดังตารางต่อไปนี้

บทที่ 6 ความเชอื่ มโยงระหว่างการประเมนิ หลกั สตู รและการปรบั ปรุงเปล่ียนแปลงหลกั สูตร 205 ตาราง 6 การเปรียบเทยี บสาระและมาตรฐานการเรียนรขู้ องหลักสตู รการศึกษา ขนั้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2544 กับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 หลกั สตู รการศกึ ษา หลักสตู รแกนกลางการศกึ ษา ขน้ั พื้นฐาน ขั้นพ้นื ฐาน พุทธศกั ราช 2544 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ จานวน จานวน พทุ ธศักราช 2551 สาระ มาตรฐาน 1. ภาษาไทย (strands) การเรยี นรู้ จานวนสาระ จานวน 2. คณติ ศาสตร์ (strands) มาตรฐาน 3. วทิ ยาศาสตร์ 56 การเรยี นรู้ 4. สังคมศกึ ษา ศาสนา 6 19 8 13 55 และวัฒนธรรม 5 12 5. สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา 6 14 6. ศิลปะ 56 7. การงานอาชพี และเทคโนโลยี 36 8 13 8. ภาษาตา่ งประเทศ 56 48 5 11 รวม 41 76 56 36 44 48 40 67

206 บทที่ 6 ความเชือ่ มโยงระหว่างการประเมินหลักสตู รและการปรับปรงุ เปลย่ี นแปลงหลกั สูตร 6.3 กรณศี กึ ษาการประเมนิ หลักสตู รระดบั บณั ฑิตศึกษา สาหรับหลักสูตรระดับอุดมศึกษายกตัวอย่างกรณีศึกษา การปรับปรุง หลักสูตรการศึกษาดุษฎีบัณฑิต สาขาการวิจัยและพัฒนาหลักสูตร พุทธศักราช 2530 มาเป็นหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาการวิจัยและพัฒนาหลักสูตร พุทธศักราช 2553 โดยกระบวนการประเมินหลักสูตร มุ่งเน้นการวิเคราะห์เกี่ยวกับความ สอดคล้องกับบริบทของสังคมในยุคการเรียนรู้ยุคใหม่ท่ีใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ มาสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ การเรียนรู้ท่ีเกิดข้ึนได้ทุกเวลาและสถานที่ผ่านเครือข่าย อินเทอร์เน็ต ตลอดจนความต้องการบุคลากรท่ีมีความรอบรู้วิธีวิทยาการวิจัยและ ศาสตร์ต่างๆ ท่เี กย่ี วข้องกบั การวิจยั และพัฒนาหลกั สูตร สามารถพัฒนาหลักสูตรโดยใช้ กระบวนการวิจัยเพอ่ื ตอบสนองความต้องการของสังคมท่มี คี วามซับซ้อนและมีศักยภาพ ด้านการวิจัยเพ่ือสร้างสรรค์องค์ความรู้และนวัตกรรม ด้านการพัฒนาหลักสูตร การเรียนรู้และการนิเทศ และมีคุณธรรมจริยธรรม มีภาวะผู้นา มีศักยภาพในการคิด ที่เป็นระบบรวมท้ังผลกระทบจากการประกาศกรอบมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา แห่งชาติ พ.ศ. 2552 ซ่ึงผลการประเมินหลักสูตรดังกล่าวในประเด็นต่างๆ ทาให้มีการ เปล่ยี นแปลงหลักสตู ร สรุปสาระสาคญั ไดด้ งั ตารางต่อไปน้ี

