Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนรายวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นป.4 นางอมลสิริ คำฟู

แผนการสอนรายวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นป.4 นางอมลสิริ คำฟู

Published by jarunpanakul, 2021-05-09 18:29:06

Description: แผนการสอนรายวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นป.4 นางอมลสิริ คำฟู

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 62 สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว14101 ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 3 เร่อื ง กจิ กรรมสะเตม็ ศึกษา (1) เวลา 1 ชวั่ โมง ครผู สู้ อน นางอมลสิริ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหวา่ งสมบัตขิ องสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การ เกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏิกิริยาเคมี 2. ตัวช้ีวัดชน้ั ปี เปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพด้านความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนำความร้อน และการนำไฟฟ้าของ วัสดุโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์จากการทดลอง และระบุการนำสมบัติเรื่องความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนำ ความร้อน และการนำไฟฟ้าของวัสดุไปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั ผ่านกระบวนการออกแบบช้นิ งาน (ว 2.1 ป. 4/1) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายและประโยชน์ท่ไี ด้รบั จากกจิ กรรมสะเตม็ ศึกษาได้ (K) 2. อธิบายและปฏิบัติตามขั้นตอนของกระบวนการสะเตม็ ศึกษาได้ (K) 3. มีความสนใจใฝร่ ูห้ รืออยากร้อู ยากเห็น (A) 4. ทำงานร่วมกับผู้อ่นื อย่างสร้างสรรค์ (A) 5. สอื่ สารและนำความรูเ้ ร่ืองกจิ กรรมสะเตม็ ศึกษาไปใช้ในชีวติ ประจำวันได้ (P) 4. สาระสำคญั คำวา่ “สะเตม็ ” เกดิ จากการนำความรู้ 4 สาขา คือ S (Science) หมายถึง วทิ ยาศาสตร์ T (Technology) หมายถึง เทคโนโลยี E (Engineering) หมายถงึ วศิ วกรรมศาสตร์ และ M (Mathematics) หมายถึง คณิตศาสตร์ มาเรียนรู้ร่วมกัน สะเต็มศึกษาเป็นการเรียนรู้ที่ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี มาแก้ปัญหาโดยผ่านกระบวนการออกแบบสิ่งประดิษฐ์ (กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม) เพื่อสรา้ งช้ินงานท่สี รา้ งสรรคแ์ ละเกดิ ประโยชน์ 5. สาระการเรยี นรู้ กิจกรรมสะเต็มศึกษา – ความหมายของสะเตม็ ศึกษา – ประโยชนท์ ่ไี ด้รบั จากกิจกรรมสะเต็มศึกษา – กระบวนการออกแบบสิ่งประดษิ ฐ์ (กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม)

แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มุ่งมน่ั ในการทำงาน 4. มีจติ วทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนนิ ชวี ติ 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชิ้นงานหรือภาระงาน สบื คน้ ขอ้ มลู เก่ียวกบั ข้ันตอนในกระบวนการออกแบบสิ่งประดิษฐ์ 9. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ขั้นนำเขา้ สู่บทเรียน 1) ครูนำสถานการณ์ตวั อย่าง เร่อื ง โคมเทยี นบังลม ในหนังสือเรียนรายวชิ าพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ป. 4 มาใหน้ กั เรยี นดู แลว้ ตงั้ คำถามถามนักเรยี นดังนี้ – นกั เรียนคดิ ว่าจะใชว้ ิธีการใดในการจัดการกบั สถานการณ์ตัวอย่างน้ี 2) นักเรียนร่วมกันอภิปรายคำตอบของคำถาม โดยครูชี้แนะและอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันบางสถานการณ์ไม่สามารถแก้ไขหรือตอบสนองได้ด้ วยความรู้เดิมหรือ ความรู้จากการสืบค้นเพียงอย่างเดียว แต่ต้องอาศัยการดำเนินการอย่างเป็นระบบแบบแผนและเป็นขั้นตอน เพอื่ เชื่อมโยงไปสกู่ ารเรียนรู้เร่ือง กจิ กรรมสะเต็มศึกษา ขนั้ จัดกิจกรรมการเรยี นรู้ จัดกจิ กรรมการเรยี นรโู้ ดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซง่ึ มขี น้ั ตอนดังน้ี 1) ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครนู ำสถานการณต์ วั อยา่ ง เรอ่ื ง โคมเทยี นบงั ลม ในหนังสอื เรียนรายวิชาพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ป. 4 มาใหน้ ักเรยี นดอู ีกครงั้ แลว้ ต้งั คำถามถามนกั เรียนดังนี้ – จากสถานการณ์นักเรียนพบปญั หาหรือไม่ – นักเรียนจะแกป้ ัญหานี้อย่างไร – นักเรียนมวี ธิ หี รือข้นั ตอนอยา่ งไรในการแก้ปญั หาน้ี (2) นกั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายเกี่ยวกับคำตอบจากคำถามของครูตามประสบการณ์ของนกั เรยี น

แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 2) ขั้นสำรวจและคน้ หา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศึกษากิจกรรมสะเต็มศึกษาในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ป. 4 โดยครู ช่วยอธิบายใหน้ ักเรียนเข้าใจวา่ คำว่า “สะเต็ม” มาจากการนำความรู้ 4 สาขา คือ S หมายถึง วิทยาศาสตร์ T หมายถึง เทคโนโลยี E หมายถงึ วิศวกรรมศาสตร์ และ M หมายถงึ คณิตศาสตร์ มาเรยี นร้รู ่วมกัน สะเต็มศึกษา จึงเป็นการเรียนรู้ที่ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี มาแก้ปัญหาโดยผ่านกระบวนการ ออกแบบส่ิงประดิษฐ์ (กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม) เพ่ือสรา้ งชิ้นงานที่สร้างสรรค์และเกดิ ประโยชน์ ใน การปฏิบัติกิจกรรมสะเต็มศึกษานักเรียนจะได้พัฒนาความสามารถด้านต่าง ๆ มากมาย เช่น 1. การแก้ปัญหา 2. ความคิดสร้างสรรค์ 3. การประดิษฐ์ 4. ความเชื่อมั่นตนเอง 5. การคิดอย่างมีเหตุผล และ 6. ความรู้ทาง เทคโนโลยี ซึ่งการปฏิบัติกิจกรรมสะเต็มศึกษามีขั้นตอนในการปฏิบัติอย่างเป็นระบบที่เรียกว่า กระบวนการ ออกแบบสิ่งประดิษฐ์ (กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม: Engineering Design Process) ซึ่งประกอบด้วย 6 ข้นั ตอน ดังน้ี 1. กำหนดปัญหา เป็นการทำความเข้าใจปัญหาและความท้าทายจากสถานการณ์อย่างละเอียด เพ่ือ พจิ ารณาเลอื กปัญหาทตี่ ้องการหรือทสี่ ำคัญทส่ี ุด (พิจารณาได้จากผลเสีย ความเร่งดว่ น และผลกระทบในระยะ ยาว) แลว้ กำหนดเปน็ ปญั หาซึง่ จะนำไปสู่การสร้างชน้ิ งานหรือวธิ ีการในการแกป้ ัญหาต่อไป การกำหนดปัญหามี แนวทางการปฏบิ ตั ิ ดงั นี้ 1. รวบรวมปัญหาหรอื ความต้องการท่เี กดิ ข้ึน 2. คัดเลอื กปัญหาหรอื ความตอ้ งการทต่ี อ้ งการหาคำตอบ 3. วิเคราะห์สาเหตุของปัญหาหรือความต้องการ เพื่อกำหนดสิ่งที่เป็นปัญหาหรือความตอ้ งการท่ี แท้จรงิ 4. กำหนดปญั หาเป็นประโยคคำถามทส่ี อดคล้องกบั ปญั หาหรือความตอ้ งการท่ีแทจ้ รงิ 5. ศึกษาเอกสารแล้วคาดการณ์วิธีการแก้ปัญหาของกิจกรรมที่เหมาะสมภายใต้ข้อจำกัดเพื่อหา วธิ ีการแก้ปญั หา ซงึ่ การคาดการณต์ ้องอาศัยความรู้เดิมเปน็ พืน้ ฐาน 6. ประเมินปัญหาภายใต้ข้อจำกัดโดยใช้เกณฑ์ในการประเมิน เช่น ความต้องการที่เกิดขึ้นจริง ความเปน็ ไปไดใ้ นการทำกิจกรรมภายใตข้ ้อจำกัดท่ีมอี ยู่ เชน่ ความสนใจ งบประมาณ เวลา และสถานที่ 2. รวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหา เป็นการรวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับ ปัญหาจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ การรวบรวมข้อมูลที่ครอบคลุมจะทำให้สามารถสรุปวิธีการแก้ปัญหาได้ ครบถว้ นสมบรู ณ์ 2.1 ศึกษาข้อมูลโดยการวเิ คราะห์ปัญหาหรือความตอ้ งการจากการตอบคำถามตอ่ ไปนี้ – ปญั หานคี้ ืออะไร – ปัญหานีเ้ กิดข้นึ เม่ือใด – ปัญหาน้เี กิดกบั ใคร – เพราะเหตใุ ดจึงต้องแกป้ ัญหาน้ี – ปัญหานีเ้ กดิ ข้นึ ท่ไี หน – จะแกป้ ัญหาหรือตอบสนองความต้องการนี้อย่างไร 2.2 คน้ ควา้ และรวบรวมข้อมลู เกย่ี วกบั แนวคดิ ทางวิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และเทคโนโลยี จาก แหล่งข้อมลู ตา่ ง ๆ ที่เกยี่ วข้องกับชน้ิ งานด้วยวธิ กี ารดังน้ี – อภิปรายถึงความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และกระบวนการออกแบบ สงิ่ ประดิษฐ์ (กระบวนการออกแบบเชงิ วิศวกรรม) ที่ตอ้ งใชใ้ นการแก้ปัญหา – ค้นคว้าและรวบรวมข้อมูลที่จำเป็นด้วยวิธีการที่เหมาะสมจากแหล่งการเรียนรู้ต่างๆ เช่น การ สำรวจบริเวณแหล่งชุมชน บ้าน โรงเรียน การสืบค้นข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตหรือห้องสมุด การสอบถาม ผปู้ กครอง เพ่อื น หรือผ้รู ู้

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู – สำรวจวัสดุ อุปกรณ์ที่ต้องใช้ว่ามีอะไรบ้าง วิเคราะห์ข้อดี ข้อเสียของวัสดุ อุปกรณ์ที่นำมาใช้ เพ่ือสร้างทางเลอื ก 2.3 วิเคราะห์ พิจารณา และเปรียบเทียบทางเลือกที่สามารถแก้ปัญหาและได้สิ่งที่ต้องการที่ดี ที่สดุ และเหมาะสมที่สดุ จากข้อมลู ท่ีรวบรวมได้และข้อจำกดั ที่มี และตดั สนิ ใจเลอื กทางเลือกนั้น 2.3.1 กำหนดหวั ข้อ หวั ขอ้ คือ ใจความสำคญั ทท่ี ำให้ทราบปัญหา ประเภท วิธกี ารดำเนินการ และขอบเขตของ กจิ กรรม ทำให้ผอู้ า่ นทราบภาพรวมว่าสอดคลอ้ งกบั ความสนใจของผู้อ่านหรือไม่ 2.3.2 กำหนดวตั ถุประสงค์ การกำหนดวตั ถปุ ระสงค์มีแนวทางการปฏบิ ัติ ดังนี้ 1) ศึกษาข้อมลู เอกสารต่าง ๆ แลว้ คาดคะเนสิ่งทต่ี อ้ งการจากกิจกรรม 2) จำแนกสิ่งที่ต้องการเป็น 2 กลุ่ม คือ สิ่งที่ต้องเกิดขึ้น (must) หมายถึง สิ่งที่บ่งบอก ความสำเรจ็ ของกิจกรรม และส่งิ ทีอ่ าจเกิดขนึ้ (want) หมายถงึ ส่งิ ทอี่ าจเกิดขนึ้ หรอื ไม่เกดิ ขึ้นก็ได้ 3) ระบวุ ิธีการดำเนนิ การหรอื ลำดบั ของวัตถุประสงคต์ ามลำดับของปญั หาหรือลำดับของวตั ถุประสงค์ 2.3.3 กำหนดประโยชน์ทค่ี าดว่าจะไดร้ ับ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ คือ สิ่งที่คาดว่าจะได้รับจากกิจกรรม เช่น ความรู้ที่ได้ วิธีการ หรือสิ่งประดิษฐซ์ ึ่งอาจเกยี่ วข้องกับตนเอง ชมุ ชน หรือส่งิ แวดลอ้ มการกำหนดประโยชน์ทคี่ าดว่าจะได้รับมีแนว ทางการปฏิบตั ิ ดงั นี้ 1) กำหนดผลของวตั ถปุ ระสงค์ท่ีอาจเกิดขึ้นเป็นประโยชนท์ ่คี าดวา่ จะได้รบั 2) คาดการณ์วา่ จะเกิดประโยชนต์ อ่ ตนเอง ชมุ ชน และสงิ่ แวดล้อมอยา่ งไร 3) เรยี งลำดบั ตามวตั ถุประสงคข์ องกจิ กรรมหรือเรยี งลำดับตามความสำคัญ 2.3.4 กำหนดขอบเขตของกิจกรรมการกำหนดขอบเขตของกจิ กรรมมแี นวทางการปฏิบตั ิ ดังน้ี 1) สำรวจงบประมาณทีใ่ ช้ 2) กำหนดเวลาที่ใช้ 3) กำหนดสิ่งที่อาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินการหรือสิ่งที่ทำให้การดำเนินการ คลาดเคลอ่ื น 4) ศกึ ษาเอกสารทเ่ี กีย่ วขอ้ งกบั กิจกรรม 3. ออกแบบวธิ ีการแกป้ ญั หา เปน็ การประยกุ ต์ใชข้ ้อมลู และแนวคิดที่เกีย่ วขอ้ งเพ่อื การออกแบบชนิ้ งาน

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 3.1 คำนึงถึงทรัพยากรและข้อจำกัดที่มีว่ามีอะไรบ้าง เช่น วัสดุ อุปกรณ์ งบประมาณ และ ระยะเวลา 3.2 ถ่ายทอดความคิดเป็นภาพร่างโดยใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยีท่ี คน้ คว้าได้ 4. วางแผนและดำเนนิ การแกป้ ญั หา เป็นการกำหนดลำดบั ขัน้ ตอนย่อยของการสร้างช้นิ งานหรือวิธีการ แลว้ ลงมอื ปฏิบตั ิเพ่ือสร้างชนิ้ งานหรอื พฒั นาวธิ กี ารข้ันตอน 4.1 เขียนลำดับขน้ั ตอนย่อยของการทำงานเพ่ือใหส้ รา้ งชน้ิ งานไดต้ รงตามท่ีออกแบบไว้ 4.2 นำเสนอการออกแบบ 4.3 แบง่ หน้าท่กี ารทำงานในกลมุ่ แล้วลงมือสร้างช้นิ งานตามทีไ่ ด้วางแผนไว้ 5. ทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไขวิธีการหรือชิ้นงาน เป็นการทดสอบและประเมินผลชิ้นงาน หรือวิธีการ โดยผลท่ีได้สามารถนำมาปรับปรุงและพัฒนาการแก้ปัญหาได้อยา่ งเหมาะสมท่สี ุด 5.1 ทดสอบ ทดสอบชิน้ งานท่ีไดว้ ่าสอดคล้องตามท่ีออกแบบไว้หรือไม่ 5.2 ประเมินผล ตรวจสอบชิ้นงานว่ามีข้อบกพร่องอยา่ งไร 5.3 ปรบั ปรงุ แก้ไขชิ้นงานจนกระทั่งไดช้ ิน้ งานตรงตามความต้องการ 6. นำเสนอวิธีการแก้ปัญหา ผลการแก้ปัญหา หรือชิ้นงาน เป็นการนำเสนอแนวคิดและขั้นตอนการ แก้ปญั หาของการสร้างชน้ิ งานการพัฒนาวิธกี ารให้ผู้อนื่ เข้าใจ รวมท้ังข้อเสนอแนะเพ่ือใหเ้ กิดการพัฒนาต่อไปใน อนาคต ซ่งึ มหี ลายวธิ ี เช่น พดู จัดปา้ ยนิเทศ ทำสมุดภาพ และการสาธติ (2) ครูนำอภิปรายกับนักเรียนเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรมสะเต็มศึกษา เพื่อให้ นกั เรยี นได้ข้อสรปุ ร่วมกันว่า เม่ือนักเรียนได้เรียนรู้ทฤษฎีและกฎต่างๆ ผา่ นการปฏิบตั ิกิจกรรมสะเต็มศึกษาจะ ทำให้รู้และเขา้ ใจถงึ ศาสตร์ทัง้ 4 สาขามากย่ิงขนึ้ รวมถึงไดพ้ ฒั นาความสามารถในดา้ นตา่ งๆ ดงั นี้ 1. ความสามารถในการแก้ปัญหา คือ สามารถกำหนดปัญหา ออกแบบ ค้นคว้า รวบรวมข้อมูล และใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ร่วมกับการคำนวณทางคณิตศาสตร์ช่วยในการแก้ปัญหาและค้นหาคำตอบได้ ด้วยตนเอง 2. ความเปน็ ผมู้ ีความคิดสร้างสรรค์ คอื สามารถสร้างสรรคโ์ ดยใชว้ ิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และ เทคโนโลยเี ป็นหลกั ในการออกแบบระบบทางวิศวกรรมได้ 3. ความสามารถในการประดิษฐ์ คือ สามารถออกแบบการทดลองและออกแบบซ้ำโดยการนำ ความรทู้ ้ัง 4 สาขามาใชอ้ อกแบบเพ่อื นำไปส่กู ารนำไปใช้ได้จริง 4. ความเชื่อมั่นในตนเอง คือ สามารถกระตุ้นตนเองเพื่อพัฒนาความรู้ ทำให้เกิดความเชื่อมั่นใน ตนเองในการทำงาน 5. ความคิดอย่างมีเหตุผล คือ สามารถเข้าใจเหตุและผลผ่านการฝึกทำกิจกรรมและออกแบบ ส่งิ ประดษิ ฐต์ า่ ง ๆ 6. ความรทู้ างเทคโนโลยี คอื สามารถนำความร้ทู างเทคโนโลยีไปประยุกต์ใช้ไดอ้ ยา่ งเหมาะสม (3) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับกระบวนการออกแบบสิ่งประดิษฐ์และ ประโยชน์ทไ่ี ดร้ ับจากกจิ กรรมสะเตม็ ศกึ ษา โดยดำเนินการตามข้ันตอนดงั นี้ – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อกระบวนการออกแบบสิ่งประดิษฐ์ (กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม) และประโยชน์ที่ได้รับจากกิจกรรมสะเต็มศึกษา เป็นหัวข้อย่อย เช่น สะ เต็มศึกษา กระบวนการออกแบบเชงิ วศิ วกรรม และประโยชนท์ ่ีไดร้ บั จากกิจกรรมสะเตม็ ศึกษา ให้สมาชิกแต่ละ กลุม่ ชว่ ยกนั สบื ค้นตามหัวขอ้ ทีก่ ำหนด

แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู – สมาชิกแตล่ ะกลุ่มช่วยกันสบื ค้นขอ้ มูลตามหัวข้อทกี่ ลุ่มของตนเองรบั ผิดชอบ โดยการสบื คน้ จาก หนงั สอื วารสาร สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสำหรบั เยาวชน และอินเทอร์เนต็ – สมาชกิ กลุ่มนำข้อมูลที่สืบคน้ ได้มารายงานให้เพื่อนๆ สมาชิกในกลมุ่ ฟัง รวมทง้ั ร่วมกันอภิปราย ซักถามจนคาดวา่ สมาชกิ ทุกคนมีความร้คู วามเข้าใจท่ีตรงกัน – สมาชิกกลมุ่ ชว่ ยกนั สรปุ ความรูท้ ไี่ ดท้ ง้ั หมดเปน็ ผลงานของกล่มุ (4) ครูคอยแนะนำชว่ ยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ หอ้ งเรยี นและเปิดโอกาส ใหน้ ักเรยี นทกุ คนซกั ถามเมอื่ มีปัญหา 3) ขั้นอธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (1) นกั เรียนแต่ละกลุ่มส่งตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมหน้าห้องเรียน (2) นักเรียนและครูร่วมกนั อภิปรายและหาข้อสรปุ จากการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใชแ้ นวคำถามตอ่ ไปนี้ – คำวา่ สะเตม็ เกิดจากการนำความรู้สาขาใดมาเรียนรู้ร่วมกนั (แนวคำตอบ คำว่าสะเต็มเกิดจาก การนำความรู้ 4 สาขา คือ S: Science หมายถึง วิทยาศาสตร์ T: Technology หมายถึง เทคโนโลยี E: Engineering หมายถึง วิศวกรรมศาสตร์ และ M: Mathematics หมายถงึ คณติ ศาสตร์ มาเรยี นรรู้ ่วมกัน) – ประโยชน์ที่ได้รับจากกิจกรรมสะเต็มศึกษามีอะไรบ้าง (แนวคำตอบ ได้พัฒนาความสามารถ ด้านต่าง ๆ มากมาย เช่น 1. การแก้ปัญหา 2. ความคิดสร้างสรรค์ 3. การประดิษฐ์ 4. ความเชื่อมั่นตนเอง 5. การคดิ อยา่ งมเี หตผุ ล และ 6. ความรูท้ างเทคโนโลยี) – กระบวนการออกแบบสิ่งประดิษฐ์ประกอบด้วยขั้นตอนกี่ขั้นตอน อะไรบ้าง (แนวคำตอบ ประกอบด้วย 6 ขั้นตอน คอื 1. กำหนดปญั หา 2. รวบรวมขอ้ มูลและแนวคิดท่เี ก่ยี วข้องกับปัญหา 3. ออกแบบ วิธีการแก้ปัญหา 4. วางแผนและดำเนินการแก้ปัญหา 5. ทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไขวิธีการหรือ ชน้ิ งาน และ 6. นำเสนอวิธีการแกป้ ญั หา ผลการแก้ปัญหา หรอื ช้นิ งาน) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า สะเต็มศึกษา หมายถึง การเรียนรทู้ ใ่ี ช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณติ ศาสตร์ และเทคโนโลยี มาแก้ปญั หาโดยผา่ นกระบวนการ ออกแบบสิ่งประดิษฐ์ (กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม) เพื่อสร้างชิ้นงานที่สร้างสรรค์และเกิดประโยชน์ และการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมสะเตม็ ศกึ ษาทำใหไ้ ด้พฒั นาความสามารถด้านต่างๆ ไดแ้ ก่ 1. การแก้ปัญหา 2. ความคิด สรา้ งสรรค์ 3. การประดิษฐ์ 4. เชื่อมนั่ ตนเอง 5. คดิ อย่างมเี หตผุ ล และ 6. ความรู้ทางเทคโนโลยี 4) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูอธิบายเพิ่มเติมและนำตัวอย่างการออกแบบสิ่งประดิษฐ์ที่แก้ไขปัญหาต่างๆ ในชีวิตประจำวัน มาใหน้ ักเรียนศกึ ษา (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 3 – 5 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับขั้นตอนในกระบวนการออกแบบ สิ่งประดิษฐ์ โดยแบ่งหัวข้อย่อย เช่น การกำหนดปัญหา การรวบรวมข้อมูลและแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับปัญหา การออกแบบวิธีการแก้ปัญหา การวางแผนและดำเนินการแก้ปัญหา การทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุง แก้ไขวิธีการหรอื ชิน้ งาน และการนำเสนอวิธีการแกป้ ัญหา ผลการแกป้ ญั หา หรอื ช้นิ งาน แล้วนำข้อมูลที่ค้นคว้า ได้มาจดั ทำเป็นรายงานและนำเสนอหน้าหอ้ งเรยี นให้เพื่อนๆ ไดท้ ราบเพ่อื แลกเปลย่ี นเรียนรกู้ ัน 5) ขัน้ ประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เข้าใจหรอื ยังมีข้อสงสยั ถ้ามี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเตมิ ให้นกั เรียนเข้าใจ

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู (2) นักเรียนร่วมกนั ประเมนิ การปฏิบัติกิจกรรมกลุม่ วา่ มีปัญหาหรอื อปุ สรรคใดและไดแ้ ก้ไขอยา่ งไรบา้ ง (3) ครูและนกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ เกยี่ วกับประโยชน์ท่ไี ด้รับจากการปฏบิ ัติกจิ กรรมและการ นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยถามคำถามนักเรียน เช่น – กจิ กรรมสะเต็มศึกษาสามารถนำมาแกป้ ัญหาในชีวติ ประจำวันไดห้ รือไม่ อย่างไร – ประโยชน์ทไี่ ดร้ ับจากกจิ กรรมสะเตม็ ศกึ ษาได้แก่อะไรบ้าง – กระบวนการออกแบบส่งิ ประดิษฐป์ ระกอบดว้ ยกขี่ น้ั ตอน อะไรบ้าง – ยกตัวอยา่ งวิธีการคน้ คว้าและรวบรวมข้อมลู จากแหลง่ การเรียนรู้ตา่ งๆ – ทรพั ยากรและข้อจำกดั ในกจิ กรรมสะเต็มศึกษามีอะไรบ้าง – การวเิ คราะหข์ อ้ มูลทำไดด้ ้วยวิธใี ด ขน้ั สรุป 1) ครูและนักเรียนรว่ มกันสรุปเกี่ยวกบั กิจกรรมสะเต็มศึกษา โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนทีค่ วามคิดหรอื ผังมโนทศั น์ 2) ครมู อบหมายให้นักเรียนไปปฏบิ ัติกิจกรรมสะเต็มศกึ ษาตามขั้นตอนต่างๆ ท่ไี ดเ้ รยี นร้ผู า่ นมา โดยให้ แต่ละกลุ่มเลือกปัญหาที่ต้องการแก้ไขอย่างอิสระ แล้วกำหนดปัญหาเพียง 1 เรื่องที่เกี่ยวข้องกับสมบัติทาง กายภาพของวสั ดุ 10. ส่ือการเรยี นรู้ 1. หนงั สือ วารสาร สารานกุ รมวทิ ยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสำหรบั เยาวชน และอินเทอรเ์ นต็ 2. คู่มือการสอน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 3. ส่อื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวชิ าพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 4. แบบฝึกทักษะรายวชิ าพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปที ่ี 4 5. หนงั สอื เรยี นรายวชิ าพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ่ี 4

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) 1. ซกั ถามความรูเ้ รื่องกจิ กรรมสะ จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ประเมินทักษะกระบวนการ เต็มศึกษา ทางวทิ ยาศาสตรโ์ ดยใชแ้ บบ 1. ประเมนิ เจตคติทาง วัดทักษะกระบวนการทาง 2. ตรวจช้ินงานหรือภาระงานของ วิทยาศาสตร์เปน็ รายบคุ คล วทิ ยาศาสตร์ กิจกรรมฝึกทักษะระหว่างเรยี น โดยการสังเกตและใชแ้ บบวัด เจตคติทางวิทยาศาสตร์ 2. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย การสังเกตการทำงานกลุม่ 2. ประเมนิ เจตคติตอ่ วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบคุ คล 3. ประเมนิ ทักษะการ โดยการสงั เกตและใช้แบบวัด แก้ปัญหาโดยการสงั เกตการ เจตคติต่อวิทยาศาสตร์ ทำงานกลมุ่ 4. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏิบตั ิกิจกรรมเปน็ รายบุคคลหรอื รายกลุ่ม โดยการสังเกตการทำงาน กลมุ่

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรียนรู้......................คน คิดเป็นร้อยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้..................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. นักเรยี นนีไ่ ม่ผา่ น มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... ................................................................................................................................ ...................... 2. นักเรยี นมีความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นักเรียนมคี วามรูเ้ กิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... .................................................................................................... .................................................. 4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... .................................................................................................................................. .................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (นางอมลสิริ คำฟ)ู ตำแหนง่ ครผู ้ชู ว่ ย

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจดั การเรยี นร้ทู ่ี 63 สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว14101 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 เรอื่ ง กจิ กรรมสะเตม็ ศึกษา (2) เวลา 1 ชว่ั โมง ครูผสู้ อน นางอมลสริ ิ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบตั ิของสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลีย่ นแปลงสถานะของสสาร การ เกิดสารละลาย และการเกิดปฏกิ ิริยาเคมี มาตรฐาน ว 4.2 เขา้ ใจและใช้แนวคิดเชงิ คำนวณในการแก้ปัญหาที่พบในชวี ติ จรงิ อยา่ งเป็นข้นั ตอนและ เป็นระบบ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในการเรียนรู้การทำงาน และการ แก้ปัญหาได้อย่างมี ประสิทธิภาพ รเู้ ทา่ ทนั และมีจรยิ ธรรม คณิตศาสตร์ มาตรฐาน ค 2.1 เข้าใจพืน้ ฐานเกีย่ วกบั การวดั และคาดคะเนขนาดสงิ่ ที่ต้องการวัดและนำไปใช้ 2. ตัวชี้วัดช้ันปี วทิ ยาศาสตร์ 1. เปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพด้านความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนำความร้อน และการนำไฟฟ้า ของวัสดุโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์จากการทดลอง และระบุการนำสมบัติเรื่องความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การ นำความร้อน และการนำไฟฟา้ ของวสั ดไุ ปใชใ้ นชวี ติ ประจำวันผ่านกระบวนการออกแบบชน้ิ งาน (ว 2.1 ป. 4/1) 2. แลกเปลี่ยนความคดิ กับผู้อนื่ โดยการอภิปรายเก่ยี วกบั สมบตั ทิ างกายภาพของวัสดุอยา่ งมีเหตุผลจาก การทดลอง (ว 2.1 ป. 4/2) 3. ใช้อนิ เทอร์เนต็ หาความรูแ้ ละประเมินความน่าเชอื่ ถอื ของข้อมลู (ว 4.2 ป. 4/3) 4. ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย เข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตน เคารพในสิทธิของผู้อื่นแจ้ง ผู้เก่ียวขอ้ งเม่ือพบขอ้ มลู หรือบคุ คลท่ีไมเ่ หมาะสม (ว 4.2 ป. 4/5) คณติ ศาสตร์ เลือกใช้เคร่ืองวัดความยาวท่เี หมาะสมวัดและบอกความยาวของสง่ิ ตา่ ง ๆ เป็นเซนตเิ มตรและมลิ ลิเมตร เมตรและเซนติเมตร (ค 2.1 ป. 3/3) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. เปรยี บเทียบ ทดลอง และระบสุ มบตั ทิ างกายภาพของวัสดุได้ (K) 2. ออกแบบและสรา้ งช้นิ งานจากวสั ดุต่างๆ ได้อยา่ งเหมาะสม (K) 3. มคี วามสนใจใฝร่ ู้หรืออยากรูอ้ ยากเหน็ (A) 4. ทำงานร่วมกบั ผูอ้ ่นื อย่างสร้างสรรค์ (A) 5. ส่ือสารและนำความร้เู รื่องกิจกรรมสะเต็มศึกษาไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั ได้ (P)

แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 4. สาระสำคญั วัสดุแตล่ ะชนิดมีสมบตั เิ ฉพาะตวั ที่แตกต่างกนั สมบตั ิทางกายภาพของวสั ดุ ไดแ้ ก่ สภาพยืดหยนุ่ ความ แขง็ ความเหนยี ว การนำความรอ้ น และการนำไฟฟา้ 5. สาระการเรยี นรู้ กจิ กรรมสะเต็มศึกษา (STEM) • วิทยาศาสตร์ 1. วัสดุแตล่ ะชนิดมสี มบตั ทิ างกายภาพแตกต่างกัน วสั ดุทม่ี คี วามแขง็ จะทนตอ่ แรงขดู ขีด วัสดทุ ม่ี สี ภาพ ยืดหยุ่นจะเปลี่ยนแปลงรูปร่างเมื่อมีแรงมากระทำและกลับสภาพเดิมได้ วัสดุที่นำความร้อนจะร้อนได้เร็วเม่ือ ได้รับความร้อน และวัสดุที่นำไฟฟ้าได้จะให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ ดังนั้นจึงอาจนำสมบัติต่างๆ มาพิจารณา เพื่อใชใ้ นกระบวนการออกแบบชิน้ งานเพื่อใช้ประโยชนใ์ นชีวติ ประจำวนั 2. การใช้คำค้นที่ตรงประเด็น กระชับ จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและตรงตามความต้องการ การ ประเมินความน่าเชื่อถือของข้อมูล เช่น พิจารณาประเภทของเว็บไซต์ (หน่วยงานราชการสำนักข่าว องค์กร) ผเู้ ขยี น วนั ที่เผยแพรข่ ้อมลู การอ้างอิง เมอื่ ได้ข้อมูลทีต่ อ้ งการจากเว็บไซต์ตา่ งๆ จะต้องนำเน้อื หามาพิจารณา เปรยี บเทียบ แล้วเลือกขอ้ มลู ท่ีมี ความสอดคลอ้ งและสมั พันธ์กัน การทำรายงานหรือการนำเสนอข้อมูลจะต้องนำข้อมูลมาเรียบเรียง สรปุ เปน็ ภาษาของตนเองท่ี เหมาะสมกบั กลมุ่ เป้าหมายและวธิ ีการนำเสนอ (บูรณาการกบั วิชาภาษาไทย) 3. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างปลอดภัย เข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตน เคารพในสิทธิของผู้อื่น เช่น ไม่สร้างข้อความเท็จและส่งให้ผูอ้ ื่น ไม่สร้างความเดือดรอ้ นต่อผู้อื่นโดยการส่งสแปม ข้อความลูกโซ่ ส่งต่อ โพสตท์ ี่มีข้อมูลส่วนตวั ของผ้อู นื่ สง่ คำเชญิ เล่นเกม ไมเ่ ขา้ ถงึ ข้อมูลสว่ นตวั หรือการบ้านของบุคคลอนื่ โดยไม่ได้รับ อนุญาต ไม่ใช้เคร่อื งคอมพวิ เตอร์/ชอื่ บัญชีของผอู้ นื่ การสื่อสารอย่างมมี ารยาทและรูก้ าลเทศะ การปกป้องข้อมูลสว่ นตวั เชน่ การออกจากระบบเม่อื เลิกใช้งาน ไมบ่ อกรหสั ผา่ น ไม่บอกเลขประจำตัว ประชาชน กจิ กรรมสะเตม็ ศึกษา (STEM) • คณิตศาสตร์ ความยาว การวดั ความยาวเปน็ เซนตเิ มตรและมิลลเิ มตร เมตรและเซนติเมตร กิโลเมตรและเมตร การเลอื กเคร่อื งวัดความยาวท่ีเหมาะสม 6. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี ินัย 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน 4. มจี ิตวิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 7. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนินชีวติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ชิ้นงานหรอื ภาระงาน โคมเทียนบังลม 9. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั นำเขา้ สูบ่ ทเรยี น 1) ครูสนทนารว่ มกบั นกั เรียนเกย่ี วกบั ประสบการณเ์ ดิม โดยใชค้ ำถามกระต้นุ ดังน้ี – นกั เรียนเคยไปเวยี นเทยี นท่ีวดั หรือไม่ (แนวคำตอบ เคย) – เมื่อนักเรียนเดินเวียนเทียนรอบโบสถ์โดยจุดไฟให้เกิดเปลวเทียนจะพบปัญหาใด (แนวคำตอบ ลมพัดทำใหเ้ ปลวเทียนดับและนำ้ ตาเทียนหยดลงพืน้ ) – ถ้าให้นักเรียนเลือกแก้ไขปัญหานี้ นักเรียนจะแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการใด (แนวคำตอบ ทำ สิง่ ประดิษฐท์ ่ีสามารถบงั ลมไมใ่ หเ้ ปลวเทียนดบั และสามารถป้องกันหยดน้ำตาเทียนหยดลงพนื้ ) 2) ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายคำตอบเกี่ยวกับคำถาม เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า สิ่งประดิษฐ์ที่สามารถ บงั ลมไมใ่ หเ้ ปลวเทียนดับและสามารถป้องกันหยดน้ำตาเทียนหยดลงพน้ื คืออะไร ขั้นจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ (1) ขนั้ กำหนดปัญหา จัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้กระบวนการออกแบบสิ่งประดิษฐ์ (กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม) ซง่ึ มขี ั้นตอนดังนี้ (1) ครูนำเข้าสกู่ ารกำหนดปัญหา โดยใชค้ ำถามกระตุ้นดังน้ี – ถ้านักเรียนไมต่ อ้ งการใหเ้ ปลวเทยี นดับและน้ำตาเทยี นหยดลงพ้นื ขณะเดินเวียนเทยี นรอบโบสถ์ นักเรยี นจะมวี ิธีแก้ไขปัญหาน้อี ย่างไร (2) นักเรียนร่วมกันอภิปรายเก่ยี วกับคำตอบจากคำถามของครูตามประสบการณ์ของนกั เรยี น (3) ครใู ห้นักเรยี นอา่ นเรื่องตวั อยา่ งจากหนังสอื เรยี นรายวชิ าพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ป.4

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู โคมเทียนบังลม (4) ครูนำอภปิ รายกบั นักเรยี นต่อ โดยใช้คำถามกระตุ้นดงั น้ี – จากสถานการณ์ตัวอย่าง ถ้านักเรียนต้องการเวียนเทียนแต่ไม่อยากให้เปลวเทียนดับ และ นำ้ ตาเทยี นไม่หยดลงบนพ้ืน นกั เรียนจะแก้ปัญหานอี้ ยา่ งไร (แนวคำตอบ ทำโคมเทยี นบังลมจากวัสดุตา่ ง ๆ) – ถ้านักเรียนต้องการทำโคมเทียนบังลมจากวัสดุต่าง ๆ โดยให้นักเรียนเตรียมวัสดุ อุปกรณ์ นกั เรียนคิดว่าจะนำวสั ดเุ หล่านม้ี าทำโคมเทยี นบงั ลมไดห้ รือไม่ ลกั ษณะใด (5) นักเรยี นร่วมกันอภปิ รายเกีย่ วกับคำตอบจากคำถามของครูตามประสบการณข์ องนกั เรียน (2) ขัน้ รวบรวมขอ้ มูลและแนวคดิ ทเ่ี กีย่ วข้องกับปัญหา (1) ครูทบทวนความรเู้ ดิมเร่ือง สมบตั ทิ างกายภาพของวัสดุ โดยครใู ห้นกั เรยี นสงั เกตตัวอย่างวัสดุซ่ึงครู ได้จัดเตรียมและวางไวค้ ละกันหน้าชน้ั เรียน แลว้ ให้นกั เรียนช่วยกันระบแุ ละจำแนกวสั ดเุ หล่านี้ โดยครใู ช้คำถาม ดังน้ี – วัสดุแต่ละชิ้นทำมาจากอะไร มีสมบัติทางกายภาพอย่างไร (แนวคำตอบ ไม้ พลาสติก โลหะ และกระดาษ ซ่ึงไม้ พลาสติก และกระดาษ เป็นฉนวนความร้อน ส่วนโลหะเป็นตัวนำความรอ้ น) – วสั ดชุ นดิ ใดไม่สามารถนำความรอ้ น (แนวคำตอบ ไม้ พลาสตกิ และกระดาษ)

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู (2) ครทู บทวนสถานการณต์ ัวอยา่ งทใี่ ห้นกั เรียนแกป้ ญั หาอีกคร้ัง แล้วถามคำถามดงั นี้ – จากสถานการณ์ตัวอย่าง นักเรียนจะนำความรู้ทางวิทยาศาสตร์เรื่องสมบัติทางกายภาพของ วัสดุมาใช้ในการแก้ปัญหานีไ้ ด้หรือไม่ ลกั ษณะใด – มคี วามรู้ด้านใดอกี หรอื ไมท่ ตี่ ้องใช้ในการแกป้ ัญหาน้ี (3) นักเรยี นร่วมกันอภิปรายเก่ียวกับคำตอบจากคำถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรยี น (4) ครูให้นักเรียนร่วมกันค้นคว้าและรวบรวมข้อมูลความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และ เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการทำโคมเทียนบังลมจากแหล่งข้อมูลต่างๆ โดยครูแนะนำวิธีรวบรวมข้อมูลจ าก แหลง่ ข้อมลู ตา่ งๆ ให้นักเรยี นทราบ เชน่ การสำรวจข้อมูลจากแหลง่ ขอ้ มูลท่ีบา้ น หรือโรงเรียน การสืบคน้ ข้อมูล ทางอินเทอรเ์ นต็ หรือห้องสมุด การสอบถามจากผปู้ กครอง เพื่อน หรือผ้รู ู้ (5) ครูนำอภิปรายรว่ มกบั นักเรียนเกี่ยวกับความรู้ท่ีเกีย่ วข้องกับวทิ ยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ เทคโนโลยี และกระบวนการออกแบบสิ่งประดิษฐ์ (กระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม) ที่ค้นคว้าได้และนำมาใช้ในการ แก้ปญั หาน้ีเพ่อื ใหไ้ ดข้ อ้ สรุปรว่ มกัน ดงั นี้ S: วทิ ยาศาสตร์ T: เทคโนโลยี • เทียนไขเป็นของแข็ง เมื่อจุดไฟ เทียนไขจะ • โคมเทียนบังลมเป็นสิ่งประดิษฐ์ใหม่ที่ช่วยกันลม หลอมเหลวเป็นหยด เรียกวา่ นำ้ ตาเทียน ไม่ใหเ้ ทียนดับได้ • ลมทำให้เปลวเทียนไขดับได้ เมื่อมีวัสดมุ ากัน้ การ • กรรไกรเป็นเคร่ืองกลทีช่ ว่ ยผ่อนแรง ทำให้เราตัด เคลอื่ นที่ของลม เปลวเทยี นจะไมด่ ับ วสั ดเุ ป็นรปู รา่ งตามตอ้ งการได้ • พลาสติกเป็นวัสดุที่ไม่นำความร้อน แข็ง และ • ปืนกาวใช้ในการติดวัสดุที่น้ำหนักเบาเข้าด้วยกนั หลอมเหลวเมอื่ ได้รับความรอ้ นสูง โดยให้ความร้อนกับกาวแท่งด้วยกระแสไฟฟ้า • โลหะเป็นวัสดุทแ่ี ข็งและนำความร้อน • กระดาษเป็นวัสดุที่ไม่นำความร้อนติดไฟง่าย และไม่แขง็ แรง E: วิศวกรรมศาสตร์ M: คณติ ศาสตร์ • การออกแบบ สร้าง ทดสอบ และปรับปรุงโคม • การวัดเส้นผ่านศูนย์กลางของเทียนไขเพื่อ เทียนบังลม กำหนดขนาดของโคมเทยี นบังลม • การวัดความสูงของเทียนเพื่อกำหนดความสูง ของสว่ นบงั ลมของโคมเทยี นบงั ลม • เทียบอัตราส่วนท่ีเหมาะสมของความสูงของส่วน บังลมกบั ส่วนแกนทใี่ ชถ้ ือโคมเทียนบงั ลม

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู (6) ครูนำอภิปรายเกีย่ วกับวธิ ที ำโคมเทียนบงั ลมจากขอ้ มูลที่นกั เรียนคน้ ควา้ ได้ โดยถามคำถามดงั น้ี – จากข้อมูลที่นักเรียนค้นคว้าได้ นักเรียนพบวิธีทำโคมเทียนบังลมวิธีใดบ้าง (แนวคำตอบ การ ประดษิ ฐโ์ คมเทยี นบงั ลม) – นกั เรียนเลือกวธิ นี ้เี พราะอะไร (แนวคำตอบ เพราะการประดิษฐ์โคมเทียนบังลม ช่วยบังลมไมใ่ ห้ เปลวเทียนดบั และปอ้ งกันหยดน้ำตาเทียนหยดลงบนพ้นื ได้) – การทำโคมเทียนบังลมมีข้อดีและข้อเสียอย่างไร (แนวคำตอบ ข้อดี ช่วยบังลมไม่ใหเ้ ปลวเทียน ดบั และป้องกันหยดน้ำตาเทยี นหยดลงพ้นื ข้อเสีย โคมเทียนบังลมอาจไมส่ ามารถป้องกันไม่ให้เปลวเทียนดับได้ เนื่องจากแรงลมท่ไี มค่ งท)่ี – การใช้พลาสติกทำโคมเทียนบังลมมีข้อดีและข้อเสียอย่างไร (แนวคำตอบ ข้อดี พลาสติกเป็น วัสดุท่ีหาไดง้ ่าย แข็ง และไม่นำความรอ้ น ข้อเสีย พลาสติกอาจเกิดการหลอมเหลวเมอื่ ได้รบั ความรอ้ นสูง) (7) ครูและนักเรียนสรุปร่วมกันเกี่ยวกับวัสดุที่ใช้ทำโคมเทียนบังลม โดยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า วสั ดแุ ตล่ ะชนิดมขี ้อดี ขอ้ เสยี แตกตา่ งกัน เพือ่ ใหน้ ักเรียนได้ข้อสรุปดังนี้ ส่ิงประดิษฐ์ ทางเลอื ก ข้อดี ข้อเสีย โคมเทียนบังลม ทำจากพลาสตกิ – หาวสั ดงุ ่าย – หลอมเหลวเมอ่ื ได้รบั ทำจากโลหะ – แข็ง ความร้อนสงู ทำจากกระดาษ – ไม่นำความรอ้ น – ตัดยาก – แขง็ – เม่อื ตัดแล้วจะมีคม – อาจบาดมือได้ – มีสสี ัน – นำความร้อน – ตดั เป็นรูปร่างต่าง ๆ – ตดิ ไฟงา่ ย ไดง้ ่าย – ไมแ่ ขง็ แรง – ไมน่ ำความรอ้ น (3) ขัน้ ออกแบบวิธีการแกป้ ัญหา (1) ครูทบทวนสถานการณต์ วั อย่างทีใ่ หน้ กั เรียนแก้ปญั หาอีกคร้งั โดยใชค้ ำถามกระตุ้น ดังน้ี – ถ้านักเรียนต้องการประดิษฐ์โคมเทียนบังลมเพื่อแก้ปัญหานี้ นักเรียนจะออกแบบและประดิษฐ์ โคมเทยี นบงั ลมอยา่ งไรจากวสั ดุ อปุ กรณ์ทน่ี กั เรียนเตรยี มมา (2) แต่ละกลุ่มร่วมกันออกแบบโคมเทียนบังลมจากวัสดุ อุปกรณ์ทน่ี กั เรยี นเตรยี มมา โดยเขยี นเป็นภาพ ร่างของชนิ้ งานตามความคิดเห็นของแตล่ ะกลุ่ม (3) นักเรยี นออกแบบชิ้นงานลงในใบกจิ กรรมสะเตม็ ศึกษาเร่ือง โคมเทยี นบังลม (4) ขนั้ วางแผนและดำเนินการแก้ปัญหา (1) ครูให้นักเรียนศึกษาลำดับขั้นตอนในการสร้างชิ้นงานในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานวิทยาศาสตร์ ป.4 (2) นักเรยี นลงมือสร้างชน้ิ งานตามลำดับข้ันตอนการทำงานโดยมคี รูคอยแนะนำชว่ ยเหลือ

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู (5) ขั้นทดสอบ ประเมินผล และปรบั ปรุงแก้ไขวธิ ีการหรอื ชน้ิ งาน (1) ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มทดสอบชิ้นงาน โดยครูตั้งคำถามเพื่อช่วยนักเรียนแต่ละกลุ่มในการ ตรวจสอบ ดังนี้ – ถ้านำเทียนไขติดในโคมเทียนบังลม จากนั้นแกว่งโคมเทียนบังลมไปมา นักเรียนคิดว่าจะพบ ปญั หาหรอื ไม่ – เมื่อจุดไฟเทียนไขแล้วนำโคมเทียนบังลมไปถือหน้าพัดลมห่าง 1 ฟุต นักเรียนคิดว่าเปลวเทียน จะดับหรือไม่ (2) ครูให้นกั เรียนแตล่ ะกลมุ่ นำชิ้นงานไปทดสอบ หากพบข้อบกพร่องให้แตล่ ะกลุ่มปรับปรงุ แก้ไขและ ตกแตง่ ชิ้นงานให้เรียบรอ้ ยและสวยงาม (6) ข้นั นำเสนอวธิ กี ารแก้ปัญหา ผลการแก้ปญั หา หรือชิ้นงาน (1) ครใู หน้ ักเรยี นแตล่ ะกลุ่มนำเสนอผลงานของกลมุ่ ตนเองว่าไดผ้ ลลพั ธ์เปน็ อย่างไร และมีการปรับปรุง แกไ้ ขใหด้ ีข้นึ อย่างไร (2) ครูและนกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายในประเดน็ ต่างๆ โดยใช้แนวคำถามตอ่ ไปน้ี – ช้นิ งานท่นี กั เรียนออกแบบใช้วสั ดุอะไร เพราะเหตุใดจงึ ใชว้ ัสดุเหล่าน้ี – นกั เรียนสามารถสรา้ งชิ้นงานได้ตามท่อี อกแบบไว้หรือไม่ อย่างไร – นกั เรียนทดสอบช้นิ งานด้วยวธิ ีใด – หลังจากทดสอบช้ินงานแล้วมีการปรับปรุงแกไ้ ขอีกหรอื ไม่ ถ้ามี นักเรียนปรับปรุงแก้ไขอย่างไร – นกั เรียนรู้สึกอย่างไรกบั การปฏิบตั กิ ิจกรรมครั้งนี้ ข้นั สรปุ 1) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยให้แต่ละกลุ่มอภิปรายว่าได้เรียนรู้อะไร เก่ยี วกับความรู้ทางวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และเทคโนโลยี 2) ครมู อบหมายใหน้ กั เรยี นไปปฏบิ ัตกิ ิจกรรมสะเตม็ ศกึ ษาตามขน้ั ตอนที่ไดเ้ รียนร้ผู ่านมา โดยให้ แต่ละ กลุ่มเลือกปัญหาที่ต้องการแก้ไขอย่างอิสระ แล้วกำหนดเป็นปัญหาเพียง 1 เรื่องที่เกี่ยวข้องกับสมบัติทาง กายภาพของวัสดุ หมายเหตุ ใช้เวลาในการจดั กิจกรรมการเรียนรทู้ ั้งหมด 4 ช่วั โมง – ขั้นที่ 1 – 2 ใช้เวลา 1 ชั่วโมง (เริ่มตั้งแต่ขั้นกำหนดปัญหาและขั้นรวบรวมข้อมูลและแนวคิดท่ี เก่ียวขอ้ งกบั ปัญหา) – ขั้นที่ 3 – 6 ใช้เวลา 3 ชั่วโมง (เริ่มตั้งแต่ขั้นออกแบบวิธีการแก้ปัญหา ขั้นวางแผนและ ดำเนินการแก้ปัญหา ขั้นทดสอบ ประเมินผล และปรับปรุงแก้ไขวิธีการหรือชิ้นงาน และขั้นนำเสนอวิธีการ แก้ปญั หา ผลการแก้ปัญหา หรือชนิ้ งาน โดยครสู ามารถจัดกจิ กรรมการเรียนรูน้ อกเวลาเรยี นได้) 10. สื่อการเรยี นรู้ 1. ใบกจิ กรรมสะเต็มศึกษาเรอื่ ง โคมเทยี นบังลม 2. อินเทอร์เนต็ 3. ค่มู อื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 4. สอ่ื การเรียนรู้ PowerPoint วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 5. แบบฝกึ ทักษะรายวชิ าพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 4

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 6. หนงั สือเรียนรายวชิ าพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ่ี 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรเู้ รื่องสมบัติของ วสั ดุ 1. ประเมินเจตคติทางวิทยาศาสตร์ 1. ประเมินทักษะการทำงาน 2. ตรวจชน้ิ งานหรอื ภาระงานของ เปน็ รายบุคคลโดยการสงั เกต โดยใช้แบบประเมินทักษะ กจิ กรรมฝึกทักษะระหว่างเรยี น และใชแ้ บบวดั เจตคติทาง การทำงานกิจกรรมสะเต็ม วิทยาศาสตร์ ศกึ ษา 2. ประเมินเจตคตติ ่อวทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย เป็นรายบุคคลโดยการสังเกต การสงั เกตการทำงานกล่มุ และใชแ้ บบวัดเจตคตติ ่อ 3. ประเมินทักษะการ วิทยาศาสตร์ แก้ปญั หาโดยการสังเกตการ ทำงานกล่มุ 4. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏิบตั กิ จิ กรรมเปน็ รายบคุ คลหรอื รายกลุ่ม โดยการสังเกตการทำงาน กล่มุ

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู.้ .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู.้ .................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. นักเรยี นนีไ่ ม่ผา่ น มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................... ....................... 2. นักเรยี นมีความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นักเรียนมคี วามรูเ้ กิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ................................................................................................... ................................................... 4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ................................................................................................................................. ..................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (นางอมลสิริ คำฟ)ู ตำแหนง่ ครูผู้ช่วย

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 64 สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4 หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3 เรือ่ ง การนำไฟฟ้า (1) เวลา 1 ชวั่ โมง ครผู ้สู อน นางอมลสริ ิ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบตั ิของสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การ เกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี 2. ตัวชี้วดั ชน้ั ปี 1. เปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพด้านความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนำความร้อน และการนำไฟฟ้า ของวัสดุโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์จากการทดลอง และระบุการนำสมบัติเรื่องความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การ นำความร้อน และการนำไฟฟา้ ของวสั ดุไปใช้ในชวี ิตประจำวันผ่านกระบวนการออกแบบชิ้นงาน (ว 2.1 ป. 4/1) 2. แลกเปลีย่ นความคิดกับผู้อืน่ โดยการอภิปรายเกยี่ วกับสมบัติทางกายภาพของวสั ดุอย่างมีเหตุผลจาก การทดลอง (ว 2.1 ป. 4/2) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อภปิ รายและเปรียบเทียบสมบัตขิ องวัสดุด้านการนำไฟฟา้ ได้ (K) 2. ระบุวสั ดทุ ีเ่ ปน็ ตวั นำไฟฟา้ และฉนวนไฟฟ้าได้ (K) 3. มคี วามสนใจใฝ่รู้หรืออยากรอู้ ยากเหน็ (A) 4. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรู้ทีเ่ กยี่ วกับวิทยาศาสตร์ (A) 5. การทำงานรว่ มกับผ้อู ืน่ อย่างสร้างสรรค์ (A) 6. ส่อื สารและนำความร้เู รื่องสมบตั ขิ องวสั ดดุ า้ นการนำไฟฟา้ ไปใชใ้ นชวี ิตประจำวนั ได้ (P) 4. สาระสำคญั วสั ดุทีย่ อมให้กระแสไฟฟ้าไหลผา่ นได้ดี เรียกวา่ ตัวนำไฟฟ้า ส่วนวสั ดุท่ีกระแสไฟฟ้าไมส่ ามารถไหล ผ่านได้หรอื ผา่ นไดไ้ ม่ดี เรยี กว่า ฉนวนไฟฟา้ 5. สาระการเรียนรู้ สมบตั ิของวสั ดุ – การนำไฟฟา้ 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน 4. มจี ติ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 7. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชนิ้ งานหรือภาระงาน สืบคน้ ขอ้ มูลเก่ียวกบั การนำไฟฟา้ ของวัสดุ 9. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นำเขา้ สบู่ ทเรยี น 1) ครูทบทวนความรูเ้ ดมิ เกี่ยวกบั สมบัติของวสั ดุ โดยใช้คำถามดงั น้ี – สมบัติของวัสดุมีอะไรบ้าง (แนวคำตอบ สภาพยืดหยุ่น ความแข็ง ความเหนียว และการนำ ความรอ้ น) – นอกจากสมบตั ขิ องวสั ดุดังกลา่ ว ยงั มสี มบัติของวสั ดดุ ้านอ่นื อกี หรือไม่ ด้านใด (แนวคำตอบ มี ด้านการนำไฟฟา้ ) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำตอบของคำถาม เพื่อเชื่อมโยงไปสู่ การเรยี นร้เู รอื่ ง การนำไฟฟา้ ขั้นจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรยี นรโู้ ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ซงึ่ มขี นั้ ตอนดงั นี้ (1) ขั้นสรา้ งความสนใจ (1) ครถู ามคำถามนักเรยี นเพื่อกระตุ้นความสนใจ เชน่ – นกั เรียนรจู้ ักวัสดุทีน่ ำไฟฟ้าได้หรือไม่ (แนวคำตอบ รจู้ ัก) – วสั ดชุ นิดใดท่สี ามารถนำไฟฟ้าได้ (แนวคำตอบ เหล็ก สเตนเลส และอะลูมเิ นยี ม) (2) นักเรียนร่วมกันอภปิ รายเก่ยี วกับคำตอบจากคำถามของครูตามประสบการณข์ องนักเรียน (2) ขัน้ สำรวจและคน้ หา (1) ให้นักเรียนศึกษาเรื่องสมบัติของวัสดุด้านการนำไฟฟ้าจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครู ช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า วัสดุที่ยอมให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านได้ดี เรียกว่า ตัวนำไฟฟ้า ส่วนวัสดุท่ี กระแสไฟฟ้าไมส่ ามารถไหลผา่ นไดห้ รือผ่านได้ไม่ดี เรียกวา่ ฉนวนไฟฟ้า (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการนำไฟฟ้าของวัสดุ โดยดำเนินการ ตามขั้นตอนดังน้ี – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อการนำไฟฟ้าของวัสดุเป็นหัวข้อย่อย เช่น วสั ดทุ ีเ่ ปน็ ตวั นำไฟฟ้า วัสดุท่เี ปน็ ฉนวนไฟฟ้า ให้สมาชกิ แตล่ ะกลมุ่ ช่วยกันสบื ค้นตามหัวขอ้ ทกี่ ำหนด – สมาชกิ แตล่ ะกลุ่มชว่ ยกันสืบคน้ ข้อมูลตามหวั ข้อทก่ี ลุ่มของตนเองรับผดิ ชอบโดยการสืบค้นจาก หนงั สือ วารสาร สารานกุ รมวิทยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน และอินเทอรเ์ น็ต – สมาชิกกลุม่ นำข้อมลู ทสี่ ืบค้นได้มารายงานให้เพื่อนๆ สมาชิกในกลุม่ ฟัง รวมทั้งร่วมกันอภิปราย ซักถามจนคาดวา่ สมาชกิ ทุกคนมคี วามร้คู วามเขา้ ใจทตี่ รงกนั – สมาชิกกลุ่มชว่ ยกันสรุปความร้ทู ่ีได้ทง้ั หมดเป็นผลงานของกลุ่ม

