126 บทท่ี 4 ประเดน็ และคาถามการประเมนิ หลกั สูตร Tanner, Daniel and Tanner, Laurel. (1975). Curriculum Development: Theory into Practice. New York: Macmillan Publishing. Tanner, Daniel and Tanner, Laurel. (1980). Curriculum Development: Theory into Practice. 2nded. New York: Macmillan Publishing. Tyler, Ralph W. (1949). Basic Principles of Curriculum and Instruction. Chicago: The university of Chicago Press. Udelhofen, Susan. (2005). Keys to Curriculum Mapping: Strategies and Tools to Make it Work. Thousand Oaks, California: Corwin Press. Walker, Decker F. and Soltis, Jonas F. (2009). Curriculum and Aims. New York: Teachers College Columbia University. Wiles, Jon W., and Bondi, C. Joseph. (2011). Curriculum Development a Guide to Practice. 8thed. Boston: Pearson. William, Pinar. (2012). What is Curriculum Theory. New York: Routledge.
บทที่ 5 การประเมินหลกั สตู รกบั การประเมนิ การเรยี นการสอน 127 บทที่ 5 การประเมนิ หลักสตู ร กบั การประเมินการเรยี นการสอน
128 บทที่ 5 การประเมินหลักสตู รกบั การประเมนิ การเรียนการสอน การประเมินหลกั สตู ร กับการประเมินการเรียนการสอน มีลกั ษณะร่วมกนั และมีจุดเนน้ ที่แตกต่างกนั
บทท่ี 5 การประเมนิ หลกั สตู รกบั การประเมนิ การเรยี นการสอน 129 5.1 ความสมั พนั ธ์ระหว่างการประเมินหลกั สูตร กับการประเมนิ การเรยี นการสอน 5. การประเมนิ หลกั สตู ร 5.2 จุดเนน้ ทแ่ี ตกต่างกันของการประเมนิ หลักสตู ร กับการประเมนิ กบั การประเมินการเรียนการสอน การเรียนการสอน 5.3 ความสัมพันธ์ระหวา่ งสารสนเทศ จากการประเมินหลักสตู รสู่การปรบั ปรุงหลักสูตร การเรยี นการสอนและคุณภาพผเู้ รียน 5.4 องค์ประกอบของการประเมนิ การเรียนการสอน 5.5 ประสทิ ธภิ าพของวธิ ีการประเมินผลการเรียนรู้ 5.6 นวตั กรรมการประเมนิ การเรยี นการสอน และการประเมนิ ผลการเรียนรูข้ องผู้เรยี น
130 บทที่ 5 การประเมินหลกั สูตรกับการประเมินการเรียนการสอน การประเมินหลักสูตร มขี อบเขตทก่ี ว้างขวาง และครอบคลุม การประเมนิ การเรยี นการสอน
บทท่ี 5 การประเมนิ หลักสตู รกับการประเมินการเรยี นการสอน 131 สาระสาคญั สาหรับในบทท่ี 5 เร่ือง การประเมินหลักสูตรกับการประเมินการเรียน การสอน มีสาระสาคญั ดังต่อไปน้ี 1. การประเมินหลักสูตรเป็นการตรวจสอบคุณภาพการจัด การศึกษาของหลักสูตรท้ังระบบทั้งก่อนใช้หลักสูตร ระหว่างการนาหลักสูตรไปปฏิบัติ และหลังการใชห้ ลักสูตร ส่วนการประเมินการเรียนการสอนเป็นการตรวจสอบคุณภาพ การจดั กิจกรรมและประสบการณ์การเรยี นรู้ของผูส้ อนและผลการเรียนรู้ของผู้เรยี น 2. การประเมินหลักสูตรทาให้ได้ข้อมูลสารสนเทศสาหรับนามาใช้ ในการปรับปรงุ หลักสูตร ส่วนการประเมนิ การเรียนการสอน ทาให้ได้ข้อมูลสารสนเทศ สาหรับนามาใช้ในการปรับปรุงการเรียนการสอนซ่ึงการปรับปรุงการเรียนการสอนน้ัน นับเปน็ สว่ นหนึ่งของการปรับปรงุ หลักสูตรดว้ ยเชน่ กัน 3. การประเมินหลักสูตรกับการประเมินการเรียนการสอน มลี ักษณะร่วมกนั และมีจดุ เนน้ ท่แี ตกต่างกัน 4. องค์ประกอบของการประเมนิ การเรียนการสอน มี 2 องค์ประกอบ ได้แก่ 1) การประเมินกระบวนการจัดการเรียนการสอน และ 2) การประเมินผลการ เรยี นรู้ของผู้เรยี น 5. ผู้สอนควรเลือกวิธีการวัดและประเมินผลให้สอดคล้องกับสิ่งท่ี ต้องการประเมนิ ซ่ึงจะทาให้การประเมินมีประสิทธิภาพสูง มีข้อมูลสารสนเทศท่ีถูกต้อง และสามารถนาไปพัฒนาผ้เู รียนเปน็ รายบุคคลไดต้ ่อไป 6. นวัตกรรมการประเมนิ การเรียนการสอนและการประเมินผลการ เรียนรู้ของผู้เรียนมีความหลากหลายซ่ึงเป็นส่ิงสาคัญที่ผู้สอนควรนาไปปรับใช้ ให้สอดคล้องกับบรบิ ท
132 บทที่ 5 การประเมินหลักสตู รกบั การประเมินการเรียนการสอน การประเมินหลักสตู ร และการประเมินการเรยี นการสอน มีความสัมพนั ธก์ นั อยา่ งใกลช้ ดิ ผลการประเมินสามารถนาไป ปรับปรุงหลกั สูตรและการเรียนการสอน ไดอ้ ยา่ งเปน็ ระบบ
บทท่ี 5 การประเมินหลกั สตู รกับการประเมนิ การเรยี นการสอน 133 5.1 ความสัมพนั ธ์ระหว่างการประเมินหลักสูตร กบั การประเมินการเรียนการสอน เมื่อกล่าวถึงการประเมินหลักสูตรจะหมายรวมถึงการประเมินการเรียน การสอน (Oliva and Gordon. 2013) ด้วยท้ังน้ีเพราะการประเมินหลักสูตรเป็นการ ตรวจสอบคุณภาพการจัดการศึกษาของหลักสูตรท้ังระบบท้ังก่อนใช้หลักสูตร ระหว่าง การนาหลักสูตรไปปฏบิ ตั ิ และหลังการใช้หลักสูตร ส่วนการประเมินการเรียนการสอน (instructional evaluation) เป็นการตรวจสอบคุณภาพการจัดกิจกรรมและ ประสบการณ์การเรียนรขู้ องผสู้ อน และผลการเรยี นรู้ของผู้เรียน ท่ีนับเป็นส่วนหน่ึงของ การประเมินหลักสูตรระหว่างการนาหลักสูตรไปปฏิบัติ และให้ความสาคัญกับการ ปรับปรุงและพัฒนาการจัดการเรียนการสอนให้มีคุณภาพสูงขึ้นอย่างต่อเน่ือง สามารถแสดงความสัมพันธ์ระหว่างการประเมินหลักสูตรและการประเมินการเรียน การสอนดังแผนภาพต่อไปน้ี การประเมนิ การประเมินระหวา่ ง การประเมิน ก่อนนาหลักสตู รไปใช้ การนาหลักสตู รไปปฏิบตั ิ หลังการนา หลักสตู รไปใช้ การประเมิน การเรยี นการสอน การปรับปรุงและพฒั นา การปรบั ปรงุ และพัฒนา คณุ ภาพการเรยี นการสอน คุณภาพหลักสตู ร แผนภาพ 10 การประเมินการเรียนการสอนเป็นส่วนหนึง่ ของการประเมินหลักสตู ร
134 บทที่ 5 การประเมินหลกั สูตรกับการประเมนิ การเรยี นการสอน การประเมินหลักสูตรกับการประเมินการเรียนการสอนมีความสัมพันธ์กัน ทั้งในแง่วัตถุประสงค์การประเมิน วิธีการประเมิน และผลการประเมิน กล่าวคือ การประเมินหลักสูตรทาให้ได้ข้อมูลสารสนเทศสาหรับการปรับปรุงหลักสูตร เช่น ปรับปรุงจุดมุ่งหมายของหลักสูตร ปรับปรุงเน้ือหาสาระที่บรรจุไว้ในหลักสูตร (รวมทั้ง ปรับปรุงการเรียนการสอนด้วย) ส่วนการประเมินการเรียนการสอน ทาให้ได้ข้อมูล สารสนเทศสาหรับการปรับปรุงการเรียนการสอน ซ่ึงการปรับปรุงการเรียนการสอน นบั เป็นสว่ นหน่งึ ของการปรบั ปรงุ หลักสตู รดว้ ยเช่นกัน ดังแผนภาพต่อไปน้ี การประเมินหลกั สูตร นาไปสูก่ ารปรบั ปรุง หลกั สูตรทง้ั ระบบ การประเมิน นาไปสู่การปรบั ปรงุ การเรยี นการสอน การเรยี นการสอน แผนภาพ 11 ความสัมพันธ์ระหวา่ งการประเมินหลักสตู รกับการประเมินการเรียนการสอน
บทที่ 5 การประเมนิ หลักสตู รกบั การประเมินการเรยี นการสอน 135 5.2 จุดเนน้ ที่แตกต่างกันของการประเมนิ หลักสูตร กับการประเมินการเรยี นการสอน การประเมินหลักสูตรกับการประเมินการเรียนการสอนมีลักษณะร่วมกัน และมจี ุดเน้นท่ีแตกตา่ งกนั วิเคราะหไ์ ดด้ งั ตารางตอ่ ไปนี้ ตาราง 2 จุดเน้นทแ่ี ตกต่างกันระหวา่ งการประเมนิ การเรยี นการสอนกบั การประเมนิ หลกั สตู ร ประเภทของ จุดมุง่ หมาย ผู้ใหข้ ้อมลู การนาผลการประเมินไปใช้ การประเมิน การประเมิน เพอ่ื ตรวจสอบคณุ ภาพ - ผสู้ อน - ปรับปรุงหรอื เปลยี่ นแปลง หลักสตู ร ของหลกั สตู รท้ังระบบ - ผเู้ รยี น เน้ือหาสาระของหลกั สตู ร ทง้ั วตั ถปุ ระสงค์ - ผู้บรหิ าร - ปรบั ปรุงการบรหิ ารจดั การ การจัดการเรยี นการสอน - ผ้ปู กครอง หลกั สตู รและการวางแผน และการประเมนิ ผล - ชมุ ชน วิชาการ และประเด็นอน่ื ๆ - ผ้เู ชย่ี วชาญ - ปรบั ปรุงการจัดการเรียน ทเี่ กีย่ วข้อง การสอน - ปรับปรงุ การวัด และประเมนิ ผล - พฒั นาศักยภาพทางวิชาการ ของบคุ ลากร - ปรับปรงุ ประเดน็ ๆ อน่ื ทเี่ ก่ยี วข้องกบั การพัฒนา คุณภาพวชิ าการ ของหลกั สูตร
136 บทท่ี 5 การประเมนิ หลักสตู รกับการประเมินการเรยี นการสอน ตาราง 2 จดุ เนน้ ทีแ่ ตกต่างกนั ระหว่างการประเมินการเรยี นการสอนกับการประเมนิ หลักสตู ร (ต่อ) ประเภทของ จดุ มุ่งหมาย ผ้ใู ห้ข้อมูล การนาผลการประเมนิ ไปใช้ การประเมนิ การประเมิน เพื่อตรวจสอบคณุ ภาพ - ผูส้ อน - วนิ ิจฉยั ความเข้าใจ การเรยี นการสอน ของการจดั การเรยี น - ผ้เู รียน ท่ีคลาดเคลอ่ื นของผเู้ รียน การสอนของหลักสูตร - ผู้บรหิ าร - ใหค้ วามช่วยเหลือ - ผู้ปกครอง ทางวชิ าการแก่ผู้เรยี น - ปรบั ปรุงการจัดการเรียน การสอน - ปรับปรงุ สือ่ การเรยี นรู้ / แหลง่ การเรยี นรู้ - ปรับปรงุ การวัดและ ประเมนิ ผลการเรยี นรู้ - ปรบั ปรงุ ประเดน็ อื่นๆ ทีเ่ กย่ี วขอ้ งกับ การจัดการเรยี นการสอน 5.3 ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งสารสนเทศจากการประเมนิ หลักสตู ร สูก่ ารปรบั ปรงุ หลักสตู ร การเรียนการสอนและคุณภาพผเู้ รียน หลักสูตรและการเรียนการสอนเป็นสิ่งท่ีมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด การปรับปรุงหลักสูตรย่อมจ ะต้องส่งผลต่อกา รเรียนก ารสอน ไม่ทางใด ก็ทางหน่ึ ง ในขณะเดยี วกันการจดั การเรียนการสอนก็ส่งผลโดยตรงต่อหลักสูตรในแง่ของเป็นกลไก ขับเคล่ือนหลักสูตรให้บรรลุเป้าหมาย คือ คุณภาพของผู้เรียน ดังแผนภาพต่อไปน้ี (Oliva and Gordon. 2013)
บทท่ี 5 การประเมินหลักสตู รกบั การประเมินการเรยี นการสอน 137 หลกั สูตร การเรยี นการสอน แผนภาพ 12 ความสมั พันธร์ ะหวา่ งหลกั สตู รและการเรยี นการสอน ดังนั้นสารสนเทศจากการประเมินหลักสูตรจึงเป็นสิ่งท่ีสาคัญมากหากผล การประเมินมีความถูกต้องและครอบคลุมแลว้ ย่อมทาใหก้ ารตดั สินใจปรับปรุงหลักสูตร เป็นไปอย่างถูกต้องตรงประเด็นและการตัดสินใจดังกล่าวจะส่งผลกระทบไปที่การ จดั การเรยี นการสอนและคุณภาพของผู้เรยี นในท่สี ดุ ดงั แผนภาพตอ่ ไปนี้ สารสนเทศ การปรับปรุง การปรบั ปรุง คุณภาพผเู้ รยี น จากการ หลกั สตู ร การเรยี นการสอน ทีด่ ีขน้ึ ประเมนิ หลักสตู ร แผนภาพ 13 ความสัมพันธร์ ะหว่างสารสนเทศจากการประเมนิ หลกั สตู ร ส่กู ารปรบั ปรุงหลักสูตรการเรียนการสอนและคุณภาพผูเ้ รียน
138 บทท่ี 5 การประเมินหลกั สูตรกับการประเมินการเรยี นการสอน 5.4 องค์ประกอบของการประเมินการเรยี นการสอน องค์ประกอบของการประเมนิ การเรยี นการสอน มี 2 มติ ิ ได้แก่ 1) การประเมินกระบวนการจัดการเรยี นการสอน 2) การประเมนิ ผลการเรียนรขู้ องผเู้ รยี น โดยท่ีการประเมินเรียนการสอนเป็นหัวใจของการดารงรักษาและพัฒนา คุณภาพการจดั การศึกษาในทุกหลักสูตร มีสาระสาคัญดังตอ่ ไปน้ี 1) การประเมนิ กระบวนการจัดการเรียนการสอน เป็นการประเมินท่ีมุ่งข้อมูลสารสนเทศเก่ียวกับกระบวนการวางแผน การดาเนินการจัดการเรียนการสอน การวัดและประเมินผล ว่ามีประสิทธิภาพเพียงใด เป็นการประเมินท่ีทาได้ทั้งแบบเป็นทางการ และไม่เป็นทางการ สารสนเทศจากการ ประเมินสามารถนามาปรับปรุงกระบวนการจัดการเรียนการสอนได้ทันที โดยมีการใช้ เคร่ืองมือการประเมินที่หลากหลาย เช่น การใช้แบบสอบถามความคิดเห็นที่มีต่อการ จัดการเรียนการสอน ดังตัวอย่างแบบสอบถามคุณภาพการจัดการเรียนการสอน ตอ่ ไปน้ี (มารุต พัฒผล. 2554)
บทท่ี 5 การประเมนิ หลักสตู รกับการประเมนิ การเรยี นการสอน 139 แบบสอบถามคุณภาพการจัดการเรยี นการสอน วตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือใหผ้ ู้ตอบแบบสอบถามให้ขอ้ มูลเกยี่ วกบั การจัดการเรียนการสอน ของหลักสตู รพุทธศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาวิปัสสนาภาวนา วทิ ยาเขตบาฬีศกึ ษาพุทธโฆษ นครปฐม คาชีแ้ จง โปรดทาเคร่ืองหมาย ลงในช่องระดบั การปฏบิ ัติให้ครบทกุ รายการ ระดบั การปฏบิ ตั ิ รายการ นอ้ ย น้อย ปาน มาก มาก ทีส่ ุด กลาง ทส่ี ดุ 1. จัดกระบวนการเรยี นร้สู อดคล้องกับความ สนใจ ความถนดั และความต้องการ ของผเู้ รยี น 2. จัดกระบวนการเรยี นรู้ทส่ี ง่ เสรมิ ให้ผู้เรยี น มกี ารศกึ ษาค้นควา้ ความรดู้ ้วยตนเอง 3. ใช้วธิ กี ารจัดการเรยี นการสอน อย่างหลากหลาย เชน่ การบรรยาย การอภปิ ราย การสัมมนา การวจิ ยั เป็นฐาน 4. กระบวนการเรยี นรไู้ ด้ใช้แหลง่ การเรยี นรู้ ตา่ งๆ มาสนับสนุน 5. กระบวนการเรียนรมู้ ุ่งพัฒนาความรู้ ทางวชิ าการทักษะปฏบิ ัติและคณุ ลกั ษณะ ที่พึงประสงคค์ วบคูก่ ัน 6. กระบวนการเรยี นรเู้ นน้ การเช่ือมโยง องคค์ วามร้ทู างพระพทุ ธศาสนา กับปรากฏการณท์ างสงั คม 7. กระบวนการเรยี นรู้กระตุ้นใหผ้ เู้ รียน คิดวิเคราะห์
140 บทที่ 5 การประเมินหลกั สตู รกับการประเมินการเรยี นการสอน ระดบั การปฏบิ ตั ิ รายการ น้อย น้อย ปาน มาก มาก ท่ีสุด กลาง ทีส่ ดุ 8. กระบวนการเรียนรสู้ ง่ เสรมิ ใหผ้ เู้ รียน มีการแลกเปลยี่ นเรยี นรู้ 9. กระบวนการเรียนรสู้ ่งเสรมิ ใหผ้ เู้ รียนพัฒนา ตนเองอยา่ งต่อเนื่อง 10. มกี ารนาผลการวจิ ยั ตา่ งๆ มาประกอบ การเรียนรู้ 11. ผเู้ รยี นได้ปฏิบตั ิการวิจยั เปน็ สว่ นหนึง่ ของกิจกรรมการเรียนรู้ 12. ใชส้ ื่อการเรยี นการสอนสอดคล้องกบั เนือ้ หาสาระ 13. ผู้สอนเอื้ออานวยความสะดวกในเรียนรู้ ใหก้ ับผเู้ รยี นโดยใชว้ ิธีการต่างๆ เชน่ ให้คาแนะนา ให้ความช่วยเหลือ ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมเพ่อื การพฒั นาคณุ ภาพการเรียนการสอน ............................................................................................................................. ............ ............................................................................................................................. ............ ...................................................................................................................... ................... ............................................................................................................................. ............ .................................................................................................. ....................................... ............................................................................................................................. ............ ......................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............ ......................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............
บทที่ 5 การประเมินหลกั สตู รกับการประเมนิ การเรยี นการสอน 141 แบบสอบถามความคดิ เหน็ ทมี่ ีต่อการวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ วัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้ตอบแบบสอบถามให้ข้อมลู เกยี่ วกบั การวดั และประเมนิ ผล คาชแี้ จง การเรยี นร้ขู องหลักสตู รพุทธศาสตรมหาบณั ฑิต สาขาวิปัสสนาภาวนา วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆษ นครปฐม โปรดทาเครือ่ งหมาย ลงในช่องระดับการปฏบิ ัตใิ ห้ครบทุกรายการ ระดบั การปฏบิ ตั ิ รายการ น้อย นอ้ ย ปาน มาก มาก ท่ีสุด กลาง ที่สุด 1. ใชว้ ธิ กี ารวดั ผลการเรยี นรอู้ ย่างหลากหลาย เชน่ การสังเกต การทดสอบ การประเมิน ตนเอง การตรวจผลงาน 2. ใช้ผูป้ ระเมินจากบคุ คลหลายฝา่ ย เชน่ ผสู้ อน เพื่อน ผ้เู รียน ผ้เู ก่ียวขอ้ ง 3. ดาเนนิ การประเมินผลก่อนการเรียนรู้ เพ่อื วนิ ิจฉัยความพร้อมในการเรยี นรู้ ของผเู้ รียน ดว้ ยวิธีการตา่ งๆ เช่น การสอบถาม การใชแ้ บบทดสอบ 4. ดาเนินการประเมนิ ผลระหว่างการเรยี นรู้ ควบคกู่ ับการจดั การเรียนการสอน เช่น การตรวจสอบผลงาน การสงั เกต 5. ดาเนินการประเมนิ ผลหลงั การเรยี นรู้ เชน่ การทดสอบ การปฏบิ ตั งิ าน การทารายงาน ทางวชิ าการ 6. ดาเนินการประเมนิ ผลการเรียนรู้ เพื่อตรวจสอบกระบวนการเรยี นรู้ (process) ของผูเ้ รยี น
142 บทท่ี 5 การประเมินหลกั สตู รกบั การประเมินการเรยี นการสอน ระดบั การปฏิบตั ิ รายการ น้อย นอ้ ย ปาน มาก มาก ทส่ี ุด กลาง ที่สดุ 7. ดาเนินการประเมนิ ผลการเรียนรู้ เพ่อื ตรวจสอบผลผลติ ของการเรียนรู้ (product) ของผเู้ รยี น 8. ดาเนนิ การประเมนิ ผลการเรียนรู้ เพือ่ ตรวจสอบความก้าวหนา้ ในการเรยี นรู้ (progress) ของผเู้ รียน 9. ผเู้ รียนมีส่วนรว่ มในการกาหนดเกณฑ์ การประเมนิ 10. มกี ารสะท้อนผลการประเมนิ สูผ่ ้เู รยี น ด้วยวิธีการตา่ งๆ เช่น การท่ผี สู้ อนนาผล การประเมินมาแจง้ ในชน้ั เรยี น การนาผลการประเมนิ มาปรบั ปรุงกิจกรรม การเรียนการสอน ข้อเสนอแนะเพิม่ เตมิ เพ่อื การพฒั นาคณุ ภาพการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ............ ............................................................................................................................. ............ ...................................................................................................................... ................... ............................................................................................................................. ............ .................................................................................................. ....................................... ............................................................................................................................. ............ ......................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............ ......................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ............
บทท่ี 5 การประเมนิ หลกั สตู รกับการประเมินการเรยี นการสอน 143 2) การประเมนิ ผลการเรยี นร้ขู องผู้เรียน เป็นการประเมินที่มุ่งหาข้อมูลสารสนเทศเกี่ยวกับผลการเรียนรู้ของ ผู้เรียน เช่น ความรู้ ความสามารถ สมรรถนะ และคุณลักษณะท่ีพึงประสงค์ เป็นต้น สารสนเทศจากการประเมินจะนาไปสู่การปรับปรุงกระบวนการจัดการเรียนการสอน ที่สอดคล้องกับความต้องการ ความสนใจ และความถนัดของผู้เรียน โดยใช้เคร่ือง วิธีการและเครือ่ งมอื ท่ีมคี ุณภาพ สอดคล้องกับการเรยี นรูใ้ นสภาพจรงิ กา ร ป ร ะ เ มิน ผ ล กา ร เ รี ย น รู้ ข อ งผู้ เ รี ย น ส า ม า ร ถ จ า แน กอ อ ก ไ ด้ เ ป็ น 2 ประเภท ได้แก่ การประเมินแบบก้าวหน้า (formative evaluation) และการ ประเมินแบบรวบยอด (summative evaluation) ซ่ึง Scriven (1967) ผู้เช่ียวชาญ ด้านการประเมินได้เสนอวิธีการประเมินท่ีมีจุดเน้นแตกต่างกัน ไว้ 2 วิธี ได้แก่ การประเมินแบบก้าวหน้า และการประเมินแบบรวบยอด ซ่ึงการประเมินดังกล่าว ได้นามาใช้ในการประเมินการเรียนการสอนเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามยังสามารถ นาแนวคิดมาปรับใช้ในการประเมินหลักสูตรได้ด้วย โดยการประเมินแบบก้าวหน้า ในมิติของการประเมินหลักสูตร หมายถึงการประเมินท่ีเกิดข้ึนระหว่างการใช้ หลักสูตร ส่วนการประเมินแบบรวบยอด หมายถึงการประเมินเม่ือเสร็จส้ินการใช้ หลักสตู ร การประเมินแบบก้าวหน้า มุ่งเน้นการประเมินผลการเรียนรู้ของ ผู้เรียนระหว่างการจัดการเรียนรู้ เพื่อการปรับปรุงและพัฒนาการจัดการเรียนการสอน และพฒั นาคุณภาพของผู้เรยี นอยา่ งต่อเน่ือง การประเมนิ แบบก้าวหน้าเป็นการประเมิน ที่ดาเนินการอย่างต่อเน่อื ง (ongoing) จุดเน้นสาคัญของการประเมินแบบก้าวหน้าคือ การปรับปรุงและพัฒนา (improvement and development) ช่วยทาให้ผู้สอนมี ข้อมูลสารสนเทศท่ีสามารถนามาปรับปรุงและพัฒนาการดาเนินการต่างๆ ท้ังท่ีเป็น จุดอ่อนแล ะจุดแข็งของการจัด การเ รียน การ สอนได้ทัน ทีและมี กา รสะท้อนผลกา ร
144 บทท่ี 5 การประเมนิ หลกั สูตรกบั การประเมินการเรยี นการสอน ประเมิน (reflection) โดยใช้ข้อมูลเชิงประจักษ์มาสนับสนุน ใช้วิธีการท่ีสร้างสรรค์ นาไปสู่การปรับปรงุ ผเู้ รียนใหม้ ีคุณภาพมากขึน้ การประเมินวินิจฉัย (diagnostic evaluation) มีจุดมุ่งหมาย เพื่อตรวจสอบความเข้าใจท่ีคลาดเคลื่อน (misconceptions) ของผู้เรียน รวมทั้งการ จัดลาดับความรู้ความสามารถของกลุ่มผู้เรียนซ่ึงประเมินได้ท้ังก่อน ระหว่างและการ จัดการเรียนการสอน การประเมินแบบรวบยอด เป็นการประเมินเม่ือเสร็จส้ินการ จัดการเรียนการสอนเพื่อตรวจสอบผลการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ ของผู้เรียนด้วยการใช้เครื่องมือวัดที่มีคุณภาพ เช่น แบบทดสอบ แบบประเมินผลงาน แบบประเมินสมรรถนะ เป็นต้น มีการสะท้อนผลการประเมินและนามาปรับปรุงและ พฒั นาคุณภาพผู้เรยี นรวมทงั้ คุณภาพการจดั การเรียนการสอนต่อไป ความสัมพันธ์ระหว่างการจัดการเรียนการสอน การประเมินแบบ ก้าวหน้า การประเมนิ วินจิ ฉัย การประเมินแบบรวบยอด และการสะท้อนผล สรุปได้ดัง แผนภาพต่อไปนี้ การประเมินแบบรวบยอด และการสะทอ้ นผล การจดั การเรยี นการสอน เสรจ็ สน้ิ การจัด การประเมนิ แบบกา้ วหนา้ / การประเมนิ วนิ จิ ฉยั การเรยี นการสอน และการสะทอ้ นผล แผนภาพ 14 ความสัมพนั ธร์ ะหว่างการจดั การเรยี นการสอน การประเมินแบบกา้ วหน้า การประเมนิ วินิจฉยั การประเมินแบบรวบยอด และการสะท้อนผล
บทที่ 5 การประเมนิ หลกั สตู รกบั การประเมนิ การเรยี นการสอน 145 การประเมินทั้งสามลักษณะ สามารถนามาใช้ในการประเมินการเรียนรู้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทาให้มีสารสนเทศสาหรับนาไปพัฒนาคุณภาพผู้เรียนได้อย่าง ต่อเน่ือง อย่างไรก็ตามการประเมินท้ังสามลักษณะมีความแตกต่างกันตามจุดเน้น ดังต่อไปนี้ ตาราง 3 การวิเคราะหค์ วามแตกตา่ งระหวา่ งการประเมนิ แบบกา้ วหนา้ การประเมินวินิจฉัย และการประเมนิ แบบรวบยอด ประเด็นการ การประเมิน การประเมนิ วินจิ ฉยั การประเมิน วเิ คราะห์ แบบกา้ วหน้า แบบรวบยอด หนา้ ที่ (function) - ตรวจสอบ - ตรวจสอบความรู้ - ตรวจสอบผลการ ของการประเมนิ กระบวนการ ทกั ษะพนื้ ฐาน เรยี นรู้หลังการ เรยี นร้ขู องผูเ้ รยี น ของผู้เรียน จัดการเรยี นรู้ จดุ เนน้ (focus) - ตรวจสอบความรู้ กอ่ นเริ่มกจิ กรรม - ตรวจสอบการบรรลุ ของการประเมิน ทักษะและคุณลักษณะ การจัดการเรยี นรู้ มาตรฐานการเรยี นรู้ ของผู้เรยี นระหว่าง - จัดลาดับความรู้ ของผเู้ รียน ภายหลงั การเรยี นรู้ ความสามารถ การจัดการเรียนรู้ - ใหข้ อ้ มูลยอ้ นกลบั ของผเู้ รียน - ใหข้ อ้ มูลย้อนกลบั เพอื่ การพฒั นาตนเอง เพื่อการออกแบบ เพอ่ื การพฒั นา ของผู้เรยี น กิจกรรมการเรยี นรู้ ผู้เรียน - ให้ข้อมูลย้อนกลบั - ตรวจสอบ - ให้ขอ้ มลู ย้อนกลบั ตอ่ การปรับปรงุ ความเขา้ ใจ เพ่ือการพฒั นา กระบวนการ ทีค่ ลาดเคลอื่ น คณุ ภาพของการ จดั การเรยี นรู้ ของผ้เู รียน จัดการเรยี นรู้ - การรู้คิด ความรู้ - การร้คู ิด ความรู้ - การรคู้ ดิ ความรู้ ทกั ษะและคณุ ลกั ษณะ ทักษะ ทกั ษะ ของผู้เรยี น ระหวา่ ง และคณุ ลกั ษณะ และคุณลักษณะ การจดั การเรียนรู้ ของผ้เู รียน กอ่ นการ ของผู้เรียน หลังการ จดั การเรยี นรู้ จดั การเรยี นรู้
146 บทท่ี 5 การประเมินหลักสตู รกบั การประเมินการเรียนการสอน ตาราง 3 การวิเคราะหค์ วามแตกตา่ งระหวา่ งการประเมินแบบกา้ วหนา้ การประเมนิ วินจิ ฉัย และการประเมนิ รวบยอด (ต่อ) ประเด็นการ การประเมนิ การประเมินวนิ ิจฉัย การประเมิน วิเคราะห์ แบบก้าวหน้า แบบรวบยอด ชว่ งเวลา - ประเมนิ อย่างต่อเนื่อง - ประเมนิ ก่อนเร่มิ ทา - ประเมินภายหลงั ของการประเมิน เปน็ ชว่ งเวลา การจดั การเรยี นรู้ เสรจ็ สิน้ การจัด หลายๆ คร้ัง - ประเมินระหว่าง การเรียนรู้ ในระหว่าง การจัดการเรียนรู้ การจดั การเรียนรู้ ในกรณีท่ีผ้เู รยี น เกดิ ความเข้าใจ ทีค่ ลาดเคลอ่ื น วธิ กี ารประเมนิ - การทดสอบโดยใช้ - การทดสอบโดยใช้ - การทดสอบโดยใช้ (ทใ่ี ช้กันโดยทัว่ ไป) แบบทดสอบชนดิ ต่างๆ แบบทดสอบวนิ จิ ฉัย แบบทดสอบ ทีผ่ ู้สอนพัฒนาขนึ้ (diagnosis test) วดั ผลสัมฤทธิ์ ดว้ ยตนเอง ท่ีผูส้ อนพัฒนาขน้ึ ทีม่ ีมาตรฐาน - การสังเกตพฤตกิ รรม ดว้ ยตนเอง (standardized ของผู้เรยี น - การทดสอบโดยใช้ test) - การสัมภาษณผ์ เู้ รยี น แบบทดสอบวินิจฉยั - การทดสอบโดยใช้ - การสอบถามผเู้ รยี น ทมี่ มี าตรฐาน แบบทดสอบ - การประเมินตนเอง - การสังเกตพฤตกิ รรม ชนิดต่างๆ ของผูเ้ รยี น ของผู้เรียน ท่ีผู้สอนพัฒนาข้นึ - การรายงานตนเอง - การสอบถามผเู้ รยี น ด้วยตนเอง ของผเู้ รียน เป็นรายบคุ คล - การตรวจสอบ - การตรวจสอบชนิ้ งาน ชน้ิ งาน หรอื ผลงานของผเู้ รยี น หรือผลงาน ของผเู้ รยี น - การรายงานตนเอง ของผเู้ รยี น
บทที่ 5 การประเมินหลักสตู รกับการประเมนิ การเรยี นการสอน 147 5.5 ประสทิ ธิภาพของวิธกี ารประเมนิ ผลการเรียนรู้ แนวทางการเลือกวิธีการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน จากผลการวิจัยของ Marzano (2000) ทาให้เห็นว่าผู้สอนควรเลือกวิธีการวัดและ ประเมินผลให้สอดคล้องกับส่ิงท่ีต้องการประเมิน ซึ่งจะทาให้การประเมิน มีประสิทธิภาพสูง มีข้อมูลสารสนเทศท่ีถูกต้องและสามารถนาไปพัฒนาผู้เรียน เปน็ รายบุคคลไดต้ อ่ ไป ดังตารางตอ่ ไปน้ี (Marzano. 2000: 87) ตาราง 4 ประสทิ ธิภาพของวิธกี ารประเมินผลการเรียนรู้ วธิ ีการวดั และประเมินผล / ระดบั ประสิทธภิ าพของการวดั และประเมนิ ผล ขอบข่าย การ การตอบ การ การ การ การ การ ของ ทดสอบ สังเกต ประเมิน ทดสอบ แบบขยาย ตอบสนั้ สอบ ภาคปฏิบตั ิ โดย ตนเอง การประเมิน แบบ รายละเอยี ด ปาก ผสู้ อน โดยผเู้ รยี น เลือกตอบ เปล่า ความรู้ กลาง สูง สงู สูง สูง กลาง สูง กระบวนการ ต่า กลาง ตา่ กลาง สงู สงู สงู เรยี นรู้ การคดิ การให้ กลาง สงู กลาง สงู สงู ตา่ สงู เหตุผล การสือ่ สาร ต่า สูง ต่า สูง สูง ตา่ สูง คุณธรรม ตา่ ตา่ ตา่ ตา่ กลาง สูง สูง จรยิ ธรรม/ เจตคติ
148 บทท่ี 5 การประเมนิ หลักสตู รกับการประเมินการเรยี นการสอน กล่าวโดยสรุปการประเมินหลักสูตรมีขอบเขตท่ีกว้างขวางและครอบคลุม การประเมินการเรียนการสอน การประเมินการเรียนการสอนที่ประกอบด้วยการ ประเมินจดุ ประสงค์การเรียนรู้ การประเมินกจิ กรรมการเรียนรู้และการประเมินผลการ เรียนรู้ เปน็ สว่ นหน่งึ ของการประเมนิ หลักสตู ร ดงั แผนภาพต่อไปน้ี การประเมนิ หลักสตู ร การประเมนิ การเรยี นการสอน จดุ ประสงค์ กจิ กรรม การประเมิน การเรียนรู้ การเรยี นรู้ ผลการเรยี นรู้ (การประเมนิ แบบกา้ วหนา้ การประเมินวินิจฉัย การประเมนิ รวบยอด) แผนภาพ 15 ระบบการประเมนิ การเรยี นการสอนท่เี ป็นสว่ นหน่ึงของการประเมนิ หลักสตู ร
บทที่ 5 การประเมินหลกั สตู รกับการประเมนิ การเรยี นการสอน 149 5.6 นวตั กรรมการประเมินการเรยี นการสอนและการประเมิน ผลการเรียนรขู้ องผู้เรยี น ในช่วงเวลาที่ผ่านมาได้มีนวัตกรรมการประเมินการเรียนการสอน ซึ่งสามารถนาไปประยุกต์ใช้ในการประเมินการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดงั ต่อไปนี้ 1) รูปแบบการประเมนิ ผลผลการเรยี นรทู้ เี่ สรมิ พลงั ตามสภาพจรงิ การวัดและประเมินผลการเรียนรู้เป็นหัวใจสาคัญของการพัฒนา คุณภาพของผู้เรียนท่ีผู้สอนจะต้องดาเนินการประเมินอย่างเป็นระบบ ใช้วิธีการท่ีมี ประสิทธิภาพและใช้เคร่ืองมือท่ีมีคุณภาพ และนาผลการประเมินมาพัฒนาผู้เรียน รวมทั้งปรบั ปรงุ กระบวนการจดั การเรยี นร้ใู ห้มคี ุณภาพอย่างต่อเนื่อง การ ปร ะเ มิน ผ ล กา รเ รียน รู้ข อง ผู้ เ รีย นโ ดย ทั่ว ไ ปจ ะมี ขอ บเ ขต กา ร ประเมิน 3 ด้าน ประกอบด้วย 1) การประเมินด้านกระบวนการเรียนรู้ (learning process) มุ่งเน้นการประเมินความสามารถในการสืบเสาะแสวงหาความรู้ การวเิ คราะห์และสงั เคราะหข์ อ้ มลู ให้เป็นองค์ความรู้ของตนเอง 2) การประเมินด้านผล การเรียนรู้ (learning outcomes) มุ่งเน้นการประเมินความรู้ ทักษะ และ คุณลักษณะของผู้เรียนตามจุดประสงค์การเรียนรู้ภายหลังเสร็จสิ้นการจัดการเรียนรู้ 3) การประเมินด้านความก้าวหน้าทางการเรียนรู้ (learning progress) มุ่งเน้นการ ประเมินพัฒนาการของผู้เรียนทั้งด้านความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะ ในช่วงเวลาก่อน ระหว่าง และหลังการจัดการเรียนรู้ โดยการประเมินท้ัง 3 มิติ มีลักษณะเป็นวงจร (cycle) การประเมินท่ีเกิดข้ึนในระบบ การจัดการเรียนรู้โดยมีการนาผลการประเมิน
150 บทท่ี 5 การประเมินหลกั สตู รกับการประเมนิ การเรียนการสอน มาปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนรู้อย่างต่อเน่ือง แสดงได้ดังแผนภาพ ตอ่ ไปนี้ การประเมนิ การประเมิน การประเมนิ กระบวนการเรียนรู้ ความกา้ วหนา้ ผลการเรยี นรู้ ทางการเรยี นรู้ การนาผลการประเมนิ มาปรับปรงุ และพฒั นา แผนภาพ 16 วงจรการประเมนิ ผลการเรยี นรู้ของผู้เรยี น การประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนในปัจจุบันมุ่งเน้นการประเมิน ท่ีเสริมพลังตามสภาพจริง (authentic empowerment assessment) เป็นการ ประเมินผลการเรยี นรู้ของผู้เรียนทุกด้านที่นาไปสู่การปรับปรุงและพัฒนาคุณภาพการ จัดการเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ (creative improvement) โดยการใช้ ผู้ประเมินผล การเรียนรู้หลายฝ่าย ใช้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลหลายวิธี การให้มีการประเมินหลาย ช่วงเวลา และการสะท้อนผลการประเมินสู่การปรับปรุงและพัฒนาที่ดาเนินการโดยผู้ที่ เก่ยี วขอ้ งกบั หลกั สตู ร ดาเนินการประเมินและปรับปรุงหลักสตู ร จากการสะท้อนผลการ ประเมนิ ด้านตา่ งๆ ได้ดว้ ยตนเอง “empowerment evaluation is designed to help people help themselves and improve their programs using a form of self – evaluation and reflection” Fetterman. 1996: 5 (อ้างอิงมาจาก Armstrong. 2003: 274)
บทท่ี 5 การประเมนิ หลกั สตู รกบั การประเมนิ การเรยี นการสอน 151 การประเมินผลการเรียนรู้ท่ีเสริมพลังตามสภาพจริงเป็นส่วนหนึ่ง ของกระบวนการจัดการเรียนรู้ท่ีสอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้มีการสะท้อนผล การประเมินสู่การพัฒนาผู้เรียน การประเมินผลที่เสริมพลังตามสภาพจริง เป็นวิธีการ ประเมินผลท่ีมีความสาคัญสาหรับการวัดและประเมินผล การวัดและประเมินผลการ เรียนรู้ของผู้เรียนจากขอ้ มูลหลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ซง่ึ เป็นหลักฐานทางการเรียนรู้โดยตรง เช่น พฤตกิ รรมทีแ่ สดงออก ผลงานหรอื ช้นิ งานแฟ้มสะสมผลงาน เปน็ ตน้ ลักษณะเด่นของการประเมินผลการเรียนรู้ที่เสริมพลังตามสภาพจริง มี 5 ประการได้แก่ 1) การมงุ่ ประเมินผลงานของผ้เู รยี นทแี่ สดงถึงศกั ยภาพการเรียนรู้ใน ลักษณะองค์รวม 2) การมุ่งประเมินการคิดระดับสูง ทักษะการปฏิบัติงาน ทักษะการ เรียนรู้ สมรรถนะและคุณลักษณะที่พึงประสงค์ 3) เป็นการประเมินแบบองค์รวม มากกวา่ การประเมนิ แบบแยกส่วนท่ีมีความสอดคล้องกับหลักสูตรและจุดประสงค์การ เรียนรู้ 4) เป็นการประเมินท่ีมีความต่อเน่ืองตลอดช่วงเวลาการเรียนรู้ (ongoing) 5) กระตุ้นให้ผู้เรียนเรียนรู้สะท้อนผลการประเมินสู่การพัฒนาตนเองอย่างต่อเน่ืองและ ผลการประเมินตามสภาพจรงิ จะสะทอ้ นไปสูก่ ารพัฒนาการจัดการเรยี นรขู้ องผู้สอน รูปแบบการประเมินท่เี สรมิ พลังตามสภาพจรงิ มหี ลักการ 4 ขอ้ ดังนี้ 1. ใช้ผู้ประเมินหลายๆ ฝ่าย เช่น ผู้เรียน เพื่อน ตนเอง ผู้ปกครอง ชุมชน ผู้เกยี่ วขอ้ ง 2. ใช้วิธีการและเคร่ืองมือหลายๆ ชนิด เช่น การสังเกต การตรวจสอบผลการปฏิบัติจรงิ การทดสอบ 3. วัดและประเมินหลายๆ คร้ัง ในช่วงเวลาการเรียนรู้ ได้แก่ ก่อนเรยี นระหว่างเรยี น หลังเรยี น ติดตามผล 4. สะท้อนผลการประเมินสู่การปรับปรุงและพัฒนาผู้เรียน รวมท้ัง ปรับปรุงและพฒั นาการจัดการเรียนการสอนอย่างต่อเนื่อง
152 บทท่ี 5 การประเมินหลกั สตู รกับการประเมินการเรยี นการสอน จากประสบการณ์การพัฒนาความสามารถในการวัดและประเมินผลการ เรียนรู้ที่เสริมพลังตามสภาพจริงให้กับผู้สอนท้ังในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและ ระดับอุดมศึกษาเป็นระยะเวลากว่า 15 ปีที่ผ่านมา พบว่า มีประเด็นเก่ียวกับการ ประเมินด้านคุณธรรมจริยธรรมซึ่งบางครั้งจะมีแนวความคิดว่าไม่สามารถวัดได้ หรือ วดั ได้ยาก ผลการวัดขาดความนา่ เชอ่ื ถือเพราะเป็นเรื่องนามธรรม ซึ่งแท้จริงแล้วการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ด้านคุณธรรมจริยธรรม สามารถทาได้ไม่ยาก เพียงแต่ต้องทาอย่างเป็นระบบขั้นตอนซ่ึงจะทาให้ได้เครื่องมือวัด ทมี่ คี ุณภาพและมาตรฐาน สามารถนาไปใช้วัดและประเมินผลได้อย่างถูกต้องและนาผล การประเมินมาปรับปรุงและพัฒนามิติด้านคุณธรรมจริยธรรมของผู้เรียนต่อไป รวมท้ัง การปรับปรงุ คณุ ภาพการจัดการเรียนร้เู พือ่ เสริมสรา้ งคุณธรรมจริยธรรมให้กบั ผเู้ รยี น การวัดและประเมินผลด้านคุณธรรมจริยธรรมมีเงื่อนไขสาคัญ 2 ประการ ได้แก่ 1) การใช้เคร่ืองมือวัดที่มีคุณภาพและ 2) การดาเนินการวัดผลท่ีมีประสิทธิภาพ ซึ่งการใช้เครื่องมือวัดที่มีคุณภาพจะต้องสอดคล้องกับธรรมชาติของการมีคุณธรรม จรยิ ธรรมของบุคคลซง่ึ มวี ธิ กี ารหน่ึงท่สี ามารถนามาใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง คือการ ใช้เกณฑ์การให้คะแนน (scoring rubrics) ท่ีระบุพฤติกรรมของคุณธรรมจริยธรรม ที่ต้องการประเมินเพ่ือให้ได้ผลการประเมินที่ถูกต้อง (validity) คือการที่เคร่ืองมือวัด น้ันสามารถวัดได้ตรงกับคุณธรรมจริยธรรมที่ต้องการวัด และมีความเป็นปรนัย (objectivity) คือความชัดเจน 3 ประการ ได้แก่ ความชดั เจนของคาถาม ความชัดเจน ของการตรวจใหค้ ะแนน และความชดั เจนในการแปลความหมาย เกณฑ์การให้คะแนน คือ ระดับการให้คะแนนท่ีมีคาอธิบายเก่ียวกับ มาตรฐานคุณภาพของสมรรถนะหรือคุณลักษณะที่พึงประสงค์ คุณธรรมจริยธรรม ซ่ึงผู้สอนพัฒนาขึ้นเพื่อใช้วัดและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน สอดคล้องกับ จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ สามารถดาเนินการโดยใชก้ ระบวนการเชงิ ปรมิ าณและคุณภาพ ข้อดีของการเกณฑ์การให้คะแนนจะช่วยให้ผู้ประเมินสามารถกาหนด ลักษณะของพฤติกรรมการปฏิบัติที่เป็นเลิศตลอดจนสามารถนามาใช้ในการวางแผน เพ่ือการพัฒนาผู้เรียนให้ประสบความสาเร็จสูงสุดได้ นอกจากน้ียังทาให้ผู้สอนและ
บทที่ 5 การประเมินหลกั สตู รกบั การประเมินการเรยี นการสอน 153 ผู้เรียนสามารถทาความเข้าใจร่วมกันเกย่ี วกับแนวทางการปฏิบัตแิ ละการประเมินตนเอง สามารถรายงานผลการเรียนรู้ให้แก่ผู้เก่ียวข้องทราบได้อย่างละเอียดลออและที่สาคัญ คือทาใหก้ ารประเมินมคี วามถกู ตอ้ งและเช่ือถือไดส้ ูงปราศจากความลาเอียง ประเภทของเกณฑก์ ารให้คะแนน มี 2 แบบ ดงั น้ี แบบที่ 1 1. คุณภาพทก่ี าหนดเปน็ ขอ้ ความทัว่ ไปไมย่ ึดติดเน้ือหา (general scoring rubrics) 2. คณุ ภาพกาหนดเปน็ ข้อความทเ่ี จาะจงยึดตดิ เนื้อหา (specifics scoring rubrics) แบบท่ี 2 1. การกาหนดเกณฑ์แบบองคร์ วม (holistic rubrics) ไม่แยกการให้คะแนนตามแต่ละองค์ประกอบย่อย 2. การกาหนดแบบวิเคราะห์ (analytic rubrics) การใหค้ ะแนน ตามแตล่ ะองคป์ ระกอบยอ่ ย แล้วสรุปเป็นคะแนนรวม คณุ ภาพเกณฑ์การให้คะแนน 1. เกณฑ์การใหค้ ะแนนสอดคลอ้ งกบั วัตถปุ ระสงคข์ องการประเมนิ 2. เกณฑ์การให้คะแนนมคี วามคลอบคลมุ ความสามารถในการปฏบิ ัติ ท่ีสาคญั 3. มิตขิ องการประเมินแต่ละมติ ิได้รับการนยิ ามให้ความหมาย อยา่ งชดั เจน 4. เกณฑ์การประเมนิ ปราศจากความลาเอยี งในการประเมิน หรอื การใหค้ ะแนน
154 บทที่ 5 การประเมนิ หลกั สตู รกับการประเมินการเรียนการสอน 5. เกณฑ์การใหค้ ะแนนท่จี ดั ทาข้นึ สามารถนาไปประยุกต์ใช้ กบั การประเมนิ อ่ืนๆ ท่คี ลา้ ยคลงึ กันไดห้ รอื ไม่ 6. เกณฑ์การให้คะแนนทจ่ี ัดทาขึน้ สามารถทาให้ผถู้ ูกประเมนิ มคี วามเขา้ ใจในการปฏบิ ตั ิ 7. เกณฑก์ ารใหค้ ะแนนทพี่ ฒั นาข้ึนมีความเหมาะสมต่อการนาไปใช้ หรือไม่ 8. เกณฑ์การใหค้ ะแนนท่ีจดั ทาขึ้นเอ้ืออานวยความยุตธิ รรมในการ ประเมิน 9. เกณฑก์ ารประเมนิ สามารถนาไปใช้ได้จรงิ อยา่ งมีความหมาย ในเชิงปฏบิ ัติ องค์ประกอบของเกณฑก์ ารให้คะแนน ประกอบด้วย 1. การนิยามความหมาย (definition) เป็นการให้ความหมายของส่ิง ท่ีต้องการวัดอย่างเป็นรูปธรรม สอดคล้องกับบริบทของการวัด การนิยามความหมาย เพ่ือสร้างเคร่ืองมือวัดจะต้องเขียนในลักษณะนิยามเชิงปฏิบัติการ (operational definition) 2. รายการประเมิน (dimensions) เป็นการนานิยามเชิงปฏิบัติการ มาวิเคราะห์และกาหนดเป็นรายการพฤติกรรมท่ีจะวัดและประเมินซึ่งต้องมีความ สอดคลอ้ งกบั นิยามเชงิ ปฏิบตั ิการ 3. มาตรฐานการให้คะแนน (standards) เป็นการกาหนดระดับ คะแนนให้กับรายการประเมินแต่ละรายการท่ีมีระดับลดหล่ันกันอย่างเป็นระบบ การ ประเมินคุณธรรมจริยธรรมของผู้เรียนอาจกาหนดเกณฑ์การให้คะแนนการประเมิน คณุ ธรรมจรยิ ธรรมได้ 3 ระดับ ดงั น้ี
บทที่ 5 การประเมินหลักสตู รกบั การประเมนิ การเรยี นการสอน 155 ระดับ 3 ปฏิบตั ิในคุณธรรมจริยธรรมด้วยตนเอง โดยไม่ตอ้ งอาศยั ปัจจัยจากภายนอก และแนะนาใหบ้ ุคคลอนื่ ปฏิบัตติ าม (ให้ 3 คะแนน) ระดบั 2 ปฏบิ ัติในคณุ ธรรมจริยธรรมดว้ ยตนเอง โดยไม่ต้องอาศัยปัจจยั จากภายนอก (ให้ 2 คะแนน) ระดบั 1 ปฏบิ ัตใิ นคุณธรรมจริยธรรมโดยอาศัยปัจจัย จากภายนอก เชน่ การแนะนาให้ปฏิบัติ จากบุคคลอืน่ การบอกกล่าว (ให้ 1 คะแนน) ส่ิงสาคัญของการกาหนดเกณฑ์การให้คะแนน คือ การกาหนดมาตรฐาน การให้คะแนนท่ีมีความเป็นระบบและมีความต่อเนื่องจากระดับหน่ึงไปยังอีกระดับ หนึ่งดังแผนภาพแนวคิดการกาหนดเกณฑ์การให้คะแนนด้านคุณธรรมจริยธรรม ต่อไปน้ี
156 บทท่ี 5 การประเมนิ หลักสูตรกบั การประเมินการเรยี นการสอน ระดับ 3 ระดับ 1 ระดับ 2 ปฏบิ ัติในคุณธรรม จริยธรรม ปฏบิ ัตใิ นคณุ ธรรม ปฏิบตั ใิ นคุณธรรม จริยธรรมโดยอาศัย จรยิ ธรรม ด้วยตนเองโดยไม่อาศัย ปัจจัยจากภายนอก ปัจจัยจากภายนอก (ให้ 1 คะแนน) ดว้ ยตนเองโดยไม่อาศัย และแนะนาบุคคลอื่น ปัจจัยจากภายนอก ให้ปฏิบัติ (ให้ 2 คะแนน) (ให้ 3 คะแนน) แผนภาพ 17 แนวคดิ การกาหนดเกณฑก์ ารให้คะแนนดา้ นคุณธรรมจริยธรรม เพ่ือให้เห็นเครื่องมือวัดด้านคุณธรรมจริยธรรมของผู้เรียนอย่างชัดเจน จะนาเสนอตัวอย่างเคร่ืองมือวัดและประเมินผลด้านคุณธรรมจริยธรรมท่ีผ่านการ ตรวจสอบจากผู้เช่ียวชาญและถูกนาไปใช้ในการวัดและประเมินผลจริงในการจัดการ เรียนการสอนได้ทั้งในระดับการศึกษาขั้นพ้ืนฐานและระดับอุดมศึกษา ดังตัวอย่าง เครื่องมือวัดและประเมนิ ผลตอ่ ไปน้ี
บทที่ 5 การประเมนิ หลกั สตู รกบั การประเมินการเรยี นการสอน 157 แบบประเมนิ ความมีวนิ ัย คาชแ้ี จง เขยี นระดบั คะแนนลงในช่องรายการประเมนิ ของผเู้ รียนแตล่ ะคนให้ครบ ท้งั 3 รายการ โดยใช้เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ดังน้ี ให้ 3 คะแนน เม่ือผเู้ รียนปฏบิ ตั ิในพฤตกิ รรมทป่ี ระเมนิ อย่างสม่าเสมอ ด้วยตนเอง และแนะนา ชักชวนเพื่อนในชนั้ เรยี นให้ปฏบิ ตั ิ ให้ 2 คะแนน เม่อื ผูเ้ รยี นปฏบิ ตั ิในพฤติกรรมทป่ี ระเมนิ อยา่ งสม่าเสมอด้วยตนเอง ให้ 1 คะแนน เม่อื ผเู้ รียนปฏบิ ตั ใิ นพฤตกิ รรมทปี่ ระเมนิ เม่ือมีตัวแบบจากเพ่อื น หรอื ผู้สอน ชอ่ื – สกุล ตงั้ ใจ รายการประเมิน อดทนตอ่ สิง่ รวมคะแนน ในการเรียนรู้ ปฏิบตั งิ าน ยว่ั ยุ เตม็ ความสามารถ เกณฑ์การประเมิน 8 – 9 คะแนน ดี 5 – 7 คะแนน พอใช้ 3 – 4 คะแนน ปรับปรงุ หมายเหตุ รายการประเมนิ ทุกรายการไดม้ าจากการสังเคราะห์เอกสารต่างๆ แลว้ นามากาหนดนยิ ามศัพทเ์ ชงิ ปฏิบัติการ
158 บทที่ 5 การประเมนิ หลกั สตู รกบั การประเมนิ การเรียนการสอน แบบประเมินจิตอาสา คาช้ีแจง เขยี นระดับคะแนนลงในช่องรายการประเมินของผูเ้ รียนแตล่ ะคนให้ครบ ท้งั 4 รายการ โดยใช้เกณฑ์การใหค้ ะแนน ดังนี้ ให้ 3 คะแนน เมอื่ ผเู้ รียนปฏบิ ตั ิในพฤตกิ รรมทป่ี ระเมนิ อย่างสม่าเสมอ ด้วยตนเอง และแนะนา ชักชวนเพอ่ื นในชนั้ เรยี นให้ปฏิบตั ิ ให้ 2 คะแนน เมื่อผเู้ รียนปฏิบัติในพฤตกิ รรมทีป่ ระเมินอย่างสม่าเสมอดว้ ยตนเอง ให้ 1 คะแนน เม่อื ผเู้ รยี นปฏบิ ัติในพฤตกิ รรมท่ปี ระเมนิ เมื่อมีตวั แบบจากเพอ่ื น หรือผู้สอน รายการประเมิน รวม คะแนน ชือ่ – สกุล แบง่ ปัน ให้ความ ให้คาแนะนา ให้ความคิด สิ่งของ ชว่ ยเหลอื ทางบวก เกณฑ์การประเมนิ 11 – 12 คะแนน ดมี าก 9 – 10 คะแนน ดี 7 – 8 คะแนน พอใช้ 4 – 6 คะแนน ปรับปรงุ หมายเหตุ รายการประเมินทุกรายการไดม้ าจากการสังเคราะหเ์ อกสารต่างๆ แล้วนามากาหนดนิยามศัพทเ์ ชงิ ปฏิบัตกิ าร
บทท่ี 5 การประเมินหลักสตู รกับการประเมนิ การเรยี นการสอน 159 2) การประเมนิ ผลการเรยี นร้โู ดยใช้การถอดบทเรียน ตามหลักกาลามสตู ร การถอดบทเรียนหรือ lesson–learned เป็นกระบวนการ วิเคราะห์ภายหลังการปฏิบัติหรือการทากิจกรรมเพ่ือการจัดการความรู้ เป็นการให้ ข้อมูลป้อนกลับอย่างเป็นระบบ ต่อคณะทางานเก่ียวกับผลการปฏิบัติกิจกรรม ทด่ี าเนนิ การแลว้ ก า ร ถ อ ด บ ท เ รี ย น มุ่ ง เ น้ น ก า ร วิ เ ค ร า ะ ห์ ค ว า ม รู้ แ ล ะ ประสบการณ์หลังการปฏิบัติกิจกรรมการเรียนรู้ สามารถพัฒนาการคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์นาไปสู่การปรับปรุงและพัฒนา การปฏิบัติหรือการเรียนรู้และเป็นการ กระตุ้นใหค้ ณะทางานเกดิ ความตนื่ ตวั และมคี วามรสู้ ึกผูกพันอยูก่ บั งานและการเรยี นรู้ ส่วนหลักกาลามสูตรเป็นหลักธรรมคาสอนของพระพุทธเจ้า ที่ไม่ให้เชื่อถือ ส่ิงใดอย่างงมงายไร้เหตุผลไม่ว่าจะเป็นเพราะด้วยการฟังตามกันมา การถือสืบต่อกันมา การเล่าลือกันมา การอ้างตาราหรือคัมภีร์ การใช้ตรรกะ การอนุมาน การคิดตรองตามแนวเหตุผล การเข้ากันได้กับทฤษฎีของตน การมองเห็น รูปลักษณะน่าเชื่อและการนับถือว่าเป็นผู้สอนของตนเอง แต่ให้พิจารณาไตร่ตรองหรือ ทดลองปฏบิ ัตดิ กู ่อนจนถา้ ม่นั ใจว่าส่ิงน้ันเป็นสง่ิ ที่ถูกต้องดีงามแล้วจงึ เชอื่ หรือปฏบิ ัติตาม การประเมินผลการเรียนรู้โดยใช้การถอดบทเรียนและหลัก กาลามสูตรเป็นกิจกรรมที่ผู้เขียนได้ให้นิสิตระดับปริญญาเอกสาขาวิชาการบริหาร การศึกษา และสาขาการวิจัยและพัฒนาหลักสูตร มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปฏิบัติการถอดบทเรียนหลังการเรียนการสอนแต่ละคร้ัง มาตั้งแต่ปีการศึกษา 2552 จนถึงปัจจุบัน โดยได้พัฒนาใบงานการถอดบทเรียนตามหลักกาลามสูตรดังน้ี (วิชัย วงษใ์ หญ่ และมารตุ พัฒผล. 2554ข)
160 บทท่ี 5 การประเมินหลกั สตู รกับการประเมินการเรียนการสอน ใบงานการถอดบทเรยี น คาชี้แจง ให้ผ้เู รยี นทบทวนถงึ สาระและกิจกรรมการเรยี นรู้และถอดบทเรียน ลงในตารางแลว้ นามาแลกเปลีย่ นเรียนรูก้ ับเพือ่ น ประเดน็ การถอดบทเรยี น บทเรียนที่ผเู้ รียนไดร้ บั สิ่งท่ีคาดหวังในการเขา้ รว่ มกิจกรรม ........................................................................ การเรียนรู้คืออะไร ........................................................................ ........................................................................ ส่ิงท่ไี ด้เรยี นรูใ้ นวนั นคี้ ืออะไร ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ เช่อื ในสง่ิ ทไ่ี ดเ้ รียนร้จู ากโค้ชหรือไม่ ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ ถา้ เชือ่ เชือ่ อย่างไร เพราะเหตใุ ด ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ เพราะเหตุใดจึงคิดว่าสงิ่ ทไี่ ดร้ ับ ........................................................................ จากโค้ชเปน็ สง่ิ ทีถ่ ูกตอ้ ง ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................ ถ้าไม่เชื่อ มีสาเหตมุ าจากอะไร ........................................................................ ........................................................................ ทาไมจงึ คดิ ว่าส่ิงท่ผี ้สู อนพดู ไม่ถูกต้อง ........................................................................ ........................................................................ ........................................................................
บทท่ี 5 การประเมนิ หลกั สตู รกับการประเมนิ การเรยี นการสอน 161 ผลการเก็บรวบรวมข้อมูลจากเอกสารการถอดบทเรียนของนิสิตและนามา ประเมินผลการเรียนรู้ พบว่า กิจกรรมการถอดบทเรียนทาให้นิสิตมีความรับผิดชอบ ในการเรียนรู้ของตนเองได้เป็นอย่างดี เพราะผลจาการท่ีแต่ละคนถอดบทเรียนจะ นามาแลกเปลยี่ นเรียนร้กู ับเพ่ือนร่วมชั้นเรยี นจึงทาใหต้ ้องใช้ความพยายามในการเรียนรู้ และการศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองอย่างต่อเนื่อง ผู้เรียนต้ังใจและจดจ่ออยู่กับกิจกรรม การเรียนรู้โดยไม่มีการนากิจกรรมอื่นมาทาในช้ันเรียนขณะท่ีมีการบรรยาย นอกจากนี้ ผู้เรียนหลายคนได้รายงานตนเองสอดคล้องกันว่าต้องมีสติและสมาธิในการเรียนเ พราะ ต้องถอดบทเรียนและทาให้ต้องคิดวิเคราะห์ สังเคราะห์ คิดวิจารณญาณใช้เหตุผล ทบทวนบทเรียนและสรุปสาระสาคัญ รวมทั้งต้องศึกษาค้นคว้าและเรียนรู้ด้วยตนเอง มากข้ึน นอกจากน้ียังทาให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับบุคคลอื่นอีกด้วย ดังตัวอย่าง ข้อความการถอดบทเรยี นของนสิ ิตทง้ั 2 สาขาวชิ า ดงั ตอ่ ไปน้ี (วชิ ัย วงษ์ใหญ่ และมารุต พัฒผล. 2554ข) “กิจกรรมการถอดบทเรียนเหมาะสาหรับการเรียนรู้ในยุคปฏิรูป การศึกษารอบสอง เป็นอย่างย่ิง ... บทบาทของผู้เรียนเปล่ียนไป จะต้องเรียนรู้พร้อมๆ กับการฝึกทักษะการคิด ฝึกการจับประเด็นของเน้ือหาสาระในแต่ละครั้ง ต้องพยายาม ทาความเข้าใจบทเรียน ต้องมีสมาธิในการเรียน ต้องสามารถคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ บทเรียนในแตล่ ะครัง้ ” “กิจกรรมการถอดบทเรียนทาให้ผู้เรียนได้รับทักษะในการสังเคราะห์ และการสรปุ สาระสาคญั ของบทเรยี น” “ก า ร ท่ี ผู้ ส อ น ม อ บ ห ม า ย ใ ห้ ถ อ ด บ ท เ รี ย น ทุ ก ค ร้ั ง ท า ใ ห้ ข้ า พ เ จ้ า ได้แลกเปลย่ี นเรียนรูก้ บั บคุ คลอ่นื มากมาย”
162 บทท่ี 5 การประเมนิ หลกั สตู รกับการประเมินการเรยี นการสอน “การถอดบทเรียนเป็นกระบวนการที่ทาให้เราได้รวบรวม ประมวล ความรู้ที่ได้เรียนไปว่าในแต่ละคร้ังนั้น เราได้เรียนรู้อะไรไปบ้าง เป็นการสรุปภาพรวม ของการเรียนรใู้ นครั้งนั้นและที่สาคัญมันยังเป็นตัวบอกให้เราทราบว่าในการเรียนแต่ละ ครั้งนั้นมสี งิ่ ใดบ้างท่ีเรายังคลุมเครือต้องแสวงหาความรู้เพิ่มเติมเต็มส่ิงที่ขาดหายไปโดย สว่ นตัวแล้วชอบมากคะ่ ” “คาถามส่วนใหญ่เปน็ การถามเรอื่ ง “ความเช่อื ” และ “ความถูกต้อง” ขององค์ความรู้ทไี่ ด้รบั ข้าพเจา้ เชอ่ื ว่าอาจารยต์ ้องการให้เรารู้จักไตร่ตรองในองค์ความรู้ ทีไ่ ดร้ ับและหากจะเชอ่ื อะไรกต็ อ้ งมีเหตุของความเช่อื น้นั ๆ สิ่งที่ได้ฝึกฝนน้ี ทาให้ข้าพเจ้า เกิดวิจารณญาณในการเชื่อมากขึ้น การทาเช่นน้ีทาให้เราไม่ประมาท และก่อนจะตอบ วา่ “เชอื่ ” หรอื “ไมเ่ ชื่อ” ย่อมมเี หตุผลเสมอ” จากการใหน้ ิสิตถอดบทเรยี นดังกล่าวทาใหพ้ บวา่ การใช้กิจกรรมการถอด บทเรียนตามหลกั กาลามสูตรทาให้นิสิตเกิดการเรยี นรู้ 5 ด้าน ได้แก่ 1) การมีสติและ สมาธิอยูก่ บั กิจกรรมการเรียนรู้ 2) การทบทวนบทเรียนและใชก้ ารคิดเชิงเหตุผลสรุป สาระสาคัญ 3) ศึกษาค้นคว้าและเรียนรู้ด้วยตนเอง 4) การคิดวิเคราะห์สังเคราะห์ วจิ ารณญาณ และ 5) การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 3) การพฒั นาเคร่ืองมอื วดั และประเมนิ ผลลพั ธ์การเรียนรู้ ของนักศึกษาวทิ ยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สถาบันพระบรมราชชนก วิทยาลยั พยาบาลบรมราชชนนี ในสงั กดั สถาบันพระบรมราชชนก สานักงานปลัดกระทรวง กระทรวงสาธารณสุข ได้ดาเนินการพัฒนาเคร่ืองมือวัดและ ป ร ะเ มิน ผ ล ก าร เ รี ย น รู้ ต า มม าต ร ฐ าน ผ ล ก าร เ รี ย น รู้ คุณ วุ ฒิ ร ะ ดั บ ป ริ ญ ญา ต รี ส า ข า
บทที่ 5 การประเมินหลักสตู รกับการประเมินการเรยี นการสอน 163 พยาบาลศาสตร์ พ.ศ.2552 ขึ้นในปี พ.ศ. 2555 เพื่อใช้เป็นเคร่ืองมือวัดและประเมินผล การเรียนรู้ จานวน 6 ด้าน ได้แก่ 1) ด้านคุณธรรมจริยธรรม 2) ด้านความรู้ 3) ด้าน ทักษะทางปัญญา 4) ด้านทักษะความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลและความรับผิดชอบ 5) ด้านทักษะการวิเคราะห์เชิงตัวเลข การสื่อสาร และเทคโนโลยีสารสนเทศ และ 6) ด้านทกั ษะการปฏิบตั ทิ างวิชาชีพ เพอ่ื นาไปใช้สาหรับวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี ทุกวิทยาลัย สืบเนื่องมาจากการปรับปรุงหลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต (หลักสูตร ปรับปรุง พ.ศ. 2554) และความมุ่งหมายท่ีต้องการให้ทุกวิทยาลัย ในสังกัดมีเครื่องมือ วัดและประเมินผลการเรียนรู้ที่แต่ละวิทยาลัยสามารถนาไปใช้หรือปรับประยุกต์ใช้ ควบคู่กับการจัดการเรียนการสอนในแต่ละรายวิชาเพ่ือนาผลการประเมินมาปรับปรุง และพัฒนาคุณภาพการจัดการเรียนการสอนรวมท้ังคุณภาพผู้เรียน ส่งผลให้บัณฑิตมี คุณภาพได้มาตรฐานใกล้เคียงกับมาตรฐานสากลและความคาดหวังของสภาวิชาชีพ พยาบาล โดยได้รับความร่วมมือจากคณะอาจารย์ ของวิทยาลัยพยาบาลบรม ราชชนนใี นสังกัดสถาบันพระบรมราชชนกทุกแห่ง ฝ่ายพัฒนาหลักสูตรพยาบาลศาสตร์ กลุ่มพัฒนาการศึกษา เพื่อให้วิทยาลัยสามารถนาไปใช้ในการประเมินผลการเรียนรู้ ได้อย่างมปี ระสิทธภิ าพ กระบวนการจัดทาเครื่องมือวัดมีการดาเนินการทั้งในระดับสถาบัน และระดบั วิทยาลยั โดยระดบั สถาบันมกี ารดาเนนิ การ 4 ระยะ ได้แก่ 1) การเตรียมความพรอ้ มให้กบั อาจารยข์ องแต่ละวิทยาลัยด้าน การวัดและประเมินผลการศึกษาตามมาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาตรี สาขา พยาบาลศาสตร์ พ.ศ. 2552 ทง้ั 6 ด้าน 2) ยกร่างเคร่ืองมือวัดและประเมินผลครอบคลุมมาตรฐานผล การเรียนรู้ท้ัง 6 ด้าน ในลักษณะของเครื่องมือวัดและประเมินผลกลางที่แต่ละวิทยาลัย สามารถนาไปใชแ้ ละปรบั ประยุกต์ใช้ได้ 3) ดาเนนิ การตรวจสอบคุณภาพเบอื้ งต้นโดยการใหผ้ ู้เช่ียวชาญ ด้านการวัดและประเมินผลทง้ั ภายในและภายนอกสถาบันพระบรมราชชนก
164 บทท่ี 5 การประเมนิ หลักสตู รกับการประเมนิ การเรียนการสอน 4) การทดลองใช้เคร่ืองมือวัดและประเมินผลในแต่ละวิทยาลัย แล้วนามาปรับปรุงแก้ไข ส่วนในระดับวิทยาลัยได้นาเครื่องมือวัดและประเมินผลการ เรยี นรทู้ ี่รว่ มกันสร้างขึ้นไปทดลองใชใ้ นบริบทสภาพจริง แสดงไดด้ ังแผนภาพต่อไปน้ี ข้ันตอนการดาเนินงานการสรา้ งเครอ่ื งมือวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ตามมาตรฐานคณุ วุฒริ ะดับปริญญาตรีสาขาพยาบาลศาสตร์ พ.ศ. 2552 ระดบั สถาบัน นโยบายการวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ตามมาตรฐานคณุ วุฒริ ะดบั ปรญิ ญาตรี สาขาพยาบาลศาสตร์ พ.ศ. 2552 ของสถาบนั พระบรมราชชนก จดั ทาโครงการพฒั นาสมรรถนะอาจารยด์ า้ นการวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ตามมาตรฐานคณุ วฒุ ิ ระดับปรญิ ญาตรีสาขาพยาบาลศาสตร์ พ.ศ. 2552 ของสถาบนั พระบรมราชชนก การเตรยี มความพรอ้ มอาจารยด์ ้านการวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ตามมาตรฐานคณุ วฒุ ริ ะดับปรญิ ญาตรสี าขาพยาบาลศาสตร์ พ.ศ. 2552 ทง้ั 6 ด้าน ยกรา่ งเครื่องมือวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรเู้ ครือ่ งมือวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ตรวจสอบคณุ ภาพเครื่องมอื วดั และประเมินผลการเรยี นรู้ โดยผเู้ ช่ยี วชาญทง้ั ภายในและภายนอกสถาบนั พระบรมราชชนก ปรบั ปรุงแกไ้ ขเคร่อื งมือวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ตามมาตรฐานคณุ วฒุ ิระดบั ปรญิ ญาตรีสาขาพยาบาลศาสตร์ พ.ศ. 2552 ท้ัง 6 ดา้ น ประสานวทิ ยาลยั เพ่ือนาเครือ่ งมือไปทดลองใช้ แผนภาพ 18 ข้นั ตอนการดาเนนิ งานการสรา้ งเครื่องมือวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ตามมาตรฐานคุณวฒุ ริ ะดับปริญญาตรสี าขาพยาบาลศาสตร์ พ.ศ. 2552 ระดบั สถาบัน
บทที่ 5 การประเมินหลักสตู รกบั การประเมนิ การเรยี นการสอน 165 ขัน้ ตอนการดาเนินงานการสรา้ งเครอ่ื งมอื วดั และประเมินผลการเรียนรู้ ตามมาตรฐานคณุ วุฒริ ะดบั ปริญญาตรีสาขาพยาบาลศาสตร์ พ.ศ. 2552 ระดับวทิ ยาลัย นโยบายการวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามมาตรฐานคณุ วฒุ ิระดบั ปรญิ ญาตรี สาขาพยาบาลศาสตร์ พ.ศ. 2552 ระดบั วทิ ยาลยั ฝา่ ยวิชาการรบั ทราบ และประชมุ คณะกรรมการวชิ าการ กาหนดรายวิชาทีท่ ดลองใช้เคร่อื งมอื วดั และประเมินผลทุกฉบับ มอบหวั หนา้ ภาคดาเนนิ การ กาหนดผูร้ ับผิดชอบภารกจิ ดาเนินการทดลองใช้เครอื่ งมอื และบนั ทกึ ผลการทดลองใช้ สรุปรายงานผลการทดลองใชใ้ หห้ ัวหน้าภาคและรวบรวมสง่ ให้กับฝ่ายวิชาการ ประชุมคณะกรรมการวชิ าการสรปุ ผลการทดลองใชเ้ ครื่องมือ และจดั ทารายงานผลการทดลองใชเ้ ครอ่ื งมือรวมทงั้ ประเดน็ การปรบั ปรุงแกไ้ ข รายงานผลไปยงั ส่วนพัฒนาการศกึ ษาสถาบันพระบรมราชชนก แผนภาพ 19 ขนั้ ตอนการดาเนินงานการสร้างเคร่ืองมอื วัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ตามมาตรฐานคุณวุฒริ ะดบั ปรญิ ญาตรสี าขาพยาบาลศาสตร์ พ.ศ. 2552 ระดบั วทิ ยาลยั
166 บทที่ 5 การประเมินหลักสูตรกบั การประเมินการเรยี นการสอน สาหรบั การดาเนินการจัดทาเคร่ืองมือวัดและประเมินผลดังกล่าวทีมทางาน ได้มีการออกแบบบทปฏิบัติการสร้างเครื่องมือวัดและประเมินผลโดยใช้บทปฏิบัติการ พัฒนาเครื่องมือวัดและประเมินผลตามมาตรฐานคุณวุฒิระดับปริญญาตรี สาขา พยาบาลศาสตร์ พ.ศ. 2552 ดงั นี้ บทปฏบิ ตั กิ ารพัฒนาเครื่องมือวัดและประเมินผล ตามมาตรฐานคณุ วฒุ ริ ะดบั ปรญิ ญาตรี สาขาพยาบาลศาสตร์ พ.ศ. 2552 คาชีแ้ จง ให้อาจารย์ผเู้ ขา้ รว่ มการสมั มนาปฏิบัตกิ จิ กรรมการพัฒนาเคร่อื งมือวัด และประเมินผลตามมาตรฐานคณุ วุฒริ ะดบั ปริญญาตรี สาขาพยาบาลศาสตร์ พ.ศ. 2552 ตามลาดบั ขนั้ ตอนตอ่ ไปนี้ 1. การตรวจสอบความสอดคล้องระหวา่ งจุดประสงคร์ ายวชิ ากบั ตัวชี้วัดคุณลกั ษณะ ทพ่ี งึ ประสงค์ ในแผนทกี่ ระจายความรบั ผดิ ชอบมาตรฐานผลการเรียนรู้จากหลักสูตร สู่รายวชิ า (curriculum mapping) (ใช้ใบงานที่ 1 การตรวจสอบความสอดคล้องระหว่างตัวช้วี ัดคณุ ลกั ษณะที่พงึ ประสงค์ในแผนท่กี ระจายความรบั ผดิ ชอบมาตรฐานผลการเรยี นรจู้ ากหลักสูตร ส่รู ายวชิ า) 2. การจัดทาพมิ พเ์ ขยี วการวดั และประเมินผลรายวชิ า (ใชใ้ บงานท่ี 2 การจัดทาพิมพเ์ ขยี วการวดั และประเมนิ ผลรายวิชา) 3. การสรา้ งเคร่ืองมือวดั ฉบับรา่ ง และตรวจสอบคณุ ภาพ (ใชใ้ บงานที่ 3 การสรา้ งเครื่องมือวัดฉบับรา่ งและตรวจสอบคณุ ภาพ) 4. การจดั ทาเครอ่ื งมือวัดที่สมบรู ณ์ (ใชใ้ บงานท่ี 4 การจดั ทาเคร่ืองมือวัดท่สี มบรู ณ์)
บทที่ 5 การประเมนิ หลกั สตู รกบั การประเมนิ การเรยี นการสอน 167 ใบงานที่ 1 การวเิ คราะห์สังเคราะห์คุณลกั ษณะบัณฑติ ท่ีพึงประสงค์ ในตวั ช้ีวัดมาตรฐานผลการเรยี นร้ขู อง curriculum mapping วัตถุประสงค์ เพอ่ื ใหอ้ าจารย์ทาการวเิ คราะห์สังเคราะห์คุณลกั ษณะบณั ฑิต ทีพ่ ึงประสงค์จากตวั ช้ีวัดมาตรฐานผลการเรียนร้ใู น curriculum mapping คาช้แี จง โปรดศกึ ษาและวเิ คราะหส์ ังเคราะหค์ ุณลักษณะบัณฑติ ท่ีพึงประสงค์ ในตัวชว้ี ัดมาตรฐานผลการเรยี นร้ใู น curriculum mapping แลว้ เขยี นคณุ ลกั ษณะบัณฑิตทีพ่ ึงประสงค์ในแตล่ ะมาตรฐาน ผลการเรียนรู้ใหค้ รบถ้วนทง้ั 6 ดา้ น ตวั ชี้วดั มาตรฐานผลการเรยี นร้ใู น คุณลักษณะบณั ฑติ ทีพ่ งึ ประสงค์ curriculum mapping ด้านความรู้ ตัวชวี้ ดั มาตรฐานผลการเรยี นรทู้ ่ี 1 ตวั ชี้วัดมาตรฐานผลการเรียนรทู้ ่ี 2 ตวั ชว้ี ัดมาตรฐานผลการเรียนรทู้ ่ี ... ดา้ นคณุ ธรรมจริยธรรม ตัวช้วี ดั มาตรฐานผลการเรยี นรทู้ ่ี 1 ตวั ชว้ี ดั มาตรฐานผลการเรยี นรทู้ ่ี 2 ตวั ชว้ี ัดมาตรฐานผลการเรียนรทู้ ่ี ... ด้านทักษะทางปญั ญา ตัวชว้ี ดั มาตรฐานผลการเรยี นร้ทู ่ี 1 ตัวชว้ี ัดมาตรฐานผลการเรียนรู้ท่ี 2 ตัวชว้ี ัดมาตรฐานผลการเรียนร้ทู ี่ ...
168 บทที่ 5 การประเมินหลักสูตรกบั การประเมินการเรยี นการสอน ตัวชว้ี ดั มาตรฐานผลการเรียนรูใ้ น คณุ ลักษณะบณั ฑติ ท่ีพึงประสงค์ curriculum mapping ด้านความสมั พันธ์ระหว่างบคุ คลและความ รบั ผิดชอบ ตวั ช้ีวดั มาตรฐานผลการเรยี นรู้ท่ี 1 ตวั ช้ีวดั มาตรฐานผลการเรียนรู้ที่ 2 ตวั ชีว้ ัดมาตรฐานผลการเรียนรทู้ ี่ ... ดา้ นทักษะการวิเคราะหเ์ ชงิ ตัวเลข การสือ่ สาร และการใชเ้ ทคโนโลยีสารสนเทศ ตวั ชี้วัดมาตรฐานผลการเรยี นรทู้ ่ี 1 ตวั ชว้ี ดั มาตรฐานผลการเรียนรทู้ ่ี 2 ตัวชี้วัดมาตรฐานผลการเรยี นรู้ที่ ... ด้านทกั ษะการปฏบิ ตั ิการพยาบาล ตวั ชว้ี ัดมาตรฐานผลการเรียนรทู้ ี่ 1 ตวั ช้วี ดั มาตรฐานผลการเรยี นรู้ท่ี 2 ตวั ช้ีวดั มาตรฐานผลการเรียนรทู้ ่ี ...
บทที่ 5 การประเมินหลกั สตู รกับการประเมนิ การเรยี นการสอน 169 ใบงานที่ 2 การจัดทาพิมพ์เขียวการวัดและประเมนิ ผล วตั ถุประสงค์ เพอื่ ใหอ้ าจารยจ์ ัดทาพิมพ์เขยี วการวัดและประเมนิ ผลคุณลักษณะ บณั ฑิตท่ีพึงประสงค์ที่สะท้อนตวั ช้ีวดั มาตรฐานผลการเรยี นรู้ ใน curriculum mapping คาช้ีแจง โปรดจดั ทาพิมพ์เขียวการวัดและประเมนิ ผลคุณลักษณะบัณฑติ ท่ีพงึ ประสงคแ์ ละระบุนิยามปฏิบัตกิ าร วิธีการวัด เครือ่ งมือวดั แหล่งขอ้ มลู และเกณฑ์การประเมิน คณุ ลักษณะบณั ฑติ ท่ีพงึ ประสงค์ วธิ ีการวดั เครอ่ื งมือวัด แหลง่ ข้อมูล เกณฑ์ และนยิ ามปฏิบตั ิการ การประเมนิ
170 บทท่ี 5 การประเมนิ หลกั สูตรกบั การประเมนิ การเรยี นการสอน ใบงานที่ 3 การสรา้ งเครื่องมือวัดฉบับร่างและตรวจสอบคุณภาพ วตั ถปุ ระสงค์ เพ่ือให้อาจารยแ์ บ่งกลุ่มตามความถนัดและความสนใจแล้วจัดทา เคร่ืองมือวัดฉบบั รา่ ง คาช้ีแจง โปรดจัดทาเครอื่ งมือวดั ฉบับร่าง จาแนกการสรา้ งเครื่องมือวัดออกเป็น 2 ลกั ษณะ ไดแ้ ก่ เคร่ืองมือวดั ประเภทแบบทดสอบและเครอ่ื งมือวดั ชนิดท่ไี ม่ใชแ่ บบทดสอบ แล้วนาไปตรวจสอบคุณภาพ 1. เคร่อื งมือวัดประเภทแบบทดสอบ โปรดจดั ทาพมิ พเ์ ขียวการสร้างแบบทดสอบ (test blueprint) โดยระบสุ าระสาคญั (main concept) ทจ่ี ะทดสอบและกาหนด ระดับขนั้ การคดิ และคะแนนคา่ น้าหนกั ความสาคัญของระดับข้ันการคดิ และคานวณจานวนข้อสอบท่ีจะต้องสร้างโดยเขียนวงเล็บไวใ้ ตค้ า่ นา้ หนัก และเม่ือจัดทาพมิ พ์เขียวเสร็จแลว้ ใหด้ าเนินการสรา้ งแบบทดสอบ สูตรคานวณ จานวนข้อสอบทต่ี ้องสรา้ ง = (นา้ หนักความสาคัญ X จานวนข้อสอบท้งั ฉบบั ท่ตี ้องการ) คะแนนรวมนา้ หนักความสาคัญ
บทท่ี 5 การประเมนิ หลักสตู รกับการประเมินการเรยี นการสอน 171 ระดับขั้นการคดิ รวมคะแนน นา้ หนกั สาระสาคญั (ระบนุ ้าหนักความสาคญั ของแต่ละสาระสาคัญ (main ความสาคญั ในแต่ละระดับขน้ั การคิด แนวตั้ง concepts) แนวนอน เฉพาะเท่าทตี่ ้องการสรา้ งขอ้ สอบ คะแนนเต็ม 10 คะแนน) ความ ความ นาไปใช้ วเิ คราะห์ ประเมนิ ค่า สรา้ งสรรค์ จา เขา้ ใจ รวมคะแนน คะแนนรวม นา้ หนัก นา้ หนกั ความสาคญั ความสาคัญ แนวต้ัง = ..............
172 บทที่ 5 การประเมินหลกั สูตรกบั การประเมินการเรยี นการสอน 2. เครอ่ื งมือวัดทไ่ี มใ่ ชแ่ บบทดสอบ โปรดนยิ ามเชิงปฏบิ ัตกิ ารคณุ ลกั ษณะบณั ฑิต ทพี่ ึงประสงค์ที่ต้องการวดั ครอบคลมุ มาตรฐานผลการเรยี นรู้ทง้ั 6 ดา้ น จากการสังเคราะหเ์ อกสารและงานวจิ ัยท่ีเกี่ยวข้อง คุณลักษณะบณั ฑติ ทพี่ ึงประสงค์ นยิ ามศพั ทเ์ ชงิ ปฏบิ ัติการ (องคป์ ระกอบนิยามเชิงปฏิบตั กิ าร ท่ีตอ้ งการวดั 1) ความหมายเชิงทฤษฎี 2) ตัวชี้วดั เชงิ พฤติกรรม 3) วธิ กี ารวดั ) องคป์ ระกอบของเครือ่ งมอื วัด 1) ช่ือเครื่องมือวดั 2) คาช้ีแจง 3) เกณฑ์การให้คะแนน 4) สว่ นบันทึกผล 5) เกณฑ์การประเมนิ
บทที่ 5 การประเมนิ หลักสตู รกับการประเมินการเรยี นการสอน 173 ตัวอย่างแบบประเมนิ พฤตกิ รรมการใชก้ ระบวนการพยาบาล คาช้ีแจง 1. แบบประเมินน้ีใชป้ ระเมินพฤติกรรมการใช้กระบวนการพยาบาล ของนักศึกษาพยาบาล 2. บนั ทกึ ระดบั คะแนนลงในชอ่ งผลการประเมินโดยใชเ้ กณฑ์การให้คะแนน ดงั นี้ ให้ 3 คะแนน เมอ่ื นักศกึ ษาสามารถปฏิบัติได้ดว้ ยตนเอง ถูกตอ้ ง เปน็ ตัวแบบของเพ่ือนได้ ให้ 2 คะแนน เม่อื นกั ศึกษาปฏิบัติได้ แต่ตอ้ งไดร้ ับคาแนะนาเพ่มิ เติม ให้ 1 คะแนน เม่อื ปฏบิ ตั ิได้เมื่อได้รบั การแสดงตัวอย่างและคาแนะนาเพ่ิมเตมิ ช่อื – สกลุ การประเมิน ผลการประเมิน การประเมนิ รวม ผ้ปู ่วยแรกรบั ผลการ การวินจิ ฉยั การวางแผน กิจกรรม พยาบาล ทางการ การพยาบาล การพยาบาล พยาบาล เกณฑ์การประเมิน 8 – 10 ผ่าน 5 – 7 ปรับปรงุ 14 – 15 ดมี าก 11 – 13 ดี
174 บทท่ี 5 การประเมินหลกั สูตรกับการประเมนิ การเรียนการสอน แบบตรวจสอบคณุ ภาพเครอ่ื งมือวัด คาชีแ้ จง โปรดบันทึกผลการตรวจสอบคุณภาพเครอ่ื งมือวดั ทกุ ฉบับ เคร่ืองมอื วัด ข้อเสนอแนะจากผเู้ ชยี่ วชาญ ผลการทดลองใช้ภาคสนาม และการปรับปรงุ แกไ้ ข และการปรับปรงุ แกไ้ ข
บทที่ 5 การประเมินหลักสตู รกบั การประเมนิ การเรยี นการสอน 175 ใบงานที่ 4 การจัดทาเครื่องมอื วดั ที่สมบูรณ์ คาชี้แจง โปรดนาผลการตรวจสอบคุณภาพเครอื่ งมือวัดมาปรบั ปรงุ แกไ้ ขและจัดทา เป็นเครอื่ งมอื วดั ทีส่ มบูรณท์ ีแ่ ตล่ ะวทิ ยาลยั สามารถนาไปใช้ หรอื ปรับประยุกตใ์ ชไ้ ด้ ตวั อยา่ งเครอ่ื งมือวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ตามมาตรฐานคณุ วฒุ ริ ะดับปริญญาตรี สาขาพยาบาลศาสตร์ พ.ศ. 2552 ของวิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี สถาบนั พระบรมราชชนก ฉบบั ทที่ ดลองใช้ภาคสนามในวิทยาลัยตา่ งๆ แบบประเมินการเคารพในคณุ ค่าและศกั ด์ิศรคี วามเป็นมนษุ ย์ นิยามปฏบิ ตั กิ าร การเคารพในคณุ ค่าและศกั ดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หมายถึง การแสดงออกถึง การยอมรับและเคารพในคุณค่าความเป็นปัจเจกบุคคลของนักศึกษาพยาบาล โดยคานึงถึงความแตกต่างด้านถิ่นกาเนิด เชื้อชาติ ศาสนา ภาษา เพศ อายุ สถานภาพ ทางสังคม เศรษฐกิจ ค่านิยม ความเช่ือ การศึกษาอบรม วัฒนธรรม ยอมรับ และไม่ ด่วนสรุปความคิดเห็น หรือตัดสินพฤติกรรมของบุคคล ซ่ึงประเมินได้โดยใช้เกณฑ์การ ให้คะแนน 4 ระดบั คาชแี้ จง โปรดทาเครอ่ื งหมาย ลงในชอ่ งระดบั การประเมินโดยมีเกณฑด์ ังน้ี ให้ 4 คะแนน เมอ่ื นักศึกษาปฏิบัตดิ ้วยตนเอง ชักชวนผ้อู ืน่ ใหป้ ฏบิ ัติ และเป็นแบบอย่างใหก้ บั เพื่อน ให้ 3 คะแนน เม่ือนกั ศึกษาปฏิบตั ดิ ว้ ยตนเองและชกั ชวนผู้อื่นใหป้ ฏิบัติ ให้ 2 คะแนน เมื่อนักศึกษาปฏบิ ัตดิ ้วยตนเอง ให้ 1 คะแนน เมื่อนักศึกษาปฏิบัตเิ ม่อื ไดร้ บั คาแนะนา
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 638
Pages: