Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการสอนรายวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นป.4 นางอมลสิริ คำฟู

แผนการสอนรายวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นป.4 นางอมลสิริ คำฟู

Published by jarunpanakul, 2021-05-09 18:29:06

Description: แผนการสอนรายวิชาวิทยาศาสตร์ ชั้นป.4 นางอมลสิริ คำฟู

Search

Read the Text Version

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู.้ .....................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงค์การเรยี นรู้..................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. นกั เรยี นนไ่ี มผ่ ่าน มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ........................................................................................... ........................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจ (K) ........................................................................................................................................ .............. ..................................................................................................................... ................................. 3. นักเรยี นมีความร้เู กิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรียนมเี จตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................. ......................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชือ่ .................................................. (นางอมลสริ ิ คำฟ)ู ตำแหน่ง ครผู ้ชู ว่ ย

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 42 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 4 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เร่อื ง ความสัมพนั ธข์ องน้ำหนักและมวล (1) เวลา 1 ชวั่ โมง ครผู สู้ อน นางอมลสริ ิ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะการ เคล่ือนท่ีแบบตา่ ง ๆ ของวตั ถุ รวมทง้ั นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ 2. ตัวชี้วดั ชน้ั ปี 1. ระบผุ ลของแรงโน้มถว่ งทมี่ ีต่อวตั ถุจากหลักฐานเชงิ ประจักษ์ (ว 2.2 ป. 4/1) 2. ใชเ้ ครือ่ งช่งั สปริงในการวดั น้ำหนักของวัตถุ (ว 2.2 ป. 4/2) 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. สงั เกตความสมั พันธ์ของน้ำหนกั และมวลได้ (K) 2. มีความสนใจใฝร่ ูห้ รืออยากรูอ้ ยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรยี นรู้ท่เี กย่ี วกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานร่วมกับผ้อู น่ื อย่างสร้างสรรค์ (A) 5. สอ่ื สารและนำความรูเ้ ร่ืองความสมั พนั ธ์ของน้ำหนักและมวลไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ (P) 4. สาระสำคญั น้ำหนักและมวลมีความสัมพันธแ์ บบแปรผันกัน คือ เม่ือมวลเพิ่มข้นึ น้ำหนักจะเพ่ิมขึน้ 5. สาระการเรียนรู้ แรงโน้มถ่วง – นำ้ หนกั และมวล 6. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี ินัย 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. ม่งุ มนั่ ในการทำงาน 4. มจี ติ วทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนินชวี ติ

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 8. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน สงั เกตน้ำหนกั และมวล 9. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นำเขา้ สู่บทเรียน 1) ครูถามคำถามกับนักเรียนว่า ถ้าส้มเขียวหวานมขี นาดผลละ 2 ขีด ส้มเขียวหวานหนัก 1 กิโลกรัม จะมีจำนวนผลแตกต่างจากส้มเขียวหวานหนัก 2 กิโลกรัมลักษณะใด (แนวคำตอบ ส้มเขียวหวานหนัก 1 กิโลกรัม มีจำนวนผลน้อยกวา่ ส้มเขยี วหวานหนกั 2 กโิ ลกรมั ) 2) นักเรียนช่วยกันอภิปรายและแสดงความคิดเห็นของคำตอบจากคำถาม เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การ เรยี นรู้เรอ่ื ง ความสมั พันธข์ องน้ำหนกั และมวล ขน้ั จัดกจิ กรรมการเรียนรู้ จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซง่ึ มขี ้นั ตอนดงั น้ี 1) ขน้ั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตนุ้ นักเรยี นโดยถามคำถามนกั เรยี นดังนี้ – ถ้าวตั ถุมีมวลเพ่ิมข้นึ โลกจะออกแรงดงึ ดดู ต่อวตั ถุมากข้ึนหรอื ไม่ (แนวคำตอบ โลกจะออกแรง ดึงดดู ต่อวัตถุมากข้ึน) – เราใชว้ ธิ ใี ดเพื่อสังเกตว่าน้ำหนักมคี วามสมั พนั ธ์กบั มวลหรอื ไม่ (แนวคำตอบ ใช้เครื่องชั่งสปรงิ แบบแขวนวดั น้ำหนกั ของวตั ถุที่เปลี่ยนแปลง เมือ่ เปลี่ยนแปลงมวลของวตั ถุ) (2) นกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายเกยี่ วกบั คำตอบจากคำถามของครูตามประสบการณ์ของนกั เรยี น 2) ขัน้ สำรวจและค้นหา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศึกษาเรื่องน้ำหนักและมวลจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้ นักเรียนเข้าใจวา่ เมอื่ วัตถมุ มี วลเปลีย่ นแปลงไป โลกจะออกแรงดงึ ดดู วัตถดุ ้วยขนาดทเี่ ปลยี่ นแปลงไป (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน ปฏิบัติกิจกรรมที่ 13 สังเกตน้ำหนักและมวล แต่ละกลุ่ม ปฏิบัติกิจกรรมตามข้นั ตอนท่ีไดว้ างแผนไว้ ดังนี้ – แขวนเคร่ืองชั่งสปรงิ แบบแขวนในแนวด่ิง สงั เกตตำแหน่งเข็มชี้บนเครื่องชัง่ สปริงแบบแขวน – แขวนถงุ ทราย 1 ถุงกับขอเกยี่ วของเครื่องชั่งสปริงแบบแขวน สงั เกตและบนั ทึกคา่ ของแรงท่ี อา่ นได้เมอ่ื ถุงทรายอยู่นิ่ง – เพม่ิ จำนวนถงุ ทรายทีม่ ีมวลเท่ากันอีกครั้งละ 1 ถุง จนครบ 3 ถงุ สงั เกตและบนั ทึกผล (3) ครูคอยแนะนำชว่ ยเหลือนกั เรยี นขณะปฏบิ ัติกจิ กรรม โดยครเู ดนิ ดูรอบๆ หอ้ งเรียนและเปดิ โอกาส ใหน้ ักเรียนทกุ คนซกั ถามเม่อื มปี ญั หา 3) ขั้นอธิบายและลงข้อสรปุ (Explanation) (1) นกั เรยี นแต่ละกลุ่มส่งตวั แทนกลุม่ นำเสนอผลการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมหนา้ ห้องเรยี น (2) นกั เรียนและครูรว่ มกนั อภปิ รายและหาขอ้ สรปุ จากการปฏิบตั กิ ิจกรรม โดยใชแ้ นวคำถาม ต่อไปนี้ – การเพิ่มจำนวนถงุ ทรายเป็นการเพิ่มมวลหรือไม่ สังเกตจากอะไร (แนวคำตอบ การเพิ่มจำนวน ถุงทรายเป็นการเพิ่มมวล สังเกตได้จากเมื่อถุงทรายเพิ่มจำนวนขึ้น ปริมาณทรายจะเพิ่มขึ้น (ปริมาณเนื้อสาร เพมิ่ ขน้ึ )

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู – ค่าที่อ่านได้จากเครื่องชั่งสปริงแบบแขวนสัมพันธ์กับมวลของถุงทรายลักษณะใด (แนวคำตอบ เมือ่ มวลของถุงทรายเพิ่มขึน้ เครือ่ งช่ังสปริงแบบแขวนจะแสดงค่านำ้ หนกั ทวี่ ัดได้เพ่ิมขึน้ ) – น้ำหนักและมวลของวัตถุมคี วามสมั พันธ์กันอย่างไร (แนวคำตอบ เม่ือมวลของวัตถุมีค่าเพิ่มข้นึ นำ้ หนักของวตั ถุจะเพ่มิ ขน้ึ ) (3) ครูและนกั เรยี นร่วมกันสรุปผลการปฏบิ ัติกิจกรรม โดยครูเน้นใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจว่า น้ำหนักและมวล มีความสมั พันธ์กนั เม่ือมวลเพ่มิ ข้นึ น้ำหนกั จะมคี า่ เพมิ่ ขึน้ 4) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) ครูใหน้ ักเรียนออกแบบกิจกรรมสงั เกตความสัมพันธ์ของน้ำหนักและมวลโดยใช้เคร่ืองช่งั สปริงแบบ แขวน 1 เครื่อง เชือก 1 ม้วน และดินนำ้ มัน 1 ก้อน จากนน้ั นำเสนอขน้ั ตอนและผลการสังเกตหน้าห้องเรยี น 5) ขน้ั ประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เข้าใจหรอื ยงั มีข้อสงสัย ถา้ มี ครูช่วยอธบิ ายเพ่มิ เตมิ ให้นกั เรยี นเขา้ ใจ (2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมนิ การปฏิบัตกิ จิ กรรมกล่มุ วา่ มีปญั หาหรืออปุ สรรคใดและไดแ้ ก้ไขอย่างไรบ้าง (3) ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับประโยชน์ทไ่ี ดร้ บั จากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยถามคำถามนักเรยี น เช่น – ถ้าเพ่ิมเนื้อสารของวัตถจุ ะส่งผลต่อนำ้ หนกั ลกั ษณะใด – น้ำหนกั และมวลมีความสมั พนั ธ์กันลกั ษณะใด ขั้นสรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของน้ำหนักและมวล โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ ความคดิ หรือผังมโนทัศน์ 10. สื่อการเรียนรู้ 1. ใบกจิ กรรมท่ี 13 สงั เกตน้ำหนกั และมวล 2. เครอ่ื งชง่ั สปริงแบบแขวน 1 เครื่อง เชือก 1 ม้วน และดินน้ำมัน 1 กอ้ น 3. คมู่ ือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 4. สอ่ื การเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 5. แบบฝกึ ทักษะรายวชิ าพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 6. หนังสอื เรียนรายวชิ าพืน้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จริยธรรมและ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความร้เู ร่ือง ความสัมพันธ์ของน้ำหนัก 1. ประเมินเจตคตทิ าง 1. ประเมนิ ทักษะกระบวนการทาง และมวล วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคลโดย วทิ ยาศาสตร์โดยใช้แบบวัด 2. ตรวจช้ินงานหรอื ภาระงาน ของกิจกรรมฝึกทักษะ การสงั เกตและใชแ้ บบวดั เจต ทักษะกระบวนการทาง ระหวา่ งเรยี น คติทางวทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ 2. ประเมนิ เจตคตติ อ่ 2. ประเมินทักษะการคดิ โดยการ 3. วิทยาศาสตรเ์ ปน็ รายบคุ คลโดย สังเกตการทำงานกล่มุ การสงั เกตและใชแ้ บบวัดเจต 3. ประเมินทักษะการแก้ปญั หา คตติ อ่ วิทยาศาสตร์ โดยการสังเกตการทำงานกลุ่ม 4. ประเมนิ พฤติกรรมในการปฏิบตั ิ กิจกรรมเป็นรายบุคคลหรอื ราย กล่มุ โดยการสงั เกตการทำงาน กลุ่ม

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรียนรู้......................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้..................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นักเรยี นนีไ่ ม่ผา่ น มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................... ....................... 2. นักเรยี นมีความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นักเรียนมคี วามรูเ้ กิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ................................................................................................... ................................................... 4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ................................................................................................................................. ..................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (นางอมลสิริ คำฟ)ู ตำแหนง่ ครูผชู้ ว่ ย

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 43 สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว14101 ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 2 เรื่อง ความสมั พนั ธข์ องนำ้ หนักและมวล (2) เวลา 1 ชวั่ โมง ครูผูส้ อน นางอมลสริ ิ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะการ เคลื่อนท่แี บบต่าง ๆ ของวัตถุ รวมทัง้ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ 2. ตัวชี้วัดชนั้ ปี 1. ระบผุ ลของแรงโนม้ ถ่วงท่ีมีต่อวัตถจุ ากหลักฐานเชงิ ประจักษ์ (ว 2.2 ป. 4/1) 2. ใชเ้ คร่ืองชัง่ สปรงิ ในการวัดนำ้ หนักของวัตถุ (ว 2.2 ป. 4/2) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ายความสมั พนั ธ์ของน้ำหนกั และระยะจากศูนย์กลางของโลกได้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝ่รหู้ รอื อยากรอู้ ยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรูท้ ่ีเกย่ี วกับวิทยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานรว่ มกบั ผูอ้ ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. ส่ือสารและนำความรเู้ รื่องความสัมพนั ธข์ องน้ำหนักและมวลไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั ได้ (P) 4. สาระสำคัญ ระยะห่างจากศูนย์กลางของโลกมีผลต่อน้ำหนักของวัตถุ โดยมีความสัมพันธ์แบบแปรผกผันกัน คือ น้ำหนักลดลงเมอ่ื วตั ถุอยูห่ ่างจากศนู ย์กลางของโลกมากข้ึน 5. สาระการเรียนรู้ แรงโน้มถว่ ง – น้ำหนักและมวล 6. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มุ่งมน่ั ในการทำงาน 4. มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 8. ชิ้นงานหรือภาระงาน สบื คน้ ข้อมลู ผลของระยะห่างจากศนู ย์กลางของโลกตอ่ น้ำหนักของวตั ถุ 9. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ขั้นนำเขา้ สูบ่ ทเรยี น 1) ครูทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของน้ำหนักและมวลโดยการให้นักเรียนอธิบายว่า น้ำหนักและมวลมคี วามสมั พนั ธ์กนั ลักษณะใด (แนวคำตอบ นำ้ หนกั และมวลมีความสัมพนั ธ์แบบแปรผันกนั ) 2) นักเรียนชว่ ยกนั ตอบคำถามและแสดงความคดิ เห็นเก่ยี วกบั คำตอบของคำถาม เพ่ือเชือ่ มโยงไปสู่การ เรยี นร้เู ร่ือง ความสมั พันธ์ของน้ำหนกั และมวล ข้นั จดั กิจกรรมการเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรียนรโู้ ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่ึงมขี ั้นตอนดังน้ี 1) ข้ันสรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครกู ระตุน้ นักเรียนโดยการถามคำถามว่า นอกจากมวลจะมผี ลต่อน้ำหนักแล้ว มีปัจจัยอ่ืนที่มีผลต่อ น้ำหนักอกี หรอื ไม่ (แนวคำตอบ ระยะห่างจากศูนย์กลางของโลก) (2) นักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายเก่ียวกบั คำตอบจากคำถามของครูตามประสบการณ์ของนักเรียน 2) ขนั้ สำรวจและคน้ หา (Exploration) (1) แบ่งนักเรียนกลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับผลของระยะห่างจากศูนย์กลางของโลกต่อ นำ้ หนักของวัตถโุ ดยดำเนินการตามขั้นตอนดงั นี้ – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อผลของระยะห่างจากศูนย์กลางของโลกต่อ น้ำหนักของวัตถุเป็นหัวข้อย่อย เช่น ระยะห่างจากศูนย์กลางของโลกมีผลต่อน้ำหนักของวัตถุหรือไม่ และ ระยะห่างจากศูนย์กลางของโลกมีผลต่อมวลของวัตถุหรือไม่ ให้สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันสืบค้ นตามหัวข้อท่ี กำหนด – สมาชกิ แตล่ ะกลุ่มชว่ ยกันสบื ค้นข้อมูลตามหัวข้อทก่ี ลุ่มของตนเองรับผดิ ชอบโดยการสืบค้นจาก หนงั สอื วารสาร สารานุกรมวทิ ยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสำหรับเยาวชน และอินเทอรเ์ นต็ – สมาชกิ กลุม่ นำข้อมูลทสี่ บื คน้ ได้มารายงานให้เพื่อนๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมท้ังร่วมกันอภิปราย ซักถามจนคาดว่าสมาชกิ ทกุ คนมีความรู้ความเข้าใจทีต่ รงกนั – สมาชกิ กล่มุ ช่วยกนั สรปุ ความรูท้ ี่ไดท้ ้ังหมดเปน็ ผลงานของกลุ่ม (2) ครคู อยแนะนำชว่ ยเหลอื นักเรยี นขณะปฏิบตั กิ จิ กรรม โดยครเู ดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ กั เรียนทกุ คนซกั ถามเมอื่ มีปัญหา 3) ขน้ั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (Explanation) (1) นักเรยี นแต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนกล่มุ นำเสนอผลการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมหนา้ หอ้ งเรียน (2) นกั เรยี นและครรู ่วมกนั อภปิ รายและหาขอ้ สรุปจากการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม โดยใช้แนวคำถาม ต่อไปน้ี – ระยะห่างจากศูนย์กลางของโลกมีผลต่อน้ำหนักของวัตถหุ รือไม่ ลักษณะใด (แนวคำตอบ มีผล ตอ่ น้ำหนัก กลา่ วคือเมื่อวตั ถอุ ยหู่ ่างจากศนู ยก์ ลางของโลกมากขน้ึ น้ำหนกั ของวัตถจุ ะลดลง) – ระยะห่างจากศูนย์กลางของโลกมีผลต่อมวลของวัตถุหรือไม่ ลักษณะใด (แนวคำตอบ ไม่มีผล ตอ่ มวลของวัตถุ)

แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า แรงดึงดูดของ โลกต่อวัตถุมีค่าลดลงเมื่อวัตถุมีระยะห่างจากศูนย์กลางของโลกมากขึ้น ในขณะที่วัตถุมีปริมาณเนื้อสารคงท่ี มวลของวัตถุจึงมีค่าคงท่ีแม้วา่ วตั ถุจะมรี ะยะห่างจากศูนย์กลางของโลกมากขนึ้ 4) ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครอู ธบิ ายให้นักเรยี นเข้าใจวา่ ในอวกาศที่ห่างจากศูนยก์ ลางของโลกมาก น้ำหนักของวัตถุจะลดลง เกือบเป็นศูนยห์ รืออาจอย่ใู นสภาพไรน้ ้ำหนักได้ (2) ครูอธิบายเรื่องน่ารู้ แรงโน้มถ่วงของดวงจันทร์ โดยให้นักเรียนเข้าใจว่าดวงจันทร์ก็มีแรงโน้มถ่วง เช่นกนั แต่มีคา่ น้อยกวา่ แรงโนม้ ถ่วงของโลกถึง 6 เทา่ ทำให้เม่อื นกั บินอวกาศไปถึงดวงจนั ทร์ น้ำหนกั ของนักบิน อวกาศจะลดลง 6 เทา่ เมื่อเทยี บกับนำ้ หนักบนโลก (3) นักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของน้ำหนักและมวล จากหนังสือ เรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนำเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคัดคำศัพท์พร้อมทั้งคำแปลลง สมดุ สง่ ครู 5) ข้นั ประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏบิ ัติกจิ กรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เข้าใจหรอื ยงั มีข้อสงสัย ถ้ามี ครูชว่ ยอธบิ ายเพมิ่ เตมิ ใหน้ กั เรียนเข้าใจ (2) นกั เรยี นร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกจิ กรรมกลุ่มว่ามีปญั หาหรอื อุปสรรคใดและได้แก้ไขอยา่ งไรบา้ ง (3) ครแู ละนักเรยี นร่วมกันแสดงความคิดเหน็ เกยี่ วกับประโยชน์ท่ไี ด้รับจากการปฏบิ ัติกจิ กรรมและการ นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยถามคำถามนกั เรียน เช่น – ระยะห่างจากศูนย์กลางของโลกมีผลตอ่ นำ้ หนักเพราะอะไร – ถ้าเราอยู่บนดวงจนั ทร์ น้ำหนักและมวลจะเปลยี่ นแปลงหรือไม่ เพราะอะไร ข้ันสรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของน้ำหนักและมวล โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนที่ ความคิดหรือผงั มโนทศั น์ 10. สื่อการเรยี นรู้ 1. หนงั สอื วารสาร สารานกุ รมวิทยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสำหรบั เยาวชน และอินเทอร์เนต็ 2. หนงั สอื เรยี นภาษาต่างประเทศ 3. คู่มอื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 4. สอ่ื การเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 5. แบบฝึกทักษะรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 6. หนงั สอื เรยี นรายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรูเ้ ร่ืองความ 1. ประเมินทักษะการคิดโดย สัมพนั ธข์ องนำ้ หนกั และมวล 1. ประเมนิ เจตคติทาง การสังเกตการทำงานกลุ่ม วิทยาศาสตรเ์ ปน็ รายบุคคล 2. ตรวจช้ินงานหรือภาระงานของ โดยการสงั เกตและใช้แบบวัด 2. ประเมินพฤติกรรมในการ กจิ กรรมฝกึ ทักษะระหวา่ งเรยี น เจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ ปฏบิ ตั ิกิจกรรมเปน็ รายบุคคลหรือรายกลุ่มโดย 2. ประเมินเจตคติตอ่ การสงั เกตการทำงานกลุ่ม วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล โดยการสังเกตและใชแ้ บบวดั เจตคตติ อ่ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 12.1 สรปุ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนร.ู้ .....................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นร.ู้ .................คน คิดเป็นร้อยละ.................. นกั เรียนน่ไี ม่ผ่าน มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรียนมีความรคู้ วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรยี นมคี วามร้เู กดิ ทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................. ......................... 4. นักเรียนมเี จตคติ ค่านิยม คุณธรรมจริยธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชื่อ.................................................. (นางอมลสริ ิ คำฟ)ู ตำแหน่ง ครผู ชู้ ่วย

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 44 สาระการเรียนรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 2 เร่อื ง ผลของมวลตอ่ การเปลีย่ นแปลงการเคล่ือนท่ี (1) เวลา 1 ชวั่ โมง ครผู สู้ อน นางอมลสิริ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะการ เคลอ่ื นที่แบบตา่ ง ๆ ของวตั ถุ รวมท้งั นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 2. ตัวช้ีวดั ชนั้ ปี บรรยายมวลของวตั ถุท่มี ีผลตอ่ การเปล่ยี นแปลงการเคลือ่ นทีข่ องวัตถจุ ากหลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ (ว 2.2 ป. 4/3) 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. สังเกตผลของมวลตอ่ การเปลีย่ นแปลงการเคล่ือนท่ขี องวัตถุได้ (K) 2. มีความสนใจใฝร่ หู้ รอื อยากรอู้ ยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรยี นรทู้ ี่เกยี่ วกบั วิทยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานร่วมกับผู้อืน่ อยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. สือ่ สารและนำความรู้เร่ืองผลของมวลต่อการเปลย่ี นแปลงการเคล่ือนท่ไี ปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั ได้ (P) 4. สาระสำคัญ เมื่อออกแรงต่อวัตถุที่มีมวลเพื่อให้วัตถุเคลื่อนที่ วัตถุจะออกแรงต้านการเคลื่อนที่ โดยแรงต้านการ เคลื่อนทีแ่ ปรผันตามขนาดของมวล คอื มวลเพ่มิ ข้ึน แรงต้านการเคล่ือนทจ่ี ะเพ่ิมข้ึน 5. สาระการเรยี นรู้ แรงโน้มถว่ ง – ผลของมวลต่อการเปล่ยี นแปลงการเคลอื่ นท่ี 6. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุ่งมัน่ ในการทำงาน 4. มีจติ วทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสำคญั ของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนินชวี ติ

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 8. ช้ินงานหรอื ภาระงาน สงั เกตมวลกับการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่ี 9. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ข้ันนำเขา้ ส่บู ทเรยี น 1) ครูถามคำถามทบทวนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของน้ำหนักและมวลว่า วัตถุที่มีน้ำหนักลดลงเกิดจาก สาเหตใุ ดได้บ้าง (แนวคำตอบ วัตถุมีมวลลดลงหรือวตั ถอุ ย่หู ่างจากศูนยก์ ลางของโลกมากขนึ้ ) 2) ครูถามนกั เรยี นเพ่ิมเตมิ ว่า นอกจากมวลมีผลต่อน้ำหนกั ของวัตถุแลว้ มวลมีผลต่อวตั ถุลักษณะใดอีก ได้ (แนวคำตอบ มวลมผี ลตอ่ การเปล่ยี นแปลงการเคลอื่ นทีข่ องวตั ถุ) 3) นักเรียนช่วยกนั อภิปรายและแสดงความคิดเหน็ ของคำตอบจากคำถาม เพอื่ เชอื่ มโยงไปสู่การเรียนรู้ เร่อื ง ผลของมวลต่อการเปลีย่ นแปลงการเคล่อื นท่ี ขัน้ จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรยี นรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซงึ่ มขี ั้นตอนดังนี้ 1) ขนั้ สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระต้นุ นกั เรียนโดยถามคำถามนกั เรยี นดงั น้ี – ถ้านกั เรียนต้องออกแรงดันกลอ่ งที่มีหนังสืออยูเ่ ต็มกับกล่องเปลา่ ให้เคลอ่ื นที่ นกั เรยี นต้องใชแ้ รง ในการดันกลอ่ งใดมากกวา่ กัน เพราะอะไร (แนวคำตอบ กล่องทม่ี หี นงั สอื อยเู่ ตม็ เพราะมมี วลมากกวา่ ) (2) นกั เรยี นร่วมกนั อภิปรายเก่ียวกับคำตอบจากคำถามของครูตามประสบการณ์ของนักเรียน 2) ขัน้ สำรวจและค้นหา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศึกษาเรื่องผลของมวลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่จากใบความรู้หรือในหนังสือ เรียน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า วัตถุที่มีมวลมากต้องใช้แรงมากเพื่อทำให้วัตถุเคลื่อนที่ ดังนั้น มวลจงึ มผี ลต่อการเคล่อื นท่ขี องวัตถุ (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน ปฏิบัติกิจกรรมที่ 14 สังเกตมวลกับการเปลี่ยนแปลงการ เคลือ่ นที่ แต่ละกลมุ่ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตามขัน้ ตอนทีไ่ ด้วางแผนไว้ ดงั น้ี – วางแผน่ ไมบ้ นพื้นเรยี บแล้ววางถงุ ทราย 1 ถุงบนแผ่นไม้ – ใช้ขอเกี่ยวของเครื่องชั่งสปริงแบบแขวนเกี่ยวแผ่นไม้แล้วลากในแนวราบ อ่านค่าขนาดของ แรงทไ่ี ดจ้ ากเคร่อื งชงั่ สปรงิ แบบแขวนเม่อื แผ่นไม้เร่มิ เคล่ือนที่ บันทกึ ผล – ดำเนนิ การเช่นเดิมแต่เพ่ิมจำนวนถุงทรายเป็น 2 ถงุ และ 3 ถงุ ตามลำดับ (3) ครูคอยแนะนำชว่ ยเหลือนักเรยี นขณะปฏบิ ตั ิกิจกรรม โดยครเู ดนิ ดูรอบๆ หอ้ งเรียนและเปดิ โอกาส ใหน้ กั เรียนทกุ คนซักถามเมอ่ื มีปญั หา 3) ขัน้ อธิบายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (1) นกั เรียนแตล่ ะกลุ่มส่งตวั แทนกลุ่มนำเสนอผลการปฏิบัตกิ จิ กรรมหนา้ ห้องเรียน (2) นกั เรยี นและครรู ่วมกันอภปิ รายและหาขอ้ สรุปจากการปฏบิ ตั ิกิจกรรม โดยใชแ้ นวคำถาม ตอ่ ไปนี้ – การเพิ่มจำนวนถุงทรายมีผลต่อแรงที่ใช้ในการเคลื่อนที่หรือไม่ สังเกตจากอะไร (แนวคำตอบ การเพิ่มจำนวนถงุ ทรายมผี ลต่อแรงท่ีใชใ้ นการเคลื่อนท่ี สงั เกตไดจ้ ากเม่ือถงุ ทรายเพม่ิ จำนวนขน้ึ เครอ่ื งช่ังสปริง แบบแขวนอ่านคา่ ของแรงได้เพิ่มข้ึน)

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู – กอ่ นท่ีถงุ ทรายจะเคล่ือนท่ี มแี รงต้านการเคล่ือนท่ีเกิดขึน้ หรือไม่ สงั เกตจากอะไร (แนวคำตอบ มี สังเกตได้จากเครื่องชั่งสปรงิ แบบแขวนอ่านค่าของแรงได้เพิม่ ขึ้นจากศูนย์จนกระทั่งถึงค่าหนึ่ง แผ่นไม้จึงเริ่ม เคล่ือนท)ี่ – มวลมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่ีของวัตถุลักษณะใด (แนวคำตอบ เมื่อมวลของวัตถมุ ี คา่ เพิ่มขึ้น จึงตอ้ งใชแ้ รงเพ่ิมข้นึ ในการทำใหว้ ตั ถุเปลี่ยนแปลงการเคล่ือนที่ หรืออาจกล่าวได้ว่าวัตถุท่ีมีมวลมาก เคลือ่ นท่ีได้ยากกวา่ วัตถทุ มี่ มี วลนอ้ ย) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏบิ ัติกจิ กรรม โดยครูเนน้ ให้นักเรยี นเข้าใจว่า มวลมีผลตอ่ การ เปลี่ยนแปลงการเคล่ือนท่ี เมือ่ วตั ถมุ ีมวลเพ่มิ ข้นึ แรงทใี่ ช้ทำให้วัตถเุ คลอ่ื นทก่ี เ็ พม่ิ ข้นึ ด้วย 4) ขน้ั ขยายความรู้ (Elaboration) ครูอธิบายเพิ่มเติมกบั นักเรียนว่า เมื่อเราออกแรงต่อวัตถใุ ห้เคลือ่ นที่ วัตถุจะออกแรงต้านการเคลื่อนท่ี และเมื่อเราออกแรงจนถึงแรงค่าหนึ่งที่เอาชนะแรงต้านการเคลื่อนที่ของวัตถุได้ วัตถุจะเริ่มเคลื่อนที่ ซึ่งขนาด ของแรงสดุ ทา้ ยทีก่ ระทำต่อวตั ถกุ ่อนวัตถุจะเรม่ิ เคล่ือนท่ี เรยี กวา่ แรงต้านการเคล่อื นทสี่ ูงสดุ ของวตั ถุ 5) ข้ันประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกจิ กรรมมีจุดใดบา้ งที่ยงั ไม่ เขา้ ใจหรือยงั มีข้อสงสัย ถา้ มี ครชู ่วยอธิบายเพิม่ เติมใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจ (2) นกั เรียนร่วมกนั ประเมินการปฏบิ ัติกจิ กรรมกลมุ่ วา่ มีปัญหาหรืออปุ สรรคใดและไดแ้ กไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง (3) ครแู ละนักเรียนรว่ มกันแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกบั ประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยถามคำถามนักเรียน เช่น – แรงต้านการเคล่ือนที่คืออะไร – ปัจจัยใดมผี ลตอ่ แรงต้านการเคลื่อนที่ ขนั้ สรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับผลของมวลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ โดยร่วมกันเขียนเป็น แผนทค่ี วามคดิ หรือผังมโนทัศน์ 10. สื่อการเรียนรู้ 1. ใบกิจกรรมท่ี 14 สงั เกตมวลกับการเปล่ยี นแปลงการเคลื่อนท่ี 2. คมู่ อื การสอน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 3. สอื่ การเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 4. แบบฝกึ ทกั ษะรายวิชาพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 5. หนงั สือเรียนรายวชิ าพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4

แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรู้เร่ืองผลของมวล 1. ประเมินทักษะกระบวนการ ต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลอ่ื นท่ี 1. ประเมินเจตคติทาง ทางวิทยาศาสตร์โดยใช้ วิทยาศาสตร์เปน็ รายบุคคล แบบวดั ทกั ษะกระบวนการ 2. ตรวจชน้ิ งานหรอื ภาระงานของ โดยการสงั เกตและใชแ้ บบวัด ทางวทิ ยาศาสตร์ กิจกรรมฝกึ ทกั ษะระหวา่ งเรยี น เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ 2. ประเมินทักษะการคิดโดย 2. ประเมนิ เจตคตติ ่อ การสงั เกตการทำงานกลุ่ม วิทยาศาสตร์เปน็ รายบคุ คล โดยการสังเกตและใช้แบบวัด 3. ประเมนิ ทักษะการ เจตคติตอ่ วิทยาศาสตร์ แก้ปญั หาโดยการสังเกต การทำงานกลุ่ม 4. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏิบตั ิกจิ กรรมเปน็ รายบคุ คลหรือรายกล่มุ โดย การสังเกตการทำงานกลมุ่

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรียนร้.ู .....................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงคก์ ารเรียนรู.้ .................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. นกั เรยี นน่ีไมผ่ ่าน มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 2. นักเรียนมีความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .................................................................................................................................. .................... 3. นกั เรียนมีความร้เู กิดทกั ษะ (P) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 4. นกั เรียนมเี จตคติ ค่านิยม คณุ ธรรมจริยธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชื่อ.................................................. (นางอมลสิริ คำฟู) ตำแหนง่ ครูผูช้ ว่ ย

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี 45 สาระการเรยี นรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ชั้นประถมศึกษาปที ี่ 4 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 เร่อื ง ผลของมวลตอ่ การเปลีย่ นแปลงการเคลื่อนท่ี (2) เวลา 1 ชว่ั โมง ครูผู้สอน นางอมลสิริ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.2 เข้าใจธรรมชาติของแรงในชีวิตประจำวัน ผลของแรงที่กระทำต่อวัตถุ ลักษณะการ เคลอื่ นทแ่ี บบตา่ ง ๆ ของวตั ถุ รวมท้งั นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ 2. ตวั ช้ีวัดชัน้ ปี บรรยายมวลของวัตถุที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุจากหลักฐานเชิงประจักษ์ (ว2.2 ป.4/3) 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. สงั เกตผลของมวลตอ่ การเปลยี่ นแปลงการเคลื่อนทขี่ องวตั ถไุ ด้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝ่รู้หรอื อยากรู้อยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรยี นรทู้ ี่เกี่ยวกบั วิทยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานรว่ มกับผ้อู นื่ อยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. ส่อื สารและนำความรู้เร่ืองผลของมวลตอ่ การเปล่ียนแปลงการเคลื่อนทไ่ี ปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั ได้ (P) 4. สาระสำคญั เมื่อออกแรงต่อวัตถุที่มีมวลเพื่อให้วัตถุเคลื่อนที่ วัตถุจะออกแรงต้านการเคลื่อนที่ โดยแรงต้านการ เคล่อื นท่แี ปรผันตามขนาดของมวล คอื มวลเพ่ิมข้ึน แรงต้านการเคล่ือนทจ่ี ะเพิ่มขึน้ 5. สาระการเรียนรู้ แรงโน้มถว่ ง – ผลของมวลตอ่ การเปล่ยี นแปลงการเคลอื่ นท่ี 6. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุ่งมน่ั ในการทำงาน 4. มีจิตวทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนินชีวิต 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 8. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน ออกแบบการทดลองผลของพื้นผวิ ของวตั ถุต่อการเคล่ือนที่ของวัตถุ 9. การจัดกิจกรรมการเรยี นรู้ ข้นั นำเข้าสบู่ ทเรียน 1) ครูทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับผลของมวลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ โดยการให้นักเรียน อธิบายว่า มวลมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนที่ของวัตถุลักษณะใด (แนวคำตอบ เมื่อมวลเพิ่ม วัตถุจะ เคลื่อนที่ยากข้นึ ) 2) นกั เรียนช่วยกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกยี่ วกบั คำตอบของคำถาม เพอื่ เช่อื มโยงไปสู่การ เรยี นรู้เร่ือง ผลของมวลต่อการเปล่ียนแปลงการเคลอื่ นท่ี ขนั้ จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ จัดกจิ กรรมการเรยี นรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่งึ มีขั้นตอนดงั นี้ 1) ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตุ้นนักเรียนโดยการถามว่า ถ้านักเรียนต้องการดันกล่องที่ใส่หนังสือจำนวนมากให้เคลื่อนที่ นกั เรียนจะทำวธิ ใี ด (แนวคำตอบ ใหเ้ พ่อื นชว่ ยดนั หรือนำผา้ มารองใต้กลอ่ งแล้วดงึ ) (2) นกั เรียนร่วมกันอภิปรายเกีย่ วกับคำตอบจากคำถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรยี น 2) ข้นั สำรวจและค้นหา (Exploration) (1) ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า ผิวสัมผัสระหว่างวัตถุกับพื้นมีผลต่อการเคลื่อนที่ของวัตถุ วัตถุที่มี มวลเท่ากัน ถา้ มพี ้นื ผวิ เรยี บกว่าจะเคลื่อนทีไ่ ด้ง่ายกวา่ วตั ถทุ มี่ ีพนื้ ผวิ ขรุขระ (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน แต่ละกลุ่มช่วยกันออกแบบการทดลองผลของพื้นผิวของ วัตถุต่อการเคลื่อนที่ของวัตถุ โดยใช้อุปกรณ์ คือ เครื่องชั่งสปริงแบบแขวน แผ่นไม้ผิวเรียบ ถุงทราย เทปใส และแผ่นพื้นผิวที่ทำจากวสั ดุแตกต่างกัน คือ กระดาษทราย ผ้าลินิน และยาง อย่างละ 1 แผ่น แล้วบันทึกผล การทดลอง (3) ครูคอยแนะนำชว่ ยเหลอื นกั เรียนขณะปฏิบตั ิกจิ กรรม โดยครูเดนิ ดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ กั เรยี นทกุ คนซกั ถามเมือ่ มีปญั หา 3) ขนั้ อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (1) นักเรยี นแต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนกล่มุ นำเสนอผลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมหนา้ ห้องเรียน (2) นกั เรียนและครรู ว่ มกนั อภปิ รายและหาข้อสรุปจากการปฏิบัติกจิ กรรม โดยใชแ้ นวคำถาม ตอ่ ไปนี้ – นักเรียนทดสอบโดยวธิ ีใด (แนวคำตอบ นำถงุ ทรายวางบนแผ่นไมผ้ ิวเรียบ แล้วใช้เครอ่ื งชั่งสปริง แบบแขวนดึงแผ่นไม้ผิวเรียบใหเ้ คลื่อนทีบ่ นแผน่ พน้ื ผวิ ทที่ ำจากวัสดแุ ตกต่างกัน) – แผน่ ไม้ผิวเรยี บเคล่อื นท่บี นแผ่นพน้ื ผวิ ชนดิ ใดงา่ ยท่สี ุด (แนวคำตอบ ผา้ ลนิ นิ ) – แผ่นไม้ผวิ เรยี บเคลื่อนทีบ่ นแผ่นพ้ืนผวิ ชนิดใดยากที่สุด (แนวคำตอบ กระดาษทราย) (3) ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรุปผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรม โดยครเู นน้ ให้นักเรยี นเข้าใจวา่ ผวิ สัมผสั ระหว่าง วัตถกุ บั พืน้ มผี ลต่อการเคลอ่ื นท่ีของวัตถุ โดยพน้ื ผวิ ท่ีเรยี บกวา่ วัตถุจะเคล่ือนที่ได้ง่ายกวา่

แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูอธิบายเพิ่มเติมกับนักเรียนว่า แม้ว่าพื้นผิวเรียบจะทำให้วัตถุเคลื่อนที่ง่ายขึ้น แต่อาจทำให้เกิด อบุ ัติเหตุได้ เช่น ลอ้ รถจักรยานมีดอกยางเพ่ือใหเ้ คลื่อนทบี่ นถนนได้ดี (ยดึ เกาะถนนไดด้ ี) แต่เม่ือใช้จักรยานไป นาน ๆ ดอกยางจะสกึ และเรยี บขึน้ ทำให้ยดึ เกาะถนนได้ไม่ดี อาจทำให้ลนื่ และหลุดโคง้ จนเกิดอุบตั เิ หตไุ ด้ (2) นักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับผลของมวลต่อการเปลี่ยนแปลงการเคลื่อนท่ี จากหนังสือเรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนำเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคัดคำศัพท์พร้อมทั้ง คำแปลลงสมดุ ส่งครู 5) ข้ันประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยงั ไม่ เขา้ ใจหรือยงั มขี อ้ สงสัย ถ้ามี ครชู ่วยอธิบายเพิ่มเตมิ ให้นักเรียนเข้าใจ (2) นักเรียนรว่ มกนั ประเมนิ การปฏิบัตกิ ิจกรรมกลมุ่ วา่ มปี ัญหาหรืออปุ สรรคใดและไดแ้ กไ้ ขอย่างไรบา้ ง (3) ครูและนักเรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกับประโยชน์ที่ไดร้ บั จากการปฏิบัติกจิ กรรมและการ นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยถามคำถามนักเรียน เช่น – การเปล่ยี นแปลงการเคลื่อนท่ขี องวตั ถุมผี ลจากอะไรบ้าง ขั้นสรุป 1) ครูและนักเรียนรว่ มกันสรุปเก่ียวกับผลของมวลต่อการเปล่ียนแปลงการเคลื่อนที่ โดยร่วมกันเขียนเป็น แผนทคี่ วามคิดหรือผังมโนทัศน์ 2) ครูดำเนินการทดสอบหลังเรียนโดยให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อวัดความก้าวหน้า/ ผลสัมฤทธทิ์ างการเรียน หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 4 ของนักเรยี น 3) ครเู ชอ่ื มโยงเน้ือหาจากบทเรียนน้ีกับบทเรียนชั่วโมงหน้า เพือ่ ใหน้ ักเรียนเตรียมความพร้อมในการเรียน ชัว่ โมงต่อไป โดยการใช้คำถามกระต้นุ ดังนี้ – ถ้าเราตอ้ งการมองเห็นวตั ถุในทม่ี ืดต้องทำวิธีใด (แนวคำตอบ ตอ้ งใช้แหลง่ กำเนดิ แสงส่องแสงไปยัง วัตถุทเี่ ราต้องการมองเห็น) 4) ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาค้นคว้าเนื้อหาของบทเรียนชั่วโมงหน้าเพื่อจัดการเรียนรู้ครั้งต่อไป โดยให้นักเรยี นศกึ ษาคน้ คว้าล่วงหน้าในหัวข้อการมองเห็นวัตถุ 5) ครใู หน้ กั เรียนเตรียมประเด็นคำถามท่ีสงสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คำถาม เพือ่ นำมาอภิปรายร่วมกันใน ชน้ั เรยี นครั้งตอ่ ไป 10. สื่อการเรียนรู้ 1. เคร่ืองชงั่ สปรงิ แบบแขวน 2. แผน่ ไม้ผิวเรยี บ 3. ถุงทราย 4. เทปใส 5. แผน่ พนื้ ผวิ ทีท่ ำจากวัสดุแตกต่างกัน คอื กระดาษทราย ผ้าลินนิ และยาง 6. หนงั สอื เรยี นภาษาตา่ งประเทศหรืออนิ เทอรเ์ น็ต 7. แบบทดสอบหลงั เรียน

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 8. คู่มือการสอน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 9. สอื่ การเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพืน้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 10. แบบฝึกทกั ษะรายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 11. หนังสอื เรียนรายวิชาพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4 11. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรเู้ รื่องผลของมวล 1. ประเมินเจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ 1. ประเมนิ ทักษะกระบวนการ ต่อการเปลีย่ นแปลงการเคล่ือนที่ เปน็ รายบุคคลโดยการสังเกต ทางวิทยาศาสตรโ์ ดยใช้ 2. ตรวจชนิ้ งานหรอื ภาระงานของ และใช้แบบวัดเจตคติทาง แบบวัดทักษะกระบวนการ กจิ กรรมฝึกทักษะระหวา่ งเรยี น วทิ ยาศาสตร์ ทางวทิ ยาศาสตร์ 3. ทดสอบหลงั เรียนโดยใช้ 2. ประเมนิ เจตคติต่อวิทยาศาสตร์ 2. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย แบบทดสอบหลังเรียน เปน็ รายบุคคลโดยการสงั เกต การสงั เกตการทำงานกลมุ่ และใช้แบบวัดเจตคตติ ่อ 3. ประเมนิ ทักษะการ วิทยาศาสตร์ แก้ปญั หาโดยการสงั เกต การทำงานกลุม่ 4. ประเมนิ พฤติกรรมในการ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเปน็ รายบคุ คลหรือรายกล่มุ โดย การสังเกตการทำงานกลุม่

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นร.ู้ .....................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงคก์ ารเรียนร.ู้ .................คน คิดเป็นร้อยละ.................. นักเรยี นนไ่ี มผ่ า่ น มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้ ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรยี นมีความร้คู วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นักเรยี นมคี วามรเู้ กิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 4. นกั เรียนมีเจตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ........................................................................................................................................ .............. 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอื่ .................................................. (นางอมลสิริ คำฟู) ตำแหน่ง ครผู ู้ช่วย

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 46 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว14101 ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 2 เรอ่ื ง การมองเหน็ วตั ถุ เวลา 1 ชวั่ โมง ครูผู้สอน นางอมลสิริ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปล่ียนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏสิ ัมพันธ์ ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาตขิ องคลนื่ ปรากฏการณท์ เ่ี กยี่ วข้องกับเสียง แสง และคลน่ื แม่เหล็กไฟฟ้า รวมทั้งนำความร้ไู ปใช้ประโยชน์ 2. ตัวชี้วดั ช้ันปี จำแนกวัตถุเป็นตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และวัตถุทึบแสงจากลักษณะการมองเห็น สิง่ ตา่ ง ๆ ผ่านวตั ถุน้นั เปน็ เกณฑ์ โดยใชห้ ลักฐานเชิงประจกั ษ์ (ว 2.3 ป. 4/1) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธิบายการมองเหน็ วตั ถุได้ (K) 2. มีความสนใจใฝ่รู้หรืออยากรอู้ ยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรู้ทีเ่ กย่ี วกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานร่วมกบั ผ้อู ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. ส่อื สารและนำความรู้เร่ืองการมองเห็นวัตถุไปใชใ้ นชีวิตประจำวนั ได้ (P) 4. สาระสำคัญ เม่ือมีแสงจากแหลง่ กำเนดิ แสงตกกระทบวัตถุแลว้ สะท้อนมาเข้าตาเราจะทำให้เรามองเห็นวตั ถนุ ัน้ ได้ 5. สาระการเรยี นรู้ การมองเหน็ วัตถุ 6. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. ม่งุ ม่ันในการทำงาน 4. มจี ิตวิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนินชวี ติ 5. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 8. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน สังเกตการมองเห็นวัตถุ 9. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ครดู ำเนนิ การทดสอบก่อนเรยี นโดยใหน้ ักเรยี นทำแบบทดสอบก่อนเรียน เพื่อตรวจสอบความพรอ้ ม และพนื้ ฐานของนักเรยี น ขัน้ นำเขา้ สบู่ ทเรียน 1) ครูกระต้นุ ความสนใจของนกั เรียน โดยการถามคำถามดงั ตอ่ ไปน้ี – ถ้านักเรียนอยู่ในห้องมืดสนิทจะสามารถมองเห็นสิ่งต่างๆ ได้หรือไม่ เพราะอะไร (แนวคำตอบ มองไมเ่ หน็ สิง่ ตา่ ง ๆ เพราะไมม่ แี สงตกกระทบวัตถุแล้วสะทอ้ นเขา้ สู่ตาเรา) – สิ่งใดช่วยให้นักเรียนมองเห็นสิ่งต่างๆ ในห้องที่มืดสนิทได้ (แนวคำตอบ แสงจากหลอดไฟฟ้า หรอื แสงจากไฟฉาย) 2) นักเรียนร่วมกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็น เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่อง การมองเห็น วัตถุ ขน้ั จัดกิจกรรมการเรียนรู้ จดั กิจกรรมการเรยี นรโู้ ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่ึงมีขน้ั ตอนดังนี้ 1) ขัน้ สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแล้วเปิดโอกาสใหน้ ักเรียนในกลุ่มนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการมองเห็นวัตถุท่คี รู มอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพื่อนๆ ในกลุ่มฟัง จากนั้นให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมานำเสนอข้อมูลหน้า ห้องเรียน (2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทำภาระงานที่ได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจากการจดบันทกึ ของนักเรียน และถามคำถามเก่ยี วกบั ภาระงาน ดังน้ี – แหลง่ กำเนดิ แสงคอื อะไร (แนวคำตอบ วัตถุหรอื ส่ิงท่มี ีแสงสวา่ งในตวั เอง) – เรามองเห็นวัตถุได้อย่างไร (แนวคำตอบ เรามองเห็นวัตถุเมื่อแสงจากแหล่งกำเนิดแสงตก กระทบวตั ถแุ ล้วสะทอ้ นเข้าสตู่ าเรา) (3) ครูเปิดโอกาสใหน้ ักเรียนตั้งประเด็นคำถามท่ีนักเรียนสงสัยจากการทำภาระงานอย่างน้อย คนละ 1 คำถาม ซึ่งครใู ห้นักเรียนเตรียมมาลว่ งหนา้ และใหน้ ักเรียนช่วยกันตอบและแสดงความคดิ เห็น (4) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับภาระงาน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า เรามองเห็น วตั ถุเมื่อแสงจากแหลง่ กำเนดิ แสงตกกระทบวัตถุแล้วสะท้อนเข้าสูต่ าเรา 2) ขั้นสำรวจและคน้ หา (Exploration) (1) แบ่งนักเรียนเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3 – 4 คน ปฏิบัติกิจกรรม สังเกตการมองเห็นวัตถุ แต่ละกลุ่ม ปฏบิ ตั ิกิจกรรมตามข้ันตอนท่ีได้วางแผนไว้ ดังน้ี – นำวัตถุชิ้นเล็ก ๆ 2 ชิ้น ใส่ในกล่องกระดาษทึบแสงที่เจาะรูเป็นช่องเล็กๆ ไว้สำหรับมอง จากนั้นปิดฝากลอ่ งแล้วมองดูวัตถทุ อี่ ยู่ในกล่อง สังเกตแลว้ บนั ทกึ ผล – นำไฟฉายทเี่ ปิดไฟวางไวใ้ นกล่องกระดาษ โดยฉายไฟไปทางวตั ถุ จากนน้ั ปดิ ฝากลอ่ งแลว้ มองดู วัตถุทอ่ี ยใู่ นกล่อง สังเกตแล้วบันทกึ ผล

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู (2) ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรยี นขณะปฏิบัตกิ จิ กรรม โดยครเู ดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปดิ โอกาส ให้นักเรียนทกุ คนซกั ถามเมอ่ื มีปญั หา 3) ข้ันอธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) (1) นักเรียนแตล่ ะกล่มุ ส่งตวั แทนกลุ่มนำเสนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหน้าห้องเรียน (2) นกั เรยี นและครูร่วมกนั อภิปรายและหาข้อสรปุ จากการปฏิบตั กิ ิจกรรม โดยใชแ้ นวคำถาม ต่อไปน้ี – นกั เรียนมองเห็นวัตถุในกล่องที่ปิดสนิทเม่ือไม่มีไฟฉายหรือไม่ เพราะอะไร (แนวคำตอบ ไม่เห็น เพราะไม่มีแสงไปตกกระทบวัตถแุ ลว้ สะท้อนมาเข้าตาเรา) – ไฟฉายชว่ ยใหน้ ักเรยี นมองเห็นวตั ถุในกล่องหรือไม่ เพราะอะไร (แนวคำตอบ ชว่ ย เพราะมีแสง จากไฟฉายไปตกกระทบวัตถุแลว้ สะท้อนมาเขา้ ตาเรา) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า เราไม่สามารถ มองเห็นวัตถุที่ไมม่ ีแสงสว่างในตัวเองได้ ถ้าไม่มีแสงจากแหลง่ กำเนิดแสงไปตกกระทบวัตถุเหล่าน้ันแล้วสะท้อน มาเข้าตาเรา 4) ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูเขียนแผนผังการเคลือ่ นทขี่ องแสงท่ีทำใหเ้ รามองเห็นวัตถุ โดยแบง่ เป็น 2 กรณี ดังนี้ – วตั ถทุ ่มี แี สงสวา่ งในตัวเอง วัตถุทม่ี แี สงสวา่ งในตวั เอง (แหลง่ กำเนิดแสง) → ตา – วัตถุที่ไมม่ แี สงสว่างในตวั เอง แหล่งกำเนดิ แสง → วตั ถุ → ตา (2) นกั เรียนค้นคว้าคำศัพทภ์ าษาต่างประเทศเกีย่ วกับการมองเห็น จากหนังสือเรียน ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอรเ์ นต็ และนำเสนอให้เพื่อนในหอ้ งฟัง แล้วคดั คำศัพทพ์ ร้อมทงั้ คำแปลลงสมุดสง่ ครู 5) ขั้นประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏบิ ัติกิจกรรมมีจุดใดบา้ งที่ยังไม่ เข้าใจหรอื ยังมขี อ้ สงสัย ถ้ามี ครูชว่ ยอธิบายเพม่ิ เตมิ ใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจ (2) นักเรียนรว่ มกันประเมินการปฏิบัตกิ ิจกรรมกลุม่ วา่ มีปญั หาหรืออุปสรรคใดและไดแ้ กไ้ ขอยา่ งไรบ้าง (3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ การนำความรู้ไปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยถามคำถามนกั เรียน เช่น – ถ้าไม่มีแสงมาตกกระทบวัตถุที่ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง เราจะมองเห็นวัตถุเหล่านั้นได้หรือไม่ เพราะอะไร – ในหอ้ งมืด เรามองเห็นเฉพาะวัตถุที่แสงจากไฟฉายสอ่ งไปถงึ เพราะอะไร

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู ขน้ั สรุป ครูและนกั เรียนร่วมกันสรปุ เก่ยี วกับการมองเหน็ วัตถุ โดยร่วมกนั เขียนเป็นแผนท่ีความคิดหรือผังมโนทัศน์ 10. สื่อการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรียน 2. กล่องกระดาษทบึ แสงที่เจาะรูเป็นช่องเล็ก ๆ 3. ไฟฉาย 4. วัตถุช้ินเลก็ ๆ 5. หนงั สือเรยี นภาษาต่างประเทศหรืออนิ เทอรเ์ น็ต 6. คมู่ อื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 7. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 8. แบบฝกึ ทกั ษะรายวิชาพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 9. หนงั สอื เรยี นรายวิชาพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 11. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จริยธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความร้เู รื่องการมองเห็น วัตถุ 1. ประเมินเจตคติทางวิทยาศาสตร์ 1. ประเมินทักษะกระบวนการ 2. ตรวจชิน้ งานหรือภาระงานของ เปน็ รายบคุ คลโดยการสังเกต ทางวทิ ยาศาสตร์โดยใชแ้ บบ กจิ กรรมฝกึ ทักษะระหวา่ งเรยี น และใชแ้ บบวัดเจตคติทาง วดั ทกั ษะกระบวนการทาง 3. ทดสอบก่อนเรียนโดยใช้ แบบทดสอบก่อนเรียน วิทยาศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมินเจตคติตอ่ 2. ประเมินทักษะการคิดโดย 3. วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบุคคลโดย การสังเกตการทำงานกลมุ่ การสงั เกตและใชแ้ บบวดั เจตคติ 3. ประเมนิ ทักษะการแก้ปัญหา ตอ่ วทิ ยาศาสตร์ โดยการสังเกตการทำงาน กลมุ่ 4. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏบิ ตั กิ ิจกรรมเป็นรายบุคคล หรอื รายกลมุ่ โดยการสังเกต การทำงานกลุ่ม

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรยี นจำนวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้......................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้..................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. นกั เรยี นนี่ไมผ่ ่าน มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ....................................................................................... ............................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจ (K) .................................................................................................................................... .................. ................................................................................................................. ..................................... 3. นักเรยี นมีความร้เู กิดทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรียนมีเจตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ......................................................................................... ............................................................. ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่อื .................................................. (นางอมลสริ ิ คำฟ)ู ตำแหน่ง ครผู ู้ช่วย

แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 47 สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว14101 ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 เรื่อง การจำแนกตัวกลางของแสง (1) เวลา 1 ชวั่ โมง ครูผสู้ อน นางอมลสริ ิ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสมั พันธ์ ระหว่างสสารและพลังงาน พลงั งานในชวี ิตประจำวัน ธรรมชาติของคล่ืน ปรากฏการณท์ เ่ี กี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลน่ื แม่เหล็กไฟฟา้ รวมทง้ั นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ 2. ตวั ช้ีวดั ชัน้ ปี จำแนกวัตถุเป็นตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และวัตถุทึบแสงจากลักษณะการมองเห็น สิ่งตา่ ง ๆ ผา่ นวัตถนุ ้นั เป็นเกณฑ์ โดยใชห้ ลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ (ว 2.3 ป. 4/1) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ายลกั ษณะการเคลอื่ นท่ขี องแสงผา่ นตัวกลางของแสงตา่ งชนิดกันได้ (K) 2. จำแนกประเภทของตัวกลางของแสงตามสมบตั ขิ องการยอมให้แสงเคลือ่ นท่ีผ่านได้ (K) 3. มคี วามสนใจใฝ่รู้หรอื อยากร้อู ยากเห็น (A) 4. พอใจในประสบการณ์การเรยี นรทู้ ่ีเกีย่ วกับวิทยาศาสตร์ (A) 5. ทำงานร่วมกบั ผู้อ่นื อย่างสร้างสรรค์ (A) 6. ส่ือสารและนำความรู้เร่ืองการจำแนกตัวกลางของแสงไปใช้ในชวี ิตประจำวันได้ (P) 4. สาระสำคญั นักวิทยาศาสตร์จำแนกให้สิ่งที่แสงผา่ นได้เปน็ ตัวกลางของแสงและให้สิ่งที่แสงไม่สามารถผ่านได้เปน็ วัตถุ ทบึ แสง โดยตวั กลางของแสงแบ่งไดเ้ ปน็ ตัวกลางโปรง่ ใสและตัวกลางโปร่งแสง 5. สาระการเรยี นรู้ ตัวกลางของแสง – การจำแนกตัวกลางของแสง 6. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน 4. มจี ติ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 7. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนนิ ชวี ิต 8. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน สังเกตแสงส่องผา่ นวตั ถุต่างชนิดกนั 9. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ข้นั นำเข้าสูบ่ ทเรยี น 1) ครกู ระตนุ้ ความสนใจของนกั เรยี น โดยการถามคำถามดังต่อไปนี้ – ถ้านักเรียนอยู่ในห้องที่มีหน้าต่างที่ทำจากกระจกแก้วใสแล้วมองออกไปภายนอกผ่านหน้าต่าง นักเรียนจะมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ชัดเจนหรือไม่ เพราะอะไร (แนวคำตอบ มองเห็นสิ่งต่างๆ ชัดเจน เพราะกระจก แกว้ มคี วามใส แสงเคลื่อนท่ผี า่ นได้ดี แสงจากวตั ถุจงึ สะทอ้ นเข้าสู่ตาเราทำใหเ้ ห็นวัตถชุ ัดเจน) – ถ้านักเรียนอยู่ในห้องที่มีหน้าต่างที่ทำจากกระจกฝ้าที่มีความขุ่น เมื่อมองออกไปภายนอกผ่าน หน้าต่าง นักเรียนจะมองเห็นสิ่งต่าง ๆ เหมือนกับที่มองเห็นจากหน้าต่างที่ทำจากกระจกแก้วใสหรือไม่ เพราะ อะไร (แนวคำตอบ มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ไม่ชัดเจนเท่ากับการมองผ่านหน้าต่างที่ทำจากกระจกแก้วใส เพราะ กระจกฝ้ามีความขุ่น แสงเคลื่อนที่ผ่านได้บางส่วน แสงจากวัตถุจึงสะท้อนเข้าสู่ตาเราบางส่วนทำใหเ้ ห็นวัตถไุ ม่ ชดั เจน) 2) นักเรียนร่วมกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็น เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่องตัวกลางของ แสง ข้นั จัดกิจกรรมการเรยี นรู้ จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้โดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซง่ึ มขี ้ันตอนดงั น้ี 1) ขนั้ สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูนำอุปกรณ์ต่างๆ ที่เป็นตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และวัตถุทึบแสงมาให้นักเรียนดู เช่น แก้วน้ำใส กระจกฝ้า และจานกระเบื้อง จากนั้นให้นักเรียนช่วยกันแสดงความคิดเห็นว่าวัตถุใดที่แสงเคลื่อนท่ี ผ่านได้และวัตถุใดที่แสงเคลื่อนที่ผ่านไม่ได้ (แนวคำตอบ แสงเคลื่อนที่ผ่านแก้วน้ำใสและกระจกฝ้าได้ แต่แสง เคล่ือนทีผ่ า่ นจานกระเบ้ืองไมไ่ ด)้ (2) นกั เรียนรว่ มกนั อภปิ รายเกี่ยวกบั คำตอบจากคำถามของครูตามประสบการณ์ของนักเรียน 2) ขน้ั สำรวจและค้นหา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศึกษาเรื่องตัวกลางของแสงจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้ นักเรียนเข้าใจว่า แสงเคลื่อนที่ผ่านสิ่งต่างๆ ได้แตกต่างกัน เราใช้ความแตกต่างนี้ในการจำแนกสิ่งที่แสง เคล่อื นที่ผา่ นเปน็ กลุม่ ได้ (2) นักเรียนแบ่งกลุ่ม ปฏิบัติกิจกรรมที่ 15 สังเกตแสงส่องผ่านวัตถุต่างชนิดกัน แต่ละกลุ่มปฏิบัติ กจิ กรรมตามขน้ั ตอนทไี่ ดว้ างแผนไว้ ดงั นี้ – ใชค้ ลปิ หนบี กระดาษทำเป็นขาตง้ั หนบี กระดาษแข็งสขี าว 1 แผน่ นำมาต้ังขนึ้

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู – ปดิ หอ้ งเรียนเพ่ือให้ห้องมืด จากนนั้ ฉายแสงจากไฟฉายไปยังกระดาษแข็งสีขาว แล้วบันทึกผล การสงั เกต – ฉายแสงจากไฟฉายไปยังกระดาษแข็งสีขาว ขณะเดียวกันก็ถือพลาสติกใสกั้นไว้ด้านหน้าไฟ ฉาย บันทกึ ผลการสังเกต – ดำเนินการสงั เกตซ้ำตามขั้นตอนที่ 3 แตใ่ ช้พลาสตกิ ใสสี กระดาษไข กระดาษแข็งสขี าว ไม้อัด บางๆ กระจกฝา้ และแก้วนำ้ ใสแทน (3) ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิด โอกาสใหน้ ักเรยี นทุกคนซกั ถามเม่อื มีปัญหา 3) ข้นั อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (1) นักเรยี นแต่ละกลุ่มส่งตวั แทนกลมุ่ นำเสนอผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมหนา้ ห้องเรียน (2) นกั เรียนและครูร่วมกันอภิปรายและหาขอ้ สรุปจากการปฏิบัติกจิ กรรม โดยใชแ้ นวคำถาม ตอ่ ไปน้ี – แสงเคลื่อนที่ผ่านวัตถุได้ทุกชนิดหรือไม่ สังเกตจากอะไร (แนวคำตอบ แสงเคลื่อนที่ผ่านวัตถุ ไม่ได้ทกุ ชนดิ สังเกตจากความชดั เจนของแสงบนกระดาษแข็งสีขาวทใี่ ช้เป็นฉากเมือ่ มีวตั ถุแตกต่างกันมาก้ันการ เคลอื่ นทข่ี องแสง) – แสงเคลื่อนที่ผ่านวัตถุได้กี่ลักษณะ และมีลักษณะใดบ้าง (แนวคำตอบ 3 ลักษณะ คือ 1) เคลอ่ื นท่ีผา่ นวตั ถไุ ด้ทง้ั หมด 2) เคลือ่ นที่ผา่ นวตั ถไุ ด้บางสว่ น และ 3) เคล่อื นผา่ นวตั ถไุ มไ่ ด้เลย) – จากการปฏิบัติกิจกรรมสามารถจำแนกวัตถุได้หรือไม่ และใช้อะไรเป็นเกณฑ์ (แนวคำตอบ สามารถจำแนกวตั ถุได้ โดยใช้การยอมใหแ้ สงเคลอื่ นทผี่ า่ นเปน็ เกณฑ์) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏบิ ัติกจิ กรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า เมื่อมีสสารหรือ วัตถุมากัน้ การเคลื่อนที่ของแสง สสารหรอื วัตถุแต่ละชนิดจะยอมให้แสงส่องผ่านได้แตกต่างกันนักวิทยาศาสตร์ จำแนกให้สสารหรือวัตถุที่แสงผ่านได้เป็นตัวกลางของแสง และให้สสารหรือวัตถุที่แสงไม่สามารถผ่านได้เป็น วตั ถุทึบแสง 4) ข้นั ขยายความรู้ (Elaboration) ครูขยายความร้โู ดยอธิบายใหน้ ักเรียนเข้าใจว่า ตวั กลางโปรง่ ใส แสงจะเคลื่อนท่ผี ่านตวั กลางได้ท้ังหมด ตัวกลางโปร่งแสง แสงจะเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางได้บางส่วน และวัตถุทึบแสง แสงจะเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางไม่ได้ เลย เม่ือแสงผ่านเข้าสู่ตาเราไมเ่ ทา่ กนั เราจงึ มองเห็นวตั ถชุ ัดเจนแตกต่างกนั หรอื อาจมองไมเ่ หน็ วัตถเุ ลย 5) ข้ันประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยงั ไม่ เข้าใจหรอื ยังมีขอ้ สงสยั ถ้ามี ครชู ว่ ยอธิบายเพมิ่ เตมิ ใหน้ กั เรยี นเข้าใจ (2) นกั เรียนรว่ มกนั ประเมนิ การปฏิบตั กิ ิจกรรมกลมุ่ วา่ มปี ัญหาหรอื อปุ สรรคใดและได้แก้ไขอยา่ งไรบ้าง (3) ครูและนกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเห็นเก่ยี วกับประโยชนท์ ่ีได้รบั จากการปฏิบัติกจิ กรรมและการ นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยถามคำถามนักเรียน เช่น – ตวั กลางของแสงแบง่ เปน็ ก่ีชนิด อะไรบ้าง – ตัวกลางของแสงและวตั ถทุ ึบแสงแตกตา่ งกนั ลกั ษณะใด

แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู ขนั้ สรปุ ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรุปเกยี่ วกบั การจำแนกตัวกลางของแสง โดยรว่ มกันเขียนเป็นแผนที่ความคิดหรือ ผังมโนทัศน์ 10. ส่ือการเรยี นรู้ 1. อุปกรณ์ตา่ ง ๆ ทีเ่ ปน็ ตัวกลางโปร่งใส ตวั กลางโปรง่ แสง และวัตถุทบึ แสง 2. ใบกจิ กรรมท่ี 15 สังเกตแสงสอ่ งผา่ นวตั ถุตา่ งชนิดกนั 3. คมู่ ือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4 4. สื่อการเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 5. แบบฝกึ ทกั ษะรายวชิ าพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4 6. หนังสือเรียนรายวชิ าพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 9. หนงั สือเรียนรายวิชาพนื้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 4 11. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จริยธรรมและ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรเู้ รื่องการจำแนก ตัวกลางของแสง 1. ประเมินเจตคติทางวิทยาศาสตร์ 1. ประเมนิ ทักษะกระบวนการ 2. ตรวจช้ินงานหรือภาระงานของ เปน็ รายบุคคลโดยการสังเกต ทางวทิ ยาศาสตรโ์ ดยใช้ กิจกรรมฝกึ ทกั ษะระหวา่ งเรยี น และใชแ้ บบวัดเจตคติทาง แบบวดั ทักษะกระบวนการ วิทยาศาสตร์ ทางวทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมนิ เจตคติต่อวิทยาศาสตร์ 2. ประเมินทักษะการคิดโดย เปน็ รายบุคคลโดยการสงั เกต การสังเกตการทำงานกล่มุ และใช้แบบวดั เจตคตติ อ่ 3. ประเมินทักษะการ วทิ ยาศาสตร์ แก้ปัญหาโดยการสังเกต การทำงานกลุ่ม 4. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏิบัติกิจกรรมเป็น รายบุคคลหรือรายกลุ่มโดย การสังเกตการทำงานกลมุ่

แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทึกผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นจำนวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้......................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. ไม่ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู.้ .................คน คิดเป็นร้อยละ.................. นักเรยี นน่ไี ม่ผ่าน มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไม่ผา่ นจุดประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... ................................................................................................................................ ...................... 2. นกั เรยี นมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นักเรยี นมคี วามรเู้ กดิ ทกั ษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรยี นมีเจตคติ ค่านิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) .................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชื่อ.................................................. (นางอมลสิริ คำฟ)ู ตำแหน่ง ครูผ้ชู ว่ ย

แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 48 สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหสั วชิ า ว14101 ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 2 เรื่อง การจำแนกตัวกลางของแสง (2) เวลา 1 ชวั่ โมง ครูผสู้ อน นางอมลสริ ิ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏิสมั พันธ์ ระหว่างสสารและพลังงาน พลงั งานในชวี ิตประจำวัน ธรรมชาติของคล่ืน ปรากฏการณท์ เ่ี กี่ยวข้องกับเสียง แสง และคลน่ื แม่เหล็กไฟฟา้ รวมทง้ั นำความร้ไู ปใชป้ ระโยชน์ 2. ตวั ช้ีวดั ชัน้ ปี จำแนกวัตถุเป็นตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และวัตถุทึบแสงจากลักษณะการมองเห็น สิ่งตา่ ง ๆ ผา่ นวัตถนุ ้นั เป็นเกณฑ์ โดยใช้หลกั ฐานเชิงประจกั ษ์ (ว 2.3 ป. 4/1) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ายลกั ษณะการเคลอื่ นท่ขี องแสงผา่ นตัวกลางของแสงตา่ งชนดิ กันได้ (K) 2. จำแนกประเภทของตัวกลางของแสงตามสมบตั ขิ องการยอมให้แสงเคลือ่ นท่ีผ่านได้ (K) 3. มคี วามสนใจใฝ่รู้หรอื อยากร้อู ยากเห็น (A) 4. พอใจในประสบการณ์การเรยี นร้ทู ่ีเกีย่ วกับวิทยาศาสตร์ (A) 5. ทำงานร่วมกบั ผู้อ่นื อย่างสร้างสรรค์ (A) 6. ส่ือสารและนำความรู้เร่ืองการจำแนกตวั กลางของแสงไปใช้ในชวี ิตประจำวันได้ (P) 4. สาระสำคญั นักวิทยาศาสตร์จำแนกให้สิ่งที่แสงผา่ นได้เปน็ ตัวกลางของแสงและให้สิ่งที่แสงไม่สามารถผ่านได้เปน็ วัตถุ ทบึ แสง โดยตวั กลางของแสงแบ่งไดเ้ ปน็ ตัวกลางโปร่งใสและตัวกลางโปร่งแสง 5. สาระการเรยี นรู้ ตัวกลางของแสง – การจำแนกตัวกลางของแสง 6. คณุ ลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มงุ่ มนั่ ในการทำงาน 4. มจี ติ วทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 7. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ชิ้นงานหรอื ภาระงาน จำแนกวัตถุในชวี ติ ประจำวันเป็นตัวกลางโปร่งแสง ตวั กลางโปร่งใส และวตั ถุทบึ แสง 9. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขั้นนำเขา้ สู่บทเรยี น 1) ครูทบทวนความรู้เดิมเกี่ยวกับการจำแนกตัวกลางของแสง โดยการถามคำถามนักเรียนว่า ตัวกลาง ของแสงคืออะไร (แนวคำตอบ สสารหรือวัตถทุ ี่แสงเคลื่อนท่ีผ่านได้) 2) นกั เรยี นช่วยกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกย่ี วกับคำตอบของคำถาม เพอ่ื เช่อื มโยงไปสู่การ เรยี นรเู้ ร่ือง การจำแนกตัวกลางของแสง ข้ันจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ จัดกจิ กรรมการเรยี นร้โู ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่ึงมีขัน้ ตอนดังน้ี 1) ขั้นสรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตุ้นนักเรียนโดยการถามคำถามนักเรียนว่า สสารหรือวัตถุรอบตัวของนักเรียนเป็นตัวกลาง ชนดิ ใดบา้ ง ยกตัวอยา่ งคนละ 1 ขอ้ (แนวคำตอบ กระจกใสเปน็ ตวั กลางโปรง่ ใส) (2) นกั เรยี นรว่ มกันอภิปรายเกย่ี วกับคำตอบจากคำถามของครตู ามประสบการณ์ของนกั เรียน 2) ขน้ั สำรวจและคน้ หา (Exploration) (1) แบง่ กลมุ่ นกั เรียน กล่มุ ละ 5 – 6 คน แตล่ ะกลุ่มเขยี นตารางแสดงหวั ข้อ ตวั กลางโปรง่ ใส ตัวกลาง โปร่งแสง และวัตถุทึบแสงบนกระดาษ จากนั้นให้แต่ละคนในกลุ่ มช่วยกันบอกว่าสสารหรือวัตถุใน ชวี ติ ประจำวนั ชนดิ ใดจัดอยู่ในกลมุ่ ดังกลา่ ว (2) ครคู อยแนะนำชว่ ยเหลือนกั เรียนขณะปฏิบัตกิ ิจกรรม โดยครเู ดินดรู อบๆ ห้องเรยี นและเปิดโอกาส ให้นกั เรียนทุกคนซกั ถามเมอ่ื มีปัญหา 3) ขัน้ อธบิ ายและลงขอ้ สรุป (Explanation) (1) นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ สง่ ตวั แทนกลุม่ นำเสนอผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมหนา้ ห้องเรยี น (2) นักเรียนและครรู ว่ มกนั อภปิ รายและหาข้อสรปุ จากการปฏิบตั ิกิจกรรม โดยใชแ้ นวคำถาม ต่อไปน้ี – ตัวกลางโปรง่ ใสมีอะไรบา้ ง (แนวคำตอบ อากาศและนำ้ เปลา่ ) – ตวั กลางโปร่งแสงมอี ะไรบา้ ง (แนวคำตอบ ผา้ ขาวบางและผา้ เช็ดหนา้ ) – วัตถุทบึ แสงมอี ะไรบา้ ง (แนวคำตอบ ไม้บรรทัดเหลก็ และรองเทา้ ) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า สสารหรือวัตถุ รอบตัวเรายอมให้แสงเคลื่อนที่ผ่านได้แตกต่างกัน ซึ่งจำแนกได้ 3 กลุ่ม คือ ตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และวัตถทุ บึ แสง

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 4) ขั้นขยายความรู้ (Elaboration) นักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับการจำแนกตัวกลางของแสง จากหนังสือเรียน ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนำเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคัดคำศัพท์พร้อมทั้งคำแปลลงสมุดส่ง ครู 5) ขัน้ ประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏบิ ัติกิจกรรมมีจุดใดบา้ งที่ยงั ไม่ เขา้ ใจหรือยังมขี อ้ สงสัย ถา้ มี ครชู ่วยอธบิ ายเพม่ิ เติมใหน้ กั เรยี นเข้าใจ (2) นักเรยี นรว่ มกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลุม่ วา่ มีปญั หาหรืออุปสรรคใดและไดแ้ ก้ไขอย่างไรบา้ ง (3) ครูและนกั เรยี นร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกีย่ วกับประโยชน์ท่ีไดร้ ับจากการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมและการ นำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยถามคำถามนกั เรียน เชน่ – กระจกใสและกระจกเงาเป็นตัวกลางกลุ่มเดยี วกันหรือไม่ เพราะอะไร – วตั ถทุ เ่ี ปน็ ตวั กลางกลุ่มเดียวกันต้องมสี มบตั ใิ ดเหมอื นกัน ขนั้ สรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเก่ียวกบั การจำแนกตัวกลางของแสง โดยร่วมกันเขียนเปน็ แผนท่ีความคิดหรือ ผังมโนทัศน์ 10. สื่อการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียนภาษาตา่ งประเทศหรืออินเทอรเ์ นต็ 2. คูม่ ือการสอน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 3. ส่อื การเรียนรู้ PowerPoint รายวชิ าพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 4. แบบฝกึ ทกั ษะรายวชิ าพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปที ่ี 4 5. หนงั สือเรียนรายวชิ าพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 11. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรูเ้ รื่องการจำแนก 1. ประเมนิ ทักษะการคดิ โดย ตวั กลางของแสง 1. ประเมนิ เจตคตทิ าง การสังเกตการทำงานกลุ่ม วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 2. ตรวจชน้ิ งานหรือภาระงานของ โดยการสงั เกตและใช้แบบวัด 2. ประเมนิ พฤติกรรมในการ กจิ กรรมฝึกทกั ษะระหว่างเรียน เจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ ปฏิบตั ิกิจกรรมเป็น รายบุคคลหรอื รายกลมุ่ โดย 2. ประเมินเจตคตติ ่อ การสงั เกตการทำงานกลมุ่ วทิ ยาศาสตร์เป็นรายบคุ คล โดยการสังเกตและใชแ้ บบวดั เจตคติต่อวิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทกึ ผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู.้ .....................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรยี นร.ู้ .................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นกั เรยี นนีไ่ มผ่ า่ น มีดงั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นที่ไมผ่ า่ นจุดประสงค์การเรยี นรู้ ........................................................................................... ........................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 3. นักเรยี นมคี วามรเู้ กิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 4. นกั เรียนมเี จตคติ ค่านยิ ม คณุ ธรรมจรยิ ธรรม (A) .................................................................................. .................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่อื .................................................. (นางอมลสิริ คำฟู) ตำแหนง่ ครูผชู้ ว่ ย

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 49 สาระการเรียนรูว้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรอื่ ง ตัวกลางของแสง เวลา 1 ชวั่ โมง ครผู ู้สอน นางอมลสิริ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เขา้ ใจความหมายของพลงั งาน การเปลี่ยนแปลงและการถ่ายโอนพลังงาน ปฏสิ มั พันธ์ ระหวา่ งสสารและพลังงาน พลงั งานในชีวิตประจำวัน ธรรมชาตขิ องคลื่น ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเสียง แสง และคล่ืนแม่เหลก็ ไฟฟา้ รวมทั้งนำความรไู้ ปใชป้ ระโยชน์ 2. ตวั ชี้วัดชัน้ ปี จำแนกวัตถุเป็นตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และวัตถุทึบแสงจากลักษณะการมองเห็น สิ่งตา่ ง ๆ ผา่ นวัตถนุ ้ันเป็นเกณฑ์ โดยใชห้ ลักฐานเชิงประจักษ์ (ว 2.3 ป. 4/1) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. จำแนกวัตถุเปน็ ตวั กลางโปร่งใส ตวั กลางโปรง่ แสง และวัตถุทบึ แสงได้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝ่ร้หู รืออยากรอู้ ยากเห็น (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนรทู้ เี่ ก่ียวกับวิทยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานร่วมกบั ผอู้ น่ื อย่างสร้างสรรค์ (A) 5. ส่ือสารและนำความรเู้ รื่องตวั กลางของแสงไปใช้ในชวี ติ ประจำวันได้ (P) 4. สาระสำคญั นักวิทยาศาสตร์จำแนกให้สิ่งทีแ่ สงผ่านได้เปน็ ตัวกลางของแสงและให้สิ่งที่แสงไม่สามารถผ่านได้เปน็ วัตถุ ทบึ แสง โดยตวั กลางของแสงแบ่งได้เปน็ ตัวกลางโปร่งใสและตัวกลางโปร่งแสง 5. สาระการเรยี นรู้ ตัวกลางของแสง คอื วัตถหุ รอื สิง่ ทย่ี อมใหแ้ สงผ่าน แบง่ เป็นตัวกลางโปรง่ ใสและตัวกลางโปร่งแสง ส่วน วัตถทุ ึบแสง คอื วตั ถหุ รอื สิ่งท่ไี ม่ยอมใหแ้ สงผา่ น 6. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. ม่งุ ม่นั ในการทำงาน 4. มจี ิตวทิ ยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 7. สมรรถนะสำคัญของผ้เู รยี น 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนนิ ชีวิต 5. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชน้ิ งานหรอื ภาระงาน ออกแบบการทดสอบวัตถุเพ่ือจำแนกเป็นตัวกลางโปรง่ ใส ตัวกลางโปรง่ แสง และวัตถุทบึ แสง 9. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ขนั้ นำเขา้ สบู่ ทเรยี น 1) ครทู บทวนความร้เู ดิมเกยี่ วกับการจำแนกตวั กลางของแสง โดยการถามคำถามดงั ตอ่ ไปน้ี – การจำแนกตวั กลางของแสงใชเ้ กณฑ์ใดในการจำแนก (แนวคำตอบ การยอมให้แสงผา่ น) – จากเกณฑ์ที่ใช้จำแนกตัวกลางของแสง เราสามารถจำแนกสิ่งที่ขวางการเคลื่อนที่ของแสงได้ เปน็ กี่ชนิด อะไรบ้าง (แนวคำตอบ 3 ชนิด คอื ตัวกลางโปร่งใส ตวั กลางโปรง่ แสง และวัตถทุ ึบแสง) 2) นักเรียนร่วมกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็น เพื่อเชื่อมโยงไปสู่การเรียนรู้เรื่อง ตัวกลางของ แสง ข้นั จดั กิจกรรมการเรยี นรู้ จัดกจิ กรรมการเรียนร้โู ดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่งึ มขี ั้นตอนดังน้ี 1) ขนั้ สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูให้นักเรียนช่วยกันสำรวจสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในห้องเรียน แล้วให้นักเรียนบอกว่า สิ่งนั้นเป็นตัวกลาง ชนดิ ใด เพราะอะไร (แนวคำตอบ หนา้ ปดั นาฬกิ าเป็นตัวกลางโปร่งใส เพราะแสงเคลอ่ื นทีผ่ า่ นหนา้ ปัดนาฬิกาได้ ท้ังหมด ทำให้เรามองเห็นตัวเลขและเขม็ นาฬิกาได้ชดั เจน) (2) นกั เรยี นร่วมกันอภปิ รายเกยี่ วกบั คำตอบจากคำถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรียน 2) ขัน้ สำรวจและคน้ หา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศึกษาเรื่องตัวกลางของแสงจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้ นักเรียนเข้าใจว่า แสงเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางโปร่งใสได้ทั้งหมด แสงเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางโปร่งแสงได้บางส่วน และแสงเคล่ือนทผ่ี า่ นวตั ถทุ ึบแสงไม่ได้เลย (2) ครูให้นักเรียนแบ่งกลุ่มเพื่อออกแบบการทดสอบวัตถุต่างๆ ในโรงเรียนว่าเป็นตัวกลางชนิดใด พรอ้ มกบั นบั จำนวนตัวกลางแตล่ ะชนิดแลว้ นำเสนอในรูปของกราฟแทง่ (3) ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ บริเวณที่สำรวจและ เปิดโอกาสให้นักเรยี นทกุ คนซกั ถามเม่อื มปี ญั หา

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 3) ข้ันอธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation) (1) นักเรียนแต่ละกลุม่ สง่ ตวั แทนกลุม่ นำเสนอผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมหน้าหอ้ งเรยี น (2) นกั เรียนและครรู ว่ มกนั อภปิ รายและหาข้อสรปุ จากการปฏิบัตกิ ิจกรรม โดยใช้แนวคำถาม ตอ่ ไปน้ี – นักเรยี นกำหนดปญั หาของกิจกรรมว่าอะไร (แนวคำตอบ แสงเคลื่อนที่ผ่านวตั ถใุ ดไดบ้ า้ ง) – นักเรยี นทดสอบวตั ถุตา่ งๆ ดว้ ยวธิ ีใด (แนวคำตอบ นำไฟฉายไปสอ่ งวัตถตุ ่างๆ แลว้ สงั เกตความ สวา่ งของแสงดา้ นหลงั วัตถนุ ั้นๆ) – ตวั กลางชนดิ ใดทีน่ ักเรยี นสำรวจไดม้ ากท่ีสดุ (แนวคำตอบ วตั ถุทึบแสง) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏบิ ัติกจิ กรรม โดยครเู นน้ ให้นักเรียนเขา้ ใจว่า ตัวกลางของแสง แตล่ ะชนดิ ยอมให้แสงผ่านไดแ้ ตกต่างกัน 4) ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูเชื่อมโยงความรู้เข้ากับหลักเศรษฐกิจพอเพียง โดยครูให้นักเรียนช่วยกันบอกวิธีการใช้พลังงาน ไฟฟ้าอย่างประหยัด โดยยึดหลักการทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของแสงผ่านตัวกลางต่างชนิดกัน เช่น – หมั่นทำความสะอาดหลอดไฟฟ้าเป็นประจำ เพราะฝุ่นละอองที่มาเกาะหลอดไฟฟ้าทำให้แสง เคลื่อนที่ผ่านได้น้อยลง เราจะได้ไม่เข้าใจผิดว่าหลอดไฟฟ้าใกล้หมดอายุการใช้งานและจะได้ไม่ต้องเปลี่ยน หลอดไฟฟา้ ใหมบ่ อ่ ยๆ – หม่นั ทำความสะอาดหนา้ จอคอมพิวเตอร์และหนา้ จอโทรทศั น์เป็นประจำ เพื่อเปน็ การกำจัดฝุ่น ละอองที่มาเกาะบนหน้าจอ เพราะฝุ่นละอองที่มาเกาะหน้าจอทำให้แสงเดนิ ทางผ่านได้น้อยลง ส่งผลให้เราต้อง ปรับหนา้ จอให้สวา่ งขึ้นซง่ึ เป็นการเปลืองพลังงานไฟฟ้า – ใช้ม่านบงั ชนิดโปร่งแสงในเวลากลางวัน เพราะม่านชนิดโปรง่ แสงจะกันแสงและความร้อนจาก ดวงอาทติ ยบ์ างสว่ น และยังทำให้เรามองเหน็ สิง่ ตา่ งๆ ในห้องได้ อากาศในหอ้ งจะได้ไมร่ ้อนมากเกนิ ไปและจะได้ ช่วยลดการทำงานของพดั ลมและเคร่อื งปรับอากาศ (2) นักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับตัวกลางของแสง จากหนังสือเรียน ภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนำเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคัดคำศัพท์พร้อมทั้งคำแปลลงสมุดสง่ ครู 5) ขั้นประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏบิ ัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยงั ไม่ เข้าใจหรอื ยงั มีขอ้ สงสัย ถ้ามคี รชู ่วยอธิบายเพิ่มเติมใหน้ กั เรียนเขา้ ใจ (2) นักเรียนร่วมกันประเมนิ การปฏิบัติกจิ กรรมกลมุ่ ว่ามีปญั หาหรอื อุปสรรคใดและได้แกไ้ ขอย่างไรบา้ ง (3) ครูและนกั เรียนรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ เกย่ี วกับประโยชนท์ ี่ไดร้ บั จากการปฏิบตั ิกิจกรรมและการ นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยถามคำถามนกั เรยี น เช่น – ยกตวั อยา่ งตวั กลางโปรง่ ใส ตัวกลางโปร่งแสง และวัตถุทบึ แสงมาอยา่ งละ 1 ชนิด – ถ้านักเรียนจะลดความสว่างของแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านหน้าต่างที่ทำจากกระจกใสลง นักเรียน จะทำวิธีใด

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู ข้ันสรุป ครูและนกั เรยี นรว่ มกันสรุปเกย่ี วกบั ตัวกลางของแสง โดยรว่ มกนั เขยี นเปน็ แผนที่ความคดิ หรือผังมโนทัศน์ 10. สื่อการเรียนรู้ 1. ไฟฉาย 2. คูม่ อื การสอน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 3. ส่ือการเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 4. แบบฝึกทักษะรายวิชาพืน้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 5. หนงั สอื เรียนรายวชิ าพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 11. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วิทยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรเู้ รื่องตัวกลางของแสง 2. ตรวจช้นิ งานหรือภาระงานของ 1. ประเมินเจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ 1. ประเมนิ ทักษะกระบวนการ กิจกรรมฝึกทกั ษะระหวา่ งเรียน เป็นรายบุคคลโดยการสงั เกต ทางวิทยาศาสตร์โดยใช้ และใชแ้ บบวดั เจตคติทาง แบบวัดทักษะกระบวนการ วทิ ยาศาสตร์ ทางวทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมนิ เจตคติต่อวิทยาศาสตร์ 2. ประเมินทักษะการคิดโดย เปน็ รายบคุ คลโดยการสังเกต การสังเกตการทำงานกลุ่ม และใช้แบบวัดเจตคตติ ่อ 3. ประเมินทักษะการ วทิ ยาศาสตร์ แก้ปญั หาโดยการสังเกต การทำงานกลมุ่ 4. ประเมนิ พฤติกรรมในการ ปฏิบัตกิ จิ กรรมเปน็ รายบุคคลหรือรายกลุม่ โดย การสงั เกตการทำงานกลุ่ม

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บนั ทึกผลหลังการจดั การเรียนรู้ 12.1 สรุปผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนร.ู้ .....................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. ไมผ่ า่ นจุดประสงคก์ ารเรยี นร้.ู .................คน คิดเป็นร้อยละ.................. นักเรียนนไ่ี มผ่ ่าน มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 2. นักเรียนมคี วามรคู้ วามเข้าใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นักเรียนมคี วามรเู้ กิดทักษะ (P) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านิยม คณุ ธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (นางอมลสิริ คำฟ)ู ตำแหน่ง ครูผชู้ ว่ ย

แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจัดการเรยี นร้ทู ี่ 50 สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4 หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 เรอ่ื ง การเกดิ เงา (1) เวลา 1 ชวั่ โมง ครูผูส้ อน นางอมลสิริ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลี่ยนแปลงและการถา่ ยโอนพลงั งาน ปฏิสัมพันธ์ ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชวี ติ ประจำวนั ธรรมชาตขิ องคลนื่ ปรากฏการณ์ ท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั เสียง แสง และคลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟา้ รวมท้ังนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ 2. ตวั ชี้วัดชั้นปี จำแนกวัตถุเป็นตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และวัตถุทึบแสงจากลักษณะการมองเห็นสิ่งต่างๆ ผา่ นวตั ถนุ ัน้ เป็นเกณฑ์ โดยใช้หลักฐานเชิงประจกั ษ์ (ว 2.3 ป. 4/1) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธิบายการเกดิ เงาของวตั ถุได้ (K) 2. มีความสนใจใฝ่รหู้ รอื อยากรู้อยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้ที่เก่ยี วกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานร่วมกับผอู้ ่นื อยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. ส่ือสารและนำความร้เู ร่ืองการเกดิ เงาไปใชใ้ นชีวติ ประจำวนั ได้ (P) 4. สาระสำคัญ เงาเกิดขึ้นเมื่อวัตถุทึบแสงกั้นการเคลื่อนที่ของแสงจากแหล่งกำเนิดแสง ทำให้เกิดเป็นบริเวณมืด ดา้ นหลังวัตถทุ บึ แสง 5. สาระการเรยี นรู้ ตวั กลางของแสง – การเกิดเงา 6. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุ่งมน่ั ในการทำงาน 4. มีจิตวิทยาศาสตร์

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 7. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการสื่อสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนินชีวิต 8. ชนิ้ งานหรือภาระงาน สงั เกตการเกดิ เงา 9. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั นำเข้าสบู่ ทเรยี น 1) ครทู บทวนความรเู้ ดมิ เกีย่ วกบั วตั ถทุ บึ แสง โดยการถามคำถามดงั ต่อไปน้ี – วัตถทุ ึบแสงมสี มบตั ิลกั ษณะใด (แนวคำตอบ ไม่ยอมใหแ้ สงเคล่อื นทีผ่ ่าน) – ยกตวั อยา่ งวตั ถุทึบแสงมา 3 ชนดิ (แนวคำตอบ แผน่ กระเบอื้ ง แผน่ ยาง และแผ่นไม้อดั ) 2) นกั เรยี นร่วมกนั ตอบคำถามและแสดงความคิดเหน็ เพื่อเชอื่ มโยงไปสูก่ ารเรยี นรเู้ ร่ือง การเกิดเงา ขน้ั จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซ่งึ มีขน้ั ตอนดังนี้ 1) ขนั้ สร้างความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตุ้นความสนใจของนกั เรยี น โดยการถามคำถามดังต่อไปนี้ – นักเรยี นเคยสงั เกตเงาของตวั เองหรือไม่ มีลักษณะใด (แนวคำตอบ เคย เงาของตวั เองมีลักษณะ คล้ายกับรูปร่างของตัวเองแต่จะมองเหน็ เปน็ บรเิ วณมืดท้งั หมด) – นักเรียนเห็นเงาของตัวเองในเวลาใด (แนวคำตอบ เวลาที่ออกไปยืนกลางแจ้งแล้วแสงอาทิตย์ กระทบตัว) (2) นักเรยี นรว่ มกันอภปิ รายเกี่ยวกบั คำตอบจากคำถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรียน 2) ขน้ั สำรวจและคน้ หา (Exploration) (1) ให้นักเรียนศึกษาเรื่องการเกิดเงาจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียน เข้าใจว่า เมื่อแสงเคลื่อนที่ไปยังวัตถุทึบแสงทีส่ ามารถก้ันแสงได้ท้ังหมดจะเกิดเป็นบริเวณมืดหลังวตั ถุทึบแสงท่ี เรียกว่า เงา (2) แบ่งกลุ่มนกั เรียน กลมุ่ ละ 5–6 คน เพื่อสังเกตการเกดิ เงาตามขั้นตอนที่วางแผนไว้ ดังน้ี – ตัวแทนกลุ่มออกมารับไฟฉายและวัตถุทึบแสงที่มีรูปทรงแตกต่างกัน คือ วัตถุทรงกลม วัตถุ ทรงกระบอก และวตั ถุทรงลกู บาศก์ วตั ถทุ บึ แสงรูปทรงตา่ ง ๆ – สมาชิกในกลุ่มรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ ว่า เงาทเ่ี กดิ จากวัตถทุ บึ แสงแตล่ ะชิ้น มลี ักษณะใด

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู – ทดสอบการเกดิ เงาของวตั ถุทึบแสงท้งั 3 ชิน้ โดยใหร้ ะยะหา่ งระหวา่ งแหล่งกำเนิดแสง วัตถุทึบ แสง และฉาก เท่ากนั เสมอ บันทึกผลการทดสอบ (3) ครูคอยแนะนำช่วยเหลอื นักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ ห้องเรยี นและเปิดโอกาส ใหน้ กั เรยี นทกุ คนซักถามเมื่อมีปญั หา 3) ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรปุ (Explanation) (1) นกั เรียนแต่ละกลมุ่ สง่ ตวั แทนกลมุ่ นำเสนอผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมหนา้ ห้องเรยี น (2) นักเรยี นและครูร่วมกนั อภิปรายและหาขอ้ สรุปจากการปฏบิ ัตกิ ิจกรรม โดยใชแ้ นวคำถาม ตอ่ ไปน้ี – เงาเกดิ ขึ้นเมื่อเรยี งลำดับอปุ กรณท์ ี่ไดร้ บั มาลักษณะใด (แนวคำตอบ ไฟฉาย → วตั ถุทึบแสง → ฉาก) – วตั ถทุ ึบแสงใดเกดิ เงาลกั ษณะเดียว (แนวคำตอบ วตั ถุทรงกลมและวัตถุทรงลกู บาศก์) – วตั ถทุ บึ แสงใดเกดิ เงามากกว่า 1 ลกั ษณะ (แนวคำตอบ วตั ถทุ รงกระบอก) (3) ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรปุ ผลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรม โดยครเู นน้ ใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจวา่ เม่อื มวี ตั ถุทึบแสง มากั้นทางเดินของแสงจะเกิดเงา โดยเงาที่เกิดมีลักษณะต่างกันตามลักษณะของวัตถุทึบแสงที่กั้นทางเดินของ แสง 4) ขนั้ ขยายความรู้ (Elaboration) (1) ครูถามนักเรียนว่า ถ้านำวัตถุที่เป็นตัวกลางโปร่งใสและตัวกลางโปร่งแสงมากั้นแสงจากไฟฉายท่ี ฉายไปยังวตั ถจุ ะทำใหเ้ กิดเงาหรอื ไม่ เพราะอะไร (2) ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนร่วมกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเพื่อตรวจสอบความเข้าใจของ นกั เรียนในเรื่องตัวกลางทแ่ี สงผา่ นและหลักการเกิดเงา (3) ครูให้นักเรียนเล่นเกมจากหัวข้อสนุกทำ สนุกคิด กับวิทยาศาสตร์ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 5) ขน้ั ประเมนิ (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เข้าใจหรือยังมีข้อสงสัย ถา้ มี ครูชว่ ยอธบิ ายเพม่ิ เติมให้นกั เรยี นเขา้ ใจ (2) นกั เรยี นร่วมกันประเมินการปฏบิ ัติกิจกรรมกลุ่มวา่ มปี ญั หาหรืออปุ สรรคใดและไดแ้ กไ้ ขอยา่ งไรบ้าง (3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการปฏิบัติกิจกรรม และ การนำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยถามคำถามนักเรียน เช่น – หลักการของการเกดิ เงาคอื อะไร – ตวั กลางทีท่ ำให้เกดิ เงาต้องมีลักษณะใด ขน้ั สรุป ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันสรุปเกยี่ วกบั การเกิดเงา โดยรว่ มกันเขยี นเป็นแผนทค่ี วามคิดหรอื ผังมโนทศั น์

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 10. สื่อการเรียนรู้ 1. ไฟฉายและวัตถุทึบแสงที่มีรปู ทรงแตกต่างกัน 2. แบบฝึกทกั ษะรายวชิ าพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 3. หนงั สอื เรยี นรายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีท่ี 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรู้เรื่อง การเกิดเงา 1. ประเมินทักษะกระบวนการ 2. ตรวจชน้ิ งานหรือภาระงานของ 1. ประเมนิ เจตคติทาง 2. ทางวิทยาศาสตร์โดยใช้ วทิ ยาศาสตรเ์ ป็นรายบุคคล กจิ กรรมฝกึ ทักษะระหวา่ งเรยี น โดยการสงั เกตและใช้แบบวดั แบบวดั ทกั ษะกระบวนการ เจตคตทิ างวิทยาศาสตร์ ทางวทิ ยาศาสตร์ 3. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย 2. ประเมนิ เจตคตติ อ่ การสงั เกตการทำงานกลมุ่ วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 4. ประเมนิ พฤติกรรมในการ โดยการสงั เกตและใช้แบบวัด ปฏิบตั กิ จิ กรรมเปน็ เจตคติต่อวิทยาศาสตร์ รายบุคคลหรือรายกลุม่ โดย การสังเกตการทำงานกลุม่

แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรียนรู้......................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้..................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นักเรยี นนีไ่ ม่ผา่ น มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................... ....................... 2. นักเรยี นมีความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นักเรียนมคี วามรูเ้ กิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ................................................................................................... ................................................... 4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ................................................................................................................................. ..................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (นางอมลสิริ คำฟ)ู ตำแหนง่ ครูผชู้ ว่ ย

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 51 สาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 หนว่ ยการเรียนร้ทู ี่ 2 เร่ือง การเกดิ เงา (2) เวลา 1 ชว่ั โมง ครูผสู้ อน นางอมลสิริ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 2.3 เข้าใจความหมายของพลังงาน การเปลยี่ นแปลงและการถา่ ยโอนพลงั งาน ปฏิสัมพนั ธ์ ระหว่างสสารและพลังงาน พลังงานในชวี ิตประจำวัน ธรรมชาตขิ องคล่ืน ปรากฏการณ์ ทเี่ กย่ี วขอ้ งกบั เสียง แสง และคลนื่ แม่เหลก็ ไฟฟา้ รวมท้ังนำความรูไ้ ปใช้ประโยชน์ 2. ตัวช้ีวดั ช้นั ปี จำแนกวัตถุเป็นตัวกลางโปร่งใส ตัวกลางโปร่งแสง และวัตถุทึบแสงจากลักษณะการมองเห็นสิ่งต่างๆ ผา่ นวตั ถุนัน้ เปน็ เกณฑ์ โดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจกั ษ์ (ว 2.3 ป. 4/1) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธบิ ายการเกดิ เงาของวตั ถุได้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝ่รู้หรอื อยากรู้อยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรทู้ เ่ี กี่ยวกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานรว่ มกบั ผู้อื่นอยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. สือ่ สารและนำความรเู้ ร่ืองการเกิดเงาไปใช้ในชวี ิตประจำวนั ได้ (P) 4. สาระสำคัญ เงาเกิดขึ้นเมื่อวัตถุทึบแสงกั้นการเคลื่อนที่ของแสงจากแหล่งกำเนิดแสง ทำให้เกิดเป็นบริเวณมืด ดา้ นหลงั วตั ถทุ ึบแสง 5. สาระการเรียนรู้ ตวั กลางของแสง – การเกดิ เงา 6. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มุ่งมัน่ ในการทำงาน 4. มีจติ วิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนินชวี ติ

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 8. ช้นิ งานหรือภาระงาน สงั เกตการเกดิ เงา 9. การจดั กิจกรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นำเขา้ สบู่ ทเรยี น 1) ครูทบทวนความรเู้ ดมิ เกย่ี วกบั การเกิดเงา โดยการถามนกั เรียนว่า วตั ถุทบึ แสงทำให้เกดิ เงาได้เพราะ อะไร (แนวคำตอบ เพราะวตั ถุทบึ แสงสามารถกน้ั แสงไม่ใหเ้ คลือ่ นทผี่ า่ นไปตกที่ฉากได้) 2) นกั เรยี นร่วมกันตอบคำถามและแสดงความคิดเหน็ เพอ่ื เชอ่ื มโยงไปสู่การเรยี นรู้เร่ือง การเกิดเงา ขน้ั จัดกจิ กรรมการเรียนรู้ จดั กิจกรรมการเรียนรูโ้ ดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Process) ซึง่ มีขัน้ ตอนดงั นี้ 1) ข้นั สรา้ งความสนใจ (Engagement) (1) ครูกระตุ้นความสนใจของนักเรียน โดยการถามคำถามนักเรยี นว่า ถ้าเราเลือ่ นแหล่งกำเนดิ แสงเขา้ ใกล้วัตถทุ บึ แสงมากข้ึนจะส่งผลต่อลกั ษณะของเงาหรือไม่ อย่างไร (แนวคำตอบ ส่งผล โดยเงาท่ีมีความชัดจะมี บรเิ วณมากขนึ้ สว่ นเงาท่ไี มช่ ัดจะมีบริเวณลดลง) (2) นักเรยี นร่วมกนั อภปิ รายเก่ยี วกบั คำตอบจากคำถามของครูตามประสบการณ์ของนักเรียน 2) ข้ันสำรวจและค้นหา (Exploration) (1) แบ่งนกั เรียนเปน็ กลุ่ม กลมุ่ ละ 3 – 4 คน ปฏิบตั กิ ิจกรรมที่ 16 สงั เกตการเกดิ เงา แต่ละกลุ่มปฏิบัติ กจิ กรรมตามข้ันตอนทไ่ี ดว้ างแผนไว้ ดงั นี้ – วางไฟฉายหา่ งจากฉากประมาณ 20 เซนตเิ มตร วางลูกปิงปองพร้อมฐานห่างจากฉากประมาณ 10 เซนติเมตร ดังรูป เปิดไฟฉายให้สอ่ งไปท่ลี กู ปิงปอง สังเกตการเปลีย่ นแปลงท่เี กดิ ขึ้นบนฉาก – เล่อื นลกู ปิงปองเข้าและออกจากฉาก สงั เกตการเปล่ยี นแปลงท่เี กิดข้นึ บนฉาก – เล่อื นฉากเขา้ และออกจากลกู ปิงปอง สงั เกตการเปล่ียนแปลงทเ่ี กิดข้ึนบนฉาก – วาดเงาทีป่ รากฏบนฉากและบันทกึ ลกั ษณะของเงาในตาราง (2) ครคู อยแนะนำชว่ ยเหลือนกั เรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครเู ดนิ ดรู อบๆ หอ้ งเรียนและเปิดโอกาส ให้นกั เรียนทกุ คนซักถามเมื่อมีปญั หา

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 3) ขั้นอธบิ ายและลงข้อสรุป (Explanation) (1) นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ สง่ ตวั แทนกลุม่ นำเสนอผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมหนา้ หอ้ งเรยี น (2) นักเรยี นและครรู ว่ มกนั อภิปรายและหาขอ้ สรุปจากการปฏิบตั ิกจิ กรรม โดยใชแ้ นวคำถาม ตอ่ ไปนี้ – นักเรียนสามารถใชส้ ง่ิ ใดแทนลกู ปงิ ปองไดบ้ า้ ง เพราะอะไร (แนวคำตอบ ลูกเทนนสิ หรอื ลกู บอล ขนาดเล็ก เพราะเป็นวัตถทุ ึบแสงเหมือนลกู ปิงปอง) – ขนาดของเงาที่ปรากฏบนฉากขึ้นอยู่กับสิ่งใด (แนวคำตอบ ขนาดของเงาขึ้นอยู่กับระยะห่าง ระหว่างแหลง่ กำเนดิ แสงกบั วตั ถทุ ี่กัน้ แสงและฉาก) – เงาทีป่ รากฏบนฉากในแต่ละครั้งเหมือนหรือแตกต่างกัน เพราะอะไร (แนวคำตอบ แตกต่างกัน เพราะระยะหา่ งระหวา่ งแหลง่ กำเนิดแสง วัตถทุ ่กี ้ันแสง และฉากแตกตา่ งกัน) (3) ครูและนกั เรียนรว่ มกนั สรุปผลการปฏบิ ัติกจิ กรรม โดยครเู น้นใหน้ ักเรียนเข้าใจว่า เมื่อแสงเดินทาง ไปตกกระทบตวั กลางทบึ แสงจะไม่สามารถเคล่ือนทีผ่ ่านไปได้จึงทำให้เกิดเงาขึ้น เงาแบ่งเปน็ 2 ประเภท คือ เงา มืดและเงามัว เงามืด คือ บริเวณที่แสงสว่างส่องไปไม่ถึงฉากเลย ส่วนเงามัว คือ บริเวณที่แสงสว่างส่องไปถึง ฉากบางส่วน ขนาดของเงามืดทีป่ รากฏบนฉากขึน้ อยู่กับระยะหา่ งระหว่างแหลง่ กำเนิดแสงกบั วัตถุทึบแสง และ ระยะหา่ งระหวา่ งวตั ถุทึบแสงกับฉาก ถ้าฉากอย่ใู กลว้ ัตถุทึบแสง เงามืดจะมีขนาดใหญ่และเงามัวจะมีขนาดเล็ก แต่ถา้ ฉากอยูไ่ กลจากวตั ถุทึบแสงมากข้ึน เงามดื จะมีขนาดเล็กลงและเงามัวจะมีขนาดใหญ่ข้ึน ในชีวิตประจำวัน ขนาดและรูปร่างของเงายงั ขึ้นอยู่กับทิศทางของแหลง่ กำเนดิ แสงอีกด้วย 4) ข้ันขยายความรู้ (Elaboration) นักเรียนค้นควา้ คำศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกบั การเกิดเงา จากหนังสือเรยี นภาษาต่างประเทศหรือ อินเทอร์เนต็ และนำเสนอให้เพอื่ นในหอ้ งฟัง แล้วคัดคำศัพทพ์ ร้อมทั้งคำแปลลงสมดุ ส่งครู 5) ข้นั ประเมิน (Evaluation) (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกจิ กรรมมีจุดใดบา้ งที่ยังไม่ เขา้ ใจหรือยังมขี ้อสงสยั ถ้ามี ครูชว่ ยอธิบายเพิม่ เตมิ ให้นกั เรยี นเขา้ ใจ (2) นักเรียนรว่ มกนั ประเมนิ การปฏบิ ัติกิจกรรมกล่มุ ว่ามปี ญั หาหรอื อปุ สรรคใดและไดแ้ ก้ไขอย่างไรบา้ ง (3) ครแู ละนักเรยี นรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกับประโยชน์ที่ไดร้ บั จากการปฏบิ ตั ิกิจกรรมและการ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนักเรยี นโดยถามคำถามนกั เรียน เชน่ – ขนาดของเงาขึ้นอยู่กับปัจจัยใดบ้าง – ถา้ ตอ้ งการให้เงามดื มีขนาดเลก็ ลงต้องทำวิธีใด ขั้นสรุป ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรปุ เกีย่ วกับการเกิดเงา โดยรว่ มกันเขยี นเปน็ แผนทคี่ วามคิดหรอื ผังมโนทศั น์ 10. ส่ือการเรยี นรู้ 1. ใบกิจกรรมท่ี 16 สังเกตการเกิดเงา 2. หนังสือเรยี นภาษาต่างประเทศหรอื อนิ เทอรเ์ น็ต 3. คูม่ อื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 4. สอ่ื การเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 5. แบบฝึกทกั ษะรายวชิ าพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 6. หนงั สือเรยี นรายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4

แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 11. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรเู้ ร่ือง การเกดิ เงา 2. ตรวจชน้ิ งานหรือภาระงานของ 1. ประเมินเจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ 1. ประเมนิ ทักษะกระบวนการ กจิ กรรมฝึกทกั ษะระหว่างเรียน เปน็ รายบุคคลโดยการสังเกต ทางวทิ ยาศาสตรโ์ ดยใช้ และใชแ้ บบวดั เจตคตทิ าง แบบวัดทักษะกระบวนการ วทิ ยาศาสตร์ ทางวทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมนิ เจตคติต่อวิทยาศาสตร์ 2. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย เปน็ รายบคุ คลโดยการสังเกต การสงั เกตการทำงานกลุ่ม และใช้แบบวดั เจตคตติ อ่ 3. ประเมนิ ทักษะการ วิทยาศาสตร์ แก้ปัญหาโดยการสังเกต การทำงานกลุม่ 4. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏิบัติกิจกรรมเป็น รายบุคคลหรือรายกลุม่ โดย การสังเกตการทำงานกลุม่

แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรยี นรู.้ .....................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู.้ .................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. นักเรยี นนีไ่ ม่ผา่ น มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรยี นรู้ ............................................................................................................................. ......................... ................................................................................................................................ ...................... 2. นักเรยี นมีความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นักเรียนมคี วามรูเ้ กิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... .................................................................................................... .................................................. 4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... .................................................................................................................................. .................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (นางอมลสิริ คำฟ)ู ตำแหนง่ ครผู ชู้ ่วย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook