Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอน ป.4

แผนการสอน ป.4

Published by rit22juree, 2020-08-10 10:24:03

Description: แผนการสอน ป.4

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 1 สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์ รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรียนที่ 1 ปกี ารศกึ ษา 2561 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เร่อื ง ปฐมนเิ ทศและข้อตกลงในการเรียน เวลา 1 ชัว่ โมง วนั ท่.ี ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครผู สู้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ - 2. ตวั ชี้วดั ชนั้ ปี - 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. มคี วามรูค้ วามเข้าใจแนวทางการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เจตคติต่อวิชาวิทยาศาสตร์ และการวัด และประเมินผลวิชาวิทยาศาสตร์ (K) 2. ช้แี จงเจตคติท่มี ตี ่อวทิ ยาศาสตร์ได้ (A) 3. สอ่ื สารและนําความรู้ความเข้าใจเจตคติตอ่ วิชาวิทยาศาสตร์ไปใช้ในชวี ติ ประจําวนั ได้ (P) 4. สาระสาคัญ การปฐมนิเทศเปน็ การสร้างความเข้าใจอันดีต่อกันระหว่างครูกับนักเรียน เป็นการตกลงกันในเบื้องต้น ก่อนทจี่ ะเรม่ิ การเรียนการสอน ครูไดร้ ู้จักนกั เรียนดียิ่งข้ึน รับทราบความต้องการ ความรู้สึก และเจตคติต่อวิชา ท่เี รียน ในขณะเดียวกันนกั เรียนได้ทราบความต้องการของครู แนวทางในการจัดการเรียนการสอน และการวัด และประเมินผล สิง่ ต่างๆ ดงั กลา่ วจะนาํ ไปสกู่ ารเรยี นการสอนที่มีประสิทธิภาพ ครูสามารถจัดกิจกรรมการเรียน การสอนได้อยา่ งเหมาะสม ช่วยใหน้ กั เรียนคลายความวิตกกังวล สามารถเรียนไดอ้ ย่างมคี วามสขุ อันจะส่งผลให้ นกั เรยี นประสบความสาํ เร็จบรรลตุ ามเปาู หมายท่ีไดก้ าํ หนดไว้ 5. สาระการเรียนรู้ การปฐมนิเทศ - แนวทางการจดั การเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์ - เจตคติต่อวิชาวทิ ยาศาสตร์ - การวดั และประเมนิ ผลวิชาวทิ ยาศาสตร์ 6. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝุเรยี นรู้ 3. มงุ่ มั่นในการทาํ งาน 4. มีจติ วิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 7. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น ความสามารถในการสื่อสาร 8. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน - 9. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นาเขา้ สบู่ ทเรียน 1) ครูแนะนาํ ตนเองแล้วให้นกั เรยี นในหอ้ งเรยี นแนะนําตนเองทุกคน 2) ครูอาจให้นักเรียนแนะนําทีละกลุ่มตัวอักษร หรือตามลําดับหมายเลขประจําตัว หรือตามแถวที่น่ัง ตามความเหมาะสม ขั้นจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ 1) ครนู าํ ผลงานทางวิทยาศาสตรท์ ี่มีอยู่ในชุมชน (ใช้ของจริงหรือรูปภาพก็ได้) แล้วให้นักเรียนอภิปราย ร่วมกันวา่ ผลงานดงั กลา่ วเกดิ ขึ้นได้อย่างไร และมีความสาํ คญั อย่างไร 2) ให้นักเรียนยกตัวอย่างผลงานทางวิทยาศาสตร์คนละ 1 ตัวอย่าง พร้อมกับแสดงความคิดเห็นว่า เก่ียวข้องกบั วิทยาศาสตรอ์ ย่างไร 3) ให้นักเรียนอภิปรายร่วมกันว่า การเรียนด้วยวิธีการ ให้นักเรียนค้นหาคาตอบด้วยตนเอง ด้วย การศกึ ษาค้นคว้า ทดลอง ปฏบิ ตั จิ รงิ มปี ระโยชน์หรอื ไม่ อย่างไร 4) ครูเปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนซักถามปญั หาเพอ่ื ทาความเขา้ ใจรว่ มกัน 5) ครูแนะนาวธิ ีการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ว่านกั เรยี นมีวธิ กี ารเรียนรู้หลายรปู แบบ เชน่ – ลงมือปฏิบัติกจิ กรรมท่บี า้ นและที่โรงเรยี น – สบื ค้นขอ้ มลู จากแหลง่ การเรียนรตู้ า่ งๆ – อภปิ รายกลุ่มยอ่ ย – แสวงหาความรู้ดว้ ยตนเอง 6) ครูถามความคิดเห็นของนักเรียนเกี่ยวกับการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ว่า การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ให้ ประสบความสําเร็จตอ้ งมลี กั ษณะนิสยั อย่างไร 7) ครูให้นักเรียนร่วมกันตอบคาถามและแสดงความคิดเห็น (แนวคําตอบ 1. ช่างสังเกต เพราะการ สังเกตทําให้ค้นพบส่ิงใหม่ๆ ซ่ึงนําไปสู่การค้นพบความรู้ใหม่ 2. อยากรู้อยากเห็น เพราะการเป็นคนอยากรู้ อยากเห็น ช่างคดิ ช่างสงสัย มกั คดิ ต้ังคาํ ถามเพอ่ื คน้ หาํ คําตอบ ลักษณะนิสัยแบบนี้นําไปสู่การค้นพบความรู้ใหม่ เสมอ 3. มเี หตุผลเพราะความรูท้ างวิทยาศาสตร์ต้องอธิบายด้วยเหตุและผล เมื่อได้ความรู้ใหม่ต้องอธิบายได้ว่า ผลท่ไี ดเ้ กดิ จากสําเหตุใด เมอื่ ทราบสาํ เหตแุ ลว้ กอ็ ธบิ ายไดว้ ่าผลเป็นอย่างไรโดยเช่ือในหลักฐานที่สนับสนุน 4. มี ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เพราะผู้ที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์เป็นผู้ท่ีอยากคิดอยากทําในสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ ซึ่ง นําไปสู่การค้นพบความรู้ใหม่ได้ 5. มีความพยายามและอดทน เพราะผลของคําตอบไม่ใช่ได้มาโดยการค้นคว้า และทดลองเพยี งคร้ังเดยี ว แตต่ อ้ งใช้ความพยายามและความอดทนในการผ่านอุปสรรคตา่ งๆ เพื่อให้ได้คาํ ตอบ) 8) ครูแนะนําวิธกี ารวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ของนักเรยี น ซึ่งมอี ตั ราสว่ นคะแนน ดังนี้ (1) การวัดและประเมินผลด้านความรู้ (K) 60 คะแนน สอบกลางภาค 30 คะแนน สอบปลายปี 30 คะแนน

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 (2) การวดั และประเมนิ ผลดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) 30 คะแนน - การประเมนิ การสงั เกต 10 คะแนน - การประเมนิ การสาํ รวจ 10 คะแนน - การประเมนิ การทดลอง 100 คะแนน - การประเมินการสืบคน้ ข้อมูล - การประเมินโครงงานวทิ ยาศาสตร์ - การประเมินแฟมู สะสมผลงาน - การประเมินดา้ นทักษะ/กระบวนการ - การประเมนิ ดา้ นสมรรถนะสําคญั ของนกั เรยี น (3) การวดั และประเมนิ ผลด้านคุณธรรม จรยิ ธรรมและจิตวิทยาศาสตร์ (A) - การประเมินดา้ นเจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ คะแนนรวม ข้ันสรปุ 1) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความเข้าใจเก่ียวกับเจตคติต่อวิชาวิทยาศาสตร์ แนวทางการจัดการ เรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์ และการวดั และประเมินผลวิชาวิทยาศาสตร์ 2) ครมู อบหมายให้นกั เรยี นไปศกึ ษาค้นควา้ เน้ือหาของบทเรียนชัว่ โมงหน้า เพื่อจัดการเรียนรู้ครั้งต่อไป โดยใหน้ กั เรียนศกึ ษาคน้ ควา้ ล่วงหนา้ ในหวั ข้อการลาํ เลียงน้ําและอาหารของพืช โดยใช้ใบงาน สืบค้นข้อมูลก่อน เรยี น 1 ท่ีครูจดั เตรียมไว้ให้ประกอบการศกึ ษาคน้ คว้า 3) ครูอธิบายขัน้ ตอนการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมและมอบหมายใหน้ ักเรยี นไปปฏิบัติกิจกรรม ท่ีบ้าน พร้อมท้ังให้นักเรียนเตรียมประเด็นคําถามที่สงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คําถาม เพื่อนํามาอภิปราย ร่วมกนั ในช้ันเรียนครั้งตอ่ ไป 10. ส่ือการเรียนรู้ 1. ใบงานสืบคน้ ข้อมลู ก่อนเรียน 1 2. คู่มือการสอน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 3. สอื่ การเรียนรู้ PowerPoint วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 4 4. แบบฝึกทักษะ รายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 5. หนังสอื เรยี น รายวิชาพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 4 11. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จิตวิทยาศาสตร์ (A) - ซกั ถามความรเู้ รื่อง แนวทางการ จดั การเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ เจตคตติ อ่ 1. ประเมนิ เจตคตทิ าง วชิ าวทิ ยาศาสตร์ และการวดั และ วิทยาศาสตรเ์ ป็นรายบคุ คล ประเมินผลวิชาวทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมินเจตคตติ ่อวิทยาศาสตร์ เปน็ รายบุคคล

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจํานวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรยี นร.ู้ .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู.้ .................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. นกั เรยี นนไ่ี ม่ผา่ น มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ........................................................................................... ........................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นกั เรียนมีความรคู้ วามเข้าใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นักเรียนมคี วามรเู้ กดิ ทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรยี นมีเจตคติ ค่านิยม คุณธรรมจริยธรรม (A) .................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข

แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอื่ .................................................. (.................................................) ตําแหน่ง..................................... ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผู้ทีไ่ ด้รับมอบหมาย ไดท้ าํ การตรวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง................................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดังน้ี 1. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี  ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรงุ 2. การจัดกิจกรรมไดน้ ําเอากระบวนการเรียนรู้  เน้นผู้เรียนเปน็ สาํ คญั มาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม  ยงั ไม่เนน้ ผเู้ รียนเป็นสําคัญ ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่  นําไปใช้ไดจ้ ริง  ควรปรับปรงุ ก่อนนําไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอ่ืนๆ ........................................................................................................................................ ...................................... ............................................................................................. ................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชือ่ .................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ............................................

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 2 สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2561 หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 เรอ่ื ง การจาํ แนกส่งิ มชี ีวิต (1) เวลา 1 ชั่วโมง วันที่............เดือน..........................................พ.ศ....................... ครูผสู้ อน นางจรุ รี ัตน์ ทองจนิ ดา ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสําคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพนั ธกุ รรม การเปล่ียนแปลงทางพนั ธุกรรมทม่ี ผี ลต่อส่ิงมชี วี ติ ความหลากหลายทางชวี ภาพ และวิวัฒนาการ ของสิ่งมีชีวิต รวมท้งั นาํ ความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ 2. ตัวชี้วดั ชนั้ ปี จําแนกส่ิงมีชีวิตโดยใช้ความเหมือนและความแตกต่างของลักษณะของสิ่งมีชีวิตออกเป็นกลุ่มพืช กลมุ่ สัตว์ และกลุ่มท่ไี มใ่ ชพ่ ืชและสตั ว์ (ว 1.3 ป. 4/1) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. สงั เกตลกั ษณะของส่งิ มีชีวติ ได้ (K) 2. จําแนกสงิ่ มชี ีวติ เป็นกล่มุ จากเกณฑท์ ก่ี ําหนดได้ (K) 3. มีความสนใจใฝรุ หู้ รืออยากรอู้ ยากเห็น (A) 4. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนร้ทู ี่เกีย่ วกับวิทยาศาสตร์ (A) 5. ทาํ งานรว่ มกับผูอ้ ืน่ อย่างสรา้ งสรรค์ (A) 6. สอ่ื สารและนาํ ความรู้เรื่องการจาํ แนกสิ่งมีชวี ิตไปใช้ในชีวิตประจําวนั ได้ (P) 4. สาระสาคญั ส่ิงมีชีวิตสามารถจําแนกเปน็ กลุม่ ไดโ้ ดยการกําหนดเกณฑ์ท่ีแสดงลกั ษณะสาํ คัญเฉพาะทเ่ี หมือนกนั 5. สาระการเรยี นรู้ ลักษณะของส่งิ มีชีวติ 6. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝเุ รียนรู้ 3. มงุ่ ม่ันในการทาํ งาน 4. มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 8. ชนิ้ งานหรือภาระงาน 1. สงั เกตกอ่ นเรียน 1 2. สืบค้นข้อมลู เกีย่ วกับการจําแนกสง่ิ มีชวี ติ 9. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ครูดําเนินการทดสอบก่อนเรียนโดยให้นักเรียนทําแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อตรวจสอบความพร้อม และพ้นื ฐานของนกั เรียน ขนั้ นาเขา้ สูบ่ ทเรยี น 1) ครูถามคําถามนกั เรียนเพอ่ื กระตนุ้ ความสนใจ เชน่ – สิ่งมีชีวติ รอบตัวมีอะไรบ้าง (แนวคําตอบ แมว นก และตน้ ไม)้ – นักเรียนเรียกสิ่งเหล่าน้ันว่าสิ่งมีชีวิตเพราะอะไร (แนวคําตอบ เพราะแมว นก และต้นไม้ ตอ้ งการอาหาร มีการเจรญิ เติบโต และตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้) 2) นักเรียนช่วยกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคําตอบจากคําถามเพ่ือเช่ือมโยงไปสู่การ เรยี นรูเ้ รอื่ ง การจําแนกส่ิงมชี วี ิต ข้นั จดั กิจกรรมการเรยี นรู้ จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ร่วมกับแบบกลับด้าน ช้ันเรยี น (flipped classroom) ซ่งึ มขี ้นั ตอนดงั นี้ 1) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูให้นักเรียนนําใบงาน สังเกตก่อนเรียน 1 ที่ครูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าที่บ้านมาอภิปราย รว่ มกนั ในหอ้ งเรยี น (2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทํากิจกรรมท่ีได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจากการจดบันทึก ของนักเรยี น และถามคาํ ถามเกย่ี วกบั กิจกรรม ดังน้ี – สิ่งมีชีวิตท่ีสังเกตมีลักษณะใดเหมือนกันบ้าง (แนวคําตอบ พืชและสัตว์มีการหายใจ มีการ เจริญเติบโต และตอบสนองต่อสิ่งเรา้ เหมือนกัน) – สง่ิ มีชวี ติ ทสี่ ังเกตมีลกั ษณะใดแตกต่างกันบ้าง (แนวคําตอบ พืชมีใบและไม่เคล่ือนที่ ส่วนสัตว์ไม่ มีใบและเคลอ่ื นที่ไดเ้ อง) (3) ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนต้ังประเด็นคําถามที่นักเรียนสงสัยจากการทํากิจกรรมอย่างน้อยคนละ 1 คาํ ถาม ซง่ึ ครใู หน้ ักเรยี นเตรียมมาลว่ งหนา้ และใหน้ ักเรยี นชว่ ยกนั ตอบและแสดงความคิดเห็น (4) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับกิจกรรม สังเกตก่อนเรียน 1 โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียน เข้าใจว่า ส่ิงมีชีวิตแต่ละชนิดมีลักษณะบางประการเหมือนกันและมีลักษณะบางประการแตกต่างกัน เราจึง สามารถจําแนกสงิ่ มีชวี ติ เป็นกลุ่มได้โดยการใช้ลักษณะทเ่ี หมือนกนั เปน็ เกณฑ์ 2) ข้ันสารวจและค้นหา (Exploration) (1) แบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการจําแนกสิ่งมีชีวิตโดยดําเนินการตาม ข้ันตอนดงั นี้ – แต่ละกลุม่ วางแผนการสบื ค้นขอ้ มูล โดยแบง่ หัวข้อการจาํ แนกส่งิ มชี วี ติ เปน็ หวั ข้อยอ่ ย เช่น เกณฑ์ท่ี ใช้จําแนกสิ่งมีชีวิต ลักษณะของสิ่งมีชีวิตแต่ละกลุ่ม และชนิดของสิ่งมีชีวิตแต่ละกลุ่ม ให้สมาชิกแต่ละกลุ่ม ชว่ ยกันสบื ค้นตามหวั ขอ้ ทีก่ าํ หนด

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 – สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันสืบค้นข้อมูลตามหัวข้อที่กลุ่มของตนเองรับผิดชอบโดยการสืบค้นจาก หนงั สอื วารสาร สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสําหรบั เยาวชน และอินเทอร์เนต็ – สมาชิกกลุ่มนําข้อมูลที่สืบค้นได้มารายงานให้เพื่อนๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมท้ังร่วมกันอภิปราย ซกั ถามจนคาดวา่ สมาชิกทกุ คนมคี วามรคู้ วามเข้าใจที่ตรงกนั – สมาชกิ กลมุ่ ช่วยกนั สรปุ ความรูท้ ี่ไดท้ ง้ั หมดเป็นผลงานของกลุม่ (2) ครคู อยแนะนําชว่ ยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ ักเรยี นทกุ คนซักถามเมอื่ มปี ญั หา 3) ขัน้ อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (1) นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ ส่งตวั แทนกลุ่มนาํ เสนอผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมหนา้ หอ้ งเรยี น (2) นกั เรียนและครูรว่ มกนั อภิปรายและหาขอ้ สรปุ จากการปฏิบตั กิ จิ กรรม โดยใช้แนวคําถาม ต่อไปนี้ – เกณฑ์ที่ใช้ในการจาํ แนกส่งิ มีชีวิตมีอะไรบ้าง (แนวคําตอบ การสรา้ งอาหารและการเคลอื่ นที่) – สง่ิ มีชีวติ แบง่ ไดเ้ ปน็ กี่กลุ่ม (แนวคาํ ตอบ 3 กลุ่ม คือ กลมุ่ พชื กล่มุ สัตว์ และกลุ่มทไ่ี ม่ใชพ่ ืชและสตั ว)์ (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า การจําแนก สงิ่ มีชวี ิตต้องกาํ หนดเกณฑ์เพอ่ื ใหท้ ุกคนสามารถจาํ แนกส่งิ มชี ีวติ โดยพจิ ารณาจากลกั ษณะทตี่ รงกนั 4) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) ครูให้นักเรียนสํารวจบริเวณบ้านและจําแนกส่ิงมีชีวิตเป็น 3 กลุ่ม จากน้ันนํามาแลกเปล่ียนข้อมูลกับ เพอื่ นเพ่ือให้เขา้ ใจการจาํ แนกสง่ิ มีชีวิตตรงกนั 5) ขั้นประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างท่ียังไม่ เขา้ ใจหรอื ยังมขี ้อสงสัย ถา้ มี ครชู ว่ ยอธบิ ายเพ่ิมเติมใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจ (2) นักเรยี นร่วมกนั ประเมินการปฏิบัตกิ จิ กรรมกลุ่มวา่ มปี ญั หาหรอื อปุ สรรคใดและไดแ้ ก้ไขอยา่ งไรบา้ ง (3) ครูและนกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ เก่ียวกบั ประโยชน์ท่ไี ดร้ ับจากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นาํ ความรู้ไปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นโดยถามคาํ ถามนักเรียน เชน่ – สงิ่ ทใี่ ชพ้ จิ ารณาการจาํ แนกส่ิงมชี ีวิตเรียกว่าอะไร – สงิ่ มชี วี ติ ที่จําแนกอยูใ่ นกลมุ่ เดียวกันต้องมีสิง่ ใดเหมอื นกนั ขั้นสรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับการจําแนกสิ่งมีชีวิต โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือผัง มโนทัศน์ 10. ส่ือการเรยี นรู้ 1. แบบทดสอบกอ่ นเรียน 2. ใบงานสังเกตก่อนเรยี น 1 3. หนงั สอื วารสาร สารานกุ รมวทิ ยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสําหรับเยาวชน และอนิ เทอรเ์ น็ต 4. ค่มู ือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 5. สือ่ การเรยี นรู้ PowerPoint รายวชิ าพืน้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 6. แบบฝกึ ทกั ษะรายวชิ าพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 7. หนังสือเรียนรายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 4 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วิทยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรูเ้ ร่ืองการจําแนก ส่งิ มชี วี ิต 1. ประเมนิ เจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ 1. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย 2. ตรวจช้ินงานหรอื ภาระงานของ เปน็ รายบุคคลโดยการสังเกตและ การสังเกตการทาํ งานกลมุ่ กจิ กรรมฝกึ ทกั ษะระหว่างเรียน ใชแ้ บบวัดเจตคติทาง 2. ประเมนิ พฤติกรรมในการ 3. ทดสอบก่อนเรยี นโดยใช้ แบบทดสอบกอ่ นเรียน วิทยาศาสตร์ ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมเปน็ 2. ประเมนิ เจตคตติ ่อวทิ ยาศาสตร์ รายบคุ คลหรอื รายกลุม่ โดย เปน็ รายบุคคลโดยการสงั เกตและ การสังเกตการทํางานกลมุ่ ใช้แบบวัดเจตคติต่อวทิ ยาศาสตร์ 12. บันทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นจาํ นวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้......................คน คิดเป็นร้อยละ.................. ไม่ผา่ นจุดประสงค์การเรียนร.ู้ .................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. นักเรียนน่ีไม่ผา่ น มีดงั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นกั เรยี นมคี วามรู้ความเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นกั เรียนมีความรูเ้ กดิ ทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นักเรยี นมเี จตคติ ค่านิยม คณุ ธรรมจริยธรรม (A) .................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. .........................

แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 12.2 ปญั หา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตําแหน่ง..................................... ความเห็นของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย ได้ทาํ การตรวจแผนการจดั การเรียนร้ขู อง................................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดังน้ี 1. เปน็ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง 2. การจดั กจิ กรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้  เนน้ ผเู้ รยี นเป็นสาํ คญั มาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม  ยังไมเ่ นน้ ผเู้ รยี นเป็นสําคัญ ควรปรบั ปรุงพัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ที่  นําไปใชไ้ ดจ้ ริง  ควรปรบั ปรุงกอ่ นนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่ือ.................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ............................................

แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 3 สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2561 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 เรอ่ื ง การจําแนกส่งิ มชี วี ติ (2) เวลา 1 ชวั่ โมง วนั ท่ี............เดือน..........................................พ.ศ...................... ครูผู้สอนนางจรุ รี ตั น์ ทองจินดา ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสําคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พันธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธกุ รรมทีม่ ีผลต่อสง่ิ มชี วี ติ ความหลากหลายทางชีวภาพ และวิวฒั นาการของ สงิ่ มชี วี ิต รวมท้งั นําความรไู้ ปใช้ประโยชน์ 2. ตัวชี้วัดชั้นปี จําแนกส่ิงมีชีวิตโดยใช้ความเหมือนและความแตกต่างของลักษณะของสิ่งมีชีวิตออกเป็นกลุ่มพืช กลุ่ม สัตว์ และกลมุ่ ทไี่ มใ่ ชพ่ ชื และสตั ว์ (ว 1.3 ป. 4/1) 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. สังเกตลกั ษณะของส่งิ มชี ีวติ ได้ (K) 2. จาํ แนกสงิ่ มีชวี ิตเป็นกลมุ่ จากเกณฑ์ท่ีกาํ หนดได้ (K) 3. มีความสนใจใฝรุ ้หู รอื อยากรูอ้ ยากเห็น (A) 4. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ทเี่ ก่ยี วกบั วิทยาศาสตร์ (A) 5. ทาํ งานร่วมกับผู้อืน่ อยา่ งสร้างสรรค์ (A) 6. ส่อื สารและนําความร้เู ร่ืองการจําแนกสิง่ มชี วี ติ ไปใชใ้ นชีวติ ประจาํ วันได้ (P) 4. สาระสาคัญ สิง่ มีชวี ติ สามารถจําแนกเป็นกล่มุ ไดโ้ ดยการกําหนดเกณฑ์ที่แสดงลักษณะสาํ คญั เฉพาะท่เี หมือนกนั 5. สาระการเรยี นรู้ ลกั ษณะของสงิ่ มีชวี ติ 6. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี ินัย 2. ใฝุเรยี นรู้ 3. มงุ่ ม่นั ในการทํางาน 4. มีจิตวิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 8. ชน้ิ งานหรือภาระงาน 1. สังเกตกอ่ นเรยี น 1 2. สบื ค้นข้อมูลเกย่ี วกับการจําแนกสง่ิ มีชีวติ 9. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ครูดําเนินการทดสอบก่อนเรียนโดยให้นักเรียนทําแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อตรวจสอบความพร้อม และพ้นื ฐานของนักเรยี น ข้นั นาเข้าสู่บทเรยี น 1) ครูถามคําถามนักเรยี นเพ่อื กระตนุ้ ความสนใจ เช่น – สงิ่ มีชีวิตรอบตัวมอี ะไรบ้าง (แนวคําตอบ แมว นก และต้นไม)้ – นักเรียนเรียกสิ่งเหล่าน้ันว่าส่ิงมีชีวิตเพราะอะไร (แนวคําตอบ เพราะแมว นก และต้นไม้ ต้องการอาหาร มีการเจริญเตบิ โต และตอบสนองตอ่ สิ่งเร้าได้) 2) นักเรียนช่วยกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับคําตอบจากคําถามเพ่ือเชื่อมโยงไปสู่การ เรยี นรเู้ ร่อื ง การจาํ แนกสิ่งมีชีวติ ข้นั จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ร่วมกับแบบกลับด้าน ชั้นเรยี น (flipped classroom) ซงึ่ มขี ัน้ ตอนดงั นี้ 1) ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูให้นักเรียนนําใบงาน สังเกตก่อนเรียน 1 ท่ีครูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าท่ีบ้านมาอภิปราย ร่วมกนั ในห้องเรียน (2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทํากิจกรรมที่ได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจากการจดบันทึก ของนักเรยี น และถามคาํ ถามเกย่ี วกบั กจิ กรรม ดงั น้ี – ส่ิงมีชีวิตที่สังเกตมีลักษณะใดเหมือนกันบ้าง (แนวคําตอบ พืชและสัตว์มีการหายใจมีการ เจริญเติบโต และตอบสนองตอ่ สิง่ เร้าเหมอื นกัน) – สิง่ มีชีวติ ทีส่ งั เกตมลี ักษณะใดแตกตา่ งกนั บ้าง (แนวคําตอบ พืชมีใบและไม่เคล่ือนที่ ส่วนสัตว์ไม่ มใี บและเคลือ่ นท่ไี ดเ้ อง) (3) ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนต้ังประเด็นคําถามที่นักเรียนสงสัยจากการทํากิจกรรมอย่างน้อยคนละ 1 คาํ ถาม ซึ่งครใู ห้นกั เรยี นเตรยี มมาลว่ งหนา้ และใหน้ ักเรยี นชว่ ยกันตอบและแสดงความคิดเหน็ (4) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับกิจกรรม สังเกตก่อนเรียน 1 โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียน เข้าใจว่า ส่ิงมีชีวิตแต่ละชนิดมีลักษณะบางประการเหมือนกันและมีลักษณะบางประการแตกต่างกัน เราจึง สามารถจาํ แนกส่งิ มีชวี ติ เปน็ กลุ่มได้โดยการใช้ลกั ษณะทเ่ี หมือนกนั เปน็ เกณฑ์ 2) ข้นั สารวจและคน้ หา (Exploration) (1) แบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเก่ียวกับการจําแนกส่ิงมีชีวิตโดยดําเนินการตาม ข้ันตอนดงั นี้ – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อการจําแนกสิ่งมีชีวิตเป็นหัวข้อย่อย เช่น เกณฑ์ท่ีใช้จําแนกสิ่งมีชีวิต ลักษณะของสิ่งมีชีวิตแต่ละกลุ่ม และชนิดของส่ิงมีชีวิตแต่ละกลุ่ม ให้สมาชิกแต่ละ กลุ่มชว่ ยกนั สบื คน้ ตามหวั ข้อทกี่ าํ หนด

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 – สมาชกิ แตล่ ะกลุ่มชว่ ยกันสบื ค้นข้อมลู ตามหัวข้อที่กลุ่มของตนเองรับผิดชอบโดยการสืบค้นจาก หนังสือ วารสาร สารานุกรมวทิ ยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสาํ หรับเยาวชน และอนิ เทอรเ์ นต็ – สมาชิกกลุ่มนําข้อมูลที่สืบค้นได้มารายงานให้เพ่ือน ๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมท้ังร่วมกัน อภปิ รายซักถามจนคาดว่าสมาชิกทกุ คนมคี วามร้คู วามเข้าใจทีต่ รงกัน – สมาชิกกลมุ่ ชว่ ยกนั สรุปความรู้ทไี่ ดท้ ั้งหมดเปน็ ผลงานของกลมุ่ (2) ครูคอยแนะนําช่วยเหลือนกั เรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ให้นักเรียนทกุ คนซกั ถามเม่ือมีปญั หา 3) ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation) (1) นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มสง่ ตวั แทนกลมุ่ นําเสนอผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมหนา้ หอ้ งเรียน (2) นักเรยี นและครูร่วมกันอภิปรายและหาขอ้ สรปุ จากการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม โดยใชแ้ นวคําถาม ต่อไปน้ี – เกณฑ์ทใ่ี ชใ้ นการจาํ แนกสิ่งมชี วี ิตมีอะไรบา้ ง (แนวคาํ ตอบ การสร้างอาหารและการเคล่อื นที)่ – สิ่งมีชีวิตแบ่งได้เป็นกี่กลุ่ม (แนวคําตอบ 3 กลุ่ม คือ กลุ่มพืช กลุ่มสัตว์ และกลุ่มท่ีไม่ใช่พืชและ สัตว์) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า การจําแนก ส่ิงมชี วี ิตต้องกาํ หนดเกณฑ์เพื่อให้ทุกคนสามารถจําแนกส่งิ มชี ีวติ โดยพจิ ารณาจากลักษณะท่ีตรงกนั 4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) ครูให้นักเรียนสํารวจบริเวณบ้านและจําแนกส่ิงมีชีวิตเป็น 3 กลุ่ม จากน้ันนํามาแลกเปลี่ยนข้อมูลกับ เพื่อนเพ่อื ให้เขา้ ใจการจําแนกสิ่งมีชีวติ ตรงกนั 5) ข้นั ประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างท่ียังไม่ เข้าใจหรือยังมขี ้อสงสยั ถ้ามี ครชู ว่ ยอธิบายเพ่มิ เตมิ ให้นกั เรียนเข้าใจ (2) นักเรยี นรว่ มกันประเมนิ การปฏิบัตกิ ิจกรรมกลุม่ ว่ามปี ัญหาหรืออปุ สรรคใดและได้แก้ไขอย่างไรบา้ ง (3) ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกบั ประโยชน์ทไ่ี ดร้ บั จากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นาํ ความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยถามคําถามนกั เรยี น เช่น – สงิ่ ทใี่ ช้พิจารณาการจาํ แนกสิง่ มีชีวิตเรยี กว่าอะไร – สิง่ มชี ีวิตทจ่ี าํ แนกอยใู่ นกลุม่ เดยี วกนั ต้องมสี ่งิ ใดเหมือนกัน ขนั้ สรุป ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ เกี่ยวกบั การจําแนกสงิ่ มีชวี ติ โดยร่วมกันเขยี นเปน็ แผนท่ีความคดิ หรือผัง มโนทศั น์ 10. ส่อื การเรียนรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรยี น 2. ใบงานสงั เกตกอ่ นเรียน 1 3. หนังสือ วารสาร สารานกุ รมวิทยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสาํ หรบั เยาวชน และอนิ เทอร์เน็ต 4. คูม่ อื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 5. สอ่ื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 4 6. แบบฝกึ ทกั ษะรายวชิ าพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 7. หนงั สือเรยี นรายวิชาพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรเู้ รื่องการจาํ แนก สิง่ มีชวี ิต 1. ประเมนิ เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ 1. ประเมินทักษะการคดิ โดย 2. ตรวจชนิ้ งานหรือภาระงานของ เปน็ รายบคุ คลโดยการสงั เกตและ การสังเกตการทาํ งานกลุ่ม กิจกรรมฝึกทักษะระหว่างเรียน ใช้แบบวัดเจตคตทิ าง 2. ประเมนิ พฤติกรรมในการ 3. ทดสอบก่อนเรยี นโดยใช้ แบบทดสอบก่อนเรยี น วทิ ยาศาสตร์ ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมเปน็ 2. ประเมินเจตคติตอ่ วิทยาศาสตร์ รายบคุ คลหรอื รายกล่มุ โดย เป็นรายบุคคลโดยการสังเกตและ การสงั เกตการทํางานกล่มุ ใชแ้ บบวัดเจตคติต่อวิทยาศาสตร์ 12. บนั ทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจาํ นวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้......................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. ไมผ่ ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นร้.ู .................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. นักเรยี นนไี่ มผ่ ่าน มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไมผ่ า่ นจุดประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 2. นกั เรยี นมีความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .................................................................................................................................. .................... 3. นกั เรยี นมคี วามรูเ้ กิดทักษะ (P) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 4. นักเรียนมเี จตคติ ค่านยิ ม คณุ ธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชื่อ.................................................. (.................................................) ตาํ แหนง่ ..................................... ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศึกษา/ผู้ที่ได้รบั มอบหมาย ไดท้ าํ การตรวจแผนการจดั การเรยี นรขู้ อง................................................................แลว้ มคี วามเห็นดังน้ี 1. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรงุ 2. การจัดกจิ กรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้  เน้นผู้เรยี นเปน็ สําคัญมาใช้ในการสอนได้อย่างเหมาะสม  ยงั ไม่เนน้ ผู้เรียนเปน็ สําคัญ ควรปรับปรงุ พฒั นาต่อไป 3. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี  นาํ ไปใช้ไดจ้ รงิ  ควรปรับปรงุ กอ่ นนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่ือ.................................................. (.................................................) ตําแหน่ง............................................

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 4 สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว14101 ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปีการศกึ ษา 2561 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 1 เรื่อง ลักษณะของส่งิ มีชีวติ (1) เวลา 1 ชว่ั โมง วนั ท่ี............เดอื น..........................................พ.ศ....................... ครผู สู้ อนนางจุรีรัตน์ ทองจนิ ดา ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสําคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พนั ธกุ รรม การเปลี่ยนแปลงทางพนั ธกุ รรมทม่ี ีผลต่อส่งิ มีชีวติ ความหลากหลายทางชวี ภาพ และวิวฒั นาการของ สง่ิ มชี วี ติ รวมทง้ั นําความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ 2. ตัวช้ีวดั ชนั้ ปี จําแนกสิ่งมีชีวิตโดยใช้ความเหมือนและความแตกต่างของลักษณะของส่ิงมีชีวิตออกเป็นกลุ่มพืช กลมุ่ สัตว์ และกลมุ่ ทีไ่ ม่ใช่พชื และสตั ว์ (ว 1.3 ป. 4/1) 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. สังเกตลกั ษณะของสงิ่ มีชวี ติ กลุ่มพืช กลุม่ สตั ว์ และกลุ่มท่ีไมใ่ ชพ่ ชื และสัตวไ์ ด้ (K) 2. จาํ แนกสงิ่ มีชีวิตเป็นกลุ่มพชื กลุ่มสตั ว์ และกล่มุ ทีไ่ มใ่ ช่พชื และสัตวไ์ ด้ (K) 3. มคี วามสนใจใฝุรหู้ รืออยากร้อู ยากเหน็ (A) 4. พอใจในประสบการณ์การเรียนรทู้ ่เี กี่ยวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 5. ทาํ งานรว่ มกบั ผู้อืน่ อย่างสร้างสรรค์ (A) 6. สอ่ื สารและนาํ ความรู้เร่อื งลกั ษณะของสิ่งมชี ีวิตไปใชใ้ นชวี ติ ประจําวันได้ (P) 4. สาระสาคัญ สง่ิ มีชวี ติ จําแนกเปน็ 3 กลุ่ม ไดแ้ ก่ กล่มุ พืช กลุม่ สตั ว์ และกล่มุ ท่ไี ม่ใช่พืชและสตั ว์ 5. สาระการเรียนรู้ ลกั ษณะของสิ่งมชี ีวิต 6. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝเุ รยี นรู้ 3. มงุ่ มน่ั ในการทาํ งาน 4. มจี ติ วิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะ/กระบวนการและทักษะในการดาํ เนนิ ชวี ติ 8. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน จดั กล่มุ ส่ิงมชี ีวติ 9. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นาเข้าส่บู ทเรยี น 1) ครทู บทวนความรู้เดมิ ของนกั เรยี นโดยการถามคาํ ถามกระตนุ้ เช่น – ถ้าต้องการแบ่งกลุ่มสิ่งมีชีวิต เราต้องกําหนดเกณฑ์ลักษณะใด (แนวคําตอบ กําหนดเกณฑ์ท่ี แสดงลักษณะเฉพาะเหมือนกนั ) – ถ้านักเรียนแต่ละกลุ่มกําหนดเกณฑ์ต่างกัน ส่ิงมีชีวิตในกลุ่มจะเหมือนกันหรือไม่ เพราะอะไร (แนวคําตอบ สงิ่ มีชวี ติ ในกลมุ่ จะแตกตา่ งกนั ขนึ้ อยกู่ ับเกณฑ์ทีก่ ําหนด เพราะส่งิ มีชีวติ มีลักษณะเฉพาะที่แตกต่าง กัน เมอื่ พจิ ารณาลักษณะเฉพาะทแ่ี ตกต่างกนั ตามเกณฑท์ ่ีกาํ หนดแลว้ จึงจําแนกส่ิงมชี วี ติ ได้แตกตา่ งกนั ) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคําถามและแสดงความคิดเห็น เพ่ือเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เร่ือง ลักษณะของ ส่ิงมชี วี ิต ข้ันจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ จดั กิจกรรมการเรยี นรู้โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่งึ มีข้ันตอนดงั นี้ 1) ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูนาํ บัตรภาพสงิ่ มีชวี ิตกลุม่ พืช กลุ่มสัตว์ และกลุ่มที่ไม่ใช่พืชและสัตว์จํานวน 10 ใบมาให้นักเรียน ดู แลว้ ให้ทกุ คนชว่ ยกันบอกว่าเป็นสิ่งมีชีวิตกลุ่มใด เพราะอะไร (โดยใช้การสร้างอาหารเองได้และการเคลื่อนท่ี เองได้เป็นเกณฑ)์ (2) นักเรยี นร่วมกนั อภิปรายเก่ยี วกบั คาํ ตอบจากคําถามของครูตามประสบการณ์ของนักเรียน 2) ขน้ั สารวจและคน้ หา (Exploration) (1) ให้นกั เรยี นศกึ ษาเรือ่ งลกั ษณะของสิง่ มีชวี ิตจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้ นักเรียนเข้าใจว่า เม่ือใช้เกณฑ์การสร้างอาหารเองได้และการเคล่ือนท่ีเองได้สามารถจําแนกส่ิงมีชีวิตได้เป็น กลุ่มพชื กลุม่ สัตว์ และกลมุ่ ท่ไี ม่ใช่พชื และสัตว์ (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน ปฏิบัติกิจกรรมเสริมการเรียนรู้ท่ี 1 การจัดกลุ่มส่ิงมีชีวิต แต่ ละกล่มุ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตามขน้ั ตอนท่ีได้วางแผนไว้ ดังนี้ – สังเกตสงิ่ มชี วี ติ ในบัตรภาพทไี่ ดร้ ับและสืบคน้ ขอ้ มลู ลักษณะของส่ิงมชี วี ิตเหลา่ นนั้ – จาํ แนกสิ่งมีชวี ิตเปน็ กลุ่ม โดยใชก้ ารสรา้ งอาหารเองได้และการเคล่อื นท่เี องไดเ้ ปน็ เกณฑ์ – นําเสนอผลการจาํ แนกส่ิงมีชวี ติ หน้าห้องเรียนพรอ้ มใหเ้ หตผุ ลของการจําแนกส่ิงมชี ีวติ เหล่านั้น (3) ครูคอยแนะนําชว่ ยเหลอื นกั เรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ให้นักเรยี นทุกคนซกั ถามเมือ่ มปี ัญหา 3) ขัน้ อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (1) นักเรยี นแต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนกลุ่มนําเสนอผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมหนา้ ห้องเรียน (2) นักเรียนและครรู ว่ มกันอภิปรายและหาข้อสรปุ จากการปฏิบัตกิ ิจกรรม โดยใช้แนวคาํ ถาม ตอ่ ไปนี้ – กล่มุ พชื มสี ิ่งมชี ีวติ อะไรบ้าง (แนวคําตอบ พริก ตาํ แยแมว ล้นิ มังกร และสะระแหน่)

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 – กลุม่ สตั วม์ ีสิง่ มีชวี ติ อะไรบ้าง (แนวคําตอบ กระรอก ดอกไม้ทะเล ปู ดาวทะเล และดว้ ง) – กลมุ่ ทไ่ี ม่ใชพ่ ชื และสัตวม์ ีสงิ่ มชี ีวิตอะไรบ้าง (แนวคาํ ตอบ แบคทเี รีย รา และเหด็ ) – ส่ิงมชี ีวิตทงั้ หมดมีกี่กลุ่ม และสิ่งมีชีวิตกลุ่มใดมีจํานวนมากทส่ี ดุ (แนวคําตอบ ส่ิงมีชีวิตท้ังหมดมี 3 กลุ่ม และกลมุ่ สตั ว์มีจํานวนมากท่สี ดุ ) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า ส่ิงมีชีวิตแต่ละ กลุม่ มีลักษณะเฉพาะท่เี หมือนกนั จึงจาํ แนกสง่ิ มีชวี ติ เป็นกลุ่มได้ดงั น้ี – กลมุ่ พชื สรา้ งอาหารเองได้และเคลื่อนทดี่ ้วยตวั เองไม่ได้ – กลมุ่ สตั วต์ ้องกนิ ส่งิ มชี วี ติ อ่นื เปน็ อาหารและเคล่ือนทไี่ ด้ด้วยตวั เอง – กลุ่มทไ่ี ม่ใชพ่ ชื และสตั วส์ ร้างอาหารเองไม่ได้ แต่จะย่อยสลายซากพืช ซากสัตว์เป็นอาหาร และ เคลอื่ นทดี่ ว้ ยตวั เองไมไ่ ด้ 4) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครขู ยายความรู้เก่ยี วกับสิ่งมีชีวิตกลุ่มที่ไม่ใช่พืชและสัตว์ โดยอธิบายว่า เห็ดไม่ใช่พืชเน่ืองจากไม่มีใบในการสร้าง อาหารจึงสร้างอาหารเองไม่ได้ แต่จะย่อยสลายซากพืช ซากสัตว์เป็นอาหาร และไม่ใช่สัตว์เนื่องจากไม่กินส่ิงมีชีวิตอ่ืนเป็น อาหารและเคลือ่ นทดี่ ้วยตวั เองไม่ได้ (2) ครูอธิบายเร่ืองน่ารู้ พืชจับแมลง โดยให้นักเรียนเข้าใจว่า สิ่งมีชีวิตที่สามารถสร้างอาหารเองได้จะจําแนกอยู่ใน กลมุ่ พืชเสมอ แมว้ า่ พืชบางชนดิ เชน่ กาบหอยแครงและหม้อขา้ วหมอ้ แกงลิงสามารถดักจับแมลงเพ่ือย่อยเอาแร่ธาตุจากแมลง มาใช้ประโยชน์ได้ แตก่ ็ยังคงจําแนกอย่ใู นกลมุ่ พชื เพราะสรา้ งอาหารเองไดจ้ ากใบ 5) ขั้นประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างท่ียังไม่ เขา้ ใจหรอื ยังมขี ้อสงสัย ถ้ามี ครูช่วยอธบิ ายเพิ่มเตมิ ใหน้ กั เรยี นเข้าใจ (2) นักเรียนรว่ มกนั ประเมินการปฏิบัตกิ ิจกรรมกล่มุ วา่ มปี ัญหาหรอื อปุ สรรคใดและได้แกไ้ ขอย่างไรบ้าง (3) ครูและนักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับประโยชน์ที่ไดร้ บั จากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นาํ ความรไู้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยถามคาํ ถามนักเรียน เช่น – สาหรา่ ยและราจาํ แนกอยตู่ ่างกลุม่ กนั เพราะอะไร – กาบหอยแครงทด่ี กั จบั แมลงไดจ้ าํ แนกอยู่ในกลมุ่ พชื เพราะอะไร ข้ันสรุป ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั สรปุ เกย่ี วกับลักษณะของสง่ิ มีชวี ติ โดยร่วมกนั เขยี นเปน็ ผังมโนทศั น์ 10. ส่อื การเรียนรู้ 1. บตั รภาพสิ่งมชี ีวติ กล่มุ พืช กลุม่ สตั ว์ และกล่มุ ท่ีไมใ่ ช่พชื และสัตว์ 2. ใบกจิ กรรมเสรมิ การเรียนร้ทู ่ี 1 การจดั กลุ่มส่ิงมีชีวิต 3. คู่มอื การสอน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 4. แบบฝกึ ทักษะรายวชิ าพืน้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 4 5. หนังสอื เรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 4 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ด้านความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) จติ วิทยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความร้เู รื่องลกั ษณะของ 1. ประเมินเจตคติทาง 1. ประเมนิ ทักษะ สง่ิ มชี วี ติ วิทยาศาสตร์เป็นรายบคุ คลโดย กระบวนการทาง 2. ตรวจชน้ิ งานหรือภาระงานของ การสงั เกตและใช้แบบวดั เจต วิทยาศาสตร์โดยใชแ้ บบวดั กิจกรรมฝกึ ทักษะระหว่างเรียน คตทิ างวิทยาศาสตร์ ทักษะกระบวนการทาง 2. ประเมินเจตคติตอ่ วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เปน็ รายบุคคลโดยการสงั เกต 2. ประเมินทักษะการคิดโดย และใช้แบบวดั เจตคติตอ่ การสังเกตการทํางานกล่มุ วิทยาศาสตร์ 3. ประเมนิ ทักษะการ แกป้ ัญหาโดยการสังเกต การทํางานกลมุ่ 4. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมเป็น รายบุคคลหรอื รายกลุ่มโดย การสังเกตการทาํ งานกลุ่ม 12. บนั ทกึ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 1. นักเรยี นจาํ นวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรียนร.ู้ .....................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. ไมผ่ า่ นจดุ ประสงคก์ ารเรียนร้.ู .................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. นกั เรียนนไี่ มผ่ า่ น มีดงั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไมผ่ า่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้ ........................................................................................... ........................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นกั เรยี นมคี วามร้คู วามเข้าใจ (K) ........................................................................................................................................ .............. ..................................................................................................................... ................................. 3. นกั เรียนมีความรเู้ กิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรยี นมีเจตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจริยธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาํ แหนง่ ..................................... ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผู้ทีไ่ ด้รบั มอบหมาย ไดท้ ําการตรวจแผนการจัดการเรียนรู้ของ................................................................แลว้ มีความเหน็ ดังน้ี 1. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ที่  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรุง 2. การจัดกิจกรรมไดน้ ําเอากระบวนการเรยี นรู้  เน้นผเู้ รยี นเปน็ สาํ คญั มาใชใ้ นการสอนได้อย่างเหมาะสม  ยงั ไม่เน้นผเู้ รียนเปน็ สาํ คัญ ควรปรับปรุงพฒั นาต่อไป 3. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ที่  นําไปใช้ไดจ้ ริง  ควรปรบั ปรุงก่อนนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอ่นื ๆ ............................................................................................................................. ................................................. .................................................................................. ............................................................................................ ............................................................................................................................. ................................................. ลงช่ือ.................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ............................................

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 5 สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 4 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศกึ ษา 2561 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 เรื่อง การจาํ แนกสง่ิ มีชวี ิต (2) เวลา 1 ช่วั โมง วันท่.ี ...........เดอื น..........................................พ.ศ....................... ครูผู้สอนนางจรุ รี ตั น์ ทองจินดา ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสําคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พนั ธุกรรม การเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมทม่ี ีผลต่อสิ่งมชี วี ติ ความหลากหลายทางชีวภาพ และวิวฒั นาการของ ส่ิงมชี วี ิต รวมท้งั นาํ ความร้ไู ปใช้ประโยชน์ 2. ตัวชี้วดั ชน้ั ปี จําแนกสิ่งมีชีวิตโดยใช้ความเหมือนและความแตกต่างของลักษณะของส่ิงมีชีวิตออกเป็นกลุ่มพืช กลมุ่ สัตว์ และกลมุ่ ท่ีไมใ่ ช่พชื และสตั ว์ (ว 1.3 ป. 4/1) 3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. สังเกตลกั ษณะของสงิ่ มชี ีวติ กลุม่ พืช กลมุ่ สตั ว์ และกลมุ่ ท่ีไม่ใช่พชื และสตั วไ์ ด้ (K) 2. จําแนกสงิ่ มชี วี ติ เปน็ กลุ่มพืช กลุ่มสตั ว์ และกลมุ่ ทไ่ี ม่ใชพ่ ืชและสัตว์ได้ (K) 3. มคี วามสนใจใฝรุ หู้ รอื อยากร้อู ยากเห็น (A) 4. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนรทู้ ่ีเกย่ี วกับวิทยาศาสตร์ (A) 5. ทาํ งานรว่ มกับผู้อ่นื อยา่ งสร้างสรรค์ (A) 6. สือ่ สารและนาํ ความรเู้ รอ่ื งลกั ษณะของสิง่ มชี วี ติ ไปใชใ้ นชวี ิตประจําวนั ได้ (P) 4. สาระสาคัญ สิง่ มชี ีวิตจาํ แนกเป็น 3 กล่มุ ไดแ้ ก่ กล่มุ พชื กลุ่มสัตว์ และกลมุ่ ท่ไี มใ่ ช่พืชและสัตว์ 5. สาระการเรียนรู้ ลักษณะของสิ่งมีชวี ิต 6. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝุเรียนรู้ 3. มงุ่ ม่นั ในการทํางาน 4. มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคญั ของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 4. ความสามารถในการใชท้ กั ษะ/กระบวนการและทักษะในการดําเนินชีวิต 8. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน สังเกตจลุ ินทรีย์ผ่านกล้องจุลทรรศน์ 9. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ขัน้ นาเข้าสูบ่ ทเรยี น 1) ครูทบทวนความรู้เดิมเก่ียวกับลักษณะของส่ิงมีชีวิต โดยการให้นักเรียนบอกลักษณะของส่ิงมีชีวิต กลุ่มพืช กลุ่มสตั ว์ และกลุ่มทไี่ ม่ใช่พืชและสัตว์ (แนวคําตอบ สิ่งมีชีวิตกลุ่มพืชสร้างอาหารเองได้แต่เคล่ือนท่ีเอง ไม่ได้ สิ่งมชี ีวติ กลุม่ สัตว์สร้างอาหารเองไมไ่ ด้แต่เคล่อื นทีเ่ องได้ ส่วนส่ิงมชี วี ิตกลุ่มที่ไม่ใช่พืชและสัตว์สร้างอาหาร เองไมไ่ ดแ้ ละเคล่อื นทเ่ี องไม่ได้) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคําถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคําตอบของคําถาม เพ่ือเช่ือมโยงไปสู่ การเรยี นรเู้ ร่ือง ลกั ษณะของส่งิ มีชวี ิต ขัน้ จดั กิจกรรมการเรยี นรู้ จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซึง่ มขี ัน้ ตอนดังนี้ 1) ขั้นสร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตุ้นนักเรียนโดยการถามคําถามนักเรียนว่า ส่ิงมีชีวิตท่ีไม่ใช่พืชและสัตว์ไม่สามารถสร้าง อาหารเองไดแ้ ละเคล่ือนท่ีเองไม่ได้เพราะอะไร (แนวคําตอบ เพราะไม่มีคลอโรฟิลล์ในการสร้างอาหารและไม่มี อวัยวะที่ใชใ้ นการเคล่ือนที่) (2) นกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายเกย่ี วกบั คาํ ตอบจากคําถามของครตู ามประสบการณ์ของนกั เรยี น 2) ขนั้ สารวจและคน้ หา (Exploration) (1) แบ่งกลุ่มนักเรยี น กลุม่ ละ 5 – 6 คน แต่ละกลุม่ ช่วยกันสังเกตจุลินทรีย์ชนิดต่างๆ โดยการส่องด้วย กล้องจุลทรรศน์จากสไลด์สําเร็จรูปของจุลินทรีย์ พร้อมท้ังวาดภาพลักษณะท่ีสังเกตได้ (ครูเตรียมกล้อง จลุ ทรรศนแ์ ละปรบั กาํ ลังขยายทเ่ี หมาะสมให้กับนกั เรยี น) (2) ครูคอยแนะนําชว่ ยเหลอื นักเรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครเู ดนิ ดรู อบ ๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ ักเรยี นทุกคนซกั ถามเมื่อมปี ัญหา 3) ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (1) นักเรยี นแต่ละกล่มุ สง่ ตวั แทนกลมุ่ นําเสนอผลการปฏบิ ัติกจิ กรรมหนา้ หอ้ งเรียน (2) นักเรียนและครูร่วมกนั อภปิ รายและหาข้อสรุปจากการปฏิบตั กิ จิ กรรม โดยใช้แนวคําถาม ต่อไปน้ี – นักเรียนมองเห็นจุลินทรีย์ด้วยตาเปล่าหรือไม่ เพราะอะไร (แนวคําตอบ มองไม่เห็น เพราะ จลุ ินทรีย์มีขนาดเล็กมาก) – กล้องจลุ ทรรศนท์ าํ หน้าท่อี ะไร (แนวคําตอบ ขยายภาพขนาดเลก็ ทตี่ ามองไม่เห็นให้มีขนาดใหญ่ ข้ึนจนตาเรามองเหน็ ชดั เจน) – จลุ นิ ทรียม์ ีลักษณะใด (แนวคําตอบ จุลินทรีย์มีรูปร่างไม่แน่นอน ไม่มีใบและอวัยวะท่ีใช้ในการ เคลอื่ นท่ี)

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 (3) ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันสรุปผลการปฏบิ ัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า จุลินทรีย์มีขนาด เล็กมาก และจําแนกเป็นส่ิงมีชีวิตท่ีไม่ใช่พืชและสัตว์เน่ืองจากสร้างอาหารเองไม่ได้และไม่มีอวัยวะในการ เคล่ือนท่ี 4) ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) นักเรียนค้นคว้าคําศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับลักษณะของสิ่งมีชีวิต จากหนังสือเรียน ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนําเสนอให้เพ่ือนในห้องฟัง แล้วคัดคําศัพท์พร้อมทั้งคําแปลลงสมุดส่ง ครู 5) ข้ันประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เขา้ ใจหรอื ยงั มีข้อสงสยั ถ้ามี ครชู ว่ ยอธบิ ายเพ่มิ เติมใหน้ กั เรียนเข้าใจ (2) นกั เรยี นรว่ มกันประเมนิ การปฏบิ ตั ิกจิ กรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใดและได้แก้ไขอยา่ งไรบา้ ง (3) ครูและนักเรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั ประโยชน์ที่ไดร้ บั จากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นาํ ความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยถามคาํ ถามนักเรียน เช่น – ยกตัวอย่างสง่ิ มชี ีวติ ทีเ่ ปน็ จลุ นิ ทรีย์ – แบคทเี รยี ไม่จัดอยู่ในกลุ่มสตั ว์เพราะอะไร ขนั้ สรุป 1) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับลักษณะของสิ่งมีชีวิต โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือ ผงั มโนทัศน์ 2) ครูมอบหมายใหน้ ักเรียนไปศึกษาคน้ ควา้ เนอื้ หาของบทเรียนชัว่ โมงหน้า เพ่ือจัดการเรียนรู้คร้ังต่อไป โดยให้นักเรียนศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าในหัวข้อความหลากหลายของพืช โดยใช้ใบงาน สํารวจก่อนเรียน 2 ที่ครู จดั เตรียมไวใ้ ห้ประกอบการศกึ ษาคน้ ควา้ 3) ครูอธบิ ายขัน้ ตอนการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมและมอบหมายใหน้ ักเรยี นไปปฏิบตั ิกิจกรรมท่บี ้าน พร้อมทั้งให้ นักเรียนเตรียมประเด็นคําถามที่สงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คําถาม เพื่อนํามาอภิปรายร่วมกันในช้ันเรียนคร้ัง ตอ่ ไป 10. สือ่ การเรยี นรู้ 1. กล้องจลุ ทรรศน์และสไลด์สําเรจ็ รูปของจุลนิ ทรยี ์ 2. หนังสอื เรียนภาษาตา่ งประเทศหรืออนิ เทอร์เนต็ 3. ใบงานสํารวจก่อนเรยี น 2 4. ค่มู อื การสอน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4 5. ส่อื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวชิ าพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 6. แบบฝึกทกั ษะรายวิชาพืน้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 4 7. หนังสอื เรยี นรายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้

แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความร้เู ร่ืองลกั ษณะของ สิ่งมีชวี ติ 1. ประเมนิ เจตคติทาง 1. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย 2. ตรวจชิน้ งานหรอื ภาระงานของ วทิ ยาศาสตรเ์ ปน็ รายบุคคลโดย การสังเกตการทํางานกลุม่ กจิ กรรมฝึกทกั ษะระหว่างเรยี น การสงั เกตและใช้แบบวดั เจต 2. ประเมินพฤติกรรมในการ คติทางวิทยาศาสตร์ ปฏบิ ตั ิกิจกรรมเปน็ 2. ประเมินเจตคตติ อ่ วิทยาศาสตร์ รายบุคคลหรือรายกลุ่มโดย เป็นรายบุคคลโดยการสังเกต การสงั เกตการทาํ งานกลมุ่ และใช้แบบวัดเจตคติตอ่ วิทยาศาสตร์ 12. บันทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 12.1 สรุปผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 1. นกั เรียนจํานวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นร.ู้ .....................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงคก์ ารเรียนรู.้ .................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. นักเรยี นนี่ไมผ่ ่าน มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นที่ไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นกั เรียนมีความรคู้ วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นกั เรยี นมีความรเู้ กดิ ทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรียนมีเจตคติ ค่านิยม คณุ ธรรมจรยิ ธรรม (A)

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 .................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่อื .................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ..................................... ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผู้ท่ไี ดร้ บั มอบหมาย ไดท้ าํ การตรวจแผนการจัดการเรียนรขู้ อง................................................................แลว้ มีความเห็นดงั น้ี 1. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี  ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรงุ 2. การจัดกจิ กรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้  เน้นผู้เรยี นเป็นสาํ คัญมาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม  ยงั ไม่เน้นผ้เู รียนเปน็ สาํ คัญ ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจัดการเรียนรู้ที่  นําไปใชไ้ ดจ้ รงิ  ควรปรบั ปรุงกอ่ นนําไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอนื่ ๆ ............................................................................................................................. ................................................. .............................................................................................................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชือ่ .................................................. (.................................................)

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 ตาํ แหน่ง............................................

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 6 สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปีการศึกษา 2561 หน่วยการเรียนรูท้ ่ี 1 เรอื่ ง การจําแนกพืช (1) เวลา 1 ชว่ั โมง วันท.ี่ ...........เดือน..........................................พ.ศ....................... ครผู ู้สอนนางจุรีรัตน์ ทองจินดา ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสําคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พันธกุ รรม การเปลย่ี นแปลงทางพันธุกรรมที่มีผลต่อสิง่ มชี วี ิต ความหลากหลายทางชวี ภาพ และววิ ัฒนาการของ สิ่งมีชวี ิต รวมท้งั นําความรู้ไปใช้ประโยชน์ 2. ตวั ชี้วดั ชนั้ ปี จําแนกพืชออกเป็นพืชดอกและพืชไม่มีดอกโดยใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์ โดยใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้ (ว 1.3 ป. 4/2) 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. สังเกตและสบื คน้ ข้อมูลลกั ษณะภายนอกของพืชได้ (K) 2. จําแนกพืชเป็นกลุ่มจากเกณฑท์ กี่ าํ หนดได้ (K) 3. มคี วามสนใจใฝรุ ู้หรอื อยากร้อู ยากเหน็ (A) 4. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนรทู้ ีเ่ กี่ยวกับวิทยาศาสตร์ (A) 5. ทํางานรว่ มกบั ผู้อื่นอยา่ งสรา้ งสรรค์ (A) 6. สื่อสารและนาํ ความร้เู รือ่ งการจาํ แนกพืชไปใช้ในชวี ิตประจาํ วันได้ (P) 4. สาระสาคญั นกั วทิ ยาศาสตรจ์ ําแนกพชื เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คอื พชื ดอกและพชื ไม่มีดอก โดยใชก้ ารมีดอกเป็นเกณฑ์ 5. สาระการเรยี นรู้ ความหลากหลายของพืช 6. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝเุ รยี นรู้ 3. มุ่งมัน่ ในการทาํ งาน 4. มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผูเ้ รยี น 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ญั หา

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทกั ษะในการดาํ เนนิ ชวี ติ 8. ชิน้ งานหรอื ภาระงาน สังเกตการเปรียบเทียบต้นเฟินกบั ตน้ มะลิ 9. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ข้ันนาเขา้ สู่บทเรียน 1) ครถู ามคําถามนักเรียนเพื่อกระตุ้นความสนใจ เช่น – บริเวณบา้ นของนกั เรยี นปลกู พชื ชนิดใดบ้าง (แนวคาํ ตอบ มะม่วง มะกรูด และพรกิ ) – พืชในบริเวณบ้านของนักเรียนมีลักษณะภายนอกท่ีเหมือนหรือแตกต่างกันในลักษณะใด (แนว คําตอบ ลักษณะภายนอกที่เหมือนกัน เช่น ต้นมะกรูดและต้นมะม่วงมีใบสีเขียวเหมือนกัน ลักษณะภายนอกท่ี แตกตา่ งกนั เชน่ ลาํ ต้นมะกรดู มหี นาม แตล่ าํ ตน้ มะมว่ งไม่มีหนาม) 2) นักเรียนช่วยกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็นเก่ียวกับคําตอบจากคําถาม เพ่ือเชื่อมโยงไปสู่การ เรยี นรูเ้ รอ่ื ง การจาํ แนกพชื ข้ันจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ร่วมกับแบบกลับด้าน ช้ันเรยี น (flipped classroom) ซง่ึ มีขน้ั ตอนดงั นี้ 1) ขนั้ สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครใู หน้ กั เรยี นนาํ ใบงาน สํารวจก่อนเรียน 2 ที่ครูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าท่ีบ้านมาอภิปราย ร่วมกันในชนั้ เรยี น (2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทํากิจกรรมที่ได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจากการจดบันทึก ของนกั เรียน และถามคําถามเกีย่ วกบั กิจกรรม ดงั น้ี – พืชท่ีสังเกตมีลักษณะเหมือนหรือแตกต่างกัน (แนวคําตอบ พืชบางชนิดมีลักษณะเหมือนกัน และพชื บางชนิดมลี กั ษณะแตกตา่ งกัน) – ถ้านักเรียนต้องจําแนกพืชที่สังเกต นักเรียนจะใช้เกณฑ์อะไร และแบ่งเป็นกี่กลุ่ม (แนวคําตอบ ใชเ้ กณฑล์ กั ษณะลําตน้ โดยแบ่งเปน็ 2 กลมุ่ คอื ลําตน้ ตั้งตรงและลาํ ต้นเลือ้ ย) (3) ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนต้ังประเด็นคําถามที่นักเรียนสงสัยจากการทํากิจกรรมอย่างน้อยคนละ 1 คาํ ถาม ซึง่ ครใู ห้นกั เรยี นเตรียมมาล่วงหน้า และให้นักเรยี นช่วยกันตอบและแสดงความคิดเห็น (4) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับกิจกรรม สํารวจก่อนเรียน 2 โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียน เข้าใจว่า พืชแต่ละชนิดมีลักษณะบางประการเหมือนกันและมีลักษณะบางประการแตกต่างกัน เราจึงสามารถ จําแนกพืชเป็นกลุ่มไดโ้ ดยการใช้ลกั ษณะทเ่ี หมือนกันเป็นเกณฑ์ 2) ขน้ั สารวจและค้นหา (Exploration) (1) แบ่งกลุ่มนักเรียน ปฏิบัติกิจกรรมท่ี 2 สังเกตการเปรียบเทียบต้นเฟินกับต้นมะลิ แต่ละกลุ่มปฏิบัติ กิจกรรมตามขัน้ ตอนทไี่ ดว้ างแผนไว้ ดงั น้ี – แบง่ กล่มุ นักเรียน กลมุ่ ละ 5–6 คน – แต่ละกลุ่มนํากระถางที่ปลูกต้นเฟินและต้นมะลิมาสังเกตลักษณะของราก ลําต้น ใบ และดอก บันทกึ ผล

แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 – เปรยี บเทยี บลกั ษณะของตน้ เฟินกับตน้ มะลิ หมายเหตุ อาจใชต้ น้ ผกั แวน่ บวั บก หรอื ยา่ นลเิ ภา แทนตน้ เฟิน (2) ครูคอยแนะนําช่วยเหลอื นักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ กั เรียนทกุ คนซักถามเม่ือมีปัญหา 3) ข้ันอธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (1) นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ส่งตวั แทนกลุ่มนําเสนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหนา้ หอ้ งเรยี น (2) นักเรยี นและครรู ว่ มกนั อภิปรายและหาขอ้ สรุปจากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม โดยใชแ้ นวคาํ ถาม ต่อไปนี้ – ตน้ เฟนิ กบั ตน้ มะลิมีลกั ษณะใดที่แตกตา่ งกัน (แนวคําตอบ ลักษณะท่ีแตกต่างกัน คือ การมีดอก โดยต้นเฟนิ ไม่มีดอก แต่ตน้ มะลมิ ีดอก) – ถ้าต้องการจําแนกประเภทของต้นเฟินกับต้นมะลิจะใช้อะไรเป็นเกณฑ์ (แนวคําตอบ ใช้การมี ดอกเป็นเกณฑ์) (3) ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรปุ ผลการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม โดยครเู น้นใหน้ ักเรยี นเข้าใจว่า พืชแต่ละชนิดมี ลักษณะภายนอกเหมือนและแตกต่างกัน เราจึงจําแนกพืชโดยใช้ลักษณะภายนอกเป็นเกณฑ์ได้ โดยถ้าใช้การมี ดอกเป็นเกณฑจ์ ะจาํ แนกไดเ้ ป็น 2 กลุ่ม คือ พืชดอกและพืชไมม่ ีดอก 4) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) ครูอธบิ ายเพิ่มเติมกับนักเรยี นวา่ ลกั ษณะภายนอกทนี่ ักวิทยาศาสตร์ใช้เป็นเกณฑ์ในการจําแนกพืชเป็น กลุ่มใหญๆ่ คือ การมดี อกของพชื โดยแบ่งเป็นพชื ดอกและพชื ไมม่ ดี อก 5) ข้นั ประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เขา้ ใจหรอื ยังมขี อ้ สงสัย ถา้ มี ครชู ว่ ยอธบิ ายเพ่มิ เตมิ ใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจ (2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมนิ การปฏบิ ตั ิกจิ กรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใดและได้แกไ้ ขอย่างไรบ้าง (3) ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกับประโยชน์ท่ไี ด้รบั จากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นาํ ความรู้ไปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยถามคําถามนักเรยี น เชน่ – เราสามารถใช้ลักษณะภายนอกของพชื ในการจําแนกพืชเปน็ กลุ่มไดเ้ พราะอะไร – เม่อื ใชก้ ารมดี อกเป็นเกณฑส์ ามารถจาํ แนกพืชไดเ้ ปน็ กี่กลุ่ม อะไรบ้าง ข้นั สรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับการจําแนกพืช โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือผังมโน ทัศน์ 10. ส่ือการเรยี นรู้ 1. ใบงานสาํ รวจกอ่ นเรียน 2 2. ใบกจิ กรรมที่ 2 สงั เกตการเปรียบเทียบต้นเฟนิ กับต้นมะลิ 3. คูม่ ือการสอน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4

แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 4. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 4 5. แบบฝึกทกั ษะรายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 6. หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรเู้ ร่ืองการจาํ แนกพืช 1. ประเมินทักษะ 2. ตรวจชนิ้ งานหรอื ภาระงานของ 1. ประเมินเจตคติทาง กระบวนการทาง วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคลโดย วทิ ยาศาสตร์โดยใช้แบบวดั กจิ กรรมฝึกทักษะระหวา่ งเรยี น การสังเกตและใช้แบบวดั เจต ทกั ษะกระบวนการทาง คตทิ างวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ 2. ประเมนิ เจตคตติ อ่ วิทยาศาสตร์ 2. ประเมินทักษะการคิดโดย เปน็ รายบคุ คลโดยการสงั เกต การสังเกตการทาํ งานกลมุ่ และใชแ้ บบวดั เจตคติต่อ วทิ ยาศาสตร์ 3. ประเมนิ ทักษะการ แกป้ ญั หาโดยการสงั เกต การทาํ งานกลมุ่ 4. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏิบัตกิ จิ กรรมเป็น รายบคุ คลหรอื รายกลุ่มโดย การสงั เกตการทาํ งานกลุ่ม

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 12. บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลังการจดั การเรียนรู้ 1. นกั เรียนจํานวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นร.ู้ .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไมผ่ า่ นจดุ ประสงคก์ ารเรียนร.ู้ .................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. นักเรียนนไี่ ม่ผา่ น มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ....................................................................................... ............................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นกั เรียนมคี วามรูค้ วามเข้าใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นกั เรยี นมีความรูเ้ กิดทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจริยธรรม (A) .................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชือ่ ..................................................

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 (.................................................) ตําแหน่ง..................................... ความเหน็ ของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผทู้ ีไ่ ด้รบั มอบหมาย ได้ทําการตรวจแผนการจดั การเรยี นรู้ของ................................................................แลว้ มคี วามเห็นดงั นี้ 1. เปน็ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี  ดมี าก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรงุ 2. การจดั กิจกรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้  เน้นผูเ้ รยี นเปน็ สําคัญมาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม  ยังไมเ่ น้นผ้เู รยี นเป็นสําคัญ ควรปรับปรุงพฒั นาต่อไป 3. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี  นําไปใช้ไดจ้ ริง  ควรปรับปรงุ ก่อนนําไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอ่ืนๆ ........................................................................................................................................ ...................................... ............................................................................................. ................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ.................................................. (.................................................) ตาํ แหน่ง............................................

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 7 สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 ภาคเรยี นท่ี 1 ปกี ารศึกษา 2561 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เร่ือง การจําแนกสง่ิ มชี วี ติ (2) เวลา 1 ชว่ั โมง วันท่ี............เดอื น..........................................พ.ศ.......................ครูผสู้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสําคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พนั ธุกรรม การเปลีย่ นแปลงทางพันธุกรรมทมี่ ผี ลต่อสิง่ มีชวี ิต ความหลากหลายทางชีวภาพ และวิวัฒนาการของ ส่ิงมชี ีวิต รวมท้งั นาํ ความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 2. ตวั ชี้วดั ช้นั ปี จําแนกพืชออกเป็นพืชดอกและพืชไม่มีดอกโดยใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์ โดยใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้ (ว 1.3 ป. 4/2) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. จาํ แนกพชื เปน็ กลมุ่ จากเกณฑท์ ี่กาํ หนดได้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝรุ ู้หรอื อยากรู้อยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนร้ทู ีเ่ กีย่ วกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทํางานรว่ มกบั ผ้อู ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. ส่ือสารและนาํ ความร้เู รอื่ งการจําแนกพืชไปใช้ในชีวิตประจําวนั ได้ (P) 4. สาระสาคัญ นักวทิ ยาศาสตร์จําแนกพืชเปน็ 2 กล่มุ ใหญ่ ๆ คอื พชื ดอกและพชื ไมม่ ีดอก โดยใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์ 5. สาระการเรยี นรู้ ความหลากหลายของพืช 6. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝุเรียนรู้ 3. มงุ่ มนั่ ในการทาํ งาน 4. มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ช้ินงานหรือภาระงาน

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 จาํ แนกพืชบรเิ วณโรงเรียน 9. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ข้ันนาเขา้ สบู่ ทเรียน 1) ครูทบทวนความรู้เดิมเก่ียวกับการจําแนกพืช โดยให้นักเรียนบอกเกณฑ์ท่ีใช้ในการจําแนกพืช และ จําแนกเป็นกี่กลุ่ม อะไรบ้าง (แนวคําตอบ เกณฑ์ท่ีใช้ในการจําแนกพืช คือ การมีดอก จําแนกพืชเป็น 2 กลุ่ม คอื พืชดอกและพชื ไมม่ ีดอก) 2) นักเรยี นช่วยกันตอบคําถามและแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกับคําตอบของคําถาม เพือ่ เช่ือมโยงไปสู่การ เรยี นรเู้ รื่อง การจาํ แนกพชื ขน้ั จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซงึ่ มีข้ันตอนดงั นี้ 1) ขนั้ สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตุ้นนักเรียนโดยการถามคําถามทบทวนเกี่ยวกับกิจกรรมที่ 2 ว่า ต้นเฟินกับต้นมะลิจําแนก อยู่ตา่ งกลมุ่ เพราะอะไร (แนวคําตอบ เพราะตน้ เฟนิ ไม่มดี อก ส่วนต้นมะลมิ ีดอก) (2) นักเรียนร่วมกันอภปิ รายเกี่ยวกับคาํ ตอบจากคาํ ถามของครตู ามประสบการณ์ของนกั เรียน 2) ขั้นสารวจและค้นหา (Exploration) (1) ครูให้นักเรียนสํารวจบริเวณโรงเรียนแล้วบันทึกลักษณะต่าง ๆ ของพืชที่สํารวจได้ พร้อมนับ จํานวนพชื ที่สาํ รวจได้ จากนั้น นาํ มาจาํ แนกเป็นกลุ่มโดยใช้การมีดอกเปน็ เกณฑ์ และนาํ เสนอผลการสํารวจด้วย กราฟแทง่ (2) ครูคอยแนะนําช่วยเหลือนักเรยี นขณะปฏิบัตกิ ิจกรรม โดยครเู ดินดรู อบๆ บรเิ วณทส่ี าํ รวจและเปิด โอกาสให้นักเรยี นทุกคนซักถามเม่ือมีปัญหา 3) ขนั้ อธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (1) นักเรยี นแต่ละกลุ่มสง่ ตวั แทนกลมุ่ นําเสนอผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมหน้าหอ้ งเรียน (2) นักเรียนและครรู ่วมกนั อภปิ รายและหาขอ้ สรุปจากการปฏิบัตกิ ิจกรรม โดยใช้แนวคําถาม ตอ่ ไปน้ี – พืชไมม่ ีดอกท่สี ํารวจไดม้ อี ะไรบา้ ง (แนวคาํ ตอบ เฟนิ และมอสส)์ – พืชมีดอกทสี่ ํารวจได้มีอะไรบา้ ง (แนวคําตอบ บวั กุหลาบ และเขม็ ) – พชื กลุม่ ใดมีจํานวนมากกว่า (แนวคาํ ตอบ พชื ดอก) (3) ครูและนักเรียนรว่ มกันสรปุ ผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า เมื่อใช้การมีดอก เป็นเกณฑ์สามารถจําแนกพืชได้เป็น 2 กลุ่ม คือ พืชดอกและพืชไม่มีดอก โดยบริเวณโรงเรียนพบพืชดอก มากกว่า 4) ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูอธิบายเร่ืองน่ารู้ ไม้ดอกและไม้ใบ โดยให้นักเรียนเข้าใจว่า ในการจัดสวน พืชท่ีนํามาใช้ปลูก แบง่ เป็น 2 กลุม่ คอื ไมด้ อกและไม้ใบ โดยไม้ดอก คือ พชื ทปี่ ลูกไว้ดูดอก มปี ระโยชนจ์ ากลักษณะดอกที่โดดเด่น เช่น กุหลาบและชบา ส่วนไม้ใบ คือ พืชที่ปลูกไว้ดูใบ มีประโยชน์จากลักษณะใบที่โดดเด่น เช่น โกสนและ วาสนา โดยไม้ใบบางชนิดน้ันเป็นพืชดอก แต่ดอกมีลักษณะไม่โดดเด่นและสวยงามเหมือนไม้ดอก ดังนั้น ไม้ใบ จึงไมไ่ ด้จําแนกอยู่ในพืชไม่มดี อก เพียงแตใ่ บมีความโดดเด่นและสวยงามมากกวา่ ดอกเทา่ น้ัน

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 (2) นักเรียนค้นคว้าคําศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับการจําแนกพืช จากหนังสือเรียน ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนําเสนอให้เพ่ือนในห้องฟัง แล้วคัดคําศัพท์พร้อมท้ังคําแปลลงสมุดส่ง ครู 5) ขน้ั ประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างท่ียังไม่ เข้าใจหรอื ยังมขี อ้ สงสัย ถ้ามี ครูชว่ ยอธบิ ายเพม่ิ เติมให้นกั เรียนเข้าใจ (2) นกั เรยี นรว่ มกนั ประเมินการปฏิบตั ิกจิ กรรมกลุม่ ว่ามีปัญหาหรอื อปุ สรรคใดและได้แก้ไขอย่างไรบา้ ง (3) ครแู ละนักเรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกบั ประโยชนท์ ี่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นาํ ความร้ไู ปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยถามคาํ ถามนักเรยี น เชน่ – เราสามารถใชล้ ักษณะภายนอกของพชื ในการจาํ แนกพชื เปน็ กลุม่ ไดเ้ พราะอะไร – เมอ่ื ใช้การมดี อกเป็นเกณฑส์ ามารถจําแนกพืชได้เป็นกี่กลุม่ อะไรบา้ ง ขนั้ สรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกับการจําแนกพืช โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ีความคิดหรือผังมโน ทศั น์ 10. ส่อื การเรยี นรู้ 1. หนงั สอื เรยี นภาษาต่างประเทศหรืออนิ เทอร์เนต็ 2. คู่มือการสอน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 3. แบบฝึกทกั ษะรายวิชาพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 4. หนงั สือเรียนรายวิชาพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 11. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความร้เู ร่ืองการจาํ แนกพืช 1. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย 2. ตรวจชนิ้ งานหรอื ภาระงานของ 1. ประเมนิ เจตคตทิ าง การสงั เกตการทาํ งานกลมุ่ วิทยาศาสตรเ์ ป็นรายบคุ คลโดย กิจกรรมฝึกทักษะระหว่างเรียน การสงั เกตและใชแ้ บบวดั เจต 2. ประเมินพฤติกรรมในการ คตทิ างวิทยาศาสตร์ ปฏิบัติกจิ กรรมเป็น รายบคุ คลหรอื รายกลมุ่ โดย 2. ประเมนิ เจตคตติ อ่ วิทยาศาสตร์ การสงั เกตการทํางานกล่มุ เปน็ รายบุคคลโดยการสังเกต และใชแ้ บบวดั เจตคติตอ่ วทิ ยาศาสตร์ 12. บันทกึ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. 12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. 1. นักเรียนจํานวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้......................คน ไมผ่ ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้..................คน

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 นกั เรียนน่ีไมผ่ า่ น มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นที่ไม่ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรยี นมีความรู้ความเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรยี นมีความรู้เกดิ ทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................. ......................... 4. นกั เรียนมีเจตคติ ค่านยิ ม คณุ ธรรมจรยิ ธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชือ่ .................................................. (.................................................) ตาํ แหน่ง..................................... ความเห็นของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผทู้ ่ไี ดร้ บั มอบหมาย ไดท้ าํ การตรวจแผนการจดั การเรยี นรู้ของ................................................................แลว้ มคี วามเห็นดังนี้ 1. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ที่  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรับปรุง 2. การจดั กจิ กรรมไดน้ ําเอากระบวนการเรียนรู้  เนน้ ผูเ้ รยี นเป็นสําคญั มาใช้ในการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4  ยังไมเ่ นน้ ผูเ้ รียนเป็นสาํ คัญ ควรปรับปรุงพฒั นาต่อไป 3. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ที่  นาํ ไปใช้ไดจ้ ริง  ควรปรบั ปรุงก่อนนําไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอน่ื ๆ ............................................................................................................................. ................................................. ...................................................................................................................................................... ........................ ........................................................................................................... ................................................................... ลงชื่อ.................................................. (.................................................) ตาํ แหนง่ ............................................ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 8 สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรียนท่ี 1 ปกี ารศกึ ษา 2561 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เรือ่ ง พืชไมม่ ีดอก เวลา 1 ช่วั โมง วนั ท.ี่ ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครูผูส้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสําคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พันธกุ รรม การเปลี่ยนแปลงทางพนั ธุกรรมที่มีผลต่อส่ิงมีชีวติ ความหลากหลายทางชวี ภาพ และวิวฒั นาการของ ส่งิ มชี ีวติ รวมทงั้ นําความรไู้ ปใช้ประโยชน์ 2. ตวั ชี้วดั ชน้ั ปี จําแนกพืชออกเป็นพืชดอกและพืชไม่มีดอกโดยใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์ โดยใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้ (ว 1.3 ป. 4/2)

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. สังเกตและอธบิ ายลกั ษณะของพืชไม่มดี อกได้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝุรู้หรอื อยากร้อู ยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรู้ทเ่ี กี่ยวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทาํ งานร่วมกบั ผอู้ ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. สือ่ สารและนาํ ความรู้เร่ืองพชื ไม่มีดอกไปใช้ในชีวติ ประจาํ วนั ได้ (P) 4. สาระสาคัญ พชื ไมม่ ดี อก คอื พชื ท่ไี ม่สามารถสร้างดอกไดต้ ลอดการดํารงชวี ติ จึงขยายพนั ธุ์โดยการใช้สปอร์ 5. สาระการเรียนรู้ ความหลากหลายของพืช – พืชไมม่ ีดอก 6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝเุ รียนรู้ 3. ม่งุ มั่นในการทํางาน 4. มีจติ วทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน สํารวจพชื ไมม่ ีดอก 9. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั นาเข้าสูบ่ ทเรียน 1) ครทู บทวนความรู้เดิมของนกั เรยี นโดยการถามคาํ ถามกระตนุ้ เช่น – ลักษณะภายนอกของพชื ใช้เป็นเกณฑ์ในการจาํ แนกพืชได้หรือไม่ (แนวคาํ ตอบ ได้) – ถ้าใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์จะจําแนกพืชได้เป็นกี่กลุ่ม อะไรบ้าง (แนวคําตอบ 2 กลุ่ม คือ พืช ดอกและพืชไมม่ ีดอก) 2) นกั เรียนช่วยกันตอบคาํ ถามและแสดงความคดิ เห็น เพอ่ื เชือ่ มโยงไปสูก่ ารเรียนรเู้ รื่อง พชื ไมม่ ีดอก ขั้นจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ จดั กิจกรรมการเรยี นรโู้ ดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซึง่ มขี ัน้ ตอนดังนี้ 1) ข้ันสรา้ งความสนใจ (Engagement)

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 (1) ครูเขียนคําว่า “พืชไม่มีดอก” บนกระดาน แล้วให้นักเรียนช่วยกันอธิบายถึงลักษณะของพืชไม่มี ดอกตามความรทู้ ี่มี (แนวคาํ ตอบ พืชไมม่ ดี อกมีใบสีเขียวและไมม่ ดี อกตลอดการดาํ รงชีวติ ) (2) นักเรยี นร่วมกันอภปิ รายเกยี่ วกบั คาํ ตอบจากคาํ ถามของครูตามประสบการณ์ของนกั เรยี น 2) ขั้นสารวจและค้นหา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศึกษาเร่ืองพืชไม่มีดอกจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียน เข้าใจว่า พืชไม่มีดอก คือ พืชที่ไม่สามารถสร้างดอกได้ตลอดการดํารงชีวิต เช่น เฟิน มอสส์ หวายทะนอย ตีนตกุ๊ แก และหญ้าถอดปล้อง (2) แบ่งกลุ่มนกั เรยี น กลุ่มละ 5 – 6 คน สาํ รวจพชื ไมม่ ีดอกตามข้นั ตอน ดงั น้ี – แต่ละกลุ่มสบื ค้นข้อมลู เก่ยี วกบั ชนิดและลกั ษณะของพืชไมม่ ีดอก – สํารวจบริเวณโรงเรียนว่ามีพืชไม่มีดอกชนิดใดบ้าง และใช้แว่นขยายส่องดูลักษณะต่างๆ ของ พืชไม่มดี อก – บันทึกลักษณะของพืชไมม่ ดี อกท่ีสังเกต พร้อมทั้งวาดรปู ประกอบ (3) ครูคอยแนะนําช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ บริเวณที่สํารวจและเปิด โอกาสใหน้ ักเรยี นทุกคนซกั ถามเมอื่ มปี ัญหา 3) ขั้นอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) (1) นักเรยี นแต่ละกลุ่มนําเสนอผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมหน้าหอ้ งเรยี น (2) ครูและนกั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมโดยใช้แนวคําถาม เชน่ – บรเิ วณโรงเรยี นมพี ืชไม่มีดอกชนิดใดบา้ ง (แนวคําตอบ มอสสแ์ ละเฟนิ ) – พชื ไม่มีดอกที่สาํ รวจพบมลี ักษณะใด (แนวคาํ ตอบ มใี บสีเขยี ว ต้นมีขนาดเลก็ และไมม่ ีดอก) – บริเวณท่ีพบพืชไม่มีดอกมีลักษณะใด (แนวคําตอบ บริเวณท่ีพบมีความชื้นและอากาศค่อนข้าง เย็น) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า พืชไม่มีดอกมี ส่วนประกอบหลกั คอื ราก ลาํ ตน้ และใบ แตไ่ ม่มกี ารสร้างดอกตลอดการดาํ รงชวี ิต 4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) อับสปอร์ (1) ครูนํารูปสปอร์ของเฟินมาให้นักเรียนดู แล้วถาม อบั สปอร์บนหลงั ใบเฟนิ นักเรียนว่า ขณะที่สํารวจพืชไม่มีดอก นักเรียนพบลักษณะที่ เหมอื นในรูปตัวอย่างบนหลงั ใบเฟินหรือไม่ (2) ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับพืชไม่มีดอกว่า พืชไม่มี ดอกส่วนใหญ่สืบพันธุ์และขยายพันธ์ุโดยการสร้างสปอร์ ซึ่งมี จํานวนมากอยู่ในอับสปอร์ เมื่ออับสปอร์แก่จะแตกออกและ ปล่อยสปอร์ที่อยู่ภายในให้ปลิวไปตามลม ถ้าปลิวไปตกใน บริเวณท่ีเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตจะสามารถเจริญเติบโต เป็นพชื ตน้ ใหมไ่ ด้ (3) นักเรียนค้นคว้าคําศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับ พืชไม่มีดอก จากหนังสือเรียนภาษาต่างประเทศหรือ

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 อินเทอรเ์ นต็ และนาํ เสนอใหเ้ พ่ือนในห้องฟงั แล้วคดั คําศัพทพ์ ร้อมท้งั คําแปลลงสมุดสง่ ครู 5) ข้นั ประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างท่ียังไม่ เข้าใจหรือยังมีข้อสงสัย ถ้ามี ครชู ่วยอธิบายเพ่ิมเตมิ ใหน้ กั เรียนเข้าใจ (2) นกั เรยี นร่วมกันประเมนิ การปฏบิ ัติกจิ กรรมกลุม่ วา่ มีปญั หาหรอื อปุ สรรคใดและไดแ้ กไ้ ขอย่างไรบา้ ง (3) ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเหน็ เก่ียวกบั ประโยชนท์ ไี่ ดร้ บั จากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นําความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยถามคาํ ถามนักเรยี น เชน่ – พืชไมม่ ีดอกมลี ักษณะสําคญั อยา่ งไร – ยกตัวอย่างพชื ไม่มดี อกท่นี ักเรียนร้จู กั ข้นั สรปุ ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ เก่ียวกับพืชไม่มดี อกโดยร่วมกนั เขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือผังมโนทศั น์ 10. ส่ือการเรียนรู้ 1. แว่นขยาย 2. รปู สปอร์ของเฟิน 3. หนงั สอื เรยี นภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต 4. คูม่ อื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 4 5. ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 6. แบบฝึกทกั ษะรายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 4 7. หนังสือเรยี นรายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 4 11. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรูเ้ ร่ืองพืชไม่มดี อก 2. ตรวจชิ้นงานหรือภาระงานของ 1. ประเมนิ เจตคติทาง 1. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย กจิ กรรมฝกึ ทักษะระหวา่ งเรียน วิทยาศาสตร์เปน็ รายบุคคลโดย การสงั เกตการทาํ งานกลมุ่ การสงั เกตและใชแ้ บบวดั เจต 2. ประเมนิ พฤติกรรมในการ คติทางวิทยาศาสตร์ ปฏบิ ัติกิจกรรมเป็น 2. ประเมนิ เจตคติต่อวทิ ยาศาสตร์ รายบคุ คลหรอื รายกลุ่มโดย เปน็ รายบคุ คลโดยการสงั เกต การสังเกตการทาํ งานกลุ่ม และใช้แบบวัดเจตคติต่อ วิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 12. บนั ทึกผลหลังการจัดการเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. นักเรยี นจาํ นวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้......................คน คิดเป็นร้อยละ.................. ไม่ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้..................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. นักเรียนนไี่ ม่ผ่าน มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 2. นักเรยี นมีความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นักเรียนมคี วามร้เู กิดทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นักเรียนมเี จตคติ ค่านิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) .................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่ือ.................................................. (.................................................) ตําแหน่ง..................................... ความเหน็ ของหัวหน้าสถานศกึ ษา/ผทู้ ี่ไดร้ บั มอบหมาย ได้ทําการตรวจแผนการจัดการเรยี นรขู้ อง................................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดังน้ี

แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 1. เปน็ แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรงุ 2. การจัดกจิ กรรมได้นําเอากระบวนการเรียนรู้  เน้นผู้เรียนเป็นสําคัญมาใช้ในการสอนได้อยา่ งเหมาะสม  ยงั ไม่เนน้ ผู้เรยี นเป็นสาํ คัญ ควรปรับปรุงพฒั นาต่อไป 3. เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ท่ี  นําไปใชไ้ ดจ้ ริง  ควรปรับปรุงกอ่ นนําไปใช้ 4. ข้อเสนอแนะอ่ืนๆ ........................................................................................................................................ ...................................... ............................................................................................. ................................................................................. ............................................................................................................................. ................................................. ลงชื่อ.................................................. (.................................................) ตําแหนง่ ............................................

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 9 สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์ รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว14101 ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นที่ 1 ปีการศึกษา 2561 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 1 เรื่อง พชื ดอก (1) เวลา 1 ช่ัวโมง วันท.ี่ ...........เดือน..........................................พ.ศ.......................ครผู สู้ อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสําคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พนั ธกุ รรม การเปลย่ี นแปลงทางพันธกุ รรมทีม่ ีผลตอ่ ส่งิ มีชวี ติ ความหลากหลายทางชวี ภาพ และวิวัฒนาการของ ส่งิ มีชีวติ รวมท้ังนาํ ความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ 2. ตัวช้ีวัดชนั้ ปี จําแนกพืชออกเป็นพืชดอกและพืชไม่มีดอกโดยใช้การมีดอกเป็นเกณฑ์ โดยใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้ (ว 1.3 ป. 4/2) 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. สังเกตและอธิบายลักษณะของพืชดอกได้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝุรหู้ รอื อยากรอู้ ยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรทู้ ่เี ก่ยี วกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทํางานร่วมกับผู้อืน่ อย่างสร้างสรรค์ (A) 5. สือ่ สารและนาํ ความรู้เรือ่ งพืชดอกไปใช้ในชวี ิตประจาํ วันได้ (P) 4. สาระสาคัญ พืชดอกเมอ่ื เจรญิ เตบิ โตเต็มท่จี ะมดี อกสาํ หรับสืบพันธุ์ 5. สาระการเรยี นรู้ ความหลากหลายของพืช – พืชดอก 6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝุเรยี นรู้ 3. มุง่ ม่นั ในการทาํ งาน 4. มีจติ วิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ป. 4 8. ชิ้นงานหรือภาระงาน สาํ รวจพชื ดอก 9. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ข้ันนาเขา้ สบู่ ทเรียน 1) ครูทบทวนความรูเ้ ดิมเกีย่ วกบั พืชไม่มดี อกโดยการถามคาํ ถามกระตนุ้ เช่น – ลกั ษณะสําคัญของพชื ไม่มดี อกคืออะไร (แนวคาํ ตอบ ไม่มีการสร้างดอกตลอดการดํารงชวี ิต) – พชื ไม่มดี อกสบื พนั ธ์ุโดยใชอ้ ะไร (แนวคําตอบ สปอร์) 2) นักเรยี นชว่ ยกนั ตอบคําถามและแสดงความคิดเหน็ เพื่อเช่อื มโยงไปสู่การเรียนรเู้ รื่อง พชื ดอก ข้ันจดั กิจกรรมการเรียนรู้ จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซึ่งมีขัน้ ตอนดังน้ี 1) ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูเขียนคําว่า “พืชดอก” บนกระดาน แล้วให้นักเรียนช่วยกันอธิบายถึงลักษณะของพืชดอกตาม ความรทู้ ี่มี (แนวคําตอบ มีดอก ใบ และราก) (2) ครูให้นักเรียนช่วยกันบอกชื่อพืชดอกที่นักเรียนรู้จัก และร่วมกันอภิปรายว่าพืชดอกแต่ละชนิดมี ลักษณะใดเหมือนหรือแตกตา่ งกันบ้าง (แนวคําตอบ พืชดอกที่รู้จัก เช่น ดอกกุหลาบและดอกชบา โดยพืชดอก แตล่ ะชนิดมีดอกเหมอื นกัน แตม่ ีลักษณะของดอกแตกต่างกัน) (3) นักเรียนรว่ มกันอภิปรายเกยี่ วกับคําตอบจากคาํ ถามของครูตามประสบการณ์ของนกั เรียน 2) ขั้นสารวจและคน้ หา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศึกษาเรื่องพืชดอกจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียน เขา้ ใจว่า พชื ดอก คือ พืชทโ่ี ตเตม็ ท่แี ล้วจะผลิตดอกออกมาเพื่อทําหน้าท่ใี นการสบื พนั ธ์ุ ดอกของพืชแต่ละชนิดมี รูปร่าง สี และลกั ษณะแตกตา่ งกนั ไปตามชนดิ ของพันธพุ์ ืช (2) แบง่ กลุ่มนกั เรยี น กลมุ่ ละ 5 – 6 คน สํารวจพชื ดอก ตามข้นั ตอนดงั นี้ – สํารวจบริเวณโรงเรียนว่ามีพืชดอกชนิดใดบ้าง และใช้แว่นขยายส่องดูลักษณะต่างๆ ของพืช ดอก – บันทกึ ลักษณะของพืชดอกท่สี งั เกต พรอ้ มทั้งวาดรูปประกอบ – บันทึกจาํ นวนชนดิ ของพืชดอกท่ีพบ และสร้างแผนภูมิแท่งเพื่อเปรียบเทียบจํานวนของพืชดอก แต่ละชนดิ (3) ครูคอยแนะนําช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ บริเวณท่ีสํารวจและเปิด โอกาสให้นกั เรียนทกุ คนซักถามเมือ่ มปี ัญหา 3) ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (1) นักเรียนแต่ละกลมุ่ นาํ เสนอผลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมหนา้ ห้องเรยี น (2) ครูและนักเรียนร่วมกันอภปิ รายผลการปฏิบตั ิกิจกรรมโดยใช้แนวคําถาม เชน่ – บริเวณโรงเรียนมพี ชื ดอกชนิดใดบ้าง (แนวคําตอบ กุหลาบ ชบา พรกิ และกล้วย) – แผนภูมแิ ทง่ ที่ใช้ในการนําเสนอผลการสํารวจมีลักษณะใด (แนวคําตอบ แผนภูมิแท่งมีแกน นอนเปน็ ชนดิ ของพืชดอกและแกนตั้งเปน็ จาํ นวนพืชดอก)

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 – พืชดอกที่สํารวจพบมีลักษณะใดที่แตกต่างกัน (แนวคําตอบ บางชนิดมีเส้นใบแตกต่างกัน และบางชนิดมจี าํ นวนกลีบดอกแตกตา่ งกัน) (3) ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรปุ ผลการปฏิบัตกิ จิ กรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า พืชดอกเป็นพืชที่ สรา้ งดอกเพอื่ ใช้ในการสืบพนั ธ์ุ 4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) ครูให้นักเรียนนําดอกของพืชท่ีสํารวจมาเปรียบเทียบกัน จากน้ันครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า พืชแต่ ละชนิดมลี ักษณะของดอกแตกต่างกนั แต่ดอกทําหน้าที่เดียวกนั คอื สบื พนั ธุ์ 5) ขน้ั ประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อท่ีเรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างท่ียังไม่ เขา้ ใจหรอื ยงั มีข้อสงสยั ถ้ามี ครูช่วยอธบิ ายเพม่ิ เตมิ ให้นกั เรียนเขา้ ใจ (2) นกั เรียนรว่ มกันประเมนิ การปฏบิ ตั ิกจิ กรรมกลมุ่ วา่ มีปญั หาหรืออุปสรรคใดและได้แก้ไขอยา่ งไรบ้าง (3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั แสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกบั ประโยชนท์ ่ไี ด้รบั จากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นําความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยถามคาํ ถามนักเรียน เช่น – พชื ดอกทนี่ ักเรียนรจู้ ักมอี ะไรบา้ ง – พืชดอกมสี ่วนประกอบอะไรบ้าง ขนั้ สรุป ครูและนักเรยี นร่วมกันสรุปเก่ียวกับพชื ดอก โดยร่วมกันเขยี นเปน็ แผนทคี่ วามคดิ หรือผังมโนทศั น์ 10. ส่อื การเรียนรู้ 1. แว่นขยาย 2. คู่มอื การสอน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 3. สื่อการเรยี นรู้ PowerPoint รายวชิ าพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 4 4. แบบฝึกทกั ษะรายวชิ าพืน้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 5. หนงั สอื เรยี นรายวิชาพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 4 11. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรเู้ ร่ืองพืชดอก 2. ตรวจชน้ิ งานหรือภาระงานของ 1. ประเมินเจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ 1. ประเมนิ ทักษะการคดิ โดย กจิ กรรมฝึกทกั ษะระหวา่ งเรยี น เป็นรายบคุ คลโดยการสังเกตและ การสงั เกตการทํางานกลุ่ม ใช้แบบวดั เจตคตทิ าง 2. ประเมนิ พฤติกรรมในการ วทิ ยาศาสตร์ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเป็น 5. ประเมนิ เจตคติตอ่ วทิ ยาศาสตร์ รายบุคคลหรอื รายกลุม่ โดย เป็นรายบคุ คลโดยการสังเกตและ การสังเกตการทาํ งานกลุ่ม

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 ใชแ้ บบวัดเจตคตติ ่อวิทยาศาสตร์ 12. บันทึกผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจาํ นวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นร.ู้ .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงคก์ ารเรียนรู้..................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. นักเรียนนี่ไม่ผ่าน มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นที่ไมผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 2. นักเรยี นมคี วามรู้ความเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรียนมคี วามรเู้ กิดทกั ษะ (P) ................................................................................................. ..................................................... ............................................................................................................................. ......................... 4. นักเรยี นมเี จตคติ ค่านยิ ม คณุ ธรรมจริยธรรม (A) ............................................................................................................................... ....................... ............................................................................................................ .......................................... 12.2 ปญั หา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์ ป. 4 …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตําแหน่ง..................................... ความเห็นของหัวหนา้ สถานศกึ ษา/ผู้ที่ได้รับมอบหมาย ได้ทาํ การตรวจแผนการจดั การเรยี นรู้ของ................................................................แลว้ มคี วามเหน็ ดังน้ี 1. เปน็ แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี  ดีมาก  ดี  พอใช้  ควรปรบั ปรุง 2. การจดั กิจกรรมได้นําเอากระบวนการเรยี นรู้  เน้นผูเ้ รียนเป็นสาํ คญั มาใชใ้ นการสอนไดอ้ ยา่ งเหมาะสม  ยังไม่เน้นผู้เรียนเปน็ สําคัญ ควรปรับปรงุ พัฒนาต่อไป 3. เป็นแผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี  นาํ ไปใชไ้ ด้จริง  ควรปรบั ปรุงก่อนนําไปใช้ 4. ขอ้ เสนอแนะอื่นๆ ............................................................................................................................. ................................................. ............................................................................................................................................ .................................. ................................................................................................. ............................................................................. ลงชอ่ื .................................................. (.................................................) ตาํ แหน่ง............................................

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 10 สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์ รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 4 ภาคเรยี นที่ 1 ปกี ารศึกษา 2561 หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 1 เรอื่ ง พชื ดอก (2) เวลา 1 ช่วั โมง วนั ท่ี............เดือน..........................................พ.ศ.......................ครูผ้สู อน............................................................ ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสําคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พันธุกรรม การเปลยี่ นแปลงทางพนั ธกุ รรมท่มี ผี ลตอ่ สง่ิ มชี วี ิต ความหลากหลายทางชวี ภาพ และวิวฒั นาการของ สิง่ มชี ีวิต รวมท้ังนาํ ความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ 2. ตวั ช้ีวดั ชนั้ ปี จาํ แนกพชื ออกเป็นพืชดอกและพืชไมม่ ดี อกโดยใชก้ ารมีดอกเปน็ เกณฑ์ โดยใช้ข้อมูลที่รวบรวมได้ (ว 1.3 ป. 4/2) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. สังเกตและอธบิ ายลกั ษณะของพืชดอกได้ (K) 2. มีความสนใจใฝรุ หู้ รืออยากรูอ้ ยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรู้ทเ่ี ก่ียวกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทํางานรว่ มกบั ผูอ้ ืน่ อย่างสรา้ งสรรค์ (A) 5. สื่อสารและนําความรูเ้ รื่องพืชดอกไปใช้ในชวี ติ ประจําวนั ได้ (P) 4. สาระสาคญั พืชดอกเม่ือเจริญเตบิ โตเต็มที่จะมดี อกสําหรบั สบื พันธุ์ 5. สาระการเรียนรู้ ความหลากหลายของพืช – พชื ดอก 6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝเุ รยี นรู้

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์ ป. 4 3. มงุ่ มนั่ ในการทาํ งาน 4. มจี ติ วิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน สร้างผลงานศิลปะจากดอกของพืช 9. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้ันนาเขา้ สู่บทเรยี น 1) ครทู บทวนความรเู้ ดมิ โดยถามนักเรียนว่า พืชดอกแตกต่างจากพืชไม่มีดอกลักษณะใด (แนวคําตอบ พืชดอกมดี อกทีใ่ ชใ้ นการสบื พันธ์ุ ส่วนพืชไมม่ ดี อกใชส้ ปอรใ์ นการสบื พนั ธ์)ุ 2) นักเรยี นช่วยกนั ตอบคําถามและแสดงความคิดเห็นเกย่ี วกบั คาํ ตอบของคาํ ถาม เพอ่ื เช่ือมโยงไปสู่การ เรยี นรเู้ รื่อง พชื ดอก ขัน้ จัดกิจกรรมการเรียนรู้ จัดกจิ กรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซึ่งมีข้นั ตอนดงั นี้ 1) ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูให้นักเรียนบอกชื่อดอกของพืชท่ีชอบพร้อมเหตุผล (แนวคําตอบ ดอกชบา เพราะมีสีสัน สวยงาม) (2) นักเรียนรว่ มกันอภิปรายเกยี่ วกบั คาํ ตอบจากคําถามของครูตามประสบการณ์ของนกั เรยี น 2) ขั้นสารวจและคน้ หา (Exploration) (1) ครูให้นักเรียนสร้างผลงานศิลปะจากดอกของพืช โดยให้นักเรียนสํารวจบริเวณโรงเรียนและ รวบรวมดอกของพืชที่สํารวจได้ จากนั้นออกแบบผลงานศิลปะจากดอกของพืชท่ีรวบรวมได้และลงมือทํา แล้ว นําผลงานของแตล่ ะคนมาจัดแสดง (2) ครูคอยแนะนาํ ชว่ ยเหลอื นกั เรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ ักเรียนทกุ คนซักถามเม่อื มปี ญั หา 3) ขน้ั อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) (1) นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มสง่ ตัวแทนกลมุ่ นําเสนอผลการปฏบิ ัติกิจกรรมหนา้ ห้องเรยี น (2) นกั เรียนและครรู ว่ มกันอภปิ รายและหาข้อสรุปจากการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม โดยใช้แนวคําถาม ต่อไปน้ี – นกั เรยี นสร้างผลงานศิลปะทมี่ ีชอ่ื วา่ อะไร (แนวคาํ ตอบ โลกใตน้ ํ้า) – ดอกของพืชที่ใช้มีอะไรบ้าง (แนวคําตอบ ดอกอัญชัน ดอกกุหลาบ ดอกเฟ่ืองฟูา และดอก ชวนชม) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า ดอกของพืชแต่ ละชนดิ มีรูปรา่ งและสสี นั แตกตา่ งกัน


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook