แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 8. ช้ินงานหรอื ภาระงาน ทดสอบการสะสมแป้งในพชื 9. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ขัน้ นำเขา้ สู่บทเรียน 1) ครูทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับคลอโรฟิลล์กับการสร้างอาหารของพืช โดยการให้นักเรียนบอก หนา้ ท่ีของคลอโรฟิลล์และการตรวจสอบหาแป้งที่เกิดจากการสงั เคราะห์ด้วยแสง (แนวคำตอบ คลอโรฟลิ ล์ช่วย ให้พืชเกิดการสังเคราะห์ด้วยแสง และสามารถตรวจสอบหาแป้งที่เกิดจากการสังเคราะห์ด้วยแสงได้ด้วยการ ทดสอบกบั ไอโอดนี ถ้ามแี ป้ง ไอโอดนี จะเปลีย่ นสีจากสีน้ำตาลเปน็ สนี ำ้ เงิน) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำตอบของคำถาม เพื่อเชื่อมโยงไปสู่ การเรียนรูเ้ รื่อง คลอโรฟิลล์กับการสร้างอาหารของพืช ขั้นจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรยี นรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่งึ มขี ัน้ ตอนดังนี้ 1) ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตุ้นนักเรยี นโดยการถามคำถามว่า นอกจากที่ใบแล้ว เราสามารถพบแป้งได้ที่ส่วนใดของพชื อกี บา้ ง (แนวคำตอบ รากและผล) (2) นักเรียนรว่ มกนั อภิปรายเกี่ยวกบั คำตอบจากคำถามของครูตามประสบการณ์ของนกั เรียน 2) ขัน้ สำรวจและค้นหา (Exploration) (1) ครูให้นักเรียนเล่าถึงผักและผลไม้ที่ปลูกไว้ที่บ้านหรือในชุมชนของนักเรียนว่า มีพืชชนิดใดที่มีการ เก็บสะสมอาหารและเก็บสะสมไว้ในส่วนใด หรือเล่าถึงผักและผลไม้ที่ขายตามตลาดในชุมชนของนักเรียนว่า ขายพืชที่มีการเก็บสะสมอาหารบ้างหรือไม่ โดยครูอธิบายเพิ่มเติมถึงพืชที่มีการเก็บสะสมอาหารซึ่งมีทั้งในรูป ของแปง้ และน้ำตาล (แนวคำตอบ แครอทสะสมอาหารในราก) (2) แบ่งกล่มุ นักเรยี น กลุ่มละ 3 – 4 คน แต่ละกลุม่ สังเกตการสะสมแป้งในพชื ตามข้นั ตอนดังนี้ – นักเรียนเตรียมพืชที่มีการสะสมอาหารในรูปของแป้งมากลุ่มละ 1 ชนิด เช่น แครอท มันฝร่ัง และหวั ไชเทา้ – ผา่ พชื ทีเ่ ตรยี มมาออกเป็นช้ินๆ – หยดสารละลายไอโอดีนลงบนพชื – สงั เกตการเปลี่ยนแปลงและบนั ทึกผล (3) ครูคอยแนะนำชว่ ยเหลือนักเรยี นขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดนิ ดูรอบๆ ห้องเรยี นและเปิดโอกาส ให้นักเรยี นทุกคนซกั ถามเมื่อมปี ัญหา 3) ข้ันอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (1) นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ส่งตัวแทนกล่มุ นำเสนอผลการปฏบิ ัติกจิ กรรมหนา้ หอ้ งเรยี น (2) นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายและหาขอ้ สรปุ จากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม โดยใชแ้ นวคำถาม ตอ่ ไปน้ี – สารละลายไอโอดีนใชท้ ดสอบอะไร (แนวคำตอบ ทดสอบแป้งท่ีสะสมในพชื ) – เมื่อหยดสารละลายไอโอดีนบนพืชเกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะใด (แนวคำตอบ สารละลาย ไอโอดีนเปลย่ี นสีจากสีนำ้ ตาลเปน็ สีน้ำเงิน)
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู – พืชที่นำมาทดสอบมีการสะสมแป้งที่ใด (แนวคำตอบ แครอทและหัวไชเท้าสะสมแป้งที่ราก ส่วนมันฝร่ังสะสมแปง้ ที่ลำต้น) (3) ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรุปผลการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรยี นเข้าใจวา่ สนี ้ำเงนิ ที่ปรากฏ บนเน้ือของพืช แสดงใหเ้ ห็นถงึ การสะสมของแป้งในพชื 4) ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration) นักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับคลอโรฟิลล์กับการสร้างอาหารของพืช จากหนังสือ เรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนำเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคัดคำศัพท์พร้อมทั้งคำแปลลง สมดุ ส่งครู 5) ข้นั ประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เข้าใจหรือยงั มขี อ้ สงสัย ถ้ามี ครชู ่วยอธิบายเพิ่มเติมให้นักเรยี นเข้าใจ (2) นกั เรียนร่วมกันประเมนิ การปฏิบตั ิกจิ กรรมกลมุ่ วา่ มีปญั หาหรอื อุปสรรคใดและไดแ้ กไ้ ขอย่างไรบ้าง (3) ครแู ละนักเรยี นร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยถามคำถามนักเรียน เชน่ – พืชสะสมอาหารไว้ตามส่วนตา่ ง ๆ เพ่ืออะไร – นักเรยี นมีวิธที ดสอบการสะสมอาหารของพืชวธิ ีใดบ้าง ข้ันสรุป ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปเกยี่ วกบั คลอโรฟิลลก์ ับการสร้างอาหารของพืช โดยรว่ มกันเขียนเป็นแผนที่ ความคิดหรือผังมโนทศั น์ 10. สื่อการเรยี นรู้ 1. แครอท มันฝร่ัง และหวั ไชเทา้ 2. สารละลายไอโอดนี 3. หลอดหยด 4. มีดและเขยี ง 5. จาน 6. หนังสือเรยี นภาษาตา่ งประเทศและอนิ เทอรเ์ นต็ 7. คมู่ ือการสอน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 4 8. ส่ือการเรยี นรู้ PowerPoint รายวชิ าพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 9. แบบฝกึ ทักษะรายวิชาพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4 10. หนงั สือเรยี นรายวชิ าพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 4
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 11. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรูเ้ รื่องคลอโรฟิลล์ 1. ประเมินทักษะการคิดโดย กับการสรา้ งอาหารของพชื 1. ประเมินเจตคติทาง การสังเกตการทำงานกล่มุ วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 2. ตรวจชนิ้ งานหรอื ภาระงานของ โดยการสังเกตและใช้แบบวัด 2. ประเมินพฤติกรรมในการ กจิ กรรมฝึกทกั ษะระหวา่ งเรียน เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเป็น 2. ประเมินเจตคติตอ่ 3. รายบุคคลหรอื รายกล่มุ โดย วทิ ยาศาสตรเ์ ปน็ รายบุคคล การสงั เกตการทำงานกลมุ่ โดยการสังเกตและใชแ้ บบวัด เจตคตติ ่อวทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู.้ .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู.้ .................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. นักเรยี นนีไ่ ม่ผา่ น มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................... ....................... 2. นักเรยี นมีความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นักเรียนมคี วามรูเ้ กิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ................................................................................................... ................................................... 4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ................................................................................................................................. ..................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (นางอมลสิริ คำฟ)ู ตำแหนง่ ครูผู้ช่วย
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 22 สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 1 เรื่อง แสงกบั การสร้างอาหารของพืช (1) เวลา 1 ชวั่ โมง ครูผู้สอน นางอมลสิริ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัตขิ องสิ่งมชี วี ิต หนว่ ยพืน้ ฐานของส่ิงมีชีวิต การลำเลียงสารเขา้ และออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 2. ตัวชี้วดั ชั้นปี บรรยายหนา้ ทข่ี องราก ลำต้น ใบ และดอกของพืชดอกโดยใช้ขอ้ มูลที่รวบรวมได้ (ว 1.2 ป. 4/1) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. ทดลองและตรวจสอบไดว้ ่าพืชใช้แสงในการสังเคราะหด์ ว้ ยแสง (K) 2. มีความสนใจใฝ่รหู้ รืออยากรอู้ ยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรทู้ เ่ี กยี่ วกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานรว่ มกบั ผ้อู ื่นอย่างสร้างสรรค์ (A) 5. ส่อื สารและนำความรู้เรอื่ งแสงกบั การสรา้ งอาหารของพชื ไปใชใ้ นชีวติ ประจำวันได้ (P) 4. สาระสำคญั แสงช่วยใหพ้ ชื เกดิ การสังเคราะหด์ ้วยแสง 5. สาระการเรยี นรู้ หน้าท่ขี องสว่ นต่าง ๆ ของพชื – การสรา้ งอาหารของพชื 6. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มงุ่ มั่นในการทำงาน 4. มีจติ วิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปญั หา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนินชีวติ
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 8. ช้ินงานหรือภาระงาน ทดลองแสงจำเปน็ ตอ่ การสงั เคราะห์ดว้ ยแสงของพชื 9. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขนั้ นำเข้าสบู่ ทเรียน 1) ครถู ามเกย่ี วกบั การปลกู พชื ของนกั เรยี น เช่น – สง่ิ จำเปน็ ทต่ี อ้ งใชใ้ นการปลกู พชื มีอะไรบา้ ง (แนวคำตอบ พชื ดนิ กระถาง และบัวรดน้ำ) – เราควรวางกระถางพืชไว้บริเวณใดของบ้าน เพราะอะไร (แนวคำตอบ บริเวณที่มีแสงส่องถึง เพราะพืชใช้แสงในการสงั เคราะห์ดว้ ยแสง) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็น เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่อง แสงกับการ สร้างอาหารของพืช ขั้นจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรยี นรูโ้ ดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่ึงมขี น้ั ตอนดงั น้ี 1) ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียนโดยถามคำถามว่า ถ้าพืชไม่ได้รับแสงแดด พืชจะมีลักษณะใด (แนวคำตอบ พชื จะมใี บเหลืองและสังเคราะห์ดว้ ยแสงไม่ได้ พชื ก็จะไมเ่ จรญิ เติบโต) (2) นกั เรียนร่วมกนั อภปิ รายเกีย่ วกับคำตอบจากคำถามของครูตามประสบการณ์ของนักเรยี น 2) ข้นั สำรวจและคน้ หา (Exploration) (1) ใหน้ กั เรยี นศึกษาเร่ืองแสงกับการสรา้ งอาหารของพืชจากใบความรหู้ รือในหนงั สือเรียน โดยครูช่วย อธิบายให้นักเรียนเข้าใจวา่ แสงมีสว่ นสำคัญในการสังเคราะห์ดว้ ยแสง (2) แบ่งกลุ่มนักเรยี น กลุ่มละ 5 – 6 คน ปฏิบัติกิจกรรมที่ 7 ทดลองแสงจำเป็นตอ่ การสังเคราะห์ด้วย แสงของพชื แตล่ ะกลุ่มปฏิบัติกิจกรรมตามขน้ั ตอนที่ไดว้ างแผนไว้ ดงั น้ี ขน้ั ท่ี 1 กำหนดปัญหา – พืชจะเกิดการสงั เคราะห์ด้วยแสงหรือไม่ ถา้ ไมไ่ ดร้ ับแสง ขั้นที่ 2 ต้ังสมมุตฐิ าน – เมื่อหยดสารละลายไอโอดีนลงบนใบ ส่วนที่ถูกปิดด้วยกระดาษสีดำน่าจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง และสว่ นทีไ่ มไ่ ดถ้ ูกปดิ ดว้ ยกระดาษสดี ำนา่ จะเกิดการเปลยี่ นแปลง ขั้นท่ี 3 ทดลอง – ใส่แปง้ จำนวนเลก็ น้อยลงในจานหลมุ 3 ช่อง แลว้ หยดสารละลายไอโอดีน สังเกตและบนั ทกึ ผล – นำใบมาวาดรปู และระบายสีตามท่ีเห็นจรงิ – ตดั กระดาษสีดำเปน็ รปู สี่เหลี่ยมผืนผ้า 1 แผ่น กว้าง 1.5 เซนตเิ มตร และความยาวใหพ้ ันรอบใบได้ – ติดกระดาษสีดำเข้ากับใบ 3 ใบ ให้กระดาษแนบกับใบให้สนทิ รดน้ำ แล้วจึงนำต้นไม้ไปรับแสงแดด เปน็ เวลา 3 ชวั่ โมง 1 2 – เทน้ำกล่ันลงในบกี เกอรท์ ีเ่ ตรียมไว้ประมาณ ของบีกเกอร์ ต้มจนเดือดแล้วจงึ ใส่ใบท่ีแกะกระดาษสี ดำออก แล้วต้มตอ่ ประมาณ 3 – 4 นาที
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู – นำใบที่ต้มแล้วใส่ในหลอดทดลองทีบ่ รรจุเอทานอล จากนั้นนำไปใสใ่ นบีกเกอรอ์ ีกใบทีบ่ รรจุน้ำเดือด ต้มจนกวา่ ใบไมจ้ ะซีดเป็นสีขาว – นำใบไม้ที่ต้มจนซีดขาวแล้วมาล้างน้ำสะอาดและวางบนจานแก้ว คลี่ใบออก ใช้หลอดหยดดูด สารละลายไอโอดนี แลว้ หยดลงบนใบให้ท่ัว ท้ิงไว้สักครู่ วาดรูปและระบายสีการเปลย่ี นแปลง ขั้นที่ 4 วิเคราะหผ์ ลการทดลอง – แปลความหมายข้อมูลที่ไดจ้ ากตารางบันทึกผลการทดลอง – นำขอ้ มลู ทไ่ี ดม้ าพิจารณาเพือ่ อธบิ ายว่าเปน็ ไปตามท่ีนกั เรียนตั้งสมมตุ ฐิ านไว้หรือไม่ ขน้ั ท่ี 5 สรุปผลการทดลอง – นกั เรยี นรว่ มกันสรุปผลการทดลองแลว้ เขยี นเป็นรายงานสรุปผลการทดลองส่งครู (3) ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรยี นขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครเู ดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ ักเรียนทุกคนซกั ถามเมือ่ มปี ญั หา 3) ขน้ั อธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) (1) นกั เรยี นแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนกลุม่ นำเสนอผลการปฏบิ ัติกิจกรรมหน้าหอ้ งเรยี น (2) นักเรียนและครรู ่วมกนั อภปิ รายและหาข้อสรุปจากการปฏบิ ัติกิจกรรม โดยใช้แนวคำถาม ต่อไปน้ี – เมื่อหยดสารละลายไอโอดีนลงบนแป้งเกิดการเปลี่ยนแปลงลักษณะใด (แนวคำตอบ สารละลาย ไอโอดีนเปลยี่ นสีจากสีน้ำตาลเปน็ สนี ำ้ เงิน) – ส่วนใดของใบที่เกิดการสังเคราะห์ด้วยแสง สังเกตจากอะไร (แนวคำตอบ ส่วนที่ไม่ถูกปิดด้วย กระดาษสดี ำเกิดการสงั เคราะหด์ ว้ ยแสง สังเกตจากเมื่อหยดสารละลายไอโอดีนลงบนใบ บรเิ วณทีไ่ ม่ถูกปิดด้วย กระดาษสีดำ สารละลายไอโอดีนเปลี่ยนสจี ากสนี ำ้ ตาลเป็นสนี ้ำเงิน เหมือนกบั การหยด สารละลายไอโอดนี ลงบนแปง้ ) – แสงเป็นปจั จัยในการสังเคราะห์ด้วยแสงหรือไม่ สังเกตจากอะไร (แนวคำตอบ แสงเป็นปัจจัยในการ สังเคราะห์ด้วยแสง สังเกตจากการเปลี่ยนสีของสารละลายไอโอดีน เมื่อหยดสารละลายไอโอดีนลงบนแป้ง สารละลายไอโอดีนจะเปลี่ยนสีจากสีน้ำตาลเป็นสีน้ำเงินเหมือนกับการหยดสารละลายไอโอดีนลงบนใบ ซ่ึง สารละลายไอโอดนี ก็เปลย่ี นสีจากสีนำ้ ตาลเป็นสนี ้ำเงินเฉพาะสว่ นของใบทไี่ มถ่ กู ปิดด้วยกระดาษสดี ำ) (3) ครูและนักเรียนรว่ มกันสรุปผลการปฏิบตั ิกจิ กรรม โดยครเู นน้ ใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจว่า พืชใช้แสงในการ สงั เคราะห์ดว้ ยแสง ซึ่งผลิตภัณฑท์ ไ่ี ด้ คอื นำ้ ตาลทีเ่ ปล่ยี นไปเปน็ แปง้ และสะสมที่ใบ 4) ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration) ครูอธิบายเพิ่มเติมกับนักเรียนว่า พืชแต่ละชนิดต้องการความเข้มแสงที่แตกต่างกัน ซึ่งเมื่อใช้ความ ตอ้ งการความเขม้ แสงของพชื เป็นเกณฑจ์ ะจำแนกพืชไดเ้ ป็น 3 กลมุ่ คอื – พืชในร่ม ต้องการความเข้มแสงน้อย มักปลูกพืชชนิดนี้ไว้ในร่มหรือไม้ประดับภายในอาคารสถานที่ เช่น เศรษฐเี รือนใน หญา้ ถอดปลอ้ ง และเฟินใบมะขาม – พืชกึง่ รม่ ก่ึงแจ้ง ต้องการความเขม้ แสงปานกลาง มกั ปลกู ใตร้ ม่ ไม้ทแี่ สงบางสว่ นลอดผา่ นได้ หรือท่ีร่ม แดดรำไร เช่น วาสนาราชินี เยอบีรา่ และสาวนอ้ ยประแปง้ – พืชกลางแจ้ง ต้องการความเข้มแสงสูง มักปลูกกลางแจ้ง ส่วนมากเป็นพืชดอก เช่น เข็ม ชบา และ ขา้ วโพด
แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 5) ขั้นประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เขา้ ใจหรือยังมีข้อสงสัย ถ้ามี ครชู ่วยอธิบายเพ่มิ เติมใหน้ ักเรียนเข้าใจ (2) นักเรยี นร่วมกนั ประเมนิ การปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มวา่ มปี ญั หาหรอื อุปสรรคใดและได้แก้ไขอย่างไรบา้ ง (3) ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกับประโยชน์ทไี่ ด้รับจากการปฏบิ ัติกจิ กรรมและการ นำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยถามคำถามนกั เรยี น เชน่ – แสงมีความสำคัญตอ่ พืชลกั ษณะใด – หลักฐานทแี่ สดงว่าแสงช่วยให้เกดิ การสงั เคราะหด์ ้วยแสงคืออะไร ขั้นสรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับแสงกับการสร้างอาหารของพืช โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ ความคิดหรอื ผังมโนทศั น์ 10. ส่ือการเรียนรู้ 1. ใบกิจกรรมที่ 7 ทดลองแสงจำเปน็ ต่อการสงั เคราะหด์ ้วยแสงของพืช 2. ค่มู อื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 4 3. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 4. แบบฝกึ ทกั ษะรายวิชาพืน้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 5. หนังสือเรียนรายวชิ าพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วิทยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรเู้ ร่ืองแสงกบั การ 1. ประเมนิ ทักษะกระบวนการ สรา้ งอาหารของพืช 1. ประเมินเจตคติทาง ทางวิทยาศาสตรโ์ ดยใชแ้ บบ วิทยาศาสตรเ์ ป็นรายบุคคล วดั ทกั ษะกระบวนการทาง 2. ตรวจชิน้ งานหรือภาระงานของ โดยการสังเกตและใชแ้ บบวดั วทิ ยาศาสตร์ กิจกรรมฝกึ ทกั ษะระหวา่ งเรยี น เจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย 2. ประเมนิ เจตคติต่อ การสังเกตการทำงานกลมุ่ วิทยาศาสตร์เปน็ รายบคุ คล โดยการสังเกตและใช้แบบวัด 3. ประเมินทักษะการ เจตคตติ อ่ วทิ ยาศาสตร์ แก้ปญั หาโดยการสังเกตการ ทำงานกลมุ่ 4. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏิบัติกจิ กรรมเปน็ รายบคุ คลหรอื รายกลุ่มโดย การสังเกตการทำงานกลมุ่
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู.้ .....................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้..................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. นกั เรยี นนไ่ี มผ่ ่าน มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ........................................................................................... ........................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจ (K) ........................................................................................................................................ .............. ..................................................................................................................... ................................. 3. นักเรยี นมีความร้เู กิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรียนมเี จตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................. ......................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชือ่ .................................................. (นางอมลสริ ิ คำฟ)ู ตำแหน่ง ครผู ้ชู ว่ ย
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 23 สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เรือ่ ง แสงกบั การสรา้ งอาหารของพืช (2) เวลา 1 ชว่ั โมง ครูผูส้ อน นางอมลสิริ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบตั ขิ องส่งิ มีชวี ิต หนว่ ยพน้ื ฐานของสง่ิ มชี วี ติ การลำเลยี งสารเขา้ และออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 2. ตวั ชี้วดั ชัน้ ปี บรรยายหนา้ ทข่ี องราก ลำตน้ ใบ และดอกของพืชดอกโดยใชข้ ้อมลู ทรี่ วบรวมได้ (ว 1.2 ป. 4/1) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. ทดลองและตรวจสอบไดว้ า่ พืชใชแ้ สงในการสังเคราะห์ด้วยแสง (K) 2. มีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรู้อยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรทู้ เี่ กี่ยวกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานรว่ มกบั ผูอ้ ื่นอยา่ งสรา้ งสรรค์ (A) 5. สือ่ สารและนำความรเู้ รอ่ื งแสงกบั การสรา้ งอาหารของพืชไปใช้ในชวี ิตประจำวันได้ (P) 4. สาระสำคญั แสงช่วยให้พชื เกดิ การสงั เคราะห์ดว้ ยแสง 5. สาระการเรียนรู้ หน้าที่ของส่วนตา่ ง ๆ ของพชื – การสรา้ งอาหารของพืช 6. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ มั่นในการทำงาน 4. มีจติ วทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 8. ชิ้นงานหรือภาระงาน สงั เกตแสงมีความสำคญั ตอ่ พชื 9. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้นั นำเขา้ สู่บทเรียน 1) ครูทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับแสงกับการสร้างอาหารของพืช โดยการให้นักเรียนบอกความสำคัญ ของแสงในการสังเคราะห์ดว้ ยแสงและการตรวจสอบหาแปง้ ท่ีเกิดจากการสังเคราะห์ด้วยแสง (แนวคำตอบ แสง ช่วยให้น้ำจับกับแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ได้และเปลี่ยนไปเป็นอาหารของพืช และสามารถตรวจสอบหาแป้งท่ี เกิดจากการสังเคราะห์ด้วยแสงได้ด้วยการทดสอบกับไอโอดนี ถ้ามีแป้ง ไอโอดีนจะเปลี่ยนสีจากสนี ้ำตาลเป็นสี นำ้ เงนิ ) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคำถามและแสดงความคิดเหน็ เกีย่ วกบั คำตอบของคำถาม เพ่อื เช่อื มโยงไปสู่การ เรยี นรเู้ ร่อื ง แสงกับการสรา้ งอาหารของพชื ขัน้ จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ จัดกิจกรรมการเรยี นรู้โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซงึ่ มขี น้ั ตอนดงั น้ี 1) ขัน้ สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครกู ระตุน้ นักเรียนโดยการถามคำถามวา่ บรเิ วณใตต้ น้ ไมใ้ หญ่มักมีพืชข้ึนน้อยกว่าบริเวณรอบต้นไม้ ใหญเ่ พราะอะไร (แนวคำตอบ เพราะต้นไม้ใหญแ่ ผก่ ่งิ ก้าน บริเวณใตต้ น้ ไมใ้ หญ่จงึ มแี สงแดดส่องถึงพื้นนอ้ ย จึงมี พืชเจริญเตบิ โตใต้ตน้ ไมใ้ หญน่ ้อยกวา่ บรเิ วณรอบนอกท่ีได้รับแสงเต็มที่) (2) นักเรียนร่วมกันอภปิ รายเก่ียวกับคำตอบจากคำถามของครตู ามประสบการณ์ของนกั เรยี น 2) ข้นั สำรวจและคน้ หา (Exploration) (1) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 3 – 4 คน แต่ละกลุ่มร่วมกันสังเกตว่า แสงมีความสำคัญต่อพืชโดยให้ นกั เรียนปฏิบตั ติ ามขั้นตอนดงั น้ี – นักเรียนตัดฝากล่องด้านยาวของกล่องนมหรอื กล่องน้ำผลไม้ขนาดใหญ่ หรือประดิษฐ์กล่องที่มี ขนาดเทา่ กลอ่ งนมหรือกลอ่ งนำ้ ผลไม้ขนาดใหญโ่ ดยใหม้ ีฝาเปดิ ทางดา้ นยาว 1 ดา้ น – นำกล่องไปครอบหญ้าบริเวณที่ได้รับแสงแดดตลอดทั้งวัน โดยคว่ำด้านที่เป็นฝาเปิดลงและใช้ หินที่หนกั พอสมควรทับเพือ่ ไมใ่ หก้ ล่องปลวิ เมือ่ โดนลม – ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 1 สปั ดาห์ – นกั เรียนสงั เกตความแตกตา่ งของหญา้ ภายในกลอ่ งกบั บรเิ วณข้างเคียง (2) ครูคอยแนะนำชว่ ยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดนิ ดูรอบๆ บริเวณที่สังเกตและเปิดโอกาสให้ นักเรยี นทกุ คนซกั ถามเม่ือมปี ญั หา 3) ข้นั อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (1) นักเรยี นแต่ละกลุ่มสง่ ตวั แทนกลุ่มนำเสนอผลการปฏบิ ัติกจิ กรรมหน้าห้องเรียน (2) นักเรยี นและครรู ว่ มกนั อภิปรายและหาข้อสรุปจากการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม โดยใช้แนวคำถาม ตอ่ ไปนี้ – หญ้าภายนอกและภายในกล่องแตกต่างกันหรือไม่ ลักษณะใด (แนวคำตอบ แตกต่างกัน โดย หญา้ ท่อี ย่นู อกกลอ่ งมีสีเขียว สว่ นหญ้าภายในกล่องเหีย่ วและใบมีสเี หลือง)
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู – แสงมีความสำคัญต่อพืชหรือไม่ สังเกตจากอะไร (แนวคำตอบ แสงมีความสำคัญต่อพืช สังเกต จากหญา้ ท่ีได้รบั แสงเจริญเตบิ โตตามปกติ ส่วนหญา้ ท่ีไม่ไดร้ บั แสงเหย่ี วและใบมสี เี หลอื ง) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า แสงมี ความสำคัญต่อพืช พชื ทีไ่ มไ่ ดร้ บั แสงจะไม่สามารถสรา้ งอาหารเพอื่ ใช้ในการเจริญเติบโตได้ 4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูเชื่อมโยงความรู้เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการปลูกพืช โดยอธิบายว่าปัจจุบันทีมวิจัย จากศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (MTEC) ร่วมกับมหาวิทยาลัยนเรศวรและมูลนิธิโครงการหลวง พัฒนาเทคโนโลยฟี ิลม์ คัดกรองแสงทางการเกษตรช่ือ ฟิลม์ โพลีเทคพลาสติก (Poly Tech Plastic) ซ่ึงเป็นฟิล์ม ที่ใชค้ ลุมโรงเรือนการเกษตรเพื่อกรองเฉพาะแสงที่เปน็ ประโยชนต์ ่อพืช และสะทอ้ นรงั สคี วามร้อนทำให้ช่วยลด อุณหภูมิในโรงเรือนการเกษตร นอกจากนี้ยังสะท้อนรังสียูวีซึ่งเป็นอันตรายต่อพืชได้ ทำให้พืชเจริญเติบโตได้ดี และผลผลติ ทางการเกษตรเพิ่มข้ึน (2) นักเรียนคน้ ควา้ คำศัพท์ภาษาต่างประเทศเกยี่ วกบั แสงกับการสร้างอาหารของพืช จากหนังสือเรียน ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนำเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคัดคำศัพท์พร้อมทั้งคำแปลลงสมุดส่ง ครู 5) ข้นั ประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เขา้ ใจหรือยังมีข้อสงสยั ถ้ามี ครชู ว่ ยอธบิ ายเพม่ิ เตมิ ให้นักเรยี นเข้าใจ (2) นกั เรยี นร่วมกนั ประเมนิ การปฏบิ ัติกจิ กรรมกลุ่มวา่ มีปัญหาหรอื อุปสรรคใดและได้แก้ไขอย่างไรบา้ ง (3) ครแู ละนักเรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกับประโยชน์ทไ่ี ดร้ ับจากการปฏบิ ัติกิจกรรมและการ นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยถามคำถามนักเรยี น เชน่ – ถ้าพชื ไม่ไดร้ ับแสงจะเกดิ การสงั เคราะหด์ ้วยแสงได้หรอื ไม่ เพราะอะไร – คนทอี่ าศยั อยู่ในอาคารสงู หรอื ห้องแถวมกั ปลกู พืชไวข้ ้างหนา้ ตา่ งหรือบนดาดฟา้ เพราะอะไร ขั้นสรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับแสงกับการสร้างอาหารของพืช โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ี ความคิดหรอื ผังมโนทัศน์ 10. ส่ือการเรียนรู้ 1. กลอ่ งนมหรือกลอ่ งนำ้ ผลไมข้ นาดใหญ่ 2. กรรไกร 3. หนิ 4. หนงั สือเรียนภาษาตา่ งประเทศและอินเทอร์เน็ต 5. คู่มอื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4 6. สอ่ื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวชิ าพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 4 7. แบบฝกึ ทักษะรายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 4 8. หนงั สือเรยี นรายวชิ าพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 4
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรเู้ ร่ืองแสงกับการ 1. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย สรา้ งอาหารของพชื 1. ประเมนิ เจตคตทิ าง การสงั เกตการทำงานกลุ่ม วทิ ยาศาสตรเ์ ปน็ รายบคุ คล 2. ตรวจชน้ิ งานหรือภาระงานของ โดยการสงั เกตและใชแ้ บบวดั 2. ประเมินพฤติกรรมในการ กจิ กรรมฝกึ ทกั ษะระหว่างเรยี น เจตคติทางวิทยาศาสตร์ ปฏิบัตกิ ิจกรรมเปน็ รายบุคคลหรอื รายกลมุ่ โดย 2. ประเมนิ เจตคตติ ่อ การสังเกตการทำงานกล่มุ วิทยาศาสตรเ์ ป็นรายบุคคล โดยการสงั เกตและใชแ้ บบวัด เจตคตติ ่อวทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู.้ .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู.้ .................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. นักเรยี นนีไ่ ม่ผา่ น มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................... ....................... 2. นักเรยี นมีความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นักเรียนมคี วามรูเ้ กิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ................................................................................................... ................................................... 4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ................................................................................................................................. ..................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (นางอมลสิริ คำฟ)ู ตำแหนง่ ครูผู้ช่วย
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 24 สาระการเรยี นรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว14101 ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 1 เรอ่ื ง สว่ นประกอบของดอก (1) เวลา 1 ชวั่ โมง ครูผสู้ อน นางอมลสริ ิ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบตั ขิ องส่ิงมชี ีวติ หน่วยพนื้ ฐานของส่งิ มีชวี ิต การลำเลียงสารเขา้ และออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 2. ตวั ช้ีวัดชน้ั ปี บรรยายหนา้ ที่ของราก ลำต้น ใบ และดอกของพืชดอกโดยใชข้ อ้ มลู ท่รี วบรวมได้ (ว 1.2 ป. 4/1) 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. ระบุส่วนประกอบของดอกได้ (K) 2. อธบิ ายส่วนประกอบของดอกทที่ ำหน้าที่เกีย่ วข้องกับการสบื พันธไ์ุ ด้ (K) 3. มคี วามสนใจใฝ่รหู้ รอื อยากรอู้ ยากเห็น (A) 4. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรู้ท่ีเกย่ี วกบั วิทยาศาสตร์ (A) 5. ทำงานร่วมกบั ผู้อื่นอย่างสรา้ งสรรค์ (A) 6. สือ่ สารและนำความรเู้ ร่ืองสว่ นประกอบของดอกไปใช้ในชวี ติ ประจำวันได้ (P) 4. สาระสำคญั ดอกของพืชโดยทั่วไปประกอบด้วยกลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย ส่วนประกอบท่ี ทำหน้าทใ่ี นการสืบพันธ์ุ คอื เกสรเพศผู้และเกสรเพศเมีย 5. สาระการเรยี นรู้ หนา้ ทข่ี องสว่ นต่าง ๆ ของพชื – การสืบพนั ธุข์ องพืชดอก 6. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มงุ่ ม่ันในการทำงาน 4. มีจิตวทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนนิ ชีวติ
แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 8. ช้นิ งานหรือภาระงาน สังเกตสว่ นประกอบของดอก 9. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นำเขา้ ส่บู ทเรียน 1) ครใู หน้ ักเรียนส่งตวั แทนออกมาเล่าเก่ยี วกับพืชทปี่ ลูกทีบ่ า้ นหรือในหมู่บ้าน แล้วถามคำถามนักเรียน วา่ – นักเรียนรู้จักพืชที่เพื่อนเล่าหรือไม่ พืชที่เพื่อนเล่าคือพืชชนิดใด (แนวคำตอบ รู้จัก พืชที่เพื่อน เล่า คือ ชบา) – พืชที่เพื่อนเล่าเปน็ พืชดอกหรอื ไม่ และนักเรียนเคยเห็นดอกของพืชชนิดนี้หรือไม่ (แนวคำตอบ ชบาเปน็ พชื ดอก เคยเห็นดอกของชบาเปน็ สีแดง) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็น เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรูเ้ ร่ือง ส่วนประกอบ ของดอก ขั้นจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซง่ึ มขี ั้นตอนดงั นี้ 1) ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครนู ำดอกชบาหรอื รปู จากอินเทอรเ์ น็ตมาใหน้ ักเรยี นดแู ลว้ ถามคำถามนักเรยี นว่า – ดอกชนดิ นเ้ี ปน็ ดอกของพืชใด (แนวคำตอบ ชบา) – ดอกชนดิ นีม้ สี ว่ นประกอบอะไรบ้าง (แนวคำตอบ กลบี เล้ยี ง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศ เมีย) (2) นักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายเก่ยี วกับคำตอบจากคำถามของครูตามประสบการณ์ของนักเรียน 2) ขนั้ สำรวจและคน้ หา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศกึ ษาเร่ืองการสืบพันธุ์ของพืชดอกจากใบความรูห้ รือในหนงั สือเรยี น โดยครชู ่วยอธิบาย ให้นักเรียนเข้าใจว่า ดอกของพืชนอกจากจะทำให้พืชสวยงามแล้ว ยังเป็นอวัยวะสำคัญที่ทำ หน้าที่ในการ สืบพันธุ์อีกด้วย โดยส่วนประกอบแต่ละส่วนของดอกทำหน้าที่แตกต่างกัน ซึ่งส่วนประกอบทั่วไปของดอก คือ กลบี เลี้ยง กลบี ดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมยี (2) แบง่ กลุ่มนกั เรียน ปฏิบัตกิ จิ กรรมที่ 8 สงั เกตส่วนประกอบของดอก แตล่ ะกลุ่มปฏิบัติกิจกรรมตาม ข้นั ตอนที่ไดว้ างแผนไว้ ดังน้ี – สมาชิกแตล่ ะคนช่วยกนั นำดอกของพชื มาสังเกตส่วนประกอบ – สังเกตลักษณะของกลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมียของแต่ละดอก บันทึก ข้อมูล (3) ครคู อยแนะนำชว่ ยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครเู ดนิ ดูรอบๆ หอ้ งเรยี นและเปิดโอกาส ให้นักเรียนทุกคนซกั ถามเมอ่ื มีปญั หา 3) ขน้ั อธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (1) นกั เรยี นแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนกล่มุ นำเสนอผลการปฏบิ ัติกิจกรรมหน้าห้องเรียน (2) นักเรยี นและครรู ว่ มกนั อภปิ รายและหาขอ้ สรุปจากการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม โดยใช้แนวคำถาม ตอ่ ไปนี้
แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู – พืชที่นำมาสังเกตมีส่วนประกอบของดอกครบทุกส่วนหรือไม่ (แนวคำตอบ พืชที่นำมาสังเกตมี สว่ นประกอบของดอกไม่ครบทุกส่วน โดยดอกมะละกอไม่มีเกสรเพศผแู้ ละดอกตำลงึ ไม่มเี กสรเพศเมยี ) – ดอกของพืชทุกชนิดมีส่วนประกอบครบทั้ง 4 ส่วนหรือไม่ (แนวคำตอบ ดอกของพืชทุกชนิดมี ส่วนประกอบไม่ครบท้งั 4 ส่วน) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า ดอกมี ส่วนประกอบหลัก คอื กลีบเลีย้ ง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมยี ซ่ึงพืชบางชนดิ มสี ว่ นประกอบไม่ครบ ทั้ง 4 สว่ น 4) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) ครอู ธิบายเพิ่มเตมิ เกย่ี วกับหนา้ ท่ีของสว่ นต่างๆ ของดอก เพ่อื ใหน้ กั เรียนสามารถสรปุ ได้ว่าดอกของพืช แตล่ ะชนิดมีสีสนั รูปรา่ ง และจำนวนของกลบี เลี้ยง กลบี ดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมยี แตกตา่ งกนั 5) ขน้ั ประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เขา้ ใจหรือยงั มขี อ้ สงสยั ถ้ามี ครูชว่ ยอธิบายเพิม่ เตมิ ใหน้ ักเรียนเขา้ ใจ (2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมนิ การปฏบิ ัติกิจกรรมกลุม่ ว่ามีปัญหาหรอื อปุ สรรคใดและได้แกไ้ ขอย่างไรบ้าง (3) ครูและนกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ประโยชน์ท่ีได้รบั จากการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมและการ นำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยถามคำถามนกั เรียน เชน่ – สว่ นประกอบหลกั ของดอกมอี ะไรบา้ ง – ส่วนประกอบของดอกท่เี กีย่ วขอ้ งกบั การสืบพันธ์ุคืออะไร ขนั้ สรปุ ครแู ละนกั เรียนร่วมกนั สรุปเกี่ยวกับสว่ นประกอบของดอก โดยรว่ มกนั เขียนเป็นแผนท่ีความคิดหรือผัง มโนทัศน์ 10. ส่ือการเรยี นรู้ 1. ใบกจิ กรรมที่ 8 สงั เกตส่วนประกอบของดอก 2. ดอกชบาหรือรปู จากอนิ เทอรเ์ น็ต 3. คู่มอื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4 4. สือ่ การเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 4 5. แบบฝกึ ทักษะรายวิชาพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 6. หนงั สือเรียนรายวิชาพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรู้เรื่องสว่ นประกอบ 1. ประเมินทักษะกระบวนการ ของดอก 1. ประเมินเจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ ทางวทิ ยาศาสตร์โดยใช้แบบ เป็นรายบุคคลโดยการสังเกต วัดทักษะกระบวนการทาง 2. ตรวจชน้ิ งานหรือภาระงานของ และใชแ้ บบวัดเจตคตทิ าง วทิ ยาศาสตร์ กิจกรรมฝกึ ทกั ษะระหวา่ งเรียน วิทยาศาสตร์ 2. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย 2. ประเมนิ เจตคติตอ่ วทิ ยาศาสตร์ การสงั เกตการทำงานกลมุ่ เปน็ รายบุคคลโดยการสงั เกต และใช้แบบวดั เจตคตติ ่อ 3. ประเมินทักษะการ วทิ ยาศาสตร์ แกป้ ญั หาโดยการสงั เกตการ ทำงานกลมุ่ 4. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏิบัตกิ ิจกรรมเปน็ รายบุคคลหรอื รายกลมุ่ โดย การสงั เกตการทำงานกลมุ่
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรียนร้.ู .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงคก์ ารเรียนรู.้ .................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. นกั เรยี นน่ีไมผ่ ่าน มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 2. นักเรียนมีความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .................................................................................................................................. .................... 3. นกั เรียนมีความร้เู กิดทกั ษะ (P) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 4. นกั เรียนมเี จตคติ ค่านิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ....................................................................................... ............................................................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชือ่ .................................................. (นางอมลสิริ คำฟ)ู ตำแหนง่ ครผู ูช้ ว่ ย
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 25 สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรือ่ ง สว่ นประกอบของดอก (2) เวลา 1 ชวั่ โมง ครผู สู้ อน นางอมลสิริ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เข้าใจสมบัติของสงิ่ มีชีวติ หนว่ ยพื้นฐานของสงิ่ มชี วี ิต การลำเลียงสารเข้าและออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 2. ตัวชี้วัดช้ันปี บรรยายหนา้ ทขี่ องราก ลำต้น ใบ และดอกของพชื ดอกโดยใชข้ อ้ มลู ทร่ี วบรวมได้ (ว 1.2 ป. 4/1) 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. ระบุส่วนประกอบของดอกได้ (K) 2. อธบิ ายส่วนประกอบของดอกทที่ ำหนา้ ท่ีเกยี่ วข้องกบั การสบื พนั ธุไ์ ด้ (K) 3. มคี วามสนใจใฝร่ ้หู รืออยากรอู้ ยากเหน็ (A) 4. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นร้ทู ีเ่ กี่ยวกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 5. ทำงานรว่ มกับผู้อน่ื อยา่ งสร้างสรรค์ (A) 6. สื่อสารและนำความร้เู รือ่ งสว่ นประกอบของดอกไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ได้ (P) 4. สาระสำคญั ดอกของพืชโดยทั่วไปประกอบด้วยกลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย ส่วนประกอบท่ี ทำหนา้ ท่ีในการสืบพันธ์ุ คือ เกสรเพศผู้และเกสรเพศเมยี 5. สาระการเรียนรู้ หนา้ ทข่ี องส่วนตา่ ง ๆ ของพืช – การสืบพนั ธ์ขุ องพืชดอก 6. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มุ่งม่นั ในการทำงาน 4. มจี ิตวิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ช้ินงานหรือภาระงาน สำรวจดอกของพืชบริเวณโรงเรยี น
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 9. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขัน้ นำเข้าสูบ่ ทเรียน 1) ครูทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับส่วนประกอบของดอก โดยนำรูปดอกพู่ระหงมาให้นักเรียนดูแล้วให้ นกั เรยี นอธบิ ายสว่ นประกอบต่าง ๆ ของดอก (แนวคำตอบ ดอกพูร่ ะหงมสี ่วนประกอบของดอกครบ 4 ส่วน คือ กลบี เลย้ี ง กลบี ดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย) 2) นักเรียนชว่ ยกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกบั คำตอบของคำถาม เพือ่ เช่อื มโยงไปสู่การ เรียนรู้เรือ่ ง สว่ นประกอบของดอก ขน้ั จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรียนรูโ้ ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซง่ึ มขี ้นั ตอนดงั นี้ 1) ขนั้ สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตุ้นนักเรียนโดยการถามคำถามว่า นักเรียนพบดอกของพืชชนิดใดบ้างระหว่างทางมา โรงเรียน (แนวคำตอบ ดอกเขม็ ดอกชบา และดอกมะม่วง) (2) นกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายเกีย่ วกับคำตอบจากคำถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรยี น 2) ข้ันสำรวจและคน้ หา (Exploration) (1) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน แต่ละกลุ่มสำรวจดอกของพืชบริเวณโรงเรียน แล้ววาดรูป ส่วนประกอบของดอก พร้อมกับจำแนกดอกเป็นกลุ่มตามส่วนประกอบของดอกที่บันทึกได้และบันทึกจำนวน ดอกในแต่ละกล่มุ นำเสนอผลการสำรวจดว้ ยแผนภูมแิ ท่ง (2) ครูคอยแนะนำชว่ ยเหลือนักเรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเดนิ ดรู อบ ๆ บรเิ วณทส่ี ำรวจและเปิด โอกาสให้นักเรียนทุกคนซกั ถามเมื่อมปี ัญหา 3) ขัน้ อธิบายและลงข้อสรุป (Explanation) (1) นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มสง่ ตวั แทนกลมุ่ นำเสนอผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมหนา้ หอ้ งเรยี น (2) นักเรียนและครรู ่วมกันอภิปรายและหาข้อสรุปจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใชแ้ นวคำถาม ตอ่ ไปนี้ – พืชที่สำรวจมีส่วนประกอบของดอกครบทุกส่วนหรือไม่ (แนวคำตอบ บางชนิดมีส่วนประกอบ ครบทุกสว่ น บางชนดิ มีส่วนประกอบไม่ครบทุกสว่ น) – ส่วนประกอบของพืชทพี่ บมากทสี่ ุดคืออะไร (แนวคำตอบ กลีบดอก) – ส่วนประกอบของพืชแตล่ ะชนิดมลี ักษณะเหมือนกันหรือไม่ (แนวคำตอบ ส่วนประกอบของพืช แต่ละชนดิ มีลักษณะแตกต่างกนั ) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า ส่วนประกอบ หลักของดอก คือ กลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย โดยพืชแต่ละชนิดมีลักษณะของ ส่วนประกอบของดอกแตกตา่ งกัน
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 4) ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมียซึ่งเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสืบพันธุ์ของ ดอก ดังนี้ – เกสรเพศผู้ ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ก้านชูอับเรณูและอับ อบั เรณู เรณู ภายในอับเรณูมีละอองเรณู ซึ่งมีลักษณะคล้ายฝุ่นแป้ง แต่เม่ือ กา้ นชอู บั เรณู นำมาสังเกตด้วยกล้องจลุ ทรรศน์จะเห็นเป็นรูปรา่ ง ต่าง ๆ กนั ไปตามชนดิ ของดอกไม้ – เกสรเพศเมีย ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ รังไข่ ก้านเกสรเพศ เมีย และยอดเกสรเพศเมีย โดยยอดเกสรเพศเมีย มีน้ำเหนียวหรือขน อ่อนๆ จำนวนมากทำหน้าที่จับละอองเกสรเพศผู้ ดอกไม้แต่ละชนิดมี เกสรเพศผู้ ลักษณะของยอดเกสรเพศเมียแตกต่างกนั ไดห้ ลายแบบ ตวั อยา่ งยอดเกสรเพศเมยี (2) นักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับส่วนประกอบของดอก จากหนังสือเรียน ภาษาต่างประเทศหรอื อินเทอร์เนต็ นำเสนอใหเ้ พือ่ นในหอ้ งฟัง แล้วคดั คำศัพท์พร้อมทัง้ คำแปลลงสมุดส่งครู 5) ขนั้ ประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เขา้ ใจหรือยังมขี อ้ สงสยั ถ้ามี ครชู ่วยอธิบายเพิ่มเตมิ ใหน้ กั เรียนเข้าใจ (2) นักเรยี นร่วมกนั ประเมนิ การปฏิบตั กิ ิจกรรมกลุม่ วา่ มปี ัญหาหรอื อุปสรรคใดและได้แก้ไขอยา่ งไรบ้าง (3) ครูและนักเรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ทีไ่ ดร้ บั จากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นโดยถามคำถามนักเรียน เชน่ – พืชต่างชนดิ กันมสี ่วนประกอบของดอกเหมือนกนั หรือไม่ – ส่วนประกอบของดอกทม่ี คี วามสำคัญต่อการสบื พันธุม์ ากทส่ี ุดคือส่วนใด ขัน้ สรุป ครแู ละนกั เรยี นร่วมกันสรุปเก่ยี วกับสว่ นประกอบของดอก โดยรว่ มกนั เขยี นเป็นแผนที่ความคิดหรือผัง มโนทัศน์
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 10. สื่อการเรยี นรู้ 1. รูปดอกพ่รู ะหง 2. รูปเกสรเพศผแู้ ละเกสรเพศเมีย 3. หนงั สือเรยี นภาษาตา่ งประเทศและอนิ เทอร์เนต็ 4. แบบฝึกทกั ษะรายวิชาพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 5. หนังสอื เรียนรายวชิ าพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4 11. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรู้เรื่องส่วนประกอบ 1. ประเมินเจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ 1. ประเมนิ ทักษะการคดิ โดย ของดอก เปน็ รายบุคคลโดยการสังเกต การสงั เกตการทำงานกลุม่ 2. ตรวจชิ้นงานหรือภาระงานของ และใชแ้ บบวัดเจตคติทาง 2. ประเมินพฤติกรรมในการ กิจกรรมฝกึ ทักษะระหวา่ งเรียน วทิ ยาศาสตร์ ปฏบิ ัตกิ จิ กรรมเป็น 2. ประเมินเจตคตติ ่อวิทยาศาสตร์ รายบุคคลหรือรายกลุ่มโดย เป็นรายบุคคลโดยการสงั เกต การสงั เกตการทำงานกลมุ่ และใชแ้ บบวดั เจตคตติ ่อ วิทยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทึกผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นจำนวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้......................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. ไม่ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู.้ .................คน คิดเป็นร้อยละ.................. นักเรยี นน่ไี ม่ผ่าน มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไม่ผา่ นจุดประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................... ....................... 2. นกั เรยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นักเรยี นมคี วามรเู้ กดิ ทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรยี นมีเจตคติ ค่านิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) .................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชื่อ.................................................. (นางอมลสิริ คำฟ)ู ตำแหน่ง ครูผ้ชู ว่ ย
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 26 สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 1 เรอื่ ง การจำแนกชนดิ ของดอก เวลา 1 ชว่ั โมง ครูผสู้ อน นางอมลสิริ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.2 เขา้ ใจสมบตั ขิ องสงิ่ มีชวี ติ หน่วยพน้ื ฐานของสิง่ มีชีวิต การลำเลยี งสารเข้าและออกจาก เซลล์ ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของระบบต่าง ๆ ของสัตว์และมนุษย์ที่ทำงานสัมพันธ์กัน ความสัมพันธ์ของโครงสร้างและหน้าที่ของอวัยวะต่าง ๆ ของพืชที่ทำงานสัมพันธ์กัน รวมทั้งนำความรู้ไปใช้ ประโยชน์ 2. ตัวชี้วัดช้ันปี บรรยายหนา้ ท่ีของราก ลำตน้ ใบ และดอกของพืชดอกโดยใช้ขอ้ มูลท่รี วบรวมได้ (ว 1.2 ป. 4/1) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. จำแนกดอกเปน็ กลมุ่ จากเกณฑ์ทกี่ ำหนดได้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝ่รหู้ รืออยากรอู้ ยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรยี นรูท้ ่เี กี่ยวกับวิทยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานร่วมกับผอู้ ื่นอยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. สอื่ สารและนำความรูเ้ รอื่ งการจำแนกชนิดของดอกไปใชใ้ นชีวิตประจำวันได้ (P) 4. สาระสำคัญ ดอกสามารถจำแนกเป็นกลุม่ ได้โดยการกำหนดเกณฑ์ท่ีแสดงลักษณะเฉพาะทีเ่ หมือนกัน – เม่อื ใช้สว่ นประกอบของดอกเปน็ เกณฑ์ แบง่ เปน็ ดอกครบสว่ นกับดอกไมค่ รบสว่ น – เมือ่ ใช้เพศของดอกเปน็ เกณฑ์ แบ่งเป็นดอกสมบรู ณ์เพศกับดอกไมส่ มบูรณ์เพศ 5. สาระการเรียนรู้ หน้าท่ขี องสว่ นตา่ ง ๆ ของพชื – การสืบพันธ์ขุ องพชื ดอก 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งม่นั ในการทำงาน 4. มจี ิตวิทยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 7. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ชิน้ งานหรือภาระงาน สืบค้นขอ้ มลู เกี่ยวกับการจำแนกชนิดของดอก 9. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นำเข้าสู่บทเรยี น 1) ครูทบทวนความรู้ของนักเรียนเกีย่ วกับสว่ นประกอบของดอกโดยถามคำถามดังน้ี – ดอกมีส่วนประกอบสำคญั อะไรบา้ ง (แนวคำตอบ กลบี เลยี้ ง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศ เมยี ) – ส่วนประกอบทีท่ ำหน้าทีใ่ นการสืบพันธ์คุ ือสว่ นใด (แนวคำตอบ เกสรเพศผ้แู ละเกสรเพศเมีย) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็น เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่อง การจำแนก ชนดิ ของดอก ขั้นจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ จดั กจิ กรรมการเรยี นร้โู ดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซง่ึ มีขน้ั ตอนดงั นี้ 1) ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูนำดอกกุหลาบ ดอกชบา ดอกมะละกอ และดอกฟักทอง หรือรูปที่แสดงส่วนประกอบชัดเจน ของดอกเหล่านี้มาให้นักเรียนสังเกต แล้วให้นักเรียนบันทึกส่วนประกอบของดอก จากนั้นถามคำถามนักเรียน ว่า ถ้าต้องการจำแนกดอกเหล่านี้เป็นกลุ่มจะใช้เกณฑ์ใด และแบ่งกลุ่มได้ลักษณะใด (แนวคำตอบ ใช้ ส่วนประกอบของดอกเปน็ เกณฑ์ แบง่ เปน็ ดอกครบสว่ น คอื ดอกกุหลาบและดอกชบา และดอกไม่ครบส่วน คือ ดอกมะละกอและดอกฟักทอง) (2) นักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายเก่ียวกับคำตอบจากคำถามของครูตามประสบการณ์ของนกั เรยี น 2) ขั้นสำรวจและคน้ หา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศึกษาเรื่องการจำแนกชนิดของดอกจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วย อธิบายให้นกั เรียนเข้าใจวา่ เราสามารถจำแนกชนิดของดอกเปน็ กลุ่มได้โดยกำหนดเกณฑ์ทีต่ ้องการ เชน่ การใช้ ส่วนประกอบของดอกเปน็ เกณฑ์ แบ่งเปน็ ดอกครบสว่ นและดอกไม่ครบส่วน หรือการใชเ้ พศของดอกเป็นเกณฑ์ แบ่งเป็นดอกสมบรู ณ์เพศและดอกไม่สมบูรณ์เพศ (2) แบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการจำแนกชนิดของดอกโดยดำเนินการตาม ขน้ั ตอนดงั นี้ – แตล่ ะกลมุ่ วางแผนการสืบคน้ ข้อมลู โดยแบ่งหัวข้อดอกครบสว่ น ดอกไม่ครบสว่ น ดอกสมบูรณ์ เพศ และดอกไม่สมบูรณ์เพศ และความสัมพันธ์ระหว่างดอกทั้ง 4 ชนิดให้สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันสืบค้นตาม หวั ข้อท่กี ำหนด – สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันสบื ค้นข้อมลู ตามหวั ข้อทีก่ ลุ่มของตนเองรับผิดชอบโดยการสืบค้นจาก หนังสือ วารสาร สารานุกรมวทิ ยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสำหรับเยาวชน และอินเทอรเ์ นต็
แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู – สมาชิกกลุ่มนำข้อมูลทส่ี ืบคน้ ได้มารายงานให้เพ่ือน ๆ สมาชิกในกล่มุ ฟัง รวมทง้ั ร่วมกนั อภิปราย ซกั ถามจนคาดวา่ สมาชกิ ทกุ คนมีความร้คู วามเขา้ ใจท่ตี รงกนั – สมาชกิ กลมุ่ ช่วยกนั สรปุ ความร้ทู ไ่ี ด้ทงั้ หมดเป็นผลงานของกลุ่ม (3) ครคู อยแนะนำช่วยเหลอื นักเรยี นขณะปฏบิ ตั ิกิจกรรม โดยครเู ดินดูรอบ ๆ หอ้ งเรยี นและเปิดโอกาส ใหน้ ักเรยี นทุกคนซกั ถามเมื่อมปี ญั หา 3) ข้นั อธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation) (1) นักเรียนแตล่ ะกล่มุ ส่งตัวแทนกลมุ่ นำเสนอผลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมหนา้ ห้องเรียน (2) นกั เรยี นและครูร่วมกันอภิปรายและหาขอ้ สรุปจากการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม โดยใชแ้ นวคำถาม ต่อไปนี้ – ดอกครบส่วนและดอกไม่ครบส่วนแตกต่างกันลักษณะใด (แนวคำตอบ ดอกครบส่วน คือ ดอก ที่มีกลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรเพศผู้ และเกสรเพศเมีย ส่วนดอกไม่ครบส่วน คือ ดอกที่ขาดส่วนประกอบสำคัญ ของดอกสว่ นใดส่วนหนึง่ ไป) – ดอกสมบรู ณ์เพศและดอกไม่สมบูรณ์เพศแตกต่างกันลักษณะใด (แนวคำตอบ ดอกสมบูรณ์เพศ คือ ดอกที่มีทั้งเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมียภายในดอกเดียวกัน ส่วนดอกไม่สมบูรณ์เพศ คือ ดอกที่มีเฉพาะ เกสรเพศผู้หรอื เกสรเพศเมยี อย่างใดอย่างหนึง่ ภายในดอก) – ดอกสมบูรณ์เพศจัดเป็นดอกครบส่วนเสมอหรือไม่ เพราะอะไร (แนวคำตอบ ไม่ เพราะดอก ครบส่วนต้องพิจารณาว่าดอกมีส่วนประกอบสำคัญครบทั้ง 4 ส่วน ไม่ใช่พิจารณาเฉพาะการมีเกสรเพศผู้และ เกสรเพศเมยี ครบภายในดอกเดยี วกัน) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า ดอกสามารถ จำแนกเปน็ กลุม่ ได้เมื่อกำหนดเกณฑ์ในการจำแนก 4) ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูเชื่อมโยงความรู้อาเซียน โดยถามนักเรียนว่า ทราบหรือไม่ว่า ดอกไม้ประจำชาติของประเทศ สมาชกิ อาเซียนคือดอกอะไร จากนั้นครนู ำรูปดอกไม้ประจำชาติในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซยี นมาให้นักเรียนดู พรอ้ มกบั ใหด้ ูสว่ นประกอบของดอกไมป้ ระจำชาตวิ ่ามลี ักษณะใดเหมือนหรือแตกต่างกนั บ้าง - มาเลเซีย มีดอกบุหงารายา (Bunga raya) หรือที่คนไทยเรียกว่า ดอกชบา เป็นดอกไม้ประจำชาติ ดอก บุหงารายาใช้เพื่อแสดงความเป็นปึกแผ่นและความอดทนของคนในชาติ ดอกบุหงารายาเป็นทั้งดอกครบส่วน และดอกสมบูรณ์เพศ คอื มีกลบี เลย้ี ง กลบี ดอก เกสรเพศผู้ และ เกสรเพศเมีย ซง่ึ ดอกบหุ งารายาแต่ละพันธุ์จะ มลี กั ษณะแตกตา่ งกนั เชน่ กลีบดอกมีสแี ตกต่างกนั หรอื กลีบดอกมีการซอ้ นเรยี งช้นั ทต่ี ่างกนั
แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู - เวียดนามมีดอกบัว (Lotus) เปน็ ดอกไม้ประจำชาติ ดอกบวั ใช้แสดงถึงความบริสทุ ธ์ิ ความผกู พัน และการ มองโลกในแง่ดี ดอกบัวเป็นทั้งดอกครบส่วนและดอกสมบูรณ์เพศเหมือนชบา คือ มีกลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสร เพศผู้ และ เกสรเพศเมีย ซึ่งดอกบัวแตล่ ะพันธจ์ุ ะมีลักษณะแตกต่างกนั เช่น ดอกมีขนาดต่างกัน หรือกลีบดอก มสี แี ตกต่างกนั - ลาว มีดอกจำปาลาว (Dok Champa) หรือที่คนไทยเรียกว่า ดอกลีลาวดี เป็นดอกไม้ประจำชาติ ดอกจา ปาลาว เป็นตัวแทนของความสุขและความจริงใจ ดอกจาปาลาวเป็นดอกสมบูรณ์เพศ แต่เกสรเพศผู้และเกสร เพศเมียอยูล่ ึกเขา้ ไปภายในดอก เราจงึ สงั เกตไม่เห็นจากภายนอก และดอกจาปาลาวเป็นดอกไม่ครบสว่ นเพราะ ไมม่ กี ลีบเลยี้ ง - สิงคโปร์มีดอกกล้วยไม้แวนดา (Vanda Miss Joaquim) เป็นดอกไม้ประจำชาติ ดอกกล้วยไม้แวนดาเป็น ดอกไม้ที่รู้จักกันมากที่สุดในสิงคโปร์ และถูกจัดให้เป็นดอกไม้ประจำชาติเมื่อปี พ.ศ. 2524 ดอกกล้วยไม้เป็น ดอกสมบูรณ์เพศเช่นเดียวกับดอกจาปาลาว คือ มีเกสรเพศผู้และเกสรเพศเมียอยู่ในดอกเดียวกัน ดอกกล้วยไม้ แวนดาเป็นดอกไม่ครบส่วนเพราะไมม่ ีกลบี เลีย้ ง (2) นักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับการจำแนกชนิดของดอก จากหนังสือเรียน ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนำเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคัดคำศัพท์พร้อมทั้งคำแปลลงสมุดส่ง ครู 5) ข้นั ประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เข้าใจหรือยงั มขี อ้ สงสัย ถา้ มี ครชู ว่ ยอธบิ ายเพิ่มเตมิ ใหน้ กั เรยี นเข้าใจ (2) นักเรยี นรว่ มกนั ประเมนิ การปฏบิ ัติกจิ กรรมกลุ่มว่ามปี ัญหาหรืออุปสรรคใดและไดแ้ ก้ไขอยา่ งไรบ้าง (3) ครูและนกั เรียนรว่ มกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ประโยชน์ท่ีได้รบั จากการปฏิบัติกจิ กรรมและการ นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยถามคำถามนกั เรยี น เชน่ – ดอกสมบรู ณ์เพศไม่จดั อยู่ในกลมุ่ ดอกครบส่วนเพราะอะไร – ดอกไม่สมบรู ณเ์ พศจดั เปน็ ดอกไม่ครบสว่ นเพราะอะไร
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู ขัน้ สรุป 1) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปความรู้เรื่องการจำแนกชนิดของดอก โดยร่วมกันเขียนสรุปเป็นแผนที่ ความคิดหรือผงั มโนทัศน์ 2) ครูดำเนินการทดสอบหลังเรียน โดยให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อวัดความ ก้าวหน้า/ ผลสัมฤทธท์ิ างการเรยี น หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 1 ของนักเรียน 3) ครูเชื่อมโยงเนื้อหาจากบทเรียนนี้กับบทเรียนชั่วโมงหน้า เพื่อให้นักเรียนเตรียมความพร้อมในการ เรยี นชวั่ โมงตอ่ ไป โดยการใชค้ ำถามกระตุ้น ดงั นี้ – สัตว์เป็นสิ่งมชี ีวิตที่กินสิ่งมีชวี ิตอื่นและเคลือ่ นที่เองได้ ถ้านักเรียนต้องการจำแนกสัตว์เปน็ กลมุ่ จะมลี ักษณะเฉพาะใดทีส่ ามารถจำแนกสตั ว์ไดบ้ ้าง (แนวคำตอบ การมกี ระดูกสันหลัง) 4) ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาคน้ คว้าเน้ือหาของบทเรยี นช่ัวโมงหน้าเพือ่ จัดการเรียนรู้คร้ังต่อไป โดยให้นกั เรยี นศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าในหวั ข้อการจำแนกสัตว์ 5) ครใู หน้ กั เรยี นเตรียมประเด็นคำถามท่สี งสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คำถาม เพือ่ นำมาอภิปรายร่วมกัน ในช้นั เรยี นคร้งั ตอ่ ไป 10. ส่ือการเรยี นรู้ 1. ดอกกุหลาบ ดอกชบา ดอกมะละกอ และดอกฟักทอง หรือรปู ทีแ่ สดงส่วนประกอบของดอกเหลา่ นี้ 2. รูปดอกไม้ประจำชาติในกลมุ่ ประเทศสมาชกิ อาเซียน 3. หนังสือ วารสารวิทยาศาสตร์ สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน และ อินเทอร์เนต็ 4. หนังสือเรียนภาษาตา่ งประเทศ 5. แบบทดสอบหลงั เรียน 6. คู่มือการสอน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 7. สือ่ การเรยี นรู้ PowerPoint รายวชิ าพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 8. แบบฝึกทักษะรายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 9. หนังสอื เรียนรายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 11. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จริยธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรเู้ ร่ืองการจำแนก 1. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย ชนิดของดอก 1. ประเมินเจตคตทิ าง การสงั เกตการทำงานกลุม่ วทิ ยาศาสตรเ์ ป็นรายบุคคล 2. ตรวจช้ินงานหรือภาระงานของ โดยการสงั เกตและใชแ้ บบวดั 2. ประเมนิ พฤติกรรมใน กิจกรรมฝึกทกั ษะระหว่างเรยี น เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ 3. การปฏบิ ตั ิกจิ กรรมเป็น 4. รายบคุ คลหรอื รายกลุ่มโดย 3. ทดสอบหลงั เรยี นโดยใช้ 2. ประเมนิ เจตคตติ ่อ แบบทดสอบหลงั เรียน วทิ ยาศาสตรเ์ ป็นรายบคุ คล การสังเกตการทำงานกลุ่ม โดยการสังเกตและใชแ้ บบวัด เจตคตติ ่อวทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรยี นจำนวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรียนร.ู้ .....................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. ไม่ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรียนร.ู้ .................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. นกั เรียนนไ่ี มผ่ ่าน มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นที่ไมผ่ า่ นจุดประสงค์การเรียนรู้ ...................................................................................................................... ................................ ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรยี นมีความรคู้ วามเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นกั เรียนมีความรเู้ กดิ ทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านิยม คณุ ธรรมจริยธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ........................................................................................................................................ .............. 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่ือ.................................................. (นางอมลสิริ คำฟ)ู ตำแหนง่ ครผู ชู้ ่วย
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 27 สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 1 เรอ่ื ง การจำแนกสตั ว์ (1) เวลา 1 ชวั่ โมง ครูผู้สอน นางอมลสริ ิ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพันธุกรรม การเปลีย่ นแปลงทางพันธุกรรมที่มผี ลตอ่ ส่งิ มีชวี ติ ความหลากหลายทางชีวภาพ และววิ ฒั นาการ ของส่ิงมีชีวติ รวมทง้ั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 2. ตวั ชี้วัดชั้นปี จำแนกสัตว์ออกเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังโดยใช้การมีกระดูกสันหลังเป็น เกณฑ์ โดยใชข้ อ้ มูลทรี่ วบรวมได้ (ว 1.3 ป. 4/3) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. จำแนกสตั ว์เปน็ สัตวม์ กี ระดูกสนั หลงั และสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลงั ได้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝ่รู้หรืออยากรอู้ ยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เก่ยี วกบั วิทยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานรว่ มกับผอู้ นื่ อย่างสร้างสรรค์ (A) 5. ส่ือสารและนำความรูเ้ รื่องการจำแนกสตั ว์ไปใช้ในชวี ติ ประจำวนั ได้ (P) 4. สาระสำคญั การจำแนกสัตว์โดยใช้การมีกระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์สามารถจำแนกสัตว์ได้เป็น 2 กลุ่ม คือ สัตว์มี กระดูกสันหลังและสัตวไ์ ม่มกี ระดกู สนั หลัง 5. สาระการเรียนรู้ การจำแนกสตั ว์ 6. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี ินัย 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มุ่งมัน่ ในการทำงาน 4. มีจติ วทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนินชวี ติ
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 8. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน สังเกตเปรยี บเทยี บโครงร่างสัตวม์ กี ระดูกสันหลงั และสตั วไ์ ม่มีกระดกู สนั หลัง 9. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ครูดำเนินการทดสอบก่อนเรียนโดยให้นักเรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อตรวจสอบความพร้อม และพ้นื ฐานของนกั เรียน ข้นั นำเข้าสบู่ ทเรยี น 1) ครใู ห้นกั เรยี นดรู ูปซปุ กระดูกหมู กุ้งตม้ และปลาย่าง แลว้ ถามคำถามเกี่ยวกบั ประสบการณ์เดิมของ นักเรยี นว่า – นกั เรียนเคยกนิ อาหารใดในรปู บา้ ง (แนวคำตอบ ซปุ กระดกู หมู กงุ้ ต้ม และปลายา่ ง) – นกั เรยี นพบกระดูกในอาหารใดบา้ ง (แนวคำตอบ ซุปกระดูกหมูและปลาย่าง) 2) นกั เรียนชว่ ยกันตอบคำถามและแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั คำตอบของคำถาม เพ่อื เชอ่ื มโยงไปสู่การ เรยี นรเู้ รือ่ ง การจำแนกสตั ว์ ขน้ั จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรียนรโู้ ดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่ึงมีขัน้ ตอนดังน้ี 1) ขนั้ สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครแู บง่ กลมุ่ นักเรียนแลว้ เปิดโอกาสให้นักเรียนในกลุ่มนำเสนอข้อมูลเกีย่ วกับการจำแนกสัตว์ท่ีครู มอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพื่อน ๆ ในกลุ่มฟัง จากนั้นให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมานำเสนอข้อมูลหน้า หอ้ งเรียน (2) ครตู รวจสอบว่านกั เรยี นทำภาระงานท่ีได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจากการจดบันทึก ของนักเรียน และถามคำถามเกย่ี วกับภาระงาน ดังนี้ – สตั ว์ทม่ี ีกระดูกเป็นแกนแขง็ ภายในลำตัวมีอะไรบ้าง (แนวคำตอบ ปลา นก และแมว) – สัตว์ที่ไม่มีกระดูกเป็นแกนแข็งภายในลำตัวมีอะไรบ้าง (แนวคำตอบ ตั๊กแตน แมงกะพรุน และ ไสเ้ ดือนดนิ ) (3) ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนตั้งประเด็นคำถามที่นกั เรียนสงสัยจากการทำภาระงานอย่างน้อยคนละ 1 คำถาม ซง่ึ ครใู หน้ ักเรียนเตรียมมาลว่ งหนา้ และใหน้ กั เรียนช่วยกนั ตอบและแสดงความคดิ เหน็ (4) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า สัตว์ แต่ละชนิดมีโครงรา่ งภายในลำตวั แตกต่างกัน และเมื่อใช้การมีกระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์สามารถจำแนกสัตว์ได้ เป็น 2 กลุ่ม คอื สัตวม์ ีกระดูกสันหลังและสตั ว์ไมม่ ีกระดูกสันหลัง 2) ข้ันสำรวจและคน้ หา (Exploration) (1) แบง่ กลุ่มนกั เรยี น ปฏิบัตกิ ิจกรรมที่ 9 สงั เกตเปรยี บเทียบโครงร่างสัตวม์ ีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่ มีกระดกู สนั หลงั แต่ละกล่มุ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตามขั้นตอนทีไ่ ด้วางแผนไว้ ดังนี้ – แบ่งกล่มุ นกั เรยี น กล่มุ ละ 5 – 6 คน – แตล่ ะกล่มุ นำปลาทู กุ้ง และหอยแมลงภ่ทู ีน่ ่งึ สุกแล้วมาชนิดละ 1 ตัว – ใช้ช้อนและสอ้ มเขยี่ แยกเนื้อออกจากโครงรา่ งของสัตวท์ ี่นำมาสงั เกต – สังเกตเปรยี บเทียบโครงรา่ งและวิเคราะห์ว่าเปน็ สตั วม์ กี ระดูกสนั หลังหรอื ไม่มกี ระดูกสนั หลัง
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู (2) ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิด โอกาสให้นกั เรียนทกุ คนซักถามเมือ่ มปี ัญหา 3) ขนั้ อธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) (1) นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ส่งตัวแทนกลุม่ นำเสนอผลการปฏิบัติกิจกรรมหนา้ ห้องเรยี น (2) นักเรยี นและครูรว่ มกนั อภิปรายและหาข้อสรุปจากการปฏิบตั กิ ิจกรรม โดยใชแ้ นวคำถาม ตอ่ ไปน้ี – สัตว์ที่นักเรียนนำมาสังเกตชนิดใดเปน็ สัตว์มีกระดูกสันหลังและชนดิ ใดเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสัน หลัง สังเกตจากอะไร (แนวคำตอบ ปลาทูเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลัง สังเกตจากการมีโครงร่างหรือกระดูกเป็น แกนแข็งภายในลำตัว ส่วนกุ้งและหอยแมลงภู่เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง สังเกตจากการไม่มีโครงร่างหรือ กระดกู เป็นแกนแข็งภายในลำตวั ) – ยกตัวอย่างสตั วม์ ีกระดูกสนั หลังและสตั วไ์ มม่ ีกระดกู สันหลงั ทน่ี กั เรียนรูจ้ กั มาอย่างละ 3 ชนดิ (แนวคำตอบ สตั ว์มกี ระดกู สันหลงั ไดแ้ ก่ กบ ไก่ และแมว และสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง ได้แก่ ผเี สื้อ ไส้เดือนดนิ และหอย) (3) ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครเู น้นใหน้ ักเรียนเข้าใจว่า สัตว์มีกระดูกสัน หลังมีโครงรา่ งเป็นแกนแข็งภายในลำตัวหรือเรียกว่า กระดกู ส่วนสตั ว์ไมม่ ีกระดูกสันหลังไม่มีโครงร่างเป็นแกน แขง็ ภายในลำตัว 4) ขัน้ ขยายความรู้ (Elaboration) ครูให้นักเรียนสังเกตเพิ่มเติมจากการปฏิบตั ิกิจกรรมที่ 9 วา่ กงุ้ และหอยมีลำตัวอ่อนน่ิมจึงสร้างเปลือก แข็งมาหุม้ ลำตวั ไวเ้ พ่อื ป้องกนั อันตราย และยงั มีสัตวไ์ มม่ ีกระดูกสันหลังอีกหลายชนดิ ทมี่ ีการสร้างเปลือกแข็งมา ห้มุ ลำตวั เช่น ปู ก้งิ กอื และตะขาบ 5) ขน้ั ประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เขา้ ใจหรอื ยังมีข้อสงสยั ถา้ มี ครชู ว่ ยอธบิ ายเพมิ่ เติมให้นักเรียนเขา้ ใจ (2) นักเรยี นร่วมกนั ประเมนิ การปฏิบตั ิกจิ กรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรอื อปุ สรรคใดและได้แก้ไขอยา่ งไรบ้าง (3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ การนำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นโดยถามคำถามนักเรียน เชน่ – สัตวม์ ีกระดกู สนั หลังคืออะไร – สตั วไ์ ม่มกี ระดกู สนั หลงั คืออะไร ข้นั สรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการจำแนกสัตว์ โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือผังมโน ทศั น์ 10. สื่อการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรยี น 2. รูปซุปกระดูกหมู ก้งุ ต้ม และปลาย่าง 3. ใบกิจกรรมที่ 9 สังเกตเปรียบเทียบโครงร่างสัตว์มีกระดูกสนั หลังและสตั วไ์ ม่มกี ระดกู สันหลัง 4. คมู่ อื การสอน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 5. สอ่ื การเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 6. แบบฝกึ ทักษะรายวชิ าพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 7. หนงั สือเรยี นรายวชิ าพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 11. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความร้เู ร่ืองการจำแนก 1. ประเมินทักษะกระบวนการ สัตว์ 1. ประเมนิ เจตคตทิ าง ทางวทิ ยาศาสตร์โดยใชแ้ บบ วทิ ยาศาสตร์เปน็ รายบุคคล วดั ทักษะกระบวนการทาง 2. ตรวจชน้ิ งานหรอื ภาระงานของ โดยการสงั เกตและใชแ้ บบวดั วิทยาศาสตร์ กิจกรรมฝึกทกั ษะระหวา่ งเรียน เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมินทักษะการคิดโดย 3. ทดสอบก่อนเรียนโดยใช้ 2. ประเมนิ เจตคตติ ่อ การสงั เกตการทำงานกลมุ่ แบบทดสอบกอ่ นเรียน วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบคุ คล โดยการสังเกตและใช้แบบวดั 3. ประเมนิ ทักษะการ เจตคตติ อ่ วทิ ยาศาสตร์ แก้ปญั หาโดยการสังเกตการ ทำงานกลมุ่ 4. ประเมินพฤติกรรมใน การปฏบิ ตั ิกิจกรรมเป็น รายบคุ คลหรือรายกลุม่ โดย การสังเกตการทำงานกล่มุ
แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู.้ .....................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรยี นร.ู้ .................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. นกั เรยี นนีไ่ มผ่ า่ น มีดงั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นที่ไมผ่ า่ นจุดประสงค์การเรียนรู้ ....................................................................................... ............................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นักเรยี นมคี วามรเู้ กิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรียนมเี จตคติ ค่านยิ ม คณุ ธรรมจริยธรรม (A) .................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่อื .................................................. (นางอมลสิริ คำฟู) ตำแหนง่ ครูผชู้ ว่ ย
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 28 สาระการเรยี นรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว14101 ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 1 เรอ่ื ง การจำแนกสตั ว์ (2) เวลา 1 ชวั่ โมง ครูผสู้ อน นางอมลสิริ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พันธุกรรม การเปล่ียนแปลงทางพนั ธกุ รรมที่มผี ลต่อส่ิงมชี วี ิต ความหลากหลายทางชีวภาพ และววิ ฒั นาการของ สิง่ มีชวี ิต รวมทั้งนำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ 2. ตัวชี้วดั ชน้ั ปี จำแนกสัตว์ออกเปน็ สตั ว์มีกระดูกสนั หลงั และสัตวไ์ มม่ ีกระดกู สันหลังโดยใช้การมกี ระดูกสันหลังเป็น เกณฑ์โดยใช้ข้อมลู ท่รี วบรวมได้ (ว 1.3 ป. 4/3) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. จำแนกสัตวเ์ ป็นสัตว์มีกระดกู สนั หลังและสตั วไ์ มม่ กี ระดกู สันหลังได้ (K) 2. มีความสนใจใฝร่ ูห้ รืออยากรู้อยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนรู้ทีเ่ กยี่ วกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานร่วมกบั ผู้อ่ืนอยา่ งสรา้ งสรรค์ (A) 5. สือ่ สารและนำความรเู้ รอ่ื งการจำแนกสตั ว์ไปใชใ้ นชวี ิตประจำวนั ได้ (P) 4. สาระสำคัญ การจำแนกสัตว์โดยใช้การมีกระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์สามารถจำแนกสัตว์ได้เป็น 2 กลุ่ม คือ สัตว์มี กระดูกสนั หลังและสตั วไ์ ม่มีกระดกู สันหลงั 5. สาระการเรยี นรู้ การจำแนกสัตว์ 6. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มงุ่ มัน่ ในการทำงาน 4. มีจติ วิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 8. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน ประดษิ ฐแ์ ผน่ พลกิ จำแนกสัตว์มกี ระดูกสนั หลงั และสัตวไ์ มม่ ีกระดูกสนั หลัง 9. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ขัน้ นำเขา้ สบู่ ทเรียน 1) ครนู ำรปู นกและไส้เดือนดนิ มาให้นกั เรียนดูแล้วถามวา่ สัตวช์ นดิ ใดเปน็ สัตวม์ กี ระดูกสนั หลงั และสัตว์ ชนิดใดเป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง สังเกตจากอะไร (แนวคำตอบ นกเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังและไส้เดือนดิน เปน็ สัตว์ไมม่ กี ระดูกสันหลงั สังเกตจากการมีและไม่มกี ระดูกสนั หลงั ของสตั ว์) 2) นกั เรยี นชว่ ยกนั ตอบคำถามและแสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกบั คำตอบของคำถาม เพอ่ื เชอ่ื มโยงไปสู่การ เรยี นรูเ้ รื่อง การจำแนกสัตว์ ข้ันจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ จัดกิจกรรมการเรียนร้โู ดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซงึ่ มขี น้ั ตอนดงั นี้ 1) ขน้ั สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูนำรูปหรอื แบบจำลองกระดูกของมนษุ ย์มาใหน้ ักเรยี นดู แล้วถามนักเรียนวา่ – กระดกู ทเ่ี ห็นเป็นของสง่ิ มชี ีวิตชนดิ ใด (แนวคำตอบ มนษุ ย์) – กระดูกมีความสำคัญต่อสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ลักษณะใด (แนวคำตอบ ช่วยให้ร่างกายตั้งตรงได้และ ช่วยใหเ้ คล่ือนไหวได้ด)ี (2) นกั เรียนร่วมกนั อภิปรายเก่ยี วกบั คำตอบจากคำถามของครตู ามประสบการณ์ของนกั เรยี น 2) ขนั้ สำรวจและคน้ หา (Exploration) (1) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน ประดิษฐ์แผ่นพลิกจำแนกสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มี กระดกู สันหลัง โดยดำเนินการตามขัน้ ตอนดังน้ี – สำรวจสัตว์บริเวณโรงเรียนและบันทึกว่าสัตว์ชนิดใดเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ชนิดใด เปน็ สตั ว์ไม่มีกระดกู สนั หลัง – ออกแบบและลงมือทำแผ่นพลิกจำแนกสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง จาก วสั ดุทนี่ ักเรียนกำหนดเอง (นักเรยี นอาจวาดรปู สัตว์หรอื นำรปู ของสัตวม์ าติด) (2) ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกจิ กรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปดิ โอกาส ใหน้ ักเรียนทุกคนซกั ถามเมือ่ มปี ญั หา 3) ขัน้ อธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation) (1) นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มสง่ ตวั แทนกลุ่มนำเสนอผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมหนา้ หอ้ งเรียน (2) นักเรียนและครรู ว่ มกนั อภิปรายและหาขอ้ สรุปจากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม โดยใช้แนวคำถาม ต่อไปน้ี – นกั เรียนพบสตั วม์ ีกระดูกสนั หลังอะไรบ้าง (แนวคำตอบ นก จ้งิ จก และปลา) – นกั เรยี นพบสตั วไ์ ม่มกี ระดูกสันหลงั อะไรบา้ ง (แนวคำตอบ ไส้เดือนดนิ ยงุ และแมลงวนั ) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัตกิ ิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรยี นเข้าใจวา่ สิ่งมีชีวิตรอบตวั สามารถแบ่งเป็น 2 กลุ่มได้โดยใช้การมีกระดูกสันหลังเป็นเกณฑ์ คือ สัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์ไม่มกี ระดูก สนั หลงั
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 4) ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครนู ำรปู กระดูกของสัตวช์ นิดต่าง ๆ มาใหน้ ักเรียนดแู ละอธิบายเพ่ือให้นักเรียนเข้าใจว่า โครงร่างที่ เป็นแกนแข็งภายในลำตวั เรียกวา่ กระดูก ซง่ึ สัตว์แตล่ ะชนิดมีการเรียงตัวของกระดูกแตกต่างกัน ทำให้สัตว์แต่ ละชนดิ มีรูปร่างที่แตกตา่ งกันเพอื่ ให้เหมาะสมกับการดำรงชีวิต กระดูกช้าง กระดกู จระเข้ ตัวอย่างการเรียงตัวของกระดูกสัตว์ทำให้สัตวม์ รี ปู รา่ งแตกต่างกนั (2) ครแู บ่งกลุ่มนักเรียน กล่มุ ละ 5 – 6 คน เพอ่ื เลน่ เกมจากหัวข้อ สนุกทำ สนุกคดิ กับวิทยาศาสตร์ ในหนงั สอื เรียนรายวิชาพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 (3) นักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับการจำแนกสัตว์ จากหนังสือเรียน ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนำเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคัดคำศัพท์พร้อมทั้งคำแปลลงสมุดส่ง ครู 5) ขน้ั ประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้าง ทยี่ งั ไม่เขา้ ใจหรือยงั มีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธบิ ายเพม่ิ เติมให้นกั เรียนเขา้ ใจ (2) นกั เรียนรว่ มกนั ประเมนิ การปฏบิ ัตกิ ิจกรรมกล่มุ วา่ มีปญั หาหรืออปุ สรรคใดและไดแ้ ก้ไขอย่างไรบ้าง (3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ การนำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยถามคำถามนักเรียน เชน่ – ปลาเปน็ สัตว์มกี ระดกู สันหลงั เพราะอะไร – กงุ้ และหอยเป็นสัตว์ไม่มกี ระดูกสนั หลงั เพราะอะไร ขนั้ สรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการจำแนกสัตว์ โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือ ผังมโนทศั น์ 10. สื่อการเรยี นรู้ 1. รูปนกและไส้เดือนดิน 2. รปู หรือแบบจำลองกระดกู ของมนุษย์ 3. รูปกระดกู ของสตั วช์ นดิ ต่าง ๆ 4. หนังสือเรยี นภาษาตา่ งประเทศหรอื อินเทอรเ์ นต็
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 5. ค่มู อื การสอน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 6. สอื่ การเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 4 7. แบบฝึกทักษะรายวิชาพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 8. หนังสือเรยี นรายวชิ าพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จริยธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรเู้ ร่ืองการจำแนก 1. ประเมนิ ทักษะการคดิ โดย สตั ว์ 1. ประเมินเจตคตทิ าง การสังเกตการทำงานกลุ่ม วิทยาศาสตร์เปน็ รายบคุ คล 2. ตรวจช้ินงานหรอื ภาระงานของ โดยการสงั เกตและใช้แบบวดั 2. ประเมินพฤติกรรมในการ กิจกรรมฝกึ ทักษะระหวา่ งเรยี น เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมเป็น รายบุคคลหรอื รายกล่มุ โดย 2. ประเมนิ เจตคติตอ่ การสงั เกตการทำงานกลุ่ม วิทยาศาสตรเ์ ป็นรายบุคคล โดยการสงั เกตและใช้แบบวดั เจตคติต่อวทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทึกผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นจำนวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้......................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. ไม่ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู.้ .................คน คิดเป็นร้อยละ.................. นักเรยี นน่ไี ม่ผ่าน มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไม่ผา่ นจุดประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................... ....................... 2. นกั เรยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นักเรยี นมคี วามรเู้ กดิ ทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรยี นมีเจตคติ ค่านิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) .................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชื่อ.................................................. (นางอมลสิริ คำฟ)ู ตำแหน่ง ครูผ้ชู ว่ ย
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจัดการเรยี นร้ทู ่ี 29 สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 เรอื่ ง สตั วม์ กี ระดูกสนั หลงั (ปลา) เวลา 1 ชว่ั โมง ครผู สู้ อน นางอมลสริ ิ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สาร พนั ธุกรรม การเปล่ยี นแปลงทางพนั ธกุ รรมทม่ี ผี ลต่อสิ่งมชี วี ติ ความหลากหลายทางชวี ภาพ และวิวัฒนาการของ สิ่งมชี วี ิต รวมท้งั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 2. ตวั ชี้วัดชั้นปี บรรยายลักษณะเฉพาะทีส่ ังเกตได้ของสตั วม์ ีกระดูกสันหลงั ในกลมุ่ ปลา กลุ่มสตั ว์สะเทนิ น้ำสะเทินบก กลมุ่ สตั ว์เล้ือยคลาน กลมุ่ นก และกลุ่มสตั วเ์ ลี้ยงลกู ด้วยนำ้ นม และยกตวั อยา่ งสิง่ มีชีวติ ในแต่ละกลมุ่ (ว 1.3 ป. 4/4) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. บรรยายลกั ษณะเฉพาะทีส่ งั เกตไดข้ องสัตว์มกี ระดูกสันหลงั ในกลมุ่ ปลาได้ (K) 2. มีความสนใจใฝร่ หู้ รืออยากรู้อยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรยี นรูท้ ่ีเกย่ี วกบั วิทยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานรว่ มกบั ผู้อื่นอยา่ งสรา้ งสรรค์ (A) 5. สอื่ สารและนำความรู้เรอื่ งสัตวม์ กี ระดกู สันหลัง (ปลา) ไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั ได้ (P) 4. สาระสำคัญ สัตว์มกี ระดกู สนั หลังแบ่งเปน็ 5 กลุม่ แตล่ ะกล่มุ มลี กั ษณะเฉพาะท่สี ังเกตไดแ้ ตกต่างกนั สัตว์มีกระดูก สันหลังในกลมุ่ ปลาเปน็ สัตวเ์ ลือดเย็น ลำตวั มีครบี และหาง ออกลูกเป็นไข่ หายใจดว้ ยเหงอื ก และเจริญเตบิ โตใน นำ้ 5. สาระการเรียนรู้ สตั วม์ กี ระดูกสันหลงั – ปลา 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. ม่งุ มนั่ ในการทำงาน 4. มีจติ วทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 7. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชน้ิ งานหรือภาระงาน สืบคน้ ข้อมูลลักษณะของสัตวม์ ีกระดูกสันหลังในกล่มุ ปลา 9. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ขั้นนำเขา้ สบู่ ทเรียน 1) ครูทบทวนเรื่องการจำแนกสัตว์โดยถามคำถามว่า สัตว์ที่จำแนกเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังต้องมี ลักษณะสำคัญอะไร (แนวคำตอบ สตั วม์ กี ระดกู สันหลงั ต้องมโี ครงร่างเป็นแกนแขง็ ภายในลำตัว) 2) นักเรยี นช่วยกนั ตอบคำถามและแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกับคำตอบของคำถาม เพ่อื เชอื่ มโยงไปสู่การ เรยี นรู้เรือ่ ง สัตว์มีกระดกู สันหลงั (ปลา) ข้นั จัดกิจกรรมการเรยี นรู้ จัดกจิ กรรมการเรียนรูโ้ ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่ึงมขี นั้ ตอนดังนี้ 1) ข้ันสรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครกู ระต้นุ นกั เรียนโดยการถามคำถามดงั น้ี – สตั วม์ ีกระดกู สนั หลงั บรเิ วณโรงเรยี นมีอะไรบ้าง (แนวคำตอบ แมว ปลา และกบ) – สัตว์มีกระดกู สันหลังบรเิ วณโรงเรยี นท่ีพบมลี ักษณะเฉพาะแตกต่างกนั หรือไม่ ยกตัวอย่าง (แนว คำตอบ แตกต่างกัน เช่น แมวมีขนและหายใจด้วยปอด ปลามีเกล็ดและหายใจด้วยเหงือก ส่วนกบมีผิวหนัง เปียกชืน้ และหายใจดว้ ยปอด) (2) นกั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายเกย่ี วกบั คำตอบจากคำถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรียน 2) ขนั้ สำรวจและค้นหา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศึกษาเรื่องลักษณะของสัตว์มีกระดูกสันหลังและสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลา จาก ใบความรหู้ รือในหนังสือเรยี น โดยครูช่วยอธบิ ายใหน้ ักเรียนเข้าใจวา่ สัตว์มีกระดูกสนั หลงั แบ่งเปน็ 5 กลุ่ม โดย สัตว์มกี ระดูกสันหลงั ในกลุ่มปลามลี ักษณะบางประการท่เี ปน็ ลักษณะเฉพาะ (2) แบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลา โดย ดำเนนิ การตามขั้นตอนดังน้ี – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลาเป็นหัวข้อ ย่อย เช่น อุณหภูมิลำตัว ลักษณะภายนอก อวัยวะในการหายใจ และการเจริญเติบโต ให้สมาชิกแต่ละกลุ่ม ช่วยกันสืบค้นตามหัวข้อที่กำหนด – สมาชิกแตล่ ะกลุ่มชว่ ยกนั สบื ค้นข้อมลู ตามหัวข้อทกี่ ลุ่มของตนเองรับผดิ ชอบโดยการสืบค้นจาก หนังสอื วารสาร สารานกุ รมวิทยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสำหรับเยาวชน และอินเทอรเ์ นต็ – สมาชกิ กลุ่มนำข้อมูลที่สืบคน้ ไดม้ ารายงานให้เพื่อนๆ สมาชิกในกลมุ่ ฟัง รวมท้งั ร่วมกันอภิปราย ซกั ถามจนคาดวา่ สมาชิกทุกคนมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจทีต่ รงกนั – สมาชกิ กลมุ่ ช่วยกนั สรุปความรทู้ ่ีได้ท้ังหมดเป็นผลงานของกลุ่ม
แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู (3) ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและ เปิดโอกาสใหน้ ักเรียนทกุ คนซกั ถามเมอื่ มีปัญหา 3) ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (1) นักเรยี นแต่ละกลุ่มส่งตวั แทนกลมุ่ นำเสนอผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมหน้าหอ้ งเรียน (2) นักเรยี นและครูร่วมกนั อภปิ รายและหาข้อสรุปจากการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม โดยใช้แนวคำถาม ต่อไปนี้ – สตั วม์ ีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลามลี ักษณะสำคญั อะไร (แนวคำตอบ สัตวม์ กี ระดกู สันหลังในกลุ่ม ปลาเป็นสตั วเ์ ลอื ดเย็น ลำตัวมคี รีบและหาง ออกลกู เป็นไข่ หายใจดว้ ยเหงือก และเจริญเตบิ โตในน้ำ) – สัตว์มีกระดูกสันหลังที่อาศัยในน้ำทุกชนิดจำแนกเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลาหรือไม่ เพราะอะไร (แนวคำตอบ ไม่ เพราะสตั ว์มกี ระดูกสันหลงั บางชนิดมีลักษณะไม่เหมือนสตั ว์ในกลุ่มปลา เชน่ วาฬ ไมไ่ ด้หายใจด้วยเหงือก) (3) ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกจิ กรรม โดยครูเน้นใหน้ ักเรียนเข้าใจว่า สัตว์มีกระดูกสัน หลังในกลุ่มปลาเป็นสตั วเ์ ลอื ดเย็น ลำตัวมคี รบี และหาง ออกลูกเป็นไข่ หายใจดว้ ยเหงือก และเจริญเตบิ โตในน้ำ สตั วม์ ีกระดกู สันหลังที่มลี กั ษณะน้ีจึงจำแนกอยูใ่ นกลมุ่ ปลา 4) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูขยายความรู้ให้กับนักเรียนว่า สัตว์เลือดเย็น หมายถึง สัตว์ที่มีอุณหภูมิภายในลำตัวเปลี่ยนไป ตามอุณหภมู ขิ องส่งิ แวดล้อม เชน่ ถ้านำตู้ปลาไปวางไว้ในท่ีท่ีมีแสงแดดตลอดเวลา อณุ หภูมิของนำ้ จะสูงข้ึน ทำ ให้อุณหภมู ภิ ายในลำตวั ของปลาสูงข้ึนดว้ ย ซง่ึ ไมเ่ หมาะสมต่อการดำรงชีวติ ของปลา อาจทำใหป้ ลาตายได้ (2) นักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลาจากหนังสือ เรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนำเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคัดคำศัพท์พร้อมท้ั งคำแปลลง สมุดสง่ ครู 5) ขน้ั ประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้าง ที่ยังไม่เข้าใจหรอื ยงั มีข้อสงสยั ถ้ามี ครูช่วยอธิบายเพ่มิ เตมิ ใหน้ ักเรียนเขา้ ใจ (2) นกั เรียนร่วมกันประเมนิ การปฏิบตั กิ ิจกรรมกลมุ่ วา่ มีปญั หาหรืออุปสรรคใดและได้แกไ้ ขอย่างไรบ้าง (3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ การนำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยถามคำถามนักเรียน เช่น – สตั วม์ กี ระดูกสันหลังในกลุม่ ปลามีลกั ษณะสำคัญใด – ถ้าเราเจอสัตว์น้ำที่มีครีบและหางเราจะสรุปว่าเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลาได้หรือไม่ เพราะอะไร ขั้นสรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลา โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ี ความคิดหรอื ผังมโนทัศน์
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 10. สื่อการเรยี นรู้ 1. หนงั สือ วารสาร สารานกุ รมวิทยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสำหรบั เยาวชน และอนิ เทอร์เนต็ 2. หนังสือเรียนภาษาต่างประเทศ 3. แบบฝกึ ทักษะรายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 4. หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 4 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรเู้ ร่ืองสัตวม์ ีกระดูก 1. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย สนั หลัง (ปลา) 1. ประเมนิ เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ การสังเกตการทำงานกลมุ่ เป็นรายกลุ่มโดยการสังเกตและ 2. ตรวจชิน้ งานหรือภาระงานของ ใช้แบบวดั เจตคติทาง 2. ประเมนิ พฤติกรรมในการ กิจกรรมฝกึ ทักษะระหวา่ งเรียน วทิ ยาศาสตร์ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเป็น รายบุคคลหรอื รายกลุ่มโดย 2. ประเมินเจตคติตอ่ วทิ ยาศาสตร์ การสงั เกตการทำงานกลุ่ม เป็นรายบคุ คลโดยการสงั เกต และใชแ้ บบวัดเจตคติตอ่ วิทยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู.้ .....................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้..................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. นกั เรยี นนไ่ี มผ่ ่าน มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ........................................................................................... ........................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจ (K) ........................................................................................................................................ .............. ..................................................................................................................... ................................. 3. นักเรยี นมีความร้เู กิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรียนมเี จตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................. ......................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชือ่ .................................................. (นางอมลสริ ิ คำฟ)ู ตำแหน่ง ครผู ้ชู ว่ ย
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 30 สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 1 เรอื่ ง สตั วม์ กี ระดกู สันหลัง (สตั ว์สะเทนิ น้ำสะเทินบก) เวลา 1 ชวั่ โมง ครูผู้สอน นางอมลสิริ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 1.3 เข้าใจกระบวนการและความสำคัญของการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม สารพนั ธกุ รรม การเปลย่ี นแปลงทางพันธุกรรมท่มี ีผลตอ่ ส่งิ มีชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพ และววิ ฒั นาการ ของส่งิ มีชีวิต รวมท้งั นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ 2. ตวั ช้ีวดั ช้นั ปี บรรยายลักษณะเฉพาะที่สังเกตได้ของสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลา กลุ่มสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก กลุ่มสัตว์เลื้อยคลาน กลุ่มนก และกลุ่มสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนม และยกตัวอย่างสิ่งมีชีวิตในแต่ละกลุ่ม (ว 1.3 ป. 4/4) 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. บรรยายลักษณะเฉพาะท่ีสงั เกตได้ของสตั วม์ ีกระดูกสันหลังในกลมุ่ สตั ว์สะเทินน้ำสะเทินบกได้ (K) 2. มีความสนใจใฝ่รู้หรอื อยากรอู้ ยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรทู้ ี่เก่ียวกบั วิทยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานรว่ มกับผู้อ่ืนอย่างสรา้ งสรรค์ (A) 5. สื่อสารและนำความรู้เรื่องสัตว์มีกระดูกสนั หลัง (สัตวส์ ะเทินน้ำสะเทนิ บก) ไปใชใ้ นชีวิตประจำวันได้ (P) 4. สาระสำคญั สัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกเป็นสัตว์เลือดเย็น ออกลูกเป็นไข่ ตัวอ่อนมีหาง เหมือนปลา หายใจด้วยเหงือก และเจริญเติบโตในน้ำ ส่วนตัวเต็มวัยมีผิวหนังเปียกชื้น หายใจด้วยปอดและ ผิวหนัง และเจริญเติบโตบนบก 5. สาระการเรียนรู้ สตั วม์ กี ระดกู สันหลงั – สตั ว์สะเทินนำ้ สะเทินบก 6. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งมน่ั ในการทำงาน 4. มจี ิตวทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 7. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน สบื ค้นขอ้ มลู ลักษณะของสตั ว์มีกระดูกสนั หลังในกลุ่มสตั วส์ ะเทนิ น้ำสะเทนิ บก 9. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ขั้นนำเขา้ สบู่ ทเรียน 1) ครูทบทวนเรื่องสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มปลา โดยให้นักเรียนบอกลักษณะของสัตว์มีกระดูกสัน หลังในกลุม่ ปลามาคนละ 1 ลักษณะ (แนวคำตอบ สตั วม์ กี ระดกู สนั หลังในกล่มุ ปลาเป็นสตั วเ์ ลอื ดเย็น) 2) นักเรยี นช่วยกนั ตอบคำถามและแสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกบั คำตอบของคำถาม เพอ่ื เชอ่ื มโยงไปสู่การ เรยี นรู้เร่ือง สัตวม์ ีกระดูกสนั หลงั (สัตว์สะเทินนำ้ สะเทินบก) ขน้ั จัดกิจกรรมการเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรยี นรู้โดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซึ่งมีขน้ั ตอนดงั น้ี 1) ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตุ้นนักเรยี นโดยการเขียนคำวา่ สัตว์สะเทินน้ำสะเทนิ บก บนกระดานแล้วถามนักเรยี นว่า – นักเรียนรูจ้ ักสัตว์สะเทินนำ้ สะเทนิ บกหรอื ไม่ ยกตวั อย่าง (แนวคำตอบ รจู้ ัก เช่น กบ) – เราเรียกสตั ว์บางชนิดว่าสัตว์สะเทนิ น้ำสะเทินบกเพราะอะไร (แนวคำตอบ เพราะสัตว์กลุม่ น้มี ี ชว่ งชวี ิตทเ่ี จรญิ เตบิ โตในน้ำและบนบก) (2) นักเรียนรว่ มกันอภปิ รายเกี่ยวกบั คำตอบจากคำถามของครูตามประสบการณ์ของนกั เรยี น 2) ขัน้ สำรวจและค้นหา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศึกษาเรื่องลักษณะของสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกจากใบ ความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า สัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์สะเทินน้ำ สะเทนิ บกมีลักษณะบางประการทเ่ี ป็นลักษณะเฉพาะ (2) แบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์สะเทินน้ำ สะเทนิ บก โดยดำเนินการตามขัน้ ตอนดงั น้ี – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์สะเทินน้ำ สะเทินบกเป็นหัวข้อย่อย เช่น อุณหภูมิลำตัว ลักษณะภายนอก อวัยวะในการหายใจ และการเจริญเติบโต ให้ สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกนั สบื คน้ ตามหัวข้อท่ีกำหนด – สมาชกิ แต่ละกลุ่มชว่ ยกันสบื คน้ ข้อมูลตามหัวข้อที่กลุ่มของตนเองรับผดิ ชอบโดยการสืบค้นจาก หนังสือ วารสาร สารานกุ รมวิทยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสำหรบั เยาวชน และอินเทอรเ์ นต็ – สมาชกิ กลุ่มนำขอ้ มูลทส่ี ืบค้นได้มารายงานให้เพ่ือน ๆ สมาชิกในกลมุ่ ฟงั รวมทัง้ ร่วมกนั อภปิ ราย ซกั ถามจนคาดวา่ สมาชกิ ทุกคนมีความร้คู วามเขา้ ใจท่ตี รงกัน – สมาชิกกลมุ่ ช่วยกันสรุปความรทู้ ไี่ ด้ท้ังหมดเปน็ ผลงานของกลุ่ม
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู (3) ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและ เปิดโอกาสใหน้ ักเรยี นทุกคนซักถามเมอ่ื มปี ัญหา 3) ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (1) นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ สง่ ตวั แทนกลุ่มนำเสนอผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมหนา้ ห้องเรยี น (2) นักเรียนและครรู ว่ มกนั อภิปรายและหาขอ้ สรุปจากการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม โดยใช้แนวคำถาม ต่อไปนี้ – สตั ว์มีกระดูกสนั หลังในกลุ่มสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกมีลักษณะสำคญั อะไร (แนวคำตอบ สัตว์มี กระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกเป็นสัตว์เลือดเย็น ออกลูกเป็นไข่ ตัวอ่อนมีหางเหมือนปลา หายใจด้วยเหงือก และเจริญเติบโตในน้ำ ส่วนตัวเต็มวัยมีผิวหนังเปียกชื้น หายใจด้วยปอดและผิวหนัง และ เจรญิ เตบิ โตบนบก) – สัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกมีลักษณะสำคัญใดที่ต่างจากสัตว์ในกลุ่ม อน่ื (แนวคำตอบ ชว่ งตัวอ่อนเจริญเติบโตในนำ้ และชว่ งตัวเตม็ วัยเจรญิ เตบิ โตบนบก) (3) ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกจิ กรรม โดยครูเนน้ ใหน้ ักเรียนเข้าใจว่า สัตว์มีกระดูกสัน หลังในกลุ่มสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกเป็นสัตว์เลือดเย็น ออกลูกเป็นไข่ ตัวอ่อนมีหางเหมือนปลาหายใจด้วย เหงอื ก และเจรญิ เตบิ โตในน้ำ ส่วนตวั เตม็ วัยมีผิวหนังเปยี กช้นื หายใจด้วยปอดและผวิ หนัง และเจริญเติบโตบน บก 4) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูนำวัฏจักรชวี ติ ของกบมาให้นกั เรียนดูแล้วอธิบายว่า สัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสตั ว์สะเทินนำ้ สะเทินบกมีชว่ งชวี ติ ที่อาศัยอยูท่ ั้งในน้ำและบนบก อาศยั บนบก อาศยั ในน้ำ วฏั จักรชีวติ ของกบ (2) นักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์สะเทินน้ำ สะเทินบกจากหนงั สือเรียนภาษาตา่ งประเทศหรืออินเทอร์เนต็ และนำเสนอให้เพ่ือนในห้องฟัง แล้วคัดคำศัพท์ พร้อมท้งั คำแปลลงสมุดสง่ ครู 5) ขน้ั ประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้าง ที่ยังไมเ่ ขา้ ใจหรือยงั มขี ้อสงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธบิ ายเพ่มิ เตมิ ให้นกั เรียนเข้าใจ
แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู (2) นักเรยี นรว่ มกันประเมินการปฏิบตั กิ ิจกรรมกล่มุ วา่ มปี ญั หาหรืออปุ สรรคใดและได้แกไ้ ขอย่างไรบา้ ง (3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ การนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยถามคำถามนักเรียน เชน่ – สตั วม์ ีกระดกู สนั หลังในกลุ่มสตั วส์ ะเทนิ น้ำสะเทินบกมีลกั ษณะสำคญั อะไรบ้าง – ถ้าเราเจอสัตว์มกี ระดูกสันหลงั ท่ีอาศยั อย่ทู ้ังในน้ำและบนบก เราจะจำแนกว่าเป็นสัตว์มีกระดูก สันหลังในกลมุ่ สตั ว์สะเทนิ นำ้ สะเทนิ บกไดห้ รอื ไม่ เพราะอะไร ขัน้ สรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับสัตว์มีกระดูกสันหลังในกลุ่มสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก โดยร่วมกัน เขยี นเป็นแผนท่ีความคิดหรอื ผังมโนทศั น์ 10. สื่อการเรียนรู้ 1. วฏั จกั รชวี ิตของกบ 2. หนังสอื วารสาร สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน และอินเทอร์เน็ต 3. หนงั สือเรียนภาษาตา่ งประเทศ 4. คมู่ อื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 5. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 6. แบบฝึกทกั ษะรายวชิ าพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 7. หนงั สือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรูเ้ รื่องสัตวม์ กี ระดูก 1. ประเมินทักษะการคดิ โดย สนั หลัง (สัตวส์ ะเทินนำ้ สะเทิน 1. ประเมินเจตคติทางวิทยาศาสตร์ การสังเกตการทำงานกลุม่ บก) เป็นรายบคุ คลโดยการสงั เกต และใชแ้ บบวัดเจตคติทาง 2. ประเมินพฤติกรรมในการ 2. ตรวจชน้ิ งานหรือภาระงานของ วิทยาศาสตร์ ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมเปน็ กจิ กรรมฝกึ ทักษะระหวา่ งเรยี น รายบุคคลหรือรายกลุ่มโดย 2. ประเมนิ เจตคตติ อ่ วิทยาศาสตร์ การสงั เกตการทำงานกลุ่ม เปน็ รายบุคคลโดยการสังเกต และใชแ้ บบวัดเจตคตติ ่อ วทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้......................คน คิดเป็นร้อยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้..................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. นกั เรยี นนไ่ี มผ่ ่าน มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ........................................................................................... ........................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจ (K) ........................................................................................................................................ .............. ..................................................................................................................... ................................. 3. นักเรยี นมีความร้เู กิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรียนมเี จตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจริยธรรม (A) ............................................................................................. ......................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชื่อ.................................................. (นางอมลสริ ิ คำฟ)ู ตำแหน่ง ครผู ้ชู ว่ ย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402