ลกั ษณะกจิ กรรมท่ีทนั ตอ่ การเปลี่ยนแปลง 1.การโยนห่วง -อดตี ใช้ห่วงพลาสติกหรือกาไรกาไรข้อมือเกา่ สว่ นฐานใชข้ วดเเก้ว -ปจั จุบนั ใช้หว่ งพลาสติก สว่ นฐานเป็นแกนไม้ 2.การละเล่นทใี่ ช้มอื นั่งอยกู่ ับที่ หมากขมุ -อดตี เป็นการละเล่นพืน้ บ้านของภาคใต้ ใช้เมลด็ สวาดหรือเมลด็ สวดเปน็ ทรงกลม การเดนิ หมากใชน้ ้วิ มอื หยิบตัวหมากเลน่ เด็กได้พฒั นาย้ิวมอื ใสการหยิบหมาก -ปัจจุบัน มีเกมหมากขุมในรปู แบบออนไลน์ มีชุดหมากขุมสามารถหาซ้อื ผ่านทางส่ือ ออนไลนต์ า่ งๆ ทีม่ า : ป่ินทอง นันทะลาด.(2560).เอกสารประกอบการสอนศลิ ปะสาหรับเดก็ ปฐมวัย. มหาวทิ ยาลยั ราชภัฏอดุ รธานี
3.การใช้ไมข้ ดี เขียนเล่นบนทราย -อดีต การใชไ้ ม้เขยี นบนทราย ที่เอาไวก้ ่อเจดยี ท์ ราย -ปจั จบุ นั การเขยี นบนเมด็ ข้าว หรอื เปน็ ทรายละเอียดมสี ีสันบนถาดพลาสตกิ 4.การใหเ้ ล่นงานศลิ ปะ -อดตี มกี ารใช้สีจากธรรมชาติ ใชด้ ินเหนยี วในการปน้ั รูปทรงต่างๆ -ปจั จบุ ัน มสี ีหลากหลายแบบเชน่ สีเทียน สีโปสเตอร์ สีไม้ และใชด้ ินนา้ มนั หรอื แปง้ โดว์มาปนั้ เปน็ รปู ทรงต่างๆ ทมี่ า : ปิน่ ทอง นันทะลาด.(2560).เอกสารประกอบการสอนศลิ ปะสาหรับเดก็ ปฐมวัย. มหาวิทยาลัยราชภฏั อดุ รธานี
04 การจดั กิจกรรมศิลปะเพื่อพัฒนากล้ามเน้อื มดั เล็กสาหรับเดก็ ปฐมวัย
การจัดกจิ กรรมศิลปะสรา้ งสรรคส์ าหรบั เด็กปฐมวัย ศิลปะมีประโยชนต์ อ่ เด็กปฐมวัย ช่วยสง่ เสรมิ พฒั นาการท้งั 4 ด้าน คอื พฒั นาการดา้ นรา่ งกาย เด็กจะได้ พฒั นาร่างกายในสว่ นหลกั ๆ คือ การทางานประสานสมั พันธ์ระหว่างมอื กบั ตา กล้ามเนอื้ มัดเลก็ พฒั นาการทางดา้ น อารมณ์ คอื การไดช้ ื่นชมและสรา้ งสรรค์สง่ิ ทสี่ วยงาม พัฒนาการทางด้านสงั คม คือ เดก็ ไดท้ างานร่วมกับผอู้ ืน่ รู้จักรอ คอยท่จี ะใชอ้ ปุ กรณร์ ว่ มกบั ผอู้ ืน่ และเรยี นรู้การแบ่งปนั พัฒนาการทางด้านสติปัญญา คอื การเรียนร้เู กยี่ วกบั รูปรา่ ง ลักษณะ รปู ทรง ความกวา้ ง ความยาว ความสงู ขนาด (เล็ก-ใหญ่) พืน้ ผิว (เรยี บ-ขรุขระ-หยาบ) เป็นต้น ทม่ี า : ขนิษฐา บนุ นาค.การจัดกจิ กรรมสร้างสรรคส์ าหรบั เด็กปฐมวยั .https://www.youngciety.com/article/journal/arts-for-kids.html
ศลิ ปะสร้างสรรค์ยงั สง่ เสริมให้เด็กรจู้ ักคดิ ร้จู ักทาและร้จู ักใชเ้ วลาว่างให้เกดิ ประโยชน์ มีความประณตี และ ความเปน็ ระเบยี บ สิ่งท่สี าคญั ในการจดั กจิ กรรมศิลปะใหก้ ับเด็ก คือ การคานึงถึงตวั เด็กและการเลือกกิจกรรมให้ เหมาะสมตอ่ ความถนดั ความสนใจตามธรรมชาตกิ บั พัฒนาการของเดก็ แตล่ ะคน กิจกรรมต้องสามารถยืดหยุน่ ได้ เพอื่ เปดิ โอกาสให้เด็กได้แสดงความคิดตามจนิ ตนาการและไดท้ างานอย่างอิสระ ควรเนน้ การทางานเป็นกระบวนการมากกวา่ ผลผลิต เชน่ เวลาทเ่ี ด็กได้วาด ได้เขยี น และได้แลกเปล่ียนความคิดเห็นกบั เพ่ือน ๆ อยา่ งมคี วามสุขสนุกสนาน ท่มี า : ขนิษฐา บนุ นาค.การจดั กจิ กรรมสร้างสรรคส์ าหรับเดก็ ปฐมวัย.https://www.youngciety.com/article/journal/arts-for-kids.html
กจิ กรรมศิลปะสรา้ งสรรคส์ าหรับเดก็ ปฐมวยั กจิ กรรมศลิ ปะสรา้ งสรรค์สาหรับเด็กปฐมวัย คอื กจิ กรรมการวาดภาพระบายสี การเลน่ กบั สีชนดิ ตา่ ง ๆ การฉีก ตัด ปะ และงานประดษิ ฐ์ ฯลฯ ตามที่กลา่ วมาน้ลี ้วนแตเ่ ปน็ กจิ กรรมท่สี ่งเสริม การแสดงออกทางความคดิ ท่เี ดก็ ได้สารวจและจดั ทากบั วตั ถโุ ดยตรง เดก็ สามารถออกแบบ ตกแต่ง กบั ชิ้นงานไดอ้ ยา่ งอสิ ระ โดยแบ่งเป็นประเภทกิจกรรมตา่ ง ๆ ได้ดังน้ี ทม่ี า : ขนษิ ฐา บนุ นาค.การจัดกจิ กรรมสร้างสรรคส์ าหรบั เดก็ ปฐมวยั .https://www.youngciety.com/article/journal/arts-for-kids.html
การป้ั น คือกิจกรรมที่ใช้วัตถทุ ่ีเป็นดินน้ามัน แป้งโด ดินเหนยี ว โดยคลงึ ใหเ้ ป็นเสน้ ปน้ั เป็นแผน่ ปั้นเป็นก้อนกลมหรอื สีเ่ หลย่ี ม ป้ันตามเร่อื งราวไมว่ ่าจะเปน็ สัตว์ สง่ิ ของ ตามเรอ่ื ง เล่าจากนทิ านปนั้ ตามจนิ ตนาการ ทมี่ า : ขนิษฐา บนุ นาค.การจัดกจิ กรรมสร้างสรรคส์ าหรับเดก็ ปฐมวัย.https://www.youngciety.com/article/journal/arts-for-kids.html
คาวง สมสวุ รรณ (2551: 74-76) ไดศ้ กึ ษาเกย่ี วกบั การสง่ เสริมพฒั นาการทางดา้ นกล้ามเนอ้ื มดั เลก็ ของเดก็ ปฐมวัยโดยการจัดกิจกรรมการปัน้ พบวา่ เด็กท่ไี ด้รบั การจัดกจิ กรรมการปนั้ ดนิ มีพัฒนาการดา้ น กลา้ มเนือ้ มดั เลก็ โดยเฉล่ียรวมในแต่ละช่วงสัปดาหเ์ พิ่มขนึ้ ก่อนการจดั กิจกรรมเนอื่ งจากการจัดกิจกรรมการ ปน้ั ดนิ เปน็ การจดั กจิ กรรมที่เน้นภาคปฏบิ ัติโดยเปน็ กจิ กรรมท่เี ปดิ โอกาสให้เดก็ ไดฝ้ ึกประสบการณใ์ นการใช้ กล้ามเน้ือมดั เล็กได้อยา่ งอิสระภาพตามความสามารถและความสนใจของแต่ละคนอยา่ งเตม็ ที่ เปิดโอกาสให้ เดก็ ได้ลงมือปฏิบตั ิจริง โดยการจดั กจิ กรรมการป้ันดนิ ไดใ้ ช้ท้ังกล้ามเนอื้ มือ นวิ้ มือ และการประสานสมั พันธ์ ระหว่างมอื กับตา ในการป้ันดนิ ใหเ้ ป็นรูปร่างตามทีต่ อ้ งการ และกจิ กรรมการปน้ั ดินยังไดส้ ง่ เสรมิ การทางาน ของกล้ามเนื้อฝ่ามือ ขอ้ มอื และนวิ้ มอื ในการบบี ดงึ นวด ซงึ่ ส่งผลให้เพ่ิมความแข็งแรงของกล้ามเน้อื มือ และมที กั ษะในการใช้นิว้ มอื ให้ทางานได้คลอ่ งแคลว่ ขึ้น ทมี่ า: สุปราณี งามหลอด, ผลของการจดั กจิ กรรมศิลปะการปัน้ ท่ีมตี อ่ ทกั ษะการคิดเชงิ เหตุผลของเดก็ ปฐมวยั ม, มหาวทิ ยาลัยศรนี ครนิ ทรวโิ รฒ
การฉกี ตัด ปะ กระดาษ เป็นกิจกรรมท่ีนากระดาษตา่ ง ๆ มาฉกี ตดั และ ปะตดิ ลงบนกระดาษใหเ้ กิดเปน็ ภาพตา่ ง ๆ ตาม จนิ ตนาการ กระดาษที่ใชส้ าหรับฉีกไมค่ วรแขง็ หรือเหนียวเกินไป เช่น กระดาษสมี ัน กระดาษหนงั สือพมิ พ์ กระดาษ นิตยสาร เป็นตน้ การฉีก ตดั ปะกระดาษทาได้หลายวธิ ี ได้แก่ ฉีกกระดาษเป็นชน้ิ ตดิ ซอ้ นเรียงกนั หรอื ฉกี กระดาษ เป็นชน้ิ ตดิ ลงบนภาพท่กี าหนดให้ ฉีกกระดาษตามรปู ทีว่ าดไวใ้ หแ้ ลว้ ให้เดก็ ฉีกกระดาษท่เี ปน็ ส่วนเกินออก ฉกี กระดาษเป็นรูปทรงเรขาคณิต เช่น ส่เี หลยี่ ม สามเหลี่ยม วงกลม ฉีกหรือตัดกระดาษอิสระเปน็ รปู ตามจินตนาการ ท่ีมา : ขนิษฐา บุนนาค.การจัดกจิ กรรมสร้างสรรคส์ าหรบั เดก็ ปฐมวัย.https://www.youngciety.com/article/journal/arts-for-kids.html
เดก็ อนบุ าล 1 (อายุ 3 - 4 ป)ี ในการควบคุมการทางานของกล้ามเน้อื มอื กับตาของเด็กวยั นจี้ ะ ยังทางานแบบไมส่ มั พันธ์กัน ในการฉีกกระดาษข้นั แรกควรเรม่ิ จากการให้เด็กฝึกฉกี กระดาษเป็นเสน้ ตรงและ ยาวต่อกันจนสุดของปลายกระดาษ ซ่งึ ในเด็กเลก็ ๆ จะมีสมาธิในการทาสิง่ ใดส่ิงหน่ึงได้เพยี งเวลาส้นั ๆ (สาหรบั เด็กท่ไี มส่ ามารถฉกี กระดาษเป็นเส้นยาวไปจนถึงสุดปลายของกระดาษได้ หากเดก็ ได้รบั การฝกึ และ ทาซ้า ๆ ก็สามารถทาไดเ้ อง) ท่มี า: ทาญิการ์ ศรีสมภาร, ฉีก ตดั ปะ กิจกรรมฝกึ กลา้ มเนอื้ มอื สาหรับเด็กปฐมวัย, https://www.youngciety.com/article/journal/tear-cut-kid.html
เดก็ อนบุ าล 2 (อายุ 4 - 5 ป)ี กลา้ มเนอ้ื มอื เร่ิมมีความกระฉบั กระเฉง มีความคลอ่ งแคล่วใน การหยบิ จับสง่ิ ของตา่ งๆ ไม่ว่าจะชิ้นเลก็ หรอื ช้ินใหญ่ไดด้ ีมากขึน้ สามารถเพมิ่ ความท้าทายและความยาก ในการฉกี กระดาษใหย้ ากขึ้นมาอกี ระดบั หนึง่ ไดด้ ้วยการวาดภาพรูปทรงเรขาคณติ เชน่ ส่เี หลย่ี ม สามเหลยี่ ม วงกลม ฯลฯ ลงในกระดาษ เพื่อเป็นแนวทางในการฉกี กระดาษตามรูปร่างตา่ ง ๆ ที่กาหนดไว้ ทม่ี า: ทาญิการ์ ศรีสมภาร, ฉกี ตัด ปะ กิจกรรมฝึกกล้ามเนือ้ มือ สาหรบั เดก็ ปฐมวยั , https://www.youngciety.com/article/journal/tear-cut-kid.html
เด็กอนุบาล 3 (อายุ 5 - 6 ป)ี ส่วนมากเด็กวัยนีจ้ ะควบคมุ กล้ามเนอ้ื มือไดด้ อี ยู่แล้ว สามารถ ฉกี กระดาษเป็นรูปตา่ ง ๆ ได้ สามารถเพ่มิ ความสนกุ สนานได้ด้วยการใหเ้ ดก็ วาดภาพตามจินตนาการของ ตัวเอง แล้วใหเ้ ดก็ ฉกี กระดาษตามรอยทวี่ าดไว้ไดเ้ ลย(สาหรับเดก็ ท่ีวาดภาพไม่คล่องหรอื ไม่ถนัดในการ วาดภาพ แนะนาใหว้ าดเปน็ แนวทางใหเ้ ดก็ ดูก่อน แลว้ ให้เด็กนาไปสร้างสรรค์ผลงานตามจินตนาการของ ตวั เองตอ่ ) ทีม่ า: ทาญิการ์ ศรีสมภาร, ฉกี ตัด ปะ กิจกรรมฝึกกล้ามเนื้อมอื สาหรับเด็กปฐมวยั , https://www.youngciety.com/article/journal/tear-cut-kid.html
กจิ กรรมการตัดกระดาษควรเรมิ่ สอนเดก็ ตัง้ แตอ่ ายุ 5 ปี ขึน้ ไป เพราะกจิ กรรมน้ี เด็กตอ้ งใช้สายตามาก การทเี่ ด็กตดั กระดาษ แสดงว่าเดก็ ควบคมุ การใช้นิ้วมือได้ดีและสง่ิ ที่ สาคัญคือ กรรไกรที่ใชต้ อ้ งเป็นกรรไกรหวั ปา้ น ท่มี า: ทาญิการ์ ศรีสมภาร, ฉกี ตดั ปะ กจิ กรรมฝึกกล้ามเนอ้ื มือ สาหรับเด็กปฐมวยั , https://www.youngciety.com/article/journal/tear-cut-kid.html
การพับกระดาษ เปน็ การประดิษฐ์กระดาษใหม้ ีลักษณะเปน็ ภาพ 3 มิติ ซึ่งกิจกรรมน้จี ะมคี วาม ยากขึ้นมาเล็กนอ้ ย ซง่ึ เปน็ กจิ กรรมที่ ต้องอาศยั การทางานประสานสมั พันธ์ระหวา่ งกลา้ มเนื้อ มอื ตาและนว้ิ มือ พบั กระดาษใหเ้ ป็นภาพ ตามขนั้ ตอนซึ่งลาดบั ขน้ั ตอนนัน้ ไม่ควรยากเกิน ความสามารถของเดก็ ท่ีมา : ขนษิ ฐา บุนนาค.การจดั กจิ กรรมสรา้ งสรรคส์ าหรบั เด็กปฐมวัย.https://www.youngciety.com/article/journal/arts-for-kids.html
อายุ 3 - 4 ปี จะรู้จกั การพบั กระดาษ และสามารถฝึกพบั ตามรอยครึง่ 4 ส่วนได้ เพราะเดก็ เรม่ิ ใชห้ ัวแม่มือและนิ้วชีไ้ ดค้ ล่องขนาดกระดาษทีเ่ หมาะสาหรับการพบั ของเดก็ วยั น้ี คือขนาด 10 x 10 เซนติเมตร เพราะมีขนาดทีพ่ อดีกับมือของเดก็ ไมใ่ หญห่ รือเลก็ จนเกนิ ไป ทาให้เดก็ พับกระดาษถนดั และคลอ่ งมากกว่ากระดาษขนาดอื่น ๆ ทีม่ า: ขนิษฐา บนุ นาค, พน้ื ฐานงานพบั กระดาษ เสริมทักษะการประสานสัมพนั ธ์มอื และตา, https://www.youngciety.com/article/learning/paper-fold.html
อายุ 4 - 5 ปี เรม่ิ มคี วามสามารถใชก้ ล้ามเนือ้ มัดเลก็ ไดด้ ขี น้ึ มกี ารประสานงานท่ีดรี ะหว่างสายตา กบั มอื และการควบคมุ กลา้ มเน้อื มือและแขนใชไ้ ดค้ ลอ่ งขน้ึ จึงสามารถพับกระดาษซ้อนกนั 3 ทบ ได้ และสามารถใช้นวิ้ รดี รอยพับกระดาษให้เรียบได้ พบั กระดาษเปน็ รปู รา่ งงา่ ย ๆ ได้ เช่น จรวด เรอื ฯลฯ ทีม่ า: ขนิษฐา บุนนาค, พื้นฐานงานพับกระดาษ เสริมทกั ษะการประสานสมั พันธ์มือและตา, https://www.youngciety.com/article/learning/paper-fold.html
อายุ 5 - 6 ปี เด็กในวยั นีเ้ ริม่ มีกระบวนการคิดและการจดจาทด่ี ขี น้ึ และมีความอดทนจดจ่อ อยู่กับสิ่งใดส่งิ หนง่ึ ได้นานขน้ึ ทาใหเ้ ด็กสามารถพับกระดาษทีม่ ีความซับซอ้ นได้ แตไ่ มม่ าก และสามารถเก็บรายละเอียดของการพบั กระดาษไดม้ ากขนึ้ เชน่ รูปสตั ว์ ฯลฯ ทม่ี า: ขนษิ ฐา บุนนาค, พื้นฐานงานพับกระดาษ เสรมิ ทักษะการประสานสัมพันธม์ ือและตา, https://www.youngciety.com/article/learning/paper-fold.html
กิจกรรมการพิมพ์ภาพ การพมิ พภ์ าพด้วยสว่ นตา่ ง ๆ ของร่างกาย เชน่ นวิ้ มือ ฝ่ามอื แขน ขอ้ ศอก ฯลฯ การพิมพภ์ าพจากวสั ดุ ธรรมชาติตา่ ง ๆ เช่น พืช ผกั ผลไม้ ฯลฯ การพมิ พ์ภาพจากวัสดุเหลอื ใช้ตา่ ง ๆ เช่น หลอด ฝานา้ อัดลม ขวดนา้ ฯลฯ รวมถึงการพมิ พภ์ าพดว้ ยการขยากระดาษ การขูดสี เชน่ ให้เดก็ วางกระดาษบนใบไมห้ รือเหรียญ แลว้ ใชส้ ีขดู ลอกลาย ออกมาเปน็ ภาพตามวสั ดุนน้ั ๆ ทีม่ า : ขนิษฐา บนุ นาค.การจัดกจิ กรรมสร้างสรรคส์ าหรับเด็กปฐมวัย.https://www.youngciety.com/article/journal/arts-for-kids.html
งานประดษิ ฐ์เศษวสั ดุ เปน็ การรวบรวมเศษวัสดเุ หลอื ใช้ เช่น กล่องนม เศษกระดาษ กระดาษหอ่ ของขวัญ แกนกระดาษทิชชู่ ฯลฯ มาประดษิ ฐเ์ ป็นส่งิ ตา่ ง ๆ ตามแบบอย่างหรอื ตามจินตนาการไดอ้ ยา่ งอสิ ระ ที่มา : ขนิษฐา บุนนาค.การจัดกจิ กรรมสร้างสรรคส์ าหรับเด็กปฐมวัย.https://www.youngciety.com/article/journal/arts-for-kids.html
ปรยิ านุช จลุ พรหม (2547: 38) สรุปกจิ กรรมสร้างสรรคท์ เ่ี ป็นกจิ กรรมประดิษฐส์ ามารถ แบ่งไดเ้ ปน็ 2 ประเภท ได้แก่ วัสดุที่ไดจ้ ากธรรมชาติ เชน่ ใบไม้ ดอกไม้ กิ่งไม้ เมลด็ พชื เปลอื กหอย ฯลฯ และวสั ดุที่เป็นของเหลอื ใช้ เชน่ กล่องนม ฝาขวดน้าอดั ลม เศษผา้ แกนกระดาษทชิ ชู่ กจิ กรรมศิลปะประดษิ ฐ์สาหรบั เด็กปฐมวยั นนั้ เน้นให้เด็กได้สมั ผัสกับส่อื วัสดทุ ่หี ลากหลาย เป็นกจิ กรรมท่ชี ่วยพัฒนากลา้ มเนื้อมดั เลก็ การใช้มอื และนวิ้ ให้ประสานสัมพนั ธร์ ะหว่างมอื กบั ตา ท่มี า: รวิพร ผาดา่ น, ความสามารถในการใชก้ ล้ามเน้อื มดั เลก็ ของเดก็ ปฐมวยั ท่ไี ดร้ ับการจัดกจิ กรรมศลิ ปะสร้างสรรคก์ ารฉกี ตดั ปะเศษวัสดุ, มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวิโรฒ
กจิ กรรมวาดภาพและระบายสี เปน็ กจิ กรรมการสร้างภาพ 2 มติ ิที่เดก็ เขยี นลงไปดว้ ยความรูส้ กึ ของตวั เองให้ เป็นลายเส้น รูปร่างหรอื ลวดลายตา่ ง ๆ ออกมาตามจนิ ตนาการ แทนการใช้คาพูด ที่มา : ขนษิ ฐา บนุ นาค.การจัดกจิ กรรมสร้างสรรคส์ าหรบั เดก็ ปฐมวัย.https://www.youngciety.com/article/journal/arts-for-kids.html
การควบคุมดนิ สอใหล้ ากเสน้ ไปตามจนิ ตนาการ หรือระบายสีใหส้ วยงามไดน้ นั้ เดก็ ต้องใชค้ วาม พยายามในการควบคมุ กล้ามเน้อื มอื ในการจับดนิ สอเป็นอยา่ งมาก หากส่งเสรมิ ใหเ้ ดก็ วาดภาพระบายสีอย่าง สนกุ สนาน พรอ้ มทงั้ สอนท่าทางการจบั ดินสอที่ถกู ตอ้ ง เด็กกจ็ ะมีความพรอ้ มทางด้านการเขยี น การวาดภาพ ระบายสี ทาให้มกี ารเคลื่อนไหวของนวิ้ มอื และมือ จากการลากเส้นตามรอยปะหรือทาสไี ปตามรปู ทรงตา่ งๆ เปน็ การฝึกใช้กล้ามเน้อื มือให้กบั เด็ก กัญญาวรี ์ ใครวงษ์, ความสามารถในการใช้กลา้ มเนื้อมัดเลก็ ที่ไดร้ ับการจัดกจิ กรรมศลิ ปะสร้างสรรคก์ ารประดษิ ฐเ์ ศษวสั ดขุ องเดก็ ปฐมวยั ชั้นปที ่ี 2/3 โรงเรยี นบา้ นหว้ ยกะปิ, มหาวิทยาลยั บรู พา
การวาดภาพ ระบายสี เดก็ อายุ 4 – 5 ปี 1. จบั ดินสอด้วยทา่ ทางทีถ่ ูกต้องได้ดี 2. เขยี นรูปตามแบบได้ 3. วาดรปู ส่ิงทค่ี ้นุ เคยได้ 4. วาดรปู คนครบส่วนประกอบของร่างกายได้ 5. วาดรปู บา้ นได้ 6. ระบายสรี ูปทรงและแบบอสิ ระไดใ้ นกรอบรูป เด็กอายุ 5 – 6 ปี 1. วาดรปู คนและเสอ้ื ผ้าใหร้ ายละเอียด 2. เขียนรูปตามจนิ ตนาการ หรือตามคาสั่งได้โดยไมม่ ีแบบ 3. ระบายสไี ด้สวยงาม ในภาพทมี่ คี วามละเอียดขนาดเลก็ โดยอยู่ในกรอบรปู กญั ญาวรี ์ ใครวงษ์, ความสามารถในการใช้กล้ามเนือ้ มัดเล็กทไ่ี ดร้ ับการจดั กจิ กรรมศลิ ปะสร้างสรรค์การประดษิ ฐ์เศษวสั ดขุ องเดก็ ปฐมวยั ช้นั ปที ี่ 2/3 โรงเรยี นบ้านห้วยกะปิ, มหาวทิ ยาลยั บรู พา
กจิ กรรมการเลน่ กบั สีน้า เปน็ การนาสีน้า สีโปสเตอร์ หรอื สีผสมอาหารมาละลายกบั นา้ เพ่ือนามาสร้างสรรคผ์ ลงานศลิ ปะ เช่น การเป่าสี การหยดสี การเทสี หรอื การกล้งิ สี เป็นต้น ทีม่ า : ขนิษฐา บนุ นาค.การจัดกจิ กรรมสร้างสรรคส์ าหรับเดก็ ปฐมวยั .https://www.youngciety.com/article/journal/arts-for-kids.html
05 การจดั กิจกรรมเพื่อพัฒนากล้ามเนื้อมดั เลก็ สาหรบั เด็กปฐมวยั
กจิ กรรมพัฒนากลา้ มเนอ้ื มดั เลก็ (Fine-Motor Development Activities) กิจกรรมท่ีสง่ เสรมิ ความสามารถในการควบคมุ การทางานของกลา้ มเนื้อมอื และตาใหท้ างานอย่างประสาน สมั พันธ์ท่ีดี ไดแ้ ก่ กจิ กรรมท่เี ด็กไดห้ ยิบจบั ส่ิงของ ตุ๊กตา เคร่อื งเล่น ตลอดจนการชว่ ยตนเองในการแต่งตวั การทาความ สะอาดรา่ งกาย การรับประทานอาหาร ตลอดจนกจิ กรรมศลิ ปะตา่ งๆที่เด็กไดท้ าท่โี รงเรียนเพื่อการพัฒนาของกล้ามเนื้อ เลก็ และเพอื่ วางรากฐานในการใช้มือทถี่ นัดและเตรยี มความพร้อมทจี่ ะเขยี นและอา่ นตอ่ ไป ทม่ี า : การพัฒนากลา้ มเนือ้ มดั เลก็ .http://www.rockingkidsthailand.com/
การจัดกจิ กรรมพัฒนากลา้ มเนอื้ มดั เลก็ ความสามารถในการใช้กลา้ มเนอื้ เล็กมคี วามสาคัญและจาเปน็ ตอ่ การดารงชวี ติ ประจาวนั โดยกล้ามเนอื้ เล็กเปน็ อวยั วะหน่ึงในการประกอบกจิ กรรมต่างๆของเด็ก เช่น ติดกระดมุ การผกู เชือกรองเท้า การเทนา้ ใส่แกว้ การด่มื นม การรับ ประทานอาหาร การทางานศลิ ปะ รวมทงั้ การขีดเขียน ถา้ เดก็ สามารถใชก้ ล้ามเนื้อเล็กได้อยา่ ง คล่องแคลว่ จะช่วยพัฒนาเด็กใหม้ ีพัฒนาการทางดา้ นตา่ งๆดีไปพรอ้ มๆกนั ทม่ี า : การพัฒนากลา้ มเนอ้ื มดั เลก็ .http://www.rockingkidsthailand.com/
กิจกรรมพัฒนากลา้ มเนอื้ มดั เลก็ กิจกรรมศิลปะสรา้ งสรรค์ ประกอบด้วย การปน้ั การฉีก ตัด ปะ กระดาษ การพับกระดาษ การพิมพภ์ าพ ประดิษฐเ์ ศษวสั ดุ วาดภาพและระบายสี การเลน่ กับสนี า้ ท่ีมา : การพฒั นากล้ามเนื้อมดั เลก็ .http://www.rockingkidsthailand.com/
กิจกรรมพัฒนากลา้ มเนอ้ื มดั เลก็ สมาคมคหเศรษฐศาสตรแ์ หง่ ประเทศไทย (2525: 124) กล่าวถึง พัฒนาการความสามารถในการใชก้ ลา้ มเนอื้ มดั เล็ก ดังนี้ เมอ่ื อายุ 3 - 4 ขวบ จะเริ่มใชช้ อ้ นปอ้ นอาหารเองได้ เมอ่ื อายุ 5 - 6 ขวบ จะขวา้ งและรับลูกบอลไดค้ ลอ่ งแคล่ว มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธริ าช (2543: 249) กล่าวถึง พัฒนาการความสามารถในการใช้กลา้ มเนื้อมัดเลก็ ของเด็ก ปฐมวยั ดังน้ี เด็กวยั 3 ขวบ ต่อแทง่ ไม้สี่เหลย่ี มไดส้ งู ถงึ 9 - 10 อัน เขียนวงกลมได้แต่ยงั วาดรปู คนไมไ่ ด้ เด็กวัยประมาณ 4 - 6 ขวบ การใช้มือก็มคี วามละเอียดขน้ึ เด็กวัยนจี้ ึงมีความสามารถแต่งตัวเองได้ หวผี ม แปรงฟัน ลา้ งหน้า ใสร่ องเทา้ ผกู เชือกรองเท้าได้ เมอื่ ปลายวัย ชว่ ยทางานเลก็ ๆนอ้ ยๆได้ ความสามารถใน การเรยี นดีขึ้น เด็กวัย 5 ขวบ เขยี นรูปสามเหลย่ี มได้ เด็กวยั 6 ขวบเขยี นรปู ส่ีเหล่ยี มชนมเปยี กปูนไดก้ ารวาดรปู คนกต็ ่อเตมิ มีรายละเอียดเพมิ่ มากขึ้นจนเปน็ รูปรา่ งคนครบบรบิ ูรณข์ นึ้ ท่มี า: รวพิ ร ผาดา่ น, ความสามารถในการใชก้ ล้ามเนื้อมดั เล็กของเดก็ ปฐมวัยทไ่ี ดร้ บั การจดั กจิ กรรมศลิ ปะสร้างสรรคก์ ารฉกี ตดั ปะเศษวสั ดุ, มหาวิทยาลัยศรนี ครินทรวิโรฒ
อธษิ ฐาน พลศิลปัศักดิก์ ลุ (2546: 111)กลา่ วถงึ พัฒนาการความสามารถในการใชก้ ล้ามเนือ้ มดั เลก็ ขึน้ อยู่กบั ระดับสตปิ ัญญาตามวฒุ ภิ าวะของสมองทเ่ี ปน็ ไปตามวยั โดยการพัฒนาจากต้นแขนไปสู่ ปลายแขนหรือจากตันไปส่ปู ลาย ดังน้ี อายุ 1 ปี สามารถใชน้ ิว้ โป้งและนิ้วช้ไี ด้แตย่ ังไมค่ ลอ่ ง จงึ กาส่งิ ของทงั้ มือ และลากเส้น เป็นแนวตั้งจากบนลงลา่ งขน้ึ ๆลงๆได้ อายุ 2 ปีขนึ้ ไป สามารถเขียนโดยลากเส้นตอ่ เนอ่ื งกนั กอ่ นจะรู้จกั ลากเสน้ ตาม แนวนอนสลับซ้ายขวา ท่มี า: รวพิ ร ผาดา่ น, ความสามารถในการใชก้ ล้ามเน้อื มดั เล็กของเดก็ ปฐมวัยทไ่ี ดร้ บั การจดั กจิ กรรมศลิ ปะสรา้ งสรรคก์ ารฉีก ตัด ปะเศษวสั ดุ, มหาวิทยาลัยศรนี ครนิ ทรวิโรฒ
สุชา จันทร์เอม (2543: 41 - 42) กล่าวถงึ ความสามารถในการใชก้ ล้ามเนื้อมัดเล็กแบง่ ตามชว่ งวัยดงั นี้ อายุ 3 ขวบ 1. ชว่ ยจัดโต๊ะอาหารได้ ไมท่ าถ้วยชามหลน่ 2. ต่อแทง่ ไม้สเี่ หลย่ี ม 9 แท่ง ได้ในทางสงู 3. สร้างสะพานโดยใชแ้ ทง่ ไมส้ ี่เหลย่ี ม 3 แทง่ ได้ 4. แตง่ ตัวเองได้ถ้าชว่ ยกลัด หรอื ปลดกระดุมให้ 5. ปลดกระดุมด้านหนา้ เองได้ 6. เขยี นแบบกากบาทไดเ้ ขยี นรูปคนตามท่สี ั่งได้ อายุ 4 ปี 1. กลดั กระดุมเส้อื เองได้ 2. เขียนกากบาทไดเ้ หมือน ท่มี า: รวพิ ร ผาด่าน, ความสามารถในการใชก้ ล้ามเนื้อมัดเล็กของเดก็ ปฐมวัยท่ีไดร้ ับการจัดกจิ กรรมศลิ ปะสรา้ งสรรคก์ ารฉีก ตัด ปะเศษวสั ดุ, มหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวโิ รฒ
อายุ 5 ปี 1. ผูกเชือกรองเทา้ ได้ อายุ 6 ปี 2. เขยี นรปู สามเหล่ียมได้เหมอื น 3. เขียนตวั อักษร 1. สามารถใช้มือและใช้ตาประสานกนั ดีข้นึ 2. การจับดนิ สอในการเขียนทาไดด้ ขี น้ึ 3. ขอบวาดภาพระบายสีแตจ่ ะทาไดไ้ ม่เรียบร้อยเพราะความไมอ่ ยูน่ ิง่ ของเดก็ 4. เดก็ สามารถจะมองเด็กชื่นเลน่ โดยที่มอื ของตนยงั ทางานต่อไปไก 5. สามารถใชม้ อื และตาพรอ้ มๆกนั ขณะเดินหรือนั่งเขยี นหนงั สอื ตัวเลก็ ๆได้ 6. ชอบใชม้ อื หยิบอาหารใสป่ ากมากกว่าใชว้ าวชอ้ นส้อม ทม่ี า: รวิพร ผาดา่ น, ความสามารถในการใช้กลา้ มเน้ือมดั เลก็ ของเดก็ ปฐมวยั ทไี่ ดร้ ับการจัดกจิ กรรมศลิ ปะสรา้ งสรรคก์ ารฉกี ตัด ปะเศษวสั ดุ, มหาวิทยาลยั ศรนี ครินทรวิโรฒ
อาไพพรรณ ปญั ญาโรจน์ (2545 322 – 323) กล่าวถึง ความสามารถในการใชก้ ลา้ มเนื้อมัดเล็ก ดังน้ี อายุ 1 ปี หยบิ จบั สิ่งของดว้ ยน้ิวหัวแมม่ อื และน้วิ ช้ี จับดนิ สอกลางแท่งด้วยอุง้ มือแลว้ ขีด เขยี นไปมา อายุ 2 ปี ขอบเลน่ ของเล่นทอี่ อกแรงมากขน้ึ เชน่ ตี หรือตอกด้วยค้อน ดึงออกหรือสวมใส่ ของสองสิ่งทมี่ รี ูปรา่ งเหมาะมือและมสี ีสะดุดตา อายุ 3 ปี กล้ามเนอ้ื แข็งแรง ใช่มือหยบิ จบั อาหารตลอดจนใชช้ อ้ นตกั อาหารเขา้ ปากใด้ ชว่ ยตวั เองในการแตง่ กาย เช่น ถอดและใสก่ ระดุมเส้ือได้เองแต่ยังต้องการให้ผ้ใู หญช่ ว่ ยเหลอื อยู่ สามารถจับดินสอขีดเขียนได้ ท่มี า: รวิพร ผาด่าน, ความสามารถในการใชก้ ล้ามเนอ้ื มดั เล็กของเดก็ ปฐมวัยทไ่ี ดร้ ับการจัดกจิ กรรมศลิ ปะสร้างสรรคก์ ารฉีก ตดั ปะเศษวสั ดุ, มหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
อายุ 4 ปี วัยนีส้ มารถช่วยตวั เองในการแตง่ ตวั ลา้ งมือ แปรงฟนั ได้มากขน้ึ อาย 5 - 6 ปี เด็กวัยน้สี ามารถใช้กรรไกรตดั กระดาษตามรปู ใดด้ ี ป้ันดนิ น้ามนั เย็บผ้าด้วยเขม็ เล่มโต วาด เขยี นด้วยดินสอและสนี ้าได้ จากท่ีกลา่ วขา้ งตน้ สรปุ ได้วา่ พฒั นาการความสามารถในการใช้กล้ามเน้ือมดั เล็กของเดก็ ปฐมวยั น้ันจะมพี ฒั นาการเปน็ ไปอยา่ งมีระบบตามชว่ งอายุของเดก็ แตล่ ะวัย โดยจะพัฒนาจากน้วิ มือดัน แขนไปสู่ปลายแขนหรอื จากต้นไปสู่ปลายซ่งึ ความสามารถในการใช้กลา้ มเนอ้ื เล็กควบคู่ไปกบั กล้ามเนอ้ื ใหญแ่ ละะดบั สตปิ ัญญาตามวุฒภิ าวะของสมองที่เปน็ ไปตามวยั การพฒั นาความสามารถในการใช้ กลา้ มเนือ้ เล็กนั้นทาไดโ้ ดยใหเ้ ด็กฝกึ ทกั ษะในการใชม้ ือหยบิ จบั สัมผสั กับวตั ถแุ ละทากจิ กรรมตา่ งๆ เพ่ือใหเ้ ด็กได้เลน่ อย่างสมา่ เสมอ การจัดกจิ กรรมท่ีเร้าความสนใจจะช่วยใหเ้ ดก็ เกิดความสนุกสนาน เพลดิ เพลินและไมเ่ กดิ ความคับขอ้ งใจ ท้งั ยังช่วยสง่ เสรมิ ให้การประสานงานระหว่างสายตาและมอื เปน็ ไปอย่างกลมกลืนซง่ึ จะเป็นพ้ืนฐานของการเขยี นตอ่ ไป ท่มี า: รวพิ ร ผาดา่ น, ความสามารถในการใช้กลา้ มเน้ือมดั เล็กของเดก็ ปฐมวัยท่ไี ดร้ บั การจัดกจิ กรรมศลิ ปะสร้างสรรคก์ ารฉีก ตดั ปะเศษวัสดุ, มหาวทิ ยาลัยศรีนครินทรวโิ รฒ
จดั ทาโดย นางสาวพชั ชา พรหมทา 63121860002 นางสาวจนั ทรฉาย อยเู่ กตุ 63121860003 นางสาวมนสั วี วรปัญญา 63121860013 นางสาวอพิญญา อุปปัชฌาย์ 63121860021 นางสาวกฤติยา ศิลปศาสตร์ 63121860029 นางสาว สาธิตา ศิริกระจาย 63121860042 นางสาว บุศรา วเิ ศษการ 63121860050 นางสาว น้าํ ฝน พงั แสงสุ 63121860053
ทฤษฎแี ละแนวคดิ ในกำรพฒั นำศิลปะเพ่ือส่งเสริมภำษำและกำรสื่อสำร ในประเทศและต่ำงประเทศ กำรประเมนิ ควำมสำมำรถและสมรรถนะ ด้ำนภำษำและกำรส่ือสำร กำรออกแบบกจิ กรรมศิลปะสำหรับเดก็ ปฐมวยั เพ่ือส่งเสริมภำษำและกำรส่ือสำร ในอดตี และปัจจุบันมลี กั ษณะกจิ กรรม ท่นี ่ำสนใจทันสมยั ทนั ต่อกำรเปลยี่ นแปลง
เนื้อหำ 01 หลกั การทฤษฎีและแนวคิดในการพฒั นา 02 การจดั ประสบการณ์เพื่อพฒั นาภาษา และการส่ือสารสาหรบั เดก็ ปฐมวยั ศิลปะเพื่อส่งเสริมภาษาและการสื่อสาร 03 สมรรถนะด้านภาษาและการส่ือสาร 04 การออกแบบกิจกรรมศิลปะเพื่อ พฒั นาภาษา 05 การประเมินภาษากบั ศิลปะ
1 หลกั การทฤษฎีและแนวคิดในการพฒั นาศิลปะ เพื่อส่งเสริมภาษาและการส่ือสาร
ความหมายของภาษา (พจนาณุกรมฉบบั ราชบณั ฑิตยสถาน. 2525) ภาษา หมายถึง เครอื่ งมอื ของมนุษยท์ ่ีใช้ในการสื่อความหมายทาให้สามารถติดต่อส่ือสาร เขา้ ใจ กนั ได้ โดยมีระเบยี บของเสียงและเรือ่ งของคาเป็นเครือ่ งกาหนด ภาษาคือ เสียงหรอื กิริยาอาการท่ีทาความเขา้ ใจกนั ได้ คาพดู ถ้อยคาที่ใช้พดู จากนั ภาษาสามารถแบง่ ออกเป็น 2 ประเภท คือ วจั นภาษา และ อวจั นภาษา ที่มา : จนั ทิมา พงษพ์ นั ธ.ุ์ (2548). การส่ือสารวจั นภาษาผา่ นรูปแบบการส่ือสารอยา่ งรวบ รดั . , มหาวิทยาลยั ธรุ กิจบญั ิติ .
วจั นภาษา วจั นภาษา หมายถงึ ภาษาถอ้ ยคา ได้แก่ คาพดู หรอื ตวั อกั ษรที่กาหนดใช้ร่วมกนั ใน สงั คม ซ่ึงหมายรวมทงั้ เสียง และลายลกั ษณ์อกั ษร ภาษาถ้อยคาเป็นภาษาท่ีมนุษยส์ ร้าง ขึ้นอย่างมีระบบ มีหลกั เกณฑท์ างภาษา หรือไวยากรณ์ซ่ึงคนในสงั คมต้องเรียนรแู้ ละใช้ ภาษาในการฟัง พดู อ่าน เขียนและคิด การใช้วจั นภาษาในการสื่อสารต้องคานึงถงึ ความชดั เจนถกู ต้องตามหลกั ภาษา และความเหมาะสมกบั ลกั ษณะ การส่ือสาร ลกั ษณะ งาน เป้าหมาย ส่ือและผ้รู บั สาร วจั นภาษาแบ่งออกเป็น ๒ ชนิด คือ ภาษาพดู กบั ภาษา เขียน ทม่ี า : จนั ทมิ า พงษพ์ นั ธ.ุ์ (2548). การสื่อสารวจั นภาษาผา่ นรูปแบบการสื่อสารอยา่ งรวบ รดั . , มหาวิทยาลยั ธรุ กิจบญั ิติ .
ภาษาพดู เป็นภาษาที่มนุษยเ์ ปล่งเสียงออกมาเป็นถ้อยคาเพ่ือส่ือสารกบั ผ้อู ่ืน นักภาษาศาสตรถ์ ือว่าภาษาพดู เป็นภาษาท่ีแท้จริงของมนุษย์ มนุษยไ์ ด้ใช้ภาษาพดู ติดต่อสื่อสารกบั ผ้อู ่ืนอยเู่ สมอ ทงั้ ในเรอ่ื งส่วนตวั สงั คม และหน้าที่การงาน ภาษาพดู จึง สามารถสร้างความรกั ความเข้าใจ และช่วยแก้ไขปัญหา ต่าง ๆ ในสงั คมมนุษยไ์ ด้มากมาย ภาษาเขียน เป็นภาษาท่ีมนุษยใ์ ช้อกั ษรเป็นเคร่อื งหมายแทนเสียงพดู ในการส่ือสาร ภาษาเขียนเป็นสญั ลกั ษณ์ของการพดู ภาษาเขียนนัน้ เป็นส่ิงที่มนุษยป์ ระดิษฐข์ ึน้ มาเพื่อใช้ บนั ทึกภาษาพดู ท่มี า : จนั ทิมา พงษพ์ นั ธ.ุ์ (2548). การสื่อสารวจั นภาษาผา่ นรูปแบบการสื่อสารอยา่ งรวบ รดั . , มหาวิทยาลยั ธรุ กิจบญั ิติ .
อวจั นภาษา อวจั นภาษา หมายถงึ เป็นการส่ือสารโดยไม่ใช้ถอ้ ยคา ทงั้ ที่เป็นภาษาพดู และภาษาเขียน เป็นภาษาท่ีมนุษยใ์ ช้สื่อสารกนั โดยใช้อากปั กิริยา ท่าทาง น้าเสียง สายตาหรอื ใช้วตั ถุ การใช้สญั ญาณ และ สิ่งแวดล้อมต่าง ๆ หรือแสดงออกทางด้านอื่นท่ีสามารถ รบั ร้กู นั ได้ สามารถแปลความหมายได้และทาความเข้าใจต่อกนั ได้ ที่มา : จนั ทมิ า พงษพ์ นั ธ.ุ์ (2548). การส่ือสารวจั นภาษาผา่ นรูปแบบการสื่อสารอยา่ งรวบ รดั . , มหาวิทยาลยั ธรุ กิจบญั ิติ .
ภาษากาย ภาษากาย (Body language) คือการใช้พฤติกรรมทางรา่ งกายเพื่อการ สื่อสาร ซ่ึงเป็นภาษาอีกประเภทหนึ่งท่ีใช้เพื่อแสดงความหมาย ภาษากาย เป็นภาษาท่ีทารกใช้ในการสื่อสารกบั พ่อแม่ ผเู้ ลี้ยงดู โดยจะแสดงออกจากสี หน้าท่าทางให้เหน็ เพื่อแสดงความต้องการของตน เช่น การเตะขา หากเดก็ เตะขาพรอ้ มกบั ยิ้มและดมู ีความสขุ มนั กอ็ าจเป็ นสญั ญาณว่า เดก็ กาลงั อยากเล่น แต่ถา้ เตะขาไปร้องไห้ไปด้วยอาการหงุดหงิด เดก็ กาลงั จะสื่อว่า กาลงั มีอะไรรบกวนเดก็ อยู่ อาจจะเป็ นผ้าอ้อมเปี ยกแฉะ หรืออาการท้องอืด หรือการแสดงความรกั ผ่านการสมั ผสั กนั ผา่ นทางร่างกาย เช่น การกอด การหอมแก้ม การจบั มือ ซึ่งเป็นการแสดงออกทางความรกั หรือตนตาบอด กส็ ามารถยิ้มได้เพ่ือแสดงความรสู้ ึกดีใจ ที่มา : นพมาศ องุ้ พระ. (2548). การส่ือสารทีไ่ ม่ใชค้ าพดู : มมุ มองจากจิตวทิ ยา. วารภาษา และภาษาศาสตร,์ 24(1), .
ภาษาสาหรบั ผู้พกิ าร ภาษามือ คือ ภาษาสาหรบั คนหูหนวก ใช้มือเปน็ การสื่อความหมาย และถา่ ยทอด อารมณ์แทนการพดู โดยแสดงสีหน้ากริ ิยาท่าทางประกอบ คนหูหนวกสว่ นใหญ่ใชภ้ าษามอื ส่ือความหมายแทนคาพูด เป็นภาษาทีไ่ ด้ตกลงและรับรองว่าเป็นภาษามาตรฐานสาหรบั คนหหู นวก ส่วนประกอบของภาษามือมอี ยู่ 5 อย่างคอื ท่ามอื ระดับของมือ ทิศทางการ หนั ของมอื การเคล่อื นไหวของมอื การแสดงสหี น้า วิธกี ารสอ่ื สารทัง้ หมด คอื ผสมผสาน หลากวิธเี ข้าดว้ ยกัน คือ ใช้ท้ังภาษามือ การอ่านริมฝีปาก และการฝึกการไดย้ นิ ทีม่ า : นิภาธร สาระพนั ธ.์ (2558). การพฒั นาบทเรยี นวิดที ศั นเ์ รอ่ื งภาษามอื สาหรบั นกั ศกึ ษาผพู้ กิ ารหหู นวก. , มหาวิทยาลยั บรู พา.
ดงั นนั้ ในการจัดการศึกษาสาหรับคนหูหนวก เพือ่ ให้ตรงกบั ความต้องการ และสอดคลอ้ งกับวิถชี วี ิตของคนหูหนวกน้นั สถานศกึ ษาตา่ ง ๆ ควร พิจารณาเร่อื งการใช้สอ่ื ส่งิ อานวยความสะดวก บรกิ ารและความชว่ ยเหลอื อนื่ ๆ เพอื่ เสรมิ และทดแทนการไดย้ นิ ดว้ ยการรับรทู้ างสายตา การสมั ผสั การดมกล่นิ และชิมรส ทม่ี า : นิภาธร สาระพนั ธ.์ (2558). การพฒั นาบทเรยี นวิดีทศั นเ์ รอ่ื งภาษามือสาหรบั นกั ศกึ ษาผพู้ ิการหหู นวก. , มหาวิทยาลยั บรู พา.
ภาษาสาหรับผู้พกิ าร อักษรเบรลล์ (Braille code) เป็นตวั อักษรสาหรับผู้พกิ ารทางสายตาซง่ึ ถกู พฒั นาขึ้น ในปี ค.ศ. 1921 โดยครตู าบอดชาวฝรัง่ เศสชอ่ื หลุยส์ เบรลล(์ Louis Braille) อกั ษร เบรลล์ขนาด 1 เซลล์ ประกอบดว้ ยปุ่มนนู เลก็ ๆ จานวน 6 ปมุ่ วางตวั ในลกั ษณะตา่ ง ๆ กนั ไปตามรหสั ที่กาหนดขน้ึ ใชแ้ ทนตัวอกั ษรปกติ หรือ สญั ลักษณท์ างคณติ ศาสตร์ และ วทิ ยาศาสตร์ หรือสัญลกั ษณอ์ ื่น ๆ โดยหลักในการเขียนอักษรเบรลลผ์ ูเ้ ขยี นจะตอ้ งเขียน จากขวาไปซา้ ยเม่ือเวลาพลิกหน้ากระดาษกลบั มาอ่านน้นั เดก็ พิการทางสายตาสามารถ สอื่ สารผา่ นการพูดและได้ยินเสียงปกติ ท่มี า : ณฐั สินี ตง้ั ศิรไิ พบลู ย.์ (2558). การพฒั นาเครอื่ งมือช่วยสอน อกั ษรเบรลลพ์ นื้ ฐานตามหลกั ไวยากรณ.์ วารสารวิชาการคณะเทคโนโลยี อตุ สาหกรรม มหาวิทยาลยั ราชภฏั ลาปาง, 8(2), .
ความหมายของการส่ือสาร ราตรี พัฒนรังสรรค์ (2542 : 165 ) กลา่ วว่า การตดิ ต่อสื่อสาร คือ กระบวนการ ถ่ายทอด หรอื แลกเปลยี่ นความคดิ ขอ้ มลู ข้อเทจ็ จรงิ หรือความรสู้ กึ ซง่ึ อาจเป็นรปู ของคา ตวั อกั ษร สัญลักษณ์ เรียกว่า ข่าวสาร บุคคลฝ่ายหน่งึ เรยี กกว่า ผสู้ ่งสาร ส่งไปยังบุคคลอกี ฝา่ ยหนง่ึ เรยี ก ผูร้ บั สาร โดยผ่านสื่อต่าง ๆ เพอื่ ใหบ้ คุ คลหรือกลุ่ม บุคคลอืน่ ได้เขา้ ใจความหมายตามเจตนาที่ตอ้ งการ และช่วยป้องกนั ความเขา้ ใจผดิ ระหวา่ งกนั และกันอกี ด้วย ทมี่ า : ปรมะ สตะเวทิน . 2534. เอกสารการสอนชดุ วชิ าหลกั และทฤษฎีการสื่อสาร หน่วยท่ี 1-8 (พิมพค์ รง้ั ท่ี 10 ). นนทบรุ ี : มหาวิทยาลยั สโุ ขทยั ธรรมาธิราช.
ความหมายของการฟัง กุลยา ตันติผลาชวี ะ (2542 : 147 - 148) ได้กลา่ วว่า การฟังของเดก็ เปน็ การรบั รู้ เร่อื งราวดว้ ยประสาทสัมผสั ทางหทู ่เี ด็กสะสมและนาไปสรา้ งเสรมิ พฒั นาการทาง ภาษามากกว่าการใช้เพ่อื พฒั นาปัญญา เดก็ จะเก็บคาพูด จงั หวะเรอื่ งราว จากสิ่งที่ ฟังมาสานตอ่ เปน็ คาศพั ท์ เปน็ ประโยคที่จะถ่ายทอดไปสูก่ ารพูด ถ้าเรื่องราวทเ่ี ดก็ ได้ ฟงั มคี วามชัดเจนงา่ ยตอ่ การเขา้ ใจ เด็กจะได้คาศัพท์และมีความสามารถมากข้ึน ทมี่ า : รสสคุ นธ์ แนวบตุ ร. (7). การพฒั นาทกั ษะการฟังและการพดู ของเดก็ ปฐมวยั โดยใช้ กิจกรรมการเลา่ นิทานพนื้ บา้ น. สานกั วิชาสงั คมศาสตร,์ 2557(2), .
ความหมายของการพดู นงเยาว์ คลกิ คลาย (2543 : 14) ได้กลา่ วว่า การพูดเป็นการสอื่ สารสร้าง ความสมั พันธ์กบั ผูอ้ ื่น โดยใชน้ า้ เสียง เพ่ือสอ่ื ความหมายไปให้ผู้ฟังรหู้ รือเขา้ ใจ ความรสู้ กึ นึกคดิ หรือความตอ้ งการของตน และสาหรบั เดก็ ปฐมวยั การพดู เปน็ เครื่องมอื อย่างหนง่ึ ในการสื่อสารความรสู้ ึกนึกคดิ หรือ ความต้องการของตนใหผ้ ู้อ่นื ได้ทราบ ท่มี า : รสสคุ นธ์ แนวบตุ ร. (7). การพฒั นาทกั ษะการฟังและการพดู ของเดก็ ปฐมวยั โดยใช้ กิจกรรมการเล่านิทานพนื้ บา้ น. สานกั วิชาสงั คมศาสตร,์ 2557(2), .
ความหมายของการอ่าน นิตยา ประพฤตกิ ิจ ( 2538 : 2) ยงั มีการใหค้ วาม หมายของการอ่านวา่ การอ่านนี้ เปน็ กระบวนการเรียนรเู้ ช่นเดยี วกบั การพดู การออกเสยี งเปน็ คาหรอื หลายคา ซ่ึง รวมกนั เข้าเปน็ ประโยคทีใ่ หค้ วามหมายเมื่อเราอ่านนั้น มไี ด้จากดั แต่การอา่ นเพยี ง อย่างเดยี ว แตก่ ารพดู เปน็ รากฐานของการอา่ น ก็เร่มิ ตน้ ดว้ ยวธิ นี ี้เช่นกนั ทมี่ า : สขุ เพญ็ เหรยี ญเกษมสกลุ . (2558). การพฒั นาทกั ษะการอา่ นออกเสียงโดยการใช้ นิทานของนกั เรยี น ชน้ั ประถมศกึ ษาปี ท่ี 2/9. , ม.ป.ท.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437