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู (3) ครคู อยแนะนำช่วยเหลือนักเรยี นขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเดนิ ดูรอบๆ หอ้ งเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ ักเรียนทกุ คนซักถามเมอื่ มปี ัญหา (3) ขั้นอธิบายและลงข้อสรปุ (1) นกั เรยี นแตล่ ะกลุ่มส่งตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมหน้าห้องเรยี น (2) นกั เรยี นและครูร่วมกันอภปิ รายและหาข้อสรปุ จากการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม โดยใช้แนวคำถามตอ่ ไปนี้ – วัสดุที่เป็นตวั นำไฟฟา้ ไดแ้ ก่อะไรบา้ ง (แนวคำตอบ เหลก็ อะลมู เิ นียม ทองแดง และไส้ดนิ สอ) – วัสดุทเ่ี ปน็ ฉนวนไฟฟ้าไดแ้ ก่อะไรบา้ ง (แนวคำตอบ แก้ว ไม้ ยาง และพลาสตกิ ) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัตกิ ิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรยี นเข้าใจว่าวัสดุแต่ละชนิดมี ความสามารถในการนำไฟฟ้าแตกต่างกัน (4) ขนั้ ขยายความรู้ ครใู ห้นักเรยี นสบื ค้นขอ้ มลู เก่ยี วกับการปอ้ งกนั อนั ตรายจากไฟฟ้าดดู จากหนงั สอื วารสาร วิทยาศาสตร์ หรือเว็บไซต์ แล้วจัดปา้ ยนเิ ทศเพ่ือเผยแพร่ความรู้ (5) ขน้ั ประเมิน (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบา้ งที่ยังไม่ เข้าใจหรือยงั มขี ้อสงสัย ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพ่ิมเติมให้นกั เรียนเข้าใจ (2) นักเรียนร่วมกนั ประเมนิ การปฏิบัตกิ จิ กรรมกลุม่ วา่ มปี ัญหาหรืออุปสรรคใดและได้แกไ้ ขอย่างไรบ้าง (3) ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั ประโยชน์ทไี่ ดร้ ับจากการปฏบิ ัติกจิ กรรมและการ นำความร้ไู ปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นโดยถามคำถามนกั เรยี น เชน่ – วสั ดทุ ย่ี อมให้กระแสไฟฟา้ ไหลผา่ นได้ดเี รยี กวา่ อะไร – วัสดทุ ี่กระแสไฟฟ้าไม่สามารถไหลผ่านไดห้ รือผ่านได้ไมด่ ีเรียกว่าอะไร ขั้นสรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับสมบัติของวัสดุด้านการนำไฟฟ้า โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ี ความคดิ หรือผังมโนทัศน์ 10. สื่อการเรียนรู้ 1. หนงั สอื วารสาร สารานกุ รมวทิ ยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสำหรบั เยาวชน เวบ็ ไซต์ และอินเทอร์เน็ต 2. คมู่ อื การสอน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 3. ส่อื การเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 4. แบบฝึกทกั ษะรายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 5. หนงั สือเรยี นรายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 4

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรู้เร่ือง สมบัติของ วัสดดุ ้านการนำไฟฟา้ 1. ประเมนิ เจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ 1. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย 2. ตรวจชน้ิ งานหรือภาระงานของ เป็นรายบคุ คลโดยการสังเกต การสังเกตการทำงานกลุ่ม กจิ กรรมฝกึ ทกั ษะระหว่างเรียน และใช้แบบวดั เจตคติทาง 2. ประเมินพฤติกรรมในการ วทิ ยาศาสตร์ ปฏิบตั กิ ิจกรรมเปน็ 2. ประเมนิ เจตคติตอ่ วทิ ยาศาสตร์ รายบคุ คลหรอื รายกลุ่มโดย เป็นรายบุคคลโดยการสังเกต การสงั เกตการทำงานกลมุ่ และใชแ้ บบวดั เจตคติต่อ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู.้ .....................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้..................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. นกั เรยี นนไ่ี มผ่ ่าน มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ........................................................................................... ........................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจ (K) ........................................................................................................................................ .............. ..................................................................................................................... ................................. 3. นักเรยี นมีความร้เู กิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรียนมเี จตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................. ......................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชือ่ .................................................. (นางอมลสริ ิ คำฟ)ู ตำแหน่ง ครผู ้ชู ว่ ย

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 65 สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4 หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 3 เรอ่ื ง การนำไฟฟ้า (2) เวลา 1 ชวั่ โมง ครผู ้สู อน นางอมลสิริ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบตั ิของสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนภุ าค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การ เกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี 2. ตัวชี้วดั ชน้ั ปี 1. เปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพด้านความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การนำความร้อน และการนำไฟฟ้า ของวัสดุโดยใช้หลักฐานเชิงประจักษ์จากการทดลอง และระบุการนำสมบัติเรื่องความแข็ง สภาพยืดหยุ่น การ นำความร้อน และการนำไฟฟา้ ของวสั ดุไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวันผา่ นกระบวนการออกแบบช้ินงาน (ว 2.1 ป. 4/1) 2. แลกเปลีย่ นความคิดกับผู้อืน่ โดยการอภปิ รายเกีย่ วกบั สมบัติทางกายภาพของวัสดุอยา่ งมีเหตุผลจาก การทดลอง (ว 2.1 ป. 4/2) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อภปิ รายและเปรียบเทียบสมบัตขิ องวัสดุดา้ นการนำไฟฟา้ ได้ (K) 2. ระบุวสั ดทุ ีเ่ ปน็ ตวั นำไฟฟา้ และฉนวนไฟฟ้าได้ (K) 3. มคี วามสนใจใฝ่รู้หรืออยากรอู้ ยากเห็น (A) 4. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรูท้ ่เี กี่ยวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 5. การทำงานรว่ มกับผ้อู ืน่ อย่างสร้างสรรค์ (A) 6. ส่อื สารและนำความร้เู รื่องสมบตั ิของวสั ดุด้านการนำไฟฟา้ ไปใชใ้ นชีวติ ประจำวันได้ (P) 4. สาระสำคญั วสั ดุทีย่ อมให้กระแสไฟฟ้าไหลผา่ นได้ดี เรยี กว่า ตวั นำไฟฟ้า ส่วนวัสดทุ ีก่ ระแสไฟฟา้ ไม่สามารถไหล ผ่านได้หรอื ผา่ นไดไ้ ม่ดี เรยี กว่า ฉนวนไฟฟา้ 5. สาระการเรียนรู้ สมบตั ิของวสั ดุ – การนำไฟฟา้ 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน 4. มจี ติ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 7. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนนิ ชวี ติ 8. ชนิ้ งานหรือภาระงาน สงั เกตสมบตั ดิ ้านการนำไฟฟา้ ของวสั ดุ 9. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ขนั้ นำเข้าสูบ่ ทเรียน 1) ครชู ้ีสายไฟฟ้าทม่ี อี ยูใ่ นหอ้ งเรยี น แล้วถามคำถามนกั เรียน ดังนี้ – สายไฟฟ้าทำหน้าที่อะไร (แนวคำตอบ ทำหน้าที่ส่งพลังงานไฟฟ้าจากที่หน่ึงไปยังอีกที่หน่ึงโดย กระแสไฟฟา้ จะนำพลงั งานไฟฟ้าไหลผ่านไปตามสายไฟฟ้าจนถึงเคร่ืองใชไ้ ฟฟา้ ชนดิ ตา่ งๆ) – วัสดุอะไรเหมาะสำหรับทำ สายไฟฟ้า (แนวคำตอบ วัสดุที่ใช้ทำภายนอกของสายไฟฟ้า เช่น ยางและพลาสตกิ ท่ีทนความรอ้ น วัสดุทใี่ ช้ทำภายในของสายไฟฟ้า เช่น ทองแดงและอะลูมิเนยี ม) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำตอบของคำถาม เพื่อเชื่อมโยงไปสู่ การเรียนรู้เรอื่ ง การนำไฟฟ้า ข้นั จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ จดั กิจกรรมการเรยี นร้โู ดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซ่ึงมขี ้ันตอนดังน้ี (1) ข้นั สร้างความสนใจ (1) ครูถามคำถามนักเรยี นเพื่อกระตุน้ ความสนใจ เชน่ – การนำไฟฟา้ ของวสั ดคุ ืออะไร (แนวคำตอบ สมบัตทิ ี่แสดงถงึ การยอมให้ไฟฟา้ ไหลผา่ น) – วัสดุทีน่ ำไฟฟา้ ได้มีอะไรบ้าง (แนวคำตอบ เหล็ก ทองแดง และอะลมู ิเนยี ม) (2) นกั เรียนรว่ มกันอภปิ รายเกยี่ วกบั คำตอบจากคำถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรียน (2) ขน้ั สำรวจและคน้ หา (1) แบ่งกลุ่มนักเรียน ปฏิบัติกิจกรรมที่ 21 สังเกตสมบัติด้านการนำไฟฟ้าของวัสดุ แต่ละกลุ่มปฏิบัติ กิจกรรมตามขนั้ ตอนทีไ่ ด้วางแผนไว้ ดังน้ี – แบ่งกล่มุ นักเรยี น กลุ่มละ 5 – 6 คน – แตล่ ะกลมุ่ ตอ่ หลอดไฟฟ้าเข้ากับถ่านไฟฉาย และปลอ่ ยปลายสายไฟฟา้ ทั้ง 2 ข้างไว้ – ลองเอาปลายสายไฟฟา้ ทั้ง 2 ข้างมาแตะกนั สังเกตหลอดไฟฟา้ วา่ เกดิ อะไรขน้ึ – นำวสั ดตุ ่างๆ มาแตะกับปลายสายไฟฟ้าทัง้ สองพร้อมๆ กนั สังเกตความสวา่ งของหลอดไฟฟ้า – เหลาดินสอดำทั้ง 2 ข้าง นำมาแตะกับปลายสายไฟฟ้าทั้ง 2 ข้างพร้อมกัน แล้วสังเกตหลอด ไฟฟ้า

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู การทดสอบการนำไฟฟา้ ของวัสดุ (2) ครคู อยแนะนำชว่ ยเหลือนกั เรียนขณะปฏิบัตกิ ิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรยี นและเปิดโอกาส ให้นกั เรียนทุกคนซักถามเมอ่ื มปี ัญหา (3) ขัน้ อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (1) นกั เรียนแต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลการปฏบิ ัติกจิ กรรมหนา้ หอ้ งเรียน (2) นกั เรยี นและครูร่วมกนั อภปิ รายและหาขอ้ สรุปจากการปฏิบัตกิ จิ กรรม โดยใชแ้ นวคำถามต่อไปน้ี – วัสดุชนดิ ใดบา้ งท่ีทำใหห้ ลอดไฟฟา้ สว่าง (แนวคำตอบ ลวด โลหะ และไส้ดนิ สอดำ) – วสั ดจุ ำพวกโลหะเทา่ นั้นที่นำไฟฟ้าใชห่ รือไม่ เพราะอะไร (แนวคำตอบ ไม่ใช่ เพราะไส้ดินสอดำ ไม่ใชโ่ ลหะแต่นำไฟฟ้าได)้ (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า วัสดุที่ยอมให้ กระแสไฟฟ้าไหลผา่ นเป็นพวกโลหะ ส่วนวสั ดทุ ี่ไมย่ อมให้กระแสไฟฟ้าไหลผ่านไม่ใช่โลหะจะไม่นำไฟฟ้า ยกเว้น ไส้ดนิ สอดำซ่งึ สามารถนำไฟฟา้ ได้ (4) ข้ันขยายความรู้ ครูนำสายไฟฟ้าที่ไม่ใชแ้ ล้วมาใหน้ ักเรียนสังเกตดูส่วนประกอบทั้งด้านนอกและด้านในนักเรียนร่วมกนั อภิปรายว่า ทำไมด้านนอกของสายไฟฟา้ จงึ หุม้ ด้วยพลาสติก ในขณะท่ีดา้ นในทำดว้ ยทองแดง (5) ขั้นประเมิน (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบา้ งที่ยังไม่ เข้าใจหรือยงั มีข้อสงสัย ถ้ามี ครูชว่ ยอธบิ ายเพมิ่ เตมิ ใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจ (2) นกั เรียนรว่ มกนั ประเมินการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมกลมุ่ วา่ มีปัญหาหรอื อปุ สรรคใดและไดแ้ ก้ไขอย่างไรบ้าง (3) นักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรมและการนำ ความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยถามคำถามนักเรยี น เชน่ – สายไฟฟา้ ทำจากทองแดงเพราะอะไร – วัสดชุ นิดใดท่เี ป็นตวั นำไฟฟา้ และฉนวนไฟฟา้ ขน้ั สรุป 1) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับสมบัติของวัสดุด้านการนำไฟฟ้า โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ ความคิดหรือผงั มโนทศั น์ 2) ครูมอบหมายใหน้ ักเรียนไปศึกษาค้นคว้าเนื้อหาของบทเรียนชั่วโมงหน้า เพ่อื จดั การเรียนรู้คร้ังต่อไป โดยใหน้ กั เรียนศึกษาค้นคว้าลว่ งหน้าในหัวข้อสมบัติของของแข็งและของเหลว 3) ครูให้นกั เรียนเตรียมประเด็นคำถามท่ีสงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คำถาม เพอ่ื นำมาอภิปรายร่วมกัน ในชน้ั เรียนครั้งต่อไป

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 10. สื่อการเรียนรู้ 1. สายไฟฟ้าท่ีไม่ใช้แล้ว 2. ใบกจิ กรรมที่ 21 สังเกตสมบัติดา้ นการนำไฟฟา้ ของวสั ดุ 3. คู่มือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 4. ส่อื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 5. แบบฝึกทักษะรายวิชาพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 6. หนงั สอื เรียนรายวิชาพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 11. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จริยธรรมและ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) จติ วิทยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรเู้ ร่ือง สมบตั ิของ วัสดดุ ้านการนำไฟฟ้า 1. ประเมนิ เจตคติทางวิทยาศาสตร์ 1. ประเมินทักษะกระบวนการ 2. ตรวจชนิ้ งานหรอื ภาระงานของ เป็นรายบคุ คลโดยการสงั เกต ทางวิทยาศาสตร์โดยใช้แบบ กจิ กรรมฝกึ ทกั ษะระหว่างเรียน และใช้แบบวดั เจตคติทาง วดั ทกั ษะกระบวนการทาง วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ 2. ประเมนิ เจตคตติ ่อวิทยาศาสตร์ 2. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย เปน็ รายบคุ คลโดยการสังเกต การสงั เกตการทำงานกลมุ่ และใชแ้ บบวัดเจตคติต่อ 3. ประเมนิ ทักษะการ วทิ ยาศาสตร์ แก้ปญั หาโดยการสังเกตการ ทำงานกลุม่ 4. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมเป็น รายบคุ คลหรอื รายกลุม่ โดยการสงั เกตการทำงาน กลุ่ม

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรยี นจำนวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู.้ .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไมผ่ ่านจุดประสงคก์ ารเรยี นรู้..................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. นกั เรยี นนไ่ี มผ่ า่ น มีดงั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 2. นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นักเรยี นมีความรเู้ กิดทกั ษะ (P) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 4. นกั เรียนมีเจตคติ ค่านยิ ม คณุ ธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชื่อ.................................................. (นางอมลสริ ิ คำฟ)ู ตำแหน่ง ครูผูช้ ว่ ย

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 66 สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เรอื่ ง สมบตั ขิ องของแข็งและของเหลว (1) เวลา 1 ชวั่ โมง ครผู สู้ อน นางอมลสิริ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนภุ าค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การ เกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี 2. ตวั ช้ีวัดช้ันปี เปรยี บเทยี บสมบตั ขิ องสสารทั้ง 3 สถานะ จากขอ้ มลู ทไ่ี ด้จากการสังเกต มวล การต้องการท่ีอยู่ รูปร่าง และปริมาตรของสสาร (ว 2.1 ป. 4/3) 3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. ทดลอง เปรียบเทยี บ และอธบิ ายสมบัตขิ องของแขง็ และของเหลวได้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝร่ ูห้ รืออยากรูอ้ ยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนรทู้ ีเ่ ก่ียวกับวิทยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานร่วมกับผอู้ ่นื อยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. สอ่ื สารและนำความร้เู ร่ืองสมบัติของของแข็งและของเหลวไปใชใ้ นชวี ิตประจำวันได้ (P) 4. สาระสำคญั สสารทีม่ ีสถานะเปน็ ของแข็งจะมีอนภุ าคของสารอย่ชู ดิ กนั มาก มแี รงยึดเหน่ยี วระหว่างอนภุ าคมาก จึง มปี ริมาตรคงท่แี ละมรี ูปร่างที่แน่นอนเฉพาะตวั สว่ นของเหลวจะมีปริมาตรคงท่ี อนุภาคภายในอยู่หา่ งกัน รูปร่างของของเหลวจึงเปลยี่ นไปตามภาชนะทบี่ รรจุได้ 5. สาระการเรยี นรู้ สถานะของสสาร – สมบัติของของแข็ง – สมบัตขิ องของเหลว 6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน 4. มจี ติ วิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 7. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ช้ินงานหรอื ภาระงาน สืบคน้ ขอ้ มลู เกีย่ วกบั สมบัตขิ องของแขง็ และของเหลว 9. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ข้นั นำเข้าสู่บทเรยี น 1) ครูถามคำถามนักเรียนเพอื่ กระตุ้นความสนใจ เช่น – น้ำเปลี่ยนรูปร่างเป็นแบบต่างๆ ได้ เพราะอะไร (แนวคำตอบ เพราะน้ำมีสถานะเป็นของเหลว จงึ เปล่ียนรปู ร่างตามภาชนะที่บรรจุ) 2) นกั เรียนช่วยกนั ตอบคำถามและแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกบั คำตอบของคำถาม เพ่อื เชื่อมโยงไปสู่การ เรยี นรูเ้ รอื่ ง สมบัติของของแข็งและของเหลว ข้นั จัดกจิ กรรมการเรียนรู้ จดั กจิ กรรมการเรยี นรูโ้ ดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซ่ึงมขี ัน้ ตอนดงั น้ี (1) ข้ันสรา้ งความสนใจ (1) ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแล้วเปิดโอกาสให้นักเรียนในกลุ่มนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับสมบัติของของแข็ง และของเหลวที่ครูมอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพื่อนๆ ในกลุ่มฟัง จากนั้นให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมา นำเสนอขอ้ มูลหนา้ ห้องเรยี น (2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทำภาระงานที่ได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจากการจดบันทึก ของนักเรยี น และถามคำถามเกยี่ วกับภาระงาน ดังน้ี – ยางลบมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ลักษณะใด (แนวคำตอบ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เนื่องจาก ยางลบเป็นของแขง็ จึงมีรูปร่างและปริมาตรคงที่) – น้ำมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ลักษณะใด (แนวคำตอบ มีการเปลี่ยนแปลง กล่าวคือ น้ำมีการ เปลี่ยนรูปรา่ งไปตามภาชนะทบี่ รรจ)ุ (3) ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนตัง้ ประเด็นคำถามที่นักเรียนสงสัยจากการทำภาระงานอย่างน้อยคนละ 1 คำถาม ซ่งึ ครใู หน้ ักเรียนเตรียมมาล่วงหน้า และให้นักเรยี นช่วยกันตอบและแสดงความคดิ เห็น (4) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า ของแข็งมี รปู ร่างและปริมาตรคงที่ ส่วนของเหลวมีรูปร่างเปลยี่ นไปตามภาชนะที่บรรจแุ ละปรมิ าตรคงที่ (2) ข้นั สำรวจและคน้ หา (1) ให้นักเรียนศึกษาสมบัติของของแข็งและของเหลวจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วย อธิบายให้นกั เรียนเข้าใจว่า ของแขง็ มีรูปรา่ งและปริมาตรคงท่ี เน่ืองจากอนุภาคของของแขง็ อยชู่ ดิ กันมากและมี การจัดเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ ส่วนของเหลวมีรูปร่างไม่คงที่แต่มีปริมาตรคงที่ รูปร่างของของเหลวจะ เปลี่ยนแปลงไปตามภาชนะทบ่ี รรจุและมลี ักษณะไหลได้

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสมบัติของของแข็งและของเหลว โดย ดำเนนิ การตามขนั้ ตอนดังน้ี – แต่ละกลุม่ วางแผนการสบื ค้นขอ้ มูล โดยแบ่งหวั ข้อสมบตั ิของของแข็งและของเหลว เป็นหัวขอ้ ย่อย เช่น ของแข็ง ของเหลว ใหส้ มาชิกแต่ละกลุม่ ชว่ ยกนั สบื คน้ ตามหวั ข้อทกี่ ำหนด – สมาชิกแตล่ ะกลมุ่ ช่วยกันสืบค้นข้อมลู ตามหัวขอ้ ทกี่ ลมุ่ ของตนเองรบั ผิดชอบโดยการ สืบคน้ จากหนังสอื วารสาร สารานกุ รมวิทยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสำหรับเยาวชน และอนิ เทอร์เน็ต – สมาชิกกล่มุ นำข้อมูลทส่ี ืบคน้ ไดม้ ารายงานให้เพ่อื นๆ สมาชกิ ในกลมุ่ ฟัง รวมท้งั ร่วมกันอภิปราย ซักถามจนคาดวา่ สมาชิกทกุ คนมีความรคู้ วามเข้าใจทตี่ รงกนั – สมาชิกกลมุ่ ชว่ ยกันสรปุ ความร้ทู ่ีไดท้ ้งั หมดเปน็ ผลงานของกลมุ่ (3) ครคู อยแนะนำชว่ ยเหลือนักเรยี นขณะปฏบิ ัตกิ ิจกรรม โดยครูเดนิ ดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ให้นักเรยี นทุกคนซักถามเมื่อมปี ญั หา (3) ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรปุ (1) นกั เรียนแต่ละกลุม่ สง่ ตวั แทนกลุ่มนำเสนอขอ้ มลู การปฏบิ ตั กิ จิ กรรมหน้าห้องเรียน (2) นกั เรียนและครูร่วมกันอภปิ รายและหาข้อสรุปจากการปฏบิ ัติกจิ กรรม โดยใช้แนวคำถามต่อไปนี้ – วัสดชุ นดิ ใดมีสมบัตเิ ปน็ ของแข็ง (แนวคำตอบ ถงั ขยะ แก้วนำ้ ไมก้ วาด) – วัสดุชนิดใดมีสมบตั เิ ปน็ ของเหลว (แนวคำตอบ น้ำทบ่ี รรจใุ นแกว้ หรอื ขวด) (3) ครูและนักเรียนรว่ มกันสรุปผลการปฏิบัติกจิ กรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า วัสดุหรือสิง่ ของ ตา่ งๆ รอบตวั มีท้งั สมบตั ทิ เ่ี ป็นของแขง็ และของเหลว (4) ขน้ั ขยายความรู้ ครูอภิปรายเพ่มิ เตมิ เก่ียวกบั สมบตั ิของของแข็งและของเหลว แลว้ แบ่งกลุม่ นักเรยี น กลมุ่ ละ 3 – 5 คน โดยให้นักเรียนนำอุปกรณ์ที่ครูเตรียมไว้ให้ เช่น ลูกปิงปองและดินน้ำมัน มาทำแบบจำลองการจัดเรียงอนุภาค ของของแขง็ และของเหลว (5) ขัน้ ประเมิน (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบา้ งที่ยังไม่ เข้าใจหรอื ยังมขี อ้ สงสยั ถ้ามี ครชู ว่ ยอธิบายเพม่ิ เตมิ ให้นักเรยี นเขา้ ใจ (2) นักเรยี นรว่ มกนั ประเมนิ การปฏิบตั ิกจิ กรรมกลุ่มว่ามปี ญั หาหรืออปุ สรรคใดและไดแ้ กไ้ ขอย่างไรบ้าง (3) ครูและนกั เรยี นร่วมกันแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ไดร้ ับจากการปฏบิ ตั ิกิจกรรมและการ นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยถามคำถามนกั เรยี น เช่น – สาเหตุที่ทำให้ของแข็งมสี มบตั ิตา่ งจากของเหลวคืออะไร – เพราะเหตุใดของเหลวจึงเปล่ียนรูปรา่ งตามภาชนะทบี่ รรจุ ขัน้ สรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับสมบัติของของแข็งและของเหลว โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ ความคิดหรือผังมโนทัศน์

แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 10. ส่ือการเรยี นรู้ 1. ลูกปงิ ปองและดินน้ำมนั 2. หนงั สือ วารสาร สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสำหรบั เยาวชน และอินเทอร์เน็ต 3. คมู่ อื การสอน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 4. สอื่ การเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 5. แบบฝกึ ทกั ษะรายวิชาพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 6. หนังสือเรยี นรายวิชาพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) 1. ซักถามความรเู้ ร่ืองสมบัติของ จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ประเมินทักษะการคดิ โดย ของแข็งและของเหลว การสังเกตการทำงานกลมุ่ 1. ประเมินเจตคติทาง 2. ตรวจชิน้ งานหรือภาระงานของ วิทยาศาสตรเ์ ปน็ รายบคุ คล 2. ประเมนิ พฤติกรรมในการ กจิ กรรมฝึกทักษะระหว่างเรยี น โดยการสังเกตและใช้แบบวัด ปฏิบตั กิ จิ กรรมเป็น เจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ รายบุคคลหรอื รายกลุ่มโดย การสงั เกตการทำงานกล่มุ 2. ประเมินเจตคตติ ่อ วทิ ยาศาสตรเ์ ปน็ รายบุคคล โดยการสังเกตและใชแ้ บบวัด เจตคติตอ่ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรียนรู้......................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้..................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นักเรยี นนีไ่ ม่ผา่ น มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................... ....................... 2. นักเรยี นมีความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นักเรียนมคี วามรูเ้ กิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ................................................................................................... ................................................... 4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ................................................................................................................................. ..................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (นางอมลสิริ คำฟ)ู ตำแหนง่ ครูผชู้ ว่ ย

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 67 สาระการเรยี นรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เรอื่ ง สมบตั ขิ องของแข็งและของเหลว (2) เวลา 1 ชวั่ โมง ครผู สู้ อน นางอมลสิริ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ วิทยาศาสตร์ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหว่างอนภุ าค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การ เกิดสารละลาย และการเกดิ ปฏิกริ ยิ าเคมี 2. ตวั ช้ีวัดชั้นปี เปรียบเทยี บสมบตั ขิ องสสารทั้ง 3 สถานะ จากขอ้ มลู ทไ่ี ด้จากการสังเกต มวล การต้องการท่ีอยู่ รูปร่าง และปริมาตรของสสาร (ว 2.1 ป. 4/3) 3. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. ทดลอง เปรียบเทยี บ และอธบิ ายสมบัตขิ องของแขง็ และของเหลวได้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝร่ ูห้ รืออยากรูอ้ ยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรทู้ ีเ่ ก่ียวกับวิทยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานร่วมกับผอู้ ่นื อยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. สอ่ื สารและนำความร้เู ร่ืองสมบัติของของแข็งและของเหลวไปใชใ้ นชวี ิตประจำวันได้ (P) 4. สาระสำคญั สสารทีม่ ีสถานะเปน็ ของแข็งจะมีอนภุ าคของสารอย่ชู ดิ กนั มาก มแี รงยึดเหน่ยี วระหว่างอนภุ าคมาก จึง มปี ริมาตรคงท่แี ละมรี ูปร่างที่แน่นอนเฉพาะตวั สว่ นของเหลวจะมีปริมาตรคงท่ี อนุภาคภายในอยู่หา่ งกัน รูปร่างของของเหลวจึงเปลยี่ นไปตามภาชนะทบี่ รรจุได้ 5. สาระการเรยี นรู้ สถานะของสสาร – สมบัติของของแข็ง – สมบัตขิ องของเหลว 6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน 4. มจี ติ วิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 7. สมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนินชีวิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ช้นิ งานหรือภาระงาน ทดลองสมบัติของของเหลว 9. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ขัน้ นำเข้าสู่บทเรยี น 1) ครูนำกอ้ นหินและแก้วทมี่ ีน้ำมาให้นกั เรยี นดู แลว้ ถามคำถามนักเรยี นว่า – เพราะเหตุใดเราจึงเรียกสิ่งต่าง ๆ ว่าของแข็งและของเหลว (แนวคำตอบ เพราะของแข็งและ ของเหลวมีการจดั เรยี งตัวของอนภุ าคแตกต่างกนั ) – สมบตั ิของของแขง็ และของเหลวเหมือนหรอื แตกตา่ งกัน (แนวคำตอบ แตกตา่ งกัน) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำตอบของคำถาม เพื่อเชื่อมโยงไปสู่ การเรยี นรเู้ รือ่ ง สมบตั ขิ องของแขง็ และของเหลว ขนั้ จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ซึ่งมีขั้นตอนดงั น้ี (1) ข้นั สรา้ งความสนใจ (1) ครูทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับสมบัตขิ องของแข็งและของเหลว โดยให้นักเรียนช่วยกันยกตัวอย่าง สิ่งต่าง ๆ รอบตัวที่มีสถานะของแข็งและมีสถานะของเหลว โดยครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายแสดงความ คิดเหน็ ตามประเด็นต่อไปน้ี – สิง่ ต่าง ๆ ท่อี ยรู่ อบตัวไดแ้ ก่อะไรบ้าง (แนวคำตอบ แก้ว ขวด และน้ำ) – สิ่งใดมีสมบัติเป็นของแข็งและสิ่งใดมีสมบัติเป็นของเหลว (แนวคำตอบ สิ่งที่มีสมบัติเป็น ของแขง็ ไดแ้ ก่ แก้ว ขวด ส่วนส่งิ ทมี่ ีสมบัตเิ ปน็ ของเหลว ไดแ้ ก่ น้ำ) – สมบัตเิ ฉพาะตวั ของสสารทีม่ ีสถานะเป็นของแขง็ และของเหลวคืออะไร (แนวคำตอบ ของแข็งมี รูปร่างและปริมาตรคงที่ เพราะอนุภาคของของแข็งอยู่ชิดกันมาก และมีการจัดเรียงตัวอย่างเป็นระเบียบ จึง เคลื่อนไหวได้น้อยมาก ส่วนของเหลวมีรูปร่างไม่คงที่แต่มีปริมาตรคงที่ รูปร่างของของเหลวจะเปลี่ยนไปตาม ภาชนะที่บรรจแุ ละมีลกั ษณะไหลได้) (2) นกั เรยี นร่วมกันอภปิ รายเก่ียวกบั คำตอบจากคำถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรียน (2) ขัน้ สำรวจและค้นหา (1) ให้นกั เรียนศกึ ษาสมบตั ิของของแขง็ และของเหลวจากใบความรูห้ รอื ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ป. 4 โดยครูตั้งคำถามนำให้นกั เรยี นตอบคำถามประกอบการค้นควา้ ดงั นี้ – ของแข็งและของเหลวมสี มบตั แิ ตกต่างกันในเรอื่ งใด – ถา้ ต้องการเปรียบเทยี บมวลของก้อนหนิ 2 ก้อน สามารถทำไดด้ ว้ ยวธิ ีการใด

แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู – สสารท่มี สี ถานะของแข็งและของเหลวมอี ะไรบา้ ง (2) แบง่ กลมุ่ นกั เรียน ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมท่ี 22 ทดลองสมบัติของของเหลว ตามขั้นตอนทางวิทยาศาสตร์ ดังน้ี ขน้ั ท่ี 1 กำหนดปญั หา – น้ำในภาชนะแตกต่างกนั จะมรี ปู รา่ งและปริมาตรตา่ งกันหรือไม่ ขน้ั ที่ 2 ตง้ั สมมุติฐาน – รูปรา่ งของน้ำจะเปลีย่ นไปตามรูปรา่ งของภาชนะท่บี รรจแุ ตย่ งั คงมีปริมาตรเท่าเดมิ ขน้ั ท่ี 3 ทดลอง – แบ่งนักเรียนเปน็ กลุ่ม กลุ่มละ 6 คน – แต่ละกลมุ่ เทนำ้ ใสก่ ระบอกตวง สงั เกตรูปร่างของน้ำและอา่ นปรมิ าตร บนั ทกึ ผล – เทน้ำจากกระบอกตวงใส่ลงในภาชนะใบที่ 1 สังเกตรูปรา่ งของน้ำ แล้วเทน้ำลงในกระบอกตวง เพ่อื หาปริมาตร บนั ทึกผล – ดำเนนิ การทดลองซ้ำตามข้นั ตอนท่ี 2 โดยใชภ้ าชนะรูปทรงตา่ งๆ แล้วสรุปผลการสงั เกต อา่ นปริมาตรของนำ้ ในกระบอกตวง สังเกตรูปร่างของน้ำในภาชนะตา่ งๆ กระบอกตวงและภาชนะรูปทรงต่าง ขั้นท่ี 4 วเิ คราะห์ผลการทดลอง – แปลความหมายข้อมลู ท่ีได้จากตารางบนั ทึกผลการทดลอง – นำข้อมลู ท่ีไดม้ าพจิ ารณาเพ่ืออธบิ ายว่าเป็นไปตามท่นี ักเรียนตงั้ สมมุติฐานไว้หรือไม่ ขน้ั ที่ 5 สรุปผลการทดลอง – นกั เรียนรว่ มกันสรปุ ผลการทดลองแลว้ เขียนรายงานสรุปผลการทดลองส่งครู (3) ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครเู ดนิ ดูรอบๆ หอ้ งเรยี นและเปิดโอกาส ให้นกั เรยี นทกุ คนซักถามเมอ่ื มปี ัญหา (3) ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (1) นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ส่งตัวแทนกลมุ่ นำเสนอขอ้ มูลการปฏิบัตกิ จิ กรรมหน้าหอ้ งเรียน (2) นักเรยี นและครรู ่วมกนั อภปิ รายและหาขอ้ สรุปจากการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม โดยใช้แนวคำถามตอ่ ไปนี้ – น้ำมีปริมาตรเปลี่ยนไปตามภาชนะที่บรรจุหรือไม่ (แนวคำตอบ ปริมาตรของน้ำไม่เปลี่ยนไป ตามภาชนะที่บรรจ)ุ – น้ำมีรูปร่างเปลี่ยนไปตามภาชนะที่บรรจุหรือไม่ (แนวคำตอบ รูปร่างของน้ำเปลี่ยนไปตาม ภาชนะท่ีบรรจ)ุ – น้ำมีสมบัติใดจึงถูกส่งผ่านไปตามท่อน้ำได้ (แนวคำตอบ น้ำมีรูปร่างไม่คงที่ เปลี่ยนไปตาม ภาชนะที่บรรจุ และมีลักษณะไหลได)้

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า ของเหลวมี ปรมิ าตรคงที่ แต่รูปรา่ งไม่คงที่ คือ เปล่ยี นไปตามภาชนะท่บี รรจุ (4) ข้ันขยายความรู้ นักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ภาษาต่างประเทศท่ีเกี่ยวกบั สมบัตขิ องของแข็งและของเหลวจากหนังสอื เรียน ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนำเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคัดคำศัพท์พร้อมทั้งคำแปลลงสมุดสง่ ครู (5) ข้นั ประเมิน (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบา้ งที่ยังไม่ เขา้ ใจหรือยงั มีขอ้ สงสัย ถ้ามี ครูชว่ ยอธบิ ายเพิ่มเตมิ ให้นักเรยี นเขา้ ใจ (2) นักเรยี นรว่ มกันประเมินการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมกล่มุ ว่ามีปญั หาหรืออปุ สรรคใดและได้แก้ไขอยา่ งไรบา้ ง (3) ครูและนกั เรยี นร่วมกันแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ประโยชน์ทไ่ี ด้รับจากการปฏบิ ตั ิกิจกรรมและการ นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยถามคำถามนักเรยี น เช่น – ของแขง็ มสี มบตั แิ ตกต่างจากของเหลวอย่างไร – เพราะอะไรของเหลวจึงเปลี่ยนรปู รา่ งไปตามภาชนะทบ่ี รรจุ ขัน้ สรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับสมบัติของของแข็งและของเหลว โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ี ความคดิ หรอื ผงั มโนทัศน์ 10. สื่อการเรียนรู้ 1. ก้อนหินและแก้วทีม่ นี ้ำ 2. ใบกิจกรรมท่ี 22 ทดลองสมบัติของของเหลว 3. หนงั สอื เรยี นภาษาต่างประเทศหรืออนิ เทอรเ์ นต็ 4. คู่มอื การสอน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 5. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 6. แบบฝกึ ทักษะรายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 7. หนังสือเรียนรายวิชาพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) 1. ซักถามความรเู้ รื่องสมบัติของ จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ประเมินทักษะกระบวนการทาง ของแข็งและของเหลว วิทยาศาสตร์โดยใช้แบบวดั 1. ประเมนิ เจตคติทาง ทกั ษะกระบวนการทาง 2. ตรวจช้ินงานหรอื ภาระงานของ วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล วทิ ยาศาสตร์ กิจกรรมฝกึ ทักษะระหว่างเรียน โดยการสงั เกตและใชแ้ บบวดั เจตคติทางวิทยาศาสตร์ 2. ประเมนิ ทักษะการคดิ โดยการ สังเกตการทำงานกลุม่ 2. ประเมนิ เจตคติต่อ วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบคุ คล 3. ประเมนิ ทักษะการแก้ปญั หา โดยการสังเกตและใช้แบบวัด โดยการสงั เกตการทำงานกลุม่ เจตคติต่อวิทยาศาสตร์ 4. ประเมนิ พฤติกรรมในการ ปฏบิ ตั ิกิจกรรมเป็นรายบุคคล หรือรายกลุ่มโดยการสังเกตการ ทำงานกล่มุ

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นร.ู้ .....................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนร.ู้ .................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. นกั เรยี นนีไ่ มผ่ า่ น มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไมผ่ า่ นจุดประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 2. นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นักเรยี นมคี วามรเู้ กิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรียนมเี จตคติ ค่านยิ ม คณุ ธรรมจริยธรรม (A) .................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชื่อ.................................................. (นางอมลสริ ิ คำฟู) ตำแหนง่ ครูผูช้ ่วย

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 68 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 3 เรอ่ื ง สมบตั ิของแกส๊ (1) เวลา 1 ชว่ั โมง ครผู สู้ อน นางอมลสิริ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบตั ิของสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหน่ียวระหวา่ งอนภุ าค หลักและธรรมชาติของการเปลีย่ นแปลงสถานะของสสาร การ เกดิ สารละลาย และการเกิดปฏิกิรยิ าเคมี 2. ตัวช้ีวัดช้ันปี เปรยี บเทยี บสมบัตขิ องสสารทั้ง 3 สถานะ จากข้อมลู ที่ไดจ้ ากการสังเกต มวล การตอ้ งการทีอ่ ยู่ รูปร่าง และปรมิ าตรของสสาร (ว 2.1 ป. 4/3) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธบิ ายสมบัติของแก๊สได้ (K) 2. มีความสนใจใฝ่รหู้ รืออยากรู้อยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรียนร้ทู เี่ กยี่ วกบั วิทยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานร่วมกบั ผอู้ ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. สอื่ สารและนำความร้เู รื่องสมบตั ขิ องแกส๊ ไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั ได้ (P) 4. สาระสำคญั แกส๊ เปน็ สสารทีม่ ีอนุภาคภายในอย่หู ่างกนั มาก อนุภาคจะเคลื่อนท่ีอยู่ตลอดเวลา จงึ ทำให้มีปรมิ าตร และรูปรา่ งไมค่ งที่ สามารถฟุ้งกระจายได้ 5. สาระการเรียนรู้ สถานะของสสาร - สมบตั ขิ องแกส๊ 6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งม่นั ในการทำงาน 4. มจี ิตวิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 8. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน สืบค้นข้อมลู เก่ียวกับสมบัติของแกส๊ 9. การจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นนำเข้าส่บู ทเรยี น 1) ครูถามคำถามเพ่ือทบทวนความรู้เดิมของนักเรียน เช่น – นกั เรียนเคยเป่าลูกโป่งจนแตกหรือไม่ (แนวคำตอบ เคย) – เมอื่ ลูกโปง่ แตก ลมในลกู โป่งหายไปไหน (แนวคำตอบ ลมฟ้งุ กระจายไปในอากาศรอบๆ ตัวเรา) 2) นักเรียนช่วยกนั ตอบคำถามและแสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับคำตอบของคำถาม เพ่ือเชอื่ มโยงไปสู่การ เรยี นรูเ้ ร่อื ง สมบตั ขิ องแก๊ส ข้ันจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ จดั กิจกรรมการเรียนรูโ้ ดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ซึ่งมีขั้นตอนดงั นี้ (1) ข้ันสรา้ งความสนใจ (1) ครถู ามคำถามนกั เรียนเพอื่ กระตุ้นความสนใจ เชน่ – เมอื่ เปลี่ยนรูปร่างของภาชนะ แกส๊ มีรปู ร่างลกั ษณะใด (แนวคำตอบ แก๊สมรี ูปร่างเปลี่ยนไปตาม ภาชนะที่บรรจุ) – เมื่อเปลี่ยนปริมาตรของภาชนะ แก๊สมีปริมาตรลักษณะใด (แนวคำตอบ แก๊สมีปริมาตร เปลีย่ นไปตามภาชนะท่ีบรรจ)ุ (2) นกั เรยี นรว่ มกันอภปิ รายเก่ียวกับคำตอบจากคำถามของครตู ามประสบการณ์ของนกั เรียน (2) ขนั้ สำรวจและค้นหา (1) ให้นักเรยี นศึกษาสมบัตขิ องแก๊สจากใบความร้หู รือในหนงั สือเรียนรายวชิ าพ้ืนฐานวิทยาศาสตรป์ . 4 โดยครตู งั้ คำถามกระตนุ้ ใหน้ กั เรียนตอบดงั นี้ – การจดั เรียงตวั ของแกส๊ มีลักษณะอย่างไร – อนภุ าคของแก๊สมีการเคล่ือนทีอ่ ยา่ งไร (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับสมบัติของแก๊ส โดยดำเนินการตาม ขัน้ ตอนดงั นี้ – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อสมบัติของแก๊สเป็นหัวข้อย่อย เช่น สมบัติ ของแกส๊ การจัดเรียงอนภุ าคของแก๊ส ให้สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกนั สืบค้นตามหวั ขอ้ ทกี่ ำหนด – สมาชกิ แต่ละกล่มุ ชว่ ยกันสืบค้นข้อมูลตามหัวข้อทก่ี ลมุ่ ของตนเองรับผิดชอบโดยการสืบค้นจาก หนงั สือ วารสาร สารานกุ รมวิทยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน และอินเทอรเ์ น็ต – สมาชกิ กลมุ่ นำข้อมูลทีส่ ืบคน้ ไดม้ ารายงานให้เพอื่ นๆ สมาชกิ ในกลมุ่ ฟัง รวมทงั้ ร่วมกันอภิปราย ซกั ถามจนคาดว่าสมาชกิ ทกุ คนมีความรคู้ วามเข้าใจที่ตรงกัน – สมาชกิ กลมุ่ ช่วยกันสรุปความรูท้ ี่ไดท้ ้งั หมดเป็นผลงานของกลุม่ (3) ครคู อยแนะนำชว่ ยเหลือนักเรยี นขณะปฏิบัตกิ ิจกรรม โดยครูเดนิ ดูรอบๆ หอ้ งเรยี นและเปิดโอกาส ใหน้ กั เรยี นทุกคนซักถามเมอ่ื มีปัญหา

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู (3) ขั้นอธิบายและลงข้อสรุป (1) นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ ส่งตวั แทนกลุม่ นำเสนอขอ้ มลู การปฏบิ ตั ิกิจกรรมหนา้ ห้องเรยี น (2) นักเรียนและครูร่วมกันอภปิ รายและหาข้อสรุปจากการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม โดยใชแ้ นวคำถามต่อไปนี้ – การเคลือ่ นทีข่ องอนภุ าคของแก๊สมีลกั ษณะอยา่ งไร (แนวคำตอบ เคลอ่ื นทไ่ี ด้ทุกทศิ ทาง) – แก๊สมีสมบัติอย่างไร (แนวคำตอบ มีรูปร่างและปริมาตรไม่คงที่ เปลี่ยนรูปร่างไปตามภาชนะที่ บรรจ)ุ – วัสดุที่พบว่ามีองค์ประกอบของแก๊สอยู่ภายในได้แก่อะไรบ้าง (แนวคำตอบ ลูกโป่ง ลูกบอล พลาสติก และหว่ งยาง) (3) ครูและนกั เรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกจิ กรรม โดยครูเนน้ ใหน้ ักเรียนเขา้ ใจว่าแก๊สมีรูปร่างและ ปริมาตรไมค่ งที่ จะเปล่ยี นไปตามรปู ร่างและขนาดของภาชนะทบ่ี รรจุ (4) ข้นั ขยายความรู้ (1) แบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม แต่ละกลุ่มวาดรูปการเรียงตัวของอนุภาคของของแข็ง ของเหลว และแก๊ส แลว้ สง่ ตวั แทนกลมุ่ ออกมานำเสนอผลงานหนา้ ห้องเรียน (2) นักเรียนและครูร่วมกันเปรียบเทียบการเรียงตัวของอนุภาคของของแข็ง ของเหลว และแก๊ส แล้ว ครูสรุปให้นักเรียนฟังว่า การเรียงตัวของอนุภาคแตกต่างกันทำให้สมบัติของของแข็ง ของเหลว และแก๊ส แตกต่างกนั (5) ขน้ั ประเมิน (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบา้ งที่ยังไม่ เข้าใจหรอื ยงั มีขอ้ สงสัย ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพมิ่ เตมิ ใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจ (2) นักเรยี นรว่ มกันประเมนิ การปฏบิ ตั กิ ิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออปุ สรรคใดและไดแ้ ก้ไขอย่างไรบ้าง (3) ครูและนักเรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกับประโยชน์ทไี่ ด้รบั จากการปฏิบัติกจิ กรรมและการ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยถามคำถามนักเรยี น เช่น – แกส๊ มีปริมาตรไม่คงทีเ่ พราะอะไร – เราไดก้ ลิ่นอาหารทีอ่ ยูห่ ่างไกลจากเราเพราะอะไร ข้นั สรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับสมบัติของแก๊ส โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือ ผงั มโนทศั น์ 10. สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสือ วารสาร สารานกุ รมวิทยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสำหรบั เยาวชน และอินเทอร์เนต็ 2. คู่มอื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 3. ส่อื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 4. แบบฝกึ ทกั ษะรายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 5. หนงั สอื เรยี นรายวิชาพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) จติ วิทยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความร้เู รื่องสมบตั ิของ แก๊ส 1. ประเมินเจตคติทางวิทยาศาสตร์ 1. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย 2. ตรวจชน้ิ งานหรอื ภาระงานของ เป็นรายบคุ คลโดยการสงั เกต การสงั เกตการทำงานกลมุ่ กิจกรรมฝกึ ทักษะระหว่างเรียน และใช้แบบวัดเจตคตทิ าง 2. ประเมินพฤติกรรมในการ วทิ ยาศาสตร์ ปฏิบัติกจิ กรรมเปน็ 2. ประเมินเจตคตติ อ่ วทิ ยาศาสตร์ รายบคุ คลหรอื รายกลุ่มโดย เป็นรายบุคคลโดยการสงั เกต การสังเกตการทำงานกลมุ่ และใช้แบบวัดเจตคติต่อ วิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นจำนวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรียนร.ู้ .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรยี นร.ู้ .................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นกั เรียนน่ไี มผ่ า่ น มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้ ...................................................................................................................... ................................ ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรยี นมีความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นกั เรียนมีความรูเ้ กิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ........................................................................................................................ .............................. ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชื่อ.................................................. (นางอมลสริ ิ คำฟู) ตำแหน่ง ครูผชู้ ่วย

แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 69 สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 4 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 เรอ่ื ง สมบัติของแกส๊ (2) เวลา 1 ชว่ั โมง ครผู สู้ อน นางอมลสริ ิ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบัติของสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหวา่ งอนุภาค หลักและธรรมชาติของการเปลีย่ นแปลงสถานะของสสาร การ เกดิ สารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี 2. ตัวช้ีวัดชัน้ ปี เปรียบเทยี บสมบัตขิ องสสารทั้ง 3 สถานะ จากข้อมูลทไ่ี ดจ้ ากการสังเกต มวล การต้องการท่อี ยู่ รูปร่าง และปรมิ าตรของสสาร (ว 2.1 ป. 4/3) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ายสมบัติของแก๊สได้ (K) 2. มีความสนใจใฝร่ หู้ รืออยากรู้อยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนรู้ท่ีเกยี่ วกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานร่วมกบั ผอู้ ื่นอย่างสร้างสรรค์ (A) 5. ส่อื สารและนำความรูเ้ รื่องสมบตั ิของแก๊สไปใช้ในชีวติ ประจำวนั ได้ (P) 4. สาระสำคญั แกส๊ เปน็ สสารท่ีมีอนุภาคภายในอยูห่ า่ งกนั มาก อนภุ าคจะเคล่อื นที่อย่ตู ลอดเวลา จงึ ทำให้มีปริมาตร และรปู ร่างไมค่ งท่ี สามารถฟุง้ กระจายได้ 5. สาระการเรียนรู้ สถานะของสสาร - สมบตั ขิ องแกส๊ 6. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. ม่งุ มน่ั ในการทำงาน 4. มจี ิตวิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 7. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนนิ ชีวิต 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ช้ินงานหรือภาระงาน สงั เกตสมบัติของแกส๊ 9. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นำเข้าสบู่ ทเรียน 1) ครถู ามคำถามเพือ่ ทบทวนความรเู้ ดิมของนกั เรียน เช่น – นักเรียนคดิ วา่ บอลลนู สามารถลอยข้นึ บนทอ้ งฟา้ ไดห้ รือไม่ (แนวคำตอบ ได)้ – สง่ิ ท่อี ยใู่ นบอลลูนเรยี กว่าอะไร (แนวคำตอบ แก๊ส) 2) นกั เรยี นชว่ ยกนั ตอบคำถามและแสดงความคิดเหน็ เกีย่ วกับคำตอบของคำถาม เพ่ือเช่อื มโยงไปสู่การ เรียนรู้เรอ่ื ง สมบัติของแกส๊ ข้ันจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ จดั กจิ กรรมการเรียนรโู้ ดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ซ่งึ มขี น้ั ตอนดังนี้ (1) ขั้นสรา้ งความสนใจ (1) ครถู ามคำถามนกั เรียนเพื่อกระตุ้นความสนใจ เช่น – สมบัติเฉพาะตัวของแก๊สมีลักษณะอย่างไร (แนวคำตอบ มีรูปร่างและปริมาตรไม่คงที่อนุภาค ของแก๊สอยู่ห่างกันมากกว่าในของเหลวและของแข็ง ทำให้อนุภาคของแก๊สสามารถเคลื่อนที่ได้ทุกทิศทาง เปลี่ยนไปตามรปู ร่างและขนาดของภาชนะที่บรรจุ) (2) นักเรยี นรว่ มกนั อภิปรายเกี่ยวกบั คำตอบจากคำถามของครตู ามประสบการณ์ของนกั เรียน (2) ขัน้ สำรวจและค้นหา (1) แบง่ กลุ่มนักเรียน ปฏิบตั ิกิจกรรมท่ี 23 สงั เกตสมบตั ขิ องแกส๊ ตามข้นั ตอนทางวทิ ยาศาสตร์ โดยใช้ ทักษะ/กระบวนการสังเกตดังนี้ – จุดไม้ขีดไฟ 1 ก้าน ใส่ลงในขวด ใช้นิ้วมือปิดปากขวด แล้วสังเกตควันที่เกิดจากไม้ขีดไฟที่ดับ บนั ทึกผล – นำขวดที่มีขนาดเท่ากันมาคว่ำประกบกับขวดใบแรก ให้ปากขวดสนิทกันพอดี สังเกตควันใน ขวด บนั ทึกผล แล้วสรุปผลการสงั เกต สงั เกตการเคลอ่ื นท่ีของควันท่ีอย่ใู นขวด

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู หมายเหตุ ควรระมัดระวงั ไม่ใหเ้ ปลวไฟถูกมอื เพราะจะทำใหผ้ ิวหนงั ไหม้ได้ (3) ขน้ั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (1) นกั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ สง่ ตัวแทนกล่มุ นำเสนอขอ้ มูลการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมหน้าห้องเรียน (2) นกั เรียนและครรู ว่ มกนั อภปิ รายและหาขอ้ สรปุ จากการปฏบิ ัติกิจกรรม โดยใช้แนวคำถามตอ่ ไปน้ี – ควันมีการเปลีย่ นแปลงอยา่ งไร (แนวคำตอบ มีการแพร่กระจายจากขวดใบล่างขึ้นไปยังขวดใบ บน) – แก๊สมีสมบตั ิแตกตา่ งจากของเหลวและของแขง็ อยา่ งไร (แนวคำตอบ แก๊สมรี ูปรา่ งและปริมาตร ไมค่ งที่ จะฟุ้งกระจายไปในภาชนะท่บี รรจ)ุ – ยกตัวอย่างการฟุ้งกระจายของแก๊สทีน่ ักเรียนพบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน (แนวคำตอบ การฟุ้ง กระจายของนำ้ หอมทีฉ่ ดี การฟุง้ กระจายของสเปรยฉ์ ดี กนั ยุง) (3) ครูและนักเรยี นรว่ มกนั สรปุ ผลการปฏบิ ัติกจิ กรรม โดยครูเน้นให้นักเรยี นเขา้ ใจว่า แกส๊ มีรูปร่างและ ปริมาตรไม่คงท่ี จะเปลีย่ นไปตามภาชนะทีบ่ รรจุ (4) ข้ันขยายความรู้ (1) นักเรียนสืบค้นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสมบัติของแก๊สเพิ่มเติมจากแหล่งความรู้ต่างๆ เช่นหนังสือ วารสารวิทยาศาสตร์ และอนิ เทอร์เนต็ แลว้ นำขอ้ มลู ท่ไี ด้มาจัดทำเปน็ รายงานส่งครู (2) นักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ภาษาต่างประเทศที่เกี่ยวกับสมบัติของแก๊ส จากหนังสือเรียน ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนำเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคัดคำศัพท์พร้อมทั้งคำแปลลงสมุดส่ง ครู (5) ข้นั ประเมนิ (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เขา้ ใจหรอื ยงั มขี อ้ สงสัย ถ้ามี ครชู ่วยอธิบายเพ่มิ เตมิ ให้นกั เรยี นเข้าใจ (2) นกั เรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัตกิ ิจกรรมกลุ่มว่ามีปญั หาหรืออุปสรรคใดและได้แกไ้ ขอยา่ งไรบ้าง (3) ครูและนักเรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเห็นเกีย่ วกับประโยชน์ท่ไี ดร้ บั จากการปฏบิ ัติกจิ กรรมและการ นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยถามคำถามนักเรียน เชน่ – การทดสอบสมบตั ขิ องแก๊สทำได้โดยวธิ ีการใด – เพราะเหตุใดแก๊สจงึ มีปรมิ าตรไมค่ งท่ี ข้ันสรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับสมบัติของแก๊ส โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือผังมโน ทศั น์

แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 10. สื่อการเรียนรู้ 1. ใบกิจกรรมที่ 23 สังเกตสมบัติของแกส๊ 2. หนังสอื หนังสอื เรียนภาษาตา่ งประเทศ วารสารวิทยาศาสตร์ และอินเทอรเ์ นต็ 3. คู่มือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 4. สอ่ื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 5. แบบฝกึ ทกั ษะรายวิชาพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 6. หนงั สือเรยี นรายวชิ าพืน้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 4 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) 1. ซักถามความรู้เร่ืองสมบัติของ จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ประเมินทักษะกระบวนการ แกส๊ ทางวทิ ยาศาสตรโ์ ดยใช้แบบ 1. ประเมนิ เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ วัดทกั ษะกระบวนการทาง 2. ตรวจชิ้นงานหรอื ภาระงานของ เป็นรายบุคคลโดยการสังเกต วทิ ยาศาสตร์ กจิ กรรมฝกึ ทกั ษะระหว่างเรยี น และใช้แบบวัดเจตคตทิ าง วิทยาศาสตร์ 2. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย การสงั เกตการทำงานกลมุ่ 2. ประเมินเจตคตติ อ่ วทิ ยาศาสตร์ เป็นรายบคุ คลโดยการสังเกต 3. ประเมนิ ทักษะการ และใชแ้ บบวดั เจตคตติ ่อ แกป้ ญั หาโดยการสังเกตการ วทิ ยาศาสตร์ ทำงานกลุม่ 4. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏิบตั กิ จิ กรรมเปน็ รายบคุ คลหรือรายกลมุ่ โดย การสงั เกตการทำงานกลุ่ม

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรียนรู้......................คน คิดเป็นร้อยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้..................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. นักเรยี นนีไ่ ม่ผา่ น มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... ................................................................................................................................ ...................... 2. นักเรยี นมีความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นักเรียนมคี วามรูเ้ กิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... .................................................................................................... .................................................. 4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... .................................................................................................................................. .................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (นางอมลสิริ คำฟ)ู ตำแหนง่ ครผู ้ชู ว่ ย

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 70 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 4 หน่วยการเรยี นรู้ที่ 3 เรอื่ ง การวัดมวลและปรมิ าตรของสสาร เวลา 1 ชว่ั โมง ครูผู้สอน นางอมลสิริ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ มาตรฐาน ว 2.1 เข้าใจสมบัติของสสาร องค์ประกอบของสสาร ความสัมพันธ์ระหว่างสมบตั ิของสสาร กับโครงสร้างและแรงยึดเหนี่ยวระหว่างอนภุ าค หลักและธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลงสถานะของสสาร การ เกดิ สารละลาย และการเกิดปฏิกิริยาเคมี 2. ตัวช้ีวดั ชั้นปี ใช้เครื่องมอื เพอื่ วัดมวลและปริมาตรของสสารทง้ั 3 สถานะ (ว 2.1 ป. 4/4) 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายของคำว่ามวลและปริมาตรได้ (K) 2. อธบิ ายการใช้เคร่ืองมือเพ่ือวัดมวลและปรมิ าตรของสสารทัง้ 3 สถานะได้ (K) 3. มคี วามสนใจใฝ่รหู้ รืออยากรู้อยากเหน็ (A) 4. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ทีเ่ ก่ยี วกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 5. ทำงานรว่ มกับผอู้ ่นื อย่างสร้างสรรค์ (A) 6. สือ่ สารและนำความรูเ้ ร่ืองการวดั มวลและปรมิ าตรของสสารไปใชใ้ นชวี ติ ประจำวนั ได้ (P) 4. สาระสำคัญ วัสดุทุกชนดิ เปน็ สสาร คอื มมี วล ตอ้ งการที่อยู่ และสมั ผสั ได้ ซึ่งสสารแต่ละสถานะมีมวลและปรมิ าตร แตกต่างกนั จงึ ใช้เคร่ืองมือวดั มวลและปริมาตรต่างกันดว้ ย 5. สาระการเรยี นรู้ การวดั มวลและปรมิ าตรของสสาร – เครอ่ื งมือที่ใชว้ ดั มวลและปริมาตรของสสารทง้ั 3 สถานะ 6. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. ม่งุ ม่ันในการทำงาน 4. มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสำคญั ของผูเ้ รยี น 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook