แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 8. ช้นิ งานหรือภาระงาน สืบคน้ ข้อมลู เกย่ี วกบั การวัดมวลและปริมาตรของสสาร 9. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรยี น 1) ครนู ำฟองน้ำและดินนำ้ มันมาใหน้ ักเรยี นดู แลว้ ถามคำถามกับนักเรยี น ดงั นี้ – วัสดุทั้ง 2 ชนิดนี้มีมวลเทา่ กันหรือไม่ อย่างไร (แนวคำตอบ ไม่เท่ากัน ฟองน้ำเนื้อมีรูพรุน จึงมี มวลน้อยกวา่ ดินนำ้ มันที่มีเนื้อแนน่ ) – สสารแต่ละสถานะมมี วลและปรมิ าตรเท่ากนั หรือไม่ (แนวคำตอบ ไม่เท่ากนั ) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคำถามและแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกับคำตอบของคำถาม เพอื่ เช่ือมโยงไปสู่การ เรียนรเู้ ร่ือง การวดั มวลและปริมาตรของสสาร ขน้ั จัดกิจกรรมการเรียนรู้ จัดกิจกรรมการเรยี นรโู้ ดยใช้กระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ซึ่งมีขน้ั ตอนดงั นี้ (1) ขัน้ สร้างความสนใจ (1) ครูถามคำถามนกั เรียนเพอ่ื กระตนุ้ ความสนใจ เชน่ – สสารที่มีสถานะเป็นของเหลวต้องอาศัยเครื่องมือใดในการหาปริมาตร (แนวคำตอบ บีกเกอร์ กระบอกตวง และหลอดฉดี ยา) – การหามวลของของแขง็ สามารถทำได้โดยใช้เครื่องมือชนดิ ใด (แนวคำตอบ เครอ่ื งช่ัง) (2) นกั เรยี นรว่ มกนั อภิปรายเกี่ยวกับคำตอบจากคำถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรียน (2) ขนั้ สำรวจและคน้ หา (1) ครูให้นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับการวัดมวลและปริมาตรของสสารจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูชว่ ยอธิบายให้นกั เรยี นเข้าใจวา่ วสั ดุทุกชนิดเป็นสสาร คือ มีมวล ตอ้ งการทอ่ี ยู่ และสมั ผัสได้ การวัดมวล และปริมาตรของสสารในแต่ละสถานะต้องอาศัยเครื่องมือในการวัดเพื่อหามวลและปริมาตร ซึ่งสสารแต่ละ สถานะใชเ้ ครอ่ื งมอื ท่แี ตกตา่ งกนั ข้ึนอยู่กับมวลและปริมาตร (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการวัดมวลและปริมาตรของสสาร โดย ดำเนนิ การตามข้นั ตอนดังนี้ – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อการวัดมวลและปริมาตรของสสารเป็นหัวข้อย่อย เช่น เครื่องมือที่ใช้วัดมวลและปริมาตรของสสารที่เป็นของแข็ง เครื่องมือที่ใช้วัดมวลและปริมาตรของสสารที่ เป็นของเหลว และเครื่องมือที่ใช้วัดมวลและปริมาตรของสสารที่เป็นแก๊ส ให้สมาชิกแต่ละกลุ่มช่วยกันสืบค้น ตามหวั ขอ้ ท่กี ำหนด – สมาชิกกลุ่มแต่ละคนหรือกลุ่มย่อยช่วยกันสืบค้นข้อมูลตามหัวข้อย่อยที่ตนเองรับผิดชอบ โดยการ สืบค้นจากใบความรู้ที่ครูเตรียมมาให้ หรือหนังสือ วารสารวิทยาศาสตร์ สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานุกรม ไทยสำหรับเยาวชน และอนิ เทอรเ์ นต็ – สมาชิกกลุ่มนำข้อมูลที่สืบค้นได้มารายงานให้เพื่อนๆ สมาชิกในกลุ่มฟัง รวมทั้งร่วมกันอภิปราย ซักถามจนคาดวา่ สมาชิกทกุ คนมคี วามรูค้ วามเข้าใจท่ีตรงกนั – สมาชิกกลมุ่ ช่วยกันสรปุ ความรทู้ ไ่ี ดท้ ้ังหมดเปน็ ผลงานของกลุม่
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู (3) ครคู อยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดนิ ดูรอบๆ ห้องเรยี นและเปดิ โอกาส ใหน้ กั เรยี นทกุ คนซักถามเม่อื มปี ัญหา (3) ข้ันอธบิ ายและลงข้อสรุป (1) นักเรียนแตล่ ะกลมุ่ สง่ ตวั แทนกลมุ่ นำเสนอขอ้ มูลการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมหน้าห้องเรยี น (2) นักเรียนและครูร่วมกนั อภปิ รายและหาขอ้ สรุปจากการปฏบิ ตั กิ ิจกรรม โดยใช้แนวคำถามต่อไปนี้ – เครือ่ งมอื ท่ใี ชใ้ นการวดั ปริมาตรของแกส๊ คืออะไร (แนวคำตอบ บารอมิเตอร์) – ถ้าต้องการวัดปริมาตรของของเหลวสามารถใช้เครื่องมือใดได้บ้าง (แนวคำตอบ บีกเกอร์ กระบอกตวง และหลอดฉดี ยา) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า สสารในแต่ละ สถานะมมี วลและปรมิ าตรไม่เทา่ กนั จงึ ใช้เคร่ืองมอื ในการวดั มวลและปรมิ าตรแตกตา่ งกนั (4) ขัน้ ขยายความรู้ (1) นักเรียนสืบค้นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเครื่องมือที่ใช้วัดมวลและปริมาตรของสสารทั้ง 3 สถานะ เพิ่มเติมจากแหล่งความรู้ต่างๆ เช่น หนังสือ วารสารวิทยาศาสตร์ และอินเทอร์เน็ต แล้วนำข้อมูลที่ไดม้ าจัดทำ เปน็ รายงานส่งครู (2) นักเรียนค้นคว้าคำศพั ท์ภาษาต่างประเทศที่เกี่ยวกับเคร่ืองมือที่ใชใ้ นการวัดมวลและปริมาตร จาก หนังสือเรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนำเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง แล้วคัดคำศัพท์พร้อมทั้งคำ แปลลงสมุดสง่ ครู (5) ขน้ั ประเมิน (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบา้ งที่ยังไม่ เขา้ ใจหรอื ยังมีข้อสงสยั ถ้ามี ครูชว่ ยอธิบายเพม่ิ เตมิ ให้นกั เรยี นเขา้ ใจ (2) นักเรียนร่วมกนั ประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลมุ่ วา่ มีปญั หาหรอื อุปสรรคใดและได้แกไ้ ขอย่างไรบ้าง (3) ครูและนักเรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ เก่ียวกบั ประโยชน์ทีไ่ ดร้ ับจากการปฏิบัติกจิ กรรมและการ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยถามคำถามนกั เรียน เช่น – ถ้าต้องการทราบวา่ สสารแต่ละสถานะมีมวลและปรมิ าตรเทา่ กันหรอื ไม่จะตอ้ งอาศยั วธิ กี ารใด – เครอ่ื งมือทีใ่ ช้วัดมวลและปรมิ าตรของของแขง็ ของเหลว และแก๊ส คืออะไร – การวัดปรมิ าตรของแกส๊ สามารถใช้เคร่อื งมือใดในการวัด ข้ันสรุป 1) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการวัดมวลและปริมาตรของสสาร โดยร่วมกันเขียนเป็นแผนท่ี ความคิดหรือผงั มโนทัศน์ 2) ครูดำเนินการทดสอบหลังเรียนโดยให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อวัดความก้าวหน้า/ ผลสมั ฤทธท์ิ างการเรยี น หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 3 ของนกั เรียน 3) ครูเชื่อมโยงเนื้อหาจากบทเรยี นนีก้ ับหน่วยการเรียนรู้ที่ 4 เพื่อให้นักเรียนเตรียมความพร้อมในการ เรยี นชว่ั โมงตอ่ ไป โดยการใชค้ ำถามกระตุ้น ดงั นี้
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู – วตั ถแุ ตล่ ะชนิดทำจากวัสดุที่แตกต่างกัน แต่เมอื่ วัตถทุ ุกชน้ิ ตกจากโตะ๊ จะตกลงสู่พื้นเสมอ เพราะ เหตใุ ดจงึ เปน็ เช่นนั้น 4) ครูมอบหมายให้นักเรียนไปศึกษาคน้ คว้าเน้ือหาของบทเรียนชัว่ โมงหน้าเพื่อจัดการเรียนรู้ครั้งต่อไป โดยใหน้ กั เรียนศึกษาคน้ ควา้ ล่วงหนา้ ในหวั ขอ้ แรงโน้มถว่ ง 5) ครูให้นกั เรยี นเตรยี มประเด็นคำถามทสี่ งสัยมาอย่างน้อยคนละ 1 คำถาม เพื่อนำมาอภิปรายร่วมกัน ในช้ันเรยี นครั้งตอ่ ไป 10. ส่ือการเรียนรู้ 1. ฟองน้ำและดนิ นำ้ มนั 2. คมู่ อื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 4 3. สือ่ การเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 4. แบบฝึกทกั ษะรายวิชาพน้ื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) 1. ซักถามความรู้เรื่องการวัดมวล จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย และปริมาตรของสสาร การสังเกตการทำงานกลุ่ม 1. ประเมนิ เจตคติทาง 2. ตรวจชน้ิ งานหรือภาระงานของ วทิ ยาศาสตรเ์ ปน็ รายบคุ คล 2. ประเมนิ พฤติกรรมในการ กิจกรรมฝึกทักษะระหวา่ งเรยี น โดยการสงั เกตและใช้แบบวัด ปฏบิ ตั ิกิจกรรมเป็น เจตคติทางวิทยาศาสตร์ รายบุคคลหรอื รายกลุม่ โดย 3. ทดสอบหลงั เรียนโดยใช้ การสงั เกตการทำงานกลุ่ม แบบทดสอบหลงั เรยี น 2. ประเมินเจตคติตอ่ 3. วิทยาศาสตรเ์ ปน็ รายบุคคล โดยการสงั เกตและใชแ้ บบวัด เจตคตติ ่อวิทยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บนั ทึกผลหลังการจดั การเรียนรู้ 12.1 สรุปผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้......................คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.................. ไมผ่ า่ นจุดประสงคก์ ารเรียนรู้..................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. นักเรียนนไ่ี มผ่ ่าน มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นที่ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 2. นักเรียนมคี วามรคู้ วามเข้าใจ (K) ........................................................................................................................... ........................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นักเรียนมคี วามรเู้ กิดทักษะ (P) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านยิ ม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (นางอมลสิริ คำฟ)ู ตำแหน่ง ครูผชู้ ว่ ย
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 71 สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ 4 เรอ่ื ง การขนึ้ และตกของดวงจันทร์ รปู ร่างของดวงจันทร์ (1) เวลา 1 ชว่ั โมง ครผู ู้สอน นางอมลสริ ิ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต และการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีอวกาศ 2. ตัวชี้วดั ช้นั ปี 1. อธบิ ายแบบรปู เส้นทางการขน้ึ และตกของดวงจันทร์ โดยใช้หลกั ฐานเชงิ ประจักษ์ (ว 3.1 ป. 4/1) 2. สรา้ งแบบจำลองทอี่ ธิบายแบบรปู การเปลี่ยนแปลงรูปรา่ งปรากฏของดวงจันทร์และพยากรณ์รูปร่าง ปรากฏของดวงจนั ทร์ (ว 3.1 ป. 4/2) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายการขนึ้ และตกของดวงจันทรแ์ ละการเปลี่ยนแปลงรูปร่างปรากฏของดวงจนั ทรไ์ ด้ (K) 2. สรา้ งแบบจำลองการเปลย่ี นแปลงรปู ร่างปรากฏของดวงจันทรไ์ ด้ (K) 3. มคี วามสนใจใฝร่ ้หู รืออยากรอู้ ยากเห็น (A) 4. พอใจในประสบการณ์การเรียนรู้เกี่ยวกับวทิ ยาศาสตร์ (A) 5. ทำงานร่วมกับผอู้ น่ื อยา่ งสร้างสรรค์ (A) 6. ส่ือสารและนำความรู้เร่ืองการขน้ึ และตกของดวงจันทร์ รปู รา่ งของดวงจนั ทร์ไปใชใ้ นชีวติ ประจำวัน ได้ (P) 4. สาระสำคญั ดวงจันทร์ขึ้นและตกทิศทางเดียวกับดวงอาทิตย์ โดยในแต่ละคืนเราจะเห็นดวงจันทร์มีลักษณะ แตกต่างกัน ช่วงที่เห็นดวงจันทร์เต็มดวงเรียกว่า ข้างขึ้น ช่วงที่ไม่เห็นดวงจันทร์เลยเรียกว่า ข้างแรม เรา สามารถใช้ลักษณะของดวงจันทร์บอกทิศแก่เราได้ โดยในวันขึ้น 8 ค่ำ จะเห็นด้านที่มืดอยู่ทางทิศตะวันออก สว่ นวันแรม 8 ค่ำ จะเห็นด้านทมี่ ดื อยู่ทางทศิ ตะวนั ตก 5. สาระการเรียนรู้ ดวงจันทร์ – การข้นึ และตกของดวงจนั ทร์ – รูปร่างของดวงจันทร์
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ ม่ันในการทำงาน 4. มจี ิตวทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน สืบค้นขอ้ มูลเกี่ยวกับปฏิทินดวงจนั ทร์ 9. การจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ ครูดำเนินการทดสอบกอ่ นเรยี นโดยให้นกั เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี น เพื่อตรวจสอบความพร้อม และพื้นฐานของนักเรียน ขั้นนำเขา้ สบู่ ทเรียน 1) ครสู นทนากบั นกั เรียน โดยส่มุ ถามนักเรยี นในประเด็นตอ่ ไปน้ี – เวลากลางคนื เรามองเหน็ อะไรบนท้องฟา้ (แนวคำตอบ ดวงจนั ทร์ ดาว) – ในคนื ทท่ี ้องฟ้าสว่างเรามองเหน็ อะไรบนท้องฟ้าชดั เจนที่สดุ (แนวคำตอบ ดวงจันทร)์ 2) นักเรียนช่วยกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำตอบของคำถาม เพื่อเชื่อมโยงไปสู่ การเรยี นรู้เร่ือง การขึน้ และตกของดวงจันทร์ รูปรา่ งของดวงจันทร์ ขนั้ จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ จดั กิจกรรมการเรยี นรูโ้ ดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ร่วมกบั แบบกลบั ดา้ นชัน้ เรียน ซง่ึ มขี ัน้ ตอน ดงั นี้ (1) ข้นั สร้างความสนใจ (1) ครูแบ่งกลุ่มนักเรียนแล้วเปิดโอกาสให้นักเรียนในกลุ่มนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับดวงจันทร์ ที่ครู มอบหมายให้ไปเรียนรู้ล่วงหน้าให้เพื่อนๆ ในกลุ่มฟัง จากนั้นให้แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนมานำเสนอข้อมูลหน้า ห้องเรียน (2) ครูตรวจสอบว่านักเรียนทำภาระงานที่ได้รับมอบหมายไปหรือไม่ โดยตรวจสอบจากการจดบันทึก ของนกั เรยี น และถามคำถามเกย่ี วกบั ภาระงาน ดังน้ี – เราเหน็ ดวงจนั ทร์ในเวลาใด (แนวคำตอบ เวลากลางคนื ) – ดวงจันทร์ข้ึนและตกทางทศิ ใด และสามารถสังเกตได้จากสิง่ ใด (แนวคำตอบ ดวงจันทร์ขึ้นทาง ทศิ ตะวนั ออกและตกทางทิศตะวันตก สามารถสงั เกตไดจ้ ากวันข้างข้ึนและขา้ งแรม) (3) ครูเปิดโอกาสให้นักเรียนต้ังประเด็นคำถามที่นักเรียนสงสยั จากการทำภาระงานอย่างน้อยคนละ 1 คำถาม ซึง่ ครูใหน้ กั เรียนเตรียมมาล่วงหนา้ และให้นกั เรียนช่วยกันตอบและแสดงความคิดเห็น
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู (4) ครูและนกั เรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับภาระงาน โดยครูช่วยอธบิ ายให้นักเรียนเข้าใจวา่ การหมุนรอบ ตวั เองของโลกทำใหด้ วงจันทร์ขน้ึ –ตกทิศเดยี วกับดวงอาทิตย์ (2) ข้ันสำรวจและค้นหา (1) ครใู ห้นักเรียนศึกษาเรื่อง การขนึ้ และตกของดวงจนั ทร์ รปู ร่างของดวงจนั ทร์ในหนงั สือเรียน โดยครู ช่วยอธบิ ายใหน้ ักเรียนเข้าใจว่า การท่ดี วงจนั ทร์โคจรรอบโลก ทำใหค้ นบนโลกเห็นสว่ นสวา่ งท่ดี วงจันทรส์ ะทอ้ น แสงจากดวงอาทิตย์ไดต้ า่ งกนั ไป ซึง่ ในแตล่ ะคนื เราจะเหน็ ดวงจนั ทรม์ ีรปู ร่างปรากฏแตกต่างกัน ทำให้เกดิ ขา้ งข้นึ ขา้ งแรม (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กล่มุ ละ 5 – 6 คน สบื คน้ ข้อมลู เก่ยี วกับปฏิทนิ ดวงจันทร์ โดยดำเนินการตาม ขนั้ ตอนดงั นี้ – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อปฏิทินดวงจันทร์เป็นหัวข้อย่อย เช่น เดือน ขาด เดอื นเต็ม วันเพญ็ วันดบั วนั พระ และวันโกน ใหส้ มาชกิ แต่ละกล่มุ ช่วยกันสืบค้นตามหัวข้อทก่ี ำหนด – สมาชกิ แต่ละกลมุ่ ช่วยกันสืบคน้ ข้อมูลตามหัวข้อท่กี ลมุ่ ของตนเองรับผิดชอบโดยการสืบค้นจาก หนังสือ วารสาร สารานกุ รมวทิ ยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน และอินเทอรเ์ น็ต – สมาชิกกลุ่มนำข้อมูลที่สืบค้นได้มารายงานให้เพื่อนๆ สมาชิกกลุ่มฟัง รวมทั้งร่วมกันอภิปราย ซกั ถามจนคาดวา่ สมาชิกทุกคนมคี วามรู้ความเขา้ ใจที่ตรงกัน – สมาชิกกลุม่ ช่วยกันสรุปความร้ทู ีไ่ ด้ทงั้ หมดเป็นผลงานของกล่มุ (3) ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรยี นขณะปฏบิ ตั ิกจิ กรรม โดยครูเดนิ ดูรอบ ๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ใหน้ ักเรยี นทุกคนซักถามเม่อื มีปัญหา (3) ข้นั อธิบายและลงขอ้ สรปุ (1) นักเรยี นแต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลการปฏิบัตกิ จิ กรรมหนา้ ห้องเรยี น (2) นักเรียนและครูรว่ มกันอภปิ รายและหาขอ้ สรปุ จากการปฏิบัตกิ ิจกรรม โดยใชแ้ นวคำถามต่อไปนี้ – เมอื่ เปรยี บเทียบปฏิทินดวงจันทร์ท่ีได้จากการสงั เกตและปฏิทนิ ที่ใช้กำหนดวันข้างขึ้น ข้างแรม แตกต่างกนั หรือไม่ อย่างไร (แนวคำตอบ ไม่แตกต่างกนั เนื่องจากในชว่ งเวลาขา้ งขึน้ สว่ นสวา่ งของดวงจันทร์จะ เพิ่มขึ้นและจะสว่างเต็มดวงในวันขึ้น 15 ค่ำ ส่วนในช่วงเวลาข้างแรม บริเวณส่วนสว่างของดวงจันทร์จะลดลง จนมืดเต็มดวงในวันแรม 15 ค่ำ) – นอกจากการสังเกตดวงจันทร์มีวิธีการศึกษาวันข้างขึ้น ข้างแรมได้โดยวิธีการใด (แนวคำตอบ ศกึ ษาจากปฏทิ ินทใี่ ช้ในการกำหนดวนั ขา้ งขน้ึ ขา้ งแรม) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า ในแต่ละคืนเรา จะเห็นดวงจันทร์มรี ูปร่างปรากฏแตกต่างกัน ทำใหเ้ กดิ ข้างขนึ้ ขา้ งแรม (4) ขัน้ ขยายความรู้ ครอู ธิบายเพิ่มเตมิ เก่ยี วกบั การขน้ึ และตกของดวงจันทรว์ ่า ดวงจนั ทรจ์ ะขึ้นและตกชา้ ลงอย่างสม่ำเสมอ ประมาณวันละ 50 นาที ซึ่งวันข้างขึ้น ดวงจันทร์จะขึ้นในเวลากลางวันก่อนดวงอาทิตย์ตก และตกในเวลา กลางคืน วันข้างแรม ดวงจันทร์จะขึน้ หลังดวงอาทิตยต์ กหรือขนึ้ ในเวลากลางคืน และตกในเวลากลางวัน ส่วน วันขึ้น 8 ค่ำ ดวงจันทร์จะขึ้นเวลาประมาณเที่ยงวันและตกในเวลาประมาณเที่ยงคืน และวันแรม 7 ค่ำ ดวง จันทรข์ นึ้ ในเวลาประมาณเทย่ี งคนื และตกในเวลาประมาณเทย่ี งวนั
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู (5) ข้ันประเมิน (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่าจากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เขา้ ใจหรอื ยังมีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครชู ว่ ยอธบิ ายเพ่ิมเติมให้นักเรยี นเข้าใจ (2) นกั เรยี นรว่ มกันประเมินการปฏิบตั ิกิจกรรมกลุ่มวา่ มีปัญหาหรอื อุปสรรคใดและไดแ้ กไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง (3) ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกันแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกับประโยชน์ทไี่ ด้รบั จากการปฏิบัติกจิ กรรมและการ นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรียนโดยถามคำถามนกั เรยี น เช่น – ดวงจนั ทรใ์ นวันขน้ึ 15 คำ่ และแรม 15 คำ่ มีลกั ษณะอยา่ งไร – การขึ้นและตกของดวงจันทรม์ ีทศิ เหมือนกบั ดวงอาทิตยห์ รือไม่ อย่างไร ข้ันสรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการขึ้นและตกของดวงจันทร์ รูปร่างของดวงจันทร์ โดยร่วมกัน เขยี นเป็นแผนที่ความคิดหรือผงั มโนทศั น์ 10. สื่อการเรียนรู้ 1. แบบทดสอบก่อนเรียน 2. หนงั สือ วารสาร สารานกุ รมวทิ ยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสำหรับเยาวชน และอนิ เทอรเ์ น็ต 3. คมู่ อื การสอน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 4. ส่ือการเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพืน้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 5. แบบฝึกทักษะรายวชิ าพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 6. หนงั สือเรยี นรายวิชาพ้ืนฐาน วิทยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) 1. ซักถามความรเู้ ร่ือง การข้ึนและ จติ วิทยาศาสตร์ (A) 1. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย ตกของดวงจันทร์ รปู ร่างของดวง การสงั เกตการทำงานกล่มุ จนั ทร์ 1. ประเมนิ เจตคตทิ าง วิทยาศาสตรเ์ ปน็ รายบคุ คล 2. ประเมนิ พฤติกรรมในการ 2. ตรวจชนิ้ งานหรือภาระงานของ โดยการสงั เกตและใช้แบบวัด ปฏิบตั ิกจิ กรรมเปน็ กิจกรรมฝึกทกั ษะระหว่างเรียน เจตคติทางวิทยาศาสตร์ รายบคุ คลหรอื รายกลุ่ม โดยการสังเกตการทำงาน 3. ทดสอบก่อนเรียนโดยใช้ 2. ประเมินเจตคติตอ่ กลุ่ม แบบทดสอบกอ่ นเรยี น วทิ ยาศาสตรเ์ ป็นรายบคุ คล โดยการสงั เกตและใช้แบบวดั เจตคตติ ่อวิทยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นจำนวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู.้ .....................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. ไม่ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรยี นร.ู้ .................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. นักเรยี นน่ไี มผ่ ่าน มีดงั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 2. นกั เรยี นมีความร้คู วามเข้าใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรยี นมีความร้เู กิดทกั ษะ (P) ................................................................................................. ..................................................... ............................................................................................................................. ......................... 4. นกั เรยี นมีเจตคติ ค่านยิ ม คณุ ธรรมจริยธรรม (A) ............................................................................................................................... ....................... ............................................................................................................ .......................................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่ือ.................................................. (นางอมลสริ ิ คำฟู) ตำแหนง่ ครูผ้ชู ่วย
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 72 สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ช้ันประถมศึกษาปที ี่ 4 หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 4 เรอ่ื ง การขน้ึ และตกของดวงจันทร์ รปู ร่างของดวงจันทร์ (2) เวลา 1 ชว่ั โมง ครูผสู้ อน นางอมลสริ ิ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต และการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีอวกาศ 2. ตัวชี้วดั ช้นั ปี 1. อธบิ ายแบบรปู เส้นทางการขน้ึ และตกของดวงจันทร์ โดยใชห้ ลักฐานเชงิ ประจักษ์ (ว 3.1 ป. 4/1) 2. สร้างแบบจำลองท่ีอธิบายแบบรปู การเปล่ยี นแปลงรูปรา่ งปรากฏของดวงจันทร์และพยากรณ์รูปร่าง ปรากฏของดวงจนั ทร์ (ว 3.1 ป. 4/2) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ายการขนึ้ และตกของดวงจันทรแ์ ละการเปลี่ยนแปลงรปู รา่ งปรากฏของดวงจันทรไ์ ด้ (K) 2. สรา้ งแบบจำลองการเปลย่ี นแปลงรปู ร่างปรากฏของดวงจนั ทร์ได้ (K) 3. มคี วามสนใจใฝร่ ู้หรอื อยากรู้อยากเห็น (A) 4. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนรูเ้ กี่ยวกับวิทยาศาสตร์ (A) 5. ทำงานร่วมกบั ผูอ้ ่นื อย่างสร้างสรรค์ (A) 6. สื่อสารและนำความรู้เรื่องการข้นึ และตกของดวงจันทร์ รปู รา่ งของดวงจันทร์ไปใช้ในชีวิตประจำวัน ได้ (P) 4. สาระสำคญั ดวงจันทร์ขึ้นและตกทิศทางเดียวกับดวงอาทิตย์ โดยในแต่ละคืนเราจะเห็นดวงจันทร์มีลักษณะ แตกต่างกัน ช่วงที่เห็นดวงจันทร์เต็มดวงเรียกว่า ข้างขึ้น ช่วงที่ไม่เห็นดวงจันทร์เลยเรียกว่า ข้างแรม เรา สามารถใช้ลักษณะของดวงจันทร์บอกทิศแก่เราได้ โดยในวันขึ้น 8 ค่ำ จะเห็นด้านที่มืดอยู่ทางทิศตะวันออก สว่ นวันแรม 8 ค่ำ จะเห็นดา้ นทมี่ ดื อยู่ทางทศิ ตะวนั ตก 5. สาระการเรียนรู้ ดวงจันทร์ – การข้นึ และตกของดวงจนั ทร์ – รูปร่างของดวงจันทร์
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 6. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. ม่งุ มน่ั ในการทำงาน 4. มีจิตวิทยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสอื่ สาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใช้ทักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนินชวี ิต 8. ชิน้ งานหรอื ภาระงาน สงั เกตดวงจนั ทร์ 9. การจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน 1) ครูทบทวนความรูเ้ กี่ยวกบั รูปรา่ งของดวงจันทร์ โดยการถามคำถามนักเรยี นวา่ – สว่ นสว่างของดวงจันทร์ข้างขึ้นอยู่ทางทิศใด แตกต่างจากดวงจนั ทร์ข้างแรมหรือไม่ อย่างไร (แนวคำตอบ ส่วนสว่างของดวงจันทร์ข้างขึ้นอยู่ทางทิศตะวันตก ซึ่งแตกต่างจากส่วนสว่างของดวงจันทร์ ข้างแรมซึง่ อยู่ทางทศิ ตะวนั ออก) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำตอบของคำถาม เพื่อเชื่อมโยงไปสู่ การเรียนร้เู รื่อง การขึ้นและตกของดวงจนั ทร์ รูปร่างของดวงจันทร์ ขั้นจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ร่วมกับแบบกลบั ด้านช้ันเรยี น ซึ่งมีขนั้ ตอน ดงั น้ี (1) ข้นั สร้างความสนใจ (1) ครูนำรูปการเปลี่ยนแปลงรูปร่างปรากฏของดวงจันทร์ข้างขึ้น ข้างแรม มาให้นักเรียนดู แล้วถาม คำถามนักเรียน ดังน้ี – ดวงจันทร์ขา้ งข้นึ มสี ่วนทมี่ ดื ทางทศิ ใด (แนวคำตอบ ทิศตะวันออก) – ดวงจันทร์ข้างแรมมีสว่ นทีม่ ืดทางทศิ ใด (แนวคำตอบ ทิศตะวันตก) (2) นกั เรียนรว่ มกันอภปิ รายเกย่ี วกบั คำตอบจากคำถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรียน (2) ขน้ั สำรวจและคน้ หา (1) แบ่งกลุ่มนักเรียน ปฏิบัติกิจกรรมที่ 24 สังเกตดวงจันทร์ ตามขั้นตอนทางวิทยาศาสตร์ โดยใช้ ทกั ษะ/กระบวนการสังเกตดังน้ี – แบง่ กลุ่มนกั เรยี น กลมุ่ ละ 5 – 6 คน
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู – นกั เรียนเรียนรจู้ ากปฏิทินหรือหนงั สือพิมพเ์ พ่ือหาว่าวนั ทเ่ี ท่าไรเป็นวันข้ึน 8 ค่ำ และวันแรม 8 ค่ำ – สังเกตวา่ ดวงอาทติ ยข์ ึ้นทางทิศใดของบ้านเพ่ือหาทศิ ตะวนั ออกและทิศตะวนั ตก – วาดวงกลมลงบนกระดาษขาว 2 แผ่น แผ่นละ 1 วง และท่ใี ตว้ งกลมเขียนว่า ข้ึน 8 คำ่ และแรม 8 ค่ำ – เมื่อถึงวันขึ้น 8 ค่ำ และวันแรม 8 ค่ำ ให้นักเรียนสังเกตดวงจันทร์แล้วใช้ดินสอสีหรือสีเทียน ระบายลงในวงกลม โดยสว่ นทส่ี วา่ งใช้สเี หลอื ง สว่ นทมี่ ืดใชส้ ีดำ – เขยี นทศิ ตะวันออกและทิศตะวนั ตกทขี่ า้ งวงกลมท้ัง 2 รูป – ร่วมกันวิเคราะห์ อภิปราย และสรปุ ผลการสงั เกตดวงจนั ทร์ (2) ครคู อยแนะนำชว่ ยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดนิ ดูรอบๆ ห้องเรยี นและเปิดโอกาส ใหน้ ักเรียนทุกคนซกั ถามเม่ือมีปญั หา (3) ขัน้ อธบิ ายและลงข้อสรุป (1) นักเรยี นแต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนกลุม่ นำเสนอผลการปฏิบตั ิกิจกรรมหนา้ ห้องเรยี น (2) นักเรยี นและครรู ่วมกันอภปิ รายและหาข้อสรปุ จากการปฏบิ ตั ิกจิ กรรม โดยใช้แนวคำถามตอ่ ไปน้ี – ดวงจันทร์สามารถใช้บอกทิศได้หรอื ไม่ อย่างไร (แนวคำตอบ ได้ เนื่องจากในวันขึ้น 8 ค่ำ ด้าน มืดของดวงจันทร์จะอยู่ทางทิศตะวันออก และในวันแรม 8 ค่ำ ด้านมืดของดวงจันทร์จะอยู่ทางทิศตะวันตก เสมอ) – ถา้ ไม่ใชก้ ารวาดรปู เราสามารถใช้อุปกรณ์ใดศึกษาเรือ่ งน้ีได้ (แนวคำตอบ ปฏทิ นิ ) (3) ครแู ละนักเรยี นร่วมกนั สรปุ ผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรม โดยครเู นน้ ใหน้ กั เรียนเข้าใจวา่ วันข้นึ 8 ค่ำ ดวง จันทร์ด้านมดื จะอยู่ทางทศิ ตะวนั ออก สว่ นวันแรม 8 ค่ำ ดวงจันทรด์ ้านมืดจะอยู่ทางทศิ ตะวนั ตก (4) ข้ันขยายความรู้ (1) ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า เดือนขาด เป็นเดือนที่มี 29 วัน วันสิ้นเดือนตรงกับวันแรม 14 ค่ำ ซึ่งได้แก่ เดอื น 1 เดอื น 3 เดอื น 5 เดอื น 7 เดอื น 9 และเดอื น 11 • เดือนเต็ม เป็นเดือนที่มี 30 วัน วันสิ้นเดอื นตรงกับวันแรม 15 ค่ำ ซึ่งได้แก่ เดือน 2 เดือน 4 เดือน 6 เดอื น 8 เดือน 10 และเดือน 12 • วันเพญ็ เปน็ วนั ท่ดี วงจนั ทร์สวา่ งเตม็ ดวง ซง่ึ ตรงกับวันข้ึน 15 คำ่ • วนั ดบั เปน็ วันที่ดวงจันทร์มดื ทัง้ ดวง ซ่ึงตรงกับวันแรม 14 ค่ำ หรือแรม 15 คำ่ • วนั โกน เปน็ วนั กอ่ นหนา้ วนั พระ 1 วัน • วันพระ เป็นวันข้างขึ้น 8 ค่ำ และข้างแรม 8 ค่ำ วันข้างข้ึน 15 ค่ำ และข้างแรม 15 ค่ำ หรือแรม 14 ค่ำ (2) ครูเชื่อมโยงความรู้สู่อาเซียน โดยให้นักเรียนสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับประเพณีหรือเทศกาลที่จัดขึ้นใน คืนวนั เพ็ญของประเทศในกลุ่มสมาชิกอาเซยี น ตัวอย่างเช่น
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู ประเพณีลอยกระทงของไทย ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 หรือราวๆ เดือนพฤศจิกายนของทุกปี มีขึ้นเพื่อเป็นการขอบคุณพระแม่คงคา และเป็นการ ขอขมาท่ีไดป้ ล่อยส่ิงปฏิกูลลงสแู่ หล่งน้ำ โดยมกี ารจดั ทำกระทงสวยงามไปลอยใน แหลง่ น้ำ ดวงจนั ทร์ในคนื วันเพญ็ ประเพณไี หลเรือไฟของลาว ตรงกับวนั ขึน้ 15 เดอื น 11 หรือวันออกพรรษา ทเ่ี มอื งหลวงพระบางจะมี ประเพณไี หลเรือไฟและลอยกระทงที่แม่นำ้ คาน โดยมคี วามเชอื่ ว่าเปน็ การตอ้ นรับพระพุทธเจา้ ท่ีเสดจ็ ลงมาจาก สวรรคช์ ั้นดาวดึงส์ และเป็นการบชู าพญานาคท่ีเช่อื กนั วา่ จะปรากฏกายในรปู ของลูกไฟ (ทางภาคอีสาน เรยี กว่า บง้ั ไฟพญานาค) เทศกาลฤดูใบไม้ร่วง หรือเต็ดจุงทู (Ted Trung Thu) ของเวียดนาม คล้ายกับเทศกาลไหว้พระจันทร์ ของจีน ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดอื น 8 มีการจัดประกวดขนมบ๋ันจุงทูหรือขนมเปี๊ยะไหว้พระจันทรร์ ปู ร่างกลม มี ไสถ้ ว่ั และไสผ้ ลไม้ แตล่ ะบ้านจะประดบั โคมไฟเพ่ือเฉลมิ ฉลอง พร้อมทั้งจัดขบวนแห่เชดิ สงิ โตและมงั กร (5) ขัน้ ประเมิน (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบา้ งที่ยังไม่ เขา้ ใจหรือยงั มขี ้อสงสยั ถ้ามี ครชู ่วยอธบิ ายเพิม่ เติมใหน้ กั เรยี นเข้าใจ (2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรือ อปุ สรรคใดและได้แกไ้ ขอยา่ งไรบา้ ง (3) ครูและนักเรียนร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับ จากการปฏบิ ตั ิกิจกรรมและการนำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยถามคำถามนักเรียน เช่น – ข้างขึ้น ขา้ งแรมเกดิ ข้ึนได้อย่างไร – การเปลี่ยนแปลงรูปรา่ งปรากฏของดวงจันทรใ์ นแตล่ ะคืนตา่ งกันหรือไม่ อย่างไร ข้ันสรุป ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับการขึ้นและตกของดวงจันทร์ รูปร่างของดวงจันทร์ โดยร่วมกัน เขยี นเป็นแผนทีค่ วามคิดหรอื ผงั มโนทัศน์ 10. สื่อการเรียนรู้ 1. รูปการเปลย่ี นแปลงรปู รา่ งปรากฏของดวงจันทร์ขา้ งข้ึน ข้างแรม 2. ใบกจิ กรรมที่ 24 สงั เกตดวงจนั ทร์ 3. ค่มู ือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 4. สื่อการเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 5. แบบฝึกทักษะรายวชิ าพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4 6. หนังสือเรยี นรายวชิ าพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 4
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 11. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) จิตวทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ประเมนิ ทักษะกระบวนการ 1. ซักถามความรเู้ รื่อง การขน้ึ และ 1. ประเมินเจตคตทิ าง ทางวทิ ยาศาสตรโ์ ดยใช้แบบ วดั ทกั ษะกระบวนการทาง ตกของดวงจันทร์ รูปรา่ งของดวง วทิ ยาศาสตรเ์ ป็นรายบคุ คล วิทยาศาสตร์ จนั ทร์ โดยการสงั เกตและใช้แบบวดั 2. ประเมินทักษะการคดิ โดย การสังเกตการทำงานกลุ่ม 2. ตรวจช้ินงานหรือภาระงานของ เจตคติทางวิทยาศาสตร์ 3. ประเมินทักษะการ กิจกรรมฝกึ ทกั ษะระหวา่ งเรยี น 2. ประเมินเจตคตติ ่อ แกป้ ญั หาโดยการสงั เกตการ ทำงานกลมุ่ วทิ ยาศาสตรเ์ ป็นรายบคุ คล 4. ประเมนิ พฤติกรรมในการ โดยการสังเกตและใช้แบบวดั ปฏบิ ัตกิ ิจกรรมเปน็ รายบคุ คลหรือรายกลุ่มโดย เจตคติต่อวิทยาศาสตร์ การสังเกตการทำงานกลุม่
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรียนร้.ู .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงคก์ ารเรียนรู.้ .................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. นกั เรยี นน่ีไมผ่ ่าน มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 2. นักเรียนมีความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .................................................................................................................................. .................... 3. นกั เรียนมีความร้เู กิดทกั ษะ (P) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 4. นกั เรียนมเี จตคติ ค่านิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ....................................................................................... ............................................................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชือ่ .................................................. (นางอมลสิริ คำฟู) ตำแหนง่ ครูผูช้ ว่ ย
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 73 สาระการเรยี นร้วู ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 4 หน่วยการเรยี นร้ทู ่ี 4 เรอื่ ง แบบจำลองระบบสรุ ยิ ะ เวลา 1 ชวั่ โมง ครูผู้สอน นางอมลสริ ิ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต และการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยอี วกาศ 2. ตวั ชี้วัดชัน้ ปี สร้างแบบจำลองแสดงองค์ประกอบของระบบสุริยะ และอธิบายเปรียบเทียบคาบการโคจรของดาว เคราะหต์ ่าง ๆ จากแบบจำลอง (ว 3.1 ป. 4/3) 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธิบายและเปรียบเทียบการโคจรของดาวเคราะหต์ ่าง ๆ จากแบบจำลองระบบสุรยิ ะได้ (K) 2. สรา้ งแบบจำลองเพือ่ แสดงองคป์ ระกอบของระบบสรุ ยิ ะได้ (K) 3. มคี วามสนใจใฝร่ ู้หรืออยากรอู้ ยากเห็น (A) 4. พอใจในประสบการณ์การเรยี นรทู้ ี่เกี่ยวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 5. ทำงานร่วมกบั ผ้อู ื่นอย่างสร้างสรรค์ (A) 6. สอ่ื สารและนำความร้เู รื่องแบบจำลองระบบสรุ ิยะไปใชใ้ นชวี ิตประจำวนั ได้ (P) 4. สาระสำคญั แบบจำลองระบบสุรยิ ะเปน็ แผนภาพแสดงแนวคิดของนักดาราศาสตรท์ สี่ รา้ งขึ้นเพื่อแสดงตำแหน่งของ ดวงอาทติ ย์ ดาวเคราะห์ และวัตถุท้องฟา้ อน่ื ๆ ที่โคจรรอบโลก 5. สาระการเรียนรู้ ระบบสรุ ิยะ – แบบจำลองระบบสุรยิ ะ 6. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวินยั 2. ใฝ่เรียนรู้ 3. มุ่งม่ันในการทำงาน 4. มจี ิตวิทยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 7. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ช้ินงานหรือภาระงาน สืบค้นขอ้ มูลเกี่ยวกบั แบบจำลองระบบสรุ ิยะ 9. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขนั้ นำเข้าสู่บทเรียน 1) ครูถามคำถามนกั เรียนเพื่อกระตุ้นความสนใจ เช่น – นักวิทยาศาสตร์ใช้ประโยชน์จากแบบจำลองระบบสุริยะในเรื่องใด (แนวคำตอบ ใช้ศึกษาการ เคล่อื นท่ีของดวงอาทติ ย์ ดาวเคราะห์ ดวงจนั ทร์ และวัตถทุ ้องฟา้ อื่น ๆ) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกย่ี วกับคำตอบของคำถาม เพอื่ เช่ือมโยงไปสู่การ เรียนรู้เร่อื ง แบบจำลองระบบสรุ ยิ ะ ข้ันจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ร่วมกบั แบบกลับด้านช้นั เรียน ซง่ึ มีขนั้ ตอน ดังนี้ (1) ข้นั สร้างความสนใจ (1) ครูสนทนากับนักเรียนแล้วนำรูปแบบจำลองระบบสุริยะของพโตเลมี โคเพอร์นิคัส และเคปเลอร์ มาใหน้ กั เรยี นดู แล้วถามคำถามดังนี้ – นกั วทิ ยาศาสตรส์ รา้ งแบบจำลองระบบสุริยะขึ้นเพ่ือเหตผุ ลใด (แนวคำตอบ เพ่ือแสดงตำแหน่ง ของดวงอาทติ ย์ ดาวเคราะห์ ดวงจนั ทร์ และวตั ถุทอ้ งฟา้ อน่ื ๆ) – แบบจำลองระบบสรุ ิยะของโคเพอร์นิคัสมีลักษณะอย่างไร (แนวคำตอบ เป็นแบบจำลองระบบ สรุ ิยะทม่ี ีดวงอาทติ ยเ์ ปน็ ศูนยก์ ลางของระบบสุริยะ และมดี าวเคราะหต์ า่ งๆ รวมทัง้ โลกโคจรรอบดวงอาทติ ย)์ (2) นักเรียนรว่ มกนั อภปิ รายเกีย่ วกบั คำตอบจากคำถามของครูตามประสบการณ์ของนักเรยี น (2) ข้ันสำรวจและค้นหา (1) ใหน้ ักเรียนศกึ ษาเร่ืองแบบจำลองระบบสุรยิ ะจากใบความรูห้ รือในหนงั สือเรยี น โดยครูช่วยอธิบาย ให้นักเรียนเข้าใจว่า นักดาราศาสตร์สร้างแบบจำลองระบบสุริยะจากการสังเกตการเคลื่อนที่ของดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์ ดวงจนั ทร์ และวตั ถทุ ้องฟ้าอน่ื ๆ เพื่อแทนสิง่ ทีส่ ังเกตเห็น (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับแบบจำลองระบบสุริยะโดยดำเนินการ ตามข้นั ตอนดงั น้ี – แตล่ ะกล่มุ วางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบง่ หัวข้อแบบจำลองระบบสุริยะ เปน็ หวั ข้อย่อย เช่น แบบจำลองระบบสุริยะของพโตเลมี แบบจำลองระบบสุริยะของโคเพอร์นิคัส และแบบจำลองระบบสุริยะของ เคปเลอร์ ใหส้ มาชกิ แตล่ ะกลุ่มชว่ ยกนั สบื ค้นตามหัวขอ้ ทีก่ ำหนด – สมาชกิ แต่ละกลมุ่ ชว่ ยกันสบื ค้นข้อมลู ตามหวั ข้อท่ีกลุ่มของตนเองรบั ผิดชอบโดยการสืบค้นจาก หนงั สือ วารสาร สารานุกรมวทิ ยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสำหรบั เยาวชน และอินเทอรเ์ น็ต
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู – สมาชิกกลุ่มนำข้อมูลที่สืบค้นได้มารายงานให้เพื่อนๆ สมาชิกกลุ่มฟัง รวมทั้งร่วมกันอภิปราย ซกั ถามจนคาดว่าสมาชกิ ทุกคนมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจท่ีตรงกัน – สมาชกิ กลุม่ ชว่ ยกันสรปุ ความร้ทู ไี่ ดท้ ง้ั หมดเป็นผลงานของกลุ่ม (3) ครคู อยแนะนำช่วยเหลือนักเรยี นขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรียนและเปิดโอกาส ให้นกั เรียนทกุ คนซักถามเมื่อมปี ญั หา (3) ข้นั อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (1) นกั เรยี นแต่ละกล่มุ ส่งตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลการปฏิบัตกิ จิ กรรมหนา้ ห้องเรยี น (2) นักเรียนและครรู ่วมกันอภิปรายและหาข้อสรปุ จากการปฏิบตั กิ จิ กรรม โดยใชแ้ นวคำถามต่อไปนี้ – การศึกษาการเคลื่อนที่ของดวงดาวต่างๆ ในระบบสุริยะสามารถทำได้ด้วยวิธีการใด(แนว คำตอบ ศึกษาไดจ้ ากแบบจำลองระบบสรุ ยิ ะ) – ถ้าต้องการศึกษาดาวเคราะห์สามารถศึกษาได้จากแบบจำลองของนักดาราศาสตร์ท่านใดบ้าง (แนวคำตอบ พโตเลมี โคเพอร์นิคัส และเคปเลอร)์ (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏบิ ัติกจิ กรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า นักดาราศาสตร์ สร้างแบบจำลองระบบสุริยะเพอ่ื ศกึ ษาดาวเคราะห์ รวมถึงวัตถทุ ้องฟา้ อืน่ ๆ (4) ขัน้ ขยายความรู้ (1) นักเรียนฝึกสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการสร้างแบบจำลองระบบสุริยะของนักดาราศาสตร์ จากหนังสือ และวารสารเกี่ยวกับดาราศาสตร์ สารานกุ รมวทิ ยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสำหรบั เยาวชน และอินเทอรเ์ นต็ (2) นักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับแบบจำลองระบบสุริยะ จากหนังสือเรียน ภาษาตา่ งประเทศหรอื อินเทอรเ์ น็ต และนำเสนอให้เพ่อื นในห้องฟงั คดั คำศพั ทพ์ รอ้ มท้งั คำแปลลงสมดุ ส่งครู (5) ข้ันประเมนิ (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เขา้ ใจหรือมขี อ้ สงสัย ถ้ามี ครูชว่ ยอธิบายเพิ่มเตมิ ให้นักเรยี นเขา้ ใจ (2) นักเรยี นรว่ มกันประเมนิ การปฏิบัติกิจกรรมกล่มุ ว่ามีปญั หาหรอื อปุ สรรคใดและได้แกไ้ ขอย่างไรบา้ ง (3) ครูและนักเรยี นร่วมกนั แสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกบั ประโยชน์ทไ่ี ดร้ บั จากการปฏิบตั ิกิจกรรมและการ นำความรู้ไปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนักเรียนโดยถามคำถามนักเรียน เช่น – นักดาราศาสตรส์ นใจศึกษาแบบจำลองระบบสรุ ยิ ะเพราะเหตใุ ด – แบบจำลองระบบสรุ ิยะของพโตเลมี โคเพอร์นคิ สั และเคปเลอร์ มีลกั ษณะใด ขนั้ สรปุ ครูและนักเรยี นรว่ มกันสรุปเกยี่ วกับแบบจำลองระบบสรุ ยิ ะ โดยร่วมกนั เขยี นเปน็ แผนทีค่ วามคดิ หรือผัง มโนทศั น์
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 10. สื่อการเรียนรู้ 1. รูปแบบจำลองระบบสรุ ยิ ะของพโตเลมี โคเพอร์นิคสั และเคปเลอร์ 2. หนังสอื และวารสารเก่ยี วกับดาราศาสตร์ สารานกุ รมวทิ ยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน 3. หนงั สอื เรยี นภาษาต่างประเทศ 4. คมู่ อื การสอน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 5. ส่อื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 6. แบบฝกึ ทักษะรายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 7. หนังสอื เรียนรายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 11. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) จติ วิทยาศาสตร์ (A) 1. ซักถามความรู้เร่ือง แบบจำลอง 1. ประเมนิ เจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ 1. ประเมนิ ทักษะการคดิ โดย ของระบบสุรยิ ะ เปน็ รายบคุ คลโดยการสงั เกต การสังเกตการทำงานกลุ่ม 2. ตรวจชิ้นงานหรือภาระงานของ และใชแ้ บบวัดเจตคตทิ าง 2. ประเมนิ พฤติกรรมในการ กิจกรรมฝกึ ทักษะระหว่างเรยี น วิทยาศาสตร์ ปฏิบัติกิจกรรมเปน็ 2. ประเมินเจตคตติ ่อวทิ ยาศาสตร์ รายบุคคลหรอื รายกลุ่มโดย เป็นรายบุคคลโดยการสังเกต การสงั เกตการทำงานกลุ่ม และใชแ้ บบวัดเจตคตติ อ่ วิทยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรุปผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผา่ นจุดประสงค์การเรียนรู้......................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้..................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นักเรยี นนีไ่ ม่ผา่ น มีดังนี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................... ....................... 2. นักเรยี นมีความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 3. นักเรียนมคี วามรูเ้ กิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ................................................................................................... ................................................... 4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ................................................................................................................................. ..................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (นางอมลสิริ คำฟู) ตำแหนง่ ครูผชู้ ว่ ย
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 74 สาระการเรียนร้วู ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 4 เรอื่ ง สว่ นประกอบของระบบสุริยะ (1) เวลา 1 ชว่ั โมง ครูผู้สอน นางอมลสิริ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ วทิ ยาศาสตร์ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต และการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีอวกาศ 2. ตวั ชี้วดั ชนั้ ปี สร้างแบบจำลองแสดงองค์ประกอบของระบบสุริยะ และอธิบายเปรียบเทียบคาบการโคจรของดาว เคราะหต์ ่าง ๆ จากแบบจำลอง (ว 3.1 ป. 4/3) 3. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 1. อธิบายสว่ นประกอบของระบบสุรยิ ะได้ (K) 2. มีความสนใจใฝ่รหู้ รอื อยากร้อู ยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรยี นรทู้ ีเ่ กี่ยวกบั วิทยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานรว่ มกบั ผอู้ นื่ อยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. สอ่ื สารและนำความรเู้ รื่องสว่ นประกอบของระบบสุริยะไปใชใ้ นชีวิตประจำวันได้ (P) 4. สาระสำคัญ ระบบสุริยะเป็นระบบที่มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง มีบริวารที่เป็นดาวเคราะห์ 8 ดวง ประกอบด้วย ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวองั คาร ดาวพฤหสั บดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน 5. สาระการเรยี นรู้ ระบบสุริยะ – ส่วนประกอบของระบบสุรยิ ะ 6. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวินัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ มน่ั ในการทำงาน 4. มีจิตวทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 7. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการส่อื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 8. ช้นิ งานหรอื ภาระงาน สืบค้นข้อมลู เกี่ยวกับสว่ นประกอบของระบบสุริยะ 9. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเข้าส่บู ทเรยี น 1) ครถู ามคำถามนักเรียนเพื่อกระตุ้นความสนใจ เช่น – ระบบสุริยะเป็นระบบของดวงดาวที่ประกอบด้วยอะไรบ้าง (แนวคำตอบ ดาวเคราะห์ 8 ดวง ดวงจันทร์ ดวงอาทติ ย์ และวัตถุท้องฟ้าอน่ื ๆ) – ศนู ยก์ ลางของระบบสุริยะคืออะไร (แนวคำตอบ ดวงอาทติ ย์) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำตอบของคำถาม เพื่อเชื่อมโยงไปสู่ การเรียนรู้เรอ่ื ง สว่ นประกอบของระบบสรุ ยิ ะ ขัน้ จดั กจิ กรรมการเรียนรู้ จดั กจิ กรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ รว่ มกบั แบบกลับดา้ นช้นั เรยี น ซ่ึงมขี น้ั ตอน ดังนี้ (1) ข้นั สร้างความสนใจ (1) ครูสนทนากบั นักเรยี นแลว้ นำรูประบบสรุ ยิ ะมาใหน้ กั เรียนดู แลว้ ถามคำถามนักเรยี นดังนี้ – ในระบบสุริยะมีดาวเคราะห์ทั้งหมดกี่ดวง อะไรบ้าง (แนวคำตอบ 8 ดวง คือ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวองั คาร ดาวพฤหสั บดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน) – ดาวเคราะห์ที่อยใู่ กล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดคือดาวเคราะหด์ วงใด (แนวคำตอบ ดาวพธุ ) (2) นักเรียนร่วมกนั อภปิ รายเกย่ี วกบั คำตอบจากคำถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรยี น (2) ข้นั สำรวจและค้นหา (1) ให้นักเรียนศึกษาเรื่องส่วนประกอบของระบบสุริยะจากใบความรู้หรือในหนังสือเรียน โดยครูช่วย อธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า ระบบสุริยะประกอบด้วยดาวเคราะห์ 8 ดวง โคจรอยู่รอบๆ ดวงอาทิตย์ และยังมี บริวารอื่นๆ ได้แก่ ดวงจันทร์ ดาวเคราะห์น้อย ดาวเคราะห์แคระ ดาวหาง ดาวตกหรือผีพุ่งไต้ และอุกกาบาต เคลือ่ นทอ่ี ยู่ในวงโคจร (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับส่วนประกอบของระบบสุริยะ โดย ดำเนินการตามขนั้ ตอนดังน้ี – แต่ละกลมุ่ วางแผนการสบื ค้นข้อมลู โดยแบง่ หวั ข้อสว่ นประกอบของระบบสรุ ิยะเป็นหัวข้อย่อย เช่น ลักษณะเฉพาะของดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน ให้เพอ่ื นสมาชิกชว่ ยกันสบื คน้ ตามทีส่ มาชกิ กลมุ่ ช่วยกันกำหนด – สมาชิกกลุ่มแต่ละคนหรือกลุ่มย่อยช่วยกันสืบค้นข้อมูลตามหัวข้อย่อยที่ตนเองรับผิดชอบ โดย การสืบคน้ จากใบความรู้ท่ีครูเตรียมมาให้ หรอื หนังสอื วารสาร สารานกุ รมวิทยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสำหรับ เยาวชน และอนิ เทอร์เนต็
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู – สมาชกิ กลุ่มนำข้อมลู ที่สืบค้นได้มารายงานให้เพื่อนๆ สมาชกิ ในกล่มุ ฟงั รวมทง้ั ร่วมกันอภิปราย ซกั ถามจนคาดวา่ สมาชกิ ทุกคนมคี วามรู้ความเขา้ ใจที่ตรงกัน – สมาชิกกลุ่มชว่ ยกนั สรปุ ความรู้ที่ได้ทัง้ หมดเป็นผลงานของกลุม่ (3) ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบ ๆ ห้องเรียนและเปิด โอกาสให้นักเรียนทุกคนซกั ถามเมือ่ มีปัญหา (3) ขน้ั อธบิ ายและลงข้อสรปุ (1) นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ส่งตัวแทนกลมุ่ นำเสนอผลการปฏิบัติกจิ กรรมหนา้ หอ้ งเรียน (2) นักเรยี นและครรู ว่ มกนั อภิปรายและหาข้อสรปุ จากการปฏิบัตกิ จิ กรรม โดยใช้แนวคำถามตอ่ ไปนี้ – ดาวเคราะห์ที่มีดวงจันทร์เป็นบริวารมากที่สุดคือดาวเคราะห์ดวงใด (แนวคำตอบ ดาว พฤหสั บด)ี – ดาวเคราะห์ที่มีทิศทางการหมุนรอบตัวเองต่างจากดาวเคราะห์ดวงอื่นคือดาวเคราะห์ดวงใด (แนวคำตอบ ดาวศกุ ร)์ (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า ระบบสุริยะ ประกอบดว้ ยดาวเคราะห์ 8 ดวง ซงึ่ ดาวเคราะห์แต่ละดวงมลี ักษณะเฉพาะแตกตา่ งกนั (4) ขั้นขยายความรู้ ครูอธบิ ายเพ่ิมเติมว่า เมือ่ วนั ท่ี 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 องค์การนาซาของประเทศสหรัฐอเมริกาได้ส่ง ยานอวกาศจโู น (Juno) ซ่ึงเปน็ ยานอวกาศพลังงานแสงอาทิตย์ เขา้ สูว่ งโคจรของดาวพฤหสั บดีได้สำเร็จ เพื่อใช้ ถา่ ยภาพดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญท่ ส่ี ดุ ในระบบสรุ ิยะและไขปรศิ นาการก่อกำเนิดของดวงดาว (5) ข้ันประเมนิ (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบา้ งที่ยังไม่ เขา้ ใจหรือมีขอ้ สงสยั ถา้ มี ครูชว่ ยอธิบายเพ่มิ เติมให้นักเรยี นเข้าใจ (2) นักเรียนรว่ มกันประเมนิ การปฏิบตั ิกิจกรรมกลุ่มวา่ มปี ัญหาหรอื อุปสรรคใดและได้แก้ไขอยา่ งไรบ้าง (3) ครแู ละนักเรยี นร่วมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ทีไ่ ดร้ ับจากการปฏิบตั ิกิจกรรมและการ นำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนกั เรยี นโดยถามคำถามนกั เรียน เช่น – ดาวเคราะห์ท่พี บวา่ เคยมีน้ำหรือของเหลวคือดาวเคราะห์ดวงใด – ดาวองั คาร ดาวพฤหสั บดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูนมีลักษณะเดน่ อะไรบา้ ง ข้ันสรปุ ครแู ละนักเรียนร่วมกันสรุปเกย่ี วกับสว่ นประกอบของระบบสุริยะ โดยรว่ มกนั เขียนเป็นแผนที่ความคิด หรือผังมโนทัศน์ 10. สื่อการเรียนรู้ 1. รูประบบสรุ ิยะ 2. หนงั สือ วารสาร สารานุกรมวทิ ยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสำหรับเยาวชน และอนิ เทอรเ์ น็ต 3. คูม่ ือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 4. ส่ือการเรยี นรู้ PowerPoint รายวชิ าพ้นื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 4
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 5. แบบฝกึ ทกั ษะรายวชิ าพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 6. หนังสอื เรียนรายวชิ าพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศกึ ษาปีที่ 4 11. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) 1. ซักถามความรู้เรื่องส่วนประกอบ จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ประเมนิ ทักษะการคดิ โดย ของระบบสรุ ยิ ะ การสังเกตการทำงานกลมุ่ 1. ประเมินเจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ 2. ตรวจชนิ้ งานหรือภาระงานของ เปน็ รายบุคคลโดยการสงั เกต 2. ประเมินพฤติกรรมในการ กิจกรรมฝกึ ทกั ษะระหวา่ งเรยี น และใชแ้ บบวดั เจตคตทิ าง ปฏิบัติกิจกรรมเปน็ วิทยาศาสตร์ รายบคุ คลหรือรายกลุ่มโดย การสงั เกตการทำงานกลุ่ม 2. ประเมินเจตคตติ อ่ วิทยาศาสตร์ เปน็ รายบคุ คลโดยการสงั เกต และใช้แบบวดั เจตคติตอ่ วิทยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นจำนวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรียนร.ู้ .....................คน คดิ เปน็ ร้อยละ.................. ไม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรยี นรู้..................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. นกั เรียนนีไ่ ม่ผ่าน มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไมผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 2. นักเรยี นมีความรู้ความเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรียนมีความรเู้ กิดทกั ษะ (P) ................................................................................................. ..................................................... ............................................................................................................................. ......................... 4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านิยม คณุ ธรรมจริยธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชอ่ื .................................................. (นางอมลสริ ิ คำฟู) ตำแหน่ง ครผู ชู้ ว่ ย
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจัดการเรยี นรูท้ ่ี 75 สาระการเรียนรวู้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 4 หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 เรอื่ ง ส่วนประกอบของระบบสุรยิ ะ (2) เวลา 1 ชว่ั โมง ครูผสู้ อน นางอมลสิริ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ วิทยาศาสตร์ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต และการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีอวกาศ 2. ตัวช้ีวัดชนั้ ปี สร้างแบบจำลองแสดงองค์ประกอบของระบบสุริยะ และอธิบายเปรียบเทียบคาบการโคจรของดาว เคราะห์ตา่ ง ๆ จากแบบจำลอง (ว 3.1 ป. 4/3) 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธิบายสว่ นประกอบของระบบสรุ ยิ ะได้ (K) 2. มีความสนใจใฝร่ ู้หรอื อยากรอู้ ยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรทู้ เ่ี กีย่ วกบั วิทยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานร่วมกบั ผูอ้ น่ื อย่างสร้างสรรค์ (A) 5. ส่ือสารและนำความรเู้ ร่ืองส่วนประกอบของระบบสุรยิ ะไปใช้ในชวี ติ ประจำวันได้ (P) 4. สาระสำคัญ ระบบสุริยะเป็นระบบที่มีดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลาง มีบริวารที่เป็นดาวเคราะห์ 8 ดวง ประกอบด้วย ดาวพธุ ดาวศกุ ร์ โลก ดาวอังคาร ดาวพฤหสั บดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนสั และดาวเนปจูน 5. สาระการเรียนรู้ ระบบสุริยะ – ส่วนประกอบของระบบสรุ ิยะ 6. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1. มวี ินัย 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มุง่ มัน่ ในการทำงาน 4. มีจติ วทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 8. ชิ้นงานหรอื ภาระงาน ดาวเคราะห์ท่ีฉันชอบ 9. การจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ ขน้ั นำเขา้ สูบ่ ทเรียน 1) ครูทบทวนความร้เู กี่ยวกับส่วนประกอบของระบบสุริยะ โดยถามคำถามนกั เรียนว่า – ดาวฤกษท์ ี่มขี นาดใหญแ่ ละสว่างมากคอื ดาวฤกษด์ วงใด (แนวคำตอบ ดวงอาทิตย์) – ดาวเคราะห์ที่มนี ้ำหรือของเหลว และอาจมีสิ่งมีชวี ิตอาศยั อยไู่ ดค้ อื ดาวเคราะหด์ วงใด (แนวคำตอบ ดาวองั คาร) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำตอบของคำถาม เพื่อเชื่อมโยงไปสู่ การเรียนรู้เรอ่ื ง สว่ นประกอบของระบบสุริยะ ขน้ั จดั กจิ กรรมการเรยี นรู้ จัดกิจกรรมการเรยี นรู้โดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ รว่ มกบั แบบกลับดา้ นช้นั เรียน ซ่ึงมขี ัน้ ตอน ดงั น้ี (1) ขั้นสรา้ งความสนใจ (1) ครนู ำรูประบบสรุ ิยะมาให้นักเรียนดู แลว้ อธิบายเกย่ี วกบั ดาวเคราะหใ์ นระบบสุริยะ จากนั้นครูถาม คำถามกบั นักเรียนดงั น้ี – ดาวเคราะห์ท่ีมวี งแหวนล้อมรอบคือดาวเคราะหด์ วงใด (แนวคำตอบ ดาวเสาร)์ – ดาวเคราะหท์ อ่ี ยถู่ ดั จากดาวศุกรค์ อื ดาวเคราะหด์ วงใด (แนวคำตอบ โลก) (2) นกั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายเก่ยี วกับคำตอบจากคำถามของครตู ามประสบการณ์ของนกั เรยี น (2) ขน้ั สำรวจและค้นหา (1) นักเรียนแตล่ ะคน ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเสรมิ การเรียนร้ทู ี่ 6 ดาวเคราะห์ทฉี่ นั ชอบ ตามขน้ั ตอน ดงั นี้ – เขียนรายละเอยี ดเกย่ี วกบั ดาวเคราะหท์ ่นี กั เรยี นชอบ วาดรูปและระบายสใี หส้ วยงาม – นำเสนอผลงานและอธบิ ายรว่ มกนั ในชัน้ เรยี น (2) ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรยี นขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรยี นและเปิดโอกาส ใหน้ กั เรียนทกุ คนซกั ถามเม่อื มปี ญั หา (3) ขั้นอธิบายและลงขอ้ สรุป (1) นักเรยี นแตล่ ะกลุม่ สง่ ตัวแทนกล่มุ นำเสนอผลการปฏิบัติกจิ กรรมหน้าห้องเรียน (2) นักเรยี นและครูร่วมกันอภิปรายและหาขอ้ สรุปจากการปฏิบัตกิ จิ กรรม โดยใชแ้ นวคำถามตอ่ ไปน้ี – ดาวยูเรนัสมีสีฟ้าอมเขียว เนื่องจากสาเหตุใด (แนวคำตอบ เนื่องจากบรรยากาศชั้นบนมีแก๊ส ฮีเลียมจำนวนมาก) – วงแหวนของดาวเสาร์มลี ักษณะเป็นอย่างไร (แนวคำตอบ มลี กั ษณะเป็นวงแหวนเลก็ ๆ ซ้อนกัน อยู่จำนวนมาก ซง่ึ ภายในวงแหวนประกอบด้วยก้อนนำ้ แขง็ กอ้ นหนิ ทปี่ กคลมุ ดว้ ยนำ้ แข็ง และฝุน่ ละออง) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า ดาวเคราะห์ใน ระบบสุริยะประกอบดว้ ย ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก ดาวองั คาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยเู รนัส และดาวเนปจูน ซึ่งลกั ษณะของดาวเคราะห์แต่ละดวงแตกตา่ งกัน
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู (4) ขัน้ ขยายความรู้ ครูอธิบายเพิ่มเติมว่า นักดาราศาสตร์ได้ค้นพบระบบดาวเคราะห์ TRAPPIST–1 โดยกล้องโทรทรรศน์ TRAPPIST ของชิลี และกล้องโทรทรรศน์สปิตเซอร์ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งดาวเคราะห์ทั้ง 7 ดวงมีพื้นผิวเป็นหนิ เหมอื นกบั โลก ดาวเคราะห์ 7 ดวงในระบบ TRAPPIST–1 (5) ขัน้ ประเมิน (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบา้ งที่ยังไม่ เข้าใจหรอื มีขอ้ สงสัย ถา้ มี ครูชว่ ยอธิบายเพม่ิ เติมใหน้ ักเรียนเข้าใจ (2) นักเรยี นร่วมกนั ประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุม่ วา่ มปี ัญหาหรอื อุปสรรคใดและไดแ้ กไ้ ขอย่างไรบา้ ง (3) ครูและนกั เรยี นรว่ มกนั แสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกับประโยชน์ทไ่ี ด้รบั จากการปฏบิ ัติกจิ กรรมและการ นำความรูไ้ ปใชป้ ระโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนักเรยี นโดยถามคำถามนักเรยี น เช่น – ดาวเคราะหท์ ีถ่ ูกเรยี กวา่ “เตาไฟแช่แข็ง” คือดาวเคราะหด์ วงใด – ดาวอังคาร ดาวพฤหสั บดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูนมีลักษณะเดน่ อะไรบา้ ง – จากลักษณะของดาวเคราะห์แต่ละดวง นักเรียนคิดว่ามีดาวเคราะห์ดวงใดที่เหมือนหรือคล้าย กับโลกของเรามากท่สี ดุ อธบิ าย ขนั้ สรุป ครแู ละนักเรยี นร่วมกันสรุปเก่ียวกับสว่ นประกอบของระบบสุริยะ โดยรว่ มกันเขียนเป็นแผนท่ีความคิด หรือผังมโนทศั น์ 10. สื่อการเรยี นรู้ 1. รปู ระบบสุริยะ 2. ใบกิจกรรมเสรมิ การเรยี นรู้ที่ 6 ดาวเคราะห์ที่ฉนั ชอบ 3. คมู่ อื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 4. สื่อการเรยี นรู้ PowerPoint รายวชิ าพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4 5. แบบฝกึ ทักษะรายวิชาพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 6. หนงั สือเรียนรายวชิ าพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 4
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) 1. ซักถามความรเู้ รื่องสว่ นประกอบ จติ วทิ ยาศาสตร์ (A) 1. ประเมนิ ทักษะการคิดโดย ของระบบสุริยะ การสังเกตการทำงานกลมุ่ 1. ประเมนิ เจตคติทางวิทยาศาสตร์ 2. ตรวจชิ้นงานหรือภาระงานของ เปน็ รายบคุ คลโดยการสังเกต 2. ประเมินพฤติกรรมในการ กจิ กรรมฝึกทกั ษะระหว่างเรยี น และใช้แบบวัดเจตคติทาง ปฏิบัติกจิ กรรมเป็น วิทยาศาสตร์ รายบุคคลหรอื รายกลุ่มโดย การสังเกตการทำงานกลุม่ 2. ประเมนิ เจตคติตอ่ วิทยาศาสตร์ เปน็ รายบุคคลโดยการสงั เกต และใชแ้ บบวดั เจตคติตอ่ วทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นจำนวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรียนร.ู้ .....................คน คิดเป็นร้อยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงค์การเรียนรู้..................คน คิดเปน็ ร้อยละ.................. นักเรียนนไี่ ม่ผ่าน มีดงั นี้ 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไมผ่ ่านจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรียนมีความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 3. นักเรียนมคี วามรู้เกดิ ทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................. ......................... 4. นกั เรยี นมีเจตคติ ค่านิยม คณุ ธรรมจริยธรรม (A) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชื่อ.................................................. (นางอมลสริ ิ คำฟู) ตำแหนง่ ครูผชู้ ่วย
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 76 สาระการเรยี นรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วทิ ยาศาสตร์ รหสั วิชา ว14101 ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 4หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 4 เรอ่ื ง เกณฑ์การแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสรุ ิยะ (1) เวลา 1 ชว่ั โมง ครผู สู้ อน นางอมลสิริ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต และการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีอวกาศ 2. ตัวช้ีวดั ชน้ั ปี สร้างแบบจำลองแสดงองค์ประกอบของระบบสุริยะ และอธิบายเปรียบเทียบคาบการโคจรของดาว เคราะห์ตา่ งๆ จากแบบจำลอง (ว 3.1 ป. 4/3) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ายส่วนประกอบของระบบสรุ ยิ ะได้ (K) 2. มีความสนใจใฝ่ร้หู รอื อยากรูอ้ ยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณ์การเรยี นรู้ท่เี กี่ยวกบั วทิ ยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานร่วมกบั ผู้อน่ื อยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. ส่อื สารและนำความรเู้ รื่องสว่ นประกอบของระบบสรุ ิยะไปใชใ้ นชวี ิตประจำวนั ได้ (P) 4. สาระสำคัญ นักดาราศาสตร์ได้แบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะโดยใช้ระยะทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์ เป็นเกณฑ์ ซึ่งแบ่งออกเป็น ดาวเคราะห์วงนอกและดาวเคราะห์วงใน ส่วนการแบ่งดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ โดยใช้ลักษณะพื้นผิวเป็นเกณฑ์ แบ่งออกเป็น ดาวเคราะห์ยักษ์แก๊ส ดาวเคราะห์ยักษ์น้ำแข็ง และดาวเคราะห์ หิน 5. สาระการเรียนรู้ ระบบสรุ ิยะ – สว่ นประกอบของระบบสุริยะ – เกณฑ์การแบ่งประเภทของดาวเคราะหใ์ นระบบสรุ ิยะ 6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มวี นิ ัย 2. ใฝเ่ รยี นรู้ 3. มุ่งม่ันในการทำงาน 4. มีจติ วทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 7. สมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น 1. ความสามารถในการส่ือสาร 2. ความสามารถในการคดิ 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชนิ้ งานหรือภาระงาน สืบคน้ ข้อมลู เกีย่ วกับเกณฑก์ ารแบง่ ประเภทของดาวเคราะหใ์ นระบบสุริยะ 9. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้นั นำเขา้ สู่บทเรยี น 1) ครทู บทวนความรเู้ กีย่ วกับส่วนประกอบของระบบสุริยะ โดยการถามคำถามนักเรียนว่า – ดาวเคราะห์ในระบบสรุ ิยะมีทัง้ หมดก่ดี วง (แนวคำตอบ 8 ดวง) – เราสามารถแบ่งประเภทของดาวเคราะห์แต่ละดวงได้หรือไม่ (แนวคำตอบ ได)้ 2) นักเรียนช่วยกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำตอบของคำถาม เพื่อเชื่อมโยงไปสู่ การเรยี นรเู้ ร่อื ง เกณฑก์ ารแบง่ ประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุรยิ ะ ข้ันจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ จดั กจิ กรรมการเรียนรโู้ ดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ร่วมกบั แบบกลับด้านชัน้ เรยี น ซงึ่ มขี นั้ ตอน ดังน้ี (1) ขั้นสรา้ งความสนใจ (1) ครูนำรปู ระบบสุรยิ ะมาใหน้ ักเรยี นดู แลว้ ถามคำถามนกั เรยี นดังน้ี – เราสามารถใช้เกณฑ์ใดในการแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ (แนวคำตอบ ใช้ ระยะทางจากโลกถงึ ดวงอาทิตย์และใช้ลักษณะพ้ืนผวิ เปน็ เกณฑ์) – การแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะโดยใช้ระยะทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์เป็น เกณฑส์ ามารถแบ่งเปน็ กก่ี ลุ่ม (แนวคำตอบ แบ่งเปน็ 2 กลมุ่ ) (2) นกั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายเกยี่ วกบั คำตอบจากคำถามของครูตามประสบการณ์ของนักเรียน (2) ขัน้ สำรวจและคน้ หา (1) ให้นักเรียนศึกษาเรื่องเกณฑ์การแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะจากใบความรู้หรื อใน หนงั สอื เรียน โดยครชู ว่ ยอธิบายให้นักเรียนเขา้ ใจว่า การแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะสามารถใช้ ระยะทางจากโลกถงึ ดวงอาทิตย์เป็นเกณฑ์ในการแบ่งได้ โดยแบ่งออกเป็นดาวเคราะห์ท่ีอยูห่ ่างจากดวงอาทติ ย์ มากกวา่ โลก คือ ดาวเคราะห์วงนอก สว่ นดาวเคราะห์ที่อยู่หา่ งจากดวงอาทิตย์น้อยกว่าโลก คือ ดาวเคราะห์วง ใน (2) แบ่งกลุ่มนกั เรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกบั เกณฑ์การแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ ในระบบสรุ ิยะโดยดำเนินการตามขน้ั ตอนดังนี้ – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อเกณฑ์การแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ใน ระบบสุริยะเป็นหัวข้อย่อย เช่น ดาวเคราะห์วงนอก ดาวเคราะห์วงใน ให้เพื่อนสมาชิกช่วยกัน สืบค้นตามที่ สมาชิกกลมุ่ ชว่ ยกันกำหนด
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู – สมาชิกกลุ่มแต่ละคนหรือกลุ่มย่อยช่วยกันสืบค้นข้อมูลตามหัวข้อย่อยที่ตนเองรับผิดชอบโดย การสืบค้นจากใบความรู้ที่ครูเตรียมมาให้หรือหนังสือ วารสาร สารานุกรมวทิ ยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสำหรับ เยาวชน และอนิ เทอร์เน็ต – สมาชิกกลมุ่ นำข้อมูลทสี่ ืบคน้ ได้มารายงานให้เพอ่ื นๆ สมาชกิ ในกลุ่มฟัง รวมท้งั ร่วมกันอภิปราย ซักถามจนคาดวา่ สมาชกิ ทุกคนมคี วามรู้ความเขา้ ใจท่ตี รงกนั – สมาชิกกลุ่มช่วยกันสรุปความร้ทู ไี่ ด้ท้งั หมดเปน็ ผลงานของกลุ่ม (3) ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรยี นขณะปฏบิ ัติกิจกรรม โดยครูเดนิ ดูรอบๆ ห้องเรยี นและเปิดโอกาส ให้นักเรยี นทกุ คนซกั ถามเม่อื มีปญั หา (3) ขัน้ อธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (1) นักเรียนแต่ละกลุ่มสง่ ตัวแทนกลุ่มนำเสนอผลการปฏิบตั ิกจิ กรรมหน้าห้องเรียน (2) นกั เรียนและครรู ว่ มกนั อภิปรายและหาข้อสรุปจากการปฏบิ ัตกิ จิ กรรม โดยใชแ้ นวคำถามต่อไปน้ี – ดาวเคราะห์วงนอกได้แก่ดาวเคราะห์ดวงใด (แนวคำตอบ ดาวเคราะห์วงนอก ได้แก่ ดาว องั คาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยเู รนัส และดาวเนปจนู ) – ดาวเคราะห์วงในได้แก่ดาวเคราะห์ดวงใด (แนวคำตอบ ดาวเคราะห์วงใน ได้แก่ ดาวพุธและ ดาวศกุ ร)์ (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า ดาวเคราะห์ใน ระบบสุริยะสามารถแบ่งได้โดยใช้ระยะทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์เป็นเกณฑ์ ซึ่งแบ่งออกเป็น ดาวเคราะห์วง นอก ได้แก่ ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน ส่วนดาวเคราะห์วงใน ได้แก่ ดาว พุธและดาวศุกร์ (4) ขนั้ ขยายความรู้ (1) ครูอภิปรายเพิ่มเติมว่า เราจะมองเห็นดาวเคราะห์วงในอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์เหนือขอบฟ้าด้านทิศ ตะวันตกในเวลาพลบค่ำ หรือเหนือขอบฟ้าด้านทิศตะวันออกเวลารุ่งเช้าเท่านั้น โดยดาวพุธจะห่างจากดวง อาทติ ย์ไมเ่ กิน 28 องศา และดาวศกุ รอ์ ยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ไม่เกิน 44 องศา เมอ่ื ใช้กล้องโทรทรรศน์ส่องดูดาว เคราะห์ทั้งสองจะปรากฏให้เห็นเป็นเสี้ยวสว่าง ซึ่งมีขนาดเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละคืน ขึ้นอยู่กับระยะห่างจาก โลกและแสงเงาจากดวงอาทติ ย์ (2) นักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับดาวเคราะห์วงใน ดาวเคราะห์วงนอก จาก หนงั สือเรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนำเสนอให้เพ่ือนในห้องฟัง คดั คำศัพท์พร้อมท้ังคำแปลลง สมุดส่งครู (5) ขั้นประเมิน (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบา้ งที่ยังไม่ เข้าใจหรอื มขี อ้ สงสยั ถา้ มี ครูช่วยอธิบายเพิ่มเติมใหน้ กั เรยี นเข้าใจ (2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัตกิ ิจกรรมกลมุ่ วา่ มปี ญั หาหรืออุปสรรคใดและได้แก้ไขอย่างไรบา้ ง (3) ครูและนกั เรียนร่วมกนั แสดงความคดิ เหน็ เก่ียวกบั ประโยชน์ที่ได้รบั จากการปฏบิ ัติกจิ กรรมและการ นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนกั เรียนโดยถามคำถามนกั เรยี น เช่น – การแบง่ ประเภทของดาวเคราะหใ์ นระบบสรุ ิยะใช้เกณฑ์ใดบ้าง – ดาวเคราะห์ท่ใี ชร้ ะยะทางจากโลกถงึ ดวงอาทิตย์เปน็ เกณฑ์แบง่ เป็นกก่ี ลุม่ อะไรบา้ ง
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู ขั้นสรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเกณฑ์การแบง่ ประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ โดยร่วมกนั เขียนเปน็ แผนทคี่ วามคดิ หรอื ผงั มโนทัศน์ 10. ส่ือการเรียนรู้ 1. รูประบบสุริยะ 2. หนังสอื วารสาร สารานุกรมวทิ ยาศาสตร์ สารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน และอนิ เทอร์เนต็ 3. หนังสือเรยี นภาษาตา่ งประเทศ 4. คูม่ อื การสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี 4 5. สอื่ การเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 6. แบบฝกึ ทักษะรายวชิ าพื้นฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4 7. หนงั สอื เรยี นรายวิชาพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศกึ ษาปีที่ 4 11. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จริยธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) 1. ซักถามความรเู้ รื่องเกณฑ์การ จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ประเมนิ ทักษะการคดิ โดย แบง่ ประเภทของดาวเคราะหใ์ น การสังเกตการทำงานกลุม่ ระบบสรุ ิยะ 1. ประเมินเจตคตทิ าง วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 2. ประเมนิ พฤติกรรมในการ 2. ตรวจชิ้นงานหรือภาระงานของ โดยการสงั เกตและใชแ้ บบวดั ปฏิบัติกจิ กรรมเป็รายบุคคล กิจกรรมฝึกทักษะระหว่างเรยี น เจตคติทางวิทยาศาสตร์ หรือรายกลุม่ โดยการสังเกต การทำงานกลุม่ 2. ประเมนิ เจตคติต่อ วทิ ยาศาสตรเ์ ป็นรายบคุ คล โดยการสังเกตและใช้แบบวัด เจตคตติ อ่ วิทยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บันทึกผลหลงั การจดั การเรียนรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. นกั เรยี นจำนวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรยี นรู.้ .....................คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ.................. ไม่ผา่ นจดุ ประสงคก์ ารเรยี นร.ู้ .................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. นักเรยี นน่ไี มผ่ ่าน มีดงั น้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรยี นท่ีไมผ่ า่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 2. นกั เรยี นมีความร้คู วามเข้าใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรยี นมีความร้เู กิดทกั ษะ (P) ................................................................................................. ..................................................... ............................................................................................................................. ......................... 4. นกั เรยี นมีเจตคติ ค่านยิ ม คณุ ธรรมจริยธรรม (A) ............................................................................................................................... ....................... ............................................................................................................ .......................................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ข้อเสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่ือ.................................................. (นางอมลสริ ิ คำฟู) ตำแหน่ง ครผู ชู้ ่วย
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 77 สาระการเรยี นรูว้ ิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4หน่วยการเรียนรทู้ ่ี 4 เรอ่ื ง เกณฑ์การแบง่ ประเภทของดาวเคราะหใ์ นระบบสรุ ยิ ะ (2) เวลา 1 ชวั่ โมง ครูผ้สู อน นางอมลสริ ิ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต และการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยอี วกาศ 2. ตัวช้ีวดั ชนั้ ปี สร้างแบบจำลองแสดงองค์ประกอบของระบบสุริยะ และอธิบายเปรียบเทียบคาบการโคจรของดาว เคราะห์ตา่ ง ๆ จากแบบจำลอง (ว 3.1 ป. 4/3) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ายเกณฑ์การแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุรยิ ะได้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝร่ หู้ รืออยากร้อู ยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนรู้ทีเ่ กย่ี วกับวิทยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานรว่ มกับผอู้ ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. สอ่ื สารและนำความรเู้ ร่ืองเกณฑ์การแบง่ ประเภทของดาวเคราะหใ์ นระบบสุรยิ ะไปใช้ใน ชีวติ ประจำวนั ได้ (P) 4. สาระสำคัญ นักดาราศาสตร์ได้แบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะโดยใช้ระยะทางจากโลกถึงดวงอาทิตย์ เป็นเกณฑ์ ซึ่งแบ่งออกเป็นดาวเคราะห์วงนอกและดาวเคราะห์วงใน ส่วนการแบ่งดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ โดยใช้ลักษณะพื้นผิวเป็นเกณฑ์ แบ่งออกเป็นดาวเคราะห์ยักษ์แก๊ส ดาวเคราะห์ยักษ์น้ำแข็ง และดาวเคราะห์ หิน 5. สาระการเรียนรู้ ระบบสรุ ยิ ะ – ส่วนประกอบของระบบสรุ ิยะ – เกณฑ์การแบง่ ประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสรุ ยิ ะ 6. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. มีวนิ ยั 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุง่ มั่นในการทำงาน 4. มีจิตวทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 7. สมรรถนะสำคัญของผู้เรียน 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี 8. ชนิ้ งานหรอื ภาระงาน สืบคน้ ขอ้ มลู เก่ยี วกับเกณฑ์การแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ 9. การจดั กจิ กรรมการเรียนรู้ ขน้ั นำเข้าสบู่ ทเรยี น 1) ครูทบทวนความรู้เกี่ยวกับเกณฑ์การแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ โดยการถาม คำถามนกั เรยี นว่า – ดาวเคราะห์ท้ัง 8 ดวง สามารถแบ่งประเภทไดห้ รือไม่ (แนวคำตอบ ได)้ – ดาวเคราะห์แต่ละดวงใช้เกณฑ์ในการแบ่งประเภทเหมือนกันหรือไม่ (แนวคำตอบ ไม่ เหมือนกัน) 2) นักเรียนช่วยกันตอบคำถามและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำตอบของคำถาม เพื่อเชื่อมโยงไปสู่ การเรยี นรู้เรื่อง เกณฑ์การแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ ขั้นจัดกจิ กรรมการเรียนรู้ จดั กจิ กรรมการเรยี นรโู้ ดยใชก้ ระบวนการสืบเสาะหาความรู้ ร่วมกบั แบบกลับดา้ นชนั้ เรยี น ซงึ่ มขี ้ันตอน ดงั น้ี (1) ขัน้ สร้างความสนใจ (1) ครูถามคำถามนักเรยี นเพ่อื กระตุน้ ความสนใจ เช่น – เกณฑก์ ารแบ่งประเภทของดาวเคราะหใ์ นระบบสุรยิ ะมีกี่กลุ่ม (แนวคำตอบ 2 กลมุ่ ) – การแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะใช้เกณฑ์ใดบ้าง (แนวคำตอบ ใช้ระยะทางจาก โลกถึงดวงอาทติ ย์และใชล้ ักษณะพ้ืนผวิ เปน็ เกณฑ)์ (2) นักเรยี นรว่ มกันอภิปรายเกี่ยวกับคำตอบจากคำถามของครตู ามประสบการณ์ของนักเรียน (2) ขนั้ สำรวจและค้นหา (1) ให้นักเรียนศึกษาเรื่องเกณฑ์การแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะจากใบความรู้หรือใน หนังสอื เรยี น โดยครูช่วยอธิบายให้นักเรียนเข้าใจว่า การแบง่ ประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะสามารถใช้ ลกั ษณะพืน้ ผวิ เปน็ เกณฑ์ในการแบ่งได้ โดยแบ่งออกเปน็ ดาวเคราะห์ทีม่ ีองคป์ ระกอบส่วนใหญ่เป็นแก๊ส คอื ดาว เคราะห์ยักษ์แก๊ส ดาวเคราะห์ที่มีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นน้ำแข็ง คือ ดาวเคราะห์ยักษ์น้ำแข็ง และดาว เคราะห์ที่มีองค์ประกอบสว่ นใหญเ่ ปน็ หิน คือ ดาวเคราะห์หนิ (2) แบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 5 – 6 คน สืบค้นข้อมูลเก่ียวกบั เกณฑ์การแบง่ ประเภทของดาวเคราะห์ ในระบบสรุ ยิ ะ โดยดำเนินการตามข้นั ตอนดังน้ี – แต่ละกลุ่มวางแผนการสืบค้นข้อมูล โดยแบ่งหัวข้อเกณฑ์การแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ใน ระบบสุริยะเป็นหัวข้อย่อย เช่น ดาวเคราะห์ยักษ์แก๊ส ดาวเคราะห์ยักษ์น้ำแข็ง และดาวเคราะห์หิน ให้สมาชิก แต่ละกลุม่ ชว่ ยกนั สืบค้นตามหัวข้อทกี่ ำหนด
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู – สมาชิกแตล่ ะกลุ่มชว่ ยกันสืบค้นข้อมูลตามหวั ข้อท่กี ลมุ่ ของตนเองรับผิดชอบโดยการสืบค้นจาก หนงั สือ วารสาร สารานุกรมวทิ ยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสำหรบั เยาวชน และอินเทอร์เน็ต – สมาชิกกลมุ่ นำข้อมูลที่สืบคน้ ได้มารายงานให้เพ่ือนๆ สมาชิกในกลุม่ ฟัง รวมทั้งร่วมกันอภิปราย ซักถามจนคาดว่าสมาชกิ ทกุ คนมคี วามรคู้ วามเขา้ ใจท่ีตรงกนั – สมาชิกกล่มุ ชว่ ยกนั สรุปความรทู้ ่ไี ดท้ ้งั หมดเป็นผลงานของกลุ่ม (3) ครคู อยแนะนำชว่ ยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดนิ ดรู อบๆ หอ้ งเรียนและเปิดโอกาส ให้นกั เรียนทุกคนซกั ถามเม่ือมปี ัญหา (3) ขั้นอธิบายและลงข้อสรปุ (1) นักเรยี นแต่ละกล่มุ สง่ ตวั แทนกลุ่มนำเสนอผลการปฏิบตั กิ ิจกรรมหน้าหอ้ งเรียน (2) นักเรียนและครูร่วมกันอภิปรายและหาข้อสรุปจากการปฏิบัติกิจกรรม โดยใช้แนวคำถาม ตอ่ ไปน้ี – ดาวเคราะหย์ ักษน์ ำ้ แข็งได้แก่ดาวเคราะหด์ วงใด (แนวคำตอบ ดาวยเู รนสั และดาวเนปจนู ) – ดาวเคราะห์ที่มีองค์ประกอบส่วนใหญ่เป็นแก๊สได้แก่ดาวเคราะห์ดวงใด (แนวคำตอบ ดาว พฤหัสบดแี ละดาวเสาร์) – ดาวเคราะห์ทมี่ ีองคป์ ระกอบสว่ นใหญ่เปน็ หินได้แก่ดาวเคราะห์ดวงใด (แนวคำตอบ ดาวพุธ ดาวศุกร์ โลก และดาวองั คาร) (3) ครูและนกั เรยี นร่วมกนั สรุปผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรม โดยครูเนน้ ใหน้ กั เรียนเข้าใจวา่ การแบ่งดาวเคราะห์โดยใช้ลักษณะพื้นผิวเป็นเกณฑ์ แบ่งออกเป็นดาวเคราะห์ยักษ์แก๊ส ได้แก่ ดาว พฤหัสบดี และดาวเสาร์ ดาวเคราะห์ยักษ์น้ำแข็ง ได้แก่ ดาวยูเรนัสและดาวเนปจูน และดาวเคราะห์หิน ได้แก่ ดาวพุธ ดาวศกุ ร์ โลก และดาวอังคาร (4) ขน้ั ขยายความรู้ (1) ครูอภิปรายเพิ่มเติมว่า ดาวยูเรนัสและดาวเนปจูนถูกเรียกว่า ดาวเคราะห์ยักษ์น้ำแข็ง เนื่องจากมี มวลประมาณ 65 เปอร์เซ็นต์ของน้ำแข็งและอื่นๆ รวมถึงองค์ประกอบทางเคมีของมีเทนและแอมโมเนียที่มี อณุ หภูมติ ่ำ เนือ่ งจากเป็นสารเคมีทอี่ ยู่ในสถานะแช่แขง็ จงึ ทำให้เกิดช้นั หนาระหวา่ งชน้ั บรรยากาศและแกนของ ดาวเคราะห์ (2) นักเรียนค้นคว้าคำศัพท์ภาษาต่างประเทศเกี่ยวกับดาวเคราะห์ยักษ์แก๊ส ดาวเคราะห์ยักษ์น้ำแข็ง และดาวเคราะห์หิน จากหนังสือเรียนภาษาต่างประเทศหรืออินเทอร์เน็ต และนำเสนอให้เพื่อนในห้องฟัง คัด คำศัพทพ์ รอ้ มทง้ั คำแปลลงสมดุ สง่ ครู (5) ขัน้ ประเมนิ (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ยังไม่ เข้าใจหรอื มีข้อสงสยั ถ้ามี ครชู ่วยอธบิ ายเพ่ิมเติมให้นักเรยี นเข้าใจ (2) นักเรียนร่วมกันประเมินการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่มว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใด และได้แก้ไขอย่างไร บ้าง (3) ครแู ละนกั เรียนรว่ มกนั แสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ประโยชน์ทีไ่ ด้รับจากการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมและการ นำความรู้ไปใชป้ ระโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยถามคำถามนกั เรยี น เช่น
แผนการจัดการเรยี นรู้วิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู อะไรบา้ ง – การแบ่งประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะโดยใช้ลักษณะพื้นผิวเป็นเกณฑ์แบ่งเป็นกี่กลุ่ม เคราะห์ – ดาวยูเรนัสและดาวเนปจนู จัดเป็นดาวเคราะห์ยักษน์ ำ้ แข็งเพราะเหตุใด – ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะแบ่งเป็นก่ีกลุ่ม และนักดาราศาสตรใ์ ช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการแบ่งดาว ขน้ั สรปุ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปเกี่ยวกับเกณฑ์การแบง่ ประเภทของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ โดยร่วมกัน เขียนเปน็ แผนทคี่ วามคิดหรือผังมโนทัศน์ 10. สื่อการเรยี นรู้ 1. หนงั สือ วารสาร สารานุกรมวิทยาศาสตร์ สารานกุ รมไทยสำหรบั เยาวชน และอินเทอรเ์ น็ต 2. หนงั สือเรียนภาษาตา่ งประเทศ 3. คมู่ ือการสอน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 4. สือ่ การเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพ้นื ฐาน วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 5. แบบฝึกทักษะรายวิชาพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4 6. หนงั สอื เรียนรายวิชาพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 11. การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ดา้ นความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรู้เร่ืองเกณฑ์การ แบง่ ประเภทของดาวเคราะห์ใน 1. ประเมินเจตคตทิ างวทิ ยาศาสตร์ 1. ประเมินทักษะการคิดโดย ระบบสรุ ยิ ะ เปน็ รายบคุ คลโดยการสงั เกต การสงั เกตการทำงานกลุม่ 2. ตรวจชิ้นงานหรือภาระงานของ กจิ กรรมฝึกทักษะระหวา่ งเรยี น และใช้แบบวดั เจตคติทาง 2. ประเมนิ พฤติกรรมในการ วิทยาศาสตร์ ปฏิบัติกจิ กรรมเป็น 2. ประเมนิ เจตคติต่อวทิ ยาศาสตร์ 3. รายบคุ คลหรอื รายกลมุ่ โดย เปน็ รายบคุ คลโดยการสังเกต การสังเกตการทำงานกลุ่ม และใชแ้ บบวดั เจตคตติ ่อ วทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรยี นรู้ 1. นักเรียนจำนวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรียนร.ู้ .....................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. ไม่ผ่านจดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู.้ .................คน คดิ เป็นร้อยละ.................. นักเรียนน่ไี มผ่ ่าน มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนที่ไม่ผา่ นจดุ ประสงค์การเรียนรู้ ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 2. นักเรยี นมีความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 3. นกั เรยี นมีความรู้เกิดทักษะ (P) ............................................................................................................................. ......................... ............................................................................................................................. ......................... 4. นกั เรยี นมเี จตคติ ค่านิยม คณุ ธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... .......................................................................................................... ............................................ 12.2 ปัญหา อุปสรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงช่ือ.................................................. (นางอมลสริ ิ คำฟู) ตำแหนง่ ครผู ูช้ ว่ ย
แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 78 สาระการเรียนรู้วทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวิชา วิทยาศาสตร์ รหัสวชิ า ว14101 ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 4 หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 4 เร่ือง การสรา้ งแบบจำลองระบบสุริยะ เวลา 1 ชวั่ โมง ครูผู้สอน นางอมลสริ ิ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต และการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยีอวกาศ 2. ตัวชี้วัดชัน้ ปี สร้างแบบจำลองแสดงองค์ประกอบของระบบสุริยะ และอธิบายเปรียบเทียบคาบการโคจรของดาว เคราะห์ต่าง ๆ จากแบบจำลอง (ว 3.1 ป. 4/3) 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธิบายและเปรยี บเทยี บการโคจรของดาวเคราะหต์ า่ ง ๆ จากแบบจำลองระบบสุริยะได้ (K) 2. สรา้ งแบบจำลองเพ่ือแสดงองคป์ ระกอบของระบบสรุ ยิ ะได้ (K) 3. มีความสนใจใฝ่รหู้ รอื อยากรอู้ ยากเหน็ (A) 4. พอใจในประสบการณก์ ารเรียนรทู้ ่เี กยี่ วกับวิทยาศาสตร์ (A) 5. ทำงานร่วมกับผอู้ ่ืนอยา่ งสร้างสรรค์ (A) 6. สอื่ สารและนำความรูเ้ รื่องแบบจำลองระบบสุรยิ ะไปใช้ในชวี ิตประจำวันได้ (P) 4. สาระสำคัญ แบบจำลองระบบสุริยะเปน็ แผนภาพแสดงแนวคดิ ของนักดาราศาสตร์ท่ีสร้างข้ึนเพ่ือแสดงตำแหน่งของ ดวงอาทติ ย์ ดาวเคราะห์ และวัตถุทอ้ งฟา้ อ่นื ๆ ทโี่ คจรรอบโลก 5. สาระการเรียนรู้ – แบบจำลองระบบสุริยะ 6. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มีวนิ ัย 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุ่งม่นั ในการทำงาน 4. มีจติ วทิ ยาศาสตร์ 7. สมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสือ่ สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแก้ปัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนินชวี ิต
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 8. ชน้ิ งานหรือภาระงาน สร้างแบบจำลองระบบสรุ ิยะ 9. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขัน้ นำเข้าสบู่ ทเรียน 1) ครูทบทวนความรู้เกี่ยวกับแบบจำลองระบบสุริยะ โดยให้นักเรียนอธิบายว่า นักดาราศาสตร์สร้าง แบบจำลองระบบสรุ ิยะจากการศึกษาการเคลือ่ นท่ีของดวงอาทิตย์ ดาวเคราะห์ ดวงจนั ทร์ และวตั ถุทอ้ งฟ้าอ่ืนๆ ในระบบสรุ ยิ ะ 2) นกั เรียนช่วยกันตอบคำถามและแสดงความคดิ เห็นเกย่ี วกบั คำตอบของคำถาม เพอ่ื เช่ือมโยงไปสู่การ เรยี นร้เู ร่ือง แบบจำลองระบบสุริยะ ขั้นจัดกจิ กรรมการเรยี นรู้ จดั กิจกรรมการเรียนรู้โดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้รว่ มกบั แบบกลับด้านชั้นเรยี น ซง่ึ มขี ั้นตอน ดังนี้ (1) ขั้นสรา้ งความสนใจ (1) ครถู ามคำถามนักเรยี นเพ่ือกระต้นุ ความสนใจ เชน่ – ขนาดของดาวเคราะหแ์ ตล่ ะดวงเทา่ กันหรอื ไม่ (แนวคำตอบ ไมเ่ ทา่ กัน) – ถ้าต้องการศึกษาเกี่ยวกับขนาดของดาวเคราะห์สามารถศึกษาได้โดยวิธีการใด (แนวคำตอบ ศกึ ษาได้โดยการสรา้ งแบบจำลองระบบสรุ ิยะ) (2) นกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายเกย่ี วกับคำตอบจากคำถามของครตู ามประสบการณ์ของนกั เรยี น (2) ข้ันสำรวจและคน้ หา (1) แบง่ กลุม่ นกั เรียน ปฏิบัติกิจกรรมท่ี 25 สร้างแบบจำลองของระบบสุริยะ แตล่ ะกลมุ่ ปฏบิ ัตกิ ิจกรรม ตามข้ันตอนทีไ่ ด้วางแผนไว้ ดงั นี้ – ใช้ข้อมูลในตารางแสดงเส้นผ่านศูนย์กลางของดาวเคราะห์และเส้นผ่านศูนย์กลางของ แบบจำลองสร้างแบบจำลองของดาวเคราะห์ โดยใช้ข้อมูลเส้นผ่านศูนย์กลางของดาวเคราะห์หาขนาด เพ่ือ สร้างแบบจำลองของดาวเคราะห์แตล่ ะดวง ตารางแสดงเส้นผา่ นศูนยก์ ลางของดาวเคราะหแ์ ละเส้นผ่านศนู ย์กลางของแบบจำลอง ชื่อดาวเคราะห์ เสน้ ผา่ นศนู ยก์ ลางของ เสน้ ผ่านศูนยก์ ลางของ ดาวเคราะห์ (กิโลเมตร) แบบจำลอง (มิลลิเมตร) ดาวพุธ 4,900 5 ดาวศกุ ร์ 12,100 12 โลก 12,800 13 ดาวองั คาร 6,800 7 ดาวพฤหัสบดี 143,000 143 ดาวเสาร์ 120,500 121 ดาวยเู รนัส 51,100 51
แผนการจัดการเรยี นร้วู ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชนั้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู ดาวเนปจนู 49,500 50 หมายเหตุ กำหนดให้ 1 มิลลเิ มตร มคี ่าประมาณ 1,000 กโิ ลเมตร – สร้างแบบจำลองของดาวเคราะห์แต่ละดวงลงบนกระดาษ วัดขนาดดาวเคราะห์แต่ละดวงด้วย ไม้บรรทัด เพื่อให้แน่ใจว่ามีขนาดของเส้นผ่านศูนย์กลางถูกต้อง ตัดดาวเคราะห์แต่ละดวงออกมาและระบายสี บนั ทึกลำดับขนาดของดาวเคราะหใ์ นตาราง – นำดาวเคราะหท์ ่ีตดั แลว้ มาจดั เรยี งเป็นแบบจำลองตามลำดับท่ีแสดงในตาราง โดยให้ดาวพุธอยู่ ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด พึงระลึกไว้เสมอว่าแบบจำลองนี้ช่วยให้นักเรียนเปรียบเทียบขนาดไม่ใช่ระยะทาง บนั ทึกลำดับขนาดของดาวเคราะหใ์ นตาราง (2) ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเดินดูรอบๆ ห้องเรยี นและเปิดโอกาส ใหน้ กั เรียนทกุ คนซกั ถามเม่ือมีปญั หา (3) ข้ันอธบิ ายและลงขอ้ สรปุ (1) นักเรียนแต่ละกลมุ่ สง่ ตวั แทนกล่มุ นำเสนอผลการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมหน้าหอ้ งเรียน (2) นกั เรยี นและครูรว่ มกนั อภปิ รายและหาขอ้ สรุปจากการปฏิบัตกิ ิจกรรม โดยใชแ้ นวคำถามตอ่ ไปนี้ – นักดาราศาสตร์ใช้แบบจำลองเพื่ออธิบายระบบสุริยะเพราะเหตุใด (แนวคำตอบ เพราะ แบบจำลองแสดงใหเ้ หน็ ว่า ดาวเคราะหแ์ ละเทหวตั ถุตา่ ง ๆ เดินทางในเสน้ ทางทีเ่ ป็นวงรี) – จากการสร้างแบบจำลองระบบสุริยะ โลกของเราเป็นดาวเคราะห์ที่มีขนาดใหญ่เป็นลำดับที่ เทา่ ใด (แนวคำตอบ โลกมขี นาดใหญเ่ ปน็ ลำดับท่ี 5) (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า แบบจำลอง ระบบสุริยะทำใหเ้ ราสามารถเปรยี บเทียบขนาดของดาวเคราะหจ์ ริงในระบบสรุ ยิ ะได้มากขึน้ (4) ขนั้ ขยายความรู้ นักเรียนลองประดิษฐ์แบบจำลองระบบสุริยะเป็นแบบ 3 มิติ โดยใช้วัสดุที่มีทรงกลมขนาดต่างๆ เช่น ลูกบอล ลูกปิงปอง หรือลูกเทนนิสเก่า โดยเลือกให้มีขนาดตามสัดส่วนของดาวเคราะห์ เช่น ดาวพฤหัสบดีมี ขนาดใหญ่ที่สุดให้ใช้ลูกบอลที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และทาสีแดงตามสีของชั้นบรรยากาศ ส่วนดาวพุธมีขนาดเล็ก ที่สุดให้ใช้ลูกปิงปอง แล้วระบายสีดาวตา่ งๆ ตามข้อมูลที่ได้ศึกษาค้นคว้ามา นักเรียนอาจใช้แท่งไม้เป็นแกนทำ เป็นลักษณะโมไบล์ และใชเ้ ชือกผกู ตามจุดตา่ งๆ เพ่อื แสดงระยะทางท่ีตา่ งกนั จากดวงอาทติ ย์ (5) ขน้ั ประเมนิ (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบา้ งที่ยังไม่ เขา้ ใจหรอื มขี อ้ สงสยั ถ้ามี ครชู ว่ ยอธิบายเพิม่ เตมิ ใหน้ ักเรียนเข้าใจ (2) นกั เรียนรว่ มกนั ประเมินการปฏิบัตกิ จิ กรรมกลมุ่ ว่ามปี ัญหาหรืออุปสรรคใดและได้แก้ไขอย่างไรบา้ ง (3) ครแู ละนักเรียนรว่ มกันแสดงความคิดเหน็ เก่ยี วกับประโยชน์ทีไ่ ด้รบั จากการปฏิบัติกิจกรรมและการ นำความรไู้ ปใช้ประโยชน์ (4) ครทู ดสอบความเขา้ ใจของนกั เรียนโดยถามคำถามนักเรยี น เช่น – ถ้านักเรียนมีความคิดในเรื่องระบบสุริยะไม่เหมือนกับเพื่อนๆ นักเรียนจะอธิบายให้เพื่อนๆ เข้าใจได้อย่างไร – นกั วทิ ยาศาสตร์ทำความรจู้ กั สง่ิ ตา่ งๆ ในระบบสรุ ิยะดว้ ยวธิ กี ารใด – ดาวเคราะห์ดวงใดโคจรรอบดวงอาทติ ยด์ ว้ ยความเร็วมากทส่ี ุดและน้อยทีส่ ดุ
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู ข้นั สรปุ ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรุปเกี่ยวกับแบบจำลองระบบสรุ ยิ ะ โดยร่วมกันเขยี นเป็นแผนท่คี วามคดิ หรือผัง มโนทัศน์ 10. ส่ือการเรียนรู้ 1. ใบกจิ กรรมท่ี 25 สร้างแบบจำลองของระบบสุรยิ ะ 2. ลกู บอล ลกู ปิงปอง หรือลูกเทนนสิ เกา่ 3. คมู่ ือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 4 4. สอ่ื การเรยี นรู้ PowerPoint รายวิชาพืน้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีท่ี 4 5. แบบฝกึ ทักษะรายวชิ าพืน้ ฐาน วิทยาศาสตร์ ช้ันประถมศึกษาปีที่ 4 6. หนงั สอื เรียนรายวิชาพ้ืนฐาน วทิ ยาศาสตร์ ช้ันประถมศกึ ษาปที ่ี 4 11. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคณุ ธรรม จริยธรรมและ ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) 1. ซกั ถามความรเู้ รื่อง แบบจำลอง จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ประเมนิ ทักษะกระบวนการ ระบบสุรยิ ะ ทางวิทยาศาสตรโ์ ดยใช้แบบ 1. ประเมนิ เจตคตทิ าง วดั ทกั ษะกระบวนการทาง 2. ตรวจชนิ้ งานหรือภาระงานของ วทิ ยาศาสตรเ์ ปน็ รายบุคคล วิทยาศาสตร์ กิจกรรมฝกึ ทักษะระหวา่ งเรียน โดยการสงั เกตและใช้แบบวัด เจตคติทางวทิ ยาศาสตร์ 2. ประเมนิ ทักษะการคดิ โดย การสงั เกตการทำงานกล่มุ 2. ประเมินเจตคตติ ่อ วิทยาศาสตร์เป็นรายบุคคล 3. ประเมินทักษะการ โดยการสังเกตและใช้แบบวดั แกป้ ญั หาโดยการสงั เกตการ เจตคตติ อ่ วิทยาศาสตร์ ทำงานกลุ่ม 4. ประเมินพฤติกรรมในการ ปฏบิ ตั ิกิจกรรมเป็น รายบุคคลหรือรายกลมุ่ โดย การสงั เกตการทำงานกลมุ่
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชั้น ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 12. บนั ทกึ ผลหลังการจดั การเรยี นรู้ 12.1 สรปุ ผลหลังการจัดการเรียนรู้ 1. นกั เรียนจำนวน..................คน ผ่านจุดประสงค์การเรียนร้.ู .....................คน คดิ เป็นรอ้ ยละ.................. ไม่ผ่านจุดประสงคก์ ารเรียนรู.้ .................คน คิดเป็นรอ้ ยละ.................. นกั เรยี นน่ีไมผ่ ่าน มีดังน้ี 1............................................................ 2............................................................ 3............................................................ 4............................................................ 5............................................................ 6............................................................ แนวทางแก้ไขนักเรียนท่ีไมผ่ ่านจุดประสงค์การเรียนรู้ ............................................................................................................................. ......................... ...................................................................................................................................................... 2. นักเรียนมีความรูค้ วามเขา้ ใจ (K) ............................................................................................................................. ......................... .................................................................................................................................. .................... 3. นกั เรียนมีความร้เู กิดทกั ษะ (P) ...................................................................................................................................................... ............................................................................................................................. ......................... 4. นกั เรียนมเี จตคติ ค่านิยม คุณธรรมจรยิ ธรรม (A) ............................................................................................................................. ......................... ....................................................................................... ............................................................... 12.2 ปัญหา อปุ สรรค และแนวทางแก้ไข …………………………………………………………………………………………………………………………………………. 12.3 ขอ้ เสนอแนะ …………………………………………………………………………………………………………………………………………. ลงชือ่ .................................................. (นางอมลสิริ คำฟู) ตำแหนง่ ครูผูช้ ว่ ย
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู แผนการจดั การเรยี นรทู้ ี่ 79 สาระการเรียนรวู้ ทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี รายวชิ า วิทยาศาสตร์ รหัสวิชา ว14101 ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 หนว่ ยการเรียนรู้ที่ 4 เร่อื ง ความเร็วในการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทติ ย์ เวลา 1 ชว่ั โมง ครผู สู้ อน นางอมลสริ ิ คำฟู ********************************************************************************** 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ว 3.1 เข้าใจองค์ประกอบ ลักษณะ กระบวนการเกิด และวิวัฒนาการของเอกภพ กาแล็กซี ดาวฤกษ์ และระบบสุริยะ รวมทั้งปฏิสัมพันธ์ภายในระบบสุริยะที่ส่งผลต่อสิ่งมีชีวิต และการประยุกต์ใช้ เทคโนโลยอี วกาศ 2. ตัวชี้วัดช้ันปี สร้างแบบจำลองแสดงองค์ประกอบของระบบสุริยะ และอธิบายเปรียบเทียบคาบการโคจรของดาว เคราะห์ต่าง ๆ จากแบบจำลอง (ว 3.1 ป. 4/3) 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. สังเกตและเปรียบเทยี บความเร็วในการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตยไ์ ด้ (K) 2. มคี วามสนใจใฝ่รแู้ ละอยากร้อู ยากเหน็ (A) 3. พอใจในประสบการณก์ ารเรยี นรทู้ ี่เกย่ี วกับวิทยาศาสตร์ (A) 4. ทำงานรว่ มกบั ผอู้ ื่นอยา่ งสร้างสรรค์ (A) 5. สอื่ สารและนำความร้เู รื่องความเร็วในการโคจรของดาวเคราะหร์ อบดวงอาทติ ย์ไปใชใ้ น ชีวิตประจำวันได้ (P) 4. สาระสำคัญ ดาวเคราะหท์ อ่ี ย่ใู กล้ดวงอาทิตย์มรี ัศมีในการโคจรรอบดวงอาทิตยน์ ้อยกวา่ ดาวเคราะหท์ ่ี อยไู่ กลจากดวงอาทติ ย์ จงึ ทำใหด้ วงอาทติ ย์ออกแรงดงึ ดดู มาก ดาวเคราะห์ที่อย่ใู กลด้ วงอาทติ ยจ์ งึ ตอ้ ง เคล่ือนท่ดี ว้ ยความเรว็ สูงเพ่ือให้สามารถโคจรรอบดวงอาทิตย์ไดโ้ ดยทไี่ มถ่ ูกดวงอาทติ ยด์ ึงดดู เข้าไป 5. สาระการเรียนรู้ ระบบสรุ ิยะ – สว่ นประกอบของระบบสุรยิ ะ ความเร็วในการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ 6. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี ินยั 2. ใฝเ่ รียนรู้ 3. มุง่ ม่ันในการทำงาน 4. มีจิตวทิ ยาศาสตร์
แผนการจัดการเรยี นรูว้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้ัน ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 7. สมรรถนะสำคญั ของผเู้ รียน 1. ความสามารถในการสอ่ื สาร 2. ความสามารถในการคิด 3. ความสามารถในการแกป้ ัญหา 4. ความสามารถในการใชท้ ักษะ/กระบวนการและทักษะในการดำเนินชีวติ 8. ช้ินงานหรือภาระงาน ทดลองความเรว็ ในการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ 9. การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ขั้นนำเขา้ สบู่ ทเรียน 1) ครูถามคำถามนักเรยี นเพอ่ื กระตนุ้ ความสนใจ เช่น – นักเรียนคิดว่าดาวเคราะห์แต่ละดวงมีการโคจรเป็นลักษณะใด (แนวคำตอบ ดาวเคราะห์แต่ละ ดวงโคจรรอบดวงอาทติ ยเ์ ป็นวงร)ี – ดาวเคราะห์โคจรอยู่ในระบบสุริยะได้โดยไม่หลุดออกจากวงโคจรเพราะเหตุใด (แนวคำตอบ มี แรงดึงดูดซึ่งกันและกัน) 2) นกั เรยี นช่วยกนั ตอบคำถามและแสดงความคิดเหน็ เกี่ยวกับคำตอบของคำถาม เพือ่ เชื่อมโยงไปสู่การ เรยี นรูเ้ รอ่ื ง ความเรว็ ในการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทติ ย์ ขน้ั จัดกิจกรรมการเรยี นรู้ จดั กิจกรรมการเรียนรูโ้ ดยใชก้ ระบวนการสบื เสาะหาความรู้ ร่วมกบั แบบกลบั ด้านช้นั เรยี น ซง่ึ มขี น้ั ตอน ดังนี้ (1) ขัน้ สร้างความสนใจ (1) ครูให้นักเรียนนำแบบจำลองระบบสุริยะที่ได้สร้างในคาบที่ 74 เพื่อนำมาศึกษาเกี่ยวกับระยะห่าง ระหว่างดาวเคราะห์แตล่ ะดวงกับดวงอาทติ ย์ แล้วถามคำถามนกั เรียนดังนี้ – ดาวเคราะห์โคจรอยู่ในระบบสุริยะได้โดยไม่หลุดออกจากวงโคจรเพราะเหตุใด (แนวคำตอบ เพราะดวงอาทติ ยแ์ ละดาวเคราะหม์ แี รงดงึ ดูดซึ่งกนั และกนั ) – ดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มกี ารเคลื่อนทีอ่ ย่างไร (แนวคำตอบ เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง เพื่อให้สามารถโคจรรอบดวงอาทติ ยไ์ ดโ้ ดยท่ีไม่ถกู ดวงอาทิตย์ดงึ ดดู เขา้ ไป) (2) นกั เรียนร่วมกนั อภิปรายเก่ยี วกับคำตอบจากคำถามของครูตามประสบการณ์ของนักเรยี น (2) ขนั้ สำรวจและค้นหา (1) แบ่งกลุ่มนักเรียน ปฏิบัติกิจกรรมที่ 26 ทดลองความเร็วในการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวง อาทติ ย์ โดยปฏบิ ตั ติ ามข้นั ตอนของวธิ ีการทางวิทยาศาสตรด์ งั นี้ ขน้ั ท่ี 1 กำหนดปัญหา – ดาวเคราะหท์ ่ีโคจรอยู่ใกลด้ วงอาทิตย์กับดาวเคราะห์ที่โคจรอยูไ่ กลดวงอาทติ ย์ดาวเคราะห์ดวง ใดมคี วามเรว็ ในการโคจรมากกว่ากนั ขั้นที่ 2 ตงั้ สมมุตฐิ าน – ดาวเคราะห์ที่โคจรอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์น่าจะมีความเร็วในการโคจรมากกว่าดาวเคราะห์ที่โคจร อยไู่ กลดวงอาทิตย์
แผนการจัดการเรยี นรวู้ ชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชัน้ ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู ขั้นที่ 3 ทดลอง – นำเชือกยาว 1 เมตรมาผูกปลายเชือกด้านหนึ่งกับลูกปิงปอง จับปลายเชือกด้านตรงข้ามลูก ปิงปองใหแ้ นน่ แล้วแกวง่ ลกู ปิงปองให้เคลื่อนท่ีรอบศรี ษะเป็นวงกลมในแนวระนาบ โดยใหเ้ ชือกยังคงตงึ อยู่ นับ จำนวนรอบของการแกวง่ ในเวลา 1 นาที บนั ทึกผล – ดำเนินการทดลองตามขั้นตอนที่ 1 แตล่ ดความยาวของเชือกลง โดยการจับเชอื กให้ห่างจากลูก ปงิ ปอง 20 เซนติเมตร แล้วนบั จำนวนรอบของการแกวง่ ในเวลา 1 นาที บนั ทึกผล – เปรียบเทียบการเคลื่อนที่ของลูกปิงปองรอบศีรษะกับการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์รอบดวง อาทติ ย์ การแกวง่ ลกู ปิงปองใหเ้ คลื่อนทรี่ อบศีรษะเป็นวงกลม ขนั้ ที่ 4 วิเคราะหผ์ ลการทดลอง – แปลความหมายข้อมูลที่ได้จากตารางบนั ทกึ ผลการทดลอง – นำขอ้ มลู ท่ีได้มาพจิ ารณาเพื่ออธบิ ายวา่ เปน็ ไปตามทนี่ กั เรยี นตั้งสมมตุ ฐิ านไว้หรอื ไม่ ขั้นท่ี 5 สรปุ ผลการทดลอง – นักเรียนรว่ มกนั สรุปผลการทดลองแล้วเขียนเปน็ รายงานสรุปผลการทดลองส่งครู (2) ครูคอยแนะนำช่วยเหลือนักเรียนขณะปฏิบตั ิกิจกรรม โดยครูเดนิ ดูรอบๆ ห้องเรยี นและเปิดโอกาส ใหน้ ักเรยี นทุกคนซักถามเมอื่ มีปญั หา (3) ขนั้ อธบิ ายและลงข้อสรุป (1) นักเรียนแต่ละกลมุ่ ส่งตวั แทนกลุ่มนำเสนอผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมหนา้ หอ้ งเรียน (2) นกั เรียนและครูรว่ มกนั อภิปรายและหาขอ้ สรปุ จากการปฏบิ ัติกจิ กรรม โดยใชแ้ นวคำถามต่อไปนี้ – ดาวพุธมีความเร็วในการโคจรมากกว่าดาวเนปจูนหรือไม่ เพราะอะไร (แนวคำตอบ มากกว่า เพราะดาวพุธอย่ใู กล้ดวงอาทติ ยม์ ากกว่าดาวเนปจนู ) – ความเร็วในการโคจรของดาวเคราะห์ขึ้นอยู่กับสิ่งใด (แนวคำตอบ ขึ้นอยู่กับระยะห่างระหว่าง ดวงอาทติ ย์กบั ดาวเคราะห)์ – ผลการทดลองเป็นไปตามสมมุติฐานที่นักเรียนกำหนดไว้หรือไม่ (แนวคำตอบ เป็นไปตาม สมมตุ ิฐานทกี่ ำหนดไว)้ (3) ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปผลการปฏิบัติกิจกรรม โดยครูเน้นให้นักเรียนเข้าใจว่า เมื่อเราจับเชือก ให้ยาว 1 เมตร รัศมีในการเคลื่อนที่เป็นวงกลมรอบศีรษะจะมาก จึงทำให้จำนวนรอบในการเคลื่อนที่เป็น วงกลมรอบศรี ษะในเวลา 1 นาที นอ้ ยกวา่ เม่ือเราจับเชอื กให้ส้นั เพียง 20 เซนติเมตร ทั้งน้เี พราะเม่อื เราจบั เชือก ให้ส้นั ลงแล้วแกวง่ จะทำใหร้ ศั มีในการเคลื่อนทเ่ี ป็นวงกลมรอบศรี ษะลดลง ลูกปงิ ปองจงึ เคลื่อนท่ีไดจ้ ำนวนรอบ มากขึ้นหรือเคลื่อนที่ด้วยความเร็วมากขึ้นเพื่อให้เชือกตึงและลูกปิงปองไม่ตกลงมา เช่นเดียวกับการโคจรของ
แผนการจัดการเรยี นรู้วชิ าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ช้นั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู ดาวเคราะห์รอบดวงอาทิตย์ ดาวเคราะหท์ ่ีอยู่ใกลด้ วงอาทิตยจ์ ะมีรัศมีในการโคจรรอบดวงอาทิตย์น้อยกว่าดาว เคราะห์ที่อยู่ไกลจากดวงอาทิตย์ ทำให้ดวงอาทิตย์ออกแรงดึงดูดมากจึงต้องเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง เพื่อให้ สามารถโคจรรอบดวงอาทติ ย์ได้โดยทไ่ี ม่ถูกดวงอาทติ ย์ดงึ ดูดเขา้ ไป (4) ขน้ั ขยายความรู้ (1) ครูอธบิ ายเพม่ิ เตมิ เกยี่ วกับดาวเคราะห์น้อย ดาวเคราะห์แคระ ดาวหาง และอุกกาบาต (2) ครูเชือ่ มโยงความรู้อาเซียน โดยครูให้ความรูเ้ สรมิ กับนกั เรียนวา่ นอกจากดวงจนั ทรท์ ี่โคจรรอบโลก แลว้ ยังมีดาวเทยี มซ่งึ เป็นเคร่ืองมือรับสง่ สัญญาณตา่ ง ๆ จากบนโลกอกี ด้วย ซง่ึ ในประเทศสมาชิกอาเซียนนั้นมี เพียงบางประเทศที่มีดาวเทียมเป็นของตัวเอง จากนั้นครูเพิ่มเติมความรู้เก่ียวกับดาวเทยี มดวงแรกที่ถกู ส่งขึ้นสู่ อวกาศ ดงั น้ี – ไทย ดาวเทยี มดวงแรกช่อื ไทยคม 1 ซ่ึงส่งข้ึนสูอ่ วกาศเม่ือ พ.ศ. 2536 – ฟลิ ิปปินส์ ดาวเทียมดวงแรกช่ือ Mabuhay 1 ซึง่ สง่ ข้ึนสู่อวกาศเมอื่ พ.ศ. 2540 – สงิ คโปร์ ดาวเทยี มดวงแรกชอ่ื ST-1 ซึ่งสง่ ขนึ้ สู่อวกาศเมอื่ พ.ศ. 2541 – เวียดนาม ดาวเทียมดวงแรกช่อื Vinasat 1 ซง่ึ สง่ ข้นึ สูอ่ วกาศเมือ่ พ.ศ. 2551 (5) ขัน้ ประเมิน (1) ครูให้นักเรียนแต่ละคนพิจารณาว่า จากหัวข้อที่เรียนมาและการปฏิบัติกิจกรรมมีจุดใดบ้างที่ไม่ เขา้ ใจหรือยังมขี ้อสงสัย ถ้ามี ครูช่วยอธบิ ายเพมิ่ เตมิ ให้นกั เรยี นเขา้ ใจ (2) นกั เรียนรว่ มกันประเมินการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมกล่มุ ว่ามีปัญหาหรอื อุปสรรคใดและไดแ้ ก้ไขอยา่ งไรบ้าง (3) ครแู ละนกั เรียนรว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ เก่ียวกับประโยชน์ทไี่ ดร้ ับจากการปฏิบัติกจิ กรรมและการ นำความรทู้ ไ่ี ดไ้ ปใชป้ ระโยชน์ (4) ครูทดสอบความเข้าใจของนกั เรยี นโดยถามคำถามนกั เรียน เชน่ – ดาวเคราะห์ดวงใดโคจรรอบดวงอาทิตย์ด้วยความเรว็ มากทสี่ ุดและน้อยที่สดุ เน่อื งจากอะไร – นกั เรยี นคดิ ว่าความรเู้ รือ่ งความเร็วในการโคจรของดาวเคราะหส์ ามารถนำไปประยุกตใ์ ช้ในเร่ือง ใด ยกตวั อย่าง – นักดาราศาสตรเ์ รียกกลุ่มดาวที่โคจรอยรู่ ะหว่างดาวองั คารกับดาวพฤหสั บดีว่าดาวเคราะห์น้อย เพราะอะไร อธิบาย – ดาวหางกับอกุ กาบาตเหมือนกนั หรอื ไม่ เพราะอะไร ข้ันสรปุ 1) ครูและนกั เรียนร่วมกันสรุปเก่ยี วกับความเร็วในการโคจรของดาวเคราะห์ โดยร่วมกนั เขียนเป็นแผน ท่คี วามคดิ หรอื ผังมโนทัศน์ 2) ครูดำเนินการทดสอบหลังเรียน โดยให้นักเรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนเพื่อวัดความก้าวหน้า/ ผลสมั ฤทธ์ทิ างการเรียนหนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 6 ของนักเรยี น
แผนการจัดการเรยี นร้วู ชิ าวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี ชน้ั ป.4 นางอมลสริ ิ คำฟู 10. สื่อการเรยี นรู้ 1. แบบทดสอบหลังเรยี น 2. แบบจำลองระบบสรุ ิยะ 3. ใบกจิ กรรมที่ 26 ทดลองความเรว็ ในการโคจรของดาวเคราะห์รอบดวงอาทติ ย์ 4. คู่มือการสอน วทิ ยาศาสตร์ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ 4 5. ส่อื การเรียนรู้ PowerPoint รายวิชาพน้ื ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีท่ี 4 6. แบบฝึกทักษะรายวิชาพนื้ ฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชนั้ ประถมศึกษาปที ี่ 4 7. หนังสอื เรยี นรายวชิ าพื้นฐาน วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปที ่ี 4 11. การวดั และประเมนิ ผลการเรยี นรู้ ด้านความรู้ (K) ด้านคุณธรรม จรยิ ธรรมและ ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) จิตวิทยาศาสตร์ (A) 1. ซกั ถามความรู้เรื่อง ความเร็วใน การโคจรของดาวเคราะห์รอบ 1. ประเมินเจตคติทางวิทยาศาสตร์ 1. ประเมินทักษะกระบวนการ ดวงอาทติ ย์ เปน็ รายบคุ คลโดยการสังเกต ทางวทิ ยาศาสตร์โดยใชแ้ บบ 2. ตรวจชน้ิ งานหรอื ภาระงานของ กจิ กรรมฝกึ ทกั ษะระหวา่ งเรยี น และใช้แบบวัดเจตคติทาง วดั ทกั ษะกระบวนการทาง 3. ทดสอบหลงั เรยี นโดยใช้ วทิ ยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ แบบทดสอบหลังเรียน 2. ประเมนิ เจตคติต่อวิทยาศาสตร์ 2. ประเมินทักษะการคดิ โดย เปน็ รายบุคคลโดยการสังเกต การสังเกตการทำงานกล่มุ และใชแ้ บบวัดเจตคตติ อ่ 3. ประเมนิ ทักษะการ วิทยาศาสตร์ แก้ปญั หาโดยการสังเกตการ ทำงานกลุ่ม 4. ประเมนิ พฤติกรรมในการ ปฏบิ ตั กิ จิ กรรมเป็น รายบุคคลหรือรายกล่มุ โดย การสังเกตการทำงานกลุ่ม
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402