บทท่ี 6 ความเช่ือมโยงระหวา่ งการประเมินหลักสตู รและการปรับปรุงเปลย่ี นแปลงหลักสูตร 207 ตาราง 7 การเปรียบเทียบประเดน็ สาคัญของหลกั สตู รการศกึ ษาดุษฎีบณั ฑติ สาขาการวิจยั และพัฒนาหลักสตู ร พุทธศักราช 2530 กบั หลักสตู ร ปรัชญาดุษฎีบณั ฑิต สาขาการวิจยั และพัฒนาหลักสูตร พทุ ธศกั ราช 2553 ประเดน็ หลักสตู รเดมิ พทุ ธศกั ราช 2530 หลกั สตู รปรับปรุง พุทธศกั ราช 2553 หลกั สตู รปรัชญาดุษฎบี ณั ฑติ ชอ่ื หลักสตู ร หลักสตู รปรญิ ญาการศึกษาดษุ ฎี สาขาวชิ าการวจิ ยั และพัฒนาหลกั สตู ร บณั ฑติ สาขาวชิ าการวจิ ยั และ พฒั นาหลักสตู ร ปรชั ญาดษุ ฎีบณั ฑติ (ปร.ด.) (การวิจยั และพัฒนาหลักสตู ร) ชอื่ ปริญญา การศึกษาดุษฎบี ณั ฑติ (กศ.ด.) Doctor of Philosophy (Curriculum (การวิจัยและพัฒนาหลกั สตู ร) Research and Development) Doctor of Education (Curriculum Research and การวิจยั และพัฒนาหลกั สตู รนาสูก่ าร Development) สร้างสรรคส์ ังคมอย่างยั่งยนื และสนั ติ ปรัชญา หลกั สตู รปรญิ ญาดุษฎีบณั ฑติ 1. มีคุณธรรมและจรยิ ธรรม สาขาการวิจยั และพฒั นาหลักสูตร 2. มคี วามรอบรูว้ ิธวี ทิ ยาการวจิ ยั เปน็ หลกั สตู รทม่ี ุง่ พฒั นาบคุ คล ใหเ้ ปน็ ผู้มีความรู้ ความสามารถ และศาสตรต์ ่างๆ ท่เี กีย่ วข้องกับการ ในการคดิ และเป็นผนู้ าในการวิจัย วจิ ัยและพัฒนาหลกั สตู ร สามารถใช้ และพฒั นาหลักสตู ร กระบวนการวิจยั สร้างองค์ความรู้ นวัตกรรม หลักสตู ร การจดั การ วตั ถุประสงค์ 1. สามารถทาการวจิ ยั เพื่อพฒั นา เรียนรู้ และการนเิ ทศ หลกั สูตรและการเรยี นการสอน 3. มีวิธคี ดิ อย่างเป็นระบบ และเปน็ ผนู้ า ทางความคิดด้านการวิจัยและพัฒนา 2. รอบรูใ้ นสาขาวิชาตา่ งๆ ท่เี ปน็ หลักสตู ร พ้นื ฐานในการพัฒนาหลักสูตร และสามารถบูรณาการความรู้ จากทฤษฎแี ละหลักการ จากสาขาวชิ าเหล่านั้น มาประยุกต์ใช้ในการพฒั นา หลักสตู รและการเรยี นการสอน

208 บทท่ี 6 ความเชอ่ื มโยงระหว่างการประเมินหลักสตู รและการปรับปรุงเปล่ยี นแปลงหลักสูตร ตาราง 7 การเปรยี บเทียบประเดน็ สาคญั ของหลักสูตรการศกึ ษาดุษฎีบัณฑติ สาขาการวจิ ยั และพฒั นาหลกั สตู ร พทุ ธศักราช 2530 กับหลักสตู ร ปรัชญาดุษฎบี ณั ฑิต สาขาการวจิ ัยและพฒั นาหลักสูตร พุทธศักราช 2553 (ต่อ) ประเด็น หลกั สตู รเดิม พทุ ธศกั ราช 2530 หลกั สตู รปรบั ปรงุ พุทธศกั ราช 2553 วัตถปุ ระสงค์ 3. เป็นผู้นาบกุ เบกิ แสวงหาแนวทาง และวธิ กี ารใหม่ ๆ ท่ีจะนาไปใช้ ในการวจิ ัยและพฒั นา หลกั สตู รและการเรยี นการสอน 4. สามารถบรหิ ารงานวิชาการ ดา้ นหลกั สูตร และการเรยี นการสอน ระดับต่างๆ 5. สามารถเผยแพร่ความรู้ ความคิด และการวจิ ยั ท่ีเก่ียวกบั หลกั สตู ร และการเรยี นการสอน 6. เป็นผ้มู คี ณุ ธรรมและจรยิ ธรรม โครงสรา้ ง หมวดระเบียบวธิ วี จิ ัย 12 หน่วยกิต หมวดวิชาแกน ไม่นอ้ ยกวา่ 21 หนว่ ยกติ หลักสตู ร หมวดพฤตกิ รรมศาสตร์และสงั คมศาสตร์ หมวดวชิ าเลอื กเฉพาะดา้ นไมน่ ้อยกวา่ 12 หน่วยกิต 6 หนว่ ยกิต หมวดการพัฒนาหลกั สตู ร 15 หนว่ ยกติ ปริญญานพิ นธ์ 36 หน่วยกิต หมวดวิชาเลือกเสร 6 หนว่ ยกติ รวม ไม่น้อยกวา่ 63 หนว่ ยกิต ปริญญานิพนธ์ 15 หน่วยกติ รวม 60 หน่วยกติ

บทท่ี 6 ความเชอื่ มโยงระหวา่ งการประเมินหลักสตู รและการปรบั ปรงุ เปล่ยี นแปลงหลกั สตู ร 209 ตาราง 7 การเปรียบเทียบประเด็นสาคญั ของหลักสตู รการศึกษาดษุ ฎีบณั ฑติ สาขาการวจิ ยั และพัฒนาหลักสตู ร พุทธศกั ราช 2530 กบั หลักสูตร ปรชั ญาดุษฎีบัณฑติ สาขาการวจิ ัยและพัฒนาหลักสตู ร พทุ ธศกั ราช 2553 (ตอ่ ) ประเด็น หลกั สตู รเดมิ พทุ ธศักราช 2530 หลกั สตู รปรบั ปรงุ พุทธศกั ราช 2553 รายวิชา รายวชิ าในกล่มุ การวิจัย วจ701 3(3-0-6) วิจัย710 3(3-0-6) วิธีวิทยาวิจยั ข้ันสูง ระเบยี บวิธีวิจยั ขน้ั สงู วิจยั 711 3(3-0-6) วจ702 การวิจยั เชิงคุณภาพ สมั มนาการวิจัย และพฒั นาหลกั สตู ร 3(2-2-5) วจิ ัย716 การวจิ ยั เชิงอภมิ าน 3(3-0-6) วจ703 สถิตขิ ้ันสูงเพือ่ การวิจัย 3(2-2-5) วัดผล740 3(3-0-6) วจ801 การทดสอบทางการศกึ ษา การทดสอบและการวดั และจติ วิทยาขั้นสงู ทางการศึกษาและจติ วทิ ยา 3(2-2-5) สถติ 7ิ 51 วจ802 3(2-2-5) การวางแผนและวเิ คราะห์ หลกั การวิจยั และพฒั นา การทดลอง 3(3-0-6) เพื่อการพัฒนาหลักสตู ร สถติ 7ิ 52 วจ803 สถติ ขิ ั้นสูงเพ่อื การวิจัย 3(3-0-6) การออกแบบงานวจิ ยั เชงิ คณุ ภาพขัน้ สูง 3(2-2-5)

210 บทท่ี 6 ความเชอื่ มโยงระหวา่ งการประเมนิ หลักสตู รและการปรบั ปรุงเปลี่ยนแปลงหลกั สตู ร ตาราง 7 การเปรยี บเทียบประเดน็ สาคญั ของหลกั สตู รการศึกษาดุษฎบี ัณฑิต สาขาการวจิ ยั และพัฒนาหลักสตู ร พุทธศกั ราช 2530 กับหลักสูตร ปรัชญาดุษฎบี ณั ฑิต สาขาการวจิ ยั และพฒั นาหลกั สูตร พทุ ธศกั ราช 2553 (ต่อ) ประเดน็ หลกั สตู รเดิม พทุ ธศักราช 2530 หลกั สตู รปรับปรุง พุทธศักราช 2553 สถติ 7ิ 53 3(3-0-6) วจ804 ทฤษฎกี ารสุ่มตัวอยา่ ง การออกแบบงานวจิ ัย เชิงปริมาณขน้ั สูง 3(2-2-5) คอมพ8์ 60 วจ805 คอมพิวเตอรเ์ พ่อื การวิจยั 3(2-3-4) การวิจยั ประเมนิ และการประเมนิ อภิมาน 3(2-2-5) รายวชิ าในกลมุ่ การพัฒนาหลกั สตู ร วจ806 3(2-2-5) หลักสตู ร800 การคิดสะท้อนในการวจิ ยั 3(3-0-6) ทฤษฎแี ละปฏิบตั กิ ารพฒั นา และพฒั นาหลกั สูตร และเปลีย่ นแปลงหลักสตู ร 3(3-0-6) ลส701 กระบวนทัศน์ใหม่ในการ พัฒนาหลกั สตู ร หลกั สตู ร810 ลส702 3(2-2-5) สัมมนาการวจิ ัยและพัฒนา การออกแบบกระบวนการ การสอน 3(3-0-6) จัดการเรยี นรู้ หลักสตู ร811 ลส703 3(0-6-3) ปฏิบัติการวจิ ัยเพอ่ื พัฒนา ปฏิบตั ิการเพือ่ การวิจยั หลักสตู ร 3(1-4-4) และพัฒนาหลกั สูตร

บทท่ี 6 ความเชื่อมโยงระหวา่ งการประเมนิ หลกั สตู รและการปรับปรงุ เปล่ยี นแปลงหลักสตู ร 211 ตาราง 7 การเปรยี บเทียบประเดน็ สาคญั ของหลกั สตู รการศึกษาดุษฎีบณั ฑติ สาขาการวจิ ยั และพฒั นาหลักสตู ร พุทธศกั ราช 2530 กับหลกั สตู ร ปรชั ญาดุษฎบี ัณฑติ สาขาการวิจัยและพัฒนาหลกั สตู ร พุทธศักราช 2553 (ต่อ) ประเด็น หลกั สตู รเดิม พุทธศกั ราช 2530 หลักสตู รปรับปรงุ พทุ ธศักราช 2553 หลักสตู ร820 ลส801 สัมมนาการวจิ ยั เก่ยี วกบั การบริหาร สมั มนาการวจิ ัยนวตั กรรม และการประเมินหลกั สตู ร 3(3-0-6) เทคโนโลยีของหลักสตู ร 3(2-2-5) หลกั สตู ร801 ลส802 สัมมนานวตั กรรมและเทคโนโลยี สมั มนาส่อื และนวัตกรรม ในการพัฒนาหลักสตู ร ในการจัดกระบวนการเรียนรู้ 3(2-2-5) และการเรยี นการสอน 3(3-0-6) หลกั สตู ร802 ลส803 สัมมนาปฏบิ ตั กิ ารพัฒนา และประเมนิ หนังสอื แบบเรียน สัมมนาการบรหิ ารงานวิชาการ และเอกสารประกอบหลักสูตร 3(3-0-6) และการนเิ ทศ 3(2-2-5) หลกั สตู ร803 ลส804 สมั มนาแนวโนม้ การพัฒนา สมั มนาการวิจัยนวตั กรรม หลกั สตู รและการนเิ ทศ 3(3-0-6) หลกั สตู ร 3(2-2-5) หลักสตู ร812 ลส805 ปฏบิ ตั ิการวจิ ัยและพัฒนาหลักสตู ร สมั มนาประเดน็ ปัจจุบันและแนวโนม้ สาหรบั เดก็ ปญั ญาเลิศ 3(1-4-4) ในการพัฒนาหลักสตู ร 3(2-2-5)

212 บทท่ี 6 ความเชื่อมโยงระหว่างการประเมนิ หลักสตู รและการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหลักสตู ร ตาราง 7 การเปรียบเทียบประเดน็ สาคัญของหลักสูตรการศกึ ษาดษุ ฎีบัณฑิต สาขาการวจิ ยั และพัฒนาหลกั สูตร พทุ ธศักราช 2530 กบั หลกั สูตร ปรัชญาดษุ ฎีบัณฑิต สาขาการวจิ ัยและพัฒนาหลกั สตู ร พทุ ธศักราช 2553 (ตอ่ ) ประเดน็ หลกั สตู รเดิม พุทธศักราช 2530 หลักสตู รปรับปรุง พทุ ธศักราช 2553 หลักสตู ร813 ลส806 สมั มนาการจดั กระบวนการเรยี นรู้ ปฏิบตั กิ ารวจิ ยั และพฒั นาหลกั สตู ร และการจัดการความรู้ 3(2-2-5) สาหรบั เด็กทีม่ ปี ญั หา ทางเรยี นรู้ 3(1-4-4) หลกั สตู ร814 ปฏบิ ตั ิการวจิ ัยและพัฒนาหลกั สูตร การศึกษาปฐมวยั 3(1-4-4) หลกั สตู ร815 ปฏิบตั กิ ารวจิ ัยและพัฒนาหลักสตู ร ประถมศกึ ษา 3(1-4-4) หลกั สตู ร816 ปฏบิ ตั กิ ารวจิ ัยและพัฒนาหลักสูตร มธั ยมศกึ ษา 3(1-4-4)

บทที่ 6 ความเชอื่ มโยงระหว่างการประเมินหลกั สตู รและการปรบั ปรุงเปลย่ี นแปลงหลกั สตู ร 213 ตาราง 7 การเปรียบเทียบประเด็นสาคญั ของหลักสูตรการศึกษาดษุ ฎบี ัณฑิต สาขาการวจิ ัยและพัฒนาหลกั สูตร พทุ ธศกั ราช 2530 กบั หลกั สตู ร ปรชั ญาดษุ ฎบี ัณฑิต สาขาการวิจยั และพฒั นาหลกั สูตร พทุ ธศกั ราช 2553 (ต่อ) ประเดน็ หลกั สตู รเดิม พทุ ธศกั ราช 2530 หลักสตู รปรับปรุง พุทธศกั ราช 2553 หลักสตู ร817 ปฏิบตั กิ ารวจิ ยั และพฒั นาหลกั สตู ร อดุ มศึกษา 3(1-4-4) หลกั สตู ร818 ปฏิบัตกิ ารวจิ ยั และพัฒนาหลกั สตู ร อาชวี ศกึ ษา 3(1-4-4) หลักสตู ร819 ปฏบิ ัตกิ ารวจิ ัยและพฒั นาหลกั สตู ร การศกึ ษาผ้ใู หญ่ 3(1-4-4) หลักสตู ร820 3(1-4-4) ปฏิบตั กิ ารวจิ ยั และพัฒนา หลักสตู รฝึกอบรม หลักสตู ร821 ปฏิบตั ิการวจิ ยั และพฒั นาหลกั สตู ร ฝึกอบรม 3(1-4-4) หลักสตู ร822 การศกึ ษาค้นควา้ เฉพาะเร่ือง 3(3-0-6)

214 บทที่ 6 ความเช่ือมโยงระหว่างการประเมินหลกั สตู รและการปรับปรุงเปลยี่ นแปลงหลักสตู ร ตาราง 7 การเปรยี บเทียบประเด็นสาคัญของหลกั สตู รการศกึ ษาดุษฎบี ัณฑติ สาขาการวจิ ัยและพัฒนาหลักสตู ร พทุ ธศกั ราช 2530 กบั หลกั สตู ร ปรชั ญาดุษฎีบณั ฑติ สาขาการวิจยั และพัฒนาหลักสูตร พทุ ธศกั ราช 2553 (ตอ่ ) ประเดน็ หลักสตู รเดมิ พุทธศักราช 2530 หลักสตู รปรบั ปรุง พทุ ธศักราช 2553 รายวชิ าในกลุ่มพฤตกิ รรมศาสตร์ และสังคมศาสตร์ มนษุ ย8์ 00 พต701 สมั มนาแนวคดิ ทางปรชั ญา วถิ กี ารคดิ เชงิ ตรรกะ จิตวิทยาและประวตั ิศาสตร์ ทางพฤตกิ รรมศาสตร์ กับการศกึ ษาไทย 3(3-0-6) และสงั คมศาสตรเ์ พอื่ การวิจัย และพัฒนาหลกั สตู ร 3(3-0-6) สังคม801 พต801 3(3-0-6) สมั มนาแนวคดิ ทางสังคม การวางแผนและการจดั การ เศรษฐกจิ และการเมอื ง ความรู้ กบั การศึกษาไทย 3(3-0-6) จิต720 พต802 3(2-2-5) พฤติกรรมและคณุ ธรรม นวตั กรรมการส่ือสาร ในการเป็นผูน้ า 3(3-0-6) เพือ่ การศึกษา สังคม711 3(3-0-6) พต803 ปัญหานเิ วศนว์ ทิ ยามนุษย์ ภาวะผนู้ าทางการศึกษา และเครือข่ายการเรยี นรู้ ทางสงั คม 3(2-2-5)

บทท่ี 6 ความเช่ือมโยงระหว่างการประเมินหลักสตู รและการปรบั ปรงุ เปล่ยี นแปลงหลกั สูตร 215 ตาราง 7 การเปรยี บเทยี บประเดน็ สาคัญของหลักสตู รการศกึ ษาดุษฎบี ัณฑิต สาขาการวิจยั และพัฒนาหลักสูตร พทุ ธศกั ราช 2530 กับหลกั สูตร ปรชั ญาดุษฎีบัณฑติ สาขาการวจิ ัยและพัฒนาหลักสตู ร พทุ ธศกั ราช 2553 (ต่อ) ประเดน็ หลกั สตู รเดมิ พุทธศักราช 2530 หลักสตู รปรบั ปรุง พุทธศักราช 2553 สังคม712 พต804 การเปลยี่ นแปลงและการวางแผน บริบททางสังคมและจิตวทิ ยาเพื่อการ ทางสังคม 3(3-0-6) ออกแบบการพัฒนาหลกั สตู ร 3(2-2-5) สังคม713 การส่อื สารเพอื่ การพัฒนา 3(3-0-6) สงั คม715 บทบาทของทศั นศลิ ปะและวรรณกรรม ในอารยธรรมไทย 3(3-0-6) จิต722 3(3-0-6) ปพ991 การศกึ ษากับการพฒั นา 15 หน่วยกติ ปริญญาดุษฎีบณั ฑติ นิพนธ์ 1 12 หนว่ ยกิต บคุ ลิกภาพ ปริญญานิพนธ์ หลกั สตู ร999 ปรญิ ญานิพนธ์ ปพ992 ปรญิ ญาดษุ ฎีบณั ฑติ นพิ นธ์ 2 12 หน่วยกติ ปพ993 ปรญิ ญาดุษฎีบณั ฑติ นพิ นธ์ 3 12 หนว่ ยกติ

216 บทที่ 6 ความเช่อื มโยงระหวา่ งการประเมินหลักสตู รและการปรับปรงุ เปลย่ี นแปลงหลกั สูตร จากตัวอย่างการประเมินและปรุงหลักสูตรท้ังหลักสูตรระดับการศึกษา ข้ันพื้นฐานและหลักสูตรระดับอุดมศึกษานั้น แสดงให้เห็นว่าการปรับปรุงหลักสูตร จะเป็นผลสืบเนื่องมาจากการประเมินหลักสูตร และจะสามารถปรับปรุงหลักสูตร ได้เฉพาะส่ิงท่ีมีผลการประเมินสนับสนุนการตัดสินใจ ส่ิงน้ีนับว่าเป็นประเด็นสาคัญ ว่าการปรับปรุงและเปล่ียนแปลงหลักสูตรใดๆ จะต้องมีผลการประเมินมาสนับสนุน ซึ่งแตกต่างจากการพัฒนาหลักสูตรใหม่ ท่ีจะต้องมีผลการศึกษาความเป็นไปได้ในการ เปดิ หลกั สตู ร (feasibility study) กล่าวโดยสรุป คือ การประเมินหลักสูตรและการปรับปรุงหลักสูตร มีความเชื่อมโยงกันโดยการประเมินหลักสูตรจะนาไปสู่การปรับปรุงหลักสูตร ในประเด็นเดียวกัน ท้ังการประเมินก่อนการใช้หลักสูตร การประเมินระหว่างการนา หลักสูตรไปปฏิบัติ และการประเมินหลังการใชห้ ลกั สูตรแสดงได้ดังแผนภาพต่อไปนี้

บทที่ 6 ความเชื่อมโยงระหว่างการประเมินหลักสตู รและการปรบั ปรุงเปลยี่ นแปลงหลักสตู ร 217 การประเมนิ ปรับปรุง การบรหิ ารจดั การ การบริหารจัดการหลกั สูตร หลักสูตร การประเมนิ ปรบั ปรุง คณุ ภาพ การเรยี นการสอน การเรียนการสอน การประเมิน ปรบั ปรงุ ..................... ..................... แผนภาพ 24 การประเมินหลักสตู รและการปรับปรุงหลักสตู รมคี วามสอดคล้องกนั สรปุ จากที่ได้กล่าวมาในบทท่ี 6 เร่ือง ความเช่ือมโยงระหว่างการประเมิน หลักสตู รและการปรับปรงุ เปล่ียนแปลงหลักสตู รได้กลา่ วถงึ สาระสาคัญคือเมื่อประเมิน หลักสูตรในประเด็นใดจะทาให้สามารถนาผลการประเมินไปปรับปรุงและเปล่ียนแปลง หลักสูตรในประเด็นนั้น ดังน้ันการประเมินหลักสูตรจึงควรมีความครอบคลุมประเด็น ต่างๆ ใช้วิธีการและเคร่ืองมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลที่มีคุณภาพ ผ่านการตรวจสอบ โดยผู้เช่ียวชาญ ใช้แหล่งข้อมูลที่หลากหลาย รวมท้ังใช้วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลที่ถูกต้อง ส่วนการปรับปรุงและเปล่ียนแปลงหลักสูตรใดๆ จะต้องมีผลการประเมินมาสนับสนุน ซึ่งแตกต่างจากการพัฒนาหลักสูตรใหม่ที่จะต้องมีผลการศึกษาความเป็นไปได้ในการ เปิดหลักสตู ร

218 บทที่ 6 ความเชอื่ มโยงระหวา่ งการประเมินหลักสตู รและการปรับปรงุ เปลีย่ นแปลงหลักสูตร การตดั สนิ ใจปรบั ปรุง และเปล่ียนแปลงหลกั สูตร ควรมขี ้อมูลสารสนเทศที่ถูกตอ้ ง ซ่งึ เป็นข้อค้นพบจากการประเมนิ

บทท่ี 6 ความเชอ่ื มโยงระหว่างการประเมนิ หลกั สตู รและการปรบั ปรงุ เปลีย่ นแปลงหลกั สูตร 219 บรรณานุกรม กรมวชิ าการ กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2544). หลกั สตู รการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พุทธศกั ราช 2544. กรงุ เทพฯ: กรมวชิ าการ กระทรวงศึกษาธิการ. สมคิด พรหมจ้ยุ . (2552). เทคนิคการประเมนิ โครงการ. กรุงเทพฯ: ศนู ย์หนังสอื จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. (จดั จาหนา่ ย). สานกั งานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพน้ื ฐาน กระทรวงศึกษาธกิ าร. (2551). หลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551. กรงุ เทพฯ: โรงพิมพช์ มุ นุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย. Armstrong. David G. (2003). Curriculum today. New Jersey : Merrill Prentice Hall. Oliva, Peter F. (2009). Developing the Curriculum. 7thed. Boston: Allyn and Bacon. Oliva, Peter F., and Gordon, II, William, R. (2013). Developing the Curriculum. 8thed. Boston: Pearson. Ornstein, Allan C., and Hunkins, Francis P. (2004). Curriculum: Foundations, Principles, and Issues. Boston: Allyn and Bacon. Taba, Hilda. (1962). Curriculum Development : Theory and Practice. New York: Harcourt Brace Jovanovich. Tyler, Ralph W. (1949). Basic Principles of Curriculum and Instruction. Chicago: The university of Chicago Press. Wiles, Jon W., and Bondi, C. Joseph. (2011). Curriculum Development a Guide to Practice. 8thed. Boston: Pearson.

220 บทท่ี 6 ความเชอ่ื มโยงระหว่างการประเมนิ หลกั สตู รและการปรบั ปรงุ เปล่ียนแปลงหลักสูตร สารสนเทศจากการประเมนิ จะมคี วามถูกตอ้ ง ก็ตอ่ เมื่อการประเมนิ น้ัน มกี ารเก็บขอ้ มูลจากผ้เู ก่ียวข้องหลายฝ่าย และผู้ประเมนิ จะต้องไม่มีอคติ กับหลกั สูตรทีป่ ระเมิน

บทท่ี 7 รูปแบบการประเมินหลักสตู รรว่ มสมัย 221 บทที่ 7 รปู แบบการประเมินหลักสตู รรว่ มสมยั

222 บทที่ 7 รูปแบบการประเมินหลักสตู รร่วมสมยั การประเมินหลักสตู รควรเลือกใช้ รปู แบบการประเมนิ ตา่ งๆ อยา่ งเหมาะสม สอดคล้องกับจุดม่งุ หมาย และบริบทของการประเมนิ

บทที่ 7 รปู แบบการประเมนิ หลกั สตู รร่วมสมยั 223 7.1 รูปแบบการประเมนิ 3 กลมุ่ 7.2 รปู แบบการประเมนิ ของ Tyler 7.3 รูปแบบการประเมินของ Stake 7. รปู แบบ 7.4 รปู แบบการประเมนิ ของ Stufflebeam การประเมินหลักสตู ร 7.5 รปู แบบการประเมินของ Provus ร่วมสมัย 7.6 รปู แบบการประเมินของ Hammond 7.7 รปู แบบการประเมินของ Kirkpatrick 7.8 รปู แบบการประเมินของ Eisner

224 บทที่ 7 รปู แบบการประเมินหลกั สตู รร่วมสมัย ลกั ษณะเดน่ ของรูปแบบการประเมิน เน้นจุดม่งุ หมายเป็นหลัก เนน้ เกณฑ์เปน็ หลัก เนน้ การตดั สนิ ใจเปน็ หลัก

บทที่ 7 รปู แบบการประเมินหลกั สูตรร่วมสมยั 225 สาระสาคญั สาหรบั ในบทท่ี 7 เร่ืองรปู แบบการประเมินหลักสูตรรว่ มสมัยมีสาระสาคัญ ดงั ต่อไปน้ี 1. รูปแบบการประเมินที่เน้นจุดมุ่งหมายเป็นหลัก เน้นการนา เป้าประสงคแ์ ละวตั ถุประสงค์ของหลักสตู รมาเปน็ ประเดน็ การประเมนิ 2. รปู แบบการประเมินท่ีเน้นเกณฑ์เป็นหลัก มีทั้งรูปแบบท่ีใช้เกณฑ์ ภายในเป็นหลัก และรูปแบบท่ีใช้เกณฑภ์ ายนอกเปน็ หลกั 3. รูปแบบการประเมินท่ีเน้นการตัดสินใจเป็นหลัก เป็นรูปแบบการ ประเมนิ ทีเ่ นน้ การตรวจสอบเปรียบเทียบข้อมูลที่เกิดจากการดาเนินงานหรือการปฏิบัติ จรงิ ของการใช้หลักสูตรกับเกณฑ์มาตรฐานทก่ี าหนดไว้ก่อน 4. รูปแบบการประเมินของ Tyler เป็นรูปแบบการประเมินท่ีมุ่งเน้น การตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างเป้าประสงค์และวัตถุประสงค์ของหลักสูตรกับ ผลสัมฤทธ์ิทางการเรียนรูข้ องผเู้ รียน 5. รูปแบบการประเมินของ Stake ให้ความสนใจกับปัจจัยและ เงื่อนไขต่างๆ ที่มีความเชื่อมโยงกัน 3 ประการ ได้แก่ ส่ิงท่ีมีอยู่ก่อน (antecedent) กระบวนการ (transaction) และผลผลติ (outcomes) 6. รูปแบบการประเมินของ Stufflebeam เป็นการประเมินทีละ ด้านตามลาดับจากการประเมินบริบท การประเมินปัจจัยนาเข้า การประเมิน