4. การวเิ คราะห์ผลงานศิลปะของเดก็ ปฐมวยั การวเิ คราะห์ผลงานศิลปะของเดก็ โดยการนาความรู้ทางพฒั นาการมาใชเ้ ป็นตวั กาหนด ทิศทาง เพื่อสร้างความ เขา้ ใจในส่ิงที่สามารถมองเห็นภายนอก และส่ิงท่ีซ่อนแฝงเร้นอยภู่ ายใน ท้งั น้ี เราสามารถมองรับรู้และเห็นความเจริญงอกงาม ของการเปล่ียนแปลงท้งั ดา้ นลบและดา้ นบวกได้ การ วเิ คราะห์เชิงพฒั นาการ สามารถแบง่ ออกเป็น 2 ดา้ น คือ 1. วเิ คราะห์ดา้ นพฒั นาการของเด็ก 1.1 ทางร่างกาย 1.2 ทางอารมณ์ 1.3 ทางสงั คม 1.4 ทางสติปัญญา 2. วเิ คราะห์เชิงพฒั นาการทางศิลปะ 2.1 อายุ 2 ถึง 4 ขวบ “ข้นั การขีดเขียน” ในระยะน้ีเดก็ จะมีพฒั นาการดา้ นศิลปะเป็น 4 ระยะ ระยะที่ 1 การขีดเขียนเป็นเส้นยงุ่ ๆ ระยะที่ 2 การเขียนเสน้ ยาว ระยะท่ี 3 การเขียนเป็นวงกลม ระยะที่ 4 การต้งั ช่ือเส้นที่เขียน
ระยะที่ 1 การขีดเขียนเป็นเสน้ ยงุ่ ๆ ระยะท่ี 2 การเขียนเส้นยาว แหล่งที่มา : https://www.healthcarethai.com
ระยะท่ี 3 การเขียนเป็นวงกลม ระยะท่ี 4 การต้งั ชื่อเสน้ ที่เขียน
2.2 อายุ 4-6 ปี เป็นข้นั การขีดเขียนอยา่ งมีความหมาย เดก็ ในข้นั น้ีพฒั นาการจะมี การเขียนเพ่ิมจากวงกลม เป็นวงรี สามเหลี่ยม สี่เหลี่ยม สามารถนามาผสมผสาน และต่อเติมได้ แตภ่ าพ ท่ีวาดยงั มีลกั ษณะเป็นเสน้ ที่ไม่ มีความหนา การวาดดวงตามีลกั ษณะเป็นจุด ตามความ พอใจของเดก็ เองการประเมินพฒั นาการเดก็ ควร คานึงถึงพฒั นาการและความสามารถตามวยั ของเด็ก โดยเมื่อมีการประเมินแลว้ อาจจะมีการจดั กลุ่มเดก็ ตาม ระดบั ความสามารถ เพื่อง่ายตอ่ การจดั กิจกรรมเพื่อ กระตนุ้ พฒั นาการ
การประเมนิ ด้านความคดิ สร้างสรรค์ หลกั ของการวดั และประเมินความคิดสร้างสรรคข์ องกรรณิการ์ สุสม เด็กจะแสดงออกทางความคิดสร้างสรรคไ์ ด้ ตอ้ งมีหลกั การวดั และประเมินความคิดสร้างสรรค์ 1. บรรยากาศของการวดั ความคิดสร้างสรรค์ 2. บรรยากาศของการวดั แตล่ ะคร้ัง ตอ้ งไม่ใช่การแขง่ ขนั หรือการกระทาท่ีมีถูกมีผดิ 3. ครูจะตอ้ งไมน่ าผลการวดั หรือการทดสอบมาเปรียบเทียบกบั เดก็ คนอ่ืน 4. นาผลที่ไดจ้ ากการวดั มาวิเคราะห์เพื่อจดั กิจกรรมส่งเสริมความคิดสร้างสรรคข์ องเด็ก เทคนิควิธีวดั ความคิดสร้างสรรค์ สาหรับเดก็ ปฐมวยั การวดั ความคิดสร้างสรรคข์ องเดก็ มีวิธีวดั อยู่ หลายวธิ ี ซ่ึง อาร์ รังสินนั ท์ (2532, : 164 - 165) 1. การสงั เกต 2. การวาดภาพ กรรณิการ์ สุสม (2550) กล่าววา่ เทคนิควธิ ีการประเมินพฒั นาการทางความคิดสร้างสรรคเ์ พม่ิ เติม ดงั น้ี 1. แฟ้มสะสมงาน 2. การสนทนาบอกเล่าเกี่ยวกบั ผลงาน
แบบทดสอบวดั ความคดิ สรา้ งสรรค์ The Test for Creative Thinking Drawing Production (TCT-DP) สรา้ งขน้ึ โดย Jellen และ Urban การใช้แบบทดสอบ 1. ผเู้ ขา้ รบั การทดสอบจะไดร้ บั แบบทดสอบความคดิ สรา้ งสรรค์ TCP-DP และดนิ สอดาทไ่ี มม่ ยี างลบ เพอ่ื มใิ หผ้ เู้ ขา้ รบั การทดสอบเปลย่ี นภาพทว่ี าดแลว้ 2. ผทู้ ดสอบอ่านคาสงั ่ ชา้ ๆ และชดั เจน ดงั น้ี “ ภาพทว่ี าดอย่ขู า้ งหน้าเดก็ ๆ ขณะน้เี ป็นภาพทย่ี งั ไมส่ มบรู ณ์ ผวู้ าดเรมิ่ ลงมอื วาด แต่ถูกขดั จงั หวะเสยี กอ่ น ขอใหเ้ ดก็ ๆ วาดต่อใหส้ มบรู ณ์ จะวาดเป็นภาพอะไรกไ็ ด้ ตามทเ่ี ดก็ ๆ ตอ้ งการตามจนิ ตนาการ ไมม่ กี ารวาดภาพใดๆ ทถ่ี อื ว่าผดิ ภาพทุก ภาพเป็นสง่ิ ทถ่ี กู ตอ้ งทงั้ สน้ิ เมอ่ื วาดภาพเสรจ็ แลว้ ขอใหน้ ามาส่งครู ” แบบทดสอบความคดิ สรา้ งสรรคจ์ ากผลการวาดภาพ TCT – DP โรงเรยี นเมรอ่ี มิ มาคเุ ลต คอนแวนตอ์ าเภอเมอื ง จงั หวดั ชลบรุ :ี learn.rru.ac.th/moodle/moodle/file.../1/.../_TCT.docx
3. เม่ือผเู้ ขา้ รับการทดสอบเขา้ ใจแลว้ ใหล้ งมือวาดภาพ และถา้ หากมีคาํ ถามในช่วงท่กี าํ ลงั ทาํ แบบทดสอบ ผทดสอบอาจจะตอบคาํ ถามได้ เช่น “ หนูจะวาดรูปอะไร “ ใหค้ รูตอบไดว้ า่ “ เดก็ ๆ อยากวาดภาพอะไร ก็ไดต้ ามทอี่ ยากจะวาด รูปทีว่ าดเป็นสิ่งถูกตอ้ งท้งั สิ้น ทาํ อยา่ งไรกไ็ ด้ ไม่มีส่ิงใดผดิ ” หากผเู้ ขา้ รับการทดสอบยงั มี คาํ ถามเช่น ถามถึงชิน้ ส่วนท่ีปรากฏอยนู่ อกกรอบ ก็ใหต้ อบในทาํ นองเดิม หา้ มอธิบายเน้ือหาหรือวิธีการใดๆ เพิม่ เติม นอกจากน้ีควรหลีกเล่ียงการพาดพิงถึงเวลาที่ควรใชใ้ นการวาดภาพ ครูควรพดู ทาํ นองทว่ี า่ เร่ิมวาดไดเ้ ลยไม่ตอ้ งกงั วล เร่ืองเวลา 4. ผทู้ ดสอบตอ้ งจดบนั ทกึ เวลาการทาํ แบบทดสอบของผูท้ ี่ทาํ เสร็จก่อน 12 นาที โดยจดบนั ทึก อายุ เพศ ช่ือผเู้ ขา้ รับการทดสอบในช่องวา่ งมุมขวาของกระดาษทดสอบ 5. ผทู้ ดสอบบอกใหผ้ เู้ ขา้ รับการทดสอบต้งั ช่ือเร่ือง ควรพดู เบาๆ โดยไม่รบกวนผเู้ ขา้ รับการทดสอบคน อื่นทยี่ งั ทาํ ไม่เสร็จ แลว้ เขียนชื่อเรื่องไวท้ มี่ ุมขวาบน เพราะจะใชเ้ ป็นขอ้ มูลสาํ คญั ในการแปลผลการวาดภาพ 6. ในการทดสอบกาํ หนดเวลา 15 นาที หลงั จากน้นั ผทู้ ดสอบจะเก็บขอ้ มูลท้งั หมด เขียนชื่อ อายุ เพศ และช่ือภาพ ไวท้ ่มี ุมขวาของแบบทดสอบ แบบทดสอบความคดิ สรา้ งสรรคจ์ ากผลการวาดภาพ TCT – DP โรงเรยี นเมรอ่ี มิ มาคเุ ลต คอนแวนตอ์ าเภอเมอื ง จงั หวดั ชลบุร:ี learn.rru.ac.th/moodle/moodle/file.../1/.../_TCT.docx
เกณฑก์ ารประเมินผลเพอ่ื ให้คะแนน 1.การต่อเติม 2.ความสมบูรณ์ 3.ภาพที่สร้างข้ึนใหม่ 4.การต่อเน่ืองดว้ ยเสน้ 5.การต่อเนื่องท่ีทาํ ใหเ้ กิดเป็นเรื่องราว 6.การขา้ มเส้นก้นั เขต โดยใชช้ ิน้ ส่วนทก่ี าํ หนดให้ นอกกรอบใหญ่ 7.การขา้ มเส้นก้นั อยา่ งอสิ ระ โดยไม่ใชช้ ิ้นส่วนทก่ี าํ หนดใหน้ อกกรอบใหญ่ 8.การแสดงความลึก ใกล้ – ไกล หรือมิติของภาพ 9.อารมณ์ขนั 10.การคิดแปลกใหม่ ไม่ติดตามแบบแผน 11.ความเร็ว แบบทดสอบความคดิ สรา้ งสรรคจ์ ากผลการวาดภาพ TCT – DP โรงเรยี นเมรอ่ี มิ มาคเุ ลต คอนแวนตอ์ าเภอเมอื ง จงั หวดั ชลบุร:ี learn.rru.ac.th/moodle/moodle/file.../1/.../_TCT.docx
คะแนนรวมของแบบทดสอบ ตามปกตแิ ลว้ ดา้ นหลงั ของแบบทดสอบจะมชี อ่ งใหค้ ะแนนอยู่ 11 ชอ่ ง แต่ละชอ่ งจะมี รหสั ใหค้ ะแนน วธิ กี ารใหค้ ะแนน เพยี งแต่พบั สว่ นลา่ งของแบบทดสอบขน้ึ มากส็ ามารถใหค้ ะแนน ไดท้ นั ที คะแนนรวมของแบบทดสอบ TCT-DP คอื 72 คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินระดบั ความสามารถในการคิดสรา้ งสรรคข์ องแบบทดสอบความคิด สรา้ งสรรค์ TCT – DP เป็นดงั นี้ 1. ไดค้ ะแนนรวมต่ากวา่ 24 คะแนน มคี วามคดิ สรา้ งสรรคอ์ ยใู่ นระดบั ต่า 2. ไดค้ ะแนนรวมระหว่าง 24 – 47 คะแนน มคี วามคดิ สรา้ งสรรคอ์ ย่ใู นระดบั ปานกลาง 3. ไดค้ ะแนนรวมตงั้ แต่ 48 คะแนนขน้ึ ไป มคี วามคดิ สรา้ งสรรคอ์ ยใู่ นระดบั สูง แบบทดสอบความคดิ สรา้ งสรรคจ์ ากผลการวาดภาพ TCT – DP โรงเรยี นเมรอ่ี มิ มาคเุ ลต คอนแวนตอ์ าเภอเมอื ง จงั หวดั ชลบรุ :ี learn.rru.ac.th/moodle/moodle/file.../1/.../_TCT.docx
05 กจิ กรรมศิลปะที่น่าสนใจ ทนั สมยั ทนั ต่อการเปลยี่ นแปลง
กจิ กรรมศิลปะสาหรับเดก็ พเิ ศษ กจิ กรรมศิลปะสาหรับเดก็ ออทิสตกิ ออทิสติก (Autistic Disorder) เป็นโรคทางจิตเวชท่ีมี ความบกพร่องทางสมองท่ีลา่ ชา้ 3 ดา้ นคือดา้ นสงั คม ดา้ นการ ส่ือสาร และพฤติกรรมการส่งเสริมพฒั นาในการช่วยเหลือเดก็ ออทิสติกมีหลากหลายแนวทางดว้ ยกนั ซ่ึงการท่ีเดก็ ออทิสติกได้ ทากิจกรรมศิลปะเป็นการช่วยเสริมพฒั นาการ และเสริมสร้างทาง ความคิดสร้างสรรคน์ อกจากน้นั แลว้ เดก็ ออทิสติกจะเรียนรู้เห็นถึง คุณค่าของงานศิลปะรวมถึงไดเ้ รียนรู้ถึงเทคนิคและวธิ ีการในงาน สร้างสรรคง์ านศิลปะ แหล่งทมี่ า : อรจิรา จะแรบรมั ย.์ (2561).กิจกรรมศลิ ปะบาบดั เพอื่ พฒั นาความคิดสร้างสรรคข์ องเด็กออทิสติก. วารสารสานกั บริการวชิ าการ มหาวทิ ยาลยั ขอนแก่น.
1. การสอนศิลปะสาหรับเดก็ ออทิสติกควรคานึงพฒั นาการทางดา้ นต่างๆ ดงั น้ี 1.1 พฒั นาการดา้ นสติปัญญา 1.2 พฒั นาการดา้ นอารมณ์ 1.3 พฒั นาการดา้ นสงั คม 1.4 พฒั นาการดา้ นร่างกาย 1.5 พฒั นาการดา้ นสุนทรียภาพและลกั ษณะนิสยั 2การส่งเสริมความคิดสร้างสรรคท์ างศิลปะของเดก็ ออทิสติก 3. การจดั กิจกรรมทางศิลปะ 3.1 กิจกรรมพิมพภ์ าพจากนิ้วมือ 3.2 กิจกรรมวาดภาพบนกระดาษทราย 3.3 กิจกรรมประดิษฐต์ กุ๊ ตาจากเศษวสั ดุ
2.1 กิจกรรมพิมพภ์ าพจากนิ้วมือ 2.2 กิจกรรมวาดภาพบนกระดาษทราย แหล่งที่มา : http://www.sriwittaya.ac.th/ แหล่งท่มี า : https://www.youtube.com/watch?v=p1nr6tA7CSU
2.3 กิจกรรมประดิษฐต์ ุก๊ ตาจากเศษวสั ดุ แหล่งที่มา : http://wiparatschool.ac.th/gallery-detail_50158
กจิ กรรมศิลปะสาหรับเดก็ ท่ีมคี วามบกพร่องทางสตปิ ัญญา กรมสามญั ศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ไดแ้ บง่ ประเภทของเด็ก ที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา เป็น 2 ประเภท 1. เด็กเรียนชา้ 2. เด็กปัญญาออ่ น กิจกรรมที่เหมาะสมและสอดคลอ้ งกบั ความสามารถและพฒั นาการของเดก็ ท่ีมีความบกพร่อง ทางสติปัญญา 1.แผนการจดั กิจกรรมท่ี1 กิจกรรมศิลปะเพื่อพฒั นาความคิดริเริ่ม 2. แผนการจดั กิจกรรมท่ี 2 กิจกรรมศิลปะเพือ่ พฒั นาความคิดคล่อง 3. แผนการจดั กิจกรรมท่ี 3 กิจกรรมศิลปะเพื่อพฒั นาความคิดยดื หยนุ่ 4. แผนการจดั กิจกรรมท่ี 4 กิจกรรมศิลปะเพือ่ พฒั นาความคิดละเอียดลออ แหลง่ ท่ีมา : วาสนา บวั งาม.(2550). การพฒั นาความคิดสร้างสรรคข์ องเดก็ ที่มีคสามบกพร่องทางสติปัญญาระดบั เรียนไดโ้ ดยใชก้ ิจกรรมศิลปะ.มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่.
การเลือก สื่อ วสั ดุ อปุ กรณ์ในการจดั กจิ กรรมศิลปะสร้างสรรค์ วิบูลลกั ษณ์ สารจิตร2548: 219) กล่าววา่ วสั ดุเหลือใชต้ ่างๆอาจแยกเป็นประเภทได้ ดงั น้ี 1. เคร่ืองใชส้ านกั งาน 2. วสั ดุในครัวเรือน 3. กอ้ นหิน 4. สตั ว์ 5. พืช สานกั วิชาการและมาตรฐานการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ (2546: 82) กล่าวถึงขอ้ ควร ระวงั ในการใชส้ ่ือในระดบั ปฐมวยั มีดงั น้ี 1. วสั ดุที่ใชต้ อ้ งไมเ่ ป็นพิษ 2. ขนาดไม่ควรมีขนาดใหญเ่ กินไป 3. รูปทรง ไม่เป็นรูปทรงแหลม 4. น้าหนกั ไมค่ วรมีน้าหนกั มาก 5. มีความปลอดภยั 6.สี หลีกเล่ียงสีที่เป็นอนั ตรายกบั สายตา แหล่งที่มา : วาสนา บวั งาม.(2550). การพฒั นาความคิดสร้างสรรคข์ องเด็กท่ีมีคสามบกพร่องทางสติปัญญาระดบั เรียนไดโ้ ดยใชก้ จิ กรรมศิลปะ.มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม่.
การเลือก สื่อ วสั ดุ อปุ กรณ์ในการจดั กจิ กรรมศิลปะสร้างสรรค์ วบิ ลู ลกั ษณ์ สารจิตร2548: 219) กล่าวว่า วสั ดุเหลือใชต้ ่างๆอาจแยกเป็นประเภทได้ ดงั น้ี 1. เครื่องใชส้ านกั งาน เช่น การสองหนา้ ชิ้นบาง กรรไกร ปื นกาวร้อนขนาดเลก็ แกนทิชชู คดั เตอร์ กระดาษสี ไมบ้ รรทดั เป็นตน้ แหล่งท่ีมา : https://www.youngciety.com/assets/images/article/chinese-lantern/chinese-lantern-1-1.jpg
การเลือก สื่อ วสั ดุ อุปกรณ์ในการจัดกจิ กรรมศิลปะสร้างสรรค์ 2. วสั ดุในครัวเรือน เช่น ขนั แกว้ น้าพลาสติก กล่องใส่อาหาร กะละมงั เป็นตน้ แหล่งทีม่ า : https://jam-janeplastic.yellowpages.co.th/sites/storage/files/users/e/d/e/2/ede28ab8-80d8-416d-8538-a6a50cced847/zcfbh.jpg
การเลือก ส่ือ วสั ดุ อปุ กรณ์ในการจัดกจิ กรรมศิลปะสร้างสรรค์ 3. กอ้ นหิน หรือ เมลด็ ทราย แหล่งท่ีมา:https://3.bp.blogspot.com/_G2G23a2KTs/XDdbNhFobgI/ แหล่งท่มี า : data:image/jpeg AAAAAAAAAbU/IGTckSJMy74V3U99SXnOIqBBbthiD53tACLc BGAs/s1600/stone.jpg
การเลือก ส่ือ วสั ดุ อปุ กรณ์ในการจดั กจิ กรรมศิลปะสร้างสรรค์ 4. สัตวต์ ่างๆชนิดพลาสติก แหล่งทม่ี า : https://ae01.alicdn.com/kf/H893d6810edd643ed81afe66cf4497225t/12pcs.jpg_q50.jpg
การเลือก สื่อ วสั ดุ อปุ กรณ์ในการจัดกจิ กรรมศิลปะสร้างสรรค์ 5. ก่ิงไม้ และใบไม้ แหล่งที่มา แหล่งที่มา :https://cf.shopee.co.th/file/d08b3b5b0b25be233ff2a5cae4d :https://cf.shopee.co.th/file/6fc147043799ca0f7f0e32e9cd6ac9f8 6b705
สานกั วิชาการและมาตรฐานการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ (2546: 82) กล่าวถึงขอ้ ควร ระวงั ในการใชส้ ่ือในระดบั ปฐมวยั มีดงั น้ี 1. วสั ดุที่ใชต้ อ้ งไมเ่ ป็นพษิ 2. ขนาดไมค่ วรมีขนาดใหญ่เกินไป 3. รูปทรง ไม่เป็นรูปทรงแหลม 4. น้าหนกั ไมค่ วรมีน้าหนกั มาก 5. มีความปลอดภยั 6.สี หลีกเลี่ยงสีท่ีเป็นอนั ตรายกบั สายตา
สมาชิก นางสาวกลุ ภรณ์ เพช็ รใจศกั ด์ิ รหสั นกั ศึกษา63121860007 นางสาวธนภรณ์ เขียวจนั ทร์ รหสั นกั ศึกษา 63121860017 นางสาวกญั ญารัตน์ เตชะดี รหสั นกั ศึกษา 63121860020 นางสาวนรินทร์ จ่าพนั ดุง รหสั นกั ศึกษา 63121860027 นางสาวภาวดิ า ภู่แจ่ม รหสั นกั ศึกษา 63121860028 นางสาวณฐั ธิตา เครือวนั 63121860034 นายธนธรณ์ อนุ่ เมือง 63121860037 นาวาสุธิชา อินทร์ทรัพย์ 63121860052
ทฤษฎีและแนวคิดในการพฒั นาศิลปะเพ่ือส่งเสริมกลา้ มเน้ือมดั เลก็ ในประเทศและต่างประเทศการประเมินทกั ษะการใชก้ ลา้ มเน้ือมดั เลก็ การออกแบบกิจกรรมศิลปะสาหรับเดก็ ปฐมวยั เพ่ือส่งเสริมกลา้ มเน้ือมดั เลก็ ในอดีต และปัจจุบนั มีลกั ษณะกิจกรรมที่น่าสนใจ ทนั สมยั ทนั ต่อการ เปลี่ยนแปลง
01 02 03 หลกั การและแนวคดิ เกย่ี วกบั การ หลกั การแนวคดิ เกย่ี วกบั กจิ กรรม ลักษณะของการทากจิ กรรมศิลปะ พัฒนากลา้ มเนอื้ มดั เลก็ ศิลปะเพื่อพัฒนากล้ามเนอื้ มดั เลก็ เพื่อพัฒนากลา้ มเนอื้ ทที่ นั สมยั สาหรบั เดก็ ปฐมวยั น่าสนใจและทนั ตอ่ การ สาหรบั เดก็ ปฐมวยั เปลยี่ นแปลง 04 05 การจดั กจิ กรรมศิลปะเพื่อ การจดั กจิ กรรมเพื่อพัฒนา พัฒนากลา้ มเนอื้ มดั เลก็ กลา้ มเนอ้ื มดั เลก็ สาหรบั เดก็ สาหรบั เดก็ ปฐมวยั ปฐมวยั
01 หลักการและแนวคิดเก่ยี วกบั การพัฒนา กล้ามเนือ้ มดั เล็กสาหรับเดก็ ปฐมวยั
ความหมายของความสามารถในการใช้กล้าเน้อื มัดเล็ก ความหมายของความสามารถในการใชก้ ลา้ เนือ้ มดั เลก็ หมายถึง ความสามารถในการบงั คบั ใชก้ ลา้ มเนอื้ มอื น้วิ มอื และประสานสัมพนั ธ์ระหวา่ งมือกบั ตาในการทากิจกรรมต่างๆไดอ้ ย่างคลอ่ งแคลว่ มน่ั คง มผี ้ใู ห้ความหมายของความสามารถในการใชก้ ล้ามเนอ้ื มัดเลก็ ไวด้ งั น้ี ท่ีมา : รวพิ ร ผาด่าน.(2557). ความสามารถในการใช้กลา้ มเนอื้ มัดเลก็ ของเดก็ ปฐมวยั ทีไ่ ดจ้ ากกจิ กรรมศลิ ปะสรา้ งสรรค์ ฉดี ตัด ปะ. มหาวิทยาลยั ศรนี ครินวโิ รฒ
กีเซล (2554:178-179) กล่าวว่า ความสามารถในการใช้กลา้ มเนือ้ มดั เลก็ ของเดก็ สามารถแบง่ ออกเปน็ ระยะและมีขน้ั ตอนพัฒนาการ เรมิ่ จากขั้น แรก คือการใชม้ อื ตะปบ ขน้ั สองการจับของดว้ ยนิ้ว 4 นวิ้ ติดกนั กับฝา่ มือ โดยเริม่ ใช้ฝา่ มอื ตอนใกล้สนั มือ ข้นั สามเลื่อนไปใช้กลางใจมือ จากนั้นหวั แมม่ ือจงึ ค่อย เคลอ่ื นมาจบั และขั้นสี่ การหยบิ ของด้วยหวั แมม่ อื กบั ปลายน้ิว สรปุ ได้วา่ ความหมายของการพฒั นาการใช้กล้ามเนอื้ มดั เล็ก หมายถึง ความสามารถในการบงั คับการเคลื่อนไหวของ นวิ้ มอื กล้ามเนื้อมอื ไหลใ่ ห้ประสาน สมั พนั ธ์กับสายตาและประสาทสัมผสั ให้ทางานประสานกนั อยา่ ง เป็นอยา่ งดใี นการ เคล่ือนไหวต่างๆ ท่ีมา : รวิพร ผาดา่ น.(2557). ความสามารถในการใช้กลา้ มเนื้อมดั เล็กของเดก็ ปฐมวยั ทไ่ี ดจ้ ากกจิ กรรมศลิ ปะสรา้ งสรรค์ ฉีด ตดั ปะ. มหาวทิ ยาลัยศรีนครนิ วโิ รฒ
กลุ ยา ตันตผิ ลาชวี ะ (2547:101) กลา่ ววา่ ความสามารถในการใช้กลา้ มเนอื้ มัดเลก็ หมายถงึ การสรา้ งเสริม ความสามารถในการหยิบจับ คัดเขียน และทากจิ กรรมท่ตี อ้ งใชก้ ล้ามเนอ้ื นว้ิ มือ ฝา่ มอื และข้อต่อ อธฐิ าน พลู ศลิ ป์ศกั ดิ์กุล (2556:111) กลา่ ววา่ กล้ามเนอ้ื มัดเล็กเปน็ กล้ามเนอื้ ท่ีใชใ้ นการทางานละเอียด ทไ่ี ม่ ตอ้ งอาศัยการเคล่อื นไหวของรา่ งกาย สว่ นใหญเ่ ป็นกล้ามเน้อื มัดเลก็ ที่นิว้ มอื โดยตอ้ งสานสมั พนั ธก์ ับสายตา ท่มี า : รวิพร ผาดา่ น.(2557). ความสามารถในการใชก้ ลา้ มเนอ้ื มดั เล็กของเดก็ ปฐมวัยท่ีไดจ้ ากกจิ กรรมศลิ ปะสรา้ งสรรค์ ฉีด ตัด ปะ. มหาวิทยาลัยศรนี ครินวโิ รฒ
ความสาคญั ของทกั ษะการใชก้ ลา้ มเนอื้ มดั เลก็ อธษิ ฐาน พลู ศลิ ป์ศักดกิ์ ุล(2556: 111) กล่าวว่า กล้ามเนื้อมดั เล็กเป็นกล้ามเน้ือทีใ่ ชใ้ นการ ทางานละเอียดท่ีไมต่ อ้ งอาศยั การเคลอื่ นไหวของรา่ งกาย สว่ นใหญ่เปน็ การใช้กลา้ มเนือ้ มัดเลก็ ทนี่ ้วิ มอื โดย ตอ้ งทางานสมั พันธ์กับสายตาด้วยตนเอง เชน่ การใส่กระดุม ลูดซปิ แปรงฟนั ผูกเชอื กรองเทา้ งานศิลปะ รวมทั้งการขดี เขยี นถ้าเดก็ ได้ใชก้ ลา้ มเน้อื ไดค้ ลอ่ งแคลว่ ช่วยพฒั นาการดา้ นตา่ งๆ ท่ีมา : รวพิ ร ผาดา่ น.(2557). ความสามารถในการใช้กลา้ มเนอื้ มัดเลก็ ของเดก็ ปฐมวัยทีไ่ ดจ้ ากกจิ กรรมศลิ ปะสรา้ งสรรค์ ฉดี ตดั ปะ. มหาวทิ ยาลัยศรีนครินวโิ รฒ
เกียรติวรรณ (2559:9) กล่าววา่ ฐานของสมองผ้ทู ี่ได้รับการบรหิ ารมอื มาตัง้ แตเ่ ด็กๆ จะเป็นผูท้ ม่ี สี มองดี มีความคิดฉบั ไว การฝกึ ฝนคลอ่ งแคล่ว ใช้กล้ามเน้ือมือมีความสัมพันธ์อย่างมาก กบั ความคดิ ฉับไวของเด็ก ในทางตรงขา้ มเดก็ ที่ไมม่ ีความสามารถเคลื่อนไหวน้วิ มอื ได้คลอ่ งแคลว่ มกั จะคิดอะไรช้าไปด้วย สรปุ ไดว้ า่ ความสามารถในการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กมคี วามสาคัญอยา่ งยง่ิ ตอ่ เล็กเปน็ อยา่ งมากและเปน็ อวยั วะท่ีสาคญั ในการเคลอ่ื นไหวกลา้ มเนื้อมือ นิ้วมือ แขนทางานร่วมกันกบั กลา้ มเน้ือตาให้ประสานงานกนั อยา่ งลง ตัว และทาให้เด็กสามารถทากจิ วตั รประจาวันตา่ งๆ ไดอ้ ยา่ งคล่องแคลว่ การบริหารกล้ามเน้ือมอื กับตาบ่อยๆจะ ส่งผลใหเ้ กดิ การพัฒนาสมองทด่ี ีตามไปด้วย ตลอดจนการขีดเขียนของเดก็ ต่อไป ทม่ี า : รวพิ ร ผาด่าน.(2557). ความสามารถในการใชก้ ล้ามเนอื้ มัดเล็กของเดก็ ปฐมวยั ท่ไี ดจ้ ากกจิ กรรมศลิ ปะสรา้ งสรรค์ ฉดี ตดั ปะ. มหาวิทยาลยั ศรีนครินวิโรฒ
ทฤษฎที เ่ี กยี่ วขอ้ งกบั การพัฒนาทกั ษะการใชก้ ลา้ มเนอ้ื มดั เลก็ กีเซล (2554:178-179) กล่าววา่ ความสามารถในการใช้กล้ามเนอ้ื มัดเลก็ ของเด็กสามารถแบง่ ออกเป็นระยะและมขี ัน้ ตอนพัฒนาการ เริ่มจากข้นั แรก คือการใชม้ อื ตะปบ ขั้นสองการจับของด้วยน้ิว 4 น้ิว ตดิ กัน กับฝา่ มือ โดยเร่ิมใช้ฝา่ มือตอนใกล้สนั มอื ข้ันสามเลือ่ นไปใช้กลางใจมือ จากนนั้ หัวแม่มอื จึงคอ่ ยเคลอ่ื น มาจบั และข้นั ส่ี การหยิบของด้วยหัวแมม่ อื กับปลายน้ิว ท่ีมา : รวพิ ร ผาดา่ น.(2557). ความสามารถในการใชก้ ล้ามเนอื้ มัดเล็กของเดก็ ปฐมวัยท่ีไดจ้ ากกจิ กรรมศลิ ปะสรา้ งสรรค์ ฉดี ตัด ปะ. มหาวิทยาลัยศรนี ครินวโิ รฒ
02 หลักการแนวคิดเกีย่ วกับกจิ กรรมศิลปะเพื่อ พัฒนากล้ามเนอื้ มัดเลก็ สาหรบั เดก็ ปฐมวัย
ความหมายของกจิ กรรมศิลปะสร้างสรรค์ กิจกรรมศลิ ปะ หมายถึง กจิ กรรมทเี่ กี่ยวขอ้ งกับงานศิลปศึกษาต่างๆ ไดแ้ ก่ การวาด ระบาย สี การปัน้ การพมิ พภ์ าพ การพบั การตัด ฉกี ปะ และประดิษฐ์เศษวัสดุ ท่มี ุ่งพัฒนากระบวนการ สรา้ งสรรค์ การรับร้เู กี่ยวกบั ความงาม และส่งเสรมิ กระตนุ้ ให้เด็กแตล่ ะคนได้แสดงออกตามความรู้สึกและ ความสามารถของตน เยาวพา เดชะคุปต์(2542:36) คอื สงิ่ ที่จะชว่ ยเป็นแนวทางใหเ้ ด็กไดแ้ สดงความสามารถ ความรสู้ กึ นึกคดิ ของตนเองออกมาในรูปของกิจกรรม ทเ่ี ดก็ มีจนิ ตนาการเหล่านน้ั อาจอยู่ในรปู อาจอยู่ใน วตั ถุ สงิ่ ของหรอื รูปภาพ ซงึ่ เด็กจะใช้ศลิ ปะเพือ่ สื่อในสิ่งทเ่ี ดก็ กระทา รจู้ ักคน้ ควา้ ทดลองและส่ือความคดิ ของตนเองให้ผู้อ่ืนเขา้ ใจ อ้างอิง(สานกั งานคณะกรรมการการประถมศกึ ษาแหง่ ชาต:ิ 2546
วรางคณา กันประชา(2548:25) กล่าวว่า ศิลปะเป็นแนวทางในการแสดงออกถงึ ความสามารถของ เด็ก รวมท้ังความรสู้ ึกนกึ คิดโดยการถา่ ยทอดทางผลงาน รปู ภาพ หรือส่งิ ของ ทงั้ นีเ้ ด็กจะใช้ศลิ ปะเปน็ การสอ่ื สาร ความคิดความรู้สกึ ต่างๆ ท่เี ดก็ ไดเ้ ห็น ไดร้ ับรู้ โดยใชจ้ นิ ตนาการและประสบการณ์ของเดก็ แต่ละคน สรุปได้วา่ ศลิ ปะน้นั เป็นสิง่ ทเ่ี ด็กได้แสดงออกถงึ ความคิด จินตนาการ ความเพ้อฝนั โดยถา่ ยทอด ความรู้สกึ ต่างๆท่อี ยภู่ ายในตวั เดก็ ออกมาเปน็ ผลงาน รูปภาพ หรอื ส่ิงของ เพอื่ ส่ือสารใหค้ นอืน่ เข้าถงึ ความรสู้ กึ นกึ คดิ ของตนเอง นอกจากน้ันศิลปะยังสามารถเปน็ กจิ กรรมทช่ี ่วยตอบสนองความรสู้ ึกของเด็กทุกเพศทกุ วัย ทมี่ า : รวพิ ร ผาดา่ น.(2557). ความสามารถในการใชก้ ล้ามเน้ือมัดเล็กของเดก็ ปฐมวยั ทไ่ี ดจ้ ากกจิ กรรมศลิ ปะสร้างสรรค์ ฉีด ตัด ปะ. มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ วิโรฒ
แนวคิดและทฤษฎที เี่ กย่ี วขอ้ งกบั กจิ กรรมศิลปะสรา้ งสรรค์ ทฤษฎีพัฒนาการ คือ ทฤษฎีโลเวนเฟลด์(1954) ไดแ้ บง่ ลาดับข้ันของพฒั นาการทางศลิ ปะ พร้อมกบั กาหนด ชว่ งอายใุ นแต่ละขั้นไว้ ดังนี้ 1.ข้ันการขดี เข่ีย พัฒนาการระยะนอี้ ยู่ในชว่ งอายุประมาณ 2-4 ปีชว่ งตน้ การแสดงออกพัฒนาการร่างกาย เป็นระยะทเ่ี ด็กชอบใชม้ ือในการแสดงออก ชอบการเลน่ ทีส่ กปรกเลอะเทอะ ดา้ นการแสดงออก เดก็ ใชด้ นิ สอลากเสน้ ไม่ เป็นรูปรา่ ง วนไปมา ยังไม่สามารถบังคับกล้ามเนอ้ื ตามความตอ้ งการของตนเองได้ 2.ข้ันเรมิ่ เขยี นภาพอย่างมีความหมาย พฒั นาการระยะนอ้ี ยู่ในชว่ งอายุประมาณ 4-7 ปี เด็กจะวาดภาพ วาด เป็นสญั ลกั ษณ์ เดก็ สามารถควบคุมกล้ามเนอื้ ได้ดีขน้ึ เดก็ สามารถที่จะขดี เขยี นออกมาตามความคิดของตน 3.ขั้นการเขยี นภาพอยา่ งมคี วามหมาย พัฒนาการระยะนอ้ี ยู่ในชว่ งอายุประมาณ 7-9 ปี ในขนั้ นเี้ ดก็ จะวาด ส่งิ ตา่ งๆ โดยใชร้ ปู ทรงเลขาคณติ มาประกอบกนั แสดงใหเ้ หน็ ถึงความคดิ รวบยอด ผลงานศิลปะของเดก็ ในขน้ั นจี้ ะแตกต่าง กนั ในรายละเอยี ดแตไ่ ม่แตกตา่ งกนั ในชนิดของสญั ลักษณ์ ที่มา: ขนบพร วฒั นสขุ ชัย.(2544) การศึกษาการปัน้ ของเดก็ อายุ 5 ถึง 6 ปี ตามทฤษฎีของ แคลร์ โกลอมบ์. จุฬาลงกรณ์มหาวทิ ยาลยั
4.ขน้ั รวมกล่มุ พัฒนาการระยะน้ีอยใู่ นชว่ งอายุประมาณ 9-12 ปี ในขน้ั นเี้ ด็กจะเรมิ่ วาดภาพ ในลกั ษณะทเ่ี หมอื นจรงิ มีรายละเอยี ดมากขน้ึ ใหค้ วามสนใจตอ่ การทางานกลุ่มมากขน้ึ สนใจส่งิ แวดลอ้ ม และมกี ารวาดภาพจากประสบการณท์ ต่ี นได้รับ แทนการวาดภาพวตั ถตุ า่ งแบบเดมิ 5.ข้นั การเขยี นภาพเรยี นแบบธรรมชาติ พัฒนาการระยะน้อี ยใู่ นชว่ งอายปุ ระมาณ 12-14 ปี ในข้นั นี้เรมิ่ พัฒนาสู่การเขยี นแบบเหมือนจรงิ มาก มคี วามคิดรวบยอดท่ีเปลยี่ นแปลงไป มกี ารวาดใบหน้า คน วาดการ์ตูน การใช้สีรูปรา่ งจะเปล่ียนไปจากขน้ั ก่อนอยา่ งเหน็ ไดช้ ดั 6.ขัน้ การตดั สินใจ พฒั นาการระยะน้ีอยใู่ นชว่ งอายุประมาณ 14-17 ปี ในขั้นน้ีเดก็ จะมีความ พยายามในการวาดมากขน้ึ มวี ัตถุประสงคใ์ นการวาด ลกั ษณะการวาดจะพยายามวาดภาพให้เหมอื นจรงิ ตามธรรมชาติ มีการวาดลกั ษณะทา่ ทางท่ีออกตามความเปน็ จรงิ มากขึ้น ท่ีมา: ขนบพร วัฒนสุขชยั .(2544) การศกึ ษาการปน้ั ของเด็กอายุ 5 ถงึ 6 ปี ตามทฤษฎีของ แคลร์ โกลอมบ์. จุฬาลงกรณม์ หาวทิ ยาลยั
เยาวพา เดชะคุปต์ (2543: 22-24) กลา่ วถงึ อปุ กรณท์ ่ีส่งเสรมิ การใชก้ ล้ามเนอ้ื มัดเลก็ ได้แก่ 1. อุปกรณป์ ระเภททส่ี ่งเสริมการใชก้ ลา้ มเน้อื มอื กบั สายตา เช่น การรอ้ ยลูกปัด รอ้ ย เชือก ร้อยดอกไม้ เยบ็ กระดมุ เรยี งไม้ เรียงสี ตอกตะปู เป็นต้น 2. อุปกรณป์ ระเภทหน่งึ ท่ีจดั กระทาต่อวัตถุ เชน่ การตอ่ บล็อกตา่ งๆ ไดแ้ ก่ บลอ็ กไม้ บล็อกพลาสตกิ บล็อกชุด บล็อกกลวง เป็นตน้ อรณุ ี หรดาล (2560 : 101) พฒั นาการด้านร่างกายเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลง โครงสรา้ งของร่างกาย การเจริญเติบโต และความสามารถในการใชก้ ล้ามเน้อื ใหญ่ กลา้ มเนอ้ื เล็ก และการทางานประสานสมั พนั ธ์ของกล้ามเนอ้ื สว่ นตา่ งๆ ท่มี า : รวิพร ผาดา่ น.(2557). ความสามารถในการใช้กล้ามเนอ้ื มดั เลก็ ของเดก็ ปฐมวยั ที่ไดจ้ ากกจิ กรรมศลิ ปะสร้างสรรค์ ฉีด ตัด ปะ. มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ วโิ รฒ
ฟิชเชอร์ และเทอร์รี่ (Fisher and Terry.1997:284) กล่าวมาวา่ การจดั ประสบการณใ์ ห้แก่เดก็ เพื่อส่งเสริมกลา้ มเน้อื มดั เล็กของเดก็ ท่ีเรยี นเขยี นไวด้ งั น้ี 1.การวาดรปู ระบายสีจดั ทใี่ ห้วาดบนพน้ื ฐานหรือกระดาษที่ใชข้ าตั้ง เสน้ ต่างๆ ที่เดก็ ตอ้ งใช้ในการ เขยี นอักษร เชน่ เสน้ ตรง วงกลม หรือเสน้ พื้นฐานตา่ งๆนัน้ จะพบได้จากการวาดของเด็ก 2.การออกแบบให้เดก็ ได้ออกแบบเอง เช่น ลวดลายทีข่ อบรูปภาพของจุลสารทีห่ อ่ หนังสือ รปู ทรง ของถงุ กระดาษใสถ่ ว่ั ความคิดในการออกแบบของเด็กจะมาจากลีลาเสน้ และอน่ื ๆ 3.การใช้นวิ้ วาดเส้นถาดทรายไดง้ ่ายและเดก็ ๆ จะรสู้ กึ สนุกสนานมากในการใช้นิว้ วาดเสน้ 4.ระบายสีดว้ ยมอื ทีม่ า : รวพิ ร ผาดา่ น.(2557). ความสามารถในการใชก้ ล้ามเนอ้ื มดั เลก็ ของเดก็ ปฐมวัยทีไ่ ดจ้ ากกจิ กรรมศลิ ปะสร้างสรรค์ ฉีด ตัด ปะ. มหาวทิ ยาลัยศรนี ครินวิโรฒ
ความสาคญั ของกจิ กรรมศิลปะสรา้ งสรรค์ กิจกรรมศิลปะมีความสาคญั ต่อการพัฒนาเดก็ ทาให้เด็ก มคี วามสขุ จิตใจรา่ เรงิ รสู้ ึกวา่ ตนเองมคี ุณค่ามคี วามหมาย เป็น ตวั กระตุ้นให้เด็กรูจ้ กั ชว่ ยเหลอื ตนเองและผูอ้ ื่น กล้าพดู กล้าแสดงออก ฝึกการสงั เกต สารวจสิง่ ต่างๆรอบตัว และยังรจู้ กั ผ่อนคลาย ระบาย ความรสู้ กึ นึกคิดหรือความคับข้องใจออกมาผ่านงานศิลปะ ทั้งยังเปน็ เครอ่ื งมอื ในการสื่อความเข้าใจของเด็ก รวมทง้ั ส่งเสรมิ กระบวนการพัฒนาความคดิ สร้างสรรค์ โดยเฉพาะกิจกรรมศิลปะทใี่ ห้ ผู้เรียนไดม้ ีโอกาสสมั ผัสกบั วัสดุ อุปกรณ์ท่ีหลากหลาย เด็กไดน้ บั จานวนและรคู้ า่ จานวนของสอ่ื วัสดุ อปุ กรณ์ เปน็ การกระตุ้นใหเ้ ด็ก เกดิ ความสนกุ สนาน มคี วามกระตือรอื รน้ ในการทากจิ กรรมอีกด้วย ทม่ี า : รวพิ ร ผาด่าน.(2557). ความสามารถในการใชก้ ลา้ มเน้ือมดั เล็กของเดก็ ปฐมวยั ที่ไดจ้ ากกจิ กรรมศลิ ปะสร้างสรรค์ ฉดี ตดั ปะ. มหาวิทยาลัยศรนี ครนิ วโิ รฒ
จุดมุ่งหมายของกจิ กรรมศิลปะสรา้ งสรรค์ 1.ดา้ นการส่งเสริมพฒั นาการด้านรา่ งกาย 1.1 เพ่อื พัฒนากล้ามเนื้อเล็กและประสานสมั พันธ์ระหวา่ งตากบั มอื 1.2 เพอ่ื ฝึกใหเ้ ดก็ ได้ใช้อวัยวะสว่ นต่างๆของรา่ งกายในการเคลอื่ นไหว เพอื่ ความแขง็ แรง และมที กั ษะในการทางานที่คล่องแคล่วมากขนึ้ 2.ดา้ นการสง่ เสรมิ พัฒนาการดา้ นสตปิ ญั ญา 2.1 เพ่ือพฒั นาความคดิ สรา้ งสรรคแ์ ละจนิ ตนาการ 2.2 เพ่ือเสริมสรา้ งความฉับไวในการเรยี นรู้ 3.ด้านการสง่ เสริมพัฒนาการด้านอารมณ์-จิตใจ และสังคม 3.1 ผอ่ นคลายความเครียด มีสขุ ภาพจติ ท่ีดี ช่นื ชมในสิง่ ทสี่ วยงาม 3.2 เพอ่ื สง่ เสรมิ ความเชื่อมน่ั ในตนเอง 3.3 เพอ่ื สง่ เสริมให้เกิดความสนใจและเขา้ ใจธรรมชาตริ อบตวั ท่มี า : รวพิ ร ผาด่าน.(2557). ความสามารถในการใช้กลา้ มเนอ้ื มดั เลก็ ของเดก็ ปฐมวยั ทไ่ี ดจ้ ากกจิ กรรมศลิ ปะสรา้ งสรรค์ ฉีด ตดั ปะ. มหาวิทยาลัยศรีนครินวโิ รฒ
ประเภทของกจิ กรรมศิลปะสรา้ งสรรค์ 1. กิจกรรมวาดภาพระบายสี 2. กิจกรรมการเล่นสีน้า 3. กจิ กรรมการพมิ พภ์ าพ 4. กิจกรรมการป้ัน 5. กจิ กรรมฉีก ตดั ปะกระดาษ 7. กจิ กรรมงานงานประดษิ ฐเ์ ศษวัสดุ 6. กจิ กรรมงานพับกระดาษ อปุ กรณ์ ทมี่ า : รวพิ ร ผาดา่ น.(2557). ความสามารถในการใช้กลา้ มเนื้อมดั เลก็ ของเดก็ ปฐมวัยทไ่ี ดจ้ ากกจิ กรรมศลิ ปะสร้างสรรค์ ฉดี ตัด ปะ. มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ วโิ รฒ
03 ลกั ษณะของการทากจิ กรรมศิลปะเพื่อ พัฒนากลา้ มเน้ือท่ีทันสมยั น่าสนใจและทนั ตอ่ การเปลย่ี นแปลง
ลกั ษณะการจดั กจิ กรรมศิลปะสรา้ งสรรค์ พีรพงศ์ กุลพศิ าล (2545 : 40-42) การจัดกิจกรรมสรา้ งสรรคท์ างศิลปะให้กับเด็กปฐมวัย ควรตั้ง จุดประสงค์ทางการเรียนรู้ให้กบั เด็ก โดยมคี วามสอดคลอ้ งกบั พัฒนาการทางดา้ นตา่ งๆ ของเด็ก จากนนั้ จงึ กาหนดเนอื้ และการวางแผนกิจกรรมทีจ่ ะชว่ ยสง่ เสรมิ การพัฒนาทางดา้ นทักษะของเดก็ ในด้านตา่ งๆ ถงึ แม้ว่า จะมีการเตรียมความพร้อมของข้ันตอนเป็นอย่างดี แตเ่ ด็กก็ยังมนี สิ ยั ซุกซนอยากรูอ้ ยากเห็นสง่ิ รอบตวั ดงั นน้ั การสร้างแรงจงู ใจใหอ้ ยากเข้าร่วมกจิ กรรมจึงเปน็ ส่งิ ทขี่ าดไมไ่ ด้ เช่น การอา่ นนทิ านให้ฟังเพื่อนาไปสู่กจิ กรรม ศิลปะสรา้ งสรรค์ การเล่น การใหเ้ ดก็ ไดฝ้ กึ ใชอ้ ปุ กรณใ์ หมๆ่ ที่มา : ปิ่นทอง นันทะลาด.(2560).เอกสารประกอบการสอนศลิ ปะสาหรับเดก็ ปฐมวัย. มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี
ฟชิ เชอร์ และเทอร์รี่ (1997: 284) กลา่ วถึง การจัดประสบการณใ์ หแ้ ก่เดก็ เพ่ือส่งเสรมิ กลา้ มเนือ้ มดั เลก็ ของเดก็ ก่อนทีจ่ ะเขยี นไว้ดังน้ี ให้เล่นโยนห่วง – รับลูกบอลโยน – รบั ใหใ้ ช้ไม้ขดี เขียนเล่นบนดนิ ใชน้ ว้ิ ขีดเขียนเล่นบนิ ทราย ห่วงยางหรือลกู ชว่ ง ขุดอโุ มงค์ ก่อเจดยี ์ทราย ใช้ชอล์กเขยี นกระดานเล่น 1 3 2 4 ให้เลน่ เกม และการละเล่นทใ่ี ชม้ อื นัง่ เลน่ อยู่ กับท่ี เช่น หมากลุก อีตัก หมากขุม ฯลฯ ใหเ้ ลน่ งานศิลปะ เช่น การวาดภาพระบายสดี ้วย สีเทยี น สไี ม้ การวาดภาพด้วยพกู่ นั หรอื แปรงสี ฟนั เลก็ ๆ ใช้สีน้า สีฝนุ่ สีโปสเตอร์ เปน็ ต้น ท่มี า : รวพิ ร ผาดา่ น.(2557). ความสามารถในการใชก้ ล้ามเนอ้ื มัดเลก็ ของเดก็ ปฐมวยั ท่ีไดจ้ ากกจิ กรรมศลิ ปะสรา้ งสรรค์ ฉีด ตดั ปะ. มหาวิทยาลยั ศรนี ครินวิโรฒ
กลุ ยา ตันตผิ ลาชีวะ (2551 : 104) กล่าวถึง การจัดกิจกรรมที่พัฒนากล้ามเนอ้ื มดั เลก็ เพ่ือฝกึ การทางานประสานสัมพนั ธร์ ะหวา่ งตากับมือแล้ว ยงั เป็นการพัฒนาทักษะการใชม้ อื มีทักษะ การกระตนุ้ ปลายกล้ามเน้ือเล็กสง่ ผลตอ่ ไปยงั ใยประสาททาให้เพิ่มความเจริญงอกงามของใย ประสาท ซงึ่ มีกิจกรรมดังน้ี 1.กิจกรรมการปนั้ เปน็ การส่งเสรมิ การทางานกลา้ มเนือ้ ฝา่ มือ ขอ้ มอื และนิว้ มอื ในการบบี นวด ดึง บิ ทุบ และประดิษฐ์ สง่ ผลใหก้ ล้ามเนอ้ื แขง็ แรง การใชน้ ้วิ มอื คล่องขน้ึ 2. กิจกรรมการฉกี ปะ ตัด โดยเน้นความสามารถการจบั ถอื และการกะประมาณ 3. กจิ กรรมการพับ เพม่ิ ความสามารถการควบคมุ กลา้ มเน้ือนิ้วมอื ขอ้ มอื การใช้สายตาสมั พนั ธก์ บั มอื 4. กิจกรรมการฝกึ ความคลอ่ งของกลา้ มเนอ้ื เช่น การต่อบล็อกไม้ การรอ้ ยลกู ปดั การเล่นเปียโน ท่มี า : รวพิ ร ผาดา่ น.(2557). ความสามารถในการใชก้ ล้ามเน้อื มัดเลก็ ของเดก็ ปฐมวยั ท่ไี ดจ้ ากกจิ กรรมศลิ ปะสรา้ งสรรค์ ฉดี ตดั ปะ. มหาวทิ ยาลยั ศรีนครนิ วิโรฒ
5. ให้เล่นของเล่นที่ใชม้ อื เชน่ การเลน่ เปลี่ยนเสอื้ ผ้าตกุ๊ ตา ผูกเชอื กรองเท้า เล่นถกั สานกระดาษ เปน็ ตน้ 6. ให้เลน่ เครื่องดนตรสี าหรับเดก็ เชน่ การเขย่าลกู แซค ตกี ลอง ตฉี าบ เปน็ ต้น สรปุ ได้วา่ การสง่ เสริมความสามารถในการใช้กลา้ มเน้อื มัดเล็กนนั้ ทาไดโ้ ดยการฝึกทักษะในการใชม้ อื หยบิ จับส่งิ ของ การทากจิ กรรมศลิ ปะได้หยบิ จบั อุปกรณ์ทห่ี ลากหลาย ตลอดจนการเคลอ่ื นไหวของมอื ใหป้ ระสาน สัมพนั ธก์ นั โดยการสิ่งเสรมิ ใหฝ้ กึ ฝนทกั ษะในการทากจิ กรรมตา่ งๆ ที่มา : รวิพร ผาด่าน.(2557). ความสามารถในการใชก้ ลา้ มเนื้อมดั เลก็ ของเดก็ ปฐมวยั ทไ่ี ดจ้ ากกจิ กรรมศิลปะสรา้ งสรรค์ ฉีด ตัด ปะ. มหาวทิ ยาลยั ศรนี ครนิ วโิ รฒ
ขอ้ ควรคานงึ ถงึ ในการจดั กจิ กรรมศิลปะสรา้ งสรรค์ เบญจา แสงมะลิ (2545 : 63-67) กลา่ วถึง การจดั กจิ กรรมด้านศลิ ปะสร้างสรรค์มีส่ิงทีค่ วร คานึงถงึ ดังน้ี 1. ความสนใจของเดก็ แต่ละบคุ คล ครชู ว่ ยสง่ เสริมให้เดก็ ได้มีประสบการณ์ตามทีเ่ ดก็ ตอ้ งการ การรู้จกั ความรบั ผิดชอบในการดแู ลรกั ษาอปุ กรณ์ พร้อมทง้ั เสริมสรา้ งความรู้สึกมนั่ ใจ โดยให้เดก็ ไดอ้ ิสระในการคดิ จินตนาการ 2. การจัดตกแต่งสถานท่ี การใชเ้ วลาในการทากิจกรรมที่เหมาะสมและวสั ดุอปุ กรณ์มเี พยี งพอต่อ จานวนเด็กใหม้ คี วามเหมาะสมกับกิจกรรมทท่ี า เพ่ือใหเ้ ดก็ ได้เคลอ่ื นไหวอย่างอิสระ ให้เวลาทากิจกรรมไมค่ วรน้อย เกนิ ไป จนเดก็ ตอ้ งรีบรอ้ นทากิจกรรม หลังจากทากิจกรรมเสรจ็ แลว้ ใหเ้ กบ็ วสั ดุอุปกรณ์และทาความสะอาด เปิด โอกาสใหเ้ ดก็ มีประสบการณ์ทางประสานสมั ผัสในกิจกรรม ที่มา : ป่ินทอง นันทะลาด.(2560).เอกสารประกอบการสอนศลิ ปะสาหรับเดก็ ปฐมวยั . มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อดุ รธานี
3. การแสดงออกในเชิงสรา้ งสรรค์ เร่ิมจากการเลน่ ของเด็กในชีวิตประจาวัน เพ่ือชว่ ยกระตุน้ และสรา้ งสรรค์ การแสดงออกสูก่ ารมปี ระสบการณท์ ่ีสมบรู ณข์ องเดก็ การสนทนา การแสดงความร้สู กึ และช่วยใหเ้ ด็กนกึ ถงึ เหตกุ ารณท์ ี่พบเหน็ กับตนเอง 4. เจตคติผปู้ กครองท่มี ีตอ่ การแสดงออกในทางสรา้ งสรรคข์ องเด็ก ครูเปน็ ส่ือกลางระหว่างผปู้ กครองกบั เด็ก มีความ เขา้ ใจถงึ ผลงานของเดก็ และสามารถเสนอแนะผู้ปกครองในการเลือกวัสดทุ มี่ ีความเหมาะสมใหเ้ ด็กท่อี ยทู่ ่บี า้ น 5. ครูใช้วธิ ีสร้างสรรค์โดยมกี ารสนบั สนนุ เดก็ ใหไ้ ดเ้ ลอื กกจิ กรรมศลิ ปะด้วยวิธีของเด็ก เดก็ จะมวี ธิ ีกระทากจิ กรรมโดย ปราศจากการแนะนาหรือทาตาม แตห่ มายความวา่ เดก็ จะตดั สนิ ใจในการทจ่ี ะเลือกดว้ ยตนเอง จากกิจกรรมดา้ นศิลปะมี หลายชนดิ ให้เด็กได้มโี อกาสเลือกใหแ้ ตล่ ะวัน ท่มี า : ปิ่นทอง นนั ทะลาด.(2560).เอกสารประกอบการสอนศลิ ปะสาหรับเดก็ ปฐมวยั . มหาวทิ ยาลยั ราชภฏั อดุ รธานี
6. วางแผนเตรยี มการทากจิ กรรมต่างๆ เด็กมีอสิ ระในการสารวจและค้นหาทดลอง การท่ีเด็กได้เรียนรู้จาก การเลน่ กับเพื่อนสนทนาพดู คุยแลกเปลี่ยนสิง่ ของ การรับผิดชอบร่วมกนั รจู้ กั การรอคอยตามลาดบั ชว่ ย เสรมิ ความพร้อมทางอารมณ์และสงั คมให้แกเ่ ดก็ สรปุ ไดว้ ่า การจัดกจิ กรรมศลิ ปะควรมีการเปดิ โอกาสให้เดก็ ได้แสดงออกทางความคิดสรา้ งสรรคอ์ ย่าง อิสระ ตามจนิ ตนาการ สามารถถา่ ยทอดออกมาทางดา้ นความคิดของเดก็ โดยคุณค่าความสาคญั ของศลิ ปะ สร้างสรรค์ อนั ดับแรกควรสารวจความพรอ้ มของเดก็ ซงึ่ ควรมีการจัดเตรยี มใหเ้ ดก็ ฝึกทักษะการใช้วัสดอุ ุปกรณ์ ศิลปะทีห่ ลากหลาย การจดั กิจกรรมในหรือนอกหอ้ งเรียน การจดั สภาพแวดล้อมให้เหมาะกับกจิ กรรม การเรียนรู้ วสั ดุธรรมชาติ การประดษิ ฐ์เศษวัสดุเหลือใช้เพื่อพัฒนาสร้างสรรค์ออกมาเปน็ ของมคี ณุ คา่ ทมี่ า : ป่นิ ทอง นันทะลาด.(2560).เอกสารประกอบการสอนศลิ ปะสาหรบั เดก็ ปฐมวัย. มหาวทิ ยาลัยราชภฏั อุดรธานี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437